ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 เรอื่ ง ยอ้ นกาลเวลา
เร่ืองท่ี 1 การนบั เวลาแบบไทย
ใบความรูท้ ่ี 1
เร่อื งที่ 1 การนบั เวลาแบบไทย
การนับเวลา
ประวัติศาสตร์ให้ความสำคัญกับช่วงเวลา เนื่องจากเวลาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สังคม
มีความเปลี่ยนแปลง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งย่อมมีความแตกต่างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอีก
ชว่ งเวลาหนง่ึ เหตกุ ารณท์ ี่เกิดก่อนย่อมเปน็ เหตุ และจะมีผลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง คุณค่า
สำคญั ของประวัติศาสตรค์ ือ การสร้างความตระหนกั ว่า อดีตเป็นบทเรยี นสำคญั สำหรับปัจจุบันและ
อนาคต ดังนั้น ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์จะต้องมีความรู้พื้นฐานเก่ียวกบั การบอกเวลา
เพื่อใช้เปรียบเทียบเวลา ให้รู้ว่าเหตุการณ์ใดเกิดก่อนและเหตุการณ์ใดเกิดหลัง ซึ่งจะช่วยให้ทำความเข้าใจ
เรอื่ งราวทางประวัตศิ าสตรไ์ ดด้ ีข้ึน
1. การนบั เวลาแบบไทย
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ 4 มีการกำหนดวิธเี รยี กเวลาแบบจารีต
เพือ่ ความเขา้ ใจตรงกนั คือการเรียก “โมง” และ “ท่มุ ” ซึง่ ถอื เป็นคำสำคญั ที่ใช้แบ่งภาคกลางวันและกลางคืน
เพ่อื ให้เรียกแยกกนั อย่างชัดเจน โดยคำวา่ นั้นมาจากเสียงฆ้อง เป็นอปุ กรณใ์ ชต้ สี ัญญาณบอกเวลาตอน
กลางวนั ส่วนคำว่าทมุ่ เรียกตามเสียงกลองอุปกรณใ์ ช้ตีสญั ญาณบอกเวลาตอนกลางคนื
1) การนบั เวลาในรอบวนั เทียบเวลาในรอบวันตามเวลาสากล กบั เวลาที่เรียกตามแบบไทย
ซ่ึงปัจจุบนั ยังนยิ มใช้ ดงั ภาพ
เรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์ By Kru Wirinya
ชุดกิจกรรมที่ 1 เร่ือง ย้อนกาลเวลา
เรื่องท่ี 1 การนบั เวลาแบบไทย
2) การนับยามกลางคนื เปน็ การนบั เวลาทม่ี าจากการเปลยี่ นเวรของยามรกั ษาการณ์ทกุ 3 ชัว่ โมง
ดังนี้
ยาม 1 ตรงกับ 21.00 น. ยาม 3 ตรงกบั 3.00 น.
ยาม 2 ตรงกบั 24.00 น. ยาม 4 ตรงกับ 6.00 น.
3) การนับปีนกั ษตั ร รอบปีนกั ษัตร 1 รอบ มี 12 ปี มชี อื่ เรียกและรูปสตั วป์ ระจำปี ดงั นี้
เมื่อครบรอบ 12 ปี ถึงปกี นุ แล้วกจ็ ะเร่มิ ตน้ นบั รอบใหม่ทมี่ ีชวดตอ่ ไป
เรยี นรู้ประวตั ิศาสตร์ By Kru Wirinya
ชุดกจิ กรรมที่ 1 เร่ือง ย้อนกาลเวลา
เรอื่ งท่ี 1 การนบั เวลาแบบไทย
2. ช่วงเวลาแบบจันทรคตแิ ละแบบสรุ ิยคติ
2.1 ระบบสรุ ิยคติ
เป็นการนบั ช่วงเวลาโดยยึดการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ซงึ่ กนิ เวลาประมาณ
365 วัน หรอื 1 ปี เรยี กว่า ปีปกตสิ รุ ทิน และใน 1 ปี มี 12 เดอื น เริม่ ต้ังแต่เดือนมกราคม ถงึ เดือนธันวาคม
ของทกุ ปี การนับเวลาตามสรุ ยิ คติ จะนับโดยการยึดการโคจรของดวงอาทิตย์เปน็ หลกั
การนบั เวลาแบบสรุ ยิ คติ เปน็ การนบั เวลาท่ีถือเป็นเวลาสากล และนิยมใชก้ นั ทั่วไป
ในปัจจุบัน เปน็ เวลานบั เวลาโดยยึดการโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ยเ์ ป็นหลัก ดงั น้ี
ระยะเวลาท่ีโลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ เท่ากับ 1 วัน
ระยะเวลาทโ่ี ลกหมุนรอบดวงอาทติ ย์ 1 รอบ เท่ากบั 365 ¼ วนั หรอื 365 วนั 6 ช่ัวโมง
ทกุ 1 ปี จะมีเศษวนั เหลอื อยู่ ¼ วัน เมอ่ื ครอบ 4 ปี ก็จะเท่ากบั 1 วนั พอดี จงึ เพ่มิ วันเขา้ ไปในเดือน
กมุ ภาพันธ์ ดงั นน้ั ทุก 4 ปี เดือนกุมภาพันธ์ จึงมี 29 วัน และในปีน้นั จะมี 366 วัน เรียกว่า ปีอธกิ สรุ ทนิ
วนั ทางสรุ ยิ คติ ได้แก่ วันท่ี 1, 2, 3, ... เรือ่ ยไป ในเดอื นหนงึ่ ๆ มีวนั ไมเ่ กนิ วนั ท่ี 31 วัน
เดอื นทางสุริยคติ มี 12 เดือนใน 1 ปี ไดแ้ ก่ 1) มกราคม 2) กุมภาพันธ์ 3) มีนาคม 4) เมษายน
5) พฤษภาคม 6) มิถนุ ายน 7) กรกฎาคม 8) สงิ หาคม 9) กนั ยายน 10) ตุลาคม 11) พฤศจิกายน
12) ธนั วาคม
เดอื นทีล่ งท้ายด้วย “คม” มี 31 วัน เดือนท่ีลงทา้ ยด้วย “ยน” มี 30 วัน ส่วนเดอื น กุมภาพันธ์
ตามปกตมิ ี 28 วัน รวมทงั้ ปีได้ 365 วนั เรียกปที ่ีมี 365 วันน้ีวา่ ปปี กติ หรอื ปี ปกตสิ ุรทิน
เรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตร์ By Kru Wirinya
ชุดกิจกรรมท่ี 1 เรอื่ ง ยอ้ นกาลเวลา
เรื่องที่ 1 การนบั เวลาแบบไทย
2.2 ระบบจันทรคติ
การนบั เวลาแบบจนั ทรคติ เปน็ การนับเวลาโดยยึดเอาการโคจรรอบโลกของดวงจนั ทร์
เปน็ หลกั ซ่งึ วันทางจนั ทรคตเิ รียกวา่ ข้างขน้ึ ข้างแรม
ขา้ งขึน้ คือ วันทีด่ วงจันทรค์ อ่ ย ๆ สว่างขึ้น เร่มิ นบั ตงั้ แต่วนั ข้นึ 1 ค่ำ วันขึ้น 2 คำ่
เร่ือยไปจนถึงวันขน้ึ 15 คำ่ ซ่ึงเป็นวนั ท่ีดวงจนั ทรส์ ว่างเต็มดวง
ขา้ งแรม คอื วันท่ดี วงจนั ทรค์ ่อย ๆ มดื ลง เรม่ิ นบั ต้งั แต่วันแรม 1 คำ่ วันแรม 2 ค่ำ
เร่อื ยไปจนถึงวันแรม 15 คำ่ ซงึ่ เป็นวันที่ดวงจันทร์มืดเตม็ ดวง
จากประวตั ิความเป็นมาในอดีต ประเทศไทยใช้การนับเวลาแบบจนั ทรคติ ซึ่งมวี ิธเี ขยี น
โดยใชส้ ญั ลกั ษณ์ และมวี ธิ ีการอา่ น ดังน้ี
๒ ฯ๓๗
เลขทอี่ ยู่หนา้ เคร่อื งหมาย ฯ หมายถึง วนั ในสัปดาห์ โดยให้ ๑ แทนวนั อาทติ ย์ ๒ แทนวนั
จนั ทร์ เรือ่ ยไปจนถึง ๗ แทนวันเสาร์ เลข ๒ ในตัวอย่างคอื วนั จันทร์
เลขท่ีอยูห่ ลังเครื่องหมาย ฯ หมายถงึ เดอื นทางจันทรคติ ในตัวอย่างคอื เดือน ๗
เลขทอ่ี ยู่บนหรือลา่ งเครื่องหมาย ฯ หมายถึง ข้นึ แรมกค่ี ่ำ ถา้ อยูข่ ้างบนเปน็ ขา้ งขึ้น ถ้าอยู่
ข้างล่างเป็นขา้ งแรม ในตวั อย่างคอื ขึน้ ๓ ค่ำ
การอา่ นวัน เดือน ขน้ึ แรมแบบน้ี อา่ นตามลำดบั ดังนี้
วัน ๒๓ฯ๗ คำ่ อ่านวา่ วนั จันทร์ เดอื น ๗ ขึ้น ๓ ค่ำ
วัน ๗๑ฯ๑๒ ค่ำ อา่ นว่า วันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๒ คำ่
เดือนทางจนั ทรคติ มี 12 เดือน คอื เดือนอ้าย, เดอื นย่ี, เดอื น 3, เดือน 4, ... ไปถึง เดอื น 12
เรม่ิ ตน้ เดอื นในวนั ขน้ึ 1 ค่ำ แต่วันสน้ิ เดอื นแตกต่างกนั เปน็ 2 แบบ ดงั น้ี เดอื นคี่คอื เดอื นอ้าย, เดือน 3, 5, 7,
9, 11 สิ้นเดือนในวนั แรม 14 ค่ำ เดอื นคู่คอื เดอื นยี่, เดอื น 4, 6, 8, 10, 12 สิ้นเดอื นในวันแรม 15
เดอื นคู่มีข้างขึน้ 15 วนั ข้างแรม 15 วัน รวมแลว้ มีวนั ครบ 30 วัน เรียกว่า เดอื นเต็ม
สว่ นเดอื นคี่มขี า้ งขึน้ 15 วัน ขา้ งแรม 14 วัน รวมเป็น 29 วัน ไมเ่ ต็ม 30 วนั จงึ เรียกว่า เดอื นขาด
เรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์ By Kru Wirinya
ชดุ กจิ กรรมที่ 1 เร่ือง ย้อนกาลเวลา
เรื่องท่ี 1 การนบั เวลาแบบไทย
เดือนจันทรคติใน 1 ปี รวมวันได้ 354 วัน นอ้ ยกว่าจำนวนวันในปสี ุรยิ คติ ถึง 11 วันเศษ
เพื่อมใิ หเ้ กดิ ความเหลอ่ื มล้ำกันจึงแก้ไขด้วยการปรับบางปใี ห้มี 13 เดือนโดยเพ่ิม เดอื น 8 หลังไวต้ อ่ จากเดือน
8 แรก เรียกปที ี่มีเดอื น 8 สองหนน้ีว่า ปีอธกิ มาสหมายถงึ ปีท่มี ีเดือนเพม่ิ
บางปียงั เพมิ่ วนั อีก 1 วนั ในเดอื น 7 ทำให้ เดอื น 7 ปนี น้ั มถี งึ วันแรม 15 ค่ำ เรียกปีท่มี ีวัน
เพมิ่ ขึ้นเชน่ นวี้ ่า ปีอธิกวาร หมายถึง ปีท่ีมี วันเพิ่ม 6. ปนี กั ษตั ร
การนบั ช่วงเวลาแบบจันทรคติน้ัน ในปจั จบุ นั นกี้ ็ยังคงมใี ชก้ ันอยู่ โดยเฉพาะเร่อื งเก่ียวกับ
วันสำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา และวันจัดงานบญุ ประเพณีของท้องถ่นิ
เรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์ By Kru Wirinya
ชุดกิจกรรมท่ี 1 เร่ือง ยอ้ นกาลเวลา
เรือ่ งท่ี 1 การนบั เวลาแบบไทย
บรรณานุกรม
ณรงค์ พ่วงพิศ และคณะ. (2558) .คู่มือครูประวัตศิ าสตรไ์ ทย ม.4-6 . กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั อักษรเจริญทศั น์
อจท. จำกดั .
ไพทรู ย์ มกี ศุ ลและคณะ. (2558) . หนงั สือเรยี นรายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6. กรุงเทพฯ :
สำนักพิมพว์ ัฒนาพานชิ จำกัด.
พศิ าลศรี กระต่ายทอง. (17 กนั ยายน 2564). กำเนิดคำวา่ “โมง” ย้อนดชู าวสยามนับเวลาถึงยุค
ชนชัน้ นำไมเ่ ชอ่ื วา่ “นาฬกิ า”แม่นยำ.สืบคน้ เมือ่ 13 พฤศจิกายน 2564,จากhttps://www.silpa-
mag.com/history/article_7703.
ชนาธนิ าถ ชโี พธิ.ชุดการเรยี นรู้ เรือ่ ง การศึกษาประวัตศิ าสตรแ์ ละพฒั นาการของแหลง่ อารยธรรม
ในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้. สืบค้นเม่อื 13 พฤศจกิ ายน 2564 ,
จากttps://www.kroobannok.com/news_file/p79524361033.pdf
วกิ พี ีเดีย สารานกุ รมเสรี. ปฏทิ ินจันทรคตไิ ทย สืบค้นเมอื่ 13 พฤศจิกายน 2564. จาก https://th.wikipedia.
org/wiki/%.
ส.พลายน้อย.ชอื่ “วัน-เดือน” ของไทยมาจากไหน การใช้วันที่ 1,2,3… เร่มิ เม่อื ใด?.สืบค้นเมอ่ื 13
พฤศจกิ ายน 2564,จากhttps://www.silpa-mag.com/history/article_7703.
เรียนร้ปู ระวตั ิศาสตร์ By Kru Wirinya