The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รางวัลบทความดีเด่น พลเรือเอก กวี สิงหะ ประจำปี ๒๕๖๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาวิกศาสตร์, 2022-04-08 22:29:08

สร้างเหล็กในคน

รางวัลบทความดีเด่น พลเรือเอก กวี สิงหะ ประจำปี ๒๕๖๔

สร้างเหล็กในคน










(ตอนที่ ๑)








ถ.ถุง





เหล็กในเรือ ลอยลำ� ยังชำ�รุด เหล็กในคน แข็งสุด ถ้�สร้�งได้

เรียนให้ลึก ฝึกให้แม่น แก่นศ�สตร์ชัย เร�นี้ไซร้ กล้�แกร่งได้ กว่�เหล็กเรือ

พลเรือเอก ส�ม�รถ จำ�ปีรัตน์




กล่าวน�า





คน หรอทรพยากรมนษย์ (Human resource) อะไรให้นักเรียนจ่า (นรจ.) และข้าราชการรวมทั้งบุคคล



นับเป็นทรัพยากรสาคัญท่สุดของทุกประเทศและ ท่ผ่านเข้ามาใน รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. เห็นได้ง่าย เพ่อจะได้



ทุกองค์กรในยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ.๒๕๖๑ - พ.ศ. พึงระลึกไว้ตลอดเวลา สามารถจดจานาไปปรับ หรือ
๒๕๘๐) ก�าหนดยุทธศาสตร์ไว้ ๖ ด้าน มีด้านที่เกี่ยวกับ ประยุกต์ใช้ในการรับราชการได้ ผู้เขียนจึงได้ค้นคว้า


คนโดยตรง คือ ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้าง ส่งท่เป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนทหารต่าง ๆ หลายแห่ง


ศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ท่ดูแล้วมีความสะดุดตา เป็นสัญลักษณ์ท่สร้างไว้ของ





และสังคมแห่งชาต ฉบบท่ ๑๒ (พ.ศ.๒๕๖๐ - พ.ศ.๒๕๖๔) โรงเรียนนายร้อยเวสพอยท์ สหรฐอเมริกา คอ ปายระบบ

ยทธศาสตร์ท่ ๑ การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพ เกียรติศักดิ์ (ดูภาพที่ ๑ THE CADET HONOR CODE)


ทุนมนุษย์ ให้ความส�าคัญกับการวางรากฐานการพัฒนา เขียนข้อความไว้ว่า “A CADET WILL NOT LIE, CHEAT,



คนให้มีความสมบูรณ์ เร่มต้งแต่กลุ่มเด็กปฐมวัยท่ต้อง STEAL, OR TOLERATE THOSE WHO DO.” ซ่งคาว่า












พัฒนาให้มีสุขภาพกายและใจท่ดี มีทักษะทางสมอง “Honor” เป็นหนงในค�ากล่าวทเป็นทร้จกกนดของ




ทักษะการเรียนรู้ และทักษะชีวิตเพ่อให้เติบโตอย่างม ี พลเอก ดักกลาส แม็คอาเธอร์ ท่ได้กล่าวไว้ท่โรงเรียน





คุณภาพ เก่ยวกับเร่องคน หรือทรัพยากรมนุษย์น้ เม่อ นายร้อยเวสพอยท์ เม่อวันท่ ๑๒ พฤษภาคม ค.ศ.๑๙๖๒




คร้งท่ผู้เขียนรับราชการอยู่ท่ โรงเรียนชุมพลทหารเรือ ดังนี้ “Duty, Honor, Country. Those three
กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร.) นาวาเอก hallowed words reverently dictate what

กาจร เจริญเกียรติ ผู้บังคับการ รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. you ought to be, what you can be,
ในขณะน้น ได้มีดาริอย่างหน่งว่าจะสร้างสัญลักษณ์ what you will be.”



นาวิกศาสตร์ 45
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔


ภาพที่ ๑ THE CADET HONOR CODE


จากน้นได้อ่านบทความเร่อง “สร้างคน” ของคุณคร ู growth stronger” ส�าหรับสถานที่ตั้งเป็นบริเวณลาน

พลเรือเอก สามารถ จาปีรัตน์ ในหนังสือนาวิกศาสตร์ สวนสนามด้านหน้าเสาธงก็เหมาะสมดี เพราะเป็นท่ท ่ ี


ฉบับเดือนสิงหาคม - กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕ รู้สึกมีความ นรจ. ข้าราชการ และประชาชนท่ผ่านไปผ่านมาเห็น




ประทับใจอยางยิ่ง โดยมีบทกวีที่กลาวไว้ท้ายบทความวา ได้ง่าย รวมท้งลานสวนสนามเป็นสถานท่ท่ นรจ.


“เหล็กในเรือ ลอยล�า ยังช�ารุด ใช้บ่อยท่สุด เช่น ช่วงแถวตอนเช้า ออกกาลังกาย


เหล็กในคน แข็งสุด ถ้าสร้างได้ แถวรับธงข้นเวลา ๐๘๐๐ ฝึกวิชาทหารราบ ฝึกสวนสนาม

เรียนให้ลึก ฝึกให้แม่น แก่นศาสตร์ชัย ซ้อมแฟนซีดริล แถวรับธงลงของทุกวัน และแถวเวลา
เรานี้ไซร้ กล้าแกร่งได้ กว่าเหล็กเรือ” ๑๙๐๐ เป็นต้น (ดูภาพที่ ๒ เหล็กในคนส�าคัญกว่าเหล็ก

ส�าหรับค�าว่า “เหล็กในคน ดีกว่า เหล็กในเรือ” คุณครู ในเรือ และแถวรับธงลงของ นรจ. ในวันงานเล้ยงประจาปี)

ได้อธบายไว้ว่าเป็นคาทบรรพบุรุษทหารเรือได้กล่าวเป็น เม่อสร้างเสร็จแล้วก็ได้อธิบายให้ นรจ. และข้าราชการ












ปริศนาคาคม เพ่อกาชับยาเตือนสติลูกหลานทหารเรือ ให้ทราบความหมายของคาน้มาโดยตลอด เพราะเหล็ก

ของท่านด้วยความห่วงใย และมองการณ์ไกล (Visions) ในคนไม่ได้ใช้เวลาสร้างแค่วันหรือสองวัน แต่ท่ รร.ชุมพลฯ
ในอนาคตว่า ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และ ยศ.ทร. ใช้เวลาสร้าง นรจ. ประมาณ ๒ ปี นักเรียนหลักสูตร


สภาพสังคมในยุคโลกาภิวัฒน์ อาจท�าให้ “เหล็ก” ในตัว ข้าราชการกลาโหมพลเรือนตากว่าช้นสัญญาบัตรประมาณ

ลูกหลานของท่านเกิดสึกกร่อนลงได้ แต่ตอนหลัง ๆ ๔๕ วัน หากเราสร้างเหล็กในคนให้ นรจ. และข้าราชการ
คาว่า “เหล็กในคน ดีกว่า เหล็กในเรือ” กลายเป็น กลาโหมพลเรือนตากว่าช้นสัญญาบัตร ให้เป็นเหล็กเน้อด ี






“เหล็กในคน สาคัญกว่า เหล็กในเรือ” แมคาวา “ดีกว่า” ได้แล้ว อีกประมาณ ๔๐ ปี ของชีวิตรับราชการ เหล็กในคน




จะเปล่ยนเป็นคาว่า “สาคัญกว่า” แต่ก็ยังแสดงให้เข้าใจ เหล่าน้ก็จะไม่เป็นสนิม หรือผุกร่อนไปก่อนเวลาอันควร





ได้ว่า เหล็กในคนดีกว่า (ส�าคัญกว่า) วัตถุหรือเครื่องมือ และเหล็กในคนเหล่าน้จะเป็นรากฐานท่สาคัญของ






รวมท้งเทคโนโลยีต่าง ๆ ดังน้นจึงตกลงใจว่าถ้าสร้าง กองทัพเรือ ในการปฏบัติภารกิจท่ได้รบมอบหมายให้



สัญญลักษณ์เป็นประโยคน้ก็น่าจะเหมาะสม รวมท้งคิดว่า ประสบความสาเรจอย่างวัฒนาถาวรตลอดไป ดงน้น จึงจะขอ





ควรจะใส่ภาษาอังกฤษไว้ด้วย เพราะขณะน้นประเทศไทย ใช้บทความน้ถ่ายทอดประสบการณ์ในการสร้างเหล็ก

กาลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงให้ครูแผนกภาษาของ ในคนที่เกิดขึ้นที่ รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. และประสบการณ์



รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. ช่วยเขยนคาแปลภาษาอังกฤษไว้ดวย จากการฝึกภาคทะเลของผู้เขียนในสมุดจดหมายเหต ุ


คือ “As time passes, A ship’s steel grow weaker, ประจาตัวนักเรียนนายเรือเพ่อให้เกิดประโยชน์กับคน
but with time and training, a sailor’s steel รุ่นหลังต่อไป
นาวิกศาสตร์ 46
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔


ภาพที่ ๒ เหล็กในคนส�าคัญกว่าเหล็กในเรือและแถวรับธงลงของนักเรียนจ่าในวันงานเลี้ยงประจ�าปี



เหล็กในคน สิ่งแรกที่ผู้เขียนนึกถึงก็คือ คุณสมบัตินายทหารเรือไทย





“เหล็ก” เป็นแร่ธาตุท่นามาใช้งานในชีวิตประจาวัน ๕ ประการ ตามท่ได้รับการส่งสอนมาโดยตลอดและ
มากท่สุด และเป็นท่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย โดยท่วไป มักจะพบเห็นตามหนังสือ นิตยสาร วารสารต่าง ๆ ของ





แล้วเหล็กจะแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ เหล็ก (Iron) ทหารเรือ รวมท้งมักติดไว้ตามสถานท่สาคัญท่พบเห็นได้ง่าย


และเหล็กกล้า (Steel) ซึ่งทั้งสองประเภทนี้มีคุณสมบัติ ทั้งนี้ค�าว่า “นายทหารเรือ” นั้น บางท่านอาจเข้าใจว่า


ท่ต่างกัน แต่ส่วนใหญ่มักจะเรียกเหมารวมกันว่า “เหลก” หมายถึงเฉพาะนายทหารสัญญาบัตร แต่ในความจริงแล้ว
น่นเอง โดยเหล็กท่พบได้มากในธรรมชาติซ่งต้องใช้วิธ ี รวมถึงนายทหารประทวนด้วย โดยคุณสมบัตินายทหาร




ถลุงออกมาก่อน เพ่อให้ได้เป็นแร่เหล็กบริสุทธ์ และ เรือไทย ๕ ประการ ได้แก่


สามารถนามาใช้ประโยชน์ต่อไปได้ ส่วนเหล็กกล้า ๑. มีความรู้

เป็นโลหะผสมท่มีส่วนผสมระหว่าง เหล็ก ซิลิคอน ๑.๑ จะต้องขวนขวายหาความรู้ และฝึกฝนตนเอง
แมงกานีส คาร์บอน และธาตุอื่น ๆ อีกเล็กน้อย ท�าให้มี อยู่เสมอ

คุณสมบัติในการยืดหยุ่นสูง ท้งมีความทนทาน แข็งแรง และ ๑.๒ รู้จักถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้อื่น
สามารถต้านทานต่อแรงกระแทก และภาวะทางธรรมชาต ิ ๑.๓ รู้จักใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์
ได้อย่างดีเยี่ยม ที่ส�าคัญคือ เหล็กกล้าไม่สามารถค้นพบ ๒. เป็นผู้น�าทางทหาร

ได้ตามธรรมชาติเหมือนกับเหล็ก เน่องจากเป็นเหล็กท ี ่ ๒.๑ มีลักษณะท่าทางองอาจสมเป็นทหาร และ
สร้างข้นมาโดยการประยุกต์ของมนุษย์ ดังน้นการสร้าง มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ



เหล็กในคนจึงมีวัตถุประสงค์ หรือเจตนาเพ่อสร้างคน ๒.๒ มีระเบียบวินัย
(หล่อหลอมคน) ให้มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับเหล็กกล้า ๒.๓ มีความส�านึกในหน้าที่ กล้าตัดสินใจ และ
คือ ความแข็งแรง อดทน ยืดหยุ่นสูง สามารถรับมือ รับผิดชอบ

ได้กับสภาวะแวดล้อมท่จะเกิดข้นหลังจากจบออกไป ๒.๔ มีมนุษย์สัมพันธ์ดี


รบราชการแล้วได้เป็นอย่างดี การสร้างเหล็กในคนท ี ่ ๒.๕ มีจิตใจแน่วแน่ ไม่ท้อถอย

เข้าใจได้ง่ายท่สุดสาหรับนักเรียนทหารก็คือ สร้างเหล็ก ๒.๖ มีความอดทนพากเพียร และกระตือรือร้น



ในคนให้ร่างกาย และท่ยากท่สุดก็คือ การสร้างเหล็กในคน ๒.๗ มีความริเริ่ม
ท่ใจ หรือจิตวิญญาณ แล้วเราจะสร้างเหล็กในคนได้อย่างไร ๒.๘ มีความเป็นธรรม

นาวิกศาสตร์ 47
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔


๒.๙ มีไหวพริบ ทุกที่ ทุกเวลา เพราะผู้บังคับบัญชาทุกคนมีอ�านาจ และ




๓. มีความซื่อสัตย์ และความจงรักภักดี หน้าทปกครองดูแลทุกข์สขของทหาร ท้งรับผดชอบใน




๔. เป็นสุภาพบุรุษ ความประพฤต การฝกสอน อบรม การลงทณฑ ตลอดจน


๔.๑ มีความเมตตา กรุณา เสียสละ ไม่อิจฉาริษยา ส่งการแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา นอกจากน้แล้วการประพฤต ิ



๔.๒ มีคุณธรรม และจริยธรรม ปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างท่ดีให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาก ็
๔.๓ มีความสุภาพอ่อนโยน เป็นส่วนส�าคัญในการสร้างเหล็กในคนได้ อย่างไรก็ตาม


๔.๔ รู้จักกาลเทศะ แหล่งท่เหมาะสมท่สุดในสร้างเหล็กในคนก็คือสถาน
๕. มีความละเอียดรอบคอบไม่ประมาท ศึกษา เพราะเป็นที่มีพร้อมที่สุด ได้แก่ สถานที่ บุคลากร

ซึ่งคุณสมบัตินายทหารเรือทั้ง ๕ ประการนี้ (๓ มี ๒ เป็น) (ผู้บังคับบัญชาและครู) แนวทาง (หลักสูตร) เคร่องมือ และ



เม่อผู้เขียนเข้ารับราชการก็ได้เห็นว่ามีอยู่แล้ว ไม่ทราบว่า มีเวลาในการสร้างอย่างต่อเน่อง ท้งน้สถานศึกษาหลัก













ประกาศใชเมอใด และไดพยายามคนควากยงไมพบแหลง ท่เป็นแหล่งผลิตกาลังพลหลักของกองทัพเรือ ได้แก่


ท่อ้างอิงได้ อีกอย่างหน่งท่นึกถึงในการสร้างเหล็กในคน โรงเรียนนายเรือ (รร.นร.) และโรงเรียนจ่าทหารเรือ ถ้า


ก็คือ ค่านิยมหลักของกองทัพเรือ (Royal Thai Navy โรงเรียนเหล่าน้สามารถผลิตนักเรียนทหาร ได้แก่ นักเรียน


Core Values) ท่ประกาศใช้เม่อวันท่ ๒๒ กันยายน นายเรือ (นนร.) และนักเรียนจ่าทหารเรือ (นรจ.) รวมทั้ง


พ.ศ.๒๕๕๓ สมัยคุณครู พลเรือเอก ก�าธร พุ่มหิรัญ เป็น ข้าราชการกลาโหมพลเรือนช้นสัญญาบัตร (ฝึกอบรม


ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กาหนดค่านิยมให้เป็นเอกลักษณ์ ท่ รร.นร.) และข้าราชการกลาโหมพลเรือนตากว่าช้น



เฉพาะของกองทัพเรือไว้ ๔ ประการ โดยใช้คาย่อว่า สัญญาบัตร (ฝึกอบรมท่ รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร.) ให้เป็น


“SAIL” ซึ่งหมายถึง เหล็กกล้าท่ดีในระหว่างท่เข้ารับการศึกษา หรือฝึกอบรม




๑. ความเป็นชาวเรือ (Seamanship) ท่โรงเรียนได้แล้ว เม่อคนเหล่าน้สาเร็จการศึกษา หรือ




๒. ความซ่อสัตย์ และความจงรักภักดี (Allegiance) สาเร็จการฝึกอบรมออกมารับราชการแล้ว เขาก็จะเป็น




๓. ความเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และความเป็น เหลกกลาทดไปอกหลายสบป ถาเปนนกเรยนนายเรอกอก











สุภาพบุรุษทหารเรือ (Integrity and Gentleman) ๓๓ - ๓๗ ปี และนักเรียนจ่าทหารเรือก็ประมาณ ๓๙ - ๔๐ ปี
๔. ความเป็นผู้น�า (Leadership) เข้าทานอง “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก” ก็ได้ ทั้งนี้

ดังน้นหากทุกโรงเรียน และครูทุกคนสามารถสร้าง “การสร้างเหล็กในคนให้กับนักเรียนทหารเปรียบเหมือน

เหล็กในคนให้นักเรียนทหารในทุกหลักสูตร โดยเฉพาะ การปลูกต้นไม้ หากต้องการต้นไม้มีล�าต้น และกิ่งก้าน



หลักสูตรในโรงเรียนจ่าทหารเรือ และหลักสูตรในโรงเรียน ท่แข็งแรง มีใบดกหนาให้ร่มเงาท่ดี มีดอกท่สวยงาม




นายเรือ จะทาให้กองทัพเรือมีทรัพยากรบุคคลเป็น ออกผลดกให้รสชาติอร่อย ก็ต้องเร่มท่การบารุงดิน





เหล็กกล้าท่มคุณสมบัตินายทหารเรือ ๕ ข้อ และค่านิยม เม่อปลูกแล้วก็ต้องรดน�า ใส่ปุ๋ย พรวนดิน บารุงราก

หลักของกองทัพเรือ ๔ ข้อ อย่างที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน ต้น ใบ และดูแลไม่ให้มีแมลง หรือศัตรูพืชมาทาลาย
ตั้งแต่ตอนเริ่มปลูก ไม่ใช่ปลูกไปแล้วปล่อยปละละเลย
การสร้างเหล็กในคนในหลักสูตรนักเรียนจ่าทหารเรือ ไม่สนใจ จนผ่านไปหลายปีต้นไม้ก็ไม่โตเท่าที่ควร มีใบ


การสร้างเหล็กในคน? จะสร้างเหล็กในคนที่ไหน? และให้ผลบ้างเล็กน้อย ไม่เป็นอย่างท่ใจหวังน่นเอง”




สร้างอย่างไร? สร้างเมื่อใด? และใครเป็นคนสร้าง? จาก สาหรบการสร้างเหลกในคนในหลกสูตรนกเรยนจ่าของ






ประสบการณ์การรับราชการท่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาทุกคน โรงเรียนชุมพลทหารเรือ เม่อคร้ง นาวาเอก อะดุง พันธุ์เอ่ยม
ทุกระดับ สามารถสร้างเหล็กในคนให้กับกาลังพลได้ มาด�ารงต�าแหน่ง ผู้บังคับการ รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. (เดือน

นาวิกศาสตร์ 48
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔






ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔) ได้ดาริให้มีการจัดทาแผนพัฒนา มีความรู้ความเข้าใจในวิชาการทหารเรือเบ้องต้น ท้งวิชาท ี ่
นรจ. ๔ ขั้นตอน (ระยะเวลาการศึกษาประมาณ ๒ ปี) ปฏิบัติเฉพาะตัว เช่น วิชานกหวีดเรือ เชือกเล็ก เชือกใหญ่



เพ่อความมุ่งหวังท่จะสร้าง นรจ. ให้มีจิตสานึกในความ ดิ่งน�้าตื้น ดิ่งทราย การถือท้ายเรือ เป็นต้น และวิชาที่ต้อง









เปนทหารอาชพ เปนคนด มีอดมการณ มวนย มีคณธรรม ปฏิบัติเป็นหมู่คณะ เช่น เรือกระเชียง ชักหย่อนเรือเล็ก



จริยธรรม มภาวะผ้นา มีความจงรักภักดี ยึดมนในชาต ิ และเมื่อเข้าสู่ภาคปกติแล้ว รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. จัดให้มี




ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตนตามคุณสมบัต ิ การแข่งขันวิชาการเรือปฏิบัติประจาปีว่าใครมีความสามารถ
นายทหารเรือไทย และตามค่านิยมที่กองทัพเรือก�าหนด ในวิชาการเรือปฏิบัติดีที่สุด ผู้ชนะเลิศก็ได้รับรางวัล ซึ่ง













รวมทงมแนวทางในการดาเนนชวตในยคทมการสอสาร ผู้เขียนเคยคิดว่านอกจากจะมีการให้รางวัลแล้ว ควรจะม ี
ของข้อมูลต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ด้วยการน�าข้อดีจาก การติดเคร่องหมายแสดงให้เห็นถึงความสามารถในแต่ละ



การดูงานโรงเรียนทหารต่าง ๆ มาวิเคราะห์ผสมผสานกัน วิชาชีพไว้ท่ข้างเส้อนอต (ข้างในเคร่องแบบชุดกะลาสี)





มกองนกเรยนเปนหนวยรบผดชอบในการจดทา ดวยความ ด้วยเหมือนกับลูกเสือ (ดูภาพท่ ๓ การแข่งขันการเรือ








ร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของผู้บังคับบัญชา และครูในกอง ปฏิบัติ และเคร่องหมายวิชาพิเศษของลูกเสือ) เพ่อให้








นกเรยนทาให้สามารถจดท�าแผนพฒนา นรจ. ๔ ขนตอน นรจ. และเป็นแบบอย่างให้ นรจ. คนอื่น ๆ ได้ปฏิบัติตาม
พร้อมทั้งตัวชี้วัดได้ส�าเร็จ ประกอบด้วย โดยควรออกเป็นระเบียบของโรงเรียนก็น่าจะปฏิบัติได้


ข้นท่ ๑ “ปรับพฤติกรรม” เป็นการสร้างบุคลิกภาพ
ใหม่จากบุคคลพลเรือนมาเป็นนักเรียนทหาร ภายใต้

กฎ ระเบียบต่าง ๆ โดยเคร่งครัด ดาเนินการในห้วงการฝึก


ภาคสาธารณะศึกษา ใช้เวลาประมาณ ๓๐ วัน เปนการฝก

การเป็นผู้ตามท่สมบูรณ์แบบท้งการรับฟัง และปฏิบัต ิ

ตามคาส่งของผู้บังคับบัญชา (ท่ถูกต้อง มีเหตุผล) โดย



เคร่งครัด และไม่มีข้อโต้แย้ง ฝึกความอดทนอดกล้นให้

สามารถบังคับจิตใจตนเองได้ นรจ.ใหม่ต้องใส่ใจกับคน
รอบข้างเพื่อให้เกิดความสามัคคีของหมู่คณะ รวมทั้งฝึก
ร่างกายให้มีความสมบูรณ์เพ่มข้น เพ่มลักษณะท่าทาง



ให้เป็นนักเรียนทหาร ตัวอย่างการด�าเนินการหลัก ได้แก่ ภาพที่ ๓ การแข่งขันการเรือปฏิบัติ และเครื่องหมายวิชาพิเศษ
การฝึกทหารราบบุคคลท่ามือเปล่า/ท่าอาวุธ เพื่อสร้าง ของลูกเสือ

บุคลิกภาพ ลักษณะท่าทางองอาจผ่งผาย การฝึกการ
สวนสนามในรูปแบบกองพัน โดยแต่งต้งให้ นรจ. ช้นปีท ี ่ การปลูกฝังขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ การปกครอง


๒ เป็นผู้ช่วยครูฝึก เพื่อสร้างให้ นรจ. ชั้นปีที่ ๒ มีภาวะ บังคับบัญชา กฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ และการทดสอบ





ผ้นา มีความภาคภูมใจ ได้มโอกาสแสดงออก และเป็น สมรรถภาพร่างกาย โดยให้มีการจัดทาสมุดบันทึก
แบบอย่างท่ดีแก่รุ่นน้อง รวมท้งได้ให้ นรจ. ได้ดูวีดีโอการ สมรรถภาพร่างกาย และการเรือปฏิบัติให้กับ นรจ. (ดูภาพ



สวนสนามของประเทศต่าง ๆ ท่สวนสนามได้อย่าง ที่ ๔ สมุดบันทึกสมรรถภาพร่างกาย และการเรือปฏิบัติ)







พร้อมเพรยง เข้มแขง สวยงาม เพอสร้างความฮกเหม ซ่ง นรจ. สามารถเก็บสมุดน้ไว้กับตัว และบันทึกเก็บข้อมูล

และแรงบันดาลใจ การฝึกวิชาการเรือ เพื่อให้ นรจ.ใหม่ ไปทุกปีจนถึงวันเกษียณได้ก็จะเป็นเรื่องดี เพราะจะได้มี
นาวิกศาสตร์ 49
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔





เร่องราวของตนเอง รวมท้งเป็นเคร่องเตือนใจให้ระลึกถึง แถวหยุด เมื่อแถวหยุดการเคลื่อนที่แล้ว ห้าม นรจ.ใหม่





ต้งแต่เร่มเข้ารับราชการในกองทัพเรือ ไว้ให้ลูกหลานดูได้ กระทาส่งใด ๆ (อยู่ในท่าตรงและน่ง) การเดินให้แกว่งมือ

และในช่วงเวลาเช้าระหว่างเวลา ๐๕๔๕ - ๐๖๔๕ ของทุกวัน ไปข้างหน้าประมาณ ๖ น้ว แกว่งไปข้างหลังประมาณ ๓ น้ว







จัดให้มีระบบ “พ่สอนน้อง” โดยให้ นรจ. ช้นปีท่ ๒ สอน ยืดอก ยกไหล่ ระหว่างการเคล่อนท่ (เดินหรือว่งเป็นแถว)


และทบทวนวิชาการเรือปฏิบัติให้กับ นรจ. ช้นปีท่ ๑ ให้มีการนับ หรือร้องเพลงเป็นการให้จังหวะตลอดเวลา
ทุกพรรคเหล่า เพ่อให้มีความชานาญในวิชาชีพทหารเรือ การรับประทานอาหารให้เน้นมารยาทในโต๊ะอาหาร การจัด


เพิ่มมากขึ้น ส�าหรับตัวชี้วัดที่ได้ก�าหนดในขั้นที่ ๑ ได้แก่ วางภาชนะให้ถูกต้องตามหลักปฏิบัติ ต้องกวดขันการ

๑. นรจ.ใหม่ ต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบสมรรถภาพ ทาความเคารพของ นรจ.ใหม่ ให้ถูกต้อง แข็งแรงอยู่เสมอ
ร่างกาย ได้แก่ ๑) วิ่ง ๒.๗ กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกิน ๑๖ เป็นต้น ส�าหรับพิธีสวนสนามวันปิดภาคสาธารณะศึกษา

นาที ๒) ดึงข้อ ไม่น้อยกว่า ๕ ครั้ง ๓) ลุก - นั่ง ไม่น้อย (ดูภาพท่ ๕ การสวนสนามของนักเรียนจ่าใหม่) ได้เชิญ
กว่า ๓๕ ครั้ง และ ๔) ดันพื้น ไม่น้อยกว่า ๓๐ ครั้ง ผู้บังคับบัญชาระดับสูง และผู้ปกครองมาร่วมในพิธี ซ่ง




๒. นรจ.ใหม่ รู้จก/ทราบข้อปฏบติ และข้อห้าม กิจกรรมนี้จะเป็นการสร้างความภาคภูมิใจ และแรง
ตามที่ก�าหนด บันดาลใจให้กับ นรจ.ใหม่ ได้อีกทางหนึ่งด้วย
๓. นรจ.ใหม่ สามารถสวนสนามประกอบอาวุธใน
รูปแบบกองพันและกองร้อยได้ในวันปิดภาคสาธารณะ
ศึกษา
ภาพที่ ๕ การสวนสนามของนักเรียนจ่าใหม่

อีกกิจกรรมหน่ง คือ การสวนสนามเรือกระเชียง

(ดูภาพท่ ๖ สวนสนามเรือกระเชียง) ซ่งมีท่มาจากพิธ ี



สวนสนามวันปิดฝึกภาคสาธารณะศึกษาของ นรจ.ใหม่ โดย
มีแนวความคิดว่าเม่อ นรจ.ใหม่ ได้สวนสนามแสดงความ



สามารถแล้ว นรจ.ช้นปีท่ ๒ นอกจากจะแสดงแฟนซีดริล
ภาพที่ ๔ สมุดบันทึกสมรรถภาพร่างกายและการเรือปฏิบัติ จะแสดงออกอย่างอ่นได้อย่างไรอีกบ้าง? เพ่อแสดงให้เห็น


ถึงอัตลักษณ์ของโรงเรียนชุมพลทหารเรือท่ว่า “เคร่งครัด



ตัวอย่างของผู้เข้าหน้าท่นายทหารเวรปกครองใน ระเบียบวินัย มุ่งม่นในวิชาชีพทหารเรือ” สาหรบอตลกษณ ์




ภาคสาธารณะศึกษา ท่ต้องกากับดูแลการปฏิบัติของ นรจ. น้เกิดข้นขณะกาลังขับรถตรวจพ้นท่ว่า รร.ชุมพลฯ










ใหม (มีหลักสูตรการฝึกเพ่มประสิทธิภาพก่อนเปิดภาค) ยศ.ทร. ควรมีอัตลักษณ์อะไรดี เพ่อให้เป็นไปตามการ




เช่น การจัดแถวต้องเรียงลาดับความสูงตา ระยะต่อ ระยะ ประเมินคุณภาพการศึกษาของสานักงานรับรองมาตรฐาน


เคียง และมีความกระตือรือร้นเสมอ การนาแถวเคล่อนที ่ และประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ

ของ นรจ. (ทั้งเดินและวิ่ง) ให้เท้าพร้อมตั้งแต่ก้าวแรกจน สมศ. ซ่ง รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. ถือเป็นโรงเรียนทหาร
นาวิกศาสตร์ 50
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔




ช้นปีท่ ๒ พรรคกลิน การฝึกวิชาการอาวุธ ใช้ นรจ.

ช้นปีท่ ๒ เหล่าปืน ส่วนพรรคเหล่าอ่น เช่น พลาธิการ


เหล่าขนส่ง ก็ให้แสดงความสามารถในสถานีเชือกเล็ก
เชือกใหญ่ นกหวีดเรือ ชักหย่อนเรือเล็ก และ นรจ.
ท่เหลือทุกพรรคเหล่าให้เป็นพลกระเชียง นอกจากน ้ ี

ยังมีเรือใบอีกหลายล�าร่วมในพิธีสวนสนามด้วย ซึ่งต่อมา
ในหลักสูตรนักเรียนข้าราชการกลาโหมพลเรือน


ตากว่าช้นสัญญาบัตร ก็ได้บรรจุการฝึกกระเชียงทน


ลงในหลักสูตรด้วย รวมท้งได้เผยแพร่ไปยังทหารกอง
ภาพที่ ๖ สวนสนามเรือกระเชียง

ประจาการท่ศูนย์ฝึกทหารใหม่ ก็ให้มีการฝึกกระเชียงทน




โรงเรียนแรกของกระทรวงกลาโหม (กห.) ท่เข้าสู่ระบบ ในทะเลเพ่อสร้างเหล็กในคนให้กับทหารกองประจาการด้วย



การประเมนของ สมศ. และได้รบผลการประเมนอย่ใน




ระดับดีมากมาโดยตลอด จากการพิจารณา และทบทวน ข้นท่ ๒ “การสร้างจิตสานึกความเป็นทหาร” เพ่อ



หน่วยงานหลกทจดการฝึกการเรียนการสอนในโรงเรยน ปลูกฝังให้มีอุปนิสัยจิตใจท่มีวินัย มีความเสียสละ มีระบบ





แล้วพบว่ามีอยู่สองหน่วย ได้แก่ กองนักเรียน และกอง เกียรติศักด์ ค่านิยมทหารเรือ เน้นยาในเร่องความซ่อสัตย์





การศึกษา โดยกองนักเรียนมีหน้าท่ในการปกครองบังคับ มีความอดทนในแบบทหารท้งร่างกายและจิตใจ ซ่งอยู่


บัญชา ปลูกฝังระเบียบวินัย ส่วนกองการศึกษารับผิดชอบ ในกฎเกณฑ์และระเบียบต่าง ๆ และต้องยอมรับในกฎเกณฑ์




เร่องการเรียนการสอนท้งหมด ดังน้นจึงเห็นว่าถ้านาหน้าท ี ่ และระเบียบน้นแม้จะไม่เต็มใจ มีบุคลิกลักษณะท่าทาง



ของท้ง ๒ กองน้มาเป็นอัตลักษณ์ก็จะมีความเหมาะสม องอาจผ่งผาย ให้ฝึกปฏิบัติจนเกิดความเคยชิน โดยใช้เวลา



จากน้นก็นาเข้าท่ประชุม และเห็นพ้องต้องกันให้ใช้ ประมาณ ๖ เดือน (มิถุนายน – พฤศจิกายน) ตัวอย่างการ





อัตลักษณ์น้ กลับมาท่การแสดงของ นรจ.ช้นปีท่ ๒ ดาเนินการ เช่น การอบรมและปลูกฝังให้รู้จัก และเข้าใจ




ได้เสนอให้มีการแสดงวิชาชีพทหารเรือให้ผู้บังคับบัญชา สามารถปฏบัตตามกฎ ระเบียบ ข้อบงคับ แบบธรรมเนียม
และผู้ปกครองดูก็น่าจะดี จึงได้จัดสถานการแสดง ทหาร มารยาททหาร และค่านิยมกองทัพเรือได้อย่างถูกต้อง

วิชาชีพทหารเรือ ได้แก่ การฝึกวชาอาวธ การฝึกวชา สรางระบบเกยรตศกด (Honor System) ให้เกิดข้นกับ





















เชอกเลก การฝึกวชาเชอกใหญ่ การฝึกวชานกหวดเรอ นรจ. และต้องปฏิบตเสมอต้นเสมอปลายท้งตอหนาและ

การฝึกถือท้ายเรือใหญ่ การฝึกชักหย่อนเรือกระเชียง ลับหลัง ได้แก่ “ไม่คดโกง ไม่ลักขโมย ไม่โกหก ไม่ก่อ


การฝึกซ่อมเคร่องจักรกล (การกล) และการสวนสนามเรือ ให้เกิดการแตกความสามัคคี และต้องรายงานเม่อพบ








กระเชียง โดยได้นาเรือกระเชียง ท้งเรือกระเชียงหูและ ผกระทาผด” การฝกสวนสนามเพ่อดารงความมีระเบียบ

เรือกระเชียงช่อง จานวน ๑๖ ลา มาร่วมสวนสนาม วินัยให้ได้อย่างต่อเน่อง รวมท้งยังเป็นการฝึกความอดทน





ประกอบกับเรือท้องกระจก อีก ๑ ลา มาใช้เป็นเรือธง โดย แบบทหาร การตรวจระเบียบตอน เพ่อปลูกฝังนิสัยให้เป็น

บนหลังคาเรือท้องกระจก ให้ นรจ.ชั้นปีที่ ๒ แสดงตีธง ผู้มีความละเอียดรอบคอบ มีความประณีตในการทา

สองมือ สาหรับเรือกระเชียงได้ติดธงประมวลอักษรภาษา ความสะอาดในที่ต่าง ๆ ที่ตนเองรับผิดชอบ (ภาพที่ ๗


อังกฤษ ค�าว่า “W E L C O M E” โดยให้ นรจ.ชั้นปีที่ ๒ การจัดระเบียบในตู้และการจัดเคร่องนอน) การมอบหมาย

เหล่าสามัญ ทาหน้าท่ถือท้าย การแสดงฝึกทหารราบ งานให้กับ นรจ. ปฏิบัติงาน เพื่อให้มีความรับผิดชอบ


ก็ใช้ นรจ.ชั้นปีที่ ๒ เหล่า สอ.รฝ. การฝึกช่างกลใช้ นรจ. ต่องานท่ได้รับมอบหมายเป็นหมู่คณะ ได้รู้จักคิดและ
นาวิกศาสตร์ 51
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔




วางแผนในการทางานต่าง ๆ ฝึกความเสียสละ เม่อมีงาน ราชการทหารเรือ และให้ได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น






ทต้องรบผดชอบ ให้ได้ร้จกกาหนดวธการในการทางาน ร่วมกันเกี่ยวกับภาพยนตร์นั้น ๆ ตัวชี้วัดขั้นที่ ๒ ได้แก่






เพ่อให้บรรลุเป้าหมาย รวมท้งกระบวนการในการแก้ ๑. ผ่านเกณฑ์การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ได้แก่

ปัญหาต่าง ๆ ท่เกิดข้นจากการทางาน เช่น เม่อมอบหมาย ๑) วิ่ง ๒,๗๐๐ เมตร ใช้เวลาไม่เกิน ๑๕.๑๐ นาที (เวลา



ให้ นรจ.ชั้นปีที่ ๒ ตัดหญ้าหน้าภาค ไม่ใช่ว่า นรจ.ชั้นปี ลดลง) ๒) ดึงข้อ ไม่น้อยกว่า ๖ ครั้ง (จ�านวนครั้งมากขึ้น)




ที่ ๒ รับค�าสั่งแล้วก็ไปสั่งต่อ นรจ.ชั้นปีที่ ๑ ให้ตัดหญ้า ๓) ลุก-น่ง ไม่น้อยกว่า ๓๙ คร้ง (จานวนคร้งมากข้น) และ

หน้าภาคเท่านั้น แต่ นรจ.ชั้นปีที่ ๒ ต้องคิดว่าสนามหญ้า ๔) ดันพื้น ไม่น้อยกว่า ๓๗ ครั้ง (จ�านวนครั้งมากขึ้น)
หน้าภาคมีขนาดใหญ่เท่าใด ควรใช้คนตัดหญ้าก่คน คนกวาด ๒. มีผลประเมินลักษณะทางทหาร และระเบียบวินัย

ก่คน ตัดแล้วเอาหญ้าไปท้งท่ไหน ใช้เวลาประมาณเท่าใด ตามแบบประเมิน ในระยะเวลา ๑ เดือน อยู่ในเกณฑ์






เป็นต้น การตรวจเคร่องแต่งกายและอาวุธ เพื่อให้ นรจ. ดีมาก หรือร้อยละ ๙๐ ข้นไป (ดาเนินการตลอดท้งปี

แต่งกายได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีความประณีตในการ การศึกษา)





ทาความสะอาดเคร่องแต่งกายของตนในทุกเคร่องแบบ ๓. ถูกลงทณฑ์เน่องจากฝ่าฝืนข้อปฏบัติ และข้อห้าม

รักษาความสะอาดของเคร่องแต่งกายของตน การทดสอบ ต่าง ๆ ตามที่ก�าหนด ในแต่ละสัปดาห์ ไม่เกินร้อยละ ๑๐


สมรรถภาพร่างกายของ นรจ. การฝึกข้ามเคร่องกีดขวาง ในแต่ละภาค


เพ่อให้มีความกระฉบกระเฉง คล่องแคล่วว่องไว และ ๔. ได้รับชมภาพยนตร์เกี่ยวกับทหาร และสามารถ


เป็นการสร้างความเช่อม่นในตนเอง และฝึกการตัดสินใจ วิเคราะห์เน้อหาของภาพยนตร์ได้เดือนละ ๒ เร่อง


โดยดาเนินการเดือนละ ๑ คร้ง การแข่งขันกีฬาระหว่าง (ด�าเนินการตลอดทั้งปีการศึกษา)



ภาค ประกอบด้วย การแข่งขันตีกระเชียง การว่ายนา

ทะเลเป็นภาค กีฬาทหารเรือ และมอบรางวัลให้กับ



ภาคท่ชนะเลิศ หรือให้สลักรายช่อลงโล่ไว้เพ่อเป็นการ
สร้างความภาคภูมิใจ สร้างความสามัคคี กระชับความ
สัมพันธ์ของ นรจ. ในระหว่างภาค และระหว่างรุ่นพ่กับรุ่น

น้องให้แน่นแฟ้นย่งข้น การฝึกทบทวนบุคคลท่ามือเปล่า


และลักษณะท่าทางทหาร เพ่อให้มลกษณะท่าทางท ่ ี



เป็นทหาร องอาจผ่งผาย สามารถปฏิบัติท่าต่างๆ ได้อย่าง

ถูกต้อง แม่นย�า และพร้อมเพรียงกัน การฝึกภาวะผู้น�า


และฝึกการปกครองกันเอง เพ่อฝึกให้มีความเป็นผู้นา

ทหารในเบ้องต้น โดยการให้ได้ควบคุมแถวทหาร พูด

อบรมตักเตือนเพ่อนด้วยกัน และรายงานต่าง ๆ หน้าแถว

การฝึกมารยาทในโต๊ะอาหาร เพ่อให้ได้รู้มารยาทในโต๊ะ ภาพที่ ๗ การจัดระเบียบในตู้และการจัดเครื่องนอน
อาหาร รู้จักมารยาทในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้ม ี


อาวุโสสูงกว่า โดยการให้ นรจ.ชั้นปีที่ ๑ และชั้นปีที่ ๒ ข้นท่ ๓ “การสร้างความภาคภูมิใจในความเป็น
รับประทานอาหารร่วมโต๊ะอาหารเดียวกันทุกมื้อ ทุกวัน ทหาร” เป็นการกระตุ้นความรู้สึกและสร้างแรงบันดาลใจ

ให้ได้ชมภาพยนตร์เก่ยวกับทหารเรือ ประวัติศาสตร์ ให้มีทัศนคติท่ดี มีความพึงพอใจในความเป็นทหาร มีความ




การส้รบในอดต เพ่อให้มีความรู้ ภาคภูมิใจในการรับ ม่นใจในตนเอง มีความเช่อม่นในความสามารถของตนเอง



นาวิกศาสตร์ 52
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔













ทาตนเป็นทไว้วางใจกบผ้บงคบบญชา รวมทงเป็นผ้ทม ี เคร่องมือสะพานเดินเรือท่อาคาร บก.รร.ชุมพลฯ ให้





คุณค่าต่อคนอื่น ๆ รอบข้าง โดยใช้เวลาประมาณ ๑๑ นรจ. เลือกเข้าร่วมกิจกรรม/ชมรมต่างๆ ท่เป็นการ

เดือน (ธันวาคม – กันยายน) ตัวอย่างการดาเนินการ ได้แก่ แสดงออกความสามารถพิเศษ เช่น แฟนซีดริล การฝึก




การอบรมและปลูกฝังเก่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย ดานาพ้นฐาน การฝึกต่อสู้ป้องกันตัว กลองยาว ดนตรีไทย

















เชน การเสยกรงศรอยธยาครงท ๑ และครงท ๒ การกอบก ้ ู และดรยางค์ รวมทงให้ นรจ. ไปแสดงความสามารถ


เอกราชของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และของสมเด็จ พิเศษตามหน่วยงาน หรือสถานท่ต่าง ๆ เม่อมีโอกาส




พระเจ้าตากสินมหาราช วีรกรรมของชาวบ้านบางระจัน สาหรับกิจกรรมแฟนซีดริล มีผู้ท่ประทับใจแล้วนาไป
และเหตุการณ์ของทหารเรือไทยในการรบสมรภูมิต่าง ๆ เผยแพร่ในสื่อต่าง ๆ จนดังไปทั่วโลก (ดูภาพที่ ๘ การ



เช่น เหตุการณ์ยุทธนาวีที่เกาะช้าง เหตุการณ์ รศ.๑๑๒ แสดงแฟนซีดรลของนกเรียนจ่า โรงเรียนชุมพลทหารเรอ)



เหตการณ์วรกรรมบ้านดอนแตง ของหน่วยเรอรกษา การจัดงานราตรีสองสมอ โดยให้ นรจ. ได้มีส่วนร่วม


ความสงบเรียบร้อยตามลาแม่น�าโขง เป็นต้น อบรม ในการจัดงานมากที่สุด โดยเสนอความคิด แนวทางการ

เก่ยวกับกฎหมายทหาร การปรับปรุงและพัฒนา ดาเนินงาน และเป็นผู้จัดงานเอง (ไม่จ้างบุคคลภายนอก)


คุณภาพชีวิตสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ให้กับ นรจ. ให้ม ี และ นรจ. มีโอกาสศึกษาดูงานหน่วยงานรัฐ เอกชน ท้งใน


ความแปลกใหม่อยู่เสมอ เพอสร้างสภาพทางจตใจให้ม ี และนอกกองทัพเรือ ตัวชี้วัด ในขั้นที่ ๓ ได้แก่



ความรู้สึกท่ดี มีความพึงพอใจต่อสถาบัน และการเป็น ๑. ผ่านเกณฑ์การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ได้แก่
นักเรียนจ่าทหารเรือ เช่น ปรับปรุงกราบพักทั้งตู้ เตียง ๑) วิ่ง ๒,๗๐๐ เมตร ใช้เวลาไม่เกิน ๑๓.๕๙ นาที (เวลา




พัดลม การปรับปรุงห้องพักผ่อน การปรับปรุงห้องนา น้อยลง) ๒) ดึงข้อ ไม่น้อยกว่า ๘ คร้ง (จานวนคร้งมากข้น)






ให้มีแบบน่งได้ ปรับปรุงห้องเรียนให้มีคอมพิวเตอร์และ ๓) ลุก-น่ง ไม่น้อยกว่า ๔๔ คร้ง (จานวนคร้งมากข้น) และ







เครองฉายโปรเจคเตอร์ทกห้อง พฒนาห้องสมดให้ม ี ๔) ดันพื้น ไม่น้อยกว่า ๔๔ ครั้ง (จ�านวนครั้งมากขึ้น)
คอมพิวเตอร์อานวยความสะดวกในการค้นหา และฝึก ๒. มีการมอบหมายงานให้ทาให้สาเร็จลุล่วง เพ่อ







การใช้งาน ปรับปรุงอาคารเรียนรวม (ท่น่ง พ้น ผนัง ระบบ แสดงออกถึงความภาคภูมิใจอย่างน้อย ๑ งาน/เดือน
โสตทัศนศึกษา และติดเครื่องปรับอากาศ) ปรับปรุงห้อง เช่น งานพัฒนา รร.ชุมพลฯ การเข้าร่วมกิจกรรมและกีฬา

ประกอบอาหารและโรงอาหาร โต๊ะอาหาร ผ้าปูโต๊ะ และ ต่าง ๆ การให้ นรจ. ท่มีความสามารถพิเศษ เช่น แฟนซีดริล


จัดหาเก้าอ้ใหม่ การสร้างสถานท่พบญาติ การสร้างหอ กลองยาว ไปแสดงในงานต่าง ๆ



เกียรติยศ การน�าอาวุธยุทโธปกรณ์มาต้งแสดงในพ้นท ี ่ ๓. มีการปรบปรุงพัฒนาคุณภาพชีวตให้กับ นรจ.







ท้งเรือ และเคร่องบิน (ตามแนวคิดคือ ให้มีท้ง เรือ เคร่อง อย่างน้อย ๑ อย่าง/เดือน เช่น การจัดหาส่งอานวย





บิน และรถถัง เพ่อให้ครบสาขาการปฏิบัติการท้งในนา ความสะดวกภายในอาคารกราบพักซ่งเป็นการร่วมคิด
อากาศ และพื้นดิน หรือน�้า ฟ้า ฝั่ง) อาวุธยุทโธปกรณ์ ของผู้บังคับบัญชา และ นรจ. หรือตามที่ นรจ. เสนอ


ตาง ๆ ได้ถูกเกบไวในคลงหรอหองเกบของ ไดนามาจดตง ๔. จัดให้ นรจ.ช้นปีท่ ๒ ได้ปกครองดูแล นรจ.ช้นปีท ี ่














ไว้เป็นสัญลักษณ์พรรค-เหล่าของ นรจ. ท่บริเวณข้าง ๑ ในการแนะน�าเรื่องต่าง ๆ เช่น การปฏิบัติตัว ระเบียบ

ลานสวนสนามคือ พังงาแทนพรรคนาวินเหล่าสามัญ วินัย/การถ่ายทอดความรู้/การให้คาปรึกษา อย่างน้อย
ปืนขนาดต่าง ๆ แทนพรรคนาวินเหล่าปืนและเหล่า ในอัตราส่วน ๑ : ๒ และให้ นรจ.ชั้นปีที่ ๒ บันทึกเรื่องที่


สอ.รฝ. ตอร์ปิโดแทนพรรคนาวินเหล่าตอร์ปิโด ทุ่นระเบิด ตนเองได้ปกครองดูแล นรจ.ช้นปีท ๑ อย่างน้อยเดือนละ

แทนพรรคนาวินเหล่าทุ่นระเบิด และใบจักรแทนพรรค - ๑ เรื่อง/คน

เหล่ากลิน ปรับปรุงห้องออกกาลังกาย และการจัดทา ๕. ให้รางวัล นรจ.ช้นปีท่ ๒ ท่มีความใส่ใจการปกครอง




นาวิกศาสตร์ 53
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔


ภาพที่ ๘ การแสดงแฟนซีดริลของนักเรียนจ่า โรงเรียนชุมพลทหารเรือ






ดูแล นรจ.ช้นปีท่ ๑ มากท่สุด (ตรวจสอบได้จากการบันทึก ความสาเร็จในชีวิตมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้ได้ฟัง
ในข้อ ๔) อย่างน้อย ๑ ครั้ง/เดือน อันจะส่งผลให้เกิดความรู้สึกต้องการเอาเป็นแบบอย่าง



๖. ถูกลงทัณฑ์เน่องจากฝ่าฝืนข้อปฏิบัติ และข้อห้าม และเป็นบทเรียน นอกจากน้นยังจะทาให้มีอุดมการณ์
ต่าง ๆ ตามที่ก�าหนด ไม่เกินร้อยละ ๕ ในแต่ละภาค มีเป้าหมายชีวิตในการรับราชการ รู้จักคิดวางแผนชีวิต

๗. นรจ.ชั้นปีที่ ๒ ได้รับสิทธิในการปกครองกันเอง ในอนาคตตนเองได้ ในข้นท่ ๔ น้ ใช้เวลาประมาณ ๖ เดือน



โดยมีครูปกครองท�าหน้าที่คอยชี้แนะ ในช่วงช้นปีท่ ๒ ภาคการศึกษาท่ ๒ ไปจนสาเร็จการศึกษา






๘. นรจ.ช้นปีท่ ๒ สามารถจัดงานราตรีสองสมอได้เอง โดยมีการดาเนินการ เช่น เชิญเสมียนทูต ผู้พิพากษา






จนสาเรจลล่วง โดยมครปกครองคอยให้คาปรกษาและ นักธุรกิจ และรุ่นพ่ท่ไปอยู่หน่วยต่าง ๆ มาบรรยาย




แนะน�า การบรรยายในหัวข้ออุดมการณ์ของทหาร เพ่อให้เกิดความ
เข้าใจและซาบซ้งในอุดมการณ์ทหาร ได้แก่ ๑) มีความ


ข้นท่ ๔ “การสร้างอุดมการณ์ในการรับราชการ จงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

ในกองทัพเรือ” เพื่อให้ได้รับรู้ รับทราบการด�าเนินชีวิต ๒) มีความเสียสละ ๓) มีความรับผิดชอบต่อหน้าท่ ๔)

รับราชการในกองทัพเรือจากชีวิตจริงและประสบการณ์ มีความพอเพียงในตนเอง ๕) มีความสามัคคีในหมู่ทหาร




จริงโดยตรง โดยหาตัวอย่างของบุคคลที่ชีวิตรับราชการ และให้ชมภาพยนตร์ท่เก่ยวกับทหารท่เสียสละเพ่อ
ก้าวหน้าและที่รับราชการไม่ก้าวหน้า รวมทั้งผู้ที่ประสบ ประเทศชาติและประชาชน ตัวชี้วัด ในขั้นที่ ๔ ได้แก่
นาวิกศาสตร์ 54
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔


๑. ผ่านเกณฑ์การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ได้แก่ เฉพาะที่ รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. (บนบก) นอกจากนี้ ยังได้


๑) ว่ง ๒,๗๐๐ เมตร ใช้เวลาไม่เกิน ๑๓.๕๙ นาที ๒) ดึงข้อ สร้างเหล็กในคนอีกแนวทางหนึ่ง คือ การฝึกภาคปฏิบัติ


ไม่น้อยกว่า ๘ ครั้ง ๓) ลุก-นั่ง ไม่น้อยกว่า ๔๔ ครั้ง และ ใช้การในทะเลของ นรจ. ประจาปี (ดูภาพท่ ๙ คู่มือบันทึก
๔) ดันพื้น ไม่น้อยกว่า ๔๔ ครั้ง การฝึกภาคปฏิบัติใช้การในทะเลของ นรจ.) ซ่งมีระยะเวลา

๒. มีการอบรมหัวข้อเกี่ยวกับ “อุดมการณ์ทหาร” ประมาณ ๓๐ วัน เป็นการสร้างเหล็กในคนตามวิถีทาง

อย่างน้อย ๔ ครั้ง ของทหารเรอที่ประเทศมหาอานาจทางทะเลในอดีต



๓. มีการอบรมหัวข้อเก่ยวกับ “เป้าหมายชีวิต” อย่าง สเปน โปรตุเกส ฝร่งเศส และอังกฤษ ก็ได้ปฏิบัติมา

อย่างน้อย ๔ ครั้ง เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ท่ทหารเรือรู้จักกันดี ก็คือ
๔. มีการอบรมหัวข้อเกี่ยวกับ “ประวัติศาสตร์ชาติ ลอร์ด เนลสน แห่งราชนาวีอังกฤษ ผู้ท่เป็นต้นกาเนิด



ไทยประวัติบุคคลส�าคัญ หรือประวัติการรบต่าง ๆ ของ หลักนิยมการรบทางเรือ “Crossing the T” ได้สมัคร
ทหารเรือ” อย่างน้อย ๔ ครั้ง เข้าเป็นทหารเรือตั้งแต่อายุ ๑๒ ปี ได้ท�าสงครามทางเรือ
๕. มีผลสอบของ นรจ.ชั้นปีที่ ๒ เกี่ยวกับบทบาท เกือบตลอดชีวิตการรับราชการ แม้จะสูญเสียแขนและ
หน้าที่ของทหาร อยู่ในเกณฑ์ดี - ดีมาก ไม่ต�่ากว่าร้อยละ ดวงตาแต่ก็ยังรักอาชีพน้จนเสียชีวิตจากการรบทางเรือ

๘๐ ของ นรจ.ชั้นปีที่ ๒ ทั้งหมด ในวาระสุดท้าย หรือถ้าได้ดูภาพยนต์เร่อง “Master and


๖. ผลการสอบ (แบบอัตนัย) เก่ยวกับอุดมการณ์ Commander : The Far Side of the World”
และเป้าหมายชีวิตในการรับราชการ ของ นรจ.ชั้นปีที่ ๒ เป็นเร่องราวของสงครามเรือใบระหว่างราชนาวีอังกฤษ

อยู่ในเกณฑ์ดี - ดีมาก ไม่ต�่ากว่าร้อยละ ๘๐ ของ นรจ. กับฝร่งเศส (ราวปี ค.ศ.๑๘๐๕) จะได้เห็นนักเรียนนายเรือ

ชั้นปีที่ ๒ ทั้งหมด ฮอลลอม, ลอร์ด เบล็คเนย์ และเพ่อน ฝึกทาการใน




๗. มีผลการประเมินความพึงพอใจของผู้บังคับ เรือใบต้งแต่เด็กเพ่อสร้างให้เป็นลูกเรือ นายเรือ และ

บัญชาที่มีต่อ นรจ. ทั้งหมด อยู่ในเกณฑ์ดี - ดีมาก ผู้บังคับการเรือท่ดีในอนาคต จึงนับเป็นตัวอย่างการสร้าง
๘. ถูกลงทัณฑ์เน่องจากฝ่าฝืนข้อปฏิบัติ และข้อห้าม เหล็กในคนที่ควรศึกษาได้อีกแนวทางหนึ่ง ในภาพยนตร์

ต่าง ๆ ตามที่ก�าหนด ไม่เกินร้อยละ ๕ ในแต่ละภาค ยังกล่าวถึง “โจ เพลส” หรือ “เฒ่าทะเลหรือทหารเรือ



๙. มีผลประเมินความพึงพอใจของหน่วยงานท่มีต่อ ช้นลายคราม” อยู่ในเร่องด้วย ซ่งจะได้กล่าวเก่ยวกับ


จ่าตรีจบใหม่ อยู่ในเกณฑ์ดี - ดีมาก ทหารเรือลายครามต่อไปในการฝึกภาคทะเลของ นนร.




๑๐. นรจ.ชนปีท ๒ ทุกนาย ได้รบการแนะนา การฝึกภาคปฏิบัติทางใช้การในทะเลของ นรจ.




แนวทางการดาเนินชีวิตเป็นรายบุคคลจากผู้บังคับบัญชา รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. หรือเรียกส้น ๆ ว่า “การฝึกภาคทะเล” ได้
ของ รร.ชุมพลฯ คนใดคนหนึ่ง คนละ ๑ ครั้ง ซึ่งผู้เขียน จัดตั้งเป็นหมู่เรือฝึกนักเรียนจ่า (มฝ.นรจ.) ประกอบด้วย
ได้บรรยายในหัวข้อ “ชีวิต (น่าจะ) ออกแบบได้ (บ้าง)” เรือฝึกประมาณ ๔ - ๕ ลา พ้นท่ฝึกใช้พ้นท่อ่าวไทย มีเส้นทาง





โดยมีสาระส�าคัญคือ ตั้งจุดมั่งหมาย (Objective) ให้ เดินเรือ ปกติจะออกจากฐานทัพเรือสัตหีบไปภาค
โอกาส (Opportunity) สร้างทัศนคติท่ดี (Attitude) ตะวันออก เช่น เกาะช้าง จังหวัดตราด ประจวบคีรีขันธ์

และมีวินัย (Discipline) หรือ “OOAD” เพื่อให้รู้จัก หรือชุมพร เกาะสมุย ฐานทัพเรือสงขลา และย้อนกลับ




การดาเนินชีวิตต้งแต่การเข้ามาเป็น นรจ. จนกระท่งเกษียณ มาท่ฐานทัพเรอสัตหีบ หัวข้อวิชาในการฝึก เป็นการนา





อายุราชการ ซ่งได้เขียนเป็นบทความลงในนาวิกศาสตร์ ความรู้ท่ได้เรียนในภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติท่โรงเรียน
แล้ว ไปใช้ฝึกปฏิบัติในเรือ เช่น วิชาการอาวุธ วิชาการเรือ
จากที่กล่าวมาเป็นการสร้างเหล็กในคนให้กับ นรจ. วิชาการเดินเรือ วิชาการกล และวิชาการสื่อสาร รวมทั้ง
นาวิกศาสตร์ 55
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔



วิชาเดินเรือ และการเรือปฏิบัติท่ได้ศึกษาใน รร.ชุมพลฯ


ยศ.ทร. ได้ให้เรือแต่ละลากาหนดให้ นรจ.ทุกคนได้
ปฏิบัติด้วยตนเอง เช่น การถือท้ายเรือใหญ่ การเข้า





หน้าท่ยามตรวจการณ์ ด่งทราย ด่งนาตื้น ท้งน้ก็เคยม ี


ผู้ทักท้วงว่านาวิกโยธิน หรือขนส่ง หรือต่อสู้อากาศยาน

และรักษาฝั่ง ไม่ได้ทางานในเรือ จะฝึกถือท้ายเรือใหญ่

เข้ายามตรวจการณ์ ไปทาไม? ผู้เขียนได้ให้ความเห็นว่า


เม่อแต่งเคร่องแบบทหารเรือแล้ว จะต้องมีประสบการณ์



ตรงเกยวกบทหารเรอ เปนการสรางความภาคภมใจใหกบ







ตัวเขาเอง เช่น เมื่อมีคนถามว่า “ทหารเรือถือท้ายเรือรบ
เป็นอย่างไร เหมือนกับการขับรถหรือไม่? ทาอย่างไร?




จึงจะถือท้ายเรือได้ตรงกับเข็มเรือท่ผู้นาเรือได้ส่งการ



(โดยเฉพาะขณะท่คล่นลมแรง)” หรือคาถามว่า “เห็น
เรือเล็ก ๑ ล�า ทางหัวเรือขวา ประมาณ ๔ ปอยท์” แสดงว่า
เรือเล็กอยู่ด้านไหนของเรือ การตอบว่าผมเป็นนาวิกโยธิน
ไม่เคยถือท้ายเรือใหญ่เลย หรือถือท้ายเรือใหญ่ไม่เป็น
หรือไม่เข้าใจว่า ๔ ปอยท์ คืออะไร ทิศไหน เคยแต่ได้ยิน
กับการตอบว่าเคยถือท้ายเรือใหญ่มาแล้ว รู้สึกดีมาก เวลา
จะให้เรือเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา ต้องท�าอย่างไร อาการ
เรือเป็นอย่างไร? หรือ ๔ ปอยท์ คือ ทิศประมาณ ๔๕

ภาพที่ ๙ คู่มือบันทึกการฝึกภาคปฏิบัติใช้การในทะเลของ องศาจากหัวเรือ ตามความรู้ท่ถ่ายทอดกันมาทหารเรือ


นักเรียนจ่า จะแบ่งเข็มทิศท่มี ๓๖๐ องศา ออกเป็น ๓๒ ปอยต์ ดังน้น

๑ ปอยท์ ก็จะประมาณ ๑๑.๒๕ องศา (ดูภาพท่ ๑๐


การฝึกท่ต้องปฏิบัติเม่ออยู่ในเรือ (การฝึกสถานีต่าง ๆ) การแบ่งทิศของทหารเรือ) การเข้ายามเครื่องสั่งจักรเพื่อ
เช่น การฝึกรับ - ส่งส่งของในทะเล การฝึกพ่วงจูง การฝึก บงคับใหเรือเดนหนาหรือถอยหลังทาอย่างไร ไดเห็นภาพ















เกบคนตกนาด้วยเรอใหญ่ ทงนสาหรบ นรจ. ว่าบนสะพานเดินเรือมีเคร่องมือเคร่องใช้อะไรบ้าง? ได้ม ี







ช้นปีท่ ๑ พรรค-เหล่าท่เม่อจบการศึกษาแล้วไม่ได้ โอกาสเรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีของทหารเรือด้วย

ปฏิบัติงานในเรือ เช่น พรรคนาวิกโยธิน พรรคนาวิน ตนเองจากประสบการณ์จริง เช่น การเป่านกหวีดเรือใน
เหล่าทหารสารวัตร เหล่าทหารขนส่ง และเหล่าต่อสู้ สถานีต่าง ๆ การแสดงความเคารพระหว่างเรือ การขานตอบ
อากาศยานและรักษาฝั่ง ก็จะมีโอกาสได้ฝึกภาคทะเลด้วย ระหว่างเรือเล็กเรือใหญ่ รวมท้งได้มีโอกาสสัมผัสคล่นลม






ซ่งเป็นเร่องท่สาคัญอย่างย่ง เพราะพวกเขาเหล่าน้เม่อได้ ในทะเล (อาการเมาคล่น) และได้ไปทัศนศึกษาท่าเรือ





ช่อว่าเป็นทหารเรือแล้ว จะต้องได้ฝึกในเรือสักคร้งหน่ง และเกาะต่าง ๆ ในอ่าวไทย ได้เห็นเรือประมง เรือสินค้า





ในชีวิต เพ่อให้รู้ว่าการใช้ชีวิตในเรือเป็นอย่างไรบ้าง จะได้ ว่งในทะเล ได้เห็นแท่นขุดเจาะท่มีเป็นร้อย ๆ แท่นใน
เป็นประสบการณ์ตรง และสามารถถ่ายทอดหรือไปเล่าให้ อ่าวไทย จะเป็นประสบการณ์ท่ดีสาหรับพวกเขาต่อไป


รุ่นน้อง หรือครอบครัว หรือประชาชนฟังได้ โดยเฉพาะ ในอนาคต
นาวิกศาสตร์ 56
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔


ภาพที่ ๑๐ การแบ่งทิศของทหารเรือ





การฝึกระหว่างท่เรือจอดอยู่ท่ฐานทัพเรือสัตหีบ ก ็ รู้สึกรักทะเล รักอาชีพทหารเรือ คร้นเม่อได้แนวทางแล้ว




จะมการฝึกความอดทนเพ่อสร้างเหลกในคนให้ นรจ. จึงได้เชิญผู้บังคับการเรือ ต้นเรือ ต้นกล และนายทหาร
ได้แก่ การฝึกวิ่งทน การตีกระเชียงทน การว่ายน�้าทะเล ประจาเรือ มาร่วมประชุมกับ มฝ.นรจ. เพ่อปรับปรุง






ข้ามเกาะ และก่อนท่เรือจะออกทะเลก็จะมการวง จุดมุ่งหมาย และแนวทางฝึกภาคทะเลใหม่ โดยก�าหนด

ข้นเขาไปท่กระโจมไฟแหลมปู่เจ้า และเม่อว่งถึงครบ จุดมุ่งหมายว่า “เม่อเสร็จส้นการฝึกภาคทะเล นักเรียนจ่า





ทุกคนแล้ว ก็จะมีการสักการะ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ จะต้องเกิดความรู้สึกรักอาชีพทหารเรือ อยากจะปฏิบัต ิ

กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์ องค์บิดาทหารเรือไทย งานในเรือ” และกาหนดแนวการฝึกใหม่ เช่น ให้เรือ



พร้อมกับร้องเพลงท่ทรงนิพนธ์ไว้ โดยในสมัยก่อนน้น แต่ละลาคัดเลือก และแต่งต้งกาลังพลประจาเรือเป็น




จะร้อง ๒ เพลง ได้แก่ เพลงเดินหน้ากับเพลงดอกประดู่ ครูปกครอง นรจ. จานวนหน่ง โดยครูปกครองมีสิทธ ิ







ตอนหลังน้ร้องเพลงดาบของชาติ เพ่มอีก ๑ เพลง ทาโทษ นรจ. ได้ สาหรับกาลังพลประจาเรือคนอ่น ๆ




ผู้เขียนมีเร่องท่จะเล่าเก่ยวกับการฝึกภาคทะเลให้ฟัง ไม่มีสิทธิในการลงโทษ ยกเว้น นรจ. ท�าความผิดซึ่งหน้า




อีกเรื่องหนึ่งคือ ได้อ่านคู่มือบันทึก ฯ ฝึกภาคทะเลของ และการลงโทษต้องลงโทษเม่อมีการกระทาผิดท่ชัดเจน

นรจ. บางคนแล้ว ทราบว่ามีส่วนหน่งไม่อยากจะฝึก เช่น สมัยก่อนการแถวเวลา ๐๖๐๐ ผู้ที่มาแถวก่อนจะถูก
ภาคทะเล โดยบันทึกว่า “ฝึกแล้วไม่ได้อะไรมาก ได้แต่ ก�าลังพลประจ�าเรือสั่งให้กอดคอลุกนั่ง หรือยึดพื้น หรือ
ถูกลงโทษเป็นหลัก” ท�าให้ นาวาเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม อื่น ๆ เพื่อรอเพื่อน ๆ มาแถวจนครบ การปฏิบัติอย่างนี้





ผบ.รร.ชมพลฯ ยศ.ทร. (ขณะน้น) ดารวาทาอยางไรจะให ้ ถือว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะ นรจ. ที่มาแถวก่อนคือ





นรจ. ไดประโยชนจากการฝกภาคทะเล ฝึกจบแลวเกดความ ผู้ท่ปฏิบัติตามเวลาไม่ได้ทาผิด ส่วนผู้ท่ยังไม่มาก็ยังไม่ม ี





รู้สึกรักชีวิตการอยู่เรือ หรืออยากปฏิบัติงานในเรือรบ ความผิดเพราะยังไม่ถึงเวลา ๐๖๐๐ ผู้ท่ทาผิดและต้อง


นาวิกศาสตร์ 57
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔



ถูกลงโทษคือ ผู้ท่มาแถวเวลา ๐๖๐๐ ไม่ทัน เป็นต้น นรจ. มีคะแนนสอบภาษาอังกฤษสูงขึ้น คือ ให้มีการสอน
หรือการรับประทานอาหารเวลา ๑๒๐๐ ก็ให้เป็นเวลา พิเศษในช่วงเวลา ๑๖๐๐ – ๑๗๐๐ ของทุกวัน ก�าหนด









รบประทานอาหารอยางเดยว ไมใชเวลามาชแจงความผด ให้มีการท่องศัพท์ ๕ คา และประโยคภาษาอังกฤษ ๒
แล้วทาโทษจนถึงเวลา ๑๒๓๐ หรือ ๑๒๔๕ แล้วจึงปล่อย ประโยคทุกวัน ให้มีการจัดแข่งขัน “English Contest”





ให้รับประทานอาหารเท่ยงอย่างเร่งรีบ สาหรับการลงโทษ โดยให้ นรจ. แต่ละภาคได้มีโอกาสนาภาษาอังกฤษท่ท่อง
เป็นส่วนรวม ถ้าจะลงโทษก็คือเวลา ๑๙๐๐ ที่แถวอบรม ทุกวันมาใช้แสดงออก การแข่งขันเปิดดิกชันนารี การ


และช้แจงข้อบกพร่องในการปฏิบัติประจาวัน หรือการ แข่งขันต่อศัพท์ (Scrabble) การแสดงออกบนเวที เช่น




ปลุกนักเรียนลุกข้นมาทาโทษในเวลาดึกด่น ท้งท่เป็น การสนทนาในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามสถานที่ต่าง ๆ ที่


เวลานอนของนักเรียน โดยอ้างว่าเป็นการฝึกกาลังใจ ควรรู้ และใช้ในชีวิตประจ�าวัน การร้องเพลงภาษาอังกฤษ


ก็ไม่จ�าเป็นต้องท�า ทั้งนี้นายทหารประจ�าเรือจะต้องสอน และการจัด นรจ. ท่อยู่ชมรมดานาเบ้องต้น ทาหน้าท ่ ี















ให้ นรจ. มความรเกยวกบทหารเรือ และความรตามสาขา เป็นผู้ช่วยเหลือนักท่องเท่ยวชาวต่างชาติท่มาเท่ยวท ่ ี


วิชาชีพท่ต้องปฏิบัติงานในเรือให้ได้มากท่สุด สอนให้รู้จัก รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. (พูดภาษาอังกฤษได้จริง) นอกจากน ้ ี
ว่าเวลาไหน ควรท�าอะไร ส�าหรับก�าลังพลเรือประจ�าเรือ ยังมีการจัดกิจกรรมปฎิบัติจิตภาวนาเป็นประจ�า การจัด

ของแต่ละลาน้น มฝ.นรจ. ได้แจ้งว่าได้ให้ นรจ. ในเรือ บรรพชาสามเณรก่อนสาเร็จการศึกษา เพ่อให้ นรจ. มีความร ู้












ลาน้นคัดเลือกกาลังพลประจาเรือท่เป็นมืออาชีพ มีความ เก่ยวกับพุทธศาสนา สามารถนาหลักธรรม คาส่งสอน


เป็นครู สามารถถ่ายทอดความรู้ และการใช้ชีวิตในเรือท่ด ี ไปใช้ในชีวิตประจาวัน อันจะนาไปสู่ความเป็นคนท่ม ี




ท่สุดจานวน ๒ คนต่อลา เข้ารับรางวัลเป็น “ครูดีเด่นของ คุณธรรม จริยธรรมในตัวเองได้


นรจ.” ในตอนเสร็จส้นการฝึกภาคทะเล เพ่อเป็นการ



สร้างขวัญกาลังใจ และสร้างความสัมพันธ์ท่ดีระหว่าง การสร้างเหลกในคนในการฝึกภาคทะเลหลกสตร



กาลังพลประจาเรือและ นรจ. ผลจากการเปล่ยนแปลง นักเรียนนายเรือ



แนวทางการในการฝึกภาคทะเลครั้งนั้น เมื่อได้อ่านคู่มือ สาหรับการฝึกภาคทะเล (สร้างเหล็กในคน)

บันทึกฯ ฝึกภาคทะเลของ นรจ. หลังจากเสร็จสิ้นการฝึก นอกจากจะมีหลักสูตร นรจ. แล้ว ยังมีการฝึกภาคทะเล
ภาคทะเลแล้ว พบว่า นรจ. มีความพึงพอใจ ภาคภูมิใจ ของหลักสูตร นนร. ด้วย โดยในหลักสูตร นนร.
และเกิดความรู้สึกรักอาชีพทหารเรือ รวมท้งอยากปฏิบัต ิ จะมีการฝึกภาคทะเลในช่วงกลางปีการศึกษา ระยะเวลา

งานในเรือเพิ่มมากขึ้น ส�าหรับที่ รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. ก็มี การฝึกประมาณ ๓๐ วัน และภาคปลายปีการศึกษา ระยะ
การคัดเลือกครูดีเด่นประจาปี โดยมีการมอบโล่เกียรติยศ เวลาการฝึกประมาณ ๔๕ - ๕๕ วัน เพื่อให้เห็นภาพการฝึก

และเงินรางวัลจาก “สมาคมศิษย์เก่าชุมพลทหารเรือ” ภาคทะเลทชัดเจนข้นจงได้ย้อนกลบไปอ่านหนงสอเก่า










ที่มีคุณครู พลเรือเอก เทียนชัย มังกร นายกสมาคมฯ เล่มหน่งเม่อ ๓๐ กว่าปีท่แล้ว ก็คือ สมุดจดหมายเหต ุ



ให้ความกรุณาสนับสนุนมาตั้งแต่ครั้งแรก ประจาตัวนักเรียนนายเรือท่ได้เขยนไว้ระหวางปี พ.ศ.๒๕๓๐


การสร้างเหล็กในคนอีกด้านหน่ง คือ การเรียนการสอน - พ.ศ.๒๕๓๓ (ดูภาพที่ ๑๑ สมุดจดหมายเหตุประจ�าตัว
วิชาภาษาอังกฤษให้กับ นรจ. โดยก�าหนดจุดมุ่งหมาย ๒ นักเรียนนายเรือ) จึงจะถ่ายทอดประสบการณ์จากในสมุด

อย่างคือ ท�าให้ นรจ. เมื่อจบการศึกษาหลักสูตร ๒ ปีแล้ว จดหมายเหตุเล่มน้เป็นหลัก ซ่งสมุดจดหมายเหตุน้ ข้อ ๑



มีคะแนนสอบภาษาอังกฤษ (PT) สูงข้นกว่าตอนเข้ามา ความมุ่งหมายสาคัญ เพ่อเป็นการปลูกฝัง ๑) ความสามารถ




เป็น นรจ. และทาให้ นรจ. สามารถพูดหรือส่อสารภาษา ในการสังเกตและความจา ๒) ความสามารถในการแสดง

อังกฤษเบ้องต้นได้ โดยกาหนดวิธีการสาหรับการทาให้ ความคดเหนและความร้สกลงเป็นลายลกษณ์อกษร ๓)










นาวิกศาสตร์ 58
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔




นิสัยในความละเอียดและความเรียบร้อย ขอ ๖ ขอความ การฝึกภาคสาธารณะและการฝึกภาคทะเลนักเรียนนาย


ท่จะกล่าวต่อไปน้ เป็นปทัสถานท่จะให้นักเรียนจดลง เรือชั้นปีที่ ๑ (ชั้นใหม่)










สมุด คอ (ก) นกเรียนตองเขยนด้วยตนเอง ใชสานวนโวหาร ในสมุดหน้าแรกบันทึกไว้ว่า “วนท ๓๑ มนาคม


ของตนเอง ตามเหตุการณ์เท่าท่ได้รู้เห็น หรือจากการ พ.ศ.๒๕๓๐ เป็นวันแรกของการฝึกภาคสาธารณะและ










พิเคราะห์วิจารณ์ในส่งท่เป็นประโยชน์ และน่าใฝ่ใจ รวมท้ง ฝกภาคทะเลของ นนร.ชนปท ๑ หรอชนใหมของ นนร.



กิจการที่ส�าคัญ ๆ เท่าที่ได้ปฏิบัติในโรงเรียน,...บรรยาย รุ่นที่ ๘๔ (นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ ๒๗) โดยมีที่ตั้งที่
ถึงลักษณะภูมิประเทศท่ไป ตลอดจนอุปนิสัยใจคอ รร.นร. จว.สมุทรปราการ ก่อนหน้านั้น นนร.รุ่นที่ ๘๔



ของพลเมืองท่ตนได้พบเห็น อ่าว ท่าเรือ ท่จอดเรือ ป้อม... ได้เข้าเรียนท่โรงเรียนเตรียมทหาร ถ.พระราม ๔


(ข) พฤติการณ์อันน่าใฝ่ใจท้งมวล ข้อ ๗ การจดน้น (สมัยน้นมักเรียกนักเรียนเตรียมทหารว่า “สุภาพบุรุษ




นักเรียนควรเขยนภาพประกอบไปด้วย... เป็นต้นว่า พระราม ๔”) เป็นเวลาประมาณ ๑ ปี ได้ถูกส่งตัว
(ก) แผนที่เส้นทางเดินเรือ (ข) แผนผังการจอดทอดสมอ (ขึ้นเหล่า) ที่ รร.นร. ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ.



(ค) รูปสเกทช์ของต�าบลที่ไป ของฝั่งทะเล ของหัวแหลม ๒๕๓๐ แล้ว” ท้งน้ภาพบางภาพของ รร.นร. สมัยก่อนน้น



ของส่งหมายสาคัญในการเข้าอ่าว ..(ง) รูปการ์ตูนท่สุภาพ ไม่เหมือนกับ รร.นร. สมัยน้ท่มีการเปล่ยนแปลงไปมาก



(มีรถไฟฟ้าว่งผ่านหน้าโรงเรียน) จึงขอเล่าสักนิดหน่อย








ู่

รร.นร. สมยกอนเหมอนกับตงอยทต่างจงหวัด (บ้านนอก)
แม้จะมีถนน ๔ เลน มีรถเมล์ปรับอากาศและรถเมล์ร้อน


(จาได้ว่ามีสาย ๒๕ ปากน�า-ท่าช้าง) และรถสองแถว





สแดงวงผ่าน วธสงเกตถ้านงรถจากบางนาผ่านสาโรง












เมอมาใกล้ รร.นร. มสถานทจะต้องจาเพอเตรยมตัว

ลงรถเมล์คือ วัดบางนางเกรงอยู่ทางขวามือ พอสังเกต
เห็นรั้วที่เป็นก�าแพงสีขาวขนาดใหญ่ (ก�าแพงป้อม) และ
หลังคาตึกสีแดง นั่นก็คือที่หมาย รร.นร. ให้ลงรถเมล์ได้

สาหรับประตูเข้า-ออกด้านหน้าท่ติดกับถนนใหญ่มีเพียง

ประตูเดียว (ปัจจุบันมี ๒ ประตู) เม่อเข้าประตูแล้ว

ก็ไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หว รัชกาลท ๕ พร้อมกับปฏิญาณ




ว่า “ข้าพระพุทธเจ้า จะรักษามรดกของพระองค์ท่าน




ไว้ด้วยชีวิต” ซ่งคาปฏิญาณน้ได้ปฏิญาณต้งแต่เป็นนักเรียน
เตรียมทหารต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลท่ ๕

ภาพที่ ๑๑ สมุดจดหมายเหตุประจ�าตัวนักเรียนนายเรือ

(หน้าตึก Y) ส่วนท่ด้านหลังของบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาล


โรงเรียนนายเรือ (รร.นร.) ได้แจกจ่ายสมุดจดหมายเหต ุ ที่ ๕ ท่ รร.นร.จะมีพระราชหัตถเลขาท่อยู่ในสมุดเย่ยม





ประจาตัว นนร. ให้กับ นนร. ทุกนายต้งแต่ช้นปีท่ ๑ โรงเรียนนายเรือ ความว่า “เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน

และให้ใช้จนถึงชั้นปีที่ ๕ ส�าหรับผู้เขียนได้เริ่มเขียนสมุด รศ.๑๒๕ เราจุฬาลงกรณ์ ปร. ได้มาเปิดโรงเรียนน้ มีความ
จดหมายเหตุตั้งแต่การฝึกภาคทะเลของ นนร.ชั้นปีที่ ๑ ปล้มใจ ซ่งได้เหนการทหารเรือมีรากหย่งลงแล้ว จะเป็น




จนถึงชั้นปีที่ ๕ รวมทั้งหมด ๘ ภาค ที่มั่นสืบไปในภายน่า” สาหรับป้ายช่อโรงเรียนปัจจุบันก ็

นาวิกศาสตร์ 59
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔




ปรับปรุงใหม่แล้ว อาคารเรียน อาคารนอน สนามรักบ ้ ี ปืนกล ๒๐ มิลลิเมตร เออริคอนแท่นเด่ยว ใช้พลประจาปืน

ฟุตบอล สนามฟุตบอล โรงพละศึกษา สระว่ายนายังคงอย ู่ ๒ นาย โดยจะต้องท่องหน้าที่ประจ�าปืนต�าแหน่งต่าง ๆ





แต่ก็มีการเปล่ยนแปลงไปตามยุคสมัย หอดาราศาสตร์ และหมุนเวียนทาหน้าท่ประจาปืนสลับกันไป วิชาการเรือ





ยังโดดเด่นเป็นสง่าอยู่เหมือนเดิม อนุสรณ์สถานเรือธนบุร ี ไดแก วชาเชือกเลกและเชอกใหญ เชน การผกกะ ผกหกคอ





เมอก่อนอยหน้าอาคารนอนตรงสนามรกบด้านโรงอาหาร ผูกเจ็ก ผูกถังตั้ง ผูกตระกรุดเบ็ด เป็นต้น (ดูภาพที่ ๑๒








ได้ถูกย้ายมาอยู่ใกล้กับหอดาราศาสตร์ สมัยก่อนในเวลา ตัวอย่างเง่อนผูกเชือกของทหารเรือ) วิชาชักหย่อนเรือเล็ก




กลางคืน นนร.ช้นปีท่ ๑ และ ๒ มักจะถูกรุ่นพ่ส่งให้เข้าไป ซึ่งมีค�าแปลกๆ เป็นศัพท์เฉพาะทหารเรือ เช่น หลักเดวิส

ในเรือแล้วไปหาช่อผู้เสียชีวิตท่มีรูปภาพติดต้งอยู่ในเรือ บาระตูรอกตน บาระตูคอรอก และเฉาะ เป็นต้น แรก ๆ



โดยบอกว่าเป็นการฝึกขวัญกาลังใจ ท่หน้าโรงอาหารจะม ี ก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร แต่พอเรียนไปฝึกไปสักพัก ก็จะเข้าใจ





บ่อนาอยู่ ๑ บ่อ สมัยน้น นนร.จะเรียกบ่อนาน้ว่า “บ่อเห้ย” และปฏิบัติได้ถูกต้อง



อาจจะเพราะมีตัวเงินตัวทองอาศัยอยู่ในบ่อด้วย นักกีฬา



โดยเฉพาะนักรักบ้ถูกรุ่นพ่ส่งให้โดดลงบ่อเพ่อล้างตัวก่อน

เข้าโรงอาหารเป็นประจา ปัจจุบันบ่อนาน้ก็ไม่มีแล้ว ใกล้กับ





อนุสรณ์สถานเรือธนบุรีจะมีสโมสรสัญญาบัตรเก่า ท่ นนร.


ช้นปีท่ ๒ ต้องไปเข้ายาม ตลอดเวลา ๒ ช่วโมงในเวลาคาคืน











จาไดว่ามแตความเงยบสงด และมยงเยอะมาก (จะแอบหลับ ผูกเจ็ก

ก็ไม่ได้) และจะมีช่วงเวลารู้สึกดีใจมากเม่อได้ยินเสียง

จักรยานของจ่ายาม (นนร.ช้นปีท่ ๓) หรือผู้ช่วยนายทหารยาม



(นนร.ช้นปีท่ ๔) หรือนายทหารยาม (นนร.ช้นปีท่ ๕) มาตรวจ


ท่สโมสร มีส่งหน่งท่ผู้เขียนยังจาได้ไม่ลืมก็คือ มีรูปภาพ





ขนาดใหญ่ของเจ้าสมุทร (โพไซดอน) อยู่ในสโมสรด้วย
ต่อมาเมื่อรื้อสโมสรแล้วก็หายไป เมื่อครั้งอยู่ รร.ชุมพลฯ
ยศ.ทร. จึงได้เสนอให้ นาวาเอก วิฉนุ ถูปาอ่าง รองผู้บังคับการ ผูกถังตั้ง
รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. ขณะนั้นรับผิดชอบในการปรับปรุง
สโมสรสัญญาบัตร (สโมสรเพชรเกล็ดแก้ว) ให้วาดภาพ
เจ้าสมุทรไว้ที่ด้านในสโมสรด้วย ซึ่งเรื่องเจ้าสมุทรนี้จะได้
เล่าต่อไปในการฝึกภาคทะเลของ นนร. ในพิธีข้ามเส้น
อีเควเตอร์หรือเส้นศูนย์สูตร
การฝึกภาคทะเลตลอดระยะเวลา ๒๑ วัน มีการฝึก หักคอชั้นเดียว

ต่าง ๆ (สร้างเหล็กในคน) ท่ให้ทั้งความรู้วิทยาการทหารเรือ
ความเป็นชาวเรือ ความเป็นผู้ตาม และความเป็นผู้นา

ซ่งจากสมุดจดหมายเหตุแทบไม่น่าเช่อว่าจะมีมากมาย




หลายอย่าง สามารถนามาเรียบเรียงใหม่ ดังน้ วิชาการอาวุธ






ทงปน ๗๖/๕๐ มลลเมตร แบบ ๙๓ ใชพลประจาปน ๘ นาย ผูกตระกรุดเบ็ดสองชั้น



ปืน ๔๐/๖๐ มิลลิเมตร ใช้พลประจาปืน ๕ นาย และ ภาพที่ ๑๒ ตัวอย่างเงื่อนผูกเชือกของทหารเรือ
นาวิกศาสตร์ 60
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔


ภาพที่ ๑๓ ดิ่งทรายและดิ่งน�้าตื้น



วิชานกหวีดเรือ วิชาการถือท้ายเรือใหญ่ วิชาการ วิชาขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ เช่น การทา

ปฏิบัติตัวในเรือใหญ่ วิชาธงสองมือ (ท้งไทยและสากล) ความเคารพท้ายเรือ เป็นประเพณีสืบมาจากสมัยโรมัน







วิชาร้อยรอก (ใช้เชือกร้อยรอก) ซ่งรอกในเรือมีท้งหมด ในสมยนนดาดฟ้าท้ายเรอมักจะสร้างห้องอย่างประณต


๕ ชนิด ได้แก่ รอกธรรมดา รอกตีน (ช่อแปลกอีกละ) สวยงาม สาหรับประดิษฐานรูปปั้นจาลองของเทวรูป




รอกกล รอกบุเลย์ และรอกแม่เหล็ก วิชาดิ่งทราย ใช้ดิ่ง ศักด์สิทธ์ จัดเป็นห้องผู้บังคับการเรือ และท่อยู่ของ




ผูกติดกับปลายเชือกแล้วเหว่ยงข้นจากเรือไปบนฝั่งขณะท ี ่ นายทหารประจาเรือ จึงถือว่าเป็นตอนท่สาคัญ และได้รับ


เรือจะเทียบท่า วิชาดงนาต้น (ดูภาพท่ ๑๓ ด่งทรายและ เกียรติสูงสุดของเรือ เม่อผู้ใดข้นมาบนเรือจะต้องทาความ









ดิ่งน�้าตื้น) ใช้สาหรับวัดความลึกนาสาหรับนาเรือเข้า เคารพท้ายเรือก่อนเสมอ ปัจจุบันนี้ขณะเรือจอดให้ชักธง

















ทอดสมอ แม้ว่าปัจจุบันจะมีเคร่องหย่งนาอิเล็กทรอนิกส์ ราชนาวขนทเสาทายเรอ (เวลาเรอเดนชกธงราชนาวทกาฟ











แต่ด่งนาต้นก็ยังใช้อยู่ในเรือรบ วิชาการสมอเรือ ท้งแบบ ของเสากลางลา) ส่วนส่งศักด์สิทธ์น้นทหารเรือไทยได้ใช้





มีกะสมอ และไม่มีกะสมอ และเครื่องประกอบในการ พระพุทธรูปแทน การทาความเคารพท้ายเรือจึงถือว่าให้


ท้งสมอ เช่น โซ่สมอ สเกล กุญแจกล ปากจับ เคร่องห้ามโซ่ ความเคารพแก่สถานท่ และธงราชนาวีด้วย การถามตอบใน


กว้าน และทุ่นสมอ เป็นต้น เวลากลางคืน ใช้การตะโกนถามด้วยคาว่า “โบ๊ต...อะฮ้อย”

นาวิกศาสตร์ 61
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔




ส่วนการขานตอบมีหลายคาตอบ เช่น “อาย อาย หมายถึง เตรียมเอาไว้ให้ตอนสร้างเรือสาหรับชาวเรือทุกคน การแต่ง


มีนายทหารสัญญาบัตรมากับเรือเล็ก” “โน โน หมายถึง เคร่องแบบทหารเรือ ผ้าผูกคอดาชุดกะลาสี ในสมัย

ไม่มีนายทหารสัญญาบัตรมากับเรือเล็ก” ถ้าตอบว่า โบราณกะลาสีเรือนิยมใช้ผ้าเช็ดหน้าผูกคอสาหรับเช็ด
“อ่างทอง หมายถึง ผู้บังคับการเรือหลวงอ่างทองมากับ เหงื่อไคล ต่อมาจึงดัดแปลงเป็นผ้าผูกคอด�าผูกเป็นเงื่อน
เรือเล็ก” เป็นต้น การใช้นกหวีดเรือ ส�าหรับนายทหาร ให้เรียบร้อย และเมื่อ ลอร์ด เนลสัน แม่ทัพเรืออังกฤษ


สัญญาบัตรข้นเรือและลงเรือ หรือการตระฆงบอกเวลา ผู้มีชื่อเสียงถึงแก่กรรม ในยุทธนาวีที่ทราฟัลกา เมื่อ ค.ศ.




เป็นคู่ (ไม่เกิน ๔ คู่ หรือ ๘ ครั้ง) ถ้าเกิน ๘ ครั้ง สมัยนั้น ๑๘๐๕ ราชนาวีอังกฤษได้รับคาส่งให้ใช้ผ้าผูกคอสีดา



ได้เล่าต่อกันมาว่าจะถูกผีเส้อสมุทรจับเอาไปกินหรือ เป็นเคร่องหมายแสดงการไว้ทุกข์ และใช้เร่อยมาจนกลาย


ทาสามี หรือเล่าว่าทุกปีจะต้องส่งมนุษย์ไปสังเวยแก่ เป็นประเพณีของทหารเรือท่วโลก และปรับเป็นการใช้

มังกรไฟซ่งเป็นเจ้าทะเลอยู่ในขณะน้น โดยมังกรไฟจะ ผ้าพันคอ (Scarf) หรือเนคไท (Tie) ด�าไปด้วย และยังมี



ข้นมาเลือกคนเอาเอง เม่อถึงกาหนดเจ้าเมืองจะจัดเรือส่ง เร่องเก่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือท่น่า






ไปหนึ่งล�า เมื่อเรือไปถึงบริเวณถ�้ามังกรไฟ ได้ท�าพิธีเชิญ สนใจอีกหลายเร่องสามารถหาอ่านได้ท่วไป วิชาการ


มังกรไฟข้นมา มังกรไฟได้เลือกเอาตัวนายเรือลาน้น ปฐมพยาบาลและการช่วยชีวิต ในสมุดจดหมายเหต ุ





นายเรือจึงขอผลัดไว้ว่าจะยอมให้กินเม่อตีระฆัง ๙ คร้ง บนทกไว้ว่า ห่นทใช้ฝึกปั๊มหวใจเพอช่วยชวตมชอว่า











มังกรไฟก็ยอม และลงไปคอยอยู่ในถ�้าใต้บาดาล นายเรือ “Anny” ปัจจุบันไม่รู้ว่า Anny จะยังอยู่หรือเปล่าหรือ









ผ้น้นจึงคิดเปลยนการตระฆังเรอมาตอย่างมาก ๘ ครง ว่าเกษียณไปแล้ว? การชักสลุตธง เป็นการแสดงความ










ตงแต่นันมามงกรไฟจงต้องนอนคอยจนกระทงบัดน แต่ เคารพของเรือสินค้าต่อเรือรบ การทาความเคารพ
ปัจจุบันถ้าตีเกิน ๔ คู่ ๘ คร้งก็จะถูกลงโทษแทนถูก ระหว่างเรือรบกับเรือรบ โดยเรือช้น ๑ จะใช้แตรเป่า








มงกรไฟกน พิธีบูชาแม่ย่านางเรือ กระทาเมอเรอจะออก แสดงความเคารพ ส่วนเรือช้น ๒ และช้น ๓ จะใช้


ทะเลวันแรก ซ่งปกติจะต้งเคร่องเซ่นไหว้ท่สะพาน นกหวีดเรือเป่าแสดงความเคารพ การทดสอบสมรรถภาพ






เดินเรือ หัวเรือ ท้ายเรือ และห้องเคร่องจักรใหญ่ วิธีซ่อน ร่างกาย ได้แก่ การวัดส่วนสูงและนาหนัก การว่ง



ทรัพย์ในเรือ สมยกรกโบราณมประเพณชาวเรอเล่าต่อ ทดสอบในระยะ ๑๐๐ เมตร และ ๔๐๐ เมตร ในสมุด





กันมาว่า เวลาสร้างเรือใหม่ข้นมาจะฝังเงินเหรียญไว้ใต้ จดหมายเหตุบันทึกไว้ว่า “ระยะ ๑๐๐ เมตร ทาเวลา

เสากระโดงเรือโดยเอาทาง “หัว” ขึ้น ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว ได้ ๑๓.๖ วินาที และระยะ ๔๐๐ เมตร ท�าเวลาได้ ๖๔

จะประสบความลาบากในภายหลัง เน่องจากในสมัยน้น วินาที การวิ่งทน ๑๐ กิโลเมตร การวิ่งขึ้นเขากระโจมไฟ




เช่อกันว่าคนเราเม่อตายไปแล้วจะต้องน่งเรือจ้างข้าม แหลมปู่เจ้าเพ่อสักการะเสด็จเต่ยและร้องเพลงถวายการ











แม่นา Styx ไปส่ดนแดนแห่งความตาย มคนแจวเรอ วายนาขามเกาะ (จากทาเรือแหลมเทียนไปเกาะพระ) การไต ่



ชื่อ “Charon” ใครข้ามก็ต้องเสียค่าโดยสาร ถ้าใคร เกาะรอบเกาะพระ การฝึกกระเชียงทนท่ รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร.



ไม่มีค่าโดยสารก็คงจะอดข้าม ท้งน้หากเป็นการตายบนบก การดูงานหน่วยงานในกองทัพเรือ ได้แก่ อู่ทหารเรือ


คงไม่ยุ่งยากอะไรมากนัก เพราะมีเวลาและญาติพ่น้อง พระจุลจอมเกล้า ซงไดบนทกวา “วนองคารท ๗ เมษายน











ท่สามารถจะออกให้แทนด้วยวิธีใดวิธีหน่ง เช่น เอาเงิน พ.ศ.๒๕๓๐...เดิมอู่ซ่อมเรือแห่งแรกของกองทัพเรือ


ใส่ปาก แต่สาหรับชาวเรือหากต้องตายในทะเล ได้ก่อสร้างข้นในกรุงเทพฯ ณ บริเวณวัดระฆังกับปาก


มีความลาบากเพราะญาติพ่น้องอาจไม่รู้ เม่อไม่มีเงิน คลองมอญ มีพื้นที่ ๔๐ ไร่ จนถึงปัจจุบันเกือบร้อยปีแล้ว




ใส่ปากอาจต้องน่งคอยเรือจ้างเป็นเวลานานหลายวัน และได้พัฒนาเรอยมาจนมาต้งท ตาบลแหลมฟ้าผ่าน ้ ี








หลายเดือนหรือหลายปี จึงมีประเพณีฝังเงินเหรียญ มเนอทประมาณ ๔๐๐ ไร่ ห่างจาก กรงเทพมหานคร


นาวิกศาสตร์ 62
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔





๓๐ กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๗ แล้วเสร็จ ต่อเป้าพ้นนา (หินฉลาม) และเป้าอากาศยาน (ร่มชูชีพ


เม่อปี พ.ศ.๒๕๒๔ งบประมาณค่าก่อสร้างประมาณ ปัจจุบันเป็นเป้าเคร่องบินบังคับ) การฝึกยิงปืน ๒๐
๕,๐๐๐ ล้านบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ มิลลิเมตรเออริคอน และปืน ๔๐/๗๐ มิลลิเมตร เป็นต้น

สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ รวมท้งสมเด็จ ส�าหรับต�าแหน่งของทหารเรือที่ปฏิบัติงานในเรือ เช่น
เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ผู้บังคับการเรือ (ผบ.เรือ) ต้นเรือ (ตร.) ต้นกลเรือ (ตก.เรือ)


เสด็จพระราชดาเนินเปิดอู่แห่งใหม่น้ ในวันพฤหัสบดีท ่ ี ต้นปืน (ตป.) ต้นหน (ตห.) สรั่งกล (สก.) สรั่งเรือ (สร.)
๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๔ และทรงพระราชทานนามอู่ ต้นเด่น และจุมโพ่ เป็นต้น การเรียนวิชาเดินเรือเบื้องต้น








แห่งนว่า “อ่ทหารเรอพระจลจอมเกล้า” และได้ยดถอ เช่น การใช้แผนท่เดินเรือ การขีดเข็ม การเรียนและการฝึก
วันน้เป็นวันสถาปนาอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้าจนถึง เกี่ยวกับการช่างกล (พรรคกลิน) เช่น เครื่องจักรในเรือ


ปัจจุบัน” จากนั้นไปรับประทานอาหารที่กรมพลาธิการ การป้องกันความเสียหาย (ปคส.) ท่ทาให้รู้จักไฟประเภท

ทหารเรือ ซึ่งมีภารกิจ อ�านวยการ ประสานงาน แนะน�า ต่าง ๆ ได้แก่ ไฟประเภท ก. (วัตถุของแข็ง เช่น ไม้ กระดาษ





กากับการ และดาเนินการในเร่องการส่งกาลังบารุง เป็นต้น) ประเภท ข. (ของเหลวที่มีไอระเหย เช่น น�้ามัน
สายพลาธิการ รวมท้งการวิจัยและพัฒนาการพัสดุสาย จาระบี) และประเภท ค. (เคร่องมือ อุปกรณ์ไฟฟ้า) วิธีการดับ


พลาธิการ การบริการและการจัดเลี้ยง ตลอดจนการฝึก โดยใช้ CO2 (ฟองดบไฟทางกล) ดบไฟประเภท ก.


และศึกษาของทหารเหล่าพลาธิการ การดูงานแห่งท่สาม ได้รู้จัก OBA (ใช้สาหรับสวมท่ใบหน้าป้องกันก๊าซพิษ






คือ กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ ทาให้ได้รับความรู้เก่ยวกับ เม่อเข้าดับไฟ) เป็นคร้งแรก การปิด – เปิดประตูในเรือท่ม ี


การเขียนแผนที่ (แผนที่เดินเรือ) หนังสือการเดินเรือ เช่น เครื่องหมายก�ากับ (X Y Z) ให้เป็นไปตามสถานการณ์


ประกาศชาวเรือ เก่ยวกับนาฬิกา โดยเฉพาะการเทียบเวลา การเข้ายามเครองสงจกรหรอเทเลกร๊าฟ เป็นเครอง








๐๘๐๐ เป็นประจาทุกวันของประเทศไทยให้ได้มาตรฐาน กาหนดให้เรือเดินหน้าหรือถอยหลัง ติดตงไว้ทสะพาน














เหมือนกับการเทียบเวลาท่เมืองกรีนิซ ประเทศอังกฤษ เดนเรอ และกาหนดความเรวเรอ (รอบเครองจกรใหญ่)
และเครื่องจักรท�านายน�้า ที่ใช้ท�านายน�้าขึ้น น�้าลง สูงสุด มีการวัดส่วนสูงและนาหนัก เพ่อบันทึกไว้เป็นข้อมูลว่า





ตาสุด เป็นต้น การฝึกในเรือ โดย นนร. จะแบ่งเป็น จาก นนร.ชั้นปีที่ ๑ ถึงชั้นปีที่ ๕ จะมีการเปลี่ยนแปลง
๒ กราบ (กราบขวาและกราบซ้าย) ๓ ภาค (ภาคหัว อย่างไรบ้าง มีการวิ่งทดสอบในระยะ ๑๐๐ เมตร ในสมุด
ภาคกลาง และภาคท้าย) และ ๘ ตอน (กราบขวา แบ่งเป็น บันไว้ว่าท�าเวลาได้ ๑๓.๖ วินาที วิ่ง ๔๐๐ เมตร ท�าเวลา
ตอน ๑ ตอน ๓ ตอน ๕ และตอน ๗ และกราบซ้าย ได้ ๖๔ วินาที จากน้นก็เรียนวิชาชีพทหารเรือ ได้แก่ วิชา

แบ่งเป็น ตอน ๒ ตอน ๔ ตอน ๖ และตอน ๘) ซึ่งผู้เขียน ธงประมวล ทงประมวลสากลและประมวลราชนาว ซงทง








ได้อยู่ตอน ๓ กราบขวา สาหรับการฝึกประจาสถาน ี สองธงประมวลจะมีความหมายต่างกัน เช่น ในประมวล



ต่าง ๆ เช่น การฝึกประจ�าสถานีออกเรือ (เทียบ ออกจาก ราชนาวี ธงอักษร ก หรือ G หมายถึง เรือลาน้เป็นเรือหลัก
เทียบ (เรือเทียบท่า) และออกจากจอด (เรือทอดสมอ) ในประมวลสากล ธงอักษร G หมายถึง ข้าพเจ้าต้องการ




การฝึกประจาสถานีเดินเรือในร่องนา การฝึกประจา น�าร่อง วิชาธงสองมือสากล และธงสองมือไทย วิชาโคม
สถานีเรือเดิน (ในทะเล) การฝึกประจ�าสถานีรบ การฝึก ไฟไทย และโคมไฟสากล

ประจ�าสถานีช่วยคนตกน�้า การฝึกประจ�าสถานีรับ - ส่ง “วันท่ ๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๐ พิเศษกว่าทุกวัน เพราะ





ส่งของในทะเล การฝึกประจาสถานีพ่วงจูง เป็นต้น การฝึก มีเรือหลวงอ่างทอง (การฝึกคร้งน้มีลาเดียว) ได้มาเทียบท่า






ยิงอาวุธ ได้แก่ การยิงปืนพก ๐.๔๕ นว (ยงทุกคน) การฝึก ท่ รร.นร. และวนท่ ๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๐ เวลาประมาณ


ยงปืนหลอด ๘ มลลเมตร การฝึกยงปืนประจาเรอ ๐๗๐๐ พวกเรา นนร.ชั้นปีที่ ๑ จ�านวน ๑๔๘ นาย ก็เริ่ม




นาวิกศาสตร์ 63
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔



ลงเรือ โดยมี นาวาตรี ศรณรงค์ บูรณดิลก ผู้บังคับการเรือ ท่าเรือจากพระสมุทรเจดีย์ข้ามไปสมุทรปราการค่นอยู่



กล่าวต้อนรับ” ส�าหรับการฝึกภาคทะเลของ นนร. โดย เท่าน้น ส่วนพระสมุทรเจดีย์ หรือพระเจดีย์กลางนาในอดีต
ปกติจะจัดต้งเป็น “หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ” ประกอบ นั้นได้เชื่อมเป็นฝั่งตะวันตกกลายเป็นแผ่นดินไปแล้ว



ก�าลังด้วยเรือรบของกองเรือยุทธการ จ�านวน ๒ – ๔ ล�า กลบมาท่การฝึกภาคทะเล การนอนในเรือฝึก สาหรบ



นาเรือมาจอดเทียบท่าท่ รร.นร. ช่อว่า “ท่าเสือซ่อนเล็บ” เรือหลวงอ่างทอง เป็นเรือประเภทยกพลข้นบกขนาดใหญ่








บางท่านอาจสงสยว่าทาไมชอว่าท่าเสอซ่อนเลบเหมอน ท่รับมาจากสหรัฐฯ ต้งแต่สมัยสงครามโลกคร้งท่ ๒











กับผูเขียนก็เคยสงสัยมาก่อน เหตุที่ชื่อวาทาเสือซอนเล็บ ปัจจุบันปลดระวางประจาการไปแล้ว การฝึกภาคทะเล

มีท่มา ในปี พ.ศ.๒๓๖๒ เจ้าเมืองไซ่ง่อน ขณะเข้ายึดครอง ในเรือยกพลขึ้นบกของ นนร. โดยปกติจะไม่จัดห้องนอน


เขมรอยู่ได้เกณฑ์ไพร่พลท้งคนญวนและคนเขมรผลัดละ ให้ เน่องจากมีนักเรียนจานวนมาก พวกเราจึงได้นอนท ี ่

ประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน ขุดคลองจากทะเลสาบเสียมราฐ Tank Deck ใต้ดาดฟ้าเรือ ซึ่ง Tank Deck เป็นที่ส�าหรับ
มาออกที่เมืองบันทายมาศ เป็นคลองกว้าง ๒๔ เมตร ลึก จอดรถสะเทินน�้าสะเทินบกหรือรถ AAV ของนาวิกโยธิน
๓.๕ เมตร ฝ่ายไทยเห็นว่าการท่ญวนขุดคลองมาออก ในการยกพลข้นบก อุปกรณ์สาหรับนอนในเรือฝึกจะม ี



ใกล้ไทยเช่นน้ อาจเตรียมการยกทัพเรือมาตีกรุงเทพฯ ผ้าใบ หมอน และผ้าห่ม เวลาจะนอนก็ปูผ้าใบกับพื้นเรือ


และหัวเมืองชายทะเลได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ก็นอนได้แล้ว เวลาเรือโคลงก็ไม่ต้องห่วงมีพ้นท่ในการ


นภาลัย รัชกาลท่ ๒ ทรงมีพระราชดาริว่า ท่เมือง กล้งไปกล้งมาพอสมควร ตอนเช้าหลังจากได้ยินเสียง





สมุทรปราการยังไม่มีท่ม่นป้องกันท่ม่นคง จึงโปรดให้ นกหวีดปลุก ก็ต้องพับผ้าห่มแล้วเอาหมอนกับผ้าห่ม









พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหม่นเจษฎาบดินทร์ ซ่งต่อมาข้น ใส่ไว้ในผ้าใบเกบอย่างเป็นระเบียบ ซงการทาเช่นน ี ้


ครองราชย์เป็นรัชกาลท่ ๓ เป็นแม่กองร่วมกับพระยา กเป็นการฝึกอย่างหนงเพอสร้างให้ นนร. ร้จกมความ








สุริยวงศ์โกษา ลงไปจัดการสร้างป้อมข้นทางฝั่งตะวันออก เป็นระเบียบเรียบร้อย และมีวินัยในตนเอง มีเร่องท ี ่


๔ ป้อม คือ “ป้อมประโคนชัย ป้อมนารายณ์ปราบศึก น่าสนใจเก่ยวกับการพับผ้าห่ม คือ ในคากล่าวสุนทรพจน์


ป้อมปราการ และป้อมกายสิทธิ์” ชักปีกกางถึงกันและ ของ พลเรือเอก William H. McRaven ซึ่งจบการศึกษา
สร้างตึกดินไว้เคร่องศาสตราวุธพร้อมฉางข้าว ส่วนท ่ ี จากท่มหาวิทยาลัย Texas at Austin เน่องในงานวัน



เกาะกลางนาหน้าเมืองสมุทรปราการ ก็ให้สร้างป้อม รับปริญญาของทางมหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ.๒๕๕๗ ได้พูด


ข้นอีกป้อมหน่ง เรียกว่า “ป้อมผีเส้อสมุทร” (ตรงข้าม ถึงชีวิต และข้อคิดจากการเข้าร่วมกับหน่วยซีล (Seal)



รร.นร.) และท่ฝั่งด้านตะวันตกตรงกันก็สร้างข้นอีกหน่ง ึ ว่า “ทุกเช้าของหน่วยฝึกของซีล ครูผู้ฝึกจะเข้ามายัง



ป้อมชื่อ “ป้อมนาคราช” ส่วนทางด้านเหนือป้อมผีเสื้อ ค่ายทหาร และส่งแรกท่พวกเขาจะตรวจก็คือ “เตียงนอน”



สมุทร มีหาดทรายเกิดข้นกลางนา ทรงพระราชดาริจะสร้าง ถ้าคุณทามันได้ถูกต้อง มุมของมันจะได้เหล่ยม และผ้า




พระเจดีย์ขึ้นที่หาดทรายนี้ แต่ยังไม่ทันได้สร้างในรัชกาล คลุมเตียงจะตึงเปร๊ยะ ส่วนหมอนจะอยู่ตรงใต้หัวเตียง

ที่ ๒ มาสร้างพระเจดีย์กลางน�้าในรัชกาลที่ ๓ และทรง พอดี และผ้าห่มจะถูกพับอย่างเรียบร้อยไว้ใกล้ด้าน
สร้างป้อมข้นอีก ๓ ป้อม คือ “ป้อมตรีเพชร ป้อมคงกะพัน ปลายเตียง เรียกได้ว่ามันเป็นงานง่าย ๆ ดูเหมือนว่ามันจะ


และป้อมเสอซ่อนเล็บ” ป้อมรุ่นน้ได้ผุพังไปตามกาลเวลา เป็นอะไรท่ธรรมดามาก แต่ทุก ๆ วัน ส่งท่ต้องทาก็คือ







ปัจจุบันคงเหลืออยู่ในสภาพดีเพียงป้อมเดียว คือ ป้อมผีเส้อ การจัดเตียงนอนให้ได้อย่างมืออาชีพ ซ่งฟังดูแล้วออกจะ

สมุทร ซ่งอยู่ในการดูแลของกองทัพเรือ แต่ไม่ได้อยู่กลางนา ้ � แปลก ๆ อยซกหนอยทวาความจรงแลวพวกเรานาจะถก












เหมือนเม่อตอนสร้าง ได้เข้ามาชิดริมฝั่งด้านตะวันตก ปลูกฝังมาให้เป็นนักรบอย่างแท้จริงมากว่า แต่ความเฉียบคม
เพราะแผ่นดินจากฝั่งงอกออกไป มีเพียงคลองเล็ก ๆ ท่เป็น ท่ซ่อนอยู่ในการกระทาง่าย ๆ นได้ก่อเกิดส่งท่เป็นในทุกวันน ้ ี







นาวิกศาสตร์ 64
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔





ถ้าคุณเก็บท่นอนในตอนเช้าทุกวัน นั่นหมายถึง การท่คุณ การเดินเรือจาก รร.นร. ไปสัตหีบ มีการประจาสถาน ี






ได้ทางานแรกของวันสาเร็จไปเรียบร้อยแล้ว และน่น เดินเรือในร่องนา (เจ้าพระยา) เป็นเวลานานพอสมควร ท้งน ี ้



นามาซ่งความภูมิใจเล็ก ๆ และทาให้คุณรู้สึกอยากทางาน การเดินเรือในร่องน�้าโดยปกติจะชิดขวาร่องน�้า เวลาเรือ



ช้นต่อ ๆ ไป และต่อไป และต่อไป” ซ่งผู้เขียนได้เคย สวนกันก็จะผ่านทางซ้าย เรียกโดยทั่วไปว่า “ขวาปกติ”
เล่าเร่องน้ให้ นรจ. นักเรียนกลาโหมพลเรือน เพ่อนร่วมงาน ซงจะแตกตางกบการขบรถยนตของไทย คอ ชดซายถนน












และผู้ใต้บังคับบัญชาฟังเสมอว่า แม้แต่นักรบท่แท้จริง ขณะเดินเรือในร่องน�้าจาก รร.นร. จะผ่านสถานที่ส�าคัญ


ก็ต้องถูกฝึกให้เก็บท่นอนตอนเช้าให้เรียบร้อยก่อน ได้แก่ ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ จะอยู่ด้านซ้ายมือ













หรออย่างการขดรองเท้าให้มนกเป็นการฝึกทดเหมอน (กราบซาย) ต่อมาก็เป็น กองเรอทนระเบด และ อจปร.อร.


ง่าย ๆ แต่ถ้าทาสาเร็จก็จะเกิดความภาคภูมิใจ และ อยู่ทางขวามือ (กราบขวา) ให้สังเกตว่าจะมีเรือรบจอดอย ู่
สร้างนิสัยให้เป็นคนท่มีความอดทน ละเอียดรอบคอบ หลายล�า (ตอนไปดูงานเดินทางโดยรถบัส ตอนนี้ได้เห็น

เพราะการขัดรองเท้าที่ดีต้องมันทั้งคู่ ไม่ใช่แค่หัวรองเท้า อจปร.อร. เม่ออยู่บนเรือรบ) เม่อผ่าน อจปร.อร. จะเข้าโค้ง






แม้แต่ครีบรองเท้าก็ต้องทาความสะอาด และขัดด้วย สมุทรปราการ และออกสู่ปากแม่นาเจ้าพระยา ซ่งบริเวณ



ย้อนกลับมาท่การฝึกภาคทะเลของ นนร. หลังจากลงเรือ ปากแม่นาเจ้าพระยาจะมองเห็นสถานีนาร่อง ข้อสังเกต

ท่ท่าเรือเสือซ่อนเล็บแล้ว หมู่เรือฝึกได้ออกเดินทางไป คือ เป็นตึกสีขาวแดงต้งตระหง่านอยู่ในทะเล (ดูภาพท ่ ี





ฐานทัพเรือสัตหีบ เพ่อรับการส่งกาลังบารุงและเตรียม ๑๔ ทุ่นไฟปากร่อง และสถานีน�าร่อง) ก็เป็นอันว่า สถานี
ความพร้อมอีกครั้ง เดินเรือในร่องน�้าสิ้นสุดลงแล้ว จากนั้นก็เป็นการเดินเรือ
“หะเบสสมอพลัน ออกสันดอนไป ในทะเลมุ่งหน้าไปสัตหีบ มีเรื่องเล่าการเดินเรือในร่องน�้า
ลัดไปเกาะสีชัง จนกระทั่งกระโจมไฟ โดยเฉพาะในร่องนาเจ้าพระยาท่ผู้เขียนเคยนาเรือ




เที่ยวหาข้าศึกมิได้นึกจะกลับมาใน เข้า-ออกหลายคร้ง ขณะท่ผู้เขียนรับราชการอยู่กองเรือ


ถึงตายตายไป ตายให้แก่ชาติของเรา.....” ทุ่นระเบิด ต�าบลที่จอดเรือ คือ เทียบท่าอยู่ใน อจปร.อร.




สาหรบการออกเรอจากท่าเสือซ่อนเลบ มเกร็ดความร ้ ู และส่วนหนึ่งเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือ บก.กองเรือทุ่นระเบิด

ท่ผู้เขียนได้บันทึกไว้ว่า “การออกเรือจะต้องออกเรือ ซ่งอยู่ใกล้ ๆ กับ อจปร.อร. เวลาจะออกเรือไปปฏิบัต ิ





ทวนนาเสมอ” เพ่อให้เรือเกิดความปลอดภัยสูงสุด เพราะ ราชการในทะเล จะต้องเดินเรือในร่องนาทุกคร้ง มีอยู่








การออกเรือตามนาหางเสือจะไม่กินนาทาให้บังคับเรือยาก คร้งหน่งขณะเดินเรือในร่องนาถึงบริเวณโค้งสมุทรปราการ





ซ่งการปฏิบัติดังกล่าวน้ถือเป็นหลักนิยมของชาวเรือ ยามถือท้ายรายงานว่าหางเสอขดข้องไม่สามารถบังคับ





(ศาสตร์) อย่างไรก็ตามเม่อจบมารับราชการแล้วม ี เรือได้ ผู้เขียนจึงส่งให้ปล่อยสมอหัวเรือ (สร่งเรือจะประจา �

ประสบการณ์มากข้น หากจาเป็นต้องออกเรือตามนา อยู่หัวเรือ และฆ้อนคอยตีเคร่องยึดโซ่สมอเพ่อปล่อยสมอ








ก็ต้องปฏิบัติได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ได้ทันที) ชักหวูด (จ่ายาม ประจาอยู่ท่สะพานเดินเรือ)



(ศิลป์) โดยเฉพาะการออกเรือตามนาเมื่อเรือจอดเทียบท่า ทุ่นและธงสัญญาณ (ยามทัศนะ ทัศนสัญญาณ ประจา


ในแม่น้าเจ้าพระยา ฐานทัพเรือสงขลา หรือฐานทัพเรือพังงา อยู่บนดาดฟ้าทัศนะ) ตามท่ได้เรียนและฝึกปฏิบัติมา
ขณะเวลาที่น�้าลงกระแสน�้าจะแรงมาก เมื่อเรือเทียบอยู่ (ในการฝึกภาคทะเล) ผลปรากฏว่าเรือไม่ได้รับอันตราย






กราบซ้ายหากถอยหลงออกโดยให้หวเรอแนบกบท่าเรอ ใด ๆ หลังจากน้นก็ซ่อมทาหางเสือ และเดินทางต่อไป



จะออกเรือยาก วิธีท่เคยทาคือปลดเชือกหัวเรือเพ่อให้ จนถึงสัตหีบได้ ท่ต้องการจะเล่าก็เพราะว่าอยากให้เป็น





นาแทงหวเรอถ่างออกก่อน แล้วจงใช้เครองจกรขวา บทเรียนสาหรับเรือทุกลาที่เดินเรือในร่องนา จะต้องไม่









เดินหน้าไปกลับลา จะทาให้ออกเรือได้ง่ายกว่า สาหรับ ประมาท ต้องพร้อมปฏิบัติทันทีเม่อหางเสือเรือขัดข้อง




นาวิกศาสตร์ 65
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔


ภาพที่ ๑๔ ทุ่นไฟปากร่องและสถานีน�าร่อง



เรือหลวงอ่างทอง ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบหนึ่งวัน ๑ รอบ และการฝึกกระเชียงทน ที่ รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร.

ก็เดินทางถึงและเข้าจอดท่ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือ ระยะทางประมาณ ๑๓ กิโลเมตร (ดูภาพที่ ๑๖ เส้นทาง


สัตหีบ ในระหว่างท่เรือจอดสัตหีบมีการทดสอบสมรรถภาพ การฝึกกระเชียงทน) ซ่งรายการท่ ๑ ถึง ๓ เป็นการทดสอบ






รางกายของ นนร. ประกอบดวย การว่งข้นเขากระโจมไฟ เฉพาะตัว แต่รายการท่ ๔ เป็นการทดสอบร่วมกันของ
แหลมปู่เจ้า การว่ายน�้าข้ามเกาะ โดยว่ายน�้าจากท่าเรือ คนในเรือกระเชียง ส�าหรับ




แหลมเทียนไปข้นบกท่เกาะพระ ระยะทางประมาณ รายการท่ ๑ การว่งข้นเขา ในสมุดจดหมายเหต ุ

๑ กิโลเมตร (ดูภาพท่ ๑๕ เส้นทางการว่งข้นเขาและ บันทึกไว้ว่า “วันเสาร์ท่ ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๐




การว่ายน�้า) การไต่เกาะ โดยวิ่งรอบเกาะพระ จ�านวน ตื่นนอนเช้า ๐๔๒๐ วิ่งขึ้นเขากรมหลวงฯ ข้าพเจ้ารู้สึกว่า
นาวิกศาสตร์ 66
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔


ภาพที่ ๑๕ เส้นทางการวิ่งขึ้นเขาและการว่ายน�้า ภาพที่ ๑๖ เส้นทางการฝึกกระเชียงทน





ตัวเองเหนื่อยมากเหลือเกิน พอวิ่งขึ้นมาพร้อมหมดแล้ว รายการท ๒ การว่ายนาขามเกาะ ในสมุดจดหมายเหต ุ





ก็ทาการสักการะกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์ โดยการ บันทึกไว้ว่า “ในช้นปีท่ ๑ ใช้เวลา ๗๑ นาที” (ช้นปีท่ ๒


แจกธูปเทียนสักการะ ร้องเพลงดอกประดู่ และเพลงเดินหน้า ภาคกลางปี ไม่ได้บันทึกไว้) ชั้นปีที่ ๒ ภาคปลายปี วันที่



ซ่งเป็นเพลงพระนิพนธ์ของท่านเอง ท้งน้ในสมัยก่อน ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๑ “ท�าเวลาได้ ๓๒ นาที” เวลา




จะร้องเพลงถวาย ๒ เพลง คือ เพลงดอกประดู่และเพลง ดีข้นมาก แสดงว่าหลังจากได้เรียนการว่ายนาท่โรงเรียน
เดินหน้า แต่ปัจจุบันทั้งหลักสูตร นนร. และ นรจ. จะร้อง นายเรือได้ผลดี ประกอบกับการมีประสบการณ์ในการ







เพิ่มอีก ๑ เพลง คือ เพลงดาบของชาติ การวิ่งขึ้นเขาใน ว่ายนาทาให้การว่ายนาข้ามเกาะดีข้น (เหมือนจะเร่มม ี



ช้นปีที่ ๒ ภาคกลางปี เม่อวันท่ ๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๐ เหล็กในคนบ้างแล้ว) ในชั้นปีที่ ๓ ภาคกลางปีและภาค


บันทึกไว้ว่าทาเวลาได้ ๒๑ นาที ในช้นปีท่ ๒ ภาคปลายปี ปลายปีไม่ได้บันทึกไว้ ในช้นปีท่ ๔ ภาคปลายปี วันท ่ ี



เม่อวันท่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๑ ว่งข้นเป็นช้นตามลา ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ “ทาเวลาได้ ๓๕ นาที”













ไม่มีการจับเวลา การว่งข้นเขาในช้นปีท่ ๓ ภาคกลางปีไม่ได้ และบันทึกไว้ว่าใช้เวลามากกว่าภาคปลายปีช้นปีท่ ๓



บันทึกไว้ ในช้นปีท่ ๓ ภาคปลายปี วันท่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ส�าหรับชั้นปีที่ ๕ ไม่ได้บันทึกไว้

พ.ศ.๒๕๓๒ ท�าเวลาได้ ๑๙ นาที การวิ่งขึ้นเขาในชั้นปีที่ รายการท่ ๓ การไต่เกาะ ในสมดจดหมายเหต ุ



๔ ภาคกลางปีไม่ได้บันทึกไว้ ในช้นปีท่ ๔ ภาคปลายปี ช้นปีท่ ๑ ไม่ได้บันทึกไว้ ช้นปีท่ ๒ ภาคกลางปี วันท ี ่






วันท่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ ทาเวลาได้ ๒๓ นาที และ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๐ บันทึกไว้ว่า “ได้ลาดับท่ ๖


การวิ่งขึ้นเขาชั้นปีที่ ๕ ไม่ได้บันทึกไว้ ของนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๒ เวลา ๓๗ นาที” ชั้นปีที่
นาวิกศาสตร์ 67
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔


๒ ภาคปลายปี วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๑ “ได้ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ ไม่ได้บันทึกเวลาไว้ แต่บันทึกไว้ว่า



ล�าดับที่ ๓ แต่ใช้เวลาถึง ๔๑ นาที” สาเหตุที่ใช้เวลามาก “ลงเรือกระเชียงแล้ว เม่อเร่มตี หลักกระเชียงก็หลุด แสดงว่า
ขึ้นเนื่องจากเป็นการไต่เกาะในเวลาน�้าขึ้น ชั้นปีที่ ๓ ภาค ไม่มีการตรวจสอบความพร้อมของเรือกระเชียง ซ่งไม่ทราบ


ปลายปี วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ ไม่ได้บันทึก ว่าเป็นความผิดพลาดของใคร สาหรับการตีวันน้ ข้าพเจ้า





เวลาไว้ แต่บันทึกไว้ว่า “สาหรับการไต่เกาะวันน้ มีนา คิดว่ายากท่สุดเพราะเจอท้งคล่น ลม และฝน เรือก ็





ข้นสูงมาก ทาให้การไต่เกาะมีความลาบากยากเข็ญมาก ไม่สมบูรณ์ ทาให้ได้ผลไม่ดีเท่าท่ควร แต่ก็ฝึกความอดทน





นัก และประกอบกับนักเรียนส่วนมากได้รับบาดเจ็บและ ได้ดีทีเดียว” ซ่งครูท่านท่ตรวจสมุดจดหมายเหตุ เขียน
เป็นอันตรายเป็นจานวนมาก ข้าพเจ้าจึงคิดว่า ไม่คุ้ม ตอบว่า “การคิดในแง่ดี ก็จะได้ประโยชน์” และช้นปีท่ ๔







กับการฝึกคร้งน้ เพราะอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ คร้งต่อไป ภาคปลายปี วันท่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ “เรือลาของ



ในการไต่เกาะ ข้าพเจ้าขอเสนอให้ไต่เกาะเวลาท่นาลง” ข้าพเจ้าใช้เวลา ๒ ชั่วโมง ๓๐ นาที....ในการฝึกครั้งนี้ ซึ่ง


ทั้งนี้ครูผู้ตรวจได้เขียนตอบว่า “จะน�าเรียน มฝ.นนร...... เป็นเวลาท่ไม่ดีนัก แต่ข้าพเจ้าก็พอใจ เพราะชุดเรามีความ



เขียนให้มาก ๆ ไว้ทุกวัน วันข้างหน้านามาอ่านนามา สามัคคีกันดีไม่ทะเลาะกันเลย” ดังน้นหัวใจสาคัญของ



ปรบปรงได้” ทงนการเขยนสมดจดหมายเหตประจาตว การฝึกกระเชียงคือความอดทน และความสามัคคี ซ่ง













นนร. รวมท้งของ นรจ. หรอนักเรียนในหลักสูตรอ่น ๆ ผู้เขียนได้นาการฝึกกระเชียงทนไปใช้ในการฝึกหลักสูตร




มีประโยชน์อย่างมาก สาหรับการไต่เกาะในช้นปีท่ ๔ นักเรียนข้าราชการกลาโหมพลเรือนตากว่าช้นสัญญาบัตร



ภาคปลายปี วันท่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ ไม่ได้ ที่เข้ารับการฝึกอบรมที่ รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. ซึ่งผลการฝึก



บันทึกเวลาไว้ แต่บันทึกไว้ว่า “วันน้ต่นต้งแต่ ๐๕๐๐ ท�าให้นักเรียนมีความอดทน (ก้นแตก มือแตก เมาคลื่น


และเร่มไต่เกาะเวลา ๐๖๑๕ การไต่เกาะก็เป็นไปด้วย แดดร้อน โดนด้ามกระเชียงกระแทกหลัง) และมีความรัก



ความยากล�าบากเพราะน�้าขึ้นสูงมาก รวมทั้งคลื่นลมแรง ความสามัคคีกันเพิ่มมากข้น รวมท้งยังได้รู้จักคาว่า “ลงเรือ


จึงมีทางเลือกว่าจะปีนเขา หรือจะว่ายน�้าไป ซึ่งอันตราย ลาเดียวกัน” แล้วต้องช่วยกัน (กระเชียง) ทุกคน เพ่อให้เรือ


สาหรับนักเรียนมาก กว่าจะไต่เกาะเสร็จก็เกือบ ๐๙๐๐ ทาให้ ไปถึงจุดหมายปลายทางตามท่ต้งเป้าหมายไว้ ได้เรียนรู้











การออกเรือไปสงขลาช้ากว่าเวลาท่กาหนด ในการไตเกาะ การทาหน้าท่ของตนเองให้ดีท่สุด ท้งคนท่น่งอยู่คู่หน้าสุด
คร้งต่อไป ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ควรจะเป็นวันท่ออกเรือ” ที่ต้องเริ่มกระเชียงให้พร้อมกัน ส่วนกระเชียงที่อยู่คู่หลัง






เม่อได้กลับมาอ่านเร่องน้อีกคร้งหน่งแล้ว ทาให้คิดได้ว่า ก็ต้องคอยดู และกระเชียงให้พร้อมคู่หน้า และระมัดระวัง




การไต่เกาะในเวลานาข้นได้สร้างเหล็กในคนให้กับนักเรียน ไม่ให้ด้ามกระเชียงไปโดนหน้าหลังคู่หน้าตนเองด้วย

นายเรืออย่างมาก เช่น ต้องใช้การตัดสินใจว่าจะปีนเขา จบตอนที่ ๑


หรือว่ายนา ต้องใช้ความอดทน แต่ทุกคนต้องทาหน้าท ี ่

ตนเองต่อไปจนส�าเร็จภารกิจ ที่มา


สาหรับรายการท่ ๔ การกระเชียงทน ระยะทาง - โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
๑๓ ไมล์ทะเล ในช้นปีท่ ๑ ไม่ได้บันทึกไว้ ช้นปีท่ ๒ - การจัดการความรู้ โรงเรียนนายเรือ เข้าถึงได้จากเว็บไซด์




ภาคกลางปี วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๐ บันทึกไว้ว่า https://rtnakm.com/


“เรือลาข้าพเจ้าจานวน ๑๘ คน เข้าเป็นลาดับท่ ๓ ใน - สัตหีบแชนแนล สามารถเข้าถึงได้จากเว็บไซด์ Youtube.com













จานวน ๑๒ ลา” ช้นปีท่ ๒ ภาคปลายปี วันท่ ๑๕ - แผนพฒนา นรจ. ๔ ขนตอน กองนกเรยน โรงเรยนชมพลทหารเรอ


- เว็บไซด์ www.wikipedia.com
กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๑ เรือล�าข้าพเจ้าเข้ามาเป็นล�าดับที่ - www.sites.google.com
๑๑ จากจ�านวน ๑๓ ล�า ชั้นปีที่ ๓ ภาคปลายปี วันที่ ๑๑ - www.youtube.com
นาวิกศาสตร์ 68
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔


สร้างเหล็กในคน










(ตอนที่ ๒)








ถ.ถุง




การทดสอบสมรรถภาพร่างกายของ นนร. และ การฝึกภาคทะเล (สร้างเหล็กในคน) ของ นนร.




นรจ. ในช่วงการฝึกภาคทะเล ได้แก่ การว่งข้นเขากระโจม ยังได้ประสบการณ์ท่ส�าคัญ คือ การได้มีโอกาสไปเย่ยมเยือน






ไฟแหลมป่เจ้า การว่ายนาข้ามเกาะ การไต่เกาะ และ เมืองท่าและสถานท่สาคัญ ท้งในประเทศและต่างประเทศ





กระเชยงทน (ดภาพท ๑๗ ว่ายนาข้ามเกาะ ไต่เกาะ ซึ่งในสมุดจดหมายเหตุบันทึกไว้ ดังนี้

และกระเชียงทน) สามารถปรับให้เป็นการแข่งขันใน นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๑ ภาคสาธารณะและภาค

สัปดาห์กีฬานาวได้ โดยประเภทบุคคลประกอบด้วย ทะเล (ช้นใหม่) ได้ไปทัศนศึกษาเกาะสมุย ในตอนน้น



การว่งข้นเขา โดยเร่มต้นปล่อยตัวท่ทางข้นเขาด้านหน่วย บันทึกไว้ว่า “เกาะสมุยเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นเกาะที่




บญชาการนาวกโยธน จากน้นวงข้นไปอ้อมกระโจมไฟ ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ มีแหล่งท่องเท่ยวสาคัญ














แล้ววงลงเขาด้านท่าเรอแหลมเทยน ฐานทพเรอสตหบ ได้แก่ หาดละไม หาดชะเวง หินตาหินยาย (ท�าไมชื่อหิน






แล้วต่อด้วยการว่ายนาข้ามเกาะ ไปส้นสุดท่การไต่เกาะ ตาหินยายต้องไปดูกับตากันเอง) วัดพระพุทธรูปองค์ใหญ่”






ส�าหรับประเภททีม ก็เพิ่มกระเชียงทนไปอีก ๑ รายการ ตอนนนการทองเทยวในเกาะสมยตองน่งรถสองแถว หรอ




(๑๐ คน กระเชียง ๔ คู่ ๘ คน ถือท้าย ๑ คน และหัวเรือ ไม่ก็ต้องเช่ามอเตอร์ไซค์ให้พาว่งไปตามสถานท่ท่องเท่ยว



/ให้สัญญาณ/สารอง ๑ คน) โดยเม่อไต่เกาะเสร็จก็ลง ที่อยู่รอบเกาะ สถานที่พักโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร


เรือกระเชียง เส้นทางอาจจะเป็นท่าเรือเกาะพระ ไปอ้อมเกาะ ก็ไม่ได้มีมากมายเหมือนสมัยน ได้กินก๋วยเต๋ยว หรือ




เตาหม้อ แล้วกลับเข้ามาท่เป็นท่าเรือแหลมเทียน หรือจาก ข้าวราดแกงก็อร่อยแล้ว หมู่เกาะอ่างทอง (ดูภาพที่ ๑๘
ท่าเรือเกาะพระอ้อมเข้าด้านในผ่านกองเรือยุทธการ หมู่เกาะอ่างทอง) เป็นอุทยานแห่งชาติท่น้อยคนจะได้



เกาะเตาหม้อ กลับมาท่ท่าเรือแหลมเทียน หรือจะกาหนด ไปเยือน ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ ๔๐ เกาะ ที่สะดุดตา
เส้นทางอื่น ๆ ก็ได้ คือ ชื่อเกาะแปลก ๆ เช่น เกาะวัวเตะ เกาะสามเส้า เกาะ



วัวตาหลา เกาะผ เกาะหินดิบ เกาะทองท้งแท่ง และเกาะ
ลิ่ม เป็นต้น และได้ปล่อยให้ นนร. ขึ้นชมเกาะวัวตาหล�า


ท่มีทะเลสาบนาเค็มอยู่กลางเกาะ น่าแปลกใจว่านาทะเล



ข้นมาอยู่ได้อย่างไร การเดินเรือในช่องหมู่เกาะอ่างทอง




ต้องใช้ความระมัดระวังเพราะไม่มีร่องนา และน่านน�า

ก็ไม่ได้กว้างมากนัก อทยานเขาสามร้อยยอด จังหวัด




ภาพที่ ๑๗ ว่ายน�้าข้ามเกาะ ไต่เกาะ และกระเชียงทน ประจวบคีรีขันธ์ มีถาพระยานครเป็นสถานท่ท่องเท่ยว
นาวิกศาสตร์ 14
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔



ส�าหรับอ่าวสามร้อยยอด (บางปู) บันทึกไว้ว่าเป็นสถานที่ ชาวประมง แต่ปัจจุบันเกาะช้างเป็นแหล่งท่องเท่ยว







หลบพาย และคล่นลมมาต้งแต่สมัยรัชกาลท ๑ หัวหิน ที่สาคัญในภาคตะวันออกอีกแห่งหน่ง มีท่พักจานวนมาก








สถานท่ท่องเท่ยวท่มีช่อเสียงอีกแห่งหน่งของประเทศ และมีนักท่องเท่ยวเดินทางไปเท่ยวตลอดท้งปี ในสมุด






ซ่งเคยมาคร้งหน่งสมัยเป็นนักเรียนเตรียมทหาร โดยมา จดหมายเหตุบันทึกไว้ว่า “วันศุกร์ท ๔ กันยายน ๓๐

ทางรถยนต์ แต่คราวน้พิเศษหน่อยมาทัศนศึกษาหัวหิน เมื่อคืนข้าพเจ้าเข้ายามเรือจอด ต�าแหน่งสะพานเดินเรือ

โดยทางเรือ” มีหน้าท่แบร่งหาท่เรือด้วย เพ่อจะได้ทราบว่าสมอเกาหรือ





ไม่ คาว่า “สมอเกา” หมายถึงสมอไม่กินดิน...จากน้นเวลา

๑๘๐๐ เรือหะเบสสมอข้นเพ่อเดินทางไปสงขลา ข้าพเจ้า


ต้องเข้ายามถือท้าย การถือท้ายเรือหลวงพงันค่อนข้าง
ล�าบากเพราะคลื่นลมแรง” (ดูภาพที่ ๑๙ การทอดสมอ
หมู่เรือฝึก นนร.และมุมแบริ่งหาที่เรือจากเรือหลวงพงัน)


ภาพที่ ๑๘ หมู่เกาะอ่างทอง
ภาพที่ ๑๙ การทอดสมอหมู่เรือฝึก นนร.และแบริ่งหาที่เรือจาก
เรือหลวงพงัน
นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๒ ภาคกลางปี หมู่เรือฝึก
นักเรียนนายเรือ (มฝ.นนร.) ประกอบด้วยเรือฝึกจ�านวน จากเกาะช้างเดินเรือประมาณ ๑ วัน ๒ คืน ก็ถึง จังหวัด

๓ ลา ได้แก่ เรือหลวงประแส เรือหลวงพงัน และเรือหลวง สงขลา โดยเรือหลวงพงัน และเรือหลวงช้าง เข้าเทียบท่า

ช้าง (ปัจจุบันปลดประวางประจ�าการไปแล้วทั้ง ๓ ล�า) ท่สถานีทหารเรือสงขลา (สสข.) ส่วนเรือหลวงประแส









ผู้เขียนได้ฝึกในเรือหลวงพงัน ซ่งเป็นเรือยกพลข้นบก จอดทอดสมออยบรเวณเกาะหน ทงนการนาเรอไปเทยบทา ่




ขนาดใหญ่ประเภทเดียวกับเรือหลวงอ่างทอง และเรือหลวง มีสถานีเดินเรือในร่องน�้าสงขลา (ตามภาพที่ ๒๐ ร่องน�้า
ช้าง สมัยน้นสถานท่ท่ได้ปล่อยให้ทัศนศึกษา ได้แก่ เกาะช้าง สงขลาและสถานีเรือสงขลา) และได้วาดภาพเกาะหน ู




ซ่งเป็นเกาะท่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ท่ต้องไปคือ และเกาะแมวท่อยู่ปากทางเข้าร่องนาสงขลา แต่ในภาพ













นาตกธารมะยม ซ่ง นนร. จะไปเล่นนาและซักผ้ากัน สมัยน้น จะเหนว่าเกาะหนใหญ่กว่าเกาะแมว อย่างนแมวกคงไม่



เกาะช้างยังมีคนอาศัยอยู่ไม่มากนัก อาชีพส่วนใหญ่เป็น สามารถจับหนูได้
นาวิกศาสตร์ 15
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔




เรือยามประจาอ่าว เพ่อระมัดระวังความปลอดภัยของ

เรือท่จอดในอ่าวเป็นส่วนรวม โดยเรือยามประจาอ่าว

จะชักธงฉานที่เสาก๊าฟ (Gaff) แสดงเป็นสัญญลักษณ์


ซ่งธงฉานนี้ก็คือ ธงเกตุท่ชักไว้ท่หัวเรือตอนเรือจอดเทียบท่า

โดยธงฉานหรือธงเกตุจะมีลักษณะคล้ายธงชาต และ

มีเครื่องหมายกองทัพเรืออยู่บริเวณกลางธง อีกอย่างคือ
วันนี้ (วันศุกร์ที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๐) นายทหาร

ประจาเรือได้ตรวจการเขียนสมุดจดหมายเหตุของผู้เขียน



มีข้อความดังน “ขอให้ต้งใจเขียนและลายมืออย่าหวัด

มากนัก อ่านยากมาก” (ดูภาพท ๒๑ ตรวจการเขียนสมุด

จดหมายเหตุ) ซ่งผู้เขียนต้องขออภัยจาไม่ได้ว่าเป็นลายมือ


ของคุณครูท่านใด และถือเป็นข้อบกพร่องท่ไม่ต้งใจเขียน


และไม่ได้บันทึกรายนามนายทหารประจาเรือฝึก และ

รายชื่อครูฝึกในหมู่เรือฝึกไว้เป็นหลักฐาน




ภาพที่ ๒๐ ร่องน�้าสงขลาและสถานีเรือสงขลา



เม่อเรือเทียบท่าเรียบร้อย นนร. ได้ปล่อยให้





ทศนศกษาภมประเทศ โดยส่วนใหญ่จะไปทหาดใหญ่


ซ่งเป็นอาเภอท่มีความเจริญมาก มีของขายหลากหลาย


เช่น ผลไม้อบแห้ง ขนม ชา กาแฟ เป็นต้น จากสงขลาเดินเรือ
ต่อไปทชุมพร ในระหว่างการเดินทางมีการฝึกสถาน ี


พ่วงจูง ฝึกสถานีเก็บคนตกนา และฝึกยิงปืน ๔๐/๖๐


มิลลิเมตร เป้าหมายคือหินใบ (เป้าพื้นน�้า) และร่มชูชีพ


(เป้าอากาศยาน) จนวันท ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๐
เรือเดินทางถึงชุมพร ได้มีโอกาสไปสักการะเสด็จเต่ยในศาล


ท่หาดทรายร และได้เห็นเรือหลวงชุมพรท่ต้งอยู่บนอู่แห้ง





รวมท้งได้เห็นผู้คนมาท่องเท่ยว และสักการะเสด็จเต่ย

จ�านวนมาก ในสมุดจดหมายเหตุวันนี้มีค�าที่น่าสนใจคือ
“เรือยามประจ�าอ่าว” ซึ่งคนทั่วไปอาจไม่ทราบว่า เวลา
ท่มีเรือหลายลาจอดอยู่ในอ่าวเดียวกันจะต้องมีการจัด ภาพที่ ๒๑ ตรวจการเขียนสมุดจดหมายเหตุ


นาวิกศาสตร์ 16
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔




จากชุมพรเรือเดินทางกลับมาท่ฐานทัพเรือสัตหีบ ท่อทาง) ได้เข้ายามเคร่องส่งจักร (Telegraph) ได้เรียนร ู้








อีกคร้งหน่ง เพ่อรับการส่งกาลังบารุง และทดสอบสมรรถภาพ ระบบไฟฟ้า และระบบทาความเย็นในเรือ เป็นต้น ซ่ง
ร่างกายของ นนร. ได้แก่ การวิ่งขึ้นเขา การกระเชียงทน การฝึกพรรคกลินน้จะได้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือก

รวมทั้งการฝึกยิงเครื่องยิงลูกระเบิด M.79 และยิงปืนกล พรรค-เหล่าของ นนร.ต่อไป




๒๐ มิลลิเมตร เออริคอน ท่สนามยิงอาวุธทงโปรง โดยมเปา






เป็นเคร่องบินเล็กแบบบังคับ การฝึกภาคน้มการสลบชดฝก

ผู้เขียนจากการฝึกปฏิบัติในหน้าท่พรรคนาวิน ได้สลับให้ไป

ฝึกปฏิบัติหน้าท่เป็นพรรคกลิน (ช่างกล) ต้งแต่วันท ี ่


๑๖ กันยายน ถึง ๒๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๐ ในเส้นทาง
เดินเรือ ฐท.สส. – สงขลา – สมุย – ประจวบฯ - รร.นร.
แต่ตื่นเช้ามาก็ยังไม่ได้ฝึกพรรคกลิน ก็ต้องเปลี่ยนชุดเป็น
ชุดฝึกนาวิกโยธินพร้อมอาวุธ แล้วฝึกเดินทางไกลจาก

ท่าเรือแหลมเทียนเดินข้นเขา ทางข้นกระโจมไฟแหลม

ปู่เจ้า ลงจากเขาไปทางกองพันลาดตระเวน นย. แล้ววนกลับ
มาขึ้นเขาใหม่กลับสู่ท่าเรือแหลมเทียน หลังจากฝึกเดิน


ทางไกลเสร็จแล้วก็เร่มการฝึกหน้าท่พรรคกลินด้วยการฝึก
“การป้องกันความเสียหาย (ปคส.)” เป็นรายการแรก
โดย ปคส.ในเรือจะแบ่งออกเป็น ๒ หน่วยซ่อม คือ หน่วย
ซ่อมหัว และหน่วยซ่อมท้าย องค์ประกอบของหน่วย
ซ่อม ได้แก่ ๑) OBA ๒) CO ๓) ช่างไฟฟ้า ๔) หัวฉีด ๑
2
๕) หัวฉีด ๒ ๖) สายสูบ ๑ ๗) สายสูบ ๒ และ ๘) เครื่อง ภาพที่ ๒๒ ระบบท่อทาง
สูบน�้าเคลื่อนที่ ทั้งนี้ผู้อ่านที่ไม่ใช่ทหารเรืออาจไม่คุ้นเคย
กับชื่อต่าง ๆ จึงขออธิบายตามความเข้าใจเพิ่มเติม ดังนี้ นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๒ ภาคปลายปี เริ่มต้นใน


เจ้าหน้าที่ OBA มีหน้าท่ในการสารวจความเสียหายเม่อ วนองคารท ๙ กมภาพนธ พ.ศ.๒๕๓๑ เปนวนตง มฝ.นนร.












เกดเหตในเรอ เช่น ไฟไหม้ เจ้าหน้าที่ CO มีหน้าที่ดับไฟ ประกอบด้วย เรือหลวงสีชัง (เรือธงหรือเรือหมู่) เรือหลวง



2
เบื้องต้น ช่างไฟฟ้า มีหน้าที่ในการตัดไฟฟ้าในที่เกิดเหตุ ประแส และเรือหลวงปิ่นเกล้า สาหรับคาว่า “เรือธง












หัวฉีด มี ๒ แบบ คือ แบบหัวฉีดรวมและแบบฝอยน�้า (Flagship)” นน หมายถง เรอทผบญชาการกองเรอ หรอ

ความเร็วต�่า สายสูบ มีสองขนาด คือ ขนาด ๑ ๑/๒ นิ้ว ผู้บังคับหมู่เรือฝึกใช้ปฏิบัติงานในเรือระหว่างการฝึก
และขนาด ๒ ๑/๒ น้ว ความยาว ๕๐ ฟุต และเคร่องสูบนา ภาคทะเล การฝึกภาคทะเลครั้งนี้ผู้เขียนได้ฝึกอยู่บนเรือ




เคลื่อนที่ ส�าหรับไว้สูบน�้าทะเลมาช่วยดับไฟ ส�าหรับวิชา หลวงปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นเรือฟริเกตปราบเรือด�าน�้า คราวนี้

อ่น ๆ ของพรรคกลินท่ผู้เขียนได้เข้ายามในระหว่างเรือเดิน ไม่ต้องนอนใน Tank Deck เหมือนสองคร้งท่ผ่านมา ผู้เขียน




และเรือจอด เช่น วิชาแป็กกิ้ง วิชาเครื่องจักรใหญ่แบบ ได้นอนในห้องกะลาส ๓ ร่วมกับ นนร.ชั้นปี ๑ และ
ดีเซล ที่มีองค์ประกอบ ๔ ระบบใหญ่ ได้แก่ ระบบน�้าจืด ชั้นปีที่ ๓ การเดินทางไปขึ้นเรือต้องใช้เรือด่วน ขส.ทร.







ระบบนาทะเล ระบบนามันหล่อ และระบบน�ามันเช้อเพลิง ไปขึ้นเรือหลวงปิ่นเกล้าท่จอดเทียบท่าอยู่ท อจปร.อร.


ระบบท่อทาง (Piping) ภายในเรือ (ดูภาพที่ ๒๒ ระบบ สาหรับท่าเรือเสือซ่อนเล็บ ใช้เป็นท่จอดเรือสาหรับ



นาวิกศาสตร์ 17
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔





เรือหลวงสีชัง และเรือหลวงประแส การฝึกคร้งน้หมู่เรือฝึก วิชาการติดต่อส่อสารภายในเรือ วิชาสมอเรือ เชือกใหญ่




จอดเทียบท่าแค่สองวัน วันท ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๓ การถอดและประกอบอาวุธ และมีการอาบนาทะเลคร้งแรก





ก็ออกเรือเดินทางไปสัตหีบเหมือนกับทุกคร้งคือ หลังจาก มีเร่องท นนร. ได้ส่งต่อกันมาว่า เม่อออกฝึกภาคทะเล


ออกเรือแล้วก็มีการประจาสถานีเดินเรือในร่องนา และ ต้องเตรียม “แป้งเย็นตรางู” ใส่ถุงทะเลไปด้วยทุกคร้ง






ประจาสถานีเดินเรือ (เม่อพ้นปากร่องนาเจ้าพระยาแล้ว) เพราะระหว่างท่เรือเดินทางในทะเลหลายวัน จะต้องมีการ





เม่อไปถึงก็มีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายตามระเบียบ อาบน�าทะเล เนื่องจากนาจืดในเรือมีไว้สาหรับด่ม และท�า
















ปฏบตประจา หรอจะเรยกว่าเป็นประเพณทได้ปฏบต ิ อาหารเป็นหลัก จึงให นนร.อาบนาทะเลแทน หลังเสร็จ

กันมาของการฝึกภาคทะเล ได้แก่ การว่งข้นเขา การว่ายนา จากอาบนาทะเลแล้ว ต้องเช็ดตัวให้แห้งก่อน ต่อด้วย









ข้ามเกาะ การไต่เกาะ และกระเชียงทน ความรู้ในภาคนี้ ทาแป้งเยนตราง แล้วจะร้สกเยนสบาย ไม่เหนยวตว








ท่น่าสนใจ (ในจดหมายเหตุเขียนอย่างน้) ได้แก่ ได้เห็น ซ่งทุกอย่างก็เป็นจริงตามเร่องเล่า ดังน้นหากตรวจถุงทะเล

การสาธิตการยิงระเบิดน�้าลึก K-GUN (ส�าหรับปราบเรือ ของ นนร. สมัยน้นเกือบทุกคนจะต้องมีแป้งเย็นตราง ู

ด�าน�้า) จ�านวน ๒ ลูก และการสาธิตการยิงจรวดปราบ ในถุงทะเลด้วย (ถ้าไม่มีก็ขอยืมเพื่อนใช้ไป) ในระหว่าง




เรือดานาระยะกลาง แบบ Hedgehog ความรู้และ การเดินเรือได้บันทึกไว้ว่า “ได้มองเห็นแท่นขุดเจาะนามัน


ประสบการณ์จากการปล่อยให้ทัศนศึกษาบนบก ได้แก่ มองเห็นกระโจมไฟปิลองลอดก์ ซ่งหมายความว่า เหลือ

สงขลา ส่วนความรู้เก่ยวกับวิชาชีพทหารเรือใหม่ เช่น ระยะทางอีกประมาณ ๑๐๐ ไมล์ทะเลก็จะถึงบรูไน และ


การใช้เรดาร์หาท่เรือในลักษณะแบร่ง และระยะทาง ก่อนน้น จากเดิมที่ถือเข็ม ๐๙๔ ก็เปลี่ยนเป็นเข็ม ๑๒๓ ความเร็ว




จะได้ความรู้เฉพาะการหาท่เรือชายฝั่งด้วยการใช้เข็มทิศ ๑๒ นอตเหมือนเดิม” ซ่งแท่นขุดเจาะนามันถือว่าเป็น




เป็นหลก ได้เรยนการใช้ ATP (ALLIED TACTICAL ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ท่กองทพเรือได้จัดเรือรบ

PUBLICATION) หรือประมวลสัมพันธมิตร และการ ออกลาดตระเวน สร้างความปลอดภัยและความอุ่นใจให้กับ



เรียน/การฝึกทบทวนวิชาโคมไฟ ธงสองมือ จนกระท่ง เจ้าหน้าท่ท่ปฏิบัติงานบนแท่น และยังมีการฝึกป้องกัน




เรือเข้าจอดท่สงขลา คราวน้ได้เข้าไปเทียบท่าเพียง การก่อการร้ายบนแท่นขดเจาะนามนเป็นประจาทกปี




ลาเดียว คือ เรือหลวงสีชัง ส่วนอีก ๒ ลา เรือหลวงประแส นอกจากแท่นขุดเจาะนามันแล้ว ผลประโยชน์ของชาต ิ




และเรือหลวงปิ่นเกล้า ท้งสมอบริเวณแถวเกาะหน ภายหลัง ทางทะเลยังมีอีกหลายอย่าง เช่น เรือไทยท่กาลังทา






จึงทราบว่าสาเหตุท่เรือท้งสองลาไม่เข้าเทียบท่าเรือ การประมง เรือท่องเที่ยว เรือสินค้า เป็นต้น ตาม พ.ร.บ.








สงขลา เน่องจากมีโดมโซนาร์ (ใช้สาหรับค้นหาเรือดานา) การรกษาผลประโยชน์ของชาตทางทะเลปี พ.ศ.๒๕๖๒

อยู่ท่ใต้ท้องเรือ หากจะเข้าไปจอดเทียบท่า โซนาร์อาจได้รับ ได้ให้ความหมายไว้ว่า “ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล”

ความเสียหายได้ (ถ้าน�้าไม่ลึกพอ หรือมีสิ่งกีดขวางใต้น�้า) หมายความว่า “ผลประโยชน์ของประเทศไทยอันพึง



เรอจอดอยู่สงขลาจนถงวันท ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ได้รับจากกิจกรรมทางทะเล หรือประโยชน์อ่นใดในเขต


๒๕๓๑ เวลา ๐๒๐๐ ออกเรือจากสงขลา ถือเข็มแรก ๐๙๔ ทางทะเล ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม เพ่อให้เกิด

ความเร็ว ๑๒ นอต มุ่งหน้าไปประเทศบรูไน ระยะทาง ประโยชน์ในทุก ๆ ด้าน เช่น ด้านความม่นคง ด้าน

๙๐๐ ไมล์ทะเล (ประมาณ ๑,๖๖๘ กิโลเมตร เนื่องจาก เศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑ ไมล์ทะเลจะเท่ากับ ๑.๘๕๒ กิโลเมตร แต่ถ้าเป็นไมล์บก ด้านทรัพยากรหรือด้านสิ่งแวดล้อม” ในวันศุกร์ที่ ๒๖


จะเท่ากบ ๑.๖๐๙ กโลเมตร) ใช้เวลาประมาณ ๓ วน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๑ เวลาประมาณ ๐๖๐๐ เรือเดินทาง

ระหว่างการเดินทางมีการเรียน การฝึกประจาสถาน และ มาถึงบรูไน แต่ยังเข้าเทียบท่าไม่ได้ ต้องรอให้สว่าง และ








การเข้ายามสลบกันไป การเรียนมหลากหลายวิชา เช่น รอพนักงานนาร่องอยู่ท่ปากร่องนา ซ่งเป็นธรรมเนียม

นาวิกศาสตร์ 18
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔









หรือประเพณีอีกอย่างหน่งของชาวเรือ หากเรือจะเข้า C-802) การเดินทางจากสงขลาไปบรูไนนนมีสงหนง
เทียบท่าประเทศอ่น ต้องใช้พนักงานนาร่องของประเทศน้น ท่ผู้เขียนจดจาฝังใจมาโดยตลอดคือ เป็นการเดินเรือ








เช่น เรือต่างชาติจะเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือคลองเตย ก็ต้อง ออกนอกอ่าวไทยคร้งแรก ส่งท่ต้องประสบพบเจอคือ



ใช้พนักงานนาร่องของไทยในการเดินเรือในร่องนา ต้งแต่ คล่นลมแรง โดยเฉพาะเรือหลวงปิ่นเกล้าน้นถือว่าเป็นเรือคร ู






ปากร่องนาเจ้าพระยาจนถึงท่าเทียบเรือคลองเตย เป็นต้น และเรือปราบเซียน ใครท่บอกว่า “ไม่เมาคล่นหรือเมาเรือ”

จนเวลา ๐๘๐๐ พนักงานนาร่องบรูไนก็ข้นมาบนเรือหลวง ให้ขึ้นมาที่ห้องศูนย์ยุทธการเรือหลวงปิ่นเกล้า จะได้รู้ว่า




สีชัง (เรือหมู่) แล้วนาเรือเข้าร่องนาจนไปจอดเทียบท่าเรือ การเมาคลื่นเป็นเช่นไร ผู้เขียนเมาคลื่นจนแทบไม่มีอะไร





มัวรา ประเทศบรูไน (ดูภาพท ๒๓ ร่องนาและการจอดเรือ จะอาเจียน นอกจากน�้าย่อยสีเหลือง ๆ เขียว ๆ ที่ออกมา
ที่ท่าเรือมัวรา) จากร่างกาย ตลอด ๓ วันของการเดินทางไม่สามารถ

ทานข้าวได้ตามปกติ ส่งท่ช่วยดารงชีวิตอยู่ได้ก็คือ ต้มมาม่า




(ใส่ถ่วงอก ลูกช้น) กับนาอัดลม บางคนเมาคล่นจนถึง



ขนาดต้องให้น�้าเกลือก็มี แม้จะเมาคลื่นเมาเรือแต่เมื่อถึง
เวลาเข้ายาม นนร. ทุกนายก็ต้องพยายามปฏิบัติหน้าท ่ ี
ให้ได้ (เป็นการฝึกหรือสร้างเหล็กในคน) หลังจากออกยาม
แล้วก็ค่อยไปพัก เม่อจบออกมาแล้วพวกเราทหารเรือ




ท่ออกเรือบ่อย ๆ ก็คุ้นเคยกับคล่นและลมทะเลทาให้
การเมาคลื่นลดลง ส�าหรับช่วงการเดินทางนี้ การเรียน

และการฝึกในเรืออาจลดลงไปบ้าง เน่องจากสภาพ

คล่นลมแรง และความไม่พร้อมของ นนร. (เหล็กยังไม่
กล้าแกร่งพอ) ในสมุดจดหมายเหตุบันทึกเก่ยวกับ


ประเทศบรูไนว่า “ประเทศบรูไน ต้งอยู่ทางทิศตะวันออก
เฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว มีกรุงบันดาเสรี-เบกาวัน
เป็นเมืองหลวง อยู่ห่างจากท่าเรือมัวราประมาณ ๒๗
กิโลเมตร ประชาชนร้อยละ ๖๕ เป็นชาวบรูไน ร้อยละ
๒๕ เป็นชาวจีน ร้อยละ ๑๐ อื่น ๆ นับถือศาสนาอิสลาม
เป็นศาสนาประจาชาต มีสุลต่านเป็นประมุขปกครอง


ภาพที่ ๒๓ ร่องน�้าและการจอดเรือที่ท่าเรือมัวรา
ประเทศ” เม่อเรือจอดเทียบท่าเสร็จแล้วมีธรรมเนียม




จากในภาพจะเห็นว่า การเข้าร่องนาท่าเรือมัวราจะ ปฏิบัติท่ส�าคัญ ได้แก่ การเย่ยมคานับของผู้บังคับหมู่เรือ






มองเหนเกาะอย่ทางด้านซ้ายของร่องนา มหลกนาเป็น และผู้บังคับการเรือต่อผู้บัญชาการทหารเรือ หรือนายทหาร



ทุ่นไฟสีเขียวทางกราบขวา ทุ่นไฟสีแดงทางกราบซ้าย ช้นผู้ใหญ่ของบรูไน การเปิดให้ประชาชนและคนไทย


และมองเห็นกระโจมไฟด้านขวา กระพริบ ๓ วาบทุก ๖ ในต่างประเทศข้นชมเรือ และงานเล้ยงรับรองบนเรือ


วินาท ได้จอดเรือเทียบกน ๓ ลา มองเห็นเรือรบบรูไน ซ่งคร้งน้จัดงานเล้ยงรับรองบนเรือหลวงสีชัง ผู้เขียนได้เป็น






เทียบท่าอยู่ด้านหน้า เป็นเรือรบติดอาวุธปล่อยนาวิถ ี ตัวแทน นนร.ชั้นปีที่ ๒ ร่วมงานเลี้ยงด้วย มีแขกรับเชิญ











แบบ Exocet (สมัยน้นถือว่าเป็นอาวุธปล่อยนาวิถีท ่ ี เชน เอกอคราชทตไทย และทตกระทรวงตาง ๆ ผชวยทต


ทันสมัยมาก เพราะยังไม่มีท้ง Harpoon และ C-801 หรือ ทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารเรือบรูไน เป็นต้น หมู่เรือฝึก
นาวิกศาสตร์ 19
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔














จัดการแสดงศิลปะของไทย เช่น ฟันดาบ กระบ่กระบอง ทงน้เมอเป็น นนร.ช้นปีท ๒ ควรจะร้เกยวกบ

มวยไทย กลองยาว ดนตรีไทย และดนตรีสากล เป็นต้น การหาที่เรือชายฝั่งแบบต่าง ๆ ได้แก่ เครื่องมือเดินเรือ
(รร.นร. ก็มีชมรมของ นนร. เช่นเดียวกับ รร.ชุมพลฯ และเคร่องใช้ การแก้เข็มและขีดเข็ม (ท่ท่องจาได้ข้นใจ คือ




ยศ.ทร. มีชมรมของ นรจ.) ความรู้อีกอย่างหนึ่งคือ ต้องม ี C D M V T จริงไปหลอกให้หลอกตาม และหลอกไปจริง
การปรับเวลาของหมู่เรือฝึกให้ตรงกับเวลาของบรูไน ให้จริงตาม) แบร่งเข็มไขว้ (แบบ ๒ ท่หมาย และ ๓ ท่หมาย)



คือ เวลาของบรูไนจะเร็วกว่าไทยประมาณ ๑ ช่วโมง แบร่งกับระยะทาง (ใช้เรดาร์) วัดมุมแนวนอน (ใช้ Sextant)


วันรุ่งข้นได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาในตัวเมืองหลวงของ แบริ่ง ๔ ปอยท์ แบริ่งทวีมุม แบริ่งไม่จ�ากัดมุม และแบริ่ง




บรูไน ได้แก่ พิพิธภัณฑ์บรูไน พิพิธภัณฑ์ Cherchill ผ่านกับมุม การฝึกภาคทะเลคร้งน้มีเหตุการณ์ท่บันทึก





Brunei Monument มัสยิด ห้างสรรพสินค้าโยฮัน และ ไว้ในสมุดจดหมายเหตุอีกเหตุการณ์หน่ง คือ “พธขามเสน
พระราชวังสุลต่าน เรือจอดที่ท่าเรือมัวราจนถึงวันที่ ๒๙ อิเควเตอร์ (เส้นศูนย์สูตร)” ซ่งมีกาหนดว่า หมู่เรือฝึก









กมภาพนธ์ พ.ศ.๒๕๓๑ กออกเดนทางม่งหน้าส่เมอง จะผ่านเส้นอิเควเตอร์ ในวันพุธที่ ๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๑
สุราบายา ประเทศอินโดนีเซีย ระยะทางประมาณ ๑,๑๐๕ ก่อนเร่มพิธ ๑ วัน ช่วงเวลากลางคืนประมาณ ๑๙๐๐



ไมล์ทะเล (ประมาณ ๒,๐๔๖ กิโลเมตร) ระหว่างการเดินทาง ปีศาจทะเลได้ข้นเรือมาทางรูโซ่สมอ มาแจ้งแก่ผู้บังคับ

มีการฝึกสถานีการตรวจค้นในทะเล การฝึกเดินเรือ การเรือว่า “ตอนน้เรือของท่านได้เข้ามาในอาณาจักรของ

ชายฝั่ง หลักปฏิบัติที่ส�าคัญ ได้แก่ เดินเรือชายฝั่งในเวลา เจ้าสมุทรแล้ว จะต้องปฏิบัติตามท่เจ้าสมุทรส่งการตาม



กลางวันต้องห่างจากชายฝั่งอย่างน้อย ๑ ไมล์ทะเล หาก สาส์นท่จะอ่านน” (เจ้าสมุทร คอ เทพเจ้าโพไซดอน)




เป็นเวลากลางคืนต้องห่างชายฝั่งอย่างน้อย ๓ ไมล์ทะเล ซงผบงคับการเรือกตอบวา “ยินดทจะปฏบติตาม” พร้อม











ส�าหรับการหาที่เรือนั้น การเดินเรือในร่องน�้าให้หาที่เรือ ท้งเล้ยงอาหารตอบแทนแก่ปีศาจทะเล (ดูภาพท ๒๕














ทก ๓๐ วนาท เดนเรอชายฝั่งให้หาทเรอทก ๓ นาท ี ปีศาจทะเลข้นมาแจ้งข่าวผู้บังคับการเรือ) และเม่อถึงเวลา
การเดินเรือในทะเลลึกต้องหาท่เรือทุก ๑๕ นาท ได้เรียนร ู้ เร่มพิธีประมาณ ๐๙๐๐ ของวันท ๒ มีนาคม พ.ศ.





การหาที่เรือแบบต่าง ๆ และสัญญลักษณ์ในแผนที่ เช่น ๒๕๓๑ เจ้าสมุทร ภริยา พร้อมทั้งบริวาร เช่น ผู้พิพากษา







การหาท่เรือโดยประมาณ (DR) ทเรอเรดาร ทเรอดาวเทียม ช่างตัดผม ช่างโกนหนวด หมอ และสัตว์ทะเล ได้ขึ้นมา



ท่เรือ Fix และท่เรือดาราศาสตร์ (ดูภาพท ๒๔ การหาท่เรือ บนเรือหลวงปิ่นเกล้า ผู้บังคับการเรือได้กล่าวต้อนรับ และ



และสัญญลักษณ์) กล่าวขออภัยโทษให้แก่ก�าลังพลประจ�าเรือ และ นนร.
ภาพที่ ๒๔ การหาที่เรือและสัญญลักษณ์ ภาพที่ ๒๕ ปีศาจทะเลขึ้นมาแจ้งข่าวผู้บังคับการเรือ
นาวิกศาสตร์ 20
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔





ท่ได้เข้ามาในอาณาจักร และอาจล่วงเกินโดยไม่อาจ มาท่เรือของเรา เม่อเราได้รับสัญญาณแล้ว ก็จะต้องตอบ
ทราบได้ ส่วนเจ้าสมุทรก็ได้กล่าวถึงความรุ่งเรืองของ ชื่อเรือเป็น Call Sign ดังนี้ “DE (This is) H T M S
อาณาจักรตนว่าเป็นอย่างไรบ้าง และพระราชทาน (His Thai Majesty Ship : ) H S E D) (H S คือ Call sign




อภัยโทษแก่ทุกคน ด้วยการให้ทุกคนทาการอาบนาชาระ เรือไทยหรืออากาศยานไทย และ E D คือช่อเรือ)”

ล้างความผิดและความสกปรก ตัดผม โกนหนวดเครา แปลว่า “นี่คือ เรือหลวง....” ซึ่งการปฏิบัติเช่นนี้ผู้เขียน


จนเสร็จเรียบร้อย เจ้าสมุทร ภริยา และบริวารก็ลงจากเรือ เคยมีประสบการณ์เม่อคร้งอยู่เรือหลวงถลาง เม่อหมู่เรือ

เป็นอันเสร็จพิธี สารวจและรวบรวมข้อมูลทางยุทธการของกองเรือ








ท้งน นนร. ทผ่านพิธีนแล้ว ก็จะถือว่าเป็นชาวเรือ ทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ (มสร.กทบ.กร.) จะเดินทางไป

โดยสมบรณ์ หรือเป็น “ทหารเรือช้นลายคราม” มีการมอบ ฝั่งทะเลอันดามัน ในหมู่เรือประกอบด้วย เรือหลวงถลาง



ประกาศนียบัตรให้กับ นนร. ท่ร่วมพิธีน้ด้วย (ดูภาพท ี ่ (เรือธง) เรือหลวงบางระจัน และเรือหลวงหนองสาหร่าย

๒๖ พธีข้ามเส้นอิเควเตอร์ (เส้นศูนย์สตร) และ เดินทางถึงสิงคโปร์ แล้วเตรียมจะเข้าจอดที่ท่าเรือบรานี



ประกาศนียบัตร) ในประกาศนียบัตรจะเห็นเจ้าสมุทร เม่อเรือไปถึงร่องนาในตอนเช้ามืด ได้สังเกตเห็นว่ามีเรือของ







ยืนถืออาวุธเป็นสามง่ามอยู่ข้างกาย มีสัตว์ทะเลล้อมรอบ สงคโปรส่งสญญาณโคมไฟว่า “วบวาบ วบวาบ วบวาบ”



มีนางเงือก และปลาโลมา เป็นต้น ผ้เขยนจงถามนายทหารสอสารว่าสญญาณอะไร?





นายทหารส่อสารขณะน้นเพ่งจะสาเร็จการศึกษา และ




อาจยังไม่มีความชานาญเร่องโคมไฟมากนักจึงยังตอบ
ไม่ได้ (เหล็กยังไม่กล้าพอ) เขาถามมาว่าเราเป็นใคร จึงให้


นายทหารส่อสารไปส่งการให้พนักงานส่อสารตีไฟตอบ


กลับไป เร่องน้จึงอยากจะให้เป็นบทเรียนว่า วิชาโคมไฟ

หรือธงสองมือ หรือวิชาธงประมวล หรือวิชาความรู้ต่าง ๆ




ท่ได้เรียนได้ฝึกปฏิบัต (ศาสตร์) เม่อคร้งอยู่ใน โรงเรียนจ่า



ทหารเรือ และ รร.นร.น้น มีความสาคัญอย่างย่ง นักเรียน



ทหารทุกคนต้องต้งใจเรยน และต้งใจฝึกให้เช่ยวชาญ หรือ

ภาพที่ ๒๖ พิธีข้ามเส้นอิเควเตอร์ (เส้นศูนย์สูตร)









และประกาศนียบัตร ชานาญจนถงขนเป็นมออาชีพ เพราะเมอสาเรจการศึกษา
ออกมารับราชการแล้ว เราไม่ทราบแน่นอนว่าจะได้ใช้


จนถึงเช้าวันศุกร์ที ๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๑ หมู่เรือฝึก เม่อใด ต้องมีความพร้อมท่จะใช้เสมอ เหมือนเหล็กท่ถูกต ี






เดนทางถงปากรองนาใกล ๆ สถานน�ารองเมองสราบายา เปนดาบตองลบไวใหคมอยูเสมอ ดงเพลง “ดาบของชาต ิ















จนเวลา ๐๘๐๐ พนักงานนาร่องชาวอินโดนีเซียก็ข้น เล่มนี้ คือชีวิตเรา ถึงจะคมอยู่ดีลับไว้.... ”

เรือหลวงสีชัง (ไม่ได้ขึ้นอีก ๒ ล�า) แล้วน�าเรือเข้าร่องน�้าที่ หลังจากเรือจอดเทียบท่าเรือสุราบายาหรือท่าเรือ
มีความยาวประมาณ ๓๐ กิโลเมตร ระหว่างการเดินเรือใน Tunjung Perak แล้ว (Tunjung ภาษาอินโดแปลว่า




ร่องนาจะมองเห็นเรือประมงอินโดนีเซีย เรือสินค้าท่จอด แหลม ซงท้งอินโดนีเซียและมาเลเซีย นิยมนามาต้งเป็นช่อ










ทอดสมอในแม่นา เรือรบ และเรือดานา (อินโดนีเซียมีเรือ ท่าเรือ เช่น Tujung Priok ท่กรุงจาการ์ตา และ Tunjung



ู่
ดานามานานแล้ว) จอดอย ในสมุดจดหมายเหตุบันทึกว่า Pelas อยู่ทางตอนใต้ของมาเลเซียติดกับสิงคโปร์ ห่างจาก

“ลืมไป เมื่อเข้าใกล้สถานีน�าร่องแล้ว สถานีน�าร่องจะส่ง กัวลาลัมเปอร์ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร เป็นต้น) มีการ
สัญญาณโคมไฟ “วับวาบ (A) วับวาบ (A) วับวาบ (A)” ปล่อยให้ นนร. ได้ทัศนศึกษาภูมิประเทศตัวเมืองสุราบายา
นาวิกศาสตร์ 21
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔




ได้เห็นอนุสาวรีย์สูง ๆ แต่ไม่รู้ช่อ และส่งต่าง ๆ ศูนย์การค้า Block M, Ratu Pasar, Metro Pasar และ
ภายในเมือง จนตอนเย็นกลับมาเชียร์การแข่งขันกีฬา สวนสนุกคล้ายแดนเนรมิต ในสมุดจดหมายเหตุยังบันทึก










ระหว่าง นนร. ไทย กบ นนร. อนโดนเซีย (หลักสตร อีกว่า “ทาเรอ Tungjung Priok เปนทาเรอทใหญโตมาก



การศึกษา ๔ ปี) ซ่งมีอยู่ประมาณ ๓๐๐ คน พออีกวันหน่ง มีการขนถ่ายสินค้า และเรือเข้าออกตลอดวัน ส่วน


ก็ได้ไปท่พลาซ่า มีของขายหลายอย่าง ตอนเย็นได้ไปร่วม กรุงจาการ์ตา เป็นเมืองท่เจริญกว่าเมืองสุราบายา ผู้คน

งานเลี้ยงที่ รร.นร. อินโดนีเซีย เป็นเจ้าภาพ มีอาหารเป็น มากมายแต่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ มีรถแท็กซ ่ ี








ถว มนฝรง โรต และน�าขวด การสนทนาขณะนนใช้ภาษา ติดมิเตอร์แล้ว” ส�าหรับอาหารหลักของ นนร. ที่อยู่ใน

อังกฤษ (รร.นร. อินโดนีเซีย ตั้งอยู่ที่เมืองสุราบายา และ เมืองจาการ์ตาก็คือ Dunkin Donut และไก่ทอด KFC

ตอนท่ผู้เขียนได้ไปเรียนหลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ ซ่งชาวอินโดนีเซียจะใช้มอรับประทานอาหารแทนช้อนส้อม








อินโดนีเซีย ได้กลับไปดูงานท รร.นร. แห่งน้อีกคร้ง) ท้งนชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่ยังใช้มือรับประทานอาหาร



ู่
เลิกงานเล้ยงก็กลับเรือ ส่วนอีกวันหน่งเป็นชุดอยู่ ต้อง อย เพราะเป็นวัฒนธรรมท่สืบต่อกันมา เหมือนกับคนไทย


สอบวิชาที่ตกค้าง ได้แก่ เชือกเล็ก เรือช่วยชีวิต การชัก สมัยก่อนท่ใช้มือรับประทานอาหารเหมือนกัน อยู่ท ่ ี

หย่อนเรือเล็ก การขีดเข็ม การใช้เคร่องมือเดินเรือ จากน้น จาการ์ตา ๓ วัน หมู่เรือฝึกก็ออกเดินทางต่อ ตอนน้ในสมุด


การปฏิบัติหน้าท่เวรยาม วันต่อมา ๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๑ จดหมายเหตุบันทึกว่า “วันเสาร์ท่ ๑๒ มีนาคม ๓๑


ได้มีโอกาสไปชมเรือฝึกของ นนร. อินโดนีเซีย เป็นเรือใบ วันนี้อากาศดี คลื่นลมสงบ ข้าพเจ้าพอจะมีเวลาว่างที่







ช่อ K.R.I.DEWARUCI ท้งน อักษร K.R.I. เป็นภาษา จะคดวา อก ๑๖ วนกจะไดกลบ รร.นร. แลวซิ หนงเดอน











อินโดนีเซีย เป็นคานาหน้าช่อเรือรบอินโดนีเซีย ย่อมาจาก กว่า ๆ ที่ผ่านมา ได้สร้างอะไรหลาย ๆ อย่างให้แก่
“Kapal Republik Indonesia” ถ้าเป็นเรือรบของไทย ข้าพเจ้า แก่เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่ลืม


จะใช้ “H.T.M.S : His Thai Majesty Ship” เรือรบ ส่งเหล่าน้นแน่ ๆ” ช่วงบ่าย ผู้ช่วยต้นปืนได้แนะนา


สหรัฐอเมริกา ใช้ “U.S.S. : United State Ship” การเดินทางเข้าช่องแคบสิงคโปร์ ส่งสาคัญ คือ กระโจมไฟ

เรอรบราชนาวีอังกฤษ ใช้ “H.M.S. : Her Majesty Horsburgh ข้อสังเกตคือ กระโจมไฟจะมีสีขาวคาดเขียว


Ship” ส่วนประเทศอ่น ๆ ก็มีเหมือนกัน เรือใบลาน ี ้ ท่จะใช้เป็นจุดเปล่ยนเข็มเข้าช่องแคบ ในช่องแคบจะม ี






สร้างเม่อปี ค.ศ.๑๙๕๒ เคยพา นนร. อินโดนีเซีย “Middle Channel” คือ พ้นท่อันตราย สังเกตจากสีชมพ ู

เดินทางไปฝึกท่สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญ่ปุ่น มะนิลา ในแผนท เรือจึงต้องเดินเรือข้าง Middle Channel






มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย (ในสมุดจดหมายเหต ุ ซ่งเรียกว่า “Boat Lane” โดยให้ระวังทางนาวน เรียกว่า

เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๑ ได้บันทึกไว้ว่า “ในช่วง “Eddy” การเดินเรือในช่องแคบมะละกาแม้คล่นลม
ปลายเดือน มีเรือฝึกของอินโดนีเซียมาเย่ยมช่อ จะสงบ แต่จะมีเรือสินค้าและเรืออ่น ๆ อีกจานวนมาก





K.R.I.DEWARUCI”) ซ่งชาวอินโดนีเซียรู้สึกมีความ โดยเฉพาะในเวลากลางคืนจะมองเห็นแสงไฟหลาย



ภาคภูมิใจกับเรือฝึกลานมาก จากนนเวลาประมาณ ร้อยดวง ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากที่สุด (ผู้เขียน



๑๒๐๐ ออกเรือเดินทางไปกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของ เคยมีประสบการณ์นาเรือในช่องแคบมะละกาในเวลา
อินโดนีเซีย ระยะทางประมาณ ๔๐๐ ไมล์ทะเล ในวันพุธ กลางคืน หลังจากออกเรือจากท่าเรือบราน สิงคโปร์ ในเวลา





ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๑ เวลา ๐๘๑๐ เรือเดินทางถึง ประมาณ ๒๔๐๐ เม่อออกจากร่องนาแล้ว หมู่เรือก็เล้ยวขวา

ปากร่องนา มีพนักงานนาร่องมาข้นเรือ แล้วนาเรือเข้า เข้าช่องแคบมะละกาทันท แล้วได้ส่งการให้ต้นหน






เทียบท่าเรือ Tunjung Priok เสร็จเรียบร้อยก็ปล่อย หาที่เรือให้แม่นย�าที่สุด เช่น แบริ่งกับระยะทาง (เรดาร์)
นนร. ขึ้นทัศนศึกษากรุงจาการ์ตา ผู้เขียนไปหลายที่ เช่น หาท่เรือจากดาวเทียม (GPS) รวมท้งการเปรียบเทียบท่เรือ



นาวิกศาสตร์ 22
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔





กับเรืออีก ๒ ล�า คือ เรือหลวงบางระจัน และเรือหลวง การทางานท้งในส่วนพรรคนาวิน (นว.) ทางานบนดาดฟ้า




หนองสาหร่าย ว่าต�าบลที่เรือถูกต้องหรือไม่ รวมทั้งได้ให้ เหนือแนวนา กับพรรคกลิน (กล.) ทางานใต้แนวนาเก่ยวกับ



นายทหารประจ�าเรือมาดูการน�าเรือในช่องแคบมะละกา การกล การไฟฟ้าใต้แนวนา โดยแบ่งพรรค-เหล่า

ในเวลากลางคืนเพื่อเก็บไว้เป็นประสบการณ์ และจะได้ ออกเป็น ๓ กลุ่ม ได้แก่ ๑) พรรคนาวินรวมกับพรรคนาวิก
นาไปใช้ในอนาคตได้) จากสิงคโปร์ใช้เวลาเดินเรือ โยธิน โดยยังเรียนรวมกันอยู่ และจะไปแยกอีกครั้งตอน





ประมาณ ๓ วัน กับอีก ๗ ช่วโมง หมู่เรือฝึกนักเรียน ปลายปีช้นปีท ๔ หลังจากได้ฝึกหมู่รบหรือภาคนาวิกโยธิน

นายเรือก็เดินทางถึงปีนง ประเทศมาเลเซีย การปฏิบัต ิ ในภาคปลายปีชั้นปีที่ ๓ เรียบร้อยแล้ว ๒) พรรคนาวิน
เหมือนเดิมคือ จะมีพนักงานน�าร่องขึ้นมาบนเรือ แล้วน�า เหล่าพลาธิการ (พธ.) และ ๓) พรรคกลิน (กล.) แต่ไม่มี

เรือเข้าร่องนาจนจอดเทยบท่าเรอปีนัง จากนนก็ปล่อย พรรคนาวิน เหล่าอุทกศาสตร์ (อศ.) สมัยนั้นการเลือกก็





ให้ นนร. ได้ทัศนศึกษาเมืองปีนัง ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า เลือกตามผลการเรียน เหตุผลของการเลือกพรรคเหล่าก็


ในตัวเมือง ข้นเขาไปปีนังฮิลล์ โดยน่งรถเมล์สาย ๑ ต่อด้วย ไม่เหมือนกัน อย่างผู้เขียนที่เลือกพรรคนาวิน ก็เพราะไม่
รถเมล์สาย ๘ และสุดท้ายเป็นรถรางข้นเขา ใช้เวลา อยากอยู่ในห้องเคร่องจักรเคร่องไฟฟ้าท่จะมีกล่นนามัน







ประมาณ ๔๐ นาที ระหว่างรถรางวิ่งขึ้นเขา จะมองเห็น ท�าให้เมาคลื่นได้ง่าย เป็นต้น
ทิวทัศน์รอบ ๆ ปีนังทั้งหมด (ด้านหน้า) บนปีนังฮิลล์จะ
มีโรงแรม สวนนก และวัด ตอนเย็นมีงานเลี้ยงรับรองบน จบตอนที่ ๒
เรือหลวงสีชังอีกครั้ง และมีการแสดงศิลปะของไทยโดย
นนร. ให้แขกรับเชิญได้ชมจนเลิกงาน เรือจอดอยู่ที่ปีนัง


จนถึงวันเสาร์ท ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๑ ก็เดินทาง ที่มา

ย้อนกลับผ่านช่องแคบมะละกาเข้าสู่น่านนาไทยอีกคร้ง - โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ


- การจัดการความรู้ โรงเรียนนายเรือ เข้าถึงได้จากเว็บไซด์
ในระหว่างการเดินทางกลับก็มีการเรียน การฝึก การสอบ https://rtnakm.com/
วิชาต่าง ๆ และการเวรยามประจ�าสถานี จนวันจันทร์ที่ - สัตหีบแชนแนล สามารถเข้าถึงได้จากเว็บไซด์ Youtube.com








๒๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๑ วันสุดท้ายของการบันทึก “ตื่น - แผนพฒนา นรจ. ๔ ขนตอน กองนกเรยน โรงเรยนชมพลทหารเรอ




ข้นมาประจาสถานีรบอีก ช่วงน้ประจาสถานีรบบ่อย - เว็บไซด์ www.wikipedia.com


จากน้นการฝึกประจาสถานีสละเรือใหญ่ เรียนวิชาการ - www.sites.google.com
- www.youtube.com
ปกครอง และขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ พอตอน
สาย ๆ ก็สอบด้วย ตอนบ่ายเรียนการขีดเข็ม การอ่าน
แผนท่ ช่วงนเรือเร่มเข้าอ่าวไทยแล้ว เห็นเคร่องบิน






ตรวจการณ์ของราชนาวีไทยบินผ่านไปมา รู้สึกดีใจท่ได้


กลับมาในเขตน่านนาของเราอีกคร้งหน่ง” การฝึกภาค





ทะเลคร้งน้มีความสาคญมาก คือ เป็นการเดินทางไป


ต่างประเทศ (โดยทางเรือ) คร้งแรกของผ้เขียน ทาให้ซึมซับ



กับคาว่า “ร่วมเครือนาวี จักยลปฐพีไพศาล : Join the
Navy to See the World” ได้อย่างแท้จริง มีเรื่องที่

สาคญอกอยางหน่งในชวงปลายปชนปท ๒ คอ การเลอก














พรรคเหล่าของ นนร. (สมัยน้น) หลังจากได้เรียนรู้และฝึก
นาวิกศาสตร์ 23
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔


สร้างเหล็กในคน










(ตอนจบ)








ถ.ถุง




นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๓ ภาคกลางปี หมุนขวา (X1) ๑ รอบ และหมุนซ้าย (Y1) ๑ รอบ ที่ละ


วันพุธท ๓๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๑ วันน้ต้งหมู่เรือฝึก ๑๐ องศา โดยใช้ที่หมายเดียวกันและมีระยะห่างไม่น้อย


ภาคปฏิบัติกลางปีของนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๑ ๒ ๓ ๔ กว่า ๑๐ ไมล์ จนเมื่อเรือหันครบ ๓๖๐ องศาแล้วก็น�ามา





และ ๕ ประกอบด้วยเรือจานวน ๓ ลา คือ เรือหลวง คานวณ” เม่อฝึกเสร็จก็เดินทางต่อแล้วก็เข้าจอดท่ท่าเรือ



พระทอง (เรือธงหรือเรือหมู่) เรือหลวงอ่างทอง และ แหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ ต่นเช้ามาก็ว่งข้นเขาตามท ่ ี
เรือหลวงประแส ซ่งคร้งน้ผู้เขียนได้ลงฝึกในเรือหลวง ได้ปฏิบัติมาทุกครั้ง แล้วก็เรียนวิชาการยาตราเรือ มี ๒




ประแส เป็นเรอฟรเกต ชอเดม U.S.S.GALLUP ม นาวาโท ประเภท คือ การยาตราเรือภายใน และการยาตราเรือ





กมล สุทธิสารสุนทร เป็นผู้บังคับการเรือ เรือเอก สุพรรณ ภายนอก วิชาการตอบเรียกของพนักงานวิทย ซ่งจะต้อง






เหมมาลา เป็นต้นเรือ และ นาวาตร สุรชัย โภคามาส จดบนทกการเรยกตอบออกมาเปนรหส เช่น This is = DE,


เป็นต้นกลเรือ เรือมาจอดเทียบท่าเรือเสือซ่อนเล็บ ๑ วัน Roger = R, Formation = Form เป็นต้น จากน้น

ก่อนออกเดินทางไปยังฐานทัพเรือสัตหีบ ในระหว่างการ ก็ออกเรือเดินทางไปเกาะช้าง จังหวัดตราด – เกาะแรด
เดินทางมีการหาโมเมนตัม (Momentum) ของเรือ จังหวัดประจวบคีรีขันทร์ - สงขลา ในระหว่างการเดินทาง
ดังนี้ “เอาขวดโยนที่หัวเรือ จับเวลา เมื่อได้แบริ่งขวดแล้ว ได้เรียนและฝึกวิชาชีพทหารเรือเหมือนที่เคยปฏิบัติ เช่น

บอกท้ายเรือ พอขวดถึงท้ายเรือตามแบร่งท่ต้งไว้ ก็ให้ ธงสองมือ การถอดประกอบอาวุธประจาเรือ การยิงอาวุธ








สัญญาณ แล้วหัวเรือก็จะโยนขวดต่อไป ทาต่อเน่องไปจน ประจาเรือต่อเป้าพ้นนาและเป้าอากาศยาน การชักสลุตธง

เรือหยุดแล้วแบร่งพร้อมกันท้งหัวเรือและท้ายเรือ จากน้น การรับ - ส่งส่งของในทะเล การสมอเรือ เรือช่วยชีวิต








นาจานวนขวดท่โยนออกไปมาคานวณหาโมเมนตัมเรือ” การชักหย่อนเรือเล็ก กระเชียง ยังได้เรียนและฝึกการใช้

ซ่งต้องมีทีมงาน (Team Work) ท่ด เพ่อให้งานสาเร็จ Sextant หาที่เรือชายฝั่ง การใช้ ATP การใช้ประมวล








ต้งแต่คนโยนขวด คนแบร่งท่หัวเรือและท้ายเรือ คนจับ สากล และประมวลราชนาว ซ่งจ�าเป็นอย่างยิ่งต่อการ





เวลา คนติดต่อ คนบันทึก ขออธิบายเพ่มเติมการหา เข้าเวรยาม เพราะเม่อเป็นนักเรียนนายเรือช้นปีท ๓


โมเมนตัมของเรือ คือ การหาระยะทางหน้าที่สั่งหยุดเรือ พรรคนาวิน จะต้องเข้ายามในตาแหน่งท่สูงข้น เช่น ผู้ช่วย


ตามความเร็วต่าง ๆ แล้วจะมีระยะทางอีกเท่าไร? ซ่ง ต้นหน ผู้ช่วยพนักงานวิทย พนักงานเรดาร์ พนักงานศูนย์


ค่าท่ได้จะนามาใช้ในการนาเรือต่อไป เช่น การเทียบเรือ ยุทธการ (CIC) เป็นต้น จากสงขลาเรือเดินทางกลับมา








การเก็บคนตกนา นอกจากหาโมเมนตัมแล้วยังม ี สัตหีบอีกคร้งหน่ง ผู้เขียนต้องข้นจากเรือเพ่อข้นไปฝึก


การหาดิวิเอช่น (Deviation) เป็นการหาอัตราผิด สาขานาวิกโยธินที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) อีก

ของเข็มทิศแม่เหล็ก วิธีการคือ “การหมุนเรือ ๒ รอบ ประมาณ ๑๕ วัน การฝึกภาคปฏิบัติทางทะเลจึงส้นสุดลง

นาวิกศาสตร์ 22
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔


นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๓ ภาคปลายปี เป็นเข็ม ๑๓๕ ๒๐๓ ระหว่างการเดินทางจาก รร.นร.





วันแรกของการฝึกภาคปฏิบัติทางทะเล เร่มต้งแต่วันท ่ ี ไปสัตหีบ จะใช้แผนท่หมายเลข ๑๔๒ ข้าพเจ้าทาหน้าท ี ่
๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ ถึง ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒ พนักงานวิทยุ ส่งควรทราบ เช่น ออกเรือตามแผน



รวมระยะเวลาท้งส้น ๕๒ วัน หมู่เรือฝึกประกอบด้วย (ED49-4) เร่มการฝึกตามตารางฝึก 1605 (EX3-8

เรือหลวงสีชัง (เรือหมู่) เรือหลวงท่าจีน และเรือหลวง DESIG EVENT 1605) ขอแยกขบวนเพื่อหลบเรือแล้ว
ปิ่นเกล้า เส้นทางเดินเรือท่เป็นเมืองท่าต่างประเทศ ได้แก่ กลับเข้าเข็มเดิม (TA87-TA92) และขอแยกขบวนไป


ท่าเรือพอร์ตกลังและท่าเรือปีนัง ประเทศมาเลเซีย ท่าเรือ เป่าเขม่า (TA87-TA43) ซึ่งข้อความท่ได้รับน้จะต้องเปิด

โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา และท่าเรือบอมเบย์ ประเทศ ATP แล้วแปลความหมายออกมา จากน้นก็รายงานให้

อินเดีย ครั้งนี้ผู้เขียนได้ลงฝึกในเรือหลวงสีชัง ซึ่งเป็นเรือ ผู้นาเรือในขณะน้นได้รับทราบ เช่น ผู้บังคับการเรือ ตร.





ยกพลข้นบกขนาดใหญ่ต่อท่อู่อิตัลไทย มารีน จากัด (อู่เรือ ตห. ตป. นปร. หรือ นสส. เป็นต้น” จากนั้นก็มีการหา

เอกชนของไทย) และได้บันทึกนายทหารท่อยู่ในหมู่เรือฝึก โมเมนตัมเรือ และการหาดิวิเอช่น จนเรือเข้าเทียบท่าเรือ


ไว้ครบทุกท่าน เช่น พลเรือตร สุวิทย์ วัฒนกุล เป็นผู้บังคับ แหลมเทียน ตื่นเช้ามาก็วิ่งขึ้นเขากระโจมไฟแหลมปู่เจ้า

หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ (ผบ.มฝ.นนร.) นาวาเอก แล้วกลับมาเรียนวิชาชีพทหารเรือ และความรู้เก่ยวกับเรือ


ประสิทธิผล หอมจันทร์ เสนาธิการหมู่เรือฝึกนักเรียน วันต่อมาขณะท่เรือยังอยู่ท่สัตหีบก็เป็นการฝึกกระเชียงทน


นายเรือ (เสธ.มฝ.นนร.) และผู้อานวยการศึกษาพรรคนาวิน ว่ายนาข้ามเกาะ และไต่เกาะ เม่อทดสอบสมรรถภาพ


(ผอ.ผอศ.นว) นาวาเอก บวร ม่งเมือง ผู้ช่วยผู้อานวยการ ร่างกาย และรับการส่งกาลังบารุงเรียบร้อย หมู่เรือฝึก




ศึกษาพรรคนาวิน (ผช.ผอศ.นว.) นาวาเอก วิรัช ศรีบุญวงศ์ ก็ออกเดินทางไปจังหวัดชุมพร มีการฝึกยิงเป้าพ้นนา



เป็นต้นกลหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ (ตก.มฝ.นนร.) เป้าอากาศยานกลางวันและกลางคืน ถึงปากนาชุมพรก็จอด




และผู้อานวยการศึกษาพรรคกลิน (ผอศ.กล.) นาวาโท ทอดสมอปล่อย นนร. ข้นบก ส่วนใหญ่จะไปสักการะเสด็จเต่ย

นิรุทธ์ หงส์ประสิทธิ์ เป็นผู้ช่วยผู้อ�านวยการศึกษาพรรค ท่หาดทรายร เรือจอดอยู่ชุมพร ๑ วัน ออกเดินทางไป


นาวิน (ผช.ผอศ.นว.) นาวาเอก วิญชัย จารุปกรณ์ เป็น จังหวัดสงขลาต่อ มีการสาธิตการยิงลูกระเบิดลึกปราบเรือ
นายทหารยุทธการหมู่เรือฝึกฯ (นยก.มฝ.นนร.) นาวาโท ด�าน�้า K-GUN โดยเรือหลวงปิ่นเกล้าและเรือหลวงท่าจีน




ดารงศักด ห้าวเจริญ นายทหารส่งกาลังบารุงหมู่เรือฝึกฯ การฝึกรับ - ส่งสิ่งของในทะเล วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.

(นกบ.มฝ.นนร.) นาวาตร จิรศักด ชวนะเสน เป็นนายทหาร ๒๕๓๒ เรือก็ถึงสงขลา และเข้าจอดเทียบท่า จอดวันเดียว







กาลังพลหมู่เรือฝึกฯ (นกพ.มฝ.นนร.) นาวาตร ไพทูรย์ ก็ออกเรือในวันท ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ เวลา ๑๔๐๐



ู่

ประสพสิน นายทหารสอสารหมเรอฝกฯ (นสส.มฝ.นนร.)
และนายทหารประจ�าเรือหลวงสีชัง เช่น นาวาตรี บุญชัย
มรินทร์พงษ์ ผู้บังคับการเรือ (ผบ.เรือ) เรือเอก กาญจน์
ดีอุบล ต้นเรือ (ตร.) และเรือเอก สุรินทร์ สวัสดิใหม่
ต้นกลเรือ (ตก.เรือ) เรือจอด ๑ วัน ก็ออกเดินทางไป



ฐานทัพเรือสัตหีบ มีการประจาสถานีเดินเรือในร่องนา



ผู้เขียนได้มีโอกาสได้เห็นการนาเรือในร่องนาบนสะพาน

เดินเรือเป็นคร้งแรก และจดบันทึกไว้ว่า “ออกจากท่าเรือ
เสือซ่อนเล็บเพื่อเดินทางไปสัตหีบ ซึ่ง นนร. มีการชม


การเดนเรอในรองนาครงแรก จะใชเขม ๑๒๖ แลวเปลยน ภาพที่ ๒๗ ตัวอย่างรูปขบวนเรือ










นาวิกศาสตร์ 23
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔



เพ่อเดินทางไปพอร์ตกลัง ประเทศมาเลเซีย มีการฝึกสถาน ี
พ่วงจูง มีการฝึกการแปรขบวนของหมู่เรือ เป็นรูปขบวน
ต่าง ๆ เช่น FORM 1 FORM 2 FORM 3 และ FORM 4


(ดูภาพท ๒๗ ตัวอย่างรูปขบวนเรือ) มีการเรียน

การใช้โต๊ะพล็อต จากน้นเรือก็เร่มเข้าช่องแคบมะละกา




ส่งสาคัญท่ต้องเห็นก่อนเข้าช่องแคบและเคยกล่าวไปแล้ว
ก็คือ กระโจมไฟ Horsburgh และได้เคยเขียนไว้ว่า
“วันจันทร์ท่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ เรือเร่มเข้า


ช่องแคบมะละกา เพราะสังเกตได้จากกระโจมไฟฮอสเบิร์ก











ชองแคบมะละกาเปนชองแคบทสาคญในการเดนเรอทวโลก
ถ้าประเทศไทยเราขุดคอคอดกระ ข้าพเจ้าคิดว่าคงจะให้
ประโยชน์กับไทยมากทีเดียว” เรือเดินทางในช่องแคบ
มะละกาผ่านสิงคโปร์แต่ไม่ได้เข้าจอด ได้แต่เห็นอยู่ใน

สายตาจนถึงเมืองท่าพอร์ตกลังก็มีนาร่องข้นมาบนเรือ




แล้วนาเรือเดินทางในร่องนาแล้วเข้าจอดเทียบท่า (ขณะเป็น
ผู้บังคับการเรือหลวงถลาง ก็เคยนาเรือเข้าร่องนาแห่งน ้ ี





และจอดเทยบท่าเรือพอร์ตกลัง หลงออกมาจากท่าเรอ ภาพที่ ๒๘ ท่าเรือพอร์ตกลัง และหมู่ดาวบนท้องฟ้า



บรานีท่สิงคโปร์ตามท่ได้เคยกล่าวไปแล้ว) ลักษณะท่าเรือ

พอร์ตกลัง “เป็นท่าเรือท่สะอาด และท่ท่าเทียบเรือ ของมาเลเซียในสมัยนั้น วันศุกร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.



จะติดทุ่น หรือลูกตะเพราในการเทียบได้ดี เป็นระเบียบ ๒๕๓๒ เรือออกจากพอร์ตกลังเดินทางไปหม่เกาะพพ ี




และสวยงาม ควรท่เมืองไทยจะเอาไปพัฒนาใช้กับเมือง และเกาะพญานาค จังหวัดกระบ ได้เห็นนักท่องเท่ยว










ท่าเทียบเรือของไทยบ้าง” (ดูภาพท ๒๘ ท่าเรอพอร์ตกลัง ชาวต่างชาตจานวนมากมาเทยวทเกาะพีพ จากน้นก ็

และหมู่ดาวบนท้องฟ้า) จากภาพจะเห็นได้ว่าไม่ได้มีการ เดินทางต่อไปท่าเรือภูเก็ต เข้าร่องน�้าภูเก็ต ถือเข็ม ๓๓๐
บันทึกไว้เฉพาะท่าเรือ แต่ได้บันทึกภาพดาวต่าง ๆ ที่ใช้ พอถึงทุ่นที่ ๓ (สีเขียว) เปลี่ยนเข็มเป็น ๐๑๒ จากนั้นก็ใช้
สาหรับการเดินเรือดาราศาสตร์ไว้ด้วย เช่น หมู่ดาวเหนือ หลักน�า น�าเรือเข้าไปจนถึงท่าเทียบเรือ เมื่อเรือเทียบท่า






(Northern Stars) มีดาวท่สาคัญ เช่นดาว Perseus เรียบร้อยกปล่อยนักเรียนให้ไปทศนศกษาตัวเมืองภูเก็ต
ดาว Vega ดาว Altair และเวลาจะหาที่เรือดาราศาสตร์ ได้รู้จักแหล่งท่องเท่ยว ได้แก่ หาดในหาน แหลมพรหมเทพ



ต้องใช้เคร่องมือท่เรียกว่า “Sextant” มาวัดดาว ขณะท ่ ี และหาดราไวย์ ตอนนั้นภูเก็ตยังไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับ
เรือจอดท่พอร์ตกลัง นนร. ได้ข้นบกไปทัศนศึกษาท ่ ี หาดใหญ่ นักท่องเท่ยวก็จะมีชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย



กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย ขณะนั้นก็ วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ เรือเดินทางออกจาก

เจริญมาก มตกใหญ่โตผสมกบธรรมชาตคอต้นไม แสดงถง ภูเก็ตมุ่งหน้าสู่กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ใช้เวลา








ความร่มร่น มีย่านคนจีนท่ดูเจริญกว่าคนพ้นเมืองเช้อสาย เดินทางประมาณ ๔ วน ในเช้าวันท ๓ มนาคม พ.ศ.







มาเลย์ ได้ไปดูสวนสัตว์ สาหรับชาวมาเลเซียแล้วส่วนใหญ่ ๒๕๓๒ เรือเดินทางเข้าเทียบท่าเรือ Queen Elizabeth
จะพูดภาษาอังกฤษได้ และได้ข้นไป Genting Highlands กรุงโคลัมโบ สภาพท่าเรือแห่งนี้เก่ามาก ๆ ตามแผนแล้ว

ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และบ่อน Casino ที่มีชื่อเสียง เม่อเรือเทียบท่าเสร็จจะมีการปล่อยให้นักเรียนข้นบก


นาวิกศาสตร์ 24
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔



ทัศนศึกษา แต่ขณะน้นสถานการณ์ในประเทศศรีลังกา ยังไม่ เป็นท่าเรือเก่า มีกงสุลไทย ผู้ช่วยทูตทหารเรือไทย และ
สงบดีจึงยังไม่ได้ปล่อย รอจนกระทั่งเอกอัครราชทูตไทย วงดุริยางค์ของกองทัพเรืออินเดียมารอรับ เมื่อเทียบท่า
















(เป็นผ้หญง) มาชแจงให้หมู่เรอฝึกทราบสถานการณ์ให้ เสรจนกเรยนกไปทศนศกษาในตวเมองบอมเบย์ซงกเป็น

เรียบร้อยก่อนจึงปล่อยนักเรียนได้ นนร. จึงได้เข้าไปในเมือง เมืองเก่า การเดินทางก็ไม่มีรถปล่อย ต้องเดินจากท่าเรือ

ซ่งเป็นเมืองเก่าแก่ค่อนข้างจะทรุดโทรม ท้งน้ประเทศ ท่ค่อนข้างสกปรกเป็นเวลาเกือบช่วโมงจึงจะถึงตัวเมือง




ศรีลังกามีประชากรประมาณ ๑๗ ล้านคน ประกอบด้วย ในเมืองน้ท่ท่าเรือนอกจากจะมีเรือสินค้า แล้วยังมีฐานทัพเรือ


ชาวสิงหล ทมิฬ และอีก ๒ ชนชาต นบถอศาสนา ภาคตะวันตกของอินเดียต้งอยู่ด้วย จึงมองเห็นเรือรบและ








พุทธ ฮินด และคริสต์ และยังมีการแบ่งช้นวรรณะอยู่ เรอบรรทกเครองบนจอดเทียบทาอย่ดวย สาหรบของท่ระลึก









วันหยุดราชการไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์แต่เป็นวันพระ ดังนั้น ท่พอซ้อได้จาพวกผ้าปูเตียง กาไล สร้อย กระเป๋าหนัง




ปีหน่งจึงมีวันหยุดประมาณ ๑๐๐ กว่าวัน ในระหว่าง และหนังสือต่าง ๆ ประมาณวันท ๑๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒




เรือจอดผู้เขียนได้เป็นตัวแทนไปร่วมงานเล้ยงท่บ้าน เรือออกเดินทางอีกคร้ง “หมู่เรือฝึกออกจากท่าเรือ



ท่านเอกอัคราชทูต ท่านได้เล่าให้ฟังหลายเร่อง เช่น คนไทย บอมเบย์ มุ่งหน้ากลับสู่เกาะตะรุเตา การเดินทางครั้งนี้






ท่ทางานในศรีลังกากับบริษทญปุ่น สินค้าท่มช่อของ ใช้เวลาประมาณ ๗ วัน ๒๒ ชั่วโมง” เป็นการเดินทาง







ศรีลังกา เช่น เพชร พลอย เคร่องเทศ และชา ท่มีช่อเสียง ท่ค่อนข้างนาน ยังจาได้ว่าไม่ได้อาบนาจืด ในทุกเย็นจะได้






และนิยมซื้อ คือ ชาซีลอน ใส่กล่องไม้อย่างสวยงาม และ อาบนาทะเลและทาแป้งอังกฤษตราง เม่อเขียนมาถึง

นอริตาเก้ (Noritake) ซึ่งเป็นสินค้าหัตถกรรม นอกจาก ตรงน้ก็ทาให้นึกได้ว่าตอนไปสมทบเป็นต้นหนเรือหลวง

สนค้าแล้วศรลงกาในสมัยนนยงม Casino ด้วย ในคน สายบุร ปฏบัติราชการพ้นท่ทัพเรือภาค ๒ ก็เคยออกเรือนาน














วันท ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒ ก่อนออกเรือมีงานเลี้ยงบน ประมาณ ๗ – ๘ วนเหมอนกน โดยเสนทางเดินเรอออกจาก





เรือหลวงสีชัง ศรีลังกาได้มีการแสดงที่มีเครื่องดนตรีหลัก ฐานทัพเรือสัตหีบก็ว่งลงใต้มุ่งหน้าออกปากอ่าวไทย

ได้แก่ กลอง ปี่ ขลุ่ย และการแสดงการร่ายร�า ซึ่งการตี แล้วออกลาดตระเวนในเส้นทางอาณาเขตทางทะเล
จังหวะจะเร่งเร้า รุนแรง รวดเร็ว ขาดความอ่อนช้อย กับประเทศเพ่อนบ้าน ต้งแต่บริเวณปลายแหลมกาเมา


งดงาม ส่วนของไทยเป็นการแสดงศิลปะป้องกันตัว ลงไปเรื่อย ๆ ได้เห็นเรือประมงหลายสิบล�าที่แสดงความ


เหมือนกับทุกคร้ง วันรุ่งข้นเรือออกเดินทางจากโคลัมโบ ดีใจท่ได้เห็นเรือรบ “พใหญ่” ออกลาดตระเวนได้ช่วยเหลือ



ไปกรุงบอมเบย์ ประเทศอินเดีย ในระหว่างการเดินทาง ลูกเรือประมงด้วยการตรวจรักษาพยาบาล และให้ยา
มีการฝึกใหม่ คือ ฝึกเก็บคนตกน�้าด้วยเรือใหญ่ในเวลา สามัญประจาบ้าน ส่วนพ่น้องชาวประมงก็จะให้ปลา


กลางคืน ที่ต้องใช้วิธีการเก็บแบบ Williamson Turn เป็นของตอบแทนระหว่างกัน เหนือส่งอ่นใดคือ พ่น้องชาว



(กรณีไม่เห็นคนตกนา) ส่วนอีกวิธีหน่งก็คือ Full Rudder ประมงได้รับความอบอุ่นใจ เพราะเป็นการป้องปรามไม่ให้






Turn (กรณีเห็นคนตกนา) สาหรับวิธีเก็บแบบ Williamson เรือรบของประเทศเพ่อนบ้านมาจับ หรือยึดเรือประมงไทย


Turn ดังนี้ “ถ้าคนตกน�้ากราบขวา จะใช้เข็ม ๖๐ องศา ได้เป็นอย่างด นอกจากได้พบกับเรือประมงแล้วยังได้พบเรือ



กับเข็มเดิม จากน้นก็หางเสือซ้ายหมด จนเรือหันกลับ สินค้า แท่นขุดเจาะนามันและก๊าซธรรมชาติอีกหลายแท่น

มาเส้นทางเดิม” เช้าวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒ ใกล้ ท่สว่างไสวในเวลากลางคืน ก็ถือเป็นการออกปฏิบัต ิ



อินเดียแล้ว มีเรือตรวจการณ์ของอินเดียและรัสเซีย ราชการในทะเลของทหารเรือท่ได้ทาประจาทุกวัน เพ่อ

มาลาดตระเวนให้เห็น จนเวลา ๑๐๐๐ ก็รับนาร่องข้นเรือ คุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของไทย กลับมา






นาเรือเข้าร่องนา มองเห็น GATEWAY OF INDIAN อยู่ทาง ท่การฝึกภาคทะเลระหว่างการเดินทางก็ปฏิบัติตาม


กราบซ้าย เรือเข้าเทียบท่า Prince’s Dock Bombay ตารางฝึกทุกวัน ยกเว้นวันท ๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒
นาวิกศาสตร์ 25
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔















มีการฝึกประจาสถานีสละเรือใหญ่ วันท ๑๘ มีนาคม พ.ศ. พธสดดวรชนในยทธนาวทเกาะชาง ซ่งวันท่เกิดเหตุจริง


๒๕๓๒ หมู่เรือฝึกเดินทางถึงหมู่เกาะนิโคบาร์ของอินเดีย คือ วันท ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นเหตุการณ์รบ















ซงรสเซยไดเชาเปนฐานทพเรือต้งแต่ในสมยน้น จนถงวนท ่ ี ทางเรือที่เกิดขึ้นในกรณีพิพาท ไทย - ฝรั่งเศส อันเป็นผล
๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒ หมู่เรือฝึกก็เดินทางถึงเกาะ สืบเน่องมาจากการท่ไทยเรียกร้องให้ปรับปรุงเส้นแบ่ง




ตะรุเตา จังหวัดสตูล ปล่อยให้ นนร. ขึ้นบกหนึ่งวันแล้ว เขตแดน ไทย - ฝร่งเศส ใหม่ โดยใช้แนวร่องนาลึกเป็นเกณฑ์

ก็ออกเรือเดินทางไปปีนัง แล้วเข้าเทียบท่าเรือ Swetting ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักความยุติธรรม





ถือเป็นการมาทัศนศึกษาปีนังคร้งท ๒ ของผู้เขียน เรือจอด และให้ฝร่งเศสคืนดินแดนฝั่งขวาแม่นาโขงท่ฝร่งเศส




ท่ปีนัง ๓ วัน ก็ออกเดินทางกลับสงขลา ส้นสุดการบันทึก ยึดไปจากเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ คืนให้ไทย ผลการรบคร้งน ้ ี


การฝึกภาคปฏิบัติปลายปีในสมุดจดหมายเหตุ ฝ่ายไทยเสยเรอรบไป ๓ ลา คอ เรือหลวงธนบร เรือหลวง






สงขลา และเรือหลวงชลบุร ทหารเสียชีวิตรวมท้งส้น ๓๖ นาย



นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๔ ภาคกลางปี สาหรับฝ่ายฝร่งเศส แม้จะไม่เสียเรือรบลาใดเลยก็ตาม







วันจันทร์ท ๒๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๒ เป็นวันต้ง แต่เรือธงลามอตต์ปิเกต์น้นก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน
หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ ประกอบด้วย เรือหลวง ส�าหรับจ�านวนทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น การข่าว
อ่างทอง (เรือหมู่) เรือหลวงท่าจีน และ เรือหลวงโพสามต้น ของฝ่ายไทยไม่ทราบจานวนแน่นอน แต่มีรายงานว่า


“ภาคน้เป็นการฝึกภาคทะเลอย่างเดียว ไม่มีการฝึกท ี ่ เม่อเรือข้าศึกกลับถึงไซ่ง่อนได้มีการขนศพทหารท่เสียชีวิต





กองการฝึก กองเรือยุทธการ ซ่งข้าพเจ้าคิดว่าไม่ดี เพราะ และทหารท่ได้รับบาดเจ็บข้นบกกันตลอดคืน และสาเหต ุ


การฝึกท่กองการฝึก กองเรือยุทธการ จะให้ได้ความรู้มาก หน่งท่ทาให้ฝร่งเศสล่าถอยคือ เกรงว่าไทยจะมีกาลัง









สาหรับ นนร.ช้นปีท่ ๔ ในเร่องศูนย์ยุทธการ และการ ทางเรือมาสมทบมากข้น โดยเฉพาะเรือดานาท่มีถึง ๔ ลา





เดินเรือ” ข้าพเจ้าได้ลงฝึกในเรือหลวงท่าจีน สังกัด กปด. เรือเดินทาง ๑ วันก็ถึงหมู่เกาะสัตกูต มีแหล่งท่องเที่ยว


กร. (กองเรือปราบเรือดานา กองเรือยุทธการ) นายทหาร สาคัญคือ ถาพระยานคร ปล่อยให้นักเรียนนายเรือ












ประจาเรอทได้บนทกไว้ เช่น นาวาโท จตพร ศรนาม ทัศนศึกษา ๑ วัน ก็ออกเดินทางไปจังหวัดนราธิวาส มีการฝึก

เป็นผู้บังคับการเรือ เรือเอก สมหมาย วงษ์จันทร์ เป็น การพ่วงจูง การเก็บคนตกน�้า การรับ - ส่งสิ่งของในทะเล



ต้นเรือ นาวาตรี ชัยยุทธ นุชดี เป็นต้นกลเรือ ส�าหรับ การฝึกยิงอาวุธต่อเป้าพ้นนาท้งกลางวันและกลางคืน



มฝ.นนร. ม นาวาเอก บวร ม่งเมือง เป็นผู้บังคับการ การฝึกยิงเป้าอากาศยานตอนกลางวัน จนวันท ๗ กันยายน




หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ เรือจอดอยู่ท่ท่าเรือเสือซ่อนเล็บ พ.ศ.๒๕๓๒ เรือกเข้าจอดทอดสมอทหน้าร่องนา จังหวัด








๒ วัน ก็ออกเดินทางไปสัตหีบ ระหว่างเส้นทางก็มีการฝึก นราธิวาส ได้ปล่อยให้ไปเทยวชมพระราชวงทกษณ





หาโมเมนตัมและหาความเร็วเรือจนถึงท่หมายท่าเรือ ราชนิเวศน์ท่ต้งอยู่บนเขาตันหยง ได้เท่ยวชมตัวเมือง


แหลมเทยน ฐานทพเรือสตหบ เรอจอดแค่วนเดยวไม่ม ี นราธิวาส ที่อยู่ห่างจากชายแดนมาเลเซีย ประมาณ ๒





การฝึกท่กองการฝึก กองเรือยุทธการ ตามท่ได้กล่าวไปแล้ว กิโลเมตร แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ข้ามไปฝั่งมาเลเซีย ได้พูดคุย





เช้าวันรุ่งข้นก็ออกเรือไปอาเภอแหลมสิงห์ จังหวัด กับประชาชนซ่งใช้ภาษายาวีมากกว่าภาษาไทย และส่วนใหญ่
จันทบุรี หมู่เรือฝึกได้จอดทอดสมอระหว่างเกาะนมสาว นับถือศาสนาอิสลาม จากน้นเรือได้ออกจากนราธิวาส





และเกาะจุฬา จากน้นก็ปล่อยข้นบก ข้าพเจ้าไปทัศนศึกษา เดินทางไปจังหวัดสงขลา แล้วกลับมาท รร.นร. เป็นอันส้นสุด








ตัวเมืองจันทบุร และนาตกพล้ว จากน้นวันเสาร์ท ๒ การฝึกภาคทะเลครั้งนี้ ซึ่งมีระยะเวลารวม ๑๘ วัน
กันยายน พ.ศ.๒๕๖๓ ก็ออกเรือไปเกาะสัตกูต จังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ ในระหว่างการเดินทางผ่านเกาะช้าง ได้ทา นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๔ ภาคปลายปี

นาวิกศาสตร์ 26
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔






วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ หมู่เรือฝึก ๒๒ กมภาพนธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ เป็นการฝึกวงไต่เกาะ

ภาคทะเลนักเรียนนายเรือเร่มต้นข้นอีกคร้ง คร้งน ี ้ “เริ่มไต่เกาะประมาณ ๐๖๑๕ การไต่ก็เป็นไปด้วยความ









ประกอบด้วย เรือหลวงสุรินทร์ (เรือหมู่) เรือหลวงท่าจีน ยากลาบาก เพราะนาข้นสูงมากรวมท้งคล่นลมแรง จึง

และเรือหลวงประแส มี พลเรือตรี ไพโรจน์ สันติเวชซกุล มีทางเลือกว่าจะปีนเขา หรือจะว่ายนาไปซ่งอันตราย





เปนผ้บงคบหมเรอฝก ขาพเจ้าไดลงฝกในเรอหลวงท่าจน ส�าหรับนักเรียนมาก กว่าจะไต่เกาะเสร็จก็เกือบ ๐๙๐๐










เรือจอดเทียบท่าเรือเสือซ่อนเล็บ ๓ วัน วันพฤหัสบดีท ่ ี ท�าให้การออกเรือไปสงขลาช้ากว่าเวลาที่ก�าหนด ในการ

๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ ก็ออกเรือเดินทางไปสัตหีบ ไต่เกาะครั้งต่อไป ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ควรจะเป็นวันท่ออกเรือ”
ระหว่างการเดินทางได้ฝึกการหาโมเมนตัม และดิวิเอชั่น


แล้วเข้าจอดท่ท่าเรือแหลมเทียน ต่นเช้าก็ฝึกว่งทนจาก


ท่าเรอแหลมเทยนผ่านโรงพยาบาลอาภากรเกยรตวงศ์



ตลาดสัตหีบ หมู่บ้านกองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการ
ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง สนามบินอู่ตะเภา แล้ววนกลับ
ท่าเรือ ซ่งเป็นระยะทางท่ไกลพอสมควร ทาให้ นนร.








บางนายว่งหลดจากแถว บางนายกเปนลม ตอนชวงบาย

มีการฝึกป้องกันความเสียหาย โดยการใช้หน้ากากป้องกัน

แก๊สพิษ (OBA) และฝึกดบไฟขณะเรือจอด รวมทงการเรียน


การสอนตามตารางฝึกจนถึงเวลานอน ต่นเช้าอีกวัน เป็น





การฝึกกระเชียงทนท รร.ชมพลฯ ยศ.ทร. ซ่งชุดของ
ผู้เขียนใช้เวลา ๒ ชั่วโมง ๓๐ นาที เช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๘ ภาพที่ ๒๙ การน�าเรือเข้าเทียบ



กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ ฝึกว่ายนาข้ามเกาะ ช่วงบ่ายข้นไป





ฝึกการส่อสารท่กองการฝึก กองเรือยุทธการ ในหัวข้อ หลังจากน้นก็ออกเรือ มีการยิงอาวุธเป้าพ้นนา

การใช้วิทยุโทรศัพท์ทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ต่อเป้า “หินฉลาม” และเป้าอากาศยาน มีการฝึกสถานี



ซ่งเคยฝึกมาบ้างแล้วในช้นปีท ๓ ภาคปลายปี และช้นปีท ๔ รับ - ส่งส่งของในทะเล การฝึกพ่วงจูง การฝึกเก็บคนตกนา










ภาคกลางปี ต่นเช้าอีกวันหนึ่งเป็นการฝึกประจาสถานีรบ ด้วยเรอใหญ่ และการฝึกดาราศาสตร์ (ดภาพท ๓๐



และป้องกันความเสียหาย แล้วได้ก็เรียนวชาการแปรขบวน ดาวเย็นและดาวเช้า) จนวันอาทิตย์ท ๒๕ กุมภาพันธ์





ท้ง Single Multiple และ Circular อีกวันหนึงก็เป็นการ พ.ศ.๒๕๓๓ เรือจอดทอดสมอท่สงขลา ปล่อยให้นักเรียน




ว่งข้นเขากระโจมไฟแหลมปู่เจ้า สักการะเสด็จเต่ย แล้วกลับ ทัศนศึกษา ๑ วัน จากน้นก็ออกเรือเดินทางมุ่งหน้าไป

มาเรียนวิชาการน�าเรือ “การกลับล�าในที่แคบ และการ กรุงจาการ์ตา การฝึกหัดศึกษาส่วนใหญ่ของ นนร.




น�าเรือเข้าเทียบ (ดูภาพที่ ๒๙ การน�าเรือเข้าเทียบ) และ ช้นปีท ๓ และ ๔ ก็คือการศึกษาในเร่องเดินเรือ
ผูกทุ่น ส่งสาคัญคือ กระแสน้าและกระแสลม จากน้น ดาราศาสตร์ (นักเรียนนิยมเรียกกันว่า “วัดแดดวัดดาว”)






เป็นการฝึกเข้าเทียบจริงโดยใช้ เรือ ต.๑๕ เรือ ต.๑๘ เพราะต้องวัดตลอดเวลาต้งแต่ต่นนอนตอนเช้าจนกระท่ง


และ เรือ ต.๙๒ การเข้าเทียบควรท�ามุมไม่เกิน ๔๕ องศา ดวงอาทตย์ตกดน รอจนท้องฟ้ามดจนเหนดาวเย็นข้น




จากท่า การเล็งควรเล็งตรงกลางท่าค่อนไปทางปลายท่า ชัดเจนจึงจะวัดได้ แล้วนาผลการวัดดาวมาคานวณหา



การฝึกโดยให้ นนร. ฝึกทีละคน ซึ่งก็ฝึกได้ดีพอสมควร” ท่เรือในทะเล การฝึกภาคในทะเลแม้จะมีความลาบาก

วันรุ่งข้นก็มีการฝึกวิชาการนาเรือเข้าเทียบอีกวัน วันท ่ ี แต่หากคิดดูอีกทีก็มีคนไม่มากนักท่จะได้มีโอกาสอย่างน ้ ี



นาวิกศาสตร์ 27
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔




อย่างการนอนในเรือ เรือหลวงท่าจีนแม้จะจัดให้นักเรียน เข้าร่องนา แล้วเข้าเทียบท่าเรือ Tungjung Priok ก่อนเข้า
นอนในห้องกะลาส แต่ส่วนหน่งก็ไม่ได้นอนในห้องกะลาส ี จะต้องแบร่งทุ่นเขียว (ด้านขวา) ได้ ๑๙๐ แล้วถือเข็ม






ช่วงท่เรือเดินในทะเลหลายวัน ในเวลาท่คล่นลมสงบพวกเรา ๑๗๗ – ๑๘๐ เข้าร่องน�้า ข้อสังเกตคือ หัวเรือจะตรงกับ
ชอบหอบผ้าใบ หมอน และผ้าห่มมานอนท่ดาดฟ้าเรือ หอควบคุมสถานีน�าร่องบนฝั่ง จากนั้นก็เข้าเทียบท่าแล้ว




เช่น ท่ใต้หรือข้าง ๆ ป้อมปืน หรือดาดฟ้าท้ายเรือ สาหรับ ก็ปล่อย นนร. ข้นบกทัศนศึกษาเป็นเวลา ๓ วัน โดยมีของ


ผู้ท่มีประสบการณ์แล้วจะไม่นอนด้านหลังปล่อง เพราะ ท่นักเรียนนายเรือนิยมซ้อเป็นของท่ระลึกมากท่สุด









ต่นมาจะพบว่ามีข้เถ้าตกอยู่ตามหน้าตามตัวจานวนมาก ก็คือ “ต้นกล้วย” ท่ทาจากไม้ มีหลายขนาดท้งต้นเล็ก
ถ้าไม่มีประสบการณ์ก็ต้องโดนก่อนแล้วจึงจะจาได้ ก็เป็น ต้นใหญ่ จนถึงวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๓ ก็อออกเรือ

เร่องสนุกสนานทีเดียว ข้อดีของการนอนบนดาดฟ้าอีก เดินทางไปเมองโคตาคินาบาร ประเทศมาเลเซย ในระหวาง






อย่างหนึ่ง คือ เราจะได้มองดูดาวบนท้องฟ้าอย่างชัดเจน การเดินทางก็มีการฝึกต่าง ๆ เช่น ประจาสถานีรบ การฝึก

และสวยงาม ดาวเหล่านั้นเหมือนจะอยู่ใกล้ ๆ เรานี่เอง การส่อสาร (NAVCOMEX) ท้งธงประมวล โคมไฟ ธงสองมือ

และท่ามกลางดวงดาวเราจะได้ยินเสียงเคร่องจักรของเรือ “ในวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๓ มีการเปลี่ยนเวลาจาก

และเสียงคล่นลมผสมผสานกันไป นอนฟังจนหลับไปจนเช้า ๐๐๐๑ เป็น ๐๑๐๑ ตามเวลาประเทศมาเลเซีย โดยการ





ต่นข้นมาก็รีบพบเคร่องนอนเก็บ แล้วปฏิบัติตามตารางต่อไป เปล่ยนเวลาจะใช้ ZT (Zone Time) เทียบจากเวลาท่เมือง


กรีนีช ประเทศอังกฤษเป็นหลัก เช่น ของไทยเวลาจะ
มากกว่าท่กรีนิช + ๗ แต่ท่เมืองโคตาคินาบารู จะมากกว่า




กรินีช + ๘ ซ่งเวลาเหล่าน้มีผลในการคานวณวิชาดาราศาสตร์

ดวย” วนพฤหสบดท ๘ มนาคม พ.ศ.๒๕๓๓ เรอกเขาเทยบ











ท่าเรือโคตาคินาบารู ในการเทียบเรือครั้งนี้ได้บันทึกว่า
“การเข้าโดยให้หัวเรือเราตรงกับเรือหลวงประแส ประมาณ
เข็ม ๑๗๐ เมื่อหัวเรือซบ ก็ใช้เครื่องจักรขวาถอยหลังเพื่อ

ให้ท้ายเรือแนบ ซ่งผู้การท่านเทียบเรือได้ดีมากจริง....การ

ออกเรือ ขวาเดินหน้าเบาเพ่อให้ท้ายเรือผลักออก เม่อท้าย

ออกแล้วก็ถอยหลงท้ง ๒ เคร่อง จนเลยท่นแดง เสรจแล้ว





ปั่นเรือโดยใช้ขวาถอยหลัง ซ้ายเดินหน้า หางเสือขวาหมด
จนเรือสามารถตั้งล�าได้” โคตาคินาบารูเป็นเมืองท่าของ
รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย ต้งอยู่บนเกาะราบวน มีสินค้า





ส่งออกท่สาคัญ ได้แก่ ไม้ ซ่งมองเห็นกองไว้ท่ท่าเรือน ้ ี
เป็นจานวนมาก เรือจอดท่น่มีการปล่อยให้ประชาชน



มาชมเรือ และมีงานเลี้ยงบนเรือหลวงสุรินทร์ ในคืนวันที่

๑๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๓ จากน้นก็ออกเรืออีกครั้งหน่ง

จุดหมายปลายทางคือ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
ภาพที่ ๓๐ ดาวเย็นและดาวเช้า
ระยะทางประมาณ ๖๐๑.๗ ไมล์ทะเล (ประมาณ ๑,๑๑๔
วันศุกร์ที่ ๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๓ หมู่เรือฝึกเดินทาง กิโลเมตร) ความเร็วในการเดินทาง ๑๒ นอต แผนที่ที่ใช้
ถึงปากร่องน�้า มีน�าร่องขึ้นมาบนเรือหมู่ แล้วก็เริ่มน�าเรือ ในการเดินเรอ ประกอบด้วยหมายเลข ๗๖๒๖ ๒๑๑๑

นาวิกศาสตร์ 28
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔



๒๑๑๒ ๙๖๗ ๓๘๐๗ ๒๖๖๑บ ๙๗๐ และ ๓๔๘๗ นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๕ ภาคกลางปี



การเดินทางใช้เวลาประมาณ ๓ วัน เรือเข้าเทียบท่าเรือ การฝึกคร้งน้เป็นการฝึกภาคทะเลระยะส้นเพียง ๗ วัน


ที่ South Harbor of Manila กรุงมะนิลา ปล่อยขึ้น เท่าน้น “วันอาทิตย์ท่ ๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ เป็นวันแรก

ทัศนศึกษากรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ต้งอยู่ ในการฝึกภาคทะเลปฏิบัติของนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๕
บนเกาะมินดาเนา สภาพเป็นเมืองเก่า ของแปลกตาก็คือ พวกเราออกจากอาคารกราบพัก ๕ กองการฝึก กองเรือ
รถจิปนี่ คล้าย ๆ รถบรรทุกย่อส่วนที่ใช้เป็นรถเมล์ ไปที่ ยุทธการ มาลงเรือเล็ก เพื่อไปขึ้นเรือหลวงประแส เวลา


Rizal Park (ดูภาพที่ ๓๑ ค่าเข้าชมและตั๋วรถเมล์) ไปดู ๑๓๐๐ ก็ข้นเรือเรียบร้อย ภาคน้เป็นการฝึกภาคทะเล
Port Santiago (ที่คุมขังนักโทษ) และ CASA Manila ของชั้นปีที่ ๕ โดยเฉพาะ โดยให้ นนร. ชั้นปีที่ ๕ ท�าการ
Museum (บ้านพักสร้างด้วยไม้ของ Rizal มีทั้งห้องนอน แทนนายทหาร” วันท ๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ เวลา



ห้องครัว ห้องอาหาร) ซ่งท้งสองแห่งเป็นโบราณสถาน ๐๙๐๐ เรือออกจากท่าเทียบเรือเกาะพระ ขีดเข็มตรง






เก่าแก่ท่เก่ยวข้อง Rizal ผู้นาชาวฟิลิปปินส์สมัยน้นท่ต่อส ู้ ไปเกาะแรด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้ นนร. ได้ฝึก
กับสเปนในการเรียกร้องเอกราช ได้มีโอกาสข้นรถราง ทาเดินเรือดาราศาสตร์แต่ว่าไม่สามารถทาได้ เน่องจาก







ไฟฟ้า ซ่งขณะน้นไทยยังไม่มีรถไฟฟ้า “ข้าพเจ้า...ได้ข้นรถราง สภาพอากาศปิดจึงต้องเปล่ยนทิศทางการเดินเรือด้วย



ไฟฟ้า เสียค่าโดยสาร ๓.๕ Peso โดยต๋วจะใช้เหรียญกลม การขีดเข็มจากเกาะแรดย้อนกลับมาท่เกาะช้างและ
หยอด แล้วเดินข้นไปรอรถราง เม่อมาถึงจะจอดให้คนลง เกาะกูด จังหวัดตราด แล้วเดินเรือต่อไปถึงสงขลาจึง


เพียงช่วครู่ แล้วว่งต่อคล้าย ๆ รถเมล์ แต่รถไม่ติดเลย มีความ สามารถฝึกทาเดินเรือดาราศาสตร์ได้ นอกจากการฝึกทา





สะดวก รวดเร็ว ข้าพเจ้าคิดว่ากรุงเทพฯ น่าจะท�าบ้าง” เดินเรือดาราศาสตร์แล้ว มีการฝึกหน้าท่นายทหารต่าง ๆ
เช่น ตร. นกว. ตห. นสส. และ นวต. ซึ่ง นนร. ชั้นปีที่ ๕





เม่อสาเร็จการศึกษาก็ต้องมาทาหน้าท่เหล่าน จนเรือมา


จอดสงขลา ในวันท ๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ ก็ส้นสุด


การเขียนในสมุดจดหมายเหตุ ส่วนวันที่เหลือก็คือ วันที่
๖ – ๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ เข้าใจว่าเป็นการเดินทาง

กลับมาท่ฐานทัพเรือสัตหีบแล้วก็จบการฝึกภาคทะเล

และเป็นการจบการเขยนสมดจดหมายเหตประจาตว




นนร. ตั้งแต่ชั้นปีที่ ๑ ถึงชั้นปีที่ ๕ ของผู้เขียน
ท้งน้การฝึกภาคทะเลในแต่ละช้นปีของ รร.นร. ม ี





จุดมุ่งหมายท่แตกต่างกัน ต้งแต่ข้นแรกท่เป็นผู้ปฏิบัต ิ





และรอฟังคาสงอย่างเดียว จนถึงขนสดท้ายท่ต้องเป็น




ผู้คิดและสั่งการได้เอง โดยเมื่อเป็น นนร.ชั้นปีที่ ๑ และ


ช้นปีท ๒ จะต้องได้รับการฝึกให้เป็นลูกมือในลักษณะ





“ตาด หฟัง” หน้าท่หลักคือ ทาตามคาส่งให้ดีท่สุด คาว่า




ภาพที่ ๓๑ ค่าเข้าชมและตั๋วรถเมล์ “ตาดู” หมายถึง ดูในสิ่งที่จะต้องท�าหน้าที่ เช่น สถานี



จนถงวนเสารท ๑๗ มนาคม พ.ศ.๒๕๓๓ เรอออกเวลา เทียบเรือมีหน้าท่ประจาเชือก ก็ต้องดูเชือกว่าอยู่เชือก







๑๔๐๐ เดินทางไปบรูไน ซ่งเป็นท่น่าเสียดายว่าการเขียน เส้นไหน ดูเชือกว่าตึงหรือหย่อน มีรอยขาดหรือไม่ หาก

สมุดจดหมายเหตุในภาคนี้ได้สิ้นลงเพียงเท่านี้ ทาหน้าท่ประจาลูกตะเพรา ก็ต้องคอยดูลูกตะเพราหัว



นาวิกศาสตร์ 29
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔





ลูกตะเพรากลางลา หรือลูกตะเพราท้ายเรือ หากทาหน้าท ่ ี จากห้องเคร่อง ฟังการรายงานจากห้องศูนย์ยุทธการ

ู่
ถือท้ายถือพังงาอย ต้องดูว่าถือเข็มได้ตรงหรือไม่ เม่อได้รับ ฟังการรายงานจากยามเรดาร์ ฟังการรายงานจากจ่ายาม




ค�าสั่งหางเสือขวาแล้ว หัวเรือไปทางขวาหรือไม่ หางเสือ ส่งท่ปากต้องส่ง เช่น ส่งให้หาท่เรือ ส่งถือเข็มเรือ




กินนาหรือไม่ หากทาหน้าท่ยามตรวจการณ์ ต้องคอยด ู ส่งความเร็วเรือ ส่งตรวจสอบเป้าหัวเรือ เป้ากราบซ้าย




ความเรียบร้อยของกล้องสองตาและเข็มทิศ เป็นต้น และเป้ากราบขวา สั่งจ่ายามให้ตรวจสอบลูกยาม และ



คาว่า “หูฟัง” หมายถึง ฟังคาส่งจากหัวหน้าโดยตรง ความเรียบร้อยของเรือ สั่งเวรวิทยุให้ติดต่อสื่อสาร และ
บริเวณนั้น ๆ เช่น ถ้าปฏิบัติหน้าที่เป็นประจ�าเชือกต้อง สมองคิด เช่น ในระหว่างรับผิดชอบเข้ายาม ๔ ช่วโมง


ฟังคาส่งว่าให้เข้าเชือก หะเบส หะเรีย เก็บเชือกให้ตึง คิดว่าทาอย่างไรจะทาการเดินเรือให้ปลอดภัย เรือต้อง










หกคอ ตง ปล่อยเชอก แล้วกปฏบัตตาม เป็นตน เม่อเปน ถือเข็มอะไรบ้าง เปลี่ยนเข็มกี่ครั้ง หาที่เรือได้ด้วยวิธีไหน


นนร. ชั้นปีที่ ๓ ๔ และ ๕ นอกจากจะ “ตาดู หูฟัง” บ้าง ความเร็วเรือควรเป็นเท่าไร หากคนตกน�้าจะต้องท�า

ยังต้อง “ปากสั่ง สมองคิด” โดย นนร. ชั้นปีที่ ๓ จะเริ่ม อย่างไร หากหางเสือไม่กินนาจะต้องทาอะไร หากพบเป้า




ได้รับการฝึกให้ปฏิบัติหน้าท เช่น หัวหน้าเชือก จ่ายาม ท่หัวเรือจะต้องทาอย่างไร ท้งน้การสร้างเหล็กในคน




ยามวิทย ยามเรดาร์ ประจาโต๊ะพล็อต ผู้ช่วยนายยาม ให้กับ นรจ. และ นนร. ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะ คือ ควรมี


เรือเดิน ยกตัวอย่าง เมื่อเป็นหัวหน้าเชือก เมื่อได้ยินเสียง การจัดท�าสมุดบันทึกประจ�าตัวให้กับ นรจ. และ นนร.
นกหวีดให้หะเบสก็ต้องสั่ง (ปากสั่ง) ให้ นนร. ชั้นปีที่ ๑ อย่างน้อย ๒ เล่ม ส�าหรับ นรจ. เล่มที่ ๑ คือ สมุดบันทึก

และ ๒ ท่ประจาเชือกหะเบส ขณะหะเบสก็ต้องสังเกต สมรรถภาพร่างกาย เร่มใช้ต้งแต่รับราชการจนกระท่ง ั



(สมองคิด) ว่าเชือกที่ก�าลังหะเบสนั้นตึง หรือหย่อนมาก เกษียนอายุราชการ และเล่มที่ ๒ คือ สมุดบันทึกวิชาชีพ


เกินไปหรือไม่ เพ่อป้องกันอันตรายท่จะเกิดจากเชือกขาด เฉพาะทาง เช่น นรจ. เหล่าโซนาร์ บันทึกช่วโมงการเข้ายาม

หรือเชือกมาพันแขนขาของนักเรียน และเมื่อเป็น นนร. ปฏิบัติหน้าท่เป็นจ่ายามโซนาร์ หรือ นรจ. เหล่าวิทย ุ


ชั้นปีที่ ๔ และ ๕ ได้รับหน้าที่ให้เป็นนายเรือเดินก็ต้องมี บันทึกช่วโมงการเข้ายามวิทย หรือพรรคกลิน บันทึก





หน้าท่ส่งการท้งในสะพานเดินเรือ และการปฏิบัติท้งหมด ชั่วโมงการฝึก ปคส. ส�าหรับ นนร. เล่มที่ ๑ คือ สมุด









ขณะท่เรือเดิน ขอยกตัวอย่างเม่อคร้งเป็นนายทหาร บนทกสมรรถภาพร่างกาย เร่มใช้ตงแต่รบราชการจน

ประจาเรือออกฝึกภาคปฏิบัติกลางปีของ นนร. ในประเทศ กระทั่งเกษียนอายุราชการ และเล่มที่ ๒ คือ สมุดบันทึก

ขณะผู้เขียนเข้ายามเป็นนายทหารยามเรือเดิน (คร้งละ ๔ วิชาชีพเฉพาะทาง เช่น บันทึกช่วโมงการเป็นนายยาม

ช่วโมง) ได้สอนให้ นนร. ช้นปีท ๓ (เข้าหน้าท่ผู้ช่วย เรือเดิน บันทึกช่วโมงการเข้ายามเคร่องส่งจักรหรือ













นายยามเรือเดิน) และ นนร. ช้นปีท ๔ (เข้าหน้าท่นายยาม เคร่องไฟฟ้า บันทึกช่วโมงการเข้ายามเรดาร์ บันทึก

เรือเดิน) ท่กาลังปฏิบัติหน้าท่อยู่สะพานเดินเรือพร้อมกับ ช่วโมงการฝึก ปคส. สาหรับสมุดบันทึกวิชาชีพเฉพาะทาง





ผู้เขียน ให้เข้าใจค�าว่า “ตาดู หูฟัง ปากสั่ง สมองคิด” เร่มใช้เม่อรับราชการจนถึงเม่อไม่ได้อยู่ปฏิบัติงานในเรือ



โดยถามว่าขณะเข้ายามอยู่น้มีการ “ตาดู หูฟัง ปากส่ง แล้ว


สมองคิด” อะไรบ้าง? ส่งท่ตาต้องด เช่น ดูหัวเรือและรอบ ๆ ส�าหรับเรือฝึกที่ผู้เขียนได้ลงเรือฝึก ได้แก่ เรือหลวง



เรือ ดูท่เรือ ดูเข็มทิศ ดูเรดาร์ ดูเคร่องหย่งนา ดูข้อมูล อ่างทอง เรือหลวงพงัน เรือหลวงสีชัง เรือหลวงปิ่นเกล้า





พยากรณ์อากาศ ดูไฟ ดูสภาพอากาศ คล่น ลม เมฆ ดูเรือ เรือหลวงประแส (๒ ครั้ง) เรือหลวงท่าจีน (๒ ครั้ง) แบ่ง

และสิ่งปลูกสร้างในทะเล เป็นต้น สิ่งที่หูต้องฟัง เช่น ฟัง เป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ได้แก่ เรือหลวงอ่างทอง




เสียงวิทย ฟังการรายงานเข็มเรือ ฟังการรายงานเคร่องส่ง ั เรือหลวงพงัน และเรือหลวงสีชัง ซ่งปัจจุบันปลดประจาการ

จักร ฟังการรายงานจากยามตรวจการณ์ ฟังการรายงาน แล้ว ๒ ลา คือ เรือหลวงพงัน และเรือหลวงอ่างทอง สาหรับ

นาวิกศาสตร์ 30
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔





เรือหลวงอ่างทองท่ประจาการอยู่ปัจจุบันเป็นลาท่ต่อ ที่ส�าคัญ” ของนักเรียนทหาร และนายทหารนักเรียนทุก







ขึ้นใหม่อีกชุดหนึ่งคือ ชุดเรือฟริเกตเก่า ได้แก่ เรือหลวง หลกสตร คร อาจารยในโรงเรยนตาง ๆ ควรจะมการอบรม

ประแส เรือหลวงท่าจีน และเรือหลวงปิ่นเกล้า ซ่งสมัยน้น และฝึกทบทวนความรู้ก่อนท่จะเปิดหลักสูตร เพ่อให้





พวกเรา นนร. เรียกว่าเป็น “เรือครู” ปัจจุบันก็ปลดระวาง การฝึกอบรมของนกเรยนเป็นไปในแนวทางเดยวกน









ประจาการไปแล้วทุกลา อาจมีผู้สงสัยว่าทาไมช่อเรือ บรรลุวัตถุประสงค์ท่ต้งไว้ได้เป็นอย่างดี เช่น ฝ่ายวิชาการ
เป็นชื่อเกาะบ้าง แม่น�้าบ้าง จึงขอเล่าเรื่องการตั้งชื่อเรือ สถาบันวิชาการทหารเรือช้นสูง (ฝวก.สรส.) เคยเปิด

สักนิดหน่อยว่า กองทัพเรือได้มีระเบียบกองทัพเรือว่าด้วย หลักสูตรการเพ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนให้กับ



การต้งช่อเรือปี พ.ศ.๒๕๒๗ เช่น เรือฟริเกต ให้ต้งช่อ นายทหารท่จบการศึกษามาจากต่างประเทศ ก่อนท่จะทา �





ตามแม่นาสายสาคัญ ยกตัวอย่าง เรือหลวงประแส หน้าท่สอน หรือคุมสัมมนาในหลักสูตรต่าง ๆ ของสถาบัน



เรือหลวงท่าจีน เรือหลวงเจ้าพระยา เรือหลวงบางปะกง วิชาการทหารเรือช้นสูง อีกตัวอย่างหน่ง ฝ่ายวิชาการ








และเรือหลวงสายบุร เรือดานา ให้ต้งช่อตามผู้มีอิทธิฤทธ ์ ิ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ร่วมกับสถาบันสอนภาษา AUA




ในนิยาย หรือวรรณคดีเก่ยวกับการดานา ซ่งไทยเคยมีมาแล้ว เปิดหลักสูตรทบทวนภาษาอังกฤษให้กับนายทหารท่จะ



ในอดีต จ�านวน ๔ ล�า ได้แก่ เรือหลวงมัจฉานุ เรือหลวง ท�าให้หน้าท่เป็นครูสอนหลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ



วรณ เรอหลวงสนสมทร และ เรอหลวงพลายชมพล สองภาษา (ดูภาพท ๓๒ ประกาศนียบัตรการอบรม











เรือทุ่นระเบิด ให้ต้งช่อตามสมรภูมิท่สาคัญ เช่น การเพ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนและการอบรม
เรือหลวงถลาง เรือหลวงบางระจัน เรือหลวงหนอง ภาษาอังกฤษ) หรือ (ภาพที่ ๓๓ การเปิดอบรมหลักสูตร
สาหร่าย และเรือหลวงดอนเจดีย์ สาหรับเรือยกพลข้นบก เพิ่มประสิทธิภาพครูปกครอง กนร.รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร.)


(landing ship) เรือระบายพล (landing craft) เรือส่ง ก่อนการฝึกภาคสาธารณะ นรจ. ใหม่ หรือการให้คร ู
ก�าลังบ�ารุง เรือน�้ามัน (oiler) เรือน�้า เรือลากจูง (harbor ในกองการศึกษาเขียนแผนการสอนในวิชาท่ตนเอง

tug) และเรือล�าเลียง ตั้งตามชื่อเกาะ เช่น เรือหลวงช้าง รับผิดชอบ การจัดทาคู่มือการสวนสนามในภาคสาธารณ



เรือหลวงพงัน เรือหลวงลันตา เรือหลวงสีชัง เรือหลวง ศึกษา การจัดทาคู่มือการแสดงแฟนซีดริล และการจัดทา

สุรินทร์ เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงจุฬา เรือหลวงสมุย คู่มือการสวนสนามเรือกระเชียง เพ่อให้ครูรุ่นหลังได้นา �

เรือหลวงสัตกูด ไปใช้ได้ต่อไป กเป็นแนวทางสร้างเหล็กในคนให้กบ


จากที่ได้เขียนมาพอสรุปได้ว่าเป็นการ “สร้างเหล็ก คร อาจารย์ และนายทหารปกครองของกองทัพเรือได้

ในคนให้กับ นรจ. และ นนร.” ให้มีคุณสมบัตินายทหารเรือ หรือเม่อคร้งรับราชการอยู่ในเรือ เม่อมีโอกาสนาเรือเขา





ไทย และค่านิยมหลักของ ทร. เป็นเรื่องส�าคัญอย่างยิ่ง เทียบท่าเรือแหลมเทียน หรือการนาเรือเก็บทุ่นหมายเขต


อีกส่วนหน่งท่ช่วยในการสร้างเหล็กในคนก็คือ “ครู ท้งทวนนาและตามนา ก็ได้ฝึกให้นายทหารพรรคนาวิน






อาจารย์” ของ ทร. จากประสบการณ์ท่ผ่านมาคร อาจารย์ ประจาเรือ เช่น ตร. นกว. ตห. และ นสส. นาเรือเข้าเทียบท่า



ในโรงเรียนโดยท่วไปจะถูกเปรียบเปรยเหมือน “เรือจ้าง” ทิ้งสมอ เก็บคนตกน�้า หรือเก็บทุ่นหมายเขต ไม่ว่าจะเป็น






ท่มีหน้าท่ส่งลูกศิษย์ข้นฝั่งแล้วก็จบ ส่วนคร อาจารย์ ในการฝึกยทธวธีกองเรอทนระเบดประจาป การฝึกยุทธวิธ ี


ุ่




ของกองทัพเรือมักจะถูกเปรียบเปรยเหมือน “เป็นช่าง ของกองเรอยทธการ การฝกรวม/ผสม Cobra Gold การฝก




ปั้นหม้อ มีหน้าที่ปั้นหม้อให้ออกมาให้ดีให้ได้” ไม่ว่าจะ ร่วมผสม CARAT การออกปฏิบัติราชการ ทรภ.๑ และ ทรภ.๒
เปรียบเปรยเป็นอะไรก็ตามครู อาจารย์ ถือเป็นคน หรือ การออกปฏิบัติราชการในหมู่เรือรักษาการณ์ไกลกังวล
ทรัพยากรมนุษย์ท่ควรจะได้รับการ “สร้างเหลกในคน การออกเรือสารวจและรวบรวมข้อมูลทางยุทธการ กองเรือ



ให้กับครู อาจารย์” ด้วยเหมือนกัน เพราะครู อาจารย์ ทุ่นระเบิด ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการสร้างเหล็กในคน
ในหลักสูตรต่าง ๆ ของกองทัพเรือถือเป็น “แบบอย่าง ให้กับคนประจ�าเรือ
นาวิกศาสตร์ 31
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔


ภาพที่ ๓๒ ประกาศนียบัตรการอบรมการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนและการอบรมภาษาอังกฤษ

































ภาพที่ ๓๓ การเปิดอบรมหลักสูตรเพิ่มประสิทธิภาพครูปกครอง กนร.รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร.


นาวิกศาสตร์ 32
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔




สรุป “ปรบพฤติกรรม” ขั้นที่ ๒ “การสร้างจตสานกความเป็น


ทหารเรือทุกนายถือเป็นทรัพยากรท่สาคัญของ ทหาร” ขั้นที่ ๓ “การสร้างความภาคภูมิใจในความเป็น






กองทัพเรือ ท่จาเป็นต้องสร้างให้มีเหล็กในคน เช่น ทหาร” และข้นท ๔ “การสร้างอุดมการณ์ในการรับราชการ

คุณสมบัตินายทหารเรือไทย ๕ ประการ ได้แก่ มีความร ู้ ในกองทัพเรือ” รวมท้งการฝึกภาคปฏิบัติทางใช้การในทะเล

เป็นผู้นาทางทหาร มีความซ่อสัตย์และความจงรักภักด ี ของ นรจ. และยกตัวอย่างการสร้างเหล็กในคนจากการ



เป็นสุภาพบุรุษ และมีความละเอียดรอบคอบไม่ประมาท ฝึกภาคทะเล ท่ได้บันทึกไว้ในสมุดจดหมายเหตุประจาตัว





และค่านิยมหลักของกองทัพเรือ (SAIL) ได้แก่ ความเป็น นักเรียนนายเรือของผู้เขียน ต้งแต่เป็น นนร. ช้นปีท ๑ ถึง





ชาวเรือ ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี ความเป็นผู้มี ช้นปีท ๕ รวมจานวน ๘ ภาค รวมท้งประสบการณ์ในการ


คุณธรรม จริยธรรม และความเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือ รับราชการท่ผ่านมา นอกจากน้การสร้างเหล็กในคนไม่ได้
และความเป็นผู้นา โดยการสร้างเหล็กในคนควรจะสร้าง มีความจาเป็นเฉพาะนักเรียนทหารเท่าน้น แต่การสร้าง






ต้งแต่เม่อเร่มต้นการเข้ามารับราชการในกองทัพเรือ เหล็กในคนให้กับคร อาจารย์ ก็มีความสาคัญเช่นเดียวกัน





ยกตัวอย่างได้จากหลักสูตร นรจ. ที่เข้ารับการศึกษาที่ ท้งน้เพ่อให้กาลังพลของกองทัพเรือ มีความพร้อมในการ

รร.ชุมพลฯ ยศ.ทร. ระยะเวลาประมาณ ๒ ปี ได้มีการ ปฏิบัติหน้าท่และภารกิจ ตามท่ได้รับมอบหมายให้สาเร็จ



จัดทาแผนพัฒนา นรจ. ๔ ข้นตอน ได้แก่ ข้นท ๑ ลุล่วงด้วยดีตลอดไป





“เหล็กในคน ต้องสร้าง ตั้งแต่เริ่ม
สะสมเพิ่ม ความแกร่งกล้า ทีละน้อย
ส�าคัญกว่า สร้างตอนปลาย ได้แต่คอย
กว่าจะได้ ใช้สอย ไม่ทันการ
เหล็กในเรือ ส�าคัญ หมั่นถูขัด
คอยขจัด สนิมร้าย ไม่ให้กร่อน
ช่วยพยุง เรือไว้ คนได้นอน
บ้านคลายร้อน แสนสุขเรา เหล่าชาวเรือ
เหล็กในคน เหล็กในเรือ ดั่งเช่นดาบ
ควรหมั่นลับ ให้คม อย่ารู้เบื่อ
รู้ส�านึก ร่วมกัน ทหารเรือ
ค�้าจุนเจือ เพื่อชาติ ราชนาวี”
ที่มา
๑. แผนพัฒนา นรจ. ๔ ขั้นตอน กองนักเรียน โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
๒. การจัดการความรู้ โรงเรียนนายเรือ เข้าถึงได้จากเว็บไซด์https://rtnakm.com/
๓. เว็บไซด์ www.wikipedia.com
๔. เว็บไซด์ www.sites.google.com
๕. สัตหีบแชนแนล สามารถเข้าถึงได้จากเว็บไซด์ www.youtube.com
นาวิกศาสตร์ 33
ปีที่ ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔


Click to View FlipBook Version