�
ทางเยอรมันเสียทหาร ๒,๕๕๑ คน เรือประจัญบาน ๑ ลา เรือตอร์ปิโด ๔ ล�า เรือด�าน�้า ๒ ล�า เรือขนาดเบา ๒ ล�า
เรือลาดตระเวนสงคราม ๑ ล�า เรือลาดตระเวนเบา ๔ ล�า และเรือขนาดเล็ก ๓ ล�า
�
และเรือพิฆาต ๕ ลา เป็นเหตุการณ์ “ข้าศึกอยู่ไหน?” เรือที่จอดอยู่ทางใต้ของเกาะช้าง มีเรือลาดตระเวน
�
�
ื
คร้งหน่งของสงครามใหญ่ในโลก ชายฝั่ง ๑ ลา และเรือขนาดเบา ๓ ลา (เม่อธนบุรีรบ;
ึ
ั
ต้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๘๒ เกิดสงครามข้นใน พลเรือเอก จิตต์ สังขดุลย์)
ั
ึ
ี
ุ
่
่
ี
่
ุ
ั
ื
้
ั
ทวปยโรป ตอมาตนเดอนธนวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ญปนเรม ภารกิจของหน่วยเรือฝร่งเศสคือ ติดตาม และ
่
ิ
มหาสงครามเอเชียบูรพา ก�าลังทางเรืออังกฤษที่สิงคโปร์ ค้นหาทาลายล้างกาลังทัพเรือสยามต้งแต่สัตหีบไปจนถึง
ั
�
�
�
ประกอบด้วยเรือประจัญบาน ๑ ลา เรือลาดตระเวน พรมแดนเป็นการเส่ยงเกินไป จึงตัดสินใจผนึกกาลัง
ี
�
�
สงคราม ๑ ลา และเรือพิฆาต ๔ ลา มีฐานทัพอยู่ท ี ่ ท้งหมดมุ่งหน้าเข้าโจมตีข้าศึกท่ทอดสมออยู่ท่เกาะช้าง
ั
�
ี
ี
�
ึ
ื
ึ
สิงคโปร์ ได้ออกเรือเดินทางข้นเหนือเพ่อดักทาลายกองเรือ ในเวลาเช้าตรู่ของวันรุ่งข้น (บันทึกของหน่วยงาน
ี
ึ
ยกพลข้นบกของญ่ปุ่น แต่ไม่พบว่า “ข้าศึกอยู่ไหน?” ประวัติศาสตร์ทหารเรือฝรั่งเศส, นาวิกศาสตร์ฉบับที่ ๒
้
�
�
จึงจะเดินทางกลับสิงคโปร์ แต่ตรวจพบโดยเรือดานา ปี ๗๘) กล่าวคือรู้ว่า “ข้าศึกอยู่ไหน?” และอยู่อย่างไร
ี
�
ื
และเรือบินจากเรือลาดตระเวนญ่ปุ่น แล้วก็มีเคร่องบิน หน่วยเรือไทยก่อนการรบแยกเรือปืนหนัก ๑ ลา
ญ่ปุ่นจากฐานบินในอินโดจีนท่ญ่ปุ่นยึดครองอยู่ โจมต ี และเรือตอร์ปิโดใหญ่ ๓ ล�า จอดเรือ ๒ แห่ง ใต้เกาะช้าง
ี
ี
ี
กองเรืออังกฤษสูญเสียเรือเกือบทั้งหมด อ�านวยให้ทหาร ซ่งได้เห็นเรือบินฝร่งเศสบินลาดตระเวนท้งในวันท่ ๑๖
ึ
ั
ี
ั
ี
ญ่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรมลายูได้ในเวลาต่อมาจนถึงพม่า และวันที่ท�าการรบวันที่ ๑๗ มกราคม ซึ่งเช้าวันนี้ทหาร
�
�
มุ่งสู่อินเดีย ประจาเรือหัดกายบริหาร แล้วรีบเข้าประจาปืนต่อสู้
ื
ทหารเรือไทยก็มีประสบการณ์ “ข้าศึกอยู่ไหน?” อากาศยานท่ยืนยันว่ายิงเคร่องบินข้าศึกตกทะเลทางด้าน
ี
หลายครั้งหลายหน ตั้งแต่ยุคเรือพาย เรือใบ ฯลฯ มาครั้ง เกาะหวาย แต่ไม่รู้ว่าเรือข้าศึกเข้ามาใกล้ตัวแล้ว
ั
�
ี
�
สาคัญในการรบทางเรือสมัยใหม่คร้งแรกของทหารเรือไทย ไทยมีกาลังทางอากาศอยู่ท่สนามบินเนินพลอยแหวน
ก็คือ การรบที่เกาะช้าง วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๔ จังหวัดจันทบุรี ประกอบด้วยฝูงบินขับไล่ แบบฮอว์ก ๓
ั
ี
ระหว่างการพิพาทกับอินโดจีนของฝร่งเศสท่หมวด จ�านวน ๘ เครื่อง และฝูงบินตรวจการณ์ แบบคอร์แซร์
�
ื
ิ
เรือไทย อันประกอบด้วยเรือปืนหนัก เรือตอร์ปิโดใหญ่ จานวน ๙ เคร่อง การติดต่อระหว่างหน่วยบนกับ
ี
ั
ั
ี
และเรือวางทุ่นระเบิดรบกับหน่วยเรือฝร่งเศสท่ม ี หน่วยเรือน้น “การติดต่อกับฐานทัพเรือท่สัตหีบไม่ได้
ิ
ิ
เรือลาดตระเวน และเรือสลุป เวลารุ่งอรุณของวันนั้น มีการติดต่อกัน และย่งกับกองเรือย่งไม่เคยได้ติดต่อ
�
ี
ั
โดยปกติเรือลาดตระเวนลามอตปิเกต์ มีเรือบิน กันเลย” ตอนเวลาเช้าของวันทาการรบน้น “ขณะท่ยังมืดอย ู่
ื
�
ั
ื
ประจาเรืออยู่ ๑ เคร่อง แต่เวลาน้นเคร่องมือในการส่ง เวลาประมาณ ๐๕๐๐ เศษ พวกเราก็ต้องตกใจต่น
ื
ื
เคร่องบินข้นบินเสีย ทางกองบัญชาการจึงมอบเรือบิน เพราะได้ยินเสียงปืนดังพรึม ๆ ต่อเน่องกันไม่ขาดระยะ
ึ
ื
็
ึ
แบบ Hydraimon จ�านวน ๒ ล�า (ฝรั่งเศสมีอยู่ ๘ ล�า) กได้แต่นึกในใจว่ากองเรือของเราซ่งจอดอยู่ในอ่าวเกาะช้าง
�
ี
อยู่ในบังคับบัญชาของหน่วยเรือ เรือบินมีฐานบินอยู่ท่เรียม ท่เห็นเม่อวานตอนเย็นน้น คงถูกเรือข้าศึกจู่โจมทาการ
ี
ั
ื
ั
เวลาบ่าย วันที่ ๑๖ มกราคม เรือบินได้บินไปดูลาดเลา ยิงแน่” (เม่อธนบุรีรบ; อ้างแล้ว) สถานการณ์ก่อนหน้าน้น
ื
ที่สัตหีบล�าหนึ่ง และอีกล�าหนึ่งไปลาดตระเวนที่เกาะกูด เคร่องบินตรวจการณ์ไทย ๑ ลา ได้บินลาดตระเวน
ื
�
ี
ี
�
เกาะช้าง และฝั่งทะเลสยามจนถึงพรมแดน ทาให้รู้จุดท่ต้ง ระหว่างเกาะช้าง เกาะกง เกาะกูด ตอนบ่ายวันท่ ๑๖
ั
ึ
ของกองเรือสยาม ดังนี้ ก่อนการรบวันรุ่งข้น “ประมาณเวลา ๑๖๓๐ ได้เห็นเรือรบ
เรือท่จอดอยู่สัตหีบ มีเรือปืนหุ้มเกราะ ๑ ลา ของเราไม่น้อยกว่า ๔ ล�า รวมกองอยู่ในอ่าว ทหารเรือ
ี
�
นาวิกศาสตร์ 49
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ี
ื
ึ
่
ุ
่
ี
ุ
ิ
่
�
่
่
ี
ู้
็
บนเรือกาลังรับประทานอาหารใส่เส้อคอกลมขาว และอดมคต ซงในทสุดฝายญป่นเปนผโจมตทางทะเลกอน
กางเกงขาส้นสีกากี ถือจานโบกไม้โบกมืออย่างร่นเริง โดยเห็นว่าต้องทาลายทัพเรือสหรัฐอเมริกาในแปซิฟิก ท่ม ี
�
ื
ั
ี
อันเป็นการบินลาดตระเวนเหนือพื้นที่ และก�าลังทางเรือ ฐานทัพ ณ เพิร์ลฮาร์เบอร์เป็นเบื้องแรกก่อนที่จะรุกราน
ของเราเองที่โดยปัจจัยเวลา และระยะทาง” (Time and ยึดครองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ตามแผน
่
ิ
่
ั
ี
ี
ั
ั
Space) ขณะบินลาดตระเวนน้น เรือข้าศึกอาจยังอยู่ท ี ่ กองทพทวางไว้ วนท ๒๖ พฤศจกายน พ.ศ. ๒๔๘๔
ื
ื
�
ไซ่ง่อน หรือแหลมญวน (เมื่อธนบุรีรบ; อ้างแล้ว) กองเรือบรรทุกเคร่องบินญ่ปุ่น ๖ ลา พร้อมด้วยเคร่องบิน
ี
หน่วยเรือไทยหาข่าว “ข้าศึกอยู่ไหน?” ด้วยตนเอง ติดอาวุธลูกระเบิด และตอร์ปิโดราว ๔๐๐ เคร่อง ตดตาม
ิ
ื
ุ
่
้
ั
เหมือนกันโดยส่งเรือตอร์ปิโดระยอง ออกลาดตระเวน ดวยหนวยเรอคมกน และเรอสงกาลงบารงไดออกเรอจาก
้
�
ุ
้
ื
่
�
ื
ื
ั
ี
นอกเกาะกูด ในคืนวันท่ ๑๖ มกราคม ก่อนการรบ ฐานทัพในหมูเกาะ Kurile ทางตอนเหนือของญี่ปุนอยาง
่
่
่
์
ี
ั
้
่
ิ
“ไดรบคาสงใหแยกหมเรอไปรกษาการณทบรเวณดานใต ้ เงียบ ๆ เดินทางสู่เพิร์ลฮาร์เบอร์ โดยใช้เส้นทางละติจูดสูง
ั
ั
่
�
ู
่
ื
้
้
ึ
�
เกาะกูด และให้กลับมารวมกาลังในวันรุ่งข้น เวลาบ่าย นอกเส้นทางเดินเรือโดยทั่วไป เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเห็น
เรือหลวงระยองได้ออกเดินทางจากเกาะง่าม เม่อวันท ่ ี จากเรืออื่น และงดใช้การสื่อสารทางวิทยุตลอดเวลา
ื
ั
๑๖ มกราคม เวลา ๒๐๐๐ ถึงอ่าวคลองโปรม เวลา ท้งน้ ท่ฐานทัพ Kurile ยังมีการส่งสัญญาณวิทย ุ
ี
ี
๒๒๐๐ ตลอดทั้งคืนเหตุการณ์เรียบร้อย รุ่งขึ้นวันที่ ๑๗ ประหน่งว่ากองเรือยังอยู่ในฐานทัพ อย่างไรก็ดีทางสหรัฐ-
ึ
มกราคม เวลาเช้าเหตุการณ์คงเป็นปกติ และไม่ได้ข่าว อเมริกาก็รู้ว่ากองเรือญ่ปุ่นออกเรือจากฐานทัพไปแล้ว
ี
ั
ี
การรบ ระหว่างเรือฝ่ายเรากับข้าศึก จนกระท่งเวลาสายจึงได้ “แต่ไม่รู้ว่าไปไหน อยู่ท่ไหน” ในขณะน้นสหรัฐอเมริกา
ั
รับทราบด้วยการดักรับข่าววิทยุโทรเลข เรือหลวงระยอง มีฟิลิปปินส์เป็นอาณานิคมอยู่ท่เดียวในเอเชียก็ห่วง
ี
จึงออกเรือจากอ่าวคลองโปรมไปยังเกาะง่าม แต่ไม่ และเฝ้าดูทางฟิลิปปินส์ เวลา ๐๘๐๐ วันที่ ๗ ธันวาคม
ี
ประสบเหตุการณ์อย่างใด ข้าศึกได้ล่าถอยไปหมดส้นแล้ว” ในเดือนต่อมา ขณะท่วงดุริยางค์ท้ายเรือประจัญบาน
ิ
ึ
หมายความว่าการ “ออกลาดตระเวนนอกเกาะกูด” Nevada ของกองเรือบรรเลงเพลงชาติในพิธี “ธงข้น”
ของเรือระยอง กระทาโดยการจอดเรืออยู่ท่คลองโปรม ลูกระเบิดลูกแรกจากฝูงบินแรกจานวน ๑๘๓ เคร่อง
ี
ื
�
�
ึ
ี
ี
�
�
อันเป็นวิธีการลาดตระเวนประจาท่ ซ่งเป็นวิธีการหนึ่ง ของญ่ปุ่นก็ตกลงบนเรือตามด้วยฝูงบินท่สองจานวน
ี
่
ั
ื
่
ี
ื
่
ี
ในการลาดตระเวน เข้าใจว่าโดยการท่เป็นเรือตอร์ปิโด ๑๗๐ เครอง ทใช้เวลาเกอบ ๒ ชวโมงในการโจมต ี
ี
อันเป็นเรือความเร็วสูงมีอาวุธเด็ดขาดอย่างตอร์ปิโด ทัพเรือสหรัฐอเมริกาท่สูญเสียคนไป ๒,๔๐๓ คน เรือ
ใชยทธวธ “จโจม” ทาลายเรอขาศก และเปนเรอขนาดเลก ๑๘ ลา จมท้องทะเล หรือเสียหายหนัก ฝ่ายญ่ปุ่นเสียคน
ี
้
�
ู
็
่
ื
็
ุ
�
ี
ิ
้
ึ
ื
ิ
ื
ออกเย็นกลับเช้า จึงใช้วิธีลาดตระเวนด้วยการจอดเรือ ๕๕ คน จากการสูญเสียเคร่องบินท้งระเบิด ๖ ลา และ
�
ั
ี
่
�
ู
ิ
�
็
้
�
ี
่
ื
�
ประกอบกบเป็นเรอทม “สงตา” ตา ย่านการเหนน้อย เรือดานาจ๋ว ๕ ลา ท่พยายามลอบเข้าฐานทัพเรือ
ี
ี
เป็นเหตุให้ไม่รู้ไม่เห็น “ข้าศึกอยู่ไหน?” แต่ไม่สาเร็จ โชคยังดีของสหรัฐอเมริกาท่ขณะเกิดการ
�
ผลการรบท่เกาะช้าง ระหว่างฝ่ายไม่รู้ข้าศึกอยู่ไหน? โจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์นั้น กองเรือบรรทุกเครื่องบิน ๔ ล�า
ี
กับฝ่ายรู้ข้าศึกอยู่ไหน เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วโดยไม่ต้อง ของสหรัฐอเมริกาไม่ได้อยู่ในฐานทัพ จึงไม่ได้ถูกโจมต ี
ิ
กล่าวถึง ณ ที่นี้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เพร์ลฮาร์เบอร์อานวยให้ฝ่าย
�
ี
ี
ู
ปรากฏการณ์ไม่ร้ “ข้าศึกอย่ไหน?” ท่ย่งใหญ่กว่า ญ่ปุ่นได้การควบคุมทะเล และการสงครามมหาเอเชีย
ิ
ู
�
ู
ึ
ึ
่
การรบท่เกาะช้างโดยมหาอานาจทางเรือ ก็เกิดข้นหลายคร้ง ั บูรพา ซงการไม่ร้ “ข้าศึกอยู่ไหน?” ของสหรัฐอเมริกา
ี
หลายหน ดังเช่น กรณีเพิร์ลฮาร์เบอร์ท่สหรัฐอเมริกากับญ่ปุ่น ทาให้สหรัฐอเมริกาตกเป็นเบ้ยล่างเม่อช่วงแรกของ
ี
ี
�
ื
ี
ขัดแย้งกันท้งเร่องการเมือง การขยายตัวทางทหาร การค้า สงคราม
ื
ั
50
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ื
เม่อหันกลับมาดูอุปนิสัยทหารเรือไทย ต่อปัจจัย จันทวิรัช ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ เป็นผู้บังคับการ
ึ
ั
ข้าศึกอยู่ไหน? จะเห็นได้จากการส่งต่อเรือฟริเกตมกุฎ หมู่เรือฝึก (มฝ.นนร) เวลาฝึก ๔๐ วัน ซ่งเรือประแส
ี
�
ึ
ุ
ราชกมารจากอังกฤษท่ข้นประจาการในเดือนพฤษภาคม เป็นเรือธง เม่อเสร็จส้นการฝึก ผู้เขียนก็รายงานการฝึก
ื
ิ
ึ
ึ
พ.ศ. ๒๕๑๖ อันเป็นเรือขนาด ๑,๘๐๐ ตัน ซ่งอู่ต่อเรือยาร์โรว์ ผ่านครูประพัฒน์ ซ่งตอนท้ายของรายงานได้เสนอความเห็น
ั
ื
�
ี
ี
ออกแบบเรือสาหรับต่างชาติท่ส่งซ้อเรือมีปืนใหญ่ท่หัวเรือ ไว้ว่า “ควรท�าดาดฟ้าท้ายเรือให้รับเฮลิคอปเตอร์ได้
ื
�
๑ กระบอก ท้ายเรือมีดาดฟ้าสาหรับเฮลิคอปเตอร์ ๑ เคร่อง โดยถอดหมู่ปืนกลท้ายเรือออก เพราะเวลาน้นไม่มีเรือ
ั
สองชาติแรกท่ส่งซ้อคือ ประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย ท่มีเฮลิคอปเตอร์ติดเรือเลย” ครูประพัฒน์ท่าน
ั
ื
ี
ี
ึ
ซ่งทหารเรือไทยขอเปล่ยนแบบท่ท้ายเรือจากดาดฟ้า เห็นด้วย และเสนอหน่วยเหนือต่อไป แต่ “นักเลงปืน”
ี
ี
ื
็
เฮลิคอปเตอร์เป็นการติดต้งปืนใหญ่อีกหน่งกระบอก ในหน่วยเหนอไม่เหนด้วยเรองกเลยตกไป และผ้เขยน
ั
ึ
ู
ี
็
ื
่
ี
ท่ต้องเสียค่าเปล่ยนแบบ ค่าดัดแปลงดาดฟ้า และห้องท้ายเรือ ก็จิตตกเงียบไปด้วย
ี
ให้เหมาะแก่การยิงปืนใหญ่ และมีคลังกระสุน ส่วนเรือ และแล้วขณะเป็นนาวาเอก หัวหน้ากองข่าว กรมข่าว
มาเลเซียไม่มีการแก้แบบเรือมีเฮลิคอปเตอร์ประจาเรือ ทหารเรือ และครูประพัฒน์ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ
�
ตามที่ออกแบบเรือมา ได้รับ “ส�าเนาเรื่องนี้ทั้งหมดให้ นาวาเอก พัน รักษ์แก้ว
แน่นอนท่เรือมากปืนมีอานาจการยิงมากกว่า (ขว.ทร) อดีตผู้บังคับการเรือหลวงประแสทราบ เพื่อจะ
�
ี
เรอน้อยปืน กเป็นไปตามความคดของ “นกเลงปืน” ได้ทราบว่าแนวความคิดที่ นาวาเอก พัน รักษ์แก้ว เสนอ
ื
ั
ิ
็
ั
ื
ส่วนเรือที่มีปืนน้อยย่อมมีอ�านาจการยิงน้อยกว่า แต่หวัง และผมได้ให้ความเห็นชอบเสนอกองทัพเรือน้น เม่อผม
ื
�
ประโยชน์จากเฮลิคอปเตอร์ในการลาดตระเวนหาข่าว เป็นผู้บัญชาการทหารเรือก็ได้ดาเนินการให้แล้ว แต่เม่อ
ช่วยปฎิบัติการทางเรือ เช่น การปราบเรือด�าน�้า การรบ ขัดกับความเห็นของนายทหารส่วนใหญ่ท่จะรับผิดชอบ
ี
ผิวน�้า ฯลฯ และประโยชน์อื่น ๆ อย่างการรับ-ส่งก�าลัง กองทัพเรือในอนาคต ผมจึงต้องระงับการส่งการไว้
ั
่
�
ื
่
ุ
บารง การต่อยอดการสอสาร เปนตน สดแตความคดของ ตามท่เห็นอยู่น้” กล่าวคือ “มีนักเลงปืน” ในฝ่ายอานวยการ
ี
ี
ิ
ุ
้
็
�
�
ผู้วางแผนก�าลังทางเรือว่าจะเป็น “นักเลงปืน” หรือเน้น เห็นว่าควรเอาปืนไว้ เรือประแสท่จะเป็นเรือลาแรกอันม ี
ี
ั
“ข้าศึกอยู่ไหน?” เฮลิคอปเตอร์ติดเรือก็ไม่ได้เป็น จนกระท่ง พ.ศ. ๒๕๓๕
ี
ิ
ุ
ึ
ื
ั
ี
่
ี
ี
ื
่
เป็นท่น่าสังเกตว่า ช่วงเวลาส่งต่อเรือมกุฎราชกุมาร มชดเรอจากจีนจงเรมมีเรอทออกแบบมามเฮลคอปเตอร์
ิ
เป็นช่วงเวลาเดียวกับการต่อเรือยนต์เร็วโจมตีชุดเรือหลวง
ปราบปรปักษ์ จ�านวน ๓ ล�า จากอู่ที่สิงคโปร์อันเป็นเรือ
ื
ื
�
ขนาด ๒๖๐ ตัน มีอาวุธปล่อยนาวิถีพ้น-สู่-พ้น ของ
ี
�
อิสราเอล อันถือได้ว่าเป็นเรือท่มีอานาจการโจมตีสูง
�
่
แต่เรือมี “สูงตา” ตา จากัดการรู้ “ข้าศึกอยู่ไหน?”
�
แต่หากเรือมกุฎราชกุมารท่มีเฮลิคอปเตอร์เป็นเรือนา
ี
�
ึ
หมู่เรือยนต์เร็วโจมตีท่มีโอกาสรู้ “ข้าศึกอยู่ไหน?” มากข้น
ี
้
้
�
ึ
และจะทาให้ “การรบผิวนา” ดีขนอย่างแน่นอน แต่ก ็
�
หมดโอกาสนั้นไป
ขณะเป็นนาวาโท และเป็นผู้บังคับการเรือฟริเกต
ประแส ภายหลังการฝึกภาคต่างประเทศของนักเรียน
นายเรือในฤดูร้อน พ.ศ. ๒๕๑๕ โดย พลเรือตรี ประพัฒน์
นาวิกศาสตร์ 51
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ิ
ิ
ประจ�าเรือ ท่านไม่ตกลงก็เลิกความคดไป มาทราบทีหลังว่าทางนาวกโยธิน
ื
ปัจจัย “ข้าศึกอยู่ไหน?” เป็นเร่องของงานข่าว ส่งนายทหารหลังผู้เขียน ๔-๕ รุ่น คนหนึ่งเข้าไปหาข่าว
ื
ี
โดยผู้เขียนเร่มรู้เร่องงานข่าว ก็รู้ “ระดับเรือยาง” งู ๆ ปลา ๆ แล้วถูกจับ และขังไว้ราว ๑ ปี ท่เม่อเจ้าสีหนุถูกรัฐประหาร
ิ
ื
ั
้
�
ั
็
้
�
ิ
ี
ขณะเปนเรือโทรับการฝึก “นกทาลายใต้นาชนสูง” อนเป็นงาน แล้วไปอยู่กรุงปักก่ง นายทหารท่านน้จึงได้รับการปล่อยตัว
ั
“ข่าวลับ” ในการปฏิบัติงานหลังเป็นแนวข้าศึก (Slay Behind) ทางานต่อไปจนเกษียณราชการ ยศพลเรือโท กัมพูชาเม่อ
ื
�
่
ื
ี
ี
มาเรียนงานข่าวอย่างข่าวมาตรฐานก็เมอเป็นนาวาตร ี เจ้าสีหนุไม่อยู่ ได้เชิญทางไทยส่งเรือรบไปเย่ยมเยือนท่เรียม
�
ี
ท่โรงเรียนเสนาธิการ ครูผู้สอนวิชาข่าวคือ นาวาเอก ทหารเรือไทยส่งเรือหลวงประแสไปตามคาเชิญ ผู้เขียน
อังกุศ ชาลุภัต ซึ่งท่านเรียนวิชาข่าวจากทางการอังกฤษ ฝากจ่าปืนเรือประแสให้ดูเรือ PC กัมพูชาถ้าพบเห็นว่า–เรือ
ี
ขณะท่มีการปราบปรามโจรในมาลายู วิธีการสอนของท่าน เขามีปืนใหญ่กี่กระบอก จ่ากลับมาบอกว่า–กระบอกเดียว
ห้ามจด จาเอาอย่างเดียว กับข้อสอบแบบปรนัยท่ซับซ้อนมาก เป็นอันรู้เร่องกันไป
ื
�
ี
ี
ิ
อันเป็นแนวทางงานข่าวแบบ “หลังแนวข้าศึก” ตามที ่ ข่าวบางช้นช้ความเป็นความตายของประเทศทีเดียว
ื
เคยเรยนมา เพอนนักเรียนคนหนงปรารภวา “ทางานขาว อย่างเม่อวันท่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๕๘ (ตรงกับ
่
ึ
ื
่
่
ี
ี
�
่
ั
ี
ั
ในซีโต้ (สนธิสัญญาSEATO) เอ็งมาจากท่ไหนอ๊ะ” รชสมยพระบาทสมเด็จพระพุทธเสิศหล้านภาลัย
มันก็เรองครูผู้สอนกบนักเรียนท่มาเรียนบังเอิญมาจาก รัชกาลท่ ๒) นโปเลียนแห่งฝร่งเศส ได้นาทัพสู้กับ
�
ี
ื
่
ั
ั
ี
แนวทางเดียวกัน แล้วได้คะแนนสอบวิชาข่าวอย่างเพ่อน กองทัพสัมพันธมิตรในบังคับบัญชาของ ดยุกเวลลิงตัน
ื
ั
�
ุ
ี
แปลกใจ แห่งอังกฤษ ท่ตาบลวอเตอร์ลู ใกล้กรงบรสเซลส์
ขณะเป็นนาวาโท ข้นจากเรือประแสมาเป็นหัวหน้าข่าว ของเบลเย่ยม กองทัพท้งสองฝ่ายมีเนินเขาค่นกลาง
ึ
ั
ั
ี
กองยุทธการและข่าว กองบัญชาการกองเรือยุทธการ ไม่เห็นกัน นโปเลียนกล่าวแก่แม่ทัพนายกองของตนว่า
ี
�
ณ พระราชนิเวศน์ ก่อนไปศึกษาหลักสูตร Command “ถ้ารู้ว่าข้าศึกข้างหลังเนินเป็นใคร มจานวนมากน้อย
ี
ี
ั
ท่สหรัฐอเมริกา เวลาน้นเจ้าสีหนุอยู่ในกัมพูชา โดย เท่าใดอย่างไร วันน้เราชนะศึก” แต่นโปเลียนไม่รู้
กาลังทางบก และทางเรือเผชิญหน้ากับกาลังฝ่ายไทยท ่ ี ข่าวท่ต้องการ แพ้การศึกท่วอเตอร์ลู ถูกจับแล้วถูก
�
�
ี
ี
ี
�
ื
พรมแดนท้งสองฝ่าย เม่อไปถึงท่ทางานก็พบว่ามีหัวข้อ จาขังท่เกาะเซนต์เฮเลนานอกฝั่งทวีปอเมริกา จนถึงแก่
ี
�
ั
ั
�
ข่าวสารสาคญ (หขส) ของหน่วยในสนาม และทะเล อนิจกรรม ที่นั่น ๖ ปี ต่อมา
ั
ถามมาแต่ยังไม่ได้ตอบไป เป็นต้นว่า ไม่รู้ว่า “ข้าศึกอยู่ไหน?” ครั้งแรก ๆ คร้งใหญ่ใน
- ปืนท่เขาโอบยาม เป็นปืนขนาด ๙๐ หรือ ๑๐๕ ทะเลก็ในสงครามโลกคร้งแรก (พ.ศ.๒๔๕๗-๒๔๖๑)
ั
ี
้
�
�
มิลลิเมตร (คุกคามทหารนาวิกโยธินที่บ้านหาดเล็ก) ท่ฝ่ายอังกฤษไม่รู้ว่าเรือดานาเยอรมันอยู่ไหน กล่าวคือ
ี
- เรือ PCE ของกัมพูชา มีปืนใหญ่ ๑ หรือ ๒ กระบอก เกาะอังกฤษปิดอ่าวฝั่งทะเลเยอรมัน โดยภูมศาสตร์กาลัง
�
ิ
(กัมพูชามีเรือ PCE จ�านวน ๒ ล�า อันเป็นเรือที่มีขนาด ทางเรือผิวนาของเยอรมันจึงแพ้เปรียบทางยุทธศาสตร์
้
�
ยาวกว่าเรือ PC ของไทยที่มีอยู่ ๗ ล�า มีรายงานว่า บางที เป็นเบ้องต้น ทางเยอรมันจึงสร้างกาลังเรือดานาท่ไม่รู้
้
�
ื
�
ี
�
ฝอยน�้าของกระสุนปืนเรือข้าศึก มี ๒ ฝอยน�้า) ว่าอยู่ที่ไหน? ไปปิดเอารอบเกาะอังกฤษโดยฝ่ายอังกฤษ
�
�
้
ผู้เขียนถือเร่องไปหานายว่า ควรตอบ หขส. เพ่อหน่วย ยังไม่มีเคร่องมือค้นหาเรือดานาข้าศึก ทาให้การรับ
ื
ื
ื
�
�
แนวหน้าสามารถปฏิบัติการได้ดี และปลอดภัยย่งข้น กาลังบารุงจากสหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรปเสียหายมาก
ึ
�
ิ
�
นายถามว่า “แล้วจะทาอย่างไร” ก็เรียนนายไปว่า แทบจะหมดท่า ได้แต่ประณามเรือดานาว่า “พวกเจ้าเล่ห์ ข้โกง”
ี
้
�
�
ั
้
�
�
“ต้งหน่วยปฏิบัติการข่าวแล้วส่งคนไปหาข่าว” แบบงานข่าว และว่าหากจับพวกเรือดานาได้ต้องถือว่าเป็นโจรสลัดท ี ่
�
�
เรือยาง นายถามว่าถ้าถูกจับจะทาเช่นใด? ก็ตอบท่านว่า ต้องถูกแขวนคอ (คากล่าวของ เซอร์ วิลสัน-ผู้ช่วยรัฐมนตร ี
ี
�
จะทาประกันชีวิตให้เขาต้องเส่ยง และใช้เงินบ้าง กระทรวงทหารเรืออังกฤษ)
52
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
พันเอก เรดมัน กับทหารผ่านศึกไทย
ั
�
้
�
ั
ในการสงครามโลกคร้งท่สอง กองเรือดานาเยอรมันก็ยัง ชนะร้อยคร้ง” ถ้าโจทย์เปล่ยนเป็น “รู้เรา ไม่รู้เขา, ไม่รู้เรา
ี
ี
ล้อมรอบเกาะอังกฤษ เช่น สงครามคร้งแรก นายกรัฐมนตร ี ไม่รู้เขา, ไม่รู้เรา รู้เขา ; ค�าตอบจะเป็น ๕๐/๕๐ ๖๐/๔๐
ั
�
อังกฤษ เชอร์ชิล ออกปากถึงภัยจากเรือดานาเยอรมันว่า ๗๐/๓๐ อย่างไรก็เป็นไปได้ เป็นความสัมพันธ์ และสถานะ
�
้
ี
่
ั
“เป็นเร่องทผมกลวจริง ๆ ในการสงคราม–really jrightend ระหว่างนักเลงปืนกับนักเลงข่าว จะเอาปืนมากกระบอก
ื
้
ั
ิ
ั
่
me during the war” แมวาทางองกฤษ และสหรฐอเมรกา หรือปืนน้อยกระบอกโดยมีเฮลิคอปเตอร์ ทหารเรือไทยมี
ิ
�
้
�
ื
เร่มผลิตเคร่องมือค้นหาเรือดานาได้แล้วคือ แอสคิด และได้รับบทเรียนมาแล้วจาก “ข้าศึกอยู่ไหน” –เจ็บ
และโซนาร์ แต่การสูญเสียเรือจากการโจมตีของ แล้วต้องจ�า
เรือดานาเยอรมันก็ยังมากอยู่ดีด้วยยุทธวิธีใหม่ ๆ ผู้ช่วยทูตทหารบกสหรัฐอเมริกา เรดมัน ป่านน้คง
�
�
้
ี
้
ของเรือดานา เช่น ยุทธวิธีฝูงหมาป่า (wolf packs) พานักท่บ้านเกิดในสหรัฐอเมริกา คากล่าวของผู้ช่วยทูต
�
�
�
�
ี
อันเป็นการเล่นเกม “ข้าศึกอยู่ไหน?” ในการสงคราม ประจ�ากรุงเทพมหานคร ที่อยู่ในเมืองไทยเป็นระยะเวลา
�
้
ปลายสงคราม ทางอังกฤษถอดรหัสข่าวกรองเรือดานา ๓ ปี ใจความส�าคัญอยู่ที่ “ทหารไทยไม่รู้ว่า ข้าศึกอยู่ไหน
�
เยอรมันได้ช่วยให้พ้นภัยเรือด�าน�้าเป็นอันมาก ในการรบที่ภูหินร่องกล้า”
ึ
“ข้าศึกอยู่ไหน” เป็นส่วนหน่งของงานข่าวท่ปราชญ์
ี
ชาวจีน “ซุนวู” ตั้งสมการไว้ว่า “รู้เรา รู้เขา รบร้อยครั้ง
นาวิกศาสตร์ 53
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
กล่าวน�า พระกัสยปเทพบิดร และนางวินตา มีเชษฐาคือ
ึ
ผู้ที่เป็นทหารเรือทั้งที่มีหน้าที่รับราชการในเรือ พระอรุณซ่งต่อมาได้เป็นสารถีของพระสุริยเทพ
ึ
็
ั
ึ
ุ
่
่
ี
ั
ี
ั
้
ิ
์
ุ
และไปปฏิบัติงานในเรือเป็นคร้งคราว รวมถึงผู้ท่ไม่ใช่ (พระอาทตย) พญาครฑนนมลกษณะเปนครงนก ครงมนษย ์
ทหารเรือแต่มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนเรือหลวงแห่งราชนาวี และคร่งเทวดา คือ หัว ปีก เล็บ และปากเหมือนนกอินทร ี
ึ
คงเคยพบ และสังเกตเห็นรูปพญาครุฑท่ประดับบนเรือ ตัว แขน และขาเป็นคน หน้าขาว ปีกแดง ตัวเป็นสีทอง
ี
�
ี
ึ
ในตาแหน่งท่เห็นได้เด่นชัด ซ่งส่วนมากจะประดับ มีชายาชื่ออุนนติ หรือวินายกา และมีโอรสสององค์ คือ
ื
ิ
ื
่
ิ
ั
ี
�
ี
ิ
บรเวณด้านหน้าสะพานเดนเรอ หรอมบางลาทประดบ สัมปาติ และชฎายุ (ในรามเกียรต์ คือ สัมพาที และสดายุ) [๑]
ุ
์
ื
้
ู
่
ิ
ู
พญาครุฑไว้บริเวณอ่น อาทิ บริเวณหัวเรือ ดังเช่น พญาครฑเป็นผมีฤทธมาก และกตัญญตอมารดาจนยอมไป
�
ึ
้
เรือหลวงแม่กลอง หลายท่านอาจพอทราบว่าพญาครุฑ ชิงนาอมฤตมาไถ่โทษให้มารดา ซ่งตกเป็นทาสของนาง
ื
ื
ี
ั
ี
เป็นสัญลักษณ์แห่งองค์พระมหากษัตริย์ท่ตามความเช่อ กัทรุมารดาของนาคท้งปวง เน่องจากแพ้ในอุบายท่พนันทาย
ื
ถอว่าพระองค์เปรยบเสมอนพระนารายณ์อวตาร สีม้าพระสุริยเทพท่นางกัทรุใช้ให้พวกนาคโอรสไปพ่นพิษ
ื
ี
ี
ี
ั
โดยพระนารายณ์น้นมีพระราชพาหนะได้แก่พญาครุฑ จนม้าทรงพระสุริยเทพเปล่ยนสีจากขาวจนกลายเป็นสีดา
�
�
รวมท้ง พญาครุฑยังปรากฏในเคร่องหมายครุฑพ่าห์ ทาให้นางวินตาแพ้พนันต้องตกเป็นทาส พวกนาค
ื
ั
ั
ื
อันเป็นเคร่องหมายทางราชการของประเทศไทย ต้งข้อสัญญาว่าถ้าพญาครุฑไปเอานาอมฤตท่พระจันทร์
�
้
ี
�
ึ
ดังน้นเรือหลวงซ่งเป็นสมบัติสาคัญของทางราชการ รักษาไว้มาให้พวกตนดื่มเพื่อจะได้เป็นอมตะ ก็จะปล่อย
ั
ื
จึงสมควรประดับครุฑ เพ่อแสดงเคร่องหมายแห่งองค์ นางวินตาให้พ้นจากความเป็นทาส พญาครุฑจึงออกเดินทาง
ื
ิ
ั
พระมหากษตรย์และทางราชการ และในบทความ ฝ่าอันตรายต่าง ๆ ไปจนถึงพระจันทร์ได้นาอมฤตแล้ว
้
�
ี
“พญาครุฑกับกองทัพเรือไทย” น้ ผู้เขียนได้รวบรวม จึงบินกลับ ระหว่างทางพบพระอินทร์และทวยเทพ
้
ึ
ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มานาเสนอต่อท่านผู้อ่าน ซ่งทราบว่าพญาครุฑมาลักนาอมฤตไปได้ เหล่าเทวดา
�
�
เพ่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้เก่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง จึงเข้ารบกับพญาครุฑเพ่อชิงนาอมฤตคืน ซ่งพญาครุฑ
ื
�
ี
้
ื
ึ
ื
พญาครุฑอันเป็นสัญลักษณ์ หรือเคร่องหมายแห่งองค์ กสามารถเอาชนะเหล่าเทวดาได้ จนแม้กระท่งพระอินทร ์
ั
็
�
้
ั
พระมหากษัตรย์กับกองทัพเรือไทยตังแต่สมยโบราณ จะใช้วัชระ (หรือสายฟ้า) ก็ยังไม่สามารถทาอันตราย
ิ
จนถึงปัจจุบัน โดยหวังว่าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อ พญาครุฑได้ แต่พญาครุฑให้เกียรติแก่พระอินทร์ในฐานะ
ท่านผู้อ่านบ้างตามสมควร จอมเทพ และเป็นเชษฐาร่วมพระบิดา จึงยอมสลัดขนลง
ให้หนึ่งเส้น หรือแม้แต่องค์พระนารายณ์ผู้ทรงเป็น
ว่าด้วยพญาครุฑ พระเป็นเจ้าสูงสุดหน่งในสามองค์ (พระเป็นเจ้าสูงสุดของ
ึ
พญาครุฑเป็นอมนุษย์จ�าพวกหน่ง เป็นก่งสัตว์ก่งเทพ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ได้แก่ พระอิศวร พระนารายณ์
ึ
ึ
ึ
ิ
มีฤทธ์อานาจมาก และเป็นเจ้าแห่งนกท้งปวง ตามความเช่อ และพระพรหม) ก็ยังเอาชนะพญาครุฑไม่ได้ แต่พญาครุฑ
�
ั
ื
ุ
ของศาสนาพราหมณ์-ฮนดู พญาครฑเป็นโอรสของ จะหนีพระนารายณ์ก็ไม่พ้นเช่นกัน
ิ
นาวิกศาสตร์ 54
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
�
ี
ในท่สุดจึงตกลงทาสัญญาเป็นไมตรีกัน โดยพระนารายณ์ ให้ใช้ตราอาร์มเป็นตราแผ่นดินใน พ.ศ. ๒๔๑๖
ี
�
ประทานพรให้พญาครุฑเป็นอมร (ผู้เป็นอมตะ หรือเป็น ภายหลังทรงมีพระราชดาริว่าตราอาร์มท่ใช้เป็น
ั
ผู้ไม่มีวันตาย) และสัญญาจะให้พญาครุฑนั่ง ณ ที่สูงกว่า ตราแผ่นดินในเวลานั้นเป็นอย่างฝร่งเกินไป
ส่วนพญาครุฑยอมเป็นพาหนะแห่งพระนารายณ์ ดังนั้น และทรงระลึกได้ว่าพระเจ้าแผ่นดินสมัยกรุงศรีอยุธยา
ุ
ี
พระนารายณ์จึงทรงครุฑ และส่วนพญาครุฑก็ได้อยู่ในธง เคยใช้ตราพระครฑพ่าห์มาก่อน (ตราท่กล่าวถึงคือ
ิ
ที่งอนรถพระนารายณ์อันเป็นที่นั่งสูงกว่า ตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์องค์เดม)
�
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นาตราพระครุฑพ่าห์
ั
มาใช้เป็นตราแผ่นดินอีกคร้งต้งแต่หลัง พ.ศ. ๒๔๓๖
ั
เป็นต้นมา และมาใช้แทนตราแผ่นดินทั้งหมดอย่างเต็มที่
ใน พ.ศ. ๒๔๕๓ โดยการใช้ตราพระครุฑพ่าห์น ี ้
�
�
สาหรับประทับกากับพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์
ื
หรอกากับนามผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์
�
�
ซงลงนานแทนในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์
่
ึ
�
ี
ี
นอกจากน้ยังใช้เป็นตราประจาสถานท่ราชการต่าง ๆ
ของรัฐบาลไทย ใช้พิมพ์เป็นตราบนหัวหนังสือ
และเอกสารต่าง ๆ ของทางราชการ และใช้เป็น
�
ตราสาหรับประทับในหนังสือราชการของกรม
ี
ี
กองต่าง ๆ นอกจากน้ บริษัท ห้างร้านท่จดทะเบียน
โดยชอบตามกฎหมาย ท่ติดต่อค้าขายโดยชอบ
ี
�
ึ
กับทางราชสานัก ซ่งปรากฏว่ามีฐานะทางการเงินด ี
เป็นที่เชื่อถือแก่มหาชน ไม่มีหนี้สินรุงรัง นอกจากหนี้สิน
ภาพที่ ๑ หน้าบันพระอุโบสถลายปูนปั้น ปกติจากการค้าขาย และจะต้องประกอบการค้า
พระนารายณ์ทรงครุฑ วัดราชมานิตสถิตมหาธาตุเจดีย์ทักษิณ โดยสุจริต อาจได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประดับ
ต�าบลคลองทราย อ�าเภอนาทวี จังหวัดสงขลา [๒]
ี
ตราพระครุฑพ่าห์เป็นตราต้งห้างไว้ท่ห้างร้านของตนได้
ั
ี
ความเกี่ยวเนื่องของพญาครุฑ และพระมหากษัตริย์ โดยพระมหากษัตริย์ทรงไว้ในสิทธิท่จะเรียกคืนตรา
[๓]
ื
เน่องจากไทยได้รับอิทธิพลความเช่อจากศาสนา ดังกล่าวได้
ื
พราหมณ์-ฮินดู ว่าองค์พระมหากษัตริย์เปรียบเสมือน
พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระรามกษัตริย์ผู้ทรง
�
ฤทธานุภาพครองกรุงอยธยา จงได้นาตราครุฑมา
ึ
ุ
ั
เป็นตราแผ่นดินต้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเรียกว่า
“ตราพระครุฑพ่าห์” เป็นพระราชลัญจกรของ
�
�
ึ
พระมหากษัตริย์องค์หน่ง สาหรับประจาชาดและ ภาพที่ ๒ ตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์องค์เดิม (ซ้าย)
่
�
ประจาครง ในการผนึกพระราชสาสน์ และหนังสือ พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์องค์กลาง ฝีพระหัตถ์สมเด็จฯ
ั
สัญญานานาประเทศ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (กลาง) และพระราชลัญจกร
พระครุฑพ่าห์ ฝีพระหัตถ์สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใช้ในสมัยรัชกาลที่ ๕ (ขวา)
นาวิกศาสตร์ 55
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ภาพที่ ๓ พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ที่ใช้เป็นตราแผ่นดิน (ซ้าย)
และพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์แบบที่ใช้เป็นตราตั้งห้าง (ขวา) [๓]
นอกจากพระราชลัญจกรครุฑพ่าห์แล้วยังมีรูป ของความกว้างของตอนต้น ธงน้ถ้าชักข้นแทนธง
ี
ึ
พญาครุฑอยู่ในธงมหาราช และธงพระครุฑพ่าห์ซ่งม ี มหาราชใหญ่ หมายความว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ึ
รายละเอียดโดยสังเขป ดังนี้ ให้งดการยิงสลุตถวายค�านับ
๑. ธงมหาราช เป็นธงพระอิสริยยศสาหรับองค์
�
พระมหากษัตริย์ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
ี
เจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ึ
ให้บัญญัติแบบอย่างของธงพระอิสริยยศข้นใหม่
ตามพระราชบัญญัติธง รัตนโกสินทรศก ๑๒๙
�
โดยทรงจาแนกธงพระอิสริยยศเป็น ๖ ช้น สาหรับ
ั
�
พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช
พระวรชายาในพระยุพราช พระราชโอรส และพระราช ภาพที่ ๔ ธงมหาราชใหญ่ (บน) และธงมหาราชน้อย (ล่าง)
ธิดาในพระมหากษัตริย์ ตามล�าดับ และทรงเปลี่ยนตรา การประดับธงมหาราชใหญ่จะประดับเหนือ
่
ี
ี
แผ่นดินในธงใหม่จากตราอาร์มเป็นตราพระครุฑพ่าห์ พระราชมณเฑยรทประทบของพระบาทสมเดจ
็
ั
ซึ่งธงมหาราชแบ่งได้เป็น ๒ ชนิด ได้แก่ พระเจ้าอยู่หัว มณฑลพิธีเขตพระราชฐานและ
[๔]
ี
ี
๑.๑ ธงมหาราชใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปส่เหล่ยม พระราชพาหนะ โดยมีรายละเอียดตามระเบียบ
จัตุรัส พื้นธงสีเหลือง มีรูปครุฑพ่าห์สีแดงอยู่ตรงกลาง ส่วนราชการในพระองค์ ว่าด้วยการใช้ การเชิญ
๑.๒ ธงมหาราชน้อย แบ่งตามความยาวออกเป็น การแสดงธง พระอิสริยยศ และการถวายความเคารพ
สองตอน ตอนต้นมีสี และลักษณะอย่างเดียวกับธง โดยใช้ธงชัยเฉลิมพล พ.ศ. ๒๕๖๒
ี
มหาราชใหญ่ แต่กว้างไม่เกิน ๖๐ เซนติเมตร ตอนปลาย ในอดีตท่ผ่านมาองค์พระมหากษัตริย์ในพระบรม
�
มีลักษณะเป็นชายต่อสีขาวแปลงเป็นรูปธงยาวเรียว ราชจักรีวงศ์หลายพระองค์ได้เสด็จพระราชดาเนินทาง
ึ
ั
ี
ึ
โดยให้ปลายสุดกว้างคร่งหน่งของตอนต้น ปลายธง ชลมารคด้วยเรือพระท่น่งซ่งมีการประดับธงมหาราช อาท ิ
ึ
ี
ตัดเป็นแฉกรูปหางนกแซงแซว ลึก ๓ ใน ๘ ส่วน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ ๖
ั
ของความยาวของผืนธง ความยาวของผืนธงเป็น ๘ เท่า เม่อคร้งเสด็จพระราชดาเนินโดยเรือพระท่น่งมหาจักร ี
�
ั
ื
ี
นาวิกศาสตร์ 56
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
เลียบหัวเมืองชายทะเลมณฑลจันทบุรี พ.ศ. ๒๔๕๗
ได้ทรงพระราชนิพนธ์กาพย์ เห่เรือ ตอนเห่ชมกระบวนเรือ [๕]
ได้มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงธงมหาราชไว้ว่า
“พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามสดศรี
มหาจักรีมี เกียรติก้องท้องสาคร
นาวาวรายุทธ อุตลุดแลสลอน
แห่ห้อมจอมนคร ราวจะรอนริปูเปลือง
ธงทิวปลิวระยับ สีสลับขาวแดงเหลือง
อันธงพระทรงเมือง เหลืองอร่ามดูงามตา
ธงตรามหาราช ผ่องผุดผาดในเวหา
รูปครุฑะราชา อ้าปีกกว้างท่าทางบิน”
(ทรงพระราชนิพนธ์พระราชทานสาหรับพิมพ์ในหนังสือสมุทสาร ภาพที่ ๕ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ใหญ่ (ซ้าย)
�
และธงชัยพระครุฑพ่าห์น้อย (ขวา)
อุดหนุนราชนาวีสมาคม เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๔๕๗)
พญาครุฑกับกองทัพเรือไทยสมัยโบราณ (ยุคเรือพาย
๒. ธงพระครุฑพ่าห์ หรือธงชัยพระครุฑพ่าห์ และเรือส�าเภา)
�
เป็นธงประจาพระองค์พระมหากษัตริย์มาแต่โบราณ ในสมยโบราณตงแตกรงสโขทยเปนราชธานเปนตนมา
ั
่
ั
้
ุ
ี
็
้
็
ั
ุ
�
�
ใช้เป็นธงชัยสาหรับแห่นาในการเสด็จพระราชดาเนิน ในการยาตราทัพเพ่อทาศึกสงครามภายในอาณาจักร
�
ื
�
ในกองทัพ คู่กับธงกระบ่ธุช ธงชัยพระครุฑพ่าห์ แบ่งได้ หรือนอกอาณาจักร หากยกทพไปทางเรือก็จะเรยกยก
ี
ั
ี
�
เป็น ๒ สารับ คือ ธงชัยพระครุฑพ่าห์สารับใหญ่ และธงชัย “ทัพเรือ” ซ่งมีความจาเป็นต้องใช้เรือเป็นพาหนะ
�
�
ึ
พระครุฑพ่าห์ส�ารับน้อย ดังนี้ ในการลาเลียงทหาร เคร่องศาสตราวุธ และเสบียงอาหาร
[๖]
ื
�
๒.๑ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ใหญ่ ผืนธงมีลักษณะ โดยเรือนอกจากจะสามารถลาเลียงทหาร และยทธปัจจัย
ุ
�
เป็นแผงมี ๓ ชาย อย่างธงชัยโบราณหุ้มด้วยผ้าสักหลาด ได้คร้งละมาก ๆ แล้ว ยังสะดวกและรวดเร็วกว่าทางบกด้วย
ั
ั
ิ
สีแดง ปักด้นทองลายกนก ยอดเป็นปลายหอก ตัวคันธงน้น จึงนิยมยกทัพไปทางเรือจนสุดทางน�้าแล้วจึงยกทัพต่อไป
ี
เป็นอาวุธอย่างตรีศูล หรือสามง่าม ท่คอคันธงมีรูป บนทางบก
ี
�
พระนารายณ์ทรงครุฑหล่อด้วยโลหะสาริดติดอยู่ท่คอคันธง เรือรบท่เป็นพาหนะของกองทัพไทยสมัยโบราณ
ี
๒.๒ ธงชัยพระครุฑพ่าห์น้อย ผืนธงมีลักษณะ มี ๒ ประเภทด้วยกัน คือ เรือรบในแม่นา และเรือรบ
�
้
เป็นผ้าสีเหลืองรูปส่เหล่ยม มีภาพครุฑท่กลางผืนธง คันธง ในทะเล โดยในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีได้มีการ
ี
ี
ี
ท่อนบนท�าด้วยเหล็ก ยอดเรียวแหลมคร�่าทอง ท่อนล่าง พัฒนาเรือรบในแม่น�าข้นหลายแบบเพ่อใช้ในสงคราม
ึ
ื
้
ุ
�
�
ทาด้วยไม้ชัยพฤกษ์ติดกาบโลหะจาหลักเป็นภาพครฑ กับพม่าเป็นหลัก ซ่งเท่าท่พบหลักฐานไทยได้ใช้เรือรบ
ึ
ี
�
จับนาค จานวน ๔ กาบ มีหางนกยูงผูกเป็นแพนเสียบท่กาบ ประเภทเรือแซเป็นเรอรบในแม่นาเพอใช้ในการลาเลียง
ี
ื
่
�
ื
้
�
ใช้เชิญนากระบวนพยุหยาตรา และอัญเชิญประดิษฐาน ทหาร และเสบียงอาหารมาช้านานแล้วโดยใช้ฝีพาย
�
ในมณฑลพิธีในการพระราชพิธีต่าง ๆ เข้าคู่กับธงชัยราช ๒๐ พาย เป็นก�าลังขับเคลื่อนให้เรือแล่นไป
[๗]
ี
กระบ่ธุชน้อย โดยธงชัยพระครุฑพ่าห์น้อยอยู่ทางด้านขวา ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พ.ศ.
และธงชัยราชกระบี่ธุชน้อยอยู่ทางด้านซ้าย ๒๐๙๑–๒๑๑๑) ได้มีการทาศึกกับพม่าหลายคร้ง
�
ั
นาวิกศาสตร์ 57
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ึ
พระองค์ได้ดัดแปลงเรือแซให้เป็นเรือไชย (ชัย) ซ่งเป็น
ี
ั
ื
ี
ื
ิ
่
ึ
่
ื
้
้
ั
ู
เรอชนดทมทวนหวเรอตงสงขนไปเป็นงอนเพอใช้ในการ
�
ี
ึ
�
ลาเลียงทหารได้มากข้น สาหรับเรือไชยท่ทรงดัดแปลง
ั
�
ใหม่น้น เป็นเรือท่มีลักษณะลาเรือยาวใช้ฝีพายประมาณ
ี
๖๐-๗๐ คน แลนไดรวดเรวกวาเรอแซ ปรากฏวาในคราวท ี ่
็
่
่
้
่
ื
้
พม่าตงค่ายล้อมกรุงศรีอยุธยาสมเด็จพระมหาจักรพร
ั
ิ
�
ี
ิ
่
ั
้
ื
รดได้โปรดเกล้าฯ ให้นาปืนใหญ่ไปตดตงทเรอไชยออก
แล่นยิงค่ายพม่าจนพม่าต้องถอยทัพกลับไป และในเวลา
็
ิ
ื
เดียวกันสมเดจพระมหาจักรพรรดิทรงคดสร้างเรอรบ
ื
โขนเรือเป็นรูปสัตว์ข้นเพ่อใช้ในสงครามอีกประเภทหน่ง ึ
ึ
�
มีลักษณะเช่นเดียวกับเรือไชย แต่ทาหัวเรือให้กว้างข้น
ึ
ั
ื
ึ
ี
เพ่อให้สามารถติดต้งปืนใหญ่ท่หัวเรือได้ ซ่งเรือรบโขนเรือ
เป็นรูปสัตว์นี้มีทั้ง ราชสีห์ คชสีห์ ครุฑ นาค วานร ฯลฯ
ี
โดยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์น้มีเรือรบโขนเรือเป็นครุฑ ภาพที่ ๖ เรือครุฑเหินเห็จ (ซ้าย)
อยู่ ๒ ลา คือ เรือครุฑเหินเห็จ และ เรือครุฑเตร็จไตรจักร และเรือครุฑเตร็จไตรจักร (ขวา)
�
[๑๐]
ี
ซึ่งเป็นเรือรูปครุฑยุดนาค โดยเรือครุฑเหินเห็จเป็นครุฑ นอกจากเรือรบโขนเรือเป็นรูปครุฑแล้ว เรือพระท่น่ง ั
ี
ี
ั
ุ
้
่
ี
กายสีแดง ส่วนเรือครุฑเตร็จไตรจักรเป็นครุฑกายสีชมพู ทมโขนเรือเปนรูปพญาครฑ ไดแก เรือพระท่น่งนารายณ์
่
็
ื
ี
ี
ั
เรือครุฑเหินเห็จลาเดิมสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ ทรงสุบรรณรัชกาลท่ ๙ โดยตามประวัตเรอพระท่น่งลาน ้ ี
ิ
�
�
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ ๑ เป็นเรือ เดิมสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ี
ั
ึ
้
ี
้
ื
รปสตวพนดายาว ๑๓ วา ๑ ศอก ๑ คบ กวาง ๔ ศอก ลก รัชกาลท่ ๓ เป็นเรือพระท่น่งโขนเรือเป็นรูปครุฑ
ื
ั
์
ั
ี
ู
�
ั
๑ ศอก ๑๐ นิ้ว ก�าลัง (ความเร็วเมื่อฝีพายเต็มอัตราพาย ยุดนาค (พญาสุบรรณ) เท่าน้น จึงมีนามเดิมว่า
ื
หนึ่งครั้ง) ๕ ศอก ๑ คืบ ๑๑ นิ้ว แต่ได้ถูกระเบิดเสียหาย เรอพระท่นงมงคลสบรรณ ต่อมาในสมยรชกาลท ๔
ี
่
่
ั
ั
ุ
ั
ี
ั
ื
ั
ในสมยสงครามโลกครงท ๒ กรมศลปากรได้เกบหวเรอ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ
่
ิ
ี
้
็
ั
ี
ึ
ื
และท้ายเรือไว้ และได้สร้างข้นใหม่เม่อวันท่ ๒๑ เมษายน ให้สร้างรูปพระนารายณ์ประทับยืนบนหลังพญาสุบรรณ
พ.ศ. ๒๕๐๕ น�้าหนัก ๗ ตัน กว้าง ๑.๕๙ เมตร ยาว ทาให้เรือมีความสง่างามมากข้น และทรงพระราชทานนามว่า
�
ึ
ั
้
๒๗.๕๐ เมตร ลึก ๐.๕๙ เมตร กินนาลึก ๐.๓๒ เมตร เรือพระท่น่งนารายณ์ทรงสุบรรณ ขนาดตัวเรือยาว
�
ี
ฝีพาย ๓๘ คน และนายท้ายเรือ ๒ คน ส่วนเรือครุฑ ๑๗ วา ๒ ศอก กว้าง ๕ ศอก ๕ นิ้ว ท้องลึก ๑ ศอก ๖ นิ้ว
[๘]
ื
เตร็จไตรจักรลาเดิมเป็นเรือรูปสัตว์พ้นดายาว ๑๓ วา พ้นทาสีแดง ใช้ฝีพาย ๖๕ นาย มฐานะเป็นเรือ
ี
�
ื
�
[๑๑]
ี
ั
ี
๑ ศอก ๑ คืบ กว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ๖ นิ้ว ลึก ๑ ศอก พระท่น่งรองทอดบัลลังก์กัญญาเทียบเท่าเรือพระท่น่ง ั
ั
๙ นิ้ว ก�าลัง ๕ ศอก ๑ คืบ ๗ นิ้ว ล�าเก่าถูกระเบิดช�ารุด อนันตนาคราช และเรือพระท่น่งอเนกชาติภุชงค์ ต่อมา
ี
ี
�
กรมศิลปากรได้เก็บหัวเรือและท้ายเรือไว้ และได้สร้าง ตัวเรือมความชารุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา คงเหลือ
ี
ื
ขนใหมเม่อวันท่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑ นาหนัก แต่โขนหัวเรือประกอบด้วยพญาสุบรรณ (พญาครุฑ)
้
่
�
้
ึ
ั
่
ี
๕.๙๗ ตัน กว้าง ๑.๙๐ เมตร ยาว ๒๗.๑๐ เมตร ลึก และพระนารายณ์เก็บรกษาไว้ทพิพิธภัณฑสถานแห่งชาต ิ
ี
๐.๕๒ เมตร กินน�้าลึก ๐.๒๙ เมตร ฝีพาย ๓๔ คน และ จนถึงมหามงคลวโรกาสท่พระบาทสมเด็จพระบรม
นายท้ายเรือ ๒ คน [๙] ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
นาวิกศาสตร์ 58
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
�
ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ เสด็จพระราชดาเนินทางทะเล ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
�
�
ี
ั
กองทัพเรือจึงได้จัดทา “โครงการสร้างเรือพระท่น่ง กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์มีลักษณะเป็นเรือสาเภา
นารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลท่ ๙” เพ่อน้อมเกล้าน้อม ท่มีการประดับตกแต่งอย่างงดงาม ซ่งบางลาท้ายเรือ
ี
ื
ึ
�
ี
ื
ื
�
กระหม่อมถวายเน่องในมหามงคลวโรกาสดังกล่าว คงทาท้ายบาหลีสูงย่นออกมาคล้ายท้ายราชรถ อาท ิ
โดยอัญเชิญโขนหัวเรือมาเป็นแบบในการสร้างเรือ เรือพระท่น่งของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมีนามว่า
ี
ั
ี
[๑๕]
ี
ั
ั
ึ
�
พระท่น่งองค์ใหม่ ซ่งมีขนาดเท่ากับลาเดิม ตัวเรือ “เรือพระท่น่งมหาพิชัยสุวรรณนาวา” ปากกว้าง
�
กว้าง ๓.๒๐ เมตร ยาว ๔๔.๓๐ เมตร กินน�้าลึก ๑.๑๐ ๓ วาเศษ ยาว ๑๗ วา โดยมีลักษณะของเรือ และกาลังพล
เมตร น�้าหนัก ๒๐ ตัน ใช้ฝีพายเพียง ๕๐ นาย เพื่อ ประจ�าเรือตามพงศาวดารกรุงธนบุรี (ประชุมพงศาวดาร
ให้สอดคล้องกับวโรกาส ๕๐ ปี แห่งการครองราชย์ [๑๒] ภาคที่ ๖๖) ดังนี้
�
ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล “เรือรบเขียนเป็นรูปตราตามตาแหน่ง ตรงข้างเรือ
ี
�
้
ั
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขียนเป็นลายรดนา เรือพระท่น่งทรงเขียนหน้าเรือเป็น
ี
้
�
รปครฑ ขางเปนลายรดนา พนกทายเขยนนาทอง พะอวดทอง
ั
ู
้
้
้
็
ุ
�
ี
ื
ู
หลังคาสสักหลาด ตะกด แจว เสากะโดง ทาสีเหลอง
ื
พลแจวใส่หมวกใส่เส้อสีดอกคา เรือรบเจ้าราชนิกุลเขียน
�
ื
้
�
ลายรดนา หลังคาหุ้มผ้าแดง พลแจวใส่เส้อเขียว มีธงแลโคม”
ั
�
เรือพระท่น่งสาหรับเดินเรือในทะเลข้างต้นน้น
ี
ั
ั
ั
�
ี
เรียกโดยท่วไป คือ “เรือพระท่น่งสาเภาทอง” และ
ใช้ตราครุฑ ซ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงใช้เป็น
ึ
พระราชพาหนะในการเสด็จยกทัพเรือไปตีกรุงกัมพูชา
ื
ั
ื
เมอ พ.ศ. ๒๓๑๔ หรอเมอคร้งกรมพระราชวังบวร
ื
่
่
มหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพเรือไปปราบพม่าท่เมือง
ี
ื
นครศรีธรรมราช เม่อปีมะเมีย พ.ศ. ๒๓๒๙ ได้ทรงใช้
ั
่
ั
่
ิ
เรือพระท่นงสุวรรณพชัยนาวาท้ายรถ หรือเรือพระทน่ง
ี
ี
ี
ี
ภาพท่ ๗ โขนหัวเรือพระท่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลท่ ๙ [๑๓]
ี
สาเภาทองท้ายรถของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
�
ี
ั
ี
ึ
ี
จากท่กล่าวมาซ่งเป็นเรือรบ และเรือพระท่น่งท่ใช้ จุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ เป็นพระราชพาหนะ โดยที่
ในแม่นาแล้ว เม่อมีการยาตราทัพเรือไปทางทะเลจึง เรอพระท่น่งใช้ตราครุฑ จึงเรียกว่า “เรือพระท่น่งครฑ” [๑๖]
ั
ี
ื
ื
ี
�
ั
ุ
้
�
ี
เกิดความจาเป็นท่จะต้องใช้เรือรบประเภทเรือเดินทะเล ดังปรากฏในนิราศกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
ึ
ซ่งเป็นเรือใบ เรือรบขนาดใหญ่ของไทยสมัยเรือใบ คร้งเสด็จไปปราบพม่าเมืองนครศรีธรรมราชฯ มีข้อความ
ั
แบ่งออกกว้าง ๆ ได้ ๒ จ�าพวก ได้แก่ เรือส�าภา หรือ กล่าวถึงเรือพระที่นั่งครุฑว่า
�
�
เรือแบบจีน และจาพวกเรือแบบตะวันตก หรือเรือกาปั่น “ท่น่งครุฑทอดท่าเตรียมเสด็จ ด่งจะเห็จนภามาศดูอาจอัด
ั
ั
ี
ั
ี
ี
แบบฝร่ง นอกจากน้ยังมีเรือเดินทะเลขนาดย่อมท่เล็กกว่าเรือ
์
ั
ิ
ั
ิ
�
สาเภา และเรือกาปั่น อาทิ เรือสาปั้นแปลง เรือกาปั่นแปลง จบพระยานาคนทรบนรวบรด สองหัตถ์ถือธงพิไชยยุทธ
�
�
�
เรือแบบญวณ (เรือแง่ หรือเรือกุไล) เรือฉลอม และเรือเป็ด ลงยันต์ลายทองต�ารับหลวง เด่นดวงเป็นรูปวายุบุตร
รวมทั้งเรือแบบแขก (เช่น เรือกลาบู)
[๑๔]
ื
่
ั
ี
ุ
ุ
ในส่วนเรือพระที่นั่งของพระมหากษัตริย์เมื่อทรงใช้ จ่ารงคร�่าใส่ช่องสองข้างครุฑ ฝรงคอยเตรยมชดจะจดปน”
นาวิกศาสตร์ 59
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ภาพที่ ๙
ั
ี
�
ครุฑประดับบนเสาหน้าของเรือพระท่น่งมหาจักรี (ลาท่ ๒) (ซ้าย)
ี
ี
และเสาหน้าฯ บริเวณท่ประดับครุฑ (ขวา-วงกลมเส้นประ)
ื
�
ต่อมาเม่อมีเรือประเภทต่าง ๆ ข้นระวางประจาการ
ึ
มากขึ้น เพื่อให้การประดับครุฑบนเรือหลวงเป็นไปด้วย
ความเรียบร้อยและเหมาะสม กองทัพเรือจึงได้ทาการออก
�
ระเบียบกองทัพเรือ ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง
[๑๗]
พ.ศ. ๒๕๒๙ ประกาศใช้เมื่อ ๑๑ เม.ย. ๒๙ และได้
ใช้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีเนื้อหาส�าคัญสรุปได้ดังนี้
�
ี
ภาพท่ ๘ เรือสาเภาทองจาลองท่ตาบลคุ้งตะเภา ๑. “เรือ” หมายถึง เรือท่มีนายทหารสัญญาบัตรเป็น
�
ี
�
ี
�
อาเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ผู้บังคับการเรือ หรือเป็นผู้ควบคุมเรือ
พญาครุฑกับกองทัพเรือไทยสมัยปัจจุบัน (ยุคเรือกลไฟ ๒. “ครุฑ” หมายถึง ครุฑที่มีลักษณะเป็นครุฑพ่าห์
จนถึงยุคเรือรบปัจจุบัน) เช่นเดียวกับเครื่องหมายทางราชการของประเทศไทย
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๓. เรือทุกลาท่มีอัตราอยู่ในกองทัพเรือให้ประดับ
�
ี
ี
�
ื
้
รัชกาลท่ ๔ เม่อได้มีการคิดประดิษฐ์เคร่องจักรไอนา ครุฑตามระเบียบนี้
ื
ข้นในยุโรปและนามาใช้กับเรือ เรือรบในทะเลของไทย ๔. ครุฑท่ประดับบนเรือ ให้ใช้วัสดุ แบบ และสี ตามท ี ่
ึ
�
ี
ื
จึงได้เปล่ยนจากการขับเคล่อนเรือโดยใช้ใบมาเป็นเรือ กรมอู่ทหารเรือกาหนด สาหรับขนาดของครุฑให้กองเรอ
ี
�
�
ื
ิ
แบบเรือกลไฟ โดยเร่มจากเรือใช้จักรข้างก่อน แล้วต่อมา ยุทธการกาหนด ตามความเหมาะสมกับขนาดของเรือ
�
จึงเปล่ยนเป็นจักรท้าย ส่วนตัวเรือแต่ก่อนใช้ไม้สร้าง ๕. ครุฑที่ประดับบนเรือ ให้ประดับ ณ ที่เห็นได้ชัด
ี
ก็เปลี่ยนมาสร้างด้วยเหล็กแทน และสง่างาม เช่น ท่หัวเรือ สะพานเดินเรือด้านหน้า
ี
เรือกลไฟท่เป็นเรือหลวงได้เร่มมีการประดับครุฑ ก่งกลางลาเรือ หรือท่ทกองเรอยุทธการกาหนด โดยม ี
ี
ิ
ี
�
ึ
ี
ื
�
่
ื
บนเรือ เพ่อเป็นเคร่องหมายแห่งองค์พระมหากษัตริย์ หลักเกณฑ์ดังนี้
ื
และสมบัติของทางราชการ โดยครุฑน้มีลักษณะเหมือนรูป ๕.๑ เรือประเภทและขนาดเดียวกัน ให้ประดับ
ี
พระครุฑพ่าห์ท่เป็นตราแผ่นดิน อาทิ เรือยงยศอโยชณิยา ครุฑที่มีขนาดและต�าแหน่งที่เดียวกัน
ี
แต่ครุฑท่ประดับบนเรือหลวงท่เก่าแก่ท่สุดของราชนาว ี ๕.๒ เรือแต่ละลาประดับครุฑได้เพียงแห่งเดียว
ี
ี
ี
�
ี
ไทยท่รักษาไว้ได้ คือ ครุฑท่ประดับบนเสาหน้าของเรือ ๖. เรือทุกลาท่ประดับครุฑ ต้องรักษาครุฑ
ี
ี
�
ี
ี
พระท่น่งมหาจักรี (ลาท่ ๒) ซ่งปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ ให้อยู่ในสภาพสง่างามตลอดเวลา
�
ึ
ั
ี
�
ท่พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ เลขท่ ๙๙ ถนนสุขุมวิท อาเภอ ๗. ให้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการรักษาการ
ี
ปากนา จังหวัดสมุทรปราการ (ตรงข้ามกับโรงเรียนนายเรือ) ตามระเบียบนี้
้
�
นาวิกศาสตร์ 60
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
�
ในส่วนของกองเรือยุทธการจึงได้ทาการออกระเบียบ เบ็ดเตล็ด กองโรงงาน อธบ.อร. เป็นผู้สร้างองค์ครุฑ [๑๙]
กองเรือยุทธการ ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง ซึ่งในปัจจุบันมีแบบองค์ครุฑอยู่ ๓ ขนาด สร้างจากวัสดุ
ึ
พ.ศ. ๒๕๒๙ ข้นมารองรับระเบียบกองทัพเรือฯ ซิลิโคน (Silicone) ได้แก่
และได้ปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยการออกระเบียบ ๑. แบบองค์ครุฑขนาดเล็ก (ความสูงจาก
กองเรือยุทธการว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง ปลายแพนหางถึงปลายปีกด้านบน ๔๗ เซนติเมตร
พ.ศ. ๒๕๓๓ เม่อ ๑๓ ส.ค. ๓๓ โดยให้ยกเลิกระเบียบ ความกว้างจากปลายปีกข้างหนึ่งถึงปลายปีกอีกข้างหนึ่ง
ื
[๑๘]
กองเรือยุทธการ ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง ๔๕ เซนติเมตร)
พ.ศ. ๒๕๒๙ และระเบียบกองเรือยุทธการ ว่าด้วยการ ๒. แบบองค์ครุฑขนาดกลาง (ความสงจาก
ู
ประดับครุฑบนเรือหลวง พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ๒) และ ปลายแพนหางถึงปลายปีกด้านบน ๖๗ เซนติเมตร
ใช้ระเบียบฯ น้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยกาหนดขนาด ความกว้างจากปลายปีกข้างหนึ่งถึงปลายปีกอีกข้างหนึ่ง
�
ี
�
ี
ี
ของครุฑ และตาบลท่ท่ประดับครุฑตามผนวกท้าย ๗๐ เซนติเมตร)
ระเบียบน้ รวมท้งกาหนดให้ผู้อานวยการกองกาลังพล ๓. แบบองค์ครุฑขนาดใหญ่ (ความสูงจาก
�
ี
�
�
ั
กองบัญชาการกองเรือยุทธการ รักษาการตามระเบียบนี้ ปลายแพนหางถึงปลายปีกด้านบน ๘๐ เซนติเมตร
ึ
ี
�
ซ่งผู้เขียนขอนารายละเอียดเก่ยวกับขนาดของครุฑ ความกว้างจากปลายปีกข้างหนึ่งถึงปลายปีกอีกข้างหนึ่ง
และต�าบลที่ที่ประดับมาเสนอพอสังเขป ดังนี้ ๙๓ เซนติเมตร)
ื
โดยองค์ครุฑเพ่อประดับบนเรือหลวงจะสร้างจาก
วัสดุไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) เพ่อให้มีนาหนักเบา
้
�
ื
และมีความคงทนแข็งแรง เม่อสร้างองค์ครุฑเสร็จ
ื
เรียบร้อยแล้ว ก็จะส่งต่อให้โรงงานช่างสี แผนกโรงงาน
เบ็ดเตล็ดฯ เป็นผู้ดาเนินการลงสีองค์ครุฑให้เป็นไป
�
ตามรปแบบ และเมอดาเนนการเสรจทกขนตอนจนได้
ู
่
ื
็
ิ
ุ
้
ั
�
ี
องค์ครุฑท่สมบูรณ์แล้ว อธบ.อร. ก็จะแจ้งคณะกรรมการ
�
ื
ื
ื
ต่อเรอฯ หรอผ้แทนอู่ต่อเรือมารับองค์ครุฑเพ่อนาไป
ู
ท่มา : ผนวกแนบท้ายระเบียบกองเรือยุทธการ ประดับบนเรือหลวงต่อไป
ี
ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง พ.ศ. ๒๕๓๓
ื
�
ื
ั
สาหรับการสร้างองค์ครุฑเพ่อประดับบนเรอหลวงน้น
(ท่เรียกพญาครุฑเป็นองค์ เน่องจากพญาครุฑถือเป็น
ี
ื
ึ
ึ
ก่งสัตว์ ก่งเทพ และเป็นพาหนะของพระนารายณ์:
ื
ผู้เขียน) เม่อมีการต่อเรือจนใกล้จะแล้วเสร็จ
ื
คณะกรรมการต่อเรอของโครงการต่อเรอต่าง ๆ
ื
ั
ของกองทัพเรือ หรืออู่ต่อเรือท่ทาการต่อเรือท้งในและ
�
ี
ี
ต่างประเทศ จะขอรับการสนับสนุนการสร้างองค์ครุฑ ภาพท่ ๑๐ แบบองค์ครุฑขนาดเล็ก (ซ้าย) แบบองค์ครุฑขนาด
จากอู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ (อธบ.อร.) กลาง (กลาง) และแบบองค์ครุฑขนาดใหญ่ (ขวา)
ี
�
ึ
ซ่งกองโรงงาน อธบ.อร. เป็นผู้รับผิดชอบในการดาเนินการ ท่มา : ได้รับความอนุเคราะห์จากโรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว
โดยมีโรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว แผนกโรงงาน แผนกโรงงานเบ็ดเตล็ด กองโรงงาน อธบ.อร.
นาวิกศาสตร์ 61
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ื
เน่องจากองค์ครุฑจะต้องประดับบนเรือหลวง โดยรูปพญาครุฑจะมีลักษณะเหมือนรูปครุฑพ่าห์อันเป็น
ื
�
ั
ให้แล้วเสร็จก่อนทาพิธีรับมอบเรือ ดังน้นในแต่ละปี เคร่องหมายทางราชการของประเทศไทย นอกจากน ้ ี
ึ
ี
ื
ิ
ิ
�
�
ึ
จึงมีจานวนองค์ครุฑท่สร้างข้นอยู่กับจานวนเรือท่ต่อข้น ในด้านความศักด์สิทธ์ เน่องจากพญาครุฑเป็นผู้ทรง
ี
และใกล้จะแล้วเสร็จ อาทิ เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง อิทธิฤทธิ์และความดีงาม จึงเป็นเครื่องหมายให้ก�าลังพล
เรือ ต.๙๙๗ และ เรือ ต.๙๙๘ ทางคณะกรรมการ ประจาเรือเกิดความอบอุ่น ม่นใจ ตลอดจนสร้างขวัญ
ั
�
ิ
ิ
�
ต่อเรือของโครงการต่อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง และกาลังใจในการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ว่าจะมีส่งศักด์สิทธ ิ ์
ได้ขอรับการสนับสนุนการสร้างองค์ครุฑ จานวน สถิตและคอยคุ้มครองอยู่เสมอ อีกทั้งในฐานะข้าแผ่นดิน
�
๒ องค์ จาก อธบ.อร. ในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ก็เสมือนมีสัญลักษณ์แทนองค์พระมหากษัตริย์สถิตอยู่ใน
และจะขอรับในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ โดย พาหนะอันตนมีส่วนร่วมในการปกป้องคุ้มครองเอกราช
ในปัจจุบันเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ๙๙๗ และ และอธิปไตยของราชอาณาจักรอีกประการหนึ่ง
�
เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ๙๙๘ มีการกระทาพิธีปล่อยเรือ ขนบธรรมเนียมในการสร้างองค์พญาครุฑเพ่อ
ื
่
�
ตรวจการณ์ใกล้ฝั่งลงน�้า ณ อูตอเรือบริษัทมาร์ซัน จ�ากัด ประดับบนเรือหลวงของราชนาวีคงจะดาเนินสืบต่อไป
่
(มหาชน) แล้ว เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ และ อีกตราบนานเท่านาน เพราะเป็นการสืบสานจิตวิญญาณ
ั
ุ
ื
่
์
่
ิ
ิ
�
�
ั
กาลงดาเนนการตดต้งอปกรณต่าง ๆ เพอส่งมอบเรือตอไป เอกลักษณ์ และความจงรักภักดีของทหารเรือ
และกองทัพเรือไทยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
�
ึ
และประเทศชาตซ่งดารงมายาวนานต้งแต่บรรพบุรุษ
ิ
ั
มาโดยไม่ขาดสาย
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอขอบพระคุณผู้ให้การสนับสนุน
ั
ทุกท่านท้งมารดาของผู้เขียนซ่งเป็นอาจารย์ในวิชา
ึ
ภาษาไทยและวรรณคดี รวมถึงก�าลังพลของกองโรงงาน
ิ
อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ โดยเฉพาะอย่างย่ง
ภาพที่ ๑๑ องค์ครุฑขนาดเล็กที่สร้างเสร็จแล้ว โรงงานช่างต่อเรือใยแก้วฯ และโรงงานช่างสีฯ ทุกท่าน
ึ
�
ด้านหน้า และด้านหลัง ซ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลสาคัญในการสร้างองค์พญาครุฑ
ที่มา : ได้รับความอนุเคราะห์จากโรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว แผนก เพ่อประดับบนเรือหลวง หวังว่าบทความ “พญาครุฑ
ื
โรงงานเบ็ดเตล็ด กองโรงงาน อธบ.อร.
กับกองทัพเรือไทย” น้ จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านบ้าง
ี
สรุป ตามสมควร และหากมีข้อบกพร่อง หรือผิดพลาด
พญาครุฑเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระมหากษัตริย์ แต่ประการใดผู้เขียนขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว
ี
ตามคติความเช่อท่ว่าพระองค์คือพระนารายณ์อวตาร
ื
โดยมีพระราชพาหนะคือพญาครุฑ ดังน้นกองทัพเรือ
ั
และเรือรบไทยนับแต่โบราณจึงมีรูปพญาครุฑประดับ
หรือปรากฏอยู่ อาทิ โขนหัวเรือ ตราเรือ หรือธงชัย
ื
แทนพระองค์พระมหากษัตริย์ ต่อมาเม่อต่อเรือรบ
ี
ด้วยเหล็กจึงมีการเปล่ยนมาสร้างรูปพญาครุฑด้วยวัสด ุ
้
�
ท่คงทนแข็งแรงนาหนักเบา เพ่อประดับบนเรือหลวง
ี
ื
ั
ในฐานะสญลักษณ์ และสมบติสาคญของทางราชการไทย
ั
ั
�
นาวิกศาสตร์ 62
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
เอกสารอ้างอิง
ื
ื
�
[๑] เก้อพันธุ์ นาคบุปผา , พ้นฐานการอ่านวรรณคดีไทย , (กรุงเทพฯ สานักพิมพ์ต้นอ้อ แกรมม่ , ๒๕๔๐) , หน้า ๑๔๗
ี
[๒] เว็บไซต์ขององค์การบริหารส่วนต�าบลคลองทราย อ�าเภอนาทวี จังหวัดสงขลา
(http://www.klongsai.go.th/travel/detail/750)
[๓] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี จากเว็บไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/ตราแผ่นดินของไทย
[๔] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี จากเว็บไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/ธงพระอิสริยยศในประเทศไทย
[๕] มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว , พระบาทสมเด็จพระ , พระราชนิพนธ์ บทเห่ชมกระบวนเรือ , ประชุมกาพย์เห่เรือ ฉบับ
ิ
�
ี
ั
์
พิมพ์คร้งท่ ๓ แจกในการกฐินพระราชทาน จางวางเอก พระยาประสิทธศุภการ ผู้สาเร็จราชการมหาดเล็ก ณ
ุ
ั
วดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบรี วนท่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ , (กรุงเทพฯ , โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๖๔)
ั
ี
[๖] โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ , คู่มือการฝึก
ี
ว่าด้วยแบบฝึกท่ากระบ่ และการปฏิบัติของผู้อัญเชิญธงชัยเฉลิมพล พ.ศ. ๒๕๖๐ ภาคผนวก ธงราชกระบ่ยุทธ และ
ี
ู่
์
์
ี
ธงพระครุฑพ่าห , ไฟลดาวโหลด คมอแบบฝึกพระราชทาน รัชกาลท ๑๐ (โรงเรยนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษา
ี
่
ื
พระองค์ : รร.ทม.รอ.)sword_flag.pdf จากเว็บไซต์กองงบประมาณ สานักงานงบประมาณและและการเงิน
�
ส�านักงานต�ารวจแห่งชาติ (https://policebudget.go.th/drupal/content/คู่มือแบบฝึกพระราชทาน-รัชกาล
ที่-๑๐-โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์-รร.ทม.รอ)
ื
็
ั
ื
ั
ิ
[๗] ประวตกองทพเรอ จากเวบไซต์กองทพเรอ https://www.navy.mi.th/index.php/history/detail/his
ั
tory_id/14
[๘] เรือครุฑเหินเห็จ จากเว็บไซต์กองทัพเรือ https://www.navy.mi.th/index.php/main/detail/content_id/1639
[๙] เรือครุฑเตร็จไตรจักร จากเว็บไซต์กองทัพเรือ https://www.navy.mi.th/index.php/main/detail/con
tent_id/1640
[๑๐] เรือครุฑเหินเห็จและเรือครุฑเตร็จไตรจักร จากเว็บไซต์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒
ื
หมวดข้อมูลเก่ยวกับพระราชพิธีเบ้องปลาย (http://www.phralan.in.th/coronation/finalceremoniesdetail.
ี
php?id=836)
[๑๑] เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙ จากเว็บไซต์กองทัพเรือ
(https://www.navy.mi.th/index.php/main/detail/content_id/1618)
[๑๒] คณะท�างานจัดท�าหนังสือ “ จอมทัพไทยกับราชนาวี ” กองทัพเรือ , จอมทัพไทยกับราชนาวี , (กรุงเทพฯ ,
โรงพิมพ์ อรุณการพิมพ์ เขตพระนคร, ๒๕๓๙) , หน้า ๔๐๘
ี
ี
ั
[๑๓] เรือพระท่น่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลท่ ๙ จากเว็บไซต์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒
ี
หมวดข้อมูลเก่ยวกับพระราชพิธีเบ้องปลาย (http://www.phralan.in.th/coronation/finalceremoniesdetail.
ื
php?id=938)
[๑๔] แชน ปัจจุสานนท์ , พลเรือตรี , ประวัติการทหารเรือไทย , (กรุงเทพ ฯ , ห้างหุ้นส่วนจ�ากัดอรุณการพิมพ์ ,
๒๕๔๑) , หน้า ๑๒๐ - ๑๒๖
[๑๕] Ibid. , หน้า ๑๒๘
[๑๖] Ibid. , หน้า ๑๒๙
นาวิกศาสตร์ 63
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
[๑๗] นิพนธ์ ศิริธร , พลเรือเอก , ผู้บัญชาการทหารเรือ , ระเบียบกองทัพเรือ ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง
พ.ศ.๒๕๒๙ , ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๙
[๑๘] อัศวิน หิญชีระนันท์ , พลเรือเอก , ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ , ระเบียบกองเรือยุทธการ ว่าด้วยการประดับ
ครุฑบนเรือหลวง พ.ศ.๒๕๓๓ , ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓
[๑๙] สัมภาษณ์ น.ต.ปรีชา ศรีสิงห์ นายช่าง โรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว แผนกโรงงานเบ็ดเตล็ด กองโรงงาน อธบ.อร.
และ ร.อ.สรยง เขมสกลเศรฐ หัวหน้าช่าง โรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว ฯ , ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔
ครุฑเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์
นาวิกศาสตร์ 64
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
Mission Command เป็นหลักนิยมใหม่ของ
กองทัพบกสหรัฐอเมริกา ในการควบคุมบังคับบัญชา
ึ
(Command and Control) ซ่งเน้นการบรรล ุ
ตามเจตนารมณ์ของหน่วยเหนือ หรือวัตถุประสงค์
�
ของภารกิจ มากกว่าความสาเร็จของกิจเฉพาะท ี ่
ื
ได้รับ เน่องจากสภาวะแวดล้อมในปัจจุบันสามารถ
ี
ี
เปล่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว ขณะน้เรามีความ
ได้เปรียบข้าศึก อีกไม่นานอาจเสียเปรียบก็ได้ แผนท่ได้
ี
�
ั
เตรียมการไว้ และออกคาส่งให้แก่หน่วยรองในขณะน ี ้
อาจใช้ไม่ได้ผล เม่อต้องปฏิบัติในสถานการณ์ท ่ ี Ref: BSS5: The Battle Staff SMARTbook, 5th Ed.
ื
(www.TheLightningPress.com)
เปลี่ยนแปลงไป หรือไม่เป็นไปตามที่ได้วางแผนไว้
ั
ปัจจุบันระบบปฏิบัติการในสนามรบของกองทัพบก จะเห็นว่า Mission Command น้น เป็น
สหรัฐอเมริกา ได้เปล่ยนจากแบบ BOS7 (Battlefield องค์ประกอบหนึ่งของระบบปฏิบัติการสนามรบแบบใหม่
ี
Operating Systems) ไปเป็นแบบ Warfighting ซึ่งเชื่อมโยงองค์ประกอบอื่น ๆ ให้สอดคล้องกัน เพื่อให้
Function ซึ่งประกอบด้วย ๖ ส่วน ดังนี้ เห็นภาพ หรือเข้าใจในหลักการของ Mission
๑. การบังคับบัญชาภารกิจ (Mission Command) Command จะขอยกตัวอย่างเป็นเหตุการณ์สมมุติ ดังนี้
่
ี
ี
ื
๒. การดาเนินกลยุทธ์ และการเคล่อนท (Move- เม่อเวลา ๒๐๐๐ ณ ท่กองบังคับการกองพันแห่งหน่ง
�
ื
ึ
ment and Maneuver) ผู้บังคับกองพันได้เรียกผู้บังคับกองร้อยชาลีมารับ
๓. การยิงสนับสนุน (Fires) ภารกิจด่วน โดยชี้ไปที่สะพานในแผนที่แล้วได้สั่งการว่า
ี
๔. การด�ารงสภาพ (Sustainment) “ในวันพรุ่งน้จะให้กองร้อยชาลียึดสะพานน้ให้ได้ก่อน
ี
๕. การพิทักษ์หน่วย (Protection) เวลา ๑๒๐๐ คิดว่าท�าได้ไหมผู้กอง” ผู้บังคับกองร้อย
๖. การข่าว (Intelligence) จึงท�าการประมาณสถานการณ์ และวางแผนการปฏิบัติ
นาวิกศาสตร์ 65
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
้
แบบเร่งด่วน แล้วตอบกลับผู้บังคับกองพันไปว่า ที่หมายไดรายงานกลับมาว่า สะพานได้ถูกระเบิดท�าลาย
ี
ี
“ภารกิจในการไปยึดสะพาน ตามท่ได้วิเคราะห์ ไปแล้ว ผู้บังคับกองร้อยจึงวิทยุแจ้งไปยังท่กองบังคับการ
ั
ื
�
ี
ี
จากกาลังฝ่ายเราท่จะใช้คือ ๑ กองร้อยปืนเล็ก น้น กองพันแล้วถอนกาลังกลับ เน่องจากภารกิจท่ได้รับน้นไม่
ั
�
มากกว่าฝ่ายตรงข้ามท่มีเพียงแค่ ๑ ชุดปฏิบัติการ สามารถปฏิบัติได้
ี
ี
ื
ี
ื
ื
่
�
ในการรักษาพ้นท ฝ่ายเรามีความได้เปรียบในเร่องพ้นท ี ่ น่คือแนวความคิดในการรบแบบเก่าท่รบคาสง
่
ั
ี
ั
�
อย่างมาก เน่องจากมีเนินตรวจการณ์หลายเนินท่สามารถ ทาทันท ทาให้ดีท่สุด ไม่ต้องถามเหตุผล เน่องจาก
ี
ื
ี
ี
ื
�
ตรวจการณ์ในพ้นท่ปฏิบัติการได้ ประกอบกับยังมีเวลา ผู้บังคับบัญชาได้ผ่านกระบวนการคิด และวางแผนมาให้
ื
ี
ในการวางแผนอย่างละเอียดให้หน่วยรอง และมีเวลา อย่างรอบคอบแล้ว แต่ถ้าหากเป็นหลักนิยม Mission
ั
ในการซักซ้อมการปฏิบัติก่อนปฏิบัติจริง คิดว่าภารกิจนี้ Command แล้วน้น หน่วยรองต้องเข้าใจวัตถุประสงค์
สามารถปฏิบัติให้ส�าเร็จได้ครับ” ของภารกิจน้นให้ถ่องแท้ก่อน ในกรณีตัวอย่างน หาก
้
ี
ั
�
ี
ื
ั
ั
ั
หลงจากน้นก็ได้กลบมาทาแผนโดยละเอยด มการ วัตถุประสงค์ของการไปยึดสะพานน้น เพ่อข้ามไปทาลาย
ี
ั
�
ี
ื
ี
ั
ประยุกต์ใช้ระบบปฏิบัติการในสนามรบท้ง ๗ (Battle- ขบวนสัมภาระรบต่าง ๆ ท่คาดว่าจะอยู่ในพ้นท่ฝั่งตรงข้าม
ี
ื
field Operating Systems หรอ BOS 7) ในการวางแผน การตอบสนองภารกิจของหน่วยรองก็อาจจะเปล่ยนไป
เพ่อให้ครอบคลุมในทุกระบบปฏิบัติการ รวมถึงมีการ เช่น ตัวอย่างจากเหตุการณ์เดิม
ื
ซักซ้อมการปฏิบัติต่าง ๆ เรียกได้ว่ามีความพร้อมปฏิบัติ ในข้นการวางแผนของกองร้อย จะมุ่งเน้นไปท ่ ี
ั
เป็นอย่างมาก วัตถุประสงค์ของหน่วยเหนือเป็นหลัก คือการทาลาย
�
ึ
เมื่อถงวันปฏบติการ กดาเนินการตามแผน ขบวนสัมภาระรบต่าง ๆ กองร้อยก็จะวางแผนต่าง ๆ
�
็
ั
ิ
ื
ิ
ี
ั
ี
จนกระท่งส่วนล่วงหน้าท่ไปลาดตระเวนหาข่าวบริเวณ เพ่มเติมจากภารกิจหลัก เพ่อรองรับการท่จะบรรล ุ
ต�ำรำหลักท่อธิบำยเก่ยวกับ Mission Command
ี
ี
66
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
�
ุ
�
วัตถุประสงค์เป็นแผนสารอง หรือแผนเผชิญเหต เช่น ส่งคาขอยิง ปรับการยิง วางแผน และประสานการยิง
อาจมอบความเร่งด่วนเป้าหมายในการยิงสนับสนุนให้ ปกติจะสมทบให้กับ ๑ กองร้อยปืนเล็ก ซ่งเม่อนาหลัก
�
ื
ึ
�
กับขบวนสัมภาระรบข้าศึกหากมีการตรวจการณ์พบ Mission Command มาปรับใช้ จะทาให้กาลังพล
�
ผู้ตรวจการณ์หน้าเคร่องยิงลูกระเบิด หรือปืนใหญ่ ในชุดตระหนักถึงภารกิจของชุดตรวจการณ์ มากกว่า
ื
�
สนาม สามารถส่งคาขอยิงได้ทันท หรือในช่วงการ หน้าท่เฉพาะของตัวเอง ในการฝึกต่าง ๆ จะม ี
ี
ี
ื
ี
วางแผนอาจมีการพิจารณาช่องทางข้ามอ่นท่หน่วย การฝึกการทดแทนตาแหน่งกันในกรณีต่าง ๆ เช่น
�
สามารถปฏิบัติได้ เป็นแผนสารองในการข้ามฟาก นายทหารตรวจการณ์หน้าต้องสามารถใช้วิทยุในข้นต้นได้
ั
�
ี
ั
ื
ื
เพ่อเป็นแผนทางเลือกเสนอให้หน่วยเหนือพิจารณา หรือแม้กระท่งเจ้าหน้าท่ส่อสารต้องปรับการยิงได้เม่อ
ื
ี
ี
�
�
ปรับตามสถานการณ์ท่เปล่ยนแปลงไป หรืออาจ จาเป็น ทาให้เกิดความยืดหยุ่นในการปฏิบัติทางยุทธวิธ ี
ี
สรุปได้ว่า Mission Command เป็นหลักนิยมท่ให้ สามารถแยกสมทบให้หน่วยรองต่าง ๆ เช่น หมวด หรือ
ื
หน่วยรองมีโอกาสในการคิดวิธีการใหม่ ๆ เพ่อให้ ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจต่าง ๆ ตามพื้นที่ปฏิบัติการ หรือ
บรรลุวัตถุประสงค์ของหน่วยเหนือได้มากขึ้น ภูมิประเทศท่ได้เปรียบ หรือสามารถทดแทนกันในกรณ ี
ี
�
ถึงตรงน้ท่านผู้อ่านบางท่านอาจสงสัยว่า ปกต ิ ท่สูญเสีย หรือได้รับบาดเจ็บ โดยภารกิจยังสามารถกระทา
ี
ี
ภารกิจทางทหารจะประกอบไปด้วย 5W (Who What ได้อย่างต่อเนื่อง
�
When Where Why) ใคร ทาอะไร เม่อไหร่ ท่ไหน หากพิจารณาท่หลักนิยมในการยุทธสะเทินนา
ี
้
�
ื
ี
และท�าไม ซึ่งหัวข้อ “ท�าไม” นั้นก็คือวัตถุประสงค์ของ สะเทินบกกับหลักนิยม Mission Command แล้ว
ั
ภารกิจน่นเอง หลักการในการเขียนภารกิจน้นมีมา จะเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งใช้หลักแยกการปฏิบัติ
ั
ี
ก่อนหลักนยม Mission Command เสียอก แต่หาก (Decentralized Execution) ข้นการปฏิบัติจะให้เสร ี
ั
ิ
ลองศึกษาแนวทางการเขียนภารกิจในส่วนของ Why ในการตัดสินใจกับหน่วยรองให้มากท่สุด โดยธรรมชาต ิ
ี
หรือวัตถุประสงค์ของภารกจนน ส่วนใหญ่จะเป็นการ ของการยุทธสะเทินนาสะเทินบก เป็นการยากท่จะ
ี
้
ิ
ั
้
�
�
นาเอาภารกิจของหน่วยเหนือ หรือหน่วยรับการสนับสนุน ปฏิบัติการต่าง ๆ ได้ตามแผน เนื่องจากช่องว่างระหว่าง
มาเป็นวัตถุประสงค์ของหน่วยรอง เช่น ภารกิจของ เวลาท่วางแผนกับเวลาปฏิบัติน้น ไม่สามารถเกาะติด
ั
ี
ื
ี
ี
ื
ั
ื
กรมทหารราบในคร้งน้คือ การต้งรับแบบยึดพ้นท่เพ่อ สถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างต่อเน่องเหมือนการรบ
ั
�
�
ี
ิ
ั
รักษาแนวหลักเขตต่าง ๆ ภารกิจของกองร้อยทหารช่าง ทางบกท่วไป แล้วยังต้องสร้างสมอานาจกาลังรบท่เร่ม
ี
ั
ท่มาสมทบกรมทหารราบในคร้งน้อาจจะเป็นการสร้าง จากศูนย์อีก เพราะฉะน้นจึงควรมีพ้นท หรือการมอบ
ั
่
ี
ื
ี
ื
เคร่องกีดขวางทางทหาร สนับสนุนการต้งรับแบบยึด อ�านาจให้กับหน่วยรองต่าง ๆ ได้มีอิสระในการตัดสินใจ
ั
่
พื้นที่ของกรมทหารราบ จะเห็นว่าไม่ได้มุ่งเน้นการบรรลุ เน่องจากเป็นส่วนทรู้ และเข้าใจสถานการณ์ในขณะน้น
ื
ี
ั
วัตถุประสงค์ของภารกิจโดยตรง แต่เป็นส่วนประกอบ ได้ดีท่สุด รวมถึงหน่วยเหนือก็ไม่สามารถควบคุมการ
ี
ในการสนับสนุนให้บรรลุภารกิจของหน่วยเหนือ ปฏิบัติต่าง ๆ ของหน่วยรองได้ทั้งหมดในช่วงแรก ๆ ของ
�
หลักนิยม Mission Command ยังสามารถนามาใช้ ขั้นการยกพลขึ้นบก
้
กับการท�างานภายในองค์กร หรือหน่วยทหารต่าง ๆ ได้ นอกจากน การยุทธสะเทินนาสะเทินบกเป็นปฏิบัติการ
ี
้
�
ั
ี
เช่น โดยท่วไป ๑ ชุดตรวจการณ์หน้า ปืนใหญ่สนาม ทางทหารท่มีความล่อแหลมต่อการสูญเสีย อันเน่องมาจาก
ื
ึ
�
จะประกอบด้วย กาลังพล ๖ นาย (นายทหารตรวจการณ์หน้า การถูกข้าศึกต้านทาน หรือต่อต้านการยกพลข้นบก
ึ
๑ นาย พันจ่าตรวจการณ์หน้า ๑ นาย เจ้าหน้าที่สื่อสาร มากท่สุดปฏิบัติการหน่ง ทาให้ทุกส่วนต้องตระหนักถึง
�
ี
ี
๒ นาย พลทางสาย ๒ นาย) มีหน้าที่เฝ้าตรวจสนามรบ วัตถุประสงค์ของภารกิจมากกว่ากิจเฉพาะท่ได้รับ
นาวิกศาสตร์ 67
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ึ
ี
การยกพลข้นบกท่ นอร์มังดี
ี
ั
ึ
ื
ั
เช่น ระหว่างข้นการเคล่อนท่จากเรือสู่ฝั่ง ซ่งเป็นข้นท ่ ี ในวัตถุประสงค์เดียวกัน เพียงแต่ต้องปรับภารกิจใหม่จาก
กาลังรบยกพลข้นบกอ่อนแอมากท่สุด หากมีเรือ สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ี
�
ึ
�
หรือยานพาหนะในการยกพลข้นบกลาใดลาหน่ง หากได้ศึกษาแนวความคิดทางทหารในยุคก่อน ๆ
ึ
�
ึ
้
ึ
�
ี
ี
ี
ื
ั
ั
จมระหว่างในข้นน ทาให้หลังจากข้นบกแล้วหน่วยน้น จะเห็นว่าหน่วยเคล่อนท่เร็วต่าง ๆ ท่จะต้องปฏิบัติการ
ิ
�
่
ี
ิ
ี
ื
�
่
ื
ี
ั
เหลอกาลงไม่มากพอทจะปฏบตตามภารกจทได้ ในพ้นท่ห่างไกล ทาให้การควบคุมบังคับบัญชา และ
ิ
ั
ื
รับมอบได้สาเร็จ ผู้บังคับหน่วยท่อาวุโสในบริเวณน้น ส่อสารกระทาได้ลาบาก จะใช้หลัก Mission Command
�
�
ั
ี
�
ู
ั
ิ
ิ
ั
อาจดึงมาร่วมเพมเติม หรือมาทดแทนในส่วนท่สญเสย แทบท้งส้น เช่น สมัยสงครามนโปเลียนฝร่งเศส หรือแม้แต่
ี
่
ี
ก็ได้ เพราะอย่างไรการปฏิบัติในข้นต่อไปก็ยังคงอยู่ ยุทธวิธีสายฟ้าแลบ Blitzkrieg ท่เยอรมันใช้อย่างได้ผล
ั
ี
ในช่วงต้นของสงครามโลกคร้งท่สอง ในขณะเดียวกัน
ี
ั
ในสงครามสมัยใหม่ เช่น การรบในพ้นท่ส่งปลูกสร้าง
ี
ื
ิ
ั
การต่อต้านการก่อการร้าย หรือแม้กระท่งภารกิจช่วยเหลือ
ผู้ประสบภัยต่าง ๆ ที่ต้องใช้ความรวดเร็วในการตัดสินใจ
ี
ต้องใช้หลัก Mission Command มากกว่าท่จะใช้
ั
หลักการควบคุม หรือบงคบบัญชาแบบสมยเก่า
ั
ั
ท่จะต้องรายงาน และรอส่งการจากหน่วยเหนือเกือบ
ี
ั
ทุกขั้นตอน
หลักส�ำคัญของ Mission Command
Mission Command ต้องการสภาพแวดล้อม
ั
ื
ึ
ี
ยุทธวิธีสำยฟ้ำแลบ หรือ Blitzkrieg ท่หน่วยทหารมีขีดความสามารถ มีความเช่อม่นซ่งกัน
68
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ิ
ั
ึ
ั
ี
ั
ี
ิ
และกัน ตลอดจนมีความเข้าใจท่ตรงกันระหว่างผู้บังคับ รวมถงต้องมความเข้าใจในหลกนยม และหลกปฏบต ิ
บัญชา ฝ่ายอานวยการ และหน่วยรองต่าง ๆ โดยให้หน่วยรอง ประจา หรือระเบียบปฏิบัติประจาต่าง ๆ ท่ใช้ภายในหน่วย
�
ี
�
�
ึ
ิ
ใช้ความริเร่มในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ภายใต้กรอบเจตนารมณ์ ซ่งต้องใช้เป็นหลักปฏิบัติเดียวกัน หากมีประเด็นใด
ั
ของผู้บังคับบัญชา คาส่งท่จะมอบให้หน่วยรอง จะมุ่งเน้น ยังเข้าใจได้ไม่กระจ่าง สามารถถามหรือปรึกษาในส่งท ี ่
ิ
�
ี
ี
ี
ไปท่วัตถุประสงค์ของภารกิจ และมาตรการควบคุมท่สาคัญ ยังไม่ค่อยเข้าใจได้ การแลกเปล่ยนความเข้าใจต่าง ๆ
�
ี
ั
ต่าง ๆ มากกว่าท่จะลงรายละเอียดการปฏิบัติให้หน่วยรอง จะทาได้ง่ายข้น หากภายในหน่วยน้นมีความไว้วางใจ
�
ึ
ี
ิ
่
ื
ิ
เพอให้หน่วยรองได้ใช้ความคดรเรมในการวางแผนให้ ซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี
่
ิ
�
สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึงมอบอานาจในการ - เจตนำรมณ์ผู้บังคับบัญชำ (Commander’s
ี
บังคับบัญชา และตัดสินใจต่าง ๆ ด้วย โดยมีหลักการ Intent) จะมีลักษณะท่กะทัดรัด และชัดเจน ประกอบด้วย
เพ่อให้บรรลุภารกิจ ดังน ้ ี วัตถุประสงค์ วิธีการ และสภาวะสุดท้ายท่ต้องการ
ี
ื
- ขีดควำมสำมำรถ (Competence) กาลังพล เพ่อช่วยให้กาลังพลทุกคนสามารถใช้เป็นกรอบในการ
�
ื
�
ทุกคนจะต้องมีขีดความสามารถตามมาตรฐานของหน่วย วางแผน หรือปฏิบัติได้ในสถานการณ์วิกฤติต่าง ๆ ท ่ ี
ซึ่งมาตรฐานต่าง ๆ จะได้มาจากการฝึก และศึกษาต่าง ๆ แผนหลักไม่สามารถกระท�าได้
ื
ั
ตามแนวทางรับราชการ รวมถึงประสบการณ์จากการ - ค�ำส่ง (Mission Orders) จะเป็นการส่อสารทาง
ทางาน หรือปฏิบัติหน้าท่ตามภารกิจต่าง ๆ ผู้บังคับบัญชา วาจา ส่วนข้อความ หรือสัญญานต่าง ๆ เพ่อถ่ายทอด
�
ื
ี
จะเป็นผู้ประเมินขีดความสามารถต่าง ๆ ของผู้ใต้บังคับ ภารกิจ แนวทาง เครื่องมือ รวมถึงการมอบอ�านาจต่าง ๆ
บัญชา จนนาไปสู่ความน่าเช่อถือ และความไว้วางใจ ให้หน่วยรอง โดยปกติจะออกในรูปแบบค�าสั่ง หรือแผน
�
ื
ในการจะมอบภารกิจในแต่ละบุคคล ยุทธการ ๕ ข้อ ได้แก่ สถานการณ์ ภารกิจ การปฏิบัติ
ื
- ควำมไว้วำงใจซึ่งกันและกัน (Mutual Trust) การช่วยรบและการบังคับบัญชา และการติดต่อส่อสาร
เป็นการไว้วางใจซ่งกันและกันระหว่างผู้บังคับบัญชา โดยหลักการของ Mission Command น้นเป็นการ
ึ
ั
และผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึงระหว่างเพื่อนรวมงาน หรือ ควบคุมบังคับบัญชาแบบห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ กล่าวคือ
ิ
�
หน่วยข้างเคียงต่าง ๆ หากภายในหน่วยมีความไว้วางใจ จะเฝ้าฟัง หรือติดตามการปฏิบัต แต่จะไม่อานวย
�
�
ึ
ั
ซ่งกันและกัน ก็จะสามารถลดข้นตอนในการกากับดูแล การยุทธ์เอง จนกว่าจะเกินอานาจของผู้บังคับหน่วย
หรือควบคุมไปได้ รวมถึงลดความหวาดระแวงในการ ปฏิบัติที่จะตัดสินใจ หรือสั่งการได้
ิ
ปฏิบัติต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ในมาตรการควบคุมจะม ี - ควำมคิดริเร่มท่มีระเบียบวินัย (Disciplined
ี
ิ
�
การกาหนดเส้นแบ่งเขตระหว่างหน่วย ทาให้การวางแผน Initiative) คือการริเร่มวางแผน หรือปฏิบัติต่าง ๆ ภายใต้
�
ึ
ื
�
กระทาได้ง่ายข้น เพราะมีเส้นแบ่งเขตท่ชัดเจน แต่หาก เจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชา เพ่อให้สาเร็จลุล่วงตามสภาวะ
�
ี
เราไม่มีความไว้วางใจในหน่วยข้างเคียงว่าจะรับผิดชอบ ท่ต้องการอย่างเคร่งครัด เม่อแผนท่ได้เตรียมไว้ไม่สามารถ
ี
ี
ื
ี
พื้นที่นั้นได้ อาจต้องวางแผน หรือส่งก�าลังไปวางไว้ตาม ใช้ได้ผลในสถานการณ์ท่เปล่ยนไป จะต้องวางแผนในการ
ี
รอยต่อของเส้นแบ่งเขตต่าง ๆ แทนที่จะเพ่งเล็งเพียงแค่ ปฏิบัติข้นมาใหม่ โดยจะต้องอยู่ในกรอบวัตถุประสงค์
ึ
ี
พื้นที่ปฏิบัติการหลัก หรือก�าลังเผชิญหน้าเท่านั้น หรือเจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชาเดิม หลีกเล่ยงการร้องขอ
ื
- กำรแลกเปล่ยนควำมเข้ำใจ (Shared คาแนะนาเพ่มเติมจากผู้บังคับบัญชาเน่องจากหลักนิยม
ี
ิ
�
�
Understanding) Mission Command เน้นการ แบบ Mission Command นั้น เน้นการให้หน่วยปฏิบัติ
�
ั
ิ
แยกการปฏิบัต เพราะฉะน้นหน่วยระดับปฏิบัติต่าง ๆ สามารถตัดสินใจได้เองภายใต้อานาจในการบังคับบัญชา
ึ
ต้องมีความเข้าใจวัตถุประสงค์ของภารกิจอย่างลึกซ้ง ที่ได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวการณ์วิกฤติต่าง ๆ
นาวิกศาสตร์ 69
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ี
- กำรยอมรับควำมเส่ยง (Risk Acceptance) ในรูปแบบการจัดเป็น กองเรือ หมวดเรือ หรือหมู่เรือ
ึ
ี
ี
ทุกปฏิบัติการย่อมมีความเส่ยงท่จะไม่บรรลุภารกิจ ซ่งเน้นการรวมการควบคุม และบังคับบัญชาจากศูนย์
ี
ในการวางแผนทางทหารต่าง ๆ จึงต้องวิเคราะห์ความเส่ยง ปฏิบัติการ หรือจากเรือธง โอกาสที่จะใช้อาวุธที่มีคุณค่า
ี
ื
ี
เพ่อหาวิธีในการกาจัด หรือลดความเส่ยงต่าง ๆ ท่อาจจะ ทางยุทธการสูงต่าง ๆ เช่น อาวุธปล่อย ตอร์ปิโด อาจจะ
�
เกิดข้นได้ ผู้บังคับบัญชาจะต้องวางแผนให้ความสาเร็จ ต้องมข้นตอนในการอนุมตภารกจค่อนข้างมาก อย่างไร
ึ
�
ี
ั
ิ
ิ
ั
ของภารกิจกับความเส่ยงต่าง ๆ ท่อาจเกิดข้นอยู่ในเกณฑ์ ก็ตามในบางภารกิจ เช่น การออกลาดตระเวนพ้นท ี ่
ี
ึ
ื
ี
ท่ยอมรับได้ เช่น บางสถานการณ์อาจต้องดาเนินกลยุทธ์ ทางทะเลด้วยเรือ หรืออากาศยานน้น หากนาหลักการ
�
ี
ั
�
�
�
โดยต้องใช้กาลังเข้าปะทะมาก ทาให้อาจสูญเสียมาก Mission Command มาประยุกต์ใช้ จะเกิดประโยชน์
ิ
ี
แต่ใช้เวลาน้อย ซ่งความสูญเสียท่มากน้ถ้าอยู่ในเกณฑ์ กับหน่วยปฏิบัต และหน่วยเหนืออย่างมาก เช่น
ึ
ี
ี
�
ท่รับไม่ได้จะต้องคิดหาวิธีการใหม่ โดยต้องทาให้ความ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลต่าง ๆ อาจไม่ใช่
สูญเสียน้นน้อยลง เช่น เพ่มการยิงสนับสนุน หรือใช้ ภารกิจหลักท่ได้รับมอบในการออกลาดตระเวน
ี
ิ
ั
ี
ั
ั
การซุ่มโจมตีเพื่อลิดรอนก�าลัง แต่อาจต้องใช้เวลาในการ ในแต่ละคร้ง แต่หากเรือท่ไปลาดตระเวนน้นได้เข้าไป
ื
ี
ปฏิบัติค่อนข้างยืดเยื้อ เป็นต้น ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลในพ้นท่ลาดตระเวน
ื
ี
Mission Command กับกำรปฏิบัติกำรทำง หรืออาจจะนอกพ้นท่รับผิดชอบก็จะได้รับความเช่อม่น
ั
ื
่
ี
ุ
ทหำรปัจจุบัน และแรงสนับสนนจากประชาชนทได้รบการช่วยเหลอ
ื
ั
ึ
ี
เมื่อน�าหลักการ Mission Command มาวิเคราะห ์ หรือผู้ท่ได้รับทราบข่าวสาร ซ่งก็น่าจะเป็นเจตนารมณ์
กับการปฏิบัติการทางเรือ และปฏิบัติการทางบก ของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ
ในปัจจุบันแล้วสรุปได้ดังนี้ กำรปฏิบัติกำรทำงบก จะมีความหลากหลาย
ิ
้
ั
ิ
ิ
กำรปฏิบัติกำรทำงเรือ โดยปกติจะออกปฏิบัติการ ของภารกจมากกว่าปฏบตการทางเรอ ตงแต่ภารกจ
ื
ิ
ั
กำรช่วยเหลือผู้ประสบภัยทำงทะเล
70
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ในสงครามตามแบบ (conventional warfare)
สงครามนอกแบบ (unconventional warfare) การ
�
ปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากการทาสงคราม
(Military Operations Other than War หรือ MOOTW)
ซึ่งในแต่ละภารกิจอาจประกอบไปด้วย ก�าลังขนาดใหญ่
ี
ระดับหลาย ๆ กองพล ลงไปถึงระดับชุดปฏิบัติการท่ม ี
ั
�
�
ิ
ี
กาลังพลไม่ถึง ๑๐ คน แต่ส่งท่เป็นข้อจากัดคล้าย ๆ กันน้น
คือ หน่วยท่กาลังปฏิบัติการในแนวหน้าไม่สามารถ
�
ี
ถ่ายทอดภาพเหตุการณ์ท่กาลังเผชิญกลับไปยังแนวหลัง “กินอิ่ม”
�
ี
เพ่อให้ผู้บังคับบัญชาได้ส่งการได้อย่างครบถ้วน “กินอิ่ม” หน่วยต่าง ๆ ก็จะมีแนวทางในการจัดหา
ื
ั
ี
ี
และทันเวลา เน่องจากการปฏิบัติมักจะเป็นในลักษณะ ตรวจสอบคุณภาพ และปริมาณอาหารท่จัดเล้ยงให้กับ
ื
ึ
ี
�
ั
ึ
ี
ฉับพลันเกิดข้นอย่างรวดเร็ว นอกจากน้เป็นไปได้ยาก กาลังพลในหน่วยอยู่ตลอดเวลา ซ่งนโยบายน้มีลักษณะส้น
ึ
ั
�
ุ
ื
ี
ท่หน่วยเหนอจะสามารถติดตาม และควบคมหน่วย กะทัดรัด ชัดเจน หรืออาจเรียกอีกนัยหน่งว่าเป็นคาส่ง
ั
ั
ั
ิ
ได้หลายหน่วยพร้อม ๆ กน หลกนยมการจดหน่วย ก็ได้ มีลักษณะง่ายที่จะเข้าใจเจตนารมณ์ในการวางแผน
ของสหรัฐอเมริกาจึงนิยมใช้การจัดแบบ ๓ เช่น ๑ ให้ก�าลังพลปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ นั้น ผู้บังคับหน่วยก็จะ
ี
ี
กองพันม ๓ กองร้อย ในแต่ละกองร้อยม ๓ หมวด พึงระลึก และมีค�าถามอยู่ตลอดเวลาว่าผู้ใต้บังคับบัญชา
แต่ละหมวดม ๓ หมู่ การควบคุมบังคับบัญชาจะเป็น ได้กินอิ่มแล้วหรือยัง ก่อนที่จะปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย
ี
ไปตามสายการบังคับบัญชา หน่วยเหนือจะไม่มีการ
ั
ึ
ล้วงลูกส่งการหน่วยข้นตรงของหน่วยรอง เพียงแต่ให้
เจตนารมณ์ไว้เท่าน้น เพ่อให้อิสระหน่วยท่ปฏิบัติการ
ื
ี
ั
ี
ี
ได้ปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ท่เปล่ยนไปได้
ทันเวลา
กำรประยุกต์น�ำหลักกำร Mission Command มำใช้
ในนำวิกโยธินไทย
หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน มีภารกิจในการจัด
และเตรียมกาลังฝ่ายนาวิกโยธิน อานวยการฝึกหน่วย “นอนหลับ”
�
�
ในบังคับบัญชาให้มีสมรรถภาพ และอยู่ในฐานะพร้อมที่ “นอนหลับ” หน่วยต่าง ๆ อาจไปดูที่หลับที่นอนให้
จะทาการรบได้ ต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้ กับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่หากดูความหมายที่แฝงอยู่ลึก ๆ
�
ิ
ี
�
หลักนิยม Mission Command ให้สามารถบรรลุภารกิจน ี ้ ท่พัก หรือส่งอานวยความสะดวกต่าง ๆ อาจดีแล้ว แต่ก็ยัง
ี
ี
ิ
“กินอ่ม นอนหลับ ฝึกหนัก” คือ นโยบายท่ท่าน มีบางกรณีท่นอนไม่หลับก็ได้ เช่น ความเครียด หรือกังวล
�
ั
ี
ิ
ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินท่านปัจจุบัน เร่องต่าง ๆ เหล่าน้เป็นส่งท่กาลังพลท้งผู้บังคับบัญชา
ี
ื
ี
ได้ให้ปฏิบัติตาม ซ่งถือว่าเป็นเจตนารมณ์ของผู้บังคับ และผู้ใต้บังคับบัญชาต้องมีช่องทางในการแลกเปล่ยน
ึ
บัญชาท่กาลังพลทุกคนต้องระลึกอยู่เสมอ และนาไป ความเข้าใจซ่งกันและกัน ร่วมกันแก้ปัญหา และปรับ
ึ
ี
�
�
ึ
ื
ึ
�
ี
ปฏิบัติตาม ซ่งหน่วยต่าง ๆ จะนาเจตนารมณ์น้ไปเป็นหลัก ความเข้าใจซ่งกันและกันเพ่อให้ทุกคนมีความสุข และ
ในการต่อยอด หรือริเร่มให้เป็นการปฏิบัติเป็นรูปธรรม มีความอยากที่จะท�าภารกิจต่าง ๆ ในวันต่อไป
ิ
นาวิกศาสตร์ 71
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
“ฝึกหนัก”
ิ
�
ิ
“ฝึกหนัก” ย่งมีการฝึกมากเท่าไหร่ หน่วยทหาร หากสามารถนานโยบาย “กินอ่ม นอนหลับ ฝึกหนัก”
�
ั
และกาลังพลก็จะมีขีดความสามารถ และความพร้อม มาใช้เป็นหลักในการดาเนินการทุกข้นตอน ของการ
�
ึ
ี
ื
ั
มากข้นเท่าน้น เม่อมีขีดความสามารถเป็นท่ประจักษ์แล้ว ท�างานแล้ว ความเสี่ยงที่นาวิกโยธินจะไม่สามารถปฏิบัติ
ี
ั
ความม่นใจซ่งกันและกันก็จะตามมาเองโดยอัตโนมัต ิ ได้ตามภารกิจดังท่ได้กล่าวไปแล้วน้นจะมีน้อยมาก ซ่ง ึ
ึ
ั
เช่น หากเรามีหน่วยยิงสนับสนุนท่ผ่านการฝึกจนเป็นท ่ ี ส่วนมากจะเป็นความเสี่ยงท่มาจากปัจจัยภายนอก เช่น
ี
ี
ประจักษ์ว่าสามารถยิงสนับสนุนให้หน่วยในแนวหน้าได้ สถานการณ์โรคระบาด การเมือง ฯลฯ
�
่
ื
ื
ี
อย่างแม่นยา ทันเวลา และต่อเน่องได้แล้ว หน่วยในแนวหน้า เพราะฉะน้น หากเม่อคืนเรานอนหลับเต็มท เช้าน ้ ี
ั
�
ั
ก็จะมีความม่นใจ และไม่ต้องระแวงกับการเพ่มเติมกาลัง เราได้กินจนอิ่มแล้ว การฝึก หรือการท�างานต่าง ๆ ถึงจะ
ิ
ภาคพื้นต่าง ๆ ของข้าศึก หนักเพียงใด ก็จะไม่ใช่เรื่องยากเกินก�าลัง
ที่มำภำพ
https://www.youtube.comwatch?v=JlDNvnmQ05c
https://en.wikipedia.org/wiki/Mission_command
https://fas.org/irp/doddir/army/adp6_0.pdf
https://fas.org/irp/doddir/army/adrp6_0.pdf
72
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
การรับ- ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ
ู
ู
ี
บางคนอาจสังเกตถึงความแตกต่างของการรับ-ส่งหน้าท่ระหว่างผ้บัญชาการทหารเรือ ผ้บัญชาการทหารบก และ
ู
้
ผบญชาการทหารอากาศ เชน การแตงกาย ทหารเรอสวมชดปกตขาว สวนผบญชาการทหารบก และผบญชาการ
่
ั
ั
ู
้
่
ั
ุ
ื
่
้
ู
ิ
ำ
ิ
ทหารอากาศ ใช้สีตามเหล่าทัพ แต่ส่งท่เด่นและเป็นสัญลักษณ์ของพิธีสาคัญนี้คือ ทหารบก/ทหารอากาศ มีการส่งมอบ
ี
ู
้
่
่
ั
ึ
ั
ำ
่
ั
้
ำ
ุ
่
ธงประจาตาแหนงผบญชาการเหลาทพ แตสาหรบทหารเรอมการสงมอบตราประจาตาแหนงซงทาดวยงาชาง บรรจอย ู ่
ำ
้
ี
่
ื
ำ
ำ
ำ
่
ในกล่อง คงมีคนสงสัยว่า ผู้บัญชาการทหารเรือไม่มีธงประจำาตำาแหน่งหรือ? คำาตอบคือ มี แต่ไม่มีการส่งมอบธงประจำา
ตำาแหน่งกัน และดูเหมือนจะไม่มีทหารเรือของชาติใดกระทำากัน
หมายเหตุ: พิธีรับ-ส่งหน้าท่ผ้บัญชาการทหารเรือ
ู
ี
ประกอบดวยพธตรวจแถวกองทหารเกยรตยศของ
ี
ิ
ี
้
ิ
ผบญชาการทหารเรอ พธการมอบและรบมอบ
ื
้
ู
ิ
ี
ั
ั
การบังคับบัญชา โดยผ้บัญชาการทหารเรือ ท่านเดิม
ู
ำ
ำ
กล่าวมอบการบังคับบัญชา และมอบตราประจาตาแหน่ง
ู
ู
ผ้บัญชาการทหารเรือ ให้แก่ผ้บัญชาการทหารเรือ
ท่านใหม่ จากนั้นลงนามในสมุดรับ-ส่งหน้าที่
เป็นท่น่าสังเกตว่าในราชนาวีอังกฤษมีประเพณ ี
ี
ู
ี
การส่งมอบหน้าท่ผ้บัญชาการทหารเรือ (First Sea Lord
and Chief of Naval Staff) บนเรือ HMS Victory ซึ่ง
ุ
ื
่
ี
เคยเป็นเรอธง ของ Lord Nelson ในการยทธ์ท Trafulgar
ค.ศ.๑๘๐๕ ปัจจุบันเรือลำานี้ยังคงประจำาการ มีอายุุราว
ึ
๒ ศตวรรษคร่ง HMS Victory ปัจจุบันเป็นเรือธง (Flagship)
ั
ของผบญชาการทหารเรอองกฤษ จอดอยท Portsmouth
ู
้
ื
่
ู
ั
่
ี
ทางตอนใต้ของอังกฤษ
พิธีรับ - ส่งหน้าท กระทาบนดาดฟ้าใหญ (Main
่
ี
่
ำ
Deck) แขกรับเชิญนอกจากข้าราชการ เจ้าหน้าท ่ ี
ี
ี
ท่เก่ยวข้องแล้ว ยังมีพลเรือนเข้าร่วมพิธีด้วย นอกจากน้น
ั
ยังมีผู้แทนจากกองทัพเรือของมิตรประเทศอีกหลายคน
สาหรับกระบ่ท่ใช้เป็นเชิงสัญลักษณ์ของ
ี
ี
ำ
การบังคับบัญชานี้ นายทหารเรือหญิงนำาไปเก็บไว้ที่ห้อง
ู
พักของผ้บัญชาการทหารเรือ (Great Cabin) บนเรือ
ึ
ี
HMS Victory อน่งการส่งมอบหน้าท่จะขาดเสียไม่ได ้
ในทางนิตินัย คือ การลงนามในเอกสารซึ่งกระทำากันใน
ทุกกองทัพเรือ
นาวิกศาสตร์ 74
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
hard to fathom hardtack
�
�
ี
ฟาทอม เป็นหน่วยวัดทางทะเลใช้สาหรับวัด คาสแลงน้ไม่มีส่วนเก่ยวข้องกับการเล่นใบ คือ
ี
ึ
ั
ั
ื
ความลกและระยะทาง กระทรวงทหารเรอองกฤษ การ tack แต่เป็นขนมปังกรอบแบบด้งเดิมง่าย ๆ
�
�
ื
ั
�
(The Admiralty) กาหนดให้ ๑ ฟาทอม เท่ากับ ๖.๐๘ ฟุต ขององกฤษ ทาจากแป้ง นา และอาจใส่เกลอลงไป
้
หรือ ๑ ใน ๑,๐๐๐ ไมล์ทะเล แต่ส่วนมากคิดแบบง่าย ๆ บ้างเล็กน้อย hardtack เป็นขนมปังท่คงทนไม่เสียง่าย
ี
เพียง ๖ ฟุต ใช้ทดแทนขนมปังท่ว ๆ ไปท่รับประทานกันบนบกซ่ง
ี
ึ
ั
ี
�
fathom เป็นคาท่มาจากภาษา Anglo-Saxon เสียง่าย ขนมปังกรอบแบบ hardtack ใช้กันมากในยุค
ิ
หมายถึง ความยาวระหว่างปลายน้วท้งสองข้างเม่อเรา เรือใบท่ต้องการอยู่ในทะเลเป็นเวลานาน เน่องจาก
ั
ี
ื
ื
เหยียดแขนออก ขนมปังกรอบมีลักษณะหยาบและแข็ง พวกกะลาส ี
ี
ื
เม่อกะลาสีต้องการรู้ว่านาลึกเท่าใด เขาจะใช้การ จึงเรียกว่า hardtack ตรงข้ามกับขนมปังท่ใช้รับประทาน
้
�
ี
ึ
หยั่งน�้าด้วยดิ่งน�้าตื้น (lead) แต่ถ้าเขาไม่สามารถหยั่งน�้า บนบก ซ่งมีลักษณะนุ่มเวลาท่พวกเขารับประทานจึงมักจะ
ได้ถึงพื้นท้องทะเล เนื่องจากน�้าลึกเกินไป เราเรียกสภาพ จุ่มลงในอาหารที่เป็นของเหลวเพ่อทาให้นุ่ม ในกองทัพเรือ
�
ื
นั้นว่า hard to fathom สหรัฐอเมริกาเรียกขนมปังน้ว่า Monitors ตามช่อ
ื
ี
ส�านวนชาวเรือน้เม่อถูกนามาใช้บนบก หมายถึง เรือหุ้มเกราะล�าแรกของ Federal Navy
ื
�
ี
ิ
“เข้าใจบางคน หรือบางส่งได้ยาก” หรืออีกนัยหน่ง
ึ
“แก้ไขปัญหายาก”
head
ี
ู
�
hardly out of the egg เป็นสแลงท่ใช้เรียกห้องนา ห้องส้วมของลกเรือใน
้
ี
เป็นการบรรยายลักษณะของบุคคลท่ไม่ม ี ยุคเรือใบ ห้องน�้า ห้องส้วมของเรือปกติอยู่บริเวณหัวเรือ
ประสบการณ์เอาเสียเลย ด้านใดด้านหนึ่งของคานชี้ (bowsprit)
นาวิกศาสตร์ 75
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
heart of oak high and dry
ิ
ิ
ี
ี
แปลตรงตัวว่า แก่นของต้นไม้โอ๊คท่มีลักษณะแข็งมาก สแลงน้ปัจจุบันใช้ในความหมาย ค้างเต่ง ถูกท้งไว้
ี
แต่ในท่น้หมายถึง เพลงมาร์ชของราชนาวีอังกฤษ หรือติดอยู่กับสถานการณ์ยากล�าบากที่หาทางออกไม่ได้
ี
อย่างเป็นทางการ และราชนาวีของเครือจักรภพอังกฤษ ต้นตอของสแลงน้มาจากชาวเรือท่กล่าวถึงเรือท ี ่
ี
ี
ิ
ื
ึ
�
ั
ื
ู
ื
ิ
ื
ดนตรีของเพลงนี้แต่งโดย William Boyce ในศตวรรษ ตดต้น เม่อเรือตดต้นทาให้เห็นตวเรอสงข้น และแห้ง
้
ื
�
ึ
ที่ ๑๘ เนื้อเพลงประพันธ์โดยนักแสดง David Garrick เพราะไม่ได้โดนนาทะเล หรืออาจเกิดข้นเม่อเรืออยู่ใน
เพลงนี้นอกจากเป็นเพลงมาร์ชของราชนาวีอังกฤษแล้ว อู่แห้ง (dry dock)
ถือว่าเป็นหนึ่งในบรรดาเพลงปลุกใจของอังกฤษ ในประวัติศาสตร์เรือที่ถูกทิ้งค้างเติ่ง เช่น เรือ HMS
Foudroyant ติดปืน ๘๐ กระบอก เคยเป็นเรือธงของ
heavy mob. ลอร์ดเนลสันมาแล้วครั้งหนึ่ง
เป็นคาสแลง ทใช้ในราชนาวองกฤษเรยกหน่วย ใน ค.ศ. ๑๘๙๗ เม่อคร้งเป็นเรือฝึกนักเรียน
ั
ื
่
ี
�
ี
ั
ี
ุ
ซ่อมบ�ารุงในเรือด�าน�้า ได้เกยต้นท Blackpool เน่องจากโดนพาย เรือได้รับ
ื
ี
่
ื
ความเสียหายหนักเกินท่จะซ่อมทา ต่อมาถูกขายเป็น
�
ี
�
ั
ท่อนไม้สาหรบทาเป็นเฟอร์นเจอร์ นบเป็นจดจบของ
ุ
ั
�
ิ
�
เรือลาน้ท่น่าเศร้า ซ่งได้รับใช้ราชนาวีอังกฤษในการทา �
ี
ึ
ี
สงครามทางเรือกับฝรั่งเศสเป็นเวลานาน
นาวิกศาสตร์ 76
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ราชอาณาจักรสวีเดน
การสาธิตปฏิบัติการทางเรือ OCEAN 2020
เรือ HMS Pelikanen ของสวีเดน กับยานผิวน�้าไร้คนขับ USV Saab Piraya
�
บริษัท Saab ของประเทศสวีเดน เป็นผู้น้ำในกำร Piraya ในกำรตรวจจับ และรวบรวมข้อมูลเป้ำหมำย
ิ
ิ
ั
ั
ุ
�
ั
สำธตกำรปฏิบตกำรทำงเรือ OCEAN 2020 ในทะเล สำหรบป้องกนภัยคกคำมทำงทะเล และ ๒) กำรใช้เรือ
ื
ิ
่
�
บอลตก บริเวณชำยฝั่งด้ำนใต้ของประเทศสวีเดน เมอ และระบบต่อต้ำนทุ่นระเบิด และปรำบเรือด�ำน้ำ โดยใช้
ั
เดือนสิงหำคม ๒๕๖๔ ที่ผ่ำนมำ ระบบโซนำร์แบบ Side Scan ในกำรค้นหำวตถใต้นำ
ุ
�
้
กำรสำธิต OCEAN 2020 เป็นกิจกรรมท่แสดงขีด และยำนควบคุมระยะไกลแบบ Sea Wasp ส�ำหรับกำร
ี
ควำมสำมำรถของยุทโธปกรณ์ส�ำหรับปฏิบัติกำรทำงเรือ ปลดชนวนและท�ำลำยทุ่นระเบิด รวมไปถึงระบบเรดำร์
จำกบริษัทต่ำง ๆ รวมถึงสถำบันวิจัย และองค์กรภำครัฐ ตรวจกำรณ์ชำยฝั่งแบบ Giraffe AMB ร่วมกับระบบ
ของ ๑๗ ประเทศในยุโรป โดยมีแนวทำงที่ส�ำคัญคือ กำร อ�ำนวยกำรรบ 9LV
แสดงขีดควำมสำมำรถของยำนไร้คนขับทำงทะเล รวมถึง กำรใช้ระบบยำนไร้คนขับ จะมีส่วนช่วยในกำรลด
ี
ระบบควบคุมสั่งกำร และอ�ำนวยกำรรบ จ�ำนวนผู้ปฏิบัติงำน ลดควำมเส่ยง และลดค่ำใช้จ่ำย
บริษัท Saab ซ่งได้รับกำรสนันสนุนจำกกองทัพ โดยเฉพำะประเทศสวีเดนท่มีชำยฝั่งเป็นแนวยำว กำรใช้
ึ
ี
สวีเดน เป็นผู้น�ำหลักในกำรสำธิตดังกล่ำว โดยแบ่ง ระบบอัตโนมัติมำเสริมในปฏิบัติกำรทำงเรือจะท�ำให้ม ี
สถำนกำรณ์สมมติออกเป็นสองรูปแบบได้แก่ ๑) กำรใช้ ประสิทธิภำพในกำรป้องกันประเทศได้ดียิ่งขึ้น
เรือตรวจกำรณ์ไร้คนขับแบบ CB 90 (Enforcer III) และ
แหล่งที่มา : https://www.navalnews.com/naval-news/2021/08/saab-leads-the-ocean2020-baltic-sea-live-demonstration/
นาวิกศาสตร์ 77
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
สหรัฐอเมริกา
กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ขึ้นระวางประจ�าการ เรือยกพลขึ้นบก USS Fort Lauderdale
เรือ USS Fort Lauderdale (LPD 28)
กองทัพเรือสหรัฐอเมริกำ ได้ท�ำพิธีประจ�ำกำรและ ข้อมูลท่วไป เรือ USS Fort Lauderdale LPD 28
ั
ื
ึ
ต้งช่อเรือยกพลข้นบกล�ำใหม่คือ USS Fort Lauderdale
ั
(LPD 28) ณ อู่ต่อเรือบริษัท Hunting Ingalls Industries ควำมยำว ๒๐๘.๕ เมตร
ื
(HII) เมือง Pascagoula มลรัฐมิสซิสซิปปี้ เม่อเดือน ควำมกว้ำง ๓๑.๙ เมตร
สิงหำคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ระวำงขับน�้ำเต็มที่ ๒๕,๐๐๐ ตัน
เรือ USS Fort Lauderdale เป็นเรือยกพลขึ้นบก ควำมเร็วสูงสุด ๒๒ นอต
ื
ื
ั
่
แบบ Amphibious Transport Dock (LPD) ล�ำที่ ๑๒ ระบบขบเคลอน เคร่องยนต์ดีเซล Colt-Pielstick
ื
ั
�
ของเรือช้น San Antonio ได้รับกำรปล่อยลงนำเม่อเดือน จ�ำนวน ๔ เคร่อง ๒ เพลำใบจักร
ื
้
เมษำยน พ.ศ. ๒๕๖๓ มีภำรกิจหลักในกำรล�ำเลียงก�ำลังรบ ก�ำลังพล ก�ำลัง ๔๐,๐๐๐ แรงม้ำ
๓๙๖
นำย
ยกพลข้นบก ได้แก่ ทหำรนำวิกโยธิน ๖๕๐ นำย รถสะเทินน้ำ กำรบรรทุกก�ำลังรบ ทหำรนำวิกโยธิน ๖๕๐ นำย
�
ึ
สะเทินบก ยำนเบำะอำกำศ (LCAC) และยุทโธปกรณ์ ยำนเบำะอำกำศ (LCAC) ๒ ล�ำ
ต่ำง ๆ ส�ำหรับกำรยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก มีดำดฟ้ำบิน เรือระบำยพล (LCU) ๑ ล�ำ
�
และโรงเก็บอำกำศยำนท้ำยเรือ สำมำรถรองรับ รถสะเทินน�้ำสะเทินบก (AAV) ๑๔ คัน
เฮลิคอปเตอร์ล�ำเลียงแบบ CH-46 Sea Knight และ เฮลิคอปเตอร์ล�ำเลียง CH-46 Sea Knight
เคร่องบินใบพัดกระดกแบบ MV-22 Osprey ได้ สำมำรถ ๔ ล�ำ
ื
ใช้ในภำรกิจปฏิบัติกำรพิเศษ และภำรกิจเฉพำะอ่น ๆ เครื่องบิน MV-22 Osprey ๒ ล�ำ
ื
ุ
�
ในกองเรือเตรียมพร้อมสะเทินน้ำสะเทินบก (Amphibious ระบบอำวธ ปืนกล ๓๐ มิลลิเมตร Bushmaster II ๒ แท่น
ื
อำวุธปล่อยน�ำวิถีพ้นสู่อำกำศ Rolling
Readiness Groups) กองเรือโจมตีโพ้นทะเล (Expedi- Airframe Missile (RAM) ๒ แท่น
tionary Strike Groups) หรือกองก�ำลังเฉพำะกิจ
แหล่งท่มา : https://www.navalnews.com/naval-news/2021/08/u-s-navy-christens-amphibious-transport-dock-ship-fort-
ี
lauderdale/
นาวิกศาสตร์ ๗๘
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ยูเครน
กองทัพเรือยูเครนยุคใหม่
เรือยกพลขึ้นบก U-401 Kirovohrad และ U-402 Kostiantyn Olshansky ของกองทัพเรือยูเครนในปัจจุบัน
รัฐบำลยูเครนได้ประกำศกำรพัฒนำกองทัพเรือยูเครน รัฐบำลยูเครนจะด�ำเนินกำรพัฒนำกองทัพเรือใหม่
ยุคใหม่ หรือกองทัพเรือ ๒๐๓๕ โดยแบ่งออกเป็น ๓ ระยะ ภำยใต้กรอบควำมร่วมมือกับรัสเซีย หรือ Crimean
ึ
ี
่
ื
คือ ระยะท ๑ จะด�ำเนินกำรเสร็จภำยใน พ.ศ. ๒๕๖๗ Platform และกับสหรัฐอเมริกำ ซ่งเม่อต้นเดือนสิงหำคม
ระยะท ๒ จะเสร็จภำยใน พ.ศ. ๒๕๗๓ และระยะท ๓ จะ ๒๕๖๔ ท่ผ่ำนมำ รำชนำวีอังกฤษได้ปลดประจ�ำกำรเรือต่อต้ำน
ี
่
่
ี
ี
เสร็จภำยใน พ.ศ. ๒๕๗๘ หรือ ค.ศ. ๒๐๓๕ ทุ่นระเบิดจ�ำนวน ๒ ล�ำ คือ HMS Blyth และ HMS Ramsy
ิ
ื
ี
หน่งในกระบวนกำรท่ส�ำคัญคือ กำรก่อสร้ำง และได้ส่งมอบให้แก่ยูเครนเพ่อเป็นกำรเร่มต้นส�ำหรับ
ึ
ฐำนทัพเรือใหม่ท่เมือง Berdyansk ภำยใต้กำรสนับสนุน กองทัพเรือยุคใหม่ต่อไป
ี
จำกสหภำพยุโรป สหรำชอำณำจักร และสหรัฐอเมริกำ
รวมไปถึงกำรจัดท�ำโครงสร้ำงพ้นฐำนของกองทัพเรือใหม่
ื
กำรต่อเรือรบผิวน้ำแบบต่ำง ๆ และเรอด�ำน้ำ เพอสร้ำง
ื
ื
�
�
่
ควำมม่นคงของกองทัพเรือยูเครน
ั
แหล่งที่มา : https://www.navaltoday.com/2021/08/20/ukraine-plans-to-build-new-naval-fleet-by-2035/
นาวิกศาสตร์ 79
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
สหพันธรัฐรัสเซีย
รัสเซียท�าพิธีวางกระดูกงูเรือด�าน�้าและเรือคอร์เวต
เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหำคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ประธำนำธิบดี
วลำดีมีร์ปูติน แห่งรัสเซีย ได้เป็นประธำนในพิธีวำง
กระดูกงูเรือจ�ำนวน ๔ ล�ำ ผ่ำนระบบถ่ำยทอดสัญญำณ
ี
ทำงไกลจำกท�ำเนียบประธำนำธิบด กรุงมอสโก ไปยัง
ู่
อู่ต่อเรือ ๓ แห่ง ได้แก่ อ Sevmash เมือง Severodvinsk
อู่ Admiralty เมือง St. Petersburg และอู่ Amur เมือง
้
ื
ั
�
Komsomolsk-on-Amur โดยเรอทงสลำประกอบด้วย พิธีปล่อยเรือด�าน�้าดีเซลไฟฟ้า ๒ ล�าลงน�้า ณ อู่ต่อเรือ Admiralty
ี
่
�
ั
เรือด�ำน้ำนิวเคลียร์ขีปนำวุธ (SSBN) ช้น Borei-A (Project เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
955A) จ�ำนวน ๒ ล�ำ เรือด�ำน�้ำดีเซลไฟฟ้ำชั้น Kilo รุ่น เรือด�ำน�้ำดีเซลไฟฟ้ำชั้น Kilo รุ่นปรับปรุง (Project
ี
ปรับปรุงใหม่ (Project 636.3) จ�ำนวน ๒ ล�ำ เรือคอร์เวตช้น 636.3) เป็นเรือด�ำน้ำดีเซลไฟฟ้ำในยุคท่สำมของรัสเซีย
ั
�
Steregushchiy (Project 20380) จ�ำนวน ๑ ล�ำ และ ที่พัฒนำให้ท�ำควำมเร็วใต้น�้ำได้ ๒๐ นอต ด�ำน�้ำลึกได้ถึง
เรือคอร์เวตช้น Gremyashchiy (Project 20385) ๓๐๐ เมตร และมีระยะเวลำปฏิบัติกำรได้ ๔๕ วัน ก�ำลังพล
ั
�
จ�ำนวน ๑ ล�ำ ประจ�ำเรือ ๕๒ นำย ระวำงขับน้ำขณะด�ำน้ำประมำณ
�
๔,๐๐๐ ตัน สำมำรถติดตั้งอำวุธปล่อยน�ำวิถีต่อต้ำนเรือ
�
ผิวน้ำแบบ Kalibr (3M-54 และ 3M-541) และอำวุธ
น�ำวิถีโจมตีฝั่งแบบ 3M-14
เรือคอร์เวตชั้น Project 20385 Gremyashchiy
เรือด�าน�้าพลังงานนิวเคลียร์ Prince Vladimir (ชั้น Borei) เรือคอร์เวตชั้น Gremyashchiy (Project 20385)
เรือด�ำน�้ำนิวเคลียร์ขีปนำวุธชั้น Borei-A (Project มีพ้นฐำนมำจำกเรือคอร์เวตช้น Steregushchiy (Project
ื
ั
955A) เป็นเรือด�ำน้ำโจมตีทำงยุทธศำสตร์ของกองทัพเรือ 20380) มีขีดควำมสำมำรถในกำรรบผิวน้ำ และปรำบเรือ
�
�
รัสเซีย สำมำรถบรรทุกขีปนำวุธข้ำมทวีปแบบ Bulava R-30 ด�ำน�้ำ ระวำงขับน�้ำ ๒,๕๐๐ ตัน ควำมยำว ๑๐๖ เมตร
ได้ถึง ๑๖ ลูก ระยะยิง ๙,๐๐๐ กิโลเมตร ปัจจุบันกองทัพเรือ กว้ำง ๑๓ เมตร ควำมเร็วสูงสุด ๒๗ นอต ระยะปฏิบัติกำร
รัสเซีย มีเรือด�ำน�้ำชั้น Borei ประจ�ำกำรจ�ำนวน ๓ ล�ำ ซึ่ง ๔,๐๐๐ ไมล์ทะเล ก�ำลังพล ๙๙ นำย ระบบอำวุธ
ั
เรือช้น Borei-A จะถูกปรับปรุงแบบจำกเรือช้น Borei ได้แก่ อำวุธปล่อยน�ำวิถีพ้นสู่พ้นแบบ Kalibr-NK
ั
ื
ื
ั
ี
ท้งภำยนอกและภำยใน รวมถึงระบบหำงเสือท่เหมือน ท่อยิงทำงด่ง ๘ ลูก อำวุธปล่อยน�ำวิถีพ้นสู่อำกำศแบบ
ิ
ื
กับเรือด�ำน้ำของชำติตะวันตก ซ่งจะท�ำให้กำรควบคุม Redut ท่อยิงทำงดิ่ง ๑๖ ลูก ตอร์ปิโด Paket-NK ขนำด
�
ึ
และบังคับเรือได้คล่องตัวมำกขึ้น โดยมีโครงกำรที่จะต่อ ๓๓๐ มิลลิเมตร ๘ ลูก และปืนกลป้องกันตัวระยะประชิด
เรือชั้น Borei-A รวมทั้งสิ้น ๕ ล�ำ เพื่อเข้ำประจ�ำกำรใน AK 630M อำกำศยำนประจ�ำเรือคือ เฮลิคอปเตอร์แบบ
กองเรือแปซิฟิก Kamov Ka-27 (Helix-A)
ี
แหล่งท่มา : https://www.navalnews.com/naval-news/2021/08/russia-lays-keel-of-four-submarines-and-two-corvettes-at-once/
นาวิกศาสตร์ ๘๐
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
ภาพกิจกรรม
พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร.(ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. (ท่านใหม่) โดยมีนายทหาร
ชั้นผู้ใหญ่จากหน่วยต่าง ๆ ของ ทร. เข้าร่วมพิธี ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔ ในการนี้
กองทหารเกียรติยศท�าการยิงสลุต จ�านวน ๑๙ นัด บริเวณป้อมวิไชยประสิทธิ์ ภายในพระราชวังเดิม เพื่อเป็นเกียรติแก่ พล.ร.อ.ชาติชาย
ศรีวรขาน ก่อนที่จะอ�าลาชีวิตการรับราชการ
ี
ื
ั
พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. เป็นประธานพิธีประดับเคร่องหมายยศและแสดงความยินดีให้แก่ผู้ท่ได้รับพระราชทานยศช้นนายพลเรือ
วาระ ต.ค.๖๔ และพิธีรายงานตนเองของนายทหารชั้นนายพลเรือ ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อ ๑ ต.ค.๖๔
พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผบ.กร. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.ท.สุวิน แจ้งยอดสุข ผบ.กร. (ท่านใหม่) โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูง
ี
ี
้
ี
ื
�
หน.นขต.กร. และผู้แทนกาลังพล กร. เข้าร่วมพิธ บน ร.ล.อ่างทอง ทลท.ฐท.สส. อ.สัตหีบ จว.ชลบุร เม่อ ๓๐ ก.ย.๖๔ ในการน ร.ล.ปิ่นเกล้า
ยิงสลุต จานวน ๑๗ นัด เพ่อเป็นเกียรติแก่ ผบ.กร.(ท่านเดิม) และได้ยิงสลุตอีกคร้ง จานวน ๑๗ นัด ให้กับ ผบ.กร.(ท่านใหม่) ตามธรรมเนียมปฏิบัต ิ
�
�
ั
ื
ของนักรบทางเรือ
พล.ร.อ.ไกรศรี เกษร ผบ.รร.นร. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.ท.ชาติชาย ทองสะอาด ผบ.รร.นร. (ท่านใหม่) ณ ลานสวนสนาม รร.นร.
อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ โดยมีนายทหารช้นผู้ใหญ่ หน.นขต.รร.นร. เข้าร่วมพิธ เม่อ ๑ ต.ค.๖๔
ั
ี
ื
พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสธ.ทร. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสธ.ทร. (ท่านใหม่) โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วม
พิธี ณ ห้องรับรองชั้น ๒ อาคาร บก.ทร. วังนันทอุยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เมื่อ ๑ ต.ค.๖๔
ุ์
่
ี
พล.ร.ท.รณภพ กาญจนพันธ จก.สพ.ทร. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ท.วินัย สุขต่าย จก.สพ.ทร.(ท่านใหม่) ณ บก.สพ.ทร. อ.สัตหีบ จว.ชลบุร ี
เมื่อ ๒๘ ก.ย.๖๔
ี
ิ
็
ิ
ิ
ู
่
ิ
ั
ี
�
พล.ร.ท.รณรงค์ สิทธินันทน์ ผบ.นย. ให้โอวาทแก่กาลังพลท่จะ ผบ.นย. เปนประธานพธปดการอบรมหลกสตรสงทางอากาศนาวกโยธน
�
ไปปฏิบัติงานในหน่วยเฉพาะกิจ ประจาปี งป.๖๕ ณ สนามหน้า นย. รุ่นที่ ๗๕ และหลักสูตรหมู่รบนักเรียนนายเรือ ชั้นปีที่ ๓ ประจ�าปีการศึกษา
ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๑๖ ก.ย.๖๔ ๒๕๖๔ พร้อมกับมอบประกาศนียบัตรเคร่องหมายความสามารถ และมอบโล่
ื
ให้แก่ผู้ที่ส�าเร็จการอบรมฯ ณ หอประชุม นย. ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ
จว.ชลบุรี เมื่อ ๑๘ ก.ย.๖๔
พล.ร.ท.อนุชาติ อินทรเสน ผบ.ฐท.สส. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.ต.นฤพล เกิดนาค ผบ.ฐท.สส. (ท่านใหม่) โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่
�
ี
ี
หน.นขต.ฐท.สส. และกาลังพล ฐท.สส. เข้าร่วมพิธ ณ บก.ฐท.สส. อ.สัตหีบ จว.ชลบุร เม่อ ๒๙ ก.ย.๖๔
ื
ิ
่
ี
พล.ร.ท.เชงชาย ชมเชงแพทย์ ผบ.ทรภ.๓ (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ต.สมพงษ์ นาคทอง ผบ.ทรภ.๓ (ท่านใหม่) ณ บก.ทรภ.๓
ิ
อ.เมืองภูเก็ต จว.ภูเก็ต เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔
พล.ร.ท.โกวิท อินทร์พรหม ผบ.ทรภ.๑ (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.ต.พิชัย ล้อชูสกุล ผบ.ทรภ.๑ (ท่านใหม่) โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับ
�
ั
�
สูงช้นยศนายพลเรือสังกัด ทรภ.๑ และ ศรชล.ภาค ๑ ผู้อานวยการกอง/หัวหน้ากองต่าง ๆ หน.นขต.ทรภ.๑ รวมถึงผู้บังคับบัญชาของหน่วยกาลังท ี ่
ขึ้นการควบคุมทางยุทธการกับ ทรภ.๑ เข้าร่วมพิธี ณ บก.ทรภ.๑ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔
ี
�
�
่
พล.ร.ท.สาเริง จันทร์โส ผบ.ทรภ.๒ (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ต.สุนทร คาคล้าย ผบ.ทรภ.๒ (ท่านใหม่) โดยมีข้าราชการ ทรภ.๒
เข้าร่วมพิธี ณ บริเวณหน้า บก.ทรภ.๒ อ.เมืองสงขลา จว.สงขลา เมื่อ ๒๙ ก.ย.๖๔
่
ี
ี
พล.ร.ท.กฤษดา ประพฤติธรรม จก.สสท.ทร.(ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ต.อะดุง พันธุ์เอ่ยม จก.สสท.ทร. (ท่านใหม่)
ณ ห้องประชุม บก.สสท.ทร. พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔
พล.ร.ท.ชาติชาย ทองสะอาด ผบ.รร.นร. ให้โอวาทแก่ นนร. เพื่อให้ทราบถึงนโยบายและแนวทางการปฏิบัติตนในระหว่างการศึกษา โดยมีนายทหาร
ชั้นผู้ใหญ่ของ รร.นร.ร่วมรับฟังโอวาท ณ ลานสวนสนาม รร.นร. อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ เมื่อ ๔ ต.ค.๖๔
่
ี
�
พล.ร.ต.ดุลยพัฒน์ ลอยรัตน์ จก.สก.ทร. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย จก.สก.ทร. (ท่านใหม่) โดยมีกาลังพล
นขต.สก.ทร. เข้าร่วมพิธี ณ บก.สก.ทร. เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔
ี
พล.ร.ต.ชัยณรงค์ บุณยรัตกลิน ผบ.ฐท.กท. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ต.นเรศ วงศ์ตระกูล ผบ.ฐท.กท. (ท่านใหม่) โดยม ี
่
นายทหารชั้นผู้ใหญ่ หน.นขต.ฐท.กท. และก�าลังพล ฐท.กท. เข้าร่วมพิธี ณ บก.ฐท.กท. เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เมื่อ ๑ ต.ค.๖๔
พล.ร.ต.บัญชา บัวรอด จก.สบ.ทร. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.ต.โสภณ รัชตาภิรักษ์ จก.สบ.ทร.(ท่านใหม่) ณ ห้องประชุม สบ.ทร.
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔
ี
่
ั
ิ
ิ
ั
ุ
พล.ร.ต.วราณต วรรธนผล จก.อล.ทร. (ท่านเดม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ต.อตตะวีร ทกษรานุพงศ์ จก.อล.ทร. (ท่านใหม่) ณ บก.อล.ทร. อ.พระสมทรเจดีย ์
ั
์
จว.สมุทรปราการ เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔
พล.ร.ต.สมบัติ นาราวิโรจน์ ผบ.กฟก.๑ กร. เป็นประธานพิธีประดับ ผบ.กฟก.๑ กร. ร่วมพิธีมอบรางวัลเรือพร้อมรบสูงสุด และ
ื
ี
ื
เคร่องหมายยศให้แก่นายทหารสัญญาบัตรในสังกัดท่ได้รับการเล่อนยศสูง พิธีมอบรางวัลบุคคลดีเด่นของ กร. ประจ�าปี ๒๕๖๔ ณ บก.กร.
ขึ้น ณ ห้องอเนกประสงค์ อาคาร ร้อย.บก.กฟก.๑ กร. อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๒๐ ก.ย.๖๔
เมื่อ ๒ ก.ย.๖๔
ุ
ี
ี
�
ี
ั
ุ
ิ
พล.ร.ต.อนุพงษ์ ทะประสพ ผบ.กฝร. นากาลังพลในสังกัดเข้าร่วม ผบ.กฝร. เป็นประธานพธเกษยณอายราชการ มอบรางวลบคคลดเด่น
�
พิธีท�าบุญเลี้ยงพระอาคารพิพิธภัณฑ์ ณ บริเวณหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ กฝร. และครูดีเด่น กฝร. ประจาปี ๒๕๖๔ ณ ห้องเบญญา อาคารเคร่องฝึก
ื
�
ี
ื
อ.สัตหีบ จว.ชลบุร เม่อ ๙ ก.ย.๖๔ จ�าลองยุทธ์ กฝย.กฝร. อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๒๘ ก.ย.๖๔
ื
�
้
�
พล.ร.ต. ศุภชัย ธนสารสาคร ผบ.นสร.กร. ตรวจเยี่ยมการฝึกหลักสูตร ผบ.นสร.กร. เป็นประธานประดับเคร่องหมายความสามารถนักทาลายใต้นา
�
ั
การปฏิบัติการใต้น�้า นนร.ชั้นปีที่ ๔ ในการฝึกความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ด�าน�้า จู่โจมช้นสูง และมอบประกาศนียบัตรให้แก่ นทต.จู่โจมช้นสูง จานวน ๘๓ นาย
ั
�
ั
�
ี
้
�
และการแก้ไขข้อขัดข้องใต้นา โดยม น.อ.สุริยัน สาราญใจ ผบ.ศฝ.สร.นสร.กร. ในพิธีปิดการฝึกอบรมหลักสูตร นทต.จู่โจมช้นสูง ประจาปี ๒๕๖๔ พร้อมท้ง ั
ให้การต้อนรับ ณ สระว่ายน�้า นสร.กร. อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๙ ก.ย.๖๔ กล่าวแสดงความยินดีและให้โอวาทในการปฏิบัติราชการ ณ โรงเก็บเรือ นสร.กร.
อ.สัตหีบ จว.ชลบุร เม่อ ๒๓ ก.ย.๖๔
ื
ี
พล.ร.ต.อุทัย ชีวะสุทธ ผบ.สอ.รฝ. (ท่านเก่า) ส่งมอบหน้าท พล.ร.ต.อาภา ชพานนท์ ผบ.กยพ.กร. เป็นประธานพิธีอาลาชีวิต
ิ
ี
่
�
ิ
ิ
ให้แก่ พล.ร.ต.สรวท ชวนะ ผบ.สอ.รฝ. (ท่านใหม่) ณ ห้องรามาธบดนทร์ การรับราชการผู้ครบเกษียณอายุราชการ ประจาปี งป.๖๔ และมอบของ
ุ
�
บก.สอ.รฝ. และพิธีมอบการบังคับบัญชา ผบ.สอ.รฝ. ณ ลานอเนกประสงค์ ที่ระลึกให้แก่ผู้เกษียณอายุราชการที่ปฏิบัติงานใน กยพ.กร. ด้วยความมุ่งมั่น
ั
ั
สอ.รฝ. อ.สัตหีบ จว.ชลบุร โดยมีนายทหารช้นผู้ใหญ่ หน.นขต.สอ.รฝ. อุตสาหะเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ณ บริเวณโถงกลางช้น ๑ อาคาร บก.กยพ.กร.
ี
และก�าลังพล สอ.รฝ. เข้าร่วมพิธี เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔ ทลท.ฐท.สส. อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๒๘ ก.ย.๖๔
พล.ร.ต.วรพาท รัชตะสังข์ ผบ.กตอ.กร. พร้อมด้วยนายทหาร น.อ.สมศักดิ์ คงโชติ รอง ผอ.อธบ.อร. มอบของที่ระลึกแบบจ�าลอง
ฝ่ายอานวยการ มอบอุปกรณ์ป้องกันโรคติดเช้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดช ให้แก่ พล.ร.ต.กรีฑา พรรธนะแพทย์ ปูชนียบุคคล
ื
�
�
(COVID–19) ให้กับเรือในสังกัด กตอ.กร. พ้นท่สัตหีบ เพ่อใช้ในการตรวจสอบ ผู้ทาคุณประโยชน์ต่อ อธบ.อร. ท้งด้านองค์ความรู้ด้านงานช่าง
ื
ั
ื
ี
้
ั
ั
และปองกนใหกบกาลงพลประจาเรอ ณ สานกงาน ผบ.กตอ.กร. บก.กตอ.กร. งานประวัติศาสตร์ งานศิลปะภาพถ่าย และงานประพันธ์ ณ บ้านเลขที่ ๑๕๒
้
�
�
ั
ื
ั
�
อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๑๗ ก.ย.๖๔ เขตพญาไท กรุงเทพฯ เมื่อ ๑๗ ก.ย.๖๔
การฌาปนกิจ
สงเคราะห์แห่งราชนาวี
นาวิกศาสตร์ 89
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์ 90
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์ในนามของกองทัพเรือขอแสดงความอาลัยในมรณกรรมของสมาชิกที่กล่าวนามเป็นอย่างยิ่ง
ฌาปนกิจ ทร.@hwy6676p
นาวิกศาสตร์ 91
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
เพลง แผ่นดินของเรา
ทำานอง : พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
คำาร้อง : ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค
ถึงอยู่แคว้นใด ไม่สุขสำาราญ
เหมือนอยู่บ้านเรา ชื่นฉ่ำาค่ำาเช้าสุขทวี
ทรัพย์จากผืนดิน สินจากนที
มีสิทธิ์เสรี สันติครองเมือง
เรามีป่าไม้อยู่สมบูรณ์ ไร่นาสดใสใต้ฟ้าเรือง
ั
โบราณสถานส่งนามประเทือง เกียรติเมืองไทยขจรไปท่วแดนไกล
รักชาติของเรา ไว้เถิดผองไทย
ผืนแผ่นแหลมทอง รวมพี่รวมน้องด้วยกัน
รักเกียรติรักวงศ์ เสริมส่งสัมพันธ์
ทูนเทิดเมืองไทยนั้น ให้ยืนยง