The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Wilailuk Lawoo, 2023-10-28 04:31:54

รำวงมาตรฐาน

รำวงมาตรฐาน

ร ำวงมำตรฐำน


2 กระดำษค ำตอบ โรงเรียน......................................................................ปีการศึกษา........................... ชื่อ..........................................................................ชั้น...................เลขที่................ กลุ่มสาระการเรียนรู้.....................วันที่..............เดือน...................พ.ศ.................. ข้อ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง 1 6 2 7 3 8 4 9 5 10 ประเมินผล เต็ม ได้


3 แผนบริหำรกำรสอนประจ ำบทที่ 3 มำตรฐำน ศ 3.1 : เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ คุณค่านาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ ใน ชีวิตประจำวัน ตัวชี้วัด มาตรฐาน ศ 3.1 ป.6/3 แสดงนาฏศิลป์และละครง่ายๆ สำระกำรเรียนรู้ ร ำวงมำตรฐำน 1. ความหมายของรำวงมาตรฐาน 2. ประวัติความเป็นมาของรำวงมาตรฐาน 3. องค์ประกอบของการแสดงรำวงมาตรฐาน จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. บอกความหมายของรำวงมาตรฐานได้ 2. บอกประวัติความเป็นมาของรำวงมาตรฐานได้ 3. บอกองค์ประกอบของการแสดงรำวงมาตรฐานได้ 4. จำแนกองค์ประกอบแต่ละประเภทแล้วนำไปใช้และปฏิบัติได้ 5. บอกนาฏยศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับท่ารำรำวงมาตรฐานได้ถูกต้อง 6. ชี้แจงชื่อท่ารำวงมาตรฐานได้ทั้ง 10 เพลง 7. ปฏิบัติท่ารำรำวงมาตรฐานเพลงหญิงไทยใจงามได้


4 วิธีสอนและกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน 1. วิธีสอน วิธีสอนมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้วิธีการสอนที่หลากหลายมีการ จัดการเรียนการสอนแบบอธิบาย สาธิต อภิปราย และการฝึกปฏิบัติ การทำงานกลุ่ม ทำ แบบทดสอบ ก่อนเรียน / หลังเรียน และการทำแบบฝึกหัดท้ายบท 2. กิจกรรมกำรเรียนกำรสอน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนประจำบทนี้ผู้สอนต้องใช้ประกอบแผนการจัดการ เรียนรู้ ที่ 7,8 จากคู่มือการใช้นวัตกรรมทางการศึกษาเอกสารประกอบการสอนนาฏศิลป์สร้างสรรค์รำ วงไทยรัฐ สื่อกำรเรียนกำรสอน 1. คู่มือการใช้เอกสารประกอบการสอนวิชานาฏศิลป์ไทย 2. เอกสารประกอบการเรียนหน่วยที่ 3 3. คำถามทบทวน / แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3 4. ซีดีเพลงรำวงมาตรฐาน 5. แบบทดสอบก่อนเรียน 6. แบบทดสอบหลังเรียน กำรวัดผลและประเมินผล กระบวนการวัดผลประเมินผล 1. วิธีกำร 1.1 สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 1.2 สังเกตพฤติกรรมรายกลุ่ม 1.3 ตรวจแบบฝึกหัด 1.4 ทดสอบก่อนเรียน 1.5 ทดสอบกลังเรียน 2. เครื่องมือ 2.1 แบบประเมินพฤติกรรมรายบุคคล


5 2.2 แบบประเมินพฤติกรรมรายกลุ่ม 2.3 แบบฝึกหัดท้ายบท 2.4 แบบเฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3 2.5 แบบทดสอบก่อนเรียน 2.6 แบบทดสอบหลังเรียน 2.5 แบบเฉลยแบบทดสอบหลังเรียน/หลังเรียน 3. เกณฑ์กำรวัดผลประเมินผล 3.1 ทำแบบทดสอบผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 3.2 ทำแบบฝึกหัดผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80


6 แบบทดสอบก่อนเรียน กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ศิลปะ สำระนำฏศิลป์ ชั้นประถมศึกษำปีที่ 6 เรื่อง ร ำวงมำตรฐำน รหัสวิชำ ศ 16101 เวลำ 10 นำที คะแนน 10 คะแนน *************************************************************************************** ค ำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดแล้วทำเครื่องหมาย (×) ลงในกระดาษคำตอบ 1. รำวงมาตรฐานพัฒนามาจากการแสดงพื้นเมืองในข้อใด ก. รำวง ข. รำโทน ค. รำเป็นวง ง. รำวงเวียนครก 2. เพลงรำวงมาตรฐานมีทั้งหมดกี่เพลง ก. 10 เพลง ข. 11 เพลง ค. 12 เพลง ง. 13 เพลง 3. รำวงมาตรฐานเป็นการแสดงประเภทใด ก. รำ ข. ระบำ ค. ฟ้อน ง. ละคร 4. เครื่องดนตรีหลักที่ใช้บรรเลงประกอบเพลงรำวงมาตรฐานคืออะไร ก. ฉิ่ง ข. กรับ ค. โทน ง. โหม่ง


7 5. ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงรำวงมาตรฐาน อาจเป็นวงปี่พาทย์ หรือวงดนตรีสากลก็ได้ แต่ ยังคงมีเครื่องดนตรีในข้อใด ก. โทน กรับ และฉิ่ง ข. กรับ กลอง และขิม ค. โหม่ง ฆ้อง และกรับ ง. โทน กลอง และกรับ 6. เพลงในข้อใดที่มีท่านาฏยศัพท์เหมือนกัน ก. เพลงรำมาซิมารำ กับ เพลงยอดชายใจหาญ ข. เพลงงามแสงเดือน กับ เพลงคืนเดือนหงาย ค. เพลงชาวไทย กับ เพลงดอกไม้ของชาติ ง. เพลงบูชานักรบ กับ เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า 7. ข้อใดไม่ใช่การแต่งกายของรำวงมาตรฐาน ก. แต่งแบบพื้นบ้าน ข. แต่งกายแบบรัชกาลที่ 5 ค. แต่งแบบไทยสากลนิยม ง. แต่งแบบราตรีสวยงาม 8. รำวงมาตรฐาน เพลงหญิงไทยใจงาม ใช้ท่ารำในข้อใด ก. ท่ายูงฟ้อนหาง ข. ท่าพรหมสี่หน้า ค. ท่าสอดสร้อยมาลา ง. ท่าพรหมสี่หน้า และท่ายูงฟ้อนหาง 9. การแสดงรำวงมาตรฐานเคลื่อนวงไปทางทิศใด ก. ตามเข็มนาฬิกา ข. ทวนเข็มนาฬิกา ค. ตามความถนัด ง. ตามความตกลงของผู้รำ


8 10. เนื้อเพลงรำวงมาตรฐาน มีความหมายในเชิงใด ก. ตัดพ้อ ต่อว่า ข. ปลุกใจ ฮึกเหิม ค. โศกเศร้า เสียใจ ง. หยอกเย้า ชมโฉม


9 ร ำวงมำตรฐำน รำวงมาตรฐานเป็นอีกชุดการแสดงหนึ่งที่มีความหมาย มีความงดงาม สร้างความสุข และสัมพันธภาพที่ดีให้แก่ผู้เล่น และสามารถดึงดูดความสนใจให้แก่ชาวต่างชาติที่เข้ามา เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ในฐานะแขกบ้านแขกเมือง หรือสัมพันธไมตรีทางการธุรกิจหรืออาจ มาท่องเที่ยว ทำให้ประเทศไทยของเรามีภาพลักษณ์ที่งดงามมาโดยตลอด ดังนั้นรูปแบบการ แสดงของรำวงมาตรฐานจึงเป็นสื่อกลางที่ดีสำหรับสร้างจิตสำนึกของความเป็นไทย จึงสมควร อย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจในการแสดงรำวงมาตรฐานอาทิ ความหมายของรำวง มาตรฐาน ประวัติความเป็นมาของรำวงมาตรฐาน และองค์ประกอบของการแสดงรำวง มาตรฐาน ดังจะอธิบายในรายละเอียดต่อไปนี้ ควำมหมำยของร ำวงมำตรฐำน รำ ความหมาย ตามพจนานุกรมไทยฉบับทันสมัย (2543 : 448) เป็นคำกริยา หมายถึง แสดงท่าเคลื่อนไหวโดยมีลีลาและแบบท่าของการเคลื่อนไหวและมีจังหวะลีลาเข้ากับเสียงที่ทำ จังหวะเพลงร้องหรือเพลงดนตรี วง ความหมาย ตามพจนานุกรมไทยฉบับทันสมัย (2543 : 480) เป็นทั้งคำนามและ คำกริยา ดังนี้คำนาม หมายถึง รูปที่มีเส้นนอกที่โค้งเข้ามาบรรจบกันล้อมรอบเป็นขอบเขตสิ่ง ใดสิ่งหนึ่ง ลักษณะที่คล้ายคลึงเช่นนั้น กิริยามือที่ใช้ในการรำ คำกริยา หมายถึง ล้อมรอบ มาตรฐาน ความหมาย ตามพจนานุกรมไทยฉบับทันสมัย (2543 : 414) เป็นคำนาม หมายถึง สิ่งที่ถือเป็นหลักสำหรับเทียบกำหนด “รำวงมาตรฐาน” หมายถึง การแสดงท่าเคลื่อนไหวโดยมีลีลาและแบบท่า มี จังหวะเข้ากับเสียงที่ทำจังหวะเพลงร้องหรือเพลงดนตรีโดยผู้แสดงต้องเดินตามรูปที่มีเส้นนอก ที่โค้งเข้ามาบรรจบกัน เป็นวงกลมล้อมรอบเป็นขอบเขตท่ารำของการแสดงรำวงนั้นสามารถใช้ ถือเป็นหลักสำหรับเทียบกำหนดได้ ประวัติควำมเป็นมำของร ำวงมำตรฐำน ประวัติความเป็นมาของรำวงมาตรฐาน นักวิชาการกล่าวไว้พอรวบรวมได้ ดังนี้ กาญจนา อินทรสุนานนท์ รุจี ศรีสมบัติ (2546 : 1) อธิบายว่า รำวงเป็นการละเล่น อย่างหนึ่งของชาวบ้านที่เล่นกันเพื่อความสนุกสนานและความสามัคคีกันมีปรากฏในระหว่าง


10 พ.ศ. 2486 - 2488 การแสดงนี้แต่เดิมเรียกว่า “รำโทน” ศิลปะที่เกิดมาจากพื้นบ้านทางภาค กลางนิยมเล่นเวลามีงานรื่นเริง เครื่องดนตรีใช้ประกอบการรำคือ โทน โดยมี ฉิ่ง และกรับ ตี เป็นเครื่องประกอบจังหวะ ต่อมาการศิลปะแขนงนี้ได้แพร่หลายไปตามจังหวัดต่างๆ จนมีผู้แต่ง บทร้องและทำนองเพลงขึ้นอีกมากมาย บทร้องส่วนใหญ่เป็นบทเชิญชวน หยอกเย้า ชมโฉม และรำพันรัก ถ้อยคำตรงไปตรงมาเข้าใจง่าย ตามลักษณะพื้นเมือง รัตนา มณีสิน (2535 : 105) ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2484 - 2488 คนในกรุงเทพฯ นิยมเล่นรำโทนกัน ทั่วไป รัฐบาลเห็นสมควรเชิดชูศิลปะการเล่นพื้นเมืองแบบนี้ให้เป็นระเบียบแบบแผนอันดีงาม ตามแบบนาฏศิลป์ไทย จึงได้มอบให้กรมศิลปากรปรับปรุงการเล่นรำโทนขึ้นใหม่โดยได้แต่งบท ร้องขึ้น 4 บท คือ เพลงงามแสงเดือน เพลงชาวไทย เพลงรำมาซิมารำ และเพลงคืนเดือนหงาย ต่อมาท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ได้แต่งเพิ่มอีก 6 บท คือ เพลงบูชานักรบ เพลงดอกไม้ ของชาติ เพลงหญิงไทยใจงาม เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า และเพลงยอด ชายใจหาญ ทั้งนี้นาฏศิลป์อาวุโสของกรมศิลปากรคือ จมื่นมานิตย์นเรศ (เฉลิม เศวตนัทน์) และนางลมุล ยมะคุปต์ ได้ร่วมกันคิดท่ารำ โดยนำท่ารำมาจาก “แม่บท” มาเป็นแบบท่ารำ และได้เปลี่ยนชื่อการเล่น “รำโทน” เป็น “รำวง” ตามลักษณะการแสดงที่ผู้เล่นเดินเป็นวง และได้เพิ่มดนตรีประกอบ ซึ่งอาจเป็น วงปี่พาทย์ หรือวงดนตรีสากลก็ได้ แต่ยังคงมี โทน กรับ และฉิ่ง ศิลปะการเล่นรำวงมาตรฐานมีพัฒนาการที่ดีสืบทอดมาจนทุกวันนี้ องค์ประกอบของกำรแสดงร ำวงมำตรฐำน องค์ประกอบของการแสดงรำวงมาตรฐาน ที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นการอธิบายความ ของสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการแสดงรำวงมาตรฐาน ซึ่งเป็นชุดการพัฒนาของวงการนาฏศิลป์ไทยอีก ชุดหนึ่ง ที่มีคุณภาพโดยการพัฒนามาจากการเล่นรำโทนของประชาชนในภาคกลาง โดยกรม ศิลปากรได้นำมาพัฒนาเนื้อเพลง ใส่ท่วงทำนองเพลง และท่ารำ โดยบรมครูผู้เชี่ยวชาญทาง นาฏศิลป์ไทย เพื่ออนุรักษ์สืบสานความเป็นไทยที่งดงามให้คงอยู่รูปแบบการแสดงรำวง มาตรฐานมีองค์ประกอบของชุดการแสดงที่ลงตัวงดงามสามารถแยกประเด็นการศึกษาได้ คือ ผู้แสดง วงดนตรี เพลงร้อง และลักษณะการแต่งกาย โอกาสที่ใช้แสดง อันจะได้อธิบายใน รายละเอียดต่อไปนี้


11 1. ผู้แสดง การแสดงรำวงมาตรฐาน เป็นการรำคู่ระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย แต่ส่วนใหญ่จะใช้ หลายๆ คู่มารำประกอบเป็นวงรำตามกันไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม มี ระยะห่างระหว่างคู่ที่ใกล้เคียงกัน ผู้ที่จะแสดงรำวงมาตรฐานได้สวยงามส่วนใหญ่มักเป็น นักเรียนนักศึกษาที่มีพื้นฐานทางการแสดงมาเป็นอย่างดี โดยใช้ผู้แสดงเป็นคู่ระหว่าง หญิงกับ ชาย ภำพที่ 1 ลักษณะผู้หญิง – ผู้ชำยของร ำวงมำตรฐำน ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 2. เครื่องดนตรี เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการละเล่นรำวงมาตรฐาน แต่เดิมใช้โทนซึ่งเป็นเครื่อง ดนตรีพื้นบ้าน มีเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ คือ ฉิ่ง กรับ ฉาบ และโทน ต่อมามีการพัฒนา รูปแบบการแสดงเป็นรำวงมาตรฐานรูปแบบของวงดนตรีเริ่มมีการพัฒนารูปแบบขึ้นทั้งนี้ สามารถใช้วงปี่พาทย์ และวงดนตรีสากล ดังนี้ 2.1 วงปี่พาทย์ หมายถึง วงดนตรีไทยประเภทหนึ่งซึ่งประกอบด้วยเครื่องเป่า คือ ปี่ผสมกับเครื่องตี ได้แก่ระนาดและฆ้องวงชนิดต่าง ๆ เป็นหลัก และยังมีเครื่องกำกับจังหวะ เช่น ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง ตะโพน กลองทัด กลองแขก และกลองสองหน้า ปี่พาทย์นี้บางสมัย เรียกว่า "พิณพาทย์"


12 ภำพที่ 2 วงดนตรีไทยใช้บรรเลงประกอบกำรร ำวงมำตรฐำน ที่มา : ศิลปากร, กรม. 2552 : 30. 2.2 วงดนตรีสากล ใช้วงดนตรีขนาดเล็ก ที่เรียกว่า วงคอมโบ (Combo) เครื่อง ดนตรีที่ใช้ คือเครื่องเป่าต่าง ๆ 1 - 2 คน เครื่องประกอบจังหวะทั้งหลาย เช่น กลองชุด กีตาร์ เบส เปียโน หรือออร์แกน เครื่องตีกระทบประกอบจังหวะ เครื่องดนตรีอื่นๆ ก็สามารถนำมา ประสมวงเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ จุดมุ่งหมายของการบรรเลงด้วยวงคอมโบ คือ บรรเลง ประกอบการขับร้อง บรรเลงเพื่อการฟัง บรรเลงประกอบการเต้นรำ และบรรเลงเพื่อ ประกอบการแสดงต่าง ๆ ภำพที่ 3 วงดนตรีสำกลประกอบกำรเล่นร ำวงมำตรฐำน ที่มา : ที่มา : ศิลปากร, กรม. 2552 : 30. 3. เพลงร้อง เพลงร้องของรำวงมาตรฐานมีทั้งหมด 10 เพลงได้แก่ เพลงงามแสงเดือน เพลงชาวไทย เพลงรำมาซิมารำ เพลงคืนเดือนหงาย เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ เพลงดอกไม้ของ


13 ชาติ เพลงหญิงไทยใจงาม เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า เพลงยอดชายใจหาญและเพลงบูชานักรบ ดังนี้ 3.1 เพลงงำมแสงเดือน มีเนื้อร้อง ดังนี้ งามแสงเดือนมาเยือนส่องหล้า งามใบหน้าเมื่ออยู่วงรำ (ซ้ำ) เราเล่นกันเพื่อสนุก เปลื้องทุกข์มิวายระกำ ขอให้เล่นฟ้อนรำ เพื่อสามัคคีเอย 3.2 เพลงชำวไทย มีเนื้อร้อง ดังนี้ ชาวไทยเจ้าเอ๋ย ขออย่าละเลยในการทำหน้าที่ การที่เราได้เล่นสนุก เปลื้องทุกข์สบายอย่างนี้ เพราะชาติเราได้เสรี มีเอกราชสมบูรณ์ เราจึงควรช่วยชูชาติ ให้เก่งกาจเจิดจำรูญ เพื่อความสุขเพิ่มพูน ของชาวไทยเราเอย 3.3 เพลงร ำมำซิมำร ำ มีเนื้อร้อง ดังนี้ รำมาซิมารำ เริงระบำกันให้สนุก ยามงานเราทำงานจริงจริง ไม่ละไม่ทิ้งจะเกิดเข็ญขุก ถึงยามว่างเราจึงรำเล่น ตามเชิงเช่นเพื่อให้สร่างทุกข์ ตามเยี่ยงอย่างตามยุค เล่นสนุกอย่างวัฒนธรรม เล่นอะไรให้มีระเบียบ ให้งามให้เรียบจึงจะคมขำ มาซิมาเจ้าเอ๋ยมาฟ้อนรำ มาเล่นระบำของไทยเราเอย 3.4 เพลงคืนเดือนหงำย มีเนื้อร้อง ดังนี้ ยามกลางคืนเดือนหงาย เย็นพระพายโบกพลิ้วปลิวมา เย็นอะไรก็ไม่เย็นจิต เท่าเย็นผูกมิตรไม่เบื่อระอา เย็นร่มธงไทยปกไทยทั่วหล้า เย็นยิ่งน้ำฟ้ามาประพรมเอย 3.5 เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ มีเนื้อร้อง ดังนี้ ดวงจันทร์วันเพ็ญ ลอยเด่นอยู่ในนภา ทรงกลดสดสี รัศมีทอแสงงามตา แสงจันทร์อร่าม ฉายงามส่องฟ้า ไม่งามเท่าหน้า นวลน้องยองใย


14 งามเอยแสนงาม งามจริงยอดหญิงชาติไทย งามวงพักตร์ยิ่งดวงจันทรา จริตกิริยานิ่มนวลละไม วาจากังวาน อ่อนหวานจับใจ รูปทรงสมส่วน ยั่วยวนหทัย สมเป็นดอกไม้ ขวัญใจชาติเอย 3.6 เพลง ดอกไม้ของชำติ มีเนื้อร้อง ดังนี้ (สร้อย) ขวัญใจดอกไม้ของชาติ งามวิลาศนวยนาฎร่ายรำ(ซ้ำ) เอวองค์อ่อนงาม ตามแบบนาฎศิลป์ ชี้ชาติไทยเนาว์ถิ่น เจริญวัฒนธรรม (สร้อย) งามทุกสิ่งสามารถ สร้างชาติช่วยชาย ดำเนินตามนโยบาย สู้ทนเหนื่อยยากตรากตรำ 3.7 เพลงหญิงไทยใจงำม มีเนื้อร้อง ดังนี้ เดือนพราวดาวแวววาวระยับ แสงดาวประดับส่งให้เดือนงามเด่น ดวงหน้าโสภาเพียงเดือนเพ็ญ คุณความดีที่เห็นเสริมให้เด่นเลิศงาม ขวัญใจหญิงไทยส่งศรีชาติ รูปงามพิลาศใจกล้ากาจเรืองนาม เกียรติยศก้องปรากฏทั่วคาม หญิงไทยใจงามยิ่งเดือนดาวพราวแพรว 3.8 เพลง ดวงจันทร์ขวัญฟ้ำ มีเนื้อร้อง ดังนี้ ดวงจันทร์ขวัญฟ้า ชื่นชีวาขวัญพี่ จันทร์ประจำราตรี แต่ขวัญพี่ประจำใจ ที่เทิดทูนคือชาติ เอกราชอธิปไตย ถนอมแนบสนิทใน คือขวัญใจพี่เอย 3.9 เพลงยอดชำยใจหำญ มีเนื้อร้อง ดังนี้ โอ้ยอดชายใจหาญ ขอสมานไมตรี น้องขอร่วมชีวี กอร์ปกรณีย์กิจชาติ แม้สุดยากลำเค็ญ ไม่ขอเว้นเดินตาม น้องจักสู้พยายาม ทำเต็มความสามารถ


15 3.10 เพลงบูชำนักรบ มีเนื้อร้อง ดังนี้ น้องรักรักบูชาพี่ ที่มั่นคงที่มั่นคงกล้าหาญ เป็นนักสู้เชี่ยวชาญ สมศักดิ์ชาตินักรบ น้องรักรักบูชาพี่ ที่มานะที่มานะอดทน หนักแสนหนักพี่ผจญ เกียรติพี่ขจรจบ น้องรักรักบูชาพี่ ที่ขยันที่ขยันกิจการ บากบั่นสร้างหลักฐาน ทำทุกด้านทำทุกด้านครันครบ น้องรักรักบูชาพี่ ที่รักชาติที่รักชาติยิ่งชีวิต เลือดเนื้อพี่พลีอุทิศ ชาติยงอยู่ยงอยู่คู่พิภพ 4. กำรแต่งกำย การแต่งกายของรำวงมาตรฐานมีวิวัฒนาการการแต่งกายมาตามลำดับ ที่สามารถ รวบรวมเพื่อใช้เป็นแนวทางการศึกษามีดังนี้ 4.1 แต่งแบบชาวบ้าน หมายถึง ชายนุ่งโจงกระเบนผ้าพื้นเมือง สวมเสื้อคอกลม แขนพอดีศอก ผ้าขาวม้าคาดเอว หญิงโจงกระเบน ห่มสไบเฉียง ภำพที่ 4 กำรแต่งกำยแบบชำวบ้ำน ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10.


16 4.2 แต่งกายแบบรัชกาลที่ 5 หมายถึง การแต่งกายแบบสมัยนิยมสมัยรัชกาลที่ 5 โดยผู้ชาย สวมเสื้อราชปะแตน นุ่งผ้าโจงกระเบน สวมถุงเท้ายาว ใส่รองเท้าหนัง ส่วนผู้หญิง สวมเสื้อลูกไม้แขนพองฟู ห่มผ้าสไบเฉียงไหล่ นุ่งผ้าโจงกระเบน สวมถุงน่องและรองเท้า คัชชู ตกแต่งด้วยเครื่องประดับด้วยสร้อยคอ ต่างหู มีสร้อยมุกคาดทับผมอย่างสวยงาม ภำพที่ 5 กำรแต่งกำยแบบรัชกำลที่ 5 ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 4.3 แต่งแบบไทยเรือนต้น หมายถึง การแต่งกายของผู้หญิงในสมัยนิยม ที่ผู้หญิงแต่งชุดไทยเรือนต้น คือสวมเสื้อแขนกระบอกคอกลมนุ่งผ้าซิ่นทับชาย สวมใส่ เครื่องประดับด้วยสร้อยคอต่างหู สวมรองเท้าคัชชู ส่วนผู้ชายสวมใส่เสื้อราชปะแตน นุ่งกางเกง ขายาวใส่รองเท้าหนัง


17 ภำพที่ 6 กำรแต่งกำยแบบไทยเรือนต้น ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 4.4 แต่งแบบไทยสากลนิยม หมายถึง การแต่งกายในสมัยนิยมที่ผู้ชายแต่ง ชุดสูท (สวมใส่เสื้อเชิ้ตและสวมชุดสูทสากลทับนอกผูกเนคไท) ผู้หญิงแต่งแบบชุดไทยประยุกต์ ภำพที่ 7 กำรแต่งกำยแบบไทยสำกลนิยม ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 5. โอกำสที่ใช้แสดง โอกาสที่ใช้แสดงเพลงรำวงเป็นการละเล่นอย่างหนึ่งของชาวบ้านที่เล่นกันเพื่อความ สนุกสนานและความสามัคคี พบว่าใช้ในงานเทศกาลต่างๆ ที่ให้ความรื่นรมย์ได้ทุกงานเพื่อ สร้างความสนุกสนานสำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรม


18 6. ท่ำร ำ 6.1 เพลงงามแสงเดือน ชื่อท่า สอดสร้อยมาลา นาฏยศัพท์ มี 4 คำ คือ วง บน จีบหงายชายพก ย่ำเท้า เอียงศีรษะ ภำพที่8 ท่ำร ำเพลงงำมแสงเดือน ท่ำสอดสร้อยมำลำ ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 6.2 เพลงชาวไทย ชื่อท่า ชักแป้งผัดหน้า นาฏยศัพท์ มี 4 คำ คือ จีบปรก ข้าง วงหน้า เอียงศีรษะ ย่ำเท้า ภำพที่ 9 ท่ำร ำเพลงชำวไทย ท่ำชักแป้งผัดหน้ำ ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 6.3 เพลงรำมาซิมารำ ชื่อท่า รำส่าย นาฏยศัพท์ มี 3 คำ ประกอบด้วย เหยียดแขน ย่ำเท้า เอียงศีรษะ


19 ภำพที่ 10 ท่ำร ำเพลงร ำมำซิมำร ำ ท่ำร ำส่ำย ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 6.4 เพลงคืนเดือนหงาย ชื่อท่ารำ สอดสร้อยมาลาแปลง นาฏยศัพท์ มี 4 คำ ประกอบด้วย วงบน จีบหงายชายพก กระทุ้งเท้า เอียงศีรษะ ภำพที่ 11 ท่ำร ำเพลงคืนเดือนหงำย ท่ำสอดสร้อยมำลำแปลง ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 6.5 เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ ท่ารำ แขกเต้าเข้ารัง ท่าผาลาเพียงไหล่ นาฏย ศัพท์ มี 5 คำ จีบปรกข้าง จีบหงาย วงบน แตะเท้า เอียงศีรษะ


20 ภำพที่ 12 เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ ท่ำแขกเต้ำเข้ำรัง ท่ำผำลำเพียงไหล่ ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 6.6 เพลง ดอกไม้ของชาติ ท่ารำ รำยั่ว นาฏยศัพท์ มี 4 คำ คือ วงล่าง จีบ ส่งหลัง เอียงศีรษะ วางส้น ภำพที่ 13 เพลงดอกไม้ของชำติ ท่ำร ำยั่ว ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559, มิถุนายน : 12. 6.7 เพลงหญิงไทยใจงาม ท่ารำ พรหมสี่หน้า ยูงฟ้อนหาง นาฏยศัพท์ มี 4 คำ คือ วงบัวบาน แทงมือ กระทุ้งเท้า เอียงศีรษะ


21 ภำพที่ 14 เพลงหญิงไทยใจงำม ท่ำพรมสี่หน้ำ ยูงฟ้อนหำง ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 6.8 เพลง ดวงจันทร์ขวัญฟ้า ท่ารำ ช้างประสานงา จันทร์ทรงกลดแปลง นาฏย ศัพท์ มี 4 คำ คือ จีบหงาย กระทุ้งเท้า วงกลาง เอียงศีรษะ ภำพที่ 15 เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้ำ ท่ำช้ำงประสำนงำ จันทร์ทรงกรด ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 6.9 เพลงยอดชายใจหาญ ท่ารำ ผู้หญิง ชะนีร่ายไม้ ผู้ชาย จ่อเพลิงกาฬ นาฏย ศัพท์ มี 5 คำ คือ วงบน จีบหงาย เหยียดแขน ย่ำเท้า เอียงศีรษะ


22 ภำพที่ 16 เพลงยอดชำยใจหำญ ท่ำหญิง ชะนีร่ำยไม้ ชำยจ่อเพลิงกำฬ ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 6.10 เพลงบูชานักรบ ท่ารำ ผู้หญิง ขัดจางนาง ผู้ชาย จันทร์ทรงกลด แปลง นาฏยศัพท์ มี 6 คำ คือ วงกลาง จีบหงาย จรดเท้า กระทุ้งเท้า มือไขว้ เอียงศีรษะ ภำพที่17 เพลงบูชำนักรบ เที่ยวที่ 1 ท่ำหญิงขัดจำงนำง ชำยจันทร์ทรงกรดแปลง ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. 6.11 เพลงบูชานักรบ (ดนตรี) ท่ารำ ผู้หญิง ล่อแก้ว ผู้ชาย ขอแก้ว นาฏย ศัพท์ มี 4 คำ คือ วงบน จีบล่อแก้ว กระทุ้งเท้า เอียงศีรษะ


23 ภำพที่ 18 เพลงบูชำนักรบ เที่ยวที่ 2 ท่ำหญิงล่อแก้ว ท่ำชำยขอแก้ว ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. ท่ำร ำเพลงหญิงไทยใจงำม ท่ารำเพลงหญิงไทยใจงาม เป็นเพลงที่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6 จะต้องปฏิบัติท่า รำให้ถูกต้องสวยงาม โดยมีท่ารำ 2 ท่า คือ พรหมสี่หน้า และยูงฟ้อนหาง และมีนาฏยศัพท์ มี 4 คำ คือ วงบัวบาน แทงมือ กระทุ้งเท้า เอียงศีรษะ โดยมีการปฏิบัติท่ารำอย่างต่อเนื่อง สัมพันธ์กันดังนี้ ท่ำที่ 1 เดือนพราว ผู้หญิง ก้าวข้างเท้าซ้าย มือทั้งสองจีบคว่ำแขนงอระดับสะเอว จากนั้นเคาะจมูกเท้าขวา พร้อม กับยกมือจีบปล่อยเป็นวงบัวบาน เอียงซ้าย ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง


24 ภำพที่ 19 ท่ำที่ 1 เดือนพรำว ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. ท่ำที่ 2 ดาวแวววาวระยับ ผู้หญิง เหยียบเท้าขวา ก้าวข้างเท้าซ้าย หมุนตัวทางซ้าย พร้อมกับก้าวข้างเท้าขวา เคาะจมูก เท้าซ้าย มือทั้งสองแทงเป็นท่ายูงฟ้อนหาง เอียงขวา ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง ภำพที่ 20 ท่ำที่ 2 ดำวแวววำวระยับ ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10.


25 ท่ำที่ 3 แสงดำวประดับ ผู้หญิง เหยียบเท้าซ้าย ก้าวข้างเท้าขวา หมุนตัวทางขวา มือทั้งสองจีบคว่ำระดับสะเอว ก้าว ข้างเท้าซ้าย ปล่อยมือทั้งสองเป็นบัวบาน เคาะจมูกเท้าขวา เอียงซ้าย ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง ภำพที่21 ท่ำที่ 3 แสงดำวประดับ ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. ท่ำที่ 4 ส่งให้เดือนงำมเด่น ผู้หญิง เหยียบเท้าขวา ก้าวข้างเท้าซ้าย หมุนตัวทางซ้าย พร้อมกับก้าวข้างเท้าขวา เคาะจมูก เท้าซ้าย มือทั้งสองแทงเป็นท่ายูงฟ้อนหาง เอียงขวา ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง


26 ภำพที่ 22 ท่ำที่ 4 ส่งให้เดือนงำมเด่น ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. ท่ำที่ 5 ดวงหน้า ผู้หญิง เหยียบเท้าซ้าย ก้าวข้างเท้าขวา หมุนตัวทางขวา มือทั้งสองจีบคว่ำระดับสะเอว ก้าว ข้างเท้าซ้าย ปล่อยมือทั้งสองเป็นบัวบาน เคาะจมูกเท้าขวา เอียงซ้าย ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง ภำพที่ 23 ท่ำที่ 5 ดวงหน้ำ ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10.


27 ท่ำที่ 6 โสภำเพียงเดือนเพ็ญ ผู้หญิง เหยียบเท้าขวา ก้าวข้างเท้าซ้าย หมุนตัวทางซ้าย พร้อมกับก้าวข้างเท้าขวา เคาะจมูก เท้าซ้าย มือทั้งสองแทงเป็นท่ายูงฟ้อนหาง เอียงขวา ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง ภำพที่ 24 ท่ำที่ 6 โสภำเพียงเดือนเพ็ญ ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. ท่ำที่ 7 คุณความดีที่เห็น ผู้หญิง เหยียบเท้าซ้าย ก้าวข้างเท้าขวา หมุนตัวทางขวา มือทั้งสองจีบคว่ำระดับสะเอว ก้าว ข้างเท้าซ้าย ปล่อยมือทั้งสองเป็นบัวบาน เคาะจมูกเท้าขวา เอียงซ้าย ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง


28 ภำพที่ 25 ท่ำที่ 7 คุณควำมดีที่เห็น ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. ท่ำที่ 8 เสริมให้เด่นเลิศงาม ผู้หญิง เหยียบเท้าขวา ก้าวข้างเท้าซ้าย หมุนตัวทางซ้าย พร้อมกับก้าวข้างเท้าขวา เคาะจมูก เท้าซ้าย มือทั้งสองแทงเป็นท่ายูงฟ้อนหาง เอียงขวา ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง ภำพที่ 26 ท่ำที่ 8 เสริมให้เด่นเลิศงำม ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10.


29 ท่ำที่ 9 ขวัญใจ ผู้หญิง เหยียบเท้าซ้าย ก้าวข้างเท้าขวา หมุนตัวทางขวา มือทั้งสองจีบคว่ำระดับสะเอว ก้าว ข้างเท้าซ้าย ปล่อยมือทั้งสองเป็นบัวบาน เคาะจมูกเท้าขวา เอียงซ้าย ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง ภำพที่ 27 ท่ำที่ 9 ขวัญใจ ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. ท่ำที่ 10 หญิงไทยส่งศรีชาติ ผู้หญิง เหยียบเท้าขวา ก้าวข้างเท้าซ้าย หมุนตัวทางซ้าย พร้อมกับก้าวข้างเท้าขวา เคาะจมูก เท้าซ้าย มือทั้งสองแทงเป็นท่ายูงฟ้อนหาง เอียงขวา ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง


30 ภำพที่ 28 ท่ำที่ 10 หญิงไทยส่งศรีชำติ ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. ท่ำที่ 11 รูปงามวิลาส ผู้หญิง เหยียบเท้าซ้าย ก้าวข้างเท้าขวา หมุนตัวทางขวา มือทั้งสองจีบคว่ำระดับสะเอว ก้าว ข้างเท้าซ้าย ปล่อยมือทั้งสองเป็นบัวบาน เคาะจมูกเท้าขวา เอียงซ้าย ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง ภำพที่29 ท่ำที่ 11 รูปงำมวิลำส ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10


31 ท่ำที่ 12 ใจกล้ากาจเรืองนาม ผู้หญิง เหยียบเท้าขวา ก้าวข้างเท้าซ้าย หมุนตัวทางซ้าย พร้อมกับก้าวข้างเท้าขวา เคาะจมูก เท้าซ้าย มือทั้งสองแทงเป็นท่ายูงฟ้อนหาง เอียงขวา ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง ภำพที่ 30 ท่ำที่ 12 ใจกล้ำกำจเรืองนำม ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. ท่ำที่ 13 เกียรติยศ ผู้หญิง เหยียบเท้าซ้าย ก้าวข้างเท้าขวา หมุนตัวทางขวา มือทั้งสองจีบคว่ำระดับสะเอว ก้าว ข้างเท้าซ้าย ปล่อยมือทั้งสองเป็นบัวบาน เคาะจมูกเท้าขวา เอียงซ้าย ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง


32 ภำพที่ 31 ท่ำที่ 3 เกียรติยศ ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. ท่ำที่ 14 ก้องปรากฏทั่วคาม ผู้หญิง เหยียบเท้าขวา ก้าวข้างเท้าซ้าย หมุนตัวทางซ้าย พร้อมกับก้าวข้างเท้าขวา เคาะจมูก เท้าซ้าย มือทั้งสองแทงเป็นท่ายูงฟ้อนหาง เอียงขวา ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง ภำพที่ 32 ท่ำที่ 14 ก้องปรำกฏทั่วคำม ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10.


33 ท่ำที่ 15 หญิงไทยใจงาม ผู้หญิง เหยียบเท้าซ้าย ก้าวข้างเท้าขวา หมุนตัวทางขวา มือทั้งสองจีบคว่ำระดับสะเอว ก้าว ข้างเท้าซ้าย ปล่อยมือทั้งสองเป็นบัวบาน เคาะจมูกเท้าขวา เอียงซ้าย ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง ภำพที่ 33 ท่ำที่ 15 หญิงไทยใจงำม ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. ท่ำที่ 16 เยี่ยงเดือนดาวพราวแพรว ผู้หญิง เหยียบเท้าขวา ก้าวข้างเท้าซ้าย หมุนตัวทางซ้าย พร้อมกับก้าวข้างเท้าขวา เคาะจมูก เท้าซ้าย มือทั้งสองแทงเป็นท่ายูงฟ้อนหาง เอียงขวา ผู้ชำย ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้หญิง


34 ภำพที่ 34 ท่ำที่ 16 เยี่ยงเดือนดำวพรำวแพรว ที่มา : วิไลลักษณ์ ละวู่. 2559. ถ่ายภาพ. มิถุนายน : 10. สรุป รำวงมาตรฐานเป็น การแสดงท่าเคลื่อนไหวมีลีลาและแบบท่า มีจังหวะเข้ากับเสียงที่ ทำจังหวะเพลงร้องหรือเพลงดนตรี ผู้แสดงต้องเดินตามรูปที่มีเส้นนอกที่โค้งเข้ามาบรรจบกัน เป็นวงกลม รำวงมาตรฐานวิวัฒนาการมาจากการรำโทน การละเล่นพื้นเมืองของไทย มีเครื่อง ดนตรีที่ใช้ประกอบการรำคือโทน ฉิ่ง กรับ บทร้องของการเล่นรำโทนส่วนใหญ่ เป็นบทเชิญ ชวน หยอกเย้า ชมโฉม และรำพันรัก ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ประมาณปี พ.ศ.2484- 2488 รัฐบาลได้มอบให้กรมศิลปากรปรับปรุงการเล่นรำโทน คือ เพลงงามแสงเดือน เพลงชาว ไทย เพลงรำมาซิมารำ เพลงคืนเดือนหงาย ต่อมาท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ได้แต่ง เพิ่มอีก 6 บท คือ เพลงบูชานักรบ เพลงดอกไม้ของชาติเพลงหญิงไทย ใจงาม เพลงดวงจันทร์ วันเพ็ญ เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า และเพลงยอดชายใจหาญ รวมเป็น10 เพลง นาฎศิลป์อาวุโส ของกรมศิลปากร คือจมื่น มานิตย์นเรศ (เฉลิม เศวตนันทน์)และนางลมุล ยมะคุปต์ ได้ร่วมกัน คิดท่ารำ โดยนำท่ารำบางท่าจากรำแม่บท และได้เปลี่ยนชื่อการเล่น“รำโทน” เป็น“รำวง” ทั้ง ได้เพิ่มดนตรีประกอบและพัฒนาเป็นใช้วงปี่พาทย์หรือวงดนตรีสากลแต่ยังคงมีโทน กรับและ ฉิ่ง องค์ประกอบของชุดการแสดง ลักษณะการแต่งกายสามารถแต่งได้ทุกแบบตามแบบการ แต่งกายของสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่มีปรากฏในประเทศไทย เช่น แต่งแบบชาวบ้าน แต่ง แบบสมัยรัชกาลที่ 5 และแต่งแบบชุดไทยใน สมัยปัจจุบันส่วนโอกาสที่ใช้แสดงนั้นสามารถนำ เพลงรำวงไปใช้แสดงได้ทุกโอกาสที่เป็นงานรื่นเริง


35 ค ำถำมทบทวน แบบฝึกหัดที่ 1 เรื่อง ร ำวงมำตรฐำน ************************************************************************** ค ำชี้แจง : ให้นักเรียนนำหมายเลขจากท่ารำในกรอบ ไปใส่ใน ตรงข้อความที่มี ความสัมพันธ์กัน (10 คะแนน) ท่ำร ำ 1. ท่ารำยั่ว 6. ท่าชะนีร่ายไม้ 2. ท่ารำส่าย 7. ท่าขัดจางนาง 3. ท่าชักแป้งผัดหน้า 8. ท่าแขกเต้าเข้ารัง 4. ท่าสอดสร้อยมาลา 9. ท่าช้างประสานงา 5. ท่าสอดสร้อยมาลาแปลง 10. ท่าพรหมสี่หน้า,ยูงฟ้อนหาง 1. เพลงงามแสงเดือน 2. เพลงชาวไทย 3. เพลงรำมาซิมารำ 4. เพลงคืนเดือนหงาย 5. เพลงดอกไม้ของชาติ 6. เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ 7. เพลงหญิงไทยใจงาม 8. เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า 9. เพลงยอดชายใจหาญ 10. เพลงบูชานักรบ


36 แบบฝึกหัดที่ 2 เรื่อง ร ำวงมำตรฐำน ค ำชี้แจง : ให้นักเรียนใส่เครื่องหมาย หน้าข้อความที่ถูกต้อง และใส่เครื่องหมาย หน้าข้อความที่ไม่ถูกต้อง (10 คะแนน) ใส่เครื่องหมำย ข้อควำม 1. เพลงงามแสงเดือน ใช้ท่ารำชักแป้งผัดหน้า 2. โทน เป็นเครื่องดนตรีหลักประกอบการเล่นรำวง 3. รำวงมาตรฐานมีท่ารำเฉพาะทุกเพลง 4. ท่าสอดสร้อยมาลาเป็นท่าของเพลงคืนเดือนหงาย 5. ผู้ที่ประดิษฐ์ท่ารำรำวงมาตรฐาน คือ คุณครูลมุล ยมะคุปต์ 6. ท่ารำส่ายใช้ในเพลง รำมาซิมารำ 7. เพลงรำวงมาตรฐานมีทั้งหมด 12 เพลง 8. เพลงหญิงไทยใจงามใช้ท่ารำรำยั่ว 9. การแต่งการแสดงรำวงมาตรฐานต้องแต่งชุดไทยเท่านั้น 10. ก่อนรำวงมาตรฐาน ผู้รำจะต้องทำความเคารพกัน


37 แบบทดสอบหลังเรียน กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ศิลปะ สำระนำฏศิลป์ ชั้นประถมศึกษำปีที่ 6 เรื่อง ร ำวงมำตรฐำน หัสวิชำ ศ 16101 เวลำ 10 นำที คะแนน 10 คะแนน ******************************************************************************************* ค ำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดแล้วทำเครื่องหมาย (×) ลงในกระดาษคำตอบ 1. รำวงมาตรฐานเป็นการแสดงประเภทใด ก. รำ ข. ระบำ ค. ฟ้อน ง. ละคร 2. เพลงในข้อใดที่มีท่านาฏยศัพท์เหมือนกัน ก. เพลงรำมาซิมารำ กับ เพลงยอดชายใจหาญ ข. เพลงงามแสงเดือน กับ เพลงคืนเดือนหงาย ค. เพลงชาวไทย กับ เพลงดอกไม้ของชาติ ง. เพลงบูชานักรบ กับ เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า 3. รำวงมาตรฐานพัฒนามาจากการแสดงพื้นเมืองในข้อใด ก. รำวง ข. รำโทน ค. รำเป็นวง ง. รำวงเวียนครก 4. เครื่องดนตรีหลักที่ใช้บรรเลงประกอบเพลงรำวงมาตรฐานคืออะไร ก. ฉิ่ง ข. กรับ ค. โทน ง. โหม่ง


38 5. รำวงมาตรฐาน เพลงหญิงไทยใจงาม ใช้ท่ารำในข้อใด ก. ท่ายูงฟ้อนหาง ข. ท่าพรหมสี่หน้า ค. ท่าสอดสร้อยมาลา ง. ท่าพรหมสี่หน้า และท่ายูงฟ้อนหาง 6. ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงรำวงมาตรฐาน อาจเป็นวงปี่พาทย์ หรือวงดนตรีสากลก็ได้ แต่ ยังคงมีเครื่องดนตรีในข้อใด ก. โทน กรับ และฉิ่ง ข. กรับ กลอง และขิม ค. โหม่ง ฆ้อง และกรับ ง. โทน กลอง และกรับ 7. เพลงรำวงมาตรฐานมีทั้งหมดกี่เพลง ก. 10 เพลง ข. 11 เพลง ค. 12 เพลง ง. 13 เพลง 8. เนื้อเพลงรำวงมาตรฐาน มีความหมายในเชิงใด ก. ตัดพ้อ ต่อว่า ข. ปลุกใจ ฮึกเหิม ค. โศกเศร้า เสียใจ ง. หยอกเย้า ชมโฉม 9. ข้อใดไม่ใช่การแต่งกายของรำวงมาตรฐาน ก. แต่งแบบพื้นบ้าน ข. แต่งกายแบบรัชกาลที่ 5 ค. แต่งแบบไทยสากลนิยม ง. แต่งแบบราตรีสวยงาม


39 10. การแสดงรำวงมาตรฐานเคลื่อนวงไปทางทิศใด ก. ตามเข็มนาฬิกา ข. ทวนเข็มนาฬิกา ค. ตามความถนัด ง. ตามความตกลงของผู้รำ


40 เอกสำรอ้ำงอิงประจ ำบท กาญจนา อินทรสุนสุนานนท์, รุจี ศรีสมบัติ. (2535).สารานุกรมนาฏศิลป์. กรุงเทพฯ : พัฒนาศึกษา. รัตนา มณีสิน. (2542). สุนทรียะทำงนำฏศิลป์ไทย. กรุงเทพฯ : สถาบันราชภัฏสวนดุสิต. ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรม. (2543). พจนำนุกรมฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คพับลิเคชั่นส์. ศิลปากร,กรม. (2552). วิพิธทัศนำ. กรุงเทพฯ : สถาบันนาฏดุริยางคศิลป์. อมรา กล่ำเจริญ. (2542). สุนทรียะนำฏศิลป์ไทย. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์โอ เดียนสโตร์.


Click to View FlipBook Version