The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sararak.k, 2022-09-07 00:53:21

บัวลอย

บัวลอย

โครงงานวทิ ยาศาสตร์
เร่ือง บัวลอยสธี รรมชาติ

จัดทาโดย
1) เด็กชายประวิทย์ วิมลมกุ ข์ ชนั้ ม.2/7 เลขที่ 17
2) เด็กชายณัฐกร กันทะวงศ์ ช้ัน ม.2/7 เลขที่ 8
3) เด็กชายพชิ ญากร บญุ นยิ ม ชนั้ ม.2/7 เลขที่ 6

ครูทปี่ รกึ ษา
นายศรารกั ษ์ เกลอื นสนิ

ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โรงเรยี นวรราชาทินดั ดามาตวุ ทิ ยา

โครงงานวทิ ยาศาสตร์
เร่ือง บัวลอยสธี รรมชาติ

จัดทาโดย
1) เด็กชายประวิทย์ วิมลมกุ ข์ ชนั้ ม.2/7 เลขที่ 17
2) เด็กชายณัฐกร กันทะวงศ์ ช้ัน ม.2/7 เลขที่ 8
3) เด็กชายพชิ ญากร บญุ นยิ ม ชนั้ ม.2/7 เลขที่ 6

ครูทปี่ รกึ ษา
นายศรารกั ษ์ เกลอื นสนิ

ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โรงเรยี นวรราชาทินดั ดามาตวุ ทิ ยา

คานา

โครงงานฉบับน้ีเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาศึกษา ค้นคว้า และสร้างองค์ความรู้ (IS 22201) เพ่ือเป็น
ประโยชน์ตอ่ ผูท้ สี่ นใจจะศกึ ษาเก่ียวกับเรอ่ื ง บัวลอยสีธรรมชาติ ซงึ่ คณะผ้จู ดั ทาได้จดั ทาขึ้นเพอื่ ให้ครู นักเรยี น และ
ผูส้ นใจได้ใชเ้ ปน็ เอกสารอ่านเพมิ่ เติมตอ่ ไป

คณะผ้จู ัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจเกี่ยวกับ บัวลอยสีธรรมชาติ
ซ่ึงทาให้ทราบถึง ความหมาย วิธีทา บัวลอยสีธรรมชาติ ท่ีได้วิเคราะห์ ให้ผู้อ่านได้นามาใช้ประโยชน์ได้ต่อไป
หากมีข้อบกพรอ่ งประการใด ผจู้ ดั ทาขออภยั ไว้ ณ โอกาสน้ดี ้วย

คณะผู้จัดทา
1 กันยายน 2565

กิตติกรรมประกาศ

โครงงานฉบับน้ีสาเร็จและสมบูรณ์เป็นรูปเล่ม ด้วยความกรุณาและเอาใจใส่เป็นอย่างดีจาก
คุณครูศรารักษ์ เกลือนสิน ครูท่ีปรึกษา ท่ีได้กรุณาให้คาปรึกษาและแนะแนวทางในการดาเนินการทารายงาน
ในครั้งนี้โดยไม่มีขอ้ บกพร่อง รวมท้ังข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นต่าง ๆ ตลอดทั้งการตรวจแก้ไขรายงานฉบับนี้ให้
สาเรจ็ สมบูรณย์ ง่ิ ขึ้น ทางคณะผู้จัดทาจึงขอขอบพระคณุ เป็นอยา่ งสูงไว้ ณ โอกาสน้ี

ขอขอบพระคุณคุณครูทุกท่านท่ีได้ประสิทธิ์ประสาทวิชา ความรู้ และประสบการณ์ ตลอดจนอานวย
ความสาเร็จให้บงั เกิดขน้ึ

สุดท้ายน้ีขอขอบคุณครูที่ปรึกษาที่เป็นกาลังใจ และให้ความช่วยเหลือในการเก็บรวบรวมข้อมูลและให้
คาแนะนาในการทารายงานครง้ั นีใ้ ห้สาเร็จลุล่วงด้วยดีตลอดมา

คณะผูจ้ ดั ทา
1 กันยายน 2565

บทคัดย่อ

โครงงาน คือ บัวลอยสีธรรมชาติ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ คือ หาความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับ บัวลอย และวิธีทา
บวั ลอย การทาบัวลอยจากสีธรรมชาติได้แก่ สฟี ้า สเี หลือง สีเขียว สามารถทาได้ผลจริงๆ การนาสีจากธรรมชาติมา
ใชน้ ้ันต้องมวี ัสดจุ ากธรรมชาติ โดยผลทีไดจ้ ากการทางาน คือ ได้รับ ความร้เู ก่ียวกับ การทา บัวลอย และโครงงาน
การหาขอ้ มลู เกี่ยวกบั การทาบวั ลอย และสีธรรมชาตจิ ากการทาบวั ลอย

สารบญั หนา้
1
เรอ่ื ง 1
บทที่ 1 บทนา 1
1
ท่ีมาและความสาคัญ 1
วตั ถุประสงค์ 2
ปญั หา 2
สมมติฐาน 2
ขอบเขตในการทาโครงงาน 3
นิยามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร 16
ประโยชน์ท่ไี ด้รับ 16
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ัยท่เี กี่ยวข้อง 16
บทที่ 3 วธิ ีการดาเนนิ งาน 18
วสั ดุ/อุปกรณ์ เครื่องมอื 19
วิธีการดาเนินงาน 20
บทที่ 4 ผลการทดลอง
บทที่ 5 สรปุ ผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
บรรณานุกรม

1

บทที่ 1
บทนา

1. ที่มาและความสาคัญ
ขนมไทย เป็นของหวานท่ีท่ัวอาณาจักรไทยได้ทาข้ึนมาประทานกันมาต้ังแต่โบราณ มีเอกลักษณ์ คือ

มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบต่างๆ วิธีการทา ท่ีมีความพิถีพิถันท่ีมุ่งให้มีรสชาติท่ีอร่อย
หอม หวาน มีสสี ันสวยงาม รปู ลักษณ์น่ารับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทาน ท่ีประณีตบรรจงของขนม
แต่ละชนิดแตกต่างออกไป การทาขนมไทยเป็นอย่างหน่ึงท่ีบ่งบอกว่าคนไทยนั้นเป็นคนมีลักษณะนิสัยอย่างไร
เนื่องจากขนมไทยแต่ละชนดิ ลว้ นมเี สนห่ ์ รสชาติแตกตา่ งกันออกไป และมวี ิธกี ารทาอยา่ งพถิ ีพถิ ัน จึงแสดงให้เห็น
ว่าคนไทยเป็นคนใจเย็น รักสงบ มีฝีมือเชิงศิลปะ เป็นต้น บัวลอย จัดเป็นขนมไทยที่มีอยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน
โดยทั่วไปประชาชนจะทาขนมเฉพาะในงานเลี้ยง นับต้ังแต่ทาบุญเลี้ยงพระ งานมงคลต่างๆ วัตถุดิบการทา
กลมกลืน พิถพี ิถัน ในเรื่องของรสชาติ สีสัน สวยงาม กล่ินหอม รูปลักษณะชวนรบั ประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการ
ทาขนมอยา่ งประณตี
2. วตั ถปุ ระสงค์

2.1 ) เพอื่ ศกึ ษาการทาบัวลอยเชิงวิทยาศาสตร์
2.2 ) เพอ่ื ทดลองสง่ิ ทึ่ไมเ่ คยทาและทดลองแบบใหม่ๆ
2.3 ) ปจั จุบันคนไทยเรม่ิ ทานขนมไทยกนั น้อยลง เนอื่ งจากคนไทยหันมาสนใจสขุ ภาพกันมากขึ้น และ
บริโภคของหวานนอ้ ยลง
3. ปญั หา
เราสามารถนาสธี รรมชาตมิ าทาขนมบัวลอยได้ หรือไม่
4. สมมตฐิ าน คือ
เราสามารถจะนาสีธรรมชาติมาใสใ่ นบวั ลอยได้

2

5. ขอบเขตในการทาโครงงาน
5.1 ขอบเขตด้านตวั แปร
ตวั แปรอสิ ระ คือ สีจากธรรมชาติ
ตวั แปรตาม คือ สีทไี่ ดจ้ ากการทาบัวลอย
ตัวแปรควบคมุ คอื ปรมิ าณแป้ง ปรมิ าณน้า
5.2 ขอบเขตด้านสถานท่ี
โรงเรยี นวรราชาทนิ ัดดามาตุวทิ ยา
5.3 ขอบเขตด้านระยะเวลา
กรกฎาคม – กันยายน พ.ศ. 2565

6. นิยามเชงิ ปฏิบตั ิการ
บวั ลอย หมายถึง ขนมหวานแบบไทยชนดิ หน่งึ ทีมรี สหวานหอม อร่อย ท่คี นไทย ชอบ ทาน

7. ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั
7.1) ได้รู้วิธีการทาบวั ลอยสธี รรมชาติ
7.2) ได้รบั ความรู้เก่ยี วกับการสกดั สจี ากธรรมชาติ
7.3) สามารถนาความรู้เรอ่ื งบวั ลอยไปเผยแพร่แก่เยาวชนได้

3

บทท่ี 2
เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง

1.อญั ชัน

(ท่มี า: https:th.m.wikipedia.org/wiki/%EO%B8%AD%EO%B8%8D%E0%B8%8A%)
1.1 ขอ้ มูลทัว่ ไป

ช่อื องั กฤษ คอื peal ช่ือวิทยาศาสตร์ คอื clitoria_ternatea
ชือ่ สามัญ : Blue Pea, Butterfly Pea
วงศ์ : LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE
ชื่ออนื่ : แดงชัน (เชียงใหม)่ ; อญั ชัน (ภาคกลาง); เอ้ืองชนั (ภาคเหนือ)
1.2 ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ล้มลุกเล้ือยพัน ยาว 1-5 เมตร ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อย 3-9 ใบ รูปรีแกม
ขอบขนานหรือรปู รีแกมไข่กลับ กวา้ ง 1-3 ซม. ยาว 2-5 ซม. ดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ กลบี ดอกรปู ดอกถ่ัว สนี า้ เงิน
ม่วงหรือขาว ตรงกลางกลบี สีเหลืองหม่นขอบสีขาว ผลเป็นฝัก รูปดาบ โค้งเลก็ น้อย ปลายเป็นจะงอย แตกเป็น 2
ฝา เมล็ดรูปไต จานวน 6-10 เมล็ด

4

1.3 ส่วนท่ใี ช้
กลบี ดอกสดสีนา้ เงิน จากต้นอญั ชันดอกสนี ้าเงนิ
รากของต้นอญั ชันดอกขาว

1.4 สรรพคุณและวธิ ีใช้
ดอกสีน้าเงิน ใชเ้ ป็นสีแตง่ อาหาร ขนม
ใช้กลีบดอกสด ตาเติมน้าเล็กน้อย กรองด้วยผ้าขาวบาง คั้นเอาน้าออก จะได้น้าสีน้าเงิน

(Anthocyanin) ใชเ้ ป็น indicator แทน lithmus
ถ้าเติมน้ามะนาวลงไปเลก็ น้อย จะกลายเป็นสมี ว่ ง ใชแ้ ตง่ สีอาหารตามตอ้ งการ มักนยิ มใช้แตง่ สี

นา้ เงินของขนมเรไร ขนมน้าดอกไม้ ขนมขีห้ นู
รากตน้ อัญชันดอกสขี าว ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ยาระบาย

1.5 สารเคมี
แอนโทไซยานิน เป็นรงควัตถุหรือสารสี (pigment) ท่ีให้สีแดง ม่วง และน้าเงิน ใช้เป็นสารให้สี

(coloring agent) ธรรมชาติในอาหาร สารสกัดแอนโทไซยานิน มีสมบัติเป็นโภชนะเภสัช (nutraceutical)
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
และเส้นเลือดอุดตันในสมอง ด้วยการยับย้ังไม่ให้เลือดจับตัวเป็นก้อน ชะลอความเสื่อมของดวงตา ช่วยยับยั้ง
จุลินทรีย์ก่อโรค (pathogen) อีโคไล (Escherichia coli) ในระบบทางเดินอาหาร ซ่ึงเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วง
และอาหารเปน็ พษิ ดว้ ย

อาหารที่เป็นแหล่งสาคัญของแอนโทไซยานิน ได้แก่ ผลไม้ เช่น องุ่น ทับทิม และผลไม้ในกลุ่ม
เบอร์รี่ เช่น สตรอเบอร่ี (strawberry) ผลหม่อน (mulberry) บลูเบอรี่ (blueberry) แครนเบอร่ี (cranberry)
เชอร่ี (cherry) ราสเบอรี่ (raspberry) เป็นต้น ผัก เช่น กะหล่าปลีสีม่วง (red cabbage) และเรดิชสีแดง (red
radish) เมล็ดธัญพืช เช่น ข้าวก่า หรือข้าวสีนิล ข้าวโพดสีม่วง พืชหัว ได้แก่ มันเทศสีม่วง ดอกไม้ เช่น กระเจี๊ยบ
แดง และดอกอัญชนั เปน็ ต้น

แหล่งของแอนโทไซยานนิ ได้แก่ มันเทศสีม่วง ชมพู่มะเหมี่ยว ชมพู่แดง ลกู หวา้ ข้าวแดง ขา้ วนิล
ข้าวเหนยี วดา ถ่ัวแดง ถ่ัวดา หอมแดง ดอกอัญชัน นา้ ว่าน-กาบหอย เผือก หอมหัวใหญ่สมี ่วง มะเขือมว่ ง พริกแดง
องุ่นแดง-ม่วง แอปเปิลแดง ลูกไหน ลูกพรุน ลูกเกด ลูกหม่อน (มัลเบอร่ี) บลูเบอรี่ เชอร่ี แบล็กเบอร่ี ราสเบอร่ี
สตรอเบอรี่

5
โมเลกุลของแอนโทไซยานิน (anthocyanins) จัดอยู่ในกลุ่มสารประกอบฟีนอล (phenolic
compounds) กลมุ่ พอลฟิ นี อล (polyphenol)

สีของแอนโทไซยานินเป็นสารสีที่พบได้ท่ัวไปในดอกไม้ ผลไม้บางชนิด ใบหรือลาต้นของพืช
บางชนดิ ทมี่ ีสตี ง้ั แต่สีแดงถึงนา้ เงนิ เขม้ ในสภาพทเ่ี ป็นกรดมีคา่ pH ตา่ กวา่ 3 (เป็นกรดสงู ) จะทาใหแ้ อนโทไซยานิน
มีสีแดง ในสภาพท่ีค่อนข้างเป็นกลาง หรือมีค่า pH ประมาณ 7-8 แอนโทไซยานินจะมีสีม่วง และเม่ือสภาพเป็น
เบสหรือมคี า่ pH มากกว่า 11 (เป็นเบสสงู ) แอนโทไซยานนิ จะเปลยี่ นเป็นสีน้าเงิน

6

การนาแอนโทไซยานินมาใช้เป็นสารให้สี (coloring agent) ธรรมชาติในอาหาร เช่น ใช้สีจาก
ดอกอัญชนั ทาขนมไทย หลายชนดิ

ประโยชน์ตอ่ สุขภาพของแอนโทไซยานิน
แอนโทไซยานินมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการจัดเป็น functional food เพราะสารนี้มี
ฤทธ์ิต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิด โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และโรคมะเร็ง
(Lazze et al., 2004)
ผลของการแปรรปู อาหารตอ่ แอนโทไซยานิน
แอนโทไซยานินละลายได้ดีในน้า ไม่เสถียร สลายตัวได้ง่ายด้วยความร้อน ออกซิเจน แสง
เม่ือโครงสร้างเปล่ียนแปลงไป สีจะเปล่ียนไปด้วย ปัจจัยท่ีมีผลต่อสขี องแอนโทไซยานิน ได้แก่ ความเป็นกรดเป็น
ดา่ ง เม่อื pH เปน็ กรดจะมสี แี ดง เมอื่ pH สงู ข้นึ จะเปลย่ี นเปน็ สนี ้าเงิน
การแปรรูปผักผลไม้ท่ีมีแอนโทไซยานินด้วยความร้อน (thermal processing) ด้วยการบรรจุ
กระป๋อง (canning) โดยใช้กระป๋องโลหะ (can) ทีทาจากแผ่นเหล็กเคลือบดีบุก (tin plate) อลูมิเนียม โลหะ
จะปฏิกิริยากับกรดอินทรีย์ (organic acid) ท่ีมีอยู่ตามธรรมชาติในผักหรือผลไม้ หรือกรดท่ีเติมไปเพ่ือปรับให้
อาหารเป็นกรด (acidification) ได้เป็นเกลอื ของโลหะ หลังจากนั้นแอนโทไซยานินจะรวมตัวกบั โลหะไอออนที่ได้
ให้เกดิ เป็นกรด และเกดิ ปฏิกิริยาเชน่ น้ีอย่างต่อเนื่อง กัดกร่อนจนกระทั่งดีบกุ ที่เคลือบกระป๋องหมดไป ต่อจากนั้น
แอนโทไซยานินจะไปทาปฎิกริ ิยากบั เหล็กทเ่ี ป็นตัวกระป๋องทาให้เกิดการรวั่ แบบรูเข็ม (pin holing) ซ่ึงเปน็ สาเหตุ
ของอาหารกระป๋องเส่ือมเสยี (canned food spoilage)
กระปอ๋ งท่จี ะใชบ้ รรจผุ ักและผลไม้ทม่ี ีแอนโทไซยานนิ อยดู่ ้วย จึงควรเคลือบด้วยสารเคลอื บ เชน่
แลกเกอรเ์ พอ่ื ป้องกนั ปฏิกริ ิยาดังกล่าว หรอื อาจจะใช้ร่วมกับ chelating agent เพื่อจบั กับโลหะ

7

2. ใบเตย

(ท่มี า: https://sites.google.com/site/bitey606/info)

2.1 ขอ้ มูลทวั่ ไป
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Pandanus amaryllifolius Roxb.
ชอื่ สามัญ : Pandanus Palm , Fragrant Pandan , Pandom wangi.
วงศ์ : Pandanaceae
ชอื่ อนื่ : ปาแนะวองิง (มาเลเซีย-นราธวิ าส)

2.2 ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นพืชใบเล้ียงเดี่ยวลักษณะแตกกอเป็นพุ่มขนาดเล็ก ลาต้นเป็นข้อ ใบออกเป็นพุ่ม

บริเวณปลายยอด เมื่อโตจะมรี ากค้าจุนชว่ ยพยุงลาต้นไว้ ใบเป็นใบเด่ียวเรียงสลับเวียนเป็นเกลียวขึ้นไปจนถึงยอด
ลักษณะใบยาวเรียวคล้ายใบหอก ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเป็นมัน เส้นกลางใบเว้าลึกเป็นแอ่ง ถ้าดู
ด้านทอ้ งใบจะเหน็ เป็นรปู คล้ายกระดกู งูเรือ ใบมกี ล่ินหอม

2.3 ส่วนที่ใช้ คือ ตน้ และราก, ใบสด

8

2.4 สรรพคณุ
ต้นและราก
- ใช้เป็นยาขบั ปัสสาวะ แกก้ ระษัย
ใบสด
- ตาพอกโรคผวิ หนัง
- รักษาโรคหดื
- นา้ ใบเตย ใชเ้ ป็นยาบารงุ หวั ใจให้ชมุ่ ชื่น
- ใช้ผสมอาหาร แต่งกลนิ่ ใหส้ ีเขียวแตง่ สขี นม

2.5 วธิ แี ละปริมาณที่ใช้
ใชเ้ ป็นยาขับปัสสาวะ
ใช้ตน้ 1 ตน้ หรอื ราก คร่งึ กามือ ต้มกับนา้ ดมื่
ใช้เปน็ ยาบารุงหวั ใจ
ใช้ใบสดไม่จากัดผสมในอาหาร ทาให้อาหารมีรสเย็นหอม รับประทานแล้วทาให้หัวใจ

ชมุ่ ชืน่ หรือเอาใบสดมาคัน้ นา้ รบั ประทาน ครั้งละ 2-4 ชอ้ นแกง
ใช้เปน็ ยาแกเ้ บาหวาน
ใช้ราก 1 กามือ ต้มนา้ ด่มื เข้าเยน็

2.6 สารเคมี
คลอโรฟิลล์ (chlorophyll) เป็นรงควัตถุหรือสารสี (pigment) ที่มีสีเขียวอยู่ในคลอโรพลาสต์
(chloroplast) มีความสาคญั ในกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช เพ่ือสรา้ งเป็นน้าตาลกลูโคส ซึ่งเป็นสารอาหาร
ที่ใหพ้ ลังงานในเซลล์ของพืช

9
คลอโรฟิลล์มีโครงสร้างเป็นวงโพรไพริน (prophyrin) ประกอบด้วยวงแหวนไพร์โรล (pyrrole)
4 วง เรียงตดิ กนั มี Mg+2 อยูต่ รงกลาง

คลอโรฟิลล์ท่ีพบในพืชมี 2 ชนิด คือ คลอโรฟิลล์ เอ (chlorophyll A) และ คลอโรฟิลล์ บี
(chlorophyll B) ในอตั ราส่วน 3:1 คลอโรฟิลล์ท้ังสองชนดิ มโี ครงสร้างเหมือนกัน แตกต่างกันทหี่ มู่ในบางตาแหน่ง
ของโครงสร้างโมเลกลุ

คลอโรฟิลล์ไม่คงตัวต่อความร้อน เมื่อได้รับความร้อนจะเปล่ียนเป็นฟีโอไฟติน (pheophytin)
ทาให้สีเขยี วเปล่ียนเปน็ สเี ขยี วน้าตาล

คลอโรฟลิ ล์พบมากในพชื ช้ันสูง เช่น ผกั ใบเขียวและเปลือกผลไมด้ ิบ รวมทัง้ สาหรา่ ยสีเขยี ว เช่น
spirulina

10

3. เผือก

(ที่มา: https://today.line.me/th/v2/article/MpmqRD)
3.1 ขอ้ มูลท่วั ไป

ช่อื ทางวิทยาศาสตร์ คือ Colocasia
ช่อื สามญั คือ Taro
ชือ่ วง ว่า ARSCEAE
3.2 ลกั ษณะทว่ั ไป
เผือกเป็นพืชหัวที่มีลาต้นใต้ดินสะสมอาหาร เรียกว่า หัว ซ่ึงเมื่อเติบโตขึ้นจะขยายลาต้นออก
พร้อมกับท่ีความยาวของปล้องลดลง เม่ือลาต้นหรือท่เี รยี กกันวา่ หัวเผือกมีขนาดใหญ่ จะมรี าก ช่วยดึงหัวให้ลกึ ลง
ในดิน ที่ปลายรากเหล่านี้จะพองโตขึ้นเป็น หวั ย่อยทีม่ ีขนาดเลก็ หรอื เรียกว่า ลกู เผือก ซึ่งจะทาหน้าที่ชว่ ยยึดลาต้น
ช่วยดดู นา้ และแร่ธาตุ
3.3 ชนิด
เดิมทีเดียวนักพฤกษศาสตร์ได้แบ่งเผือกออกเป็น 2 ชนิด คือ ซี แอนทิโควรุม (C.antiquorum)
กบั ซี เอสคูเลนตา (C.esculenta) ต่อมาเม่ือได้ตรวจลักษณะอย่างละเอียดแล้ว เขาจึงจัดเผือก 2 ชนิดเข้าไว้เป็น
ชนิดเดยี วกนั คอื ซี เอสคูเลนตา คงแตกตา่ งกันทพี่ ันธ์ุเทา่ นนั้ ขณะนี้เผอื กจึงแบง่ ออกได้เปน็ 2 ประเภท คือ

11

ภาพ หัวเผอื กใหญ่ซ่ึงใช้รบั ประทาน ส่วนหวั เล็กใช้ทาพันธ์ุ
1. ประเภทเอดโด (eddoe)

ประเภทน้ีได้แก่ ซี เอสคูเลนตา วาร์ แอนทิโควรุม (C.escu enta var. antiquorum)
หรือซี เอสคูเลนตา วาร์ โกลบุลิเฟอรา (C. esculenta var. globulifera) ได้แก่ เผือกท่ีมีหัวขนาดไม่ใหญ่ และ
มีหัวเล็กกวา่ ลอ้ มรอบหลายหัว ทุกหวั รบั ประทานได้ และใชท้ าพันธ์ไุ ด้

2. ประเภทแดชีน (dasheen)
ประเภทนี้ ได้แก่ ซี เอสคูลนตา วาร์ เอสคูเลนตา (C.esculentavar. esculenta) ได้แก่

เผือกที่มีหัวขนาดใหญ่ และมีหัวขนาดเล็กๆ ล้อมรอบ หัวใหญ่ใช้รับประทาน ส่วนหัวเล็กมักใช้ทาพันธุ์ เผือก
ประเภทนไี้ ดแ้ ก่ เผอื กหอม ซึ่งเป็นพันธทุ์ น่ี ิยมปลูกกนั โดยทั่วไปของไทยเรา

เผอื กในเมอื งไทยเทา่ ที่มผี ูจ้ าแนกไว้มี 4 ชนดิ ได้แก่
1. เผือกหอม เป็นชนิดหัวใหญ่ หนักหัวละประมาณ ๒-๓ กก. มีหัวเลก็ ติดอยูก่ ับ

หวั ใหญ่เลก็ น้อย ต้มรบั ประทานมีกลน่ิ หอม กาบใบใหญ่ สีเขียว
2. เผอื กเหลอื ง หวั ขนาดย่อม หวั สีเหลือง
3. เผอื กไม้ หรือเผือกไหหลา หัวมขี นาดเลก็
4. เผือกตาแดง ทต่ี าของหัวมสี ีแดงเข้ม มีหัวเล็กๆ ติดอยู่รอบหวั ใหญ่ เป็นกลุ่ม

จานวนมาก กาบใบ และเส้นใบสแี ดง

12

4. ฟกั ทอง

(ท่มี า: https://www.thai-
thaifood.com/th/%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0

%B8%87/)

4.1 ขอ้ มูลทวั่ ไป
ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Cucurbita moschata Decne.
ชือ่ สามัญ Pumpkin
วงศ์ CUCURBITACEAE

4.2 ลักษณะ
ฟกั ทองเป็นไม้เถาเลื้อยไปตามดิน มมี ือสาหรับยึดเกาะ ลาต้นอวบน้า ใบเดยี่ วรปู ห้าเหลีย่ ม มีขน

ท้งั สองด้าน ดอกสเี หลืองรูปกระดิ่ง ผลฟักทองมีด้วยกันหลายลักษณะ บางคร้ังเปน็ ผลเกือบกลมก็มี แต่โดยท่ัวไป
เป็นรูปทรงกลมแป้น ผิวขรุขระเล็กน้อย เม่ือยังดิบเนื้อค่อนข้างแข็ง นอกจากเนื้อของผลฟักทองจะใช้เป็นอาหาร
แล้ว เมล็ดฟกั ทองกใ็ ชเ้ ปน็ อาหารวา่ งไดด้ ้วย

ในประเทศตะวนั ตก นิยมนาฟกั ทองมาเจาะเป็นชอ่ ง มีจมกู ตา แล้วใส่เทียน หรือดวงไฟขา้ งใน
เพื่อฉลองในวนั ฮาโลวนี เรยี กวา่ แจคโอแลนเทนิ ’ (Jack-o’-lantern pumpkin)

ฟักทองมีกากใยสูง อุดมด้วยวิตามินเอและสารต่อต้านการผสมกับออกซิเจนกับเกลือแร่ และ
มี “กรดโปรไพโอนิค” กรดน้ีทาให้ทาให้เซลล์มะเร็งให้อ่อนแอลงในเน้ือฟักทองมีแคโรทีนและแป้ง ใช้แต่งสีขนม
เชน่ ขนมฟกั ทอง ลกู ชุบ โดยนาเนื้อนง่ึ สกุ มายีกับแปง้ หรือถวั่ กวน

13

4.3 สารเคมี
แคโรทีนอยด์ (carotenoid) เป็นรงควัตถุ (pigment) สีเหลือง ส้ม แดง และส้ม-แดง พบทั่วไป

ในพชื และสิง่ มีชีวิตทส่ี ามารถสังเคราะหด์ ว้ ยแสงได้ ทางานรว่ มกับคลอโรฟลิ ส์ (chlorophyll) ซ่ึงเป็นรงควัตถุทม่ี สี ี
เขียว ทาหน้าที่ ดูดซับพลังงานจากแสงอาทิตย์ เพ่ือการสังเคราะห์แสงและช่วยการเจริญเติบโตของพืช และ
ป้องกันอนั ตรายจากแสง (photoprotective agents) ในอุตสาหกรรมอาหาร ใช้เป็นสีผสมอาหาร (food color)
จากธรรมชาติ เปน็ กลุม่ สารทม่ี ีมีประโยชนต์ อ่ สุขภาพรา่ งกาย ชว่ ยตา้ นอนุมลู อสิ ระ (antioxidant)

โครงสร้างหลักของรงควัตถุกลุ่มน้ีคือ การเป็นสายไฮโดรคาร์บอน ซึ่งประกอบด้วยคาร์บอน 40
อะตอม เปน็ ไฮโดรคารบ์ อนชนิดไมอ่ ม่ิ ตัว มพี ันธะคูห่ ลายตาแหน่ง

การแบง่ ประเภท แคโรทีนอยด์ จาแนกได้เปน็ 2 กลุ่มย่อย ดงั นี้
แคโรทีน (Carotene) เป็น รงควัตถุท่ีมีสีส้ม หรือส้ม -แดง เป็น สายยาวขอ ง

ไฮโดรคาร์บอน
แซโทฟวิ ส์ (xanthophyll) มีสเี หลือง หรอื ส้ม-เหลือง เป็นสายยาวของ ไฮโดรคาร์บอน

ท่มี อี อกซเิ จน O เป็นองคป์ ระกอบ ซ่งึ แซนโทฟิวส์ มีหลายชนดิ ขนึ้ อยกู่ บั ระดบั oxidation ของโมเลกุล
แคโรทนี อยด์ในอาหารธรรมชาติมีประมาณ 600 ชนิด ที่พบมากมี 6 ชนิด คอื

1. แอลฟา-แคโรทีน (alpha-carotene)
2. บตี า-แคโรทีน (beta-carotene)
3. บีตา-ครพิ โตแซนทนิ (beta-cryptoxanthin)
4. ไลโคพนี (lycopene)
5. ลทู ีน (lutein)
6. ซแี ซนทนี (zeaxanthin)

14
ภาพ การแบง่ ประเภท แคโรทีนอยด์

15

5. ขนมบัวลอย
ประวตั ิความเป็นมาของบวั ลอย

ภาพ ขนมบัวลอย
ขนมบัวลอยเป็นขนมไทยพื้นบ้านของชาวไทย ท่ีร้จู กั กันท่ัวทุกภูมิภาค แต่ละพื้นที่จะมีสตู รและเคล็ดลบั ท่ี
แตกต่างกันไป โดยเฉพาะขนมบัวลอย สูตรของนางกวยอัตจักร์ซ่ึงเป็นชาวอีสานและมีภูมิลาเนาเป็นคนบ้านโนน
ศิลา อาเภอโนนศิลาโดยกาเนิด ได้รู้จักวิธีการทาขนมบัวลอยมาเมื่อคร้ังยังเป็นสาว โดยได้เรียนรู้จากแม่ และ
เริ่มปรับปรุงพัฒนารูปแบบ ส่วนผสม ตลอดจนการรูจ้ ักดัดแปลงหรือนาเอาวัสดุธรรมชาติทีม่ ีอยู่ในท้องถ่ินมาเป็น
ส่วนผสม เช่น ใบเตย ดอกกุหลาบ หรือดอกอัญชัน มาคั้นเอาน้าไปผสมกับแป้งเพ่ือให้ได้สีสันท่ีสวยงาม
น่ารับประทาน

16

บทที่ 3
วธิ ีการดาเนนิ งาน

1. วัสดุ/อุปกรณ์
1.1 กะละมงั ทาขนม
1.2 หม้อ
1.3 กระบวย

2. เครื่องมือ
2.1 หมอ้
2.2 กะละมัง
2.3 ภาชนะใสข่ นม

3. วิธกี ารดาเนินงาน
3.1 นาฟกั ทอง มนั ม่วง เผือก และมันเทศ มานึ่งให้สุก จากน้นั นามาบดใหล้ ะเอียด

17

3.2 ผสมฟกั ทองบดกบั แป้งขา้ วเหนียว และนา้ เปล่า จากนนั้ นวดใหแ้ ปง้ ผสมเข้ากนั จนเนียนดี ทาแบบ
เดยี วกนั กับมนั มว่ ง เผือก และมนั เทศ

3.3 นาแปง้ มาป้นั เปน็ ก้อนกลม ขนาดตามต้องการ แล้วพักไว้ (อย่าลืมหาผ้ามาคลมุ แปง้ ดว้ ย)

18

บทท่ี 4
ผลการทดลอง

จากการศกึ ษาไดผ้ ลการทดลอง ดังนี้
ศกึ ษา บวั ลอยไดเ้ ปน็ สตี ามผลไมแ้ ต่ล่ะชนิด
ตารางท่ี 1 เปรียบเทยี บ การทาบัวลอยกอ่ นทดลองและหลังทดลอง

ก่อนทดลอง หลังทดลอง

รูปใส่ใบเตยและมีแป้งเตม็ จาน ได้เป็นลูกบัวลอยสีสวยงดงาม

จากตารางที่ 1 พบว่า ไดท้ ีรปู รา่ งทีสวยแตส่ อี อ่ น เพราะยงั ไมไ่ ดล้ งไปต้มหรือทอด

19

บทท่ี 5
สรปุ ผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ

1. สรปุ ผลการวิจัย
จากการทดลองพบว่าบัวลอยจากสีธรรมชาติมี 3 สี ได้แก่ สีฟ้าคือสีฟ้าได้จากดอกอัญชัน สีเขียว ได้จาก

ใบเตย และสเี หลอื งไดจ้ ากฟกั ทอง

2. อภปิ รายผล
ขนมบัวลอยเป็นขนมไทยพื้นบ้านของชาวไทย ท่ีรจู้ กั กันท่ัวทุกภูมิภาค แต่ละพื้นทจ่ี ะมีสูตรและเคลด็ ลบั ท่ี

แตกต่างกันไป โดยเฉพาะขนมบวั ลอย สูตรของนางกวย อตั จักร์ ซึ่งเป็นชาวอีสานและมีภมู ิลาเนาเปน็ คนบา้ นโนน
ศลิ า อาเภอโนนศิลาโดยกาเนิด ได้รู้จักวธิ ีการทาขนมบัวลอยมาเม่ือครั้งยังเป็นสาว โดยได้เรียนรู้จากแม่ และเร่ิม
ปรับปรงุ พัฒนารูปแบบ ส่วนผสม ตลอดจนการรู้จักดัดแปลงหรือนาเอาวัสดุธรรมชาติที่มีอยู่.ธรรมชาติท่ีนามาคั้น
ปน่ั และ ตม้ เพื่อ ให้ไดส้ ีผสมอาหารกับบวั ลอยเปน็ บัวลอยจากสีธรรมชาติ บัวลอย สามารถทาไดห้ ลายวิธโี ดยการ
ใส่สตี ัวบวั ลอยนน้ั สามารถทาไดห้ ลายรปู แบบเช่นการนา วสั ดุ จากธรรมชาตมิ าใชส้ ีผสมอาหารในปัจจบุ นั

3. ข้อเสนอแนะ
3.1) การทารายงานค้นคว้าฉบับนี้มีข้อมูลครบถ้วนแต่อาจจะไม่สมบูรณ์เพียงพอ ผู้สนใจจึงควรศึกษา

เพิ่มเตมิ ในเรื่องการทาขนมบัวลอย ได้ท่ีแหลอ่ งขอ้ มูลเพ่ือการศึกษาข้อมลู ท่คี รบ
3.2) ตกแตง่ โดยใช้กลน่ิ ในบวั ลอย
3.3) นาสธี รรมชาติมาผสมกนั ใหเ้ กดิ เป็นสีใหม่ สีธรรมชาตทิ าไดจ้ าก ฟักทอง อญั ชัน ใบเตย

20

บรรณานุกรม

https:th.m.wikipedia.org/wiki/%EO%B8 % AD%EO%B8 % 8 D%E0 % B8 % 8 A%

https://sites.google.com/site/bitey606/info

https://today.line.me/th/v2/article/MpmqRD

https://www.thai-
thaifood.com/th/%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87/


Click to View FlipBook Version