The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือน ธันวาคม ๒๕๕๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาวิกศาสตร์, 2022-09-13 03:27:27

นาวิกศาสตร์ เดือน ธันวาคม ๒๕๕๔

นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือน ธันวาคม ๒๕๕๔

Since 2459 B.E.



บทความ




นักเรียนนอกคนแรกของสยามประเทศ




พลเรือโท ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์

FARANGI ซึ่งเป็นเปอร์เซีย) นั่นเอง ฝรั่งที่จะ
ตะครุบเหยื่อและที่คอยล่าเหยื่อ ที่หนักข้อที่สุดก็คือ
ประเทศฝรั่งเศส รองลงมา คือ ประเทศอังกฤษ
ซึ่งทำให้ประเทศรอบบ้านเรา รวมทั้งประเทศสยาม

ทุกข์ระทมอย่างสาหัส
ความมีอัจฉริยภาพของพระมหากษัตริย์แห่ง
กรุงสยาม ที่เห็นลางเค้าความหายนะที่จะบังเกิดขึ้น
กับแผ่นดินสยาม ก็คือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า
เจ้าอยู่หัว หรือล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓ ซึ่งเคยมีพระราช
กระแสตอนหนึ่งที่พระราชทาน สมเด็จเจ้าพระยา
บรมมหาศรีสุริยวงศ์ มีอยู่ว่า “ฯลฯ การต่อไป
ภายหน้าเห็นแต่เอ็งที่จะรับราชการเป็นอธิบดีผู้ใหญ่ต่อไป
การศึกสงครามข้างญวน ข้างพม่าก็เห็นจะไม่มีแล้ว

รูปชาติตะวันตกได้เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี จะมีอยู่ก็แต่ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดีอย่าให้เสียทีแก่
ในยุคของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
อัน ที่จริงแล้วชาติตะวันตกได้เข้ามาใน ชาติและแบ่งเงินส่วนพระองค์ไว้ ที่เรียกว่า เงินพระ
เขาได้ ฯลฯ” พระองค์ได้แต่งสำเภาค้าขายกับต่าง

แผ่นดินสยาม มาตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาแล้ว คลังข้างที่ (คือ เงินที่เก็บไว้ใช้จ่ายส่วนพระองค์
แต่จะเข้ามาในรูปของการค้าขายก่อน ต่อมาเมื่อม ไว้ข้างที่นอน ซึ่งต่างจากเงินพระคลังมหาสมบัติ
ความเจริญในเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นในรูปของอาวุธ จึงมี ซึ่งเป็นเงินรายได้ของแผ่นดิน) เคยตรัสไว้ว่า “ให้เอา
การแทรกซึมเข้ามาเพื่อค้าอาวุธเป็นทหารรับจ้าง เงินนี้ไว้ไถ่แผ่นดินเถอะ” ซึ่งก็ปรากฏเป็นความจริง

และพยายามครอบงำทางศาสนา มุ่งให้พระมหา ภายหลัง เมื่อ ร.ศ.๑๑๒ เมื่อฝรั่งเศสกลุ้มรุมลูกแกะสยาม
กษัตริย์ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เข้ารีตนับถือ พระพุทธเจ้าหลวงก็ได้ใช้เงินถุงแดงนั้น ซึ่งฝรั่งเศส
ศาสนาคริสต์ เพื่อจะรวมเข้าเป็นอาณานิคม เช่น ใน กำหนดไว้ว่าต้องเป็นเหรียญทองเม็กซิโกมาไถ่แผ่นดิน
ยุคของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นต้น และเป็นที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งว่า “เงินถุงแดง”
ต่อมาก็ได้แผ่ขยายมาจนกระทั่งถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓ เก็บไว้เป็นเหรียญทอง
โดยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ ชาติตะวันตกก็เริ่มมาแผ่ เม็กซิโกจริง ๆ เสียด้วย
อิทธิพลในการค้าขายก่อน แต่ต่อมาเมื่อเห็น จากภัยที่คืบคลานมาใกล้เข้าสู่สยามทุกขณะ
สบโอกาสก็พยายามที่จะเอารัดเอาเปรียบทางด้าน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้า
การค้า และพยายามล่าอาณานิคม เพื่อจะนำ รัชกาลที่ ๔ จำเป็นต้องเปิดประเทศ เพื่อให้

ทรัพยากรของพวกเรากลับสู่ประเทศของตน ซึ่งพวก มหาอำนาจเหล่านั้นเข้ามาค้าขาย และลดแรงกดดัน
นี้ก็คือ พวกฝรั่ง ที่ชาวไทยเรียก (มาจากคำว่า ขณะเดียวกันเพื่อให้ฝรั่งเศสเห็นความมีศักยภาพ


๐50 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

ของชาวสยาม ทรงวางรากฐานทางการศึกษาให้กับ มหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ซึ่งอยู่ในความดูแล
ประเทศ สำหรับพระราชโอรส ซึ่งจะสืบราชบัลลังก์ ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)
คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พี่ชายใหญ่ ในปี พ.ศ.๒๔๐๗ อายุ ๑๕ ปี ได้รับการ

ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ได้ทรงวางรากฐานในการจ้าง ส่งไปศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา
ชาวต่างประเทศมาสอนภาษาอังกฤษให้ รวมทั้ง ๓ ปี จึงนับว่าเป็น “นักเรียนอังกฤษ” คนแรก

พระองค์ท่านและสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พลโท เจ้าพระยาสุรวงษ์วัฒนศักดิ์ (โต บุนนาค)
ก็เรียนภาษาอังกฤษด้วยพระองค์เองจนแตกฉาน บุตรเจ้าพระยาสุริวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) หลาน
นอกจากนั้นพระองค์ท่านยังได้มีพระราชดำริให้ส่ง ปู่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)
สามัญชนไปศึกษาหรือร่ำเรียนต่างประเทศ ถึง ๘ คน คือ ได้รับการส่งไปศึกษาวิชาทหารปืนใหญ่ ที่ประเทศ
พระยาอรรคราชนารถภักดี (หวาด บุนนาค) อังกฤษ (น่าจะเป็นที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก

บุตรพระยาอภัยสงคราม (นกยูง) และหลานปู่ของ ที่วูลลิช) ในช่วงปลายรัชกาลที่ ๔
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) พระยาราชานุประพันธ์ (สุดใจ บุนนาค) บุตรเจ้าพระยา

ซึ่งสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง ภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) อดีตเสนาบดี
บุนนาค) ได้ฝากไปศึกษาวิชาทหารเรือกับเรือรบ กระทรวงการต่างประเทศ หลานปู่สมเด็จเจ้าพระยา
อเมริกัน กลับมารับราชการในรัชกาลที่ ๔ เป็นหลวงวิเศษ มหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ได้รับการส่งไปเรียนที่
พจนกรในกรมท่า (กระทรวงการต่างประเทศ) ใน อังกฤษในช่วงปลาย ๆ รัชกาลที่ ๔

รัชกาลที่ ๕ ได้เลื่อนเป็นพระศรีธรรมสาส์น แล้วเป็น หลวงดำรงสุรินทรฤทธิ์ (บิ๋น บุนนาค) บุตรเจ้าพระยา
พระยาวิชยาธิบดี ผู้ว่าราชการเมืองจันทบุรี สุริวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) สมุหพระกลาโหม ได้รับ
เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๗ ก่อนที่จะได้เป็นพระยาอรรคราช ฯ การส่งไปศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศส กลับมารับราชการ

ในอีก ๑๐ ปีต่อมา ตำแหน่งมหาดเล็กเวรฤทธิ แล้วเลื่อนเป็นหลวงดำรง
พระยาอรรคราชวราทร (เนตร เนตรายน) ซึ่งได้รับ สุนทรฤทธิ์ในรัชกาลที่ ๕ เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๓
การส่งออกไปศึกษาที่สิงคโปร์และกลับมาเป็นที่ขุนและ พระยาสารสินสวามิภักดิ์ (เทียนฮี้ สารสิน) ซึ่ง
หลวงศรีสยามกิจ ตำแหน่งผู้ช่วยกงสุลสยามที่สิงคโปร์ มีคณะมิชชันนารีอเมริกันคัดเลือกส่งไปศึกษาวิชา
แพทยศาสตร์ที่สหรัฐอมริกา จนกระทั่งสำเร็จตาม
หลักสูตร ได้รับปริญญา เอ็ม.ดี. จากมหาวิทยาลัย
โคลัมเบีย เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๔ (ค.ศ.๑๘๗๑) ในช่วงต้น

รัชกาลที่ ๕ เป็นนายแพทย์ทหารประจำกรมทหาร
มหาดเล็ก ต่อมาได้โอนไปรับราชการที่กระทรวง
เกษตราธิการ และได้รับ พระราชบรรดาศักดิ์เป็น
หลวงดำรงแพทยาคุณ สุดท้ายได้ย้ายไปอยู่กระทรวง
ธรรมการและกระทรวงมหาดไทยตามลำดับ โดยได้
เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระยาสารสินสวามิภักดิ์
ลำดับหลังสุดคือ นางเอสเท่อร์ หรือ “แม่เต๋อ”

“นักเรียนอังกฤษ” คนแรกของแผ่นดินสยาม ซึ่งมิชชันนารีอเมริกันส่งไปศึกษาวิชาพยาบาลที่


เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุญนาค) สหรฐ ฯ ระหวาง พ.ศ.๒๔๐๓ - ๒๔๐๖ (ค.ศ.๑๘๖๐ -
เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เสนาบดี ๑๘๖๓) ในรัชกาลที่ ๔
กระทรวงธรรมการคนแรก บุตรสมเด็จเจ้าพระยา บรรดา “นักเรียนนอก” รุ่น “บุกเบิก” สมัยรัชกาล


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐51

ที่ ๔ ดังกล่าวข้างต้นนี้เมื่อได้กลับมาเมืองไทยแล้ว
ต่างก็ได้ปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่ความรับผิดชอบ
ตามความรู้ความสามารถ และโอกาสที่มีในช่วงเวลา

ซึ่งเมืองไทยเริ่ม “เปิดประเทศ รับอารยธรรมตะวันตก”
ซึ่งจะตามมาด้วยการพัฒนาเมืองไทยสู่ความทันสมัย
การที่ “นักเรียนนอก” รุ่น “บุกเบิก” ส่วนมาก
ได้รับการส่งไปศึกษาในประเทศอังกฤษ เนื่องจาก
สยามเรามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอังกฤษมากกว่า
ชาติอื่น และภาษาอังกฤษก็เป็นภาษาตะวันตกที่
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีความรู้

แตกฉาน ขณะที่บุคคลชั้นสูงหลายท่านในขณะนั้น
ก็ค่อนข้างจะคุ้นเคยมากกว่าภาษาอื่น ๆ ส่วนที่
“นักเรียนนอก” ส่วนใหญ่เป็นบุคคลในสกุลบุนนาค สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) เป็นผู้ส่ง “นายฉุน” ซึ่งอยู่
ในความอุปการะของท่านให้ออกไปฝึกวิชาเดินเรือกำปั่นที่ประเทศอังกฤษ
ก็เพราะในรัชกาลที่ ๔ บุคคลใน “คณะรัฐบาล” ซึ่ง จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาได้รับประกาศนียบัตรกลับมารับราชการซึ่งเป็น
บริหารประเทศล้วนเป็นบุคคลในสกุล “บุนนาค” อันได้แก่ คนแรกที่ไปศึกษายังต่างประเทศ
สมเด็จเจ้าพระยามหาประยูรวงศ์ (ดิศ) สมเด็จเจ้าพระยา ทั้งปวง ต่อมาอีกก็ได้เป็นพระยาในราชทินนาม
บรมมหาพิไชยญาติ (ทัต) สมเด็จเจ้าพระยาบรม เดียวกันตำแหน่งเจ้ากรมคลอง
มหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) และเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ) บทสรุป
เป็นต้น ขณะที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่รอง ๆ มาก็มัก จะเห็นได้ว่า แม้ว่าเราได้เตรียมการรองรับ

จะเป็นลูกหลานของท่านเหล่านี้ เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในโลกกว้างอย่างเต็มที่อยู่
ความจริงแล้ว นักเรียนนอกทั้ง ๘ คน ก็ยังไม่ใช่ แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่วายที่จะประสบเคราะห์กรรมจาก
นักเรียนนอกคนแรกของสยามประเทศโดยในสมัย ฝรั่ง ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ขณะนั้นและในอนาคตก็เช่น

รัชกาลที่ ๓ เมื่อเรือสินค้าของอังกฤษเริ่มเข้ามา เดียวกัน ภัยคุกคามด้านใช้กำลังอาจจะหมดไป
ค้าขายกับไทยภายหลังสนธิสัญญาเบอร์นี่ย์ แต่ภัยคุกคามทางเศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา กำลัง
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) ได้ฝาก คืบคลานมา มีการครอบงำด้วยวัฒนธรรมอย่าง
เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในความอุปการะของท่าน กว้างขวาง ขอให้เราเตรียมรับภัยคุกคามเหล่านี้ไว้

ชื่อ “นายฉุน” กับ กัปตันเรืออังกฤษ ให้ออกไปฝึก ให้ดี อย่ามัวหลงระเริง กับความสุขและยาพิษที่ได้รับ
วิชาเดินเรือกำปั่นที่ประเทศอังกฤษ จนกระทั่งสำเร็จ จากพระกระแสตอนหนึ่งของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓
การศึกษาได้รับประกาศนียบัตรกลับมารับราชการ ที่พระราชทานพระยาศรีสุริยวงศ์ ตามที่กล่าวไว้ว่า

ในรัชกาลที่ ๔ นายฉุนผู้นี้มีบรรดาศักดิ์เป็น “การงานสิ่งใดของเขาที่คิดควรจะเรียนเอาไว้ก็ให้เอา
ขุนจรเจนทะเล และได้ร่วมไปกับคณะทูตของพระยา อย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปทีเดียว” หรือ
มนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม) ในฐานะเป็นล่ามของท่าน สรุปได้ว่า “จงเอาเยี่ยง แต่อย่าเอาอย่าง”
ราชทูต ต่อมาในรัชกาลที่ ๕ เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๓ ซึ่ง เอกสารอ้างอิง
ขณะนั้นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) - http://www.bunnag.in.th/prarajpannuang009.html , ๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔
เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ขุนจรเจนทะเล - http://61.47.61.37/board/view.php?id=1814373, ๑๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔
- นักเรียนนอก ข้อมูลสำคัญในประวัติศาสตร์สังคมไทย ,ดร.วิชิตวงศ์
(ฉุน) ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็น พระชลธารวินิจฉัย ณ ป้อมเพชร ; ๒๕๓๗
ตำแหน่งพนักงานตรวจตรารักษาคลองใหญ่น้อย - สกุลบุนนาค ,ชมรมสายสกุลบุนนาค ; พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๒


๐52 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

Since 2459 B.E.



บทความ
แบ็กแพ็กตลุยญี่ปุ่น





หลังเกิดสึนามิ






พลเรือเอก วิรัช วิจารณ์

ผม จะเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นปีเว้นปีโดยไม่ได้ใช้บริการทัวร์



เพราะทัวร์มีขีดจำกัดที่เราไม่ได้เที่ยวในที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวจุดเด่น
ของญี่ปุ่น แม้ทัวร์จะไปหลายวันก็ตาม ในปีนี้กำหนดจะเดินทางไปญี่ปุ่นใน
ช่วงสงกรานต์ เพราะจะพาหลานไปด้วย หลานทั้งสามคนนี้ยังไม่เคยไป

เที่ยวต่างประเทศไกล ๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งเป็นทั้งเมืองธุรกิจและ
ท่องเที่ยว การเดินทางของคนญี่ปุ่นจะพึ่งการคมนาคมทางรถไฟฟ้า ซึ่งมี
สายการเดินรถที่โยงใยทั่วประเทศแบบเป็นใยแมงมุม มีตั้งแต่รถไฟฟ้าความเร็ว
สูงกว่า ๒๐๐ กิโลเมตร (ชิงกังเซน) จนรถหวานเย็นที่จอดทุกสถานีซึ่งเป็น
รถสำหรับขนส่งมวลชนที่อยู่ปริมณฑลโตเกียว ไปส่งสถานีรถไฟฟ้าความเร็ว
สูง เพื่อเดินทางไปสถานีที่ตนทำงาน ดังนั้น เวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคน
ญี่ปุ่น ไม่ว่านักเรียน แม่บ้าน นักธุรกิจ เพราะการตรงเวลาเป็นสิ่งที่ช่วยให้
เวลาสำหรับการเดินทางลดน้อยลง ครอบครัวที่อยู่อาศัยอยู่ห่างจากโตเกียว
ประมาณ ๑๐๐ – ๒๐๐ กิโลเมตร และต้องไปโรงเรียน ทำงานในกรุง

โตเกียว ทุกคนในครอบครัวกำหนดเวลาออกจากบ้านที่แน่นอน เพื่อจะมา
ขึ้นรถไฟท้องถิ่น แล้วไปต่อรถด่วนที่สถานีใหญ่ทันเวลา และถึงที่ทำงาน
หรือ โรงเรียนได้ตรงเวลาที่กำหนด
การขึ้นรถไฟในโตเกียว ถ้าคนที่ไม่มีประสบการณ์ จะยุ่งยากและสับสน
เพราะแต่ละสถานีใหญ่ เช่น ชินยูกุ หรือ สถานีโตเกียว จะมีชานชลา
มากมาย เพราะมีรถไฟฟ้าหลายสายแล่นผ่าน ผมได้นัดแนะหลาน ๆ ว่า หาก
คนใดในกลุ่มขึ้นรถไฟแล้ว รถออกไปก่อนให้ลงสถานีที่ถัดไป แล้วยืนอยู่ตรง

ที่ลง แล้วเราจะนั่งรถกระบวนต่อไป ซึ่งในโตเกียว แต่ละสถานีจะมีรถมาถึง
ห่างกันแค่ ๓ นาที และไปคราวนี้ได้รับความกรุณาจากท่านทูตทหารเรือให้
ใช้บ้านเป็นที่พักอาศัย เลขหมายโทรศัพท์ท่านผู้ช่วยทูตทหารเรือ เสมียนทูต
และสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารเรือ นอกจากนี้ยังจดที่อยู่ของสำนักงานทูต
ทหารเรือเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ไว้กับทุกคน ถ้าหลงกันจนไม่มีทางติดต่อกันได้
จะได้ส่งที่อยู่ของสถานทูตให้คนขับแท็กซี่ดู และโชคดีตลอดการท่องเที่ยวใน
ญี่ปุ่น ๑๐ วัน ไม่มีใครพลัดหลงกันเลย



นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐53

สนามบินฮาเนดะ
ทุกครั้งที่ผมจะไปญี่ปุ่น จะจองตั๋วแพ็กเกจ คือ ทุกสายการบินพูดเหมือนกันว่า สงกรานต์ปีนี้คนไทย
ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ พร้อมโรงแรมระดับห้าดาว ๒ เที่ยวต่างประเทศมาก ต่างกว่าเมื่อสองปีที่แล้ว แต่

คืน ราคาประมาณ ๒๗,๐๐๐ บาทต่อคน (ห้องหนึ่ง ผมยังไม่ละความพยายาม ท่องอินเทอร์เนตทุกวัน
นอนสองคน) สำหรับโรงแรมตามแพ็กเกจผมจะ ในที่สุดก็ได้ตั๋วของสายการบินราคาถูก แต่ต้องไปต่อ
เลือกโรงแรมหรูที่อยู่ย่านชินยูกุ เพราะมีสถานที่ เครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ เพราะสายการบินนี้ถ้า
ชอปปิ้งระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ร้านราคา ๑๐๐ เยน ต้องการบินไปไกลมาก ๆ เช่น โตเกียว ปารีส จะ

(บวกภาษี ๕ เยน) จนถึงของแบรนด์เนมมือสอง ต้องตั้งต้นบินที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ เมื่อรวมค่าตั๋ว
ราคาถูกแบบของยังไม่ช้ำ (โดยเฉพาะกระเป๋าถือของ เครื่องบินจากกรุงเทพ ฯ – กัวลาลัมเปอร์ รวมค่า
สุภาพสตรี) เราเคยเห็นร้านอาหารที่ฮ่องกง ตั๋วเครื่องบินจากกัวลาลัมเปอร์ – โตเกียว ไป –





หรือสิงคโปร์เขียนคำว่าต้มยำกุ้งเป็นภาษาไทยติด กลับ แล้วเท่ากับราคาบินตรงจากกรุงเทพ ฯ –
หน้าร้าน แต่ร้านแบรนด์เนมมือสองที่ชินยูกุ มี โตเกียว ซึ่งสายการบินอื่นที่ต่อเครื่องที่เมืองต่าง ๆ

ประกาศเป็นภาษาไทยเชิญให้เข้ามาดูของในร้าน ไปโตเกียวราคาแพงกว่าสายการบินราคาถูกมาก
เมื่อกำหนดว่าจะออกเดินทางจากกรุงเทพ ฯ ผมเลือกเที่ยวบินจากกรุงเทพ ฯ – กัวลาลัมเปอร์
ไปญี่ปุ่นในวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๔ ซึ่งมีวัน เวลาเที่ยง ซึ่งจะถึงกัวลาลัมเปอร์ประมาณ ๑๕๐๐
หยุดสงกรานต์หลายวัน และหลังเกิดแผ่นดินไหว (เวลาที่มาเลเซีย) เพื่อพักค้างคืนหนึ่ง ซึ่งได้ความ
และสึนามิที่ Fukushima ๑ เดือนพอดี ราวเดือน กรุณาจากผู้ช่วยทูตทหารเรือกัวลาลัมเปอร์ไปรับที่
กุมภาพันธ์ได้โทรศัพท์ไปจองตั๋วแพ็กเกจ ปรากฏว่า สนามบินและพาไปส่งเข้าโรงแรมที่ผมจองไว้ที่ไชน่า
เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเต็มตั้งแต่เดือนมีนาคม จนถึง ทาวน์ ซึ่งมีตลาดของก๊อปปี้อยู่มากมาย ท่านผู้ช่วย

ปลายเดือนเมษายน แม้ตั๋วเครื่องบินราคาถูกก็มีคน ทูตทหารเรือได้กรุณาเลี้ยงอาหารค่ำเป็นอาหารจีนที่
จองเต็มหมด ได้โทรศัพท์ไปสอบถามอีกหลาย มีรสชาติอร่อยมากหนึ่งมื้อ และหลังรับประทาน
สายการบินในช่วงเดินทางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ขายตั๋ว อาหารค่ำเรียบร้อยแล้ว ท่านยังพาพวกเราไป


๐54 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

คณะของผมมีประมาณ ๑๐๐ คนเท่านั้น ผู้โดยสาร
จะนั่งคนละแถว (เครื่องบินลำนี้มีที่นั่งสามแถว) พอ

ค่ำลงผู้โดยสารจะนอนคนละหนึ่งแถวอย่างที่เรียกว่า
ตีตั๋วนอนนั่งไปตลอดทาง
“ ถึงโตเกียวที่สนามบินฮาเนดะซึ่งเป็นสนามบิน


...สนามบินฮาเนดะซึ่งเป็น นานาชาติของญี่ปุ่นแห่งแรก ต่อมาได้ย้ายไปสร้างที่
สนามบินนานาชาติของญี่ปุ่นแห่งแรก นาริตะ สนามบินฮาเนดะจึงถูกใช้เป็นสนามบิน
ต่อมาได้ย้ายไปสร้างที่นาริตะ สนามบิน ภายในประเทศอยู่หลายปี เพิ่งจะปรับปรุงเป็นสนาม
ฮาเนดะจึงถูกใช้เป็นสนามบินภายในประเทศ บินนานาชาติคู่กับสนามบินนาริตะ ซึ่งการเดินทาง
อยู่หลายปี เพิ่งจะปรับปรุงเป็นสนามบิน จากสนามบินฮาเนดะเข้าโตเกียวใกล้กว่าสนามบิน
นานาชาติคู่กับสนามบินนาริตะ... นาริตะประมาณ ๒ ชั่วโมง รถโมโนเรลยังคงใช้เป็น
รถเดินทางระหว่างสถานีฮานามัทสึโจ ในโตเกียวกับ
” สนามบินนาริตะ ราคาเที่ยวเดียว ๔๗๐ เยน เริ่ม

บริการตั้งแต่เวลา ๐๖๐๐ – ๒๔๐๐ ทั้งเที่ยวไปและ
กลับสนามบินฮาเนดะ นอกจากนี้ยังมีรถลิมูซีนราคา
เที่ยวละ ๓๐๐ เยน เครื่องบินลงจอดที่สนามบินเวลา
รับประทานเฉาก๊วยที่ร้านอร่อยที่สุดในกัวลาลัมเปอร์ ประมาณ ๒๒๔๐ ซึ่งมีเครื่องบินลงที่สนามินฮาเนดะ
ที่ไชน่าทาวน์ด้วย ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่ท่านผู้ช่วยทูต พร้อมกัน ๓ ลำ ดูได้จากรางหมุนที่รับกระเป๋ามีวิ่ง

ได้บอกไว้ เฉาก๊วยที่ร้านนี้กรอบกว่าที่เคย อยู่ ๓ ราง แต่มีผู้โดยสารไม่เกิน ๒๐๐ คน ท่านผู้
รับประทานในประเทศไทย ก่อนจะส่งเข้าโรงแรม ช่วยทูตทหารเรือและเสมียนฑูตนำรถตู้มารับคณะ
ท่านยังพาไปเดินชมร้านขายของโดยเฉพาะเสื้อยืด ของเราทั้งที่เป็นเวลาดึกมาก ขอขอบคุณท่านผู้ช่วย
ยี่ห้อต่าง ๆ และเสื้อทีมฟุตบอลที่ดัง ๆ ทั่วโลก ทูตทหารเรือและเสมียนทูตไว้ ณ ที่นี้เป็นอย่างมาก
ราคาประมาณ ๗๐ บาท เนื้อผ้าก็ใช้ได้ เช้าวันรุ่งขึ้น คืนนี้กว่าจะได้นอนเกือบตี ๑ เพราะท่านผู้ช่วยทูตได้
ท่านผู้ช่วยทูตมาส่งที่โรงแรมและให้เสมียนทูตรับไป กรุณาแนะนำว่าหากมีแผ่นดินไหวให้ออกจากห้อง
สนามบินตั้งแต่เช้า ทั้งที่เครื่องบินที่จะออกจาก นอนมาออกประตูดาดฟ้า และคุยเรื่องเกี่ยวกับการ

กัวลาลัมเปอร์ไปโตเกียว ออกเวลา ๑๔๔๐ (เวลา เกิดแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งนี้ซึ่งร้ายแรงมากใน
มาเลเซีย) เพราะโรงแรมไม่มีอาหารเช้า (โรงแรม รอบ ๓๐ ปี ก่อนเข้านอนได้แจ้งให้คณะทุกคนทราบ
ราคาถูก แค่ห้องนอนสะอาดและแอร์เย็น) เมื่อไปถึง ว่าพรุ่งนี้จะต้องไปเปลี่ยนตั๋ว Jr-Pass ที่เราซื้อมา
สนามบินแล้วได้รับประทานอาหารเช้าและอาหาร จากเมืองไทยเป็น Jr-Pass ซึ่งเป็นตั๋วที่ใช้กับรถไฟ
กลางวันที่ร้านอาหารจานด่วน ฟ้าชิงกังเซน รถไฟและรถบัสทางบริษัท Jr (Japan
หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและเกิดสึนามิ Railway) ทั่วประเทศ กำหนด ๗ วัน นับตั้งแต่วันที่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นแล้วได้มี เริ่มใช้ อายุของตั๋วนี้มีระยะเวลา ๓ เดือน หากซื้อ
นักท่องเที่ยวไทยได้ขอคืนค่ามัดจำ (ทัวร์) หรือคืนตั๋ว มาแล้วไม่ใช้ภายในกำหนดตั๋วจะหมดอายุ เนื่องจาก
ซึ่งทางบริษัททัวร์และสายการบินก็ยินยอม วันที่ เราต้องการเริ่มใช้ในวันรุ่งขึ้นของวันที่มาถึงโตเกียว

เดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ไปโตเกียวจึงมีผู้โดยสาร เพราะตามแผนการเที่ยววันแรกของการท่องเที่ยว
น้อยมาก เครื่องบินขนาดบรรทุกผู้โดยสารประมาณ คือไปดูภูเขาฟูจิซึ่งเป็นไฮไลท์ของการท่องเที่ยว
๔๐๐ คน มีผู้โดยสารที่ร่วมเดินทางเที่ยวเดียวกับ ญี่ปุ่น ซึ่งจะต้องนั่งรถด่วนพิเศษประมาณ ๒


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐55

ชั่วโมงเศษจากสถานีชินยุกุใช้ตั๋วชิงกังเซนแล้วไปต่อ สาย ซึ่งเหมือนกันทั่วประเทศ ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนนี้
รถไฟสายท้องถิ่นต้องเสียค่าตั๋วต่างหาก อีก ค่ารถประจำทางจะคิดเป็นระยะทาง เช่นถ้าขึ้น
ประมาณครึ่งชั่วโมงจะถึงบริเวณภูเขาฟูจิและ ต้นทางจะได้บัตรหมายเลข ๑ เมื่อไปลงที่ระยะที่ ๓

ทะเลสาบตีนเขา(ฟูจิคาวาโกะ) ซึ่งมีบ้านช่องปลูกอยู่ ซึ่งด้านบนศีรษะของคนขับจะมีจอไฟฟ้าแสดงค่า
รอบริมทะเลสาบ หากไม่มาที่นี่จะเห็นภูเขาฟูจิ โดยสารทุกระยะทาง เช่นคนที่ขึ้นต้นทาง เมื่อนั่งไป
ริบ ๆ ซึ่งสถานที่นี่ซึ่งเรียกว่าฟูจิไฮแลนด์ จะเห็น ระยะที่ ๒ บนเครื่องดังกล่าวจะขึ้นตัวเลขระยะที่ ๒
ภูเขาฟูจิเต็มจอกล้องดิจิตอล ที่นี่นอกจากจะเห็น ใต้ตัวเลขระยะทางและมีเลขแสดงค่าโดยสารด้วย
ภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามแล้ว ยังมีสวนสนุกที่มีเครื่อง เช่นระยะที่ ๑ เริ่มต้นที่ ๙๐ เยน เมื่อนั่งไปถึงระยะที่
เล่นผาดโผนตื่นเต้นหลายชนิด ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงพา ๒ ค่าโดยสารจะเป็น ๑๑๐ เยน แต่ละระยะทางค่า
ลูกหลานมาถ่ายรูปภูเขาฟูจิและเล่นเครื่องเล่น โดยสารจะขึ้นไป ๒๐ เยน ตลอดทาง คนที่ลงปลาย

ผาดโผนด้วย โดยเฉพาะวัยรุ่นแต่งตัวตามแฟชั่นวัย ทางอาจต้องเสียค่าโดยสารถึง ๖๐๐ เยน ก็มี
รุ่นที่คล้าย ๆ กันทั่วโลกมาเที่ยวกันมาก หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่พื้นที่ Tohoku
เวลา ๐๖๓๐ ตรง คณะของเราออกจากบ้าน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ซึ่งเป็นพื้นที่จากเซนได
ท่านผู้ช่วยทูตทหารเรือ โดยรับประทานบะหมี่กึ่ง ถึงอาโอโมริเหนือสุดของเกาะฮอนชิวที่อยู่ใต้
สำเร็จรูปหรือโจ๊กแล้วแต่ที่แต่ละคนเตรียมมาจาก ฮอกไกโด เกาะฮอนชูเป็นเกาะกลางระหว่างเกาะ
เมืองไทย เสร็จแล้วเดินออกจากบ้านท่านผู้ช่วยทูต ฮอกไกโดกับเกาะคิวชิวซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดใน
เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เพื่อเรียกแท็กซี่ไปลงที่ จำนวนเกาะใหญ่ ๔ เกาะของประเทศญี่ปุ่น เหตุเกิด

สถานีรถไฟเมกุโระ ซึ่งห่างจากบ้านทูต ๔ ป้าย ที่ Fukushima และเมืองรอบ ๆ เมือง Fukushima
รถเมล์ ที่จริงได้ทราบมานานแล้วว่า แท็กซี่ญี่ปุ่นเขา ที่ทุกชาติเพ่งเล็งไปที่เมือง Fukushima เพราะเป็น

ห้ามบรรทุกเกิน ๔ คน และเราก็ลองดู ปรากฏว่า เมืองที่มีเตาไฟฟ้าปรมาณู ๕ เตา ตั้งอยู่ริมทะเล
เจอคนขับรถแท็กซี่
ใจดียอมให้เราขึ้น
๕ คน จากหน้าบ้าน
ท่านผู้ช่วยทูตทหาร
เรือถึงสถานีรถไฟเม
กุโระ มิเตอร์ยังคง

ราคา ๗๐๐ เยน ซึ่ง
เป็นราคาเริ่มต้น
ตกคนละไม่ถึง ๒๐๐
เยน ถ้านั่งรถประจำ
ทางซึ่งในตอนเช้า
และเวลาเร่งด่วนจะ
มี ร ถ ห่ า ง กั น
ประมาณ ๓ – ๕
นาที ราคาโดยสาร

๒๑๐ เยน ตลอด

คนญี่ปุ่นติดอ่างกลางซากปรักหักพังจากสึนามิ

๐56 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

เมื่อเกิดสึนามิ ทำให้ระบบหล่อเย็นของแท่งปรมาณู แม้ว่าเมืองเซนไดจะไม่ถูกผลกระทบโดยตรง
ในเตาปรมาณูเสียหายและมีกัมมันตภาพรังสีไอโอ จากแผ่นดินไหวและสึนามิก็จริง แต่ชาวบ้านจะต้อง
ไดด์ ที่ทำลายไทรอยด์ หากบุคคลใดได้รับ สลับการใช้กระแสไฟฟ้า เนื่องจากกระแสไฟฟ้าไม่

กัมมันตภาพรังสี และไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตทันที เพียงพอ ซึ่งมีผลกระทบถึงการเดินรถไฟฟ้ารวมทั้ง
เพราะรังสีดังกล่าวมี Half Life เพียง ๘ วัน รถชิงกังเซนด้วย จึงไม่มีรถไฟจากโตเกียวมาเมือง
หมายความว่า เมื่อรังสีนี้กระจายอยู่ในอวกาศหรือ เซนได จึงต้องเปลี่ยนแผนการท่องเที่ยวใหม่ เปิดดู
คนสูดเข้าไปจำนวนไม่มาก รังสีนี้จะสลายไปในเวลา อินเทอร์เนต ดูแล้วบริเวณภาคกลางของประเทศ
๘ วัน ผมได้เปิดดูอินเทอร์เนตดูสถานที่ท่องเที่ยว ญี่ปุ่นที่เรียกพื้นที่ Chubu ซึ่งมีเมือง Nigata อยู่
ในญี่ปุ่นในช่วงที่อยู่ในญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นมีความ เหนือสุดและเมือง Nagoya เป็นเมืองที่ใต้สุดของ
ยาวจากเหนือจรดใต้ ยาวประมาณ ๓,๐๐๐ พื้นที่ พื้นที่นี้เป็นที่ตั้งของ “เทือกเขาแอลป์แห่ง

กิโลเมตร จึงมีความแตกต่างของสภาพภูมิอากาศ ญี่ปุ่น” สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๓,๐๐๐ เมตร
ในแต่ละท้องถิ่น และมีการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลใน ซึ่งทอดยาวจากเหนือลงมาทางใต้ เทือกเขานี้จะมี
ช่วงเวลาที่ต่างกัน ในสวน Ueno ซึ่งเป็นสวนดอกไม้ หิมะปกคลุมตลอดปี จึงได้ชื่อ เทือกเขาแอลป์อย่าง
ซากุระและสวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ดอก ในยุโรป นอกจากนี้ทางตอนใต้ของพื้นที่นี้ยังเป็น
ซากุระจะบานที่สวนสาธารณะแห่งนี้ประมาณวันที่ ๑ ที่ตั้งของภูเขาไฟ Fuji ที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นด้วย
เมษายน ถึง ๑๑ เมษายน เกือบทุกปี มีบางปีจะ ภูมิภาคนี้ จะมีภูมิอากาศแตกต่างกันมาก เมืองที่ติด
ออกดอกก่อนหรือหลังช่วงเวลาดังกล่าวไม่เกิน กับมหาสมุทรแปซิฟิกจะอบอุ่น ส่วนเมืองที่อยู่ใกล้
๒ วัน เมื่อใกล้ฤดูดอกซากุระบาน ต้องเปิดทีวีดูข่าวอุตุ ภูเขาซึ่งจะมีหิมะหนา ๕ เมตร และเป็นเขตหนาว
ในตอนเช้าประมาณ ๖ โมงเช้าของทุกวัน โฆษก เย็น การท่องเที่ยวเทือกเขาแอลป์ เรียกว่า “Alpine

จะแจ้งให้ทราบว่าวันนี้จะมีดอกซากุระบานในท้องที่ Route” ซึ่งจะเริ่มเดินทางด้วย Cable Car จากสถานี
ใดในโตเกียวหรือใกล้จะบานแล้ว โดยผมตั้งใจว่า รถไฟ Tateyama ขึ้นไปสุดที่ความสูงประมาณ ๓๐๐
เมื่อผมไปถึงโตเกียววันแรกคงไม่ได้เห็นดอกซากุระ เมตร ในฤดูหนาวบริเวณนี้จะมีลานเล่นสกี โดยเล่น
บาน ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่คาดไว้ ช่วงตั้งแต่ ๑๑ จากข้างบนลงมาพื้นด้านล่าง ต่อจาก Cable Car
เมษายน - ๑๘ เมษายน ดอกซากุระจะบานที่ เดินทางต่อขึ้นเขาสูงไปอีกโดยรถบัส ถนนสายนี้ตัด
Sendai เมืองเซนไดเป็นเมืองที่ติดทะเล มีสถานที่ ระหว่างเนินเขาทั้งสองข้าง ตอนที่จะถึงสถานีที่เรียก
ท่องเที่ยวหลายแบบตั้งแต่ชมพิพิธภัณฑ์สวน ว่า Murodo เนินเขาทั้งสองข้างทางจะสูงประมาณ

สาธารณะ โรงงานทำอาหารหลาย ๆ อย่าง การ ๒๐ เมตร มีหิมะปกคลุมหนามาก รถบัสจะหยุดให้ผู้
ท่องเที่ยวในเซนไดโดยใช้รถบัสประจำทางจะสะดวก โดยสารได้เดินไปตามถนนเพื่อชมเนินเขาที่มีหิมะ
มาก โดยใช้ตั๋วเหมารายวัน จะขึ้นลงที่ตรงไหนก็ได้ ปกคลุมซึ่งเรียกว่ากำแพงหิมะ (YukinoTani) รถบัส
ราคา ๖๕๐ เยน รถบัสนี้จะวิ่งเป็นวงกลมทั่วเมือง จะจอดอยู่ประมาณ ๑๐ นาที ซึ่งก็พอดีรู้สึกว่าหนาว
เซนไดนี้มีทะเลสาบมัสซึชิมาที่สวยงามที่สุด ๑ ใน ๓ เมื่อนักท่องเที่ยวถ่ายรูปกำแพงหิมะแล้ว รถจะแล่น
ของญี่ปุ่น ที่เรียกว่า Nihon Sankei มีเรือนำเที่ยว ขึ้นภูเขาต่อไปสุดที่สถานีชื่อ “Murodo” สูงประมาณ
ทะเลสาบนี้โดยการซื้อตั๋วราคาพันเยนซึ่งเรือนี้ออก ๑,๒๖๐ เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นสถานีที่มีลาน
จากท่าและกลับถึงท่าเทียบเรือตรงเวลา แม้จะมี เล่นสกี การเดินทางต่อจากสถานี Murodo ต้องนั่ง
นักท่องเที่ยวจะมีเพียง ๓ คน เรือก็ออกแล่นใน รถบัสต่อไปบนยอดเขาสูงประมาณ ๒,๖๐๐ เมตร

ทะเลสาบ ใช้เทปบรรยายเรื่องราวของเกาะใน จะเปลี่ยนนั่ง Rope Way ซึ่งเลื่อนอยู่เหนือภูเขา
ทะเลสาบ Tateyama ประมาณ ๕๐ เมตร เพื่อชมวิวยอดเขา


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐57

กำแพงหิมะที่ยอดเขา Murodo












เป็นระยะเวลาประมาณ ๓๐ นาที ไปลงที่สถานีรถ สถานี Toyoma แล้วก็เดินทางต่อไปเหมือนที่กล่าว
Tolley Car เพื่อเดินไปชมเขื่อนไฟฟ้า Kurobi ซึ่ง แล้ว
เป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งอยู่บน
ยอดเขา Tateyama สูงประมาณ ๓,๐๐๐ เมตร เมื่อ
สุดทางเที่ยวแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถบัสไป ผมเลือกเดินทางไปเกียวโตเพื่อเที่ยววัด
ลงที่ Nagoya การเดินทางไปท่องเที่ยว Alpine โบราณต่าง ๆ เมื่อลงที่สถานีเกียวโตแล้วต่อ
Route ดังกล่าว สามารถเดินทางด้วยรถไฟชิงกัง รถไฟ Jr-Line ไม่ต้องเสียค่าโดยสารอีก ถึง
เซนไปลงที่ Nagoya แล้วนั่งรถด่วนพิเศษกระบวน สถานี Jr-Line ที่อยู่ใกล้กับสถานีชิงกังเซน

“Hida” ไปลงที่สถานี Toyama โดยใช้ตั๋ว Jr-Pass เพียงเปิดประตูออกไปก็จะพบสถานี Jr-Line
ห่างจากสถานี Toyama จะเป็นสถานีท้องถิ่นชื่อ ขึ้นที่ชานชลา ๑๐ เพื่อเดินทางไปเที่ยวศาลเจ้า
สถานี Toyamatsudo ซึ่งเป็นรถท้องถิ่น ที่สถานีนี้ ฟุชิมิอินิรี ซึ่งนั่งรถเพียง ๒ สถานีก็ลงที่สถานี
สามารถซื้อตั๋วเหมา ใช้ตั๋ว Jr-Pass ไม่ได้ไปลงที่ เล็ก ๆ ชื่อ Iari เมื่อออกจากสถานีก็เป็นทาง
สถานี Tateyama รวมค่ารถเคเบิลคาร์ รถบัส และ เข้าศาลาฟุชิมิอินารี ศาลเจ้านี้ตั้งอยู่บนเนินเขา
Rope way และ Tolley Car คือตลอดการท่องเที่ยว ต้องเดินยกตัวเองขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงประตูวัด
Alpine Route หรือจะซื้อตั๋วไปลงที่สถานี Murodo (Torii) ไม่ใหญ่มากวางเรียงซ้อน ๆ กัน มากกว่า
(ดูกำแพงหิมะ) แล้วเดินทางกลับสถานี Tateyama ๕๐๐ ประตู แต่ละประตูจะมีการสลักชื่อผู้
เพื่อนั่งรถด่วนพิเศษ Hida กลับนาโงยา หรืออีกทาง บริจาค ถ้าเป็นบริษัท เสาประตูก็จะใหญ่หน่อย ถ้า

หนึ่งคือนั่งชิงกังเซนจากโตเกียวไปลงที่เกียวโตหรือ เป็นของบุคคลก็เล็กหน่อย ประตูนี้ตั้งอยู่ทาง
ชินโอซาก้า แล้วต่อรถไฟ Thunderbird ต่อไปลงที่ เข้าศาลเจ้าสองทางซึ่งประตูสุดท้ายจะไปหมด


๐58 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

หน้าศาลเจ้า ประตูวัดนี้ทาสีแดงทุกประตู มีความ สนใจ เดินลงจากวัดมาเดินอยู่ร้านของฝากซึ่งเรียง
เชื่อว่า ถ้าหากทำบุญด้วยประตูวัด จะทำมาค้าขึ้น รายอยู่ ๒ ข้างถนนที่จะไปขึ้นวัด มีหลายร้านที่มี
สำหรับผู้ที่มีเงินน้อย ทางวัดจะทำประตูวัดแบบ ของฝากหลายอย่างที่ตัดเย็บด้วยมือ ราคาไม่แพง

เดียวกัน แต่อันเล็กราคา ๕๐๐ เยน แล้วคนทำบุญ มาก ทำให้เสียเงินอีกหลายเยน พอถึงร้านอาหาร
จะเอาไปแขวนรวมกันเป็นพวงหน้าศาลเจ้า เมื่อออก ญี่ปุ่น เดินเข้าไปดูเมนู เห็นมีข้าวหน้าหมูย่าง สั่ง
จากวัดอินารีแล้ว นั่งรถไฟฟ้าท้องถิ่นเดินทางต่อไป ทันทีดูรายการอาหารอื่นที่มีโซบะและเทมปุระซึ่งเบื่อ
วัด Kiyomizudera ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูง มีบันไดปูน แล้ว ไม่ผิดหวังหมูย่างโรยงาไม่เหนียว ชามละ ๔๖๐
จากเชิงเขาขึ้นไปที่วัด ระหว่างเดินตามบันไดเห็น เยน ไม่แพงมาก อิ่มแล้วเดินต่อไปที่ทางแยกถนน
ดอกซากุระบานสะพั่งทั่วไปจนถึงตัววัด ซึ่งเป็นเรื่อง ใหญ่ซึ่งมีคิวรถแท็กซี่จอดหลายคัน เมื่อบอกปลาย
แปลก เพราะเกียวโตซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของโตเกียว ทางว่าสถานีรถไฟท้องถิ่น ซึ่งใจว่าจะกลับย้อนรถ

ซึ่งดอกซากุระบานต้นเดือน เมษายน ที่เกียวโตจะ Jr–Line กลับเมืองเกียวโต แต่คนขับแท็กซี่ไม่ให้
บานประมาณปลายเดือน มีนาคม แต่วันนี้เป็นวันที่ ขึ้นเพราะเขาจำกัดผู้โดยสารเพียง ๔ คน แต่คณะ
๑๔ เมษายน ดอกซากุระยังบานทั่วไป มีนักท่องเที่ยว เรามี ๕ คน เขาแนะนำให้ไป ๒ คัน กะคร่าว ๆ ว่า
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่น ต่างยืนถ่ายรูป ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ ๗๐๐ เยนถึงสถานี มิเตอร์ค่า
กับดอกซากุระที่ห้อยลงมาเหนือศีรษะของ โดยสารคงขึ้นไปเป็นคันละ ๗๗๐ เยน สองคันเป็น
นักท่องเที่ยว ตื่นเต้นกับดอกซากุระจนลืมอาหาร เงิน ๑,๕๐๐ เยน ไม่ควรจะต้องเสียเงินมาก น่าจะ
กลางวัน เมื่อขึ้นไปถึงวัดบนยอดเขา ไม่สามารถ เดินกลับเหมือนตอนมาวัด บังเอิญเห็นรถประจำทาง
เข้าไปข้างในวัดได้ เพราะเขาปิดใส่กุญแจ แต่จะให้ แล่นผ่านมาหน้ารถเขียนว่าไปสถานีรถไฟเกียวโต
เดินเล่นในสวนสาธารณะ ซึ่งเสียค่าเข้าคนละ ๓๐๐ เยน อย่างที่ทราบแล้วว่าค่าโดยสารรถเมล์เดี๋ยวนี้เขาเก็บ

ตัดใจไม่เข้าเพราะดูจากข้างนอกทางเข้าแล้วไม่น่า คนละ ๒๑๐ เยน ตลอดสาย ๕ คนก็ประมาณ






































นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐59

๑ พันเยนเศษ ๆ จึงเดินไปรอที่ป้ายรถเมล์ ดูตาราง สูงขึ้น จึงมีลมเข้ามาในรถ กลับถึงสถานีเกียวโต
รถเมล์เที่ยวต่อไปจะมาถึงป้ายจอดรถอีก ๑๐ นาที ประมาณ ๕ โมงเย็น เข้าไปซื้ออาหารเย็นในร้าน
ยืนคุยกันประเดี๋ยวเดียวรถประจำทางก็มา ยืนตลอด สะดวกซื้อในสถานีรถไฟ ในญี่ปุ่นมีร้านสะดวกซื้อ

ไปลงที่หน้าสถานีรถไฟเกียวโตซึ่งเป็นป้ายสุดท้าย ใหญ่ ๆ อยู่ ๒ บริษัท คือ Family Mart และ
ซึ่งที่หน้าสถานีรถไฟจะเป็นสถานีรถเมล์หลายสาย Lawson ซึ่งจะเห็นทุกหัวมุมถนน แต่ในสถานีรถไฟ
มาจอดรอผู้โดยสาร และข้างสถานีจะมีสำนักงาน ก็จะมีร้านขายอาหารที่เรียกว่า “เบนโต” เป็นอาหาร
รถเมล์ซึ่งสามารถซื้อตั๋วรายวันได้ ราคาวันละ ๖๕๐ กล่อง มีอาหารหลายชนิด ญี่ปุ่นจะรับประทาน
เยน นั่งกี่เที่ยวกี่สายก็ได้ จากหน้าสถานีรถไฟ อาหารกล่องในระหว่างการเดินทางไกล และรูปแบบ
เกียวโตนั่งรถประจำทางไปเที่ยววัดคิงคะคุจิ ที่สถานี ของเบนโตไม่เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแต่ราคา เมื่อ
รถประจำทางมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทรถประจำทางยืน ประมาณ ๓๐ ปีที่แล้ว กล่องละ ๑๕๐ – ๒๐๐ เยน

คอยบริการผู้โดยสารที่ถามว่าจะไปที่ใด จะขึ้นสาย น้ำชากล่องละ ๕๐ เยน แต่ปัจจุบันราคาต่ำสุด ๓๕๐
เบอร์อะไร เมื่อทราบแล้วเราก็ไปยืนตรงป้ายรถ – ๙๕๐ เยน แล้วแต่ชนิดของอาหารภายในกล่อง
ประจำทางที่จะไปวัดคิงคะคุจิ ยืนสักครู่มีคนมาต่อ ส่วนน้ำชากล่องก็เป็นน้ำชาขวด ชาเขียวหรือน้ำชา
ท้ายเราทั้งญี่ปุ่นและฝรั่ง แถวยาวออกไปนอก จีนราคาขวดละ ๑๕๐ เยน น้ำแร่ขวดเล็ก ราคาขวด

กันสาดป้ายรถมล์ นั่งรถไปประมาณเกือบ ชั่วโมง ละ ๑๒๐ เยน ที่บนชานชลารถไฟไปต่างจังหวัดก็มี
นานจนผิดสังเกต ดังนั้นจึงต้องถามคนโดยสารญี่ปุ่น ซุ้มขายอาหารกล่องและอื่น ๆ เรียกว่า Kios ซึ่ง
เป็นระยะ ๆ และฟังเสียงประกาศในรถด้วยเพื่อไม่ให้ เป็นชื่อภาษาเยอรมัน ในภาษาญี่ปุ่นมีภาษาเยอรมัน
พลาด เพราะขณะนั้นเป็นเวลาเกือบสามโมงเย็นแล้ว ปนอยู่หลายคำ เช่น Arabite ซึ่งภาษาเยอรมันแปล
เราจะต้องออกจากเกียวโตนั่งรถชิงกังเซงไปลงที่ ว่าการงาน แต่ญี่ปุ่นนำมาใช้การจ้างทำงานแบบไม่

สถานีนาโงย่า เพื่อต่อรถด่วนพิเศษสายฮิดา (ฮิดา เต็มเวลา คือจ่ายเป็นครั้ง ๆ ไม่มีเงินเดือน ญี่ปุ่น
เป็นชื่อเขตฮิดะอยู่ในจังหวัดกิฟู ซึ่งตั้งอยู่ภาคกลาง เรียกว่า อาราไบโตะ
ของญี่ปุ่นโดยประมาณ เป็นหุบเขาที่ภูเขาล้อมรอบ รถชิงกังเซนถึงนาโงย่าประมาณ ๑๘๐๐
จึงทำให้บริเวณนี้มีหิมะตกมาก) เมื่อถึงสถานีซึ่งคน สอบถามเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟว่าสายฮิดาขึ้นได้ที่
ขับรถโดยสารตะโกนบอกถึงวัดคิงคะคุจิ เมื่อซื้อตั๋ว ชานชลาหมายเลขเท่าไร เมื่อทราบแล้วรีบไต่บันได
เข้าไปในบริเวณวัดซึ่งเป็นสวนสนขนาดใหญ่ วัดจะ
อยู่กลางสระซึ่งมีรั้วไม้ล้อมรอบ ยืนดูได้ห่าง ๆ วัดนี้

เป็นอาคารสีทองสูงสามชั้น แต่ละชั้นมีชานรอบตัว
อาคาร ทาสีทองทั้งสามชั้น เมื่อกระทบกับแสง
อาทิตย์จะสวยงามมาก วัดนี้มีชื่อว่าศาลาทองคำมี
สามชั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หนังสือนำเที่ยว
แนะนำว่า ถ้านักท่องเที่ยวมาเกียวโต ถ้าไม่ได้มาชม
ศาลาทองคำนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเกียวโต เดินดูรอบแล้ว
ก็ออกมาที่ถนนใหญ่ เป็นเวลาที่โรงเรียนเลิก ที่ป้าย
รถเมล์มีนักเรียนหญิง-ชายยืนรอมากมาย ดูเครื่อง
แบบแสดงว่าเป็นนักเรียนชั้นมัธยม ทุกคนเดินเข้า

คิวขึ้นรถ ไม่มีการเบียดกันขึ้น ภายในรถอากาศ
อบอ้าวมากมีนักเรียนที่ขึ้นมายกกระจกหน้าต่างรถ รถชิงกังเซน


๐60 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

ชานชลาเหมือนกันทุกสถานีรถไฟในประเทศญี่ปุ่น เช้าวันรุ่งขึ้นออกจากโรงแรมเวลาประมาณ
ป้ายประกาศตัวไฟฟ้าที่แขวนอยู่ใต้หลังคาชานชลา ๐๗๐๐ เพื่อไปชมตลาดเช้าซึ่งยังไม่รู้อยู่ทางทิศไหน
ประกาศว่า รถด่วนพิเศษฮิดาไปทาคายามาเที่ยว ของเมืองทาคายามา ถามเจ้าหน้าที่โรงแรมบอก

สุดท้ายออกเวลา ๑๙๔๕ เราจึงมีเวลาพอจะไป เพียงออกจากโรงแรมเดินไปทางซ้ายไปตามถนนที่
ห้องน้ำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลชานชลา เราใช้ลิฟท์ซึ่งมีอยู่ทุก ผ่านหน้าโรงแรม อากาศเย็นมากเกือบหนาว เมื่อ
สถานีที่ไป ไปต่างจังหวัดลงไปชั้นล่าง เดี๋ยวนี้อ่าง เดินไปได้ ๕ นาทีถึงสี่แยกก็เกิดปัญหาว่าไปทางไหน
ล้างมือเกือบทุกสถานีจะไม่ใช้ก๊อกที่ใช้มือบิดแล้ว เพราะไม่มีป้ายบอกทางที่ตั้งตลาดเช้าและตลาด
แต่ใช้ก๊อกที่เปิดปิดด้วยแสงอินฟราเรด ซึ่งทำให้เรา เมืองทาคายามา ถามชายสูงอายุที่เดินสวนมาถาม
ไม่ต้องจับที่หมุนก๊อก จึงไม่จับต้องเชื้อโรค เป็นการ ได้ความว่าเขาก็เป็นนักท่องเที่ยวมาจากจังหวัดอื่น
ป้องกันการติดเชื้อ เสร็จแล้วก็ขึ้นลิฟท์กลับไปที่ชาน ยืนลังเลอยู่ก็มีชายผ่านมาบอกให้เลี้ยวซ้ายเพียง

ชลารถฮิดาการใช้ลิฟท์ต้องดูว่าลิฟท์ตัวใดจะใกล้ชาน อย่างเดียว เพราะดูแกรีบเดินไปทำธุระด่วนหรือ
ชลาที่เราต้องการ รถด่วนพิเศษฮิดาถึงเมือง เปล่า เดินเลี้ยวซ้ายไปได้สักครู่ก็พบหญิงคนหนึ่ง
Takayama ประมาณ ๑๐ โมงเย็น ซึ่งตามตาราง กำลังดึงประตูเหล็กเปิดร้าน ถามได้รายละเอียด จึง
เวลาจะใช้เวลาเดินทางประมาณ ๒ ชั่วโมง ออกมา ทำให้เดินไปถึงตลาดเช้าได้ มีเต็นท์ขนาดใหญ่กาง
นอกสถานีมองหาโรงแรมที่จองทางอินเทอร์เน็ตว่าอยู่ อยู่ ๒ – ๓ เต็นท์ มีร้านค้าอยู่ในเต็นท์ซึ่งส่วนใหญ่









ใกลสถานรถไฟ แตทงสองขางสถานไมมอาคารใด ๆ เป็นพืชผักที่ทางผู้ขายปลูกเอง (อาจเป็นเพราะยัง
เลย จึงได้ถามชื่อโรงแรมจากโชเฟอร์แท็กซี่ที่จอด เช้าอยู่จึงไม่มีคนเดินชมสินค้ามากนัก หลังเต็นท์
เรียงแถวหน้าสถานีรถไฟหลายคัน ได้ความว่าอยู่อีก ตลาดเช้าเป็นสะพานข้ามแม่น้ำซึ่งเมื่อข้ามไปแล้วจะ
ฝั่งหนึ่งของถนนที่หน้าสถานีรถไฟ เดินข้ามฟากก็ ถึงตลาดของเมืองทาคายามา ซึ่งเป็นอาคารไม้ ๒
เห็นชื่อโรงแรมอยู่ชั้นที่สองของอาคารชอปปิ้ง เมื่อ ชั้น ทั้งตลาดดูแล้วคล้ายกับตลาดโบราณในบ้านเรา
จ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตแล้วเอากุญแจขึ้นลิฟท์ไปชั้น หลายแห่ง แต่โชคดีวันนี้เขามีการแห่ศาลเจ้าตาม
ที่ ๕ เป็นโรงแรมประเภท Business Hotel ห้องละ เทศกาล ซึ่งปีหนึ่งทาคายามาจะมีเทศกาลแห่ศาล
๑ คน ของในห้องใหม่มาก แม้แต่ชักโครกใช้ไฟฟ้า เจ้า ๒ ครั้งคือก่อนเริ่มฤดูใบไม้ผลิและก่อนฤดูใบไม้
ถือว่าเป็นโรงแรมทันสมัย ร่วง เทศกาลแห่ศาลเจ้าก่อนฤดูใบไม้ผลิจะเริ่มวันที่
๑๓ – ๑๔ เมษายน (ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์ของ
เรา) ตัวศาลเจ้าใหญ่ประมาณ ๓ x ๓ เมตร สูง

ประมาณ ๑ ๑/๒ เมตร ข้างในศาลเจ้ามีเด็กสาวนั่ง
อยู่ ๓ คน ศาลเจ้านี้วางอยู่บนแคร่สำหรับคนหาม
แล้วนำไปวางบนรถสาลี่ (รถใช้บรรทุกของโดยใช้คน
ลาก) มีเชือกผูก ๒ ข้างของรถสาลี่ มีคนลาก
ประมาณข้างละ ๑๐ คน ในตลาดทาคายามา ซอย
แยกประมาณ ๗ ซอย แต่ละซอยก็จะมีรถลากศาล
เจ้าหนึ่งศาล แล้วเอามารวมกันที่สะพานข้ามแม่น้ำ
ซึ่งมีสวนสาธารณะอยู่ใกล้สะพาน แล้วนำเอาศาลเจ้า

ลงจากรถตั้งอยู่บนพื้นดินใกล้ ๆ กันทั้ง ๗ ศาล
แล้วทำพิธีฉลองศาลเจ้าเป็นการส่วนรวม มีคนไปดู
การแห่ศาลเจ้าและฉลองศาลเจ้ากันมาก ในระหว่าง


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐61

ยืนดูการเลื่อนศาลเจ้าได้พบคนไทย ๒ คู่ เป็นคน ทางขึ้นลงภูเขาตลอดทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ
หนุ่มสาวมาท่องเที่ยวตามลำพังโดยพูดภาษาญี่ปุ่น ๑ ชั่วโมง หมู่บ้าน Shirakawaku เป็นเมืองมรดก
ไม่ได้ ซึ่งต่อมาได้พบกันตลอดทางเที่ยว Alpine โลก ในบ้านในหมู่บ้านปลูกด้วยไม้และใช้ฟางแห้งมุง

Rout แต่เราเริ่มต้นที่เมืองนาโงยาก่อน เมื่อจบการ เป็นหลังคา โดยซ้อนแทรกหลาย ๆ ชั้น ปลูกโดยไม่
เที่ยว Alpine แล้ว จึงกลับไปที่นาโงยา แล้วจึงไป ต้องใช้ตะปูเลยแต่ใช้เชือกฟางรัดตามขื่อแทนบ้าน
เที่ยวเกียวโต และระหว่างทางได้พบคนไทยอีก เหล่านี้เป็นบ้านแบบสมัยเก่าเรียกว่า มาจิยะจุคุริ
ครอบครัว ๆ หนึ่ง เป็นหญิงกลางคนทั้งคู่ และอีก แปลว่าพนมมือ คือหลังคาจะมีรูปเหมือนการพนม
ครอบครัว ๓ คน ซึ่งไม่ได้ใช้บริการทัวร์ และคณะ มือ แต่มองดูแล้วเหมือนบ้านของคนแคระในเรื่อง
หนึ่งประมาณ ๔ คน เป็นคนหนุ่มสาว โดยเดินทาง สโนไวท์ เนื่องจากแถบนี้อยู่ในหุบเขา ในฤดูหนาวจึง
เองเช่นกัน บางครั้งก็ช่วยเขาสอบถามเจ้าหน้าที่ มีหิมะเกาะอยู่บนหลังคาหนามาก และใต้พื้นดินมีแร่

สถานีรถไฟและอธิบายให้คณะของเขาได้เข้าใจในข้อ ร้อนมาก ข้างนั้นจึงมีสระน้ำแร่ริมทางให้ผู้คนอาบ
สงสัย ฟรี บางแห่งก็ทำเป็นโรงอาบน้ำมิดชิดมีผ้าเช็ดตัวให้




























มรดกโลก Shiragawago

รับประทานอาหารเช้าในตลาดทาคายามา ซึ่ง ด้วย คิดราคาคนละ ๕๐๐ เยน แยกห้องชายหญิง
เป็นอาหารญี่ปุ่นในร้านอาหารค่อนข้างหรู ซึ่งอยู่ชั้น ผมได้ให้หลานซึ่งไม่เคยอาบน้ำแร่แบบญี่ปุ่นและ
บนของร้านขายของฝากใหญ่ เสร็จแล้วเดินกลับ แม่บ้านเป็นพี่เลี้ยงทดลองอาบน้ำแร่แบบญี่ปุ่น
โรงแรมเก็บของแล้วไปที่สถานีรถไฟ ซึ่งข้าง ๆ โรงอาบน้ำ จึงดูสวยงามในเวลากลางคืน เมื่อมีแสงไฟ
สถานีมีบริษัทรถทัวร์ซึ่งมีรถทัวร์ที่จะไปเที่ยวเมือง ส่องออกจากภายในบ้าน บ้านส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็น

Shirakawaku ด้วย รถเที่ยวถัดไปประมาณ ๑๐๓๐ ร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหาร ที่เมืองนี้มีเนื้อ
ค่าตั๋วไป-กลับคนละ ๔,๓๐๐ เยน เมื่อจองตั๋วเสร็จ วัวพันธ์ฮิดะ ซึ่งเป็นเนื้อวัวขุน โดยใช้การเลี้ยงด้วย
นั่งรออยู่ในสำนักงานรถทัวร์ เพราะรถยังไม่เข้าป้าย วิธีพิเศษโดยใช้การนวดและทำให้วัวมีอารมณ์ดี เขา
ซึ่งอยู่หน้าสำนักงาน เมื่อใกล้เวลารถออกไปเข้าแถว ว่าเนื้อหนาและนุ่ม คุณภาพดีกว่าเนื้อวัวโกเบจริง
หน้าสำนักงาน ถึงเวลารถออกตรงเวลา เส้นทางเป็น หรือไม่ยกให้คำโฆษณา เพราะราคาแพงมาก ไม่ได้


๐62 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

ลองรับประทานด้วยตัวเอง เดินผ่านร้านเล็ก ๆ มี ๖,๓๐๐ เยน เพราะต้องนั่งรถไฟจากสถานีนี้ไปลงที่
ป้ายบอกว่า แป้งไส้เนื้อวัวฮิดะ การปรุงคือเป็น สถานีรถไฟ Tateyama แล้วขึ้นเคเบิลคาร์ที่อยู่ใน
ซาลาเปาไส้เนื้อฮิดะบด ไม่ใช้เนื้อสะเต๊ก จึงไม่รู้ สถานี Tateyama แล้วเดินทางไปตามที่ได้เล่าไว้

รสชาติเป็นอย่างไร ขากลับพบคนไทยสาว ๆ อีก ๔ ตอนต้นแล้ว พอซื้อตั๋วรถไฟแล้ว รถไฟที่จะไปสถานี
คนที่เดินทางมาเที่ยวเอง เรานั่งรถด่วนพิเศษฮิดา Tateyama จอดรออยู่ชานชลา ๑ อยู่ก่อนแล้ว ก่อน
ออกจากเมืองทากะยามาตอนเกือบสี่โมงเย็น ถึง จะเดินไปขึ้นรถไฟได้พบกับคณะคนไทยที่เคยพบมา
สถานี Toyama ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะท่องเที่ยวตาม แล้วที่เมือง ทาคายามา กำลังพูดกับเจ้าหน้าที่ของ
แผน Alpine Rout ที่ได้เล่ามาข้างต้น ถึงสถานี สถานีรถไฟคงไม่เข้าใจ จึงขอให้ผมถามว่า เมื่อ
Toyama เกือบ ๒ ทุ่ม ขึ้นแท็กซี่หน้าสถานีรถไฟไป เที่ยวทางเข้า Alpine Route แล้ว เขาจะไม่กับมา
โรงแรมที่จองไว้ทางอินเทอร์เน็ต มีปัญหาว่าแท็กซี่ ที่สถานีนี้อีก แต่จะต่อไปเมืองนาโงย่าได้อย่างไร

รับได้เพียง ๔ คน แต่โชเฟอร์ซึ่งผู้หญิงได้อาสาหา เจ้าหน้าที่อธิบายว่า ให้นั่งรถบัสจากสถานีสุดท้าย
รถแท็กซี่ที่นั่งได้ ๕ คน หาอยู่พักใหญ่ โชเฟอร์หญิง (เขื่อนไฟฟ้า Kurobi) ของ Alpine Route ซึ่ง


กลับมาบอกว่าหาได้แล้ว ขอให้เขารับประทาน ค่าโดยสารช่วงนั้นไม่รวมกับราคาเที่ยว Alpine Route
อาหารเสร็จก่อน รถแท็กซี่มาส่งหน้าโรงแรมซึ่งเป็น จึงได้เข้าใจ แต่ซื้อตั๋วไม่ทัน เพราะรถไฟกำลังจะ
โรงแรมใหม่มีศูนย์การค้าอยู่ในโรงแรมด้วย ตอนจอง ออกจากสถานี จึงได้ซื้อตั๋วรถไฟไปลงที่สถานี
ทางอินเทอร์เน็ต หาโรงแรมราคาถูกอยู่ใกล้สถานี Tateyama ส่วนการเดินทางต่อไปให้ไปซื้อที่สถานี
รถไฟไม่มี มีเพียงโรงแรมนี้แห่งเดียวห่างจากสถานี เคเบิลคาร์สถานี Tateyama
รถไฟประมาณ ๔ กิโลเมตร จอง ๓ ห้อง ราคา กลับมาบ้านท่านผู้ช่วยทูตทหารเรือในโตเกียว
คนละ ๙,๕๐๐ เยน และคิดราคานี้เพียงสองคน และ ยังมีวันใน Jr-Pass เหลืออีก ๓ วัน จึงออกไปเที่ยว

คิดคนละ ๗,๕๐๐ เยน ๓ คน เฉลี่ยคนละประมาณ สวน Ueno เพื่อหวังจะไปดูดอกซากุระ ซึ่งก็ได้ผล
๗,๕๐๐ เยนต่อคน คือ ยังมีดอกซากุระบานอยู่บางส่วนของสวนอูเอโน
เช้าออกจากโรงแรมขึ้นแท็กซี่หน้าโรงแรม มี ปกติดอกซากุระจะบานแต่ละท้องถิ่นซึ่งจะบานอยู่
ปัญหาจำนวนผู้โดยสาร ผมจึงตัดสินใจฝากกระเป๋า นานหนึ่งสัปดาห์ แต่ปีนี้เนื่องจากในโตเกียวอากาศ
ไปกับแท็กซี่ให้คณะนั่ง ส่วนผมเดินเท้าไปสถานี ยังเย็นอยู่เหมือนยังเป็นฤดูใบไม้ร่วง จึงอาจเป็นเหตุ
ตอนแรก ๆ ก็มั่นใจว่าจะไปสถานีถูก แต่เมื่อเดินไป ให้ปีนี้โตเกียวมีดอกซากุระบานช้ากว่าปีก่อน
ถึงสี่แยกหลายแยกทำให้ลังเล โชคดีที่เดินออกจาก ประมาณ ๑ สัปดาห์ ตามที่บอกไว้แล้วดอกซากุระ

โรงแรมไประยะหนึ่งพบเด็กหนุ่มเดินไปทางเดียวกับ บานอยู่เพียงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งสั้นมาก ดอกซากุระจึง
ผม ได้ถามทางไปสถานีรถไฟ เขาบอกให้เดินตรงไป เป็นดอกไม้ที่ล้ำค่า กลีบดอกซากุระร่วงหล่น ผู้คน
เรื่อย ๆ ผมจึงสาวเท้าเดินเร็วแยกจากเขาไป เมื่อ ก็ได้สัมผัสถึงความงดงามที่เรียกว่า “วาบิซาบิ” (แปล
เดินไปอีกพักหนึ่งยังมองไม่เห็นสถานีรถไฟ ไม่แน่ใจ ว่าความงาม) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนของชาว
ว่าจะต้องเลี้ยวซ้ายหรือขวาที่สี่แยกใดสี่แยกหนึ่ง จึง ญี่ปุ่น และเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นหลงใหลของ
ชะลอคอยเด็กหนุ่มคนนั้น ปรากฏว่าเขาก็ไปสถานี ดอกซากุระตั้งแต่โบราณ ถึงจะมีชื่อ “ซากุระ”
รถไฟเดียวกับผมจึงสบายใจ ไปถึงสถานีรถไฟขณะที่ เหมือนกัน แต่ความจริงแล้วซากุระมีกว่า ๓๐๐ สาย
คณะที่ไปแท็กซี่ไปคอยอยู่หน้าสถานีรถไฟอยู่ก่อน พันธุ์ที่แต่รูปทรงและช่วงเวลาที่ดอกผลิบานนั้น จะ
แล้ว คนขายตั๋วเมื่อทราบว่าเราจะไปดูกำแพงหิมะที่ แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ ดอกซากุระทั่วไปมีชื่อ

มูโรโด เขาก็ให้เจ้าหน้าที่คนที่อยู่นอกห้องขายตั๋วมา ว่า “โซเมอิชิโนะ” ซึ่งมีมากที่สุดในญี่ปุ่น และถูก
อธิบายว่า ถ้าไปแค่ดูกำแพงหิมะ ไป-กลับคนละ ขยายพันธุ์ไปทั่วโลก


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐63

เมื่อถึงฤดูกาลที่ดอกซากุระผลิบาน ชาวญี่ปุ่น ของเด็กโดยเฉพาะ ครูผู้ควบคุม ๒ – ๓ คน นั่งคุย
จะจัดงานเทศกาลชมดอกซากุระโดยปูเสื่อใต้ต้น กันใกล้นักเรียน แต่ตาก็จับจ้องที่นักเรียนตลอดเวลา
ซากุระ ทานอาหารและดื่มเหล้าสังสรรค์ร่วมกัน หลวงพ่อโตคามากุระมีทางลงเข้าไปข้างในองค์พระ

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว แต่ปีนี้ชาวญี่ปุ่น ด้วย โดยคนที่มานมัสการส่วนใหญ่จะลงบันไดเข้าไป
พร้อมใจกันงดจัดงานเทศกาลซากุระ เพราะคนทั้ง ในองค์พระ และเป็นที่เชื่อกันทั่วไปว่า หลวงพ่อ
ประเทศยังอยู่ในอารมณ์โศกเศร้ากับเพื่อนร่วมชาติที่ เฮี้ยนเกี่ยวกับการขอลูก เรื่องนี้เป็นความเชื่อเฉพาะ
ประสบภัยจากแผ่นดินไหวและสึนามิ จึงตั้งใจไป ตัว เลยจากวัดหลวงพ่อโตไปต่ออีก ๒ สถานี รถ
คามากูระ เพื่อไปนมัสการพระหลวงพ่อโต ซึ่ง ประจำทางจะมีวัดชื่อวัดไผ่ ซึ่งทางเข้าวัดจะเป็นสวน
ชาวบ้านก็เรียกอย่างนี้ ไม่มีชื่อโดยเฉพาะ พระหลวงพ่อโต ไผ่กว้างขวางหลายกิโลเมตร เป็นต้นไผ่สูงใหญ่ ปลูก
นี้ทำด้วยบรอนส์สีทอง มีความสูง ๑๓.๓๕ เมตร ห่างกันประมาณ ๑ เมตร ที่น่าแปลกใจมากคือ พื้น







หน้าตักประมาณ ๕ เมตร สร้างตั้งแต่ปี ไม่มีใบไผ่แห้งปกคลุมพื้นดินเลย วัดนี้เป็นวัด



ค.ศ.๑๒๕๒ เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่เป็นที่สอง ปฏิบัติธรรม ที่ลานวัดจะเป็นสวนหิน
ในประเทศญี่ปุ่น พระพุทธรูปหลวงพ่อโตที่ใหญ่ สวยงามมาก วันที่ไปเห็นมีผู้มา
ที่สุดในญี่ปุ่นอยู่ที่วัดโทไคจิ เมืองนารา เกียวโต ปฏิบัติธรรมหลายคน
หลวงพ่อโตที่คามาคุระเป็นพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่กลาง หลังจากกลับมาจาก
แจ้งไม่มีวิหาร ที่เป็นเช่นนี้เพราะเมื่อประมาณ ๖๐๐ วัดหลวงพ่อโตคามากุระ
ปีก่อนหลวงพ่อโตที่คามากุระอยู่ในวิหาร แต่ถูกสึนามิ เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์จึง
ทำลายวิหารพังทลาย วิหารหลวงพ่อโตซึ่งอยู่ห่าง เลยไปที่กินซ่า ซึ่งวัน
จากทะเลที่ Enoshima ซึ่งมีชายทะเลทอดยาวไปถึง เสาร์-อาทิตย์ จะมีถนน
วัดคามากุระ ปัจจุบันมีรถรางวิ่งขนานกับทะเล คนเดินอยู่หลายสาย
ระหว่าง Enoshima และ Kamakura ถ้าคนที่ชอบ สำหรับรอบ ๆ จะเป็น
ชมวิวทะเลใช้รถรางสายนี้จะได้เห็นวิวทะเลตลอด ถนนรถยนต์วิ่งเช่นเดิม
ทาง และบางโอกาสจะมองเป็นภูเขาฟูจิด้วย ในวัน กลางถนนจะมีรถเข็นขาย
หยุดช่วงฤดูร้อนคนที่อาศัยอยู่แถว Enooshma และ ไอศกรีม หรือเครื่องดื่ม
Kamakura และโตเกียว จะมาพักผ่อนเล่นน้ำทะเลที่ อื่น ๆ มีผู้คนมาเดินอยู่มาก
Enoshima เพราะใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวถึง เพราะตอนไปถึงเป็นเวลาบ่าย

เอนโนชิมาประมาณ ๑ ชั่วโมงเศษเท่านั้น จะต้อง แล้ว ตรงที่แยกห้างมิทสโครี่จะเป็น
เดินทางด้วยสายเคโอเท่านั้น เริ่มที่สถานีชินยุกุ แต่ถ้า ตึกสูงประมาณ ๑๐ ชั้น อยู่ตรงข้ามห้าง
เดินทางโดยรถไฟ Jr ต้องมาต่อสายเคโอที่สถานีฟูจิ มิทสโครี่ ชั้นล่างกับชั้นที่ ๒ ซึ่งหน้าต่างเป็น
ซาวา เนื่องจากสายเคโอนี้เป็นรถไฟฟ้าท้องถิ่น ปกติ กระจกรอบ ๆ ชั้นล่างเป็นที่ขายขนมและไอศกรีม
จะมีผู้โดยสารไม่มาก แต่ในฤดูร้อนจะแน่นทุกขบวน เมื่อซื้อแล้วต้องเอาขึ้นไปรับประทานชั้นที่ ๒ ซึ่งจะ
เพราะมีคนไปเที่ยวทะเลที่เอนโนชิมากันมาก แม้แต่ มองเป็นวิวสี่แยกกินซ่าโดยรอบ ออกจากกินซ่านั่ง
นักเรียนอนุบาลก็นิยมมาเที่ยวที่นี่ ครูผู้ควบคุมจะ รถไฟใต้ดินที่สถานียูราคุโจ ไปลงที่สถานีฮิงาชิเอ
เอาเชือกผูกผ้ามาล้อมเขตระหว่างชายหาดกับ คิบุคโคโระ เดินขึ้นบนดินใกล้สถานีมีร้านสะดวกซื้อ
ชายทะเลให้นักเรียน ซึ่งทุกคนจะมีพลั่วและกระป๋อง Family Mart ซึ่งเป็นของคนญี่ปุ่น แต่ขายเฟรนไชด์

เล็ก สำหรับตักทรายแล้วเอามากองรวมกันที่ ไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย เดินต่อไปอีก
ชายหาด โดยไม่มีใครสนใจผู้ใหญ่เล่นน้ำ เป็นโลก ประมาณ ๒๐๐ เมตร ตึกสูงใหญ่ชื่อ Center ซึ่งเป็น


๐64 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

ตึกที่วัยรุ่นมาสังสรรค์กัน ชั้นที่ ๓ จะเป็นร้านขาย ๑๙๕๕ เพื่อจะให้ถึง Shinagawa เวลาประมาณ
ราเมน ยาวประมาณสัก ๒๐ ร้านเห็นจะได้ ขายแต่ ๒๒๐๐ ผมไปรอที่สถานี Shinagawa ก่อนเวลา
ราเมนและอาหารญี่ปุ่นเหมือนกันหมด เข้าไปดู ๒ – รถไฟชิงกังเซนซึ่งออกจากสถานีโตเกียวมาถึง

๓ ร้านทุกร้านก็มีแขกนั่งกันเกือบเต็ม บางร้านหน้า Shinagawa ประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อถึงสถานี Shin
ร้านจะมีตุ๊กตาแมวกวักมือและมีเสียง “yokoso” Osak (ชิงกังเซนไม่จอดที่สถานี Osaka) ต้องเปลี่ยน
ออกมาจากตัวแมวเป็นระยะ เข้าไปรับประทาน เป็นนั่งรถไฟใต้ดินลงที่สถานี่ Osaka ถามเจ้าหน้าที่
อาหารเย็น ซึ่งใช้ตู้กดเลือกอาหาร ซึ่งมีรูปอาหารอยู่ สถานี Osaka รถท้องถิ่น Jr ที่จะไปลงที่สถนีที่ตั้ง
บนตู้พร้อมราคา เมื่อได้คูปองจากตู้แล้วก็ไปยื่นให้ ปราสาทโอซาก้า (ทั้งนี้เพราะมีรถท้องถิ่นหลายสาย

กุ๊กซึ่งอยู่ด้านในของเคาน์เตอร์รูปวงรี ซึ่งมีที่นั่ง ถ้าขึ้นรถไฟ Jr จะไม่ต้องเสียค่าโดยสารอีก เพราะ
สำหรับลูกค้า และที่นั่งอีก ๒ – ๓ โต๊ะ เราจึงเลือก Jr–Pass รวมทั้งชิงกังเซน และรถไฟ Jr และรถ

นั่งที่เคาน์เตอร์ซึ่งมีขวดขิงดอง หัวไช้เท้าดอง ประจำทาง Jr ส่วนรถชิงกังเซน Nozomi ซึ่งจอด
พริกป่น และโชยุ วางอยู่ตรงหน้าลูกค้า สถานีตามทางน้อยมากจะใช้ตั๋ว Jr–Pass ไม่ได้
ขึ้นไปชั้นที่ ๕ ทางเข้าอาคารจะ หากต้องการนั่งรถชิงกังเซน Nozomi ต้องเพิ่มเงิน
ทำเ ป็ นป่าเ ปิ ดไ ฟ สลัว ๆ อีกจำนวนหนึ่ง) เมื่อเจ้าหน้าที่สถานีบอกหมายเลข
นาน ๆ จะมีหน้าผีทำด้วย ชานชลาและชื่อสถานีที่ตั้งปราสาทโอซาก้า ซึ่งนั่งไป
พลาสติกโผล่ออกมาใกล้กับ ลงสถานีที่ ๒ นับจากสถานี Osaka แต่เมื่อลงจาก
ทางเดิน เมื่อเข้าไปใน รถแล้วเห็นยอดปราสาทโอซาก้าอยู่ริบ ๆ ต้องเดิน
อาคารแล้วจะเจอวัยรุ่น ฝ่าฝนที่ตกหนักมาก โชคดีที่ได้ซื้อเสื้อกันฝนจากร้าน
ช า ย - ห ญิ ง แ ต่ ง ตั ว ๑๐๐ เยน จึงได้ใช้ทันเหตุการณ์ เมื่อถึงตัวปราสาท

ประหลาด ๆ เดินกัน ได้พบกับคณะคนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ได้
ขวักไขว่ไปมาเป็นกลุ่ม ๆ ทักทายกัน แล้วเราก็เดินกลับสถานีรถไฟ ส่วนคณะ
หน้าห้องที่ต้องซื้อตั๋วจึง อื่น ๆ เขายังคงพยายามเดินขึ้นบันไดหินซึ่งทางเดิน
เข้าไปได้ ลืมถามคนเฝ้า เป็นเนินสูงขึ้นเรื่อย ๆ เราเห็นว่าแม้จะไปถึงพื้นล่าง
ประตูว่าภายในห้องมีการ ของปราสาท ถ้าไม่ได้เข้าไปข้างใน ก็คงไม่ได้
แสดงอะไร เมื่อเดินผ่านห้องนี้ ประโยชน์ สู้กลับไปเที่ยวในเมืองดีกว่า ร้านค้าหน้า

ไปอีกฝั่งหนึ่ง จะมีร้านขาย สถานีรถไฟโอซาก้า เป็นร้านขายเคร่องอิเล็กทรอนิกส ์
ไอศกรีมหลายสิบร้าน แต่ละร้านก็มี และคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือเช่นเดียวกับร้านค้า
ไอศกรีมรสแปลก ๆ ขาย ก้อนละ ๑๐๐ ที่ Akihabara และ Shinjuku ในโตเกียว
เยน เดินดูร้านขายไอสครีมสักครู่หนึ่งจึงเดิน เย็นวันนี้เป็นวันเดินทางกลับกรุงเทพ ฯ ท่านผู้
ทางกลับที่พักเช้าวันนี้ตั๋ว Jr-Pass เป็นวันสุดท้าย ช่วยทูตทหารเรือได้เลี้ยงอาหารมื้อค่ำ ซึ่งแม่บ้าน
นั่งปรึกษากันอยู่พักหนึ่ง จึงตัดสินใจไปเที่ยว Kobe เป็นผู้ประกอบอาหารไทยเอง มีหลายชนิดแต่ละ
Osaka ไปจองที่นั่งรถชิงกังเซนที่สถานีรถไฟ อย่างรสชาติอร่อยฝีมือเทียบเท่ากุ๊กอาชีพ เมื่อ
Shinagawa เลือกชิงกังเซนขบวน Katori ซึ่งมี รับประทานอาหารแล้วท่านผู้ช่วยทูตทหารเรือและ
ความเร็วรองลงมาจากชิงกังเซน Nozomi ส่วนชิงกัง เสมียนทูตได้ไปส่งที่สนามบินฮาเนดะ เครื่องบินออก
เซนที่ชื่อ Kodama จะจอดตามสถานีมากกว่า เวลา ๒๓๐๐ ขากลับก็เช่นเดียวกับขามาคือตีตั๋ว

Katori โดยจองที่นั่งขาไปเที่ยว ๐๘๓๐ ออกจาก นอนตลอดทาง
Shinagawa และขากลับ ออกจาก Osaka เวลา


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐65

Since 2459 B.E.



บทความ



ของ
งานกู้ชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช




พลเรือเอก วสินธ์ สาริกะภูติ






















































ศึกยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชา

บทที่ ๘ สงครามศิษย์ร่วมสำนัก




(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


๐66 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

ไพร่พลของพระมหาอุปราชาสร้างค่ายหลวงที่ตะพังตรุ


















แผนการรบของสมเด็จพระนเรศวร ทำหน้าที่เหมือนกองรักษาด่านทั่วไป หรือกองรักษา

จัดตั้งหน่วยกองโจรปฏิบัติการหลังแนวข้าศึก ด่านรบ ของการรบด้วยวิธีรับแบบปัจจุบัน
โดยให้พระอมรินทร์ฤาชัย เจ้าเมืองราชบุรี คุมทหาร กองทัพหลวง
จำนวน ๕๐๐ คน (กองพันรบพิเศษ) แต่งเป็นกองโจร เมื่อเตรียมกองทัพหลวงพร้อมแล้ว ถึงเดือนยี่
ไปซุ่มคอยตีตัดการลำเลียง และรื้อทำลายสะพาน ขึ้น ๙ ค่ำ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๑๓๕ สมเด็จ
ทางเดินทัพของข้าศึกอยู่ด้านหลัง พระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้เสด็จโดย
ตั้งกองรักษาด่านทั่วไป โดยให้พระยาศรีไสยณรงค์ ขบวนเรือพระที่นั่ง ออกจากกรุงศรีอยุธยา ไปทำพิธี
เป็นแม่ทัพ พระยาราชฤทธานนท์ เป็นยกกระบัตร ตัดไม้ข่มนามที่ทุ่งลุมพลี แล้วเสด็จไปยังที่ตั้งทัพหลวง

คุมทัพหัวเมืองไปตั้งสกัดขัดตาทัพ คอยรับหน้า ที่ตำบลมะขามหวาน ประทับแรมจัดขบวนทัพหลวง
ข้าศึกอยู่ที่ลำน้ำท่าคอย แขวงเมืองสุพรรณบุรี มีกำลังพล ประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คน ออกจากทุ่ง

นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐67

ป่าโมกไปทางสุพรรณบุรี ทางบ้านสามโก้ ข้ามลำน้ำ เปรียบที่ฝ่ายตนมีกำลังพลมากกว่าเป็นอันมาก
สุพรรณ ที่ท่าท้าวอู่ทอง ไปตั้งค่ายหลวงที่ตำบล เข้าบดขยี้ละลายทหารไทยให้แตกพ่ายเสียใน
หนองสาหร่าย ริมลำน้ำท่าคอยเมื่อวันขึ้น ๑๔ ค่ำ คราวเดียว และถ้าได้ท่วงที ก็ไล่ติดตามโจมตีเข้ายึด

เดือนยี่ ตรงกับวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๑๓๕ กรุงศรีอยุธยาเอาไว้เสียเลย เป็นการเผด็จศึกรวดเดียว
ก่อนพญาช้างสารจะชนกัน เอาให้ได้ทั้งคนทั้งเมือง กะเล่นได้เสียในคราวเดียว
ฝ่ายพม่าพระมหาอุปราชา เดินทัพอย่างช้า ๆ จะได้กลับไปเล่นสงกรานต์ที่กรุงหงสาวดี ได้ทันใน
ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาทเหมือนคราว ต้นปีหน้า (เมษายน พ.ศ.๒๑๓๖)
พ.ศ.๒๑๓๓ ด้วยได้บทเรียนไปครั้งหนึ่งแล้ว ไม่พบ ฝ่ายไทยเมื่อทัพหลวงถึงหนองสาหร่ายแล้ว
ทัพไทยระหว่างทาง จึงเดินกระบวนทัพล่วงเข้ามาถึง สมเด็จพระนเรศวรก็มีรับสั่งให้กองทัพของพระยาศรี
ตำบลตระพังตรุ แขวงเมืองสุพรรณบุรี ห่างจากค่าย ไสยณรงค์ กับ พระยาราชฤทธานนท์ ซึ่งวางกำลัง

ทัพไทยของพระยาศรีไสยณรงค์ ประมาณทางเดินเท้า ขัดตาทัพอยู่ก่อนแล้ว ให้เคลื่อนกำลังไปยังดอน
๓ วัน แล้วจึงให้แม่กองมอญ ๓ คน สมิงจอคราน ระฆัง และให้ส่งหน่วยลาดตระเวนออกไปให้ทราบ
สมิงเป่อ และสมิงซาม่วน คุมทหารม้าชาวมอญ ข่าวการเคลื่อนไหวของกองทัพใหญ่พม่า
๓๐๐ คน ออกลาดตระเวนสืบข่าวของฝ่ายไทย แล้วให้จัดขบวนรบ เตรียมรับศึก เพราะกองทัพ
ถึงตำบลเอกราช บางกระทิง แขวงกรุง ได้ข่าวว่า ทั้ง ๒ ฝ่าย เคลื่อนเข้ามาใกล้กันมากแล้ว ไม่นาน

สมเด็จพระนเรศวร เป็นจอมทัพ เสด็จออกไปเอง เกินรออีก ๒ – ๓ วัน ต้องได้รบกันแน่นอน
มีกำลังพลแค่แสนคนเศษ ๆ พระมหาอุปราชา กองทัพไทยของสมเด็จพระนเรศวร จัดขบวน
ปรึกษาแม่ทัพนายกองของตน เห็นว่าควรใช้ความได้ ทัพเป็นแบบ “เบญจเสนา” หรือที่เรียกว่าห้าทัพเมื่อ








































ภาพทัพของพระเจ้าหงสาวดีช้างเผือก

๐68 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

ค่ายหลวงของพระมหาอุปราชา ที่ตะพังตรุ
รุ่งอรุณวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๑๓๕ ดังนี้ คอยให้สัญญาณแก่ทหาร และคอยส่งอาวุธ นายมหานุภาพ
( จากหนังสือสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยกอง ควาญ ทำหน้าที่บังคับและช่วยเหลือช้างในขณะที่
บัญชาการทหารสูงสุด ปี พ.ศ.๒๕๔๖ หน้า ๑๒๘ -๑๓๐ ) ช้างข้าศึกเข้ามาทำร้าย จตุลังคบาท คอยพิทักษ์
กองทัพหน้า พระยาสีหราชเดโชชัย เป็นแม่ทัพ พระคชาธาร คือ พระมหามนตรี อยู่เท้าหน้าขวา
ขี่ช้างพลายโจมไตรภพ ถือพล ๑๐,๐๐๐ พระมหาเทพ อยู่เท้าหน้าซ้าย หลวงอินทรเทพ
พระยาพิชัยรณฤทธิ์ เป็นปีกขวา ขี่ช้างพลาย อยู่เท้าหลังขวา หลวงพิเรนทรเทพ อยู่เท้าหลังซ้าย
จบไตรจักร ถือพล ๕,๐๐๐ คน ทั้ง ๔ ท่าน เป็นขุนนางในกรมพระตำรวจหลวง และ

พระยาพิชิตรณรงค์ เป็นปีกซ้าย ขี่ช้างพลาย ยังมีพลราบอยู่อีกจำนวนหนึ่ง คนนอกถือหอก
จู่โจมทัพ ถือพล ๕,๐๐๐ คนในถือดาบ
กองเกียกกาย พระยาเทพอรชุน เป็นแม่ทัพขี่ พระคชาธารของสมเด็จพระเอกาทศรถนั้น
ช้างพลาย จับโจมยุทธ์ ถือพล ๑๐,๐๐๐ ให้เอาพลายบุญเรือง (พระยาหลวงเมืองน่าน น้อมเกล้า ฯ
พระยาพิชัยสงคราม เป็นปีกขวา ขี่ช้างพลาย ถวาย) ขึ้นระวางสะพัดชื่อ เจ้าพระยาปราบไตรจักร
ฝ่าพลแมน ถือพล ๕,๐๐๐ สูง ๖ ศอก ๑ คืบ ติดน้ำมันหน้าหลัง หมื่นภักดีศวร

พระรามคำแหง เป็นปีกซ้าย ขี่ช้างพลาย เป็นกลางช้าง ขุนศรีคชคงควาน
แสนพลพ่าย ถือพล ๕,๐๐๐ ขึ้นระวางสะพัด คือขึ้นระวางในกลางศึก ขณะนั้น
กองทัพหลวง สมเด็จพระนเรศวร ทรงเป็น ช้างทั้ง ๒ ได้เลื่อนยศจากไพร่พลช้างธรรมดา

จอมทัพ พร้อมด้วยสมเด็จพระเอกาทศรถ กำลังพล เป็นเจ้าพระยา ชั้นแม่ทัพคงจะเป็นเพราะเป็นช้าง
ประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คน ขนาดใหญ่แข็งแรง
ให้เอาพลายภูเขาทอง สูง ๖ ศอก ๑ คืบ ๒ นิ้ว เจ้าพระยามหาเสนา เป็นปีกขวา ขี่ช้างพลาย

ขึ้นระวางสะพัดชื่อ “เจ้าพระยาไชยานุภาพ” มารประลัย ถือพล ๑๕,๐๐๐
ติดน้ำมันหน้าหลัง เป็นพระคชาธาร ของพระองค์ เจ้าพระยาจักรี เป็นปีกซ้าย ขี่ช้างพลาย
เจ้ารามราฆพ เป็นกลางช้าง ถือแพนหางนกยูงสองมือ ไฟภัททกัลป์ ถือพล ๑๕,๐๐๐


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐69

และหน้าพระคชาธาร ออกไปปลายเชือกนั้น มี กองทัพหลัง พระยาท้ายน้ำ เป็นแม่ทัพ ขี่ช้าง
ขุนศึกต่าง ๆ ขี่ช้างพลาย ต่าง ๆ พร้อมพลเดินเท้า พลายสวัสดีพิชัย ถือพล ๑๐,๐๐๐
ดังนี้.-

























เส้นทางเดินทัพของพม่า
ขุนโจมจตุรงค์ ขี่ช้างพลายกุญชรชัย และขุนทรงเดชะ หลวงราชหฤทัย เป็นปีกขวา ขี่ช้างพลายทรงภูวบาล
ขี่ช้างพลายไตรสรเดช คุมพลเขนทอง ข้างละ ๕๐๐ ถือพล ๕,๐๐๐
พระราชมนู ขี่ช้างพลายหัสดินพิชัย คุมพลปี่กลอง หลวงอภัยสุรินทร์ เป็นปีกซ้าย ขี่ช้างพลายสารภูธร
ชนะ ซ้ายขวาข้างละ ๕๐๐ ถือพล ๕,๐๐๐

หลวงพิเดชสงคราม ขี่ช้างพลายบุญยิ่ง หลวงรามพิชัย ประกอบด้วยหมู่ช้างดั้ง ช้างกัน ช้างแทรก ช้างแซง
ขี่ช้างพลายมิ่งมงกุฎ คุมพลดาบโล่ ดาบดั้ง ข้างละ ๕๐๐ ช้างสลับค่าย ช้างค้ำพังคาโลดแล่น ล้วนสารพยุหะ
พระราชวังสัน ขี่ช้างพลายแก้วมาเมือง คุมพล ดูมหิมา พร้อมพรั่ง ตั้งตามกระบวนเบญจยุทธ
อาสาจาม ๕๐๐ เสนางคนิกร
พระเสนาภิมุข ขี่ช้างพลาย เฟื่องภพไตร คุมพล สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
อาสาญี่ปุ่น ๕๐๐ ทรงวิเคราะห์เชิงศึกที่ฝ่ายไทย เราตั้งตามกระบวน
ถัดนั้นทหารทะลวงฟันคู่พระทัย ๑๓๖ คน ถือ ทัพเบญจเสนา ครั้งนี้ไว้ว่า
ดาบเขน ๔๒ คน ถือดาบโล่ ๒๒ คน ถือดาบ ๒ มือ “ ข้าพเจ้าพิเคราะห์ความตามที่ปรากฏใน
๗๒ คน (น่าจะเป็นพวกองครักษ์พิเศษ คงจะมีตัว หนังสือพระราชพงศาวดาร ครั้งนี้แล้ว ดูเหมือนการ

ตายตัวแทน มาเติมให้เต็ม ๑๓๖ คน ตลอดเวลา) รบคราวนี้ สมเด็จพระนเรศวร คงมีพระราชประสงค์
หน้าพระคชาธารนั้น หัวหมื่นพันทนาย สี่พระตำรวจ จะตั้งรับ โดยให้ข้าศึกเข้าตีก่อน เพราะทรงทราบว่า
ล้วนดาบสะพายแล่ง ถือทวนทอง ๕๐๐ ข้าศึกมีกำลังมากกว่าฝ่ายเราที่ยกไป ”
กองยกกระบัตร พระยาพระคลังเป็นแม่ทัพ ขี่ช้าง กระบวนทัพพม่า
พลายจักรมหิมา ถือพล ๑๐,๐๐๐ พระมหาอุปราชา ทรงช้างพลายพัทกอ สูง ๖ ศอก
พระราชสงคราม เป็นปีกขวา ขี่ช้างพลายสังหาร ๑ คืบ ๕ นิ้ว ติดน้ำมันหน้าหลัง สมิงนันทมาง
คชสีห์ ถือพล ๕,๐๐๐ เป็นกลางช้าง เจ้าเมืองมะลวนเป็นควาน พร้อมด้วย
พระรามรณภพ เป็นปีกซ้าย ขี่ช้างพลายมณี แวงจตุลังคบาท หน้าช้างพระมหาอุปราชานั้น

จักรพรรดิ ถือพล ๕,๐๐๐ มีทหารถือทวนทอง ๔๐๐ ถัดออกมานั้นวางปืน

๐70 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

ศึกยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชา
จ่ารงมณฑลนกสับ ตระแบงแถว ดาบโล่ ๔๐๐ ดาบ อย่างมั่นอกมั่นใจ
ดาบดั้ง ๔๐๐ มหายุทธหัตถี

มางจาชะโร พระพี่เลี้ยง พระมหาอุปราชา นั้น เดือนยี่ วันอาทิตย์ แรม ๑ ค่ำ วันที่ ๑๗
เป็นกองหน้า ขี่ช้างพลายพัชเนียง สูง ๖ ศอก ๑ คืบ มกราคม พระยาศรีไสยณรงค์ รายงานว่าทัพพม่า
๒ นิ้ว ติดน้ำมันหน้าหลัง สมิงปราบศึก เป็นกลางช้าง เคลื่อนพ้นบ้านจระเข้สามพันมาแล้ว สมเด็จพระ
สมิงมือเหล็กเป็นควาน นเรศวร สั่งให้กองทัพเตรียมตัวรับศึกวันรุ่งขึ้น
มีช้างดั้ง ช้างกัน ช้างแทรก ช้างแซง เป็นขนัด (พรุ่งนี้ได้รบแน่)

มีพลดาบโล่ ดาบดั้ง ดาบสองมือ อย่างละ ๑,๐๐๐ ในเช้าวันจันทร์ที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๑๓๕
เป็นชั้น ๆ ออกไป แล้วมีช้างท้าวพระยาพม่ารามัญ (แรม ๒ ค่ำ เดือนยี่) ทัพไทยทุกกองทัพพร้อมรบ
เกียกกาย กองหน้า และพลเดินเท้า ๒๐๐,๐๐๐ พล ประมาณ เวลา ๗.๐๐ น. ได้ยินเสียงปืนดังสนั่นทาง
ม้า ๓,๐๐๐ แซงสอง ฟากทุ่ง ด้านหน้ากองทัพ สมเด็จพระนเรศวร และขุนศึกต่าง ๆ

พระมหาอุปราชา สั่งจัดทัพ เป็นสัตตเสนา ๗ แถว ในทัพหลวง ทราบว่ากองกำลังส่วนหน้า หรือ
แถวละ ๗ กอง เป็น ๔๙ กอง พร้อมพลทวยหาญ กองรักษาด่านทั่วไปหรือกองรักษาด่านรบ
ยกจากค่ายตระพังตรุ พระราชพงศาวดาร กล่าวว่า ของพระยาศรีไสยณรงค์ ได้ปะทะกับข้าศึกที่ตำบล
เสียงช้าง ม้า พลเดินเท้า สะท้านสะเทือน ดุจแผ่น ดอนเผาข้าวแล้ว กองทัพของพระยาศรีไสยณรงค์
พสุธาจะถล่ม เข้าสู้รบถึงขั้นตะลุมบอน ไม่สามารถต้านข้าศึกที่มี
ทัพกษัตริย์ขนาดใหญ่ ๒ ทัพ ที่พร้อมพรักไปทั้ง จำนวนมากมายได้ จึงแตกถอยร่นมา ทรงให้หมื่น
ช้าง ม้า พลเดินเท้า กำลังจะทำสงครามกัน พม่าจะ ทิพเสนา หมื่นราชมาตย์ เอาม้าเร็วขึ้นไปประกาศ

เอาอยุธยาเป็นเมืองขึ้น ไทยต้องการรักษาเอกราช แก่นายทัพ นายกอง และพลทหารทั้งปวง อย่าให้รอ
ของอาณาจักรตน ทัพพม่ากำลังรุกเข้าหาทัพไทย รับศึกอยู่เลย ให้เปิดลงมาทีเดียว พม่าจึงรุกไล่

นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐71

ติดตามทหารกองทัพพระยาศรีไสยณรงค์ มาอย่าง ยุทธหัตถีอีกแล้ว” ก่อนที่สมเด็จพระนเรศวร

ไม่หยุดยั้ง จนเสียรูปขบวนรบ จนกระทั่งเวลา จะท้าพระมหาอุปราชา กระทำยุทธหัตถีนั้น

ประมาณ ๑๑.๐๐ น. เห็นข้าศึกไล่ตามทหารไทยลง นักประวัติศาสตร์บางท่านกล่าวว่า พระองค์ทรง
มาไม่เป็นกระบวนทัพสมคะเนแล้ว จึงให้สัญญาณ หยุดการรุมกินโต๊ะของทหารพม่า โดยทรงห้าม
กองทัพออกตีพร้อมกัน สมเด็จพระนเรศวร และ ทหารไทยด้วยทรงสั่งทหารไทยเป็นภาษาพม่า
สมเด็จพระเอกาทศรถ เสด็จขึ้นพระคชาธาร นำทัพ ว่า ทหารไทยหยุดก่อน เราจะรบกับแม่ทัพพม่า
หลวงเข้าตีโอบกำลังส่วนหน้าของข้าศึกที่รุกไล่ ตัวต่อตัว” ทหารพม่าได้ยินจึงหยุด รอคำสั่งนาย


ทหารไทยมาอย่างเมามันทันที ทำให้พม่าตกใจ เพราะเป็นประเพณี เมื่อนายจะรบกันตัวต่อตัว

ถูกจู่โจมโดยไม่รู้ตัว กำลังไล่ฆ่าไทยเพลิน ทำให้ตก ลูกน้องห้ามยุ่ง เดี๋ยวหัวขาด
อยู่ในศึกกระหนาบ แตกถอยร่นกลับไปถึงทัพหลวง
ของตน ส่วนกองทัพไทยทัพอื่น ๆ เคลื่อนทัพไม่ทัน ยุทธหัตถีที่คนไทยไม่รู้ลืม
ทัพหลวง เพราะได้รับคำสั่งช้าบ้าง เร็วบ้าง ต่างกันไป พระมหาอุปราชา ได้ฟังคำท้าทายเช่นนั้น จึงได้
มีเพียงทัพหน้าของพระยาสีหราชเดโชชัย กับทัพปีกขวา ขับช้างพลายพัทธกอ ออกมาชน ด้วยขัติยมานะ
ทัพหลวงของเจ้าพระยามหาเสนา เพียง ๒ ทัพ ของผู้อยู่ในเชื้อสายกษัตริย์ เมื่อถูกท้าชนช้างแล้ว
ที่เคลื่อนติดตามทัพหลวงได้ทัน ปฏิเสธนั้นย่อมเสียพระเกียรติยศชื่อเสียง จะอยู่ดู
ทัพหน้าของพม่าถูกตีโอบจนเสียขบวน หน้าใครเขาได้ แผนรบที่จะใช้กำลังมากกว่าให้เป็น
เกิดความสับสนวุ่นวาย แตกหนีอลหม่าน ช้าง ประโยชน์ จึงกลายเป็นต้องใช้ฝีมือของแม่ทัพใหญ่
พระที่นั่งของ สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จ ของทั้ง ๒ ฝ่าย ตัดสินผลของสงคราม นี่คือจุดกลับ
พระเอกาทศรถ เป็นช้างชนะงากำลังตกมัน ก็ออก ของสงคราม

วิ่งไล่ตามกองกำลังข้าศึกไป พาทั้งสองพระองค์ เจ้าพระยาไชยานุภาพ ซึ่งกำลังคลั่งน้ำมันเห็น
ตกเข้าไปอยู่ท่ามกลางข้าศึก มีแต่จตุลังคบาท ช้างศึกตรงเข้ามา ก็โถมเข้าแทงทันทีไม่ยั้ง เสียที
กับพวกทหารรักษาพระองค์ตามติดไป ช่วงนั้นกำลัง พลายพัทธกอได้ล่าง แบกรุนเอาเจ้าพระยาไชยานุภาพ
สู้รบกันโกลาหล ฝุ่นฟุ้งตลบทั่วทิศ พอฝุ่นจาง เบนออก พระมหาอุปราชาได้ทีจึงจ้วงฟันด้วย
สมเด็จพระนเรศวร ก็ทอดพระเนตรเห็น พระมหา พระแสงของ้าว สมเด็จพระนเรศวรเบี่ยงพระองค์
อุปราชา ทรงพระคชาธารอยู่ใต้ร่มไม้ จึงทราบว่า หลบทัน ถูกแต่พระมาลาเบี่ยง ขาดไปส่วนหนึ่ง
ช้างพระที่นั่งของพระองค์รุกไล่ข้าศึกจนเข้าไปอยู่ ไม่ต้องพระองค์ (หรือต้องพระองค์ แต่ ไม่เข้า)

ท่ามกลางทัพหลวงของข้าศึก พระองค์ทรงรวบรวม ครั้นเจ้าพระยาไชยานุภาพสะบัดลงได้ล่าง

สติมั่น ทรงเห็นว่าหนทางที่จะชนะมีทางเดียวเท่านั้น รุนเอาพลายพัทธกอหัวเบนไป สมเด็จพระนเรศวร


คือ ต้องทรงกระทำยุทธหัตถ (ท้าต ท้าต่อยกัน
ตัวต่อตัว) เพื่อป้องกันมิให้ถูกรุมกินโต๊ะ ดังนั้น
จึงรับสั่งให้ขับช้างพระที่นั่งตรงไปยังหน้าช้าง
พระมหาอุปราชา ทันที แล้วได้ตรัสเป็นภาษาพม่า
เชิญทำยุทธหัตถี
พระราชพงศาวดาร บันทึกไว้ใจความว่า
“พระเจ้าพี่เราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญเสด็จ

ออกมาทำยุทธหัตถีกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ใน
แผ่นดินเถิด ภายหน้าไม่มีกษัตริย์ที่จะได้กระทำ
ภาพเขียนแสดงการเดินทัพช้างไทยสมัยพระนเรศวร
๐72 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

พวกท้าวพระยา พม่า มอญ
ต่างกรูกันเข้ามารุมล้อม และช่วงชิง
เอาพระศพพระมหาอุปราชาไป ได้

ใช้ปืนระดมยิงกระสุนปืนต้อง
พระหัตถ์ พระนเรศวร ถึงบาดเจ็บ
และถูกนายมหานุภาพ ควานช้าง
ของพระองค์ และหมื่นภักดีศวร
กลางช้างสมเด็จพระเอกาทศรถ ตาย
ทั้ง ๒ คน
พม่าพยายามรุมล้อมช้าง

สมเด็จพระนเรศวร และช้างทรงสม
ภาพเขียนแสดงการเดินทัพช้างไทยสมัยพระนเรศวร เด็จพระเอกาทศรถ พอดีกองทัพหลวง
ได้ที จ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าว ต้องพระอังสาเบื้องขวา กองทัพเจ้าพระยามหาเสนา และกองทัพหน้าของ
ของพระมหาอุปราชาขาด ซบสิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง พระยาสีหราชเดโชชัย ตามมาทัน จึงได้ช่วยรบกัน
(แสดงว่าสมเด็จพระนเรศวร ทรงฟันพระแสงของ้าว เอาทั้ง ๒ พระองค์ออกพ้นจากกองทัพข้าศึกได้ทัน
จากซ้ายมาขวา ฟันลง) ทัพพม่าเมื่อสูญเสียแม่ทัพใหญ่ ต่างก็แตกหนี
ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถ กได้กระทำยุทธหัตถ ี กระจัดกระจายไป แต่สมเด็จพระนเรศวร มิได้ให้

กับมางจาชะโร เจ้าพระยาปราบไตรจักร ได้ล่าง ทัพไทยไล่ติดตามตี เพราะเห็นว่ากองทัพหลวง
พลายพัชเนียง เสียทีเบนไป สมเด็จพระเอกาทศรถ ของพม่ายังไม่สูญเสียแต่อย่างใด ที่สูญเสียคือแค่
จ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าว ต้องคอมางจาชะโร กองทัพหน้า กับตัวแม่ทัพหลวงเท่านั้น และกองทัพ

ขาดตายกับคอช้าง แสดงว่าฝีพระหัตถ์แม่นยำมาก ไทยอื่น ๆ ก็ยังตามมาไม่ทัน จึงมีกำลังไม่พอที่จะไล่
สามารถฟันข้าศึกคอขาดได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นเป้าเล็ก ติดตามทำลายข้าศึกได้ จึงต้องปล่อยให้พม่าถอยทัพกลับ




























ขั้นการเดินทัพ ตั้งทัพ ขั้นการโจมตี
(๑๕ มกราคม พ.ศ.๒๑๓๕)
(๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๑๓๕ เวลาเช้า)


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐73

ได้อย่างสบาย อีกทั้งสมเด็จพระนเรศวร ยังเป็นห่วง เป็นสงครามที่แพ้ชนะกันในวันเดียว พระมหา
ทัพพม่าอีก ๒ ทัพ ที่ยกมาทางเหนือ จึงไม่ยก อุปราชา เป็นแม่ทัพใหญ่มาตีกรุงศรีอยุธยา ๒ ครั้ง

ไล่ติดตามทัพพระมหาอุปราชา ซุนวู่ ปราชญ์ทาง (พ.ศ.๒๑๓๓ และ พ.ศ.๒๑๓๕) แพ้ในวันเดียวกันทั้ง
ทหารของจีน หรือ เจ้ายุทธศาสตร์การสงครามของ ๒ ครั้ง



































พระแสงของ้าว และพระมาลาเบี่ยงของสมเด็จพระนเรศวร
จีนที่ นักการทหารทั่วโลกยอมรับนับถือ กล่าวไว้ พระราชพงศาวดารจดไว้ว่า เมื่อสมเด็จ
ตอนหนึ่งว่า “…การใช้กำลังทหาร จึงเหมือน พระนเรศวร เสด็จกลับถึงพระนครแล้ว โปรดให้
ธรรมชาติ ของน้ำ น้ำย่อมจัดกระแสไหลบ่าไปตาม ยกย่องช้างพระที่นั่ง ที่ชนชนะข้าศึก เจ้าพระยา

ลักษณะ ภูมิประเทศฉันใด การยุทธ์ก็ต้องเอาชนะกัน ไชยานุภาพ เป็น “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี”
ตามสภาวะข้าศึกฉันนั้น การยุทธ์จึงไม่มี หลักเกณฑ์ (บางแห่งว่า “เจ้าพระยาปราบหงสา”)

ตายตัว เฉกเช่นน้ำ ซึ่งหามีลักษณะอันแน่นอนไม่ พระแสงของ้าว ก็ได้รับพระราชทานนามว่า
จึงผู้เอาชนะด้วยปฏิบัติการ อันเหมาะสมกับความ “เจ้าพระยาแสนพลพ่าย” ถือเป็นพระแสงศักดิ์สิทธิ์
ผันแปรของข้าศึกนั้น เขาคือเทพเจ้า ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์…” คู่บ้านคู่เมืองตลอดมา
(จากศิลปวัฒนธรรม ฉบับ ตุลาคม ๒๕๔๙ หน้า ส่วนพระมาลา ได้รับพระราชทานนามว่า

๑๒๕ เรื่อง ทึ่งกลยุทธศึกษา รัชกาลที่ ๕ เปลี่ยน “พระมาลาเบี่ยง” ทรงประทานบำเหน็จแก่พระองค์เอง
สถานะชาวสยามจาก แพ้ เป็น ชนะ โดย ด้วยเช่นกัน คือตั้งแต่ราชาภิเษกมา ยังมิได้เคย
ไกฤกษ์ นานา) เข้าประทับในวังหลวง คงประทับอยู่ที่วังจันทน์เกษม
ฝ่ายพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง เมื่อทราบข่าว ตลอดมา เมื่อได้ชัยชนะยุทธหัตถีครั้งนี้แล้วจึงเสด็จ
พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ ก็เสียพระทัยมาก เข้าประทับในพระบรมมหาราชวังเป็นครั้งแรก
และเห็นว่าจะตีกรุงศรีอยุธยาไม่ได้แน่ ๆ จึงมีรับสั่ง
ให้เรียกกองทัพกลับคืนเมืองทุกกองทัพ (อ่านต่อฉบับหน้า)


๐74 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

คำสั่งกองทัพเรือ
ที่ ๓๑๑/๒๕๕๔
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการและเหรัญญิกราชนาวิกสภา




เพื่อให้การดำเนินการของราชนาวิกสภาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เหมาะสมตามความมุ่งหมาย
ของทางราชการ จึงให้ปฏิบัติดังนี้




๑. ยกเลิกคำส่ง ทร. ท่ ๒๔๙/๒๕๕๓ ลง ๒๖ ต.ค.๕๓ เร่อง แต่งต้งคณะกรรมการและเหรัญญิกราชนาวิกสภา
๒. ให้ผู้ดำรงตำแหน่งและมีรายชื่อต่อไปนี้ เป็นคณะกรรมการและเหรัญญิกราชนาวิกสภา
๒.๑ จก.ยศ.ทร. นายกกรรมการ
๒.๒ พล.ร.ท.ศ.นิรุทธ์ หงส์ประสิทธิ์ รองนายกกรรมการ
๒.๓ พล.ร.ต.พิสันต์ รัตนภู่เพ็ชร กรรมการ
๒.๔ พล.ร.ต.วิทยา วงศ์เทิดธรรม กรรมการ
๒.๕ พล.ร.ต.เวทย์วีระ ทรงวรวิทย์ กรรมการ
๒.๖ พล.ร.ต.วสันต์ แจ้งยอดสุข กรรมการ
๒.๗ พล.ร.ต.หญิง จิรภา ชัยเลิศ กรรมการ
๒.๘ พล.ร.ต.เรืองทิพย์ เทียนทอง กรรมการ
๒.๙ พล.ร.ต.พิทักษ์ พิบูลทิพย์ กรรมการ
๒.๑๐ พล.ร.ต.หม่อมหลวงบวรลักษณ์ กมลาศน์ กรรมการ
๒.๑๑ พล.ร.ต.ไชยยศ สุนทรนาค กรรมการ
๒.๑๒ พล.ร.ต.ประพฤติพร อักษรมัต กรรมการ
๒.๑๓ พล.ร.ต.สุธีพงศ์ แก้วทับ กรรมการ
๒.๑๔ พล.ร.ต.นพดล สุภากร กรรมการ
๒.๑๕ ผอ.สน.รนภ.ยศ.ทร. กรรมการและเลขานุการ
๒.๑๖ นายทหารฝ่ายการเงิน สน.รนภ.ยศ.ทร. เหรัญญิก
๓. คณะกรรมการและเหรัญญิกราชนาวิกสภา มีอำนาจหน้าที่ตามที่ได้กำหนดไว้ในระเบียบ ทร.
ว่าด้วยราชนาวิกสภา พ.ศ.๒๕๕๓
ทั้งนี้ ตั้งแต่ ๑ ต.ค.๕๔

สั่ง ณ วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔


(ลงชื่อ) พล.ร.อ. สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์
(สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์)
ผบ.ทร.

Since 2459 B.E.



คอลัมน์ประจำ

นานาสาระ





พลเรือตรี สมพงษ์ นาวีสุรพล



























ภาพ : กองทัพเรือ

พระ ราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จ จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ฯ พระบรมราชินีนาถ



พระเจ้าอยู่หัวกับกีฬาเรือใบ
ปลื้มปิติของพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ และเป็นที่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราช เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๐ ท่ามกลางความ
ปณิธานในเรื่องการกีฬาว่าเป็นสิ่งจำเป็น และเป็น ประจักษ์แก่ ประชาชนทั่วโลก ทำให้พระอัจฉริยภาพ
ส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาบุคคลและประเทศชาติ ทางกฬาเรือใบของพระองค์ที่ยอมรับกันทั่วโลก พระองค์

จึงทรงส่งเสริมกีฬาทุกประเภท และพระองค์ก็ทรง ยังได้ทรงออกแบบและประดิษฐ์เรือใบยามว่างออกมา
กีฬาหลายประเภทด้วยกัน เช่น แบดมินตัน เทนนิส หลายรุ่น กับพระราชทานนามเรือใบประเภทม็อธ์
และยิงปืน เป็นต้น (Moth) ที่ทรงสร้างขึ้นว่า เรือใบมด เรือใบซูเปอร์มด
เป็นที่ทราบกันดีว่า เรือใบเป็นกีฬาที่พระบาทสมเด็จ และเรือใบไมโครมด ถึงแม้ว่าเรือใบลำสุดท้ายที่
พระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเป็นพิเศษ พระองค์ทรงเป็นตัวแทน พระองค์ทรงต่อ คือ เรือโม้ค (Moke) เมื่อ ๑๗
ของประเทศไทยลงแข่งขันเรือใบในกีฬาแหลมทอง พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๐ เรือใบซูเปอร์มดยังถูกใช้
ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๙ – ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๐ แข่งขันในระดับนานาชาติที่จัดในประเทศไทยหลาย

ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยทรงเข้าค่ายฝึกซ้อม ครั้ง ครั้งสุดท้ายคือเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๘ ในกีฬาซีเกมส์
ตามโปรแกรมการฝึกซ้อม และทรงได้รับเบี้ยเลี้ยงใน ครั้งที่ ๑๓
ฐานะนักกีฬา เช่นเดียวกับนักกีฬาคนอื่น ๆ ในที่สุด นอกจากจะทรงกีฬาหลายชนิดด้วยพระองค์เอง
ด้วยพระปรีชาสามารถ พระองค์ทรงชนะเลิศเหรียญทอง จนสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีแล้ว ยังทรงเอาพระทัย
และทรงได้รับการทูลเกล้า ฯ ถวายรางวัลเหรียญทอง ใส่ติดตามข่าวกีฬาทุกประเภทอยู่เสมอ ในการเปิดกีฬา


๐76 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

สำคัญระดับประเทศ และระดับนานาชาติ มักจะมี
พระกรุณาธิคุณเป็นอเนกประการ เช่น พระราชทาน
ไฟพระฤกษ์ พระบรมราโชวาท และเสด็จพระราช
ดำเนินทรงเปิดงานตลอดมา
ในส่วนของกองทัพเรือนั้น ถ้าท่านผู้อ่านได้เคย

ไปที่หาดเตยงาม จะสังเกตเห็นสิ่งหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่าง
สง่างามอยู่ในบริเวณหาดเตยงาม นั่นคือ “แท่นหิน
ประวัติศาสตร์” จากประวัติความเป็นมา คือ เมื่อวันที่
๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๐๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงเรือใบประเภทโอเค ขนาด ๑๓ ฟุต ชื่อ เวคา
(VAGA) จากพระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ข้ามอ่าวไทย มายังอำเภอ
สัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีระยะทางประมาณ ๖๐
ไมล์ทะเล ด้วยพระองค์เองเพียงลำพังพระองค์เดียว

ซึ่งพระองค์ทรงใช้เวลาในการแล่นใบในครั้งนี้ถึง ๑๗
ชั่วโมงเต็ม ในการทรงเรือใบข้ามอ่าวไทยครั้งนั้น ภาพ : กองทัพเรือ
พระองค์ทรงนำธง “ราชนาวิกโยธิน” ข้ามอ่าวไทยมา

ด้วย เมื่อทรงเรือใบมาถึงหาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองคชุดสนามทหาร
นาวิกโยธิน เสด็จนำธง “ราชนาวิกโยธิน” มาปักไว้เหนือก้อนหินใหญ่บน
พระองค์ทรงนำธง “ราชนาวิกโยธิน” ปักเหนือยอด ชายหาดกลางหาดเตยงามอ่าวนาวิกโยธินเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๐๙
ก้อนหินใหญ่ที่ชายหาดของหาดเตยงาม (อ่าวนาวิก
โยธิน) หลังจากนั้นพระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธย ข้าราชการทหาร และครอบครัวนาวิกโยธินในบรรยากาศ

บนแผ่นศิลาจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ และทรง ที่เต็มไปด้วยความสุข หรรษาและอบอุ่น
ประทับพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรม พระราชจริยวัตรทางด้านกีฬาของพระองค์ใน
ราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบล ครั้งนั้นเหล่าราชนาวีรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ
รัตนราชกัลยา สิริวัฒนาพรรณวดี อยู่ท่ามกลาง ที่พระองค์ทรงมีต่อทหารเรือตลอดไป


การทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
มาร่วมสร้างความใสสะอาดปลอดจากพฤติกรรมการทุจริตประพฤติมิชอบสร้างความโปร่งใสและ
ประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานในกองทัพเรือ
เพื่อให้ข้าราชการและลูกจ้างของกองทัพเรือประพฤติปฏิบัติงานโดยเน้นผลงานการมีคุณภาพความซื่อสัตย์
สุจริตและการมีจิตสำนึกในทางที่ดี
เพื่อให้ข้าราชการกองทัพเรือมีเกียรติและศักดิ์ศรีมีความภูมิใจมีขวัญและกำลังใจในการทำงาน
เพื่อให้กองทัพเรือมีภาพลักษณ์ที่ดีจนเป็นที่ยอมรับ ชื่นชม เชื่อถือ ศรัทธา พึงพอใจและประทับใจในการทำงาน
และผลการทำงานของกองทัพเรือ

คุณสามารถมีส่วนร่วมป้องกันและปราบปรามการทุจริตร่วมกันทำให้กองทัพเรือใสสะอาด แจ้งเบาะแสได้
ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ของกองทัพเรือ ๐๒-๔๗๕๔๗๘๙ หรือที่ www.navy.mi.th/rongtuk ศูนย์ประสาน
ราชการใสสะอาดกองทัพเรือ ที่มา : ศูนย์ประสานราชการใสสะอาดกองทัพเรือ


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐77

Since 2459 B.E.



คอลัมน์ประจำ

อาวุธศึกษา







นาวาเอก ศูนย์ปืน โสมภีร์


























ภาพ : กองทัพเรือ

ปืน กล ๓๐ มิลลิเมตรบนชุดเรือ ต.๙๙๑ - ๙๙๖ สหราชอาณาจักรเพื่อประกอบกับแท่นปืน DS30M



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง สำหรับติดตั้งให้กับเรือหลวงของราชนาวีอังกฤษ
พระราชทานแนวทางให้กองทัพเรือไป ศึกษาและ ปัจจุบันปืนรุ่นนี้ก็ได้ถูกจำหน่ายไปยังกองทัพเรือ
ดำเนินการต่อเรือตรวจการณ์ขนาดเล็กขึ้นใช้เอง ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยประเทศต่าง ๆ ได้เลือก
ตั้งแต่เรือชุดเรือ ต.๙๑ ตามมาด้วยชุด เรือ ต.๙๙๑ ระบบควบคุมการยิงตามแต่ความต้องการของตน
ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับ จนสุดท้ายเป็นชุด เพราะว่าแท่นปืนของบริษัทเอ็มเอสไอนั้นเป็น
เรือ ต.๙๙๔ เพิ่งจะทดลองในทะเลเมื่อ กันยายน แท่นปืนอเนกประสงค์ที่สามารถควบคุมการหัน
พ.ศ.๒๕๕๔ ที่ผ่านมา โดยเรือชุดนี้มีเขี้ยวเล็บที่ กระดกและการปรับระดับได้อย่างอัตโนมัติโดย
สำคัญคือ ปืนกลขนาด ๓๐ มิลลิเมตร อันเป็นปืนกล เพียงเชื่อมโยงระบบอิเล็กทรอนิกส์ของแท่นปืน
ที่มาตรฐานปัจจุบันที่กำลังเข้ามาแทนที่ปืนกลขนาด เข้าหากับระบบเล็งยิงจากระยะไกลไม่ว่าจะเป็น
๔๐ มิลลิเมตรต่อไป สำหรับตัวปืนรุ่นนี้ผลิตโดย จากเรดาร์หรืออ็อฟทรอนิกส์ก็สามารถควบคุม
บริษัทเอทีเค (ATK) ประเทศสหรัฐ ฯ โดยได้รับ การเล็งยิงปืนขนาดนี้ได้ง่ายและแม่นยำไม่ว่าเรือ

อนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ ฯ ให้ดำเนินการปรับปรุง จะโครงไปอย่างไรขอเพียงแค่ให้เห็นเป้าหมายอยู่ใน
ประสิทธิภาพจากปืนกลมาร์ค ๔๔ บุชมาสเตอร์ทู จอภาพหรือจอเรดาร์เท่านั้น
ขนาด ๓๐ มิลลิเมตร (Mk 44 Bushmaster II 30 พื้นฐานการออกแบบปืนรุ่นนี้เกิดจากความ
Automatic Cannon) ซึ่งต่อมาได้ทำสัญญา ต้องการทางยุทธการที่ต้องการใช้กับเป้ายานขนาด

ส่งมอบตัวปืนรุ่นนี้ให้กับบริษัทเอ็มเอสไอ (MSI) เล็กเคลื่อนที่เร็วที่เข้าโจมตีเรือด้วยการยิงจรวดหรือ


๐78 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

เครื่องยิงลูกระเบิดในระยะใกล้ เป็นปืนที่มีความเร็ว ตะวันตกได้เลย เช่น ปืนกลบนรถหุ้มเกราะล้อยาง
ในการยิง ๒๕๐ นัดต่อนาทียิงได้ทั้งแบบเดี่ยว ที่สั่งซื้อจากยูเครนแม้ว่าจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
แบบกลและแบบชุดระยะยิงไกลสุดอยู่ที่ระยะ เท่ากับลูกปืน ๓๐ มิลลิเมตร ที่ใช้กับเรือ แต่ความยาว
ประมาณ ๓,๐๐๐ เมตร สำหรับลูกปืนที่ใช้กับปืน ลองเป็นขนาด ๑๖๕ มิลลิเมตร ซึ่งมีขนาด
ชุดนี้เป็นลูกปืนขนาด ๓๐ x ๑๗๓ มิลลิเมตร อันเป็น ที่ยาวกว่า

ลูกปืนมาตรฐานของค่ายพันธมิตรในขณะที่ลูกปืน สำหรับจุดเด่นเฉพาะตัวปืนรุ่นนี้ (ไม่รวมระบบ
ขนาดที่ใกล้เคียงกันถูกยกเลิกสายการผลิตอย่าง ควบคุมการยิง) ที่สำคัญมี ๒ ส่วนก็คือ ตัวปืน
ต่อเนื่อง ผลก็คือกองทัพเรือหลายประเทศทำการ เป็นแบบด็อบเบิลฟีด (Double Feed) และ

เปลี่ยนปืนกลของตนแล้วนำปืนกลรุ่นนี้เข้า ระบบป้อนลูกปืนเข้ารังเพลิงเป็นแบบโซ่ (Chain) จุด
ประจำการทดแทน สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับลูกปืน เด่นของปืนแบบด็อบเบิลฟีดก็คือสามารถเลือก
ขนาดดังกล่าวนั้น คงไม่ทราบว่ามีความหมาย ลูกปืนที่จะป้อนเข้ารังเพลิงได้อย่างรวดเร็วจากด้าน
อย่างไร ซึ่งอธิบายสั้น ๆ ดังนี้ ตัวเลข ๓๐ หมายถึง ใดด้านหนึ่งเพราะในการยิงทางยุทธวิธีอาจต้องเลือก
ลูกปืนนั้นมีขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับ ใช้ลูกปืนให้เหมาะสมกับเป้า เช่น ใช้ลูกปืนเจาะ
๓๐ มิลลิเมตร ส่วนตัวเลขหลังเครื่องหมายคูณ เกราะกับเป้าหมายที่มีที่มั่นแข็งแรง หรืออาจต้อง


ตัวหลังหมายถึงลูกปืนชนิดนี้ใช้ความยาวของลอง เลือกลูกปืนแบบกระทบเจาะเกราะเพลิงเพื่อทำให้




















ภาพ : กองทัพเรือ



๑๗๓ มิลลิเมตร ซึ่งตัวเลขหลังนั้นมีความหมายอย่าง เป้าลุกไหม้ ส่วนจุดเด่นของระบบป้อนลูกปืน

ยิ่งในการออกแบบรังเพลิงของปืนแบบต่าง ๆ เข้ารังเพลิงแบบโซ่นั้นเป็นระบบป้อนลูกปืนที่ใช้
เพราะหากทั้งสองตัวแตกต่างไปเพียงเล็กน้อย มอเตอร์ขับโซ่กับฟันเฟืองดันและดึงลูกเลื่อนเพื่อขับ
จะไม่สามารถนำลูกปืนนั้นเข้ารังเพลิงได้เลย ลูกปืนเข้าและดึงลองลูกปืนออกจากรังเพลิงคล้าย
ฉะนั้นในการจัดหาลูกปืนมาใช้งานจึงจำเป็นตอง ระบบขับดันของโซ่และฟันเฟืองของจักรยาน ผลดี

กำหนดตัวเลขดังกล่าวไว้อย่างชัดเจน ตัวอย่าง ของมันก็คือนอกจากจะทำให้การนำลูกปืนเข้า
เช่นลูกปืนขนาด ๓๐ มิลลิเมตร จากค่ายยุโรปตะวัน รังเพลิงมีความแน่นอนด้วยแรงดันที่เท่าเทียมกัน

ออกแม้ว่าจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากันกับ ทุกลูกแล้วยังจะทำให้การถอนลูกปืนออกจากรังเพลิง
ลูกปืนจากค่ายยุโรปตะวันตก แต่เราไม่สามารถนำ เป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่มีติดขัดแม้ว่าตัวลูกปืน
มาใช้ยิงกับปืนขนาด ๓๐ มิลลิเมตร จากค่ายยุโรป จะไม่ทำงาน


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐79

Since 2459 B.E.



คอลัมน์ประจำ




ข่าวนาวีรอบโลก




สหรัฐอเมริกา พลเรือตรี จรินทร์ บุญเหมาะ
เรือใบไร้คนประจำเรือ
ที่ได้จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าซึ่งขับเคลื่อนด้วยใบจักรเรือ

ขณะแล่นผ่านน้ำ ไฟฟ้าที่ผลิตได้ส่งไปเก็บยัง
แบตเตอรี่ลิเธียมอิออนน้ำหนัก ๑,๘๘๘ กิโลกรัม
นอกจากนั้นยังมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง พร้อม
น้ำมันเชื้อเพลิงอีก ๑,๑๓๖ ลิตร
เรือได้รับการออกแบบให้ปฏิบัติงานโดยใช้
พลังงานไฟฟ้า ๒ กิโลวัตต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้นาย
Ken Childress ผู้บริหารของ Harbor Wing
Technologies กล่าวว่า X–3 มีขีดความสามารถใน
การใช้อุปกรณ์ตรวจจับได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น

ชนิดลากท้ายเรือ หรือติดตั้งบนเสากระโดงเรือ
สหรัฐอเมริกา
ทร. สหรฐ ฯ ได้ให้ทุนสำหรับการวิจัยและ กรรมาธิการทหารวุฒิสภาสหรัฐ ฯ (The Senate
การพิจารณายกเลิกโครงการอาวุธ

พัฒนาเรือใบสามลำตัวขนาด ๑๕ เมตร

ที่ไม่ต้องใช้คนประจำเรือในการควบคุมเพื่อนำมาใช้ Armed Services Committee – SASC) เสนอแนะให้
สำหรับภารกิจการเฝ้าตรวจในทะเลอย่างต่อเนื่อง ทร.สหรัฐ ฯ ยกเลิกโครงการอาวุธสำหรับเรือผิวน้ำ
เรือที่จะได้รับการต่อขึ้นโดยบริษัท Harbor จำนวน ๒ โครงการ คือ ปืนแม่เหล็กไฟฟ้า
Wing Technologies นามเรียกขานว่า X–3 มีใบ (Electromagnetic Railgun) และปืนเลเซอร ์
ทรงแข็งขนาดยาว ๑๘ เมตร สร้างจากวัสดุผสม อิเล็กตรอน (Free Electron Laser - FEL) ทั้งนี้
ออกแบบให้ปฏิบัติงานในทะเลต่อเนื่อง ๖๐ วัน ตามข้อสรุปของคณะกรรมาธิการลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน
โดยมีระวางบรรทุก ๖๘๐ กิโลกรัม พ.ศ.๒๕๕๔ โดยให้เหตุผลว่าโครงการที่กล่าวทั้งสอง
โครงการได้รับทุนสนับสนุนจำนวน ๓๐๐ ล้านบาท มีความเสี่ยงสูง อีกทั้งยังอาจมีปัญหาทางเทคนิค
ในระยะเวลา ๕ ปี ดำเนินการ โดย Naval Sea เมื่อนำไปใช้งานจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปืน

Systems Command’s Unmanned Maritime เลเซอร์อิเล็กตรอน ซึ่ง SASC ได้เสนอแนะให้
Office (PM 406) ซึ่งในขั้นแรกเป็นการต่อเรือ X–1 ซึ่ง ทร.สหรัฐ ฯ พัฒนาระบบเลเซอร์ชนิดอื่นที่เหมาะสม
มีขนาดเล็กขึ้นมาก่อน เพื่อเป็นการทดสอบ กว่ามาทดแทน อย่างไรก็ตามจนกระทั่งถึงขณะนี้









แนวความคิด และเทคโนโลยี โดยแล้วเสร็จเมื่อเดือน ทร.สหรฐ ฯ ยงคงโตแยงวาโครงการปนแมเหลกไฟฟา
กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔ และ FEL มีความคุ้มค่าต่อการลงทุน เนื่องจากมี
ใบของเรือ X–3 รวมทั้งพื้นผิวเรือเคลือบไว้ ศักยภาพในการยิงสนับสนุนระยะไกล และเหมาะสม
ด้วยสารที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ต่อการใช้ต่อต้านอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น
ใช้เป็นแหล่งพลังงานเสริมร่วมกับแหล่งพลังงานหลัก นาย Rick Debobes หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ
๐80 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

ของวุฒิสมาชิก Carl Levin ประธานคณะ ความเร็ว ๗ มัค ซึ่งเมื่อนับจนถึงวันที่ทำการยิง

กรรมาธิการทหารกล่าวว่า คณะกรรมาธิการมีความ ทดสอบ ทร.สหรัฐ ฯ ได้ลงทุนเงินวิจัยไปแล้วเป็นเงิน
กังวลถึงความซับซ้อนด้านเทคนิคที่นำมาใช้พัฒนา ๖,๓๓๐ ล้านบาทในความพยายามและการวางแผน
ออกแบบปืนแม่เหล็กไฟฟ้า การใช้พลังงานที่สูง ในการนำต้นแบบจากการวิจัยและพัฒนาไปสู่
และอายุของลำกล้องปืนที่สั้น ความเสี่ยงทางเทคนิค โครงการผลิตออกใช้งานภายในก่อนสิ้นปีงบประมาณ
ของการนำปืนมา ใช้จริงบนเรือมีสูงมาก และ พ.ศ.๒๕๕๕
ทร.สหรัฐ ฯ ควรเพ่งเล็งความพยายามไปที่อาวุธ ในส่วนของ FEL นั้น ได้มีการวิจัยเสาะหา
เลเซอร์แบบอื่น ๆ มากกว่า แต่ทว่าสำนักงานวิจัย เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงคุณลักษณะคลื่นแม่เหล็ก
ทร.สหรัฐ ฯ (Office of Naval Research – ONR) ไฟฟ้าของลำแสงเลเซอร์ และความแรงให้เหมาะสม
ซึ่งกำกับดูแลโครงการวิจัยทั้งสองกลับมีความเห็น กับการใช้ในทะเลที่สภาพแวดล้อมหนาแน่นไปด้วย

ไม่สอดคล้องกับกรรมาธิการทหาร และตั้งข้อสงสัย อนุภาคแขวนลอยในอากาศ ในการนี้บริษัท Boeing
ในข้อเสนอแนะดังกล่าวว่าเป็นเพียงข้อสรุปที่อยู่ ประสบความสำเร็จในการออกแบบขั้นต้นเครื่องยิง
บนพื้นฐานของการคาดเดา แสงเลเซอร์ขนาด ๑๐๐ กิโลวัตต์เมื่อเดือนมีนาคม
บริษัท BAE Systems และ General Atomics พ.ศ.๒๕๕๓ และในเดือนกันยายนปีเดียวกันได้รับ
ได้ให้การสนับสนุนในการทดสอบปืนแม่เหล็กไฟฟ้า สัญญาเป็น ๗๑๐ ล้านบาทสำหรับการผลิตเครื่อง
ของ ONR ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาให้สามารถยิง ต้นแบบขึ้นมา


ส่งกระสุนออกไปได้ไกลกว่า ๒๐๐ ไมล์ทะเลจากเรือ อย่างไรก็ตามคำแนะนำของกรรมาธิการ

ผิวน้ำ โดยในเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ONR ได้ ดังกล่าวยังคงไม่มีการนำไปปฏิบัติ จนกว่า SASC
ทำการทดสอบยิงกระสุนน้ำหนัก ๑๐.๔ กิโลกรัมที่วัด จะมีการประชุมร่วมกับรัฐสภาในการพิจารณา
พลังงานตรงปากลำกล้องได้ ๓๒ เมกะจูล และ งบประมาณสำหรับปี พ.ศ.๒๕๕๕


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐81

อินเดีย คือบริษัท Pipavav Shipyard ที่เมืองมุมไบ มูลค่า
บริษัท ABG Shipyard ต่อเรือฝึกให้แก่ ทร.อินเดีย สัญญา ๑,๙๗๘๒ ล้านบาท ให้ต่อเรือตรวจการณ์
บริษัท ABG Shipyard ที่เมืองมุมไบ ได้ทำ ไกลฝั่งจำนวน ๕ ลำสำหรับ ทร.อินเดีย โดยเรือมี
สัญญามูลค่า ๖,๔๕๐ ล้านบาทกับ กห.อินเดีย ความยาว ๑๑๐ เมตร ระวางขับน้ำ ๒,๐๐๐ ตัน
สำหรับการต่อเรือฝึกให้กับ ทร.อินเดีย ซึ่งนับเป็น ความเร็วสูงสุด ๒๐ นอต และติดตั้งปืนขนาด ๗๖ มิลลิเมตร
ครั้งแรกของบริษัท ฯ ในการต่อเรือทางทหาร และ รัสเซีย
เป็นครั้งที่สองในการมอบงานให้กับอู่เรือเอกชน การร่วมฝึกกู้ภัยเรือดำน้ำกับนาโต
ในช่วงเวลาห่างกันเพียงหนึ่งเดือน เรือดำนำ ทร.รัสเซีย เข้าร่วมเป็นครั้งแรกกับนาโต

บริษัท ABG กล่าวแถลงในเอกสารที่ตีพิมพ์ใน ในการร่วมฝึกกู้ภัยเรือดำน้ำนอกชายฝั่งด้านตะวัน








ตลาดหุ้นบอมเบย์เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ออกเฉียงใต้ของประเทศสเปน โดยส่งเรือดำน้ำชั้น



พ.ศ.๒๕๕๔ ว่า สัญญาระบุให้มีการต่อเรือจำนวน ๒ Kilo (Project 887V) ชื่อ Alrosa เข้าร่วม
ลำที่สามารถรองรับการปฏิบัติงานร่วมกับ ฮ. พร้อม การฝึกครั้งนี้มีชื่อว่า Bold Monarch 2011 (BMH11)
กับวัสดุและอุปกรณ์สนับสนุนจำนวนหนึ่ง เพื่อ มีขึ้นระหว่าง ๓๐ พฤษภาคม – ๑๐ มิถุนายน
สำหรับใช้ในภารกิจ ฝึกนักเรียนนายเรือ ช่วยเหลือ พ.ศ.๒๕๕๔
ผู้ประสบภัย และปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย โดยมี เรือ Alrosa ที่ขับเคลื่อนด้วย Pump Jet ซึ่ง
ความยาว ๑๐๐ เมตร ความเร็วสูงสุด ๒๐ นอต ประจำการอยู่กับกองเรือทะเลดำ ได้รับการดัดแปลง
ตามปกติแล้วบริษัท ABG มีการต่อเรือสินค้า ตามผลที่ได้รับจากมีส่วนเกี่ยวข้องการฝึก BMH08
มาโดยตลอด และเพิ่งจะได้รับใบอนุญาตให้ทำการ นอกชายฝั่งนอร์เวย์ เพื่อเป็นการทดสอบความเข้ากันได ้
ต่อเรือรบได้เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔ ทำให้ ระหว่างอุปกรณ์กู้ภัยของนานาชาติกับของรัสเซีย
ทางบริษัทสามารถต่อเรือรบขนาดใหญ่รวมทั้งเรือดำ โดยเรือได้ทำการประกบเข้ากับระบบกู้ภัยของ
น้ำให้แก่ ทร.อินเดียได้ ทั้งนี้ กห.อินเดียได้ทำ ต่างชาติเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๔ คือห้อง
สัญญาต่อเรือรบจำนวนหลายลำกับบริษัทเอกชนเป็น กู้ภัยแบบ McCann Bell ที่หย่อนลงจากเรือกู้ภัย

ครั้งแรกเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เรือดำน้ำของอิตาลีชื่อ Anteo นอกจากนั้น



๐82 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

เรือ Alrosa ยังได้ประกบเข้ากับระบบกู้ภัยของชาติ
อื่น ๆ อีก เช่น Submarine Rescue Diving and
Recompression System (SRDRS) ของสหรัฐ ฯ
และ NATO Submarine Rescue System (NSRS)
ของนาโต้

Alrosa เป็นหนึ่งในสี่ลำของเรือดำน้ำที่
เข้าร่วมการฝึก BMH11 ชาติอื่นที่ส่งเรือดำน้ำ
เข้าร่วมด้วยเช่นกันคือ โปรตุเกส ตุรกี และสเปน
ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการฝึก นอกจากนั้นรัสเซียยังได้
ส่งเรืออื่น ๆ เข้าร่วมในการฝึกอีกด้วยคือ เรือกู้ภัย

































ชั้น Silva ชื่อ Shakhter เรือซ่อมบำรุงเครื่องหมาย โคลัมเบีย
ทางเรือ KIL–158 ชั้น Kashtan และเรือกู้ภัย การรับมอบเรือตรวจการณ์
เรือดำน้ำชั้น Prut ชื่อ Epron ซึ่งเรือลำหลังสุดนี้ บริษัทต่อเรือ Fassmer ประเทศเยอรมนี

ติดตั้งห้องกู้ภัย SK-64 ซึ่งสามารถใช้กู้ภัยเรือดำน้ำ ส่งมอบเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง (Coastal Patrol
ที่ไม่ใช่ของรัสเซียได้เป็นครั้งแรกในการฝึก BMH11 Vessels – CPV) ขนาด ๔๐ เมตร ลำแรกจาก
BMH11 นับการฝึกเป็นการฝึกกู้ภัยเรือดำน้ำ จำนวนที่คาดว่ามีการสั่งต่อขึ้นจำนวนหลายลำ









ครั้งใหญ่สุดในรอบสามปีที่นาโตได้จัดให้มีขึ้น ให้แก่ ทร.โคลัมเบีย โดยเรือดังกล่าวมีชื่อว่า ARC 11



มีกำลังพลเข้าร่วมการฝึกทั้งหมดมากกว่า ๒,๐๐๐ คน de Noniembre (145) ได้รับการปล่อยลงน้ำ ณ

เรือดำน้ำ ๑๓ ลำ ซึ่งประเทศที่ส่งเข้าร่วมประกอบด้วย อู่ต่อเรือที่ Berne ใกล้เมือง Bremen เมื่อวันที่
อิสราเอล รัสเซีย และสวีเดน รวมทั้งผู้สังเกตการณ์ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ และส่งมอบเมื่อวันที่
จาก ๑๐ ประเทศ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๔
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐83

ทร.โคลัมเบียมีความต้องการ CPV จำนวน ไกลสุด ๒,๐๐๐ ไมล์ทะเลด้วยความเร็ว ๑๒ นอต
๑๒ – ๑๖ ลำ แต่ว่างบประมาณที่ใช้ในการจัดหา ปฏิบัติการในทะเลได้นาน ๑๕ วัน ยุทโธปกรณ์


ยังเป็นประเด็นที่น่าสงสัยว่าจะอำนวยให้หรือไม่ ประจำเรือประกอบด้วยปืนกลที่มีระบบการทรงตัวได้
เป็นที่คาดหมายว่าเรือลำต่อ ๆ มาน่าจะต่อขึ้นใน ขนาด ๒๕ มิลลิเมตร Typhoon Mk 25 Mod II

โคลัมเบีย ด้วยวัสดุที่จัดส่งให้โดยบริษัท Fassmer ทำงานร่วมกับศูนย์รวบแบบไฟฟ้าทัศนะ Toplite
และบริษัท Cotecmar เป็นผู้ต่อเรือ และปืนกลขนาด ๑๒.๗ มิลลิเมตรจำนวน ๒ กระบอก

หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกเป็นเวลาสองสัปดาห์ ภารกิจหลักที่ CPV ได้รับมอบหมายคือ
ในทะเล เรือขนาด ๒๔๕ ตันพร้อมลูกเรือ ๒๔ นาย ลาดตระเวนตรวจการณ์ทางทะเล ป้องกันการแทรกซึม
ได้เดินทางออกจากเยอรมนีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ตามแนวชายฝั่งทะเลแคริบเบียน หมู่เกาะ San Andres,
พ.ศ.๒๕๕๔ ไปประจำที่ฐานทัพเรือเมือง Cartagena Providencia และ Santa Catalina
ทางฝั่งทะเลแคริบเบียน การเดินทางข้ามมหาสมุทร
แอตแลนติกกินเวลา ๔๒ วัน ทั้งนี้เรือลำดังกล่าว
ตัวเรือต่อขึ้นจากเหล็ก โครงสร้างส่วนบนต่อจาก

อลูมิเนียม กว้างสุด ๗.๒ เมตร กินน้ำลึก ๒.๓๕ เมตร
มีลาดท้ายเรือสำหรับใช้ปล่อยและรับเรือยาง
ลำตัวแข็ง Avon Searider SR ขนาด ๕.๔ เมตร
ARC 11 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล MTU 12V
4000 M73 จำนวน ๒ เครื่อง แต่ละเครื่องมีกำลัง
๑,๙๒๐ กิโลวัตต์ เรือใช้ใบจักรแบบธรรมดาที่ไม่มี
การปรับมุมให้ความเร็วสูงสุด ๒๓ นอต เดินทาง
ที่มา : กรมข่าวทหารเรือ


๐84 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

Since 2459 B.E.



ภาพกิจกรรม
































■ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปทรงเยี่ยมราษฎรที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี
และ จ.อุทัยธานี โดย ทร. จัด ฮ.ทร. เป็น ฮ.พระที่นั่ง มี พล.ร.ต.พังพล ศิริสังข์ไชย ผบ.กบร.กร. เป็นผู้อำนวยการเดินทาง เมื่อ ๑๓ ต.ค.๕๔






























■ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. ตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจ ■ ผบ.ทร. ให้การต้อนรับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทสส.
บรรเทาสาธารณภัย ของกองทัพเรือ ณ กลน.กร. กรุงเทพ ฯ ตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางน้ำ (ฉก.บภ.ทางน้ำ/กลน.
เมื่อ ๒๖ ต.ค.๕๔ กร.) โดยมี พล.ร.ต.ธานี ผุดผาด ผบ.กลน.กร. ทำการบรรยายสรุป ฯ
เมื่อ ๑ พ.ย.๕๔







นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐85

■ ผบ.ทร. เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ■ ผบ.ทร. รับมอบเงิน จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากคุณชนินทร์
กองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๕๔ ณ วัดบุปผารามวรวิหาร แขวงวัดกัลยาณ์ ว่องกุศลกิจ ผู้แทนคณะบริษัท บ้านปู จำกัด เพื่อนำไปต่อเรือ
เขตธนบุรี กรุงเทพ ฯ เมื่อ ๑ พ.ย.๕๔ ท้องแบนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ณ บก.ทร. พระราชวังเดิม
เมื่อ ๓ พ.ย.๕๔
































■ ผบ.ทร. มอบเงินและถุงยังชีพเพ่อเป็นขวัญและกำลังใจแกข้าราชการ ■ ผบ.ทร. รับเยี่ยมคำนับจาก พ.อ.Tony Teo ผชท.ทหารสิงคโปร ์
กองทัพเรือที่ประสบอุทกภัย และกำลังพลของกองทัพเรือที่ปฏิบัติ /กรุงเทพ ฯ ในโอกาสครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย
หน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบอุทกภัยตามพื้นที่ต่าง ๆ ณ ห้องรับรอง บก.ทร. พระราชวังเดิม กรุงเทพ ฯ เมื่อ ๙ พ.ย.๕๔
ณ บก.ฐท.กท. ถ.อิสรภาพ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพ ฯ
เมื่อ ๔ พ.ย.๕๔











๐86 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

■ พล.ร.อ.ฆนัท ทองพูล ผบ.กร. ตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจบรรเทา ■ พล.ร.อ.ฆนัท ทองพูล ผบ.กร. พร้อมคณะ ฯ ตรวจเยี่ยม กตอ.กร.
สาธารณภัยทางน้ำ (ฉก.บภ.ทางน้ำ/กลน.กร.) โดยมี พล.ร.ต.ธานี โดยมี พล.ร.ต.โชติวัฒน์ สาริกะวณิช ผบ.กตอ.กร. และข้าราชการ
ผุดผาด ผบ.กลน.กร. ให้การต้อนรับ ในการนี้ ผบ.กร. และ ผบ.กลน.กร. ทหาร กตอ.กร. ให้การต้อนรับ ณ บก.กตอ.กร. อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
กรุณาแจกถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยบริเวณคลอง เมื่อ ๒๖ ต.ค.๕๔
บางกอกน้อย และชุมชนสันติสงเคราะห์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพ ฯ
เมื่อ ๒๐ ต.ค.๕๔





























■ ผบ.กร. พร้อมคณะ ฯ ตรวจเยี่ยม กบร.กร. และรับฟังการบรรยายสรุป ■ พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ เอี่ยมสมุทร ส่งมอบหน้าที่ ผบ.รร.นร. ให้แก่
การปฏิบัติงาน โดยมี พล.ร.ต.พังพล ศิริสังข์ไชย ผบ.กบร.กร. พล.ร.ท.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ณ หอประชุมภูติอนันต์ รร.นร.
พร้อมด้วยข้าราชการ ทหารกองประจำการและลูกจ้าง แถวให้การ จ.สมุทรปราการ เมื่อ ๔ ต.ค.๕๔
ต้อนรับ ณ บก.กบร.กร. อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อ ๒๑ ต.ค.๕๔











นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐87

































■ พล.ร.ท.อภิชาย ฟุ้งลัดดา จก.ยศ.ทร ร่วมให้การต้อนรับ รมว.กห. ■ พล.ร.ท.ชัยณรงค์ เจริญรักษ์ ผบ.ฐท.สส. ทำพิธีรับหน้าที่และให้
และ ผบ.ทบ. พร้อมคณะ ตรวจความคืบหน้าภารกิจขุดคลอง โอวาทแก่ข้าราชการ นขต.ฐท.สส. ณ สนามหน้า บก.ฐท.สส.
ลัดแม่น้ำท่าจีน ๓ แห่ง คือ คลองลัดงิ้วราย คลองลัดทรงคะนองและ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อ ๔ ต.ค.๕๔
คลองลัดท่าข้าม เมื่อ ๑๗ ต.ค.๕๔



































ผบ.ฐท.สส. พร้อมด้วย รอง ผบ.ฐท.สส. และฝ่ายอำนวยการ ■ พล.ร.ท.ธราธร ขจิตสุวรรณ ผบ.ทรภ.๓ ส่งมอบหน้าที่ ผบ.สอ.

รับมอบสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในเขตกรุงเทพ ฯ รฝ. ให้กับ พล.ร.ต.นพดล สุภากร ณ บก.สอ.รฝ. อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
จากคณะผู้บริหาร ครู ผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนสองภาษา เมื่อ ๕ ต.ค.๕๔
ระยอง ต.พลา จ.ระยอง โดยจะส่งให้กับ ทร. เพื่อส่งมอบให้แก่
ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในเขตกรุงเทพ ฯ เมื่อ ๘ พ.ย.๕๔




๐88 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

■ พล.ร.ท.ทวีชัย บุญอนันต์ (ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ปช.ทร.) ■ พล.ร.ต.สรชา ศรประทุม ผบ.นรข. และ น.อ.ธีรเกียรติ ทองอร่าม
ส่งมอบหน้าที่ ผอ.สยป.ทร. ให้แก่ พล.ร.ต.นวพล ดำรงพงศ์ ผบ.นรข.เขตนครพนม แถลงข่าวการจับกุม นายศรชัย นิวงษา พร้อม
ณ ห้องประชุม สยป.ทร. กรุงเทพ ฯ เมื่อ ๓ ต.ค.๕๔ ของกลางยาเสพติดประเภท ๑ (ยาบ้า) ได้ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง
บ้านปากทวย ก่อนนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.ท่าอุเทน
จ.นครพนม เมื่อ ๒๔ ต.ค.๕๔
































■ พล.ร.ต.สุรศิษฎ์ สว่างจันทร์ รอง ผอ.อจปร.อร. พร้อมคณะตรวจเยี่ยม ■ พล.ร.ต.ไชยยศ สุนทรนาค ผบ.กฟก.๒ กร. (ท่านเดิม) ส่งมอบ
กำลังพลชุดผลักดันน้ำของ อจปร.อร. และดูการทำงานของเครื่อง การบังคับบัญชาให้แก่ พล.ร.ต.ไพฑูรย์ ประสพสิน ผบ.กฟก.๒ กร.
ผลักดันน้ำบริเวณประตูน้ำคลองลัดโพธิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ (ท่านใหม่) ในพิธีรับ - ส่งหน้าที่ บน ร.ล.ตากสิน จอดทอดสมอ
เมื่อ ๑๐ ต.ค.๕๔ ณ บริเวณหน้าวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ
๖ ต.ค.๕๔





นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐89

■ พล.ร.ต.สุรพงษ์ อัยสานนท์ จก.สบ.ทร. เป็นประธานประกอบพิธี
ประดับเครื่องหมายยศ แก่นายทหารสัญญาบัตรที่ได้รับการเลื่อนยศ
สูงขึ้น ณ ห้องประชุม สบ.ทร.กรุงเทพ ฯ เมื่อ ๒๖ ต.ค.๕๔ ■ พล.ร.ต.พีรศักดิ์ วัฒนรณชัย ผบ.รร.สธ.ยศ.ทร เลี้ยงสังสรรค์
สำเร็จการศึกษาของ นทน.รร.สธ.ทร.ยศ.ทร. และ นทน.จากมิตรประเทศ
ณ ห้องอาหารนายทหารสัญญาบัตร อาคารราชนาวิกสภา กรุงเทพ ฯ
เมื่อ ๑๖ ก.ย.๕๔




















■ พล.ร.ต.พิทักษ์ พิบูลย์ทิพย์ จก.อล.ทร. นำคณะ ฯ เยี่ยมคำนับ ■ พล.ร.ต.นาวิน ธนเนตร ผบ.กบฮ.กร. เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล
พล.ร.ต.สุรศิษฎ์ สว่างจันทร์ รอง ผอ.อจปร.อร. ณ บก.อจปร.อร. “เรือพร้อมรบ ประจำปี ๒๕๕๔ ในชุดเรือที่ ๑ เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์”
อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เมื่อ ๑๓ ต.ค.๕๔ ให้แก่ ร.ล.จักรีนฤเบศร ณ บก.กบฮ.กร. อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อ
๒๐ ต.ค.๕๔

















■ พล.ร.ต.โชติวัฒน์ สาริกะวณิช ผบ.กตอ.กร. เป็นประธาน ■ พล.ร.ต.ไกรวุธ วัฒนธรรม รอง ผบ.รร.นร. ให้การต้อนรับ
ในพิธีมอบรางวัลการแข่งขัน “เรือพร้อมรบสูงสุด” ประจำปี งป.๕๔ ผชท.ทหาร ญป./กรุงเทพฯ ในโอกาส นำนักเรียน รร.รวมเหล่าญี่ปุ่น
ให้กับเรือในสังกัด ประกอบด้วย ร.ล.ปัตตานี ร.ล.ชลบุรี และ ร.ล.เทพา เยือนประเทศไทย ณ ห้องรับรอง รร.นร. จ.สมุทรปราการ เมื่อ
ณ บก.ทลท.กทส.ฐท.สส. อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อ ๑๓ ต.ค.๕๔ ๑๐ ต.ค.๕๔



๐90 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

■ พล.ร.ต.ประพฤติพร อักษรมัต จก.กพร.ทร. เป็นผู้แทน จก.กพร.ทร.เป็นผู้แทนกองทัพเรือร่วมกับคณะนักศึกษาวิทยาลัย

กองทัพเรือ ร่วมกับ คุณแคทรียา อิงลิช พร้อมคณะเพื่อนศิลปิน ป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ ๕๓ คณะแลมเบอร์กินี่คลับได้นำ
เดินทางไปแจกจ่ายถุงยังชีพจำนวน ๕๐๐ ถุง อาหารกล่อง จำนวน
๑,๐๐๐ กล่อง เรือพลาสติก จำนวน ๕ ลำ ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ถุงยังชีพจำนวน ๑,๒๐๐ ถุงและอาหารสำเร็จรูป ๑,๕๐๐ กล่อง
ณ ศูนย์อพยพผู้ประสบอุทกภัย วิทยาลัยนาฏศิลป์ กรมศิลปากร ไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ณ ศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย
ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งมีผู้ประสบอุทกภัยมารอ เทศบาลเมืองไร่ขิง ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งมีผู้ประสบ
รับความช่วยเหลือ จำนวน ๗๐ ครอบครัว รวมทั้งสิ้น ๓๑๐ คน อุทกภัยมารอรับความช่วยเหลือกว่า ๑,๐๐๐ คน เมื่อ ๖ พ.ย.๕๔
เมื่อ ๕ พ.ย.๕๔














พล.ร.ต.ธานี ผุดผาด หัวหน้าหน่วยเคลื่อนที่เร็วช่วยเหลือ

จก.กพร.ทร. เป็นผู้แทนกองทัพเรือในการรับมอบเงิน เรือท้องแบน ผู้ประสบอุทกภัย/ผบ.กลน.กร.ตรวจเยี่ยมชุดเคลื่อนที่เร็วช่วยเหลือ

เครื่องยนต์ติดท้ายแพกู้ภัย เครื่องสูบน้ำ รวมทั้งสิ่งของจำเป็นจาก ผู้ประสบอุทกภัย/กำลังพล กลน. บริเวณสะพานปรีดีพนมยงค์
คุณสุรเชษฐ หฤฎ์ภูมิ รองผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลกลาง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี น.อ.อารักษ์ แก้วเอี่ยม
กลุ่มบริษัทมหพันธ์ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เฌอร่า และคุณธงชัย ฉันสุธรรม รองหัวหน้าหน่วยเคลื่อนที่เร็ว/รอง ผบ.กลน.กร. ให้การต้อนรับ
กรรมการผู้จัดการบริษัทบลูเลเบิ้ล จำกัด มอบเรือท้องแบนเครื่องยนต ์ เมื่อ ๑๐ ต.ค.๕๔
ติดท้าย จำนวน ๑๗ ลำ และแพกู้ภัยเฌอร่า จำนวน ๒๐๐ ลำ
มูลค่ากว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อ ๘ พ.ย.๕๔
















■ พล.ร.ต.ลอชย รดดษฐ ผบ.กทบ.กร. เปนประธาน ในพธสงเรอ








พล.ร.ต.ธานี ผุดผาด ผบ.ฉก.บภ.ทางน้ำ และ ผบ.กลน. กทต. และ เรือยาง พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำเรือ เพื่อไปช่วยเหลือ

ให้การต้อนรับ ผบ.ทสส.พร้อมคณะฯ ในการเดินทางไปตรวจเยี่ยม ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพ ฯ และปริมณฑล โดยมี
สถานีเรือช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำกองทัพเรือ ที่วัดไทรม้าใต้ น.อ.มานพ สุรรัตน์ ผบ.มว.เรือที่ ๒ กทบ.กร. เป็นผู้บังคับหมวดเรือ
จ.นนทบุรี เมื่อ ๑ พ.ย.๕๔ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กทบ.กร.ณ บก.มว.เรือที่ ๓ กทบ.กร.
จ.สมุทรปราการ เมื่อ ๒๑ ต.ค.๕๔
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐91

■ พล.ร.ต.นพดล สุภากร ผบ.นบภ.สอ.รฝ./ผบ.สอรฝ.รับมอบเงินจาก ■ น.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.รร.ชุมพล ฯ ยศ.ทร. ให้การต้อนรับ
พล.ร.อ.ชาญชัย เจริญสุวรรณ และ คุณภรณี เจริญสุวรรณ พ.อ.ณัชพรพงศ์ ครุฑธา ผอ.กศษ.รร.ทหารช่าง กรมการทหารช่าง
เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จำนวน ๕๐,๐๐๐.-บาท รวม และคณะ ในการเยี่ยมชมหน่วย ณ ห้องประชุม รร.ชุมพล ฯ
ทั้งเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัยที่เข้ามาพักอาศัย ยศ.ทร. อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อ ๑๑ ต.ค.๕๔
ชั่วคราว ณ หน่วยพักพิงผู้ประสบอุทกภัย สอ.รฝ. อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
เมื่อ ๔ พ.ย.๕๔



















■ สอ.รฝ.จัดกำลังพล พร้อมเครื่องมือและยุทโธปกรณ์เดินทาง ■ ชุด ลว.สน.เรือเชียงของ จับกุมชาวเกาหลีเหนือ จำนวน ๑๖ คน

ไปให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยพื้นที่ จ.พระนคร ลกลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ได้ที่บริเวณหัวกอก อ.เชียงของ
ศรีอยุธยา เมื่อ ๘ ต.ค.๕๔ จ.เชียงราย จึงนำผู้ต้องหาส่ง พงส.สภ.เชียงของ เพื่อดำเนินการตาม
กฎหมายต่อไป เมื่อ ๑๖ ต.ค.๕๔



















■ กองทัพเรือ ดำเนินการผันน้ำออกทะเล ในแม่น้ำเจ้าพระยา (คลองลัดโพธิ์และบริเวณสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์) แม่น้ำท่าจีน (บริเวณ
ท่าเทียบเรือศักดิ์สวัสดิ์ ต.โกรกกรากไปออกอ่าวไทยที่มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และบริเวณที่ไหลผ่าน จ.นครปฐม) คลองรังสิต
คลองภาษีเจริญ คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต และบริเวณกรมชลประทาน จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ตั้งแต่ ต.ค.๕๔



๐92 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

Since 2459 B.E.



คอลัมน์ประจำ





พจนานุกรมศัพท์ชาวเรือ





พลเรือเอก ไพศาล นภสินธุวงศ์

fleet in being กองเรือคงชีพ fleet up เลื่อนตำแหน่ง
การใช้ทางเลือกหนึ่ง ซึ่งช่วยให้กองเรือ เลื่อนตำแหน่งหรือความสำคัญสูงขึ้น เช่นต้นปืน

ของตนเองดำรงอยู่ได้เพื่อจำกัดทางเลือกอื่น ๆ อาจเลื่อนขึ้นเป็นต้นเรือ
ในการใช้กำลังทางเรือของข้าศึก การจัดกองเรือคงชีพ flemishing ขดเชือก
เนื่องจากมีกำลังค่อนข้างจำกัด และพยายามหลีกเลี่ยง การขดเชือกแบนราบกับดาดฟ้าในทิศทางเวียน
การปฏิบัติขั้นแตกหักกับข้าศึก แนวความคิดของ ขวา เชือกวงหนึ่ง แต่ละวงอยู่ข้างนอกของอีกวง เริ่ม
กองเรือคงชีพต้องยกเครดิตให้แก่ Arthur Herbert ตั้งแต่วงในตรงกึ่งกลางและขดขยายออกด้านนอก
l
เอิร์ล แห่งทอร์ริงตัน และเป็น first ord of the admiralty
ภายหลังการยุทธ์ที่ Bearchy Head ในค.ศ.๑๖๙๐
ทอร์ริงตัน ถอนตัวไปตั้งหลักที่แม่น้ำ Thames ซึ่งที่นั้น
เองเขาได้ประกาศแนวความคิดเรื่องกองเรือคงชีพ

เพื่อที่จะใช้กองเรือของเขาป้องกันอังกฤษจากการ
บุกของข้าศึก (Grand Alliance) ตัวอย่างใน
สงครามโลกครั้งที่ ๑ กองเรือทะเลหลวงของเยอรมัน
(Hoch See Flette) นับว่าเป็นกองเรือคงชีพเช่นกัน
flexbee เฟล็กซ์บี
อากาศยานควบคุมจากระยะไกล เป็นอากาศยาน

ลาดตระเวนปรับปีกได้ น้ำหนักเบา ใช้โดย นาวิกโยธิน
flight clearance การอนุมัติให้วิ่งขึ้นได้
first lord of the admi- การอนุญาตให้อากาศยานขึ้นบินได้
ralty “Arthur Herbert” flight deck ดาดฟ้าบิน
ดาดฟ้าชั้นบนสุดของเรือบรรทุกเครื่องบิน เป็น
ดาดฟ้าที่อากาศยานใช้ขึ้นลง



Fleet Marine Force (FMF) กองกำลังผสมนาวิกโยธิน

กองกำลังสมดุลของกำลังผสม ประกอบด้วย
กองกำลังทางบก กองกำลังทางอากาศ และหน่วย
ยุทธบริการนาวิกโยธิน กองกำลังผสมนาวิกโยธินนี้เป็น
ส่วนหนึ่งของกองเรือสหรัฐ ฯ และมีสถานภาพเป็น
หน่วยจัดตั้งตามประเภท



นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐93

flight gear ชุดอุปกรณ์นักบิน floating สมอทะเล
ชุด และอุปกรณ์ที่นักบินใช้สวมใส่ ศัพท์ที่ใช้เรียกสมอทะเล (Drogue หรือ Sea
Anchor)















flight log ปูมการบิน
การบันทึกเวลาการบินของนักบินทหารเรือ
flight pay เงินเพิ่มพิเศษการบิน floating drydock อู่ลอย
เงินเพิ่มพิเศษของบุคลากรการบิน อู่เรือเคลื่อนที่ลอยน้ำ เรือจะลอยน้ำเข้าอู่ได้เมื่อ
flight plan แผนการบิน อู่จมลงในน้ำ (บางส่วน) จากนั้นอู่จะถูกยกขึ้นมา
ข้อมูลกำหนดเป็นคำพูด หรือลายลักษณ์อักษร โดยการสูบน้ำออกจากถังน้ำอับเฉา ซึ่งจะยกขึ้นเพื่อ
กับงานจราจรทางอากาศ เกี่ยวกับบิน ที่จะกระทำ ให้ทำการซ่อมทำส่วนของตัวเรือใต้น้ำสะดวกขึ้น
ของอากาศยานลำหนึ่ง ๆ

flight quarters สถานีบิน
การกำหนดกำลังพลประจำทุกสถานี สำหรับ
ปฏิบัติการบิน (FLTOPS) บนเรือบรรทุกเครื่องบิน
Flight Skins เป็นคำสแลงมีความหมายเช่นเดียว
กับ Flight Pay
flight surgeon นายแพทย์เวชศาสตร์การบิน
นายทหารเหล่าแพทย์มีคุณสมบัติพิเศษสำหรับ

ปฏิบัติหน้าที่ด้านการบิน
flinders bar แท่งเหล็กแก้อัตราผิด
แท่งเหล็กสอดเข้าไปในเรือนเข็มทิศแม่เหล็ก floating harbour เขื่อนลอยน้ำ
เพื่อแก้อัตราผิดเข็มทิศแม่เหล็ก (Deviation) เขื่อนกันคลื่นทำด้วยท่อนเสายาว ผูกติดกัน
อันเนื่องจากตัวเรือที่เป็นเหล็ก หรือสินค้าที่เป็น แล้วทอดสมอไว้ เพื่อกันเรือ ขณะที่ทอดสมอ โดยมี
แม่เหล็ก
วัตถุประสงค์เพื่อลดความรุนแรงจากสภาพทะเล
floe แพน้ำแข็ง
แผ่นน้ำแข็งไม่กำหนดขนาด แน่นอนแต่ไม่ใช่

ภูเขาน้ำแข็ง (Iceberg)
flood currents กระแสน้ำไหลขึ้น
กระแสน้ำเกิดเนื่องจากความสูงของระดับน้ำขึ้น
ลงเพิ่มขึ้น


๐94 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

Since 2459 B.E.



คอลัมน์ประจำ



หนังสือน่าอ่าน





นาวาเอกหญิง กรแก้ว ตันติเวชกุล
ฉ บับนี้ ห้องสมุดกลางกองทัพเรือ ขอแนะนำหนังสือ “พูดภาษาอังกฤษโต้ตอบคล่องแคล่ว” รียนลัดการพูด


ภาษาอังกฤษด้วยโครงสร้างประโยคที่จำเป็น พร้อมจำลองเหตุการณ์ให้เข้าใจการใช้ภาษาอังกฤษ





ได้ง่ายขึ้น ... หนงสอ มหัศจรรย์แห่งภาวะผู้นำ” ป็นหนังสือที่นำทศพิธราชธรรมมาวิเคราะห์ให้เห็นสาระและความ

สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้คนไทยตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระมหากษัตริย์ไทย เพื่อนำชาติไทยให้ร่มเย็นเป็นสุขได

จรง ๆ ... หนังสือ รอบรู้เรื่องจัดฟัน” ความรู้ดีดีเกี่ยวกับการจัดฟันในแง่มุมต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลเบื้องต้นก่อนการ

ตัดสินใจจัดฟัน
พูดภาษาอังกฤษโต้ตอบคล่องแคล่ว
เรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้พูดได้ คำถามนี้ Ying Happ. กรุงเทพ ฯ, แอล.ที.เพรส,
นับเป็นคำถามยอดฮิตที่ติดอยู่ในหัวใจของคนไทย ๒๕๕๓. ๒๕๒ หน้า. ราคา ๒๒๐ บาท
ที่ผ่านการเรียนภาษาอังกฤษมายาวนาน เพราะ เลขเรียกหนังสือ ๔๒๘.๒๔ บ๕๔๓ ท
ปัญหาใหญ่ที่ทุกคนต่างประสบเหมือน ๆ กัน ก็คือ
เรียนภาษาอังกฤษกันมานานนม แต่ทำไมถึงยังพูด
กันมิได้ซักกะที บางคนอาจจะบอกว่า ถ้าให้ฟังละก็

พอรู้เรี่อง แต่หากจะพูดโต้ตอบสื่อสารกันเป็นเรื่อง
เป็นราวนั้น ก็ได้แต่เซย์โน โอเค หรือไม่ก็

ไอด้อนท์โนวลูกเดียว ฉะนั้นผู้อ่านท่านใดที่ชูสามนิ้ว

ปฏิญาณกับตนเองไว้ว่าข้าพเจ้าจะตั้งใจหัดพูดภาษา
อังกฤษให้ได้เสียที แต่ประสบปัญหาอยากพูด ก็พูด
ไม่ถูกไม่รู้จะเรียงคำอย่างไร ก็เร่เข้ามาทางนี้เลยจ้า
ข้อความข้างต้นนี้เป็นส่วนหนึ่งจากหนังสือ
“พูดภาษาอังกฤษโต้ตอบคล่องแคล่ว” ที่ใช้ภาษา

ง่าย ๆ ในการสื่อสารกับผู้อ่าน เนื้อหาภายในเล่มจะ
มีภาพการ์ตูนประกอบทำให้หลักภาษาและการใช้
ภาษาอังกฤษที่สำคัญสำหรับทักษะการพูดมีความ

น่าสนใจและจดจำได้ง่าย นับเป็นหนังสือที่เหมาะ
สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นศึกษาภาษาอังกฤษ
เพื่อทักษะการพูดให้ได้ผลในเวลาจำกัดได้ดีเล่มหนึ่ง
ทีเดียว





นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐95

มหัศจรรย์แห่งภาวะผู้นำ รอบรู้เรื่องจัดฟัน
สีห์อารย์ ชาญหงสธรรม. กรุงเทพฯ, สมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย.
โรงพิมพ์พระพุทธศาสนาของธรรมสภา, กรุงเทพ ฯ, อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง,
๒๕๕๓. ๒๘๓ หน้า. ราคา ๑๙๙ บาท ๒๕๕๓. ๙๖หน้า. ราคา ๙๙ บาท
เลขเรียกหนังสือ ๖๕๘.๔๐๙๒ ส๗๓๔ม เลขเรียกหนังสือ ๖๑๗.๖ ส๒๙๓ร


“มหัศจรรย์แห่งภาวะผู้นำ” หนังสือที่มีรูปแบบ “การจัดฟัน” นับเป็นกระแสยอดนิยมอันดับต้น ๆ
ไม่เหมือนใคร ผู้อ่านสามารถเลือกเปิดหนังสืออ่าน ของวัยรุ่นในปัจจุบัน และมีผู้ปกครองไม่น้อยที่
ได้ทั้งจากด้านหน้าและด้านหลังของเล่มตามความ ห่วงใยในบุตรหลาน มีคำถามในใจมากมายเกี่ยวกับ
สนใจ โดยหากเริ่มอ่านจากปกหน้าจะพบเนื้อหาที่ เรื่องของการจัดฟัน โดยเฉพาะเมื่อคิดจะจัดฟันก็
เป็นภาคทฤษฎี และหากเริ่มจากปกหลังจะได้อ่าน ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นเมื่อไรและอย่างไร จึงจะทำให้ได้
เนื้อหาที่เป็นภาคปฏิบัติ ซึ่งแนวคิดเช่นนี้ เหมาะสม รับสิ่งที่ดีที่สุดในการจัดฟัน
กับเนื้อหาสาระดี ๆ ทางวิชาการที่แฝงความล้ำลึกใน ข้อสงสัยต่าง ๆ ของการจัดฟัน อาทิเช่น เครื่องมือ
พลังศรัทธาของมนุษย์ ให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึง จัดฟันชนิดติดแน่น เครื่องมือจัดฟันชนิดถอดได้
แก่นแท้ของความรู้จากหนังสือได้โดยง่าย แบร็กเก็ต เฮดเกียร์ ลวดจัดฟัน หมุดจัดฟัน แหวน

เนื้อหาภายในเล่มเป็นเรื่องเกี่ยวกับพลังศรัทธา จัดฟัน หนังยางดึงฟัน ยางแยกฟัน รีเทนเนอร์ การ
ของพสกนิกรที่มีต่อพระมหากษัตริย์ไทย พระผู้ทรง ผ่าตัดขากรรไกร การเคลื่อนฟัน เครื่องมือขยาย
ทศพิธราชธรรมอย่างสมบูรณ์ระดับต้นแบบ ที่เรา ขากรรไกร ฯลฯ และเรื่องน่ารู้อื่น ๆ อีกมากมายนั้น
สมควรศึกษาและนำมาปฏิบัติตาม โดยผู้เขียนได้ ท่านสามารถหาคำตอบได้จากหนังสือดี “รอบรู้เรื่อง
นำทศพิธราชธรรมทั้งจากชาดกและเรื่องจริงของ จัดฟัน” เล่มนี้ หนังสือที่สมาคมทันตแพทย์จัดฟัน
พระมหากษัตริย์ไทย มาผสมผสานกับหัวข้อธรรม แห่งประเทศไทย จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับ
อื่น ๆ แล้ววิเคราะห์สาระและความสำคัญ ทำให้เกิด การจัดฟันในแง่มุมต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลเบื้องต้น

เป็นคุณลักษณ์ของภาวะผู้นำที่มนุษย์ธรรมดาสามารถ ก่อนการตัดสินใจจัดฟัน ทำให้ผู้อ่านมีความรู้เกี่ยวกับ
นำมาบ่มเพาะตนเองให้ไปสู่การเป็นผู้นำที่ดีในชีวิตจริง เครื่องมือจัดฟัน การดูแลเครื่องมือในระหว่างจัดฟัน
อีกทั้งเนื้อหาดีดีจากหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้คน รวมทั้งผลข้างเคียงของการจัดฟันและวิธีการดูแล
ที่กำลังหลงทางตามผู้นำที่แสวงหาโภคทรัพย์และ ให้ฟันสวยคงทนตลอดไป
อำนาจ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศชาติ
ได้กลับมาคิดทบทวนและเลือกเดินตามผู้นำที่เห็นแก่
ประโยชน์สุขของประเทศชาติอย่างแท้จริง


...นอกจากนี้ กองห้องสมุด ยศ.ทร. ยังมีหนังสือเล่มอื่น ๆ ที่น่าสนใจ โดยท่านสามารถสืบค้นได้ที่
www.navy.mi.th/navedu และติดต่อขอยืมได้ที่ กองห้องสมุด ยศ.ทร. (อาคาร สรส.ยศ.ทร.) หมายเลข
โทรศัพท์ ๕๓๔๓๖ หรือ ที่แผนกห้องสมุดกลางกองทัพเรือ (อาคารราชนาวิกสภา) หมายเลขโทรศัพท์
๕๔๙๘๘

๐96 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

ประทีปธรรม
คอลัมน์ประจำ






กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ

































เงินกับงู
เมื่อ พูดถึงเงินกับงู คนทั่วไปจะเกิดความรู้สึกแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ เมื่อพูดถึงเงิน

ใจจะพองโต เกิดความอยากได้อยากครอบครองขึ้นมาทันที เพราะเห็นว่าเงินเป็นแก้วสารพัดนึก
บันดาลให้ได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา ในขณะที่เมื่อพูดถึงงู จะเกิดอาการขนลุกขนพอง เกลียดกลัวอยากหลีกหนี

ให้ไกล เพราะกลัวในพิษร้ายหรือไม่ก็เพราะความขยะแขยง
สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จ ฯ พร้อมกับพระอานนท์ผ่านไปยังที่นาแห่งหนึ่งในเวลาเช้าตรู่ ทอดพระเนตร
เห็นถุงเงินใบหนึ่งที่พวกโจรทำหล่นไว้ จึงทรงชี้ไปที่ถุงเงินดังกล่าวพร้อมตรัสกับพระอานนท์ว่า อานนท์ เธอจงด ู
นี่คืองูพิษ เหตุที่พระพุทธเจ้าตรัสเรียกเงินว่าเป็นงูพิษนั้น ก็เพราะแม้เงินจะเป็นสิ่งอำนวยปัจจัยสี่และประโยชน์
อื่น ๆ แก่มนุษย์ ช่วยให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข แต่ในขณะเดียวกันก็อาจนำโทษภัยมาสู่มนุษย์
ได้หากปฏิบัติไม่ดีต่อเงินอย่างน้อย ๒ เรื่อง คือ
เรื่องการแสวงหา เมื่อมนุษย์ถูกความโลภครอบงำจนไม่คำนึงถึงผิดชอบชั่วดีก็จะทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน

แม้จะต้องทุจริตคดโกง เข่นฆ่าผู้อื่น หรือแม้แต่ทำลายวงศ์ตระกูลของตนเอง สุดท้ายก็ต้องประสบกับความทุกข ์
เดือดร้อนต่าง ๆ ดังที่เป็นข่าวอยู่เนือง ๆ
เรื่องการใช้สอย เมื่อได้เงินมาแล้ว แม้จะโดยสุจริตก็ตาม หากนำไปใช้ในทางที่ผิด หรือใช้ทำความชั่ว
ก็ไม่พ้นก่อทุกข์ให้กับตนเอง ก่อความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น แม้กระทั่งทำลายความมั่นคงของชาติ เป็นต้น

เงินก็กลายเป็นของให้โทษ เหมือนงูพิษที่คอยฉกกัดให้ได้รับอันตรายอยู่นั่นเอง
มนุษย์เรานั้นยังมีความจำเป็นต้องหากิน ต้องใช้เงินในการดำรงชีพ แต่ต้องรู้จักระมัดระวังอย่างน้อยก็ใน
สองเรื่องข้างต้น หาไม่แล้ว เงินก็จะกลายเป็นงู ดังที่พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบไว้นั่นแล


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๐97

Since 2459 B.E.


สารพัน สาระเพลง
คอลัมน์ประจำ







สีแสด

ประเทศและบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาราษฎร์
แม้ยามประชวรพระวรกาย แต่ความห่วงใยของ
พระองค์ต่อพสกนิกรก็มิเคยขาด ดังที่เราท่านทราบ
กันดี พระองค์ทรงช่วยขจัดปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ
ของประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองการ
ปกครอง เศรษฐกิจ การเกษตร วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ทรงทำนุบำรุงและพัฒนาการจัดการ
ศึกษา การศาสนา และศิลปวัฒนธรรม ทรงสร้างผลงาน


ด้านศิลปะทั้งวรรณกรรม จิตรกรรมประติมากรรม
หัตถกรรม การถ่ายภาพและดนตรี โดยเฉพาะด้าน
ดนตรีนั้น พระองค์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์และเป็นแบบ
อย่างในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่มีเอกลักษณ์
มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อสังคมจนเป็นที่ประจักษ์
แก่ชาวโลกโดยให้การยอมรับ และถวายพระราช
สมัญญาว่า “อัครศิลปิน”
วัน สำคัญของคนไทยทั้งชาติเวียนมาบรรจบ เมื่อผู้เล่นมีความสุข ผู้ฟังก็มีย่อมมีความสุขด้วย


อีกครั้งแล้วคือ วันที่ ๕ ธันวาคม “ในการปฏิบัติในการทำทุกสิ่งทุกอย่างที่
ปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ เดือนธันวาคมปีนี้นับเป็น เกี่ยวข้องกับดนตรี ขอให้ทำด้วยความตั้งใจที่ดี ก็จะได้
เดือนมหามงคลที่ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าจะ ความชื่นใจความปิติของตัวเอง และจะทำให้คนอื่นที่ฟัง
ได้เฉลิมฉลองและทำความดีถวายเนื่องในวโรกาส ที่ได้ประโยชน์จากเพลงนั้นเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนพรรษา ให้มีความร่าเริง มีความเข้มแข็ง เท่ากับทุกคนได้
ครบ ๘๔ พรรษา เพื่อให้พระองค์ท่านทรงพระเกษม ช่วยส่วนรวมให้เป็นปึกแผ่น”
สำราญ และมีพลานามัยที่แข็งแรงเป็นหลักยึดเหนี่ยว นั่นคือพระราชดำรัสในโอกาสที่คณะกรรมการ
และเป็นมิ่งขวัญของพวกเราตลอดไป สมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ฯ เฝ้า ฯ ทูลเกล้า ฯ

ตั้งแต่ฉบับแรก ผมได้เขียนถึงบทเพลงพระราช ถวายเงินเพื่อสมทบทุน “โครงการพัฒนาตาม
นิพนธ์บางเพลงที่มีความไพเราะในรูปแบบต่างกัน พระราชประสงค” ณ ศาลาดุสิดาลัย วันพุธที่

ซึ่งจะว่าไปแล้ว สิ่งที่ผมเขียนไปนั้นเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่ง ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๔ แสดงให้เห็นถึงปรัชญา
ของสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราได้ การดนตรีของพระองค์ท่านที่ทรงปรารถนาให้สังคม
ทรงมอบให้กับชาวไทย ถ้าจะเอ่ยถึงพระราชกรณียกิจ ไทยมีความสุข แบ่งปันกัน และเข้มแข็งเป็นปึกแผ่น
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญตลอด พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างการใช้เสียงเพลงเป็น
ระยะเวลาที่พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ สื่อแบ่งปันความสุขความสามัคคีด้วยการพระราช

ปี พ.ศ.๒๔๙๓ นั้นมีมากมายแทบทุกด้านก็ว่าได้ นิพนธ์เพลงพระราชทานให้วงดนตรีนำไปบรรเลง
พระองค์ทรงเป็นผู้นำและแบบอย่างในการพัฒนา ให้ประชาชนได้รับฟังในโอกาสต่าง ๆ เช่น เพลง

๐98 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวามคม ๒๕๕๔

“พรปีใหม่” บรรเลงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พระองค์เอง เช่น เปียโน และกีตาร์ ซึ่งก็ทำให้ผม
เพลง “ยิ้มสู้” พระราชทานแก่โรงเรียนสอนคน ได้คำตอบว่าการที่เพลงพระราชนิพนธ์มีความ
ตาบอด เพลง “ความฝันอันสูงสุด” และเพลง “เราสู้” ไพเราะ ท่วงทำนอง จังหวะ และเสียงประสานมีส่วน
พระราชทานแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ผสมดนตรีคลาสสิคและแจ๊สที่แนบเนียนลงตัวนั้น

นอกจากนั้นพระองค์ยังพระราชนิพนธ์เพลงสถาบัน เนื่องมาจากพื้นฐานทางดนตรีของพระองค์ที่ดีมาแต่ต้น
ต่าง ๆ ตามที่สถาบันขอพระราชทาน เช่น เพลง นอกจากนั้น เพลงพระราชนิพนธ์ยังมีความแปลกใหม่
“มหาจุฬาลงกรณ์” และเพลง “มาร์ชราชนาวิกโยธิน” และมีเอกลักษณ์เฉพาะแบบฉบับของพระองค์ ซึ่ง
เป็นต้น นอกจากนี้พระองค์ยังทรงสนับสนุนการฟัง ในสมัยที่เริ่มพระราชนิพนธ์เพลงนั้น พระองค์ได้
ดนตรีให้แพร่หลายทั่วไป ตัวอย่างที่สำคัญ ได้แก่ สร้างนวตกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อนในเพลงไทย เช่น
พระองค์ทรงเปิดโอกาสให้วงดนตรีจากสถาบัน การนำกลุ่มเสียงของเพลงแจ๊สที่เรียกว่าบันไดเสียงบลูส์
การศึกษาต่าง ๆ เข้าไปบรรเลงออกอากาศทาง หรือการนำครึ่งเสียงที่เรียกว่าเสียงโครมาติค มาใช้
สถานีวิทยุ พระที่นั่งอัมพรสถาน เป็นประจำซึ่งบางครั้ง ในการสร้างสรรค์ทำนองเพลง “แสงเทียน” “ยามเย็น”

ได้เสด็จทอดพระเนตรและทรงแนะนำการบรรเลงด้วย และ “แก้วตาขวัญใจ” เป็นต้น
ปัจจุบันวงดนตรีนักเรียนดุริยางค์ โรงเรียนดุริยางค์ ทรงเป็นแรงบันดาลใจ และแบบอย่างการ

ทหารเรือ ยังคงเข้าไปบรรเลง ทุก ๆ ปี ๆ ละ ๔ ครั้ง สร้างสรรค์งานศิลปะดนตรี
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นแก่เหล่า พระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้าน
ผู้สร้างสรรค์งานศิลปะดนตรีและผู้ฟังอย่างหาที่สุดมิได้ ศิลปะดนตรีอันสูงส่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เสน่ห์ของเพลงพระราชนิพนธ์อยู่ที่ความแปลกใหม ่ ได้รับการยอมรับและสดุดีพระเกียรติคุณจากสถาบัน
ก่อนที่ผมจะมีโอกาสเขียนบทความเกี่ยวกับ ดนตรีทั้งในและต่างประเทศ ดังเช่น จุฬาลงกรณ์
บทเพลงพระราชนิพนธ์ลงในนิตยสารนาวิกศาสตร์ มหาวิทยาลัย ทูลเกล้า ฯ ถวายปริญญาศิลปกรรม
นั้น ผมเคยได้ยินได้ฟังและบรรเลงเพลงพระราช ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

นิพนธ์มานับครั้งไม่ถ้วนในฐานะนักดนตรี ทุกครั้งที่ ทูลเกล้า ฯ ปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต
ได้สัมผัสจะรู้สึกถึงเอกลักษณ์ที่ต่างไปจากเพลงไทย กิตติมศักดิ์ สาขาดนตรี และ สถาบันการดนตรี
อื่น ๆ และก็อดฉงนไม่ได้ในความไพเราะไม่ว่า และศิลปชั้นนำแห่งกรุงเวียนนาประเทศออสเตรีย
จะเป็นทำนองหรือคอร์ดที่เป็นเสียงประสาน คำถาม ได้ทูลเกล้า ฯ ถวายประกาศนียบัตรเกียรติคุณชั้นสูง
จึงเกิดกับผมเสมอว่า พระองค์ทรงคิดอย่างไรขณะ และตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์หมายเลขที่ ๒๓

พระราชนิพนธ์เพลง ? เสียงประสานตรงนี้แปลก ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันถึงความเป็น “อัครศิลปิน” ของ
แต่ทำไมไพเราะน่าฟัง และทำไมจึงบีบอารมณ์ พระองค์อย่างแท้จริง
หรือพาอารมณ์ให้เคลิมเคลิ้มได้ ? จากที่ได้ศึกษา ในวโรกาสอันเป็นมงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้า
ค้นคว้าและได้อ่านบทความพระราชประวัติที่เกี่ยวกับ ขอเป็นตัวแทนกองดุริยางค์ทหารเรือ ฐานทัพเรือ


พระองค์ทานก็ทำใหทราบวาในหลวงท่านทรงสนพระทัย กรุงเทพ น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพร


ในการดนตรีตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ในขณะที่ทรง ขอให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญ พระพลานามัย
ศึกษาอยู่ที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แข็งแรง และมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้า
พระองค์ทรงศึกษาทั้งเพลงคลาสสิค และเพลงแจ๊ส ด้วยกระหม่อมขอเดชะ
โดยมีพระอาจารย์ถวายคำแนะนำ ส่วนเครื่องดนตรี
นั้นทรงบรรเลงได้ทั้ง คลาริเนต แซกโซโฟน และ
ทรัมเป็ต รวมถึงเครื่องดนตรีที่ทรงศึกษาด้วย


นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวามคม ๒๕๕๔ ๐99


Click to View FlipBook Version