โครงงานวิทยาศาสตร์
การศึกษาและเปรยี บเทียบชนดิ ผงฝนุ่ ถ่านจากธรรมชาติ
ระหว่างผงฝนุ่ ถา่ นโกงกาง กับผงฝนุ่ ถ่านไม้ไผ่ ทมี่ ีผลตอ่ ลายนิ้วมือแฝง
จดั ทำโดย
นางสาวปัทมพร กลน่ั กลาย เลขท่ี 17
นางสาวปรณิ สริ ิ แถมจำรัส เลขท่ี 33
นางสาวพัชรพร ท้วมปาน เลขท่ี 36
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6/1
ครูท่ปี รกึ ษา
คณุ ครูศรารักษ์ เกลอื นสนิ
คุณครูปิยะกาญจน์ คะระออม
รายงานนี้เป็นสว่ นหนง่ึ ของรายวชิ า ว33209 โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 4
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
โรงเรียนวรราชาทนิ ัดดามาตุวิทยา
สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษาปทมุ ธานี
โครงงานวิทยาศาสตร์
การศกึ ษาและเปรยี บเทียบชนิดผงฝนุ่ ถา่ นจากธรรมชาติ
ระหวา่ งผงฝนุ่ ถ่านโกงกาง กับผงฝนุ่ ถา่ นไมไ้ ผ่ ที่มผี ลตอ่ ลายน้ิวมอื แฝง
จดั ทำโดย
นางสาวปัทมพร กล่นั กลาย เลขท่ี 17
นางสาวปริณสริ ิ แถมจำรัส เลขที่ 33
นางสาวพชั รพร ทว้ มปาน เลขท่ี 36
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6/1
ครทู ีป่ รึกษา
คุณครศู รารกั ษ์ เกลอื นสิน
คณุ ครปู ิยะกาญจน์ คะระออม
รายงานนเ้ี ป็นสว่ นหนง่ึ ของรายวิชา ว33209 โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 4
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
โรงเรยี นวรราชาทินดั ดามาตุวิทยา
สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามธั ยมศึกษาปทมุ ธานี
ชื่อโครงงาน การศึกษาและเปรียบเทียบชนิดของผงฝุ่นถ่านจากธรรมชาติระหว่างผงฝุ่นถ่านโกงกางกับผงฝุ่น
ถา่ นไมไ้ ผท่ มี่ ผี ลตอ่ ลายนวิ้ มอื แฝง
ผู้จัดทำ นางสาวปัทมพร กล่นั กลาย,นางสาวปริณสิริ แถมจำรัส,นางสาวพัชรพร ท้วมปาน
ครทู ีป่ รกึ ษาโครงงาน นายศรารกั ษ์ เกลือนสนิ และนางสาวปยิ ะกาญน์ คะระออม
โรงเรียน วรราชาทนิ ัดดามาตวุ ทิ ยา 59 หมู่ 2 ตำบล คลองพระอุดม อำเภอ ลาดหลุมแกว้ จังหวัดปทุมธานี 12140
ระยะเวลาในการทำโครงงาน มถิ ุนายน – สิงหาคม 2565
บทคดั ย่อ
ในการศึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภททดลอง เรื่องการศึกษาและเปรียบเทียบชนิดของ
ผงฝุ่นถ่านจากธรรมชาติระหว่างผงฝุ่นถ่านโกงกางกับผงฝุ่นถ่านไม้ไผ่ที่มีผลต่อลายนิ้วมือแฝง มี
วัตถุประสงค์ 1. เพือ่ เปรียบเทยี บชนดิ ของผงฝนุ่ จากธรรมชาติ ทีม่ ีผลตอ่ คุณภาพลายน้วิ มือแฝง 2.เพื่อ
เปรียบเทียบสภาพพ้ืนผิวที่มผี ลต่อคุณภาพลายนิ้วมอื แฝง ใชน้ ิ้วหัวแมม่ อื สมั ผัสบริเวณหน้าผากหรือที
โซนแล้วกดนิ้วลงบนแผ่นสไลด์และแก้วพลาสติก ที่ใช้ในการทดลอง ออกน้ำหนักแรงกดนิ้วมือ
ประมาณ 500-700 g จากนั้น ดึงมอื ออก นำผงฝุ่นถ่านไม้ไผแ่ ละผงถา่ นโกงกางมาปัดเบาๆโดยใช้แปรง
ปัดผงไม้ไผแ่ ละผงถ่าโกงกางที่เปน็ สว่ นเกนิ ออก จะเห็นรอยลายน้วิ มือแฝงชัดเจนขึน้ นำรอยลายน้ิวมือ
แฝงบนพืน้ ผวิ ของแผน่ สไลด์และแกว้ พลาสติกมาบันทึกผล ซ่งึ พบว่า ผงฝ่นุ ถา่ นไม้ไผส่ ามารถตรวจสอบ
ลายนิ้วมือแฝงได้ดีกว่าผงฝุ่นถ่านโกงกาง และเปรียบเทียบลายนิ้วมือแฝงจากผงฝุ่นถ่านบนวัตถุที่ผิว
เรียบและผิวขรุขระ โดยได้ใช้แผน่ สไลด์แทนวัตถุที่มีผิวเรียบ และใช้แก้วพลาสติกแทนวัตถุผิวขรุขระ
พบวา่ พ้ืนผวิ เรียบคุณภาพจะดกี ว่าพื้นผิวขรุขระ
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานสำเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาจากนายสาคร ไปด้วยผู้อำนวยการโรงเรียนวรราชาทินัดดามาตุ
วิทยา นางสาวปิยะกาญจน์ คะระออม หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายศรารักษ์
เกลือนสนิ คณุ ครทู ่ีปรึกษาโครงงานทใี่ ห้แนะนำเสนอแนวคิด ตลอดจนการแก้ไขขอ้ บกพรอ่ งตา่ ง ๆ มาโดยตลอดจน
โครงงานเล่มนี้เสร็จสมบูรณ์ ผู้ศึกษาจึงขอกราบพระคุณอย่างสูงขอกราบพระคุณท่านผู้ปกครองที่ให้
คำปรึกษาในเรื่องราวต่างๆรวมท้งั เป็นกำลงั ใจที่ดีเสมอมา ขอบคุณเพอ่ื นๆท่ีช่วยให้คำแนะนำดๆี เก่ียวกับโครงงาน
ครัง้ น้ี สุดท้ายน้ขี อขอบคณุ สมาชกิ ในกลุ่มท่ชี ่วยกันทำโครงงาน และเล่มโครงงานให้สำเรจ็ ลุลว่ งไปด้วยดี
สารบัญ หนา้
ก
เร่อื ง ข
บทคัดยอ่ ค
กิตตกิ รรมประกาศ 1
สารบัญ 1
บทที่ 1 บทนำ 1
2
ทีม่ าและความสำคญั 2
วตั ถุประสงค์ของโครงงาน 2
สมมตฐิ าน 3
ตวั แปรที่ปรกึ ษา 3
นิยามเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร 4
ขอบเขตของการศึกษาโครงงาน 5
ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะได้รบั 20
บทที่ 2 เอกสารทีเ่ กี่ยวข้อง 24
ลายนว้ิ มือ 25
ไมไ้ ผ่ 26
ไมโ้ กงกาง 26
เอกสารและงานวิจัยทเ่ี กี่ยวข้อง 26
บทที่ 3 วธิ ดี ำเนินการ วัสดุ อุปกรณ์และวิธกี ารทดลอง 28
วัสดุอุปกรณ์ และเครอ่ื งมือ 29
ขัน้ ตอนและวธิ ีการทดลอง 30
บทท่ี 4 ผลการทดลอง 31
บทที่ 5 สรุปผลการทดลอง อภปิ รายผลการทดลองและขอ้ เสนอแนะ
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
บทท่ี 1
บทนำ
ทม่ี าและความสำคัญ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปสถิติการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในสังกัด
ทัว่ ประเทศ ต้ังแตว่ ันที่ 1 มกราคม 2564 - 31 ธนั วาคม 2564 พบวา่ ทงั้ ปมี ปี ระชาชนมาแจ้งความร้องทุกข์มากกวา่
3,352 คดี สามารถสางคดีได้ทั้งสิ้น 1,811 คดี และจับกุมตัวผู้กระทำความผิด หรือผู้ต้องหาได้ 4,119 คน
โดยพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่โดนหลอก มากกว่าร้อยละ 60 อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รองลงมา
คือ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และชลบรุ ี อายเุ ฉลี่ยของคนที่โดนหลอกส่วนมากอย่รู ะหว่าง 26-40 ปี และ
เปน็ ผู้ชายมากกว่าผหู้ ญิง (เจาะประเดน็ ขา่ ว 7HD,2565)
เมื่อเกิดคดีอาญาขึ้น พนักงานสอบสวนมีหน้าที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดให้ได้มากที่สุด
เพื่อทราบข้อเทจ็ จริงต่างๆ อันเกี่ยวกับคดีความผดิ ที่เกิดขึ้น ทั้งเพือ่ พสิ ูจนค์ วามผิดและความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา
ซึ่งลายพิมพ์นิ้วมือนอกจากจะพิสูจน์ว่า ผู้ต้องหาคนนั้นเกี่ยวข้องหรืออยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว ก็ยังอาจช่วยพิสูจน์วา่
ผู้ต้องหาคนนั้นไม่เกี่ยวข้องหรือไม่อยู่ในที่เกิดเหตุได้ด้วย โดยทั่วไปลายนิ้วมือแฝงที่อาจพบในสถานที่เกิดเหตุ
มี 2 ประเภทคือลายนิ้วมือที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและลายนิ้วมือมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้นวิธีการเก็บ
ลายนิ้วมอื จึงแตกต่างกันไปตามเง่ือนไขของการประทับนิ้วและต้องเลือกวิธที ี่เหมาะสมกับพื้นผิววัตถุนั้นๆ วิธีการ
ตรวจเก็บลายน้ิวมือน้ันมีด้วยกนั หลายวิธซี ่งึ ปัจจุบนั ได้มกี ารพัฒนาในหลายรูปแบบได้แก่วิธีผงฝนุ่ วิธีทางเคมีการใช้
แสงเลเซอร์และเคร่อื งโพลีโพลีไลท์ วธิ กี ารวิธีการลอกลายนิว้ มือและวิธีการถา่ ยภาพเป็นต้น
วิธีเหล่านเ้ี ป็นวิธที ี่ใช้กนั มากที่สุดในการตรวจสอบลายนวิ้ มือแฝงที่มองไม่เห็นไดด้ ว้ ยตาเปล่าจำเป็นต้องใช้
ผงฝุ่นทำให้เกิดสีของสิ่งที่ขับถ่ายออกมาทางนิ้วด้วยการใช้สารเคมี ผงฝุ่นที่ใช้ในการหาหลายลายนิ้วมือ
ได้แก่ ผงฝุ่นอลูมิเนียม ผงฝุ่นดำ ผงฝุ่นขาว ผงแม่เหล็กตะกั่วซึ่งองค์ประกอบของผลฝุ่นแล้วแต่เป็นสารเคมี
โดยสารเคมีเหล่าน้ีเข้าสรู่ า่ งกายไดโ้ ดยการสูดเอาไอผงหรอื ละอองสารพิษหรือโดยการสมั ผัสหรือการจับต้องสารพิษ
ที่สามารถซึมเข้าผิวหนังได้ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่ปฏิบัติงานได้ถ้าไม่มีเทคนิคหรือวิธีที่ดีเหมาะสมใน
การเกบ็ ลายนวิ้ มอื แฝง
จากเหตุผลข้างต้น กลุ่มของข้าพเจ้า จึงมีความสนใจ จะการศึกษาและเปรียบเทียบชนิดผงฝุ่น
จากธรรมชาติระหว่างผงถ่านโกงกางกับผงถา่ นไม้ไผ่ทีม่ ีผลต่อลายนิ้วมือแฝง เพื่อนำมาทดแทนสารเคมีที่มีผลตอ่
การเกดิ อนั ตรายตอ่ ปฏบิ ตั ิด้านสบื สวน
วัตถปุ ระสงค์
2.1 เพอ่ื เปรียบเทยี บชนิดของผงฝุ่นจากธรรมชาติ ทม่ี ผี ลตอ่ คุณภาพลายนว้ิ มอื แฝง
2.2 เพือ่ เปรยี บเทยี บสภาพพนื้ ผิวที่มผี ลต่อคุณภาพลายน้ิวมือแฝง
2
สมมติฐาน
ตอนที่ 1 ถ้าชนิดของผงฝุ่นจากธรรมชาติ ที่มีผลต่อลายนิ้วมือแฝง ดังนั้นผงฝุ่นจากถ่านจะสามารถ
ตรวจสอบลายนวิ้ มอื แฝงไดด้ กี วา่
ตอนที่ 2 ถ้าสภาพพืน้ ผิวมผี ลต่อลายน้วิ มอื แฝง ดงั น้ันพ้ืนผิวเรียบคุณภาพจะดกี ว่าพนื้ ผวิ ขรขุ ระ
ตัวแปรทศี่ ึกษา
ตอนท่ี 1
ตัวแปรต้น ผงฝุน่ จากธรรมชาติ (ผงถา่ นโกงกาง , ผงถา่ นไม้ไผ่)
ตัวแปรตาม คุณภาพของลายน้วิ มือแฝง (ความคมชัด)
ตัวแปรควบคมุ ปริมาณผงฝุ่น ขนาดของลายนิ้วมือ เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบ ความละเอียดของ
ผงฝุ่น ความหนาของผงฝนุ่ สภาพพนื้ ผวิ ในการทดลอง
ตอนที่ 2
ตัวแปรต้น ผงฝนุ่ จากธรรมชาติ (ผงถา่ นโกงกาง , ผงถา่ นไมไ้ ผ)่
ตัวแปรตาม คณุ ภาพของลายน้ิวมือแฝงบนพน้ื ผิวเรียบและพ้ืนผวิ ขรุขระ (ความคมชดั )
ตัวแปรควบคมุ ปริมาณผงฝุ่น ขนาดของลายนิ้วมือ เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบความละเอียดของ
ผงฝนุ่ ความหนาของผงฝุ่น ชนิดของผงฝุน่ ธรรมชาติ
นิยามเชิงปฏบิ ตั ิการ
คุณภาพของลายนวิ้ มือแฝงเมื่อนำมาตรวจสอบด้วยผงฝนุ่ จากธรรมชาติ หมายถึง ประสทิ ธิภาพในการหา
ลายน้วิ มือแฝงของฝุน่ จากธรรมชาติ (ผงถา่ นโกงกาง ,ผงถา่ นไมไ้ ผ่)
ลายนว้ิ มอื หมายถึง สว่ นที่เป็นสันนูนขึ้นมาตรงบรเิ วณผวหิ นงั ส่วนนอกสุดของมอื สนั นูนท่ขี ึน้ จะเช่ือมเป็น
แนวมองเห็นเป็นลายเสน้ ซึ่งจะมีรูปแบบและขนาดแตกต่างกันไป
รอยลายนิว้ มอื แฝง หมายถึง รอยของลายน้ิวมือท่ีประทับโดยไม่ได้ตั้งใจบนพ้ืนผิวของ วัตถุมีท้ังท่ีมองเห็น
ด้วยตาเปลา่ และทมี่ องไมเ่ ห็นด้วยตาเปลา่
วิธีปัดผงฝุ่น หมายถึง วิธีการปัดผงฝุ่นที่มองไม่เห็น และใช้เทปใสลอกติดกระดาษ รองรับ หรือโดย
การถา่ ยภาพ
ผงถ่านไมถ้ ่านไมท้ มี่ กี ารเผาไหมน้ ัน้ เปน็ คาร์บอน (Carbon) ชนิดหน่งึ คารบ์ อนเป็นธาตุ ชนิดหน่งึ ทมี่ ีอยู่
ท่วั ไปบนโลก รา่ งกายของคนสตั ว์และส่งิ มชี ีวิตตา่ งๆล้วนแตป่ ระกอบไปดว้ ย คาร์บอนทั้งน้ัน
3
ขอบเขตการศกึ ษา
ขอบเขตดา้ นสถานท่ี
29/2 หมู่ 7 ตำบล ลำโพ อำเภอ บางบัวทอง จงั หวัด นนทบุรี 11110
ขอบเขตดา้ นระยะเวลา
มถิ ุนายน – สงิ หาคม 2565
ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะได้รบั
1. สามารถใช้เปน็ แนวทางในการหาลายนิ้วมือแฝงโดยใช้ผงจากถา่ นไม้ไผแ่ ละไม้โกงกาง
2. สามารถลดค่าใช้จ่ายในการส่งั ซ้ือผงฝุ่นจากต่างประเทศ
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในการศึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบชนิดของผงฝุ่งจากธรรมชาติระหว่างผงถ่านไม้ไผ่และ
ผงถ่านไม้โกงกาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาชนิดและปริมาณของผงฝุ่น และเพื่อศึกษาความชัดเจนของลายน้วิ มอื
ทางกล่มุ จงึ ได้ทำการค้นควา้ เอกสารทเ่ี กี่ยวข้องดังนี้
1. ลายนวิ้ มือ
2. ไมไ้ ผ่
3. ไม้โกงกาง
4. เอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี กีย่ วข้อง
โดยมรี ายละเอยี ด ดังน้ี
1. ลายนิว้ มือ
1.1 ประวัติความเปน็ มาของลายนวิ้ มือ
มนุษย์รู้ถึงความแตกต่างของลายนิ้วมือของแต่ละบุคคลมานานแล้ว ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์พบ
ลายนิว้ มือของชาวสเปน ภาพเขยี นลายนว้ิ มือในถ้ำ ของฝรั่งเศสชาวบาบโิ ลเนียน ได้มกี ารกดลายนิ้วมือตามกอ้ นดิน
เหนียว เพื่อป้องกัรการปลอมแปลง เป็นต้น ในภาคพ้ืนเอเชีย พบว่าในประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น มีการใช้
ลายนิ้วมือเปน็ ตราประทับมีการกดนิว้ มอื ประกอบการเซ็นกัน มาหลายศตวรรษแล้ว ท้ังมีบันทึกในประเทศจีนว่า
เป็นศตวรรษท่ี 12 ได้มีการตัดสินคดีฆาตกรรมโดยพิสูจน์ลายนิ้วมือเป้ือนเลือด ในศิลปะบ้านเชียงของของไทย
กลา่ วกันว่าลวดลายบน ภาชนะต่างๆ กน็ ่าแบบจากลายนวิ้ มอื นนั่นเอง
ปี ค.ศ. 1684 เนเฮเมียห์ เกรว์ (Nehemiah) เขียนบทความเกี่ยวกับลายนิ้วมือไว้ใน Philosophical
Transaction of the Royal Society of London
ปี ค.ศ. 1686 เมลปิคกิ(Marcello Malpighi) เขียนหนังสือเก่ียวกับลายนูนบนมือมีเพ่ือ การยึดจับบนฝ่า
เท้ามีเพื่อการลากเท้าและยังไม่ระบุถึงลายเส้นนิ้วมือลายนิ้วมือแบบมัดหวายและ แบบก้นหอยไว้ช่ือเขาได้นั้นมา
ตง้ั เปน็ ชื่อของชั้นผิวหนังที่ เรียกวา่ “ Malpighi layer “
ปี ค.ศ. 1823 เพอคินเจ (John Veangelist Purkinje) เขียนหนังสืออธิบายแบบแผน ลายนิ้วมือพ้ืนฐาน
9 แบบตามรปู ร่างและลักษณะลายเสน้ การจำแนกนี้แสดงให้เหน็ ว่า ลายนิ้วมอื มี แนวโนม้ ของการไหลหรือการว่ิง
5
ของลายนิว้ มือท่ีเหมอื นกันสิ่งที่ พบนน้ี ำมาสู่การจัดระบบจัดการ แฟ้มลายนวิ้ มือในเวลาตอ่ มาซึ่งเขากย็ ังไม่ได้นำมา
ใชเค้ รื่องมือในการระบุเอกลกัษณ์บุคคล
ปี ค.ศ. 1858 เซอร์ วิลเลียม เฮอร์เซล ( Sir William Herschel ) ได้นำคุณสมบัติพิเศษ ของลายพิมพ์
นิ้มมือมาใช้โดยมีการกดลายพิมพ์นิ้วมือประกอบในเอกสารการเงินในโฉนดที่ดิน เป็นต้น เมื่อมีข้อกฏหมายข้ึน
ยอมรับคำให้การของผูเ้ช่ียวชาญในการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือประกอบคดีได้ นับว่าท่านผู้น้ีเป็นบุคคลแรกท่ีนำ
ลายนิว้ มอื มาใช้ประโยชนใ์ นทางปฏิบัตอิ ย่างแทจ้ ริงจนท่ัว โลก
ปี ค.ศ.1880 ดร. เฮนร่ี ฟวาด์ (Dr. Henry Faulde) ได้พสิ ูจน์ยนื ยนั ตัวบุคคลผกู้ ระทำผดิ ด้วยลายนิว้ มือท่ี
ได้จากสถานที่เกิดเหตุและยืนยันว่าแม่ศพท่ีถูกตัดเป็นส่วนๆ หลักฐานหากได้ ลายนิ้วมือน้ีจะเป็นพยานหลกัฐาน
พิสูจน์ตัวบุคคลไดแ้ น่นอนกว่า ตำหนริ ปู พรรณอ่ืนๆได้แนะนำการ พิมพ์ลายนิ้วมอื ทั้ง 10 น้วิ มาใช้ซ่ึงเปน็ ประโยชน์
อยา่ งใหญ่หลวงตอ่ ความกว้าหนา้
ปี ค.ศ. 1882อัลโฟนเซ เอบร์ติลลอน ( Alphose Bertillon) ได้คิดค้นระบบการจำแนก อันเป็นที่รู้จักใน
สาขาวัดรยางค์ของมนุษย์( Antropomerty) ที่ เรียกวา่ ระบบเบอร์ติลลอน ( Bertillon system ) ประกอบด้วย
การวัดสว่ นของร่างกาย อาทคิ วามยาวของศรี ษะความกวา้ งของศรี ษะความ ยาวของน้ิวกลางความยาวของเท้าซ้าย
และความยาวของแขนจากศอกจนสุดปลายนว้ิ กลาง
ในปี 1888 เบอร์ติลลอน ได้ใช้การวัดรยางค์ของมนุษย์ เข้ามาเป็นวิธีการหลักในการ ระบุตัวบุคคล โดย
การวัดสัดส่วนต่างๆ ของร่างกาย ( Bertillon Signalment ) นี้จะวัดและบันทึก สัดส่วนของร่างกายทั้งหมด 11
ส่วน นำมาใชท้ ดแทนวธิ ีการทท่ี ารุณดว้ ยการสกั และตีตรา เมื่อ ความกา้ วหน้าและความเขา้ ใจด้านลายพิมพ์น้ิวมือ
มากขน้ึ จึงได้นำ มาใชร้ ะบุตัวบุคคลทดแทน วธิีการดงกั ล่าวน้ี
ปี ค.ศ. 1892 เซอร์ ฟรานซิส กาลตัน ( Sir Francis Galton ) ได้ตีพิมพ์บทความวิชาการ เป็นคร้ังแรก
เกี่ยวกับระบบแบบแผนลายนิ้วมือท่ีสามารถระบุบุคคลได้ด้วยลักษณะพิเศษของลายเส้น บนลายนิ้วมือท่ี เป็น
เอกลักษณ์เฉพาะบุคคลท่ี เรียกว่า จุดสำคัญ(Minutiae point )ของบุคคลนั้น ท่าน ได้ส่งเสริมกฎการตรวจพสิ ูจน์
ลายน้วิ มือ2ขอ้ ทม่ี คี วามสำคัญมากคอื
1. ไม่มลี ายนว้ิ มือ2ลายนิ้วมือที่ซำ้ กันธรรมชาติไมส่ รา้ งสิง่ ทีซ่ ้ำกันอยา่ งสมบูรณ์
2. ลายนิว้ มือมนุษย์ไม่มเี ปลีย่ นแปลงคือแบบโค้งมัดหวายและก้นหอยจะเป็น
ปี ค.ศ. 1897 เซอร์เอ็ดเวอร์ด ริชาร์ท เอนรี่ ( Sir Edward Richard Henry ) ได้แต่งหนังสือเรื่อง
“การแยกประเภทลายพิมพ์น้ิวมอื และการใช้ประโยชน์ ( Classification and Uses of Fingerprints )
ปี ค.ศ. 1915 ผู้ตรวจการณ์ Herry Caldwell ได้ส่งหนังสือเชิญผู้ตรวจพิสูจน์อาชญากรรม (CriminL
Identifiaction Operators) เพ่ือก่อตั้งองค์การของผู้เชี่ยวชาญการตรวจและก่อตั้ง International Association
for Criminal Identifaction ขึ้นในปีค.ศ. 1918 ได้เปล่ียนชอ่ื เปน็ International Association for Identifaction
(IAI) นอกจากนี้ยังมีระบบอื่นๆ อีก 5% ประมาณ 50 ระบบท่ีใช้อยูใ่ นประเทศตา่ งๆ เกิดจาก การดัดแปลง ระบบ
6
เฮนร่ีระบบวูเซตสิ เพื่อท่จี ะให้เกดิ ความสะดวกและงา่ ยทส่ี ุดแก่การ ปฏิบัติตามทรรศนะของแตล่ ะหน้าทา่ นท่ีคิดค้น
ได้แล้วตง้ั ชอื่ ใหม่ตามผูด้ ัดแปลง
1.2 ความหมายของลายนว้ิ มอื
ลายนิ้วมือ (Fingerprint) คือ ลายเส้นนูนที่ปรากฏอยู่บนผิวหนังด้านหน้าของนิ้วมือ ซึ่งจะ
แตกตา่ งกนั ในแต่ละบุคคล ถึงแมจ้ ะเป็นแฝดทเี่ กิดจากไข่ฟองเดียวกนั ก็ตาม และ จะไม่เปล่ยี นแปลงเลยตลอดชีวิต
1.3 เสน้ ลายนิ้วมือ ลักษณะท่ที ำให้ปรากฏเป็นลายนิว้ มือ
เส้นลายน้ิวมอื ลักษณะท่ีทำใหป้ รากฏเป็นลายน้ิวมือ ประกอบด้วยเส้นลายนว้ิ มอื 2 ชนดิ คอื
1. เส้นนูน หรือสันลายนิ้วมือ (ridge) คือ รอยนูนที่ยกสูงกว่าพื้นผิวหนา้ นิ้วมือที่มี ลักษณะเป็น
เส้นนนู โคง้ และยาวตามรูปแบบลายน้ิวมอื เส้นนนู นเ้ี ม่อื ประทับลายน้วิ มอื จะตดิ หมกึ พมิ พ์
2. ร่องลายนว้ิ มอื (furrow) คอื รอยลกึ ทอ่ี ย่ตู ำ่ กว่าระดบั ของเส้นนูน และสลบั ระหว่าง เส้นนูนซ่ึง
จะมองเห็นเปน็ รอ่ งสขี าว เมื่อประทับลายนิ้วมือ รอ่ งน้ีจะไม่ติดหมึกพมิ พ์
1.4 องค์ประกอบลายน้วิ มือที่ใชช้ ้บี ง่ เอกลกั ษณบ์ คุ คล
ลักษณะทวั่ ไป คือ ลกั ษณะทส่ี ายตาท่วั ไปสามารถมองเห็น และวเิ คราะห์ได้แบบผิวเผนิ ได้แก่
– รูปแบบลายนวิ้ มอื
– พน้ื ท่ีทงั้ หมดลายน้วิ มือ
– จดุ ใจกลาง
– จดุ สนั ดอนหรอื สามเหลยี่ มเดลตา้
– ชนิดของเส้น
– จำนวนเส้นลายนิ้วมือ
7
1.5 ลกั ษณะเฉพาะที่
ลักษณะเฉพาะที่คือ โครงสร้างของเส้นลายนิ้วมือที่สามารถจำแนกได้หลายลักษณะ แตกต่างกันบน
ลายน้วิ มือ ไดแ้ ก่
– เส้นแตก หรือ เส้นส้อม (bifurcation) คือ เส้นลายนิ้วมือที่มีปลายด้านหนึ่งแยก หรือ
แตกออกเปน็ 2 เส้น หรอื มากกว่า หรือหากมองจากอีกด้านหนง่ึ จะมีเส้น 2 เสน้ หรอื มากกวา่ มารวมกันกลายเป็น
เสน้ เดยี ว
– เสน้ ส้ันๆ (short ridge) คอื เส้นลายนว้ิ มอื ทม่ี ขี นาดเส้นส้นั กว่าเสน้ ลายนว้ิ มอื ทว่ั ไป แตจ่ ะไม่สั้น
มากจนกลายเป็นจดุ
– จุด (dot) คือ ลายเส้นนิ้วมือที่สั้นมากจนแลดเู ปน็ จดุ หรอื ขดี เลก็ ๆ – เส้นขาด (ending ridge)
คือ เสน้ ลายนิ้วมือทเี่ ปน็ เส้นเดียวในแนวเดียวกบั เส้นอ่นื ซ่ึงจะมชี ่องว่างเป็นรอยขาดออกจากกนั จากเส้นอน่ื
– เส้นทะเลสาบ (island) คือ เส้นลายนว้ิ มือท่มี ปี ลายแยกออกเป็น 2 เสน้ แล้ววก กลบั มารวมกนั
กลายเปน็ เส้นเดยี ว ซง่ึ จะมีลักษณะโค้งออกหลงั การแยก และโค้งเข้า เมื่อใกล้จุดบรรจบ ทำให้เกิดเปน็ พืน้ ท่ีวา่ งตรง
กลางคลา้ ยกบั แอง่ น้ำหรอื ทะเลสาบ
– เส้นตะขอ คือ เส้นลายนิ้วมือที่ปลายเส้นแยกออกเป็น 2 เส้น แต่ละเส้นแยกโค้ง ออกจากกนั
และแตล่ ะเสน้ มีความยาวไม่เท่ากนั ทำใหม้ ีลักษณะเปน็ ตะขอ
– เส้นอื่นๆ คือ เส้นลายนิ้วมือที่แตกตา่ งกับเส้นลายน้ิวมือทีก่ ล่าวมาข้างต้น เส้นเดียว ที่มีปลาย
แยกออกเปน็ 3 เสน้ เรียกวา่ “trifurcation” เปน็ ตน้
1.6 จำนวนเส้นลายนิว้ มือ และการนบั
1. จำนวนเส้นลายนิ้วมือ คือ จำนวนเส้นลายนิ้วมือที่อยู่ระหว่างจุดใจกลางกับจุดสันดอนของ
ลายน้วิ มือแบบมัดหวายหรอื ก้นหอย
2. การนบั จำนวนเส้นลายนิว้ มอื คือ การนบั เส้นลายนิ้วมือทุกเส้นทีส่ ัมผสั เส้นจำลองที่ลากจากจุด
ใจกลางถึงจุดสนั ดอน ดังน้ัน แบบลายน้วิ มอื ที่มีจดุ สันดอนมากกวา่ 1 จดุ จะมคี า่ จำนวนเส้นลายนิ้วมือสองค่า และ
แบบลายนวิ้ มือโค้งจะจำนวนเส้นลายน้ิวมอื เป็นศนู ย์เนอื่ งจากไมม่ ีจดุ สนั ดอน
1.7 ความหนาแน่นของเสน้ ลายนิว้ และการนบั
1. ความหนาแน่นของเส้นลายนิ้วมือ คือ จำนวนเส้นที่สัมผสั เส้นทแยงมุมของสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มี
พื้นท่ี 25 ตารางมิลลิเมตร ท่วี างเหนอื จุดศนู ยก์ ลางของลายน้วิ มอื
2. การนับค่าเฉลีย่ ความหนาแนน่ ของจำนวนเสน้ ลายนิว้ มอื คือ การนับจำนวนเสน้ ทกุ เส้นท่สี ัมผัส
เสน้ ทแยงมุมภายในสเ่ี หลี่ยมจัตรุ ัสทก่ี ำหนด 5 x 5 มิลลเิ มตร ท่วี างเหนอื จดุ ศนู ย์กลางของลายนวิ้ มือ เส้นท่ีสัมผัส
เสน้ ทแยงมมุ ใหน้ ับเปน็ 1 เสน้ ยกเว้นเสน้ จดุ ไม่นับ
8
1.8 รปู แบบของลายนวิ้ มอื
1. แบบเสน้ โคง้ (Arch) แบ่งออกเป็น 2 ชนดิ ย่อย ดังนี้
– แบบโค้งราบ (Plain Arch) ตัวเสน้ ลายน้ิวมอื จะว่งิ หรือไหลออกไปข้างหน่ึง โดยจะ ไม่
เกดิ มมุ แหลม หรอื พงุ่ ขึ้นตรงกลาง
– แบบโค้งกระโจม (Tented Arch) ตัวเส้นลายน้ิวมือตรงกลางจะมีลักษณะเปน็ เส้นพุ่ง
ขึ้นจากแนวนอนเป็นมุมแหลมหรอื มุมฉาก
2. แบบมัดหวาย (Loop) ลายน้วิ มอื แบบมัดหวาย เป็นรปู แบบลายนิว้ มือที่พบมากท่ีสดุ ในทุกเชื้อ
ชาติคอื ประมาณ 65% ของลายนิว้ มือท้งั หมด แบ่งออกเปน็ 3 ชนดิ ยอ่ ย ดังนี้
– แบบมัดหวายปัดขวา (Right Loop) ลายนิ้วมือจะมีจุดสันดอนเพียงจุดเดียว และ
มเี สน้ วกหลกั ที่สมบูรณ์อยา่ งนอ้ ย 1 เส้น โดยมที ิศทางไปทางขวา
– แบบมดั หวายปัดซ้าย (Left Loop) ลายนิ้วมอื จะมีจุดสันดอนเพยี งจุดเดยี ว และมีเส้น
วกหลกั ท่ีสมบรู ณอ์ ย่างน้อย 1 เสน้ โดยมีทิศทางไปทางซ้าย
9
– แบบมัดหวายคู่ (Twin Loop หรือ Double Loop) ลายนิว้ มือจะมลี ักษณะคล้ายกับ
ลายนิ้วมือแบบมัดหวายทั้งสองชนิดที่ได้กล่าวมาในข้างต้น แต่จะมากอดกันจน ทำให้เกิดสันดอน 2 จุด
โดยมดั หวายแตล่ ะอนั ไมจ่ ำเป็นต้องมีขนาดเท่ากัน
3. แบบก้นหอย (Whorl) ลายนิ้วมือแบบก้นหอย สามารถพบได้ประมาณ 30 % จากลายนิ้วมือ
ทั้งหมด ซ่ึงสามารถสังเกตไดโ้ ดยจะมีเส้นลายน้ิวมืออย่างน้อย 1 เสน้ ทเ่ี ป็นเสน้ เวียนรอบเปน็ วง คล้ายกับก้นหอย
แบง่ ได้เปน็ 3 ชนิดย่อย คอื
– แบบก้นหอยธรรมดา (Plain Whorl) เป็นรูปแบบเส้นลายนิ้วมือที่มีการไหลของเส้น
เวียนรอบเปน็ วงจร อาจวนคลา้ ยนาฬิกา หรอื วงกลม
– แบบก้นหอยกระเป๋ากลาง (Central Pocket) เป็นรูปแบบเส้นลายนิ้วมือที่มีการไหล
ของเส้นคล้ายแบบก้นหอยธรรมดา ต่างกันตรงที่หากลากเส้นสมมติเชื่อมระหว่าง สันดอนทั้งสองจุดจะพบว่า
ไมส่ มั ผสั เส้นวงจรท่อี ยู่ดา้ นในของวง หรอื มสี ว่ นปดั ของวง อยู่ในแนวตรงกลางนิว้ มอื
– แบบก้นหอยกระเป๋าข้าง (lateral Pocket) เป็นรูปแบบเส้นลายนิ้วมือที่มีการไหล
คล้ายแบบก้นหอยธรรมดา แต่มีส่วนปัดของวงหันไปทางด้านซา้ ยหรือด้านขวาของนิ้วมอื
10
4. แบบซับซ้อน (Accidental Whorl) ลายนว้ิ มือแบบซับซ้อน เป็นลายนว้ิ มอื ท่ีมรี ปู แบบลักษณะ
พิเศษ ท่ีไมใ่ ช่ลายนว้ิ มอื ทงั้ 3 แบบทีก่ ลา่ วมา หรืออาจจะเป็นลายน้วิ มือ 2 แบบ มารวมกัน หรืออาจเปน็ 3 แบบ
มารวมกนั ซ่งึ ลกั ษณะโดยทั่วไปจะมีรปู แบบท่ไี ม่แนน่ อน
1.9 จดุ สำคญั บนเสน้ ลายนิ้วมอื
จดุ สำคัญบนเส้นลายนวิ้ มือ (Minutiae) ในลายนิว้ มอื หน่งึ ๆ จะประกอบไปด้วยจดุ สำคัญบนเส้น
ลายนิ้วมือมากมาย และลาย นิว้ มอื แตล่ ะอันที่มาจากตา่ งบคุ คลหรอื มาจากต่างน้วิ มือกจ็ ะมจี ดุ สำคัญบนเส้นลายน้ิว
มือที่แตกตา่ งกนั ไป โดยเอกลักษณห์ รอื ความแตกต่างจะพจิ ารณาจากจุดสำคญั บนเส้น ลายน้ิวมือเปน็ สำคญั ไดแ้ ก่
1. Ridge ending (Termination) เปน็ ลกั ษณะทเ่ี ส้นลายน้ิวมอื สิ้นสุดโดยทันทที นั ใด
2. Bifurcation เป็นลักษณะที่เส้นลายนิ้วมือเดินทางมาจาก 1 เส้น แล้วแตกแยกออก
เป็น 2 เสน้ หรือมากกวา่ 2 เส้น
3. Enclosure (Lake) เป็นลกั ษณะที่เส้นลายนิว้ มอื เดินทางมาจาก 1 เส้น แล้วแยกออก
และมารวมกันอกี ครง้ั จนเกิดเป็นพื้นทป่ี ิด
4. Independent ridge เป็นลักษณะที่เส้นลายนิ้วมืออยู่อย่างอิสระไม่เชื่อมต่อกับเสน้
อื่น มีลกั ษณะคอ่ นข้างสั้น แตไ่ มส่ ัน้ จนถอื ว่าเปน็ Ridge dot
5. Ridge dot (Point or island) เป็นลักษณะที่เส้นลายนิ้วมือสั้นมากจนสามารถ
เปรยี บเทียบได้ว่าเป็นจุด
6. Spur เป็นลักษณะที่เส้นลายนิ้วมือ 1 เส้น มีเส้นลายนิ้วมืออีกเส้นแยกออกมาเพียง
เลก็ นอ้ ย คล้ายกบั ลักษณะเดอื ยไก่
7. Crossover เป็นลักษณะที่เส้นลายนิ้วมือ 2 เส้นซึ่งวิ่งมาคู่กันมีเส้นลายนิ้วมือเล็กๆ
แยกออกมาเชอื่ มท้งั สองเส้นเข้าด้วยกัน
11
1.10 วิธกี ารตรวจเก็บลายน้วิ มอื
วิธีการตรวจเก็บรอยลายนิ้วมือในสถานทีเกิดเหตุแตกต่างไปตามเงื่อนไขของการประทับนิ้วมือ
เนื่องจากรอยลายนิ้วมือในสถานที่เกิดเหตุเป็นรอยท่ีประทับโดยไม่ตังใจ และเสียหายได้ง่าย จึงจำเป็นที่จะต้อง
สงั เกตเงอื่ นไขของการประทับอย่างละเอยี ดก่อนท่ีตรวจเกบ็ และตรวจเก็บทันโดยวธิ กี ารทีเ่ หมาะสม
ลายนิ้วมือในสถานที่เกิดเหตุ พบได้ 2 ลกั ษณะคือ
- ลายน้ิวมือที่มองเหน็ ด้วยตาเปลา่ ลายน้วิ มือท่ีเปอื้ นฝ่นุ เลอื ด นำ้ มนั หรือไข ลายน้วิ มือ
ลักษณะนี้มองเห็นทั้งส่วนกว้างและส่วนยาว เช่น ลายนิ้วมือท่ีมีเลือด หรือสารอื่นๆ ติดอยู่ไปสัมผัสกับวัตถุ
ส่วนลายนิ้วมือที่นิ่มและไม่ยืดหยุ่น (Plastic Print)ลายนิ้วมือลักษณะน้ีมองเห็นท้ังส่วนกว้าง ยาวและลึก เช่น
ลายนวิ้ มอื ท่ีกดบนดินน้ำมนั บนเทียนไข หรือปนู กึ่งแห้ง
- ลายนิ้วมือท่ีมองไม่เห็น เป็นลายน้ิวมอื ท่ีมองเห็นด้วยยตาเปล่าได้ยากหรือ มองไม่เหน็
เลยต้องใช้แสงช่วย หรือการใช้สารเคมีบางชนิดทำให้ปรากฏชดัเจนข้ึนไดแ้ก่ลายนิ้วมือบน วัตถุผิวเรียบ เช่น
กระจก กระดาษ ผ้า ไม้ เปน็ ต้น
1.11 การเปลย่ี นแปลงของรอยลายนิ้วมือ
- การเปลย่ี นแปลงโดยธรรมชาติขึ้นอยกู่ ับสภาพหรอื พืน้ ผวิ วตั ถทุ ร่ี อยลายน้ิวมือประทับ
อยู่ และสภาพเงอ่ื นไขของผู้ประทบั รอยลายน้ิวมือ เชน่ ปรมิ าณ คุณภาพเหงอื่ เงื่อนไขการประทบั เช่น แรงท่ีใช้กด
ระยะเวลาทใ่ี ช้กด สภาพอากาศหรอื เง่ือนไขส่ิงแวดลอ้ มอน่ื ๆ เช่น อุณหภมู ิ ความชน้ื ลม ฝน นำ้ ฝนุ่
- การเปลี่ยนแปลงโดยมนุษย์ ลายนิ้วมือในสถานที่เกิดเหตุทำให้เสียหายได้ง่ายโดย
การขัดถูหรือสัมผัสอื่น ๆ ภายนอก ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยกับวัตถุที่มองไม่เห็น บนวัตถุผิวไม่ดูดซับและเรียน เช่น แก้ว
กระเบ้อื ง
1.12 การตรวจเกบ็ ลายนิ้วมอื
สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยูก่ ับพื้นผิวที่แตกต่างกันไป เช่น พื้นผิวรูพรนุ พื้นผิวไม่มีรูพรุน และ
พน้ื ผิวกึ่งรูพรนุ ซง่ึ การตรวจเก็บลายนว้ิ มือสามารถทำไดห้ ลายวิธี ดงั น้ี
1. วิธีการปัดผงฝุ่น เป็นวิธีพื้นฐานเพื่อให้ได้ลายนิ้วมือแฝงที่มีสีท่ีแตกต่างจากวัตถุในการปัดผง
ฝุ่นลงในลายน้ิวมือแฝงผงฝ่นุ จะตดิ ความชื้นและไขมนขั องสารที่ขับถ่ายออกมาทางนิว้ มือและใช้เทปลอกข้ึนมาติด
กระดาษท่ีรองรับ หรอื โดยการถ่ายภาพ วิธกี ารปัดผงฝุ่นเป็นวธิ ีท่ีได้ผลในการตรวจเก็บลายน้ิวมือท่ี มองไม่เห็นบน
กระจกผิวเรียบ บนแก้ว กระเบ้ือง โลหะ วตัถุ ทาสี พลาสติกเป็น ผงฝ่นุ แต่ละชนิดมีคุณสมบติท่ีแตกต่างคือ
สีการยดึ ตดิ ขนาดของเม็ดฝนุ่ ความสารถในการเลือกติดผิววตั ถุ ดังน้ันจงึ จำเปน็ ต้องเลือกใช้ใหเ้ หมาะสม
2. วธิ ใี ชน้ ้ำยาเคมี วิธนี ใ้ี ช้การตรวจหาลายนิ้วมือแฝงบนวตั ถทุ ี่มผี ิวดูดซมึ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ
และลายนิ้วมือที่มองเห้น เช่น ลายนิ้วมือเปลื้อนเลือด หลักการคือองค์ประกอบในสารเคมีทำปฏิริยากับ
สารประกอบ ท่ีขับออกมาทางน้วิ มือทำให้เกดิ การเปล่ียนสี
12
3. Superglue เป็นวิธีที่เกิดเป็นไอหรือก๊าซดว้ยความร้อนไอของสารเคมีจะไปจับ หรือไปทำ
ปฏิกิริยากบั สารที่ขับออกมาจากทางรอยลายนิ้วมือ ทำให้เกิดรอยลายนิ้วมือขึ้นเป็นสีขาว วิธิีนี้เหมาะกับวัตถุ
เคร่ืองหนงั กระดาษ แกว้ ผา้ โลหะต่างๆ เป็นต้น
4. วิธีลอกลายนิ้วมือเป็นการลอกลายนิ้วมือโดยตรงด้วยเทปลอกหลังการปัดฝุ่น หรือการใช้
สารเคมแี ละบนั ทึกภาพถ่ายแล้ว
5. วิธีการถ่ายภาพ เป็นการตรวจเก็บลายนิ้วมือโดยการบันทึกกภาพถ่าย ภายใต้ แสงปกติหรือ
แสงเฉยี ง
6. วิธีใช้แสงโดยการใช้แสงเลเซอร์ (Laser)และแสงโพลีไลท์(polylith) ในการ ตรวจหารอย
ลายน้วิ มือแฝงเป็นกรรมวธิ ีท่นี ักวิทยาศาสตร์ไดว้ จิ ยั พัฒนาจนมีประสิทธภิ าพ
7. วิธหี ล่อร่องรอย เช่นการหลอ่ รอยด้วยปนู ปลาสเตอรใ์ ช้หล่อร่องรอยท่ีติดอยู่ บนวัตถุท่ีมีพ้ืนผิว
ทม่ี คี วามเหนยี ว ทำใหป้ รากฏรอ่ งรอยเปน็ ลกษั ณะ 3 มิติ
1.13 หลักการในการพิสจู น์ลายน้ิวมอื
หลักการทั่วไปการตรวจเปรียบเทียบลายนิ้ว 2 รอยจะตอ้งมีรูปแบบเหมือนกัน มี จำนวนจุด
ลกั ษณะสำคัญพิเศษ (minutia)ทีม่ ากพอสามรถเข้ากนั ได้คอื ลกั ษณะสำคญั พิเศษของ ลายเส้นต้องเป็นชนิดและ
ตำแหนง่ ชนิดเดยี วกัน และมคี วามสำคัญต่างกันและกัน นอกจากน้ันตอ้ ง ไมม่ ีส่วนไหนท่ีแตกตา่ งจึงจะลงความเห็น
ว่าเปน็ ลายนิว้ มอื ของบุคคลคนเดยี วกัน
ในปัจจุบัน ประเทศไทยลงความเห็นการตรวจพิสูจน์ว่ารอยลายนิ้วมือ2 รอยน้ีเป็น ลายนิ้วมือ
เดยี วกันต้องมีจุดลกั ษณะพเิ ศษของลายเสน้ อย่างนอย้ 10จุด เพอ่ื ลงความเห็น ซึง่ ในและ ประเทศจะกำหนดจำนวน
จุดลักษณะสำคัญที่พิเศษแตกต่างกัน ปีค.ศ.1793 หน่วยงาน International Association for Identification
ใช้เวลา 3 ปใี นการศึกษาว่าจำนวนจดุ ลักษณะสำคญั พิเศษที่ใชใ้ นการ ตรวจเปรียบเทยี บทน่ี อ้ ยท่ีสดุ ควรเป็นเท่าใด
พบว่ามส่ ามรถกำหนดค่าตำ่ สุดดังกล่าวได้
การที่แต่ละประเทศต่างมีมาตรฐานในการกำหนดจำนวนจุดลักษณ์สำคัญพิเศษ สำหรับในการ
ตรวจพสิ ูจนเ์ พ่ือยนื ยนั ตวับคุ คลที่แตกตา่ งกันจงึ ได้ทำการสำรวจหาความสัมพันธ์ของจำนวนจดุ ลักษณะสำคัญพิเศษ
กับนว้ิ มอื รปู แบบ และมือ ผลการวิเคราะห์ทางสถิติแสดงให้ เหน็ วา่ แตล่ ะคน รูปแบบ และปจั จยขั องนิ้วมือ เป็น
ตัวกำหนดจดุ ลกั ษณะสำคัญพเิ ศษ จงึ นา่ จะ เป็นไปได้ว่าจำนวนของจุดลักษณะสำคญั พเิ ศษจำเป็นสำหรับการตรวจ
พิสูจน์เพื่อยืนยันตัวบุคคล ทั้งน้ึข้นึ อยู่กบั ระดบั ท่มี ากหรอื นอ้ ยบนน้วิ มอื รปู แบบ เพศและกลุ่มประชากรในแต่ละที่
การใช้ผงฝุ่นในการตรวจลายน้ิว มือแฝง ผงฝุ่นที่มีการใช้งานด้านนิติวิทยาศาสตร์มีด้วยกัน
หลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติคือ สีการยึดติด ขนาดของเม็ดฝุ่น การฟุ้งกระจาย ความสารถในการติดบน
พ้ืนผิววตถั แุ ต่ละชนดิ แตกตา่ งกัน ควรเลอื กผงฝนุ่ ที่เหมาะสมกบั ชนิดของพื้นผวิ วัตถขุ องกลางและบางครั้งอาจผสม
13
ผงฝุ่น 2 ชนิด หรือมากกว่า ซ่ึงเรียกว่า ผงฝุ่นผสม โดยการผสมผงฝุ่นสามารถปรับสีและการยึดติด ได้ชนิดและ
สัดส่วนในการผสมน้ันจะขน้ึ กบั สภาพอากาศความชื้น เป็นต้น
1.14 ชนดิ ของผงฝุ่น
ผงฝุ่นอาจจำแนกไดเ้ ปน็ 3 ชนิด ดงั นี้
1. ผงฝุ่นธรรมดา ( Regular Fingerprint Powder)ประกอบด้วย2 ส่วน คือเรซ่ิน
โพลีเมอร์ สำหรับการยดึ ตดิ และสสี ำหรับความคมชัด นอกจากน้ียงั มคี วามแตกตา่ งของสแี ละโลหะที่เปน็ สว่ นผสม
ในผงฝุ่น
2. ผงฝุ่นแม่เหล็ก (Magnetic Fingerprint Powder) เป็นผงฝุ่นท่ีมีส่วนผสมของเหล็ก
เน้ือละเอียด ซึ่งต้องชักับแปรงแม่เหล็กใช้ในการหารอยลายนิ้วมือแฝงจากพ้ืนผิวต่างๆ เช่น หนัง พลาสติก ผนัง
และผิวหนังมนุษย์
3. ผงฝุ่นเรืองแสง (Luminescent Fingerprint powder) ผงฝุ่นชนิดนีบ้ รรจุด้วย
สารประกอบธรรมชาติหรอื สารสังเคราะห์อยา่ งเชน่ ฟลูออเรเซนต์หรือฟอสฟอเรเซนต์ขึ้นอยู่กบั ช่วงการมองเห็น
ของแสงอัลตร้าไวโอเลต (UV)แสงเลเซอร์และแหล่งแสงอื่นๆ ผงฝุ่นชนิดนี้เป็น ประโยชน์สำหรับรอยลายนิ้วมือ
ที่ มองเหน็ ได้ดว้ ยตาเปลา่ ท่ีประทับอยูบ่ นพื้นผิวทหี่ ลากสี
1.15 ปจั จัยในการเลอื กใชผ้ งฝุ่น มีดงั นี้
1. พื้นผิวควรเหมาะสมกับผงฝุ่นและไมด่ งึ ดูดลายนวิ้ มือ
2. สขี องพื้นผิวลายพิมพ์มือมอื ควรเลือกใหแ้ ตกตา่ งมากท่ีสุดกับพน้ื ผวิ ทมี่ ีลายนิว้ มือแฝง เกาะอยู่
3. ผงตอ้ งมกี ารยดึ เกาะดี
4. ขนาดอนุภาคของผงความละเอียดเพียงพอจะได้ผลดี รปู แบบชัดเจน
โดยมรี ายละเอยี ด ดังน้ี
1. พ้ืนผวิ ควรเหมาะสมกับผงฝุ่นและไมด่ ึงดดู ลายนว้ิ มอื
พื้นผิว (Texture) เป็นการแสดงลักษณะพ้ืนผิวของรูปร่าง หรือรูปทรงต่างๆ ท้ังที่มีอยู่ ใน
ธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้น ซ่ึงผิวนอกของสิ่งต่างๆที่มีลักษณะต่างๆกัน ท้ังที่มีลักษณะผิวหยาบ ผิวขรุขระ
ผิวดา้ นผิวละเอียด และผวิ มนั
14
ลักษณะท่สี ัมผัสได้ของพ้ืนผิว มี 2 ประเภท คอื
1. พื้นผิวที่สัมผัสได้ด้วยมือ (Tactile Texture) หรือกายสัมผัส เป็นลักษณะพ้ืนผิวท่ี
เป็นอยู่จริง ๆของผิวหน้าของวัสดุนั้นๆ ซ่ึงงสามารถสัมผัสได้จากงานประติมากรรม
งานสถาปตั กรรมและสิ่งประดิษฐอ์ ืน่ ๆ
ภาพ พื้นผวิ หยาบ แบบต่างๆ
(ที่มา:https://pxhere.com/th/photo/363965)
2. พื้นผิวที่สัมผัสได้ด้วยสายตา (Visual Texture) พบในลักษณะงาน 2 มิติ ที่รู้สึกได้
จากการมองเห็นด้วยตา อันเปน็ ผลมาจากการสะท้อนของแสงการดูดซึมแสงของผิวพื้นนั้น ความ
แตกต่างของผิวสมั ผัส ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าจะสมั ผัสไดด้ ้วยมือ ซงึ่ เม่ือสมั ผัสแล้วกลับไม่มีความ
แตกต่างตามทีเ่ ห็นจากการมองเห็นแต่ไมใ่ ช่ลักษณะที่แท้จริงของผิววัสดนุ ั้นๆ เช่น การวาดภาพ
ก้อนหินบนกระดาษ จะให้ความรู้สึกเป็นก้อนหินแต่มอื สัมผัสเปน็ กระดาษ หรือใช้กระดาษพิมพ์
ลายไม้ หรอื ลายหินออ่ น เพือ่ ปะทบั พน้ื ผิวเรยี บ แบบต่างๆ
(ท่ีมา :http://tomats.lnwshop.com/product/15/%E0%B8%)
15
2. สีของพ้ืนผิวลายพิมพ์มือมือควรเลือกให้แตกต่างมากที่สุดกับพื้นผิวที่มีลายนิ้วมือแฝง
เกาะอยู่
แสงขาวหรือแสงที่มองเห็นได้ที่จริงแล้วยังประกอบด้วยแสงสีที่รวมกันเรียกว่า สเปกตรัม
(spectrum) ประกอบด้วยเจ็ดสีได้แก่ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง โดยสีม่วงจะมีพลังงานมากสุด
(ความยาวคลื่นส้ัน) และพลงั งานจะลดลงเร่อื ยๆตามลำดับ จนกระท่งั สีแดงท่มี ีพลังงานต่ำสดุ (ความยาวคล่ืนยาว)
ปรากฎการณ์การเกิดสเปกตรัมของแสงขาวเชน่ ถ้าเราเอาปริซึมไปวางให้แสงส่องผ่าน เมื่อแสง
เดินทางผ่านตัวกลางที่มดี ัชนีหักเหแตกต่างกันความยาวคลื่นที่ตา่ งกันจะหักเหด้วยมุมที่ไมเ่ ท่ากนั เราจึงมองเห็น
สีแสง
ขาวแยกสเปกตรัมเป็นสีต่างๆได้เมื่อนำฉากไปรับ ปรากฎการณ์ธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง ได้แก่
การเกดิ รุ้ง ซึง่ เกดิ จากการทแ่ี สงเดนิ ทางผ่านหยดไอนำ้ ในอากาศทำให้เกิดการหกั เหของแสง เกิดเป็นสเปกตรัมของ
แสงขาวข้ึนน่นั เอง
สเปกตรัมของแสงขาว (colors of visible light)
คลนื่ แสงท่ีตาของมนษุ ย์สามารถมองเหน็ ไดอ้ ย่ใู นชว่ งประมาณ
400-800 nm ถา้ นยั นต์ าถูกกระตุ้นดว้ ยแสงตลอดทั้งช่วงความยาวคลื่น (400-800 nm) ผลก็คอื จะมองเห็นแสงนน้ั
เป็นแสงขาว แต่ถ้าคลื่นแสงถูกดูดกลืนแสงไปบางส่วน แสงที่ตามองเห็นจะเป็นสีผสม (complementary) หรือ
สที ีอ่ ยูต่ รงขา้ มของสที ถ่ี กู ดดู กลืนเมือ่ เทยี บตามวงล้อสี
(ทม่ี า:https://www.pngegg.com/th/png-pqkde?fbclid=IwAR2WKXdi_FUYCk5DZV85Ve-
jJBeOwQAa754f9NoBut3nPkl03UgWeREwfHE)
16
ความสมั พันธ์ระหว่างความยาวคลนื่ แสงทถี่ ูกดดู กลนื กับสีของสารท่ีมองเหน็ มปี ระโยชน์สำหรับใช้
ในการทำนายว่าสารประกอบที่มีสีจะดูดกลืนแสงที่มีความยาวคลื่นในช่วงใด ยกตัวอย่างเช่น สารประกอบ
iron(III)thiocyanate หรือFe(SCN)2+ เปน็ สารละลายทีม่ ีสแี ดง อาจทำนายไดว้ ่า Fe(SCN)2+ ดูดกลนื แสงในช่วง
แสงสีน้ำเงิน-เขียว (470-500 nm) ดังนั้นในการวิเคราะห์ปริมาณFe(SCN)2+โดยวิธีทางสเปกโทรสโคปี จึงต้อง
เลอื กใชค้ วามยาวคล่นื ในชว่ ง470-500 nm
ความสัมพนั ธ์ระหว่างความยาวคลนื่ แสงทถี่ กู ดูดกลืนกบั สีของสารทมี่ องเหน็
ความยาวคล่ืน (nm) สที ถี่ กู ดูดกลนื สที มี่ องเห็น
380-420 มว่ ง เขียว-เหลือง
420-440 มว่ ง-ฟ้า เหลอื ง
440-470 น้ำเงนิ สม้
470-500 เขยี ว-น้ำเงนิ แดง
500-550 เขยี ว-เหลอื ง มว่ ง
550-580 เหลอื ง มว่ ง-นำ้ เงนิ
580-620 ส้ม น้ำเงนิ
620-780 แดง เขยี ว-นำ้ เงิน
สแี ละการผสมสี
ในชีวิตประจำวันของเรา เราจะเห็นวัตถุมีสีต่าง ๆ กัน สีของวัตถุมีผลต่อจิตใจมนุษย์ ทำให้เกิด
อารมณ์ความรู้สกึ ต่างๆ กนั เช่น สแี ดงจะกระตนุ้ ใหเ้ กิดการตอบสนองอยา่ งรุนแรง สเี ขยี วทำให้รู้สกึ สงบ สดี ำทำให้
เกิด ความเศร้า หดหู่ เป็นต้น การทำงานตลอดจนความเป็นอยู่ในช่วงต่าง ๆ ของมนุษย์จงึ ควรจะมีความสัมพนั ธ์
กบั สภาพแวดลอ้ มท่ีมีสีต่าง ๆ กนั ตามความเหมาะสมด้วย การท่ีวัตถตุ ่าง ๆ จะมสี ีอย่างไรขึ้นอยกู่ ับคุณสมบัติสอง
ประการ คือ สว่ นประกอบของเนอื้ สารท่ีประกอบกนั เป็นวัตถุน้ัน ๆ และแสงสที ี่มาตกกระทบ โดยท่วั ไปเราจะแบ่ง
ชนิดวัตถตุ ามปริมาณแสงและลักษณะทย่ี อมให้แสงผ่านไดเ้ ป็น 3 แบบ คือ
1. วัตถโุ ปรง่ ใส (Transparent Object) หมายถึง วตั ถทุ ่ยี อมให้แสงผา่ นไปได้เกือบหมด
อย่างเป็นระเบียบ และเราสามารถมองผ่านวัตถุนี้ไปเห็นต้นกำเนิดแสงอีกดา้ นหนึง่ ได้อย่างชดั เจน เช่น กระจกใส
น้ำ เปน็ ต้น
2. วัตถุโปร่งแสง (Translucent Object) หมายถึง วัตถุที่ยอมให้แสงผ่านไปได้อย่างไม่
เปน็ ระเบียบโดยเราไมส่ ามารถมองผ่านวตั ถุไปเหน็ ตน้ กำเนดิ แสงได้ชดั เจน เช่น กระจกฝา้ นำ้ ข่นุ เป็นต้น
3. วัตถุทึบแสง (Opaque Object) หมายถึง วัตถุที่แสงผ่านไปไม่ได้เลย แสงจะถูก
ดูดกลนื หรอื สะทอ้ นกลบั หมด และเราไม่สามารถมองผ่านวัตถชุ นิดนไ้ี ปยงั อกี ด้านหนง่ึ ได้ เชน่ แผ่นโลหะ กระจกเงา
แผ่นไม้ เปน็ ตน้
17
(ทีม่ า : https://pixabay.com ,OpenClipart-Vectors)
เมือ่ แสงสีขาวมาตกกระทบวัตถุ แสงทผี่ ่านวัตถหุ รอื สะท้อนจากวัตถุ อาจมีสตี ่าง ๆ กันได้ ขึ้นอยู่
กับคณุ สมบตั ิในการดูดกลืนแสงของวัตถุ เราเรียกสารท่ีดูดกลนื แสงสีตา่ ง ๆ ในวัตถวุ า่ สารสี (pigment) ถา้ เปน็ วัตถุ
ทบึ แสงสารสเี หลา่ น้จี ะดูดกลนื แสงสีบางสว่ นไวแ้ ล้วสะท้อนแสงสอี นื่ ออกมา เชน่ เราเหน็ วัตถุเป็นสีแดงก็เพราะสาร
สีในวัตถุนั้นดูดกลืนแสงสีอื่นไว้แล้วสะท้อนแสงสีแดงมาเข้าตาเรา ถ้าเป็นวัตถุที่ยอมให้แสงสีบางแสงสีผ่านไปได้
เราเรียกวตั ถุน้นั ว่า แผ่นกรองแสงสี (cooler filter)
แผน่ กรองแสงสมี ปี ระโยชน์อยา่ งยิง่ ในเรอ่ื งการพิมพ์ภาพสีตา่ ง ๆ เพราะแผน่ กรองแสงสจี ะช่วยแยก
สีในการถ่ายภาพเพื่อทำแผ่นฟิล์มแต่ละสี ในการพิมพ์ภาพสีจะมีการพิมพ์ด้วยสีต่าง ๆ ทีละครั้ง เริ่มจากสีเหลือง
กอ่ นแลว้ จงึ พมิ พส์ ีแดง สฟี ้า และสดี ำตามลำดับ ผลจากการพมิ พซ์ อ้ นกันลงไปทำให้เกดิ การผสมของสารสีทำให้เรา
เห็นแสงสตี ามต้องการได้
การผสมสารสี
การท่ีเราเห็นวตั ถุเป็นสีต่าง ๆ เป็นเพราะวัตถุนั้นมีสารสีดดู กลนื แสงสีบางแสงสไี ว้แล้วสะท้อนบาง
แสงสีออกมาทำให้เราเห็นวัตถุตามสีที่สะทอ้ นออกมา การผสมสารนเี้ ราอาจทดลองทำได้โดยใช้สีที่เราใช้ระบายใน
วชิ าวาดเขียนมาทดลองผสมดูในถาดผสมสี
สารสีที่ไม่อาจสร้างขึ้นจากการผสมสารสีอื่น ๆ เรียกว่า สีปฐมภูมิ มี 3 สีคือ สีเหลือง สีแดงม่วง
และสีน้ำเงินเขยี ว สารสีเหลืองจะไม่ดูดกลืนแสงสีเหลืองจะดูดกลืนแสงสีอื่นแล้วสะท้อนแสงสีเหลืองออกมาสารสี
แดงมว่ งก็จะไมด่ ดู กลืนแสงสใี นชว่ งสีแดง สารสีน้ำเงนิ เขียวกจ็ ะไมด่ ูดกลืนแถบสีน้ำเงิน การผสมสปี ฐมภมู ิเหล่านี้จะ
ทำใหเ้ กดิ สตี า่ ง ๆ ขึน้ ดังภาพ
(ท่ีมา : physic512.blogspot.com/2014/10/blog-post_88.html)
18
ถ้าสีปฐมภูมิผสมกันด้วยปริมาณที่เท่า ๆ กัน เราเรียกสารสีที่ไม่สะท้อนแสงนี้ว่า สารสีดำ
สารสีปฐมภูมิเหล่านี้สามารถจะผสมกัน ทำให้เกิดสารสีได้หลายสี ยกเว้นทำให้เกิดสารสีขาว เพราะสารสีขาว
สะท้อนสีทุกสีหรือไม่ดูดกลืนแสงสีเลยย่อมเป็นคณสมบัติเฉพาะตัวของสารชนิดนั้นการผสมสารสีปฐมภูมิทีละคู่
เรียกวา่ การผสมสแี บบลบ (color Substruction) เพราะเปน็ การดูดกลนื แสงสีจะได้สารสีทตุ ิยภูมิ คือสารสีน้ำเงิน
สารสีเขียวและสารสีแดงออกมาการมองเห็นสีของสิ่งของเกิดจากการที่แสงจากแหล่งกำเนิดตกกระทบกับวัตถุ
ก่อนที่จะสะทอ้ นมายังตาของเรา จากนั้นตาและสมองของเราจะทำงานร่วมกนั เพื่อแปลงข้อมูลของแสงที่ได้รับให้
กลายเปน็ สีตา่ ง ๆ ท่ีเรารบั รู้
ไอแซก นิวตัน กล่าวว่า วัตถุที่เราเห็นไม่ได้มีสีอย่างท่ีเราเห็น แต่สีที่เราเห็นคือสีที่ผิววัตถุนั้น
สะทอ้ นออกมาต่างหาก นนั่ แปลว่า แมว้ า่ เราจะเหน็ แอปเปิลเปน็ สีแดง แต่ผิวของแอปเปิลแท้จริงแล้วดูดซับแสงสี
ทั้งหมดเอาไว้แล้วสะทอ้ นออกมาเฉพาะสีแดงต่างหาก ตาเรารับคล่นื แสงช่วงที่เป็นสีแดงซงึ่ สะท้อนออกมาจากผิว
แอปเปิลส่วนคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นช่วงอื่น ๆ ยังคงอยู่ที่ผิวแอปเปิล ดังนั้น สีขาวที่เราเห็นก็เกิดจากการ
สะท้อนแสงทุกช่วงคล่ืนที่สามารถมองเห็นไดจ้ ากผิววตั ถุเข้าตาของเรา ส่วนสีดำของวัตถุเกดิ จากการดูดกลนื แสง
ทุกช่วงคลื่นเอาไว้และไมม่ ีช่วงคลืน่ ใดที่เราเห็นได้ด้วยเซลล์ประสาทรับแสงภายในดวงตา และด้วยเหตุนีเ้ อง การ
จ้องมองวตั ถซุ งึ่ เรามองเห็นเป็นสขี าวจงึ มักทำให้เราแสบตามากกว่าวตั ถุสีดำ ในทางกลับกนั วัตถทุ ี่มีสีดำอย่างเสื้อสี
ดำสามารถเก็บความร้อนได้ดีเพราะดดู ซบั คล่นื แสงไว้มากกว่าเส้อื สขี าว
3. ผงตอ้ งมกี ารยดึ เกาะดี
มุมสมั ผัส
มุมสัมผัสเป็นมุมวัดอัตภาพผ่านของเหลวซึ่งเป็นของเหลว - ไอ อินเตอร์เฟซที่มีคุณสมบัติตรง
ตามที่เป็นของแข็งพื้นผิว มันวัดความสามารถในการเปียกของพื้นผิวที่เป็นของแข็งของของเหลวโดยใช้สมการ
Young ระบบที่กำหนดของของแข็งของเหลวและไอท่ีอณุ หภูมิและความดันทีก่ ำหนดมมี ุมสัมผัสสมดุลที่ไม่ซ้ำกัน
อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติมักพบปรากฏการณ์ไดนามิกของฮิสเทรซี สิ มุมสัมผัสต้ังแตม่ ุมสัมผัสที่ก้าวหน้า (สูงสุด)
ไปจนถึงมุมสัมผัสที่ถอยห่าง (น้อยที่สุด) [1]หน้าสัมผัสสมดุลอยู่ภายในค่าเหล่านั้นและสามารถคำนวณได้จากคา่
เหลา่ นน้ั มุมตดิ ตอ่ สมดลุ สะท้อนให้เห็นถงึ ความแขง็ แกรง่ ของของเหลวเปน็ ของแขง็ และไอโมเลกลุ ปฏิสมั พนั ธ์
มมุ สมั ผัสข้นึ อยู่กบั ตวั กลางเหนอื พ้ืนผวิ อิสระของของเหลวและลกั ษณะของของเหลวและของแข็ง
ที่สัมผัสกัน ไม่ขึ้นกับความเอียงของของแข็งกับพื้นผิวของเหลว มันจะเปลี่ยนไปตามแรงตึงผิวและด้วยเหตุนี้
อุณหภูมิและความบริสทุ ธิ์ของของเหลว
19
4. ขนาดอนภุ าคของผงความละเอียดเพยี งพอจะไดผ้ ลดี
รูปแบบชัดเจนขนาดอนุภาค (particle size) หมายถึง ขนาด (size) ของแต่ละอนุภาค
(particle)การกำหนดขนาดอนุภาค
ขนาดของอนุภาคนิยมกำหนดด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางสมมูล (equivalent diameter)
ของทรงกลม (sphear) ท่มี สี มบตั เิ ทียบ เคยี งกับอนุภาคน้นั
1.16 ผงถ่านชาโคล
มีชื่อภาษาอังกฤษว่า ชาโคล (Chacoal carbon) เป็นถ่านที่มีสมบัติพิเศษที่ได้รับการเพ่ิม
คุณภาพหรือประสิทธิภาพมากขึน้ โดยการใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้มีสมบัติหรืออํ านาจในการดูดซับ
สูง เน่ืองจากมีรูพรุนขนาดเล็กเกิดขนึ้ จํานวนมาก และขนาดรูพรนุ ก็แตกตา่ งกัน ทงั้ นข้ี น้ึ อยกู่ บั กรรมวิธีในการผลิต
และวตั ถปุ ระสงค์ในการใชง้ าน
วตั ถุดิบทใ่ี ชใ้ นการผลติ ถ่านถา่ นชาโคลมีหลายชนิดวัสดุที่ใชเ้ ป็นวัตถุดบิ มักเปน็ พวกอินทรีย์สารซึ่ง
ประกอบด้วยคาร์บอนและไฮโดรเจนเปน็ องคป์ ระกอบ สว่ นใหญม่ ักเป็นพวกเซลลโู ลสทีม่ าจากพืชและต้นไม้ เช่น
ไม้ยางพารา ไมไ้ ผ่ เศษไม้เหลือท้ิง และวสั ดเุ หลือทงิ้ ทางการเกษตรเชน่ แกลบ กะลา มะพร้าว ขเี้ ล่ือย ซงั ข้าวโพด
เปน็ ตน้
การผลิตถ่านชาโคลโดยทั่วๆไป แบ่งเป็น 2 ขั้นตอนคือ ขั้นตอนการเผาวัตถุดิบให้เป็นถ่าน
โดยทั่วไปมักใช้วิธีเผาที่ไม่มีอากาศเพื่อไม่ให้วัตถุดิบกลายเป็นเถ้า ซึ่งอุณหภูมิในการเผาประมาณ
200 – 400 องศาเซลเซยี ส และขัน้ ตอนการ นำถ่านไปเพิ่มคณุ ภาพด้วยเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ ทเ่ี รยี กว่าการ
กระต้นุ (activation) แบ่งได้เป็น 2 วิธคี อื การกระตุ้นทางเคมี และการกระตนุ้ ทางกายภาพ
1. การกระตุ้นทางเคมี เป็นการกระตุ้นด้วยการใช้สารเคมี เช่น แคลเซียมคลอไรด์
สังกะสคี ลอไรด์ กรดฟอสฟอริก เป็นต้น ซึ่งสามารถแทรกซึมได้ทั่วถึง ทํ าให้ส่วนท่ีไม่บริสุทธ์ิละลายหมดไปไดเ้ ร็ว
ขึ้นจากนั้นนําไปเผาในถังที่มีออกซิเจนเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยใช้อุณหภูมิเผาประมาณ 600 - 700 องศา
เซลเซยี ส แตม่ ขี ้อเสียตรงท่ตี อ้ งล้างสารเคมีที่ใช้ในการกระตุ้น ซึง่ ติดมากบั ถ่านชาโคลออกให้หมดไมใ่ ห้เหลือตกค้าง
อย่เู ลย เพอ่ื ความปลอดภัยในการนํ าไปใช้งาน
2. การกระตุ้นทางกายภาพ เป็นการกระตุ้นด้วยการใชแ้ ก๊ส หรือไอนํ้า ซึ่งใชอ้ ณุ หภูมิใน
การเผากระตุน้ คอ่ นข้างสูงประมาณ 800-1000 องศาเซลเซียส เพราะไอนํ้าที่ใช้จะต้องเป็นไอนํ้าที่ร้อน
ยิ่งยวด (superheated stream) เพื่อทําให้สารอินทรีย์ต่างๆสลายไป ทําให้โครงสร้างภายในมีลักษณะรู
พรนุ (porous) อยทู วั่ ไป ขนาดของรูพรุนท่ไี ดจ้ ะมขี นาดเลก็ กว่าการกระต้นุ ทางเคมี ซึง่ ถ่านชาโคลที่กระตุ้น ด้วยวธิ ี
น้ีมขี อ้ ดีทส่ี ามารถนํามาใชง้ านได้เลยทนั ที โดยไมต่ ้องลา้ งสารทเ่ี หลอื ตกค้า
20
2. ไมไ้ ผ่
(ทม่ี า : https://home.kapook.com/view72338.)
ช่ือวิทยาศาสตร์ Bambusa sp.
วงศ์ GRAMINAE
ชอ่ื สามัญ Bamboo
ชื่อท้องถิน่ ไผป่ า่ ไผส่ สี ุก ไผร่ วก ฯลฯ
2.1 ลักษณะ
เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวในวงศ์หญ้าที่มีลำต้นสูงใหญ่ ดอก ออกเป็นช่อ เมื่อดอกแห้งแล้วต้นก็จะ
ตายไป ขนึ้ อยเู่ ป็นกอในปา่ ท่วั ประเทศ ในประเทศไทยมไี มไ้ ผม่ ากกวา่ 20 ชนิด ชนดิ ทมี่ ลี ำตน้ ขนาดใหญ่ เช่น ไผ่ตง
ไผส่ ีสุก ฯลฯ ชนิดทม่ี ีลำตน้ ขนาดเล็ก เชน่ ไผ่เล้ยี ง ไผ่รวก ฯลฯ
2.2 คุณสมบตั ขิ องไม้ไผ่
1. คุณสมบัติทางกายภาพ
ความชน้ื ของไม้ไผ่ที่เจรญิ เติบโตเตม็ ที่มีค่าเฉลีย่ 50-99 % และไมไ้ ผท่ ย่ี ังอ่อนอยู่มีค่าเฉลี่ย 80-
95 % ขณะทีไ่ มไ้ ผซ่ ่งึ แห้งเต็มท่ีแลว้ มีความชนื้ 12-18 % ความชืน้ ของไม้ไผจ่ ะคอ่ ย ๆ ลดลงจากส่วนโคนไปยังส่วน
ปลายของลำตน้ และจะลดลงเม่อื ลำตน้ มีอายุเพิม่ ขึ้น และมคี วามชน้ื สงู ในฤดูฝนมากกวา่ ฤดแู ล้งความหนาแน่นของ
เน้ือไม้เปลี่ยนแปลงไปตามชนดิ ของไมไ้ ผ่ปริมาณนำ้ ในผนังเซลล์ของเซลลเ์ ส้นใยหรือไฟเบอร์(fiber) ขน้ึ กับชนิดของ
เนื้อไม้การหดตัวของเนื้อไม้ เกิดขึ้นภายหลังจากการเก็บเกี่ยว ไม้ไผ่ที่มีสีเขยี วจะมีการสูญเสียน้ำและมีการหดตัว
ของเซลลซ์ ง่ึ มีผลตอ่ ขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางของลำไม้ไผใ่ ห้หดเล็กลงดว้ ย
21
2. คุณสมบตั ิทางกล
ไม้ไผ่เป็นพืชที่มีเนื้อไม้ซึ่งแข็งแรงและยืดหยุ่นได้เช่นเดียวกับเนื้อไม้ของพืชอื่น ๆ คือ
การโค้งงอ คุณสมบัติขึ้นกับชนิดของไม้ไผ่ และขนาดของลำไผ่ หรือเนื้อไม้ที่ถูกผ่าแบ่งให้มีความหนาและบาง
แตกต่างกันไป การยืดหยุน่ ขึ้นกับคุณสมบัตใิ นการโคง้ งอ และการทนต่อแรงกดบนเนื้อไม้ การทนทานต่อแรงกด
แรงบีบ และแรงอัดต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อการรับน้ำหนักของวัตถุ เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม
เกษตรศาสตร์ >> ไผ่ทมี่ คี า่ ทางเศรษฐกจิ ของประเทศไทย
3. คุณสมบตั ิทางเคมี
องค์ประกอบหลักของเนื้อไม้ ได้แก่ เซลลูโลส(cellulose) เฮมิเซลลูโลส(hemicellulose)
และลิกนิน(lignin) องค์ประกอบรองได้แก่สารจำพวก เรซิน(resins) แทนนิน(tannins) แว๊กซ์ (waxes) และเกลอื
อนนิ ทรีย์ (inorganic salts)
เซลลูโลส(cellulose)
(ท่ีมา : https://www.foodnetworksolution.com/)
เป็นคาร์โบไฮเดรท (carbohydrate) ประเภทพอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharide) ประเภท
ฮอโมพอลิแซ็กคาไรด์ (homopolysaccharide) ที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส (glucose)
มาต่อกันด้วยพันธะไกลโคไซด์ (glycosidic bond) ที่ตำแหน่งบีต้า-1,4 (b-1,4) เป็นสายยาวมากกว่า 2,000
โมเลกลุ
เฮมิเซลลูโลส(hemicellulose)
(ท่มี า :https://www.foodnetworksolution.com/)
22
เป็นคาร์โบไฮเดรต (carbohydrate) ประเภทพอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharide) ใน
โมเลกุลของเฮมิเซลลูโลส เป็น heteropolysaccharide ที่ประกอบด้วยน้าตาลหลายชนิด มีน้ำตาลไซโลส
(xylose) เชื่อมต่อกันด้วยพันธะไกลโคไซด์ (glycosidic bond) ที่ตำแหน่ง บีตา (1-4) เป็นโซ่หลัก อาจมีน้ำตาล
แมนโนส (mannose) กาแล็กโทส (galactose) หรือกลโู คส (glucose) มาต่อกนั เป็นโซห่ ลักด้วยและมีนำ้ ตาลชนิด
อน่ื มาต่อกนั เป็นโซ่สาขา หรอื โซแ่ ขนงไดแ้ ก่ น้ำตาลอะราบโิ นส (arabinose) กรดกลูคูโรนกิ (glucuronic acid)
ลกิ นนิ (lignin)
( ทมี่ า :https://th.wikipedia.org/)
ลิกนิน (Lignin) หรือ lignen เป็นสารเคมีที่มีความซบั ซ้อนได้มากที่สุดที่ได้จากไม้และเป็น
ส่วนหนงึ่ ของผนงั เซลลข์ องพืช และสาหร่ายบางชนดิ คำว่าลกิ นินเปน็ ทรี่ ู้จกั ใน ค.ศ.1819 โดย de Candolle และ
มาจากภาษาละติน ว่า lignum, ไม้หมายถึงมันเป็นหนึ่งของโพลิเมอร์อินทรีย์ที่มีมากที่สุดบนโลกโดยเฉพาะมี
เซลลูโลสเกิน 30% ของอินทรีย์คาร์บอนที่ไม่ใช่ฟอสซิล และเป็นองคป์ ระกอบหนึ่งในสามของมวลแห้งของไม้ ใน
ฐานะท่เี ปน็ biopolymer มอี งคป์ ระกอบเป็นลิกนินเป็นเร่อื งปกติ เพราะความหลากหลายและการขาดโครงสร้าง
หลักทกี่ ำหนดไวไ้ ด้ หน้าท่ที ส่ี ำคญั ท่ีสดุ คือสรา้ งความเขม้ แขง็ ของไม้ (xylem cell) ในต้นไม้
เรซนิ (resins)
(ท่มี า :https://www.jn-transos.com/)
23
เรซิน (resins) เป็นสารที่ได้จากยางเหนียวของต้นไม้หรือจากการสังเคราะห์ มีชื่อเรียก
ต่างๆ กัน เช่น เรซินจากตน้ สน เรียกว่า โรซิน (rosin) เรซินจากธรรมชาติจำแนกเปน็ 3 ประเภท คือ Oleoresin
คอื เรซินที่มีนำ้ มนั หอมระเหยของพืชเป็นองคป์ ระกอบ Gum resin คอื เรซินท่ีเป็นสว่ นผสมของยางเหนยี ว (gum)
กับเรซิน Fossil resin คือ เรซนิ จากต้นไมเ้ กา่ แกท่ ่มี ีการแปรสภาพทางเคมี
แทนนิน (tannins)
(ที่มา :https://www.foodnetworksolution.com/)
แทนนิน (tannin, tannic acid ) เปน็ พอลฟิ นี อล (polyphenol) ท่มี ีโมเลกลุ ใหญ่ และ
โครงสร้างซับซอ้ น มีสูตรโมเลกุล (C75H52O46)เป็นกรดอ่อน ประกอบด้วย gallic acid 9 โมเลกุล และ น้ำตาล
กลโู คส 1 โมเลกุล แทนนินมจี ำหน่ายเป็นการค้าในรูปของกรดแทนนิก (tannic acid)
แวก๊ ซ(์ waxes) คอื สารในกลมุ่ ลพิ ิด (lipid) ไขที่พบในธรรมชาติเปน็ เอสเทอร์ของกรด
ไขมันกับแอลกอฮอล์ที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูงและเป็นแอลกอฮอล์ที่มีหมู่ไฮดรอกซิลเพียงหมู่เดียว (monohydric
alcohol) มีจุดหลอมเหลวสูงเป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้อง ได้แก่ ไขจากส่วนประกอบจากพืช เช่น คาร์นูบา
(carnuba) แคนเดลิลลา (candelilla) ไขทผ่ี ลติ จากสตั ว์ ไดแ้ ก่ ไขผึ้ง (bee wax) เชลแลก็ (shellac)
24
3. โกงกาง
(ท่ีมา :https://sites.google.com/)
ช่อื สามญั : Red mangrove, Asiatisk mangrove, Loop-root mangrove
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rhizophora mucronata Lam. จัดอยู่ในวงศ์โกงกาง (RHIZOPHORACEAE)
เชน่ เดยี วกับโกงกางใบเลก็
ชื่อท้องถิ่น : กงเกง (นครปฐม), กงกางนอก โกงกางนอก (เพชรบุรี), กงกอน (เพชรบุรี, ชุมพร), ลาน
(กระบี่), โกงกางใบใหญ่ (ภาคกลาง), กางเกง พังกา พังกาใบใหญ(่ ภาคใต)้ เปน็ ตน้
3.1 ลกั ษณะ
โกงกางใบเล็กจะเป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ มีรากเสริมออกมาเหนือโคนต้น รากค้ำยันลำต้นแตก
แขนงระเกะระกะไม่เป็นระเบียบใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ใบคู่ล่าง ๆ จะร่วงไปเหลือแต่คู่ใบ 2-4 คู่ เป็น
กลุ่มท่ปี ลายกง่ิ รปู รี แผน่ ใบหนา หูใบแคบ ปลายแหลมยาวประกบกันเปน็ คู่ระหว่างคู่ใบ ช่อดอกสนั้ มาก ออกตาม
งา่ มใบทีใ่ บร่วงไปแล้ว ดอกตูมรปู ไข่ ใบประดบั ที่ฐานดอกติดกันคล้ายรูปถ้วย กลีบเลี้ยง 4 กลีบ กลีบดอก 4 กลีบ
ร่วงง่าย ผลคล้ายรูปไข่กลับสีน้ำตาลคล้ำ ผิวค่อนข้างขรุขระ ลำต้นใต้ใบเลี้ยงรูปทรงกระบอก เรียวโค้งเล็กน้อย
มขี นาดโตขึน้ ทสี่ ่วนปลาย ผิวเปน็ มัน สเี ขยี วหรอื เขียวอมม่วง คอ่ นข้างเรยี บหรอื มตี ่มุ ขรุขระกระจัดกระจาย
โกงกางใบใหญ่ เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ มีรากเสริมออกมาเหนือโคนต้น รากค้ำยันแตกแขนง
ระเกะระกะ เรอื นยอดรปู กรวยคว่ำแคบๆ ใบเดย่ี วเรยี งตรงข้ามสลับตั้งฉาก ใบคู่ลา่ งๆ จะหลุดรว่ งไปเหลือกลุ่มใบที่
ปลายกิ่ง ใบรูปรีถึงรีกว้าง มีติ่งแหลมเลก็ แข็ง สีดำ ที่ปลายใบ แผ่นใบหนา มีจุดเล็ก ๆ สีดำกระจัดกระจายทัว่ ไป
ทางด้านล่าง ชอ่ ดอกออกตามงา่ มใบทใ่ี บติดอยหู่ รอื ร่วงไป ดอกตมู รูปไข่ มีใบประดบั รองรบั ท่ีฐานดอก กลีบเล้ียง 4
25
กลีบ กลีบดอก 4 กลีบ ร่วงง่าย ผลคล้ายรูปไข่ปลายคอดสีนำ้ ตาลอมเขียว ลำต้นใต้ใบเลี้ยงรปู ทรงกระบอก เรียว
คอ่ นข้างตรง ปลายเรียวแหลมยาว ผวิ เปน็ มนั สเี ขียว มีตมุ่ ขรขุ ระทัว่ ไป
3.2 คณุ สมบัติของโกงกาง
ต้นโกงกางมีสารแทนนินและฟีนอลจากธรรมชาติสูงมาก อีกทั้งยังมีราคาถูกที่สุด
ซึ่งสารดังกล่าวสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ทำยา ทำหมึก ทำสี ใช้ในการฟอกหนัง ใช้ทำกาว
สำหรับติดไม้ เปน็ ตน้ ประโยชน์ไมโ้ กงกางท่ีสำคญั อีกอย่างหนึง่ ก็คือการนำมาใช้ทำเปน็ ฟืนและถ่านเกรดคุณภาพดี
ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากเป็นไม้ที่ให้ความร้อนสูงและนาน (ให้ค่าความร้อนประมาณ 6,600-7,200
แคลอรี) อีกทั้งยังมีขี้เถ้าน้อยและไม่เกิดสะเก็ดไฟเมื่อนำมาใช้งานอีกด้วย เปลือกมีน้ำฝาดประเภท Catechol
ใหส้ นี ้ำตาลท่สี ามารถนำมาย้อมสผี า้ ได้ เช่น ใช้ยอ้ มผ้า แห อวน หนงั
สารฟนี อล (Phenol)
(ที่มา :https://www.siamchemi.com/)
ฟีนอล (Phenol) เป็นสารประกอบอะโรมาติคที่ผลิตได้จากสารประกอบอะโรมาติคชนิด
อื่นๆ เช่น เบนซีน โทลูอีน เป็นสารที่ถูกนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตผลิตภัณฑ์เคมีหลายชนิด อาทิ
สีย้อม สารเคมีกำจดั วชั พืช และศัตรูพชื ยาในทางการแพทย์ เป็นต้น
4. เอกสารและงานวิจัยที่เก่ยี วข้อง
ชุติมา อินตะนัย และ ร.ต.ท.ณัฐพงศ์ คงเอียง ได้ศึกษาวิจัยเรื่องการศึกษารูปแบบและจุดลักษณะสำคญั
พเิ ศษของลายนิว้ มอื ชายไทย จากขอ้ มูลของการพมิ พน์ ้ิวมือ 10 น้วิ ของผตู้ ้องสงสยั เพศชาย ทพ่ี นักงานสอบสวนทั่ว
ประเทศ ส่งมาให้ทำการพิสูจน์เปรียบเทียบในคดีต่างๆจำนวน 1,500 คน จากผลการวิจัยพบว่า มีรูปแบบ
ลายนว้ิ มอื ชนิดมดั หวายปัดซ้ายมากที่สุด รองลงมา ไดแ้ ก่ รูปแบบมดั หวายปัดขวา ส่วนรปู แบบทพี่ บน้อยท่ีสุด คือ
รูปแบบซับซ้อนในน้ิวหวั แม่มือขวา รูปก้นหอยกระเปา๋ ขา้ งในน้ิวชี้ขวาและนิ้วชีซ้ ้าย รูปแบบโค้งกระโจมในน้ิวนาง
ขวาและนิ้วนางซา้ ยและจากการวจิ ัยพบว่ารปู แบบกน้ หอยกระเป๋าข้างเปน็ รปู แบบท่ีพบนอ้ ยทส่ี ุด และพบเฉพาะใน
นิ้วชี้ขวาและน้ิวซา้ ยเท่านั้น (บุญกมุติ, 2548)
ปิติภูมิ อมรมงคล ได้ศึกษาวิจัยเรื่องการพัฒนาผงฝุ่นเพื่อใช้ในงานนิติวิทยาศาสตร์ผลการวิจัยพบว่า
ผู้เชี่ยวชาญมีความพึงพอใจในคุณภาพของผงฝุ่นที่ผลิตจาก Carbon black ในการหารอยลายนิ้วมือแฝงในด้าน
ความละเอียดของเนื้อผงฝุ่น ความเข้มของผงฝุ่น ลักษณะของผงฝุ่น โดยรวม ความคมชัดของลายเส้น
ความสามารถแยกลายเส้นได้ชัดเจน การกระจายตัวสม่ำเสมอของผงฝุ่น และความเหมาะสมท่อี าจนำมาใช้ในงาน
นิตวิ ทิ ยาศาสตร์อยใู่ นเกณฑ์ดแี ละมคี ุณภาพใกลเ้ คยี งกับผงฝ่นุ มาตรฐานที่ใช้ในปจั จบุ ัน (มงคล, 2009)
บทท่ี 3
วิธดี ำเนนิ การ
การทำโครงงานน้ีเป็นโครงงานประเภทเชิงทดลอง เพื่อศึกษาการปรากฏขึ้นของลายพมิ พ์นิว้ มือแฝงและ
ความคมชัดของลายนิ้วมือแฝงบนพน้ื ของผวิ ลกั ษณะต่างๆ โดยมขี นั้ ตอนวธิ ีการดำเนนิ การดงั น้ี
1.วสั ดอุ ุปกรณ์ และเคร่อื งมอื
1. ผงฝุน่ ถา่ นไม้ไผ่ 2. ผงฝนุ่ ถ่านไม้โกงกาง 3. เครอ่ื งชั่งน้ำหนักแบบดจิ ติ อล
4. แปรงปดั ฝ่นุ ขนาดกลาง 5. แปรงปดั ฝุ่นขนาดเลก็ 6. กรรไกร
7. เทปใส 8. ตะแกรงรอ่ น 9. แก้วพลาสติก
10. แผ่นสไลด์ 11. กล้องถ่ายรปู /มอื ถอื
2. ขั้นตอนและวธิ ีการทดลอง
2.1 การเตรียมตัวอย่างในการทดลอง
2.1.1 นำไม้โกงกาง ไมไ้ ผ่ ไปเผาไหม้จนมลี ักษณะเป็นสดี ำ
ภาพที่ 1 ถ่านไม้โกงกาง ภาพท่ี 2 ถา่ นไมไ้ ผ่
2.1.2 นำถ่านไม้ ท้ัง 2ชนดิ บดให้ละเอียด หลังจากนั้นรอ่ นด้วยตะแกรงขนาด 0.5 มลิ ลิเมตร
ภาพท่ี 3 ผงฝ่นุ ถ่านไม้โกงกาง ภาพท่ี 4 ผงฝุ่นถ่านไม้ไผ่
27
2.2 ขั้นตอนการเตรยี มลายนว้ิ มอื แฝง
ในการศึกษาครั้งนี้ใช้ตัวอย่างจากนิ้วหัวแม่มือซ้ายจากบุคคลตัวอย่าง เพศหญิง อายุ 18 ปี
นำ้ หนกั หนัก 50 กิโลกรัม
- ที่มีลกั ษณะผวิ มีเหง่อื ออกง่าย และยังไมต่ อ้ งลา้ งมือ
- ใชน้ ว้ิ ทจี่ ะสัมผัสทีบ่ รเิ วณหน้าผากหรือทโี ซน
- ขณะเก็บตวั อย่างนั้น ต้องอยใู่ นอณุ หภูมหิ อ้ งไมใ่ หม้ ลี มพัด
- ระยะเวลาในการประทบั รอยลายน้วิ มอื บนอปุ กรณ์ทดลองน้ันประมาณ 30 วินาทีออก
แรงกดประมาณ 500-700 g
2.3 การเกบ็ รอยลายน้วิ มอื แฝงบนพ้นื วัสดผุ วิ เรยี บ
ตวั อย่างผงฝนุ่ ถา่ นไมไ้ ผ่
- ใชน้ ิว้ หัวแมม่ ือสัมผัสบริเวณหน้าผากหรือทีโซนแล้วกดนิ้วลงบนแผน่ สไลน์ ที่ใช้ในการ
ทดลอง ออกน้ำหนักแรงกดน้ิวมือประมาณ 500-700 g จากนั้น ดึงมือออก
- นำผงฝุ่นถ่านชารโ์ คลไมไ้ ผ่มาปัดเบาๆโดยใช้แปรงปัดนำลูกยางมาบีบเปา่ ลมไล่ผงไม้ไผ่
ทเี่ ป็นส่วนเกนิ ออกออกจะเห็นรอยลายนิ้วมอื แฝงชดัเจนขึน้
- นำรอยลายนวิ้ มอื แฝงบนพื้นผิวของแผ่นสไลด์มาบนั ทึกภาพ
- ทำการทดลองซ้ำแบบนแี้ ตเ่ ปลี่ยนจากแผน่ สไลดเ์ ปน็ แกว้ นำ้ พลาสติก
2.4 ตวั อย่างผงถ่านตน้ โกงกาง
- ใช้นิ้วหวัแม่มือสัมผัสบริเวณหน้าผากหรือทีโซนแล้วกดนิ้วลงบนแผ่นสไลน์ ที่ใช้ใน
การทดลองออกน้ำหนกั แรงกดนิ้วมือประมาณ 500-700 g จากนัน้ ดงึ มอื ออก
- นำผงฝุ่นถ่านชาร์โคลไม้โกงกางมาปัดเบาๆโดยใช้แปรงปัดนำลูกยางมาบีบเป่าลมไล่
ผงไม้ไผ่ท่ีเปน็ ส่วนเกนิ ออกออกจะเห็นรอยลายนว้ิ มอื แฝงชดัเจนขน้ึ
- นำรอยลายน้วิ มือแฝงบนพื้นผิวของแผ่นสไลด์มาบนั ทกึ ภาพ
- ทำการทดลองซำ้ แบบนี้แต่เปลี่ยนจากแผน่ สไลดเ์ ป็นแกว้ นำ้ พลาสตกิ
บทท่ี 4
ผลการทดลอง
ตอนที่ 1 ศกึ ษาและเปรยี บเทยี บชนิดของผงฝนุ่ จากธรรมชาตทิ ี่มผี ลต่อคุณภาพลายนว้ิ มอื แฝง
จากการศกึ ษาได้ผลการทดลอง ดังนี้
เปรยี บเทยี บชนดิ ของผงฝุ่นจากธรรมชาติท่ี มผี ลต่อคณุ ภาพลายนิ้วมอื แฝง
ลายน้วิ มือผงฝุ่นถ่านโกงกาง
ลายนว้ิ มอื ผงฝุ่นถ่านไมไ้ ผ่
จากตารางท่ี 1 พบว่า ผงฝุ่นถ่านไมไ้ ผ่สามารถตรวจสอบลายนว้ิ มอื แฝงไดด้ กี ว่าผงฝุ่นถา่ นโกงกาง
ตอนที่ 2 ศกึ ษาและเปรียบเทียบสภาพพ้ืนผิวทีม่ ีผลตอ่ คณุ ภาพลายนิว้ มอื แฝง
จากการศกึ ษาไดผ้ ลการทดลอง ดังนี้
เปรียบเทียบสภาพพืน้ ผิวทมี่ ผี ลต่อคณุ ภาพลายนิว้ มือแฝง
ลายนว้ิ มอื ผงฝนุ่ ถ่านไมไ้ ผ่บนแผน่ วตั ถุผิวเรยี บ ลายนว้ิ มอื ผงฝนุ่ ถา่ นไมไ้ ผบ่ นแผ่นวัตถผุ วิ ขรุขระ
จากตารางท่ี 2 พบว่าพน้ื ผิวเรียบคุณภาพจะดีกว่าพืน้ ผวิ ขรุขระ
บทที่ 5
สรปุ ผลการทดลอง อภิปรายผลการทดลองและข้อเสนอแนะ
สรปุ ผลการทดลอง
จากการทดลองเรอ่ื งเปรยี บเทยี บชนดิ ผงฝุ่นจากธรรมชาติระหว่างผงถา่ นโกงกางกบั ผงถ่านไม้ไผ่ท่ีมีผลต่อ
ลายนิ้วมือแฝง เพื่อใช้ในการตรวจหาลายนิ้วมือแฝง โดยได้นำไม้โกงกางและไม้ไผ่มาแปรรูปให้เป็นผงฝุ่นถ่าน
อา่ นลายนิ้วมอื พบว่าผงฝุ่นถ่านไมไ้ ผ่สามารถตรวจสอบลายนิว้ มอื แฝงไดด้ ีกวา่ ผงฝุ่นถ่านโกงกาง และเปรียบเทียบ
ลายนว้ิ มือแฝงจากผงฝนุ่ ถา่ นบนวัตถุท่ีผิวเรียบและผวิ ขรุขระ โดยได้ใชแ้ ผน่ สไลด์แทนวัตถุท่ีมีผิวเรียบ และใช้แก้ว
พลาสตกิ แทนวตั ถุผิวขรุขระ พบว่าพื้นผิวเรยี บคุณภาพจะดกี วา่ พน้ื ผิวขรุขระ
อภิปรายผล
จากการทดลองเรอ่ื งเปรียบเทยี บชนดิ ผงฝุน่ จากธรรมชาติระหว่างผงถา่ นโกงกางกับผงถ่านไมไ้ ผท่ ี่มีผลต่อ
ลายนิ้วมือแฝง โดยการใช้ผงฝุ่นในการตรวจลายนิ้วมือแฝง ผงฝุ่นที่มีการใช้งานด้านนิติวิทยาศาสตร์มีด้วยกัน
หลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติคือ สีการยึดติด ขนาดของเม็ดฝุ่น การฟุ้งกระจาย ความสามารถในการติดบน
พื้นผิววัตถุแต่ละชนิดแตกต่างกัน ซึ่งคณะผู้จัดทำได้เลือกใช้ผงฝุ่นธรรมดา ( Regular Fingerprint Powder)
เนอ่ื งจากปจั จัยในการเลอื กใช้ผงฝ่นุ มีดงั นี้ 1. พ้ืนผิวควรเหมาะสมกับผงฝ่นุ และไม่ดึงดูดลายนวิ้ มอื 2. สีของพื้นผิว
ลายพิมพ์มือมอื ควรเลือกให้แตกต่างมากท่ีสุดกับพืน้ ผิวทีม่ ีลายนิว้ มือแฝง เกาะอยู่ 3. ผงต้องมีการยึดเกาะดี และ
4. ขนาดอนภุ าคของผงความละเอียดเพยี งพอจะได้ผลดี รปู แบบชดั เจน ซ่งึ พบวา่ ผงฝุ่นถา่ นไมไ้ ผ่สามารถตรวจสอบ
ลายนิ้วมือแฝงไดด้ ีกวา่ ผงฝุ่นถ่านโกงกาง เนอ่ื งจากเม่ือเปรยี บเทยี บขนาดอนุภาค พบวา่ ผงฝนุ่ ถ่านไมไ้ ผ่มีขนาดเล็ก
กวา่ ผงฝ่นุ ถา่ นโกงกาง และในการทำอุตสาหกรรมการผลิตน้ำหมกึ หรอื หมึกพมิ พ์ลายน้วิ มอื แฝงจะต้องใช้สารแทน
นิน ที่สามารถรวมตวั เข้ากับเกลอื ของธาตุเหล็ก (เกลอื อนนิ ทรีย์ (inorganic salts)) ซ่ึงจะได้สารประกอบท่ีมีสีเข้ม
โดยพบว่าในผงฝุ่นถ่านไม้ไผ่มีทั้งสารแทนนินและเกลืออนินทรีย์ (inorganic salts) แต่ในผงฝุ่นถ่านโกงกาง
พบเฉพาะสารแทนนินอย่างเดียว ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ผงฝุ่นถ่านไม้ไผ่สามารถตรวจสอบลายน้ิวมือแฝงได้ดีกว่า
ผงฝุ่นถ่านโกงกาง และพื้นผิวเรียบคุณภาพจะดีกว่าพื้นผิวขรุขระ เนื่องจากพ้ืนผิวมีผลกับผงฝุ่นและการไม่ดึงดดู
ลายนิว้ มอื โดยขึ้นอยู่มมุ สัมผสั ถา้ วตั ถผุ วิ เรยี บจะทำให้มุมสัมผัสท่ีสูงกวา่ จึงเหน็ รอยนวิ้ มอื ชัดเจนกว่าวัตถุผิวขรุขระ
ทีม่ มุ สมั ผัสที่ตำ่ กวา่ ดว้ ยเหตุผลนจ้ี งึ ทำให้พนื้ ผวิ เรียบคุณภาพจะดกี วา่ พน้ื ผวิ ขรขุ ระ
ข้อเสนอแนะ
1. ถา้ ตอ้ งการให้เห็นลายน้วิ มือแฝงชดั เจน ต้องใชผ้ งฝุ่นถา่ นจากพืชชนิดอ่ืน ๆ ทม่ี ีอนภุ าคขนาดเลก็
2. การเปรยี บเทยี บพนื้ ผิว ควรใช้วัสดชุ นิดเดยี วกนั
30
บรรณานุกรม
มงคล, ป. ภ. อ. (2009). การพฒั นาผงฝุ่นเพอื่ ใช้ในงานวิทยาศาสตร์ เข้าถงึ จาก http:// forest/Project.aspx?
ProjectNumber=0931369000&BudgetYear=2009 สบื คน้ เมอื่ 09 สิงหาคม 2565
วารเี กษม, อ. (2553). ลายนว้ิ มือ https://www.mydnathailand.com/ สบื คน้ เมื่อ 10 สงิ หาคม 2565
ศรเี สอื ขาม, อ. (2541). การประมวลผลลายพิมพน์ วิ้ มือเบ้ืองตน้ สำหรับระบบตรวจพิสูจน์ลายนว้ิ มืออัตโนมตั .ิ
https://dric.nrct.go.th/ สบื คน้ เมื่อ 11 สงิ หาคม 2565
รงค์, ห. ท. ท. (2015). การพฒั นาผงผ่นุ จากถ่านไม้เพ่ือใช้ในการตรวจรอยลายนว้ิ มอื แฝงบนถ้วยที่ทำจากเซรามคิ
พลาสติกและ กระดาษ, https://dric.nrct.go.th/ สืบคน้ เม่ือ 12 สิงหาคม 2565
ปิ่นอนงค์ ตรีเทพชาญชัย (2015) การตรวจหาลายน้วิ มอื แฝง http://cmuir.cmu.ac.th/ สบื คน้ เมอ่ื 16 สิงหาคม
2565
ภาคผนวก
เปรยี บเทยี บขนาดอนุภาคของผงฝนุ่ จากธรรมชาตทิ มี่ ีผลต่อคณุ ภาพลายนิว้ มอื แฝง
ผงถ่านโกงกาง ผงถ่านไม้ไผ่
เปรยี บเทียบสภาพพ้นื ผวิ ท่ีมผี ลต่อคณุ ภาพลายน้ิวมอื แฝง
แก้วพลาสตกิ แผน่ สไลด์