The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรือหลวงพระร่วง เรือของปวงชนชาวไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาวิกศาสตร์, 2022-08-25 23:47:51

เรือหลวงพระร่วง เรือของปวงชนชาวไทย

เรือหลวงพระร่วง เรือของปวงชนชาวไทย

บทความ

เรือหลวงพระร่วง

เรือของปวงชนชาวไทย






ถ.ถุง

[email protected]


































เรือหลวงพระร่วงจอดที่ท่าราชวรดิฐ


นา วีประหนึ่งรั้ว ริมฝั่งทเลแฮ

วา ระเมื่อศึกยัง สงบไซร้
ของ เครื่องกอบกำลัง ควรจัด พร้อมนา

สยาม จึ่งคิดจักให้ จัดสร้างนาวี

นาม มีปรากฏแล้ว เรือลาด กระเวนแฮ

ว่า พระร่วงเหมือนราช กั่นกล้า

พระ องค์พระเก่งกาจ แกล้วกั่น ฉันใด
ร่วง จุ่งช่วยเรือข้า กาจแม้นนามกร


พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

๐14 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๕ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

เมื่อ ๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๓ เรือรบลำหนึ่ง เกี่ยวกับเรือหลวงพระร่วง และเสด็จเตี่ย เป็นการ
มีธงราชนาวีโบกสะบัดที่ปลายยอดเสา ธงสัญญาณ ควบคู่กันไป


แสดงว่าเป็นเรือรบของประเทศไทย “HSXH” ความเป็นมาในการจัดหา เรือหลวงพระร่วง
เดินทางถึงทุ่นไฟปากร่องแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเดิน ในปี พ.ศ.๒๔๕๗ ข้าราชการทั้งหลาย พากันสำนึก
ทางเข้าร่องน้ำไปจอดที่หน้าจังหวัดสมุทรปราการ ในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ท่ามกลางความดีใจของคนที่กำลังจะมารับญาติที่ และได้ปรึกษากันในอันที่จะแสดงความจงรักภักดี
เป็นกำลังพลรับเรือและความดีใจของคนบนเรือที่เรือ กตัญญูกตเวที บรรดาข้าราชการมีความเห็นว่า
กำลังเดินทางเทียบท่า ความดีใจของคนบนเรือนั้น เป็นการจำเป็นที่จะต้องมีการป้องกันราชอาณาจักร
ไม่สามารถจะหาอะไรเปรียบเทียบได้ ชีวิตทหารเรือ ทางทะเล (วิสัยทัศน์ดีเยี่ยม “แม้หวังตั้งสงบ
เมื่อยามออกทะเล เดินทางในทะเล มีแต่น้ำกับฟ้า จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์”) จึงเห็นพ้องกันว่า

เป็นเพื่อน สิ่งที่ปรารถนาก็คือเมื่อเรือเข้าฝั่ง ควรจะได้มีการช่วยกันออกทุนทรัพย์ คนละเล็กละน้อย
เหมือนดั่งบทเพลงพรานทะเล “....เพียงเห็นริมฝั่ง เพื่อรวบรวมซื้อหรือสร้างเรือรบ ถวายพระบาท
สักครั้งดีใจ มาบกทีไรให้แสนปรีดา ใกล้แผ่นดินเข้า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สักลำหนึ่ง ในการดำเนินการ
มาเหมือนมีวิมานตรงหน้า ปลื้มหนักหนาแทบจูบดิน...” จัดหาเงินทุนนี้ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและ

เรือรบลำนี้เป็นเรือรบที่ไม่เหมือนเรือลำอื่น ๆ เพราะ สะดวก จำเป็นต้องตั้งเป็นสมาคมขึ้น พระบาท
เป็นเรือของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง เงินได้มา สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นชอบ และได้
จากการเรี่ยไรของข้าราชการและประชาชน พระราชทาน ชื่อสมาคมที่จัดตั้งนี้ว่า “ราชนาวี

ทั่วราชอาณาจักรโดยตรง รวบรวมเป็นทุนทรัพย์ซื้อ สมาคมแห่งกรุงสยาม” และทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์
ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สมาคม พร้อมทั้งพระราชทาน พระราชทรัพย์ส่วน
รัชกาลที่ ๖ ด้วยรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์สมทบด้วย สำหรับเรือที่จะจัดซื้อนี้ได้รับ

โดย พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า พระราชทานนามว่า “เรอหลวงพระรวง” เสด็จเตี่ย

อาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงได้รับพระกรุณาธิคุณ โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้เป็น
หรือเสด็จเตี่ยของทหารเรือ ทรงได้รับพระมหา ข้าหลวงพิเศษออกไป จัดสรรหาซื้อเรือในภาคพื้น
กรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงพิเศษออก ยุโรป พระองค์ได้เสด็จ เสาะแสวงหาอยู่หลาย
ไปจัดสรรหาซื้อเรือลำนี้ และทรงทำหน้าที่เป็นผู้ ประเทศ จึงได้ทรงพบเรือพิฆาตตอร์ปิโด ของบริษัท







บงคบการเรอ นำเรอจากประเทศองกฤษกลบถง ทอร์นิครอฟท์ แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งมีชื่อเดิมว่า
ประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้า “เรเดียนท์” ทรงพิจารณาเห็นว่าเป็นที่เหมาะสม แก่
อยู่หัว ได้โปรดเกล้า ฯ พระราชทานนามเรือที่จัดซื้อ ความต้องการของกองทัพเรือ และเป็นเรือที่เพิ่งต่อ
นี้ว่า “พระร่วง” และได้ทำการต้อนรับสมโภชที่ท่า ขึ้นใหม่ จึงได้ทรงชี้แจงมายังกรรมการราชนาวี
ราชวรดิฐ ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๓ สมาคม ซึ่งคณะกรรมการของสมาคมก็มีความเห็น
เป็นเวลา ๓ วัน (ดูรูป เรือหลวงพระร่วงจอดที่ท่า ชอบด้วย เสด็จเตี่ยทรงเป็นผู้บังคับการเรือ
ราชวรดิฐ) จนถึงปีนี้ พ.ศ.๒๕๕๕ ใกล้จะครบ ๙๒ ปี หลวงพระร่วงเองพร้อมด้วยนายทหารเรือไทย และ
แล้ว ที่เรือหลวงพระร่วงได้เดินทางกลับมาถึง เจ้าหน้าที่อื่น ๆ ซึ่งเป็นทหารเรืออังกฤษ นำเรือจาก
ประเทศไทย โดยผู้บังคับการเรือเป็นคนไทยและเป็น ประเทศอังกฤษ เข้ามาถึงกรุงเทพมหานคร ปรากฏ
ทหารเรือไทยคนแรก ที่นำเรือรบไทยมาจากต่าง พระเกียรติยศ เป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทย
ประเทศได้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงเรือหลวงพระร่วง สามารถเดินเรือทะเลได้ไกลถึงเพียงนี้ จึงเป็นเกียรติ
และเสด็จเตี่ย ดังนั้นบทความในเรื่องนี้ จึงจะกล่าว ประวัติของราชนาวีไทย และเป็นการปรากฏ


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๕ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๐15

พระเกียรติคุณแห่งเสด็จเตี่ย (ถือเป็น “Maiden สมัยเสด็จเตี่ย คงไม่มีเครื่องมือทันสมัยอะไรเลย

Voyage” ครั้งแรกของราชนาวีไทย) ดังพระราชดำรัส ไม่เหมือนสมัยนี้ที่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอย่าง
พระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า มากมาย เช่น GPS (Global Positioning System)
เจ้าอยู่หัว ในการพระราชทานเลี้ยง เนื่องในการฉลอง หรือ DGPS (Differential Global Positioning
เรือหลวงพระร่วง ณ สมาคมสหทัยสมาคม เมื่อวันที่ System) ไม่มีโทรศัพท์ดาวเทียม ไม่มีโทรศัพท์มือถือ



๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๓ ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายนอก
“...ส่วนกรมหลวงชุมพร ข้าพเจ้าได้กล่าวแล้วว่า มีเพียงเครื่องวิทยุความถี่ HF VHF และ UHF ที่ไว้




เป็นนายทหารเรือไทยคนแรก ที่นำเรือรบไทย ติดต่อทางราชการและงานธุรการ ห้องนอนไม่มีห้องแอร์
มาจากต่างประเทศได้ และที่ยากมากปานใด ในการ ไม่มีข่าวอากาศคอยเตือน ต้องอาศัยดูบาโรมิเตอร์ว่า
นำมานั้น ท่านทั้งหลาย คงพอจะเดาเอาได้ เมื่อ จะเกิดพายุคลื่นลมแรงเพียงใด ไม่มีน้ำอุ่นให้อาบ

ทราบว่าบรรดาลูกเรือนั้น เป็นชาวต่างประเทศทั้ง อาบได้คือน้ำทะเล (อาบเสร็จต้องเช็ดตัวให้แห้ง
นั้น และที่นำมาได้โดยสวัสดิภาพ ก็แสดงให้เห็นได้ แล้วทาแป้งเย็นตรางูเท่านั้น อันนี้ไม่ได้โฆษณาแต่

ว่า เป็นผู้ชำนาญทะเลจริง นับว่าสมควร ที่จะได้รับ เป็นเรื่องจริง) อย่า ! ไปยืนใต้ลมโดยเด็ดขาดเพราะ
ความขอบใจ ของข้าพเจ้าและท่านทั้งหลาย...” ควันดำเขม่าเยอะแยะ เสื้อผ้าของท่านจะเลอะเทอะ

ทันที อาหารในเรือก็ไม่มีไมโครเวฟให้อุ่น แล้วแต่
จุมโพ่จะทำให้กิน เพียงแค่อิ่มท้องเท่านั้น เรียกว่า
ชาวเรือสมัยก่อนลำบากมาก ๆ แต่เสด็จเตี่ย ทรง
เป็นแบบอย่างที่ดีของทหารเรือที่ต้องใช้ชีวิตแบบ
ชาวเรือ แม้จะเป็นถึงพระราชโอรสของพระมหา
กษัตริย์ก็ตาม เพราะตอนที่พระองค์ทรงศึกษาอยู่ที่
ประเทศอังกฤษ เมื่อทรงเป็นนักเรียนทำการนายเรือ

ในราชนาวีอังกฤษ ทรงเล่าว่า “...เมื่อเป็นนักเรียน
ทำการนายเรือ ในราชนาวีอังกฤษ ได้มีโอกาสขึ้น
ทำการปราบจลาจล ที่เกาะครีท ที่ทะเล
เมดิเตอร์เรเนียน เป็นเวลาราว ๓ เดือน ต้องนอน
กลางดิน กินกลางทราย หนาวก็หนาว ในสนามรบ
ต้องนอนกับศพที่ตายใหม่ ๆ และบางคราว ซ้ำยังอด
อาหาร ต้องจับหอยทาก มาเสวยกับหัวหอม ศพที่ถูก
ยิงที่ท้องนับว่าเหม็นร้ายกาจมาก ถึงจะเป็นศพตาย
เสด็จเตี่ย และหม่อมเจ้าครรชิตพล อาภากร ใหม่ ๆ ก็ตาม...” ดังนั้นทหารเรือ ยุคนี้ ควรรับรู้และ
บนเรือหลวงพระร่วง ณ สหราชอาณาจักร
จดจำนำไปเป็นแบบอย่างในการรับราชการทหารเรือ
การเดินเรือในสมัยก่อนนั้น ไม่ง่าย สมัยผู้เขียน
เป็นนักเรียนนายเรือ ถ้าใกล้ฝั่ง ใช้การเดินเรือ ข้อมูลทั่วไปเรือหลวงพระร่วง
ชายฝั่งเป็นหลัก ถ้าไกลฝั่งออกทะเลลึก ก็ต้องใช้การ เดิมเป็นเรือของอังกฤษชื่อ เรเดียนท์ (Radiant)
เดินเรือโดยประมาณ หรือที่เรือรายงาน DR (Dead สร้างที่บริษัท ธอร์นิครอฟท์ (Thornycroft Co.)
Reckoning) ร่วมกับการเดินเรือดาราศาสตร์ โชคยังดี เมืองเซาธัมพ์ตัน สหราชอาณาจักร วางกระดูกงู
หน่อยที่พอมีเรดาร์เข้ามาช่วยในการเดินเรือบ้าง เมื่อเดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๔๕๘ ลงน้ำเมื่อวันที่ ๕


๐16 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๕ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

เส้นทางนำเรือกลับ
พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๕๙ สร้างเสร็จเดือนกุมภาพันธ์ (ลำที่หนึ่ง) เรือสลุป ระวางขับน้ำเต็มที่ ๗๖๒ ตัน
พ.ศ.๒๔๖๐ อังกฤษใช้รบในสงครามโลกครั้งที่ ๑ สำหรับเส้นทางที่เสด็จเตี่ยนำเรือเดินทางกลับสู่

ระวางขับน้ำ ๑,๐๔๖ ตัน ความเร็ว ๓๕ นอต อาวุธ ประเทศไทย เส้นทางที่ นายพลเรือเอก พระเจ้า
ประจำเรือ ได้แก่ ปืนใหญ่ขนาด ๑๐๒ มิลลิเมตร บรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงนำ
จำนวน ๓ กระบอก ปืนใหญ่ขนาด ๗๖ มิลลิเมตร เรือหลวงพระร่วงกลับประเทศไทย (ดูภาพ เส้นทาง
จำนวน ๑ กระบอก ปืนขนาด ๔๐ มิลลิเมตร เดินทางกลับ)
จำนวน ๒ กระบอก ปืนขนาด ๒๐ มิลลิเมตร วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๓ เรือออกเดินทาง
จำนวน ๒ กระบอก ตอร์ปิโด ๒๑ นิ้ว (น่าจะใหญ่ จากประเทศอังกฤษ
ที่สุดในกองทัพเรือที่เคยมี) จำนวน ๔ ท่อ รางปล่อย วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๓ ถึงอ่าวเอเด็น
ระเบิดลึกและแท่นยิงระเบิดลึก จำนวน ๒ แท่น และ ประเทศโซมาเลียและ เยเมน
กำลังพลประจำเรือ ๑๓๕ นาย ถือว่าเป็นเรือรบที่ วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๓ ออกจากอ่าว
ใหญ่และทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น เพราะเรือรบลำอื่น ๆ เอเดน ประเทศโซมาเลียและเยเมน

ก็เป็นเพียงเรือลำเล็ก ๆ ระวางขับน้ำไม่ถึงพันตัน วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๓ ถึงบอมเบย์
แม้แต่ลำเดียว เช่น เรือหลวงเสือคำรณสินธุ์ ประเทศอินเดีย
เรือพิฆาต ระวางขับน้ำเต็มที่ ๓๗๕ ตัน เรือตอร์ปิโด วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๓ ออกจากบอมเบย์
๔ ระวางขับน้ำเต็มที่ ๙๐ ตัน เรือหลวงเจ้าพระยา ประเทศอินเดีย


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๕ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๐17

วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๓ ถึงโคลัมโบ ด้านหน้า ๆ เป็นอันขาด เพราะน้ำแรงมาก (ใช้สาย
ประเทศศรีลังกา สูบดับเพลิง) โดนไปทั้งแสบทั้งคัน ส่วนเสื้อผ้า เจ็ดวัน
วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๓ ออกจากโคลัมโบ ไม่ได้ซักเช่นเดียวกัน เหงื่อออกทั้งวัน แต่ก็ไม่รู้สึก
ประเทศศรีลังกา เหม็นตัวเอง แต่เหม็นของเพื่อนมากกว่า (เป็นอย่างน ี้
วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๓ ถึงสิงคโปร์ ทุกคน) นี้แค่เป็นตัวอย่าง ผู้เขียนคิดว่า สมัยเสด็จเตี่ย

วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๓ ออกจากสิงคโปร์ ชีวิตชาวเรือคงลำบากกว่านี้เป็นร้อยเป็นพันเท่า
วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๓ ถึงสันดอนปาก ส่วนชื่อ เรือหลวงพระร่วง มีหลักฐานปรากฎว่า
แม่น้ำเจ้าพระยา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมี
เส้นทางเดินเรือ บอมเบย์ โคลัมโบ สิงคโปร์ พระราชหัตถเลขาถึงเจ้าพระยาอภัยราชาสภานายก
นักเรียนนายเรือทุกนาย คงได้เคยผ่านประสบการณ์ แห่งราชนาวีสมาคมแห่งกรุงสยามตอนหนึ่ง
ฝึกภาคทะเลมาแล้ว ผู้เขียนจำได้ว่า ตอนเป็น ความว่า “ส่วนเรือที่จะได้สั่งเข้ามาตามความคิดนั้น
นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๓ ประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๑ เจ้าพระยาอภัยราชา ขอให้เราคิดนามให้เราได้นึกถึง
ได้เคยผ่านเส้นทางนี้ เมื่อเรือไปจอดที่บอมเบย์และ นามวีรกษัตริย์ อันเป็นที่นิยมนับถือของชาวไทย
โคลัมโบ สิ่งที่เห็นคือความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ทั่วไปคือ “พระร่วง” ซึ่งถือกันโดยมากว่า “ขลัง”

ของท่าเรือ จำได้ว่าปล่อยขึ้นบกวันแรก แต่งชุดขาวน้อย เห็นว่าเป็นนามอันเป็นศิริมงคลดีอยู่” เรือหลวง
(เครื่องแบบหมายเลข ๒ ขาวแขนสั้น) ได้รับ พระร่วง เมื่อกลับถึงประเทศไทย ได้ทำการต้อนรับ
ประสบการณ์พอสมควร ถนนสกปรก สองข้างทางมี สมโภชที่ท่าราชวรดิฐ ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๐ ตุลาคม
ทางมูลวัว กระบือ รวมทั้งของคนด้วยเยอะแยะ พ.ศ.๒๔๖๓ เป็นเวลาถึง ๓ วัน หลังจากนั้นก็ขึ้น

ส่งกลิ่นคละคลุ้ง เดินไปที่ไหนก็จะมีขอทานมา ระวางประจำการเพื่อใช้ราชการกองทัพเรือ ตั้งแต่
ขอเงินด้วยการสะกิด เกาะแขนเกาะขา เมื่อให้ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๓ จนถึง ๑๙ มิถุนายน
คนหนึ่ง อีก ๑๐ คนจะตาม อาหารก็หาทานได้ยากมาก พ.ศ.๒๕๐๒ ก็ปลดระวางประจำการ รวมใช้ใน

ถั่วก็ใส่เครื่องเทศ ไก่ทอดก็ใส่เครื่องเทศ ข้าวราดแกง ราชการกองทัพเรือ เป็นเวลาถึง ๓๙ ปี สำหรับ

ก็ใส่เครื่องเทศ คืออาหารไม่ถูกปาก น้ำอัดลม ภารกิจของเรือหลวงพระร่วง เช่น เข้าร่วมอยู่ในการ
สมัยก่อนไม่มีแบบกระป๋อง มีเป็นขวดเล็ก ๆ รสชาติ จัดกำลังของกองทัพเรือกรณีพิพาทอินโดจีน

แปลก ๆ เช่น ชาใส่น้ำตาลหวานมาก ๆ ห้องน้ำ ในช่วงปลายปี พ.ศ.๒๔๘๓ สถานการณ์ระหว่าง

ห้องส้วมไม่ต้องบรรยายมาก นักเรียนนายเรือ ประเทศไทยกับอินโดจีนของฝรั่งเศสเริ่มตึงเครียดขึ้น
เมื่อปล่อยหาประสบการณ์วันแรกแล้ว วันที่สอง เป็นลำดับ ในวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๘๓
แทบจะหาคนสมัครใจปล่อยไม่ได้ เพราะอยู่เรือดีกว่า กระทรวงกลาโหมได้ออกคำสั่งตั้ง พลเรือตรี หลวง
สมัยนี้คงดีขึ้นเยอะในทุก ๆ เรื่อง เล่าต่อ เมื่อเรือ สินธุสงครามชัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็น “แม่ทัพเรือ”
ออกจากโคลัมโบ จำได้ว่า (มีอายุแล้วก็พอทวนความ นาวาเอก หลวงนาวาวิจิตร ผู้บังคับการกองเรือรบ


จำได้บ้าง หลงลืมบ้าง ก็ประมาณนี้แหละนะ) เรือใช้ เป็น “เสนาธิการทัพเรือ” ฯลฯ และในวันเดียวกัน
ความเร็วเดินทางประมาณ ๑๐ นอต กว่าจะเดินทาง นั้นเองกองทัพเรือได้ออกคำสั่งที่ ๑๓๓/๘๓ ตั้ง
ถึงภูเก็ตก็ใช้เวลาเกือบ ๗ วัน กลางวันก็เข้ายามปกติ “ทัพเรือ” ขึ้น ซึ่ง “ทัพเรือ” นี้เป็นหน่วยรบเฉพาะกิจ
กลางคืนก็เข้ายามรบ ช่วงระหว่างเดินทางห้ามอาบ หรือ “หน่วยสนาม” จัดกำลังเป็น “กองเรือ” ๓ กอง
น้ำจืดโดยเด็ดขาด อาบได้แต่น้ำทะเลท้ายเรือ เรียกว่า คือ กองเรือที่ ๑ นาวาเอก หลวงสังวรยุทธกิจ เป็น

“อาบหมู่” แบบว่า มายืนรวมกัน แล้วสูบน้ำทะเลฉีด ผู้บังคับกองเรือ แบ่งออกเป็น ๒ หมวด คือหมวด ๑
ใส่ให้ทั่วทุกคน บอกเทคนิคหน่อยว่า อย่ายืนอยู่ ประกอบด้วย เรือหลวงศรีอยุธยา เรือตอร์ปิโดใหญ่


๐18 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๕ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

๓ ลำ เรือดำน้ำ ๒ ลำ (เรือหลวงมัจฉานุ และ เรือหลวงพระร่วง ที่บางนา ต่อจากนั้น เรือหลวง
เรือหลวงสินสมุทร) หมวด ๒ ประกอบด้วย พระร่วงได้นำพระศพเข้ามายังกรุงเทพ ฯ ประดิษฐาน

เรือหลวงธนบุรี เรือตอร์ปิโดใหญ่ ๓ ลำ และ ไว้ที่วังของพระองค์ท่านพระบาทสมเด็จ พระมงกุฏ

เรือหลวงบางระจัน กองเรือที่ ๒ นาวาเอก ชลิต เกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทาน
กุลกำม์ธร เป็นผู้บังคับกองเรือ แบ่งออกเป็น ๒ หมวด จนถึงวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้ทรงพระกรุณา

คือ หมวด ๑ ประกอบด้วย เรือหลวงท่าจีน โปรดเกล้า ฯ ให้อัญเชิญพระศพไปพระราชทานเพลิง
เรือตอร์ปิโดใหญ่ ๓ ลำ เรือดำน้ำ ๒ ลำ (เรือหลวง ณ พระเมรุท้องสนามหลวง ในวาระสุดท้ายของ
วิรุณ และ เรือหลวงพลายชุมพล) หมวด ๒ พระองค์ท่านก็ได้อยู่บน เรือหลวงพระร่วง ซึ่งเป็นเรือ
ประกอบด้วย เรือหลวงแม่กลอง เรือตอร์ปิโดใหญ่ ๓ ลำ ที่พระองค์ทรงดำเนินการสรรหาซื้อและทรงเป็นผู้
และ เรือหลวงหนองสาหร่าย กองเรือที่ ๓ นาวาโท บังคับการเรือคนแรก และนำกลับสู่ประเทศไทยได้
หลวงพรหมพิสุทธิ์ เป็นผู้บังคับกองเรือ ประกอบด้วย เป็นคนแรก อีกทั้งเรือลำนี้ก็เป็นเรือที่สรรหาซื้อมา
เรือหลวงสุโขทัย เรือหลวงเจ้าพระยา เรือหลวง ด้วยความรัก ความกตัญญู ระหว่างปวงชนชาวไทย
พระร่วง เรือยามฝั่ง ๖ ลำ เรือประมง ๓ ลำ (ต่อมา กับสถาบันพระมหากษัตริย์ จนถึงปัจจุบันยังไม่มีเรือ
เรียกว่าเรือ ก.) เรือหลวงสีชัง เรือหลวงพงัน ลำใดอีกเลย ที่ปวงชนชาวไทยได้แสดงออกเช่นนี้

เรือหลวงช้าง เรือหลวงเสม็ด เรือหลวงจวง นับเป็นสิ่งที่เสด็จเตี่ยน่าจะทรงภาคภูมิใจมากที่สุด

เรือหลวงคราม เรือหลวงบริพารพาหน (เรือหลวง อย่างหาที่เปรียบมิได้ ดังนั้นการสร้างที่ประทับ ฯ

เกล็ดแก้ว ลำที่ ๑) จึงเห็นได้ว่า เรือหลวงพระร่วง ณ โรงเรียนชุมพล ฯ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
ได้พร้อมเข้าสู่สนามรบตลอดเวลาเช่นเดียวกับ ตามดำริของ พลเรือโท อภิชาย ฟุ้งลัดดา เจ้ากรม
เรือหลวงธนบุรี จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ยุทธนาวีที่ ยุทธศึกษาทหารเรือ ที่ต้องการให้มีที่ประทับรูปปั้น
เกาะช้างขึ้น เมื่อ ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๔ ภารกิจ เสด็จเตี่ย (ดูภาพ พลเรือโท อภิชาย ฟุ้งลัดดา เจ้ากรม
สำคัญยิ่งอีกครั้งหนึ่งของเรือหลวงพระร่วง ที่ควร ยุทธศึกษาทหารเรือ ตรวจการปั้นพระรูป) ในอิริยาบถ

จดจำคือ เมื่อเสด็จเตี่ย สิ้นพระชนม์ที่ตำบลหาดทรายรี ที่ทรงมีความสุขมากที่สุด สักแห่งหนึ่งบริเวณ

จังหวัดชุมพร ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๖ โรงเรียนชุมพล ฯ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ซึ่งเป็น
สิริพระชนมายุได้ ๔๔ พรรษา ในวันที่ ๒๐ สถานที่ที่สวยงาม ซึ่งในช่วงชีวิตของพระองค์ท่าน
พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๖ เรือหลวงเจนทะเลได้เชิญ ความสุข ความภาคภูมิใจหนึ่ง น่าจะเป็นช่วงที่


พระศพจากจังหวัดชุมพรมาพักถ่ายพระศพสู่ พระองค์ท่านทรงสามารถนำเรือหลวงพระร่วง



















พลเรือโท อภิชาย ฟุ้งลัดดา เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ แบบแปลนที่ประทับสะพานเดินเรือ เรือหลวงพระร่วง
ตรวจการปั้นพระรูป

นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๕ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๐19

พิธีวางศิลาฤกษ์ วันศุกร์ที่ ๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ เวลา ๐๘๑๙
กลับสู่ประเทศไทยอย่างราบรื่น คณะกรรมการจึงได้ การก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ เดือน
ดำเนินการเลือกสถานที่ ๆ อยู่ติดริมทะเลบริเวณ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จผู้ที่มา
เดียวกับศาลเสด็จเตี่ยที่มีอยู่แล้ว และจะสร้างเป็น สักการะเสด็จเตี่ยที่ศาล จะได้ดูที่ประทับสะพานเดินเรือ
สะพานเดินเรือ เรือหลวงพระร่วง ทิศทางหันหน้า เรือหลวงพระร่วง และพระรูปเสด็จเตี่ยในอิริยาบถที่
ออกทะเลมุ่งสู่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยพยายาม ทรงมีความสุขที่สุด และยังเป็นการระลึกถึง
จำลองแบบและขนาดจาก เรือหลวงพระร่วง ลำจริง เรือหลวงพระร่วง เรือของปวงชนชาวไทย อีกด้วย
ให้มากที่สุด (ดูภาพ แบบแปลนที่ประทับสะพานเดินเรือ
เรือหลวงพระร่วง) ซึ่งเมื่อทุกฝ่ายเห็นชอบ พิธีวาง อ้างอิง
ศิลาฤกษ์ ได้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ ๖ เมษายน

พ.ศ.๒๕๕๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง เป็นวัน เข็มราชนาวีสมาคมแห่งกรุงสยาม เข้าถึงได้จากเว็บไซต์ http://
www.thaimedals.com/web/6b_2458.php
ธงชัยและวันอธิบดี เวลา ๐๘.๑๙ เป็นภูมิปาโลฤกษ์ พระประวัติพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพร
โดยมี พลเรือโท อภิชาย ฟุ้งลัดดา เจ้ากรมยุทธ เขตอุดมศักดิ์ เข้าถึงได้จากเว็บไซด์
ศึกษาทหารเรือ เป็นประธานในพิธี และ นาวาเอก http://www.navy.mi.th/royal/Abhakara/abhakaras_resume.htm
เรือรบในรัชสมัย เข้าถึงได้จากเว็บไซต์์ http://www.navy.mi.th/
อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการโรงเรียนชุมพล ฯ nrdo/Chakri/king6.htm
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ เป็นประธานดำเนินงาน “ร.ล.พระร่วง-ร.ล.ชุมพร”. กรีฑา พรรธนะแพทย์,พล.ร.ต.,นาวิกศาสตร์
(ดูภาพ พิธีวางศิลาฤกษ์) วันดังกล่าวเป็นไปด้วย ปีที่ ๘๕ เล่มที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๔๕
๗๐ ปี ร.ล.ธนบุรี กับการรบที่เกาะช้าง เข้าถึงได้จาเว็บไซต์ http://
ความเรียบร้อย อากาศเย็นสบายตั้งแต่เช้า ซึ่งก่อนจะ www.thaiarmedforce.com/taf-article/67-nyenava.html
ถึงพิธีวางศิลาฤกษ์ ก็ได้มีพิธีบวงสรวงและระหว่าง
พิธีวางศิลาฤกษ์มีการเจริญชัยมงคลคาถาจากพระสงฆ์

๐20 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๕ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕


Click to View FlipBook Version