The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นาวิกศาสตร์, 2021-10-27 07:57:11

นาวิกศาสตร์ ตุลาคม ๒๕๖๔


ทางเยอรมันเสียทหาร ๒,๕๕๑ คน เรือประจัญบาน ๑ ลา เรือตอร์ปิโด ๔ ล�า เรือด�าน�้า ๒ ล�า เรือขนาดเบา ๒ ล�า
เรือลาดตระเวนสงคราม ๑ ล�า เรือลาดตระเวนเบา ๔ ล�า และเรือขนาดเล็ก ๓ ล�า


และเรือพิฆาต ๕ ลา เป็นเหตุการณ์ “ข้าศึกอยู่ไหน?” เรือที่จอดอยู่ทางใต้ของเกาะช้าง มีเรือลาดตระเวน



คร้งหน่งของสงครามใหญ่ในโลก ชายฝั่ง ๑ ลา และเรือขนาดเบา ๓ ลา (เม่อธนบุรีรบ;


ต้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๘๒ เกิดสงครามข้นใน พลเรือเอก จิตต์ สังขดุลย์)













ทวปยโรป ตอมาตนเดอนธนวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ญปนเรม ภารกิจของหน่วยเรือฝร่งเศสคือ ติดตาม และ


มหาสงครามเอเชียบูรพา ก�าลังทางเรืออังกฤษที่สิงคโปร์ ค้นหาทาลายล้างกาลังทัพเรือสยามต้งแต่สัตหีบไปจนถึง




ประกอบด้วยเรือประจัญบาน ๑ ลา เรือลาดตระเวน พรมแดนเป็นการเส่ยงเกินไป จึงตัดสินใจผนึกกาลัง



สงคราม ๑ ลา และเรือพิฆาต ๔ ลา มีฐานทัพอยู่ท ี ่ ท้งหมดมุ่งหน้าเข้าโจมตีข้าศึกท่ทอดสมออยู่ท่เกาะช้าง








สิงคโปร์ ได้ออกเรือเดินทางข้นเหนือเพ่อดักทาลายกองเรือ ในเวลาเช้าตรู่ของวันรุ่งข้น (บันทึกของหน่วยงาน


ยกพลข้นบกของญ่ปุ่น แต่ไม่พบว่า “ข้าศึกอยู่ไหน?” ประวัติศาสตร์ทหารเรือฝรั่งเศส, นาวิกศาสตร์ฉบับที่ ๒



จึงจะเดินทางกลับสิงคโปร์ แต่ตรวจพบโดยเรือดานา ปี ๗๘) กล่าวคือรู้ว่า “ข้าศึกอยู่ไหน?” และอยู่อย่างไร



และเรือบินจากเรือลาดตระเวนญ่ปุ่น แล้วก็มีเคร่องบิน หน่วยเรือไทยก่อนการรบแยกเรือปืนหนัก ๑ ลา
ญ่ปุ่นจากฐานบินในอินโดจีนท่ญ่ปุ่นยึดครองอยู่ โจมต ี และเรือตอร์ปิโดใหญ่ ๓ ล�า จอดเรือ ๒ แห่ง ใต้เกาะช้าง



กองเรืออังกฤษสูญเสียเรือเกือบทั้งหมด อ�านวยให้ทหาร ซ่งได้เห็นเรือบินฝร่งเศสบินลาดตระเวนท้งในวันท่ ๑๖





ญ่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรมลายูได้ในเวลาต่อมาจนถึงพม่า และวันที่ท�าการรบวันที่ ๑๗ มกราคม ซึ่งเช้าวันนี้ทหาร


มุ่งสู่อินเดีย ประจาเรือหัดกายบริหาร แล้วรีบเข้าประจาปืนต่อสู้

ทหารเรือไทยก็มีประสบการณ์ “ข้าศึกอยู่ไหน?” อากาศยานท่ยืนยันว่ายิงเคร่องบินข้าศึกตกทะเลทางด้าน

หลายครั้งหลายหน ตั้งแต่ยุคเรือพาย เรือใบ ฯลฯ มาครั้ง เกาะหวาย แต่ไม่รู้ว่าเรือข้าศึกเข้ามาใกล้ตัวแล้ว




สาคัญในการรบทางเรือสมัยใหม่คร้งแรกของทหารเรือไทย ไทยมีกาลังทางอากาศอยู่ท่สนามบินเนินพลอยแหวน
ก็คือ การรบที่เกาะช้าง วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๔ จังหวัดจันทบุรี ประกอบด้วยฝูงบินขับไล่ แบบฮอว์ก ๓


ระหว่างการพิพาทกับอินโดจีนของฝร่งเศสท่หมวด จ�านวน ๘ เครื่อง และฝูงบินตรวจการณ์ แบบคอร์แซร์



เรือไทย อันประกอบด้วยเรือปืนหนัก เรือตอร์ปิโดใหญ่ จานวน ๙ เคร่อง การติดต่อระหว่างหน่วยบนกับ




และเรือวางทุ่นระเบิดรบกับหน่วยเรือฝร่งเศสท่ม ี หน่วยเรือน้น “การติดต่อกับฐานทัพเรือท่สัตหีบไม่ได้


เรือลาดตระเวน และเรือสลุป เวลารุ่งอรุณของวันนั้น มีการติดต่อกัน และย่งกับกองเรือย่งไม่เคยได้ติดต่อ



โดยปกติเรือลาดตระเวนลามอตปิเกต์ มีเรือบิน กันเลย” ตอนเวลาเช้าของวันทาการรบน้น “ขณะท่ยังมืดอย ู่




ประจาเรืออยู่ ๑ เคร่อง แต่เวลาน้นเคร่องมือในการส่ง เวลาประมาณ ๐๕๐๐ เศษ พวกเราก็ต้องตกใจต่น


เคร่องบินข้นบินเสีย ทางกองบัญชาการจึงมอบเรือบิน เพราะได้ยินเสียงปืนดังพรึม ๆ ต่อเน่องกันไม่ขาดระยะ




แบบ Hydraimon จ�านวน ๒ ล�า (ฝรั่งเศสมีอยู่ ๘ ล�า) กได้แต่นึกในใจว่ากองเรือของเราซ่งจอดอยู่ในอ่าวเกาะช้าง


อยู่ในบังคับบัญชาของหน่วยเรือ เรือบินมีฐานบินอยู่ท่เรียม ท่เห็นเม่อวานตอนเย็นน้น คงถูกเรือข้าศึกจู่โจมทาการ




เวลาบ่าย วันที่ ๑๖ มกราคม เรือบินได้บินไปดูลาดเลา ยิงแน่” (เม่อธนบุรีรบ; อ้างแล้ว) สถานการณ์ก่อนหน้าน้น

ที่สัตหีบล�าหนึ่ง และอีกล�าหนึ่งไปลาดตระเวนที่เกาะกูด เคร่องบินตรวจการณ์ไทย ๑ ลา ได้บินลาดตระเวน





เกาะช้าง และฝั่งทะเลสยามจนถึงพรมแดน ทาให้รู้จุดท่ต้ง ระหว่างเกาะช้าง เกาะกง เกาะกูด ตอนบ่ายวันท่ ๑๖


ของกองเรือสยาม ดังนี้ ก่อนการรบวันรุ่งข้น “ประมาณเวลา ๑๖๓๐ ได้เห็นเรือรบ
เรือท่จอดอยู่สัตหีบ มีเรือปืนหุ้มเกราะ ๑ ลา ของเราไม่น้อยกว่า ๔ ล�า รวมกองอยู่ในอ่าว ทหารเรือ


นาวิกศาสตร์ 49
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
















ู้

บนเรือกาลังรับประทานอาหารใส่เส้อคอกลมขาว และอดมคต ซงในทสุดฝายญป่นเปนผโจมตทางทะเลกอน
กางเกงขาส้นสีกากี ถือจานโบกไม้โบกมืออย่างร่นเริง โดยเห็นว่าต้องทาลายทัพเรือสหรัฐอเมริกาในแปซิฟิก ท่ม ี




อันเป็นการบินลาดตระเวนเหนือพื้นที่ และก�าลังทางเรือ ฐานทัพ ณ เพิร์ลฮาร์เบอร์เป็นเบื้องแรกก่อนที่จะรุกราน
ของเราเองที่โดยปัจจัยเวลา และระยะทาง” (Time and ยึดครองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ตามแผน








Space) ขณะบินลาดตระเวนน้น เรือข้าศึกอาจยังอยู่ท ี ่ กองทพทวางไว้ วนท ๒๖ พฤศจกายน พ.ศ. ๒๔๘๔



ไซ่ง่อน หรือแหลมญวน (เมื่อธนบุรีรบ; อ้างแล้ว) กองเรือบรรทุกเคร่องบินญ่ปุ่น ๖ ลา พร้อมด้วยเคร่องบิน

หน่วยเรือไทยหาข่าว “ข้าศึกอยู่ไหน?” ด้วยตนเอง ติดอาวุธลูกระเบิด และตอร์ปิโดราว ๔๐๐ เคร่อง ตดตาม






เหมือนกันโดยส่งเรือตอร์ปิโดระยอง ออกลาดตระเวน ดวยหนวยเรอคมกน และเรอสงกาลงบารงไดออกเรอจาก











นอกเกาะกูด ในคืนวันท่ ๑๖ มกราคม ก่อนการรบ ฐานทัพในหมูเกาะ Kurile ทางตอนเหนือของญี่ปุนอยาง









“ไดรบคาสงใหแยกหมเรอไปรกษาการณทบรเวณดานใต ้ เงียบ ๆ เดินทางสู่เพิร์ลฮาร์เบอร์ โดยใช้เส้นทางละติจูดสูง











เกาะกูด และให้กลับมารวมกาลังในวันรุ่งข้น เวลาบ่าย นอกเส้นทางเดินเรือโดยทั่วไป เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเห็น
เรือหลวงระยองได้ออกเดินทางจากเกาะง่าม เม่อวันท ่ ี จากเรืออื่น และงดใช้การสื่อสารทางวิทยุตลอดเวลา


๑๖ มกราคม เวลา ๒๐๐๐ ถึงอ่าวคลองโปรม เวลา ท้งน้ ท่ฐานทัพ Kurile ยังมีการส่งสัญญาณวิทย ุ


๒๒๐๐ ตลอดทั้งคืนเหตุการณ์เรียบร้อย รุ่งขึ้นวันที่ ๑๗ ประหน่งว่ากองเรือยังอยู่ในฐานทัพ อย่างไรก็ดีทางสหรัฐ-

มกราคม เวลาเช้าเหตุการณ์คงเป็นปกติ และไม่ได้ข่าว อเมริกาก็รู้ว่ากองเรือญ่ปุ่นออกเรือจากฐานทัพไปแล้ว



การรบ ระหว่างเรือฝ่ายเรากับข้าศึก จนกระท่งเวลาสายจึงได้ “แต่ไม่รู้ว่าไปไหน อยู่ท่ไหน” ในขณะน้นสหรัฐอเมริกา

รับทราบด้วยการดักรับข่าววิทยุโทรเลข เรือหลวงระยอง มีฟิลิปปินส์เป็นอาณานิคมอยู่ท่เดียวในเอเชียก็ห่วง

จึงออกเรือจากอ่าวคลองโปรมไปยังเกาะง่าม แต่ไม่ และเฝ้าดูทางฟิลิปปินส์ เวลา ๐๘๐๐ วันที่ ๗ ธันวาคม

ประสบเหตุการณ์อย่างใด ข้าศึกได้ล่าถอยไปหมดส้นแล้ว” ในเดือนต่อมา ขณะท่วงดุริยางค์ท้ายเรือประจัญบาน


หมายความว่าการ “ออกลาดตระเวนนอกเกาะกูด” Nevada ของกองเรือบรรเลงเพลงชาติในพิธี “ธงข้น”
ของเรือระยอง กระทาโดยการจอดเรืออยู่ท่คลองโปรม ลูกระเบิดลูกแรกจากฝูงบินแรกจานวน ๑๘๓ เคร่อง









อันเป็นวิธีการลาดตระเวนประจาท่ ซ่งเป็นวิธีการหนึ่ง ของญ่ปุ่นก็ตกลงบนเรือตามด้วยฝูงบินท่สองจานวน









ในการลาดตระเวน เข้าใจว่าโดยการท่เป็นเรือตอร์ปิโด ๑๗๐ เครอง ทใช้เวลาเกอบ ๒ ชวโมงในการโจมต ี

อันเป็นเรือความเร็วสูงมีอาวุธเด็ดขาดอย่างตอร์ปิโด ทัพเรือสหรัฐอเมริกาท่สูญเสียคนไป ๒,๔๐๓ คน เรือ
ใชยทธวธ “จโจม” ทาลายเรอขาศก และเปนเรอขนาดเลก ๑๘ ลา จมท้องทะเล หรือเสียหายหนัก ฝ่ายญ่ปุ่นเสียคน

















ออกเย็นกลับเช้า จึงใช้วิธีลาดตระเวนด้วยการจอดเรือ ๕๕ คน จากการสูญเสียเคร่องบินท้งระเบิด ๖ ลา และ















ประกอบกบเป็นเรอทม “สงตา” ตา ย่านการเหนน้อย เรือดานาจ๋ว ๕ ลา ท่พยายามลอบเข้าฐานทัพเรือ


เป็นเหตุให้ไม่รู้ไม่เห็น “ข้าศึกอยู่ไหน?” แต่ไม่สาเร็จ โชคยังดีของสหรัฐอเมริกาท่ขณะเกิดการ

ผลการรบท่เกาะช้าง ระหว่างฝ่ายไม่รู้ข้าศึกอยู่ไหน? โจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์นั้น กองเรือบรรทุกเครื่องบิน ๔ ล�า

กับฝ่ายรู้ข้าศึกอยู่ไหน เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วโดยไม่ต้อง ของสหรัฐอเมริกาไม่ได้อยู่ในฐานทัพ จึงไม่ได้ถูกโจมต ี

กล่าวถึง ณ ที่นี้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เพร์ลฮาร์เบอร์อานวยให้ฝ่าย




ปรากฏการณ์ไม่ร้ “ข้าศึกอย่ไหน?” ท่ย่งใหญ่กว่า ญ่ปุ่นได้การควบคุมทะเล และการสงครามมหาเอเชีย







การรบท่เกาะช้างโดยมหาอานาจทางเรือ ก็เกิดข้นหลายคร้ง ั บูรพา ซงการไม่ร้ “ข้าศึกอยู่ไหน?” ของสหรัฐอเมริกา

หลายหน ดังเช่น กรณีเพิร์ลฮาร์เบอร์ท่สหรัฐอเมริกากับญ่ปุ่น ทาให้สหรัฐอเมริกาตกเป็นเบ้ยล่างเม่อช่วงแรกของ





ขัดแย้งกันท้งเร่องการเมือง การขยายตัวทางทหาร การค้า สงคราม


50
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔



เม่อหันกลับมาดูอุปนิสัยทหารเรือไทย ต่อปัจจัย จันทวิรัช ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ เป็นผู้บังคับการ


ข้าศึกอยู่ไหน? จะเห็นได้จากการส่งต่อเรือฟริเกตมกุฎ หมู่เรือฝึก (มฝ.นนร) เวลาฝึก ๔๐ วัน ซ่งเรือประแส




ราชกมารจากอังกฤษท่ข้นประจาการในเดือนพฤษภาคม เป็นเรือธง เม่อเสร็จส้นการฝึก ผู้เขียนก็รายงานการฝึก




พ.ศ. ๒๕๑๖ อันเป็นเรือขนาด ๑,๘๐๐ ตัน ซ่งอู่ต่อเรือยาร์โรว์ ผ่านครูประพัฒน์ ซ่งตอนท้ายของรายงานได้เสนอความเห็น





ออกแบบเรือสาหรับต่างชาติท่ส่งซ้อเรือมีปืนใหญ่ท่หัวเรือ ไว้ว่า “ควรท�าดาดฟ้าท้ายเรือให้รับเฮลิคอปเตอร์ได้


๑ กระบอก ท้ายเรือมีดาดฟ้าสาหรับเฮลิคอปเตอร์ ๑ เคร่อง โดยถอดหมู่ปืนกลท้ายเรือออก เพราะเวลาน้นไม่มีเรือ

สองชาติแรกท่ส่งซ้อคือ ประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย ท่มีเฮลิคอปเตอร์ติดเรือเลย” ครูประพัฒน์ท่าน





ซ่งทหารเรือไทยขอเปล่ยนแบบท่ท้ายเรือจากดาดฟ้า เห็นด้วย และเสนอหน่วยเหนือต่อไป แต่ “นักเลงปืน”




เฮลิคอปเตอร์เป็นการติดต้งปืนใหญ่อีกหน่งกระบอก ในหน่วยเหนอไม่เหนด้วยเรองกเลยตกไป และผ้เขยน








ท่ต้องเสียค่าเปล่ยนแบบ ค่าดัดแปลงดาดฟ้า และห้องท้ายเรือ ก็จิตตกเงียบไปด้วย

ให้เหมาะแก่การยิงปืนใหญ่ และมีคลังกระสุน ส่วนเรือ และแล้วขณะเป็นนาวาเอก หัวหน้ากองข่าว กรมข่าว
มาเลเซียไม่มีการแก้แบบเรือมีเฮลิคอปเตอร์ประจาเรือ ทหารเรือ และครูประพัฒน์ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ

ตามที่ออกแบบเรือมา ได้รับ “ส�าเนาเรื่องนี้ทั้งหมดให้ นาวาเอก พัน รักษ์แก้ว
แน่นอนท่เรือมากปืนมีอานาจการยิงมากกว่า (ขว.ทร) อดีตผู้บังคับการเรือหลวงประแสทราบ เพื่อจะ


เรอน้อยปืน กเป็นไปตามความคดของ “นกเลงปืน” ได้ทราบว่าแนวความคิดที่ นาวาเอก พัน รักษ์แก้ว เสนอ






ส่วนเรือที่มีปืนน้อยย่อมมีอ�านาจการยิงน้อยกว่า แต่หวัง และผมได้ให้ความเห็นชอบเสนอกองทัพเรือน้น เม่อผม


ประโยชน์จากเฮลิคอปเตอร์ในการลาดตระเวนหาข่าว เป็นผู้บัญชาการทหารเรือก็ได้ดาเนินการให้แล้ว แต่เม่อ
ช่วยปฎิบัติการทางเรือ เช่น การปราบเรือด�าน�้า การรบ ขัดกับความเห็นของนายทหารส่วนใหญ่ท่จะรับผิดชอบ

ผิวน�้า ฯลฯ และประโยชน์อื่น ๆ อย่างการรับ-ส่งก�าลัง กองทัพเรือในอนาคต ผมจึงต้องระงับการส่งการไว้






บารง การต่อยอดการสอสาร เปนตน สดแตความคดของ ตามท่เห็นอยู่น้” กล่าวคือ “มีนักเลงปืน” ในฝ่ายอานวยการ








ผู้วางแผนก�าลังทางเรือว่าจะเป็น “นักเลงปืน” หรือเน้น เห็นว่าควรเอาปืนไว้ เรือประแสท่จะเป็นเรือลาแรกอันม ี


“ข้าศึกอยู่ไหน?” เฮลิคอปเตอร์ติดเรือก็ไม่ได้เป็น จนกระท่ง พ.ศ. ๒๕๓๕












เป็นท่น่าสังเกตว่า ช่วงเวลาส่งต่อเรือมกุฎราชกุมาร มชดเรอจากจีนจงเรมมีเรอทออกแบบมามเฮลคอปเตอร์

เป็นช่วงเวลาเดียวกับการต่อเรือยนต์เร็วโจมตีชุดเรือหลวง
ปราบปรปักษ์ จ�านวน ๓ ล�า จากอู่ที่สิงคโปร์อันเป็นเรือ



ขนาด ๒๖๐ ตัน มีอาวุธปล่อยนาวิถีพ้น-สู่-พ้น ของ


อิสราเอล อันถือได้ว่าเป็นเรือท่มีอานาจการโจมตีสูง


แต่เรือมี “สูงตา” ตา จากัดการรู้ “ข้าศึกอยู่ไหน?”

แต่หากเรือมกุฎราชกุมารท่มีเฮลิคอปเตอร์เป็นเรือนา



หมู่เรือยนต์เร็วโจมตีท่มีโอกาสรู้ “ข้าศึกอยู่ไหน?” มากข้น





และจะทาให้ “การรบผิวนา” ดีขนอย่างแน่นอน แต่ก ็

หมดโอกาสนั้นไป
ขณะเป็นนาวาโท และเป็นผู้บังคับการเรือฟริเกต
ประแส ภายหลังการฝึกภาคต่างประเทศของนักเรียน
นายเรือในฤดูร้อน พ.ศ. ๒๕๑๕ โดย พลเรือตรี ประพัฒน์
นาวิกศาสตร์ 51
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔




ประจ�าเรือ ท่านไม่ตกลงก็เลิกความคดไป มาทราบทีหลังว่าทางนาวกโยธิน

ปัจจัย “ข้าศึกอยู่ไหน?” เป็นเร่องของงานข่าว ส่งนายทหารหลังผู้เขียน ๔-๕ รุ่น คนหนึ่งเข้าไปหาข่าว


โดยผู้เขียนเร่มรู้เร่องงานข่าว ก็รู้ “ระดับเรือยาง” งู ๆ ปลา ๆ แล้วถูกจับ และขังไว้ราว ๑ ปี ท่เม่อเจ้าสีหนุถูกรัฐประหาร











ขณะเปนเรือโทรับการฝึก “นกทาลายใต้นาชนสูง” อนเป็นงาน แล้วไปอยู่กรุงปักก่ง นายทหารท่านน้จึงได้รับการปล่อยตัว

“ข่าวลับ” ในการปฏิบัติงานหลังเป็นแนวข้าศึก (Slay Behind) ทางานต่อไปจนเกษียณราชการ ยศพลเรือโท กัมพูชาเม่อ






มาเรียนงานข่าวอย่างข่าวมาตรฐานก็เมอเป็นนาวาตร ี เจ้าสีหนุไม่อยู่ ได้เชิญทางไทยส่งเรือรบไปเย่ยมเยือนท่เรียม


ท่โรงเรียนเสนาธิการ ครูผู้สอนวิชาข่าวคือ นาวาเอก ทหารเรือไทยส่งเรือหลวงประแสไปตามคาเชิญ ผู้เขียน
อังกุศ ชาลุภัต ซึ่งท่านเรียนวิชาข่าวจากทางการอังกฤษ ฝากจ่าปืนเรือประแสให้ดูเรือ PC กัมพูชาถ้าพบเห็นว่า–เรือ

ขณะท่มีการปราบปรามโจรในมาลายู วิธีการสอนของท่าน เขามีปืนใหญ่กี่กระบอก จ่ากลับมาบอกว่า–กระบอกเดียว
ห้ามจด จาเอาอย่างเดียว กับข้อสอบแบบปรนัยท่ซับซ้อนมาก เป็นอันรู้เร่องกันไป





อันเป็นแนวทางงานข่าวแบบ “หลังแนวข้าศึก” ตามที ่ ข่าวบางช้นช้ความเป็นความตายของประเทศทีเดียว

เคยเรยนมา เพอนนักเรียนคนหนงปรารภวา “ทางานขาว อย่างเม่อวันท่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๕๘ (ตรงกับ












ในซีโต้ (สนธิสัญญาSEATO) เอ็งมาจากท่ไหนอ๊ะ” รชสมยพระบาทสมเด็จพระพุทธเสิศหล้านภาลัย
มันก็เรองครูผู้สอนกบนักเรียนท่มาเรียนบังเอิญมาจาก รัชกาลท่ ๒) นโปเลียนแห่งฝร่งเศส ได้นาทัพสู้กับ







แนวทางเดียวกัน แล้วได้คะแนนสอบวิชาข่าวอย่างเพ่อน กองทัพสัมพันธมิตรในบังคับบัญชาของ ดยุกเวลลิงตัน





แปลกใจ แห่งอังกฤษ ท่ตาบลวอเตอร์ลู ใกล้กรงบรสเซลส์
ขณะเป็นนาวาโท ข้นจากเรือประแสมาเป็นหัวหน้าข่าว ของเบลเย่ยม กองทัพท้งสองฝ่ายมีเนินเขาค่นกลาง




กองยุทธการและข่าว กองบัญชาการกองเรือยุทธการ ไม่เห็นกัน นโปเลียนกล่าวแก่แม่ทัพนายกองของตนว่า


ณ พระราชนิเวศน์ ก่อนไปศึกษาหลักสูตร Command “ถ้ารู้ว่าข้าศึกข้างหลังเนินเป็นใคร มจานวนมากน้อย



ท่สหรัฐอเมริกา เวลาน้นเจ้าสีหนุอยู่ในกัมพูชา โดย เท่าใดอย่างไร วันน้เราชนะศึก” แต่นโปเลียนไม่รู้
กาลังทางบก และทางเรือเผชิญหน้ากับกาลังฝ่ายไทยท ่ ี ข่าวท่ต้องการ แพ้การศึกท่วอเตอร์ลู ถูกจับแล้วถูก







พรมแดนท้งสองฝ่าย เม่อไปถึงท่ทางานก็พบว่ามีหัวข้อ จาขังท่เกาะเซนต์เฮเลนานอกฝั่งทวีปอเมริกา จนถึงแก่





ข่าวสารสาคญ (หขส) ของหน่วยในสนาม และทะเล อนิจกรรม ที่นั่น ๖ ปี ต่อมา

ถามมาแต่ยังไม่ได้ตอบไป เป็นต้นว่า ไม่รู้ว่า “ข้าศึกอยู่ไหน?” ครั้งแรก ๆ คร้งใหญ่ใน
- ปืนท่เขาโอบยาม เป็นปืนขนาด ๙๐ หรือ ๑๐๕ ทะเลก็ในสงครามโลกคร้งแรก (พ.ศ.๒๔๕๗-๒๔๖๑)





มิลลิเมตร (คุกคามทหารนาวิกโยธินที่บ้านหาดเล็ก) ท่ฝ่ายอังกฤษไม่รู้ว่าเรือดานาเยอรมันอยู่ไหน กล่าวคือ

- เรือ PCE ของกัมพูชา มีปืนใหญ่ ๑ หรือ ๒ กระบอก เกาะอังกฤษปิดอ่าวฝั่งทะเลเยอรมัน โดยภูมศาสตร์กาลัง


(กัมพูชามีเรือ PCE จ�านวน ๒ ล�า อันเป็นเรือที่มีขนาด ทางเรือผิวนาของเยอรมันจึงแพ้เปรียบทางยุทธศาสตร์


ยาวกว่าเรือ PC ของไทยที่มีอยู่ ๗ ล�า มีรายงานว่า บางที เป็นเบ้องต้น ทางเยอรมันจึงสร้างกาลังเรือดานาท่ไม่รู้






ฝอยน�้าของกระสุนปืนเรือข้าศึก มี ๒ ฝอยน�้า) ว่าอยู่ที่ไหน? ไปปิดเอารอบเกาะอังกฤษโดยฝ่ายอังกฤษ



ผู้เขียนถือเร่องไปหานายว่า ควรตอบ หขส. เพ่อหน่วย ยังไม่มีเคร่องมือค้นหาเรือดานาข้าศึก ทาให้การรับ





แนวหน้าสามารถปฏิบัติการได้ดี และปลอดภัยย่งข้น กาลังบารุงจากสหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรปเสียหายมาก




นายถามว่า “แล้วจะทาอย่างไร” ก็เรียนนายไปว่า แทบจะหมดท่า ได้แต่ประณามเรือดานาว่า “พวกเจ้าเล่ห์ ข้โกง”








“ต้งหน่วยปฏิบัติการข่าวแล้วส่งคนไปหาข่าว” แบบงานข่าว และว่าหากจับพวกเรือดานาได้ต้องถือว่าเป็นโจรสลัดท ี ่


เรือยาง นายถามว่าถ้าถูกจับจะทาเช่นใด? ก็ตอบท่านว่า ต้องถูกแขวนคอ (คากล่าวของ เซอร์ วิลสัน-ผู้ช่วยรัฐมนตร ี


จะทาประกันชีวิตให้เขาต้องเส่ยง และใช้เงินบ้าง กระทรวงทหารเรืออังกฤษ)
52
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


พันเอก เรดมัน กับทหารผ่านศึกไทย







ในการสงครามโลกคร้งท่สอง กองเรือดานาเยอรมันก็ยัง ชนะร้อยคร้ง” ถ้าโจทย์เปล่ยนเป็น “รู้เรา ไม่รู้เขา, ไม่รู้เรา


ล้อมรอบเกาะอังกฤษ เช่น สงครามคร้งแรก นายกรัฐมนตร ี ไม่รู้เขา, ไม่รู้เรา รู้เขา ; ค�าตอบจะเป็น ๕๐/๕๐ ๖๐/๔๐


อังกฤษ เชอร์ชิล ออกปากถึงภัยจากเรือดานาเยอรมันว่า ๗๐/๓๐ อย่างไรก็เป็นไปได้ เป็นความสัมพันธ์ และสถานะ





“เป็นเร่องทผมกลวจริง ๆ ในการสงคราม–really jrightend ระหว่างนักเลงปืนกับนักเลงข่าว จะเอาปืนมากกระบอก






me during the war” แมวาทางองกฤษ และสหรฐอเมรกา หรือปืนน้อยกระบอกโดยมีเฮลิคอปเตอร์ ทหารเรือไทยมี





เร่มผลิตเคร่องมือค้นหาเรือดานาได้แล้วคือ แอสคิด และได้รับบทเรียนมาแล้วจาก “ข้าศึกอยู่ไหน” –เจ็บ
และโซนาร์ แต่การสูญเสียเรือจากการโจมตีของ แล้วต้องจ�า
เรือดานาเยอรมันก็ยังมากอยู่ดีด้วยยุทธวิธีใหม่ ๆ ผู้ช่วยทูตทหารบกสหรัฐอเมริกา เรดมัน ป่านน้คง





ของเรือดานา เช่น ยุทธวิธีฝูงหมาป่า (wolf packs) พานักท่บ้านเกิดในสหรัฐอเมริกา คากล่าวของผู้ช่วยทูต





อันเป็นการเล่นเกม “ข้าศึกอยู่ไหน?” ในการสงคราม ประจ�ากรุงเทพมหานคร ที่อยู่ในเมืองไทยเป็นระยะเวลา


ปลายสงคราม ทางอังกฤษถอดรหัสข่าวกรองเรือดานา ๓ ปี ใจความส�าคัญอยู่ที่ “ทหารไทยไม่รู้ว่า ข้าศึกอยู่ไหน

เยอรมันได้ช่วยให้พ้นภัยเรือด�าน�้าเป็นอันมาก ในการรบที่ภูหินร่องกล้า”

“ข้าศึกอยู่ไหน” เป็นส่วนหน่งของงานข่าวท่ปราชญ์

ชาวจีน “ซุนวู” ตั้งสมการไว้ว่า “รู้เรา รู้เขา รบร้อยครั้ง
นาวิกศาสตร์ 53
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


กล่าวน�า พระกัสยปเทพบิดร และนางวินตา มีเชษฐาคือ

ผู้ที่เป็นทหารเรือทั้งที่มีหน้าที่รับราชการในเรือ พระอรุณซ่งต่อมาได้เป็นสารถีของพระสุริยเทพ















และไปปฏิบัติงานในเรือเป็นคร้งคราว รวมถึงผู้ท่ไม่ใช่ (พระอาทตย) พญาครฑนนมลกษณะเปนครงนก ครงมนษย ์
ทหารเรือแต่มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนเรือหลวงแห่งราชนาวี และคร่งเทวดา คือ หัว ปีก เล็บ และปากเหมือนนกอินทร ี

คงเคยพบ และสังเกตเห็นรูปพญาครุฑท่ประดับบนเรือ ตัว แขน และขาเป็นคน หน้าขาว ปีกแดง ตัวเป็นสีทอง




ในตาแหน่งท่เห็นได้เด่นชัด ซ่งส่วนมากจะประดับ มีชายาชื่ออุนนติ หรือวินายกา และมีโอรสสององค์ คือ










บรเวณด้านหน้าสะพานเดนเรอ หรอมบางลาทประดบ สัมปาติ และชฎายุ (ในรามเกียรต์ คือ สัมพาที และสดายุ) [๑]








พญาครุฑไว้บริเวณอ่น อาทิ บริเวณหัวเรือ ดังเช่น พญาครฑเป็นผมีฤทธมาก และกตัญญตอมารดาจนยอมไป



เรือหลวงแม่กลอง หลายท่านอาจพอทราบว่าพญาครุฑ ชิงนาอมฤตมาไถ่โทษให้มารดา ซ่งตกเป็นทาสของนาง





เป็นสัญลักษณ์แห่งองค์พระมหากษัตริย์ท่ตามความเช่อ กัทรุมารดาของนาคท้งปวง เน่องจากแพ้ในอุบายท่พนันทาย

ถอว่าพระองค์เปรยบเสมอนพระนารายณ์อวตาร สีม้าพระสุริยเทพท่นางกัทรุใช้ให้พวกนาคโอรสไปพ่นพิษ





โดยพระนารายณ์น้นมีพระราชพาหนะได้แก่พญาครุฑ จนม้าทรงพระสุริยเทพเปล่ยนสีจากขาวจนกลายเป็นสีดา


รวมท้ง พญาครุฑยังปรากฏในเคร่องหมายครุฑพ่าห์ ทาให้นางวินตาแพ้พนันต้องตกเป็นทาส พวกนาค




อันเป็นเคร่องหมายทางราชการของประเทศไทย ต้งข้อสัญญาว่าถ้าพญาครุฑไปเอานาอมฤตท่พระจันทร์





ดังน้นเรือหลวงซ่งเป็นสมบัติสาคัญของทางราชการ รักษาไว้มาให้พวกตนดื่มเพื่อจะได้เป็นอมตะ ก็จะปล่อย


จึงสมควรประดับครุฑ เพ่อแสดงเคร่องหมายแห่งองค์ นางวินตาให้พ้นจากความเป็นทาส พญาครุฑจึงออกเดินทาง



พระมหากษตรย์และทางราชการ และในบทความ ฝ่าอันตรายต่าง ๆ ไปจนถึงพระจันทร์ได้นาอมฤตแล้ว



“พญาครุฑกับกองทัพเรือไทย” น้ ผู้เขียนได้รวบรวม จึงบินกลับ ระหว่างทางพบพระอินทร์และทวยเทพ


ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มานาเสนอต่อท่านผู้อ่าน ซ่งทราบว่าพญาครุฑมาลักนาอมฤตไปได้ เหล่าเทวดา


เพ่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้เก่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง จึงเข้ารบกับพญาครุฑเพ่อชิงนาอมฤตคืน ซ่งพญาครุฑ







พญาครุฑอันเป็นสัญลักษณ์ หรือเคร่องหมายแห่งองค์ กสามารถเอาชนะเหล่าเทวดาได้ จนแม้กระท่งพระอินทร ์





พระมหากษัตรย์กับกองทัพเรือไทยตังแต่สมยโบราณ จะใช้วัชระ (หรือสายฟ้า) ก็ยังไม่สามารถทาอันตราย

จนถึงปัจจุบัน โดยหวังว่าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อ พญาครุฑได้ แต่พญาครุฑให้เกียรติแก่พระอินทร์ในฐานะ
ท่านผู้อ่านบ้างตามสมควร จอมเทพ และเป็นเชษฐาร่วมพระบิดา จึงยอมสลัดขนลง
ให้หนึ่งเส้น หรือแม้แต่องค์พระนารายณ์ผู้ทรงเป็น
ว่าด้วยพญาครุฑ พระเป็นเจ้าสูงสุดหน่งในสามองค์ (พระเป็นเจ้าสูงสุดของ

พญาครุฑเป็นอมนุษย์จ�าพวกหน่ง เป็นก่งสัตว์ก่งเทพ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ได้แก่ พระอิศวร พระนารายณ์




มีฤทธ์อานาจมาก และเป็นเจ้าแห่งนกท้งปวง ตามความเช่อ และพระพรหม) ก็ยังเอาชนะพญาครุฑไม่ได้ แต่พญาครุฑ




ของศาสนาพราหมณ์-ฮนดู พญาครฑเป็นโอรสของ จะหนีพระนารายณ์ก็ไม่พ้นเช่นกัน

นาวิกศาสตร์ 54
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔




ในท่สุดจึงตกลงทาสัญญาเป็นไมตรีกัน โดยพระนารายณ์ ให้ใช้ตราอาร์มเป็นตราแผ่นดินใน พ.ศ. ๒๔๑๖


ประทานพรให้พญาครุฑเป็นอมร (ผู้เป็นอมตะ หรือเป็น ภายหลังทรงมีพระราชดาริว่าตราอาร์มท่ใช้เป็น

ผู้ไม่มีวันตาย) และสัญญาจะให้พญาครุฑนั่ง ณ ที่สูงกว่า ตราแผ่นดินในเวลานั้นเป็นอย่างฝร่งเกินไป
ส่วนพญาครุฑยอมเป็นพาหนะแห่งพระนารายณ์ ดังนั้น และทรงระลึกได้ว่าพระเจ้าแผ่นดินสมัยกรุงศรีอยุธยา


พระนารายณ์จึงทรงครุฑ และส่วนพญาครุฑก็ได้อยู่ในธง เคยใช้ตราพระครฑพ่าห์มาก่อน (ตราท่กล่าวถึงคือ

ที่งอนรถพระนารายณ์อันเป็นที่นั่งสูงกว่า ตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์องค์เดม)

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นาตราพระครุฑพ่าห์

มาใช้เป็นตราแผ่นดินอีกคร้งต้งแต่หลัง พ.ศ. ๒๔๓๖

เป็นต้นมา และมาใช้แทนตราแผ่นดินทั้งหมดอย่างเต็มที่
ใน พ.ศ. ๒๔๕๓ โดยการใช้ตราพระครุฑพ่าห์น ี ้



สาหรับประทับกากับพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์

หรอกากับนามผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์


ซงลงนานแทนในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์





นอกจากน้ยังใช้เป็นตราประจาสถานท่ราชการต่าง ๆ
ของรัฐบาลไทย ใช้พิมพ์เป็นตราบนหัวหนังสือ
และเอกสารต่าง ๆ ของทางราชการ และใช้เป็น

ตราสาหรับประทับในหนังสือราชการของกรม


กองต่าง ๆ นอกจากน้ บริษัท ห้างร้านท่จดทะเบียน
โดยชอบตามกฎหมาย ท่ติดต่อค้าขายโดยชอบ



กับทางราชสานัก ซ่งปรากฏว่ามีฐานะทางการเงินด ี
เป็นที่เชื่อถือแก่มหาชน ไม่มีหนี้สินรุงรัง นอกจากหนี้สิน
ภาพที่ ๑ หน้าบันพระอุโบสถลายปูนปั้น ปกติจากการค้าขาย และจะต้องประกอบการค้า
พระนารายณ์ทรงครุฑ วัดราชมานิตสถิตมหาธาตุเจดีย์ทักษิณ โดยสุจริต อาจได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประดับ
ต�าบลคลองทราย อ�าเภอนาทวี จังหวัดสงขลา [๒]

ตราพระครุฑพ่าห์เป็นตราต้งห้างไว้ท่ห้างร้านของตนได้


ความเกี่ยวเนื่องของพญาครุฑ และพระมหากษัตริย์ โดยพระมหากษัตริย์ทรงไว้ในสิทธิท่จะเรียกคืนตรา
[๓]

เน่องจากไทยได้รับอิทธิพลความเช่อจากศาสนา ดังกล่าวได้

พราหมณ์-ฮินดู ว่าองค์พระมหากษัตริย์เปรียบเสมือน
พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระรามกษัตริย์ผู้ทรง

ฤทธานุภาพครองกรุงอยธยา จงได้นาตราครุฑมา



เป็นตราแผ่นดินต้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเรียกว่า
“ตราพระครุฑพ่าห์” เป็นพระราชลัญจกรของ



พระมหากษัตริย์องค์หน่ง สาหรับประจาชาดและ ภาพที่ ๒ ตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์องค์เดิม (ซ้าย)


ประจาครง ในการผนึกพระราชสาสน์ และหนังสือ พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์องค์กลาง ฝีพระหัตถ์สมเด็จฯ

สัญญานานาประเทศ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (กลาง) และพระราชลัญจกร
พระครุฑพ่าห์ ฝีพระหัตถ์สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใช้ในสมัยรัชกาลที่ ๕ (ขวา)
นาวิกศาสตร์ 55
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ภาพที่ ๓ พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ที่ใช้เป็นตราแผ่นดิน (ซ้าย)
และพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์แบบที่ใช้เป็นตราตั้งห้าง (ขวา) [๓]

นอกจากพระราชลัญจกรครุฑพ่าห์แล้วยังมีรูป ของความกว้างของตอนต้น ธงน้ถ้าชักข้นแทนธง


พญาครุฑอยู่ในธงมหาราช และธงพระครุฑพ่าห์ซ่งม ี มหาราชใหญ่ หมายความว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ

รายละเอียดโดยสังเขป ดังนี้ ให้งดการยิงสลุตถวายค�านับ
๑. ธงมหาราช เป็นธงพระอิสริยยศสาหรับองค์

พระมหากษัตริย์ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า


เจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ

ให้บัญญัติแบบอย่างของธงพระอิสริยยศข้นใหม่
ตามพระราชบัญญัติธง รัตนโกสินทรศก ๑๒๙

โดยทรงจาแนกธงพระอิสริยยศเป็น ๖ ช้น สาหรับ


พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช
พระวรชายาในพระยุพราช พระราชโอรส และพระราช ภาพที่ ๔ ธงมหาราชใหญ่ (บน) และธงมหาราชน้อย (ล่าง)
ธิดาในพระมหากษัตริย์ ตามล�าดับ และทรงเปลี่ยนตรา การประดับธงมหาราชใหญ่จะประดับเหนือ




แผ่นดินในธงใหม่จากตราอาร์มเป็นตราพระครุฑพ่าห์ พระราชมณเฑยรทประทบของพระบาทสมเดจ


ซึ่งธงมหาราชแบ่งได้เป็น ๒ ชนิด ได้แก่ พระเจ้าอยู่หัว มณฑลพิธีเขตพระราชฐานและ
[๔]


๑.๑ ธงมหาราชใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปส่เหล่ยม พระราชพาหนะ โดยมีรายละเอียดตามระเบียบ
จัตุรัส พื้นธงสีเหลือง มีรูปครุฑพ่าห์สีแดงอยู่ตรงกลาง ส่วนราชการในพระองค์ ว่าด้วยการใช้ การเชิญ
๑.๒ ธงมหาราชน้อย แบ่งตามความยาวออกเป็น การแสดงธง พระอิสริยยศ และการถวายความเคารพ
สองตอน ตอนต้นมีสี และลักษณะอย่างเดียวกับธง โดยใช้ธงชัยเฉลิมพล พ.ศ. ๒๕๖๒

มหาราชใหญ่ แต่กว้างไม่เกิน ๖๐ เซนติเมตร ตอนปลาย ในอดีตท่ผ่านมาองค์พระมหากษัตริย์ในพระบรม

มีลักษณะเป็นชายต่อสีขาวแปลงเป็นรูปธงยาวเรียว ราชจักรีวงศ์หลายพระองค์ได้เสด็จพระราชดาเนินทาง




โดยให้ปลายสุดกว้างคร่งหน่งของตอนต้น ปลายธง ชลมารคด้วยเรือพระท่น่งซ่งมีการประดับธงมหาราช อาท ิ


ตัดเป็นแฉกรูปหางนกแซงแซว ลึก ๓ ใน ๘ ส่วน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ ๖

ของความยาวของผืนธง ความยาวของผืนธงเป็น ๘ เท่า เม่อคร้งเสด็จพระราชดาเนินโดยเรือพระท่น่งมหาจักร ี




นาวิกศาสตร์ 56
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


เลียบหัวเมืองชายทะเลมณฑลจันทบุรี พ.ศ. ๒๔๕๗
ได้ทรงพระราชนิพนธ์กาพย์ เห่เรือ ตอนเห่ชมกระบวนเรือ [๕]

ได้มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงธงมหาราชไว้ว่า

“พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามสดศรี
มหาจักรีมี เกียรติก้องท้องสาคร
นาวาวรายุทธ อุตลุดแลสลอน

แห่ห้อมจอมนคร ราวจะรอนริปูเปลือง

ธงทิวปลิวระยับ สีสลับขาวแดงเหลือง
อันธงพระทรงเมือง เหลืองอร่ามดูงามตา
ธงตรามหาราช ผ่องผุดผาดในเวหา

รูปครุฑะราชา อ้าปีกกว้างท่าทางบิน”
(ทรงพระราชนิพนธ์พระราชทานสาหรับพิมพ์ในหนังสือสมุทสาร ภาพที่ ๕ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ใหญ่ (ซ้าย)

และธงชัยพระครุฑพ่าห์น้อย (ขวา)
อุดหนุนราชนาวีสมาคม เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๔๕๗)
พญาครุฑกับกองทัพเรือไทยสมัยโบราณ (ยุคเรือพาย
๒. ธงพระครุฑพ่าห์ หรือธงชัยพระครุฑพ่าห์ และเรือส�าเภา)

เป็นธงประจาพระองค์พระมหากษัตริย์มาแต่โบราณ ในสมยโบราณตงแตกรงสโขทยเปนราชธานเปนตนมา













ใช้เป็นธงชัยสาหรับแห่นาในการเสด็จพระราชดาเนิน ในการยาตราทัพเพ่อทาศึกสงครามภายในอาณาจักร



ในกองทัพ คู่กับธงกระบ่ธุช ธงชัยพระครุฑพ่าห์ แบ่งได้ หรือนอกอาณาจักร หากยกทพไปทางเรือก็จะเรยกยก




เป็น ๒ สารับ คือ ธงชัยพระครุฑพ่าห์สารับใหญ่ และธงชัย “ทัพเรือ” ซ่งมีความจาเป็นต้องใช้เรือเป็นพาหนะ



พระครุฑพ่าห์ส�ารับน้อย ดังนี้ ในการลาเลียงทหาร เคร่องศาสตราวุธ และเสบียงอาหาร
[๖]


๒.๑ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ใหญ่ ผืนธงมีลักษณะ โดยเรือนอกจากจะสามารถลาเลียงทหาร และยทธปัจจัย


เป็นแผงมี ๓ ชาย อย่างธงชัยโบราณหุ้มด้วยผ้าสักหลาด ได้คร้งละมาก ๆ แล้ว ยังสะดวกและรวดเร็วกว่าทางบกด้วย



สีแดง ปักด้นทองลายกนก ยอดเป็นปลายหอก ตัวคันธงน้น จึงนิยมยกทัพไปทางเรือจนสุดทางน�้าแล้วจึงยกทัพต่อไป

เป็นอาวุธอย่างตรีศูล หรือสามง่าม ท่คอคันธงมีรูป บนทางบก


พระนารายณ์ทรงครุฑหล่อด้วยโลหะสาริดติดอยู่ท่คอคันธง เรือรบท่เป็นพาหนะของกองทัพไทยสมัยโบราณ

๒.๒ ธงชัยพระครุฑพ่าห์น้อย ผืนธงมีลักษณะ มี ๒ ประเภทด้วยกัน คือ เรือรบในแม่นา และเรือรบ


เป็นผ้าสีเหลืองรูปส่เหล่ยม มีภาพครุฑท่กลางผืนธง คันธง ในทะเล โดยในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีได้มีการ



ท่อนบนท�าด้วยเหล็ก ยอดเรียวแหลมคร�่าทอง ท่อนล่าง พัฒนาเรือรบในแม่น�าข้นหลายแบบเพ่อใช้ในสงคราม






ทาด้วยไม้ชัยพฤกษ์ติดกาบโลหะจาหลักเป็นภาพครฑ กับพม่าเป็นหลัก ซ่งเท่าท่พบหลักฐานไทยได้ใช้เรือรบ



จับนาค จานวน ๔ กาบ มีหางนกยูงผูกเป็นแพนเสียบท่กาบ ประเภทเรือแซเป็นเรอรบในแม่นาเพอใช้ในการลาเลียง







ใช้เชิญนากระบวนพยุหยาตรา และอัญเชิญประดิษฐาน ทหาร และเสบียงอาหารมาช้านานแล้วโดยใช้ฝีพาย

ในมณฑลพิธีในการพระราชพิธีต่าง ๆ เข้าคู่กับธงชัยราช ๒๐ พาย เป็นก�าลังขับเคลื่อนให้เรือแล่นไป
[๗]

กระบ่ธุชน้อย โดยธงชัยพระครุฑพ่าห์น้อยอยู่ทางด้านขวา ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พ.ศ.
และธงชัยราชกระบี่ธุชน้อยอยู่ทางด้านซ้าย ๒๐๙๑–๒๑๑๑) ได้มีการทาศึกกับพม่าหลายคร้ง


นาวิกศาสตร์ 57
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔



พระองค์ได้ดัดแปลงเรือแซให้เป็นเรือไชย (ชัย) ซ่งเป็น














เรอชนดทมทวนหวเรอตงสงขนไปเป็นงอนเพอใช้ในการ




ลาเลียงทหารได้มากข้น สาหรับเรือไชยท่ทรงดัดแปลง


ใหม่น้น เป็นเรือท่มีลักษณะลาเรือยาวใช้ฝีพายประมาณ

๖๐-๗๐ คน แลนไดรวดเรวกวาเรอแซ ปรากฏวาในคราวท ี ่







พม่าตงค่ายล้อมกรุงศรีอยุธยาสมเด็จพระมหาจักรพร









รดได้โปรดเกล้าฯ ให้นาปืนใหญ่ไปตดตงทเรอไชยออก
แล่นยิงค่ายพม่าจนพม่าต้องถอยทัพกลับไป และในเวลา



เดียวกันสมเดจพระมหาจักรพรรดิทรงคดสร้างเรอรบ

โขนเรือเป็นรูปสัตว์ข้นเพ่อใช้ในสงครามอีกประเภทหน่ง ึ


มีลักษณะเช่นเดียวกับเรือไชย แต่ทาหัวเรือให้กว้างข้น





เพ่อให้สามารถติดต้งปืนใหญ่ท่หัวเรือได้ ซ่งเรือรบโขนเรือ
เป็นรูปสัตว์นี้มีทั้ง ราชสีห์ คชสีห์ ครุฑ นาค วานร ฯลฯ

โดยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์น้มีเรือรบโขนเรือเป็นครุฑ ภาพที่ ๖ เรือครุฑเหินเห็จ (ซ้าย)
อยู่ ๒ ลา คือ เรือครุฑเหินเห็จ และ เรือครุฑเตร็จไตรจักร และเรือครุฑเตร็จไตรจักร (ขวา)

[๑๐]

ซึ่งเป็นเรือรูปครุฑยุดนาค โดยเรือครุฑเหินเห็จเป็นครุฑ นอกจากเรือรบโขนเรือเป็นรูปครุฑแล้ว เรือพระท่น่ง ั







กายสีแดง ส่วนเรือครุฑเตร็จไตรจักรเป็นครุฑกายสีชมพู ทมโขนเรือเปนรูปพญาครฑ ไดแก เรือพระท่น่งนารายณ์






เรือครุฑเหินเห็จลาเดิมสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ ทรงสุบรรณรัชกาลท่ ๙ โดยตามประวัตเรอพระท่น่งลาน ้ ี



พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ ๑ เป็นเรือ เดิมสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่งเกล้าเจ้าอยู่หัว







รปสตวพนดายาว ๑๓ วา ๑ ศอก ๑ คบ กวาง ๔ ศอก ลก รัชกาลท่ ๓ เป็นเรือพระท่น่งโขนเรือเป็นรูปครุฑ








๑ ศอก ๑๐ นิ้ว ก�าลัง (ความเร็วเมื่อฝีพายเต็มอัตราพาย ยุดนาค (พญาสุบรรณ) เท่าน้น จึงมีนามเดิมว่า

หนึ่งครั้ง) ๕ ศอก ๑ คืบ ๑๑ นิ้ว แต่ได้ถูกระเบิดเสียหาย เรอพระท่นงมงคลสบรรณ ต่อมาในสมยรชกาลท ๔











ในสมยสงครามโลกครงท ๒ กรมศลปากรได้เกบหวเรอ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ









และท้ายเรือไว้ และได้สร้างข้นใหม่เม่อวันท่ ๒๑ เมษายน ให้สร้างรูปพระนารายณ์ประทับยืนบนหลังพญาสุบรรณ
พ.ศ. ๒๕๐๕ น�้าหนัก ๗ ตัน กว้าง ๑.๕๙ เมตร ยาว ทาให้เรือมีความสง่างามมากข้น และทรงพระราชทานนามว่า




๒๗.๕๐ เมตร ลึก ๐.๕๙ เมตร กินนาลึก ๐.๓๒ เมตร เรือพระท่น่งนารายณ์ทรงสุบรรณ ขนาดตัวเรือยาว


ฝีพาย ๓๘ คน และนายท้ายเรือ ๒ คน ส่วนเรือครุฑ ๑๗ วา ๒ ศอก กว้าง ๕ ศอก ๕ นิ้ว ท้องลึก ๑ ศอก ๖ นิ้ว
[๘]

เตร็จไตรจักรลาเดิมเป็นเรือรูปสัตว์พ้นดายาว ๑๓ วา พ้นทาสีแดง ใช้ฝีพาย ๖๕ นาย มฐานะเป็นเรือ




[๑๑]



๑ ศอก ๑ คืบ กว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ๖ นิ้ว ลึก ๑ ศอก พระท่น่งรองทอดบัลลังก์กัญญาเทียบเท่าเรือพระท่น่ง ั

๙ นิ้ว ก�าลัง ๕ ศอก ๑ คืบ ๗ นิ้ว ล�าเก่าถูกระเบิดช�ารุด อนันตนาคราช และเรือพระท่น่งอเนกชาติภุชงค์ ต่อมา



กรมศิลปากรได้เก็บหัวเรือและท้ายเรือไว้ และได้สร้าง ตัวเรือมความชารุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา คงเหลือ


ขนใหมเม่อวันท่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑ นาหนัก แต่โขนหัวเรือประกอบด้วยพญาสุบรรณ (พญาครุฑ)








๕.๙๗ ตัน กว้าง ๑.๙๐ เมตร ยาว ๒๗.๑๐ เมตร ลึก และพระนารายณ์เก็บรกษาไว้ทพิพิธภัณฑสถานแห่งชาต ิ

๐.๕๒ เมตร กินน�้าลึก ๐.๒๙ เมตร ฝีพาย ๓๔ คน และ จนถึงมหามงคลวโรกาสท่พระบาทสมเด็จพระบรม
นายท้ายเรือ ๒ คน [๙] ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
นาวิกศาสตร์ 58
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔



ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ เสด็จพระราชดาเนินทางทะเล ในสมัยกรุงศรีอยุธยา




กองทัพเรือจึงได้จัดทา “โครงการสร้างเรือพระท่น่ง กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์มีลักษณะเป็นเรือสาเภา
นารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลท่ ๙” เพ่อน้อมเกล้าน้อม ท่มีการประดับตกแต่งอย่างงดงาม ซ่งบางลาท้ายเรือ








กระหม่อมถวายเน่องในมหามงคลวโรกาสดังกล่าว คงทาท้ายบาหลีสูงย่นออกมาคล้ายท้ายราชรถ อาท ิ
โดยอัญเชิญโขนหัวเรือมาเป็นแบบในการสร้างเรือ เรือพระท่น่งของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมีนามว่า



[๑๕]





พระท่น่งองค์ใหม่ ซ่งมีขนาดเท่ากับลาเดิม ตัวเรือ “เรือพระท่น่งมหาพิชัยสุวรรณนาวา” ปากกว้าง

กว้าง ๓.๒๐ เมตร ยาว ๔๔.๓๐ เมตร กินน�้าลึก ๑.๑๐ ๓ วาเศษ ยาว ๑๗ วา โดยมีลักษณะของเรือ และกาลังพล
เมตร น�้าหนัก ๒๐ ตัน ใช้ฝีพายเพียง ๕๐ นาย เพื่อ ประจ�าเรือตามพงศาวดารกรุงธนบุรี (ประชุมพงศาวดาร
ให้สอดคล้องกับวโรกาส ๕๐ ปี แห่งการครองราชย์ [๑๒] ภาคที่ ๖๖) ดังนี้

ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล “เรือรบเขียนเป็นรูปตราตามตาแหน่ง ตรงข้างเรือ




อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขียนเป็นลายรดนา เรือพระท่น่งทรงเขียนหน้าเรือเป็น



รปครฑ ขางเปนลายรดนา พนกทายเขยนนาทอง พะอวดทอง











หลังคาสสักหลาด ตะกด แจว เสากะโดง ทาสีเหลอง

พลแจวใส่หมวกใส่เส้อสีดอกคา เรือรบเจ้าราชนิกุลเขียน




ลายรดนา หลังคาหุ้มผ้าแดง พลแจวใส่เส้อเขียว มีธงแลโคม”


เรือพระท่น่งสาหรับเดินเรือในทะเลข้างต้นน้น






เรียกโดยท่วไป คือ “เรือพระท่น่งสาเภาทอง” และ
ใช้ตราครุฑ ซ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงใช้เป็น

พระราชพาหนะในการเสด็จยกทัพเรือไปตีกรุงกัมพูชา



เมอ พ.ศ. ๒๓๑๔ หรอเมอคร้งกรมพระราชวังบวร



มหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพเรือไปปราบพม่าท่เมือง


นครศรีธรรมราช เม่อปีมะเมีย พ.ศ. ๒๓๒๙ ได้ทรงใช้





เรือพระท่นงสุวรรณพชัยนาวาท้ายรถ หรือเรือพระทน่ง




ภาพท่ ๗ โขนหัวเรือพระท่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลท่ ๙ [๑๓]

สาเภาทองท้ายรถของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า






จากท่กล่าวมาซ่งเป็นเรือรบ และเรือพระท่น่งท่ใช้ จุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ เป็นพระราชพาหนะ โดยที่
ในแม่นาแล้ว เม่อมีการยาตราทัพเรือไปทางทะเลจึง เรอพระท่น่งใช้ตราครุฑ จึงเรียกว่า “เรือพระท่น่งครฑ” [๑๖]











เกิดความจาเป็นท่จะต้องใช้เรือรบประเภทเรือเดินทะเล ดังปรากฏในนิราศกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท

ซ่งเป็นเรือใบ เรือรบขนาดใหญ่ของไทยสมัยเรือใบ คร้งเสด็จไปปราบพม่าเมืองนครศรีธรรมราชฯ มีข้อความ

แบ่งออกกว้าง ๆ ได้ ๒ จ�าพวก ได้แก่ เรือส�าภา หรือ กล่าวถึงเรือพระที่นั่งครุฑว่า


เรือแบบจีน และจาพวกเรือแบบตะวันตก หรือเรือกาปั่น “ท่น่งครุฑทอดท่าเตรียมเสด็จ ด่งจะเห็จนภามาศดูอาจอัด






แบบฝร่ง นอกจากน้ยังมีเรือเดินทะเลขนาดย่อมท่เล็กกว่าเรือ






สาเภา และเรือกาปั่น อาทิ เรือสาปั้นแปลง เรือกาปั่นแปลง จบพระยานาคนทรบนรวบรด สองหัตถ์ถือธงพิไชยยุทธ



เรือแบบญวณ (เรือแง่ หรือเรือกุไล) เรือฉลอม และเรือเป็ด ลงยันต์ลายทองต�ารับหลวง เด่นดวงเป็นรูปวายุบุตร
รวมทั้งเรือแบบแขก (เช่น เรือกลาบู)
[๑๔]






ในส่วนเรือพระที่นั่งของพระมหากษัตริย์เมื่อทรงใช้ จ่ารงคร�่าใส่ช่องสองข้างครุฑ ฝรงคอยเตรยมชดจะจดปน”
นาวิกศาสตร์ 59
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ภาพที่ ๙



ครุฑประดับบนเสาหน้าของเรือพระท่น่งมหาจักรี (ลาท่ ๒) (ซ้าย)


และเสาหน้าฯ บริเวณท่ประดับครุฑ (ขวา-วงกลมเส้นประ)


ต่อมาเม่อมีเรือประเภทต่าง ๆ ข้นระวางประจาการ

มากขึ้น เพื่อให้การประดับครุฑบนเรือหลวงเป็นไปด้วย
ความเรียบร้อยและเหมาะสม กองทัพเรือจึงได้ทาการออก

ระเบียบกองทัพเรือ ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง
[๑๗]
พ.ศ. ๒๕๒๙ ประกาศใช้เมื่อ ๑๑ เม.ย. ๒๙ และได้
ใช้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีเนื้อหาส�าคัญสรุปได้ดังนี้


ภาพท่ ๘ เรือสาเภาทองจาลองท่ตาบลคุ้งตะเภา ๑. “เรือ” หมายถึง เรือท่มีนายทหารสัญญาบัตรเป็น





อาเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ผู้บังคับการเรือ หรือเป็นผู้ควบคุมเรือ
พญาครุฑกับกองทัพเรือไทยสมัยปัจจุบัน (ยุคเรือกลไฟ ๒. “ครุฑ” หมายถึง ครุฑที่มีลักษณะเป็นครุฑพ่าห์
จนถึงยุคเรือรบปัจจุบัน) เช่นเดียวกับเครื่องหมายทางราชการของประเทศไทย
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๓. เรือทุกลาท่มีอัตราอยู่ในกองทัพเรือให้ประดับ






รัชกาลท่ ๔ เม่อได้มีการคิดประดิษฐ์เคร่องจักรไอนา ครุฑตามระเบียบนี้

ข้นในยุโรปและนามาใช้กับเรือ เรือรบในทะเลของไทย ๔. ครุฑท่ประดับบนเรือ ให้ใช้วัสดุ แบบ และสี ตามท ี ่




จึงได้เปล่ยนจากการขับเคล่อนเรือโดยใช้ใบมาเป็นเรือ กรมอู่ทหารเรือกาหนด สาหรับขนาดของครุฑให้กองเรอ





แบบเรือกลไฟ โดยเร่มจากเรือใช้จักรข้างก่อน แล้วต่อมา ยุทธการกาหนด ตามความเหมาะสมกับขนาดของเรือ

จึงเปล่ยนเป็นจักรท้าย ส่วนตัวเรือแต่ก่อนใช้ไม้สร้าง ๕. ครุฑที่ประดับบนเรือ ให้ประดับ ณ ที่เห็นได้ชัด

ก็เปลี่ยนมาสร้างด้วยเหล็กแทน และสง่างาม เช่น ท่หัวเรือ สะพานเดินเรือด้านหน้า

เรือกลไฟท่เป็นเรือหลวงได้เร่มมีการประดับครุฑ ก่งกลางลาเรือ หรือท่ทกองเรอยุทธการกาหนด โดยม ี










บนเรือ เพ่อเป็นเคร่องหมายแห่งองค์พระมหากษัตริย์ หลักเกณฑ์ดังนี้

และสมบัติของทางราชการ โดยครุฑน้มีลักษณะเหมือนรูป ๕.๑ เรือประเภทและขนาดเดียวกัน ให้ประดับ

พระครุฑพ่าห์ท่เป็นตราแผ่นดิน อาทิ เรือยงยศอโยชณิยา ครุฑที่มีขนาดและต�าแหน่งที่เดียวกัน

แต่ครุฑท่ประดับบนเรือหลวงท่เก่าแก่ท่สุดของราชนาว ี ๕.๒ เรือแต่ละลาประดับครุฑได้เพียงแห่งเดียว





ไทยท่รักษาไว้ได้ คือ ครุฑท่ประดับบนเสาหน้าของเรือ ๖. เรือทุกลาท่ประดับครุฑ ต้องรักษาครุฑ





พระท่น่งมหาจักรี (ลาท่ ๒) ซ่งปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ ให้อยู่ในสภาพสง่างามตลอดเวลา





ท่พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ เลขท่ ๙๙ ถนนสุขุมวิท อาเภอ ๗. ให้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการรักษาการ

ปากนา จังหวัดสมุทรปราการ (ตรงข้ามกับโรงเรียนนายเรือ) ตามระเบียบนี้


นาวิกศาสตร์ 60
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔



ในส่วนของกองเรือยุทธการจึงได้ทาการออกระเบียบ เบ็ดเตล็ด กองโรงงาน อธบ.อร. เป็นผู้สร้างองค์ครุฑ [๑๙]
กองเรือยุทธการ ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง ซึ่งในปัจจุบันมีแบบองค์ครุฑอยู่ ๓ ขนาด สร้างจากวัสดุ


พ.ศ. ๒๕๒๙ ข้นมารองรับระเบียบกองทัพเรือฯ ซิลิโคน (Silicone) ได้แก่
และได้ปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยการออกระเบียบ ๑. แบบองค์ครุฑขนาดเล็ก (ความสูงจาก
กองเรือยุทธการว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง ปลายแพนหางถึงปลายปีกด้านบน ๔๗ เซนติเมตร
พ.ศ. ๒๕๓๓ เม่อ ๑๓ ส.ค. ๓๓ โดยให้ยกเลิกระเบียบ ความกว้างจากปลายปีกข้างหนึ่งถึงปลายปีกอีกข้างหนึ่ง

[๑๘]
กองเรือยุทธการ ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง ๔๕ เซนติเมตร)
พ.ศ. ๒๕๒๙ และระเบียบกองเรือยุทธการ ว่าด้วยการ ๒. แบบองค์ครุฑขนาดกลาง (ความสงจาก

ประดับครุฑบนเรือหลวง พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ๒) และ ปลายแพนหางถึงปลายปีกด้านบน ๖๗ เซนติเมตร

ใช้ระเบียบฯ น้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยกาหนดขนาด ความกว้างจากปลายปีกข้างหนึ่งถึงปลายปีกอีกข้างหนึ่ง





ของครุฑ และตาบลท่ท่ประดับครุฑตามผนวกท้าย ๗๐ เซนติเมตร)
ระเบียบน้ รวมท้งกาหนดให้ผู้อานวยการกองกาลังพล ๓. แบบองค์ครุฑขนาดใหญ่ (ความสูงจาก





กองบัญชาการกองเรือยุทธการ รักษาการตามระเบียบนี้ ปลายแพนหางถึงปลายปีกด้านบน ๘๐ เซนติเมตร



ซ่งผู้เขียนขอนารายละเอียดเก่ยวกับขนาดของครุฑ ความกว้างจากปลายปีกข้างหนึ่งถึงปลายปีกอีกข้างหนึ่ง
และต�าบลที่ที่ประดับมาเสนอพอสังเขป ดังนี้ ๙๓ เซนติเมตร)

โดยองค์ครุฑเพ่อประดับบนเรือหลวงจะสร้างจาก
วัสดุไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) เพ่อให้มีนาหนักเบา



และมีความคงทนแข็งแรง เม่อสร้างองค์ครุฑเสร็จ

เรียบร้อยแล้ว ก็จะส่งต่อให้โรงงานช่างสี แผนกโรงงาน
เบ็ดเตล็ดฯ เป็นผู้ดาเนินการลงสีองค์ครุฑให้เป็นไป

ตามรปแบบ และเมอดาเนนการเสรจทกขนตอนจนได้










องค์ครุฑท่สมบูรณ์แล้ว อธบ.อร. ก็จะแจ้งคณะกรรมการ




ต่อเรอฯ หรอผ้แทนอู่ต่อเรือมารับองค์ครุฑเพ่อนาไป

ท่มา : ผนวกแนบท้ายระเบียบกองเรือยุทธการ ประดับบนเรือหลวงต่อไป

ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง พ.ศ. ๒๕๓๓




สาหรับการสร้างองค์ครุฑเพ่อประดับบนเรอหลวงน้น
(ท่เรียกพญาครุฑเป็นองค์ เน่องจากพญาครุฑถือเป็น




ก่งสัตว์ ก่งเทพ และเป็นพาหนะของพระนารายณ์:

ผู้เขียน) เม่อมีการต่อเรือจนใกล้จะแล้วเสร็จ

คณะกรรมการต่อเรอของโครงการต่อเรอต่าง ๆ


ของกองทัพเรือ หรืออู่ต่อเรือท่ทาการต่อเรือท้งในและ



ต่างประเทศ จะขอรับการสนับสนุนการสร้างองค์ครุฑ ภาพท่ ๑๐ แบบองค์ครุฑขนาดเล็ก (ซ้าย) แบบองค์ครุฑขนาด
จากอู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ (อธบ.อร.) กลาง (กลาง) และแบบองค์ครุฑขนาดใหญ่ (ขวา)



ซ่งกองโรงงาน อธบ.อร. เป็นผู้รับผิดชอบในการดาเนินการ ท่มา : ได้รับความอนุเคราะห์จากโรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว
โดยมีโรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว แผนกโรงงาน แผนกโรงงานเบ็ดเตล็ด กองโรงงาน อธบ.อร.
นาวิกศาสตร์ 61
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔



เน่องจากองค์ครุฑจะต้องประดับบนเรือหลวง โดยรูปพญาครุฑจะมีลักษณะเหมือนรูปครุฑพ่าห์อันเป็น



ให้แล้วเสร็จก่อนทาพิธีรับมอบเรือ ดังน้นในแต่ละปี เคร่องหมายทางราชการของประเทศไทย นอกจากน ้ ี








จึงมีจานวนองค์ครุฑท่สร้างข้นอยู่กับจานวนเรือท่ต่อข้น ในด้านความศักด์สิทธ์ เน่องจากพญาครุฑเป็นผู้ทรง

และใกล้จะแล้วเสร็จ อาทิ เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง อิทธิฤทธิ์และความดีงาม จึงเป็นเครื่องหมายให้ก�าลังพล
เรือ ต.๙๙๗ และ เรือ ต.๙๙๘ ทางคณะกรรมการ ประจาเรือเกิดความอบอุ่น ม่นใจ ตลอดจนสร้างขวัญ





ต่อเรือของโครงการต่อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง และกาลังใจในการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ว่าจะมีส่งศักด์สิทธ ิ ์
ได้ขอรับการสนับสนุนการสร้างองค์ครุฑ จานวน สถิตและคอยคุ้มครองอยู่เสมอ อีกทั้งในฐานะข้าแผ่นดิน

๒ องค์ จาก อธบ.อร. ในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ก็เสมือนมีสัญลักษณ์แทนองค์พระมหากษัตริย์สถิตอยู่ใน
และจะขอรับในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ โดย พาหนะอันตนมีส่วนร่วมในการปกป้องคุ้มครองเอกราช
ในปัจจุบันเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ๙๙๗ และ และอธิปไตยของราชอาณาจักรอีกประการหนึ่ง

เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ๙๙๘ มีการกระทาพิธีปล่อยเรือ ขนบธรรมเนียมในการสร้างองค์พญาครุฑเพ่อ



ตรวจการณ์ใกล้ฝั่งลงน�้า ณ อูตอเรือบริษัทมาร์ซัน จ�ากัด ประดับบนเรือหลวงของราชนาวีคงจะดาเนินสืบต่อไป

(มหาชน) แล้ว เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ และ อีกตราบนานเท่านาน เพราะเป็นการสืบสานจิตวิญญาณ











กาลงดาเนนการตดต้งอปกรณต่าง ๆ เพอส่งมอบเรือตอไป เอกลักษณ์ และความจงรักภักดีของทหารเรือ
และกองทัพเรือไทยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์


และประเทศชาตซ่งดารงมายาวนานต้งแต่บรรพบุรุษ


มาโดยไม่ขาดสาย
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอขอบพระคุณผู้ให้การสนับสนุน

ทุกท่านท้งมารดาของผู้เขียนซ่งเป็นอาจารย์ในวิชา

ภาษาไทยและวรรณคดี รวมถึงก�าลังพลของกองโรงงาน

อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ โดยเฉพาะอย่างย่ง
ภาพที่ ๑๑ องค์ครุฑขนาดเล็กที่สร้างเสร็จแล้ว โรงงานช่างต่อเรือใยแก้วฯ และโรงงานช่างสีฯ ทุกท่าน


ด้านหน้า และด้านหลัง ซ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลสาคัญในการสร้างองค์พญาครุฑ
ที่มา : ได้รับความอนุเคราะห์จากโรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว แผนก เพ่อประดับบนเรือหลวง หวังว่าบทความ “พญาครุฑ

โรงงานเบ็ดเตล็ด กองโรงงาน อธบ.อร.
กับกองทัพเรือไทย” น้ จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านบ้าง

สรุป ตามสมควร และหากมีข้อบกพร่อง หรือผิดพลาด
พญาครุฑเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระมหากษัตริย์ แต่ประการใดผู้เขียนขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว

ตามคติความเช่อท่ว่าพระองค์คือพระนารายณ์อวตาร

โดยมีพระราชพาหนะคือพญาครุฑ ดังน้นกองทัพเรือ

และเรือรบไทยนับแต่โบราณจึงมีรูปพญาครุฑประดับ
หรือปรากฏอยู่ อาทิ โขนหัวเรือ ตราเรือ หรือธงชัย

แทนพระองค์พระมหากษัตริย์ ต่อมาเม่อต่อเรือรบ

ด้วยเหล็กจึงมีการเปล่ยนมาสร้างรูปพญาครุฑด้วยวัสด ุ


ท่คงทนแข็งแรงนาหนักเบา เพ่อประดับบนเรือหลวง



ในฐานะสญลักษณ์ และสมบติสาคญของทางราชการไทย



นาวิกศาสตร์ 62
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


เอกสารอ้างอิง






[๑] เก้อพันธุ์ นาคบุปผา , พ้นฐานการอ่านวรรณคดีไทย , (กรุงเทพฯ สานักพิมพ์ต้นอ้อ แกรมม่ , ๒๕๔๐) , หน้า ๑๔๗

[๒] เว็บไซต์ขององค์การบริหารส่วนต�าบลคลองทราย อ�าเภอนาทวี จังหวัดสงขลา
(http://www.klongsai.go.th/travel/detail/750)
[๓] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี จากเว็บไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/ตราแผ่นดินของไทย
[๔] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี จากเว็บไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/ธงพระอิสริยยศในประเทศไทย
[๕] มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว , พระบาทสมเด็จพระ , พระราชนิพนธ์ บทเห่ชมกระบวนเรือ , ประชุมกาพย์เห่เรือ ฉบับ






พิมพ์คร้งท่ ๓ แจกในการกฐินพระราชทาน จางวางเอก พระยาประสิทธศุภการ ผู้สาเร็จราชการมหาดเล็ก ณ


วดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบรี วนท่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๔ , (กรุงเทพฯ , โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๖๔)


[๖] โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ , คู่มือการฝึก

ว่าด้วยแบบฝึกท่ากระบ่ และการปฏิบัติของผู้อัญเชิญธงชัยเฉลิมพล พ.ศ. ๒๕๖๐ ภาคผนวก ธงราชกระบ่ยุทธ และ

ู่



ธงพระครุฑพ่าห , ไฟลดาวโหลด คมอแบบฝึกพระราชทาน รัชกาลท ๑๐ (โรงเรยนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษา



พระองค์ : รร.ทม.รอ.)sword_flag.pdf จากเว็บไซต์กองงบประมาณ สานักงานงบประมาณและและการเงิน

ส�านักงานต�ารวจแห่งชาติ (https://policebudget.go.th/drupal/content/คู่มือแบบฝึกพระราชทาน-รัชกาล
ที่-๑๐-โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์-รร.ทม.รอ)






[๗] ประวตกองทพเรอ จากเวบไซต์กองทพเรอ https://www.navy.mi.th/index.php/history/detail/his

tory_id/14
[๘] เรือครุฑเหินเห็จ จากเว็บไซต์กองทัพเรือ https://www.navy.mi.th/index.php/main/detail/content_id/1639
[๙] เรือครุฑเตร็จไตรจักร จากเว็บไซต์กองทัพเรือ https://www.navy.mi.th/index.php/main/detail/con
tent_id/1640
[๑๐] เรือครุฑเหินเห็จและเรือครุฑเตร็จไตรจักร จากเว็บไซต์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒

หมวดข้อมูลเก่ยวกับพระราชพิธีเบ้องปลาย (http://www.phralan.in.th/coronation/finalceremoniesdetail.

php?id=836)
[๑๑] เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙ จากเว็บไซต์กองทัพเรือ
(https://www.navy.mi.th/index.php/main/detail/content_id/1618)
[๑๒] คณะท�างานจัดท�าหนังสือ “ จอมทัพไทยกับราชนาวี ” กองทัพเรือ , จอมทัพไทยกับราชนาวี , (กรุงเทพฯ ,
โรงพิมพ์ อรุณการพิมพ์ เขตพระนคร, ๒๕๓๙) , หน้า ๔๐๘



[๑๓] เรือพระท่น่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลท่ ๙ จากเว็บไซต์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒

หมวดข้อมูลเก่ยวกับพระราชพิธีเบ้องปลาย (http://www.phralan.in.th/coronation/finalceremoniesdetail.

php?id=938)
[๑๔] แชน ปัจจุสานนท์ , พลเรือตรี , ประวัติการทหารเรือไทย , (กรุงเทพ ฯ , ห้างหุ้นส่วนจ�ากัดอรุณการพิมพ์ ,
๒๕๔๑) , หน้า ๑๒๐ - ๑๒๖
[๑๕] Ibid. , หน้า ๑๒๘
[๑๖] Ibid. , หน้า ๑๒๙
นาวิกศาสตร์ 63
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


[๑๗] นิพนธ์ ศิริธร , พลเรือเอก , ผู้บัญชาการทหารเรือ , ระเบียบกองทัพเรือ ว่าด้วยการประดับครุฑบนเรือหลวง

พ.ศ.๒๕๒๙ , ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๙
[๑๘] อัศวิน หิญชีระนันท์ , พลเรือเอก , ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ , ระเบียบกองเรือยุทธการ ว่าด้วยการประดับ
ครุฑบนเรือหลวง พ.ศ.๒๕๓๓ , ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓
[๑๙] สัมภาษณ์ น.ต.ปรีชา ศรีสิงห์ นายช่าง โรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว แผนกโรงงานเบ็ดเตล็ด กองโรงงาน อธบ.อร.
และ ร.อ.สรยง เขมสกลเศรฐ หัวหน้าช่าง โรงงานช่างต่อเรือใยแก้ว ฯ , ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔



















































ครุฑเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์










นาวิกศาสตร์ 64
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


Mission Command เป็นหลักนิยมใหม่ของ
กองทัพบกสหรัฐอเมริกา ในการควบคุมบังคับบัญชา

(Command and Control) ซ่งเน้นการบรรล ุ
ตามเจตนารมณ์ของหน่วยเหนือ หรือวัตถุประสงค์

ของภารกิจ มากกว่าความสาเร็จของกิจเฉพาะท ี ่

ได้รับ เน่องจากสภาวะแวดล้อมในปัจจุบันสามารถ


เปล่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว ขณะน้เรามีความ
ได้เปรียบข้าศึก อีกไม่นานอาจเสียเปรียบก็ได้ แผนท่ได้



เตรียมการไว้ และออกคาส่งให้แก่หน่วยรองในขณะน ี ้
อาจใช้ไม่ได้ผล เม่อต้องปฏิบัติในสถานการณ์ท ่ ี Ref: BSS5: The Battle Staff SMARTbook, 5th Ed.

(www.TheLightningPress.com)
เปลี่ยนแปลงไป หรือไม่เป็นไปตามที่ได้วางแผนไว้

ปัจจุบันระบบปฏิบัติการในสนามรบของกองทัพบก จะเห็นว่า Mission Command น้น เป็น
สหรัฐอเมริกา ได้เปล่ยนจากแบบ BOS7 (Battlefield องค์ประกอบหนึ่งของระบบปฏิบัติการสนามรบแบบใหม่

Operating Systems) ไปเป็นแบบ Warfighting ซึ่งเชื่อมโยงองค์ประกอบอื่น ๆ ให้สอดคล้องกัน เพื่อให้
Function ซึ่งประกอบด้วย ๖ ส่วน ดังนี้ เห็นภาพ หรือเข้าใจในหลักการของ Mission
๑. การบังคับบัญชาภารกิจ (Mission Command) Command จะขอยกตัวอย่างเป็นเหตุการณ์สมมุติ ดังนี้




๒. การดาเนินกลยุทธ์ และการเคล่อนท (Move- เม่อเวลา ๒๐๐๐ ณ ท่กองบังคับการกองพันแห่งหน่ง



ment and Maneuver) ผู้บังคับกองพันได้เรียกผู้บังคับกองร้อยชาลีมารับ
๓. การยิงสนับสนุน (Fires) ภารกิจด่วน โดยชี้ไปที่สะพานในแผนที่แล้วได้สั่งการว่า

๔. การด�ารงสภาพ (Sustainment) “ในวันพรุ่งน้จะให้กองร้อยชาลียึดสะพานน้ให้ได้ก่อน

๕. การพิทักษ์หน่วย (Protection) เวลา ๑๒๐๐ คิดว่าท�าได้ไหมผู้กอง” ผู้บังคับกองร้อย
๖. การข่าว (Intelligence) จึงท�าการประมาณสถานการณ์ และวางแผนการปฏิบัติ
นาวิกศาสตร์ 65
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔



แบบเร่งด่วน แล้วตอบกลับผู้บังคับกองพันไปว่า ที่หมายไดรายงานกลับมาว่า สะพานได้ถูกระเบิดท�าลาย


“ภารกิจในการไปยึดสะพาน ตามท่ได้วิเคราะห์ ไปแล้ว ผู้บังคับกองร้อยจึงวิทยุแจ้งไปยังท่กองบังคับการ





จากกาลังฝ่ายเราท่จะใช้คือ ๑ กองร้อยปืนเล็ก น้น กองพันแล้วถอนกาลังกลับ เน่องจากภารกิจท่ได้รับน้นไม่


มากกว่าฝ่ายตรงข้ามท่มีเพียงแค่ ๑ ชุดปฏิบัติการ สามารถปฏิบัติได้








ในการรักษาพ้นท ฝ่ายเรามีความได้เปรียบในเร่องพ้นท ี ่ น่คือแนวความคิดในการรบแบบเก่าท่รบคาสง





อย่างมาก เน่องจากมีเนินตรวจการณ์หลายเนินท่สามารถ ทาทันท ทาให้ดีท่สุด ไม่ต้องถามเหตุผล เน่องจาก






ตรวจการณ์ในพ้นท่ปฏิบัติการได้ ประกอบกับยังมีเวลา ผู้บังคับบัญชาได้ผ่านกระบวนการคิด และวางแผนมาให้


ในการวางแผนอย่างละเอียดให้หน่วยรอง และมีเวลา อย่างรอบคอบแล้ว แต่ถ้าหากเป็นหลักนิยม Mission

ในการซักซ้อมการปฏิบัติก่อนปฏิบัติจริง คิดว่าภารกิจนี้ Command แล้วน้น หน่วยรองต้องเข้าใจวัตถุประสงค์
สามารถปฏิบัติให้ส�าเร็จได้ครับ” ของภารกิจน้นให้ถ่องแท้ก่อน ในกรณีตัวอย่างน หาก









หลงจากน้นก็ได้กลบมาทาแผนโดยละเอยด มการ วัตถุประสงค์ของการไปยึดสะพานน้น เพ่อข้ามไปทาลาย







ประยุกต์ใช้ระบบปฏิบัติการในสนามรบท้ง ๗ (Battle- ขบวนสัมภาระรบต่าง ๆ ท่คาดว่าจะอยู่ในพ้นท่ฝั่งตรงข้าม


field Operating Systems หรอ BOS 7) ในการวางแผน การตอบสนองภารกิจของหน่วยรองก็อาจจะเปล่ยนไป
เพ่อให้ครอบคลุมในทุกระบบปฏิบัติการ รวมถึงมีการ เช่น ตัวอย่างจากเหตุการณ์เดิม

ซักซ้อมการปฏิบัติต่าง ๆ เรียกได้ว่ามีความพร้อมปฏิบัติ ในข้นการวางแผนของกองร้อย จะมุ่งเน้นไปท ่ ี

เป็นอย่างมาก วัตถุประสงค์ของหน่วยเหนือเป็นหลัก คือการทาลาย


เมื่อถงวันปฏบติการ กดาเนินการตามแผน ขบวนสัมภาระรบต่าง ๆ กองร้อยก็จะวางแผนต่าง ๆ









จนกระท่งส่วนล่วงหน้าท่ไปลาดตระเวนหาข่าวบริเวณ เพ่มเติมจากภารกิจหลัก เพ่อรองรับการท่จะบรรล ุ
ต�ำรำหลักท่อธิบำยเก่ยวกับ Mission Command


66
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔





วัตถุประสงค์เป็นแผนสารอง หรือแผนเผชิญเหต เช่น ส่งคาขอยิง ปรับการยิง วางแผน และประสานการยิง
อาจมอบความเร่งด่วนเป้าหมายในการยิงสนับสนุนให้ ปกติจะสมทบให้กับ ๑ กองร้อยปืนเล็ก ซ่งเม่อนาหลัก




กับขบวนสัมภาระรบข้าศึกหากมีการตรวจการณ์พบ Mission Command มาปรับใช้ จะทาให้กาลังพล

ผู้ตรวจการณ์หน้าเคร่องยิงลูกระเบิด หรือปืนใหญ่ ในชุดตระหนักถึงภารกิจของชุดตรวจการณ์ มากกว่า


สนาม สามารถส่งคาขอยิงได้ทันท หรือในช่วงการ หน้าท่เฉพาะของตัวเอง ในการฝึกต่าง ๆ จะม ี




วางแผนอาจมีการพิจารณาช่องทางข้ามอ่นท่หน่วย การฝึกการทดแทนตาแหน่งกันในกรณีต่าง ๆ เช่น

สามารถปฏิบัติได้ เป็นแผนสารองในการข้ามฟาก นายทหารตรวจการณ์หน้าต้องสามารถใช้วิทยุในข้นต้นได้






เพ่อเป็นแผนทางเลือกเสนอให้หน่วยเหนือพิจารณา หรือแม้กระท่งเจ้าหน้าท่ส่อสารต้องปรับการยิงได้เม่อ





ปรับตามสถานการณ์ท่เปล่ยนแปลงไป หรืออาจ จาเป็น ทาให้เกิดความยืดหยุ่นในการปฏิบัติทางยุทธวิธ ี

สรุปได้ว่า Mission Command เป็นหลักนิยมท่ให้ สามารถแยกสมทบให้หน่วยรองต่าง ๆ เช่น หมวด หรือ

หน่วยรองมีโอกาสในการคิดวิธีการใหม่ ๆ เพ่อให้ ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจต่าง ๆ ตามพื้นที่ปฏิบัติการ หรือ
บรรลุวัตถุประสงค์ของหน่วยเหนือได้มากขึ้น ภูมิประเทศท่ได้เปรียบ หรือสามารถทดแทนกันในกรณ ี


ถึงตรงน้ท่านผู้อ่านบางท่านอาจสงสัยว่า ปกต ิ ท่สูญเสีย หรือได้รับบาดเจ็บ โดยภารกิจยังสามารถกระทา


ภารกิจทางทหารจะประกอบไปด้วย 5W (Who What ได้อย่างต่อเนื่อง

When Where Why) ใคร ทาอะไร เม่อไหร่ ท่ไหน หากพิจารณาท่หลักนิยมในการยุทธสะเทินนา





และท�าไม ซึ่งหัวข้อ “ท�าไม” นั้นก็คือวัตถุประสงค์ของ สะเทินบกกับหลักนิยม Mission Command แล้ว

ภารกิจน่นเอง หลักการในการเขียนภารกิจน้นมีมา จะเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งใช้หลักแยกการปฏิบัติ


ก่อนหลักนยม Mission Command เสียอก แต่หาก (Decentralized Execution) ข้นการปฏิบัติจะให้เสร ี


ลองศึกษาแนวทางการเขียนภารกิจในส่วนของ Why ในการตัดสินใจกับหน่วยรองให้มากท่สุด โดยธรรมชาต ิ

หรือวัตถุประสงค์ของภารกจนน ส่วนใหญ่จะเป็นการ ของการยุทธสะเทินนาสะเทินบก เป็นการยากท่จะ







นาเอาภารกิจของหน่วยเหนือ หรือหน่วยรับการสนับสนุน ปฏิบัติการต่าง ๆ ได้ตามแผน เนื่องจากช่องว่างระหว่าง
มาเป็นวัตถุประสงค์ของหน่วยรอง เช่น ภารกิจของ เวลาท่วางแผนกับเวลาปฏิบัติน้น ไม่สามารถเกาะติด








กรมทหารราบในคร้งน้คือ การต้งรับแบบยึดพ้นท่เพ่อ สถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างต่อเน่องเหมือนการรบ






รักษาแนวหลักเขตต่าง ๆ ภารกิจของกองร้อยทหารช่าง ทางบกท่วไป แล้วยังต้องสร้างสมอานาจกาลังรบท่เร่ม


ท่มาสมทบกรมทหารราบในคร้งน้อาจจะเป็นการสร้าง จากศูนย์อีก เพราะฉะน้นจึงควรมีพ้นท หรือการมอบ






เคร่องกีดขวางทางทหาร สนับสนุนการต้งรับแบบยึด อ�านาจให้กับหน่วยรองต่าง ๆ ได้มีอิสระในการตัดสินใจ


พื้นที่ของกรมทหารราบ จะเห็นว่าไม่ได้มุ่งเน้นการบรรลุ เน่องจากเป็นส่วนทรู้ และเข้าใจสถานการณ์ในขณะน้น



วัตถุประสงค์ของภารกิจโดยตรง แต่เป็นส่วนประกอบ ได้ดีท่สุด รวมถึงหน่วยเหนือก็ไม่สามารถควบคุมการ

ในการสนับสนุนให้บรรลุภารกิจของหน่วยเหนือ ปฏิบัติต่าง ๆ ของหน่วยรองได้ทั้งหมดในช่วงแรก ๆ ของ

หลักนิยม Mission Command ยังสามารถนามาใช้ ขั้นการยกพลขึ้นบก

กับการท�างานภายในองค์กร หรือหน่วยทหารต่าง ๆ ได้ นอกจากน การยุทธสะเทินนาสะเทินบกเป็นปฏิบัติการ





เช่น โดยท่วไป ๑ ชุดตรวจการณ์หน้า ปืนใหญ่สนาม ทางทหารท่มีความล่อแหลมต่อการสูญเสีย อันเน่องมาจาก



จะประกอบด้วย กาลังพล ๖ นาย (นายทหารตรวจการณ์หน้า การถูกข้าศึกต้านทาน หรือต่อต้านการยกพลข้นบก

๑ นาย พันจ่าตรวจการณ์หน้า ๑ นาย เจ้าหน้าที่สื่อสาร มากท่สุดปฏิบัติการหน่ง ทาให้ทุกส่วนต้องตระหนักถึง



๒ นาย พลทางสาย ๒ นาย) มีหน้าที่เฝ้าตรวจสนามรบ วัตถุประสงค์ของภารกิจมากกว่ากิจเฉพาะท่ได้รับ
นาวิกศาสตร์ 67
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔




การยกพลข้นบกท่ นอร์มังดี





เช่น ระหว่างข้นการเคล่อนท่จากเรือสู่ฝั่ง ซ่งเป็นข้นท ่ ี ในวัตถุประสงค์เดียวกัน เพียงแต่ต้องปรับภารกิจใหม่จาก
กาลังรบยกพลข้นบกอ่อนแอมากท่สุด หากมีเรือ สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป




หรือยานพาหนะในการยกพลข้นบกลาใดลาหน่ง หากได้ศึกษาแนวความคิดทางทหารในยุคก่อน ๆ












จมระหว่างในข้นน ทาให้หลังจากข้นบกแล้วหน่วยน้น จะเห็นว่าหน่วยเคล่อนท่เร็วต่าง ๆ ท่จะต้องปฏิบัติการ












เหลอกาลงไม่มากพอทจะปฏบตตามภารกจทได้ ในพ้นท่ห่างไกล ทาให้การควบคุมบังคับบัญชา และ



รับมอบได้สาเร็จ ผู้บังคับหน่วยท่อาวุโสในบริเวณน้น ส่อสารกระทาได้ลาบาก จะใช้หลัก Mission Command










อาจดึงมาร่วมเพมเติม หรือมาทดแทนในส่วนท่สญเสย แทบท้งส้น เช่น สมัยสงครามนโปเลียนฝร่งเศส หรือแม้แต่



ก็ได้ เพราะอย่างไรการปฏิบัติในข้นต่อไปก็ยังคงอยู่ ยุทธวิธีสายฟ้าแลบ Blitzkrieg ท่เยอรมันใช้อย่างได้ผล


ในช่วงต้นของสงครามโลกคร้งท่สอง ในขณะเดียวกัน


ในสงครามสมัยใหม่ เช่น การรบในพ้นท่ส่งปลูกสร้าง




การต่อต้านการก่อการร้าย หรือแม้กระท่งภารกิจช่วยเหลือ
ผู้ประสบภัยต่าง ๆ ที่ต้องใช้ความรวดเร็วในการตัดสินใจ

ต้องใช้หลัก Mission Command มากกว่าท่จะใช้

หลักการควบคุม หรือบงคบบัญชาแบบสมยเก่า


ท่จะต้องรายงาน และรอส่งการจากหน่วยเหนือเกือบ


ทุกขั้นตอน
หลักส�ำคัญของ Mission Command
Mission Command ต้องการสภาพแวดล้อม




ยุทธวิธีสำยฟ้ำแลบ หรือ Blitzkrieg ท่หน่วยทหารมีขีดความสามารถ มีความเช่อม่นซ่งกัน
68
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔










และกัน ตลอดจนมีความเข้าใจท่ตรงกันระหว่างผู้บังคับ รวมถงต้องมความเข้าใจในหลกนยม และหลกปฏบต ิ
บัญชา ฝ่ายอานวยการ และหน่วยรองต่าง ๆ โดยให้หน่วยรอง ประจา หรือระเบียบปฏิบัติประจาต่าง ๆ ท่ใช้ภายในหน่วย






ใช้ความริเร่มในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ภายใต้กรอบเจตนารมณ์ ซ่งต้องใช้เป็นหลักปฏิบัติเดียวกัน หากมีประเด็นใด

ของผู้บังคับบัญชา คาส่งท่จะมอบให้หน่วยรอง จะมุ่งเน้น ยังเข้าใจได้ไม่กระจ่าง สามารถถามหรือปรึกษาในส่งท ี ่





ไปท่วัตถุประสงค์ของภารกิจ และมาตรการควบคุมท่สาคัญ ยังไม่ค่อยเข้าใจได้ การแลกเปล่ยนความเข้าใจต่าง ๆ



ต่าง ๆ มากกว่าท่จะลงรายละเอียดการปฏิบัติให้หน่วยรอง จะทาได้ง่ายข้น หากภายในหน่วยน้นมีความไว้วางใจ







เพอให้หน่วยรองได้ใช้ความคดรเรมในการวางแผนให้ ซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี



สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึงมอบอานาจในการ - เจตนำรมณ์ผู้บังคับบัญชำ (Commander’s

บังคับบัญชา และตัดสินใจต่าง ๆ ด้วย โดยมีหลักการ Intent) จะมีลักษณะท่กะทัดรัด และชัดเจน ประกอบด้วย
เพ่อให้บรรลุภารกิจ ดังน ้ ี วัตถุประสงค์ วิธีการ และสภาวะสุดท้ายท่ต้องการ


- ขีดควำมสำมำรถ (Competence) กาลังพล เพ่อช่วยให้กาลังพลทุกคนสามารถใช้เป็นกรอบในการ



ทุกคนจะต้องมีขีดความสามารถตามมาตรฐานของหน่วย วางแผน หรือปฏิบัติได้ในสถานการณ์วิกฤติต่าง ๆ ท ่ ี
ซึ่งมาตรฐานต่าง ๆ จะได้มาจากการฝึก และศึกษาต่าง ๆ แผนหลักไม่สามารถกระท�าได้


ตามแนวทางรับราชการ รวมถึงประสบการณ์จากการ - ค�ำส่ง (Mission Orders) จะเป็นการส่อสารทาง
ทางาน หรือปฏิบัติหน้าท่ตามภารกิจต่าง ๆ ผู้บังคับบัญชา วาจา ส่วนข้อความ หรือสัญญานต่าง ๆ เพ่อถ่ายทอด



จะเป็นผู้ประเมินขีดความสามารถต่าง ๆ ของผู้ใต้บังคับ ภารกิจ แนวทาง เครื่องมือ รวมถึงการมอบอ�านาจต่าง ๆ
บัญชา จนนาไปสู่ความน่าเช่อถือ และความไว้วางใจ ให้หน่วยรอง โดยปกติจะออกในรูปแบบค�าสั่ง หรือแผน


ในการจะมอบภารกิจในแต่ละบุคคล ยุทธการ ๕ ข้อ ได้แก่ สถานการณ์ ภารกิจ การปฏิบัติ

- ควำมไว้วำงใจซึ่งกันและกัน (Mutual Trust) การช่วยรบและการบังคับบัญชา และการติดต่อส่อสาร
เป็นการไว้วางใจซ่งกันและกันระหว่างผู้บังคับบัญชา โดยหลักการของ Mission Command น้นเป็นการ


และผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึงระหว่างเพื่อนรวมงาน หรือ ควบคุมบังคับบัญชาแบบห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ กล่าวคือ


หน่วยข้างเคียงต่าง ๆ หากภายในหน่วยมีความไว้วางใจ จะเฝ้าฟัง หรือติดตามการปฏิบัต แต่จะไม่อานวย




ซ่งกันและกัน ก็จะสามารถลดข้นตอนในการกากับดูแล การยุทธ์เอง จนกว่าจะเกินอานาจของผู้บังคับหน่วย
หรือควบคุมไปได้ รวมถึงลดความหวาดระแวงในการ ปฏิบัติที่จะตัดสินใจ หรือสั่งการได้

ปฏิบัติต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ในมาตรการควบคุมจะม ี - ควำมคิดริเร่มท่มีระเบียบวินัย (Disciplined



การกาหนดเส้นแบ่งเขตระหว่างหน่วย ทาให้การวางแผน Initiative) คือการริเร่มวางแผน หรือปฏิบัติต่าง ๆ ภายใต้




กระทาได้ง่ายข้น เพราะมีเส้นแบ่งเขตท่ชัดเจน แต่หาก เจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชา เพ่อให้สาเร็จลุล่วงตามสภาวะ


เราไม่มีความไว้วางใจในหน่วยข้างเคียงว่าจะรับผิดชอบ ท่ต้องการอย่างเคร่งครัด เม่อแผนท่ได้เตรียมไว้ไม่สามารถ




พื้นที่นั้นได้ อาจต้องวางแผน หรือส่งก�าลังไปวางไว้ตาม ใช้ได้ผลในสถานการณ์ท่เปล่ยนไป จะต้องวางแผนในการ

รอยต่อของเส้นแบ่งเขตต่าง ๆ แทนที่จะเพ่งเล็งเพียงแค่ ปฏิบัติข้นมาใหม่ โดยจะต้องอยู่ในกรอบวัตถุประสงค์


พื้นที่ปฏิบัติการหลัก หรือก�าลังเผชิญหน้าเท่านั้น หรือเจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชาเดิม หลีกเล่ยงการร้องขอ

- กำรแลกเปล่ยนควำมเข้ำใจ (Shared คาแนะนาเพ่มเติมจากผู้บังคับบัญชาเน่องจากหลักนิยม




Understanding) Mission Command เน้นการ แบบ Mission Command นั้น เน้นการให้หน่วยปฏิบัติ



แยกการปฏิบัต เพราะฉะน้นหน่วยระดับปฏิบัติต่าง ๆ สามารถตัดสินใจได้เองภายใต้อานาจในการบังคับบัญชา

ต้องมีความเข้าใจวัตถุประสงค์ของภารกิจอย่างลึกซ้ง ที่ได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวการณ์วิกฤติต่าง ๆ
นาวิกศาสตร์ 69
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔



- กำรยอมรับควำมเส่ยง (Risk Acceptance) ในรูปแบบการจัดเป็น กองเรือ หมวดเรือ หรือหมู่เรือ



ทุกปฏิบัติการย่อมมีความเส่ยงท่จะไม่บรรลุภารกิจ ซ่งเน้นการรวมการควบคุม และบังคับบัญชาจากศูนย์

ในการวางแผนทางทหารต่าง ๆ จึงต้องวิเคราะห์ความเส่ยง ปฏิบัติการ หรือจากเรือธง โอกาสที่จะใช้อาวุธที่มีคุณค่า



เพ่อหาวิธีในการกาจัด หรือลดความเส่ยงต่าง ๆ ท่อาจจะ ทางยุทธการสูงต่าง ๆ เช่น อาวุธปล่อย ตอร์ปิโด อาจจะ

เกิดข้นได้ ผู้บังคับบัญชาจะต้องวางแผนให้ความสาเร็จ ต้องมข้นตอนในการอนุมตภารกจค่อนข้างมาก อย่างไร







ของภารกิจกับความเส่ยงต่าง ๆ ท่อาจเกิดข้นอยู่ในเกณฑ์ ก็ตามในบางภารกิจ เช่น การออกลาดตระเวนพ้นท ี ่




ท่ยอมรับได้ เช่น บางสถานการณ์อาจต้องดาเนินกลยุทธ์ ทางทะเลด้วยเรือ หรืออากาศยานน้น หากนาหลักการ






โดยต้องใช้กาลังเข้าปะทะมาก ทาให้อาจสูญเสียมาก Mission Command มาประยุกต์ใช้ จะเกิดประโยชน์


แต่ใช้เวลาน้อย ซ่งความสูญเสียท่มากน้ถ้าอยู่ในเกณฑ์ กับหน่วยปฏิบัต และหน่วยเหนืออย่างมาก เช่น




ท่รับไม่ได้จะต้องคิดหาวิธีการใหม่ โดยต้องทาให้ความ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลต่าง ๆ อาจไม่ใช่
สูญเสียน้นน้อยลง เช่น เพ่มการยิงสนับสนุน หรือใช้ ภารกิจหลักท่ได้รับมอบในการออกลาดตระเวน






การซุ่มโจมตีเพื่อลิดรอนก�าลัง แต่อาจต้องใช้เวลาในการ ในแต่ละคร้ง แต่หากเรือท่ไปลาดตระเวนน้นได้เข้าไป


ปฏิบัติค่อนข้างยืดเยื้อ เป็นต้น ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลในพ้นท่ลาดตระเวน


Mission Command กับกำรปฏิบัติกำรทำง หรืออาจจะนอกพ้นท่รับผิดชอบก็จะได้รับความเช่อม่น





ทหำรปัจจุบัน และแรงสนับสนนจากประชาชนทได้รบการช่วยเหลอ




เมื่อน�าหลักการ Mission Command มาวิเคราะห ์ หรือผู้ท่ได้รับทราบข่าวสาร ซ่งก็น่าจะเป็นเจตนารมณ์
กับการปฏิบัติการทางเรือ และปฏิบัติการทางบก ของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ
ในปัจจุบันแล้วสรุปได้ดังนี้ กำรปฏิบัติกำรทำงบก จะมีความหลากหลาย





กำรปฏิบัติกำรทำงเรือ โดยปกติจะออกปฏิบัติการ ของภารกจมากกว่าปฏบตการทางเรอ ตงแต่ภารกจ



กำรช่วยเหลือผู้ประสบภัยทำงทะเล
70
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ในสงครามตามแบบ (conventional warfare)
สงครามนอกแบบ (unconventional warfare) การ


ปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากการทาสงคราม
(Military Operations Other than War หรือ MOOTW)
ซึ่งในแต่ละภารกิจอาจประกอบไปด้วย ก�าลังขนาดใหญ่

ระดับหลาย ๆ กองพล ลงไปถึงระดับชุดปฏิบัติการท่ม ี





กาลังพลไม่ถึง ๑๐ คน แต่ส่งท่เป็นข้อจากัดคล้าย ๆ กันน้น
คือ หน่วยท่กาลังปฏิบัติการในแนวหน้าไม่สามารถ


ถ่ายทอดภาพเหตุการณ์ท่กาลังเผชิญกลับไปยังแนวหลัง “กินอิ่ม”


เพ่อให้ผู้บังคับบัญชาได้ส่งการได้อย่างครบถ้วน “กินอิ่ม” หน่วยต่าง ๆ ก็จะมีแนวทางในการจัดหา




และทันเวลา เน่องจากการปฏิบัติมักจะเป็นในลักษณะ ตรวจสอบคุณภาพ และปริมาณอาหารท่จัดเล้ยงให้กับ







ฉับพลันเกิดข้นอย่างรวดเร็ว นอกจากน้เป็นไปได้ยาก กาลังพลในหน่วยอยู่ตลอดเวลา ซ่งนโยบายน้มีลักษณะส้น






ท่หน่วยเหนอจะสามารถติดตาม และควบคมหน่วย กะทัดรัด ชัดเจน หรืออาจเรียกอีกนัยหน่งว่าเป็นคาส่ง




ได้หลายหน่วยพร้อม ๆ กน หลกนยมการจดหน่วย ก็ได้ มีลักษณะง่ายที่จะเข้าใจเจตนารมณ์ในการวางแผน
ของสหรัฐอเมริกาจึงนิยมใช้การจัดแบบ ๓ เช่น ๑ ให้ก�าลังพลปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ นั้น ผู้บังคับหน่วยก็จะ


กองพันม ๓ กองร้อย ในแต่ละกองร้อยม ๓ หมวด พึงระลึก และมีค�าถามอยู่ตลอดเวลาว่าผู้ใต้บังคับบัญชา
แต่ละหมวดม ๓ หมู่ การควบคุมบังคับบัญชาจะเป็น ได้กินอิ่มแล้วหรือยัง ก่อนที่จะปฏิบัติงานที่ได้มอบหมาย

ไปตามสายการบังคับบัญชา หน่วยเหนือจะไม่มีการ


ล้วงลูกส่งการหน่วยข้นตรงของหน่วยรอง เพียงแต่ให้
เจตนารมณ์ไว้เท่าน้น เพ่อให้อิสระหน่วยท่ปฏิบัติการ





ได้ปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ท่เปล่ยนไปได้
ทันเวลา
กำรประยุกต์น�ำหลักกำร Mission Command มำใช้
ในนำวิกโยธินไทย
หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน มีภารกิจในการจัด
และเตรียมกาลังฝ่ายนาวิกโยธิน อานวยการฝึกหน่วย “นอนหลับ”


ในบังคับบัญชาให้มีสมรรถภาพ และอยู่ในฐานะพร้อมที่ “นอนหลับ” หน่วยต่าง ๆ อาจไปดูที่หลับที่นอนให้
จะทาการรบได้ ต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้ กับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่หากดูความหมายที่แฝงอยู่ลึก ๆ




หลักนิยม Mission Command ให้สามารถบรรลุภารกิจน ี ้ ท่พัก หรือส่งอานวยความสะดวกต่าง ๆ อาจดีแล้ว แต่ก็ยัง



“กินอ่ม นอนหลับ ฝึกหนัก” คือ นโยบายท่ท่าน มีบางกรณีท่นอนไม่หลับก็ได้ เช่น ความเครียด หรือกังวล




ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินท่านปัจจุบัน เร่องต่าง ๆ เหล่าน้เป็นส่งท่กาลังพลท้งผู้บังคับบัญชา



ได้ให้ปฏิบัติตาม ซ่งถือว่าเป็นเจตนารมณ์ของผู้บังคับ และผู้ใต้บังคับบัญชาต้องมีช่องทางในการแลกเปล่ยน

บัญชาท่กาลังพลทุกคนต้องระลึกอยู่เสมอ และนาไป ความเข้าใจซ่งกันและกัน ร่วมกันแก้ปัญหา และปรับ









ปฏิบัติตาม ซ่งหน่วยต่าง ๆ จะนาเจตนารมณ์น้ไปเป็นหลัก ความเข้าใจซ่งกันและกันเพ่อให้ทุกคนมีความสุข และ
ในการต่อยอด หรือริเร่มให้เป็นการปฏิบัติเป็นรูปธรรม มีความอยากที่จะท�าภารกิจต่าง ๆ ในวันต่อไป

นาวิกศาสตร์ 71
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


“ฝึกหนัก”



“ฝึกหนัก” ย่งมีการฝึกมากเท่าไหร่ หน่วยทหาร หากสามารถนานโยบาย “กินอ่ม นอนหลับ ฝึกหนัก”


และกาลังพลก็จะมีขีดความสามารถ และความพร้อม มาใช้เป็นหลักในการดาเนินการทุกข้นตอน ของการ





มากข้นเท่าน้น เม่อมีขีดความสามารถเป็นท่ประจักษ์แล้ว ท�างานแล้ว ความเสี่ยงที่นาวิกโยธินจะไม่สามารถปฏิบัติ


ความม่นใจซ่งกันและกันก็จะตามมาเองโดยอัตโนมัต ิ ได้ตามภารกิจดังท่ได้กล่าวไปแล้วน้นจะมีน้อยมาก ซ่ง ึ


เช่น หากเรามีหน่วยยิงสนับสนุนท่ผ่านการฝึกจนเป็นท ่ ี ส่วนมากจะเป็นความเสี่ยงท่มาจากปัจจัยภายนอก เช่น


ประจักษ์ว่าสามารถยิงสนับสนุนให้หน่วยในแนวหน้าได้ สถานการณ์โรคระบาด การเมือง ฯลฯ





อย่างแม่นยา ทันเวลา และต่อเน่องได้แล้ว หน่วยในแนวหน้า เพราะฉะน้น หากเม่อคืนเรานอนหลับเต็มท เช้าน ้ ี



ก็จะมีความม่นใจ และไม่ต้องระแวงกับการเพ่มเติมกาลัง เราได้กินจนอิ่มแล้ว การฝึก หรือการท�างานต่าง ๆ ถึงจะ

ภาคพื้นต่าง ๆ ของข้าศึก หนักเพียงใด ก็จะไม่ใช่เรื่องยากเกินก�าลัง
ที่มำภำพ
https://www.youtube.comwatch?v=JlDNvnmQ05c
https://en.wikipedia.org/wiki/Mission_command
https://fas.org/irp/doddir/army/adp6_0.pdf
https://fas.org/irp/doddir/army/adrp6_0.pdf
72
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


การรับ- ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ




บางคนอาจสังเกตถึงความแตกต่างของการรับ-ส่งหน้าท่ระหว่างผ้บัญชาการทหารเรือ ผ้บัญชาการทหารบก และ


ผบญชาการทหารอากาศ เชน การแตงกาย ทหารเรอสวมชดปกตขาว สวนผบญชาการทหารบก และผบญชาการ















ทหารอากาศ ใช้สีตามเหล่าทัพ แต่ส่งท่เด่นและเป็นสัญลักษณ์ของพิธีสาคัญนี้คือ ทหารบก/ทหารอากาศ มีการส่งมอบ















ธงประจาตาแหนงผบญชาการเหลาทพ แตสาหรบทหารเรอมการสงมอบตราประจาตาแหนงซงทาดวยงาชาง บรรจอย ู ่









ในกล่อง คงมีคนสงสัยว่า ผู้บัญชาการทหารเรือไม่มีธงประจำาตำาแหน่งหรือ? คำาตอบคือ มี แต่ไม่มีการส่งมอบธงประจำา
ตำาแหน่งกัน และดูเหมือนจะไม่มีทหารเรือของชาติใดกระทำากัน
หมายเหตุ: พิธีรับ-ส่งหน้าท่ผ้บัญชาการทหารเรือ


ประกอบดวยพธตรวจแถวกองทหารเกยรตยศของ





ผบญชาการทหารเรอ พธการมอบและรบมอบ







การบังคับบัญชา โดยผ้บัญชาการทหารเรือ ท่านเดิม



กล่าวมอบการบังคับบัญชา และมอบตราประจาตาแหน่ง


ผ้บัญชาการทหารเรือ ให้แก่ผ้บัญชาการทหารเรือ
ท่านใหม่ จากนั้นลงนามในสมุดรับ-ส่งหน้าที่
เป็นท่น่าสังเกตว่าในราชนาวีอังกฤษมีประเพณ ี



การส่งมอบหน้าท่ผ้บัญชาการทหารเรือ (First Sea Lord
and Chief of Naval Staff) บนเรือ HMS Victory ซึ่ง




เคยเป็นเรอธง ของ Lord Nelson ในการยทธ์ท Trafulgar
ค.ศ.๑๘๐๕ ปัจจุบันเรือลำานี้ยังคงประจำาการ มีอายุุราว

๒ ศตวรรษคร่ง HMS Victory ปัจจุบันเป็นเรือธง (Flagship)

ของผบญชาการทหารเรอองกฤษ จอดอยท Portsmouth








ทางตอนใต้ของอังกฤษ
พิธีรับ - ส่งหน้าท กระทาบนดาดฟ้าใหญ (Main




Deck) แขกรับเชิญนอกจากข้าราชการ เจ้าหน้าท ่ ี


ท่เก่ยวข้องแล้ว ยังมีพลเรือนเข้าร่วมพิธีด้วย นอกจากน้น

ยังมีผู้แทนจากกองทัพเรือของมิตรประเทศอีกหลายคน
สาหรับกระบ่ท่ใช้เป็นเชิงสัญลักษณ์ของ



การบังคับบัญชานี้ นายทหารเรือหญิงนำาไปเก็บไว้ที่ห้อง

พักของผ้บัญชาการทหารเรือ (Great Cabin) บนเรือ


HMS Victory อน่งการส่งมอบหน้าท่จะขาดเสียไม่ได ้
ในทางนิตินัย คือ การลงนามในเอกสารซึ่งกระทำากันใน
ทุกกองทัพเรือ
นาวิกศาสตร์ 74
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


hard to fathom hardtack






















ฟาทอม เป็นหน่วยวัดทางทะเลใช้สาหรับวัด คาสแลงน้ไม่มีส่วนเก่ยวข้องกับการเล่นใบ คือ





ความลกและระยะทาง กระทรวงทหารเรอองกฤษ การ tack แต่เป็นขนมปังกรอบแบบด้งเดิมง่าย ๆ





(The Admiralty) กาหนดให้ ๑ ฟาทอม เท่ากับ ๖.๐๘ ฟุต ขององกฤษ ทาจากแป้ง นา และอาจใส่เกลอลงไป

หรือ ๑ ใน ๑,๐๐๐ ไมล์ทะเล แต่ส่วนมากคิดแบบง่าย ๆ บ้างเล็กน้อย hardtack เป็นขนมปังท่คงทนไม่เสียง่าย

เพียง ๖ ฟุต ใช้ทดแทนขนมปังท่ว ๆ ไปท่รับประทานกันบนบกซ่ง





fathom เป็นคาท่มาจากภาษา Anglo-Saxon เสียง่าย ขนมปังกรอบแบบ hardtack ใช้กันมากในยุค

หมายถึง ความยาวระหว่างปลายน้วท้งสองข้างเม่อเรา เรือใบท่ต้องการอยู่ในทะเลเป็นเวลานาน เน่องจาก




เหยียดแขนออก ขนมปังกรอบมีลักษณะหยาบและแข็ง พวกกะลาส ี


เม่อกะลาสีต้องการรู้ว่านาลึกเท่าใด เขาจะใช้การ จึงเรียกว่า hardtack ตรงข้ามกับขนมปังท่ใช้รับประทาน




หยั่งน�้าด้วยดิ่งน�้าตื้น (lead) แต่ถ้าเขาไม่สามารถหยั่งน�้า บนบก ซ่งมีลักษณะนุ่มเวลาท่พวกเขารับประทานจึงมักจะ
ได้ถึงพื้นท้องทะเล เนื่องจากน�้าลึกเกินไป เราเรียกสภาพ จุ่มลงในอาหารที่เป็นของเหลวเพ่อทาให้นุ่ม ในกองทัพเรือ


นั้นว่า hard to fathom สหรัฐอเมริกาเรียกขนมปังน้ว่า Monitors ตามช่อ


ส�านวนชาวเรือน้เม่อถูกนามาใช้บนบก หมายถึง เรือหุ้มเกราะล�าแรกของ Federal Navy




“เข้าใจบางคน หรือบางส่งได้ยาก” หรืออีกนัยหน่ง

“แก้ไขปัญหายาก”
head



hardly out of the egg เป็นสแลงท่ใช้เรียกห้องนา ห้องส้วมของลกเรือใน


เป็นการบรรยายลักษณะของบุคคลท่ไม่ม ี ยุคเรือใบ ห้องน�้า ห้องส้วมของเรือปกติอยู่บริเวณหัวเรือ
ประสบการณ์เอาเสียเลย ด้านใดด้านหนึ่งของคานชี้ (bowsprit)
นาวิกศาสตร์ 75
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


heart of oak high and dry





แปลตรงตัวว่า แก่นของต้นไม้โอ๊คท่มีลักษณะแข็งมาก สแลงน้ปัจจุบันใช้ในความหมาย ค้างเต่ง ถูกท้งไว้

แต่ในท่น้หมายถึง เพลงมาร์ชของราชนาวีอังกฤษ หรือติดอยู่กับสถานการณ์ยากล�าบากที่หาทางออกไม่ได้

อย่างเป็นทางการ และราชนาวีของเครือจักรภพอังกฤษ ต้นตอของสแลงน้มาจากชาวเรือท่กล่าวถึงเรือท ี ่












ดนตรีของเพลงนี้แต่งโดย William Boyce ในศตวรรษ ตดต้น เม่อเรือตดต้นทาให้เห็นตวเรอสงข้น และแห้ง




ที่ ๑๘ เนื้อเพลงประพันธ์โดยนักแสดง David Garrick เพราะไม่ได้โดนนาทะเล หรืออาจเกิดข้นเม่อเรืออยู่ใน
เพลงนี้นอกจากเป็นเพลงมาร์ชของราชนาวีอังกฤษแล้ว อู่แห้ง (dry dock)
ถือว่าเป็นหนึ่งในบรรดาเพลงปลุกใจของอังกฤษ ในประวัติศาสตร์เรือที่ถูกทิ้งค้างเติ่ง เช่น เรือ HMS
Foudroyant ติดปืน ๘๐ กระบอก เคยเป็นเรือธงของ
heavy mob. ลอร์ดเนลสันมาแล้วครั้งหนึ่ง
เป็นคาสแลง ทใช้ในราชนาวองกฤษเรยกหน่วย ใน ค.ศ. ๑๘๙๗ เม่อคร้งเป็นเรือฝึกนักเรียน









ซ่อมบ�ารุงในเรือด�าน�้า ได้เกยต้นท Blackpool เน่องจากโดนพาย เรือได้รับ




ความเสียหายหนักเกินท่จะซ่อมทา ต่อมาถูกขายเป็น




ท่อนไม้สาหรบทาเป็นเฟอร์นเจอร์ นบเป็นจดจบของ





เรือลาน้ท่น่าเศร้า ซ่งได้รับใช้ราชนาวีอังกฤษในการทา �



สงครามทางเรือกับฝรั่งเศสเป็นเวลานาน
นาวิกศาสตร์ 76
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ราชอาณาจักรสวีเดน
การสาธิตปฏิบัติการทางเรือ OCEAN 2020



























เรือ HMS Pelikanen ของสวีเดน กับยานผิวน�้าไร้คนขับ USV Saab Piraya


บริษัท Saab ของประเทศสวีเดน เป็นผู้น้ำในกำร Piraya ในกำรตรวจจับ และรวบรวมข้อมูลเป้ำหมำย







สำธตกำรปฏิบตกำรทำงเรือ OCEAN 2020 ในทะเล สำหรบป้องกนภัยคกคำมทำงทะเล และ ๒) กำรใช้เรือ




บอลตก บริเวณชำยฝั่งด้ำนใต้ของประเทศสวีเดน เมอ และระบบต่อต้ำนทุ่นระเบิด และปรำบเรือด�ำน้ำ โดยใช้

เดือนสิงหำคม ๒๕๖๔ ที่ผ่ำนมำ ระบบโซนำร์แบบ Side Scan ในกำรค้นหำวตถใต้นำ



กำรสำธิต OCEAN 2020 เป็นกิจกรรมท่แสดงขีด และยำนควบคุมระยะไกลแบบ Sea Wasp ส�ำหรับกำร

ควำมสำมำรถของยุทโธปกรณ์ส�ำหรับปฏิบัติกำรทำงเรือ ปลดชนวนและท�ำลำยทุ่นระเบิด รวมไปถึงระบบเรดำร์
จำกบริษัทต่ำง ๆ รวมถึงสถำบันวิจัย และองค์กรภำครัฐ ตรวจกำรณ์ชำยฝั่งแบบ Giraffe AMB ร่วมกับระบบ
ของ ๑๗ ประเทศในยุโรป โดยมีแนวทำงที่ส�ำคัญคือ กำร อ�ำนวยกำรรบ 9LV
แสดงขีดควำมสำมำรถของยำนไร้คนขับทำงทะเล รวมถึง กำรใช้ระบบยำนไร้คนขับ จะมีส่วนช่วยในกำรลด

ระบบควบคุมสั่งกำร และอ�ำนวยกำรรบ จ�ำนวนผู้ปฏิบัติงำน ลดควำมเส่ยง และลดค่ำใช้จ่ำย
บริษัท Saab ซ่งได้รับกำรสนันสนุนจำกกองทัพ โดยเฉพำะประเทศสวีเดนท่มีชำยฝั่งเป็นแนวยำว กำรใช้


สวีเดน เป็นผู้น�ำหลักในกำรสำธิตดังกล่ำว โดยแบ่ง ระบบอัตโนมัติมำเสริมในปฏิบัติกำรทำงเรือจะท�ำให้ม ี
สถำนกำรณ์สมมติออกเป็นสองรูปแบบได้แก่ ๑) กำรใช้ ประสิทธิภำพในกำรป้องกันประเทศได้ดียิ่งขึ้น
เรือตรวจกำรณ์ไร้คนขับแบบ CB 90 (Enforcer III) และ
แหล่งที่มา : https://www.navalnews.com/naval-news/2021/08/saab-leads-the-ocean2020-baltic-sea-live-demonstration/
นาวิกศาสตร์ 77
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


สหรัฐอเมริกา

กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ขึ้นระวางประจ�าการ เรือยกพลขึ้นบก USS Fort Lauderdale






















เรือ USS Fort Lauderdale (LPD 28)

กองทัพเรือสหรัฐอเมริกำ ได้ท�ำพิธีประจ�ำกำรและ ข้อมูลท่วไป เรือ USS Fort Lauderdale LPD 28



ต้งช่อเรือยกพลข้นบกล�ำใหม่คือ USS Fort Lauderdale

(LPD 28) ณ อู่ต่อเรือบริษัท Hunting Ingalls Industries ควำมยำว ๒๐๘.๕ เมตร

(HII) เมือง Pascagoula มลรัฐมิสซิสซิปปี้ เม่อเดือน ควำมกว้ำง ๓๑.๙ เมตร
สิงหำคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ระวำงขับน�้ำเต็มที่ ๒๕,๐๐๐ ตัน
เรือ USS Fort Lauderdale เป็นเรือยกพลขึ้นบก ควำมเร็วสูงสุด ๒๒ นอต




แบบ Amphibious Transport Dock (LPD) ล�ำที่ ๑๒ ระบบขบเคลอน เคร่องยนต์ดีเซล Colt-Pielstick



ของเรือช้น San Antonio ได้รับกำรปล่อยลงนำเม่อเดือน จ�ำนวน ๔ เคร่อง ๒ เพลำใบจักร



เมษำยน พ.ศ. ๒๕๖๓ มีภำรกิจหลักในกำรล�ำเลียงก�ำลังรบ ก�ำลังพล ก�ำลัง ๔๐,๐๐๐ แรงม้ำ
๓๙๖
นำย
ยกพลข้นบก ได้แก่ ทหำรนำวิกโยธิน ๖๕๐ นำย รถสะเทินน้ำ กำรบรรทุกก�ำลังรบ ทหำรนำวิกโยธิน ๖๕๐ นำย


สะเทินบก ยำนเบำะอำกำศ (LCAC) และยุทโธปกรณ์ ยำนเบำะอำกำศ (LCAC) ๒ ล�ำ
ต่ำง ๆ ส�ำหรับกำรยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก มีดำดฟ้ำบิน เรือระบำยพล (LCU) ๑ ล�ำ

และโรงเก็บอำกำศยำนท้ำยเรือ สำมำรถรองรับ รถสะเทินน�้ำสะเทินบก (AAV) ๑๔ คัน
เฮลิคอปเตอร์ล�ำเลียงแบบ CH-46 Sea Knight และ เฮลิคอปเตอร์ล�ำเลียง CH-46 Sea Knight
เคร่องบินใบพัดกระดกแบบ MV-22 Osprey ได้ สำมำรถ ๔ ล�ำ

ใช้ในภำรกิจปฏิบัติกำรพิเศษ และภำรกิจเฉพำะอ่น ๆ เครื่องบิน MV-22 Osprey ๒ ล�ำ



ในกองเรือเตรียมพร้อมสะเทินน้ำสะเทินบก (Amphibious ระบบอำวธ ปืนกล ๓๐ มิลลิเมตร Bushmaster II ๒ แท่น

อำวุธปล่อยน�ำวิถีพ้นสู่อำกำศ Rolling


Readiness Groups) กองเรือโจมตีโพ้นทะเล (Expedi- Airframe Missile (RAM) ๒ แท่น
tionary Strike Groups) หรือกองก�ำลังเฉพำะกิจ
แหล่งท่มา : https://www.navalnews.com/naval-news/2021/08/u-s-navy-christens-amphibious-transport-dock-ship-fort-

lauderdale/
นาวิกศาสตร์ ๗๘
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ยูเครน

กองทัพเรือยูเครนยุคใหม่





































เรือยกพลขึ้นบก U-401 Kirovohrad และ U-402 Kostiantyn Olshansky ของกองทัพเรือยูเครนในปัจจุบัน
รัฐบำลยูเครนได้ประกำศกำรพัฒนำกองทัพเรือยูเครน รัฐบำลยูเครนจะด�ำเนินกำรพัฒนำกองทัพเรือใหม่

ยุคใหม่ หรือกองทัพเรือ ๒๐๓๕ โดยแบ่งออกเป็น ๓ ระยะ ภำยใต้กรอบควำมร่วมมือกับรัสเซีย หรือ Crimean




คือ ระยะท ๑ จะด�ำเนินกำรเสร็จภำยใน พ.ศ. ๒๕๖๗ Platform และกับสหรัฐอเมริกำ ซ่งเม่อต้นเดือนสิงหำคม
ระยะท ๒ จะเสร็จภำยใน พ.ศ. ๒๕๗๓ และระยะท ๓ จะ ๒๕๖๔ ท่ผ่ำนมำ รำชนำวีอังกฤษได้ปลดประจ�ำกำรเรือต่อต้ำน





เสร็จภำยใน พ.ศ. ๒๕๗๘ หรือ ค.ศ. ๒๐๓๕ ทุ่นระเบิดจ�ำนวน ๒ ล�ำ คือ HMS Blyth และ HMS Ramsy



หน่งในกระบวนกำรท่ส�ำคัญคือ กำรก่อสร้ำง และได้ส่งมอบให้แก่ยูเครนเพ่อเป็นกำรเร่มต้นส�ำหรับ

ฐำนทัพเรือใหม่ท่เมือง Berdyansk ภำยใต้กำรสนับสนุน กองทัพเรือยุคใหม่ต่อไป

จำกสหภำพยุโรป สหรำชอำณำจักร และสหรัฐอเมริกำ
รวมไปถึงกำรจัดท�ำโครงสร้ำงพ้นฐำนของกองทัพเรือใหม่

กำรต่อเรือรบผิวน้ำแบบต่ำง ๆ และเรอด�ำน้ำ เพอสร้ำง





ควำมม่นคงของกองทัพเรือยูเครน

แหล่งที่มา : https://www.navaltoday.com/2021/08/20/ukraine-plans-to-build-new-naval-fleet-by-2035/
นาวิกศาสตร์ 79
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


สหพันธรัฐรัสเซีย

รัสเซียท�าพิธีวางกระดูกงูเรือด�าน�้าและเรือคอร์เวต

เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหำคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ประธำนำธิบดี

วลำดีมีร์ปูติน แห่งรัสเซีย ได้เป็นประธำนในพิธีวำง
กระดูกงูเรือจ�ำนวน ๔ ล�ำ ผ่ำนระบบถ่ำยทอดสัญญำณ

ทำงไกลจำกท�ำเนียบประธำนำธิบด กรุงมอสโก ไปยัง
ู่
อู่ต่อเรือ ๓ แห่ง ได้แก่ อ Sevmash เมือง Severodvinsk
อู่ Admiralty เมือง St. Petersburg และอู่ Amur เมือง




Komsomolsk-on-Amur โดยเรอทงสลำประกอบด้วย พิธีปล่อยเรือด�าน�้าดีเซลไฟฟ้า ๒ ล�าลงน�้า ณ อู่ต่อเรือ Admiralty




เรือด�ำน้ำนิวเคลียร์ขีปนำวุธ (SSBN) ช้น Borei-A (Project เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
955A) จ�ำนวน ๒ ล�ำ เรือด�ำน�้ำดีเซลไฟฟ้ำชั้น Kilo รุ่น เรือด�ำน�้ำดีเซลไฟฟ้ำชั้น Kilo รุ่นปรับปรุง (Project

ปรับปรุงใหม่ (Project 636.3) จ�ำนวน ๒ ล�ำ เรือคอร์เวตช้น 636.3) เป็นเรือด�ำน้ำดีเซลไฟฟ้ำในยุคท่สำมของรัสเซีย


Steregushchiy (Project 20380) จ�ำนวน ๑ ล�ำ และ ที่พัฒนำให้ท�ำควำมเร็วใต้น�้ำได้ ๒๐ นอต ด�ำน�้ำลึกได้ถึง
เรือคอร์เวตช้น Gremyashchiy (Project 20385) ๓๐๐ เมตร และมีระยะเวลำปฏิบัติกำรได้ ๔๕ วัน ก�ำลังพล


จ�ำนวน ๑ ล�ำ ประจ�ำเรือ ๕๒ นำย ระวำงขับน้ำขณะด�ำน้ำประมำณ

๔,๐๐๐ ตัน สำมำรถติดตั้งอำวุธปล่อยน�ำวิถีต่อต้ำนเรือ

ผิวน้ำแบบ Kalibr (3M-54 และ 3M-541) และอำวุธ
น�ำวิถีโจมตีฝั่งแบบ 3M-14









เรือคอร์เวตชั้น Project 20385 Gremyashchiy
เรือด�าน�้าพลังงานนิวเคลียร์ Prince Vladimir (ชั้น Borei) เรือคอร์เวตชั้น Gremyashchiy (Project 20385)
เรือด�ำน�้ำนิวเคลียร์ขีปนำวุธชั้น Borei-A (Project มีพ้นฐำนมำจำกเรือคอร์เวตช้น Steregushchiy (Project


955A) เป็นเรือด�ำน้ำโจมตีทำงยุทธศำสตร์ของกองทัพเรือ 20380) มีขีดควำมสำมำรถในกำรรบผิวน้ำ และปรำบเรือ


รัสเซีย สำมำรถบรรทุกขีปนำวุธข้ำมทวีปแบบ Bulava R-30 ด�ำน�้ำ ระวำงขับน�้ำ ๒,๕๐๐ ตัน ควำมยำว ๑๐๖ เมตร
ได้ถึง ๑๖ ลูก ระยะยิง ๙,๐๐๐ กิโลเมตร ปัจจุบันกองทัพเรือ กว้ำง ๑๓ เมตร ควำมเร็วสูงสุด ๒๗ นอต ระยะปฏิบัติกำร
รัสเซีย มีเรือด�ำน�้ำชั้น Borei ประจ�ำกำรจ�ำนวน ๓ ล�ำ ซึ่ง ๔,๐๐๐ ไมล์ทะเล ก�ำลังพล ๙๙ นำย ระบบอำวุธ

เรือช้น Borei-A จะถูกปรับปรุงแบบจำกเรือช้น Borei ได้แก่ อำวุธปล่อยน�ำวิถีพ้นสู่พ้นแบบ Kalibr-NK





ท้งภำยนอกและภำยใน รวมถึงระบบหำงเสือท่เหมือน ท่อยิงทำงด่ง ๘ ลูก อำวุธปล่อยน�ำวิถีพ้นสู่อำกำศแบบ


กับเรือด�ำน้ำของชำติตะวันตก ซ่งจะท�ำให้กำรควบคุม Redut ท่อยิงทำงดิ่ง ๑๖ ลูก ตอร์ปิโด Paket-NK ขนำด


และบังคับเรือได้คล่องตัวมำกขึ้น โดยมีโครงกำรที่จะต่อ ๓๓๐ มิลลิเมตร ๘ ลูก และปืนกลป้องกันตัวระยะประชิด
เรือชั้น Borei-A รวมทั้งสิ้น ๕ ล�ำ เพื่อเข้ำประจ�ำกำรใน AK 630M อำกำศยำนประจ�ำเรือคือ เฮลิคอปเตอร์แบบ
กองเรือแปซิฟิก Kamov Ka-27 (Helix-A)

แหล่งท่มา : https://www.navalnews.com/naval-news/2021/08/russia-lays-keel-of-four-submarines-and-two-corvettes-at-once/
นาวิกศาสตร์ ๘๐
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


ภาพกิจกรรม







































































พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร.(ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. (ท่านใหม่) โดยมีนายทหาร
ชั้นผู้ใหญ่จากหน่วยต่าง ๆ ของ ทร. เข้าร่วมพิธี ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔ ในการนี้
กองทหารเกียรติยศท�าการยิงสลุต จ�านวน ๑๙ นัด บริเวณป้อมวิไชยประสิทธิ์ ภายในพระราชวังเดิม เพื่อเป็นเกียรติแก่ พล.ร.อ.ชาติชาย
ศรีวรขาน ก่อนที่จะอ�าลาชีวิตการรับราชการ





พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. เป็นประธานพิธีประดับเคร่องหมายยศและแสดงความยินดีให้แก่ผู้ท่ได้รับพระราชทานยศช้นนายพลเรือ
วาระ ต.ค.๖๔ และพิธีรายงานตนเองของนายทหารชั้นนายพลเรือ ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อ ๑ ต.ค.๖๔























พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผบ.กร. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.ท.สุวิน แจ้งยอดสุข ผบ.กร. (ท่านใหม่) โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูง






หน.นขต.กร. และผู้แทนกาลังพล กร. เข้าร่วมพิธ บน ร.ล.อ่างทอง ทลท.ฐท.สส. อ.สัตหีบ จว.ชลบุร เม่อ ๓๐ ก.ย.๖๔ ในการน ร.ล.ปิ่นเกล้า
ยิงสลุต จานวน ๑๗ นัด เพ่อเป็นเกียรติแก่ ผบ.กร.(ท่านเดิม) และได้ยิงสลุตอีกคร้ง จานวน ๑๗ นัด ให้กับ ผบ.กร.(ท่านใหม่) ตามธรรมเนียมปฏิบัต ิ




ของนักรบทางเรือ















พล.ร.อ.ไกรศรี เกษร ผบ.รร.นร. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.ท.ชาติชาย ทองสะอาด ผบ.รร.นร. (ท่านใหม่) ณ ลานสวนสนาม รร.นร.
อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ โดยมีนายทหารช้นผู้ใหญ่ หน.นขต.รร.นร. เข้าร่วมพิธ เม่อ ๑ ต.ค.๖๔



พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสธ.ทร. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสธ.ทร. (ท่านใหม่) โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วม
พิธี ณ ห้องรับรองชั้น ๒ อาคาร บก.ทร. วังนันทอุยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เมื่อ ๑ ต.ค.๖๔

























ุ์


พล.ร.ท.รณภพ กาญจนพันธ จก.สพ.ทร. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ท.วินัย สุขต่าย จก.สพ.ทร.(ท่านใหม่) ณ บก.สพ.ทร. อ.สัตหีบ จว.ชลบุร ี
เมื่อ ๒๘ ก.ย.๖๔



































พล.ร.ท.รณรงค์ สิทธินันทน์ ผบ.นย. ให้โอวาทแก่กาลังพลท่จะ ผบ.นย. เปนประธานพธปดการอบรมหลกสตรสงทางอากาศนาวกโยธน


ไปปฏิบัติงานในหน่วยเฉพาะกิจ ประจาปี งป.๖๕ ณ สนามหน้า นย. รุ่นที่ ๗๕ และหลักสูตรหมู่รบนักเรียนนายเรือ ชั้นปีที่ ๓ ประจ�าปีการศึกษา
ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๑๖ ก.ย.๖๔ ๒๕๖๔ พร้อมกับมอบประกาศนียบัตรเคร่องหมายความสามารถ และมอบโล่

ให้แก่ผู้ที่ส�าเร็จการอบรมฯ ณ หอประชุม นย. ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ
จว.ชลบุรี เมื่อ ๑๘ ก.ย.๖๔


พล.ร.ท.อนุชาติ อินทรเสน ผบ.ฐท.สส. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.ต.นฤพล เกิดนาค ผบ.ฐท.สส. (ท่านใหม่) โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่



หน.นขต.ฐท.สส. และกาลังพล ฐท.สส. เข้าร่วมพิธ ณ บก.ฐท.สส. อ.สัตหีบ จว.ชลบุร เม่อ ๒๙ ก.ย.๖๔



























พล.ร.ท.เชงชาย ชมเชงแพทย์ ผบ.ทรภ.๓ (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ต.สมพงษ์ นาคทอง ผบ.ทรภ.๓ (ท่านใหม่) ณ บก.ทรภ.๓

อ.เมืองภูเก็ต จว.ภูเก็ต เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔
























พล.ร.ท.โกวิท อินทร์พรหม ผบ.ทรภ.๑ (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.ต.พิชัย ล้อชูสกุล ผบ.ทรภ.๑ (ท่านใหม่) โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับ



สูงช้นยศนายพลเรือสังกัด ทรภ.๑ และ ศรชล.ภาค ๑ ผู้อานวยการกอง/หัวหน้ากองต่าง ๆ หน.นขต.ทรภ.๑ รวมถึงผู้บังคับบัญชาของหน่วยกาลังท ี ่
ขึ้นการควบคุมทางยุทธการกับ ทรภ.๑ เข้าร่วมพิธี ณ บก.ทรภ.๑ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔






พล.ร.ท.สาเริง จันทร์โส ผบ.ทรภ.๒ (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ต.สุนทร คาคล้าย ผบ.ทรภ.๒ (ท่านใหม่) โดยมีข้าราชการ ทรภ.๒
เข้าร่วมพิธี ณ บริเวณหน้า บก.ทรภ.๒ อ.เมืองสงขลา จว.สงขลา เมื่อ ๒๙ ก.ย.๖๔



























พล.ร.ท.กฤษดา ประพฤติธรรม จก.สสท.ทร.(ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ต.อะดุง พันธุ์เอ่ยม จก.สสท.ทร. (ท่านใหม่)
ณ ห้องประชุม บก.สสท.ทร. พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔

























พล.ร.ท.ชาติชาย ทองสะอาด ผบ.รร.นร. ให้โอวาทแก่ นนร. เพื่อให้ทราบถึงนโยบายและแนวทางการปฏิบัติตนในระหว่างการศึกษา โดยมีนายทหาร
ชั้นผู้ใหญ่ของ รร.นร.ร่วมรับฟังโอวาท ณ ลานสวนสนาม รร.นร. อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ เมื่อ ๔ ต.ค.๖๔





พล.ร.ต.ดุลยพัฒน์ ลอยรัตน์ จก.สก.ทร. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย จก.สก.ทร. (ท่านใหม่) โดยมีกาลังพล
นขต.สก.ทร. เข้าร่วมพิธี ณ บก.สก.ทร. เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔



























พล.ร.ต.ชัยณรงค์ บุณยรัตกลิน ผบ.ฐท.กท. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ต.นเรศ วงศ์ตระกูล ผบ.ฐท.กท. (ท่านใหม่) โดยม ี

นายทหารชั้นผู้ใหญ่ หน.นขต.ฐท.กท. และก�าลังพล ฐท.กท. เข้าร่วมพิธี ณ บก.ฐท.กท. เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เมื่อ ๑ ต.ค.๖๔

























พล.ร.ต.บัญชา บัวรอด จก.สบ.ทร. (ท่านเดิม) ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.ต.โสภณ รัชตาภิรักษ์ จก.สบ.ทร.(ท่านใหม่) ณ ห้องประชุม สบ.ทร.
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔









พล.ร.ต.วราณต วรรธนผล จก.อล.ทร. (ท่านเดม) ส่งมอบหน้าท ให้แก่ พล.ร.ต.อตตะวีร ทกษรานุพงศ์ จก.อล.ทร. (ท่านใหม่) ณ บก.อล.ทร. อ.พระสมทรเจดีย ์


จว.สมุทรปราการ เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔




















พล.ร.ต.สมบัติ นาราวิโรจน์ ผบ.กฟก.๑ กร. เป็นประธานพิธีประดับ ผบ.กฟก.๑ กร. ร่วมพิธีมอบรางวัลเรือพร้อมรบสูงสุด และ



เคร่องหมายยศให้แก่นายทหารสัญญาบัตรในสังกัดท่ได้รับการเล่อนยศสูง พิธีมอบรางวัลบุคคลดีเด่นของ กร. ประจ�าปี ๒๕๖๔ ณ บก.กร.

ขึ้น ณ ห้องอเนกประสงค์ อาคาร ร้อย.บก.กฟก.๑ กร. อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๒๐ ก.ย.๖๔
เมื่อ ๒ ก.ย.๖๔





























พล.ร.ต.อนุพงษ์ ทะประสพ ผบ.กฝร. นากาลังพลในสังกัดเข้าร่วม ผบ.กฝร. เป็นประธานพธเกษยณอายราชการ มอบรางวลบคคลดเด่น

พิธีท�าบุญเลี้ยงพระอาคารพิพิธภัณฑ์ ณ บริเวณหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ กฝร. และครูดีเด่น กฝร. ประจาปี ๒๕๖๔ ณ ห้องเบญญา อาคารเคร่องฝึก




อ.สัตหีบ จว.ชลบุร เม่อ ๙ ก.ย.๖๔ จ�าลองยุทธ์ กฝย.กฝร. อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๒๘ ก.ย.๖๔






พล.ร.ต. ศุภชัย ธนสารสาคร ผบ.นสร.กร. ตรวจเยี่ยมการฝึกหลักสูตร ผบ.นสร.กร. เป็นประธานประดับเคร่องหมายความสามารถนักทาลายใต้นา


การปฏิบัติการใต้น�้า นนร.ชั้นปีที่ ๔ ในการฝึกความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ด�าน�้า จู่โจมช้นสูง และมอบประกาศนียบัตรให้แก่ นทต.จู่โจมช้นสูง จานวน ๘๓ นาย







และการแก้ไขข้อขัดข้องใต้นา โดยม น.อ.สุริยัน สาราญใจ ผบ.ศฝ.สร.นสร.กร. ในพิธีปิดการฝึกอบรมหลักสูตร นทต.จู่โจมช้นสูง ประจาปี ๒๕๖๔ พร้อมท้ง ั
ให้การต้อนรับ ณ สระว่ายน�้า นสร.กร. อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๙ ก.ย.๖๔ กล่าวแสดงความยินดีและให้โอวาทในการปฏิบัติราชการ ณ โรงเก็บเรือ นสร.กร.
อ.สัตหีบ จว.ชลบุร เม่อ ๒๓ ก.ย.๖๔










พล.ร.ต.อุทัย ชีวะสุทธ ผบ.สอ.รฝ. (ท่านเก่า) ส่งมอบหน้าท พล.ร.ต.อาภา ชพานนท์ ผบ.กยพ.กร. เป็นประธานพิธีอาลาชีวิต







ให้แก่ พล.ร.ต.สรวท ชวนะ ผบ.สอ.รฝ. (ท่านใหม่) ณ ห้องรามาธบดนทร์ การรับราชการผู้ครบเกษียณอายุราชการ ประจาปี งป.๖๔ และมอบของ


บก.สอ.รฝ. และพิธีมอบการบังคับบัญชา ผบ.สอ.รฝ. ณ ลานอเนกประสงค์ ที่ระลึกให้แก่ผู้เกษียณอายุราชการที่ปฏิบัติงานใน กยพ.กร. ด้วยความมุ่งมั่น


สอ.รฝ. อ.สัตหีบ จว.ชลบุร โดยมีนายทหารช้นผู้ใหญ่ หน.นขต.สอ.รฝ. อุตสาหะเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ณ บริเวณโถงกลางช้น ๑ อาคาร บก.กยพ.กร.

และก�าลังพล สอ.รฝ. เข้าร่วมพิธี เมื่อ ๓๐ ก.ย.๖๔ ทลท.ฐท.สส. อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๒๘ ก.ย.๖๔












พล.ร.ต.วรพาท รัชตะสังข์ ผบ.กตอ.กร. พร้อมด้วยนายทหาร น.อ.สมศักดิ์ คงโชติ รอง ผอ.อธบ.อร. มอบของที่ระลึกแบบจ�าลอง
ฝ่ายอานวยการ มอบอุปกรณ์ป้องกันโรคติดเช้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดช ให้แก่ พล.ร.ต.กรีฑา พรรธนะแพทย์ ปูชนียบุคคล




(COVID–19) ให้กับเรือในสังกัด กตอ.กร. พ้นท่สัตหีบ เพ่อใช้ในการตรวจสอบ ผู้ทาคุณประโยชน์ต่อ อธบ.อร. ท้งด้านองค์ความรู้ด้านงานช่าง







และปองกนใหกบกาลงพลประจาเรอ ณ สานกงาน ผบ.กตอ.กร. บก.กตอ.กร. งานประวัติศาสตร์ งานศิลปะภาพถ่าย และงานประพันธ์ ณ บ้านเลขที่ ๑๕๒







อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อ ๑๗ ก.ย.๖๔ เขตพญาไท กรุงเทพฯ เมื่อ ๑๗ ก.ย.๖๔


การฌาปนกิจ



สงเคราะห์แห่งราชนาวี








































































นาวิกศาสตร์ 89
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


นาวิกศาสตร์ 90
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


นาวิกศาสตร์ในนามของกองทัพเรือขอแสดงความอาลัยในมรณกรรมของสมาชิกที่กล่าวนามเป็นอย่างยิ่ง







ฌาปนกิจ ทร.@hwy6676p




นาวิกศาสตร์ 91
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔


เพลง แผ่นดินของเรา







ทำานอง : พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

คำาร้อง : ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค



ถึงอยู่แคว้นใด ไม่สุขสำาราญ

เหมือนอยู่บ้านเรา ชื่นฉ่ำาค่ำาเช้าสุขทวี

ทรัพย์จากผืนดิน สินจากนที

มีสิทธิ์เสรี สันติครองเมือง




เรามีป่าไม้อยู่สมบูรณ์ ไร่นาสดใสใต้ฟ้าเรือง


โบราณสถานส่งนามประเทือง เกียรติเมืองไทยขจรไปท่วแดนไกล



รักชาติของเรา ไว้เถิดผองไทย

ผืนแผ่นแหลมทอง รวมพี่รวมน้องด้วยกัน

รักเกียรติรักวงศ์ เสริมส่งสัมพันธ์

ทูนเทิดเมืองไทยนั้น ให้ยืนยง


Click to View FlipBook Version