ปรชั ญา แนวคิด
ทฤษฎี ทางวัฒนธรรม
ก
คำนำ
E-book เล่มนีจ้ ดั ทำข้ึนเพอ่ื ประกอบการเรยี นวชิ าปรชั ญาการศึกษา PC62502
ภาคการศกึ ษาปี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
เนื้อหาของE-bookเล่มนี้ประกอบด้วยความหมายและความสำคัญวัฒนธรรม
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องของสังคมและวัฒนธรรม การนำทฤษฎีวิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม
ไปใช้ในการพัฒนาสังคม ทฤษฎีความล้าหลังทางวัฒนธรรม การนำทฤษฎีไปใช้ในการพัฒนา
ชุมชน ทฤษฎคี วามกา้ วหน้าทางวฒั นธรรม และ ทฤษฎกี ารแพร่กระจายทางวัฒนธรรม
8 สิงหาคม 2565
สารบัญ ข
เรอ่ื ง หน้า
คำนำ ก
สารบญั ข
ความหมายและความสำคัญของวฒั นธรรม 1
ทฤษฎที เ่ี กี่ยวข้องของสงั คมและวัฒนธรรม 2
การนำทฤษฎวี ิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมไปใช้ในการพฒั นาสงั คม 8
การเกดิ ความลา้ หลังทางวฒั นธรรม 9
ทฤษฎีความก้าวหน้าทางวัฒนธรรม 13
ทฤษฎกี ารแพรก่ ระจายทางวฒั นธรรม 16
สรุป 18
บรรณานกุ รม ค
ปรชั ญาแนวคดิ ทฤษฎีทางวัฒนธรรม
ความหมายของวฒั นธรรม
วัฒนธรรม คือมรดกแห่งสังคมที่มนุษย์ได้คิดค้น สร้างสรรค์ขึ้นอีกทั้งได้รับการถ่ายทอดกันมาจากอดีตสู่
ปัจจุบันอีกทั้งเป็นผลผลิตที่แสดงถึงความเจริญงอกงามต่าง ๆ ทางวัฒนธรรมทั้งด้านวัตถุและที่ไม่ใช่วัตถุเช่น
อุดมการณ์ ค่านิยม ประเพณี ศลี ธรรม กฎหมายและศาสนา เป็นต้น
พระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช 2485กล่าวว่า วัฒนธรรม หมายถึง ลักษณะที่แสดงถึงความ
เจริญงอกงาม ความเป็นระเบยี บเรยี บร้อย ความกลมเกลียวกา้ วหนา้ ของชาติ และศีลธรรมอนั ดงี ามของประชาชน
สรุปได้ว่า วัฒนธรรมหมายถึง วิธีการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่แสดงถึงวิวัฒนาการความเจริญงอกงามในการอยู่
ร่วมกัน เป็นการสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่แสดงออกในลักษณะวัตถุและไม่ใช่วัตถุแล้วถ่ายทอดสืบต่อกันมาจนถึง
ปัจจบุ นั
ภาพแสดงถงึ วัฒนธรรมไทย
1
ลกั ษณะสำคญั ของวัฒนธรรม
1)วัฒนธรรมเกิดจากการเรียนรู้ วัฒนธรรมไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาแต่กำเนิดและไม่ใช่สิ่งที่อาจถ่ายทอดทาง
พันธกุ รรมได้ เช่น การสร้างท่ีอยู่อาศัยของมนุษย์ย่อมแตกต่างไปจากรังของผึ้ง เพราะผึ้งสร้างรังขึ้นโดยสัญชาตญาณท่ี
เป็นไปเองตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องมีการเรียนรู้หรือสั่งสอน แต่การสร้างที่อยู่อาศัยของมนุษย์เกิดจากการเรียนรู้ของ
สมาชกิ ในสงั คม
2)วัฒนธรรมเป็นมรดกของสังคม วัฒนธรรมเป็นผลของการถ่ายทอดและการเรียนรู้จากสมาชิกรุ่นหนึ่งไปสู่สมาชิก
อีกรุ่นต่อไป การถ่ายทอดนั้น ต้องใช้เวลา และมีภาษาเป็นสื่อกลางช่วยใช้มนุษย์ได้แสดงความรู้สึกและสามารถเข้าใจ
ผอู้ ื่นได้ ช่วยให้การถ่ายทอดวัฒนธรรมสืบต่อมาเป็นมรดกทางสงั คม
3)วัฒนธรรมเป็นแบบแผนในการดำเนินชีวิต บุคคลที่เกิดในสังคมใดก็ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมของสังคมนั้น ซึ่ง
แตกต่างกันไปตามแต่ละสังคม ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้ว่าของใครดีกว่ากัน เพราะแต่ละวัฒนธรรมย่อมมี
ความเหมาะสมตามสภาพแวดล้อมของแต่ละสังคม เช่น วัฒนธรรมไทยก็มีแบบแผนการดำเนินชีวิตในลักษณะหนึ่งไม่
ว่าจะเป็นด้านการแต่งกาย อาหารการกิน ความเป็นอยู่ ซึ่งแตกต่างจากวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น ดังนั้น วิถีชีวิตของ
คนไทยคนญป่ี ่นุ หรือชาติอนื่ ๆ จะมวี ถิ ชี วี ิตทีเ่ ปน็ ลกั ษณะของตนเอง
4)วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ เกิดจากการคิดค้นสิ่งใหม่ๆขึ้น หรือปรับปรุงของเดิมให้เหมาะสมกับ
สถานการณท์ เี่ ปลย่ี นแปลงไป จงึ ทำใหว้ ฒั นธรรมมกี ารเปล่ยี นแปลงอยเู่ สมอสอดคลอ้ งกับยคุ สมัย
2
ทฤษฎีทเ่ี กีย่ วข้องของสังคมและวัฒนธรรม
ทฤษฎวี วิ ัฒนาการทางสังคมและวฒั นธรรม (Evolutionary Theory) เป็นทฤษฎีท่นี ำทฤษฎีวิวัฒนาการส่งิ มีชีวิตของชาร์ล
ดารว์ นิ (Charles Darwin ค.ศ. 1809-1882) นกั ชีววิทยาชาวอังกฤษเปน็ แนวทางในการอธบิ ายการเปล่ยี นแปลงทางสงั คมและ
วฒั นธรรมวา่ มีลกั ษณะเช่น เดยี วกนั คือจะเร่ิมต้นจากสภาพโบราณล้าหลังมโี ครงสรา้ งแบบง่าย ๆ ไปสโู่ ครงสรา้ งท่สี ลับซับซอ้ น
มากขนึ้ และไม่มกี ารสนิ้ สดุ เป็นวิวฒั นาการอย่างชา้ นาน
ตามสภาพสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อความอยู่รอดสิ่งมีชีวิตต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมตลอดเวลาและ
ต้องมีการต่อสู้ตามกฎแห่งการเลือกสรรทางธรรมชาติ (Law of Natural Selection) กล่าวคือสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวให้
เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมได้เท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอดได้สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นเกิดการต่อสู้แข่งขันกับพวกเดียวกัน
และกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ สิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงเท่านั้นจึงจะมีชีวิตอยู่รอดและวิวัฒนาการสืบต่อไปนักสังคมศาสตร์ได้นำทฤษฎี
ววิ ัฒนาการมาประยกุ ต์ใช้เพื่ออธบิ ายการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมว่ามีลักษณะเช่นเดียวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
โดยสังคมและวัฒนธรรมของมนุษย์จะเริ่มจากสังคมโบราณที่มีความล้าหลังมีโครงสร้างง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนแล้วค่อย เปลี่ยนไป
ตามความทนั สมัยทีม่ โี ครงสร้างซับซ้อนมากขึน้
3
ทฤษฎวี ิวัฒนาการของออกูสท์ คอมท์ (ค.ศ.1789-1857)
เป็นนักสังคมวิทยาชาวฝรั่งเศสเป็นคนแรกที่นำทฤษฎีวิวัฒนาการมาใช้อธิบายการเปลี่ยนแปลงทางสังคมโดยเชื่อว่าสังคม
มีโครงสร้างที่สำคัญ2ส่วนหลักๆ คือส่วนที่ไม่เปลี่ยนแปลงหรือสถิตกับส่วนที่เปลี่ยนแปลงหรือพลวัตส่วนที่เปลี่ยนแปลงนี้เองทำ
ให้สังคมต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สังคมได้วิวัฒนาการจากการมีโครงสร้างง่ายๆไปสู่โครงสร้างที่เพิ่มความสลับซับซ้อนขึ้น
เสมอเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบราบเรียบต่อเนื่องกันอย่างเป็นระบบจากครอบครัวขยายเป็นชุมชนและสังคมซึ่งมีความซับซ้อน
มากขึ้นเปน็ ลำดับสงั คมมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงมาแลว้ 3 ยคุ สมยั คือ
1.ยคุ แห่งเทววิทยา (Theological Stage) เกิดขึ้นตง้ั แตแ่ รกมีสงั คมมนษุ ยจ์ นถึง ค.ศ. 1300 อนั เปน็ ยุคแรกสุด
ของมนษุ ย์ทใ่ี ชค้ วามเชื่อถือในอำนาจเหนอื ธรรมชาตเิ ชน่ เทพเจ้าตา่ ง ๆ และผูท้ ี่มพี ลกำลงั เข้มแข็งเป็นผูป้ กครอง
สังคมหรอื เป็นยคุ แห่งอำนาจทหารและความเชอื่ ในเทพเจา้ นน่ั เอง
2.ยุคแหง่ อภปิ รัชญา (Metaphysical Stage) เกดิ ข้ึนในระหวา่ ง ค.ศ. 1300-1800 เป็นยุคสมยั ที่มนษุ ย์เช่อื ในพลังของส่งิ
ต่าง ๆ ท่ีเป็นนามธรรมเช่นธรรมชาติมากกวา่ เทพเจา้ ซง่ึ เปน็ บุคคลเปน็ ยคุ แห่งปรัชญาและกระบวนการทางกฎหมายมนุษย์เรม่ิ
รจู้ กั ใชป้ ัญญาและมีเหตผุ ลมากขน้ึ ไมเ่ ชื่อในพลกำลงั และอำนาจเหนือธรรมชาตวิ า่ เหนือกว่ามนษุ ย์
3.ยุคแหง่ วทิ ยาศาสตรแ์ ละอตุ สาหกรรม (Science and Industry Stage) เกิดขน้ึ ตั้งแต่ ค.ศ. 1800 เป็นต้นมาเป็นยุค
สมัยทมี่ นษุ ย์นำวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์มาใช้ทำให้เกิดความเจรญิ กา้ วหนา้ ทางวทิ ยาการตา่ ง ๆ และระบบอุตสาหกรรมขนึ้
สงั คมยุคนแี้ ตกต่างไปจากชุดท่ผี ่านมาโดยส้นิ เชิงเชน่ เกิดอาชีพใหม่ ๆ มากข้นึ มีสถาบันใหม่ ๆ มากขึ้นมีการจดั ชว่ งชน้ั ทาง
สงั คมชดั เจนขึ้นมีปัญหาและความขดั แยง้ มากข้นึ เปน็ ต้น
4
ทฤษฎีววิ ฒั นาการเฮอร์เบริ ์ท สเปนเซอร(์ ค.ศ.1820-1903)
เป็นนักสังคมวิทยาชาวอังกฤษเสนอว่าสังคมจะวิวัฒนาการแบบเจริญก้าวหน้าขึ้นเสมอจึงควรปล่อยให้มีการเปลี่ยนแปลง
แบบเป็นไปเองโดยไม่มีการแทรกแซงจากภายนอกการเปลี่ยนแปลงแบบนี้สมาชิกที่ปรับตัวได้อย่างเหมาะสมเท่านั้นจึงจะอยู่รอด
และเจริญรุ่งเรืองส่วนผู้ที่ไม่เหมาะสมก็จะสูญหายไปจำนวนสมาชิกในสังคมจะเพิ่มมากขึ้นสังคมจะมีลักษณะเหมือนอินทรีย์ของ
สิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยโครงสร้างซึ่งมีความสลับซับซ้อนและวิวัฒนาการไปสู่ความแตกต่างกันมากขึ้นมีความหลากหลายในสังคม
มากขึ้น แนวความคิดวิวัฒนาการเป็นที่ยอมรับของชาร์ล ดาร์วินและนำมาใช้เป็นแนวทางในการสร้างทฤษฎีวิวัฒนาการของ
สงิ่ มชี ีวิตอกี ดว้ ย
5
ทฤษฎีววิ ัฒนาการอีมลิ ี เดอร์ไคม์ (ค.ศ%&'&-%)%*)
นกั สงั คมวิทยาชาวฝรั0งเศสเช0ือวา่ การเปล0ียนแปลงทางสงั คมบางอยา่ งทาํ ใหเ้ กิดความไร้ระเบียบทางสงั คมขDึนเช่นการนดั
หยดุ งานของผใู้ ชแ้ รงงานการล่มสลายของชนชDนั ปกครองและการต่อตา้ นทางการเมืองเป็ นตน้ ความไวร้ ะเบียบทางสังคมท0ีอาจ
ลดลงได้ดว้ ยการปฏิรูปทางสงั คมคือการจดั ระเบียบทางสงั คมในรูปของสถาบนั ต่างๆ ตามขอ้ เทจ็ จริงทางสงั คมเนน้ การมีศีลธรรม
การมี จิตสาํ นึกร่วมกนั การแบ่งงานกนั และการพ0ึงพาอาศยั กนั นกั สงั คมวิทยาชาวฝรั0งเศสเช0ือวา่ การเปล0ียนแปลงทางสงั คม
บางอยา่ งทาํ ใหเ้ กิดความไร้ระเบียบทางสงั คมขDึนเช่นการนดั หยดุ งานของผใู้ ช้
6
ทฤษฎีววิ ัฒนาการของเอ็ดเวริ ์ด บไี คเลอร์ (ค.ศ.1832-1917)
มนุษย์นักวิทยาชาวอังกฤษมีความเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการเช่นเดียวกับนักทฤษฎีที่กล่าวมาแล้วโดยยกตัวอย่าง
วิวัฒนาการทางด้านศาสนาของมนุษย์โดยเสนอว่าศาสนาแรกสุด ได้แก่ ลัทธิวิญญาณ ( Animism) อนั รวมถงึ ความเชอ่ื ในเรอ่ื ง
ผีหรือวิญญาณต่าง ๆ ว่าสิงสู่อยู่ในวัตถุธรรมชาติต่าง ๆ เช่นต้นไม้ภูเขาพื้นดินแม่น้ำลำธารเป็นต้นต่อมาได้วิวัฒนาการมาเป็น
ศาสนาทีน่ บั ถือพระเจ้าหลายองค์ Polytheism) และพระเจา้ องคเ์ ดียว (Monotheism ) ตามลำดบั
7
ทฤษฎีววิ ฒั นาการของจเู ลยี ส สจ๊วด (ค.ศ.ไมร่ ะบ)ุ
นักมานุษยวิทยายุคปัจจุบันชาวอเมริกันได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของสังคมต่าง ๆทั้งในด้าน
รูปแบบการทำหน้าที่และความต่อเนื่องแล้วสรุปว่าวิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมเป็นผลรวมของความสัมพันธ์ระหว่าง
สิ่งแวดล้อมธรรมชาติสิ่งแวดล้อมทางสังคมกับบุคลิกภาพส่วนรวมของกลุ่มชนแต่ละกลุ่มที่รวมกันเป็นสมาชิกของแต่ละสังคม
การเปลี่ยนแปลงสังคมและวัฒนธรรมเกิดจากการปรับตัวของมนุษย์ ให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมธรรมชาติเศรษฐกิจ
การเมอื งสงั คมและวัฒนธรรมเรยี กว่านิเวศน์วทิ ยาวฒั นธรรมโดยมีปัจจยั ทสี่ ำคญั คอื
1.เทคโนโลยีทใ่ี ชใ้ นการผลิตหรอื ใชแ้ สวงหาผลประโยชน์จากสภาวะแวดล้อมเพอ่ื การดำรงชีวิต
2.พฤติกรรมของมนษุ ยใ์ นสงั คมท่ีเกย่ี วข้องกับการใช้เทคโนโลยี
3.แบบแผนวฒั นธรรมต่าง ๆ ทีเ่ ปน็ ผลกระทบ หรอื สืบเนอื่ งมาจากเทคโนโลยีท่ใี ช้และพฤติกรรมทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับการใช้
เทคโนโลยเี ช่นแบบแผนในการต้งั ถ่นิ ฐานโครงสร้างของระบบเครือญาตกิ ารจดั ทีด่ ินการใช้ที่ดินเปน็ ตน้
8
การนำทฤษฎีววิ ัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมไปใชใ้ นการพฒั นาสังคม
ทฤษฎีววิ ัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมสามารถนำมาใชเ้ ป็นแนวทางในการพฒั นาชุมชนไดห้ ลายประการดังนี้
1) การศึกษาประวัติความเป็นมาของสังคมและวัฒนธรรมในชุมชนเป็นวิธีการหนึ่งของการพัฒนาชุมชนทฤษฎี
วิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงของชุมชนตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันซึ่งเกิดขึ้นในระยะเวลา
ยาวนานสามารถนำข้อมลู มาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาชุมชนได้
2) ทฤษฎีวิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมมุ่งศึกษาปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและ
วัฒนธรรมปัจจัยสำคัญที่ทำให้สังคมและวัฒนธรรมคงอยู่ได้ซึ่งเป็นแนวทางในการนำมาใช้วางแผนและโครงการพัฒนาชุมชนได้
เปน็ อย่างดี
3) ทฤษฎีวิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมทำให้ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมต้องเกิดขึ้นใน
โครงสร้างหรือระบบของสังคมและวัฒนธรรมอย่างกว้างขวางมีขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงและใช้เวลายาวนานเมื่อจะ
ดำเนินงานพัฒนาชุมชนก็ต้องคำนึงถึงลักษณะดังกล่าวนี้คือต้องดำเนินงานให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างและระบบที่
สำคัญของชุมชนอัน ได้แก่ คนกลุ่มและองค์กรชุมชน ซึ่งมีขั้นตอนในการพัฒนาและต้องใช้ระยะเวลาเช่นเดียวกันในรูปของแผน
และโครงการวิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม แต่การพัฒนาชุมชนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าจึง
สามารถกำหนดระยะเวลาไดไ้ ม่ต้องยาวนานเหมอื นทฤษฎี
Q) ทฤษฎีวิวฒั นาการทางสังคมและวฒั นธรรมมีขอ้ จาํ กดั บางประการเช่นไม่มีการวางแผนและโครงการเป็ นการ
เปลี0ยนแปลงตามธรรมชาติบางกลุ่มมี ความเจริญเติบโตบางกลุ่มไม่สามารถดาํ รงชีวิตอยูไ่ ดน้ กั ทฤษฎีมีหลายคนแต่ละคน
อธิบายสาเหตุของการเปล0ียนแปลงทางสงั คมและวฒั นธรรมไวแ้ ตกต่างกนั ออกไปทาํ ใหเ้ ป็นขอ้ มูลสาํ คญั ในการพฒั นาชุมชน
และสามารถดาํ เนินงานโดยป้องกนั ไม่ใหข้ อ้ บกพร่องเกิดขDึนได้
9
ทฤษฎคี วามลา้ หลงั ทางวัฒนธรรม
ทฤษฎีความล้าหลังทางวฒั นธรรมทฤษฎคี วามลา้ หลังทางวฒั นธรรม (Cultural Lag Theory) มชี ื่อเรียก
หลายช่ือเช่นทฤษฎคี วามล้าทางวัฒนธรรมทฤษฎคี วามเฉื่อยทางวฒั นธรรมเปน็ ต้นเจา้ ของทฤษฎนี ค้ี ือวิลเลียมเอ ฟ. ออกเบริ ์น
(William F. Ogburn) นักทฤษฎชี าวอเมริกนั มีสาระสำคญั ดงั นี้
ประเภทของวฒั นธรรมวัฒนธรรมโดยรูปลักษณ์ มี 2 ประเภทคือ
1) วฒั นธรรมทางวัตถุ (Material Cultural) ได้แก่ วัฒนธรรมทเี่ ป็นแบบอยา่ งทางวัตถุเชน่ ส่งิ ประดษิ ฐ์ ส่งิ ของ
เคร่อื งใชต้ า่ ง ๆ เปน็ ตน้
2)วัฒนธรรมทไี่ ม่ใชว่ ัตถุ (Non-Material Cultural) ไดแ้ ก่ แบบอย่างทางพฤตกิ รรมและแบบอยา่ งทางความคิด
ความเชอื่ ตา่ ง ๆ เชน่ บรรทดั ฐานทางสงั คมขนบธรรมเนียมประเพณตี ่าง ๆ ค่านยิ มอดุ มการณ์ต่าง ๆ เปน็ ตน้ สังคมแตล่ ะสงั คมมี
วฒั นธรรมทั้งสองประเภทนเี้ ปน็ ของตนเองแตกต่างกนั ออกไป หรือมคี วามเปน็ ตวั ของตวั เองทางวัฒนธรรม
ความล้าหลงั ทางวัฒนธรรมทำให้เกิดเปลีย่ นแปลง
10
การเกดิ ความลา้ หลังทางวฒั นธรรม
เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมกล่าวคือการเปลี่ยนแปลง
ทางวัฒนธรรมเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเมื่อสังคมรับวัฒนธรรมจากสังคมอื่นเข้ามานั้นจะรับ
วัฒนธรรมทางวัตถุได้เร็วกว่าวัฒนธรรมที่ไม่ใช่วัตถุทำให้เกิดภาวะปรับตัวไม่ทันกันระหว่างวัฒนธรรมทางวัตถุกับวัฒนธรรมท่ี
ไม่ใช่วัตถุขึ้นเสมอโดยวัฒนธรรมทางวัตถุจะเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่าวัฒนธรรมที่ไม่ใช่วัตถุเพราะสาเหตุสำคัญคือผลประโยชน์ท่ี
มีอยู่กับวัฒนธรรมเดิมความกลัวการเปลี่ยนแปลงของคนในสังคมความไม่กล้าเปลี่ยนนิสัยขาดการศึกษาความกลัวถูกกดดัน
ทางสังคมและการหลีกเลี่ยงความไม่สบายใจที่จะตามมาเป็นต้นวัฒนธรรมทางวัตถุจึงเป็นที่ยอมรับของสังคมก่อนวัฒนธรรมท่ี
ไมใ่ ชว่ ตั ถุเสมอทำใหเ้ กดิ ความสับสนวนุ่ วายขึ้นในสงั คม
กล่าวโดยสรุปคือการเปลี่ยนแปลงทางวัตถุซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิตจิตใจหรือไม่ต้องยึดติดกับวัตถุหรือไม่ต้องยึดติดกับความ
เคยชินหรือขนบธรรมเนียมประเพณีใดย่อมเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่าการเปลี่ยนแปลงคนหรือกฎระเบียบที่คนยึดถือหรือกล่าว
ได้ว่าเปลี่ยนแปลงคนได้ยากเปลี่ยนแปลงวัตถุได้ง่ายกว่า ตัวอย่างเช่นการที่คนในสังคมยอมรับรถยนต์เข้ามาใช้ แต่มีถนนไม่
เพียงพอไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรขาดความรู้ในการบำรุงรักษาเป็นต้นทำให้เกิดอุบัติเหตุสูญเสียทรัพย์สินเงินทองโดยใช่เหตุหรือ
การนำระบบประชาธิปไตยเข้ามาใช้ทำให้มีรัฐธรรมนูญทำเนียบรัฐบาลรัฐสภาศาลและอื่น ๆ ทางวัตถุในสังคมมากมาย แต่
ประชาธปิ ไตยตามอดุ มคตทิ แี่ ทจ้ ริงยังไมไ่ ด้เกิดขึ้นสงั คมเหล่านัน้ เป็นต้น
11
การนำทฤษฎีไปใช้ในการพัฒนาชุมชน
ทฤษฎีความล้าหลังทางวัฒนธรรมสามารถนำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชนได้ดงั นี้
1.ทฤษฎีความล้าหลังทางวัฒนธรรมเชื่อว่าวัฒนธรรมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมใน
การจัดทำแผนของโครงการ ดำเนินงานพัฒนาชุมชนจึงต้องให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมของชุมชนอีกด้วยกล่าวคือต้อง
สอดคล้องกบั วัฒนธรรมของชมุ ชนและเป็นทย่ี อมรับของประชาชนชมุ ชนการพฒั นาชมุ ชนจึงจะประสบความสำเรจ็
2.ทฤษฎีความล้าหลังทางวัฒนธรรมเชื่อว่าวัฒนธรรมทางวัตถุเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและเร็วกว่าวัฒนธรรมที่ไม่ใช่
วัตถุทำให้เกิดการปรับตัวไม่เท่าเทียมกันและเกิดปัญหาขึ้นในสังคมนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนมากเพราะในการ
ดำเนินงานพัฒนาชุมชนที่มีทั้งการพัฒนาทางวัตถุและที่ไม่ใช่วัตถุเช่นเดียวกันการพัฒนาทั้งสองส่วนนี้ต้องดำเนินการไปพร้อม
ๆ กันและสมดุลกนั เพอ่ื ไม่ใหเ้ กิดความลา้ หลงั ทางวัฒนธรรมขน้ึ
3.ทำให้ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงคนทำได้ยากการเปลี่ยนแปลงทางวัตถุทำได้ง่าย การพัฒนาชุมชนคือการพัฒนา
คนและกลุ่มคนจึงเป็นงานที่ยุ่งยากต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคคลกลุ่มองค์กรหลายฝ่ายต้องใช้เวลา แต่ถ้าพัฒนาคนได้สำเร็จ
แล้วการพัฒนาวัตถุจะไม่เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่ประการใดดังนั้นการพัฒนาชุมชนจึงต้องมีเป้าหมายที่การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ
คุณธรรมกอ่ นแล้วความสขุ กจ็ ะตามมา
4.ทำให้ทราบถึงสาเหตุของปัญหาและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในชุมชนว่าส่วนหนึ่งเนื่องจากความล้าหลังทาง
วฒั นธรรมจงึ สามารถเตรียมการปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ ปัญหาขน้ึ ไดท้ ำใหก้ ารพัฒนาชุมชนดำเนนิ ไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ
12
ทฤษฎคี วามกา้ วหนา้ ทางวัฒนธรรม
เป็นทฤษฎีที่กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมอีกแนวทางหนึ่งเจ้าของทฤษฎีคือเลสลีเอ. ไวท์ นักมนุษย์
วทิ ยายุคปจั จุบนั ชาวอเมริกนั มสี าระสำคัญดงั นี้
1) ระบบของวฒั นธรรมวฒั นธรรม ประกอบด้วยระบบยอ่ ยทสี่ ำคัญ ดงั น้ี
ระบบเทคโนโลยี (Technological System) หมายถึงเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ และเทคนิควิธีในการใช้
เครื่องมือเครื่องใช้เหล่านั้นเป็นระบบที่สำคัญมากที่สุดเพราะมีความจำเป็นเบื้องต้น สำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์มี
ส่วนประกอบที่สำคัญคือพลังงานซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในส่วนเล็ก ๆ ของจักรวาลอันเป็นอาณาบริเวณที่
สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ใช้ดำรงชีพอยู่นั้นสสารต่าง ๆ ถูกนำมาจัดระเบียบเพิ่มมากขึ้นขณะเดียวกันพลังงานต่าง ๆ ก็ถูกนำมาใช้
ประโยชน์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้เพราะว่า“ ชีวิตคือกระบวนการสร้างเสริม” สิ่งมีชีวิตต่างก็มุ่งแสวงหาพลังงานอิสระจาก
ระบบของสิ่งไม่มีชีวิตเพื่อเอามาใช้สำหรับบำรุงร่างกายเพื่อความอยู่รอดของตนดังนั้นกระบวนการวิวัฒนาการทางชีวภาพจึง
มุ่งไปสู่การจัดองค์การที่ใหญ่ขึ้นมีความแตกต่างทางโครงสร้างมากขึ้นมีการทำหน้าที่ตามความถนัดเพิ่มมากขึ้นมีความ
สอดคล้องกลมกลืนกันในระดับที่สูงขึ้นและมีการรวมพลังในระดับที่สูงขึ้นด้วยทั้งนี้เพราะ“ ชีวิตทั้งปวงคือการต่อสู้เพื่อให้ได้มา
ซ่งึ พลงั งานอสิ ระ” น่ันเองดังนน้ั ระบบเทคโนโลยจี ึงเป็นตัวกำหนดรูปแบบของระบบสงั คม
13
ทฤษฎคี วามกา้ วหน้าทางวัฒนธรรม
ระบบสังคมวิทยา (Sociological System) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลซึ่งแสดงออกมาในรูปของพฤติกรรม
แบบแผนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของส่วนรวมหรือส่วนบุคคลรวมถึงลักษณะทางสังคมต่าง ๆ เช่นระบบเครือญาติเศรษฐกิจ
จริยธรรมการเมืองการทหารการศาสนาอาชีพและนันทนาการเป็นต้นระบบสังคมวิทยาเป็นส่วนประกอบของวัฒนธรรมที่มี
ความสำคัญรองลงมาจากระบบเทคโนโลยีเป็นความพยายามของมนุษย์ที่จะจัดการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ
เพ่อื การดำรงชีพน่นั คอื ระบบเทคโนโลยีเปน็ ตัวแปรอิสระและระบบสงั คมวิทยาเป็นตวั แปรตามนัน่ เอง
ระบบอุดมการณ์ (Ideological System) เป็นความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ความเชื่อความซึ่งแสดงออกมาในภาษาพูด
และการใช้สัญลักษณ์ในรูปแบบอน่ื ๆ เช่นนิยายลึกลับมหศั จรรยว์ รรณคดปี รชั ญาวทิ ยาศาสตรค์ วามร้พู ้ืนฐานตา่ ง ๆ เปน็ ต้น
14
ทฤษฎีความกา้ วหน้าทางวัฒนธรรม
2)ความสมั พนั ธข์ องระบบวฒั นธรรม
ระบบย่อยของวัฒนธรรมคือระบบเทคโนโลยีระบบสังคมวิทยาและระบบอุดมการณ์ที่กล่าวมาแล้วจะมีความเกี่ยวข้อง
สัมพันธ์กันกล่าวคือถ้าแบ่งระบบทั้งสามนี้ออกเป็นระดับตามลำดับต่ำสูงแล้วระบบเทคโนโลยีอยู่ในระดับต่ำสุดระบบอุดมการณ์
จะอยู่เบื้องบนหรือสูงสุดส่วนระบบสังคมจะอยู่ระหว่างกลางระบบสังคมจะช่วยให้การทำหน้าที่ของระบบเทคโนโลยีเป็นไปด้วยดี
ระบบอุดมการณ์นั้นเป็นการแสดงออกของพลังงานด้านเทคโนโลยีและสะท้อนสภาวะทางสังคมในแต่ละยุคแต่ละสมัยระบบ
เทคโนโลยีจึงมีความสำคัญสูงสุดเป็นตัวกำหนดรูปแบบของระบบสังคมถ้าระบบเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไประบบสังคมและระบบ
อดุ มการณ์กจ็ ะเปล่ียนแปลงไปด้วย
3)ระดบั ความก้าวหน้าของวฒั นธรรมวฒั นธรรม
เป็นเครื0องมือในการดาํ รงชีพของมนุษยเ์ ป็นกลไกท0ีช่วยตอบสนองความตอ้ งการในดา้ นกาครองชีพการป้องกนั รักษา
ตนเองการวางขอ้ กาํ หนดทางสงั คมการปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั สภาวะของจกั รวาลและการนนั ทนาการหนา้ ที0ของวฒั นธรรมโดย
ส่วนรวมถึงขDึนอยกู่ บั พลงั งานที0หามาไดก้ บั วธิ ีการใชป้ ระโยชนจ์ ากพลงั งานเหล่านDนั โดยตวั ของมนั เองพลงั งานไม่มี
ความสาํ คญั แต่อยา่ งใดจะตอ้ งหาทางนาํ มาใชป้ ระโยชนร์ วมทDงั การควบคุมการกาํ หนดทิศทางไดด้ ว้ ยวธิ ีการทางเทคโนโลยี
นน0ั เองประสิทธิภาพของเคร0ืองมือเครื0องใชท้ 0ีมีอยใู่ นสงั คมต่าง ๆ แตกต่างกนั ทาํ ใหป้ ริมาณการใชก้ ารควบคุมและกาํ หนด
ทิศทางของพลงั งานในสงั คมต่าง ๆ แตกต่างกนั ออกไปดว้ ยการเปล0ียนแปลงทางวฒั นธรรมจะมากหรือนอ้ ยขDึนอยกู่ บั ปริมาณ
ของพลงั งานที0สมาชิกแต่ละคนนาํ มาใชใ้ นสงั คม (Energy) กบั ประสิทธิภาพของเทคโนโลยหี รือเครื0องมือที0นาํ พลงั งานมาใช้
ในระยะเวลาหน0ึงปี
15
ทฤษฎคี วามกา้ วหนา้ ทางวัฒนธรรม
4) การนำทฤษฎีไปใช้ในการพฒั นาชมุ ชน
ทฤษฎีความกา้ วหนา้ ทางวัฒธรรมสามารถนำมาใช้เป็นแนวทางในการพฒั นาชุมชนได้ดังน้ี
1)ทฤษฎีความก้าวหน้าทางวัฒนธรรมทำให้ทราบว่าองค์ประกอบที่สำคัญของวัฒนธรรมคือระบบเทคโนโลยีระบบสังคมวิทยา
และระบบอุดมการณ์การพัฒนาชุมชนต้องเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของชุมชนเช่นเดียวกันจึงสามารถนำมาใช้เป็นแนวทางในการ
ดำเนนิ งานพัฒนาชมุ ชนได้
2)ทฤษฎีความก้าวหน้าทางวัฒนธรรมได้จัดความสำคัญขององค์ประกอบของวัฒนธรรมไว้เป็นลำดับคือระบบเทคโนโลยีระบบ
อุดมการณ์และระบบสังคมวิทยานับว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนมากเพราะเป็นแนวทางในการกำหนดแผนงานและ
โครงการพัฒนาซึ่งมีลักษณะเป็นกระบวนการคือเป็นขั้นตอนตามลำดับเช่นเดียวกันช่วยให้การพัฒนาชุมชนดำเนินไปอย่างมี
ประสิทธภิ าพ
3)สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุมชนได้เพราะทฤษฎีความก้าวหน้าทางวัฒนธรรมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม
ใหม้ คี วามกา้ วหนา้ น้ันปัจจยั สำคญั ประการหนึ่งคือปริมาณของพลังงานที่สมาชิกสังคมแต่ละคนนำมาใช้ในแต่ละปีในการพัฒนา
ชุมชนจึงต้องระดมพลังงานที่มีอยู่ในชุมชนทั้งคนกลุ่มองค์กรและทรัพยากรต่าง ๆ มาใช้ร่วมกันเพื่อสร้างพลังให้การพัฒนา
ชุมชนประสบความสำเรจ็
16
ทฤษฎกี ารแพรก่ ระจายทางวัฒนธรรม
ทฤษฎีการแพร่กระจายทางวัฒนธรรม เจ้าของทฤษฎีคือราล์ฟกินตัน (RalphLinton ค.ศ. 1893-1953) นักมนุษยวิทยา
ชาวอเมริกัน
1)สาระสำคัญของ ทฤษฎีทฤษฎีการแพร่กระจายทางวัฒนธรรมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเกิดจากการแพร่กระจาย
ทางวัฒนธรรมโดยเกิดจากการติดต่อสื่อสารกันระหว่างสังคมที่ต่างวัฒนธรรมรวมกันและต่างแพร่กระจายวัฒนธรรมไปสู่กัน
และกันเมื่อเกิดการแพร่กระจายวัฒนธรรม ขึ้นแล้วสังคมที่เจริญกว่าอาจจะรับวัฒนธรรมบางอย่างของสังคมที่ด้อยกว่าก็ได้
และในทำนองเดียวกันสังคมที่ด้อยกว่าอาจจะไม่รับวัฒนธรรมของสังคมที่เจริญกว่าก็ได้การเปลี่ยนแปลงทางสังคมส่วนใหญ่
แล้วเกิดจากการแพร่ กระจายของวัฒนธรรมจากภายนอกเข้ามามากกว่าเกิดจากคนการประดิษฐ์คิดค้นใหม่ขึ้นเองในสังคม
หรือถ้ามีก็มักจะเกิดจากการนำสิ่งใหม่ ๆ จากภายนอกเข้ามาผสมผสานกับของที่มีอยู่ก่อนแล้วเป็นของใหม่ที่ไม่เคย มีมาก่อน
จะเห็นได้จากในสังคมอเมริกันซึ่งมีศักยภาพในด้านการประดิษฐ์คิดค้นสูง แต่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมเกิดขึ้นจากการ
แพรก่ ระจายถึงรอ้ ยละ 90 เกิดจากการประดิษฐ์คิดคน้ ในสังคมเพียงร้อยละ 10 เทา่ น้ัน
17
ทฤษฎกี ารแพรก่ ระจายทางวฒั นธรรม
2. ทฤษฎีการแพร่กระจายทางวัฒนธรรม พบว่าในกระบวนการแพร่กระจายนั้นสังคมที่มีวัฒนธรรมด้อยกว่าอาจจะรับ
วัฒนธรรมของสังคมที่เจริญก้าวหน้ากว่าหรือไม่ก็ได้ซึ่งเป็นประโยชน์ในการดำเนินงานพัฒนาชุมชนเพราะทำให้ทราบว่าการ
ขยายผลของการพัฒนาจากชุมชนที่ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาไปสู่ชุมชนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้ผลเสมอไป
จึงตอ้ งนำวิธกี ารพัฒนาชุมชนอืน่ ๆ มาใชด้ ว้ ยจึงจะประสบความสำเรจ็
3. ทฤษฎีการแพร่กระจายทางวัฒนธรรมพบว่าสังคมที่ มีวัฒนธรรมเจริญก้าวหน้ามากกว่าอาจจะรับวัฒนธรรมของสังคมท่ี
ด้อยกว่าก็ได้นับว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนมากเพราะทำให้ทราบว่าชุมชนมีการพัฒนาแล้วหรือมีระดับการพัฒนาสูง
กว่าเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกับสังคมที่มีระดับ การพัฒนาต่ำกว่าอาจจะรับวัฒนธรรมหรือวิถีชีวิตเข้าไปใช้ในชุมชนของตนทำให้
เกิดปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาชุมชนขึ้นได้ดังนั้นจึงต้องมีการป้องกันการแพร่กระจายทางวัฒนธรรมในรูปแบบดังกล่าว
ไว้ลว่ งหน้ากระจาย นวตั กรรมซงึ่ มเี นือ้ หาสาระเพ่ิมมากข้นึ และเป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้ดำเนินงาน
18
สรปุ
ทฤษฎีวิวัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมมีความเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมจะเป็นแบบช้า ๆ ใน
เวลายาวนานเช่นเดียวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตโดยจะเปลี่ยนแปลงจากสังคมที่มีโครงสร้างง่าย ๆ ไม่สลับซับซ้อนไปสู่โครงสร้าง
ที่มีความหลากหลายซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนที่ไม่สามารถปรับตัวได้ก็จะสูญหายไปส่วนที่ปรับตัวได้ก็จะวิวัฒนาการสืบต่อกันไป
และย่ิงเพิ่มความหลากหลายและความซับซ้อนมากขน้ึ ตามลำดับ
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมมีหลายทฤษฎีทฤษฎีเหล่านี้มีเนื้อหาสาระทั้งที่เป็นไปในทำนองเดียวกันและ
แตกต่างกันออกไปทำให้สามารถที่จะเลือกนำไปใช้ในการพัฒนาชุมชนได้หลายแนวทางกล่าวคือทฤษฎีวิวัฒนาการ ทางสังคม
อธิบายว่าเป็นการไปเป็นโครงสร้างที่หลากหลายเปลี่ยนแปลงจากโครงสร้างสังคมและวัฒนธรรมแบบง่าย ๆ สลับซับซ้อนมากขึ้น
ทฤษฎีความล้าหลังทางวัฒนธรรมกล่าวถึงการรับวัฒนธรรมวัตถุได้เร็วกว่าวัฒนธรรมที่ไม่ใช่วัตถุทำให้เกิดช่องว่างหรือปัญหาขึ้น
ทฤษฎีความ ก้าวหน้าทางวัฒนธรรมเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือปริมาณการนำพลังงานมาใช้ในสังคมกับ
ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีที่นำมาใช้ทฤษฎีการขึ้นและลงของสังคมได้เสนอทิศทางของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒน
ธรรมว่ามีทั้งที่เจริญก้าวหน้าและเสื่อมถอยลงจนสิ้นสุดไปเหมือนกับวงจรของสิ่งมีชีวิตหรือมนุษย์เองที่มีการเกิดการเจริญเติบโต
ตามวัยและสิ้นอายุขัยในที่สุดทฤษฎีว่าด้วยศักยภาพของวิวัฒนาการมีความเชื่อในทำนอง เดียวกันว่าสังคมและวัฒนธรรมเมื่อ
เจริญก้าวหน้าจนกระทั่งถึงจุดสูงสุดแล้วก็จะเสื่อมถอยลงสังคมที่ด้อยกว่าจะเจริญก้าวหน้าแทนที่ทฤษฎีการแพร่กระจายทาง
วัฒนธรรม เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมเป็นผลของการแพร่กระจายวัฒนธรรมจากภายนอกมากกว่าการประดิษฐ์คิดค้น
ในสังคมเองทฤษฎีการแพร่กระจายนวัตกรรมทำให้ทราบถึงกระบวนการเผยแพร่และกระบวนการรับนวัตกรรมหรือวัฒนธรรมใหม่
ซึ่งมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องคือบุคคลที่จะรับ ระบบสังคมระบบการสื่อสารตัวของนวัตกรรมเองระยะเวลาและกระบวนการตัดสินใจ
ทฤษฎีความ เจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจตามลาํ ดบั ขนั6 เสนอแนวทางการพฒั นาเป็นลาํ ดบั ขนั6 ตอนจากความลา้ หลงั โบราณไปสู่
ความเจรญิ กา้ วหนา้ ทฤษฎีฝนหลน่ จากฟ้าม่งุ เนน้ การพฒั นาผ่านกลมุ่ คนทNีมีความพรอ้ มมากทNีสดุ ในสงั คมเพNือใหผ้ ่านกลมุ่ คน
เหลา่ นีไ6 ปสกู่ ลมุ่ คนอNืน ๆ แตท่ ฤษฎีการกระจายรายไดแ้ ละการเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจมีความเห็นตรงกนั ขา้ มคือตอ้ งพฒั นา
กลุ่มคนทNีดอ้ ยกว่าก่อนเพNือป้องกันการผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยคนเพียงกลุ่มเดียวซNึงมีลกั ษณะเช่นเดียวกับ ทฤษฎีภาวะ
ทนั สมยั ทNีม่งุ สรา้ งและกระจายความทนั สมยั ไปสสู่ ว่ นตา่ ง ๆ ของโครงสรา้ งทางสงั คมและทฤษฎีความทนั สมยั ดว้ ยการสNือสาร
เชNือวา่ การสNือสารทNีทนั สมยั เป็นปัจจยั สาํ คญั ทNีทาํ ใหส้ งั คมและวฒั นธรรมกา้ วไปสภู่ าวะทนั สมยั ทฤษฎีเกNียวกบั การเปลNียนแปลง
ทางสงั คมและวฒั นธรรมเหล่านีต6 ่างลว้ นมีประโยชนต์ ่อการพฒั นาชุมชนทงั6 สิน6 เพราะสามารถนาํ ไปใชเ้ ป็นแนวทางในการ
วางแผนโครงการและดาํ เนินงานพฒั นาชมุ ชนไดท้ าํ ใหก้ ารดาํ เนินงานพฒั นาชมุ ชนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขนึ6 แต่
อย่างไรก็ตามทฤษฎีดงั กลา่ วมีเนือ6 หาสาระทNีแตกตา่ งกนั ออกไปดงั กลา่ วมาแลว้ การจะนาํ ทฤษฎีใดไปใชจ้ งึ ตอ้ งพิจารณาเลือก
ใหส้ อดคลอ้ งและเหมาะสมกบั สภาพพืน6 ฐานของชมุ ชนดว้ ยจงึ จะเกิดประโยชนส์ งู สดุ
ค
บรรณานกุ รม
วฒั นธรรมทางสงั คมไทย.(1223) ความหมายและความสาํ คัญของวัฒนธรรม
แหล่งทม9ี า http://www.sisaketpao.com
สืบคน้ วนั ท:ี2 สงิ หาคม 12=2
ธีระเกียรติ เจรญิ เศรษฐศลิ ปั (122=). ความก้าวหน้าของวัฒนธรรม และความล้าหลัง
ของวฒั นธรรม
แหลง่ ท:ีมา http://www.prachanimit.com.
สืบคน้ วนั ท:ี 13กรกฎาคม12=2
อรุณ นพแกว้ ปรชั ญาการศกึ ษา . บุคคลทเี9 สนอเเนวคดิ ทฤษฎที างวัฒนธรรม
แหลง่ ท:ีมา https://journalrec.mbu.ac.th.
สืบคน้ วนั ท:ี1Sกรกฎาคม12=2
ไพฑรู ย์ สนิ ลารตั น์ (12WX).ปรัชญาการศกึ ษาเบอืI งตน้ (พิมพค์ รงัY ท:ีZS)
กรุงเทพมหานคร.สาํ นกั พิมพแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
ประภาศรี สอี าํ ไพ(122Z) แนวคดิ ความล้าหลังและก้าวหน้าของวัฒนธรรม และการ
นาํ ไปใช้ กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์ รอยลั สาํ นกั พิมพบ์ รษิ ัทเพชรภมู ิการพิมพ์