ปรากฏการณ์ ลม ฟ้า อากาศ
เมฆ หมอก ฝน
หิมะ ลูกเห็บ
น้าค้าง
ลม ฟ้า อากาศ
สภาพอากาศในแตล่ ะวัน อาจจะแตกต่างกัน หรอื แมแ้ ตใ่ นชว่ งเวลา 1 วัน
สภาพอากาศอาจแตกตา่ งกัน สภาพอากาศที่มกี ารเปลี่ยนแปลงไดใ้ นชว่ งเวลา
สั้น ๆ ณ ทเ่ี ฉพาะแห่งเหลา่ นี้ เรยี กว่า ลมฟา้ อากาศ
เมฆ หมอก และฝน
ในอากาศ มีไอน้าเป็นส่วนประกอบส้าคัญ ท้าให้สภาพอากาศเกิดการ
เปลี่ยนแปลง เมฆ หมอก และฝน เป็นลักษณะของอากาศท่ีเกิดจากการ
เปลีย่ นแปลง ไอน้าในอากาศ
เมฆ
เมฆ (Cloud) คือ กลุ่มของละอองน้ำขนำดเล็ก
ซง่ึ เกิดจำกกำรควบแน่นของหยดน้ำในอำกำศ แต่เมฆชันสูงซ่ึงมี
อุณหภูมิต่้ำกว่ำจุดเยือกแข็งจะเป็นกลุ่มของผลึกน้ำแข็งขนำด
เล็ก โดยปกติน้ำบริสุทธ์ิและไอน้ำโปร่งแสงจนไม่สำมำรถ
มองเห็นได้ แต่หยดน้ำและผลึกน้ำแข็งมีพืนผิว (Surface) ซ่ึง
สะท้อนแสงท้ำให้เรำสำมำรถมองเห็นเป็นก้อนสีขำว และใน
บำงครังมุมตกกระทบของแสงและเงำจำกเมฆชันบนหรือเมฆที่
อยูข่ ำ้ งเคยี ง นอกจำกนันควำมหนำแน่นของหยดน้ำในก้อนเมฆก็
อำจท้ำให้มองเห็นเมฆเป็นสีเทำ
นั ก อุ ตุ นิ ย ม วิ ท ย ำ แ บ่ ง เ ม ฆ อ อ ก เ ป็ น 3 ร ะ ดั บ คื อ
เมฆชันต้ำ่ เมฆชันกลำง และเมฆชันสูง
หมอก (Fog) เกิดจำกไอน้ำเปลี่ยนสถำนะควบแน่นเปน็ หยด
น้ำเล็ก ๆ เช่นเดียวกับเมฆ เมฆเกิดจำกกำรเปล่ียนแปลง
อุณหภมู ิเน่อื งจำกกำรยกตัวของกลุ่มอำกำศ แต่หมอกเกิดขึน
จำกควำมเย็นของพืนผวิ หรือกำรเพ่ิมปริมำณไอน้ำในอำกำศ
หมอกสำมำรถเกิดขนึ จำกสำเหตุหลำยประกำร
ในวันที่มีอำกำศชืนและท้องฟ้ำใส พอตกกลำงคืนพืนดินจะ
เย็นตัวอย่ำงรวดเร็ว ท้ำให้ไอน้ำในอำกำศที่อยู่เหนือพืนดิน
ควบแน่นเป็นหยดน้ำ หมอกซึ่งเกิดขึนโดยวิธีนีมีอุณหภูมิต้่ำ
และมีควำมหนำแน่นสูง เคล่ือนตัวลงสู่ที่ต่้ำ และมีอยู่อย่ำง
หนำแนน่ ในหบุ เหว ตัวอย่ำงเชน่ ทะเลหมอก
เมื่อมวลอำกำศอุ่นที่มีควำมชืนสูงปะทะกับพืนผิวที่มีควำม
หนำวเย็น เช่น ผิวน้ำในทะเลสำบ อำกำศจะควบแน่น
กลำยเปน็ หยดน้ำ (ลกั ษณะเชน่ เดยี วกบั หยดนำ้ ซึง่ เกำะอยู่รอบ
แก้วนำ้ แขง็ ) เรำมองเห็นเปน็ ควันสขี ำวลอยขึนเหนอื พนื น้ำ
เม่ืออำกำศร้อนซ่ึงมีควำมชืนสูง ปะทะกับอำกำศเย็นซ่ึงอยู่
ขำ้ งบน แลว้ ควบแน่นเป็นหยดนำ้ เชน่ เวลำหลังฝนตก ไอน้ำท่ี
ระเหยขึนจำกพืนถนนซ่ึงร้อน ปะทะกับอำกำศเย็นซ่ึงอยู่
ข้ำงบน แล้วควบแน่นกลำยเป็นหมอก (ลักษณะเช่นเดียวกับ
กำรควบแน่นของไอน้ำจำกลมหำยใจปะทะกับอำกำศเย็นของ
ฤดูหนำว) เรำมองเหน็ เปน็ ควนั สีขำวลอยขนึ จำกพืนถนน
ขอ้ แตกต่างระหวา่ งหมอกกับละอองอากาศ
หมอกเป็นปรำกฎกำรณ์ซ่ึงเกิดขึนจำกไอน้ำควบแน่นเป็นหยดน้ำในลักษณะเดียวกับ
เมฆ แตกต่ำงจำกละอองอำกำศ (Aerosols) ซึ่งเป็นมวลอนุภำคขนำดเล็กท่ีแขวนลอยในอำกำศ
เช่น ฝุ่น เกษรดอกไม้ ไอเกลือทะเล เขม่ำควัน ละอองอำกำศทุกชนิดมีสถำนะเป็นของแข็ง
ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกำรควบแน่นของน้ำ แต่ละอองอำกำศท้ำให้เกิดปรำกฏกำรณ์ทำงแสง
ซึ่งมองเห็นเป็นฝ้ำบำง ๆ คล้ำยหมอกแต่มีสีคล้ำสกปรก ตัวอย่ำงปรำกฎกำรณ์ของละอองอำกำศที่
ควรร้จู ัก ได้แก่
• หมอกแดด (Haze) เป็นฝุ่นละอองที่ท้ำให้เกิดปรำกฏกำรณ์ฟ้ำหลัว คือ แสงอำทิตย์ส่องสว่ำงไม่
เต็มที่เน่ืองจำกมีอนุภำคฝุ่นในบรรยำกำศเป็นอุปสรรคขวำงกันทำงเดินของแสง หมอกแดดมัก
เกิดขึนในวันที่มีอุณหภูมิสูงและมีควำมกดอำกำศต้่ำ อำกำศร้อนเหนือพืนดินยกตัว พำให้ฝุ่นและ
อนุภำคบนพนื ดินลอยขนึ สูช่ ันบรรยำกำศ
ขอ้ แตกตา่ งระหว่างหมอกกับละอองอากาศ
• หมอกควัน (Smog) เป็นมลภำวะซึ่งเกิดจำกกำรสันดำปเชือเพลิงฟอสซิลในเครื่องจักรกลและ
โรงงำน มักเกิดขึนในเมืองใหญ่ที่มีกำรจรำจรหนำแน่น เช่น กรุงเทพมหำนคร เชียงใหม่ และ
นิคมอุตสำกรรมต่ำงๆ รวมทังกำรเผำป่ำและพืนที่เกษตรกรรม ค้ำว่ำ Smog เกิดจำกกำรน้ำค้ำ
ว่ำ "Smoke" ซึ่งแปลวำ่ ควนั และคำ้ ว่ำ "Fog" ซงึ่ แปลว่ำหมอก มำเรยี งผสมกนั
เป็นช่ือเรียกรวมของหยดน้ำและน้ำแข็ง ท่ีเกิดจำกำรควบแน่นของไอน้ำแล้วตกลงมำสู่พืน
เช่น ฝน ลูกเห็บ หิมะ เป็นต้น หยำดน้ำฟ้ำแตกต่ำงจำกจำกหยดน้ำหรือละอองน้ำในก้อนเมฆ
(Cloud droplets) ตรงที่หยำดน้ำต้องมีขนำดใหญ่และมีน้ำหนักมำกพอที่จะชนะแรงต้ำนอำกำศ
และตกสู่พืนโลกได้โดยไม่ระเหยเป็นไอน้ำเสียก่อน ฉะนันกระบวนกำรเกิดหยำดน้ำฟ้ำจึงมีควำม
สลับซับซอ้ นมำกกว่ำกระบวนกำรควบแนน่ ที่ทำ้ ใหเ้ กิดเมฆ
https://www.youtube.com/watch?v=j6z0Aqygblc
การทดลอง การเกดิ เมฆ หมอกและนา้ คา้ ง
https://www.youtube.com/watch?v=G330VRMldsc
ทบทวนควำมรู้
1.มีลักษณะเป็นหยดน้ำ เกิดจำกละอองน้ำในเมฆชนกันและรวมตัวกัน
มีขนำดใหญ่ขึน จนมีน้ำหนักเกินกว่ำบรรยำกำศจะพยุงไว้ได้
แลว้ ตกลงมำสูพ่ ืนโลก
หิมะ ฝน ลกู เห็บ
1.มีลักษณะเป็นหยดน้ำ เกิดจำกละอองน้ำในเมฆชนกันและรวมตัวกัน
มีขนำดใหญ่ขึน จนมีน้ำหนักเกินกว่ำบรรยำกำศจะพยุงไว้ได้
แล้วตกลงมำสู่พนื โลก
ฝน
2. ไอน้ำเปล่ียนสถำนะควบแน่นเป็นหยดน้ำเล็ก ๆ เกิดอยู่ใกล้
ระดบั พนื ดิน
2. ไอน้ำเปล่ียนสถำนะควบแน่นเป็นหยดน้ำเล็ก ๆ เกิดอยู่ใกล้
ระดบั พนื ดิน
3.มีลักษณะเป็นผลึกน้ำแข็งส่วนใหญ่มีรูปทรงสมมำตรแบบ 6 แฉก
เกิดจำกไอน้ำในอำกำศท่ีมีลักษณะเป็นแก๊ส ระเหิดกลับเปล่ียนสถำนะ
เปน็ ของแขง็ จับตวั กนั เป็นผลึกน้ำแข็ง และตกมำยงั พนื ผวิ โลก
หิมะ ฝน ลกู เหบ็
3.มีลักษณะเป็นผลึกน้ำแข็งส่วนใหญ่มีรูปทรงสมมำตรแบบ 6 แฉก
เกิดจำกไอน้ำในอำกำศที่มีลักษณะเป็นแก๊ส ระเหิดกลับเปล่ียนสถำนะ
เปน็ ของแขง็ จบั ตัวกนั เปน็ ผลึกน้ำแขง็ และตกมำยังพืนผิวโลก
หมิ ะ
4.กลุ่มของละอองนำ้ ขนำดเลก็ ซ่ึงเกิดจำกกำรควบแน่นของหยด
นำ้ ในอำกำศ
4.กลุ่มของละอองนำ้ ขนำดเลก็ ซ่ึงเกิดจำกกำรควบแน่นของหยด
นำ้ ในอำกำศ