1
ความร้เู กี่ยวกับพณิ
โยธนิ พลเขต
วิทยาลยั นาฏศลิ ปร้อยเอ็ด
สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
สารบญั 2
ประวัติความเป็นมาของพิณ 3
ชนดิ ของแคน 4
สว่ นประกอบของแคน 5
ทา่ ทางการจับแคน 7
การใชล้ มเป่าแคน 11
แบบฝึกเป่าแคนเบ้อื งตน้ 12
การเปา่ จา้ ดแคน 13
ขอ้ ควรจาในการเป่าแคน 14
โนต้ ลายลาโปงลาง 15
โน้ตลายเซง้ิ โปงลาง ลายลมพัดไผ่ 16
โน้ตลายประกอบการแสดงฟ้อนศรที นั ดอน 17
โน้ตลายเตย้ ธรรมดา ลายเตย้ โขง ลายเตย้ พมา่ 18
โนต้ ประกอบการแสดงฟ้อนบายศรี 19
โนต้ ลายลมพัดพร้าว 20
33
ประวัติความเป็นมาของพิณ
พิณ เปน็ เครื่องดนตรปี ระเภทมีสายขงึ ตึงใชด้ ดี บรรเลง เรียกตามภาษาบาลแี ละสันสกฤตว่า “วีณา”
พบเห็นในหลายเช้ือชาติเพยี งแตม่ ีชื่อเรียกแตกตา่ งกัน มีรูปร่างลกั ษณะท่ีคลา้ ยคลงึ กนั คอื เปน็ เครื่องดนตรที ี่ขึง
ด้วยสายใชด้ ดี สงิ่ ที่น่าเช่อื วา่ พณิ เปน็ เคร่ืองดนตรที ีเ่ ก่าแก่นัน้ เท่าท่ปี รากฏหลกั ฐานในไทยคือ
หลักฐานทางประวัติศาสตร์
มกี ารขดุ คน้ พบโบราณวัตถุปูนปนั้ บริเวณซึ่งในอดตี เปน็ ที่ตั้งอาณาจกั รสุวรรณภูมิ ปัจจบุ นั คือตาบลคบู ัว
อาเภอเมือง จังหวดั ราชบุรี เป็นศลิ ปะสมัยทวาราวดี ราว พทุ ธศตวรรษที่ 13 สูง 67.5 ซม. ซึ่งป้นั เป็นรูปนางทั้งห้า
บรรเลงดุริยะดนตรี นางหน่ึงบรรเลงพิณเพียะ หรอื พิณนา้ เตา้ นางหน่ึงดีดพณิ หา้ สาย สงั เกตจากตรงคอของคัน
ทวนที่เสยี บลูกบดิ มรี ูปรา่ งแบน ๆ คล้ายคอกีตาร์ ข้างหน่ึงมี 3 อนั อีกขา้ งมี 2 อัน ตัวพณิ มีรูปรา่ งรยี าวคล้าย
“ ปิปะ” ของจีนหรือพิณของชาวอสี านในปัจจบุ ัน นางหน่งึ ตีกรับ นางหนึง่ ตีฉง่ิ และอกี นางหนึ่งขบั ลานา
ภาพที่ 1 นางทง้ั ห้าบรรเลงดุริยะดนตรี
หลักฐานทางวรรณคดี
จากวรรณคดี เร่อื ง ไตรภมู ิพระรว่ ง พญาลิไทกษตั รยิ ์กรงุ สุโขทัย ร.4 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ เมื่อปี
พ.ศ. 1903 กล่าวถึงพณิ วา่
“เสียงนัน้ ดงั เพราะหนักหนา และเพราะกว่าเสยี งพาทย์ เสยี งพิณ ฆอ้ ง กลอง แตรสงั ข์ ฟงั เสียงกลองใหญ่
กลองราม กลองเล็ก และฉิ่งแฉง่ บณั เฑาะว์ เสนาะ วงั เวง ลางคนตกี ลอง ตพี าทย์ ฆ้องกรบั สัพพทุกส่งิ บางจาพวกดีด
พิณและสีซอพงุ ตอ” (อทุ ิศ นาคสวสั ดิ์. 2522)
พิณสมยั โบราณแต่เดิมคงใช้กะโหลกทาดว้ ยผลนา้ เตา้ แหง้ ทาใหเ้ สยี งกอ้ งกงั วานเช่น พิณโบราณ จึงมชี ่อื
เรียกวา่ “ พิณนา้ เต้า” พิณ มีชอ่ื เรยี กต่างกันตามภมู ิภาค คือ ซุง , ซึง ,โตดต่ง ชาวผไู้ ท เรียกพณิ วา่ “ กระจบั ป่ี
” พณิ มีสายตั้งแต่ 1 – 2 – 3 – 4 สาย
44
ชนดิ ของพณิ
พณิ ในภมู ิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทยจาแนกเป็นสองประเภท ดังน้ี
1.ประเภททดี่ ีดเพอ่ื ผลิตหางเสยี ง ขน้ึ มาก่อนแลว้ จงึ ใชห้ างเสียงน้นั บรรเลงเป็นเพลง คาว่าหางเสียง OVERTONE หรือ
UPPER – PARTIAL อันเปน็ เสยี งทเี่ กิดข้ึนบนพ้ืนฐานของเสยี งประเภทหนง่ึ ในตระกูลเดียวกนั ไดแ้ ก่
1.1 พิณนา้ เต้า
ภาพท่ี 2 พณิ นา้ เตา้
พิณนา้ เตา้ เป็นเครือ่ งดีดเดิมใช้สายเอ็นสัตวต์ ากแห้ง และพัฒนามาใชไ้ หม ปัจจบุ ันใชส้ ายโลหะมเี พียงสาย
เดียว พณิ นา้ เตา้ เป็นเคร่ืองดนตรีของไทยท่ีเกา่ แกม่ ากทส่ี ุดท่ียงั มีการเล่นสบื ต่อกนั มามีหลงเหลอื อยูท่ างอสี านใตข้ อง
ประเทศไทยหลายทอ้ งถิน่ เวลาดดี ผูเ้ ลน่ จะไม่สวมเส้ือ ใช้นว้ิ มือซ้ายถือทวนคนั พิณ การถอื ทวนคนั พณิ ทาได้โดยง่าย
เพียงวางโคนของทวนคันพิณลงที่ง่ามมือซา้ ยระหว่างโคนหัวแม่มือกับสว่ นโคนของนิ้วช้ี สว่ นปลายของน้วิ ช้ี , ปลาย
น้วิ กลาง , ปลายน้วิ นาง และน้ิวกอ้ ยพร้อมทีจ่ ะกดลงทสี่ ายของพิณเพ่อื ทาใหเ้ กดิ เสียงสูง-ตา่ ใหเ้ ปน็ ทานองเพลง แลว้
เอากะโหลกพิณประกบติดกับหนา้ อกซ้ายของผเู้ ลน่ ใชม้ อื ขวาดีดสาย ท่ีน้ิวนางของผู้บรรเลงสวมปลอกโลหะเป็นเคร่ือง
ดีดแลว้ ขยับกะโหลกน้าเต้าเปิดปดิ ทห่ี น้าอกทาให้เกิดเสียงก้องกังวาน
1.2 พิณเพียะหรือพิณเป๊ยี ะ
ภาพที่ 3 พณิ เพียะหรอื พณิ เปยี๊ ะ
พิณเพยี ะหรือพิณเปยี๊ ะ มีลักษณะคลา้ ยพณิ น้าเต้าแต่มี 2 สาย กะโหลกซอทาด้วยลูกน้าเตา้ ตดั ครึง่ หรือ
กะลามะพร้าวก็ได้ วิธดี ีดเหมือนกันกบั พิณนา้ เตา้ คลอเสยี งรอ้ งของตนเอง นยิ มเกยี้ วสาวเวลากลางคนื เปน็ เคร่ือง
ดนตรพี ้ืนบ้านทางภาคเหนือ
55
2.ประเภทดดี ทสี่ ายโดยตรง
1.กระจับป่ี คาว่า “กระจับป่ี” เข้าใจวา่ เพ้ยี นมาจากคาว่า “กจั ฉปิ” เปน็ คาชวาเพ้ยี นเป็น“แขฺสจาปิ”
หรอื “แคชจาเป็ย” ในภาษาขอม ในภาษาบาลสี นั สกฤต คาวา่ กัจฉปะ แปลว่า เต่า เพราะแต่เดิม
กระโหลกพิณมีรปู รา่ งคล้ายเต่า กระจับปเ่ี ป็นเครอื่ งดนตรโี บราณชนดิ หนง่ึ ของอินเดยี จัดเปน็ เครือ่ งดนตรใี นกลมุ่
“วีณา” (พณิ ) มี 4 สายมตี ะพานหรือนมสาหรับกดสาย 11 อัน หรือ 11 ขน้ั มีท่ดี ีดสายทาด้วยเขาสตั ว์
2.ซึง เป็นเครื่องดนตรีพ้นื บ้านทางภาคเหนือ มี 4 สาย ลกั ษณะเหมือนกระจบั ป่แี ต่เล็กกว่า
รปู ร่างคล้าย “เหยอะฉนิ ” ของจนี แตป่ ลายคันทวนของจีนมกั จะสลักเป็นรูปมังกร แตค่ ันทวนของซึงทางภาคเหนือ
ทาใหแ้ บนและงอมาทางด้านหนา้ ไม่แกะสลกั เปน็ รปู หวั พญานาคหรือหวั หงส์
3.พิณ (ซงุ ) ชาวอีสานมักเรียกพิณวา่ “ซงุ ” หรือ โตดติต่ง ตามสาเนียงของเครอื่ งดนตรี ซุง มี 2 – 3 และ 4
สาย แต่ปจั จุบันนยิ มเลน่ 3 สาย ซงุ พื้นบ้านนิยมใช้สายจากลวดเบรครถจักรยานทง้ั 3 สาย ปจั จุบันนิยมใช้สาย
กตี ารส์ าย 1 สาย 2 และสาย 4 เพราะหางา่ ย สะดวกในการใช้ ซุงนิยมทาจากไม้ขนนุ (ไมห้ มากมี่) เพราะเบาทา
ง่าย ให้เสียงไพเราะ ปลายคันทวนนิยมแกะสลักเป็นหวั พญานาค หางพญานาค หรือหัวหงส์ ซึ่งเปน็ เอกลักษณ์อยา่ ง
หนึ่งของชาวอีสาน
ภาพท่ี 4 ส่วนประกอบของพณิ ไฟฟ้า
สว่ นประกอบของพิณไฟฟ้า ประกอบด้วยสว่ นตา่ งๆ ดงั น้ี
1. ขน้ั แบง่ เสียง (ขนั้ พิณ) ทาจากเฟร๊ตกีตาร์ ข้นึ รองรบั สาย ยดึ ติดคอพณิ ดว้ ยกาว 2. หมอนรองสาย
3. ลูกบิด ทาจากลกู บดิ กตี าร์ มี 3 ตัว ตามจานวนสาย 4. สายพิณ ปัจจบุ ันนิยมใช้สายกตี าร์สาย 1 สาย 3 สาย 4
5. ตัวพิณ มขี นาดยาว ประมาณ 80 ซม. โดยวัดจากลกู บดิ จนถึงเตา้ พิณไม่รวมความยาวของหัวพญานาค
6. หัวพญานาค แกะจากไม้เน้ืออ่อนเชน่ ไม้โมก
7. คอนแทร็ค
8. ทยี่ ดึ สายพณิ
9. โวลลมุ่
10. รูแจ๊ค
11. หยอ่ ง
66
การตดิ ขัน้ ตัง้ บนั ไดเสียง
การติดข้ันต้ังบนั ไดเสยี งลงบนคอพณิ แตเ่ ดิม สามารถเลื่อนตาแหนง่ ขัน้ เสียงได้เพราะตดิ ขั้นดว้ ยข้สี ดู หรือ
ชนั โรง (ปัจจบุ ันนิยมติดขั้นแบบกตี าร์เพื่อความคงทนไม่หลุดงา่ ย) ทาได้ 2 แบบ คือ
1. ติดข้นั ตามเสียงโปงลาง สว่ นมากจะตง้ั ระดบั 5 เสียงคือ ลายใหญ่ ไดแ้ กเ่ สยี ง โด เร มี ซอล ลา
ส่วนลายนอ้ ยไดแ้ ก่ เสียง ฟา ซอล ลา โด เร แตป่ จั จบุ นั วงโปงลางไดเ้ พิ่มเสียงเป็น 6 เสียง ถึง 7 เสียง แลว้
เพือ่ ใหส้ ามารถเลน่ เพลงได้หลายประเภทท้ังหมอลา ลกู ทุ่ง ลูกกรงุ แม้กระท่ังเพลงสตรงิ
2. ตดิ ขน้ั ตามเสยี งแคนแปด มีเสียงครบ 7 เสยี ง คือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที สามารถใชบ้ รรเลงได้หลายบนั ได
เสยี ง
การตัง้ สายพิณ การตง้ั พิณ 3 สาย มกี ารต้งั 2 แบบ คือ
1. ลายใหญ่ ตง้ั สาย 1(สายเอก) เสียง ม,ี สาย 2(สายทุม้ ) เสยี ง ลา สาย 3 (สายเสพ) เสียง มีตา่
2. ลายนอ้ ย ตั้งสาย 1(สายเอก) เสยี ง ลา, สาย 2 (สายทุ้ม) เสียง เร สาย 3 (สายเสพ) เสยี ง ลาต่า
“สายเสพ” มีหนา้ ทใ่ี ห้เสยี งประสาน หรอื เสยี งโดรน
* กรณีเลน่ ลายสุดสะแนน ตั้ง สาย 3(สายเสพ) เปน็ เสยี ง ซอลต่า ดังภาพประกอบ
11 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 สายเปล่า
ลา ซอล ฟา มี เร โด ที ลา ซอล ฟา# ฟา 3.มีต่า
เร โด ที ลา ซอล ฟา มี เร โด ที ทีb 2.ลา
ลา° ซอล° ฟา° มี° เร° โด° ที ลา ซอล ฟา# ฟา 1.มี
ตาแหนง่ เสยี งพณิ ลายใหญ่
11 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 สายเปล่า
เร โด ที ลา ซอล ฟา มี เร โด ที ทีb 3.ลาต่า
ซอล ฟา มี เร โด ที ลา ซอล ฟา มี มีb 2.เร
เร° โด° ที° ลา ซอล ฟา มี เร โด ที ทีb 1.ลา
ตาแหนง่ เสยี งพณิ ลายน้อย
การติดขัน้ พิณบางวงได้เพิ่มข้นั ครึ่งเสียงระหวา่ งสายเปลา่ กับชอ่ งที่ 1 ทาใหเ้ กดิ ครึ่งเสยี งช่องท่ี 2
ถ้าลายใหญ่ก็ได้เสยี ง ฟาชาร์ป F# สาย 3 , เสียงที B สาย 2 , เสียงฟาชาร์ป F# สาย 1 ถา้ ลายน้อยกไ็ ด้
เสยี งที สาย 3 , เสยี งมี สาย 2 , เสียงที สาย 1 การตัง้ สายพณิ หรอื เทียบสายทง้ั 2 สายและ 3 สาย ควรต้งั
สายใหถ้ กู ต้องตามระดับเสียง ถา้ ไม่มแี คนหรือโปงลางสามารถตัง้ สายโดยเทยี บเสยี งเปียโน หรือหลอดเปา่ เทยี บเสียง
ทม่ี ีขายตามร้านจาหน่ายเครอ่ื งดนตรที ่วั ไปก็ได้
77
การดแู ลรกั ษาพณิ
1. การเกบ็ ควรมีกล่องหรือถงุ ท่ีเย็บเรียบร้อยเพ่ือป้องกันการแตกหักเวลาเคล่ือนย้าย
2. เม่ือใช้งานแล้ว ควรลดสายลงเลก็ น้อยเพ่ือรักษาสายให้ใชง้ านไดน้ าน
3. พณิ โปรง่ เม่ือขน้ั พณิ หลดุ ควรใช้ขสี้ ดู หรือกาวลาเท็กซต์ ิดไว้ตาแหนง่ เดมิ ถา้ พิณไฟฟ้าปัจจุบันนิยมใชเ้ ฟร็ตกีตารแ์ ทน
ข้นั ไม้
4. เม่อื ใช้งานนาน ๆ เสยี งจะเพย้ี น ใหเ้ ปลี่ยนสายใหม่
5. ปก๊ิ หรอื ไม้ดีด สมยั ก่อนใชเ้ ขาควาย ปจั จบุ ันนยิ มใช้ป๊กิ กีตาร์ดีด คงเพราะซ้ือหาสะดวก บางทใ่ี ชข้ วดนา้
พลาสตคิ หรอื บัตรโทรศพั ทใ์ ช้แล้วตดั เป็นรปู ทรงปกิ๊ กตี าร์ก็มี
6. หลังใช้งานทุกครงั้ ควรใช้ผา้ สะอาดเชด็ สายเพราะสายพิณจะมีความช้ืนจากเหงื่อทาใหเ้ ปน็ สนิมได้ง่าย
วธิ กี ารฝกึ ดดี พณิ
การเรียนดนตรหี ัวใจสาคัญคอื การฝกึ ผ้เู รยี นต้องฝกึ ฝนอย่างสมา่ เสมอ เช่น ฝกึ ร้องโน้ต ฝึกการฟัง
เพลง ฝกึ ดดี พิณตามแบบฝกึ
ท่าทางการจบั พณิ
ผู้ดดี พิณสามารถนงั่ หรือยืนดีดกไ็ ด้ ท่าน่งั ควรวางเต้าพณิ หรอื ตัวพิณไวบ้ นขาขวาหรือขาซ้ายที่ถนัด
สามารถนงั่ ไดห้ ลายแบบ เชน่ นั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพยี บ น่ังเกา้ อี้ ตามแตผ่ ูด้ ีดถนัด การกามอื ซ้ายที่คอพิณ
ควรกาอยา่ งหลวม เพื่อสามารถเคลอ่ื นยา้ ยน้วิ ไปตามคอพณิ ไดส้ ะดวก โดยใชห้ วั แมม่ ือซา้ ย
ดังภาพตัวอย่าง
ภาพที่ 5 การจับพิณ
88
การวางน้วิ บนคอพิณ
ผ้ดู ดี ควรใชน้ ว้ิ ชใี้ นขน้ั หรือช่องที่ 1 – 2 , นว้ิ กลางข้นั ท่ี 3 , นวิ้ นางขัน้ ท่ี 4 ดงั ตวั อยา่ ง
ภาพท่ี 6 นวิ้ ช้ีในข้นั หรือช่องท่ี 1 – 2 ภาพที่ 7 นิ้วกลางขนั้ ท่ี 3 ภาพท่ี 8 นว้ิ นางขัน้ ท่ี 4
วธิ ดี ดี พณิ
1. ผ้ดู ีดสามารถน่งั หรอื ยนื ดีดก็ได้ ท่านั่งควรวางเตา้ พิณหรือตวั พณิ ไว้บนขาขวา (ถ้าถนัดซา้ ยก็วางไวด้ า้ นซ้าย)
2. งอข้อศอกขวาเล็กน้อยแขนขวาวางบนขอบเตา้ พิณ มือขวาที่ใชด้ ีด จบั ปก๊ิ ด้วยน้วิ หวั แมม่ ือกบั นว้ิ ชี้
(บางคนถนดั ใชน้ ิว้ กลางแทนนว้ิ ชี้) เอียงคอพิณให้ทามุมประมาณ 30 – 60 องศา
4. ฝกึ ใช้ข้อมือเคลื่อนไหวจับป๊กิ ดดี สายเปลา่ สาย 1 - 2 - 3 ข้ึนลง สลบั กันไป จากชา้ ค่อยๆ เร็วข้ึน
จนเกิดความคลอ่ งตัว
5. มือซ้ายทาหน้าทเ่ี คลื่อนยา้ ยไปตามตาแหน่งบนคอพณิ โดยใชห้ ัวแมม่ ือวางบนคอพิณนวิ้ ช้ี - กลาง - นาง - กอ้ ย กด
ปลายนว้ิ ลงบนสายพิณ การกดสายควรกดเบา ๆ เหนอื ขน้ั เสียงเลก็ นอ้ ยเพ่อื เสียงจะไมเ่ พ้ียน
6. การดีดสายใหเ้ สยี งรวั คือการดีด ขึน้ ลงสลับกนั โดยใชอ้ ตั ราจงั หวะเร็วท่ีสดุ (เคาะหนึง่ จังหวะใหด้ ีดสลบั
ขึน้ ลงประมาณ 8 ครัง้ )
7. ตาแหนง่ ทีด่ ดี สายควรดดี สายบรเิ วณรเู สยี ง เพื่อให้เสยี งกังวาน
8. การจับปิก๊ ใช้นิ้วหวั แม่มือกับนว้ิ ช้ีจบั บางคนถนดั ใชน้ ้ิวกลางแทนนิ้วชี้ ไมค่ วรจบั แน่นหรอื เบาจนเกินไป
เพือ่ ไมใ่ ห้ป๊ิกหลดุ มือขณะดดี
ภาพที่ 9 การจับปิ๊กดดี พิณ
99
9. การดดี พณิ ตามโนต้ เพลงใช้วธิ ีการอา่ นแบบเดียวกับโนต้ โปงลาง คือ
สญั ลกั ษณ์ดีดข้ึน ↑ ดีดลง ↓
หลกั การดดี พณิ พอจะสรุปได้ว่า ดดี ข้ึน จงั หวะท่ี 1 และ 3 ดดี ลงจงั หวะท่ี 2 และ 4 การดีดเสียงให้ชดั เจน
ใหใ้ ชป้ ลายนิว้ กดใหช้ ดิ ด้านซ้ายขัน้ พิณให้แนน่ จงึ ดีดสายบริเวณรูเสียง เสียงท่ไี ดจ้ ะดังชดั เจน
การฝึกดีดพิณเบ้อื งต้น
ฝกึ ดดี สายเปล่าสายท่ี 1 เสยี ง มี บรรทดั ท่ี 1 ( ขึน้ ลง ขึ้น ลง ) ,บรรทดั ที่ 2 ( ขนึ้ - ขนึ้ - )
บรรทดั ที่ 3 ( - ลง - ลง ) , บรรทดั ที่ 4 ( ขนึ้ ลง - - )
ม มม ม ม มม ม ม มม ม ม มม ม ม มม ม ม มม ม ม มม ม ม มม ม
1234 1234 1234 1234 1234 1234 1234 1234
ม-ม- ม-ม- ม-ม- ม-ม- ม-ม- ม-ม- ม-ม- ม-ม-
1-3- 1-3- 1-3- 1-3- 1-3- 1-3- 1-3- 1-3-
-ม-ม -ม-ม -ม-ม -ม-ม -ม-ม -ม-ม -ม-ม -ม-ม
-2 - 4 -2 - 4 -2 - 4 -2 - 4 -2 - 4 -2 - 4 -2 - 4 -2 - 4
มม-- มม-- มม-- มม-- มม-- มม-- มม-- มม--
12-- 12-- 12-- 12-- 12-- 12-- 12-- 12--
* เครอื่ งหมาย - ไม่ตอ้ งดีด แตใ่ ห้นบั หนง่ึ จังหวะ หรือเคาะหนง่ึ ครง้ั ในใจ
ฝึกดดี สายเปล่าสายท่ี 2 เสียง ลา
ล ล ลล ล ล ลล ล ล ลล ล ล ลล ล ล ลล ล ล ลล ล ล ลล ล ล ลล
1234 1234 1234 1234 1234 1234 1234 1234
ล-ล- ล-ล- ล-ล- ล-ล- ล-ล- ล-ล- ล-ล- ล-ล-
1-3- 1-3- 1-3- 1-3- 1-3- 1-3- 1-3- 1-3-
-ล-ล -ล-ล -ล-ล -ล-ล -ล-ล -ล-ล -ล-ล -ล-ล
-2 - 4 -2 - 4 -2 - 4 -2 - 4 -2 - 4 -2 - 4 -2 - 4 -2 - 4
ลล-- ลล-- ลล-- ลล-- ลล-- ลล-- ลล-- ลล--
12-- 12-- 12-- 12-- 12-- 12-- 12-- 12--
1010
ฝึกดดี สายเปลา่ สายที่ 3 เสียง มี
↑ ↓ ↑↓ ↑ ↓ ↑ ↓ ↑ ↓ ↑↓ ↑ ↓ ↑↓ ↑ ↓ ↑ ↓ ↑ ↓ ↑ ↓ ↑ ↓ ↑ ↓ ↑ ↓ ↑ ↓
ม มม ม ม มม ม ม มม ม ม มม ม ม มม ม ม มม ม ม มม ม ม มม ม
↑↑ ↑↑ ↑↑ ↑↑ ↑↑ ↑↑ ↑↑ ↑↑
ม-ม- ม-ม- ม-ม- ม-ม- ม-ม- ม-ม- ม-ม- ม-ม-
↑↓ ↑↓ ↑↓ ↑↓ ↓↑ ↓ ↓↑ ↓ ↓↑ ↓ ↓↑ ↓
ม ม - - ม ม - - ม ม - - ม ม - - - มม ม - มม ม - มม ม - มม ม
* เม่ือฝกึ ดดี สายเปล่าทัง้ 3 สาย ตามโนต้ จนคลอ่ งแล้วกฝ็ ึกดีดสลบั สาย 1 และ 2 ดังนี้
↓↓ ↓↓ ↓↓ ↓↓ ↓↓ ↓↓ ↓↓ ↓↓
-ล - ม -ล - ม -ล - ม -ล - ม -ล - ม -ล - ม -ล - ม -ล - ม
* ขอ้ สังเกต คือ การดีดตามโน้ตสาย 1 และ 2 จะดีดลง ↓↓
ฝึกดดี สลับสาย 2 และ 3 ดังนี้ -ล - ม
สายเปลา่ 2 เสียง ลา สายเปล่า 3 เสียง มี
↓ ↓ ↓↓ ↓↓ ↓↓ ↓↓ ↓↓ ↓↓
-ล - ม -ล - ม -ล - ม -ล - ม -ล - ม -ล - ม -ล - ม
* ข้อสงั เกต คอื การดดี ตามโนต้ สาย 2 และ 3 จะดีดลง
การดดี สลับขึ้นลง 3 ตวั โนต้
เป็นการดดี สลบั สายเปล่า 1 ( เสยี ง ม ) ดีดลง และสายเปล่า 2 ( เสยี ง ล ) ดดี ขึ้น
เมื่อฝึกจนคล่องแลว้ ผูฝ้ ึกสามารถใช้กบั โนต้ อนื่ ได้ และอยา่ ลืมเคาะจงั หวะท่ี 4 ของห้อง
↓ ↑↓ ↓ ↑↓ ↓↑↓ ↓↑↓ ↓↑↓ ↓↑↓ ↓↑↓ ↓↑↓
-ม ล ม -ม ล ม -ม ล ม -ม ล ม -ม ล ม -ม ล ม -ม ล ม -ม ล ม
การดดี สลับขนึ้ ลง 4 ตวั โนต้
เปน็ การดีดสลับสายเปล่า 1 ( เสยี ง ม ) และสายเปล่า 2 ( เสยี ง ล )
เมือ่ ฝกึ จนคล่องแล้วผูฝ้ ึกสามารถใช้กับโน้ตอน่ื ได้ และอยา่ ลืมเคาะจังหวะท่ี 4 ของห้อง
↑ ↓↑ ↓ ↑ ↓↑ ↓ ↑ ↓↑ ↓ ↑ ↓↑ ↓ ↑ ↓↑ ↓ ↑ ↓↑ ↓ ↑ ↓↑ ↓ ↑ ↓↑ ↓
ม มล ม ม มล ม ม มล ม ม มล ม ม มล ม ม มล ม ม มล ม ม มล ม
* สัญลักษณ์ ดดี ขึ้น ↑ ดดี ลง ↓
1111
การดีดรวั เพ่อื ให้เกิดเสยี งหวานเปน็ การดีดสลบั ข้นึ ลง ให้มคี วามถี่หรือเร็วท่ีสุด โดยดีดลงก่อนเสมอ
ตามโนต้ ดีดสายเปล่า 1 ( เสียง ม )
↓
--- ม ↓↓↓
↓ ---- --- ม ---- --- ม ---- --- ม ----
--- ล
ตามโนต้ ดีดสายเปล่า 2 ( เสียง ล )
↓
--- ม ↓ ↓↓
---- --- ล ---- --- ล ---- --- ล ----
ตามโนต้ ดีดสายเปล่า 3 ( เสียง ม )
↓↓ ↓
---- --- ม ---- --- ม ---- --- ม ----
เมือ่ ฝึกดีดตามโน้ตจนคล่องแล้ว ต่อไปให้ฝกึ ไล่เสยี งจากสายบน( สาย 2 )ลงสายลา่ ง ( สาย 1 ) และสายลา่ งขึน้ สาย
บนตามโน้ต ดีดข้นึ ลงตามสญั ลักษณ์ ดังน้ี
↑ ↓ ↑ ↓ ↑ ↓ ↑↓ ↑ ↓ ↑↓ ↑ ↓ ↑↓ ↑ ↓ ↑↓ ↑ ↓ ↑↓ ↑ ↓ ↑↓ ↑ ↓ ↑↓
ด ร ม ฟ ซ ล ท ด° ด° ท ล ซ ฟ ม ร ด ด ร ม ฟ ซ ล ท ด° ด° ท ล ซ ฟ ม ร ด
1212
คอร์ดพณิ (ลายใหญ่) 3 2 1
C ซ ฟ# ฟ ม.
ด ทb ล
ล ซ ท3338 ฟ ม◦
ร
ล 3 #ฟ3# 1 ม.
ล
Am ซ 33 ฟ ม◦
ด ทb
ล ซ 38 ฟ ม.
ร ล
ล #32 1 ม◦
3ฟ# ฟ ม.
ทb ล
ท3383 ฟ ม◦
#ฟ3# 1
33 ฟ
ทb
F 38 ฟ
ล 3 2 #3
ร 3
ล ซ
ด ฟ#
Dm ซ
ท3383
ล 3 ฟ#3#
ร 33
ล ซ
ด 2 38
ซ #3
ฟ3 #
ท3383
#ฟ3#
33
38
#3
3
1313
Gm 3 21
ล ซ ฟ# ฟ ม.
ร ด
ล ซ ท3383 ทb ล
Bb 3 ฟ#3# ฟ ม◦
ล ซ 33
ร ด
ล ซ 2 38 1
#3
G 3
3ฟ# ฟ ม.
ล ซ
ร ด ท3383 ทb ล
ล ซ
#ฟ3# ฟ ม◦
Em 3
33
ล ซ
ร ด 2 38 1
ล ซ #3
ฟ3# ฟ ม.
ท3383 ทb ล
#ฟ3# ฟ ม◦
33 1
2 38
#3
3ฟ# ฟ ม.
ท3383 ทb ล
#ฟ3# ฟ ม◦
33
38
#3
3
คอรด์ พิณ (ลายน้อย) 1414
F3 2 1 ทb ล.
มb ร
รด ท ทb ล◦
ซฟ ม
รด ท
Dm 3 21
ร ด ท ทb ล.
ซ ฟ ม มb ร
ร ด ท ทb ล◦
Gm 3 2 1 ล.
ร
ร ด ท ทb ล◦
ซ ฟ ม มb
ร ด ท ทb ล.
ร
C 3 2 1 ล◦
ร ด ท ทb
ซ ฟ ม มb
ร ด ท ทb
1515
Em 2 1
รด ท ทb ล.
ซฟ ม มb ร
รด ท ทb ล◦
โนต้ ลายลาโปงลาง
(:- - - - - - - ม - ซ - ล - ซ - ล - - - ล - - - ร - ด - ล - ซ - ล
--- ล ---ด -ร-ม -ร-ม ---ม ---ล -ซ-ม -ร-ม
---ม ---ม -ซ-ล -ซ-ล ---ล ---ร -ด-ล -ซ-ล
---ล ---ซ -ม-ล -ซ-ม ---ม ---ด -ร-ซ -ร-ม
---ม ---ล -ซ-ม -ร-ม ---ม ---ด -ร-ซ -ร-ม
- - - ม - ม - ร - ด - ล - ซ - ล - - - ล - ม - ร - ด - ล - ซ – ล:)
-ม-ล -ม-ร -ด-ล -ซ-ล
1616
โน้ตลายเซงิ้ โปงลาง
- - - ม - ซ - ล - ซ- ด - ซ - ล - ล- ม - ซ - ล - ซ- ด - ซ - ล
- ล- ด - ร- ม - ร- ซ - ร- ม - ม- ด - ร- ม - ร- ซ - ร- ม
- ม- ม - ซ - ล - ซ- ด - ซ - ล - ล- ม - ซ - ล - ซ- ด - ซ - ล
- ล- ร - ด- ล - ซ- ด - ซ - ล - ล- ร - ด- ล - ซ- ด - ซ - ล
- ล- ล - ซ- ม - ร- ซ - ร- ม - ม- ล - ซ- ม - ร- ซ - ร- ม
- ม- ด - ม - ร - ด - ล -ซ - ล - ล- ด - ม - ร - ด - ล -ซ - ล
โนต้ ลายลมพดั ไผ่
- - -ล - - -ล - --ล - - - - -- -ล -- -ล - - -ล -- --
- - -ล - - -ล -- -ด --ลร -ดรม -มซม รดรม -มซม
รดรม ลซลม ซลซล -ลดล (:- ซ ม ล -ลดล -ซมล -รดล
-ซมล -ลดล -ซมล ดซดล ซมรม -ดมม -ซมม -ดมม
-ซมม -ดมม -รดด --มม -ร-ด --มม -รดร --ดร
มรดร --ดร มรดร ดรซร มรดล ---ม รดทล ---ม
รดทล -ทลร -ทรล --ซล รดทล ซลทล รดทล -ดลด
รมซม ลมซด รมซม -ดลด รมซม ลซลม ซลซล - ด ซ ล :)
-ร–ล --ซด --ซล -ร–ฟ -ร-ล -ด–ซ -ฟ-ซ ลด–ร
1717
โน้ตลายประกอบการแสดงฟอ้ นศรีทันดอน
- - - - (: - - - ด - - - ด - - - ด - - - - - - - ด - ด ล ซ - ล - ด
---- ---ร -รดล -ด–ร ---- ---ด -ดลซ -ล-ด
---- ---ร -รดล -ด–ร ---- -ลดร -มรด ลมดร
---- -ลดร -มรด ลมดร ---- -ลดร ซมรด ลมดร
---ม -ซ-ซ มซมซ -มรด ---ม -ซ–ซ มซมซ -มรด
- - ซ ล ซ ล ด ม ซ ม ร ด ร ม ด ร - - ด ล ซ ล ด ม ซ ม ร ด รมด ร :)
เดย่ี ว
---- -ลดร -มรด รมดร -รมร ดรมร ซรมร ดรมร
ซรมร ดรมร ซรมร ดรมซ ดซลซ มซลซ ดซลซ มซลซ
มซลซ มซลซ มซลซ มซลม ซมรด ลดรม ซรมด ล มดร
1818
โนต้ ลายเตย้ ธรรมดา
- - - - ---ล -ลดร -มรด -ล - - ---ล -ลดร -มรด
-ล--
- มซร -ซมซ -ซ-ด -ดรม ---- - ล -ม ซลดล ซมรม
---ด -ดลด -ด-ร -ม–ซ - - -ด - ด รม -มซร -ดลด
-ล-ม -ดรม -มซร -ดลด --ลซ - - มร -รมด -ล-ซ
-ซ-ร มรดล
ด ร - ด
โน้ตลายเตย้ โขง
(: - - - - - - - ล - - - ซ - ม – ล - - - ซ - ด - ล - - - ซ - ม – ล
- - - - - - - ล - - - ซ -ม–ล ---ซ -ด-ล ---ซ -ม–ล
- - - - -ซ–ม - - - ร -ด-ม - - - ร -ซ-ม ---ร -ด–ล
- - - ด - ร - ม - ร – ด - ซ - ล - - - ด - ร - ม ซ ม ร ด - ซ - ล:)
โน้ตลายเตย้ พมา่
(: - - - - - ล - ท - ล - ท - ล - ซ - ล - ซ - ท - ล - ซ - ด - ร - ม
- - - - -ม-ม -ล-ซ -ม-ร -ด-ร -ล-ด -ร-ม -ร-ด
- - - - -ล-ด - - - - -ร-ม -ซ-ล -ซ-ม -ซ-ร -ร-ร
- - - - -ล-ร - - - - -ล-ท - -ลซ -ล-ท -ร-ด -ท-ล
- - - - - ล - ร - - - - - ล - ท - - ล ซ - ล - ท - ร - ด - ท - ล:)
-ล-ซ -ล-ท -ร-ด -ท-ล
1919
โน้ตเพลงประกอบการแสดงฟอ้ นบายศรีสู่ขวญั
---- -ทลซ -ล-ท -ด-ร ---- ---- ---ม -ซ-ล
---- -ซ-ม -ร-ด -ม-ร ---- -ม-ซ -ล-ด -ม-ร
---- -ม-ร -ด-ท -ล-ซ ---- ---- -ล-ด -ล-ด
---- -ร-ม -ร-ด -ล-ด ---- -ร-ม -ซ-ล -ซ-ล
---- ---- ---- ---ซ ---- -ด-ล -ซ-ม -ร-ซ
---- ---- ---- ---ด ---- -ม-ร -ด-ล -ซ-ด
---- ---- ---- ---ด ---- -ร-ม -ซ-ม -ร-ม
---- -ซ-ด ---- -ร-ม --รม -ซ-ล -ด-ซ -ซ-ซ
---- ---- ---- ---ซ ---- -ด-ล -ซ-ม -ร-ซ
---- ---- ---- ---ด ---- -ม-ร -ด-ล -ซ-ด
---- ---- ---- ---ด ---- -ร-ม -ซ-ล -ด-ร
---- -ม-ร ---- -ด-ล -ซ-ล -ด-ซ -ล-ด -ร-ด
2020
โนต้ ลายลมพัดพรา้ ว
---- ---ด -ดลร -ดรม -มลซ -ซลม - ม ล ซ - ซ ด◦ ล
- ล ร ด◦ - ด◦ร ล - ล ด◦ ล ด◦ ล ด◦ ซ -ซลซ ลซลด -ดรซ รมซม
-มลซ ลซลด -ดรซ รมซม -ล-ม -ล-ม -ลซม -ลซม
-มซม รมซม ลมซม รมซม -มซม รมซม ลมซด รซรม
(: - ล- ด -ล-ร ---ด ลมดร -รซม รมดร ---ด ลมดร
ม ซ ด◦ล ซมดร ---ด ลดรม -มลซ -ซลม -มลซ -ซดล
-ลรด -ดรล -ลดล ดลดซ -ซลซ ลซลด -ดรซ รมซม
-มลซ ลซลด -ดรซ รมซม -ล-ม -ล-ม -ลซม -ลซม
-มซม รมซม ลมซม รมซม -มซม รมซม ลมซด ร ม ซ ม:)
-ล-ม - - รซ - -รม -ล-ด -ล-ม -ซ-ร -ด-ร มซ-ล
ประวตั ผิ ้เู รียบเรยี ง
1. ชอ่ื -สกุล ดร.โยธิน พลเขต ตำแหน่ง ผชู้ ว่ ยศำสตรำจำรย์
2. สงั กดั วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปร้อยเอด็ สถาบนั บัณฑิตพัฒนศลิ ป์ กระทรวงวฒั นธรรม
3. ประวัติกำรศึกษำ
ท่ี ปี สำขำ สถำบันที่สำเรจ็ กำรศึกษำ
1 2531 ศึกษาศาสตรบัณฑติ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล
สาขาดุรยิ างค์ไทย
2 2552 ศลิ ปกรรมศาสตรมหาบัณฑติ วิทยาลัยดุริยางคศลิ ป์ มหาวทิ ยาลยั
สาขาดรุ ิยางคศลิ ป(์ ดนตรีพืน้ บา้ น) มหาสารคาม
3 2556 ปรชั ญาดษุ ฏบี ัณฑิต วิทยาลยั ดุริยางคศลิ ป์ มหาวิทยาลัย
สาขาดรุ ิยางคศิลป(์ ดนตรีศกึ ษา) มหาสารคาม
4. ประวตั ิกำรทำงำน
ตาแหนง่ ปัจจบุ นั ประธานหลักสตู รศลิ ปะดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน
วทิ ยาลยั นาฏศิลปรอ้ ยเอ็ด สถาบันบัณฑติ พัฒนศิลป์ กระทรวงวฒั นธรรม
5. ผลงำนทำงวชิ ำกำร
5.1 หนังสือ/ตำรำ
โยธนิ พลเขต.(2545) คมู่ อื ศกึ ษำดนตรพี น้ื บ้ำนอสี ำน (โหวด). ร้อยเอด็ : ประสานการพมิ พ์.
โยธนิ พลเขต.(2547) คู่มอื ศึกษำดนตรีพ้นื บำ้ นอสี ำน. ร้อยเอ็ด : ประสานการพิมพ์.
โยธิน พลเขต.(2548) คมู่ อื ศึกษำดนตรีพ้นื บ้ำนอีสำน. ร้อยเอด็ : ประสานการพิมพ์.
โยธนิ พลเขต.(2553) กำรฝกึ ดนตรีพนื้ บ้ำนอสี ำน. รอ้ ยเอด็ : ประสานการพมิ พ์.
5.2 บทควำมวจิ ยั
วารสารระดบั นานาชาติ
1. The Supportive Factors for a Khan Player to Become Successful Ubon Style
Lam Klon Accompanists
2. KHAEN ACCOMPANIMENT FOR LAM KONSAWAN IN LAOS PDR.
3. THE INTERACTION BETWEEN LAM SINGING AND KHAEN
ACCOMPANYING IN LAOS PDR.
4. khään ACCOMPANIMENT FOR lam siphandon PERFORMANCE IN
CHAMPASAK PROVINCE, LAOS PDR**
5. KHAEN ACCOMPANIMENT FOR LAM BANSOK PERFORMANCE IN
SAWANNAKHATE PROVINCE, LAOS PDR
6. The Supportive Factors for a Khan Player to Become Successful Ubon Style
Lam Klon Accompanists