โขน ภูมิปัญญาและวัฒนธรรม สมัยรัตนโกสินทร์
คณะผู้จัดทำ 1.ด.ช.ทัศน์พล ตะโกทอง ม.3/11 เลขที่ 5 2.นายพัฒนศักดิ์ สำ คัญยิ่ง ม.3/11 เลขที่ 11 3.นายวรทา แสงเพชร ม.3/11 เลขที่ 17 4.นางสาวกัญญาภัค รัทธิวรรณ ม.3/11 เลขที่ 23 5.นางสาวธัญสิรีย์ คล้ายบุญ ม.3/11 เลขที่ 29 6.นางสาวภูษิต ษิ า บุญภู่ ม.3/11 เลขที่ 35 7.นางสาววิภารัตน์ ไชยสาร ม.3/11 เลขที่ 41 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย
วัฒนธรรมไทยที่มนุษย์สร้างสรรค์ สืบทอดจนเกิด เป็นมรดกทางสังคมจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ตั้ง ตั้ แต่สมัย กรุงศรีอยุธยาจนมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ที่มีพัฒนาการ เกี่ยวข้องกันหลายด้าน คือ ด้านขนบธรรมเนียมประเพณีที่ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัต ษั ริย์ ประติมากรรม จิตรกรรม ทัศนศิลป์ ดนตรีและนาฏศิลป์ และวรรณกรรม “โขน” ถือว่าเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมมา ยาวนาน เป็นมหรสพแห่งชาติที่หล่อหลอมขึ้นจากศาสตร์ และศิลป์หลายแขนงหลายสาขา เป็นนาฏศิลป์ขั้น ขั้ สูงที่ได้รับ การปรับปรุงพัฒนามาโดยลำ ดับ เป็นมรดกวัฒนธรรมของ มนุษยชาติที่ภาคภูมิใจของชาวไทย UNESCO ได้รับรอง ให้ “โขนไทย” เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ มวลมนุษยชาติอย่างเป็นทางการ คณะผู้จัดทำ จึงได้ศึกษารวบรวมข้อมูลความเป็นมา ของศิลปะการแสดงโขน พร้อมภาพประกอบที่เป็นหลักฐาน เพื่อเป็นการศึกษา คณะผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูล ที่จัดทำ ขึ้น จักอำ นวยประโยชน์ต่อนักเรียน ครู อาจารย์ และประชาชนที่สนใจ คณะผู้จัดทำ คำ นำ
สารบัญ เนื้อเรื่อง หน้า วัฒนธรรม/ภูมิปัญญา 1 จุดมุ่งหมายที่สำ คัญ 2 มีพิธีการหรือลักษณะสำ คัญ 3 สิ่งที่น่าประทับใจ 4 การอนุรักษ์วั ษ์ วั ฒนธรรม/ภูมิปัญญา 5 ประวัติความเป็นมา 6 - 13 บูรณาการประณีตศิลป์ในมหรสพโขน 14 - 20
วัฒนธรรม/ภูมิปัญญา “โขน” เป็นนาฏศิลป์ชั้น ชั้ สูงที่บรรพชนไทยได้ สร้างสรรค์ขึ้นตั้ง ตั้ แต่อดีต มีประวัติความเป็นมายาวนานไม่ ต่ำ กว่า 600 ปี และยังสืบทอดเป็นมหรสพประจำ ชาติมา จนถึงปัจจุบัน “โขน” เป็นมหรสพหลวงที่แสดงในพระราช พิธีสำ คัญ องค์ประกอบของมหรสพโขน นับตั้ง ตั้ แต่การเริ่ม ฝึกหัด วิธีแสดง ผู้แสดง เครื่องแต่งกาย เรื่องที่แสดง และดนตรีประกอบการแสดง ล้วนเกี่ยวเนื่องด้วยขนบ จารีตประเพณี และพิธีกรรมที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่น หนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง เป็นการบูรณาการประณีตศิลป์ไทย หลายสาขาเข้าด้วยกัน ทั้ง ทั้ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่เกี่ยว กับสถาบันพระมหากษัต ษั ริย์ ด้านประติมากรรม ด้าน จิตรกรรม ด้านทัศนศิลป์ ด้านดนตรีและนาฏศิลป์ และ ด้านวรรณกรรม 1
จุดมุ่งหมายที่สำ คัญ 2 ใช้เป็นมหรสพในการพระราชพิธีและพระราชประเพณี ของหลวง ในฐานะเป็นสมบัติทางศิลปวัฒนธรรมอันงดงาม ของประเทศไทย อาทิเช่น เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ ของพระมหากษัต ษั ริย์ พิธีบรมราชาภิเษก งานพระเมรุท้อง สนามหลวง ทั้ง ทั้ งานพระบรมศพและพระศพของเจ้านาย ชั้น ชั้ สูง และใช้แสดงตอนรับคณะฑูตจากต่างประเทศ รวมทั้ง ทั้ จัดแสดงในวันสำ คัญ เพื่อเป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรม
3 พิธีการ หรือลักษณะสำ คัญ โขนเป็นนาฏศิลป์ชั้น ชั้ สูง ผู้แสดงต้องใช้ทักษะที่เกิดจาก การฝึกฝนจนเข้าถึงอย่างถ่องแท้ โดยมีครูเป็นผู้ถ่ายทอด กระบวนท่ารำ ให้ ผู้เรียนต้องเลียนแบบครูเป็นพื้นฐานจน พัฒนาทักษะเฉพาะตัว ศิลปะแบบแผนของไทยทุกสาขาจะ มี “ครู” มิได้หมายถึงผู้ทำ หน้าที่สั่งสั่สอนเท่านั้น นั้ แต่รวมถึง เทพเจ้า ครูบาอาจารย์ และศิลปินที่เคยสร้างสรรค์งานศิลป์ ในอดีต พิธีการที่สำ คัญคือ “การไหว้ครู” จึงเป็นสิ่งที่ศิษย์ พึงกระทำ เป็นกิจวัตร
4 1.เกิดความความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ผู้ที่ชมการ แสดงโขนก่อให้เกิดความตระหนักและมีจิตใจที่ดีงามและมี จิตสำ นึกที่ดีในด้านสังคมวิทยาการปรับสมดุลของมนุษย์การ คิดสร้างสรรค์และการอนุรักษ์ที่ ษ์ ที่ มีความเหมือนและมีความ ต่างกัน 2.ทึ่งในความสามารถของผู้แสดงโขน ต้องฝึกฝนอย่างหนัก จึงจะสามารถถ่ายทอดบุคลิกภาพของหัวโขนที่สวมใส่ได้ อีก ทั้ง ทั้ ต้องมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง และความจำ เป็นเลิศอีกด้วย สิ่งที่น่าประทับใจ
การอนุรักษ์วัฒนธรรมการแสดงโขน 1.งานศิลปวัฒนธรรมทั้ง ทั้ ด้านนาฏดุริยางค์ และช่างศิลป์ ได้ รับการอุปถัมภ์ อยู่ภายใต้พระบารมีพระมหากษัต ษั ริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ตั้ง ตั้ แต่อดีตถึงปัจจุบัน 2.ราชการและองค์การ ควรร่วมกันเผยแพร่ เพื่อการอนุรักษ์ และสืบทอดการแสดงโขนทั้ง ทั้ ในและต่างประเทศ 3.การจัดการเรียนการสอน ทำ ให้เกิดการอนุรักษ์สื ษ์ สื บทอดการ แสดงโขน โดยครู อาจารย์ ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้เกี่ยวกับ นาฏศิลป์ ดนตรี คีตศิลป์ และช่างศิลป์ ไปสู่นักเรียน นักศึกษา ให้เป็นผู้อนุรักษ์แ ษ์ ละสืบการแสดงโขน 5
6 เป็นช่วงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2325 ทรงมีพระราชกรณียกิจหลายด้าน โดยเฉพาะศึกสงคราม แต่ยังทรงสร้างสรรค์เรื่องรามเกียรติ์ ทรงให้นักปราชญ์ ราชบัณฑิตรวบรวมเรื่องรามเกียรติ์แ ติ์ ต่งขึ้นใหม่ ในรูปบท ละครที่ครบสมบูรณ์ อีกทั้ง ทั้ ฟื้นฟูการแสดงละครในอย่าง จริงจัง มีละครผู้หญิงทั้ง ทั้ วังหลวงและวังหน้า แต่การเล่น “โขน” เป็นนาฏกรรมแห่งราชสำ นัก ถือเป็นประเพณี ตั้ง ตั้ แต่กรุงเก่า ไม่อนุญาตให้ฝึกฝนทั่วทั่ ไป ผู้ที่จะเล่นได้ต้อง เป็นมหาดเล็กที่โปรดให้มาฝึก มาจากตระกูลผู้ดี ฉลาด แต่ เมื่อชายหนุ่มฝึกหัดแล้วได้ความคล่องแคล่ว อาจด้วยว่า เป็นประโยชน์ต่อทักษะการต่อสู้ เวลาต่อมา มีพระบรมรา ชานุญาตให้เจ้านาย ขุนนางผู้ใหญ่ ผู้ว่าราชการเมือง หัด โขนของตัวเองได้ ประวัติความเป็นมา อินทรชิตตั้งตั้พิธีชุบศร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1
สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ศึกสงครามไม่มากเท่าก่อน ทรงสนพระทัยในศิลปะ หลายแขนงตั้ง ตั้ แต่ก่อนขึ้นครองราชย์ ถือว่าเป็นอีกช่วงที่ ศิลปะหลายแขนงเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็น นาฏกรรม วรรณกรรม ฯลฯ พระองค์ยังทรงพระราชนิพนธ์บทพากย์ รามเกียรติ์ห ติ์ ลายตอนด้วย เช่น นางลอย พรหมาสตร์ และ ยังทรงพระราชนิพนธ์ บทละครเรื่องรามเกียรติ์ใติ์ หม่เฉพาะ ตอนที่ใช้แสดง 7 หนุมานเข้าห้องทศกัณฐ์ สีดาผูกคอตาย
เศรษฐกิจรุ่งเรือง การเมืองการปกครองมั่นมั่คง ใน เอกสาร “นาฏศิลป์และละครไทย” โดยม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช บรรยายไว้ว่า “พระองค์ไม่โปรดการมหรสพต่างๆ ทรงเห็นว่า ไม่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและผิดหลักธรรม ของพระพุทธศาสนา เป็นการบำ เรอตนเองเกินกว่าเหตุ โขนหลวงจึงซบเซาไปพักหนึ่งตั้ง ตั้ แต่รัชกาลที่ 3 ลงมา…” ถ้า เจาะจง สมัยขึ้นครองราชย์ ได้พระราชทาน “โขนกรม เจษฎ” หรือโขนของกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ซึ่งเป็นโขน ของพระองค์เมื่อดำ รงพระยศเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ไปยังพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ มีครูโขน ชื่อ ครูเกษ พระราม เป็นประธานไหว้ครูโขนและละคร หลวง อีกทั้ง ทั้ มีเอกสารตำ ราใช้เป็นแบบแผนการไหว้ครู สืบทอดกันต่อมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จิตรกรรมตอนทศกัณฐ์สั่งราชการ 8
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ฟื้นฟูโขนหลวงและละครหลวงขึ้น ทรงเห็นว่าเป็นสิ่งคู่ พระบารมีและเสริมพระเกียรติ มีพระบรมราชานุญาตให้ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และพลเรือนหัดละครผู้หญิง ได้อย่างเปิดเผย อีกทั้ง ทั้ ยังให้เข้ามาแสดงถวายในพระบรม มหาราชวัง แต่ห้ามบังคับเด็กชายหญิงให้มาเล่นละครเหมือน แต่ก่อน และห้ามใช้เครื่องประดับพระยศอย่างกษัต ษั ริย์และ เจ้าฟ้า ทำ ให้นาฏกรรมในไทยคึกคักและเริ่มทำ ให้บรรยากาศ อบอวลด้วย “เสรีภาพ” พร้อมเข้าสู่สิ่งใหม่ๆ 9 จิตรกรรมการแสดงโขนในวัดพระเชตุพน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงให้เจ้าพระยาเทวศร์วงษ์วิ ษ์ วิ วัฒน์ (หม่อมราชวงศ์ หลานกุญชร) เมื่อครั้ง รั้ เป็นเจ้าหมื่นสรรเพ็ชภักดีบัญชาการ กรมมหรสพและฟื้นฟูโขนหลวงขึ้นแต่ครูโขนที่เป็นเพศชาย เริ่มสูงวัย เหลือแต่ครูละครใน (้เพศหญิงแสดง) ที่เชี่ยวชาญ แสดงเรื่องรามเกียรติ์ จึงใช้มาหัดโขนให้ ทำ ให้ละครในเข้า มาสู่โขนแบบดั้ง ดั้ เดิม ซึ่งเป็นการบรรจบระหว่าง “ยุคเก่า” และ “ยุคใหม่” ได้อิทธิพลจากตะวันตก และเป็นรอยต่อ ของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ต้นกำ เนิดของศิลปวัฒนธรรม สมัยใหม่ในไทย ทำ ให้โขนเฟื่องฟูขึ้นจนถึงยุคปัจจุบัน โรงโขน 10 การแสดงโขน
พระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เป็นช่วงที่เจริญรุ่งเรืองสูงสุด ต่อมาทรงให้โอนกรมที่ เกี่ยวกับมหรสพ เช่น กรมปี่พาทย์ กรมหุ่น กรมโขน มา ขึ้นกับกรมมหรสพที่โปรดฯ ตั้ง ตั้ ใหม่ พระองค์ทรงทำ นุ บำ รุงโขนละคร ดนตรีปี่พาทย์ และคัดเลือกตัวแสดงโขน ภาพจากสูจิบัตรโขนในพระราชพิธีภิเษกรัชกาลที่ 6 11
12 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เป็นช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทั่วทั่ โลก และในปีนั้น นั้ เองที่ประชุมเสนาบดีได้มีมติให้ยุกรมมหรสพ มหรสพโขน ละครและดนตรีปี่พาทย์ แต่พระองค์ทรงตระหนักในคุณค่า ของมรดกศิลป์มหรสพ จึงให้ธำ รงรักษาไว้เป็นสมบัติของ ชาติ โดยมีฐานะเป็นกองมหรสพสังกัดกระทรวงวัง เมื่อ พ.ศ.2469 ทศกัณฐ์ยกรบ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 มีการปรับปรุงระบบบริหารราชการกระทรวงวังครั้ง รั้ ใหญ่ พ.ศ.2478 โดยโอนงานช่างกองวังนอกและกองมหรสพไป อยู่ในสังกัดกรมศิลปากร นาม “โขนกรมศิลปากร”มาแต่ ครั้ง รั้ นั้น นั้
13 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรามหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระราชธุระในมหรสพมรดกของชาติแขนงนี้ มาโดยตลอด ให้ประกอบพระราชพิธีพระราชทานครอบท่า รำ หน้าพาทย์พระพิราพแก่ครูโขนของกรมศิลปากร
บูรณาการประณีตศิลป์ในมหรสพโขน โขนเป็นนาฏศิลป์ชั้น ชั้ สูงที่บรรพชนไทยได้สร้างสรรค์ขึ้น ตั้ง ตั้ แต่อดีต มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 6 ศตวรรต และ ยังสืบทอดเป็นมหรสพประจำ ชาติมาจนถึงปัจจุบัน โขนเป็น มหรสพหลวงที่แสดงในพระราชพิธีสำ คัญมาตั้ง ตั้ แต่สมัยกรุง ศรีอยุธยา องค์ประกอบของมหรสพโขน นับตั้ง ตั้ แต่การเริ่ม ฝึกหัด วิธีแสดง ผู้แสดง เครื่องแต่งกาย เรื่องที่แสดง และ ดนตรีประกอบการแสดง ล้วนเกี่ยวเนื่องด้วยขนบ จารีต ประเพณี และพิธีกรรมที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยัง อีกรุ่นหนึ่ง นับเป็นการบูรณาการประณีตศิลป์ไทยหลายสาขา เข้าด้วยกันอย่างเหมาะเจาะ ทั้ง ทั้ ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัต ษั ริย์ ด้านประติมากรรม ด้าน จิตรกรรม ด้านทัศนศิลป์ ด้านดนตรีและนาฏศิลป์ และด้าน วรรณกรรม การแสดงโขน ชุด ศึกกุมภกรรณ 14
ด้านขนบธรรมเนียมประเพณีที่เกี่ยวกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ ใช้เป็นมหรสพในการพระราชพิธีและพระราชประเพณี ของหลวง ในฐานะเป็นสมบัติทางศิลปวัฒนธรรมอันงดงาม ของประเทศไทย อาทิเช่น เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ ของพระมหากษัต ษั ริย์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก งานพระ เมรุท้องสนามหลวง ทั้ง ทั้ งานพระบรมศพและพระศพของเจ้า นายชั้น ชั้ สูง และใช้แสดงตอนรับคณะฑูตจากต่างประเทศ รวมทั้ง ทั้ จัดแสดงในวันสำ คัญ เพื่อเป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรม เป็นต้น การแสดงโขนงานมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก การแสดงโขนงานพระเมรุ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง 15
16 ด้านประติมากรรม หัวโขน หรือ หน้าโขน ทั้ง ทั้ ตัวพระ ตัวยักษ์แ ษ์ ละตัวลิง จะ ต้องสวมหัวโขน การสร้างหัวโขนเป็นกระบวนการที่ละเอียด อ่อนโดยช่างปั้น หรือประติมากรต้องปั้นหุ่นหัวโขนด้วยดิน ตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์โติ์ ดยเฉพาะฝ่ายยักษ์ แต่ละตนมี เอกลักษณ์ของปาก หน้า ตา เขี้ย ขี้ วแตกต่างกัน เช่น ทศกัณฐ์ ปากแสยะ ตาโพลง วิรุญจำ บัง ปากขบ ตาจระเข้ เป็นต้น ช่างผู้ปั้นหัวโขนแต่ละตัว จะต้องศึกษารายละเอียดและปั้น หัวโขนนั้น นั้ ให้ถูกต้องตามลักษณะที่ระบุในพงศ์รามเกียรติ์ พระลักษณ์ ทศกัณฐ์หน้าทอง พระราม หนุมาน นิลพัท นนทุก พระสัตรุท
ด้านจิตรกรรม เมื่อได้หุ่นหัวโขนตามที่ต้องการแล้ว ใช้กระดาษ ข่อยหรือกระดาษสาชุบน้ำ ปิดลงบนหุ่นดินหลายครั้ง รั้ จนได้ ความหนาตามที่กำ หนด ทิ้ง ทิ้ ไว้จนแห้งสนิท จึงผ่าด้านหลัง หุ่นกระดาษ แกะออกจากหุ่น นำ มาลงสีพื้นและสีจริงตาม พงศ์รามเกียรติ์ เช่น สีหงดิน สีมอคราม สีจันทร์อ่อน เป็นต้น เมื่อลงสีจริงแล้ว จิตรกรจะต้องวาดเส้นลงราย ละเอียด เช่น เส้นฮ่อ ไพร ปาก คิ้ว คิ้ ตา และ “หลังผ้า” คือ ลวดลายของผ้าโพกศรีษพที่อยู่ด้านหลังหัวโขน การเขียน เส้นและลวดลายลงบนหน้าโขน เป็นงานที่พิถีพิถัน ช่าง เขียนที่มีฝีมือดี จะลงเส้นและสีได้อย่างมีชีวิตชีวา 17
ด้านหัตถศิลป์ เป็นการติดลวดลายด้วย “กระแหนะ” หรือพิมพ์ลาย ติดลงบนศิราภรณ์ แล้วลงรักปิดทองและประดับกระจก เกรียบ ศิราภรณ์ประดับหัวโขนมีลักษณะแตกต่างกัน หลายอย่าง เช่น หนุมานสวมเกี้ย กี้ วมาลัยทอง สุครีพสวม มงกุฏยอดกระหนก เป็นต้น ช่างหัตถศิลป์จะต้องกระแห นะรักและลวดลายจากพิมพ์หินสบู่ นำ ไปติดลงบนสวน ของศิราภรณ์ให้ถูกต้องตามที่ระบุในพงศ์รามเกียรติ อนึ่ง นอกจากหัวโขนแล้ว ยังต้องประกอบด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ ทั้ง ทั้ ของตัวพระ ตัวนาง ตัวยักษ์ ประกอบด้วย จีบ โจง หางหงส์ สังวาล ทองกร บางส่วนต้องปักลวดลายด้วยดิ้น ดิ้ เงินดิ้น ดิ้ ทอง และแล่งเงินแล่งทองด้วยฝีมือประณีตให้ถูก ต้องตามแบบแผนและฐานะของตัวละครแต่ละตัว 18
19 ด้านดนตรีและนาฏศิลป์ วงดนตรีที่ใช้แสดงโขนคือ วงปี่พาทย์เครื่องห้า ได้แก่ ระนาด ฆ้องวง (ใหญ่) ปี่ใน กลองทัด และตะโพน เครื่อง ดนตรีอีกอย่างที่เพิ่มขึ้นคอ “โกร่ง” ทำ ด้วยไม้ไผ่สำ หรับ ทำ จังหวะประกอบเมื่อแต่ละฝ่ายยกพล “ไม้ตะขาบ” เป็น อุปกรณ์ประจำ ตัวของ “ตลกโขน” ผู้ที่จะแสดงโขน ต้อง ผ่านการฝึกหัดกระบวนการนางนาฏศิลป์ โดยเฉพาะระบำ เต้นมาอย่างช่ำ ชอง การเล่นโขนในสมัยโโบราณมีองค์ ประกอบหลัก 3 ประการคือ เพลงหน้าพาทย์ การพากย์ และการเจรจา ดังนั้น นั้ ผู้แสดงต้องมีความเชี่ยวชาญในการ “รำ หน้าพาทย์” และ “รำ บท” ให้สอดคล้องกับถ้อยคำ ใน บทพากย์และบทเจรจา “รำ หน้าพาทย์” คือ การรำ ตามทำ นองเพลงหน้า พาทย์แต่ละเพลงที่ดนตรีปี่พาทย์บรรเลงประกอบกิริยาที่ ตัวละครเป็นผู้รับบท ผู้แสดงต้องเต้นและรำ ไปตามจังหวะ ทำ นองดนตรี “รำ บท” โขนต้องเต้นรำ ไปตามเพลงดนตรีปี่พาทย์ บทพากย์และบทเจรจา ผู้แสดงต้องสื่อสารให้ผู้อื่นทราบ ความรู้สึกนึกคิดจากท่าทางที่แสดงออกแทนคำ พูด เข่น ตอบรับ ปฏิเสธ พอใจ ฯลฯ วงปี่พาทย์เครื่องห้า
20 ด้านวรรณคดี รามเกียรติ์ เป็นวรรณคดีเพียงเรื่องเดียวที่นำ มาใช้ใน การแสดงโขน พระมหากษัต ษั ริย์ไทยทให้ความสำ คัญกับเรื่อง รามเกียรติ์เ ติ์ ป็นอย่างยิ่ง โดยสร้างสรรค์เป็นวรรณคดีสำ คัญ ของชาติหลายสำ นวน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย พระบาทสมเด็จพระมงกพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์คำ พากย์สำ หรับเล่นโขนด้วย นอกจากนี้ บทละครเรื่องรามเกียรติ์พ ติ์ ระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้รับการยกย่องจาก คณะกรรมการวรรณคดีแห่งชาติ ให้เป็นยอดของวรรณคดี เรื่องรามเกียรติ์ ภาพสลักศิลานูนต่ำ พนักพระอุโบสถวัดพระเชตุพน