โครงงานวทิ ยาศาสตร์
เรือ่ ง ครมี อาบนา้ แตงกวา
จดั ทาโดย
1) เด็กหญิงสกุ ฤตา เสนีวงศ์ณอยธุ ยา ช้ัน ม.2/7 เลขที่ 20
2) เดก็ หญงิ ศรตุ า สขุ อินทร์ ช้ัน ม.2/7 เลขที่ 23
ครูท่ปี รกึ ษา
นายศรารกั ษ์ เกลอื นสิน
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
โรงเรียนวรราชาทนิ ดั ดามาตวุ ทิ ยา
โครงงานวิทยาศาสตร์
เรอ่ื ง ครมี อาบนา้ แตงกวา
จัดทาโดย
1) เดก็ หญงิ สุกฤตา เสนวี งศณ์ อยธุ ยา ชั้น ม.2/7 เลขที่ 20
2) เดก็ หญงิ ศรตุ า สขุ อนิ ทร์ ชั้น ม.2/7 เลขที่ 23
ครทู ่ีปรึกษา
นายศรารักษ์ เกลือนสิน
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
โรงเรียนวรราชาทินดั ดามาตุวทิ ยา
คานา
โครงงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาศึกษา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจจะศึกษาเกี่ยวกับ
เรื่อง ครีมอาบน้าจากแตงกวา ซึ่งคณะผู้จัดทาได้จัดทาขึ้นเพื่อให้นักเรียนและผู้สนใจได้ใช้เป็นเอกสารอ่าน
เพ่ิมเตมิ ต่อไป
คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ซึ่งทาให้ทราบถึง ประโยชน์ของแตงกว่า และวิธีการทาการทดลอง
ท่ีไดว้ เิ คราะห์ หากมีขอ้ บกพร่องประการใด ผูจ้ ดั ทาขออภัยไว้ ณ โอกาสนดี้ ้วย
คณะผจู้ ัดทา
1 กนั ยายน 2565
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานฉบับนี้สาเร็จและสมบูรณ์เป็นรูปเล่ม ด้วยความกรุณาและเอาใจใส่จาก คุณ ครูรารักษ์
เกลือนสิน ที่ได้กรุณาใหค้ าปรึกษาและแนะแนวทางในการดาเนนิ การทารายงานในครั้งน้ีโดยไม่มีขอ้ บกพรอ่ ง
รวมทั้งข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นต่าง ๆ ตลอดทั้งการตรวจแก้ไขรายงานฉบับนี้ให้สาเร็จสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ทางคณะผู้จัดทาจึงขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสน้ี ขอขอบพระคุณคุณครูทุกท่านที่ได้ประสิทธิ์
ประสาทวิชาความรู้ และประสบการณ์ ตลอดจนอาานวยความสาเร็จให้บังเกิดขึ้นที่เป็นกาลังใจสุดท้ายน้ี
ขอขอบคุณคุณครูศรารักษ์ เกลือนสิน และให้ความช่วยเหลือในการเก็บรวบมข้อมูลและให้ค่แนะนำ
ในการทารายงานคร้ังนี้ใหส้ าเรจ็ ลลุ ่วงด้วยดดี ลอดม
คณะผจู้ ัดทา
1 กันยายน 2565
บทคดั ย่อ
โครงงานเรื่อง ครีมอาบน้าจากแตงกว่า เป็น สบู่เหลวล้างมือที่ทาจากแตงกวา และมีประโยชน์
ในเรื่องขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิว ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่นและป้องกันสิว ผิวพรรณ กระจ่างใส
ช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัยลดรอยเหี่ยวย่นได้ ซ่ึงมีวัตถุประสงค์ คือเพื่อศึกษาวิธีการทาครีมอาบน้า
จากแตงกวาที่ถูกต้อง และผลกระทบจากครีมอาบน้าแตงกวา เพื่อนาไปประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ
ปลอกเปลือกแตงกวา ตัดเป็นชิ้นๆ และนาไปปั่น นามาผสมกับสบู่และเทน้ากันเสียลงไป และคนให้เข้ากัน
และเทใส่ขวด ผลที่ได้จากการท าโครงงานนี้ คือได้ท าครีมอาบน ้าจากแตงกวา และน าไปใช้
และเปน็ การประหยดั ค่าใช้จา่ ยในการซื้อครมี อาบน้า
คณะผูจ้ ัดทา
1 กันยายน 2565
สารบญั หนา้
1
เรอ่ื ง 1
บทที่ 1 บทนา 1
1
ท่ีมาและความสาคัญ 1
วัตถปุ ระสงค์ 1
ปญั หา 2
สมมติฐาน 2
ขอบเขตในการทาโครงงาน 3
นิยามเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร 14
ประโยชนท์ ่ไี ด้รับ 14
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง 14
บทที่ 3 วธิ ีการดาเนนิ งาน 15
วสั ดุ/อปุ กรณ์ เคร่อื งมอื และสารเคมี 16
วิธีการดาเนนิ งาน 17
บทท่ี 4 ผลการทดลอง
บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ
บรรณานกุ รม
1
บทที่ 1
บทนา
1. ทม่ี าและความสาคัญ
ปัจจุบันครีมอาบน ้าที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่ท ามาจากสารเคมีหลาย ๆ ชนิด
ซึ่งคณะผู้จัดทาสนใจที่จะทดลองทาครีมอาบน้าที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยคณะผู้จัดทาจะใช้แตงกวา
ซึ่งแตงกวามีสรรพคุณช่วยบารุงผิว และมีส่วนประกอบของ แคลเซียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียม
ทเี่ ขา้ สู่เซลลข์ องร่างกายไดอ้ ยา่ งรวดเรว็
2. วัตถปุ ระสงค์
2.1) เพ่ือศกึ ษาการทาครมี อาบนา้ จากธรรมชาติ
2.2) เพอื่ ศึกษาประโยชน์เกีย่ วกบั ครมี อาบนา้ จากธรรมชาติ
3. ปญั หา
แตงกวาสามารถนามาทาครมี อาบน้าไดห้ รือไม่
4. สมมตฐิ าน
แตงกวาสามารถนามาทาครีมอาบนา้ ได้
5. ขอบเขตในการทาโครงงาน
5.1 ขอบเขตดา้ นตวั แปร
ตวั แปรอสิ ระ ครีมอาบน้า
ตัวแปรตาม ความสะอาดหลงั จากใช้ครีมอาบน้า
ตัวแปรควบคุม แตงกวา ปริมาณครมี อาบนา้ ปรมิ าณนา้
5.2 ขอบเขตด้านสถานท่ี
โรงเรียนวรราชาทนิ ดั ดามาตวุ ทิ ยา
5.3 ขอบเขตดา้ นระยะเวลา
กรกฎาคม – กันยายน พ.ศ. 2565
2
6. นยิ ามเชิงปฏิบตั กิ าร
ครีมอาบนา้ หมายถึง ผลิตภัณฑท์ าความสะอาดผิวกาย ที่ชว่ ยบารุงผิว และทาใหผ้ วิ สุขภาพดี
7. ประโยชน์ทีไ่ ด้รบั
7.1) ไดร้ ับความร้เู ก่ยี วกับการทาครีมอาบน้าจากธรรมชาติ
7.2) ไดร้ บั ความรูเ้ กย่ี วกับประโยชนจ์ ากการทาครมี อาบนา้ จากธรรมชาติ
3
บทท่ี 2
เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กี่ยวข้อง
1.แตงกวา
(ที่มา : https://www.bth.co.th/th/news-health-th/item/299-super-food.html)
ชอ่ื วิทยาศาสตร์: Cucumis Sativus Linn.
ช่ือสามญั : Cucumber
วงศ์ : CUCURBITACEAE
ชอ่ื อ่นื ๆ : ผกั แคบ (ภาคเหนือ) แคเดา๊ ะ (กระเหรี่ยงและแม่ฮองสอน) ตาลงึ ,ส่บี าท (ภาคกลาง)
ผักตานนิ (ภาคอีสาน)
1.1 ลักษณะของแตงกวา
แตงกวาเป็นพืชเถาเลื้อยที่มีมือเกาะ ช่วยพยุงลาต้น ลาต้นเป็นเหลี่ยมมีขนขึ้นปกคลุม
อยู่ท่ัวไป ลาตน้ ยายประมาณ 2-3 เมตร มีรากแก้ว ใบเปน็ ใบเด่ียว มมี ุมแหลม 3-5 แฉก ดอกเป็นดอกตัวผู้
และตัวเมียแยกกันแต่อยู่บนต้นเดียวกัน ดอกตัวผู้จะเกิดเป็นกลุ่ม 3-5 ดอก ดอกตัวเมียจะเกิดเดี่ยว ๆ
มีสีเหลือง สังเกตได้ง่าย คือมี ลักษณะคล้ายแตงกวาผลเล็ก ๆ ติดกับกลีบดอก ส่วนดอกตัวผู้จะมีเฉพาะ
กา้ นดอกเท่านนั ในการปลกู แตงกวา ถา้ มีดอกตวั เมยี มากจะทาใหไ้ ดผ้ ลผลิตสงู
ผลในขณะยังเลก็ จะสังเกตเห็นหนามไดอ้ ย่างชัดเจน หนามของแตงกวาจะมีสีขาวและสีดา
แตงกวาหนามสีดาจะเก็บได้เพียง 3-4 วัน หลังเก็บจากต้น ผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง นิ่ม ไม่กรอบ
สว่ นแตงกวำที่มหี นามสขี าวจะมคี ุณสมบตั ิพิเศษ เกบ็ ไว้ไดน้ านประมาณ 7 วนั โดยไม่นิม่ และไม่เปล่ียนเป็น
สเี หลืองเร็ว
1.2 สารสาคัญของแตงกวา
เนื้อผลของแตงกวาเป็นยาทางผิวหนัง เพราะในแตงกวามีสารกลูซิด กรดอะมิโน
และเกลือแร่ต่างๆ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิวหนัง ในขณะที่สาร ซิสติน (cystin) และสารเมธิโอนิน
(methionin)ทาหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง ผลแตงกวาเมื่อนามาวิเคราะห์จะมีส่วนประกอบ ดังนี้
ความชื้น 96.4% โปรตีน 0.4% ไขมัน 0.1% คาร์โบไฮเดรต 2.8% แร่ธาตุ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส
และเหล็ก วิตามนิ บี และวิตามินซี ผลแตงกวามีเอนไซมห์ ลายชนดิ คอื เอนไซม์ที่ยอ่ ยโปรตีน ascorbic acid
oxidase, succinic malic dehydroginase เถ้า (ash) จากเมล็ดมีปริมาณของฟอสฟอรัสสูง ในใบ ต้น
และขั้วของแตงกวา มีสารcucurbitacin A, B, C และ D พบว่าสารcucurbitacin C มีฤทธิ์ยับยั้ง
การเจริญของเนื้องอกชนิดมีพิษและมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง แต่สารนี้ไม่มีอยู่ ในผลแตงกวา เมล็ด
มีนา้ มนั ซ่งึ ประกอบด้วย oleic acid, linoleic acid, palmitic acid, stearic acid, phytin และ lectin
1.3 ประโยชน์ของแตงกวา
1. ในปัจจุบันมีการใช้น ้าแตงกวาน าไปผสมในเครื่องส าอางต่าง ๆ อย่างเช่น
ครีมล้างหน้า เจลล้างหน้า สบู่ล้างหน้า ครีมแตงกวา ครีมบารุงผิว ครีมลดริ้วรอย ครีมกันแดด โลช่ัน
เพอื่ ช่วยป้องกนั ผวิ แห้งกรา้ น ช่วยในการสมานผิว ทาใหผ้ ิวดูมนี า้ มีนวล เปน็ ต้น
2. เมนูแตงกวา เชน่ ยาแตงกวาไข่ต้ม ต้มจดื แตงกวายัดไส้ ตาแตง ยาแตงกวาปลาทูน่า
พล่าแตงกวาหมูย่าง แตงกวาผดั ไข่ แตงกวาดอง ฯลฯ
3. ทรีตเมนต์จากแตงกวาช่วยลดรอยเหี่ยวย่น ลดสิว ลดจุดด่างดา ช่วยบารุง
ทาให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ เพิ่มความชุ่มชื้น ไม่ทาให้หน้ามัน ทาให้ผิวขาวใส ช่วยบารุงดวงตา แก้ปัญหา
ขอบตาคลา้ ตาบวม บารุงเสน้ ผม ป้องกนั ผมเสยี ฯลฯ
4. แตงกวาเป็นผกั ท่ไี ดร้ ับความนยิ มมาก นิยมนามารบั ประทานเคยี งกับน้าพริกต่าง ๆ
ลาบ อาหารจานเดียว อย่างขา้ วผัด ข้าวมนั ไก่ หมูแดง หมกู รอบ สลัดผัก กจ็ ะมแี ตงกวาประกอบอยดู่ ้วยเสมอ
เพราะเป็นผักที่มีน้ามาก จึงช่วยในการผ่อนคลายความเผ็ดได้เป็นอย่างดี และยังช่วยแก้เลี่ยน
ในอาหารได้เปน็ อย่างดีอกี ด้วย
1.4 สรรพคุณของแตงกวา
ใบและเนื้อในเมล็ดจากเมล็ดแก่นามากินเป็นอาหาร เป็นยาถ่ายพยาธิ แก้ท้องเสีย
ผลและเมล็ดอ่อน มีสรรพคุณฝาดสมาน เสริมการทางานของระบบประสาท ช่วยความจา
ลดอาการนอนไม่หลับ แก้กระหายน้า มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ขับปัสสาวะ ทาให้ผิวขาวใสและนุ่มนวล
ชว่ ยบารงุ ผมและเล็บ สาหรับผู้ทเ่ี ป็นโรคเกาต์และบวมน้าถ้ากินเป็นประจาจะป้องกันการเกิดโรคหัวใจ เถา
ช่วยลดความดันเลือด หั่นแตง กวาเป็นชิ้นบ าง ๆ แล้วน ามาแปะ ทิ้ง ไ ว้เพื่อพอกหน้า
หรือนาแตงกวามาปั่นแล้วคั้นเอาแต่น้ามาใช้ทาหน้า สามารถเก็บไว้ได้นาน 2 วัน ช่วยให้ความชุ่มช่ืน
บารุงผิว กระชับรูขุมขน ลดการเกิดสิวและยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อนๆ ลบรอยแผลเป็น บารุงผิว ขับปัสสาวะ
แกไ้ ข้ กระหายน้า ไฟลวก ยาถา่ ยพยาธิ แกท้ ้องเสีย (กาญจนา จันทรส์ งิ ห,์ 2563)
6
2. ครีมอาบน้า
(ทมี่ า : https://www.shopat24.com/blog/trending/how-to-choose-the-right-shower-cream-
for-skin/ )
2.1 ความหมายของครมี อาบนา้
ครีมอาบน้า หรือ สบู่เหลว เป็นผลิตภัณฑ์ทาความสะอาดผิวกายที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
มีให้เลือกหลายยี่ห้อ หลายกลิ่น หลายสูตรมาก ๆ บรรจุขวดทาให้สะดวกและง่ายต่อการใช้งานเพียง
แค่กดปั๊มเนื้อครีมก็จะไหลออกมา ประหยัดกว่าการใช้สบู่ที่ละลายน ้าได้ง่ายกว่า หมดเร็วกว่า
รวมถึงทาให้ผิวแห้งกร้าน แถมในเรื่องสุขอนามัยสบู่ดูจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ชัดเจน
เพราะตอ้ งใช้มือสัมผัสทกุ ครง้ั ในการใช้งาน ยิ่งถา้ ใชร้ ่วมกับบคุ คลอน่ื ย่งิ อนั ตราย ( Pimtent99, 2021)
2.2 องค์ประกอบทพี่ บในการผลติ ครมี อาบนา้
1. Surfactant เป็นสารทาความสะอาดและเป็นตัวช่วยให้ฟองในผลิตภัณฑ์กลุ่มแชมพู
ครมี อาบนา้ สารเหล่าน้ี ไดแ้ ก่
Product Name Chemical Name
Emal 270 (Kao) Sodium Laureth Sulphate 2EO (70%)
Sulfopon 103L (ฟองน้า) Sodium Lauryl Sulphate (27.5-28.5%)
Tauranol WS Sodium Methyl Cocoyl Taurate
7
2. Haircare and Personal Wash Thickener เป็นสารที่ให้ความข้นในแชมพู ครีมอาบน้า
และในครมี โลชั่นทาผวิ ไดแ้ ก่
Product Name Chemical Name
Carbopol 940 Carbomer
Xanthan Gum แบบขนุ่ หรือ ใส Xanthan Gum
Veegum Ultra (Cosmetic Grade) Magnesium Aluminium Silicate
Aristoflex AVC (สารสร้างเนอ้ื เจล สาหรบั ผวิ ) Ammonium Acryloyldimethyltaurate/VP
Copolymer
PEG 6000 DS PEG150 Distearate
3. Surfactant และสารอื่น ๆ สาหรบั ผลติ ภัณฑท์ าความสะอาดท่วั ไป
Product Name Chemical Name
Ethoxylated Alcohol 7 EO Ethoxylated Alcohol 7 EO
LAS 50 Linear Alkyl Benzene Sulfonate (50 %)
NP9 Nonylphenol 9 EO
4. Bodywash/ Transparent Soap คอื หัวเช้อื ครีมอาบน้าและสบู่ใส
Product Name Chemical Name
Glycerine Soap (transparent) เกลด็ สบู่ ทาสบู่ใส
Glycerine Soap (opaque) เกลด็ สบู่ ทาสบู่ขนุ่
Myristic Acid, Lauric Acid, Palmitic Acid, Myristic Acid, Lauric Acid, Palmitic Acid,
Stearic Acid, Sodium Stearate Stearic Acid, Sodium Stearate
8
5. Emulsifier& Texturizer Agent คอื สารกันไมใ่ ห้แยกช้ันและสารเพิม่ เนอ้ื
Product Name Chemical Name
Tween 20, Tween 60, Tween 80 Polysorbate 20, Polysorbate 60, Polysorbate
80
Cremophore RH40 (BASF) PEG40 Hydrogenated Castor oil (pharma
grade)
Cremophore A6 Ceteareth-6 and Stearyl Alcohol
Emulgin B2 Ceteareth-20
Polawax GP 200 Nonionic Emulsifying Wax
Arlacel 165 Glyceryl Stearate and PEG 100
Stearate
6. Preservative คือ สารกันเสยี หรอื กันบูด
Product Name Chemical Name
Methyl Paraben Methyl Paraben
Glydant DMDM Hydantoin
Sodium Benzoate Sodium Benzoate
Phenoxyethanol Phenoxyethanol
Kathon CG (cosmetic grade) CIT /MIT (cosmetic grade 15 % active)
9
7. Moisturizer คอื สารใหค้ วามชมุ่ ชื้น
Product Name Chemical Name
Propylene Glycol, Glycerine, 1,3-Butylene Propylene Glycol, Glycerine, 1,3-Butylene
Glycol Glycol
IPM Isopropyl Myristate
Myristol 318 Capric Caprylic Triglyceride
ลาโนลีน Lanolin
Glucam E 20 Methyl Gluceth 20
โปรวิตามิน B 5 DPanthenol 99%
Squalane Squalane
วาสลนี Petroleum Jelly
White Oil 70 (Carnation 70) White Oil 70
Olive oil, jojoba oil, avocado oil, almond oil Olive oil, jojoba oil, avocado oil, almond oil
8. Silicone Chemical Name
Product Name Phenyltirmethicone
DC 556 Dimethicone emulsion 60%
Silicone 60% (Industrial grade) Cyclomethicone & Dimethiconol
DC 1501 Dimethicone
DC 200 /100, DC 200/350
10
9. Whitening Agent คือ สารช่วยให้ผิวขาว
Product Name Chemical Name
Vitamin B 3 Vitamin B 3
Stay C Sodium Ascorbyl Phosphate
3M3 Whiteris G (สารใหค้ วามขาว Glycerine(and Water (and) Dictyopteris
ลดเมลานิน) Membranacea Extract
10. สารกลุ่ม AHA คอื สารกลุ่มชว่ ยการผลัดเซลล์ผิว
Product Name Chemical Name
Glycolic Acid, Lactic Acid Glycolic Acid, Lactic Acid
Purac BF 41/P Lactic acid /Potassium Lactate
Purasol NH/COS Ammonium Lactate
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสารที่มีสมบัติเป็นสาร anti-ageing เช่น Sodium Hyaluronate, Vitaskin E
(Raspberry oil/Tocopheryl succinate Aminopropanediol Ester) และ Stoechiol (Caprylic/Capric
Triglyceride, Lavandula Stoechas Extract กลุม่ นชี้ ่วยลดรอยเห่ียวย่น)
ทสี่ าคญั คอื ยงั มีกลุม่ สารที่เปน็ กรด/ด่าง และเกลือ เชน่ EDTA 2 Na (Ethylenediamine diacetate,
Sodium Salt), เกลอื (sodium chloride), TEA (Triethanolamine), Citric Acid Monohydrate, Sodium
Citrate เปน็ ตน้ (ฐิตพิ รรณ ฉิมสขุ , 2559)
11
2.3 ประโยชนข์ องครีมอาบนา้
1. ช่วยบารุงผิวครีมอาบน้าสามารถผสมส่วนผสมที่ช่วยบารุงผิวได้มากมายไม่ว่าจะ
เป็นวิตามิน ออยล์ บางสูตรมีส่วนผสมของโอ๊ตมีลและอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยบารุงผิวพรรณไม่ให้แห้งเสีย
หยาบกระด้าง ไม่ทาให้ผิวรู้สึกแห้งตึง ป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นมากเกินไป
อนั อาจกอ่ ใหเ้ กิดอาการคนั หรอื แพ้
2. ปลอดเชื้อ อย่างที่ทราบกันดีว่าครีมอาบน้าบรรจุในขวดทาให้เนื้อครีมไม่ถูกปนเปื้อน
ด้วยเชื้อโรค ต่างจากสบู่ที่ต้องสัมผัสตลอดเวลาในการใช้ ยิ่งมีคนใช้ร่วมด้วยมากเท่าไหร่ก็ยิ่ง
สะสมเชอื้ โรคมากเทา่ นนั้
3. ให้ฟองนุ่มกว่ำ ผลิตภัณฑ์ครีมอำบน ้ำมีลักษณะเป็นของเหลวเมื่อผสมกับน ้ำ
จะทาใหเ้ กิดฟองได้ดกี ว่า นุม่ ละเอียดกวา่ อีกท้งั ยงั ช่วยลดแรงตงึ ผิวได้ดี
4. ประหยัดกวา่ ลา้ งออกง่าย การอาบน้าดว้ ยครีมอาบนา้ สามารถชาระล้างส่งิ สกปรกไดด้ ีกว่า
ฟอกตัวได้ง่ายและรวดเร็วใช้เวลาในการอาบไม่นาน ผิดกับสบู่ที่ต้องออกแรงถูกว่าจะเกิดฟอง กินเนื้อสบู่
แถมใช้เวลานานกว่าในการอาบนา้ ล้างออกยากกว่า
5. มีหลายสูตร ครีมอาบน้ามีให้เลือกหลายสูตรทั้งผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวแพ้ง่าย
รวมถงึ ยงั มกี ล่ินหอมใหเ้ ลอื กหลายกล่ินทาให้เพมิ่ ทางเลอื กให้กบั ผู้ใช้ไดม้ ากกวา่ สบู่
2.4 เลอื กครีมอาบนา้ อยา่ งไรให้เหมาะกับสภาพผิว
ในแต่ละคนมีสภาพผิวที่ต่างกันบางคนผิวแห้ง บางคนผิวมัน บางคนผิวแพ้ง่าย
ดังนั้นก่อนอืน่ คณุ ตอ้ งสารวจใหแ้ นใ่ จว่าคุณอยใู่ นกลุ่มผวิ แบบไหนกอ่ นตัดสนิ ใจเลอื กซือ้ ครีมอาบน้า
คนผิวแห้ง = ควรเลือกครีมอาบน้าที่มีส่วนผสมของกรดอะมิโน (Amino Acid)
และสารลดแรงตึงผิวเพอื่ ลดการระคายเคอื ง อาจเลือกท่ีมีส่วนผสมของวติ ามินหรือออยลเ์ พอื่ ช่วยให้ผวิ ดูอ่มิ นา้
คนผิวมัน = สาหรับคนผิวมันมักมีคราบเหงื่อ คราบไขมันมากเป็นพิเศษและยากต่อ
การทาความสะอาดฉะนั้นควรเลือกครีมอาบน้าที่มีส่วนผสมของ กรดคาร์บอกซิลิก (Carboxylic Acid)
ทีน่ อกจากทาความสะอาดไดด้ ยี ง่ิ ขนึ้ แล้ว ยังมีความเปน็ ดา่ งนอ้ ยทาใหเ้ ซลล์ผิวไม่ถูกทาลาย
คนผิวแพ้ง่าย = สาหรับคนที่มีสภาพผิวบอบบาง แพ้ง่าย มักเกิดการระคายเคือง แห้งคัน
ผิวอักเสบ ควรเลือกครีมอาบน้าที่มีส่วนผสมที่ทาจากวัสดุจากธรรมชาติ 100% หรือข้างบรรจุภัณฑ์เขียนว่า
“Hypoallergenic” สาหรับผิวบอบบาง ก็จะช่วยได้ ทั้งนี้หากไม่แน่ใจควรเลือกซื้อขวดเล็กมาทดลอง
ใชด้ ูกอ่ นแลว้ คอยสงั เกตการตอบสนองของผวิ จะเป็นการดีท่ีสุด (Pimtent99, 2021)
12
2.5 สารตกค้างในครีมอาบน้า
พญ.ฐิตาภรณ์ วรรณประเสริฐ แพทยผ์ ู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนังเด็ก รพ.ผวิ หนังอโศก
เผยว่า ผิวหนังเปรียบเสมือนกาแพงด่านหน้าที่คอยปกป้องร่างกายจากภายนอกรวมถึงเชื้อโรคต่าง ๆ
ยิ่งในเด็กทารกการยึดติดกันของเซลล์ยังไม่แข็งแรงมาก ทาให้ผิวหนังเกิดตุ่มได้ง่าย
และมีโอกาสติดเชอ้ื ได้บ่อยกว่าผู้ใหญ่จนเม่ือโตข้นึ รา่ งกายสร้างภมู คิ ุ้มกนั จากปจั จัยรอบด้านในการดูแลป้องกัน
ไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย อาทิ สร้างสภาวะการเป็นกรดของผิวหนังพอดี (pH5) ช่วยยับยั้ง
การเจรญิ เตบิ โตของเช้ือแบคทเี รีย หรือกระทัง่ แบคทเี รยี ประจาถน่ิ ซง่ึ คอยยับย้ังแบคทเี รียกลุม่ ท่ีก่อให้เกิดโรค
ฯลฯ กระนั้นก็ใช่ว่า “กาแพงผิว” จะแข็งแกร่งเสมอไปหากเรายังน าพาสารเคมีต่ างๆ แทรกซึม
เข้ารา่ งกายในชีวิตประจาวนั
สารที่ควรเฝ้าระวังที่อาจก่อให้เกิดอันตราย หากใช้ในปริมาณที่เกินกาหนด
(ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกาหนดวตั ถุกนั เสยี ที่อาจใช้เป็นสว่ นผสมในการผลิตเครอ่ื งสาอาง ฉบบั ที่ 4
เล่มท่ี 132 หนา้ 16 ฉบับปรับปรงุ ปี 2559) มี 4 สารดังนี้
1. โ ซ เ ด ี ย ม ล อ ร ิ ล ซ ั ล เ ฟ ต ( S o d i u m L a u r y l S u l f a t e ห ร ื อ S L S )
เป็นสารที่มีคุณสมบัติลดแรงตึงผิวของน้า ทาให้เกิดฟอง ช่วยให้สิ่งสกปรกและคราบไขมันหลุดออกได้ง่าย
ใชเ้ ป็นสว่ นผสมในเครือ่ งสาอางหลายชนิด เช่น สบู่ แชมพู ครีมลา้ งหนา้ และยาสีฟัน
จากการวิจัยพบว่าหากความเข้มข้นของสารที่ใส่ในผลิตภัณฑ์มีปริมาณมากเกินไป
อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนังบริเวณที่สัมผัส โดยการระคายเคืองจะเพิ่มข้ึน
ตามความเข้มข้นของสารที่เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ยังมีรายงานในสัตว์ทดลองพบว่าความเข้มข้นของสาร SLS
ในปริมาณที่สูงจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดสิว และถ้าล้างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสาร SLS
ออกชา้ หรือไม่ลา้ งออก อาจทาให้เกดิ การระคายเคืองต่อเยอ่ื บุตา
ในประเทศไทยยังคงให้ใช้สาร SLS ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ โดยต้องมีความเข้มข้น
ที่ใช้ได้ปลอดภัยในปริมาณที่ก าหนด ผู้ที่มีประวัติแพ้สาร SLS ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์
ที่มีส่วนผสมของสารน้ี และเลอื กใช้ผลิตภณั ฑท์ ่รี ะบุ SLS-Free หรอื อาจเลอื กใช้เปน็ ผลิตภัณฑ์ที่มีสว่ นผสมเป็น
Sodium Laureth sulfate หรือ SLES แทน เพราะเป็นสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่า SLS
แต่ยังไมม่ ีขอ้ มลู ความเส่ยี งเก่ยี วกบั การเปน็ สารกอ่ มะเร็ง
2. สารกลุ่มพาราเบน (Parabens) เป็นสารกันเสีย (Preservative)
มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ยีสต์และแบคทีเรีย ป้องกันไม่ให้เครื่องสาอางเสียง่าย
นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์อาบน้า แชมพู ครีมนวดผม ครีมบารุงผิวหน้า ครีมโกนหนวด น้ายาดัดผมถาวร ยาสีฟัน
13
และยาระงับกลิ่น เนื่องจากเคยมีรายงานผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเต้านม และตรวจพบพาราเบนในเซลล์มะเร็ง
ท าให้ผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพาราเบน
ซึ่งปัจจบุ นั กย็ งั ไมม่ ีงานวิจยั ทีย่ นื ยันแนช่ ดั ว่าเคร่ืองสาอางทม่ี ีส่วนผสมของพาราเบนจะก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมห
รือไม่ ส าหรับในประเทศไทยกระทรวงสาธารณสุขยังรับรองให้ใช้สารในกลุ่มพาราเบนได้
4 ชนิดในปริมาณที่กฎหมายกาหนด แต่เนื่องจากมีข้อถกเถียงกันถึงความปลอดภัยของพาราเบน
ปจั จบุ ันจงึ มีผลติ ภัณฑท์ ี่ใช้สารชนิดอนื่ ท่ีผลิตจากธรรมชาติเปน็ สารกนั เสียแทน โดยไมม่ ีส่วนผสมของพาราเบน
หรอื Paraben-free
3. เมทิลไอโซไทอะโซลิโนน (Methylisothiazolinone หรือ MIT) เป็นสารกันเสยี
(Preservative) มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อรา และยีสต์ ในแชมพู
ผลิตภัณฑ์บารุงผิว ครีมอาบน้า เป็นส่วนผสมในเครื่องสาอาง และผ้าเช็ดทาความสะอาด สาหรับเด็ก MIT
เป็นสารที่อาจทาให้เกิดการระคายเคือง เกิดการแพ้ได้ง่าย ซึ่งในประเทศไทยกระทรวงสาธารณสุข
ควบคมุ ใหใ้ ช้ MIT ในความเข้มขน้ ที่กาหนด และให้ใช้ในผลิตภณั ฑท์ ่ใี ชแ้ ลว้ ตอ้ งลา้ งออกเท่าน้ัน
4. ไตรโคลซาน (Triclosan) เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ทาความสะอาด เช่น
สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาสีฟัน เครื่องส าอาง มีฤทธิ์ช่วยลดหรือป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย
มีประสิทธิภาพในการป้องกันเหงือกอักเสบ แต่หากใช้ปริมาณที่ เกินก าหนดจะท าให้เกิดพิษ
มีรายงานในสัตวท์ ดลองว่าทาใหเ้ กิดความผิดปกติของฮอร์โมนไทรอยด์ ทาใหก้ ารหดตวั ของกล้ามเนื้อผิดปกติ
มีผลกับการทางานของหัวใจ และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีไตรโคซานเป็นระยะเวลานาน
จะมีความเส่ียงตอ่ เชอื้ แบคทีเรยี ด้อื ยา
ดังนั้นการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ควรอ่านฉลากทุกครั้ง เพื่อดูส่วนผสมของสาร
ที่อาจเกิดอันตราย ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควรมีค่าความเป็นกรดด่างใกล้เคียงผิวหนัง มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพ
และวันเดือนปีที่ผลิต รวมถึงวนั หมดอายทุ ีช่ ดั เจน (เดลนิ วิ ส,์ 2560)
14
บทที่ 3
วิธกี ารดาเนนิ งาน
1. วัสด/ุ อปุ กรณ์
1. แตงกวา
2. หัวสบู่
3. น้าสะอาด
4. นา้ หอม
5. หมอ้
6. ไมก้ วน
7. ขวดป้มั
2. เครือ่ งมอื
-
3. สารเคมี
สารกนั เสยี แบบผง
4. วิธกี ารดาเนินงาน
1. เเทหวั เชอื้ สบู่ลงไป
2. เทนา้ แตงกวาลงในภาชนะที่เตรียม
3. คนน้าหัวเชอื้ สบอู่ ละนา้ แตงกวาให้เข้ากัน
4. เทน้ากนั เสยี ลงไปในภาชนะที่ใสห่ ัวเชือ้ สบแู่ ละน้าแตงกวา
5. คนใหเ้ ข้ากนั
6. เทใสข่ วด
15
บทที่ 4
ผลการทดลอง
จากการศกึ ษาไดผ้ ลการทดลอง ดังนี้
ศึกษาการทดลองครีมอาบน้าจากแตงกวา
ตารางที่ 1 เปรียบเทียบ วันแรกสีจะดูสดกว่าวันที่สอง และวันแรกมีกลิ่นหอม แต่วันที่สอง
มีกลงิ่ เหม็นและสีไมส่ ด
วนั ท่ี 1 วันท่ี 3
จากตารางที่ 1 พบว่า วันแรกสีจะดูสดและกลิ่นหอม วันต่อไปสีจะดูไม่สดเหมือนวันแรก
และมกี ลนิ่ เหมน็
16
บทท่ี 5
สรปุ ผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ
1. สรปุ ผลการวจิ ัย
ผลการทดลองครีมอาบน ้าที่ท าจากแตงกวาสามารถใช้ได้จริง และใช้ได้กับทุกสภาพผิว
มีกลิ่นหอมและเกิดฟอง
2. อภิปรายผล
ครีมอาบน้าแตงกวาวันแรกยังใช้ได้ดี แต่วันต่อไปครีมอาบน้าแตงกวาก็มีกลิ่นเหม็น และสีไม่เป็น
สเี ขียวสดเหมือนวนั แรก และพอใช้ก็ไม่คอ่ ยมีฟองสกั เทา่ ไหร่
3. ขอ้ เสนอแนะ
3.1) ควรเก็บไว้ในอณุ หภูมิทเ่ี ย็นขน้ึ
3.2) ควรใช้ในปริมาณทเ่ี หมาะสม
3.3) ควรใชว้ ัสดสุ ว่ นผสมท่ดี ี
17
บรรณานกุ รม
ผลิตภัณฑ์บริกำรวิลำหกิจชุมชนและเครือข่ำยวิลำหกิจชุมชน. แหล่งที่มำ
https://smce.doae.go.th/productcategory/productpopup.php?ps_id=2622&smce_id=320050
210001. สืบค้นเมอื่ 4 สิงหำคม 2565
โครงงานอาชพี เรือ่ งครีมอาบน้าแดงกวา. แหล่งทีม่ ำ http://www.thaischool.in.th/files_school/
60100588/workstudent/60100588 1 20180312-200408.pdf. สืบคน้ เมอ่ื 4 สงิ หำคม 2565
ส บ ู ่ เ ห ล ว แ ด ง ก ว า อ ภ ั ย ภ ู เ บ ศ ร . แ ห ล ่ ง ท ี ่ ม ำ https://xn--q3ccliackge3cn4b3
c6exa6irc.com/catalog.php?idp=137. สืบคน้ เมอ่ื 11 สงิ หำคม 2565
ครีมอาบน้าแตงกวา. แหล่งที่มำhttps://www.nimpornherb.com/ %E0%B8% AB%E0%B8%
A1%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A
A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2/skin- care/%E%B8%84%
E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%99%E
0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0
%B8%. สบื ค้นเมอ่ื 11 สงิ หำคม 2565