The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

CRDC13 Poster Presentation
กลุ่ม PE ด้านสารสกัดและเอนไซม์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mmeang, 2021-05-09 09:29:13

กลุ่ม PE ด้านสารสกัดและเอนไซม์

CRDC13 Poster Presentation
กลุ่ม PE ด้านสารสกัดและเอนไซม์

Keywords: crdc13,poster presentation

ผลของรงั สีแกมมำตอ่ คณุ ภำพทำงจุลชีววิทยำและสมบัติทำงเคมขี องผงสมนุ ไพรฟ้ำทะลำยโจร

Effect of Gamma Irradiation on Chemical Properties and Microbiological Quality of King of Bitter
(Andrographis paniculata (Burm.f.) Wall. Ex Nees) Powder

เขมรุจิ เข็มทอง*, วชิรำภรณ์ ผวิ ล่อง, สุรศักด์ิ สัจจบุตร, จำรุรัตน์ เอีย่ มศริ ิ และ ศริ ิลกั ษณ์ ชแู ก้ว
สถำบันเทคโนโลยีนวิ เคลียร์แหง่ ชำติ (องค์กำรมหำชน) 9/9 ต.ทรำยมูล อ.องครกั ษ์ จ.นครนำยก 26120

*Corresponding author, email: [email protected]

บทคัดยอ่ ผลและสรุปผลกำรทดลอง

ฟา้ ทะลายโจรเป็นพชื สมุนไพรที่ได้รับการยอมรับและได้ถกู บรรจุอยู่ในบัญชียาหลัก 1000 Total phenolic DPPH FRAP value Andrographolide content
แห่งชาติในรูปแบบยาเดี่ยวงาน วิจัยนี้เป็นการศึกษาผลของรังสีแกมมาต่อคุณภาพ 100
ทางจุลชีววิทยาและทางเคมีในผงสมุนไพรฟ้าทะลายโจร โดยนาผงสมุนไพรฟ้า- ** ** **

ทะลายโจรมาฉายรังสีแกมมาที่ปริมาณรังสี 5, 10, 15 และ 20 กิโลเกรย์ วิเคราะห์ 10
ปริมาณคุณภาพทางจุลินทรีย์ ปริมาณสารฟีนอลิกท้ังหมด ฤทธ์ิต้านอนุมูลอิสระ
และปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ เปรียบเทียบกับตัวอย่างท่ีไม่ฉายรังสี พบว่า 01 0 5 10 15 20
ปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ทั้งหมดในตัวอย่างท่ีไม่ฉายรังสีมีค่าสูงเกินมาตรฐานยา
สมุนไพรไทย การฉายรังสีปริมาณ 5 กิโลเกรย์ สามารถลดปริมาณเช้ือจุลินทรีย์ Dose (kGy)
ท้ังหมดให้ต่ากว่าค่ามาตรฐานได้ เม่ือฉายรังสีท่ีปริมาณรังสีสูงข้ึนไม่พบการ
เปล่ียนแปลงของปริมาณสารฟีนอลิกท้ังหมดและปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ Figure 1 Effects of gamma irradiation on total phenolics content, DPPH, FRAP value and
แต่พบว่าตัวอย่างท่ีฉายรังสีปริมาณ 10 กิโลเกรย์ขนึ้ ไป มีค่าความสามารถในการ andrographolide content of A. paniculata. Powder.
รีดิวซ์เฟอรร์ กิ เพิ่มขึน้ อยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถติ ิ (p<0.05).
คำสำคัญ: ฟา้ ทะลายโจร รงั สแี กมมา คณุ ภาพทางชวี วิทยา สมบตั ิทางเคมี ✓ ปริมาณฟีนอลิกทั้งหมด, ฤทธ์ิต้านอนุมูลอิสระ (DPPH), ปริมาณ andrographolide ใน
ตัวอยา่ งท่ไี มฉ่ ายและฉายรังสแี กมมาปรมิ าณรงั สีต่าง ๆ มคี ่าไมแ่ ตกต่างกนั
วตั ถุประสงค์
✓ ปริมำณรงั สีตั้งแต่ 10 kGy ค่ำ FRAP เพ่ิมสงู ขนึ้ อยำ่ งมนี ยั ทำงสถติ ทิ ่ีควำมเชอ่ื ม่ัน 95%
ศึกษาผลของรังสีแกมมาต่อคุณภาพทางจุลชีววิทยาและสมบัติทางเคมีของผง
สมุนไพรฟ้าทะลายโจร เพ่ือเป็นองค์ความรู้ให้กับผู้ที่สนใจเทคโนโลยีการใช้รังสี ✓ รงั สีแกมมาเปน็ รังสกี ่อไอออนอาจเหนีย่ วนาให้คา่ frap เพม่ิ ขึ้นได้ (Janiak และคณะ, 2016)
สาหรับปรบั ปรุงคุณภาพของสมุนไพรไทย
✓ สันนิษฐานว่ารังสีแกมมาไปทาลายโครงสร้างของแทนนิน และเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง
คำนำ ของโมเลกุล (Variyar และคณะ, 1998) (Topuz และ Ozdemir, 2004) ทาให้ละลายน้าไดเ้ พิ่มข้ึน มี
ผลทาให้คา่ ทท่ี ดสอบสงู ขึ้น
ฟำ้ ทะลำยโจร (Andrographis paniculata (Burm.f.) Nees)
Table 2 Microbiological quality of A. paniculata powder that irradiated by gamma radiation
- บรรจุในบญั ชยี าหลกั แหง่ ชาติของกระทรวงสาธารณสขุ
- ส่วนทีน่ ิยมนามาใช้ ใบ และลาต้นเหนือดิน Dose Total Bacterial Count Total Yeast & Mold Bacillus cereus
- อยู่ในกลมุ่ ยาเยน็ มรี สขม สรรพคณุ ชว่ ยเสริมภูมคิ ุม้ กันร่างกาย
- ฤทธ์ติ ้านอนุมลู อสิ ระ, ฤทธิ์ตา้ นการอักเสบ บรรเทาอาการเจบ็ คอ (kGy) (CFU/g) (CFU/g) (CFU/g)
- บรรเทาอาการทอ้ งเสียชนดิ ทีไ่ มไ่ ด้ติดเช้ือ อาการของโรคไข้หวัด 0 5.2 x 105 3.4 x 103 2.6 x 102
- สาร andrographolide ลดการรวมตวั ของเกล็ดเลือด ตา้ นมะเร็ง 5 2.5 x 103
- ปนเป้อื นเชื้อจลุ นิ ทรยี ก์ อ่ โรคจากธรรมชาติ และกระบวนการผลติ <10 <10

รงั สแี กมมำ (gamma rays) 10 <10 <10 <10

- เป็นวิธีการหนึง่ ทใี่ ชล้ ดปริมาณจุลินทรีย์ในอาหาร กาจัดแมลง 15 <10 <10 <10
ชะลอการสกุ งอกของผักและผลไม้ 20 <10 <10 <10

- ปรมิ าณรังสี เพือ่ ลดปริมาณจลุ นิ ทรยี ใ์ นอาหาร ไม่เกนิ 10 kGy ✓ ปริมำณจุลนิ ทรียท์ ง้ั หมด (total bacterial count) เริ่มตน้ กอ่ นกำรฉำยรังสีมคี ่ำเกิน

(FAO, IAEA, WHO, 1981) (Thai Herbal Pharmacopoeia 2009)

- เกิดความร้อนต่า ปลอดภยั ต่อผ้บู ริโภค ไม่ตกค้างในผลิตภณั ฑ์ ✓ รงั สี 5 kGy มีปรมิ ำณจลุ นิ ทรียท์ ้ังหมดลดลง 2 log cycle ซึง่ ตำ่ กวำ่ เกณฑ์มำตรฐำน
- กระบวนการฉายรงั สีแกมมาก่อใหเ้ กิดอนมุ ลู อิสระ hydroxyl radical (HO•)
✓ ปรมิ าณยสี ต์และราทั้งหมด (total yeast & mold) และจุลินทรยี ์ก่อโรค Bacillus cereus
ไปรบกวน DNA ยบั ยั้งการเตบิ โตของเซลล์จุลชพี มีปรมิ าณเชอื้ เรม่ิ ต้นก่อนฉายรังสีไมเ่ กินค่ามาตรฐาน

✓ ปรมิ าณเชือ้ จุลินทรยี ป์ นเปอื้ น มคี า่ ลดลงตามปริมาณรงั สีท่ีเพิม่ ขน้ึ

สรปุ ผลกำรทดลอง

ผงสมุนไพรฟ้าทะลายโจรพบการปนเป้ือนเช้ือจุลินทรีย์สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานแสดงถึงการ
ไม่ได้คุณภาพ รังสีแกมมาเป็นทางเลือกหนึ่งท่ีมีประโยชน์ในการปรับปรุงคุณภาพทาง
จุลินทรีย์อย่างมีประสิทธิภาพ การฉายรังสี 5 kGy เป็นปริมาณรังสีที่เหมาะสมและเพียงพอ
ในการควบคุมปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ท้ังหมดให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และไม่ส่งผลให้ปริมาณ
สารแอนโดรกราโฟไลดแ์ ละสมบตั ิทางเคมีอืน่ ๆ ในผงสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเปลยี่ นแปลงไป

เอกสำรอำ้ งองิ

FAO, IAEA, WHO, 1981, The Wholesomeness of Irradiated Food, WHO Technical ReportSeries Nr. 659, Geneva. Haina, B. Zhenyu, W. Jie, C and Chilin, C. 2014, Synergistic Radiation Protective Effect of Purified Auricularia auricular-judae

Polysaccharide (AAP IV) with Grape Seed Procyanidins, Molecules. 19 :20675-20694

Janiak Michal Adam, Adriana Slavova-Kazakova, Magdalena Karamać, Vessela Kancheva, Anastasiya Terzieva, Milena Ivanova, Tsvetelin Tsrunchev and Ryszard Amarowicz, 2016, Effects of Gamma-Irradiation on the Antioxidant Potential of

Traditional Bulgarian Teas, Natural Product Communications Vol. 12 (2), 181-184 pp.

Topuz, A. and Ozdemir, F., 2004, Influences of gamma irradiation and storage on the capsaicinoids of sun-dried and dehydrated paprika, Food Chemistry, 86:509-515.

RESEARCH POSTER PRESENTATION DESIGN © 2019

Variyar, P.S., Bandyopadhyay,www.PosterPresentations.com C. and Thomas, P., 1998, Effect of gamma irradiation on the phenolic acid of some Indian spices, International Journal of Food Science and Technology, 33:533-537.

สารตา้ นอนุมูลอสิ ระในนา้ คัน้ ผลส้มซ่า

Antioxidant in Bitter Orange (Citrus aurantium L.) Juice

วฒั นา อัจฉริยะโพธา1* สินีนาถ สุขทนารักษ2์ และเบญจางค์ อจั ฉริยะโพธา2

1หลักสูตรนวตั กรรมชวี ผลิตภณั ฑ์ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถมั ภ์ จ.ปทุมธานี 13180, ประเทศไทย

2หลักสูตรคหกรรมศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถมั ภ์ จ.ปทมุ ธานี 13180, ประเทศไทย

*E-mail : [email protected]

บทคัดย่อ

ผลส้มซ่าทไ่ี ดจ้ ากแหล่งชุมชนทอ้ งถนิ่ ต.คลองหา้ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มกี ารปลูกในระบบอนิ ทรียแ์ ละมกี ารนานา้ คนั้ มาเป็ นส่วนประกอบสินคา้ ชมุ ชน สารตา้ นอนุมลู อสิ ระ

ของน้าคั้นส้มซ่าสดเทียบกับน้าส้มซ่าแช่แข็ง มปี ริมาณสารประกอบฟี นอลิกเท่ากับ 451.634 mgGAE/gFW และ 139.7436 mgGAE/gFW ตามลาดับ ปริมาณสารประกอบฟลาโว

นอยดท์ ัง้ หมดพบว่านา้ ส้มซ่าคั้นสดและนา้ ส้มซ่าคั้นแช่แข็งมีปริมาณเท่ากับ 260.5429 mg/gFW และ 74.2857 mg/gFW ตามลาดับ น้าส้มซ่าสดมีฤทธิก์ ารต้านอนุมูลอสิ ระด้วยวิธี

DPPH โดยพจิ ารณาจากค่า IC50 คือ 56.79 ซ่งึ แสดงความสามารถได้ดีกว่าน้าส้มซ่าแช่แข็งซึ่งมีค่า IC50คือ 120.75 การศึกษาในครั้งนีไ้ ด้แสดงให้เหน็ ว่านา้ คัน้ ส้มซ่าคุณภาพลดลง
ตามระยะเวลาการเก็บถงึ แม้ว่าจะเก็บทอ่ี ุณภูมิต่า ผลการศึกษานีส้ ามารถเผยแพร่ให้แก่ชุมชนเพอ่ื เป็ นข้อมูลคุณลักษณะด้านหนึ่งของผลส้มซ่าจากแหล่งชุมชนและสนับสนุนการ

พฒั นาผลิตภณั ฑช์ ุมชนเกดิ เป็ นนวัตกรรมเพอื่ การพฒั นาศักยภาพชุมชนแบบมสี ่วนร่วม ส้มซา่ จาก ต.คลองหา้ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
คาสาคญั : สม้ ซา่ , สารต้านอนุมลู อสิ ระ, ฟี นอลิก, ฟลาโวนอยด์

บทนา อุปกรณแ์ ละวธิ ีการ
ผลสม้ ซ่าอายผุ ล 35-40 วนั หลงั จากดอกบาน ช่งั นา้ หนกั เทยี บสดั สว่ นนา้ สม้ ซ่าตอ่ นา้ หนกั ผล
ตาบลคลองหา้ อาเภอคลอง จังหวัดปทุมธานี มีการพัฒนาการทาเกษตรปลอดภยั มาอย่าง
แลว้ คนั้ ใหไ้ ดน้ า้ คนั้ (แยกออกเป็น 2 สว่ น)
ต่อเน่ืองมีผลผลิตทางการเกษตรทสี่ าคัญ ได้แก่ ส้มซ่า (Citrus aurantium L.) โดยมีการปลูก
ในลักษณะทเ่ี ป็ นธรรมชาตไิ ม่ได้มีการใช้สารเคมี (ภญิ ญาพัชญ์ นาคภบิ าล, 2559) ซึ่งส้มซ่า วิเคราะหป์ รมิ าณสารประกอบฟีนอลทงั้ หมด Folin-Ciocalteu Reagent
เป็ นพืชท้องถิ่นตระกูลส้มควรค่าแก่การอนุรักษม์ ีสารระเหยที่สาคัญมีลักษณะท่ีโดดเด่น
เฉพาะตัวจงึ นิยมใช้ผิวและมีการนานา้ คัน้ จากผลมาปรุงรสอาหาร และแตง่ กล่ินอาหาร เช่น (ดดั แปลงจากวิธีของ ธนศกั ดิ์ แซเ่ ล่ยี ว และคณะ (2551) )
หมี่กรอบ ปลาแนม ซึ่งเป็ นอาหารไทยโบราณ ปัจจุบันส้มซ่ากลายเป็ นพืชท่ีมีคนรู้จักน้อย
และจากงานวิจัยมีการรายงานถึงคุณลักษณะที่สาคัญของส้มซ่าได้แก่งานวิจัยของ ชมัยพร คานวณหาปรมิ าณสารประกอบฟีนอลทงั้ หมดเทยี บกบั กราฟมาตรฐานของ gallic acid (gallic
รอดกลิ่น และคณะ (2560) ได้รายงานว่าส่วนสกัดจากเปลือกผลมีปริมาณสารประกอบฟี acidequivalence: GAE) ทาซา้ 3 ครงั้
นอลิกรวม, ความสามารถในการรีดิวซ์ และฤทธิ์กาจัดอนุมูลอิสระ สูงกว่าส่วนสกัดจากใบ
แต่ส่วนสกัดจากใบมีปริมาณสารฟลาโวนอยดร์ วมสูงกว่าส่วนสกัดจากเปลือกผล และก่ิง วเิ คราะหป์ รมิ าณฟลาโวนอยดท์ งั้ หมด
ของส้มซ่า ส่วนสกัดจากเปลือกผล และใบทส่ี กัดโดยการต้มในนา้ เดือด และส่วนสกัดจาก
ก่ิงท่ีสกัดด้วยน้าโดยใช้หม้อน่ึงความดัน มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าส่วนสกัดท่ี (ตามวธิ ีของ พสธุ ร อนุ่ อมรมาศ และสรณะ สมโน (2559))
สภาวะอ่ืน ๆ (IC50 = 0.236 ± 0.008, 0.579 ± 0.021, และ 0.733 ± 0.002 มิลลิกรัมต่อ
มิลลิลิตร ตามลาดบั ) ปริมาณสารประกอบฟี นอลิกมีความสัมพันธท์ างบวกกับฤทธิ์กาจัด คานวณหาปรมิ าณสารประกอบฟลาโวนอยดท์ งั้ หมด โดยเทียบกบั กราฟมาตรฐานของ
อนุมูลอิสระ นอกจากนี้ รวินิภา ศรีมูล และศิริจันทร์ ตาใจ (2556) ศึกษานา้ ส้มซ่าคั้นเทยี บ Catechin (catechin equivalence : CE) ทาซา้ 3 ครงั้
กับนา้ ผลไม้อื่นได้ผลการศึกษาว่าน้าส้มซ่ามีปริมาณค่าเฉล่ียฟี นอลทัง้ หมดสูงเมื่อเทยี บกับ
นา้ ผลไม้ทขี่ ายในทอ้ งตลาดบางพนื้ ทไ่ี ด้แก่ นา้ มังคุด นา้ สารองและนา้ ลูกหว้า โดยรวมแล้ว วิเคราะหค์ วามสามารถในการตา้ นอนมุ ลู อิสระดว้ ยวิธี DPPH assay และ IC50
ชี้ให้เห็นว่าส้มซ่ามีศักยภาพเร่ืองฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระจึงสามารถนามาใช้งานด้าน
อุตสาหกรรมทางการแพทยแ์ ละอาหาร ดังนั้นงานวิจัยนีจ้ ึงต้องการศึกษาความสามารถใน (ตามวธิ ีของ พยงุ ศกั ดิ์ ตนั ติไพบลู ยว์ งค์ และสรุ ศกั ดิ์ ใจเขียนดี (2555))
การต้านอนุมูลอิสระของน้าคั้นส้มซ่าท่ีได้จากพืน้ ท่ี ต.คลองห้า โดยศึกษาน้าส้มซ่าคั้นสด
เปรียบเทยี บกับนา้ ส้มซ่าแช่แข็งเพอ่ื เป็ นข้อมูลสาหรับนาไปใช้เป็ นส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ คานวณปรมิ าณการตา้ นอนมุ ลู อิสระอธิบายตามสตู ร
ชุมชน (OTOP) ทาใหเ้ กดิ การต่อยอดการเกษตรและสร้างคุณค่าใหก้ ับพชื้ ทอ้ งถน่ิ % DPPH radical scavenging activity = (Abs. of control – Abs. of sample) × 100

Abs. of control

ผลและวจิ ารณผ์ ลการทดลอง สรุปผล

สัดส่วนของนา้ ส้มซ่าคัน้ สด สดั สว่ นนำ้ สม้ ซ่ำตอ่ นำ้ หนกั ผลคือรอ้ ยละ 63.72 (w/v) ปรมิ าณสารประกอบฟีนอลทงั้ หมดและปรมิ าณสารประกอบฟลาโวนอยดท์ งั้ หมดในนา้ สม้ ซา่ คนั้ สดมีปรมิ าณ
มากกว่านา้ สม้ ซ่าคนั้ แช่แข็ง และนา้ สม้ ซ่าคัน้ สดมีฤทธิ์ตา้ นทานอนุมูลอิสระท่ีดีกว่านา้ สม้ ซ่าแช่แข็ง จาก
ผลกำรวิเครำะหค์ ณุ สมบตั กิ ำรตำ้ นอนมุ ลู อิสระ การศกึ ษาโดยรวมทาใหส้ ามารถกลา่ วไดว้ า่ นา้ สม้ ซ่าคนั้ สดเป็นแหล่งสารตา้ นอนมุ ลู อิสระท่ีอาจจะนาไปใชใ้ น
ผลิตภณั ฑอ์ าหาร องคป์ ระกอบท่ีโดดเด่นของสม้ ซ่าในดา้ นการตา้ นอนมุ ลู อิสระสามารถนาศกั ยภาพของสม้
ตารางที่ 1 ผลวิเคราะหป์ รมิ าณฟีนอลรวมและฟลาโวนอยดข์ องนา้ สม้ ซา่ คนั้ สดและนา้ สม้ ซา่ คนั้ แชแ่ ข็ง ซ่าส่กู ารผลิตและการพฒั นาผลิตภณั ฑจ์ ากสม้ ซ่าอีกทงั้ ลกั ษณะดา้ นกล่ินท่ีมีลกั ษณะหอมทาใหเ้ หมาะสมใน
การสรา้ งผลิตภณั ฑช์ มุ ชนท่ีแตกตา่ งและเพ่ิมรายได้ โดยมีแนวทางท่ีจะสามารถเป็นอีกหน่ึงผลิตภณั ฑช์ มุ ชนท่ี
ชนิดของนา้ ส้มซ่า ปริมาณสารประกอบฟี สารประกอบฟลาโว การตา้ นอนุมลู อสิ ระ IC50 มีลกั ษณะเฉพาะตวั ทางดา้ นคณุ ค่าโภชนาการและสามารถต่อยอดโดยสมาชิกกล่มุ ตลาดชมุ ชนวิถีพอเพียง
ดว้ ยวธิ ี DPPH (%) (mg/l) บา้ นคลองหา้ ตาบลคลองหา้ อาเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี การจา้ งงาน และการใชท้ รพั ยากรใน
นอลรวม (mgGAE/gFW) นอยด์ (mg/gFW) ทอ้ งถ่ิน ตลอดจนเป็นเอกลกั ษณใ์ หก้ บั ทางชมุ ชนได้
กติ ตกิ รรมประกาศ
นา้ ส้มซา่ คัน้ สด 195.5 260.5429 88.04 56.79 ทีมผวู้ จิ ยั ขอขอบคณุ กำนนั ศรนี วล ทิพำพงษผ์ กำพนั ธ์ กำนนั ตำบลคลองหำ้ อำเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทมุ ธำนี
นา้ ส้มซา่ คัน้ แช่แขง 131.75 74.2857 38.19 120.75 ท่ีใหค้ วำมสนบั สนนุ งำนวิจยั โดยนำผลสม้ ซำ่ ท่ีหำไดจ้ ำกเกษตรผปุ้ ลกู ในทอ้ งท่ี ตำบลคลองหำ้

เอกสารอ้างอิง พยงุ ศกั ดิ์ ตนั ตไิ พบลู ยว์ งศ์ และสรุ ศกั ดิ์ ใจเขียนดี. 2555. การวดั ฤทธิต์ า้ นอนมุ ูลอสิ ระดว้ ยวธิ กี ารทาลายอนมุ ูลดพี พี เี อชและการฟอกสอี นมุ ลู เอบีทเี อส. น. 21-26. ใน ชลธิชา เทพหนลพั (บรรณาธิการ),
ชมยั พรวริทอดยกาลศ่นิาส, เตอรกบ์รฐัูรพศารีสปขุ ีทแ่ี 2ล2ะ(กฉลบา่ บั วทข่ีว1ญั ) มศกรรสี าขุ ค.ม25–6เ0ม.ษผาลยขนอ:ง2ส1ภ1า-ว2ะ2ก5า. รสกดั ตอ่ ปริมาณสารประกอบฟีนอลิก สารประกอบฟลาโวนอยด์ และฤทธติ์ า้ นอนมุ ูลอสิ ระของสว่ นตา่ ง ๆ ของสม้ ซ่า. วารสาร เทคนคิ ในการตรวจวดั อนมุ ลู อสิ ระ สารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ และดชั นี ภาวะเครยี ดออกซเิ ดชนั , คณะวิทยาศาสตร์ การแพทยม์ หาวทิ ยาลยั พะเยา รว่ มกบั สมาคม เพ่ือการวิจยั อนมุ ลู อสิ ระไทย, บรษิ ัท
นวพร วรพาณิชย,์ วีรวรรณ ทรพั ยก์ จิ การ, บวั สาย เพชรสรุ ยิ วงศ,์ มณฑริ า นพรตั น์ และ พรรณจิรา วงศส์ วสั ด.ิ์ 2557. คณุ ลกั ษณะของนา้ มนั หอมระเหยสม้ ซ่าและการนาไปใชใ้ นเยลลี.่ วารสารวทิ ยาศาสตรเ์ กษตร
นพบรุ ีการ พิมพจ์ ากดั , เชียงใหม่.
45(2)(พิเศษ): หนา้ 369-372.
ธนศกั ดิ์ แซเ่ ล่ียว, ศศิธร จนั ทนวรางกรู , วรรณี จิรภาคยก์ ลุ . 2551. ผลของตวั ทาละลายต่อปริมาณสารประกอบฟี นอลกิ และความสามารถต้านออกซเิ ดชันของกระชายเหลือง (Boesenbergia pandurata). ภญิ ญาพชั ญ์ นาคภิบาล. 2559. การพฒั นารูปแบบการดาเนนิ ชีวติ ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง กรณีศกึ ษาบา้ นคลองหา้ หมู่ 2 ตาบลคลองหา้ อาเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทมุ ธานี. วารสาร
บัณฑิตศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถมั ภ์ ปีท่ี10 ฉบบั ท่ี 3 กนั ยายน – ธนั วาคม.
เร่อื งเต็มการประชมุ ทางวิชาการของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ครงั้ ท่ี 46: สาขาอตุ สาหกรรมเกษตร. กรุงเทพฯ. หนา้ 538-545 (677 หนา้ ).
พสธุ ร อนุ่ อมรมาศ และสรณะ สมโน. 2559. การวิเคราะหห์ าสารสาคัญและฤทธกิ์ ารต่อตา้ นอนุมูลอสิ ระของดอกไม้กนิ ไดบ้ างชนิด. วารสารเกษตร. 32 (3): 435-445. รวนิ ภิ า ศรีมลู และศริ จิ นั ทร์ ตาใจ. 2556. ปรมิ าณฟี นอลรวมและฤทธติ์ ้านอนุมูลอิสระในนา้ ผลไม้แปรรูปในรูปในจังหวัดจนั ทบุรี. มหาวยิ าลยั เทคโนโลยีราชมงคลตะวนั ออก วิทยาเขตจนั ทบรุ ี.
จนั ทบรุ .ี

ผลของความเขม้ ข้นของเอทานอลตอ่ การสกัดสารประกอบฟนี อลกิ และฤทธ์ิในการต้านอนมุ ลู อิสระของมะแปม่

Effect of ethanol concentration on extraction of phenolic compounds

and antioxidant activity of Earcinia Gragilis Pierre

สุนนั ท์ นวลเพง็ กษมา ชารีโคตร และจรยิ า นิวงศา
Nuanpeng, Sunan, Chareekhot, Kasama and Niwongsa, Jariya

บทคัดยอ่

งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการสกัดมะแป่มด้วยเอทานอล ซ่ึงเป็นพืชท่ีพบในได้พ้ืนที่อาเภอบึงโขลงหลง จังหวัดบึงกาฬ โดยการส กัดด้วยเอทานอลท่ีความเข้มข้น 0, 50, 75 และ 100% (v/v) และทาการ
วิเคราะหส์ ารประกอบฟีนอลิก ฤทธ์ิในการตา้ นอนุมลู อิสระ และปริมาณสารแอนโทไซยานิน ผลการศึกษาพบว่า การสกัดมะแป่มด้วยเอทานอลท่คี วามเ ข้มข้น 75% (v/v) ให้ปรมิ าณสารประกอบฟีนอลิกสูงสุดเท่ากับ 794.20±9.90 µgGAE/g
ฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสงู สดุ เทา่ กับ 266.99±6.01 µg GAE/g และพบวา่ มปี ริมาณแอนโทไซยานนิ ทัง้ หมด เท่ากับ 52.05±0.01 ไมโครกรมั สมมลู cyanidin–3–glucoside ต่อกรมั
คาสาคญั : การสกดั ดว้ ยเอทานอล สารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ สารประกอบฟีนอลกิ มะแปม่

บทนา ภาพที่ 2 ความเขม้ ขน้ ของสารประกอบฟีนอลิกของสารสกัดมะแปม๋ ภาพที่ 3 ความเขม้ ขน้ ของสารตา้ นอนมุ ูลอิสระของสารสกดั มะแป๋มโดยวิธี DPPH

มะแปม่ มีช่อื วทิ ยาศาสตร์ คือ Earcinia Gragilis Pierre อยู่ในวงศ์ GUTTIFERAE มี 2. ผลการวเิ คราะห์สารตา้ นอนุมลู อสิ ระของสารสกดั มะแปม๋ โดยวิธี DPPH
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้ยืนต้น สูง 3-5 เมตร ใบเป็นใบเด่ียว ผลมีสีแดงคล้ายมังคุด ผลการวิเคราะห์สารต้านอนุมูลอิสระโดยวิธี DPPH ของสารสกัดมะแป๋ม พบว่าการสกัดมะแป๋มด้วย 75% และ
ในจังหวัดบึงกาฬ สามารถพบได้ท่ีอาเภอบึงโขงหลง โดยเฉพาะในเขตรักษาเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
บึงโขงหลง จะพบต้นมะแป่มเป็นจานวนมาก ชาวบ้านนิยมนามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ 100% เอทานอล ให้ฤทธิต์ ้านอนุมูลอิสระสูงสุดคือ 267.00±1.20 µg/g และ 249.35±1.02 µg/g ของการสกัด
เชน่ นา้ สกัด แยม ไวน์ ชา และสบู่ ตามลาดับ และเมื่อเปรียบเทียบตัวทาละลายในการสกัดมะแป๋มทั้งหมดจะเห็นได้ว่าการสกัดด้วยเอทานอล 75% ให้
ปรมิ าณสารต้านอนมุ ูลอิสระสงู สดุ (ภาพที่ 3)
ความสาคัญของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพต่อสุขภาพของมนุษย์ทาให้ผู้บริโภคสนใจใน
อาหารท่ีมีประโยชน์และโภชนาการ ในไม่กี่ปีที่ผ่านมามีความสนใจเพิ่มขึ้นในการสกัดสารออก ภาพที่ 4 ความเขม้ ขน้ ของสารแอนไทไซยานนิ ภาพที่ 5 ความเข้มข้นของสารประกอบฟนี อลิกชนิดตา่ งๆ
ฤทธิท์ างชีวภาพจากผลพลอยได้ทางการเกษตรและการนาไปใช้ประโยชน์ของสารสกัดเหล่าน้ัน
ในอุตสาหกรรมอาหารและยา เน่ืองจากบทบาทที่เป็นไปได้ในการป้องกันโรคท่ีเก่ียวข้องกับ
ความเครียดจากปฏกิ ริ ิยาออกซิเดชั่น (Aguilar-Garcia et al., 2007; Teixeira et al., 2014)

การสกัดสารออกฤทธทิ์ างชีวภาพจากวัตถุดบิ จากพชื การสกัดใชก้ ันอย่างแพร่หลายและ
เป็นขั้นตอนแรกท่ีสาคัญ อย่างไรก็ตามมีวิธีการสกัดหลายวิธีท่ีใช้สาหรับการสกัดของ
สารประกอบฟีนอลิกจากวัสดุจากพืช เน่ืองจากความซับซ้อนของสารประกอบฟีนอลิกและ
เชื่อมกบั สารออกฤทธ์ทิ างชีวภาพอน่ื ๆ ของพืช (Naczk and Shahidi, 2006; Contini, 2008)
มีหลายปัจจัยสามารถมีผลต่อประสิทธิภาพการสกัดรวมถึงวิธีการสกัดชนิดของตัวทาละลาย
และความเข้มข้นขนาดอนุภาค ระยะเวลาในการสกัด อุณหภูมิ อัตราส่วนตัวทาละลายต่อ
ของแข็ง และ pH ในการสกัด (Chirinos et al., 2007) เอทานอลเป็นสารละลายท่ีนิยมนามา
สกัด เน่ืองจากมีความปลอดภัยกว่าเม่ือเทียบกับตัวทาละลายอินทรีย์อื่น ๆ รวมทั้งเป็นที่
ยอมรับสาหรับการบริโภคของมนุษย์ ดังน้ันในงานวิจัยจึงมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาการสกัด
มะแป่มด้วยเอทานอลที่ความเข้มข้นต่างๆ และวิเคราะห์สารต้านอนุมูลอิสระ สารประกอบฟี
นอลิก รวมถงึ สารประกออื่นๆ

3. ผลการวิเคราะหส์ ารแอนไทไซยานิน
ผลการวิเคราะห์สารแอนไทไซยานิน พบว่าการสกัดมะแป๋มด้วยเอทานอล 75% ได้สารแอนไทไซยานิน สูงสุดคือ

52.05±0.01 ไมโครกรัมสมมลู cyanidin–3–glucoside ต่อกรัม (ภาพที่ 4)
4. ผลการวเิ คราะหค์ วามเข้มข้นของสารประกอบฟนี อลกิ ชนดิ ตา่ งๆ

วิเคราะห์สารประกอบฟีนอลกิ ดว้ ยเครื่อง HPLC จะเห็นไดว้ ่าในแต่ละความเข้มข้นของสารสกัดจากมะแป๋มมีปริมาณ
ของกรดคลอโรจินิก (chlorogenic acid) มากท่สี ุด และรองลงมามปี รมิ าณของกรดเฟอรูลกิ (ferulic acid) (ภาพที่ 5)

วิจารณ์ผลการทดลอง

จากผลการทดลอง พบว่าเมื่อสกัดผลมะแป่มด้วยเอทานอล ปริมาณสารประกอบฟีนอลิก ปริมาณสารต้านอนุมูล

อสิ ระ และปรมิ าณแอนโทไซยานนิ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยพบว่าไดค้ ่าสูงสุดท่ีความเข้มข้นของเอทานอล ที่ 75% ในขณะ

ท่ีเม่ือเพิ่มความเข้มข้นของเอทานอลสูงกว่า 75% ปริมาณสารกลับมีปริมาณลดลง ทั้งน้ีเนื่องจากหลักการ“like

dissolve like” ตวั ทาละลายจะดึงเฉพาะสารประกอบซึง่ มีขั้วใกล้เคยี งกับตัวทาละลาย (Yang and Zhang, 2008) ซ่งึ

จากผลการทดลองแสดงให้เห็นว่ามะแป่ม มีสารท่ีมีความมีขั้วแตกต่างกัน และส่วนใหญ่เป็นสารประกอบฟีนอลลิกที่มี

ภาพท่ี 1 ตน้ มะแป่ม และ ผลมะแปม่ ความมีข้ัวในระดบั กลาง

สรุปผลการทดลอง

ผลการทดลอง ความเข้มข้นของเอทานอลที่เหมาะสมในการสกัดผลมะแป่ม คือ เอทานอล 75%ให้ปริมาณสารประกอบฟีนอลิก
สูงสุดเท่ากับ 794.20±9.90 µgGAE/g ฤทธใิ์ นการตา้ นอนุมูลอิสระสูงสุด เท่ากับ 266.99±6.01 µg GAE/g และพบว่ามี
1. ผลการวิเคราะห์ปรมิ าณสารประกอบฟนิ อลิกทง้ั หมดของมะแป๋ม ปริมาณแอนโทไซยานินทงั้ หมด เทา่ กบั 52.05±0.01 ไมโครกรมั สมมูล cyanidin–3–glucoside ตอ่ กรมั
ปริมาณของสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดของสารสกัดมะแป๋มท่ีสกัดโดยใช้เอทานอล 0, 50,
เอกสารอ้างอิง
75 และ 100% พบว่าปริมาณสารประกอบฟีนอลิกสูงสุดคือ การสกัดด้วยเอทานอลท่ีความ

เข้มข้น 75% มีคา่ เท่ากบั 764.20 ± 10.47 µg/g การสกัดดว้ ยเอทานอลที่ความเข้มข้น 50% มี Contini, M., Baccelloni, S., Massantini, R. and Anelli, G. (2008). Extraction of natural antioxidants from hazelnut (Corylus avellana L.) shell
and skin wastes by long maceration at room temperature. Food Chemistry, 110 (3): 659-669.
ค่าเท่ากับ 669.20 ± 1.70 µg/g การสกัดด้วยเอทานอลท่ีความเข้มข้น 100% มีค่าเท่ากับ Naczk, M. and Shahidi, F. (2006). Phenolics in cereals, fruits and vegetables: Occurrence, extraction and analysis. Journal of

611.20 ± 2.83µg/g และสกดั ด้วยนา้ มคี า่ เท่ากับ 428.20 ± 1.41 µg/g (ภาพท่ี 2) Pharmaceutical and Biomedical Analysis, 41 (5):1523-1542

Yang, Y. and Zhang, F. (2008). Ultrasound-assisted extraction of rutin and quercetin from Euonymus alatus (Thunb.) Sieb. Ultrasonics

Sonochemistry, 15 (4): 308-313.

องคป์ ระกอบในน้ำมนั หอมระเหยของพืชสกลุ ขม้ินท่ีเก็บรวบรวมจำกพ้ืนท่ีสงู ภทู บั เบิก

Essential oil composition of Curcuma spp. collected from Phu Thap Berk highland

อภิญญำ วงศเ์ ป้ี ย1 ชลลดา สามพนั พวง1 ธีรภทั ร เหลอื งศภุ บลู ย1์ กญั ญาภรณ์ พิพิธแสงจนั ทร1์ วนิ ยั สมประสงค2์ และ สมชาย บญุ ประดบั 3

1สานกั วิจยั พฒั นาเทคโนโลยีชวี ภาพ กรมวิชาการเกษตร, 85 หมู่ 1 ถ.รงั สิต-นครนายก ต.รงั สิต อ.ธญั บรุ ี จ.ปทมุ ธานี 12110
2สานกั คมุ้ ครองพนั ธพ์ุ ืช กรมวิชาการเกษตร, 50 ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพมหานคร 10900
3สานกั ผเู้ ชยี่ วชาญ กรมวิชาการเกษตร, 50 ถ.พหลโยธนิ แขวงลาดยาว เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพมหานคร 10900

บทคดั ยอ่

การศึกษาพฤกษเคมใี นพืชสมนุ ไพรพื้นบา้ นท่ีเก็บรวบรวมจากพ้ืนที่สงู ภทู บั เบิกเป็ นส่วนหนง่ึ ของโครงการทบั เบิกโมเดลของกรมวิชาการเกษตร งานวิจยั นไี้ ดว้ ิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบทางเคมใี นนา้ มนั หอมระเหยจากเหงา้ ของพืช
สกลุ ขมนิ้ 6 ชนดิ /ตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่ ว่านชกั มดลกู (C1-C4) ว่านเอ็นเหลือง (C5) และว่านมหาเมฆ (C6) ดว้ ยเทคนคิ GC-MS องคป์ ระกอบในนา้ มนั หอมระเหยสามารถระบไุ ด้ 45 ชนดิ จากปริมาณ 76.42-93.23% ขององคป์ ระกอบ
ทง้ั หมด นา้ มนั จากเหงา้ ของพืชสกลุ ขมนิ้ ส่วนใหญ่ประกอบดว้ ยกลมุ่ โมโนเทอรพ์ ีนอยดแ์ ละเซสควิเทอรพ์ ีนอยด์ องคป์ ระกอบหลกั ในนา้ มนั หอมระเหยของว่านชกั มดลกู (C1) ไดแ้ ก่ แคมเฟอร์ (17.82%) เบตา้ -เคอรค์ มู นี (16.86%)
แซนทอรไ์ รซอล (14.41%) และอาร-์ เคอรค์ มู นี (13.49%) ขณะท่ีเคอรซ์ ีรีโนน (21.78-41.29%) และเบตา้ -อีลีมโี นน (10.45-21.16%) พบมากในพืชสกลุ ขมนิ้ อีก 5 ชนดิ (C2-C6) สาหรบั การจาแนกพืชตามหลกั อนกุ รมวิธาน
รวมถึงฤทธิ์ทางชวี ภาพของพืชสกลุ ขมน้ิ 6 ชนดิ นจี้ าเป็ นตอ้ งมกี ารศึกษาเพิ่มเตมิ เพอื่ สง่ เสริมการเพาะปลกู และการใชป้ ระโยชนใ์ นชมุ ชนภทู บั เบกิ

บทนำ วิธีทดลอง

งานวิจัยน้ีเป็ นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการสารวจและศึกษาพืชสมนุ ไพรพ้ืนบา้ นบนพื้นท่ีสงู ภทู ับเบิก ภายใต้ Xanthorrhizol
โครงการพฒั นาระบบการผลิตพืชอย่างยงั่ ยืนบนพื้นที่สงู เขาหัวโลน้ ภทู บั เบิก (ทบั เบิกโมเดล) ของกรมวิชาการเกษตร
โดยพื้นที่สงู ภทู บั เบิกมีความหลากหลายทางชีวภาพของพืชสมนุ ไพรและมีการนาไปใชป้ ระโยชนต์ ามภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น นา้ มนั หอมระเหย
มาชา้ นาน จากขอ้ มลู ในบัญชีรายการพืชสมุนไพรในพ้ืนท่ีภทู ับเบิกท่ีครอบคลมุ 3 จังหวัด (เลย พิษณโุ ลก และ
เพชรบรู ณ)์ สามารถรวบรวมขอ้ มลู พืชสมนุ ไพรจากภมู ปิ ัญญาปราชญช์ มุ ชนได้ 85 วงศ์ รวมทง้ั หมด 353 ชนดิ [1] ลา้ งใหส้ ะอาด GC-MS model 7890 B
หนั่ เป็ นชนิ้ เล็กๆ
พืชสกลุ ขมน้ิ (Curcuma) จดั เป็ นหนง่ึ ในกล่มุ สมนุ ไพรพื้นบา้ นท่ีนยิ มปลกู ประจาบา้ นเพ่ือเป็ นอาหารและยารกั ษา
โรค รวมถึงปลกู เพ่อื การคา้ อย่างไรก็ตามการศึกษาพฤกษเคมใี นพืชสกลุ ขมนิ้ เพื่อคน้ หาพฤกษเคมที ี่โดดเดน่ ท่ีเชอื่ มโยง อบแหง้
กบั สรรพคณุ ของพชื ยงั มนี อ้ ย จงึ ไดค้ ดั เลือกพืชสกลุ ขมนิ้ จานวน 6 ชนดิ /ตวั อย่าง จากแหลง่ ปลกู ตา่ งๆ ในเขตพ้ืนท่ีสงู บดละเอียด
ภทู บั เบิก (ภาพท่ี 1) มาวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบในนา้ มนั หอมระเหยดว้ ยวิธี Gas Chromatography-Mass Spectrometry
(GC-MS) เพอ่ื ระบชุ นดิ พฤกษเคมที ่ีเป็ นองคป์ ระกอบหลกั และสบื คน้ ฤทธิ์ทางชวี ภาพของพฤกษเคมเี หลา่ นน้ั Apparatus for Steam distillation [Rassem et al., 2016] https://gentechscientific.com/gcms-systems โครมาโทแกรม

C1 C3 C5 เตรยี มตวั อยำ่ ง กลนั่ ดว้ ยไอน้ำ วิเครำะหด์ ว้ ย GC-MS GC-MS library
: Wiley 11th NIST 2014+2017

เทียบฐำนขอ้ มลู

C1 C3 C5

22 identified peaks 29 identified peaks

28 identified peaks

C2 C4 C6

C2 C4 C6

36 identified peaks 32 identified peaks 19 identified peaks

ภำพท่ี 1 ลกั ษณะตน้ และเหงา้ ของพืชสกลุ ขมน้ิ 6 ตวั อย่างทเี่ ก็บรวบรวมจาก 3 หมบู่ า้ นในเขตพ้ืนที่สงู ภทู บั เบิก จ.เพชรบรู ณแ์ ละพษิ ณโุ ลก ภำพที่ 2 โครมาโทแกรมและองคป์ ระกอบหลกั 5 อนั ดบั แรกท่ีพบในนา้ มนั หอมระเหยของพืชสกลุ ขมนิ้ 6 ตวั อย่าง
(บา้ นเขก็ นอ้ ย ต.เขก็ นอ้ ย อ.เขาคอ้ จ.เพชรบรู ณ,์ บา้ นหว้ ยนา้ ไซ ต.เนนิ เพิ่ม และ บา้ นภขู ดั ต.นาบวั อ.นครไทย จ.พิษณโุ ลก)
วิจำรณผ์ ล
ผลกำรทดลอง
วา่ นชกั มดลกู ตวั ผบู้ า้ นเขก็ นอ้ ย (C1) มโี ครมาโทแกรมแตกตา่ งไปจากพืชสกลุ ขมน้ิ อีก 5 ตวั อยา่ ง
พืชสกลุ ขมนิ้ ทงั้ 6 ตวั อยา่ งสามารถสกดั นา้ มนั หอมระเหยไดใ้ นชว่ ง 0.30-1.50 กรมั /100 กรมั นา้ หนกั แหง้ (C2-C6) และมแี ซนทอรไ์ รซอลเป็ นพฤกษเคมที ี่โดดเดน่ ซ่ึงมฤี ทธ์ิทางชวี ภาพท่ีหลากหลาย โครมาโทแกรม
โดยว่านมหาเมฆ (C6) และว่านชกั มดลกู ตวั ผบู้ า้ นเขก็ นอ้ ย (C1) ใหป้ ริมาณนา้ มนั หอมระเหยตา่ และสงู ท่ีสดุ ตามลาดบั ของพืชสกลุ ขมน้ิ 5 ตวั อย่างนนั้ มรี ปู แบบคลา้ ยคลึงกนั แสดงถึงการมพี ฤกษเคมที ี่เป็ นองคป์ ระกอบหลกั
เมอื่ วิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบในนา้ มนั หอมระเหยดว้ ยวิธี GC-MS สามารถระบชุ นดิ พฤกษเคมเี ทียบกบั ฐานขอ้ มลู ได้ 45 กลมุ่ เดยี วกนั อยา่ งไรก็ตามพฤกษเคมที ่ีเป็ นองคป์ ระกอบย่อยรวมถึงปริมาณพฤกษเคมที ่ีพบนนั้ แตกตา่ ง
ชนดิ จากปริมาณ 76.42-93.23% ขององคป์ ระกอบทง้ั หมด ซึ่งโครมาโทแกรมและองคป์ ระกอบหลกั 5 อนั ดบั แรกที่ กนั ไปในแตล่ ะตวั อยา่ งทน่ี ามาวิเคราะหแ์ มจ้ ะเป็ นพชื ชนดิ เดยี วกนั
พบในนา้ มนั หอมระเหยของพืชสกลุ ขมน้ิ 6 ตวั อย่างแสดงดงั ภาพที่ 2 จากนน้ั คดั เลือกพฤกษเคมที ี่พบเป็ นองคป์ ระกอบ
หลกั ในพชื แตล่ ะชนดิ แลว้ สืบคน้ งานวิจยั ทศี่ ึกษาฤทธิ์ทางชวี ภาพของพฤกษเคมเี หลา่ นนั้ ผลการสืบคน้ สรปุ ดงั ตารางที่ 1 จากการจดั จาแนกพฤกษเคมที งั้ 45 ชนดิ ที่พบในนา้ มนั หอมระเหยตามโครงสรา้ งทางเคมี พบว่า
ตำรำงท่ี 1 โครงสรา้ งทางเคมแี ละฤทธ์ิทางชวี ภาพของพฤกษเคมที เ่ี ป็ นองคป์ ระกอบหลกั [2,3] ส่วนใหญ่อย่ใู นกล่มุ โมโนเทอร์พีนอยดแ์ ละเซสควิเทอร์พีนอยดซ์ ึ่งมีฤทธ์ิเด่นในดา้ นตา้ นอนมุ ลู อิสระ ตา้ น
จลุ นิ ทรีย์ ตา้ นการอกั เสบ เป็ นตน้ ซึ่งขอ้ มลู พฤกษเคมที ี่ไดจ้ ากการวิเคราะหแ์ ละฤทธิ์ทางชวี ภาพทีส่ ืบคน้ ได้
จะชว่ ยยืนยนั สรรพคณุ ตามภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่ินของพชื สกลุ ขมนิ้ ทง้ั 6 ตวั อยา่ ง นาไปส่กู ารพฒั นาผลิตภณั ฑ์
และสง่ เสริมการปลกู ในชมุ ชนพ้ืนทีส่ งู ภทู บั เบิกเพอื่ การผลิตพืชอยา่ งยงั่ ยนื ตามเป้ าหมายของทบั เบิกโมเดล

สรปุ ผล

1. ว่านชกั มดลกู ตวั ผบู้ า้ นเข็กนอ้ ย (C1) มพี ฤกษเคมที ี่เป็ นองคป์ ระกอบหลกั 4 ชนดิ ไดแ้ ก่ แคมเฟอร์
เบตา้ -เคอรค์ มู นี อาร-์ เคอรค์ มู นี และแซนทอรไ์ รซอล โดยชนดิ หลงั เป็ นพฤกษเคมที ่ีโดดเดน่ ที่สามารถ
ตา้ นอนมุ ลู อิสระ ลดระดบั นา้ ตาลในเลอื ด ป้ องกนั ตบั ลดการจบั กนั ของเกล็ดเลอื ด และตา้ นการอกั เสบ

2. พืชสกลุ ขมิ้นอีก 5 ตวั อย่าง (C2-C6) มีเคอรซ์ ีรีโนนและเบตา้ -อีลีมีโนนเป็ นพฤกษเคมีที่โดดเด่นท่ีมี
ฤทธิ์ทางชวี ภาพในดา้ นตา้ นจลุ ินทรีย์ ตา้ นมะเร็ง บรรเทาปวด เป็ นพษิ ตอ่ ลกู นา้ ยงุ และฆา่ เชอ้ื โปรโตซวั

งานวิจัยนี้ไดร้ ับการสนับสนนุ จากแหล่ง Future… เอกสำรอำ้ งอิง
เงนิ รายไดจ้ ากการดาเนนิ งานวิจยั ดา้ นการเกษตร
กรมวิชาการเกษตร และขอขอบคณุ สานักวิจัย 1. สานกั งานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องคก์ ารมหาชน). 2561. บัญชรี ายการทรัพยากรชวี ภาพพืชสมนุ ไพร เลย
พัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร ที่ พษิ ณโุ ลก เพชรบรู ณ.์ สานกั งานพฒั นาเศรษฐกจิ จากฐานชวี ภาพ (องคก์ ารมหาชน) กรงุ เทพฯ. 393 หนา้ .
อานวยความสะดวกดา้ นวัสดอุ ปุ กรณ์ บคุ ลากร
และสถานทที่ าวิจยั 2. Oon, S.F.; M. Nallappan; T.T. Tee; S. Shohaimi; N.K. Kassim; M.S.F. Sa’ariwijaya and Y.H. Cheah. 2015.
Xanthorrhizol: A Review of Its Pharmacological Activities and Anticancer Properties. Cancer Cell Int. 15:100.

3. Jena, S.; A. Ray; A. Sahoo; P.C. Panda and S. Nayak. 2020. Deeper Insight into the Volatile Profile of Essential Oil
of Two Curcuma Species and Their Antioxidant and Antimicrobial Activities. Ind. Crops Prod. 155:112830.

ฤทธ์ิตา้ นเชือ้ แบคทเี รียของสารสกัดหยาบจากมะหาด
Antibacterial Activity of Crude Extracts

from (Artocarpus lacuch Roxb. ex Buch.-Ham.)

จาตุรงค์ จงจนี และ ศศธิ ร ธงชัย
สาขาวิชาชีววทิ ยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี

บทคัดย่อ

การศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดหยาบจากใบมะหาดในการยบั ย้งั การเจริญของเชอื้ แบคทีเรีย Staphylococcus aureus (MRSA) Escherichia coli และ Bacillus subtilis ด้วยวธิ ี Agar disc diffusion และหาค่าความเข้มข้นต่าสุดในการยับย้ังเชอื้ ด้วยวิธี Broth
dilution และวิธี Drop plate นาตัวอย่างใบมะหาดสดและใบมะหาดแห้งมาสกัดด้วยวิธีแชย่ ุ่ย โดยใชเ้ อทานอลเข้มขน้ 95% เป็นสารละลาย สกัดในอัตราส่วนสกัด 1:5 (w/v) อุณหภมู ิท่ีสกัด 37oC พบว่าสารสกัดหยาบจากใบมะหาดสดสามารถยบั ยัง้ การเจริญของเช้อื
B. subtilis ได้ดีท่ีสุด ท่ีระดับความเขม้ ขน้ 100 mg/ml (บริเวณการยับยง้ั สูงสุดเท่ากับ 23±8.154 มิลลิเมตร) รองลงมาคือ E. coli สามารยบั ย้งั เชื้อที่ระดับความเขม้ ขน้ 100 mg/ml (บริเวณการยบั ยัง้ สูงสุดเท่ากับ 18.5±7.909 มิลลิเมตร) และสารสกัดจากใบสดไม่สามารถ
ยับยงั้ การเจริญของเช้อื S. aureus ได้ สว่ นสารสกัดจากใบแหง้ สามารถยับยั้งเชอ้ื E. coli ไดด้ ที สี่ ุด ที่ระดบั ความเขม้ ข้น 400 mg/ml (บริเวณการยบั ยง้ั สูงสุดเท่ากับ 19±12.635 มิลลเิ มตร) รองมาคือ B. subtilis สามารถยบั ยงั้ เชอื้ ท่ีระดับความเขม้ ขน้ 100 mg/ml (บริเวณ
การยับยัง้ สงู สดุ เทา่ กับ 16.5±6.998 มลิ ลเิ มตร) และสารสกัดจากใบแหง้ ไม่สามารถยับย้ังเชอ้ื S. aureus ได้ ซง่ึ ผลทไ่ี ด้มีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับความเชอ่ื มั่น P=0.05 นอกจากน้ีสารสกัดหยาบจากใบมะหาดสดและใบมะหาดแห้งให้ค่าความเข้มข้นต่าสุด
ในการยับยง้ั (MIC) 12.5 mg/ml. และฆ่าเชือ้ (MBC) อยู่ในชว่ งระหว่าง 50 mg/ml. จากผลการศึกษาในครง้ั น้แี สดงให้เห็นวา่ สารสกัดหยาบจากใบมะหาดซ่ึงเป็นสารสกัดจากธรรมชาติสามารถยับย้งั เชื้อแบคทีเรียได้

Abstract

The study of the effect of crude extracts from A. lacucha leaves to inhibit the growth of bacteria Staphylococcus aureus, Escherichia coli and Bacillus subtilis. With agar disc diffusion method and find the lowest
concentration to inhibit infection with broth dilution method and drop plate method take samples of fresh A. lacucha leaves and dried A. lacucha leaves to extract with maceration method using by 95% ethanol as a
solution extraction in the extraction ratio of 1:5 (w/v) at 37OC Extraction found that the crude extract from fresh A. lacucha leaves could inhibit the growth of B. subtilis at a concentration of 100 mg/ml (The maximum
inhibition area is 23±8.154 mm.) Followed by E. coli that can’t inhibit the infection at a concentration of 100 mg / ml (The maximum inhibition area is 18.5±7.909 mm) and extracts from fresh leaves can’t inhibit the growth of
bacteria S. aureus. The extract from dried leaves was able to inhibit E. coli best. at a concentration of 400 mg/ml (The maximum inhibition area is 19±12.635 mm) Secondly is B. subtilis can’t inhibit bacteria at a concentration
of 100 mg/ml (The maximum inhibition area is 16.5±6998 mm) and extracts from dried leaves can’t inhibit S. aureus which results have statistically significant differences at the confidence level P=0.05 in addition, crude
extracts from A. lacucha leaves and dried leave A. lacucha as gave the lowest inhibitory concentration (MIC) 12.5 mg/ml. and sterilization (MBC) is in the range between 50 mg/ml. From the results of this study shows that
The crude extract from leaves, A. lacucha hitch is a natural extract, can’t inhibit bacteria.

บทนา ผลการวจิ ยั

ปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บท่ีพบมักเกิดขึ้นจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างท้ังจากความเป็นอยู่ของมนุษย์ และสภาพแวดล้อมท่ีเป็นสาเหตุ ผลการทดสอบฤทธข์ิ องสารสกดั หยาบใบมะหาดต่อการยบั ย้ังเช้ือแบคทีเรีย Staphylococcus aureus สายพันธุ์ด้ือยา
กอ่ ให้เกิดความผิดปกตขิ องมนุษย์ ววิ ฒั นาการของเช้ือโรคท่ีมกี ารกายพนั ธุ์โดยเกดิ จากการดอื้ ยาของเช้ือโรคทาให้มีโรคชนิดใหม่เกิดข้ึน โรค (MRSA), Escherichia coli และ Bacillus subtilis ด้วยวธิ ี Agar disc diffusion พบวา่ ที่ระดับความเข้มขน้ 100 mg/ml
ท่ีมักเกิดขึ้นกับมนุษย์มีท้ังจากภายนอกและภายใน โรคภายในที่พบบ่อยคือ โรคกระเพราะอาหาร ความดันโลหิตสูง รวมท้ังมะเร็งต่างๆ ของสารสกัดหยาบใบมะหาดแบบสดสามารถยับย้งั เชอ้ื B. subtilis ได้ดีที่สุด (บริเวณยบั ย้งั เท่ากับ 23±8.154 mm) และสาร
สาหรับโรคภายนอกที่พบบ่อยคือ แผล ฝี หนอง แผลเร้ือรัง และแผลพุพอง จึงทาให้ท่ัวโลกให้ความสนใจกับพืชสมุนไพรเป็นอย่างมากทั้ง สกัดจากใบมะหาดแบบแห้งสามารถยับยัง้ เชือ้ E. coli ท่ีระดับความเข้มข้น 400 mg/ml ได้ดีที่สุด (บริเวณยับยัง้ เท่ากับ
ด้านอตุ สาหกรรมอาหาร ยา และเคร่อื งสาอาง (มาลิน จุลศิร, 2540) เพราะสารท่ีได้จากธรรมชาติไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและอนามัยของ 19±12.635 mm) เม่อื เทยี บกับชุดควบคมุ (P<0.005) (ตารางท่ี 1 และภาพท่ี 1)
ผบู้ ริโภค การศึกษาสารสกัดท่ีได้จากพืชสมุนไพรจึงได้รับความสนใจมากยิ่งขึน้ ประกอบกับได้มีการนาเอาวิทยาการแขนงใหม่ที่เรียกว่า นา
โนเทคโนโลยี (Nanotechnology) เขา้ มาประยุกต์ใชส้ าหรับการศึกษาระดบั โมเลกุลและอะตอมของสารต่างๆในพืชสมุนไพรหลายชนิด พืช ตารางที่ 1 บริเวณการยบั ย้งั และคา่ MIC และ MBC
ทใี่ ชใ้ นการศึกษาในครั้งนี้ คือ มะหาด เป็นพชื ที่มีสารที่สามารยับยง้ั เอนไซม์ต่างๆ ได้ จงึ นามามาศึกษาฤทธ์ิการยับยงั้ แบคทีเรีย เพอ่ื นาไปใช้
เป็นข้อมลู เบื้องต้นดา้ นเภสชั กรรมในอนาคต (ช่อทพิ ย์ กณั ฑโชติ และคณะ, 2554)

วธิ ีดาเนินงานวจิ ัย หมายเหตุ : NZ บริเวณที่เชือ้ ไม่สามารถยบั ย้งั ได้

การทดสอบฤทธิข์ องสารสกดั หยาบใบมะหาดในแต่ละระดบั ความเขม้ ขน้ ตอ่ การยับยง้ั เช้อื แบคทเี รีย Staphylococcus aureus สาย
พนั ธดุ์ อ้ื ยา (MRSA) Escherichia coli และ Bacillus subtilis ดว้ ยวธิ ี Agar disc diffusion และหาคา่ ความเข้มขน้ ต่าสุดในการยับยัง้
เชอ้ื ดว้ ยวธิ ี Broth dilution และ Drop plate นาข้อมูลทีไ่ ด้มาเปรียบเทียบคา่ ความแตกต่างของค่าเฉลยี่ ANNOVA ทรี่ ะดับความเข้มขน้
P<0.005

1 เตรยี มสารสกัดจากใบมะหาดด้วยวิธแี ชย่ ยุ่ (Maceration technique)

คัดเลอื กใบมะหาด แชย่ ยุ่ ที่ 37OC 7 วัน 1 1 หมายเหตุ A คอื ภาพใบมะหาดแบบสดบรเิ วณยับยงั้ เชื้อ B. subtilis
ทีส่ มบูรณ์ ไมเ่ ป็นโรค 2 54 2 B คอื ภาพใบมะหาดแบบแห้งบริเวณยบั ย้งั เชอื้ E. coli
1-3 คอื สารสกัดใบมะหาด ความเข้มขน้ 100, 200,400 mg/ml
54 4 คือ DMSO 100%
5 คอื ยาปฏชิ ีวนะ Tetracycline (250 ug/ml)

ระเหยสารที่ อุณหภูมิ 45OC 33
AB

ภาพท่ี 1 บริเวณยับยงั้ เชอื้ B. subtilis และ E. coli จากสารสกดั หยาบใบมะหาดแบบสด

2 ทดสอบฤทธ์ิยบั ยัง้ ด้วยวธิ ี Agar disc diffusion สรปุ และอภปิ รายผลการวิจยั

เตรียมเชือ้ ทดสอบและเตรยี มสาร หยดสารสกัดลงบนแผ่น วางแผน่ disc ลงบนอาหารที่ จากผลการศึกษาพบว่าสารสกัดหยาบจากใบมะหาดแบบสดท่ีระดับความเข้มขน้ 100 mg/ml สามารถยบั ย้ังเช้อื แบคทีเรีย
สกัดหยาบใบมะหาด disc แผน่ ละ 100 µl swab เช้ือแล้ว B. subtilis ได้ดีที่สุด (บริเวณการยับยั้งเท่ากับ 23±8.154 mm) ส่วนสารสกัดหยาบจากใบแห้งท่ีระดับความเข้มข้น 400
mg/ml สามารถยบั ยั้งการเจริญของเชอ้ื E. coli ได้ดีท่ีสุด (บริเวณยับยั้งเท่ากับ 19±12.635 mm) เมื่อเทียบกับชดุ ควบคุมท่ี
บ่มท่อี ณุ หภูมิ 37OC วัดคา่ บรเิ วณโซนใส (mm) P<0.05 ซึ่งสอดคล้องกับ รุ่งทิพย์ กาวารี และคณะ (2559) ศึกษาฤทธกิ์ ารยบั ย้ังเช้ือแบคทีเรียก่อโรคของสารสกัดหยาบเอทานอล
24 ชว่ั โมง จากต้นฝาง นาตัวอย่างฝางส่วนราก ลาต้น และก่ิง แยกส่วนเปลือก เน้ือไม้ และแก่น พบว่าสารสกัดหยาบเอทานอลทุกส่วนมี
ฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเช้ือ Bacillus cereus DMST 5040 โดยในส่วนของแก่นรากมีฤทธ์ิยับยั้งการเจริญของเชื้อ
3 การหาคา่ MIC และ MBC ดว้ ยวิธี Broth microdillution และ Drop plate Staphylococcus aureus DMST 8840 ได้ดีที่สุด วัดเส้นผ่านศูนยก์ ลางของบริเวณยับย้ังได้ 31.2±0.6 มิลลิเมตร มีค่า
MIC/MBC เทา่ กับ 0.06/2 มลิ ลกิ รมั ต่อมลิ ลลิ ติ ร
เตรียมเชอื้ ทดสอบและเตรยี ม เจอื จางสารสกดั หยาบ บม่ ทอี่ ุณหภมู ิ 37OC เป็นเวลา
สารสกัดหยาบ MIC ใบมะหาด เอกสารอา้ งอิง
24 ช่ัวโมง และอา่ นค่า MIC
มาลนิ จุลศิริ. 2540. ยาต้านจุลชพี : ความรพู้ ้ืนฐานและการประยุกต์. พมิ พ์คร้งั ที่ 2. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ สถาบนั พัฒนาการสาธารณสขุ อาเซยี น
ทดสอบหาคา่ MBC ดว้ ยวิธี บม่ ทอ่ี ณุ หภูมิ 37OC วเิ คราะห์ทางสถติ ิ ชอ่ ทิพย์ กัณฑโชติ และคณะ. 2554. พรรณไม้ ม.อบุ ล เลม่ 2. โรงพิมพม์ หาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี:อบุ ลราชธานี
Drop Plate เป็นเวลา 24 ชวั่ โมง P<0.005 รุ่งทพิ ย์ กวารี และคณะ. 2559. การประชมุ วิชาการชมรมคณะปฏบิ ตั งิ านวิทยาการ อพ.สธ. ครั้งที่ 8 “ทรพั ยากรไทย : ศักยภาพมากลน้ มใี หเ้ หน็ ”. หน้าที่ 522-527
Jorgensen, J.H., Turnidge, J.D. and Washington, J.A.. 1999 “Antial bacterial susceptibity test: dilution and disk diffusion methods”, in: Patrick RM, editor. Manual. 7th ed.

of Clinical Microbiology. Washing DC: America Society Microbiology. 42-1526.

กติ ติกรรมประกาศ

ผู้วิจัยขอขอบพระคุณโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ในความดูแลของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ที่ให้ทุน
สนบั สนนุ งานวจิ ัยในครงั้ นี้ และขอขอบคณุ ผ้รู ่วมวจิ ัยและผชู้ ว่ ยวจิ ยั ทุกทา่ น ทีไ่ ด้อานวยความสะดวกในการจดั หาอปุ กรณ์ต่างๆ และดาเนนิ งานด้วยดีมาโดยตลอด

Inhibitory Effect of Cnidoscolus chayamansa (McVaugh.) Extract on
Colletotrichum sp., the Caused Agent of Chilli Anthracnose

จาตุรงค์ จงจนี และ ศศิธร ธงชัย
สาขาวชิ าชวี วิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุบลราชธานี

บทบคทดัคยดั อ่ย่อ ABSTRACT

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาผลของสารสกัดหยาบจากใบไชยาในการยับย้ังการเจริญของเช้ือ The effect of Cnidoscolus chayamansa McVaugh. crude extract against growth of
ราColletotrichum sp. สาเหตุโรคแอนแทรคโนสในพริกโดยคัดแยกเช้ือรา C. capsici และ Colletotrichum sp. causing anthracnose disease in chilli was study. C. capsici and
C. gloeosporioides ดว้ ยวิธี Tissue transplanting บนอาหาร Potato dextrose agar (PDA) ส่วนการสกัด C. gloeosporioides were isolated using tissue transplanting method. The C. chayamansa leaves
ใบไชยาใช้วิธีการแช่ดว้ ยเอทานอลเข้มข้น 95% ในอัตราส่วน 1:5 (w/v) ทอี่ ุณหภูมิห้อง จากนั้นนาสารสกัด were extracted by maceration method using 95% ethanol with a ratio of 1:5 (w/v), at room
ความเขมขน 5 ระดับ (20,000 40,000 60,000 80,000 และ 100,000 ppm) มาทดสอบประสทิ ธภิ าพดว้ ยวิธี temperature. Five concentrations of the extract at 20,000 40,000 60,000 80,000 และ 100,000
Poisoned Food Technique บ่มตัวอยา่ งท่อี ุณหภูมหิ ้องนาน 7 วนั แล้ววัดเส้นผ่านศูนยกลางโคโลนีเสน้ ใย ppm were tested for their efficacy by Poisoned Food Technique. The cultures were incubated
เช้ือราทีเ่ จริญบนอาหารเล้ียงเชื้อ PDA พบว่า สารสกัดความเข้มข้น 100,000 ppm สามารถยบั ยัง้ การเจริญ at room temperature for 7 days, and then diameter of mycelial colony was measured. The
ของเชื้อรา C. capsici ได้ดีที่สุด (88.81 เปอร์เซ็นต์) ในขณะท่ีเช้ือรา C. gloeosporioides ใช้ความเข้มข้น extract at 100,000 ppm showed the highest inhibitory effect on the mycelial growth of C.
เพยี ง 60,000 ppm ยับยง้ั ได้ 100 เปอร์เซ็นตเ์ มอื่ เทยี บกับชดุ ควบคมุ capsici (88.81%) and C. gloeosporioides growth was 100% inhibited at 60,000 ppm compared
with the control.

บทนา ผลการวิจัย

พริกเป็นพืชที่มีความสาคัญทางเศรษฐกิจชนิดหน่ึง สามารถปลูกและเจริญเติบโตได้ดีท่ัวทุกภาคของ 1. การแยกและการศึกษาลกั ษณะสัณฐานวทิ ยาของเชื้อราภายใต้กล้องจลุ ทรรศน์
ประเทศไทย (กมล เลศิ รัตน์, 2550) พรกิ ถกู นามาใชป้ ระโยชนท์ ั้งในรปู ผลสด พรกิ แหง้ รวมถึงผลิตภัณฑต์ า่ งๆ การ ได้เช้ือ 2 ชนิด คือ C. capsici และ C. gloeosporioides โดยเชื้อ C. capsici เสน้ ใยมีสีเขยี วครีม สปอร์คล้าย
ปลูกพริกประสบปัญหาโรคแอนแทรคโนส (เมืองทอง ทวนทวี และสุรีรัตน์ ปญั ญาโตนะ ทวนทวี, 2532) โรคน้ีมี
รายงานว่าเกิดจากเช้ือรา Colletotrichum capsici และ Colletotrichum gloeosporioides โดยท่ีเช้ือรา พระจันทร์เสยี้ ว (ภาพท่ี 1 A) ส่วนเชื้อ C. gloeosporioides เส้นใยมีสีขาวปนเทา สปอร์ทรงกระบอก หวั ท้ายมน
เหล่านี้สามารถเข้าทาลายผลพริกได้ท้ังผลสีเขียวและผลสุกสีแดง ทาให้เกษตรกรมีความจาเป็นต้องใช้สารเคมี (ภาพท่ี 1 B)
ปกป้องผลิตผลจากการเข้าทาลายของโรค ซ่ึงการใช้สารเคมีอย่างไม่ถกู ต้องหรือขาดการระมัดระวังส่งผลทาให้เกิด
มลภาวะตอ่ ส่ิงแวดลอ้ และสารเคมียังสง่ ผลตกค้างในผลิตผล (กลุ วดี ศลิ ป์ประดษิ ฐ์, 2549) AB

วธิ ีดาเนินการวิจัย ภาพท่ี 1 แสดงลักษณะโคโลนแี ละสปอรข์ องเชอื้ รา C. capsici และ C. gloeosporioides

1. การแยกเช้ือสาเหตุโรค โดยวิธี tissue transplanting method และการศึกษาลักษณะเช้ือสาเหตุโรค 2. รอยโรคในการทาใหเ้ กดิ โรคบนผลพริก
ภายใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ ด้วยเทคนิคการทา พบว่าเชื้อที่แยกได้ท้ัง 2 ชนิดสามารถทาให้เกิดโรคบนผลพริกได้ โดยเชื้อ C. capsici ก่อให้เกิดแผลลักษณะรูป

ตวั อยา่ งที่มีเชื้อสาเหตุ เลีย้ งบนอาหาร PDA ถา่ ยเชอ้ื ใหบ้ ริสทุ ธ์ิ เกบ็ เชอ้ื บรสิ ุทธใิ์ นอาหาร ร่างรี (ภาพท่ี 2 A ) ส่วนเชอ้ื C. gloeosporioides กอ่ ใหเ้ กิดแผลลักษณะรปู ร่างกลมรี เนอื้ เย่อื ยุบตวั ลง (ภาพท่ี 2 B)
2. การทดสอบรอยโรคในการทาให้เกิดโรคบนผลพรกิ PDA slant
AA B
เตรียมผลพรกิ ทีไ่ ม่เป็น ใช้ Cork borer เจาะตดั นาชิ้นเชอ้ื ราทไี่ ด้วางบน บ่มในอุณหภมู หิ ้อง
โรคทาใหเ้ กดิ แผลด้วยมีด ขอบโคโลนขี องเชือ้ รา ตาแหน่งท่ที าใหเ้ กดิ แผล ตรวจดูอาการของโรค ภาพท่ี 2 ลักษณะอาการโรคแอนแทรคโนสบนผลพรกิ

3. การทดสอบประสิทธิภาพผลของสารสกัดหยาบจากใบไชยา ที่ระดับความเข้มข้น 20,000 40,000 60,000 3. ประสิทธภิ าพผลของสารสกัดหยาบจากใบไชยาตอ่ การยับย้ังการเจรญิ เติบโตเชือ้ รา Collectotrichum spp.
80,000 และ 100,000 ppm โดยวิธี Poisoned food technique ทาการทดลองท้ังหมด 5 ซา้ วัดเสน้ ผ่าศูนย์ สาเหตุโรคแอนแทรคโนสในพริก
และนาไปหาค่าเปอรเ์ ซ็นตก์ ารยับย้ัง พบว่าสารสกัดจากใบไชยาที่ระดับความเข้มข้น 100,000 ppm สามารถยับย้ังการเจริญเติบโตของเชื้อรา

C. capsici ได้ดีท่ีสุด โดยมีเปอร์เซน็ ต์การยับย้ังอยู่ท่ี 88.81 เปอร์เซ็นต์ สว่ นผลการยับย้ังเชื้อรา (ดงั ภาพท่ี 3) ส่วน
สารสกัดจากใบไชยาที่ระดับความเข้มข้นต่าสุด 80,000 ppm สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเช้ือรา
C. gloeosporioides ได้ดีทส่ี ุด โดยมีเปอร์เซน็ ต์การยับยั้งอยูท่ ่ี 100 เปอรเ์ ซ็นต์ (ดังภาพท่ี 4)

0 ppm 20,000 ppm 40,000 ppm 60,000 ppm 80,000 ppm 100,000 ppm
ภาพท่ี 3 การเจรญิ เตบิ โตของเช้ือรา C. capsici บนอาหาร PDA ทผ่ี สมสารสกดั จากใบไชยาเป็นเวลา 7 วนั

อาหาร PDA ผสมสาร เทลงจานเพาะเชอื้ ใช้ Cork borer เจาะตดั นาไปวางบนอาหารท่ีผสม
สกดั ท่คี วามเขม้ ขน้ ตา่ งๆ ขอบโคโลนีของเชอื้ รา สารสกัดและนาไปบ่ม

สรุปผล 0 ppm 20,000 ppm 40,000 ppm 60,000 ppm 80,000 ppm 100,000 ppm
ภาพที่ 4 การเจรญิ เติบโตของเช้ือรา C. gloeosporioides บนอาหาร PDA ท่ผี สมสารสกดั จากใบไชยาเป็นเวลา 7 วนั
ผลการศึกษาชนดิ ของเช้ือราที่เป็นสาเหตุโรคแอนแทรคโนสของพริก สามารถแยกเช้ือราท่ีบริสุทธิ์ได้ 2 ชนิด
คือ C. capsici และ C. gloeosporioides โดยเชื้อราท้ัง 2 ชนิดสามารถทาให้เกิดโรคบนผลพริกได้ โดยมี เอกสารอา้ งองิ
ความแตกตา่ งกันของรปู ร่างแผลท่เี กิดจากเช้อื ตา่ งชนดิ กนั เมือ่ นาไปทดสอบกับสารสกัดหยาบจากใบไชยา พบว่าท่ี
ระดับความเข้มข้น 100,000 ppm สามารถยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อรา C. capsici ได้ดีที่สุด โดยมี กมล เลศิ รตั น.์ 2550. การผลติ การตลาดของพริกและผลิตภัณฑ์พรกิ ในประเทศไทย. วารสารเพื่อการส่งออก. (7) : 20-29.
เปอร์เซน็ ตก์ ารยับยัง้ อยทู่ ่ี 88.81 เปอร์เซ็นต์ สว่ นผลการยับยัง้ เชอ้ื รา สว่ นทรี่ ะดับความเข้มขน้ ต่าสดุ 80,000 ppm กลุ วดี ศลิ ป์ประดิษณ์. 2548. ประสทิ ธภิ าพของสารสกัดจากข่าตอ่ เชอ้ื รา Colletotrichum gloeosprioides
สามารถยับย้ังการเจริญเติบโตของเชื้อรา C. gloeosporioides ได้ดีที่สุด โดยมีเปอร์เซ็นต์การยับยั้งอยู่ที่
100 เปอร์เซน็ ต์ เชื้อสาเหตโุ รคแอนแทรคโนสของพรกิ . ปญั หาพเิ ศษปรญิ ญา สาขาวชิ าเทคโนโลยชี ีวภาพทางการเกษตร
คณะเกษตร กาแพงแสน มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
กติ ติกรรมประกาศ เมอื งทอง ทวนทวี และสรุ ีรตั น์ ปํญญาโตนะ ทวนทว.ี 2532. สวนผกั 12 ผกั บ้านเรา. กลมุ่ หนังสอื เกษตร : สยามคอมฟวิ กราฟิด
Shivas, R. a.. 2003. Workshop Manual & Reference: Plant Pathogenic Ascomycetes, pp. 305. In Plant Pathogenic
ผูว้ ิจัยขอขอบพระคุณ มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุบลราชธานี ท่ีให้ความอนุเคราะห์ทุนสนับสนุนงานวิจัยในครั้ง Ascomycetes Workshop. Dunwish, North Strabroke Island.
นี้ และขอขอบคุณผู้ร่วมวิจัยและผู้ช่วยวิจัยทุกท่าน ท่ีได้อานวยความสะดวกในการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ และ
ดาเนินงานด้วยดมี าโดยตลอด

องค์ประกอบเรซ่นิ ฤทธิย์ บั ยัง้ เชื้อจุลินทรยี ท์ ่กี อ่ ใหเ้ กิดการเน่าเสยี ของเบยี ร์

และฤทธ์กิ ารตา้ นอนุมูลอิสระจากสารสกดั ฮอปส์

Composition of Hops Resin Extracts and Their Anti Beer Spoilage Microorganisms

and Antioxidant activities

เรยี บเรียงโดย กริษฐา เดชวัน, กริ ติก นต์ มงุ่ กล ง และภ ณุพงศ์ สมุ่ หริ ญั นักศึกษฐ ปรญิ ญ ตรี คณะวทิ ย ศ สตร์ สถ บันเทคโนโลยีพระจอมเกล้ เจ้ คุณทห รล ดกระบงั
ผศ.มงคล เพญ็ ส ยใจ อ จ รยท์ ีป่ รกึ ษฐ

บทคดั ย่อ 3. การทดสอบการยับย้งั ของสารประกอบในฮอปสต์ ่อเชอื้ จลุ ินทรีย์ ผลการวิเคราะห์หาคา่ ความเข้มขน้ ที่ตา่ ที่สดุ ของสารสกดั ฮอปส์ท่ีสามารถ
ทาลายเชื้อจลุ ินทรยี ์ (Minimum Bactericidal Concentration : MBC)
ก รวิเคร ะห์องค์ประกอบเรซิ่นของส รสกดั ฮอปส์ 3 ส ยพันธไุ์ ด้แก่ ทดสอบการยบั ย้งั ด้วยวิธี Agar disc diffusion
Cascade Centennial และSaaz ดว้ ยเคร่ืองโครม โทกร ฟีของเหลว
สมรรถนะสูง (HPLC) พบว่ ส ยพันธุ์ Saaz มีค่ กรดแอลฟ รวมและ ดดั แปลงจาก (จุฑาภรณ์ และคณะ, 2562) Cotton swab คว มเข้มข้นต่ สุดทีส่ ม รถท ล ยเชอ้ื จุลินทรีย์ (มลิ ลิกรมั ตอ่ มลิ ลิลติ ร)
กรดบีต รวมม กที่สุด คิดเป็นร้อยละ 11.02 และ5.73 ต มล ดับ
รองลงม คือส ยพันธุ์ Cascade คิดเป็นร้อยละ 10.50 และ5.10 Loop
ต มล ดับ ขณะท่ีส ยพันธุ์ Centennial มีค่ น้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ
10.20 และ3.59 ต มล ดบั ฮอปส์ส ยพนั ธุ์ Cascade มปี ระสิทธิภ พใน รอจนแห้ง ส ยพันธ์ุ
ก รยับยั้ง Lactobacillus brevis TISTR 855 Pediococcus E. coli S. aureus L. brevis P. damnosus B. lambicus
damnosus WLP661 Staphylococcus aureus TISTR 746 McFarland No. 0.5
และEscherichia coli TISTR 074 สูงสุด มีค่ คว มเขม้ ขน้ ต่ สุดที่ TISTR 074 TISTR 746 TISTR 855 WLP661 WLP 653
ส ม รถยับยง้ั จุลินทรีย์ (MIC) เท่ กับ 3.125- 6.25 มลิ ลกิ รัมต่อมิลลลิ ิตร (1.5x108 CFU/ml) 0.85 % NaCl อ ห รเล้ียงเช้อื ทจ่ี เพ ะ
รองลงม คือส ยพันธุ์ Saaz และCentennial มคี ่ MIC เท่ กบั 6.25 -
12.5 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ขณะที่ฮอปส์ทั้ง 3 ส ยพันธุ์ไม่ส ม รถยับยั้ง ส รสกดั ฮอปส์ 10 µl Cascade 12.5 6.25 6.25 6.25 -
Brettanomyces lambicus WLP 653 และฤทธ์ิต้ นอนุมลู อิสระด้วย Paper disc Centennial 25 12.5 12.5 12.5 -
วิธี DPPH radical scavenging พบว่ ส ยพันธ์ุ Saaz มปี ระสทิ ธิภ พใน 12 3 25 12.5 12.5 12.5 -
ก รต้ นอนุมูลอิสระสูงสุด มีค่ IC50 เท่ กับ 0.5893 มิลลิกรัมต่อ Saaz
มิลลิลิตร ขณะที่ส ยพันธ์ุ Cascade และCentennial มีประสิทธิภ พ ⌀ 6 mm
รองลงม มีค่ IC50 เท่ กบั 0.6412 และ0.6482 มลิ ลกิ รัมต่อมิลลลิ ิตร
ต มล ดับ N = Methanol

บทนา 50 25 12.5 P = Antibiotic บม่ ท่ี 37 องศ เซลเซยี ส การศกึ ษาฤทธ์กิ ารต้านอนุมูลอสิ ระดว้ ยวธิ ี DPPH
mg/ml 1 = ส รสกัด 50 mg/ml (ยีสต์ บม่ ท่ี 30 ๐C)
เบียร์เป็นเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ท่ีได้จ กก รหมักชนิดแรกของโลก 2 = ส รสกัด 25 mg/ml เวล 24-48 ชั่วโมง
ถูกคิดค้นข้ึนโดยช วบ บิโลเนีย โดยวัตถุดิบหลักในก รผลิตเบียร์
ประกอบด้วย มอลต์ ฮอปส์ ยีสต์และน้ ส่วนใหญ่เบียร์จะต้องเก็บ 3 = ส รสกดั 12.5 mg/ml (DPPH scavenging activity)
ในอุณหภูมิต่ ถ้ เก็บในสภ วะที่ไม่เหม ะสมจะส่งผลต่อคุณภ พของ
เบียร์หรือเกิดปัญห ก รเน่ เสียท งจุลินทรีย์ได้ โดยจุลินทรีย์ท่ีท ให้เกิด การหาคา่ ความเข้มข้นทสี่ ามารถยบั ย้ังเชอ้ื จุลินทรีย์ (MIC) สายพันธ์ุ/สารมาตรฐาน IC50
ก รเน่ เสยี ของเบยี ร์ เช่น แบคทีเรียกรดแลคตกิ (Lactic acid bacteria) Cascade 0.6412
ไดแ้ ก่ L. brevis และP. damnosus แบคทีเรียแกรมลบในกลุ่มของ ดดั แปลงจาก (จฑุ าภรณ์ และคณะ, 2562)
Enterobacteriaceae ได้แก่ E. coli แบคทีเรียแกรมบวก ได้แก่
S. aureus และยีสต์ ไดแ้ ก่ B. lambicus Nutrient broth (NB) 2 ml Centennial 0.6482
ส รสกดั ฮอปส์แตล่ ะคว มเข้มขน้ 4 ml
ดังน้ันเพ่ือก จัดปัญห ดังกล่ ว ก รศึกษฐ ครั้งน้ีจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ ส รละล ยจุลินทรีย์ 1 ml Saaz 0.5893
สกัดและวิเคร ะห์ห ปริม ณส รส คัญในดอกฮอปส์ ศึกษฐ ประสิทธิภ พ
ในก รต้ นอนุมูลอิสระของส รสกัดฮอปส์ และศึกษฐ ประสิทธิภ พในก ร Ascorbic acid 0.3960
ยั บ ยั้ ง เ ชื้ อ จุ ลิ น ท รี ย์ ท่ี เ ป็ น ส เ ห ตุ ข อ ง ก ร เ น่ เ สี ย
ของเบียร์ ดคู ว มขนุ่

วธิ ีการทดลอง 25 12.5 6.25 3.125 6.125 บ่มที่ 37 องศ เซลเซียส ก รวิเคร ะห์องค์ประกอบเรซิ่นของส รสกัดฮอปส์ท้ัง 3 ส ยพันธุ์ได้แก่ Cascade,
mg/ml (ยีสต์ บ่มที่ 30 ๐C) Centennial และSaaz จ ก Chiang Rai hop Yard ทป่ี ลกู ในจงั หวัดเชียงร ย ตอน
การสกัดเรซิน่ (Forteschi และคณะ, 2018) เวล 18-24 ช่วั โมง เหนอื ของประเทศไทย พบว่ มีร้อยละของ total alpha acid และtotal beta acid
เท่ กับ10.20, 3.59, 10.50, 5.10, 11.02 และ5.73 ต มล ดับ ซ่ึงสอดคล้องกับ
การหาคา่ ความเข้มข้นท่สี ามารถทาลายเช้อื จลุ นิ ทรยี ์ (MBC/MFC) ง นวิจัยของ Forteschi และคณะ, (2019) ท่ีศึกษฐ เก่ียวกับก รประเมินคุณภ พของ
ฮอปส์ส ยพันธ์ุ Cascade ที่เจริญในเมือง โดมุสโนว ส จังหวัด ซ ร์ดิเนีย ประเทศอิต ลี
ดัดแปลงจาก (จฑุ าภรณ์ และคณะ, 2562) ทเ่ี กบ็ เก่ียวในปี 2015 พบว่ มีร้อยละของ total alpha acid และtotal beta acid
เท่ กับ 9.05 และ 5.26 ซึ่งมีค่ ใกล้เคียงกับดอกฮอปส์จ กจังหวัดเชียงร ย ตอนเหนือ
Nutrient Agar (NA) / Yeast Malt Agar (YM) บ่มที่ 37 องศ เซลเซียส ของประเทศไทย
เวล 18-24 ช่ัวโมง
ค่ MIC ของส รสกัดฮอปส์ท้ัง 3 ส ยพันธ์ุ พบว่ ส รสกัดฮปส์ส ยพันธ์ุ Cascade
การศกึ ษาฤทธิก์ ารต้านอนมุ ูลอสิ ระดว้ ยวธิ ี DPPH มปี ระสิทธิภ พในก รยับยง้ั L. brevis, P. damnosus, S. aureus และ E. coli สงู สดุ
โดยมีค่ MIC เท่ กับ 3.125 - 6.25 มก./มล. ในขณะท่ีฮอปส์ท้ัง 3 ส ยพนั ธุไ์ ม่ส ม รถ
(DPPH scavenging activity) (Pinela และคณะ, 2012) ยบั ย้ัง B. lambicus และ ค่ MBC ของส รสกัดฮอปส์ทั้ง 3 ส ยพันธุ์ พบว่ ส ยพันธุ์
Cascadeมีประสิทธิภ พในก รท ล ย L.brevis, P.damnosus, S. aureus, และ
บม่ ในทีม่ ดื 30 น ที E. coli สูงสดุ โดยมีค่ MBC เท่ กับ 6.25 - 12.5 มก./มล. ขณะท่ี ฮอปส์ทง้ั 3 ส ย
พนั ธไ์ุ มส่ ม รถท ล ย B. lambicus ได้ เมื่อพิจ รณ ค่ MIC และMBC ของส รสกัด
0.125 0.25 0.50 1.0 ฮอปส์ทั้ง 3 ส ยพันธ์ุ พบว่ มีประสิทธิภ พในก รยับยั้งหรือท ล ยแบคทีเรียแกรมบวก
mg/ml ได้ม กกว่ แบคทีเรียแกรมลบ ซ่ึงสอดคล้องกับง นวิจัยของ Nionelli และคณะ (2018)
และAbram และคณะ (2015) ที่ท ก รศึกษฐ ส รสกัดฮอปส์ท งด้ นฤทธ์ิก รยับย้ัง
Ascorbic acid Microplate Reader จุลินทรีย์ พบว่ ส รสกัดฮอปส์ส่วนใหญ่มีฤทธ์ิยับยั้งแบคทีเรียแกรมบวก แต่ไม่ส ม รถ
(0.125-1.0 mg/ml) ยบั ยง้ั แบคทีเรียแกรมลบหรือไดบ้ งชนิด เช่น E. coli O157: H7

ผลและวจิ ารณผ์ ลการทดลอง ผลก รศึกษฐ ฤทธิ์ก รต้ นอนุมูลอิสระด้วยวิธี DPPH พบว่ ส ยพันธ์ุ Saaz
มีประสิทธิภ พในก รดักจับอนุมูลอิสระได้ดีท่ีสุด ซึ่งมีค่ IC50 เท่ กับ 0.5893 มก./มล.
ผลการวเิ คราะห์เรซ่นิ ด้วยเครือ่ งโครมาโทกราฟสี มรรถนะสงู (HPLC) ซ่ึงค่ IC50 ของส รสกัดฮอปส์ท้ังส มชนิด สอดคล้องกับง นวิจัยของ Alonso-Esteban
และคณะ, (2019) และ Komaitis และProestos, (2009) ท่ีท ก รศึกษฐ ฤทธิ์ก ร
สว่ นใส ส ยพันธุ์ รอ้ ยละของส รประกอบเรซนิ่ ในส รสกัดฮอปส์ ยับย้ังอนุมูลอิสระของส รสกัดฮอปส์ด้วยวิธี DPPH พบว่ ท่ีคว มเข้มข้นของส รสกัด
ฮอปส์ 2.5 - 0.039 มก./มล. มีค่ IC50 เท่ กับ 0.505 มก./มล. และเม่ือเทียบ
co-α n+ad-α co-β n+ad-β Total α acid Total β acid ประสิทธิภ พในก รดักจับอนุมูลอิสระระหว่ งส รสกัดฮอปส์ท้ัง 3 ส ยพันธ์ุกับส ร
ม ตรา น Ascorbic acid ทม่ี ีค่ IC50 เท่ กับ 0.3690 มก./มล. พบว่ ส รสกัดฮอปส์ทัง้
ส่วนตะกอน Cascade 3.74 6.46 1.76 1.83 10.20 3.59 ส มส ยพันธ์ุน้ันมีประสิทธิภ พในก รดักจับอนุมูลอิสระน้อยกว่ ส รม ตรา น
Ascorbic acid
ตัวอย่ งฮอปส์ท่อี บแหง้ แล้ว ผสมกบั diethyl ether – methanol - HCl 0.1 M เขย่ เปน็ เวล 40 น ที ตั้งทิ้งไว้จนแยกเป็นสองส่วน Centennial 3.99 6.51 1.89 3.21 10.50 5.10
ปริม ณ 10 ± 0.001 กรมั (100 : 20 : 40 v / v / v) สรุปผลการทดลอง
Saaz 4.18 6.84 2.08 3.65 11.02 5.73
จ กก รทดลอง ก รวิเคร ะห์เรซ่ินด้วยเครื่องโครม โทกร ฟีสมรรถนะสูง (HPLC)
เจอื จ ง 10 เท่ ด้วย Methanol ผลการวเิ คราะห์หาความเข้มข้นท่ตี า่ ทีส่ ุดของสารสกัดฮอปส์ในการยับยงั้ ก รทดสอบก รยบั ยัง้ ของส รประกอบในฮอปส์ตอ่ เชือ้ จุลินทรยี ์ และก รศึกษฐ ฤทธก์ิ ร
ส่วนใส เชื้อจลุ นิ ทรีย์ได้ (Minimum Inhibition Concentration : MIC) ต้ นอนุมลู อิสระดว้ ยวิธี DPPH scavenging activity พบว่ ดอกฮอปส์ท้ัง 3 ชนิด
มีประสิทธิภ พในก รดักจับอนุมูลอิสระและมีประสิทธิภ พในก รยับย้ังเช้ือจุลินทรีย์
ส่วนตะกอน ทีก่ ่อให้เกิดก รเน่ เสยี ของเบียร์ โดยฮอปส์ส ยพนั ธ์ุ Saaz มรี ้อยละของส รประกอบ
เรซิ่นและมีประสิทธิภ พในก รดักจับอนุมูลอิสระม กท่ีสุด และส ยพันธ์ุ Cascade
มีประสิทธิภ พในก รยับยั้งเช้ือจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดก รเน่ เสียของเบียร์ม กท่ีสุด
ซงึ่ ก รทดลองส เรจ็ ลุลว่ งไปดว้ ยดี เป็นท่ีน่ พอใจและเป็นไปต มเป้ หม ยท่ีว งไว้

กรองดว้ ยตัวกรอง Nylon คว มเขม้ ขน้ ต่ สุดทีส่ ม รถยับยัง้ เชอื้ จลุ ินทรยี ์ (มิลลกิ รัมต่อมลิ ลิลติ ร) เอกสารอา้ งองิ
ขน ด 0.22 ไมโครเมตร
ส ยพนั ธุ์ E. coli S. aureus L. brevis P. damnosus B. lambicus จฑุ ภรณ์ ศรสี วุ รรณ, และคณะ 2562. “ฤทธิ์ก รยับย้ังแบคทีเรยี กอ่ โรคของคอมบชู จ กช อู่หลงอญั ชนั กระเจีย๊ บแดง และสะระแหน่.”
ระเหยตัวท ละล ยออกด้วยเคร่ือง Rotary Evaporator TISTR 074 TISTR 746 TISTR 855 WLP661 WLP 653 ปรญิ ญ นพิ นธ์วทิ ย ศ สตรบัณฑติ ส ข จุลชีววทิ ย อุตส หกรรม คณะวิทย ศ สตร์ สถ บนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้ เจ้ คณุ ทห รล ดกระบงั .

การวเิ คราะหด์ ้วยเคร่อื ง HPLC (Forteschi และคณะ, 2018) Cascade 6.25 3.125 3.125 3.125 - Abram, V., et al. 2015. “A comparison of antioxidant and antimicrobial activity between hop leaves and hop cones.” Ind. Crops
ใชป้ ริม ตรตวั อย่ ง 10 ไมโครลิตร อัตร ก รไหล 1.0 มิลลิลติ ร Centennial 12.5 6.25 6.25 6.25 - Prod. 64 : 124–134.
12.5 6.25 6.25 6.25 -
ตอ่ น ที Mobile phase คือ phosphoric acid และAcetonitrile Saaz Alonso-Estebana J. I., et al. 2019. “Phenolic composition and antioxidant, antimicrobial and cytotoxic properties of hop (Humulus
คอลัมน์ C18 ปรียบเทียบกับส รม ตรา น International Calibration lupulus L.) Seed”. Industrial Crops and Products Volume 134, (2019), 154-159
Extract 4 (ICE-4)
Forteschi M., et al. 2018. “Quality assessment of Cascade Hop (Humulus lupulus L.) grown in Sardinia.” European Food Research and
Technology. 245 : 863-871.

Komaitis M and Proestos C. 2009. “Antioxidant Capacity of Hops Laboratory of Food Chemistry, Agricultural University of Athens, Iera
Odos, Athens, Greece”.

Nionelli L., et al. 2018. “Use of hop extract as antifungal ingredient for bread making and selection of autochthonous resistant starters
for sourdough fermentation.” International Journal of Food Microbiology. : 173-182.

Pinela J., et al. 2012. “Antioxidant activity, ascorbic acid, phenolic compounds and sugars of
wild and commercial Tuberaria lignosa samples: Effects of drying and oralpreparation methods.” Food Chemistry 135 : 1028-
1035.

ฤทธ์ยิ ับย้งั การทางานของเอนไซมไ์ ลเปสจากตบั อ่อนและเอนไซมค์ อเลสเตอรอลเอสเทอเรส
ของกากนา้ ตาลและสารสกัด

Pancreatic lipase and Cholesterol esterase Enzyme inhibitory activity
of Molasses and Molasses Extracts

สุภาภรณ์ เลขวตั 1* และ อบุ ลวรรณา ศรีมงคลลกั ษณ์1

1ศูนยเ์ ชยี่ วชาญนวตั กรรมอาหารสุขภาพ สถาบนั วจิ ยั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย 35 หมู่ 3 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทมุ ธานี 12120

*Corresponding author. Email: [email protected]

บทคัดยอ่ ผลและวจิ ารณผ์ ล

การศึกษาปริมาณสารประกอบฟนี อลิก ความสามารถในการยับยงั้ อนุมลู อสิ ระโดยวิธี DPPH ผลการวิเคราะห์ปริมาณสารประกอบฟีนอลิกและค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ
และฤทธ์ิการยับย้ังการทางานของเอนไซม์ไลเปสจากตับอ่อนและเอนไซม์คอเลสเตอรอลเอส DPPH ในกากน้าตาลและสารสกัดจากกากน้าตาล พบว่า กากน้าตาลชนิด C มีปริมาณ
เทอเรสในกากน้าตาล (ชนิด A, B และ C) และสารสกัดจากกากน้าตาลท่ีสกัดด้วยแอลกอฮอล์ สารประกอบฟนี อลกิ สูงทสี่ ดุ เท่ากับ 39.63 มก.สมมูลกรดแกลลกิ /ก.ตวั อยา่ ง ซ่ึงสอดคล้องกับคา่
เติมกรดที่อัตราส่วน 1:30 (กากน้าตาล:แอลกอฮอล์เติมกรด) พบว่ากากน้าตาลชนิด C มี ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ DPPH ที่ IC50 ของกากน้าตาล C มีต่าท่ีสดุ เท่ากบั 16.01
สารประกอบฟีนอลิกที่สูงท่ีสุด (39.63 มก.สมมูลกรดแกลลิก/ก.ตัวอย่าง) และมีค่า มก./ลิตร (Figure 1-2)
ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ DPPH ท่ี IC50 สูงท่ีสุด (16.01 มก./ลิตร) ในขณะที่
กากน้าตาลชนิด C (KSL) มปี รมิ าณสารประกอบฟีนอลิกและความสามารถในการต้านอนุมูล ผลการยับย้ังการทางานเอนไซม์ไลเปสของตับอ่อนของกากน้าตาลและสารสกัดจาก
อสิ ระต่าท่สี ุด ความสามารถในการยับย้ังการทางานของเอนไซม์ไลเปสจากตบั ออ่ นและเอนไซม์ กากน้าตาล พบว่า ความสามารถในการยับย้ังแปรผันตามความเข้มข้นของตัวอย่างกากน้าตาล
คอเลสเตอรอลเอสเทอเรสของกากน้าตาลและสารสกัดอยู่ในช่วง 6-100 % และ 2-75 % และสารสกัดท่ีใช้ ซ่ึงท่ีความเข้มข้น 0.01 มก/มล พบว่าสาร C2 จะออกฤทธ์ิยับย้ังการทางาน
ตามลาดับ ซึ่งพบว่าระดับความสามารถในการยับย้ังการทางานของเอนไซม์ขึ้นกับค่าความ เอนไซม์ pancreatic lipase สูงท่สี ดุ คือ ประมาณ 63 ± 1 % (Figure 3-a)
เข้มข้นของกากน้าตาล เมอ่ื เปรียบเทยี บระหว่างกากน้าตาลและสารสกัดจากกากน้าตาล พบว่า
กากน้าตาลมีปริมาณฟีนอลิกสูง มีความสามารถในการยับย้ังอนุมูลอิสระและการยับย้ังการ ผลการยับย้ังการทางานเอนไซม์คอเลสเตอรอลเอสเทอเรสของกากน้าตาลและสารสกัดจาก
ทางานของเอนไซม์ไลเปสได้ดกี ว่าสารสกดั กากน้าตาล พบว่า ที่ความเข้มข้น 0.1 มก/มล พบว่าสาร E_C (KLS) จะออกฤทธ์ิยับย้ังการ
ทางานของเอนไซม์คอเลสเตอรอลเอสเทอเรสมากท่สี ดุ คือ ประมาณ 75 ± 1 % (Figure 3-b)

บทนา

เอนไซม์ไลเปสจากตับออ่ น หรอื pancreatic lipase ทาหนา้ ทีย่ ่อยไขมันในลาไสเ้ ลก็ ไดเ้ ป็น

กรดไขมนั และกลีเซอรอลดูดซมึ เข้าสรู่ ่างกาย ซง่ึ การยับย้งั การทางานของเอนไซม์ไลเปสจากตับ

อ่อนจะชะลอการย่อยไขมันในกลุ่มของไตรกลีเซอร์ไรด์ให้กลายเป็นกรดไขมันอิสระช้าลง มีผล

ให้การดูดซึมกรดไขมนั อิสระลดลง การสงั เคราะหไ์ ขมนั ไตรกลีเซอรไ์ รด์ในกระแสเลือดจึงลดลง figure 1 Phenolic contents and antioxidant activity (IC50) of molasses C (KSL), A, B and C
ตาม เอนไซม์คอเลสเตอรอลเอสเทอเรสจะสลายพันธะเอสเทอร์ของคอเลสเทอรอลในลาไส้เล็ก

ทาให้เกิดคอเลสเตอรอลในรูปอิสระข้ึน มีผลทาให้การดูดซึมคอเลสเตอรอลมากขึ้น ดังนั้นการ

ยับยั้งการทางานของเอนไซมช์ นิดนี้จึงมผี ลต่อการลดการดดู ซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่กระแสเลอื ด

งานวิจัยน้ีจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพของกากน้าตาลและสารสกัดจาก

กากน้าตาลที่มุ่งเน้นศึกษาฤทธิ์ยับยั้งการทางานของเอนไซม์ไลเปสจากตับอ่อน (pancreatic

lipase) และ เอนไซมค์ อเลสเตอรอลเทอเรส (cholesterol esterase) ท่ีทาหนา้ ที่สาคัญในการ

ยอ่ ยไขมันในลาไสใ้ หก้ ลายเป็นโมเลกลุ ทีง่ ่ายแก่การดดู ซมึ เขา้ สู่ร่างกาย figure 2 Phenolic contents and antioxidant activity (IC50) of molasses extracts C(KSL), A, B and C

วธิ ีการ

 ขั้นตอนการสกัดกากนา้ ตาลด้วยแอลกอฮอลเ์ ตมิ กรด

กากน้าตาล สกัดดว้ ยแอลกอฮอล์เติม เขย่าดว้ ยความถีส่ งู ปน่ั เหว่ยี งที่ 1000 g
C(KSL), A, B, C กรดอัตราสว่ น 1:30 w/v นาน 70 นาที นาน 10 นาที figure 3 Inhibitory activity aof Pancreatic lipase (a) and Cholesterol esbterase (b)

สรปุ

 ชนิดและการสกัดของกากน้าตาลมีผลต่อปริมาณสารประกอบฟีนอลิกอย่างนัยสาคัญท่ี

ระเหยภายใต้ ทาแหง้ แบบ ระดบั ความเช่ือมนั่ 95%

สุญญากาศ T 45 C แชเ่ ยือกแขง็  ชนิดของกากน้าตาลมีผลต่อความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ DPPH ท่ี IC50 อย่าง
 การวเิ คราะห์สารออกฤทธทิ์ างชวี ภาพและฤทธ์ิยบั ยง้ั การทางานของเอนไซม์ นัยสาคญั ท่รี ะดบั ความเชอื่ ม่นั 95%

1. สารประกอบฟนี อลิก (ดัดแปลงจาก Maisuthisakul และคณะ, 2007)  ความสามารถในการยับยั้งการทางานของของเอนไซม์ ไลเปสของตับอ่อนและ

2. ความสามารถในการตา้ นอนมุ ลู อิสระ DPPH (ดดั แปลงจาก Wong และ Chye 2009) คอเลสเตอรอลเอสเทอเรสแปรผันตรงกับชนิดและความเข้มข้นของกากน้าตาลและสาร

3. การทดสอบฤทธิ์ยบั ยั้งการทางานของเอนไซม์ไลเปสจากตบั ออ่ น สกัดจากกากน้าตาล เอกสารอ้างองิ

4. การยบั ยง้ั การทางานของเอนไซม์คอเลสเตอรอลเอสเทอเรส Maisuthisakul, P., Suttajit, M. and Pongsawatmanit, R., 2007, Assessment of Phenolic content and

 การประเมนิ ผลทางสถติ ิ free radical scavenging capacity of some Thai indigenous plants, Food Chemistry, 100: 1409-1418.

วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมทางสถิติ SPSS ver. 17 วิเคราะห์ค่าความแปรปรวนและ Wong, Y.J. and Chye, Y.F., 2009, Antioxidant properties of selected tropical wild edible mushrooms,

ความแตกต่างของตัวอย่างด้วยวธิ ี Duncan's new multiple range test Journal of Food Composition and Analysis. 22: 269–277.

อิทธพิ ลของการอบแห้งทม่ี ีตอ่ สมบตั ิและสารออกฤทธท์ิ างชีวภาพของแผน่ ฟิลม์ ขิงละลายในชอ่ งปาก

Influence of Drying on Properties and Bioactive Compounds of Ginger Orally Dissolving Film

ศิรดา สงั สนิ ชัย ธีร์ธวัช เพชรพรประภาส นนท์กฤช ฮนุ ศรนี พรัตน์ กติ ตธัช ศริ ิเวชพงศก์ ุล และชลิดา เนยี มนยุ้

ภาควิชาวศิ วกรรมเคมี คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ 50 ถ.งามวงศว์ าน ลาดยาว จตจุ ักร กรุงเทพฯ 10900

บทคัดยอ่ 700 ผลกำรทดลอง
700
งานวจิ ยั นเ้ี ปน็ การพัฒนาแผ่นฟิลม์ ขิงสาหรบั ละลายในช่องปาก โดยวตั ถปุ ระสงคข์ องงานน้ีเพอ่ื 600 (a)Moisture content (%, d.b.)
ศกึ ษาอทิ ธิพลของเทคนคิ และอณุ หภูมิการอบแหง้ ตอ่ จลนพลศาสตร์การอบแห้ง คา่ สี สัณฐานวิทยา หมู่ Moisture content (%, d.b.)HA40°C600(b) IR40°C
ฟังกช์ ัน ความเป็นผลึก เวลาในการละลายในหลอดทดลอง และปริมาณสารออกฤทธท์ิ างชวี ภาพของ 500 HA50°C 500 IR50°C
แผ่นฟิลม์ ขงิ แผน่ ฟลิ ์มขงิ ถกู เตรยี มด้วยวธิ กี ารเทโดยอาศัยตัวทาละลาย (Solvent-casting) แผ่นฟิล์มขิง HA60°C 400 IR60°C
ประกอบด้วยสารสกดั ขงิ แป้งมนั สาปะหลงั เจลาติน คารบ์ อกซเี มทิลเซลลโู ลส ซอร์บทิ อล และซคู ราโลส 400
เท่ากับ 9.87 27.62 18.83 43.11 0.19 และ 0.38% (w/w) ตามลาดับ สภาวะการอบแหง้ ท่ีทาการศึกษา
คอื การอบแห้งด้วยอากาศรอ้ นและการอบแห้งดว้ ยอินฟราเรดท่ีอุณหภูมิ 40-60 ºC เทยี บกบั การทาใหแ้ หง้ 300 300
โดยการผง่ึ พบว่าการอบแห้งดว้ ยอินฟราเรดให้อตั ราการอบแห้งสูงกว่าวธิ ีการอบแห้งแบบอ่ืนๆ อัตราการ
อบแหง้ ของฟิลม์ เพ่มิ ขน้ึ ตามอุณหภูมิในการอบแห้ง โดยการอบแหง้ ฟิล์มด้วยอนิ ฟราเรดทอ่ี ุณหภูมิ 50 ºC 200 200
แสดงเวลาในการละลายในหลอดทดลองของฟลิ ์มสน้ั ท่สี ุด และมีปริมาณสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของขิงสงู
ท่ีสุดเมอ่ื เทยี บกับการอบแห้งที่สภาวะอ่ืนๆ 100 100

คำนำ 00

0 500 1T0i0m0 e (m1i5n0)0 2000 2500 0 500 Time10(0m0 in) 1500 2000

Figure 1 Drying kinetics of ginger orally dissolving film during (a) hot air drying and (b) infrared drying at 40, 50 and 60 ºC

ประเทศไทยมีจานวนประชากรและสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องทุกปี ซ่ึงในบรรดา (a) (b) (c) (d)

ผู้สูงอายุเหล่านี้มักมีภาวะกลืนลาบากอันเน่ืองมาจากโรคท่ีเก่ียวข้องกับระบบประสาทและสมอง เช่น โรค
หลอดเลือดสมองและโรคสมองเสื่อม เป็นต้น ทาให้รับประทานอาหารได้อย่างจากัดซ่ึงส่งผลต่อปัญหาด้าน
สุขภาพและโภชนาการได้ ดังน้ันผู้วิจัยจึงมีแนวคิดในการพัฒนาแผ่นฟิล์มขิงสาหรับละลายในช่องปากเพ่ือ
กระตุ้นการกลืนสาหรับผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลาบาก อย่างไรก็ตามพบว่าสภาวะการเตรียมแผ่นฟิล์ม Figure 2 Microstructure of ginger orally dissolving film (a) HA40 ºC (b) HA60 ºc (c) IR40 ºc and (d) shade drying at 1000x
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอบแห้ง มีผลต่อปริมาณสารสาคัญท่ีอยู่ในแผ่นฟิลม์ ขิง ดังนั้นในงานวิจัยนี้จึงได้พัฒนา magnification
แผ่นฟิล์มขิงสาหรับการละลายในช่องปาก โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาอิทธิพลของเทคนิคและอุณหภูมิการ
(a) (b)

อบแห้งที่มีต่อจลนพลศาสตร์การอบแห้ง ค่าสี สัณฐานวิทยา หมู่ฟังก์ชัน ความเป็นผลึก เวลาในการละลาย
ในหลอดทดลอง และปริมาณสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของแผ่นฟิล์มขิงท่ีจะใช้กระตุ้นการกลืนของผู้มีภาวะ
กลนื ลาบาก
วิธกี ำรทดลอง (Solvent-casting method)

STEP 1 Starch 10g/ 100 mL Heated at 70 ºC, 20 min Starch: Gelatin: CMC
Gelatin 25g/ 100 mL Stirred overnight 3: 2: 1
CMC 3g/ 100 mL Stirred at 40 ºC

STEP 2 Composition % (w/w) Figure 3 XRD (a) and FTIR (b) of starch, gelatin, CMC and ginger orally dissolving film
Ginger extract 9.87 Table 1 Mginogisetruoreraclloyndteisnsot,lvcinoglofri,lminuvnidtreorgdoinsseodluiftfieornenttimderyianngdcotnhdeitbioionasctive compound contents of
Tapioca starch 27.62
Gelatin 18.83 Mixture sonicated Moisture Color In vitro Bioactive compound contents
CMC 43.11 for 20 min Sample content a* dissolution (µg/ g dry solid)
Sorbitol 0.19 time (min) 6- 8- 10- 6-
Sucralose 0.38 (%, d.b.) L* b* gingerol gingerol gingerol shogaol Total

STEP 3 HA40ºC 13.72 43.90 22.69 42.58 17.80 164.24 178.91 349.57 2,244.59 2,937.31
HA50ºC 12.98 44.47 20.96 37.77 17.20 193.49 216.58 447.12 2,322.39 3,179.58
Hot Air HA60ºC 15.23 41.49 22.53 41.96 20.00 136.55 137.73 348.64 1,310.46 1,933.38
Drying IR40ºC 12.79 43.68 22.84 40.90 17.50 176.48 195.29 384.05 2,511.62 3,267.44
(40-60 ºC) IR50ºC 12.88 48.24 20.99 33.77 16.80 383.32 227.16 538.36 3,269.83 4,418.67
IR60ºC 14.85 43.88 20.52 40.53 19.50 147.87 244.83 294.56 1,809.76 2,497.02
Shade 14.25 45.08 21.28 35.73 25.50 224.92 133.98 753.62 2,460.06 3,571.95
HA40ºC HA50ºC HA60ºC drying

Infrared วิจำรณ์ผล
Drying
(40-60 ºC) การอบแห้งด้วยอินฟราเรดให้อัตราอบแห้งสูง ใช้เวลาส้นั และมีปริมาณความชื้นสุดท้ายทีต่ ่ากว่า
กว่าการอบแห้งด้วยอากาศร้อน เนื่องจากอบแห้งด้วยอินฟราเรดใช้หลักการแผ่รังสีทาให้เกิด
IR40ºC IR50ºC IR60ºC แรงผลักดันโมเลกุลของน้าแพร่มาสู่ผิวหน้าของฟิล์มและระเหยออกไปสู่อากาศได้มากกว่าเมื่อเทียบกับ
การอบแห้งด้วยอากาศร้อนหรือการผ่ึงในที่ร่มที่ใช้หลักการพาความร้อน เมื่อเพิ่มอุณหภูมิอบแห้งให้
At room temperature สูงข้ึนจะใช้เวลาในการอบแห้งลดลง เน่ืองจากการอบแห้งท่ีอุณหภูมิสูงจะทาให้เกิดการถ่ายเทความ
ร้อนและการเคลื่อนทีข่ องน้าท่อี ยภู่ ายในโมเลกุลได้เร็วกว่าการอบแห้งท่ีอุณหภูมิต่า (Niamnuy et al.,
2013) นอกจากน้ยี งั พบว่าการอบแห้งด้วยอนิ ฟราเรดทอ่ี ุณหภูมิ 50 ºC ให้ค่าความสวา่ งของแผ่นฟิลม์
สูงกว่า โดยมีค่าสีแดงและสีเหลืองน้อยกว่าการอบแห้งด้วยสภาวะอื่นๆ อีกทั้งยังใช้ระยะเวลาในการ
Shade drying ละลายในหลอดทดลองเร็วท่ีสุดเน่ืองจากโครงสร้างมีความเป็นอสัณฐานมากจึงสามารถดูดซับน้าได้ดี

คำขอบคุณ และยังสามารถรักษาสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของขงิ ไดแ้ ก่ 6-gingerol 8-gingerol 10-gingerol และ
6-shogaol (Ghasemzadeh et al., 2018) ในแผ่นฟิล์มได้ดีกว่าเมือ่ เทยี บกับการอบแห้งด้วยสภาวะ
ขอขอบคุณคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควชิ าวศิ วกรรมเคมี มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ ในการ อ่ืนๆ นั่นแสดงให้เห็นว่าเทคนิคและอุณหภูมิท่ีใช้อบแห้งส่งผลต่อคุณสมบัติของแผ่นฟิล์มขิงละลายใน
สนบั สนนุ ทุนวจิ ยั สถานทใี่ นการดาเนนิ งานและอปุ กรณท์ ใ่ี ช้ในงานวจิ ัย ปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณสารสาคัญในขิงท่ีมีฤทธ์ิในการช่วยกระตุ้นการกลืนสาหรับผู้ท่ีมีภาวะ

เอกสำรอำ้ งองิ กลืนลาบาก

Ghasemzadeh, A., Jaafar, H. Z., Baghdadi, A., & Tayebi-Meigooni, A. (2018). Formation of 6-, 8-and 10-shogaol in สรุปผล

ginger through application of different drying methods: altered antioxidant and antimicrobial activity. อัตราการอบแหง้ ของฟิล์มเพิ่มข้ึนตามอุณหภมู ิในการอบแหง้ และการอบแหง้ ด้วยอินฟราเรดมี
Molecules, 23(7), 1646. อัตราการอบแห้งสูงกว่าการอบแห้งด้วยอากาศร้อน นอกจากนี้พบว่าการอบแห้งฟิล์มด้วยอินฟราเรด
Niamnuy, C., Charoenchaitrakool, M., Mayachiew, P., & Devahastin, S. (2013). Bioactive compounds and ทอี่ ุณหภมู ิ 50 ºC แสดงเวลาในการละลายในหลอดทดลองของฟิล์มส้ันท่ีสดุ และมีปริมาณสารออก
bioactivities of Centella asiatica (L.) Urban prepared by different drying methods and conditions. ฤทธท์ิ างชีวภาพของขิงสงู ทีส่ ดุ เม่ือเทยี บกบั การอบแหง้ ท่สี ภาวะอ่ืนๆ
Drying Technology, 31(16), 2007-2015.

การพัฒนาแผ่นฟลิ ์มขงิ ละลายในชอ่ งปาก
Development of Ginger Orally Dissolving Film

ศริ ดา สังสนิ ชยั ธรี พฒั น์ เตมิ ธีรพรพมิ ล ธีรานชุ ศรีศรัณยา และชลิดา เนยี มนยุ้

ภาควชิ าวศิ วกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ 50 ถ.งามวงศว์ าน ลาดยาว จตจุ กั ร กรงุ เทพฯ 10900

บทคัดย่อ ผลการทดลอง

วัตถุประสงค์ของงานวิจัยน้ีเพื่อศึกษาผลของอัตราส่วนของสารก่อฟิล์มที่ใช้ในการผลิต Best Condition
แผ่นฟิล์มขิงละลายในช่องปากเพ่ือประยุกต์ใช้งานสาหรับสุขภาพอนามัยในช่องปาก สารก่อฟิล์ม
ที่ใช้ในงานวิจัยนี้คือ แซนแทนกัม เจลาติน และพูลลูแลน ออกแบบการทดลองด้วยวิธี Extreme Ginger orally dissolving film with
vertices ใช้วิธี Solvent-casting ในการผลิตแผน่ ฟลิ ์ม โดยมีข้นั ตอนดังน้ี เตรียมสารละลายของ Pullulan: Gelatin: Xanthan gum in the ratio of
สารกอ่ ฟลิ ม์ ท้ัง 3 ประเภทมาผสมรวมกับสารสกัดขิง กลีเซอรีน ทวนี 80 และซคู ราโลส ผสมให้เข้า
กัน นาไปไล่ฟองอากาศโดยใช้วิธีอัลตร้าโซนิกแล้วนาไปเทลงบนแม่พิมพ์ ทาการอบแห้งโดยใช้ 0.45 : 0.45 : 0.10
ตู้อบลมร้อนท่ีอุณหภูมิ 50 °C เป็นเวลา 72 ช่ัวโมง จะได้แผ่นฟิล์มขิงแล้วนาไปทดสอบสมบัติ
ต่างๆ จากการทดลองพบว่าแผ่นฟิล์มขิงท่ีมีอัตราส่วนของสารก่อฟิล์ม พูลลูแลน: เจลาติน: แซน
แทนกัมท่ีเหมาะสมท่ีสุด คือ 0.45: 0.45: 0.10 โดยอัตราส่วนนี้แสดงแผ่นฟิล์มท่ีมีการหดตัวน้อย
ที่สุด และใช้เวลาในการละลายส้ันที่สุด โดยมีร้อยละการคงเหลือของสารออกฤทธ์ิทางชีวภาพใน
แผน่ ฟิลม์ เทา่ กบั 38.33 ± 2.12%

คานา

ในปัจจุบันนี้ภาวะกลืนลาบากพบได้มากในผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่ง 0f0gFiuli..g38mmu30sPPre::00w..i131(tX30hGGGF)Td::00IiRf..31fe30rsraXXeptGGnieo,,tcsGt:rPianu(gl9ole()u1frl)aetnhx0ter.0(4aP.5c1g):itP0n:PGg0:e.e04rl.51aGt0oiGn:r0a:.0l1(l.Gy08)X0:dXGXiGs, as,onltvh(1i(an03ng)) Figure 2 XRD pattern of the pure film
กลไกของระบบประสาทในการกลืนและการสร้างน้าลายของผู้สูงอายุจะลดลง ทาให้ผู้สูงอายุเกิด and ginger orally dissolving film
ภาวะการกลืนลาบาก ผู้สงู อายุจะใช้เวลาในการเค้ียวอาหารมากขึ้นและต้องกลืนอาหารหลายครั้ง
เพ่ือให้อาหารในช่องปากหมดไปอาจทาให้เกิดการสาลักอาหารเข้าสู่ทางเดินหายใจได้แล้วนาไปสู่ Table 1 In vitro dissolution time of ginger orally dissolving films
การติดเชื้อปอดอักเสบ ซึ่งในบางรายอาจมีอาหารเหลือค้างในช่องปากจะก่อให้เกิดการสะสมของ
เช้ือโรคได้ จากงานวิจัยพบว่า การสเปรย์ยาท่ีประกอบด้วยขิงและรากเคลเม็ธทิกซ์ (clematix Run no. Ratio of film forming agents Shrinkage by Shrinkage by In vitro dissolution
root) ในปากสามารถบรรเทาอาการกลนื ลาบากในผ้ปู ่วยหลอดเลือดสมองได้ (Dugasani et al., (P : G : XG) area (%) volume (%) time
2010) อย่างไรก็ตาม การรักษาวิธีน้ีอาจไม่เป็นผลในผู้ท่ีมีปัญหาการกลืนไม่รุนแรง ดังน้ันใน (min)
งานวจิ ัยนจี้ ึงศึกษาผลของอตั ราส่วนของสารก่อฟิล์ม ได้แก่ แซนแทนกัม เจลาติน และพลู ลูแลน ท่ี Pure film 0.45 : 0.45 : 0.10 - - 9.54
ใช้ในการผลิตแผ่นฟิล์มขิงละลายในช่องปาก โดยหมู่ฟังก์ชัน ความเป็นผลึก เวลาท่ีใช้ละลายใน 1 0.10 : 0.10 : 0.80 3.36 76.45 81.17
หลอดทดลอง และสารออกฤทธ์ิทางชีวภาพท่ีอยู่ในฟิล์มขิง ได้แก่ 6-gingerol 8-gingerol 10- 4 0.22 : 0.22 : 0.57 0.95 78.21 131.57
gingerol และ 6-shogaol ไดร้ ับการประเมนิ สาหรบั ใชเ้ พ่ือช่วยในการกระตุ้นการกลืนสาหรับผู้ท่ี 8 0.45 : 0.10 : 0.45 3.10 79.01 88.29
มภี าวะกลืนลาบาก

วธิ ีการทดลอง (Solvent-casting method)

STEP 1 Film forming agent Preparation

Film forming agents1: Pullulan 10g + Deionization water 100 ml 9 0.45 : 0.45 : 0.10 0.07 75.35 18.26
Film forming agents2: Gelatin 10g + Deionization water 100 ml
Film forming agents3: Xanthan gum 3g + Deionization water 100 ml
Experimental design: Extreme Vertices Method Table 2 The bioactive compounds retention in ginger orally dissolving film (Run no. 9)
Bioactive compounds Content (µg/ g solid)
Run no. Pullulan (P) Gelatin (G) Xanthan gum (XG) Before drying 445.61
1 0.10 0.10 0.80 6-gingerol After drying 51.43

2 0.10 0.80 0.10 8-gingerol Before drying 1,488.46
3 0.80 0.10 0.10 After drying 380.02
4 0.22 0.22 0.57
5 0.22 0.57 0.22 10-gingerol Before drying 1,770.16
6 0.57 0.22 0.22 After drying 840.88
Before drying 11,561.80
7 0.10 0.45 0.45 6-shogaol After drying 4,579.90
8 0.45 0.10 0.45
9 0.45 0.45 0.10 Before drying 15,266.03
10 0.33 0.33 0.33 Total After drying 5,852.22

STEP 2 Film Preparation % Retention 38.33

Composition % (w/w) วิจารณผ์ ล
8.74 แผ่นฟิล์มทส่ี ามารถคงรูปฟิลม์ ไว้ได้มาทดสอบสมบัตกิ ารละลายในนา้ ลายเทียม แผ่นฟิล์มท่มี ีอัตรา
Ginger extract 88.92 Sonicated Acrylic plate ของสารก่อฟิล์ม Pullulan : Gelatin : Xanthan gum เป็น 0.45 : 0.45 : 0.1 จะใช้เวลาในการ
Film forming agent 0.33 40 min 10x13 cm ละลายน้อยท่ีสุดท่ี 9 นาที 54 วินาทีเน่ืองจากมีสัดส่วนของ Pullulan ท่ีมีความสามารถในการละลาย
Tween80 1.68 Thickness 3 mm สูงเป็นปริมาณมาก และเมื่อเปรียบเทียบปริมาณคงเหลือของสารสาคัญในขิงในแผ่นฟิล์มท้ัง 4 ชนิด
Glycerine 0.33 Mixture ในช่วงก่อนนาไปอบแห้งและหลังจากหลังอบแห้ง พบว่าปริมาณสารสกัดขิงทั้ง 4 ชนิด มีปริมาณลดลง
เป็นจานวนมาก เน่ืองจากปริมาณสารสาคัญในขิงเกิดการเส่ือมสลายระหว่างขั้นตอนในการสร้าง
Sucralose แผ่นฟิล์มท่ีมีการใช้ความร้อนสูง เช่น ขั้นตอนอบแห้ง และข้ันตอนในการกวนสารละลายฟิล์ม

STEP 3 Drying (Ghasemzadeh et al., 2018) สรปุ ผล

Hot air drying Ginger orally สภาวะที่ดีที่สุดในการผลิตแผ่นฟิล์มขิงคือมีอัตราส่วนของ พูลลูแลน เจลาติน และแซนแทนกัม
at 50 ºC for 72 h dissolving film เท่ากับ 0.45 : 0.45 : 0.10 พบว่าให้การหดตัวของแผ่นฟิล์มน้อยท่ีสุด แผ่นฟิล์มใช้เวลาในการละลาย
ในหลอดทดลองเรว็ ท่สี ุด แต่ให้ปริมาณสารออกฤทธ์ิชีวภาพของขิงในแผน่ ฟิล์มหลังอบแห้งมีค่าลดลงถงึ
เอกสารอ้างองิ 2.6 เท่าเมื่อเทียบกับก่อนอบแห้ง อย่างไรก็ตามพบว่ามีการคงเหลือของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพใน
แผ่นฟิล์มเท่ากบั 38.33 ± 2.12%
Dugasani, S., Pichika, M. R., Nadarajah, V. D., Balijepalli, M. K., Tandra, S., & Korlakunta, J. N. (2010). Comparative antioxidant and anti-
inflammatory effects of [6]-gingerol,[8]-gingerol,[10]-gingerol and [6]-shogaol. Journal of ethnopharmacology, 127(2), 515-520. คาขอบคุณ

Ghasemzadeh, A., Jaafar, H. Z., Baghdadi, A., & Tayebi-Meigooni, A. (2018). Formation of 6-, 8-and 10-shogaol in ginger through ขอขอบคุณคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการ
application of different drying methods: altered antioxidant and antimicrobial activity. Molecules, 23(7), 1646. สนับสนนุ ทุนวิจัย สถานท่ีในการดาเนนิ งานและอุปกรณท์ ีใ่ ช้ในงานวิจยั

การสกดั โพลีแซคคาไรดจ์ ากว่านหางจระเข้ด้วยระบบสารละลายนา้ สองวัฏภาคทม่ี ีของเหลวไอออนิกเปน็ องคป์ ระกอบ
และตรวจวัดปริมาณน้าตาลโมเลกุลเดย่ี วในโพลีแซคคาไรด์ด้วยเทคนิคโครมาโตกราฟีของเหลวสมรรถนะสูง

มณรี ตั น์ มพี ลอย รัตนศริ ิ จิวานนท์ และเสาวลกั ษณ์ เรืองศรี
สถาบันวจิ ัยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย (วว.) 35 หมู่ 3 เทคโนธานี ต.คลองห้า อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี 12120

บทคดั ย่อ ผลการทดลอง

การทดลองนม้ี จี ดุ ประสงค์เพือ่ สกดั โพลีแซคคาไรดแ์ ละโปรตีนจากผงเจลว่านหางจระเขด้ ้วยระบบสารละลายน้าสองวัฏภาคท่ีมีองค์ประกอบของของเหลว 1. ประสทิ ธภิ าพการสกดั (extraction efficiency)
ไอออนกิ ได้แก่ 1-butyl-3-methylimidazolium tetrafluoroborate ([Bmim]BF4) และสารละลายโซเดียมไดไฮโดรเจนฟอสเฟต (NaH2PO4) รว่ มกับวิธี
ไดอะไลซิส และตรวจวัดปรมิ าณน้าตาลโมเลกุลเดี่ยวท่เี ป็นองค์ประกอบของโพลีแซคคาไรดจ์ ากวา่ นหางจระเข้ด้วยเทคนิคโครมาโตกราฟขี องเหลวสมรรถนะสูงทมี่ กี าร ผลผลิตผงแห้งจากเนอื้ วุ้นวา่ นหางจระเข้ (yield) = 0.77% โดยนา้ หนัก
ตรวจวดั แบบอาศัยการกระเจงิ แสงของอนุภาค (HPLC-ELSD) พบว่า ในสภาวะของการสกัดดว้ ยระบบสารละลายน้าสองวัฏภาคซ่ึงประกอบด้วย สารละลายผง
เจลวา่ นหางจระเข้ ปรมิ าตร 20.0 มิลลลิ ิตร สารละลายโซเดียมไดไฮโดรเจนฟอสเฟต เขม้ ข้น 3.89 โมลต่อลิตร ปริมาตร 15.0 มลิ ลิลติ ร และ [Bmim]BF4 5.0 กรมั ionic- ประสิทธิภาพการสกดั โพลีแซคคาไรด์ (Ea) = 99.28%
สามารถสกดั โพลีแซคคาไรด์ (Ea) และโปรตนี (Ep) ได้เทา่ กับ 99.28% และ 11.19% ตามลา้ ดับ จากนั้นก้าจัดเกลอื ในสารละลายโพลีแซคคาไรดอ์ อกด้วยวิธี liquid
ไดอะไลซสิ ตรวจวดั ปริมาณน้าตาลโมเลกุลเดี่ยวทีเ่ ป็นองค์ประกอบของโพลีแซคคาไรด์ด้วยเทคนิค HPLC-ELSD พบน้าตาลโมเลกลุ เดี่ยวแมนโนส และกาแลก็ โทส rich ประสิทธิภาพการสกัดโปรตนี (Ep) = 11.19%
เท่ากับ 27.96 มิลลกิ รัม และ 2.47 มลิ ลกิ รมั ในโพลีแซคคาไรด์ ไฮโดรไลเสต น้าหนัก 1.0 กรัม
phase
บทน้า
salt-
วา่ นหางจระเขม้ ีช่อื วิทยาศาสตร์ว่า Aloe vera Linn. (Aloe barbadensis Miller) อยู่ในวงศ์ ASPHODELACEAE เป็นพชื ล้มลุก อายุหลายปี ใบหนาอวบ
นา้ เติบโตไดใ้ นที่แห้งแล้งกันดาร (perennial succulent xerophyte) ว่านหางจระเข้ถกู นา้ มาใช้เปน็ พืชสมนุ ไพร (medicinal plant) อย่างยาวนานหลายศตวรรษ rich
มีการบนั ทกึ ไว้เป็นครั้งแรกถึงการนา้ ว่านหางจระเข้มาใชเ้ ป็นยาระบาย (laxative) ในยคุ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี เมื่อ 2200 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงปัจจุบนั ได้มกี าร
ศึกษาวจิ ัยพบสารออกฤทธิ์ (active substances) มากกว่า 75 ชนดิ ในเนือ้ วุ้นว่านหางจระเข้ อะซีแมนแนน (acemannan) เป็นโพลีแซคคาไรด์หลกั ในเนื้อวุ้นว่าน phase Ea = (CbVb / ma) x 100 (1)
หางจระเขท้ ่มี ีการรายงานวา่ มฤี ทธิ์ทางชีวภาพ (bioactive polysaccharide) ไดแ้ ก่ ฤทธิ์กระตนุ้ ภูมคิ มุ้ กัน ฤทธต์ิ า้ นการอกั เสบ ทา้ ให้แผลหายเรว็ ขึ้น เพมิ่ ความช่มุ ชื้น
แก่ผิวหนัง ฤทธ์ติ ้านแบคทีเรยี รา และไวรัส ฤทธต์ิ า้ นอนมุ ูลอสิ ระ และฤทธิ์ตา้ นเบาหวาน (Liu และคณะ, 2019; Hamman, 2008) อยา่ งไรกต็ ามปัจจัยหนง่ึ ที่มี Eb = (CtVt / mp) x 100 (2)
ความส้าคญั ที่จะมผี ลต่อฤทธิ์ทางชีวภาพของโพลีแซคคาไรด์อะซีแมนแนน ได้แก่ วิธที ่ีใช้ในการเตรียมโพลีแซคคาไรด์อะซีแมนแนนซ่งึ มีอยดู่ ้วยกนั หลายวิธี การทดลอง
นมี้ จี ดุ ประสงค์เพอ่ื ศึกษาวิธกี ารสกัดโพลีแซคคาไรด์จากว่านหางจระเข้ด้วยระบบสารละลายน้าสองวัฏภาคท่มี ขี องเหลวไอออนกิ เปน็ องค์ประกอบ เมือ่ ma และ mp คอื ปรมิ าณโพลแี ซคคาไรดแ์ ละปริมาณโปรตนี ในสารละลายผงแห้งจากเน้อื วุ้นว่านหางจระเข้ก่อนสกดั
Cb และ Vb คอื ความเข้มข้นของโพลีแซคคาไรด์และปรมิ าตรของสารละลายช้นั ลา่ ง (salt-rich phase)
Ct และ Vt คือ ความเขม้ ข้นของโปรตีนและปรมิ าตรของสารละลายช้ันบน (ionic-liquid rich phase)

2. ผลการวิเคราะห์ปริมาณน้าตาลโมเลกุลเด่ียวในโพลีแซคคาไรด์ไฮโดรไลเสตจากว่านหางจระเข้

วธิ กี ารทดลอง

http://เกรด็ ความร.ู้ net/aloe-vera/ ILATPS DIALYSIS FREEZE-DRYING TFA Figure 2 Typical HPLC-ELSD chromatogram of aloe polysaccharide hydrolysate separating on the Inertsil®NH2 HPLC column.
HYDROLYSIS Mannose and galactose were separated with retention time of 14.7000 and 17.2500 min, respectively.
http://usuniform-asia.com/article/18/ผวิ -สวย-หนา้ -ใส-ไร้-สิว-ฝ้า-ดว้ ย-ว่านหางจระเข้ ionic-
liquid พบน้าตาลโมเลกลุ เดย่ี วแมนโนส และกาแล็กโทส เทา่ กับ 27.96 มิลลกิ รัม และ 2.47 มลิ ลิกรัม ในโพลีแซคคาไรด์ไฮโดรไลเสต นา้ หนกั 1.0 กรมั
HOMOGENIZATION rich
phase Figure 3 HPLC-ELSD chromatogram of the mixture of mannose and galactose standards separating on Inertsil®NH2 HPLC column
under the isocratic elution system of acetonitrile and water. The flow rate of the nebulizing gas was 4.0 L/min. The drift tube
salt-rich temperature was 40°C and the gain was set at 1. Peaks: 1 mannose (RT=14.7500 min) and 2 galactose (RT=17.1833 min).
phase
วิจารณผ์ ล
FREEZE-DRYING
ใบวา่ นหางจระเขป้ ระกอบด้วยเปลือกใบ (rind) 20% - 30% โดยน้าหนกั และเนอื้ วุ้น (pulp หรือ parenchyma tissue) 70% - 80% โดย
CRUDE น้าหนัก เนือ้ วุ้นวา่ นหางจระเข้ประกอบด้วยน้าถึง 99.0% - 99.5% ส่วนที่เหลือ 0.5% - 1.0% เปน็ สว่ นของของแขง็ ได้แก่ วิตามนิ แรธ่ าตุ เอนไซม์ โพลีแซคคา
POLYSACCHARIDES ไรด์ สารประกอบฟีนอลิก สารประกอบอินทรีย์ และสารประกอบอนินทรีย์ จากการเตรียมผงแห้งจากเน้ือวุ้นว่านหางจระเข้ พบว่าไดผ้ ลผลติ (yield) เทา่ กับ
0.77% โดยนา้ หนัก ซงึ่ มคี วามสอดคล้องกบั ข้อมลู เบ้ืองต้น
Figure 1 Preparation of aloe polysaccharides
ในการสกัดโพลีแซคคาไรดแ์ ละโปรตนี จากผงแห้งเนอื้ วนุ้ วา่ นหางจระเข้พร้อมกันดว้ ยระบบสารละลายนา้ สองวัฏภาคที่มีของเหลวออิ อนิกเป็น
นา้ ใบว่านหางจระเข้มาล้างน้าเพอ่ื ท้าความสะอาด ปอกเปลือกใบวา่ นหางจระเข้ให้เหลอื เฉพาะเนือ้ วุ้น ล้างเนือ้ วุ้นอีกครั้งด้วยน้าสะอาด นา้ สว่ น องคป์ ระกอบตามวิธีท่ี Tan และคณะ (2012) ได้รายงานไว้ พบว่าประสทิ ธภิ าพการสกัดโพลีแซคคาไรดแ์ ละโปรตีนเทา่ กับ 99.28% และ 11.19% ตามลา้ ดับ
เนื้อวนุ้ น้าหนัก 1 กโิ ลกรมั ไปป่นั จนละเอยี ดด้วยเคร่อื งปั่น จากนั้นนา้ ไปท้าแห้งแบบแช่เยือกแข็ง ชัง่ น้าหนักผงแห้ง ท้าการสกัดโพลีแซคคาไรดแ์ ละโปรตนี (ตามรายงานของ Tan และคณะ (2012) เทา่ กับ 90.69% และ 44.59% ตามลา้ ดบั ) การสกดั โพลีแซคคาไรดม์ ีประสิทธภิ าพดี ในขณะทป่ี ระสิทธภิ าพการสกดั
ในตัวอย่างผงแห้งจากเนอ้ื วุ้นวา่ นหางจระเขด้ ว้ ยระบบสารละลายนา้ สองวัฏภาคท่มี อี งคป์ ระกอบของของเหลวไอออนกิ ได้แก่ 1-butyl-3- โปรตีนคอ่ นข้างน้อยอาจเป็นผลมาจากอัตราสว่ นและความเขม้ ขน้ ของสารละลายโซเดยี มไดไฮโดรเจนฟอสเฟตทีย่ ังไม่เหมาะสม และ/หรอื มกี ารสญู เสียไปบา้ งใน
methylimidazolium tetrafluoroborate [Bmim]BF4 โซเดียมไดไฮโดรเจนฟอสเฟต (NaH2PO4) ตามวิธีของ Tan และคณะ, (2012) โดยละลาย ขน้ั ตอนของการสกัด 1-butyl-3-methylimidazolium tetrafluoroborate ออกด้วยไดคลอโรมีเทน
ตวั อยา่ งผงแหง้ จากเนื้อวุ้นวา่ นหางจระเข้ นา้ หนัก 0.5 กรัม ในเอธานอลเขม้ ขน้ 9.0% โดยปรมิ าตร ปริมาตร 30 มลิ ลลิ ติ ร กวนบนเคร่ืองกวนท่ปี รับ
อุณหภูมิได้ จนกระทง่ั ตัวอยา่ งเดอื ด จากนัน้ ยกมากวนที่อุณหภมู หิ ้องจนตวั อย่างละลายสมบูรณ์ ปรบั ปรมิ าตรสุดท้ายเป็น 50 มิลลลิ ติ ร น้าไปปนั่ เหวี่ยงท่ี ผลจากการวิเคราะห์ชนดิ และปรมิ าณน้าตาลโมเลกุลเด่ียวในโพลีแซคคาไรด์ทีส่ กัดได้จากเน้อื วุ้นว่านหางจระเข้ และนา้ มายอ่ ยด้วยกรดไตรฟลูออโร
ความเร็วรอบ 8,500 รอบต่อนาที นาน 20 นาที น้าสว่ นใสปริมาตร 20 มลิ ลิลติ ร เตมิ 1-butyl-3-methylimidazolium tetrafluoroborate ปริมาตร อะซิติก ดว้ ยเทคนิค HPLC-ELSD พบวา่ ในโพลแี ซคคาไรด์ไฮโดรไลเสต น้าหนัก 1 กรมั มแี มนโนสและกาแล็กโทส ปรมิ าณ 27.96 มิลลกิ รัม และ 2.47 มิลลกิ รัม
4.13 มลิ ลิลิตร (คดิ เป็นนา้ หนัก 5 กรมั ) และสารละลายโซเดียมไดไฮโดรเจนฟอสเฟต เขม้ ขน้ 3.89 โมลตอ่ ลิตร ปริมาตร 15 มิลลิลิตร กวนเบาๆ บนเครื่อง ตามล้าดับ (ไม่พบ peak กลูโคส) ซึง่ นา้ ตาลท้ังสองชนดิ น้ีเปน็ องคป์ ระกอบหลกั ของโพลีแซคคาไรด์อะซีแมนแนน จากโครมาโตแกรมรูปที่ 2 พบว่ามี peak ของ
กวนสารแบบแทง่ แม่เหล็ก ทอ่ี ณุ หภมู หิ ้อง นาน 60 นาที นา้ ไปป่ันเหวย่ี งที่ความเรว็ รอบ 8,500 รอบตอ่ นาที นาน 20 นาที เพ่อื ให้เกดิ การแยกชั้น สารประกอบอ่ืนในโพลีแซคคาไรด์อยู่ปรมิ าณมาก ซงึ่ อาจเปน็ กรดแอมิโน โพลแี ซคคาไรด์ วิตามนิ แรธ่ าตุ ท่ีเปน็ ส่วนประกอบในเน้ือวุ้นว่านหางจระเข้ และ/หรอื
เกบ็ สารละลายส่วนบน (ionic-liquid rich phase) วดั ปรมิ าตรท่ีแน่นอน สกัด 1-butyl-3-methylimidazolium tetrafluoroborate ออกดว้ ย สภาวะของการย่อยโพลีแซคคาไรด์ด้วยกรดไตรฟลูออโรอะซิตกิ อาจยังไม่เหมาะสม
ไดคลอโรมีเทน และวิเคราะห์ปริมาณโปรตนี ดว้ ยวิธี Bradford method (Bradford, 1976) เกบ็ สารละลายสว่ นล่าง (salt-rich phase) วัดปริมาตรที่
แน่นอน น้าไปวิเคราะหป์ ริมาณน้าตาลท้ังหมด (total sugar) ดว้ ยวิธี phenol-sulfuric acid method (Dubois และคณะ, 1956) จากน้ันก้าจดั เกลอื สรปุ ผล
ในสารละลายสว่ นล่างด้วยวิธีไดอะไลซสิ (dialysis) นา้ สารละลายทั้งหมดท่ีได้หลังจากการไดอะไลซสิ ไปท้าแห้งด้วยวิธกี ารท้าแห้งแบบแชเ่ ยอื กแข็ง
ช่ังน้าหนกั ตัวอยา่ งแห้ง นา้ ไปย่อยด้วยกรดไตรฟลูออโรอะซิตกิ (TFA) เข้มข้น 3 โมลาร์ ทอี่ ณุ หภมู ิ 130 องศาเซลเซียส นาน 2 ช่วั โมง จากน้นั ระเหย การสกดั โพลีแซคคาไรดแ์ ละโปรตนี จากผงแห้งวา่ นหางจระเข้ด้วยระบบสารละลายน้าสองวัฏภาคท่มี ีองค์ประกอบของของเหลวไอออนิกรว่ มกับวิธี
กรดไตรฟลูออโรอะซิตกิ ทเี่ หลือออกโดยทา้ ภายใต้ความดนั สญุ ญากาศ ช่งั น้าหนกั แห้งโพลีแซคคาไรด์ทีย่ อ่ ยแล้ว (polysaccharide hydrolysate) ละลาย ไดอะไลซิส ซ่ึงประกอบด้วย สารละลายผงเจลวา่ นหางจระเข้ ปริมาตร 20.0 มิลลลิ ติ ร สารละลายโซเดียมไดไฮโดรเจนฟอสเฟต เขม้ ข้น 3.89 โมลต่อลติ ร ปริมาตร
ตวั อย่างโพลีแซคคาไรด์ไฮโดรไลเสตด้วยน้าบริสุทธิ์สูง (ultra pure water) กรองด้วยตวั กรอง (syringe filter) ขนาดรู (pore size) 0.45 ไมครอน 15.0 มิลลิลติ ร และ [Bmim]BF4 5.0 กรมั มปี ระสทิ ธิภาพในการสกัดโพลีแซคคาไรด์และโปรตีนได้เทา่ กับ 99.28% และ 11.19% ตามลา้ ดับ เปน็ วิธีการหนงึ่ ทีไ่ ม่
น้าไปวเิ คราะห์ปริมาณนา้ ตาลโมเลกุลเดย่ี วด้วยเทคนิคโครมาโตกราฟแี บบของเหลวสมรรถนะสงู ที่มกี ารตรวจวัดแบบอาศยั การกระเจิงแสงของอนุภาค ซับซอ้ นและมปี ระสทิ ธิภาพดใี นการแยกโพลีแซคคาไรดจ์ ากว่านหางจระเขเ้ พอ่ื ท้าให้บรสิ ุทธ์ิต่อไป ซง่ึ ตอ้ งอาศยั วิธกี ารอื่นรว่ มด้วย ไดแ้ ก่ ion exchange
(high-performance liquid chromatography-evaporative light scattering detector, HPLC-ELSD) chromatography และ/หรอื gel permeation chromatography เป็นต้น

เอกสารอ้างองิ

Bradford, M.M., 1976, A rapid and sensitive method for the quantitation of microgram quantities of protein utilizing the principle of protein dye binding, Analytical
Biochemistry, 72: 248-254.

Dubois, M. Gilles, K.A., Hamilton, J.K. Rebers, P.A. and Smith, F., 1956, Colorimetric method for determination of sugars and related substances, Analytical Biochemistry,
28(3): 350-356.

Hamman, J. H., 2008, Composition and applications of Aloe vera leaf gel, Molecules, 13: 1599-1616.
Liu, C., Cui, Y., Pi, F., Cheng, Y., Guo, Y. and Qian, H., 2019, Extraction, purification, structural characteristics, biological activities and pharmacological applications of

acemannan, a polysaccharide from Aloe vera: A review, Molecules, 24(8): 1554-1574.
Tan, Z-J., Li, F-F., Xu, X-L. and Xing, J-M., 2012, Simultaneous extraction and purification of aloe polysaccharides and proteins using ionic liquid based aqueous two-

phase system coupled with dialysis membrane, Desalination, 286: 389-393.

องค์ประกอบกลน่ิ และกลน่ิ สำคญั ในสับปะรด
(Ananas comosus [L.] Merr.) พนั ธ์ุตรำดสีทอง

กมลชนก ปัญโญ 1 สมโภชน์ 1 นอ้ ยจินดา1 กิตติ โพธิปัทมะ1 สุริยา ฤธาทิพย1์ และ เฉลิมชยั วงษอ์ าร 2
Panyo, K.1, Noichinda, S.1, Bodhipadma, K.1, Rutatip, S.1 and Wongs-Aree, C.2

1สำขำวชิ ำเทคโนโลยอี ุตสำหกรรมเกษตร คณะวทิ ยำศำสตร์ประยกุ ต์ มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้ำพระนครเหนือ บำงซ่ือ กรุงเทพฯ 10800
2 สำยวชิ ำเทคโนโลยหี ลงั กำรเกบ็ เกย่ี ว คณะทรัพยำกรชีวภำพและเทคโนโลยี มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้ำธนบุรี บำงขุนเทยี น กรุงเทพฯ 10150

บทคดั ย่อ

ตรำดสีทองเป็ นสับปะรดพันธ์ุรับประทำนสดจัดอยู่ในกลุ่มควีน มีกลิ่นหอมและหวำนกรอบ สับปะรดในกลุ่มนี้ เช่น ภูแล ภูเกต็ และตรำดสีทอง
ส่วนใหญ่ผลจะมีขนำดเล็กถึงปำนกลำง แต่ดูเหมือนว่ำมีกล่ินท่ีแตกต่ำงกันมำก ดังน้ันองค์ประกอบของกลิ่นสับประรดพันธ์ุตรำดสีทองจึงถูก
วิเครำะห์ในงำนวิจัยนี้ ชิ้นเนื้อสับประรดพันธ์ุตรำดสีทองถูกบรรจุลงในหลอดแก้วแล้วนำไปวิเครำะห์หำองค์ประกอบของกล่ินด้วยเคร่ือง GC-MS
โดยอำศัยเทคนิคเฮดสเปซ ผลกำรวิจัยพบสำรประกอบกลิ่น 26 ชนิดซ่ึงประกอบด้วย เอสเทอร์ แอลกอฮอล์ ไฮดโดรคำร์บอน คีโตน และเทอร์พีน
นอกจำกนีย้ ังพบว่ำ methyl 2-methylbutanoate (กลิ่นคล้ำยแอปเปิ้ ล) และ ethyl 2-methylbutanoate (กล่ินคล้ำยสับปะรด) เป็ น
สำรประกอบสำคญั ในกำรให้กลน่ิ สูง ซ่ึงมคี ่ำในกำรให้กลนิ่ (OVA) สูงประมำณ 242.12 และ 11.87 ตำมลำดบั

คำนำ (rt 4.793)

สับปะรดมีช่ือทำงวิทยำศำสตร์ว่ำ Ananas comosus L. Merr เป็ นพืชตะกลู Bromeliaceae (rt 8.222) (rt 14.054)
(Lasekan and Hussein, 2018) โดยสับปะรดตรำดสีทองอยู่ในกลุ่มพนั ธ์ุ Queen เป็ นสับปะรด
ขึน้ ช่ือของจังหวัดตรำด ที่มีจุดเด่นในเร่ืองของกล่ินหอม รสชำติหวำนอมเปรี้ยว เนื้อกรอบ 1
จนถึงแกน และสีเหลืองทองปนส้ มท่ีเป็ นเอกลักษณ์แตกต่ำงจำกสำยพันธ์ุอื่น (เทคโนโลยี
ชำวบ้ำน, 2558) กลิ่นของสับปะรดเกดิ จำกองค์ประกอบสำรระเหยรวมกนั มำกว่ำ 380 ชนิด Figure 1 Chromatogram of Volatiles compounds in pineapple (Ananas comosus [L.] Merr.) cv. Trad Srithong.
(Calderon, Grau, Martin and Belloso, 2010) และพบว่ำสำรประกอบกลุ่ม ester เป็ นกลุ่ม Table 1 Volatiles compounds of pineapple (Ananas comosus [L.] Merr.) cv. Trad Srithong.
หลกั ของกลนิ่ สับปะรด ซึ่งสำรประกอบกลุ่ม ester ทำปฏิกริ ิยำกับ acyl-coenzyme A (acyl-
CoA) และ alcohol ในกระบวนกำร esterification ด้วยเอนไซม์ alcohol acyltransferases จงึ Compounds RT Relative Odor OAV c Odor description Classification
ส่งผลให้เกดิ กลนิ่ ที่เป็ นเอกลกั ษณ์ของสับปะรดในแต่ละสำยพนั ธ์ุแตกต่ำงกนั (Goulet et. al., (min) content a threshold b
2015) งำนวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษำวิเครำะห์องค์ประกอบสำรหอมระเหยที่ให้
กลิ่นฉพำะของสับปะรดพันธ์ุตรำดสีทอง โดยใช้ เทคนิคเฮดสเปซแก๊สโครมำโทกรำฟี 60.53
แมสสเปกโทรเมททรี (HS/GC-MS)

อุปกรณ์และวธิ ีกำรทดลอง

methyl 2-methylbutanoate 4.793 0.25(6)(3) 242.12 pineapple, fruit, ester
apple - like(1)

ethyl 2-methylbutanoate 6.323 1.78 0.15 (1)(4) 11.87 pineapple, fruity (1)(4) ester
1.85 1(1)(5) ester
ethyl hexanoate 10.372 fruity, pineapple,
1.85 banana(1)

Thiophene methyl heptanoate 11.106 0.98 4(3)(5) 0.25 fruity, orris-like ester
20 ไมโครลติ ร
- Headspace (Agilent 7697A)
- GC-MS (Agilent 5977 ) methyl2-methylpropanoate 3.501 1.33 7(5) 0.19 fruity, sweet(1)(4) ester

ผลกำรทดลอง และวจิ ำรณ์ผลกำรทดลอง สรุปผลกำรทดลอง

จำกผลกำรวเิ ครำะห์องค์ประกอบสำรระเหยในสับปะรดตรำดสีทองได้ผลโครมำโทรแกรมดงั รูปที่ 1 ค่ำ rt ท่ี สับปะรดตรำดสีทองมอี งค์ประกอบสำรระเหยทบ่ี ่งชี้ถงึ กลน่ิ ทเ่ี ป็ นเอกลกั ษณ์ ได้แก่ Methyl 2-
พบมำกที่สุด คือ rt 4.793, rt 8.222 และ rt 14.054 มคี ่ำ Relative content เท่ำกบั 60.53, 19.91 และ 8.30 methylbutanoate (OAV = 242.12) ให้กลนิ่ คล้ำยแอปเปิ้ ล, ethyl 2-methylbutanoate (OAV = 11.87)
(ng.thiophene/g.fruit weight) ตำมลำดับ โดยสำรระเหยที่วเิ ครำะห์ได้ท้งั หมด 26 ชนิด ได้แก่ ester 13 ชนิด ให้กลน่ิ ผลไม้ และกลน่ิ สับปะรด และ ethyl hexanoate (OAV = 1.85 12) ให้กลนิ่ คล้ำยกล้วย และกลน่ิ
terpene 3 ชนิด hydrocarbon 2 ชนิด alcohol 1 ชนิด และอ่ืนๆ 7 ชนิด green

จำกตำรำงท่ี 1 ผลกำรวเิ ครำะห์สำรระเหยให้กลนิ่ สับปะรดตรำดสีทองโดยพจิ ำรณำจำกกค่ำ OAV ซ่ึงคำนวณ อ้ำงองิ
จำกควำมเข้มข้นของสำรระเหยของค่ำ Relative content และค่ำ Odor threshold ของสำรน้ันๆ ถ้ำค่ำ OAV ≥ 1
สำมำรถบ่งชี้ได้ว่ำสำรระเหยชนิดน้ันมีแนวโน้มเป็ นองค์ประกอบหลักของกล่ินสับปะรดตรำดสี ทอง โดยสำร เทคโนโลยชี ำวบ้ำน, 2558, สับปะรดสุดยอดผลไม้ไทยปลกู ง่ำยกำไรงำม, สำนักพมิ พ์มตชิ น, กรุงเทพมฯ, 272 หน้ำ
ระเหยที่มีค่ำ OAV สูงสุด คือ methyl 2-methylbutanoate เท่ำกบั 242.12 (ให้กลนิ่ คล้ำยแอปเปิ้ ล), ethyl 2-
methylbutanoate เท่ำกบั 11.87 (ให้กลนิ่ ผลไม้ และกลนิ่ สับปะรด), ethyl hexanoate เท่ำกบั 1.85 12 (ให้กลน่ิ Calderon, M. M., Rojas-Grau, M. A. and Belloso, M. O., 2010, Pineapple (Ananas comosus [ L .] Merril)
คล้ำยกล้วย และกลิน่ green), methyl heptanoate เท่ำกับ 0.25 (ให้กลน่ิ ผลไม้ และกลนิ่ คล้ำยดอกไม้ไอริช), Flavor, Handbbook of fruit and vegetable flavors, John Wiley & Sons, Inc., United States of America,
methyl 2-methylpropanoate เท่ำกบั 0.19 (ให้กลน่ิ ผลไม้ และกลน่ิ หอมหวำน) 391-414.

Goulet, C., et. al., 2015, Divergence in the Enzymatic Activities of a Tomato and Solanum pennellii
Alcohol Acyltransferase Impacts Fruit Volatile Ester Composition, Molecular Plant, 8 : 153-162.

Lasekan, O. and Hussein, F. K., 2018, Classification of different pineapple varieties grown in Malaysia
based on volatile fingerprinting and sensory analysis, Chemistry Central Journal, 12 (140) : 1-12.

คุณสมบตั ิของรำข้ำวต่อวิธีกำรสกัดโปรตนี ทีเ่ หมำะสม
Properties of rice bran against suitable protein extraction methods

บทคดั ยอ่ เรวดี มสี ตั ย์ วีรยุทธ พรหมจนั ทร์ สดศรี เนียมเปรม และกุศล เอ่ยี มทรพั ย์
สถำบนั วจิ ัยวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยแี ห่งประเทศไทย

งานวิจัยคร้ังนีม้ วี ัตถุประสงค์เพื่อศึกษาองค์ประกอบทางเคมี ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ (DDPH) และการหาสภาวะทเี่ หมาะสมในการสกดั โปรตนี จากราขา้ วด้วยเอนไซม์อัลคาเลส ความ
เขม้ ขน้ 0.3, 0.5, 0.7 และ 0.9 (%v/v) 1 ml ย่อยท่ีอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซยี ส เปน็ เวลา 90, 120, 150 และ 180 นาที และยับยงั้ การทางานของเอนไซม์ที่อุณหภมู ิ 80 องศาเซลเซยี ส 3 นาที นาไปหมนุ
เหวยี่ งตะกอน 3,000 รอบต่อนาที ทีอ่ ณุ หภูมิ 4 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที จากนน้ั นามาวิเคราะห์หาปรมิ าณโปรตนี โดยวธิ ี Kjeldahl method พบวา่ สภาวะทเี่ หมาะสมในการสกดั โปรตีน คือ
ความเข้มข้นของเอนไซม์อัลคาเลสที่ความเขม้ ขน้ รอ้ ยละ 0.7 (%v/v) ในสัดสว่ นราขา้ ว 4 กรมั ต่อเอนไซม์อัลคาเลส 0.002 (%v/v) ทเ่ี วลา 90 นาที มปี ริมาณโปรตีนสูงสดุ คอื รอ้ ยละ 15.75 และโปรตนี
ไฮโดรไลเซทท่ถี ูกย่อยดว้ ยเอนไซม์อัลคาเลส ความเขม้ ขน้ 0.7 (%v/v) มคี วามสามารถในการต้านอนุมลู อิสระได้สงู ทสี่ ดุ คิดเปน็ 10.2 mg จงึ เป็นวิธที เ่ี หมาะสมทสี่ ดุ ในการสกดั โปรตีนราขา้ วเพ่อื ท่จี ะนา
โปรตนี ทไี่ ดไ้ ปเปน็ สว่ นผสมในการผลิตอาหารและเครอื่ งดืม่

บทนำ ผลกำรทดลอง

โปรตีนเป็นสารอาหารที่มีความจาเป็นสาหรับการเจริญเติบโตของร่างกาย ในปัจจุบันแหล่ง จากการศึกษาคุณสมบตั ทิ างกายภาพและทางเคมีของราขา้ ว พบวา่ คา่ ความเป็นกรด-ด่าง
อาหารโปรตีนส่วนใหญ่จัดอยู่ในประเภทนม ไข่ และเน้ือสัตว์ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงสาหรับ เท่ากับ 6.8 คา่ ปรมิ าณของแขง็ ทลี่ ะลาย 0.1ºBrix คา่ ความชืน้ รอ้ ยละ 18.10 และคา่ สี
ประชาชนที่มีรายได้น้อยจึงไม่สามารถ บริโภคให้เพียงพอต่อ ความต้องการของร่างกายไ ด้ L*=69.32 a*=3.74 b*=17.22 (ดังตารางท่ี1)
ขณะเดยี วกันแหลง่ อาหารโปรตีนทมี่ ีอยใู่ นพชื บางชนิดกถ็ ูกมองข้ามไปโดยไม่ได้นามาบริโภค
ซ่งึ สภาวะท่ีใชใ้ นการสกดั โปรตีนราข้าว 0.3, 0.5, 0.7 และ 0.9 (V/V) 1 ml ย่อยท่ีอณุ หภมู ิ
ผ้วู ิจัยจึงสนใจที่จะนาใบของกระถินมาทาการวิจัย เพ่ือศึกษาการสกัดโปรตีนจากราข้าวด้วย 60 องศาเซลเซยี ส เป็นเวลา 90, 120, 150 และ 180 นาที พบวา่ ปรมิ าณโปรตนี ที่ยอ่ ยสลาย
เอนไซม์อัลคาเลส ศึกษาสภาวะที่เหมาะสมของเอนไซม์อัลคาเลสและทาการสกัดโปรตีนราข้าว ด้วยเอนไซม์อลั คาเลสท่ีความเขม้ ข้น รอ้ ยละ 0.5 และ 0.9 (%v/v) เวลา 180 นาที มีค่าโปรตนี
โดยวิธีทางกายภาพและเคมีร่วมกับการใช้เอนไซม์อัลคาเลส จากน้ันนาสารละลายโปรตีนไป เทา่ กบั รอ้ ยละ 13.21 และ รอ้ ยละ 14.11 ตามลาดบั ซงึ่ มคี ่าโปรตนี ใกลเ้ คยี งกบั เอนไซม์อัล
วิเคราะห์หาปริมาณโปรตีนด้วยวิธี Kjeldahl method คาเลส 0.7(v/v) 1 ml ซ่ึงมีปริมาณโปรตีน เท่ากบั รอ้ ยละ 15.75 (ดงั ตารางท2่ี )

วัตถปุ ระสงค์ของงำนวจิ ยั และราขา้ วท่ีสกัดดว้ ยร้อยละความเข้มขน้ ของเอนไซม์อัลคาเลส 0.5, 0.9, 1 ml ท่ีเวลา
180 นาที และ 0.7, 1 ml 90 นาที มีค่าความสามารถในการตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ เท่ากับ 8.89,
1. คุณสมบัติของราข้าวตอ่ วธิ กี ารสกัดโปรตนี ท่เี หมาะสม 9.17 และ 10.2 mg (ดงั ตารางท่ี3) จงึ เปน็ สภาวะทเ่ี หมาะสมทส่ี ุดในการสกัดโปรตีน
2. เพื่อจะนาโปรตีนที่ไดม้ าใชเ้ ปน็ ส่วนผสมในผลติ ภัณฑ์อาหารหรือเคร่ืองดม่ื

วิธีกำรดำเนนิ งำน Table 1 : The physical and chemical values of rice bran

example PH value Soluble solid Moisture (%) Color value
content (ºBrix) L* a* B*

จากน้นั นาไปเขยา่ ด้วยเครอ่ื งเขยา่ อุณหภูมิ Rice bran 6.8 0.1 18.10 69.32 3.74 17.22
60 องศาเซลเซยี ส เตมิ เอนไซม์อัลคาเลส
ช่งั ราข้าวกบั น้ากลั่นใน ปรับ pH เปน็ 8 Table 2 : The comparison of times. Percentage concentration of alkalase
อตั ราสว่ น 1:5 โดยใช้ 1.0M NaOH 0.7(V/V) 1ml เปน็ เวลา90 นาที enzyme with protein content

example Percent alkalase Time Protein content
concentration (minutes) percentage
13.21
Rice bran extract 0.5 180 14.11
90 15.75
จากนัน้ นาไปแยกตะกอนโดยใช้เครื่อง ปรับ pH เป็น 7 ยับย้งั เอนไซม์โดยการตม้ ที่อณุ หภมู ิ Rice bran extract 0.7 180
เซนตรฟิ วิ ส์ (3,000รอบ/นาท)ี โดย 6M HCL 80 องศาเซลเซยี ส 3 นาที ตง้ั ทิง้ ไว้
อณุ หภูมิ 4 องศาเซลเซยี ส Rice bran extract 0.9
เปน็ เวลา10 นาที ใหเ้ ย็น
Table 3 : Antioxidant capacity

แยกส่วนท่เี ปน็ ตะกอนนาไปวิเคราะห์โปรตีน example Percent alkalase Time Antioxidant capacity
โดยใชว้ ธิ ี Kjeldahl method concentration (minutes) (mg)
Rice bran protein 8.89
อ้ำงองิ งำนวจิ ัย Rice bran protein 0.5 180 10.2
Rice bran protein 0.7 90 9.17
0.9 180

ธนั ยนันท์ ศรพี นั ธ์ลม* และ ฐิฏพิ ร ชูศร.ี (2556).การศึกษาการสกัดโปรตีนจากใบกระถินด้วย สรปุ ผล
เอนไซม์อัลคาเลส.โปรแกรมวิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.มหาวิทยาลัยราชภัฏ
นครปฐม. จากการทดลองน้จี ึงเลอื กสภาวะที่เหมาะสมสาหรับการสกดั โปรตนี จากราขา้ วทรี่ อ้ ยละ
ความเขม้ ข้นเอนไซม์อัลคาเลส 0.7 (%v/v) คานวณมเี อนไซมใ์ นสดั ส่วน เอนไซม์ตอ่ ราข้าว เป็น
พสุธร อุ่นอมรมาศ และ สรณะ สมโม.(2559).การวิเคราะห์หาสารสาคัญและฤทธ์ิการ 0.002 (%v/w) เวลายอ่ ยท่ี 90 นาที อุณหภมู ิ ซึง่ มคี ่าโปรตีน เท่ากบั ร้อยละ15.75 และมีคา่
ตอ่ ตา้ นอนุมลู อิสระของดอกไมก้ นิ ได้บางชนดิ .คณะเกษตรศาสตร.์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม.่ ความสามารถในการตา้ นอนุมลู อสิ ระ เท่ากบั 10.2 mg จึงเปน็ วิธีทเ่ี หมาะสมในการสกัดโปรตนี
มากท่ีสดุ เพราะไดป้ ริมาณโปรตีนมากที่สดุ จงึ เหมาะกับการนาไปพัฒนาและต่อยอดเปน็
อุกฤต มากศรีทรง.(2562).คุณสมบัติของสารสกัด และโปรตีนไฮโดรไลเซทจากมะรุมต่อ ผลิตภัณฑ์อาหารหรือเครอ่ื งดื่มเพอ่ื เสรมิ โปรตนี
ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ต้ า น อ อ ก ซิ เ ด ชั น . ป ริ ญ ญ า ม ห า บั ณ ฑิ ต . ส า ข า เ ท ค โ น โ ล ยี ก า ร อ า ห า ร .
มหาวทิ ยาลยั ราชมงคลธญั บรุ ี.

การชักนาํ ใหเ้ กดิ ยอดจากชิ้นสว่ นข้อพลคู าวในสภาพหลอดทดลองเพือ่ การผลิตพืชสมนุ ไพรอยา่ งมีคุณภาพ
In Vitro Multiple Shoot Induction from Nodal Explants of Houttuynia cordata Thunb

to Improve Medicinal Plant Production Quality

วรารัตน์ ศรีประพฒั น์ 1* ประกาย อ่อนวมิ ล 1 ภมุ รนิ ทร์ วณิชชนานันท์ 1 และ สุพนิ ญา บุญมานพ 2

1 กลุม่ วจิ ัยเทคโนโลยชี วี ภาพทางการเกษตร สํานกั วจิ ัยพัฒนาเทคโนโลยชี ีวภาพ กรมวิชาการเกษตร เลขที่ 85 หมู่ 1 ถ.รังสติ -นครนายก ต.รงั สติ อ.ธญั บุรี จ.ปทมุ ธานี 12110
2 กลมุ่ วจิ ัยพฒั นาธนาคารเชอ้ื พันธพ์ุ ืชและจลุ ินทรีย์ สํานักวจิ ัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวชิ าการเกษตร 50 ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ 10900

บทคดั ย่อ

การขยายพันธุ์สมุนไพรพลคู าวโดยการเพาะเลี้ยงเน้ือเยอ่ื เปน็ ทางเลอื กหน่งึ ทสี่ ามารถเพิ่มปริมาณต้นให้เพียงพอต่อความต้องการ เพ่ือรองรับอุตสาหกรรมการ
ผลิตสมุนไพรอย่างมคี ณุ ภาพ งานวจิ ยั น้ีเปน็ การศกึ ษาการฟอกฆา่ เชื้อและผลของสารควบคุมการเจริญเติบโตในการเพาะเล้ียงเน้ือเยื่อพลูคาว ซ่ึงพบว่าวิธีการ
ฟอกฆ่าเชื้อสว่ นขอ้ ท่ีเหมาะสม คอื การใชเ้ อทานอล 95 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 1 นาที ตามด้วยโซเดียมไฮโปคลอไรด์ 15 เปอรเ์ ซ็นต์ เป็นเวลา 15 นาที และตาม
ดว้ ยโซเดียมไฮโปคลอไรด์ 5 เปอร์เซน็ ต์ เปน็ เวลา 5 นาที ซ่งึ ทาํ ให้ได้ข้อท่ีปลอดเช้ือและสามารถพัฒนาเจริญเป็นต้นอ่อนได้ดีท่ีสุดถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และเม่ือ
นาํ ชิน้ ส่วนท่ปี ลอดเช้อื ไปเลย้ี งในอาหารสงั เคราะหส์ ูตร MS ทีเ่ ตมิ สารควบคมุ การเจริญเตบิ โตชนิด BA ความเข้มข้น 0−4.0 มิลลิกรัมต่อลติ ร เป็นระยะเวลา 45
วัน พบวา่ การใช้ BA ที่ระดบั ความเข้มขน้ 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร มีผลทําใหจ้ ํานวนยอดเฉล่ยี เพ่ิมขึน้ มากทสี่ ุด (4.15±0.90 ยอดตอ่ ขอ้ )
คําสําคัญ: พลูคาว การเพาะเลีย้ งเนอ้ื เย่ือพชื การฟอกฆา่ เชอ้ื สารควบคุมการเจริญเติบโตพชื

บทนาํ ผลการทดลองและวจิ ารณผ์ ลการทดลอง

พลูคาว (Houttuynia cordata Thunb.) เป็นสมุนไพรที่มีความสําคัญ การทดลองน้ีได้ทําการตัดชิ้นส่วนบริเวณใกล้ยอดเพ่ือนํามาฟอกฆ่าเชื้อ โดยวาง
ซึง่ ในปจั จุบันทางอุตสาหกรรมการผลิตยา เคร่ืองสําอาง รวมทง้ั อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ แผนการทดลองแบบ CRD มี 3 กรรมวิธี 20 ซํ้า โดย 1 หน่วยการทดลอง คือ 1 ขวด
อาหารเสริมและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้ให้ความสนใจ เนื่องจากสารพฤกษ์เคมีใน เพาะเลี้ยง พบว่าหลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ ช้ินส่วนข้อและยอดพลูคาวที่รอดชีวิต
พลูคาวมีฤทธิ์ต้านการติดเชื้อไวรัส ต้านการเกิดอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ (Fu et โดยปราศจากเชื้อจํานวน 6, 15 และ 19 ช้ิน ผลการศึกษาวิธีการฟอกฆ่าเชื้อช้ินส่วนข้อ
al., 2013) ป้องกันหลอดเลือดฝอยแตก และยังสามารถยับย้ังการเจริญของ พลูคาวพันธ์ุก้านม่วงที่เหมาะสมได้แสดงไว้ในตารางที่ 1 และลักษณะข้อที่รอดชีวิตที่
เซลล์มะเร็ง (Wangchauy and Chanprasert, 2012) อย่างไรก็ตามเป็นที่ทราบกันดี สามารถเจริญเติบโตเปน็ ต้นสมบรู ณแ์ สดงดังภาพท่ี 1A และเมื่อนําช้ินส่วนท่ีปลอดเช้ือ
ว่าปริมาณสารพฤกษ์เคมีหรือสารสําคัญในพืชมักแปรผันตามสภาพแวดล้อม ใน ไปเล้ียงในอาหารสังเคราะห์สูตร MS ที่เติมสารควบคุมการเจริญเติบโตชนิด BA
ปัจจุบันจึงได้มีการประยุกต์ใช้เทคนิคการเพาะเล้ียงเน้ือเย่ือเพื่อเป็นอีกทางเลือกหน่ึง ท่ีความเข้มข้น 0, 1.0, 2.0, 3.0 และ 4.0 มิลลิกรัมต่อลิตร เป็นระยะเวลา 45 วัน
การผลิตสารสําคัญในพืช โดยสามารถทดแทนการผลิตสารจากการเพาะปลูกพืชตาม พบว่า BA ท่ีระดับความเข้มข้น 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร มีผลทําให้จํานวนยอดเฉล่ีย
ธรรมชาติ (วราภรณ์ ภตู ะลุน, 2551)
เพิ่มขึ้นมากท่ีสุด โดยมีจํานวนเท่ากับ 4.15±0.90 ยอดต่อข้อ (ตารางที่ 2 และภาพที่
ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนาวิธีการผลิตต้นพลูคาวปลอดเช้ือด้วย 1B) อย่างไรก็ตามเมื่อชักนําให้เกิดยอดโดยใช้ BA ที่ความเข้มข้น 2.0, 3.0 และ 4.0
เทคนิคการเพาะเล้ียงเนื้อเยื่อ โดยทําการพัฒนาเทคนิคการฟอกฆ่าเช้ือและการศึกษา มลิ ลิกรมั ตอ่ ลิตร พบว่าทุกยอดสามารถออกรากไดแ้ ต่รากมลี ักษณะผิดปกติ คือสั้นเป็น
วิธีการใช้สารควบคุมการเจริญเติบโต เพื่อให้สามารถผลิตพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพ ปมุ่ ปม ดังนนั้ การใช้ BA ทค่ี วามเข้มขน้ สงู อาจสง่ ผลเกดิ สารตกคา้ งภายในเน้อื เยื่อพืชได้
ปราศจากการปนเป้ือนสารพิษและสิ่งเจือปน ทําให้การผลิตสารสําคัญสามารถทําได้
อย่างต่อเน่ือง ซึ่งจะเป็นทางเลือกในการปลูกพืชท่ีมีประสิทธิภาพเพื่อการวิจัยและ ตารางท่ี 1 เปอรเ์ ซ็นต์ปลอดเชอ้ื ของวธิ ีการฟอกในพลูคาวพนั ธุ์กา้ นมว่ ง การปลอดเชอื้
พฒั นา รวมทั้งควบคมุ คณุ ภาพมาตรฐานในการผลติ สมุนไพรพลคู าวในเชงิ พาณชิ ย์ (%)
พนั ธุ์ วธิ กี ารฟอก

สรุปผลการทดลอง คลอรอ็ กซ์ 15% 15 นาที 30
กา้ นมว่ ง คลอรอ็ กซ์ 15% 15 นาที, 5% 5 นาที 75

เทคนิคการฟอกฆ่าเช้ือต้นพลูคาวท่ีมีประสิทธิภาพสูงที่สุดคือการใช้เอทานอล แอลกอฮอล์ 95 % 1 นาที, คลอร็อกซ์ 15% 15 นาที, 5% 5 นาที 95

95 เปอรเ์ ซน็ ต์ เป็นเวลา 1 นาที ตามด้วยโซเดียมไฮโปคลอไรด์ 15 เปอรเ์ ซ็นต์ เป็นเวลา ตารางท่ี 2 อิทธิพลของ BA ท่ีมีต่อการเกิดยอดใหม่ของพลูคาวที่เลี้ยงบนอาหารMS
ทเี่ ตมิ BA ความเขม้ ขน้ ต่างๆ หลงั จากเพาะเล้ียงเป็นเวลานาน 45 วัน
15 นาที และตามด้วยโซเดียมไฮโปคลอไรด์ 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 5 นาที และสาร BA
ควบคุมการเจริญเติบโตชนิด BA ท่ีระดับความเข้มข้น 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร มีผลทําให้ (mg/L) 0 1 2 3 4

สามารถชกั นาํ ใหเ้ กิดยอดจาํ นวนเฉลีย่ เพิ่มขึ้นมากทส่ี ุด เทา่ กบั 4.15±0.90 ยอดต่อขอ้ จํานวนยอดเฉลย่ี 1.10±0.30a 4.15±0.90b 1.25±0.53a 1.15±0.36a 1.40±0.58a

กิตติกรรมประกาศ ab เปรียบเทียบคา่ เฉล่ยี ในแตล่ ะแถว ตวั อกั ษรทีเ่ หมอื นกันหมายถึงไม่มคี วามแตกต่างกันทางสถติ ิ (Tukey’s test; p < 0.05)

งานวจิ ยั น้ไี ดร้ บั การสนบั สนนุ ทุนอดุ หนนุ การวจิ ยั จากสาํ นกั งานคณะกรรมการส่งเสรมิ วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและ AB

นวัตกรรม (สกสว.)

เอกสารอ้างองิ ภาพท่ี 1 ลักษณะพลูคาวที่ผ่านการฟอกฆ่าเชื้อ อายุ 4 สัปดาห์ (A) และลักษณะยอด
ทเี่ พาะเลย้ี งบนอาหารสังเคราะหส์ ตู ร MS ท่เี ตมิ BA อายุ 6 สปั ดาห์ (B)
วราภรณ์ ภตู ะลุน, 2551, การเพาะเลยี้ งเน้ือเยอ่ื พืชสมนุ ไพร : แนวทางการศกึ ษาเพ่ือผลิตสารทุตยิ ภมู ิที่มฤี ทธทิ์ างเภสชั วทิ ยา, สานกั พมิ พ์ขอนแก่นพมิ พพ์ ฒั นา,
ขอนแกน่ , 120น.
Fu, J., Dai, L., Lin Z., and Lu, H., 2013, Houttuynia cordata Thunb.: A review of phytochemistry and pharmacology and quality control.
Chinese Medicine., 4, 101-123.
Wangchauy, C., and Chanprasert, S., 2012, Effects of Houttuynia cordata Thunb. extract, Isoquercetin and Rutin on cell growth inhibition

and apoptotic induction in K562 human leukemic cells. Journal of Chemical and Pharmaceutical Research., 4(5), 2590-2598.

ผลของการปรับสภาพท่สี ภาวะต่างๆ ต่อการย่อยสลายโปรตนี ด้วยเอนไซม์และฤทธิ์ตา้ น
อนุมูลอิสระ DPPH ของกากยีสต์

Effect of various pretreatment conditions on enzymatic hydrolysis and DPPH free radical scavenging activity of spent yeast

ณัฐหทยั สทุ ธวิ งษ์ และ ปิยดา สขุ ดี ศูนยเ์ ช่ียวชาญนวัตกรรมอาหารสุขภาพ สถาบนั วิจยั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีแหงประเทศไทย ปทุมธานี 12120

บทคดั ย่อ

งานวจิ ัยนมี้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื ศกึ ษาผลของสภาวะการปรับสภาพทางกายภาพต่างๆ ได้แก่ อุณหภมู ิ ความดนั และคลนื่ อลั ตร้าโซนิค ตอ่ ระดับของการย่อยสลายและคณุ สมบัติการ
ตา้ นอนุมูลอสิ ระของกากยสี ต์ หลังจากปรับสภาพกากยีสต์ดว้ ย 5 สภาวะท่ีแตกต่างอย่างใดอยา่ งหนึง่ คอื การใชค้ วามร้อนรว่ มกบั แรงดนั ไอน้า (121 °C, 15 psi, 20 นาท)ี การใช้คล่นื อลั
ตราโซนกิ เป็นเวลา 15 นาที การใช้คลน่ื อัลตราโซนิกเปน็ เวลา 30 นาที การต้มท่ีอุณหภูมิ 50 °C เปน็ เวลาหนง่ึ ช่วั โมง หรอื การต้มที่ 85 ° C เป็นเวลาหนึ่งช่วั โมง ตวั อย่างถูกไฮโดรไลซ์โดย
เอนไซม์โปรติเอสทางการคา้ จากเชือ้ Bacillus sp. ตามสภาวะทแ่ี นะน้าเป็นเวลา 6 ชม. จากน้นั วเิ คราะหร์ ะดบั การยอ่ ยสลายของโปรตนี และฤทธ์ิในการกา้ จัดอนมุ ลู อิสระ DPPH ของ
ไฮโดรไลเซททีไ่ ด้ ผลการวิเคราะห์ระดบั การยอ่ ยสลายโปรตนี พบว่ามีคา่ สงู สูดจากการเตรียมกากยสี ตด์ ้วยการใช้คลืน่ อลั ตร้าโซนคิ เป็นเวลา 30 นาที (58.86%) และการตม้ ที่อณุ หภมู ิ 85 °C
เปน็ เวลาหน่งึ ชั่วโมง (56.50%) ขณะทฤ่ี ทธิต์ ้านอนมุ ลู อิสระพบสูงทีส่ ดุ อยา่ งมีนัยสา้ คญั ในไฮโดรไลเซทที่ปรับสภาพด้วยการใช้คลนื่ อัลตราโซนกิ เปน็ เวลา 30 นาที (66.67%)

บทนา้

ปจั จุบันมีการศกึ ษาการดัดแปรโปรตีนเพอื่ ผลติ โปรตนี ไฮโดรไลเซทอยา่ งกวา้ งขวาง โดยมีจดุ มุ่งหมายเพ่อื ปรบั ปรงุ คณุ สมบตั ิของโปรตนี ใหด้ ขี น้ึ ซง่ึ จะช่วยเพ่ิมความหลากหลายใน
การน้าโปรตีนไปใช้ประโยชน์ การดดั แปรโปรตีนเปน็ การยอ่ ยสลายโปรตนี ซึง่ ทา้ ใหเ้ กิดเปล่ยี นแปลงของพนั ธะเพปไทด์ในโปรตนี ด้วยกระบวนการไฮโดรไลซิส สามารถทา้ ไดห้ ลายวธิ ี เชน่ วิธี
ทางกายภาพ ทางเคมี และทางเอนไซม์ วธิ กี ารดดั แปรด้วยเอนไซม์เปน็ วิธีทไ่ี ด้รบั ความสนใจเปน็ อย่างยิ่งในปัจจุบนั ทงั้ น้เี นอ่ื งจากมสี ภาวะทไ่ี มร่ ุนแรง มคี วามจา้ เพาะสงู และสามารถ
ควบคุมระดบั การย่อยได้ เมือ่ เปรยี บเทียบกบั การใช้สารเคมซี ่งึ อาจให้ผลผลิตที่มีความเป็นพิษและการใช้จุลนิ ทรยี ์ท่ผี ลิตเอนไซม์โปรติเอสโดยตรงซึ่งใช้เวลานาน ในระยะหลายปที ีผ่ ่านมาพบ
การนา้ เทคนคิ ต่างๆ เช่น การใหค้ วามรอ้ น และคลนื่ เสียงความถี่สงู (อลั ตร้าโซนิค, ultrasonic) มาใชร้ ่วมกับเอนไซม์เพอื่ เพม่ิ ประสทิ ธิภาพในการย่อยสลายโปรตีนสา้ หรับใช้ใน
อุตสาหกรรมอาหารสูงขึ้น เนอ่ื งจากการสญู เสยี สภาพธรรมชาตขิ องโปรตีนทา้ ใหเ้ อนไซมม์ รี ะดับการย่อยสงู ข้นึ จงึ ส่งผลต่อปรมิ าณและสมบตั ิของโปรตนี ไฮโดรไลเซททีผ่ ลติ ได้ (1) ทา้ ให้
สามารถนา้ ไปใช้ประโยชนไ์ ด้หลากหลายเพมิ่ ข้นึ นอกจากน้นั ยังเปน็ การสร้างมลู คา่ เพิม่ ให้สินค้า เชน่ โปรตีนไฮโดรไลเซทจากพืช (ส้าหรบั อาหารสตั ว์) มรี าคาสูงกว่ากากถวั่ เหลือง ประมาณ
14 เท่า และไฮโดรไลเซทจากยีสตร์ าคาประมาณ 70-140 บาทต่อกโิ ลกรมั ขณะที่กากยสี ต์จากการผลติ เบยี ร์เป็นผลพลอยไดท้ ี่มีราคาน้อยมาก

อุปกรณ์และวิธีการ

เตรียมวัตถดุ ิบ คอื กากยสี ต์ ให้อยใู่ นรปู สารแขวนลอย โดยการเตมิ น้ากล่ันอัตราสว่ น 1:6 (w/v) แลว้ นา้ ไปปรบั สภาพทางกายภาพทสี่ ภาวะต่างๆ ได้แก่ (1) การใช้ความร้อนรว่ มกับ
แรงดันไอน้า (121°C, 15 psi, 20 นาที) (2) การใช้คล่นื อัลตราโซนกิ เป็นเวลา 15 นาที (3) การใช้คลนื่ อัลตราโซนิกเป็นเวลา 30 นาที (4) การต้มทอ่ี ุณหภูมิ 50°C เป็นเวลา 60 นาที และ
(5) การต้มที่ 85°C เป็นเวลา 60 นาที จากน้ันเติมเอนไซม์ทางการคา้ จากเชอ้ื Bacillus sp. ให้ความเขม้ ข้นของเอนไซม์ตอ่ โปรตนี ในตัวอย่าง ร้อยละ 5 ตามสภาวะท่ีแนะน้าเป็นเวลา 6
ชม. เขย่าด้วยความเรว็ 150 รอบตอ่ นาที เมื่อครบกา้ หนดเวลา นา้ ไปใหค้ วามร้อนที่ 95-100°C นาน 15 นาที เพ่ือยบั ย้งั การท้างานของเอนไซม์แล้วทิง้ ไว้ใหเ้ ย็น น้าไปป่ันเหว่ียงแยกตะกอน
ดว้ ยความเรว็ 6,000 รอบต่อนาที ทอี่ ุณหภูมิ 4°C เป็นเวลา 10 นาที น้าส่วนใส (hydrolysate) ท่ไี ดไ้ ปวเิ คราะห์ระดับการย่อยสลายของโปรตนี (Degree of hydrolysis; DH) ตามวิธี
ของ Frister et. al. (2) และฤทธ์ิในการกา้ จดั อนมุ ลู อสิ ระ DPPH เปรียบเทียบกบั ตัวอยา่ งทไี่ มม่ ีการปรบั สภาพก่อนการย่อย

ผลการทดลอง

จากผลการวิเคราะห์ พบว่าการเตรียมกากยีสตด์ ว้ ยการใชค้ ลน่ื อัลตร้าโซนคิ เป็นเวลา 30 นาที และการตม้ ทอ่ี ุณหภมู ิ 85 °C เปน็ เวลาหน่งึ ชว่ั โมง มรี ะดบั การย่อยสลายของโปรตีน
สูงที่สุด คือ ร้อยละ 58.86 และ 56.50 ตามลา้ ดับ (Figure 1) เมอื่ น้าไฮโดรไลเซทที่ได้ไปทดสอบฤทธต์ิ ้านอนมุ ลู อสิ ระ พบวา่ ไฮโดรไลเซทที่ได้จากการปรับสภาพวตั ถุดิบก่อนย่อยดว้ ย
เอนไซม์ ดว้ ยการใช้คล่นื อลั ตราโซนิกเปน็ เวลา 30 นาที ฤทธติ์ ้านอนมุ ูลอิสระสงู ท่ีสุด (66.67%) อยา่ งมีนัยสา้ คญั (Figure 2)

% DH % Inhibition
70 80

60 55.02±2.11 58.86±1.52 56.50±0.59 70 63.87±0.10 66.67±0.9
50 49.33±3.64
49.63±2.67 60 56.00±0.24
40
40.03±0.76 50 43.62±1.39 47.87±1.09
40
44.65±1.42

30

30

20 20

10 10

0 0

Control Thermal-Pressure Ultrasonic 15 min Ultrasonic 30 min Boil 50˚C/1 hr. Boil 85˚C/ 1 hr. Control Thermal-Pressure Ultrasonic 15 min Ultrasonic 30 min Boil 50˚C/1 hr. Boil 85˚C/ 1 hr.

Figure 1. Degree of hydrolysis and DPPH scavenging activity of spent yeast hydrolysate Figure 2. Antioxidant activity of spent yeast hydrolysate pretreated with different
pretreated with different technique. technique.

สรุปผลการทดลอง

การใช้เทคนิคต่างๆ ปรับสภาพวัตถุดิบท่ีใช้ในการทดลองน้ี คือ กากยีสต์ ก่อนการย่อยด้วยเอนไซม์ ส่งผลต่อระดับการย่อยสลายของโปรตีน ซึ่ง จากผลการวิเคราะห์พบว่าการใช้คล่ืนอัลตร้าโซนิค
เปน็ เวลา 30 นาที สง่ ผลให้ DH สูงทีส่ ดุ คือ 58.86% และไฮโดรไลเซททไ่ี ด้มฤี ทธ์ติ า้ นอนุมลู อสิ ระสูงที่สดุ (66.67%) เม่อื เปรยี บเทยี บกับการปรับสภาพกากยสี ตด์ ้วยเทคนคิ อน่ื ๆ

เอกสารอา้ งองิ

Taheri, M.E.; Salimi, E.; Saragas, K.; Novakovic, J.; Barampouti, E.M.; Mai, S.; Malamis, D.; Moustakas, K.; Loizidou, M. Effect of pretreatment techniques on enzymatic hydrolysis of food waste. Biomass Con. Bioref. 2020. https://doi.org/10.1007/s13399-020-00729-7
Frister, H., Meisel, H., &Schlimme, E. OPA method modified by use of N,N-dimethyl-2-mercaptoethylammonium chloride as thiol component. Fresenius Z. Anal. Chem., 1988, 330(7), 631–633. http://doi.org/10.1007/BF00473782

การเพมิ่ ประสทิ ธิภาพของสารสกดั เปลือกมนั ฝรงั่ ดว้ ยเช้ ือจุลนิ ทรีย์ Rhizopus oryzae ที่แยกจากขา้ วหมาก
ต่อฤทธ์ิตา้ นการทางานของเอนไซม์ HMG-CoA reductase

Enhancing the potential of potato peel extracts using a strain isolated from Thai sweet fermented rice
Rhizopus oryzae against the activity of HMG-CoA reductase

ณฐั หทยั สุทธิวงษ์ และ ปิ ยดา สุขดี เพญ็ นภา ชลปฐมพกิ ลุ เลศิ และ วสวตั ต์ิ ดารงธวชั ชัย
ศูนย์เชี่ยวชาญนวตั กรรมอาหารสุขภาพ สถาบันวจิ ัยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยแี หงประเทศไทย ปทุมธานี 12120

บทคดั ยอ่ อุปกรณแ์ ละวิธีการ

มันฝร่ัง (Solanum tuberosum L.) เป็นพืชท่มี ีสารพฤกษเคมีเป็นองค์ประกอบหลากหลาย เพาะเช้ือจุลินทรีย์ Rhizopus oryzae ท่คี ัดแยกได้จากข้าวหมาก ลงบนเปลือกมันฝร่ังท่ผี ่านทา
กล่มุ ซ่ึงมรี ายงานว่ามีคุณสมบัตลิ ดคอเลสเตอรอล สารเหล่าน้ถี ูกพบได้มากท่ผี วิ ของหัวมันฝร่ัง ให้ปลอดเช้ือด้วยเคร่ืองน่ึงไอนา้ หลังจากน้ันบ่มท่อี ณุ หภมู ิ 25°C เป็นเวลา 1 สปั ดาห์ เม่ือครบ
ส่วนมากอยู่ในรูปของสารประกอบท่รี ่างกายไม่สามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ การวิจัยน้ีมี กาหนดนามาทาให้ปลอดเช้ือด้วยหม้อน่ึงไอนา้ อกี คร้ัง แล้วจึงนาไปทาแห้งด้วยการแช่เยือกแขง็
วัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาการเพ่ิมฤทธ์ิของสารสกัดเปลือกมันฝร่ังต่อการยับย้ังการทางานของ นาเปลือกมันฝร่ังท่ไี ด้มาสกดั ด้วยตัวทาละลายต่างๆ ได้แก่ (1) นา้ กล่ัน (2) เอทานอล 95%
HMG-CoA reductase ซ่ึงเป็นเอนไซม์ท่ที าหน้าท่สี งั เคราะห์คอเลสเตอรอล ในระดับ in vitro (food grade) และ (3) เอทานอล 95% (food grade) ผสมนา้ กล่ัน อตั ราส่วน 50:50 (v/v)
ผ่านการหมักเปลือกมันฝร่ังด้วยเช้ือ Rhizopus oryzae ท่ีคัดแยกได้จากข้าวหมาก ผลการ โดยใช้เคร่ืองโฮโมจิไนซ์ (D-160, DLAB, UAS) ท่รี ะดับ 4 เป็นเวลา 5 นาที จากน้ันนาไป
ทดลองพบว่าสารสกดั เปลือกมันฝร่ังท่หี มักด้วยเช้ือ R. oryzae น้ี มีฤทธ์ยิ ับย้ังการทางานของ ป่ันเหว่ียงตกตะกอน (Universal 320, Hettich, Spain) ท่คี วามเรว็ 6,000 รอบ/นาที เป็น
HMG-CoA reductase เพ่ิมข้ึนเม่ือเปรียบเทยี บกบั สารสกดั เปลือกมันฝร่ังท่ไี ม่ผ่านการหมัก เวลา 10 นาที นาส่วนใสท่ไี ด้ไปทดสอบฤทธ์ยิ ับย้ังการทางานของ HMG-CoA reductase โดย
นอกจากน้ันยังพบว่าการสกดั เปลือกมันฝร่ังท่ผี ่านการหมักด้วยตัวทาละลาย 2 ชนดิ ได้แก่ นา้ ใช้ชุดทดสอบ HMG-CoA Reductase assay kit (Sigma-Aldrich, Germany) แล้ววัดค่าการ
และแอลกอฮอล์ ในอัตราส่วนต่างๆ ส่งผลต่อฤทธ์ิยับย้ังการทางานของ HMG-CoA ดูดกลืนแสง (OD) ท่คี วามยาวคล่ืน 340 นาโนเมตร ด้วยเคร่ืองอ่านปฏกิ ริ ิยาบนไมโครเพลท
reductase การสกดั ด้วยเอทานอล 95% ให้ฤทธ์ยิ ับย้ังการทางานของ HMG-CoA reductase (Infinite 200 Pro, TECAN, Switzerland) ทุก ๆ 30 วินาที เป็นเวลา 10 นาที นาค่า OD ท่ี
สงู สุด (-1.2115) รองลงมาได้แก่ เอทานอล 95% และนา้ อัตราส่วน 50:50 (-1.1818) ได้มาคานวณการเกดิ ปฏกิ ริ ิยายับย้งั HMG-CoA Reductase เทยี บกบั Pravastatin
และอตั ราสว่ น 80:20 (-1.0583) และนา้ (-1.0259) ตามลาดับ
ผลการทดลอง
บทนา
จากการทดสอบฤทธ์ยิ ับย้ังการทางานของ HMG-CoA reductase ในระดบั หลอทดลอง in vitro
ปั จจุ บันอุตสาหกรรมการแปรรูปมันฝร่ังในประเทศไทยมีการขยายตัวอย่ างต่ อเน่ื องทุกปี เปรียบเทยี บกบั สารมาตรฐาน Pravastatin ซ่ึงเป็นยาในกลุ่มท่เี รียกว่า statin ออกฤทธ์ยิ ับย้ัง
โดยเฉพาะอย่างย่งิ การผลิตมนั ฝร่ังทอดกรอบซ่ึงมคี วามต้องการมันฝร่ังสดประมาณ 200,000 เอนไซม์ท่รี ่างกายต้องการใช้สร้าง cholesterol พบว่าสารสกดั เปลือกมันฝร่ังท่หี มักด้วยเช้ือ R.
ตันต่อปี ซ่ึงก่อให้เกิดเปลือกมันฝร่ังเหลือท้งิ ประมาณปี ละ 10,000 ตัน (1) เปลือกมันฝร่ัง oryzae น้ี มีฤทธ์ยิ ับย้ังการทางานของ HMG-CoA reductase เพ่ิมข้ึนเม่ือเปรียบเทยี บกบั สาร
ตามธรรมชาติมีสารพฤกษเคมีเป็นองค์ประกอบหลากหลายกลุ่ม ซ่ึงมีรายงานว่ามีคุณสมบัติ สกัดเปลือกมันฝร่ังท่ีไม่ผ่านการหมัก นอกจากน้ันยังพบว่าการสกัดเปลือกมันฝร่ังท่ีผ่านการ
ลดคอเลสเตอรอลและต้านอนุมูลอิสระ แต่ส่วนมากอยู่ในรูปของสารประกอบท่ีร่างกายไม่ หมักด้วยตัวทาละลาย 2 ชนิด ได้แก่ นา้ และแอลกอฮอล์ ในอัตราส่วนต่างๆ ส่งผลต่อฤทธ์ิ
สามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ จาเป็นต้องอาศัยเอนไซม์หรือสารเคมีท่สี ามารถทาลายพันธะ ยับย้ังการทางานของ HMG-CoA reductase การสกดั ด้วยเอทานอล 95% ให้ฤทธ์ยิ ับย้ังการ
แตกออกเป็นขนาดเลก็ แล้วอยู่ในรปู ท่รี ่างกายนาไปใช้ประโยชน์ได้ การวิจัยท่ผี ่านมาพบว่าการ ทางานของ HMG-CoA reductase สงู สดุ (-1.2115) รองลงมาได้แก่ เอทานอล 95% และนา้
นาเปลือกมันฝร่ังมาผ่านกระบวนการหมักด้ วยเช้ ือจุลินทรีย์ส่งผลให้ ปริมา ณสารสาคัญเพ่ิม อัตราส่วน 50:50 (-1.1818) และอัตราส่วน 80:20 (-1.0583) และนา้ (-1.0259)
สงู ข้นึ อย่างมีนัยสาคัญ (2-3) งานวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงค์เพ่ือประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการหมักใน ตามลาดับ (Table1) เม่อื ใช้สารสกดั ความเข้มข้น 50 µg/µL ในการทดสอบ
การเปล่ียนเปลือกมันฝร่ังเหลือท้งิ ซ่ึงเป็นแหล่งของสารสาคัญท่ใี ห้อยู่ในรูปของผลิตภัณฑใ์ หม่
โดยผ่านกจิ กรรมของจุลินทรีย์ เพ่ือนาผลผลิตท่ไี ด้จากการหมักไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑอ์ าหาร Figure 1. Potato peel fermented with R. oryzae Figure 2. Freeze-dried fermented
สขุ ภาพลาดับต่อไป ซ่ึงจะเป็นการสร้างมูลค่าเพ่ิมจากวสั ดุเหลือท้งิ จากอุตสาหกรรมแปรรูปมัน potato peel
ฝร่ัง
Table 1. Comparison of the efficacy of the extracts of fermented potato peel versus pravastatin in
สรุป HMG-CoA reductase

การศึกษาวิจัยการเพ่ิมประสิทธิภาพของสารสกัดเปลือกมันฝร่ังด้วยเช้ือจุลินทรีย์ Rhizopus Substrate Solvent* HMG-CoA activity
oryzae ท่แี ยกจากข้าวหมาก ต่อฤทธ์ติ ้านการทางานของเอนไซม์ HMG-CoA reductase ใน
ระดับ in vitro พบว่าสารสกดั เปลือกมันฝร่ังท่หี มักด้วยเช้ือ R. oryzae น้ี มฤี ทธ์ยิ ับย้ังการ Pravastatin - (Unit/mg protein)
ทางานของ HMG-CoA reductase เพ่ิมข้ึน เม่ือเปรียบเทยี บกบั สารสกดั เปลือกมันฝร่ังท่ไี ม่ -0.4207±0.01
ผ่านการหมัก และการสกัดด้วยตัวทาละลายท่ีแตกต่างกันส่งผลต่อฤทธ์ิต้านการทางานของ Non-fermented potato peel extract H2O -0.4571±0.08
เอนไซม์ดังกล่าว คือ การสกัดด้วยเอทานอล 95% ให้ฤทธ์ิยับย้ังการทางานของ HMG-CoA Fermented potato peel extract H2O -1.0259±0.03
reductase สงู สุด รองลงมาได้แก่ เอทานอล 95% และนา้ อัตราส่วน 50:50 และอตั ราส่วน -1.2115±0.05
80:20 และนา้ ตามลาดบั 95% ethanol -1.0583±0.05
-1.1818±0.03
เอกสารอ้างองิ 80% (v/v) 95% ethanol in H2O
1. การขอขยายปริมาณในโควตาการนาเข้าสนิ ค้าหัวมันฝร่ังสดเพ่ือแปรรปู ภายใต้ความตกลงองคก์ ารการค้าโลก (WTO) ปี 2563 เพ่ิมเติม. สบื ค้นจาก 50% (v/v) 95% ethanol in H2O

https://www.ryt9.com/s/cabt/3123069 วนั ท่ี 25 เม.ย. 2564. * Solvent used for extraction
2. Ibarruri, J.; Hernández, I. Rhizopus oryzae as Fermentation Agent in Food Derived Subproducts. Waste Biomass. Valor. 2017, 10, 2107–2115.

http://doi.org/10.1007/s12649-017-0017-8.
3. Yunoki, K.; Musa, R.; Kinoshita, M.; Oda, Y.; Ohnishi, M. Determination of trhiacylglycerol and fatty acid esters in potato pulp fermented with lactic

acid-producing fungus. J. Oleo Sci. 2004, 11, 565-569.

ผลของ Lactobacillus casei (TISTR 1463) และ Lactobacillus acidophilus (TISTR
1336) ต่อปรมิ าณวิตามินซี ฟีนอลกิ และสารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระในชาเขยี ว

พรมิ า พิริยางกรู , อชิรญา แก่นจันทร์ และ จฑุ าทพิ ย์ โพธิ์อบุ ล
ภาควชิ าวิทยาศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตก้าแพงแสน

บทคดั ย่อ

งานวิจยั นี้มีวัตถุประสงค์เพ่อื ศึกษาผลโปรไบโอติกแบคทีเรยี Lactobacillus casei (TISTR 1463) และ Lactobacillus acidophilus (TISTR 1338) ต่อการเปล่ียนแปลงปริมาณวิตามินซี สารประกอบฟีนอล
และสารต้านอนมุ ูลอิสระในน้าชาเขียว โดยเติมเชอื้ โปรไบโอติกแบคทีเรียแต่ละสายพันธุ์ลงในน้าชาเขียวที่ผ่านการชงด้วยน้าต้มสุก เปรียบเทียบกับน้าชาเขียวที่ไม่ได้เติมเช้ือโปรไบโอติกแบคทีเรีย (ชุดควบคุม) จากน้ันบรรจุ
น้าชาเขยี วลงในขวดพลาสตกิ ทผ่ี ่านการฆา่ เชอื้ แล้ว น้าไปเกบ็ รักษาทอี่ ณุ หภมู ิ 4 องศาเซลเซียส ตรวจวเิ คราะห์หาปรมิ าณวติ ามนิ ซี สารประกอบฟนี อล และสารต้านอนุมลู อสิ ระในน้าชาเขียวทุกสัปดาห์ จากการทดลองพบว่า
น้าชาเขียวทเ่ี ตมิ เชอ้ื โปรไบโอตกิ ท้งั 2 สายพนั ธุ์ มีปริมาณวิตามินซีเพิม่ ขึ้นอย่างมีนัยส้าคัญทางสถิติ (P<0.05) ในสัปดาห์ที่ 3 4 และ 6 ของการเก็บรักษาเม่ือเปรียบเทียบกับชุดควบคุม ในขณะที่ปริมาณสารประกอบฟีนอล
และสารตา้ นอนุมลู อสิ ระไม่แตกตา่ งจากชดุ ควบคมุ
คาสาคญั : โปรไบโอติกแบคทเี รยี วิตามินซี สารประกอบฟนี อล สารตา้ นอนุมลู อิสระ

บทนา ผลและวจิ ารณผ์ ลการศกึ ษา

ชาเขียวเป็นเคร่ืองด่ืมที่ได้รับความนิยมบริโภคทั่วโลก เน่ืองจากชาเขียวมีประโยชน์ต่อสุขภาพ Figure 1 Ascorbic acid (A) and phenolic content (B) in green tea (control), green tea with Lactobacillus
มากมาย เช่น ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ต้านมะเร็ง ต้านเบาหวาน ต้านโรคอ้วน casei (TISTR 1463) or Lactobacillus acidophilus (TISTR 1336) after storage at 4C for 6 weeks.
ต้านเชื้อแบคทีเรีย และต้านไวรัส คุณสมบัติที่ส่งผลดีต่อสุขภาพส่วนใหญ่ได้มาจากคาเทชิน ซ่ึงเป็น
สารประกอบพอลีฟีนอลฟลาวโวนอยด์หลักท่ีพบในชา นอกจากน้ีชาเขียวยังนิยมใช้เป็นสารเติมแต่ง กลิ่น Table 1 Antioxidant content (mg equivalent Vit. C or Vit. E/ml) in green tea (control), green tea with
และรสชาติจากธรรมชาติ ช่วยยืดอายุการเก็บรักษา และน้าเสนอภาพลักษณ์ท่ีดีต่อสุขภาพแก่ผู้บริโภค มี
รายงานการยับยั้งเช้ือก่อโรคโดยไม่ท้าลายเช้ือจลุ ินทรยี ์ท่ีผลิตกรดแลคติก (Lactic acid bacteria, LAB) ใบ Lactobacillus casei (TISTR 1463) or Lactobacillus acidophilus (TISTR 1336) after storage at 4C
ชาเขยี วมีสารประกอบฟีนอลกิ ปริมาณสูงซงึ่ มฤี ทธ์ติ า้ นอนมุ ูล ชว่ ยสง่ เสรมิ การเจรญิ เติบโตของ LAB และเพมิ่ for 6 weeks. Values are expressed as mean ± SE (n=3). Different upper-case letters in the
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาผลโปรไบโอติกแบคทีเรีย Lactobacillus same column indicate significantly different (p < 0.05).
casei (TISTR 1463) และ Lactobacillus acidophilus (TISTR 1338) ต่อการเปลี่ยนแปลงปริมาณ
วิตามินซี สารประกอบฟีนอล และสารต้านอนุมูลอิสระในน้าชาเขียว เม่ือเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 องศา (SWttoiemreaekgse) Antioxidant (mg equivalent Vit. C/ml) Antioxidant (mg equivalent Vit. E/ml)
เซลเซยี ส เปน็ ระยะเวลา 4 สัปดาห์

วิธีการทดลอง

Control L. casei L. acidophilus Control L. casei L. acidophilus

0 0.04 ± 0.0 d 0.06 ± 0.00d 0.05 ± 0.00d 0.04 ± 0.00d 0.05 ± 0.00d 0.05 ± 0.00d
0.05 ± 0.05d 0.04 ± 0.00d 0.04 ± 0.00d 0.04 ± 0.00d
1 0.05 ± 0.05d 0.05 ± 0.05d 1.20 ± 0.01c 1.05 ± 0.02c 1.01 ± 0.03c 1.02 ± 0.01c
1.06 ± 0.02c 0.92 ± 0.03c 1.02 ± 0.02c 0.91 ± 0.01c
2 1.23 ± 0.03c 1.19 ± 0.03c 1.07 ± 0.07c 1.19 ± 0.07bc 1.58 ± 0.21bc 0.91 ± 0.06c
2.17 ± 0.06b 1.55 ± 0.02b 1.96 ± 0.03b 1.85 ± 0.05b
3 1.08 ± 0.04c 1.20 ± 0.02c 3.42 ± 0.17a 3.01 ± 0.06a 3.37 ± 0.21a 2.91 ± 0.01a

4 1.40 ± 0.09bc 1.86 ± 0.10bc

5 1.80 ± 0.02b 2.30 ± 0.05b

6 3.52 ± 0.07a 4.34 ± 0.12a

50 กรัม ตม้ นาปรมิ าตร 7 ลิตร ตงั ทิงไวใ้ ห้เยน็ ท่ี ปริมาณวิตามินซมี ปี ริมาณน้อยที่สุดเม่อื เริ่มตน้ และมีแนวโนม้ เพม่ิ ขึ้นจนถงึ สัปดาหท์ ่ี 3 ของการ
(มลู นธิ ิคนสรา้ งชาติ, เปน็ เวลา 10 นาที อณุ หภูมหิ ้อง เก็บรักษา หลังจากนัน้ ปรมิ าณวิตามินซจี ะลดลง ในขณะท่ปี ริมาณสารประกอบฟีนอลิกมีคา่ มากท่ีสดุ เมื่อ
เร่มิ ตน้ และมแี นวโนม้ ลดลงตามอายุการเก็บรกั ษาจนถึงสัปดาหท์ ี่ 3 หลังจากนน้ั ปริมาณสารประกอบฟี
นครปฐม) นอลกิ จะเพ่มิ ข้ึนในสปั ดาหท์ ี่ 4 (p<0.05) แล้วลดลงตลอดอายุการเกบ็ รกั ษา ในชาโยเกริ ต์ มีการสรา้ ง
สารประกอบฟีนอลิกใหม่ระหวา่ งการสรา้ งกรดของแบคทเี รยี ที่ผลิตกรดแลคติก (LAB) ส่งผลใหโ้ ครงสรา้ ง
ของสารประกอบวงแหวนถูกทา้ ลาย จึงเพมิ่ ปรมิ าณสารฟีนอลิก (Blum, U., 1998) ปริมาณสารตา้ น
อนุมูลอิสระมแี นวโน้มเพิ่มข้นึ ตลอดอายกุ ารเก็บรกั ษา มีค่าสงู สดุ ท่สี ปั ดาห์สดุ ท้ายของการเกบ็ รักษา อาจ
เนื่องมาจากเปปไทด์ท่ไี ด้จากการหมกั ของ LAB และสารประกอบฟนี อลกิ (Jeong และคณะ, 2018) )

สรปุ ผลการศกึ ษา

แบง่ นาชาเขียวเปน็ 3 สตู ร โดยมปี รมิ าณเชือเท่ากับ 1.4x108 CFU/ml ปริมาณวิตามินซี ฟีนอลกิ และสารตา้ นอนุมลู อิสระในนา้ ชาเขยี วทเ่ี ติม L. casei และน้าชาเขียวทีเ่ ตมิ L.
acidophilus มีแนวโนม้ เหมอื นกบั ชดุ ควบคุม เมื่อเกบ็ ท่ี 4 องศาเซลเซียส เปน็ ระยะเวลา 6 สัปดาห์ โดย
วติ ามินซี และสารตา้ นอนุมูลอิสระจะมีปริมาณเพ่มิ ข้นึ เม่อื ระยะเวลาการเกบ็ รักษานานขน้ึ

กิตตกิ รรมประกาศ

Control L. casai L. acidophilus งานวิจัยน้ีได้รับทุนสนับสนุนจากหลักสูตรวิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาขาวิชาชีวเคมี โครงการจดั ต้ังภาควิชา
จุลชีววิทยา กองทุนพัฒนานิสิต คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต
เกบ็ ทอี่ ณุ หภมู ิ 4C เป็นระยะเวลา 6 สปั ดาห์ กา้ แพงแสน
วเิ คราะห์ผล จานวน 3 ซาทกุ 1 สปั ดาห์
เอกสารอา้ งอิง
-ปริมาณวิตามิน ซี
-ฟนี อลิก (Folin-Ciocalteu) (Singleton และคณะ, 1999) Benzie, I.F.F. and Stain, J.J., 1996, The Ferric reducing ability of plasma (FRAP) as measure of antioxidant power:
-สารต้านอนุมลู อิสระ ferric reducing antioxidant power (FRAP) (Benzie The FRAP Assay, Analytical Biochemistry, 239: 70–76.
และ Strain, 1996)
Blum, U., 1998, Effects of microbial utilization of phenolic acids and their phenolic acid breakdown products on
allelpathic interactions, Journal of Chemical Ecology, 24: 685-708.

Jeong, C.H., Ryu, H., Zhang, T., Lee, C.H., Seo, H.G., and Han, S.G., 2018, Green tea powder supplementation
enhances fermentation and antioxidant activity of set-type yogurt, Food Science and Biotechnology, 27(5):
1419-1427.

Singleton, V. L., Orthofer, R. and Lamuela-Raventos, R.M., 1999, Analysis of total phenols and other oxidation
substrates by means of Folin-Ciocalteu reagent, Methods in Enzymology, 299: 152–178.

พษิ เฉียบพลันของสารสกัดใบมะรุมตอ่ ปลานิลแดง

Acute Toxicity of Moringa Leaf Extract on Red Tilapia

จริ าพร กุลค้า1, สมิง จา้ ปาศร1ี , กิตตมิ า วานิชกูล1 และวราภรณ์ ใจเย็น1

1สาขาประมง คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี

บทคดั ยอ่ Table 1 Cumulative mortality of Red Tilapia were obtained moringa leaf extract during 24 hours

งานวิจัยนีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาพิษเฉียบพลันของสารสกัดใบมะรุมต่อลูกปลานิลแดง โดยใช้วิธีชีว Moringa leaf extract Cumulative mortality (%)
วิเคราะห์นา้ น่ิง (Static Bioassays) เพ่ือหาค่าความเป็นพิษสารสกัดใบมะรุมทที่ ้าให้ลูกปลานิลแดงตาย 50 เปอรเ์ ซ็นต์ concentration (mg/L)
(LC50) ในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ใช้สารสกัดใบมะรุม 6 ความเข้มข้น คือ 600, 678, 765, 863, 968 และ 1,100 6 hrs 12 hrs 18 hrs 24 hrs
มิลลิกรัมต่อลิตร ค้านวณหาค่าความเข้มข้นที่ท้าให้ลูกปลานิลแดงตายร้อยละ 50 (LC50) ด้วยการวิเคราะห์โพรบิท 0 (control) 00 00
(Probit analysis) พบวา่ ค่า LC50 ท่เี วลา 24 ชั่วโมง ของลูกปลานิลแดงมีค่าเท่ากับ 792 (746.18-840.63) มิลลิกรัม 600 00 00
ต่อลิตร ทชี่ ่วงความเชื่อม่ัน 95 เปอรเ์ ซ็นต์ มีค่าความลาดเอียง (Slope function) เท่ากับ 1.247 (0.6412-2.4251) 678 00 0 20
มิลลิกรัมต่อลิตร และมีค่าความเข้มข้นที่ปลอดภัย (Safe concentration) ของสารสกัดหยาบจากใบมะรุมต่อปลานิล 765 00 20 40
แดงเท่ากบั 39.6lมิลลิกรัมตอ่ ลติ ร ระหวา่ งการทดลองคุณภาพน้าอย่ใู นเกณฑท์ เี่ หมาะสมเพ่อื การเพาะเลียงสตั ว์น้า 863 0 10 26.6 50
968 0 20 46.6 76.6
บทนา้ 1100 20 43.3 76.6 100

ปลานิลแดงเป็นปลานา้ จืดทีม่ ีความส้าคัญทางเศรษฐกจิ เป็นอย่างมาก เน่ืองจากเป็นที่เลียงง่าย โตเร็ว เนือมีรสชาติ
ดี และสามารถปรับตวั ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี จึงท้าใหม้ ีความต้องการและความนิยมในบริโภคปลาเนอื ขาวที่ค่อนข้าง
สูงขึน และเป็นแหล่งโปรตีนที่ส้าคัญต่อผู้บริโภค เป็นที่ต้องการของตลาดทังในประเทศและต่างประเทศ เกษตรกรจึงนิยม
เลียงกันอย่างแพร่หลาย แต่ในระหว่างการเลียงเกษตรกรมักพบปัญหา เช่น โรคปลานิล ซ่ึงหากเกิดโรคที่รุนแรงก็สามารถ
สร้างความเสียหายให้กบั เกษตรกรได้ จึงท้าให้เกษตรกรสว่ นใหญ่หนั มาใช้ยาปฏิชวี นะมากขึน โดยการใชย้ าปฏิชวี นะกับปลา
ที่น้ามาบริโภคอาจจะมีสารตกค้างในตัวปลาและเป็นอันตรายต่อผู้บรโิ ภคได้ เกษตรกรนิยมนา้ ยาปฏิชีวนะเข้ามาใช้ในระบบ
การเลียง เพอื่ แก้ปญั หาการตายท่เี กิดขึน ซึ่งส่งผลให้เกดิ การตกค้างของยาในผลผลิตจากการเลียงและตกค้างในส่ิงแวดล้อม
ทังยงั สง่ ผลให้มีการสะสมของยาในผบู้ ริโภค แนวทางการเลือกใช้พืชที่มีคุณสมบัติและฤทธ์ิในการยับยังเชือ โดยไม่กอ่ ให้เกดิ
การตกคา้ งจึงเป็นทางเลือกของเกษตรกรท่ีจะน้ามาใชเ้ พื่อเลียงปลาที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ไม่มีสารตกค้างได้ต่อไป เช่น การ
เลือกใช้มะรุม (Moringa oleifera Lam.) แม้ว่าสารสกัดจากใบมะรุมจะมีสรรพคุณท่ีสามารถน้ามาใช้ประโยชน์ได้ใน
กิจกรรมการเพาะเลียงสัตว์น้า แต่มีข้อจ้ากัดที่ผู้ใช้ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งคือความเป็นพิษของสารสกัดใบมะรุม ดังนัน
การศึกษาพิษเฉียบสารสกัดใบมะรุมจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อหาความเข้มข้นที่เหมาะสมในการใช้ประโยชน์จากสารสกัดใบ
มะรุม และหาค่าความเข้มข้นท่ีปลอดภัยต่อสัตว์น้าและสิ่งแวดล้อม (Safe Concentration) และเพ่ือไม่ให้เกิดความ
เสียหายต่อปลาหรอื สัตวน์ ้าท่ีเพาะเลยี งได้

อุปกรณ์และวธิ กี าร Figure 1 Percentage of mortality of Red Tilapia were obtained moringa leaf extract during 24 hours

ชุดควบคุม ตรวจคณุ ภาพนา้ คุณภาพน้าตลอดระยะเวลาการทดลอง ณ ช่ัวโมงท่ี 0, 6, 12, 18, และ 24 มีค่าอุณหภูมิอยู่ในช่วง 26.00-
0 mg/L > อุณหภูมิ
> DO 28.2 องศาเซลเซียส ออกซิเจนละลายในน้าอยู่ในช่วง 3.25-5.86 มิลลิกรมั ต่อลิตร ความเป็นกรด-ด่างอยู่ในช่วง 6.7-7.8
600 mg/L > pH
> NO2 (Table 2) ซึ่งค่าคุณภาพน้าในการทดลองอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานการเลียงสัตว์น้า (ศูนย์วิจยั และพัฒนาประมงน้าจืดพะเยา,
678 mg/L > NH3 2553)
765 mg/L
863 ppm Table 2 Physical and chemical parameters of Red Tilapia were obtained moringa leaf extract during 24
968 ppm
hours
1100 ppm
Physical-chemical Mean (SD)

parameters 0 hr 6 hrs 12 hrs 18 hrs 24 hrs

Temperature (๐C) 26-28.5 26.60-27.9 27.5-28.2 27.10-28.0 27.00-27.5

DO (mg/l) 4.2-5.6 3.25-5.02 3.65-5.86 3.55-5.45 3.23-5.79

pH 6.7-7.0 6.9-7.0 7.0-7.5 6.9-7.8-5 6.8-7.8

นา้ ข้อมลู การตายสะสมทไี่ ด้จากการทดลองไปวิเคราะห์เพอ่ื หาค่า LC50 โดยรายงานค่าความเปน็ พิษของสารสกัดใบ สรุปผล
มะรมุ ในรปู ของค่ามธั ยฐานความเปน็ พิษ (Median Lethal Concentration, LC50) ทร่ี ะดบั ความเชื่อมน่ั 95 เปอร์เซ็นต์
ด้วยวิธีวเิ คราะห์แบบโพรบิท (Probit analysis) ตามวธิ ีของ Litchfield and Wilcoxon (1949) และประเมนิ คา่ ความ ระดับความเข้มข้นที่ท้าให้ลูกปลานิลแดงตาย 50 เปอร์เซ็นต์ ในเวลา 24 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 792 (746.18-840.63)
เขม้ ขน้ ทป่ี ลอดภยั (Safe concentration) ของสารสกดั หยาบใบมะรุมที่มีตอ่ ลูกปลานิล มิลลิกรัมต่อลิตร ค่าความลาดเอียง (Slope Function) ที่ช่วงความเช่ือมั่น 95 เปอร์เซ็นต์ มีค่าเท่ากับ 1.247 (0.6412-
2.4251) มิลลกิ รัมตอ่ ลิตร และค่าความเข้มข้นทีป่ ลอดภัยตอ่ สัตว์น้าและสิ่งแวดล้อม (Safe Concentration) ของสารสกัดใบ
ผลและวิจารณผ์ ลการทดลอง มะรุมตอ่ ปลานิลแดงขนาด 3 เซนติเมตร มคี า่ ไม่เกนิ 39.6 มลิ ลกิ รัมตอ่ ลิตร

ระดบั ความเข้มขน้ ท่ี 0, 600, 678, 765, 863, 968 และ 1,100 ที่ระดบั ความเขม้ ข้นท่ี 0 และ 600 mg/L ไมม่ กี ารตาย เอกสารอา้ งองิ
ของลูกปลา ระดบั ความเข้มขน้ ที่ 678 mg/L ปลาตายชัว่ โมงท่ี 24 ระดับความเข้มข้นท่ี 765 mg/L ปลาเร่มิ ตายชัว่ โมงที่ 18-
24 ระดับความเข้มขน้ ที่ 863 และ 968 mg/L ปลาเร่มิ ตายชั่วโมงท่ี 12-24 ส่วนที่ระดับความเขม้ ข้น 1,100 ปลาตายเรว็ ท่ีสุด ศูนยว์ จิ ัยและพัฒนาประมงงนา้ จืดพะเยา. 2553. การตรวจวิเคราะหค์ ุณภาพน้า .แหลง่ ขอ้ มูล:http//www.fisheries.go.th/
คือเรมิ่ ตายช่ัวโมงที่ 6 สารสกัดใบมะรุมมีความเป็นพิษต่อลกู ปลานิลแดงท่ี 792 mg/L ทคี่ วามเชือ่ มน่ั 95 % อยูท่ ี่ 746.18- ifphayao/web2/index.php?=com_Content&view=article&id=56&Itemid=90, 19 มกราคม 2564.
840.63 mg/L (Table 1 and Figure 1) ซง่ึ การศึกษาของ Mathan และ Senthil (2554) ทพี่ บวา่ ความเปน็ พิษของสารสกดั
ใบมะรมุ ท่ที า้ ใหป้ ลาปลาไนตาย 50 เปอรเ์ ซน็ ต์ในเวลา 96 ช่วั โมง เทา่ กบั 124 mg/L เนอื่ งจากปลานิลแดงมีความอดทนต่อ Mathan, R. and Senthil, K. S. 2011. Toxicity of Moringa oleifera seed extract on some hematological and biochemical
สภาพแวดลอ้ มสามารถดา้ รงชีวติ อยูใ่ นน้าได้ดกี วา่ ปลาไน อยา่ งไรก็ตาม Heba และ Yasser (2018) กล่าวว่าการเพม่ิ สารสกัด profiles in a freshwater fish, Cyprinus carpio. Thesis. Bharathiar University, India.
ใบมะรมุ ลงในน้าท่ีใชใ้ นการเพาะเลยี งสามารถลดความเครียดท่ีเกิดจาก pendimethalin ในปลานิลได้ สอดคล้องกบั การศกึ ษา
ของภทั รียา และคณะ (2562) ทีพ่ บว่าลูกปลาดุกบ๊กิ อยุ ท่แี ชใ่ นสารสกัดใบสาบเสือในระดบั ความเขม้ ข้น 1500 mg/L มอี ัตรา Heba, S. H. and Yasser, S El-Sayed. 2018. Antioxidant activities of Moringa oleifera leaf extract against pendimethalin-
การตาย 100% หลังแชด่ ว้ ยสารสกัด 3 ช่ัวโมง ในสารสกดั 1200 mg/L การทดลองพิษเฉยี บพลนั สารสกัดใบมะรุมปลานลิ แดง induced oxidative stress and genotoxicity in Nile tilapia, Oreochromis niloticus (L.). Thesis.
พบวา่ ยงิ่ มกี ารใชค้ วามเขม้ ขน้ ของสารสกดั ใบมะรมุ สูงทา้ ให้เป็นพิษต่อปลานิลแดงและทา้ ใหป้ ลานลิ แดงตายได้

ฤทธ์ิต้านเช้อื แบคทเี รียของสารสกัดหยาบจากใบไชยา

ชยา Antibacterial Activity of Crude Extract from Leave of Vegetable Spinach

(Cnidoscolus chayamansa McVaugh))

ศศธิ ร ธงชัย และ จาตุรงค์ จงจนี
สาขาวิชาชวี วทิ ยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอบุ ลราชธานี ตาบลในเมือง อาเภอเมอื ง จังหวัดอบุ ลราชธานี 34000

บทคัดยอ่

วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้ เพอื่ ศึกษาฤทธ์ิเบ้อื งต้นในการยับยั้งเช้ือแบคทีเรียของสารสกัดหยาบจากส่วนใบต้นไชยาต่อการยับย้ังเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus, Escherichia coli และ Bacillus subtilis ดว้ ยวิธี Agar disc diffusion
และหาคา่ ระดบั ความเขม้ ข้นตา่ สุดทีส่ ามารถยับยงั้ เชอ้ื แบคทีเรีย ด้วยวธิ ี Broth microdilution และ วิธี Drop plate ผลการศกึ ษาพบวา่ สารสกัดหยาบจากส่วนใบตน้ ไชยาทัง้ แบบสดและแบบแห้ง ความเขม้ ข้น 1000 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร สามารถยับย้ังเช้ือแบคทีเรียทดสอบ
ท้งั 3 ชนิดได้ โดยมีผลตอ่ เช้อื B. subtilis ดที ่สี ุด ให้คา่ บริเวณยับย้งั เฉลย่ี เทา่ กบั 32.8±0.2 มิลลิเมตร (แบบสด) และ 32.3±0.6 มิลลิเมตร (แบบแห้ง) เม่ือเทียบกับชุดควบคุม นอกจากนี้ค่า MIC และ MBC ของสารสกัดหยาบให้ค่าท่ีดีท่ีสดุ เท่ากับ 125 และ 500 มิลลิกรัม/
มลิ ลิลติ ร ตามล่าดบั ผลการศึกษาฤทธ์ิการยบั ยง้ั เชื้อแบคทเี รยี ก่อโรคบางชนดิ ในเบ้ืองต้นของสารสกัดหยาบจากสว่ นใบต้นไชยา น่าไปใช้เป็นข้อมลเบอื้ งต้นส่าหรบั ศึกษาสารออกฤทธทิ์ างชวี าาพจากธรรมชาติทสี่ ามารถยบั ย้ังเชือ้ แบคทีเรียก่อโรคไดใ้ นอนาคต

Abstract

The purpose of this study to screening of antibacterial activity of crude extracted from leave of vegetable spinach (Cnidoscolus chayamansa McVaugh) against Staphylococcus aureus, Escherichia coli and Bacillus
subtilis using agar disc diffusion and evaluated the minimum inhibitory concentrations (MICs) and minimum bactericidal concentrations (MBCs) by broth dilution and drop plate techniques. Result showed that all bacterial strain
susceptible to fresh and dried-crude ethanolic-extract of vegetable spinach at the concentration of 1,000 mg/ml, which B. subtilis had highest inhibition zone (32.8±0.2 mm and 32.3±0.6 mm for fresh and dried-crude extracted,
respectively) when compared with control group. For the result of MIC and MBC value of this extract had shown greatest concentration as 125 and 500 mg/ml, respectively. This study indicated that crude extracted from leave of
vegetable spinach had antibacterial activity that may be benefit alternative substance uses to therapeutic agents for bacterial infection in the further.

บทนา

ปัจจุบันการเจ็บป่วยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายๆ อย่างเช่น ลักษณะความเป็นอย่ ปัจจัยจากการบริโาคและ
สาาพแวดล้อมที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคหรือความผดิ ปกติตา่ งๆ ของมนุษย์ การกลายพันธ์ุของเช้ือโดยเกิดจากการด้ือยาปฏิชีวนะท่ีใช้
ในการรักษา จึงท่าให้มีโรคอุบัติใหม่เกิดข้ึนในปัจจุบันเป็นจ่านวนมาก มักก่อให้เกิดโรคกับมนุษย์อย่างมากมาย โดยเฉพาะโรคที่เกิดการ
ติดเชื้อแบคทีเรีย การอักเสบ แผลฝีหนอง รวมทั้งมะเร็งต่างๆ จึงท่าให้นักวิจัยให้ความสนใจศึกษาค้นคว้าและคิดค้นยาสมุนไพรหรือ
ผลิตาัณฑท์ ี่มาจากธรรมชาตโิ ดยเฉพาะกลมุ่ พชื สมุนไพร/พชื พืน้ บา้ นที่นิยมน่ามาบริโาค เพอื่ น่ามาพฒั นาเปน็ ยาที่ใช้เป็นทางเลอื กในการ
รักษาโรคติดเชื้อต่างๆ (มาลิน จุลศิริ, 2540) ในปัจจบุ ันมีพืชสมุนไพรรวมทั้งผักพ้ืนบ้านบางชนิดที่ก่าลังเป็นที่นิยมน่ามาบริโาคในชุมชน
ทอ้ งถ่นิ ต่างๆ ได้ถกนา่ มาศกึ ษาเพ่อื พฒั นาเป็นยาสมนุ ไพรทใี่ ช้ในการรักษาโรคควบค่กับยาแผนปจั จบุ ัน ผักพื้นบ้านท่ีน่าสนใจชนิดหน่ึงคือ
ไชยา (Cnidoscolus chayamansa McVaugh) หรือคะนา้ เม็กซิโก หรอื ต้นผงชรส เป็นผักพน้ื บา้ นที่ชาวบ้านนิยมน่ามาบริโาคและปลก
กันอย่างแพร่หลายในพ้ืนท่ีจังหวัดอุบลราชธานี โดยพืชชนิดน้ีมีสรรพคุณทางยาในการรักษาโรคได้หลากหลายชนิดและยังมีคุณค่าทาง
อาหารมากกว่าผักใบเขียวบางชนิด 2-3 เท่า (กฤติยา ไชยนอก, 2562) ดังนั้น งานวิจยั นี้จึงมีความสนใจท่ีจะศึกษาฤทธิ์เบ้ืองต้นของสาร
สกัดหยาบจากส่วนใบของต้นไชยาในการออกฤทธ์ิยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรค 3 ชนิด คือ Staphylococcus aureus (S.aureus),
Escherichia coli (E.coli) และ Bacillus subtilis (B.subtilis) เพอ่ื น่าไปใช้เป็นขอ้ มลเบ้อื งต้นการศึกษาสารออกฤทธ์ิจากธรรมาตใิ น
การพัฒนางานด้านเาสัชกรรมไดใ้ นอนาคต

วธิ ดี าเนินงานวิจัย ภาพท่ี1 บริเวณการยับย้ังการเจริญของเชื้อของสารสกัดหยาบจากส่วนใบของต้นไชยาแบบสดและแบบแห้ง ท่ีระดับความเข้มข้น
1000 mg/ml ต่อเชอื้ แบคทเี รยี ทดสอบ (A) B.subtilis, (B) S.aureus และ (C) E.coli เม่ือทดสอบด้วยวิธี Agar disc diffusion
1. การทดสอบการยับยั้งการเจรญิ ของเช้ือแบคทีเรียกอ่ โรคของสารสกัดใบไชยา ด้วยวิธี Agar disc diffusion
หมายเหตุ : 1 = ชุดควบคมุ (DMSO 0.1%v/v), 2 = สารสกดั แบบสด, 3= สารสกดั แบบแหง้ , 4 = ชดุ ควบคมุ (Tetracycline 250 ug/ml)

1. เตรยี มสารสกัดหยาบ 2. เตรียมเช้อื แบคทีเรยี ทดสอบ 3. ทดสอบด้วยวิธี Agar disc diffusion
จากใบไชยา

2. การหาคา่ ระดับความเข้มขน้ ตา่ สุดท่สี ามารถยบั ยัง้ การเจรญิ ของเชอื้ แบคทีเรียทดสอบ (Minimal inhibitory concentration :
MIC) ของสารสกดั ใบไชยา ดว้ ยวิธี Broth microdilution

1. เจือจางสารสกัดแบบ 2. เติมเช้อื แบคทีเรยี 3. บ่มทอ่ี ณุ หามิ 37 °C 4. สังเกตความขุน่ ภาพที่2 ระดับความเข้มข้นต่าสุดที่สามารถฆ่าเช้ือ(MIC) ต่อเช้ือแบคทีเรียทดสอบ ภาพท่ี3 ระดับความเข้มข้นต่าสุดท่ีสามารถฆ่าเช้ือ (MBC) ของสารสกัดหยาบจาก
serial-2-fold dilution 0.5 McFarland standard 24 ชวั่ โมง และอา่ นค่า MIC (A) B.subtilis, (B) S.aureus และ (C) E.coli เม่ือทดสอบด้วย วธิ ี Broth dilution ส่วนใบของต้นไชยาแบบสดต่อเชื้อแบคทีเรียทดสอบ (A) B.subtilis, (B) S.aureus
และ (C) E.coli เมือ่ ทดสอบดว้ ย วธิ ี Drop plate
3. การหาคา่ ระดบั ความเข้มข้นต่าสุดทีส่ ามารถฆา่ เชื้อแบคทเี รยี ทดสอบ (Minimal bactericidal concentration : MBC) ของ หมายเหตุ : แถว A – C คอื สารสกัดหยาบจากสว่ นใบของตน้ ไชยา แบบสกดั สด
สารสกัดใบไชยา ด้วยวิธี Drop plate technique แถว D – F คอื สารสกดั หยาบจากส่วนใบของต้นไชยา แบบสกดั แห้ง หมายเหตุ : A คอื สารสกัดหยาบจากส่วนใบของตน้ ไชยาแบบสกดั สด ตอ่ การยบั ยง้ั เชอ้ื B. subtilis
แถว G คือ Tetracycline (250 µg/ml) B คือสารสกดั หยาบจากส่วนใบของตน้ ไชยาแบบสกดั สด ต่อการยับยง้ั เช้ือ S. aureus
1. Drop สารทดสอบ 2. บ่มอณุ หามิ 37 °C 3. สังเกตรอยการเจรญิ ของเชื้อที่ 4. อา่ นคา่ แถว H คอื ชุดควบคุม (H1-H4 : สารสกัดเพียงอย่างเดียว, H5-H6: อาหารทดสอบ MHB, C คอื สารสกดั หยาบจากสว่ นใบของต้นไชยาแบบสกัดสด ตอ่ การยบั ยงั้ เช้ือ E. coli
ลงบนผิวหนา้ อาหาร 24 ชวั่ โมง หยดลงบนผวิ หนา้ อาหาร MBC
H7-H9: DMSO, H10-H12 : MHB + เช้ือทดสอบ)

ผลการศึกษา สรุปและวจิ ารณผ์ ลการศึกษา

จากผลการทดสอบฤทธิเ์ บ้ืองต้นในการยบั ย้งั เชือ้ แบคทีเรยี ของสารสกดั หยาบจากสว่ นใบไชยาแบบสดและแบบแห้งด้วยวิธี Agar disc จากผลการศึกษาเบ้ืองต้นในการออกฤทธิ์ยับย้ังเช้ือแบคทีเรียของสารสกัดหยาบจากส่วนใบของต้นไชยา ด้วยวิธีทดสอบ
diffusion พบว่า สารสกัดหยาบจากส่วนใบของตน้ ไชยาท้ังแบบสดและแบบแห้ง ที่ระดับความเข้มขน้ 1000 mg /ml มีผลยับย้ังเช้ือ Agar disc diffusion พบว่า สารสกัดหยาบจากสว่ นใบของตน้ ไชยาทั้งแบบสดและแบบแห้ง ท่ีระดบั ความเข้มข้น 1000 mg/ml
แบคทีเรยี B. subtilis มากทสี่ ดุ ให้คา่ เฉล่ียบรเิ วณยับย้งั เท่ากับ 32.8 ± 0.2 mm (แบบสด) และ 32.3 ± 0.6 mm (แบบแห้ง) รองลงมา สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย S.aureus , E.coli และ B.subtilis ได้ ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของ Perez-Gonzalez, M. et al
คือเชื้อ S. aureus ให้ค่าเฉล่ียบริเวณยับยั้งเท่ากับ 31.0 ± 0.1 mm (แบบสด) และ 31.7± 0.3 mm (แบบแห้ง) ในขณะที่เช้ือ E. coli (2017) ที่พบว่า สารสกัดจากต้นไชยาท่ีระดบั ความเขม้ ข้น 1 mg/disc สามารถยับย้ังเช้ือแบคทีเรียได้ โดยเฉพาะเชื้อ E.coli และ
ยับยั้งได้น้อยสุด ให้ค่าเฉล่ียบริเวณยับยั้งเท่ากับ 28.0 ± 0.1 mm (แบบสด) และ 27.2 ± 0.3 mm (แบบแห้ง) เม่ือเทียบกับชุดควบคุม Ps.aeruginosa โดยงานวิจัยในครงั้ นพ้ี บวา่ สารสกัดหยาบดังกล่าวสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย B. subtilis ได้ดีท่ีสดุ
และนอกจากน้ีสารสกัดหยาบดังกล่าวสามารถให้ค่า MIC และ MBC ต่อเช้ือทดสอบที่ดีที่สุดที่ระดบั ความเข้มขน้ 125 และ 500 mg/ml (คา่ เฉล่ยี บริเวณการยบั ยง้ั เทา่ กับ 32.8 ±0.2 มลิ ลิเมตร (สา่ หรบั แบบสด) และ 32.3 ±0.6 มลิ ลิเมตร (สา่ หรับแบบแห้ง) ตามลา่ ดับ)
ตามล่าดบั ดงั ขอ้ มลแสดงในตารางท่ี 1 และาาพที่ 1-3 ซ่ึงผลการยับย้ังของสารสกัดต่อเช้ือแบคทีเรียดังกล่าว ให้ค่าเฉลี่ยบริเวณการยับยั้งที่ใกล้เคียงกับบริเวณการยับย้ังของยาปฏิชีวนะ
Tetracycline ทใี่ ช้เป็นชุดควบคุม นอกจากนี้สารสกัดหยาบ (แบบสดและแบบแห้ง) ให้ค่าระดบั ความเข้มขน้ ตา่ สุดท่ีสามารถยับยั้ง
ตารางที่ 1 ผลการทดสอบการยับยงั้ การเจรญิ ของเชอ้ื แบคทีเรียของสารสกัดจากใบไชยา และผลของการหาค่าความเขม้ ขน้ ต่าสดุ ที่ การเจริญของเช้ือ (MIC) และระดับความเข้มข้นต่าสุดที่สามารถฆ่าเชื้อ (MBC) ต่อเช้ือแบคทีเรียทดสอบท่ีดีที่สุดมีค่าเท่ากับ 125
สามารถยบั ยั้งการเจรญิ ของเชื้อแบคทเี รีย (MIC) และระดับความเขม้ ขน้ ตา่ สดุ ท่สี ามารถฆา่ เชือ้ แบคทีเรีย (MBC) S. aureus , E. coli mg/ml (MIC) และ 500 mg/ml (MBC) และเมื่อพิจารณาค่าสัดส่วน MBC/MIC เพื่อดแนวโน้มการออกฤทธ์ิของสารสกัด พบว่า
และ B. subtilis ของสารสกดั หยาบท่รี ะดับความเขม้ ขน้ 1000 mg/ml ฤทธิ์การยับยั้งเช้ือแบคทีเรียของสารสกัดส่วนใหญ่ออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย (Bacteriostatic) ยกเว้น การออกฤทธ์ิยับยั้งเชื้อ
ของสารสกัดหยาบต่อเชื้อ B.subtilis พบว่า สารสกัดมีแนวโน้มออกฤทธ์ิฆา่ เชื้อ (Bactericidal) ซ่งึ มีฤทธิ์ที่คลา้ ยกับยาปฏิชีวนะ
เชอ้ื ทท่ี ดสอบ สารสกัดทดสอบ คา่ เฉลย่ี บริเวณยับยงั้ MIC MBC การแปลผลการ Tetracycline ที่ใช้เป็นชุดควบคุม ดังนั้นจากผลการศึกษาในคร้ังน้ีแสดงให้เห็นว่า สารสกัดหยาบจากส่วนใบของต้นไชยามีฤทธ์ิ
( ഥ ≠SD) ยับย้งั เชื้อ ยับยั้งเชอื้ แบคทเี รยี ก่อโรคบางชนิดได้

สด (1,000 mg/ml) 31.0±0.1 125 >1,000 Bacteriostatic เอกสารอ้างองิ

S.aureus แหง้ (1,000 mg/ml) 31.7±0.3 125 >1,000 Bacteriostatic กฤติยา ไชยนอก, 2563, คะน้าเมก็ ซโิ ก ตน้ ไมแ้ สนอรอ่ ย [สบื ค้น], https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/
Tetracycline (250 µg/ml) 35.0±0.1 7.81 15.62 Bactericidal article/449/คะน้าเม็กซิโก/ [20 มีนาคม 2563].

DMSO (0.1% V/V) 0 ND ND ND มาลนิ จุลศริ ิ, 2540, ยาต้านจลุ ชพี : ความร้พน้ื ฐานและการประยกุ ต์, โรงพมิ พส์ ถาบนั พฒั นาการสาธารณสขุ อาเซยี น, กรุงเทพฯ.
Pérez-González, M. Z., Gutiérrez-Rebolledo, G. A., Yépez-Mulia, L., Rojas-Tomé, I. S., Luna-Herrera, J., &
สด (1,000 mg/ml) 32.8±0.2 250 1,000 Bactericidal
Jiménez-Arellanes, M. A., 2017, Antiprotozoal, antimycobacterial, and anti-inflammatory evaluation of
B.subtilis แห้ง (1,000 mg/ml) 32.3±0.6 500 500 Bactericidal Cnidoscolus chayamansa (Mc Vaugh) extract and the isolated compounds, Biomedicine &
Tetracycline (250 µg/ml) 18.0±0.1 31.25 62.25 Bactericidal Pharmacotherapy, 89, 89-97.

DMSO (0.1%V/V) 0 ND ND ND กิตตกิ รรมประกาศ

สด (1,000 mg/ml) 28.0±0.1 125 >1,000 Bacteriostatic ขอขอบคุณผ้ร่วมวิจัยทุกท่านและสาขาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชาัฏอุบลราชธานี ที่ได้อ่านวยความสะดวก
ในการให้ความอนุเคราะหส์ ถานท่จี ัดสรรอุปกรณ์ เคร่อื งมอื และสารเคมีต่างๆ ในการทา่ งานวิจยั คร้ังน้ี
E.coli แหง้ (1,000 mg/ml) 27.2±0.3 125 >1,000 Bacteriostatic
Tetracycline (250 µg/ml) 25.7±0.3 1.95 3.90 Bactericidal

DMSO (0.1% V/V) 0 ND ND ND

หมายเหตุ : ND (not determined) คอื ไมไ่ ดท้ า่ การทดสอบ ; MIC= minimal inhibitory concentration ; MBC= minimal bactericidal concentration)
การแปลผลการยบั ยั้งเชอื้ คือ สัดสว่ น MBC/MIC ≤4 = Bactericidal (ออกฤทธฆ์ิ ่าเชอ้ื ) ; MBC/MIC >4 = Bacteriostatic (ออกฤทธ์ยิ ับยัง้ เชื้อ)

ฤทธ์ิยบั ย้งั แบคทีเรียของน้ำมนั หอมระเหยจำกพชื วงศก์ ะเพรำบำงชนิดตตออเช้ ือ

สเตร็ปโตคอคคสั มวิ แทนส์

บทคดั ยอ่ เพลินพศิ ยะสินธ์ิ เยยี่ มศิริ มณีพศิ มยั และเพชรรตั น์ ไกรวพนั ธุ์

สำขำเคมี คณะวิทยำศำสตร์ มหำวิทยำลยั รำชภฏั จนั ทรเกษม e-mail : [email protected]

บทนา

งานวิจัยน้ีมวี ัตถุประสงคเ์ พ่ือศกึ ษาฤทธ์ยิ ับย้ังการเจริญเตบิ โตของแบคทเี รียในช่องปาก โรคฟันผุ เป็นโรคท่พี บบ่อยในช่องปาก มสี าเหตจุ ากเช้ือแบคทเี รียท่อี าศยั อยู่ในช่องปาก
ของนา้ มันหอมระเหยจากพืชวงศ์กะเพราบางชนดิ โดยพืชท่ใี ช้ในการศกึ ษาได้แก่ ใบโหระพา โดยเฉพาะ Streptococcus mutans (Nobuhiro & Bente, 2010) ดงั น้นั จงึ มคี วาม
และใบแมงลัก สกดั นา้ มนั หอมระเหยโดยการกล่ันด้วยนา้ และการกล่นั ด้วยไอนา้ แล้วทดสอบ จาเป็นต้องหาวิธปี ้ องกนั และผลิตภณั ฑท์ ่มี ปี ระสทิ ธภิ าพ ปลอดภัย ราคาไม่แพง ซ่ึงผลิตภัณฑ์
ความเป็นพิษของนา้ มันหอมระเหยต่อเซลล์ด้วยวิธี MTT และทดสอบฤทธ์ยิ ับย้ังการ จากพืชจงึ เป็นทางเลือกหน่ึงท่นี ่าสนใจ พืชวงศ์กะเพรามี limonene เป็นองคป์ ระกอบท่สี าคัญ
เจริญเติบโตของแบคทเี รียด้วยวิธี disc diffusion method แบคทเี รียท่ใี ช้ในการศกึ ษาคอื (Wannu และคณะ, 2010) ซ่ึง limonene เป็นสารท่มี ีฤทธ์ติ ้านแบคทเี รีย ฉะน้นั พืชในวงศ์
Streptococcus mutans ซ่ึงเป็นเช้ือแบคทเี รียสาคญั ท่เี ป็นสาเหตกุ ่อให้เกดิ ฟันผุ ผลการ กะเพรา จึงน่าจะมฤี ทธ์ติ ้านเช้ือแบคทเี รียในช่องปากท่ที าให้ฟันผุ ดังน้นั ผู้วจิ ัยและคณะจึงมี
ทดลองพบว่า นา้ มันหอมระเหยท้งั 4 ชนดิ ไม่มีความเป็นพิษต่อเซลล์ และมฤี ทธ์ยิ ับย้ังการ แนวคดิ ท่จี ะทาการศกึ ษาโดยสกดั นา้ มนั หอมระเหยโดยการกล่ันด้วยนา้ และกล่ันด้วยไอนา้
เจริญเตบิ โตของเช้ือแบคทเี รีย S. mutans โดยนา้ มันหอมระเหยจากใบแมงลักกล่ันด้วยไอนา้ พืชท่ใี ช้ศกึ ษาคือโหระพา (basil) และแมงลัก (hairy basil) และทดสอบฤทธ์ยิ ับย้ังการ
มฤี ทธ์ดิ ที ่สี ดุ เจริญเติบโตของ S. mutans และความเป็นพิษต่อเซลลป์ กตเิ พ่ือประโยชน์ในการนามาใช้
อย่างปลอดภยั ในการพัฒนาเป็นผลติ ภณั ฑด์ ูแลช่องปาก
ผลการทดลอง
ผลการ

ผลการสกดั นา้ มันหอมระเหยด้วยวิธกี ล่นั ด้วยนา้ และไอนา้ ผลการทดสอบความเป็นพิษของนา้ มนั หอมระเหย

Table 1 Extraction yield of essential oil Table 2 % cell viability of essential oil concentration 0-1 mg/ml by MTT assay

Plants Weight Volume Weight of oil Density of oil % Yield Essential oil % cell viability*

(kg) of oil (ml) (g) (g/ml) (g/100 g) Basil (water distillation) 97.155

Basil 4.725 17.80 17.09 0.96 0.36 Basil (steam distillation) 94.060

(water distillation) Hairy Basil (water distillation) 98.011

Hairy Basil 5.913 7.10 6.11 0.86 0.12 Hairy Basil (steam distillation) 96.505

(water distillation) 1% DMSO 100.277

Basil 4.20 12.50 11.75 0.94 0.27 Remark: * Data are means for three parallel experiments (standard deviations,  10%).

(steam distillation)

Hairy Basil 3.40 3.00 2.61 0.87 0.02 ทดสอบฤทธ์ติ ้านเช้ือ S. mutans ของนา้ มนั หอมระเหย

(steam distillation) Table 3 Antibacterial activity of Essential against S. mutans by Disc diffusion method

Remark: Steam distilled under pressure of 1.5 kg / cm3 (20 psi) Essential Inhibition zone (diameter-mm) MIC (mg/ml)

วิจารณ์ผล oil Conc 1:2 1:4 1:8 1:16 1:32

Basil (water distillation) 12 12 9 - - - 238.8

(1:4 v/v)

Basil (steam distillation) > 30 > 30 23 11 - - 107.9

นา้ มันหอมระเหยท้งั 4 ชนิด มีฤทธ์ติ ้านเช้ือแบคทเี รีย S. mutans โดยนา้ มนั หอม (1:8 v/v)
ระเหยท่ีมีฤทธ์ิดีท่ีสุดคือ ใบแมงลักกล่ันด้วยไอนา้ รองลงมาคือ ใบแมงลักกล่ันด้วยนา้ ใบ
โหระพากล่ันด้วยไอนา้ และใบโหระพากล่ันด้วยนา้ ตามลาดับ ท้งั น้ีอาจจะเน่ืองมาจากนา้ มัน Hairy Basil (water distillation) 15 14 13 12 12 - 58.7 (1:16
หอมระเหยมี limonene และ eugenol เป็นสารองค์ประกอบ ซ่ึงพบว่าสารท้งั สองน้ีมี มีฤทธ์ิ
ต้านแบคทเี รียท่ที าให้เกดิ โรคในช่องปากซ่ึงรวมถงึ แบคทเี รียท่กี ่อให้เกดิ ฟันผุด้วย(Moon และ v/v)
คณะ (2011)
Hairy Basil (steam distillation) > 30 > 30 > 30 18 8 - 54.3
สรุปผล
(1:16 v/v)

Remark: - Inhibition zone (IZ) does not occur, IZ ≤ 8 mm indicates low antifungal activity, IZ from 9-11 mm

เอกสารอา้ งองิindicates intermediate activity, and IZ ≥ 12 indicates strong activity

การสกัดนา้ มันหอมระเหยจากโหระพาสดให้เปอร์เซน็ ต์ผลผลิตสูงกว่าใบแมงลักท้งั 1. Nobuhiro, T., and Bente, N.,2010, The Role of Bacteria in the Caries Process:
วิธีการกล่ันด้วยน้า และไอน้า น้ามันหอมระเหยท้ัง 4 ชนิด ไม่มีความเป็ นพิษต่อเซลล์
เพาะเล้ียงเม่ือทดสอบด้วยวธิ ี MTT และ มีฤทธ์ยิ ับย้ัง S. mutans โดยนา้ มันหอมระเหยท่มี ี Ecological Perspectives, Journal of Dental Research, 90(3):294-303.
ฤทธ์ดิ ที ่สี ดุ คือ ใบแมงลักกล่ันด้วยไอนา้ รองลงมาคือ ใบแมงลักกล่ันด้วยนา้ ใบโหระพากล่ัน 2. Wannu, D., Kerdchoechuen, O., Laohakunjit, N., and Tungsangprateep, S., 2010,
ด้วยไอนา้ และใบโหระพากล่ันด้วยนา้ ตามลาดบั Chemical Composition and Antibacterial Activity of five Essential Oils. Agricultural
Science Journal, 41(3/1)(Suppl.): 633-636.
3.. Moon, S. E., Kim, H. Y., and Cha, J. D., 2011, Synergistic effect between clove oil
and its major compounds and antibiotics against oral bacteria, Archives of Oral Biology,
56(9): 907-916.

บทคัดยอ่ วิธีทำ

งานวจิ ยั น้มี วี ัตถุประสงคเ์ พ่อื ศึกษาปริมาณสารสาคัญในมะมว่ งหาวมะนาวโห่ (ระยะผลก่ึงสุก) เพ่ือแปรรูปเปน็ นามะม่วงหาวมะนาวโห่ (ระยะผลก่ึงสุก) มาผ่าเอาเมล็ดออกแล้วนาเนื้อมาทาเป็นเครื่องดื่มพร้อมด่ืม 2 สูตร คือสูตร
เครื่องดื่มเพ่ือสุขภาพสูตรเข้มข้นและสูตรพร้อมด่ืม และศึกษาระยะเวลาการเก็บรักษาเคร่ืองดื่มต่อสมบัติการต้าน เข้มข้น และสตู รพร้อมดื่มโดยทาสตู รเขม้ ข้น 3 สูตร สูตรพรอ้ มด่มื 3 สตู ร
อนุมูลอิสระและปริมาณสารสาคัญต่างๆ พบว่ามะม่วงหาวมะนาวโห่ระยะผลก่ึงสุกมีปริมาณวิตามินซี สารฟีนอลิก
ท้ังหมด สารแอนโทไซยานิน และสารฟลาโวนอยด์ทั้งหมด เท่ากับ 7.53±1.21 mg/g, 24.90±1.80 mg GAE/g, ศึกษำปริมำณสำระสำคัญ สมบัติกำรตำ้ นอนมุ ูลอิสระ
1.47±0.20 mg/g, 26.8±2.33 mg RE/g ตามลาดับ มีความสามารถในการตา้ นอนุมูลอิสระDPPH98.17±3.49%
ความสามารถในการคีเลทไอออนของโลหะ 81.52±2.78% และความสามารถในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธี ปรมิ าณวติ ามนิ ซี วธิ ี reducing power DPPH
reducing power 73.98±1.05% เมื่อแปรรูปเปน็ เครื่องดื่มเพ่ือสุขภาพสูตรเข้มข้นและสูตรพร้อมด่ืม และศึกษา ปริมาณสารฟนี อลกิ ทั้งหมด scavenging assay
ระยะเวลาการเก็บรักษาเคร่ืองดื่มตอ่ สมบัตกิ ารต้านอนุมูลอิสระและปริมาณสารสาคัญต่างๆ พบว่าประสาทสัมผัส สี
กลิน่ รส รสชาติ เนือ้ สัมผัส ลกั ษณะปรากฏ ความชอบรวม ของทัง้ 2 สูตร อยใู่ นช่วง 83.86- 92.59 % สามารถเกบ็ ได้ สารแอนโทไซยานนิ วิธี Ferric – ion chelating (FIC )
นาน 45 วนั โดยแช่ตเู้ ยน็ ซ่งึ ปรมิ าณสารสาคัญต่างๆ ลดลงเล็กน้อย ปริมาณสารฟลาโวนอยด์ท้งั หมด วิธี reducing power assay

คาสาคญั : มะมว่ งหาวมะนาวโห่ สารตา้ นอนุมลู อิสระ สารฟีนอลิกทั้งหมด สารฟลาโวนอยดท์ ง้ั หมด พรอ้ มทั้งประเมนิ ความพงึ พอใจท่ีมตี อ่
เคร่อื งด่มื แปรรูปทงั้ 2 ชนดิ
บทนำ

มะม่วงหาวมะนาวโห่เปน็ ผลไมพ้ ื้นบ้านของไทย มชี อื่ วิทยาศาสตร์ Carissa carandas Linn. จัดอยู่ในวงศ์ Apocyanaceae เป็น ผลกำรทดลอง
ไม้พุ่มสูง 2-4 เมตร มีหนามแหลมยาวตามกิ่ง น้ายางสีขาว ผลดิบมีสีขาวอมชมพู ผลสุกมีแดงจนม่วงเข้ม มีถิ่นกาเนิดจากประเทศ
อินเดีย รู้จักในช่ือว่า Karanda เป็นพืชสมุนไพรที่นามาใช้ในการดูแลสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ตำรำงท่ี1 ปรมิ ำณสำรสำคัญในตัวอย่ำงมะม่วงหำวมะนำวโหส่ ดและผลติ ภัณฑ์เครื่องด่ืมเพือ่ สขุ ภำพสตู รตำ่ งๆ
โรคหัวใจ รวมท้ังโรคอัลไซเมอร์ (Sharma และคณะ, 2007; Bhaskar และ Balakrishnan, 2009) เนื่องจากมีสารออกฤทธ์ทิ าง
ชีวภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงประกอบด้วย สารโฟลีฟีนอลิก ฟลาโวนอยด์ ฟลาวาโนน วิตามินซี อัลคาลอยด์ ซาโปนิน และ วติ ามนิ ซี สารฟีนอลิกทงั้ หมด สารแอนโทไซยานิน สารฟลาโวนอยดท์ ้งั หมด
แทนนิน (Kubola et al., 2011; Itankar et al., 2011; Gupta et al., 2014; SimLa et al., 2013; สกุลกานต์ สมิ ลา และคณะ,
2556; วชิราภรณ์ ผิวล่อง และคณะ, 2556) ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภครู้จักและสนใจผลไม้ชนิดนี้กันมากข้ึน รวมทั้งยังนิยมนามาแปรรูป ตัวอย่าง mg/g mg GAE/g mg/g mg/g
เป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น มะม่วงหาวมะนาวโห่ดอง แช่อ่ิม แยม เยลลี่ และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เป็นต้น และสามารถนามาใช้ มะม่วงหาวมะนาวโห่สด 7.53±1.21 24.90± 1.80 1.47±0.20 26.80±2.33
ประโยชน์ได้แทบทุกส่วนของต้น ท้ังการรับประทานผลสด การนาผลไปประกอบอาหาร การใช้ประโยชน์จากใบและยอดอ่อน
รวมถงึ ราก ลาต้นและยาง สูตรพร้อมดื่ม 1 2.32±0.22 17.50± 1.21 0.81±0.08 19.08±0.94
สตู รพรอ้ มดื่ม 2 2.98±0.30 16.90± 1.10 0.95±0.12 18.98±0.35
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาปริมาณสารสาคัญในมะม่วงหาวมะนาวโห่ (ระยะผลก่ึงสุก) เพ่ือแปรรูปเป็นเคร่ืองด่ืมเพ่ือ สตู รพรอ้ มดื่ม 3 2.75±0.24 17.30± 1.06 1.11±0.04 20.03±1.06
สุขภาพสูตรเข้มข้นและสูตรพร้อมด่ืม และศึกษาระยะเวลาการเก็บรักษาเครื่องดื่มต่อสมบัติการต้านอนุมูลอิสระและปริมาณ
สารสาคญั ตา่ งๆ สูตรเข้มข้น 1 5.43±0.25 22.89± 0.84 1.27±0.24 23.96±1.98
สูตรเขม้ ข้น 2 6.10±0.47 21.76± 1.05 1.09±0.15 24.28±1.60
สรุปและวิจำรณผ์ ล
สูตรเข้มข้น 3 6.05±0.27 22.45± 0.90 1.15±0.20 24.23±2.02
พบว่ามะมว่ งหาวมะนาวโห่ระยะผลก่ึงสุกมีปริมาณปริมาณวิตามินซี สารฟีนอลิกทั้งหมด สารแอนโทไซยานิน และสารฟลาโว
นอยด์ทั้งหมด เท่ากับ 7.53±1.21 mg/g, 24.90± 1.80 mg GAE/g, 1.47±0.20 mg/g, 26.8±2.33 mg RE/g ตามลาดบั มี ตำรำงท2่ี ปรมิ ำณสำรสำคัญในตวั อยำ่ งมะมว่ งหำวมะนำวโห่สดและผลิตภณั ฑ์เครื่องดมื่ เพอ่ื สขุ ภำพสูตรต่ำงๆ
ความสามารถในการต้านอนุมลู อิสระ DPPH 98.17 ± 3.49% ความสามารถในการคีเลทไอออนของโลหะ 81.52± 2.78% และวิธี
reducing power 73.98±1.05% เม่ือแปรรูปเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพสูตรเข้มข้นและสตู รพร้อมด่ืมจะมีปริมาณสารสาคัญต่างๆ reducing power DPPH Ferric – ion chelating reducing power
และความสามารถในการตา้ นอนุมูลอิสระลดลง พบว่าผลการประเมินความพึงพอใจตอ่ ประสาทสัมผัส สี กลน่ิ รส รสชาติ เน้ือสมั ผัส scavenging assay (%)
ลักษณะปรากฏ ความชอบรวม ของท้ัง 2 สูตร อยู่ในช่วง 83.86- 92.59% และสามารถเก็บเคร่ืองดื่มแปรรูปน้ีได้นาน 45 วัน โดย ตวั อยา่ ง (FIC ) % assay %
แช่ต้เู ยน็ ซง่ึ ปรมิ าณสารสาคัญต่างๆ ลดลงเล็กน้อย
มะมว่ งหาวมะนาวโห่สด 98.17 ± 3.49 81.52± 2.78% 73.98±1.05
สูตรพรอ้ มดื่ม 1 74.37 ± 2.10 62.35± 2.78% 58.19±1.06
สตู รพรอ้ มด่มื 2 73.16 ± 2.60 61.82± 2.78% 57.09±1.17

สตู รพรอ้ มดม่ื 3 68.25 ± 3.2 64.32± 2.78% 61.18±1.38
สูตรเขม้ ข้น 1 78.17 ± 2.44 70.52± 1.08% 68.78±1.09

สตู รเขม้ ข้น 2 82.17 ± 2.15 68.52± 1.78% 63.98±1.10
สูตรเข้มขน้ 3 79.98 ± 1.88 74.52± 2.18% 61.98±0.41

อ้ำงอิง ผลประเมนิ ความพงึ พอใจทีม่ ีตอ่ เครอ่ื งด่ืมแปรรูปท้งั 2 สูตร พบวา่ ประสาทสัมผัส สี กลิ่นรส รสชาติ เนอื้ สมั ผสั ลกั ษณะปรากฏ ความชอบรวม ของทง้ั
2 สตู ร อยู่ในชว่ ง 83.86- 92.59% สามารถเก็บได้นาน 45 วัน โดยแช่ต้เู ยน็ ซง่ึ ปรมิ าณสารสาคญั ตา่ งๆ ลดลงเล็กน้อย

วชริ าภรณ์ ผวิ ลอ่ ง, สุรศกั ดสิ์ ัจจบุตร, ศิริลกั ษณ์ สิงหเ์ พชร และ จารรุ ัตน์ เอยี่ มศิริ. (2556). อทิ ธพิ ลของระยะเวลาสกุ ตอ่ สารออกฤทธ์ิทางชีวภาพของมะมว่ งหาวมะนาวโห.่ วารสารวิทยาศาสตร์เกษตร, 44(ฉบบั พิเศษ 2), 337-340.
สกุลกานต์ สมิ ลา, สรุ ศกั ดิ์ บญุ แตง่ และ พัชรี สริ ติ ระกูลศกั ดิ์. (2556). การประเมนิ ปริมาณสารพฤกษเคมีบางประการและกิจกรรมของสารต้านอนมุ ลู อสิ ระใน Carissa carandas Linn. แกน่ เกษตร, 41(ฉบบั พิเศษ 1), 602-606.
Bhaskar V.H. and Balakrishnan N., 2009, Analgesic, Anti-Inflammatory and Antipyretic Activities of Pergularia daemia and Carissa carandas, DARU Journal of Pharmaceutical Sciences, 17(3): 168-174.
Gupta, P., Bhatnagar, I., Kim, S-K., Verma, A.K., & Sharma, A. (2014). In-vitro cancer cell cytotoxicity and alpha amylase inhibition effect of seven tropical fruit residues. Asian Pacific Journal of Tropical Biomedicine, 4(2), s665-s671.
Itankar, P.R., Lokhande, S.J., Verma, P.R., Arora, S.K., Sahu, R.A., & Patil, A.T. (2011). Antidiabetic potential of unripe Carissa carandas Linn. fruit extract. Journal of Ethnopharmacology, 135(2), 430-433.
Kubola, J., Siriamornpun, S., & Meeso, N. (2011). Phytochemicals, vitamin C and sugar content of Thai wild fruits. Food Chemistry, 126(3), 972-981.
Sharma, A., Reddy, G.D., Kaushik, A., Shanker , K., Tiwari, R.K., Mukherjee, A. and Rao, C.V., 2007, Analgesic and Anti-inflammatory Activity of Carissa carandas L. Fruits and

Microstylis wallichii Lindl Tubers, Natural Product Sciences, 13(1): 6-10.


Click to View FlipBook Version