น้ำกระชาย
จัดทำโดย
ไอรดา ดำจบั รหัสนักศกึ ษา 63302010066
ชลธิชา พทุ ธสวุ รรณ์ รหัสนกั ศกึ ษา 63302010069
เสนอ
อาจารย์นพิ ร จุทยั รตั น์
รายงานนเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศึกษา วชิ า โครงการ
สาขาวิชา การบญั ชี ประเภท บรหิ ารธุรกจิ
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
วิทยาลัยอาชวี ศึกษาชลบุรี
น้ำกระชาย
จัดทำโดย
ไอรดา ดำจบั รหัสนักศกึ ษา 63302010066
ชลธิชา พทุ ธสวุ รรณ์ รหัสนกั ศกึ ษา 63302010069
เสนอ
อาจารย์นพิ ร จุทยั รตั น์
รายงานนเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศึกษา วชิ า โครงการ
สาขาวิชา การบญั ชี ประเภท บรหิ ารธุรกจิ
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
วิทยาลัยอาชวี ศึกษาชลบุรี
ใบรับรองโครงการ
วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาชลบรุ ี
เร่อื ง น้ำกระชาย
จดั ทำโดย นางสาวไอรดา ดำจบั
นางสาวชลธชิ า พทุ ธสวุ รรณ์
ได้รับการรับรองใหน้ ับเป็นสว่ นหน่ึงของการศกึ ษาตามหลักสตู รประกาศนยี บัตรวิชาช้ันสงู
(ปวส.) สาขาวิชาการบญั ชี ประเภทวชิ าบรหิ ารธรุ กิจ
…………………………………หัวหนา้ แผนกวชิ า …………………รองผูอ้ ำนวยการฝ่ายวชิ าการ
(นางนิพร จทุ ยั รตั น์) (นายยรรยง ประกอบเก้อื )
วนั ที่……..เดือน………………….พ.ศ………. วนั ท่ี……..เดอื น………………….พ.ศ……….
คณะกรรมการสอบโครงการ
…………………………………………………ประธานกรรมการ (อาจารย์ทป่ี รกึ ษาโครงการ)
(……………………………………………)
…………………………………………………กรรมการ
(……………………………………………)
…………………………………………………กรรมการ
(……………………………………………)
…………………………………………………กรรมการ
(……………………………………………)
ช่ือผลงาน นำ้ กระชาย
ชอ่ื นักศึกษา ไอรดา ดำจับ
ชลธชิ า พทุ ธสุวรรณ์
สาขาวิชา การบญั ชี
ประเภทวชิ า บริหารธุรกิจ
ปีการศกึ ษา 2564
สถานศกึ ษา วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษาชลบุรี
บทคัดย่อ
วตั ถุประสงคข์ องการศึกษาครงั้ น้ี 1. เพือ่ พัฒนาผลติ ภณั ฑน์ ำ้ กระชายโดยมีส่วนผสมของ
น้ำผึ้งและนำ้ มะนาว 2. เพือ่ พัฒนาบรรจุภัณฑ์น้ำกระชาย 3. เพื่อศกึ ษาความพงึ พอใจของ
กลมุ่ เปา้ หมายทม่ี ตี อ่ ผลติ ภัณฑน์ ำ้ กระชาย กลุม่ ตวั อย่างทใ่ี ช้ในการวจิ ยั ครัง้ น้ไี ด้แก่ นกั ศกึ ษาระดับ
ประกาศนียบตั รวชิ าชีพชั้นสงู (ปวส.) ช้นั ปีท่ี 2 สาขาวิชาการบญั ชี ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาชลบุรี จำนวน 84 คน ซ่ึงได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive
Sampling) เคร่อื งมือทีใ่ ชใ้ นการศึกษา คือ แบบสอบถามเพ่อื ศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเปา้ หมายท่ี
มตี อ่ ผลติ ภัณฑ์นำ้ กระชาย แบ่งเปน็ 3 ด้าน คอื ด้านคุณภาพผลิตภณั ฑ์ ดา้ นบรรจุภณั ฑ์ และด้าน
สง่ เสรมิ การจัดจำหนา่ ย สถติ ิทใ่ี ช้ในการศกึ ษา คือ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลย่ี (Arithmetic
Mean) ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
ผลการศกึ ษาพบว่า
1. เพื่อพัฒนาผลติ ภณั ฑน์ ำ้ กระชายโดยมีสว่ นผสมของนำ้ ผ้งึ และน้ำมะนาว ด้านสภาพทั่วไป
ของผูต้ อบแบบสอบถาม พบว่านกั ศึกษากล่มุ เป้าหมายสว่ นใหญ่เปน็ เพศหญิง จำนวน 79 คน คิดเปน็
ร้อยละ 94.00 สว่ นใหญ่อยใู่ นช่วงอายุ 18 - 20 ปี จำนวน 79 คน คิดเป็นร้อยละ 94.00 รองลงมา
อายุ 21 – 22 ปี จำนวน 4 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 4.80 และอายุ 23-25 ปี จำนวน 1 คน คดิ เป็นร้อยละ
1.20
2. ขอ้ มูลศกึ ษาความพงึ พอใจทีม่ ตี อ่ ผลติ ภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์น้ำกระชาย แบ่งเปน็ 3 ด้าน
คือ ดา้ นคณุ ภาพผลติ ภัณฑ์ ด้านบรรจุภัณฑ์ และดา้ นส่งเสริมการจัดจำหนา่ ย
ด้านคุณภาพผลติ ภัณฑ์ โดยรวมมคี วามพึงพอใจในระดบั มาก เมือ่ พจิ ารณาเป็นรายขอ้ แล้ว
ทุกข้อมีความพงึ พอใจในระดับมาก คือ รสชาติผลิตภณั ฑ์มีความอร่อย สดชื่น รองลงมาผลิตภัณฑ์มี
จ
ประโยชน์ต่อรา่ งกาย และผลิตภัณฑ์มคี วามสะอาด ความปลอดภัยตอ่ ผู้บริโภค ปรมิ าณของผลิตภัณฑ์
ผลิตภณั ฑ์มีความสดใหม่น่ารับประทาน
ดา้ นบรรจภุ ัณฑ์ โดยรวมมคี วามพึงพอใจในระดบั มาก เมอื่ พิจารณาเป็นรายข้อแล้ว ทุกข้อมี
ความพงึ พอใจในระดบั มาก คือ บรรจภุ ัณฑม์ ีความสะดวกในการดื่ม และพกพา รองลงมาบรรจภุ ณั ฑม์ ี
ความดงึ ดูด น่าสนใจ และบรรจุภณั ฑม์ ีความเหมาะสมตอ่ ผลิตภณั ฑ์ บรรจุภณั ฑ์มีความสวยงานและ
ความทันสมัย ตราผลติ ภัณฑ์
ด้านสง่ เสรมิ การจัดจำหนา่ ย โดยรวมมคี วามพึงพอใจในระดบั มาก เม่อื พิจารณาเป็นรายข้อ
มีปา้ ยกำหนดราคาท่ชี ัดเจนมคี วามพึงพอใจในระดบั มากท่สี ดุ รองลงมา คือ ราคามคี วามเหมาะสมกับ
ปรมิ าณของผลติ ภณั ฑ์ มชี ่องทางการจัดจำหนา่ ยชัดเจน มคี วามสะดวกในการสัง่ ซือ้ และการกำหนด
ราคาเป็นไปมาตรฐานผลิตภณั ฑ์
คำสำคัญ : นำ้ กระชาย, รสชาติ, ความพงึ พอใจ
กติ ตกิ รรมประกาศ
การศึกษาเรอ่ื ง “น้ำกระชาย” ในครั้งน้ี สามารถสำเรจ็ ลลุ ่วงอยา่ งสมบูรณ์ด้วยความเมตตา
จากอาจารย์นพิ ร จุทยั รตั น์ ทป่ี รกึ ษาโครงการวจิ ัยท่ใี ห้คำปรึกษาแนะนำแนวทางที่ถกู ต้อง และเอา
ใจใส่ด้วยดตี ลอดระยะเวลาในการทำวิจยั ผู้ศึกษารู้สึกซาบซึง้ เป็นอย่างยง่ิ จึงขอกราบขอบพระคุณ
เป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
ขอขอบพระคณุ บดิ า มารดา และเพอื่ น ๆ ทกุ คนท่ีได้ให้คำแนะนำช่วยเหลอื สนบั สนุน
ผวู้ ิจัยโครงการมาตลอด โครงการจะสำเร็จลลุ ่วงไปไม่ได้ หากไมม่ บี ุคคลดงั กล่าวในการจัดทำโครงการ
คณุ ค่าและประโยชนข์ องงานศกึ ษาครัง้ นี้ ผู้ศกึ ษาขอมอบเป็นกตัญญูกตเวทติ าแดบ่ ุพการี
บรู พาจารย์ และผมั ีพระคุณทา่ นทัง้ ในอดตี และปจั จุบัน ทีไ่ ด้อบรม สั่งสอน ชี้แนะแนวทางใน
การศกึ ษา จนทำใหผ้ ู้ศึกษาประสบความสำเรจ็ มาจนตราบทกุ วนั นี้
ไอรดา ดำจบั
ชลธิชา พุทธสุวรรณ์
สารบัญ หนา้
ใบรบั รองโครงการ ค
บทคัดย่อ ง
กติ ติกรรมประกาศ ฉ
สารบญั ช
สารบัญตาราง ฌ
สารบญั ภาพ ญ
บทท่ี 1 บทนำ 1
1
ความเป็นมาและความสำคญั ของปัญหา 1
วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ 2
ขอบเขตของการศึกษา 2
นิยามศัพท์เฉพาะ 3
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กย่ี วข้อง 3
จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวชิ า และคำอธบิ ายรายวิชา 4
ทฤษฎีการวเิ คราะหส์ ถานการณ์ทางการตลาด (SWOT Analysis) 5
ทฤษฎีการวิเคราะหผ์ ู้บริโภค (STP Strategy) 6
ทฤษฎกี ลยทุ ธ์การตลาด (4Ps) และ (8Ps) 9
ทฤษฎีพฤติกรรมผบู้ ริโภค (Buyer Behavior’s Model) 11
แนวความคดิ การพัฒนาบรรจภุ ัณฑ์ 18
แนวความคิดของหลักการบญั ชตี ้นทุน 19
แนวคิดในการวดั ผลกำไร 25
งานวจิ ัยท่เี กย่ี วข้อง 27
บทท่ี 3 วธิ ดี ำเนนิ การศึกษา 27
ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 27
เครอื่ งมอื ท่ใี ชใ้ นการศึกษา 27
ข้ันตอนในการสรา้ งเครื่องมือ 28
การเก็บรวบรวมขอ้ มลู 28
การวิเคราะห์ข้อมลู และสถติ ทิ ่ใี ชใ้ นการศกึ ษา
สารบญั (ตอ่ ) ช
บทที่ 4 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู หน้า
สญั ลักษณท์ ่ีใช้ในการวิเคราะห์ 29
การนำเสนอการวเิ คราะหข์ ้อมลู 29
29
บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ ราย และขอ้ เสนอแนะ 37
สรปุ ผลการศกึ ษา 37
อภิปรายผลการศึกษา 38
40
บรรณานุกรม
ภาคผนวก 44
48
ภาคผนวก ก แบบขออนมุ ตั โิ ครงการ แบบเสนอโครงการ 52
ข แบบสอบถาม 54
ค งบประมาณค่าใชจ้ ่าย 62
ง เอกสารประกอบ (ภาพถา่ ย)
ประวตั ผิ จู้ ัดทำ
สารบญั ตาราง หน้า
ตาราง 1 แสดงความถี่และรอ้ ยละของกลมุ่ เป้าหมาย จำแนกเพศ 31
ตาราง 2 แสดงความถีแ่ ละรอ้ ยละของกลุ่มเป้าหมายจำแนกตามชว่ งอายุ 32
ตาราง 3 แสดงความถ่แี ละรอ้ ยละของกล่มุ เปา้ หมายจำแนกตามกล่มุ เรยี น 33
ตาราง 4 แสดงค่าเฉลี่ย และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน ความพงึ พอใจของกลุ่มเป้าหมาย 34
ทมี่ ตี ่อ ผลติ ภัณฑแ์ ละบรรจุภัณฑ์นำ้ กระชาย สรุปเป็นรายดา้ นคุณภาพผลติ ภณั ฑ์
ตาราง 5 แสดงคา่ เฉล่ีย และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจของกลมุ่ เปา้ หมาย 35
ท่มี ีต่อ ผลิตภัณฑแ์ ละบรรจุภัณฑ์นำ้ กระชาย สรุปเป็นรายดา้ นบรรจุภัณฑ์
ตาราง 6 แสดงคา่ เฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ความพงึ พอใจของกลมุ่ เป้าหมาย 36
ทีม่ ตี อ่ ผลติ ภณั ฑ์และบรรจภุ ณั ฑน์ ้ำกระชาย สรุปเปน็ รายด้านสง่ เสรมิ การจัดจำหน่าย
สารบญั ภาพ หนา้
ภาพท่ี 1 แสดงความถ่แี ละร้อยละของนกั ศึกษา จำแนกเพศ 31
ภาพท่ี 2 แสดงความถแี่ ละร้อยละของนกั ศกึ ษา จำแนกตามช่วงอายุ 32
ภาพที่ 3 แสดงความถ่แี ละร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามกล่มุ เรียน 33
ภาพท่ี 4 แสดงคา่ เฉลย่ี และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมาย 34
สรปุ เปน็ รายด้านคณุ ภาพผลติ ภณั ฑ์
ภาพที่ 5 แสดงค่าเฉลี่ย และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมาย 35
สรปุ เป็นรายดา้ นบรรจภุ ัณฑ์
ภาพที่ 6 แสดงคา่ เฉล่ีย และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจของกล่มุ เปา้ หมาย 36
สรปุ เป็นรายดา้ นส่งเสรมิ การจัดจำหน่าย
ภาพที่ 7 กระชาย น้ำผงึ้ และมะนาว 55
ภาพที่ 8 น้ำเปล่า 1 ขวด 55
ภาพที่ 9 เขยี ง และมดี 56
ภาพที่ 10 ทกี่ รอง 56
ภาพที่ 11 เครือ่ งปน่ั และโหล 57
ภาพที่ 12 ขวดบรรจุภัณฑ์ 57
ภาพที่ 13 นำกระชายและมะนาวมาลา้ งนำ้ เปลา่ ให้สะอาด 58
ภาพท่ี 14 นำกระชายมาห่นั เปน็ ท่อนเล็กๆ 58
ภาพท่ี 15 นำนำ้ เปลา่ และกระชายที่หนั่ ไวล้ งโถปนั่ แล้วปนั่ ให้เข้ากัน 59
ภาพที่ 16 นำกระชายที่ป่นั ไวม้ ากรองกากกับน้ำออกจากกัน 59
ภาพที่ 17 นำมะนาวที่บบี ไว้เทลงไปผสมกบั นำ้ กระชาย 60
ภาพที่ 18 นำนำ้ ผ้งึ เทลงไปผสมกับนำ้ กระชายและนำ้ มะนาวคนให้เข้ากัน 60
ภาพท่ี 19 เทใสล่ งขวดบรรจภุ ัณฑ์พร้อมติดโลโก้ 61
1
บทท่ี 1
บทนำ
ความเปน็ มาและความสำคญั ของปญั หา
กระชายเป็นพืชท่ีมีถิ่นกำเนดิ ในเขตเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้และเอเชยี ใต้ อุดมไปดว้ ยวิตามิน
และแร่ธาตุมากมาย ทง้ั วติ ามินบี และวติ ามินบี 12 และทก่ี ระชายมีสรรพคณุ ทางยากเ็ พราะวา่ มีสาร
เคอร์คมู ิน ท่ชี ่วยในการตา้ นการอกั เสบ และยงั ไปยบั ยั้งการเจริญเติบโตของเชอื้ โรคได้อีกด้วย กระชาย
มีสรรพคุณดเี ทียบเทา่ โสมเกาหลี “กระชาย” ได้ช่ือวา่ เปน็ “โสมไทย” ในวงการแพทย์แผนไทย
เพราะเป็นพืชสมุนไพรของไทยท่ีมีสรรพคณุ คลา้ ยกบั “โสมเกาหลี” และยงั มรี ปู ร่างลักษณะคล้ายคลงึ
กบั โสมด้วย สรรพคณุ โดดเด่นท่ีเหมอื นกันคอื การบำรงุ กำลงั และเสริมสมรรถภาพทางเพศ อกี ทำยงั มี
การเจรญิ เติบโตใกล้เคียงกัน นอกจากความโดดเด่นเร่ืองสรรพคุณทเี่ หมอื นกับโสมแลว้ กระชายยงั จัด
ว่าเปน็ “พืชมงคล” เนื่องจากสมัยโบราณหมอยาจะนำกระชายมารกั ษาคนเฒ่าคนแกแ่ ลว้ หายดเี ปน็
ปลดิ ทิ้ง กระชายจึงถือเป็นพืชสมุนไพรมงคลที่เชือ่ วา่ นำมาปลกู ไวห้ น้าบา้ นจะช่วยปัดเปา่ โรค ทำให้คน
ในบา้ นไร้โรคภยั ไข้เจบ็ เป็นสริ ิมงคลให้กับผ้ทู อ่ี ยใู่ นบ้าน ชนดิ ของกระชาย “กระชาย” ถูกจำแนก
ออกเป็น 3 ชนดิ คอื กระชายดำ กระชายแดง และกระชายเหลอื ง ซ่ึงหลายเมนูอาหารไทยเรา มี
กระชายเปน็ สว่ นประกอบโดยเฉพาะเมนแู กงปา่ หรือน้ำพรกิ ต่างๆ ทีต่ ้องการความเผ็ด รอ้ น อกี ทั้ง
สมุนไพรอย่างกระชายมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สามารถใชเ้ ปน็ ผักจม้ิ ไดโ้ ดยตรง และช่วยดับกล่นิ ขาวของ
อาหารจำพวกปลา เนือ้ ไดด้ ีอีกด้วย
เน่ืองจากกระชายมสี รรพคณุ ทางยามากมาย กระชายมีรสเผ็ดร้อนและขมทำให้ยากการ
รับประทาน ต่อมาจงึ ไดม้ กี ารนำกระชายมาแปรรูปเป็นเครอ่ื งดืม่ หรือทเี่ รียกกันวา่ นำ้ กระชาย การ
นำมาแปรรูปเป็นนำ้ โดยนำกระชายผสมนำ้ ผงึ้ มะนาว เพื่อเพิม่ รสชาติและความหอมหวานอมเปรีย้ ว
ช่วยทำใหด้ มื่ งา่ ยข้ึน หากนำ้ ไปแช่เย็นเวลานำ้ มาดืม่ จะสดชื่น
ดงั น้ัน คณะผู้จดั ทำจึงเกิดความคิดท่ีจะทำผลติ ภัณฑ์นำ้ กระชาย โดยในน้ำจะประกอบไปด้วย
ส่วนผสมทีเ่ พม่ิ รสชาตไิ ดแ้ ก่ น้ำผ้ึงและนำ้ มะนาว เพอ่ื ใหส้ ามารถดมื่ ไดง้ ่ายทกุ เพศ ทุกวัยและเปน็
ประโยชน์กับรา่ งกาย นอกจากนำ้ กระชายจะชว่ ยบำรุงร่างกายกบั สมองแล้ว นำ้ ผง้ึ และน้ำมะนาว ยงั
ชว่ ยกระตุ้นระบบขบั ถ่ายและทำใหร้ า่ งกายสดชน่ื
วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ
1. เพอื่ พัฒนาผลิตภณั ฑ์นำ้ กระชายโดยมีส่วนผสมของนำ้ ผง้ึ และนำ้ มะนาว
2. เพือ่ พฒั นาบรรจภุ ัณฑ์นำ้ กระชาย
3. เพ่ือศกึ ษาความพึงพอใจของกลุม่ เปา้ หมายทมี่ ตี อ่ ผลิตภัณฑ์นำ้ กระชาย
2
ขอบเขตของการศึกษา
1. ขอบเขตด้านกลมุ่ เป้าหมาย ได้แก่ นกั ศึกษาประกาศนยี บัตรวชิ าชีพช้ันสูง (ปวส.) ชั้นปี
ท่ี 2 แผนกการบัญชี ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบรุ ี จำนวน 84 คน
2. ขอบเขตดา้ นเน้ือหา เพอื่ พฒั นาน้ำกระชายโดยมีสว่ นผสมของนำ้ ผึ้งและนำ้ มะนาว เพอ่ื
เพิม่ รสชาตแิ ละความหวานอมเปรีย้ ว ชว่ ยดบั ความรอ้ น บำรงุ ร่างกายและต่อต้านเช้ือไวรัสได้
3. ขอบเขตดา้ นเวลาและขอบเขตด้านสถานที่
3.1 ขอบเขตด้านเวลา 1 มิถุนายน 2564 – 1 ตลุ าคม 2564
3.2 ขอบเขตดา้ นสถานที่ วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาชลบุรี
ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รบั
1. ไดผ้ ลติ ภณั ฑ์น้ำกระชายโดยมสี ่วนผสมของน้ำผึ้งและน้ำมะนาว
2. บรรจภุ ณั ฑ์นำ้ กระชายเปน็ ที่ร้จู กั
3. ไดท้ ราบความพงึ พอใจของผบู้ ริโภคท่มี ีต่อผลติ ภัณฑ์นำ้ กระชาย
นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ
1. น้ำกระชาย หมายถึง เปน็ เครื่องด่มื ทีม่ สี ว่ นผสมของนำ้ ผงึ้ และน้ำมะนาว น้ำกระชายชว่ ย
ในการบำรุงรา่ งกาย
2. นำ้ ผง้ึ หมายถึง ผลผลติ ของน้ำหวานจากดอกไม้และจากแหล่งอ่ืนๆโดยผา่ นข้นั ตอนการ
เปลย่ี นแปลงทางกายภาพและทางเคมแี ลว้ สะสมไวใ้ นรงั ผงึ้ ซ่งึ นยิ มนำมาใชเ้ ป็นสารใหค้ วามหวานใน
อาหารหรือเครือ่ งดื่ม
3. น้ำมะนาว หมายถึง การนำผลมะนาวทีส่ ดและอยู่ในสภาพดีมาล้างใหส้ ะอาด ผา่ ครง่ึ ค้ัน
เอาแต่ส่วนที่เป็นน้ำมะนาวมาผสมกับเคร่อื งดม่ื
4. ความพงึ พอใจ หมายถึง การแสดงออกของอารมณใ์ นทางบวกที่ได้รบั การตอบสนองต่อ
ความคาดหวังอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ และถ้าสิง่ ท่ไี ด้รับสอดคลอ้ งหรือมากกวา่ ความคาดหวงั ผ้รู ับจะมีความ
พงึ พอใจ แตถ่ า้ นอ้ ยกวา่ ความคาดหวังความพอใจจะน้อยลง ในการวิจัยครั้งนี้หมายถึง ความรู้สกึ ทด่ี ีมี
ความสขุ ของผู้บริโภค เม่ือได้รับการตอบสนองความต้องการตามทค่ี าดหวังจากคณุ ค่าของผลติ ภัณฑ์
น้ำกระชาย
5. รายได้ หมายถึง จำนวนเงินหลังหักคา่ ใชจ้ า่ ยจากการขายผลิตภณั ฑ์
3
บทท่ี 2
เอกสาร ทฤษฎี และงานวจิ ัยทเ่ี กีย่ วขอ้ ง
ในบทนีจ้ ะนำเสนอเอกสารและงานวิจัยทีเ่ กยี่ วขอ้ ง มดี ังต่อไปน้ี
1. จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำอธิบายรายวิชา
2. ทฤษฎีการวิเคราะห์สถานการณท์ างการตลาด (SWOT Analysis)
3. ทฤษฎีการวิเคราะหผ์ ู้บริโภค (STP Strategy)
4. ทฤษฎกี ลยุทธ์การตลาด (4Ps) และ (8Ps)
5. ทฤษฎีพฤติกรรมผบู้ รโิ ภค (Buyer Behavior’s Model)
6. แนวความคดิ การพัฒนาบรรจภุ ัณฑ์
7. แนวความคดิ ของหลกั การบัญชีตน้ ทุน
8. แนวคดิ ในการวัดผลกำไร
9. งานวิจยั ท่ีเกย่ี วขอ้ ง
1. จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำอธบิ ายรายวิชา
1.1 จุดประสงคร์ ายวชิ า
1.1.1 เขา้ ใจขัน้ ตอนกระบวนการสรา้ งหรอื พัฒนางานอาชีพอย่างเป็นระบบ
1.1.2 สามารถบูรณาการความรู้และทกั ษะในการสรา้ งหรือพฒั นางานในสาขาวชิ าชีพ
ตามกระบวนการวางแผน การดำเนินงาน การแกไ้ ข ปญั หาประเมินผลทำรายงานและนำเสนอผลงาน
1.1.3 มเี จตคติและกิจนิสัยในการศึกษาคน้ ควา้ เพือ่ สร้างหรือพัฒนางานอาชพี ดว้ ย
ความรบั ผดิ ชอบ มวี นิ ยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ความคิดรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ ขยัน อดทนและสามารถทำงาน
รว่ มกบั ผอู้ ่นื ได้
1.2 สมรรถนะรายวชิ า
1.2.1 แสดงความรเู้ กี่ยวกบั หลกั การและกระบวนการสร้างหรือพัฒนางานอาชพี อยา่ ง
เป็นระบบ
1.2.2 เขยี นโครงการสรา้ งหรอื พัฒนางานตามหลกั การ
1.2.3 ดำเนินงานตามแผนงานโครงการตามหลักการและกระบวนการ
1.2.4 เก็บขอ้ มลู วิเคราะห์ สรปุ และประเมินผลการดำเนินงานโครงการตามหลกั การ
1.2.5 นำเสนอผลการดำเนินงานด้วยรปู แบบวิธกี ารต่างๆ
1.3 คำอธิบายรายวชิ า
ศึกษาและปฏิบัติเกยี่ วกับการบูรณาการความรู้ และทกั ษะในระดับเทคนิคทสี่ อดคล้อง
กับสาขาวชิ าชีพที่ศึกษา เพอื่ สรา้ งหรอื พัฒนางานด้วยกระบวนการทดลอง สำรวจ ประดิษฐ์คิดค้น
4
หรอื การปฏบิ ตั ิงานเชิงระบบ การเลอื กหัวข้อโครงการ การศกึ ษาค้นคว้าขอ้ มลู และเอกสารอ้างองิ การ
เขียนโครงการการดำเนนิ งานโครงการ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู วิเคราะห์แปรผล การสรุปผลการ
ดำเนินงาน และจัดทำรายงาน การนำเสนอผลงานโครงการ ดำเนินการเป็นรานบุคคลหรือกลมุ่ ตาม
ลกั ษณะของงานให้แล้วเสร็จ ในระยะเวลาทกี่ ำหนด
2. ทฤษฎีการวิเคราะหส์ ถานการณ์ทางการตลาด (SWOT Analysis)
SWOT Analysis เป็นหลักการวิเคราะห์สถานการณ์ของธรุ กิจหรือองคก์ ร วา่ อยใู่ น
สถานการณแ์ บบไหนเพ่ือทจ่ี ะนำมาใช้วางแผนถึงแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมในการเดินหน้าธุรกจิ
โดยจะเน้นไปที่การนำจุดแขง็ และจุดออ่ นของสภาพแวดล้อมภายในมาประกอบการพิจารณาของ
โอกาสรวมไปถึงอปุ สรรคภายนอก เพ่ือใชใ้ นการหาแผนการท่ีดที ่ีสดุ ให้กบั องค์กร SWOT
ประกอบดว้ ย
2.1 จดุ แข็ง (Strengths) : จุดเด่นหรือจุดแขง็ (ข้อไดเ้ ปรียบ) เป็นผลมาจากปัจจัยภายใน
เปน็ ขอ้ ดีทีเ่ กิดจากสภาพแวดลอ้ มภายในบริษัท เชน่ จดุ แขง็ ดา้ นการเงนิ และข้อได้เปรยี บดา้ นการ
ผลติ และดา้ นทรัพยากรบุคคล โดยบริษัทจะต้องใช้ประโยชน์จากจดุ แข็งในการกำหนดกลยทุ ธ์
การตลาด
2.2 จุดออ่ น (Weaknesses) : จุดด้อยหรอื จุดอ่อน ข้อเสียเปรยี บเป็นผลมาจากปจั จยั ภายใน
เป็นปญั หาหรอื ข้อบกพรอ่ งท่ีเกิดจากสภาพแวดลอ้ มภายในต่างๆ ของบรษิ ัท เช่น การขาดเงินทุน
นโยบายและทิศทาง การบรกิ ารทไ่ี มแ่ น่นอน หรอื บคุ ลากรที่ไมม่ ีคุณภาพ ซ่ึงบรษิ ัทจะตอ้ งหาวธิ ีใน
การปรบั ปรงุ ให้ดขี ้ึนหรือขจัดให้หมดไปอนั จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ บริษัท
2.3 โอกาส (Opportunities) : เกิดจากปจั จัยภายนอก เป็นผลจากการทส่ี ภาพแวดล้อม
ภายนอกของบริษัทเออื้ ประโยชน์ หรอื ส่งเสริมการดดำเนินงานของบรษิ ัท โอกาสแตกต่างจากจดุ แข็ง
ตรงที่โอกาสเป็นผลมาจากสภาพแวดลอ้ มภายนอก แตจ่ ุดแขง็ เป็นผลมาจากสภาพแวดลอ้ มภายใน
ผปู้ ระกอบการทีด่ ีจะต้องแสวงหาโอกาสอยเู่ สมอ โดยการวเิ คราะหส์ ิ่งแวดลอ้ มภายนอกที่
เปล่ียนแปลงอยเู่ สมอ เช่น เศรษฐกิจ เทคโนโลยี การแขง่ ขันในตลาด และใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้น
2.4 อุปสรรค (Threats) : เกิดจากปัจจัยภายนอก เป็นขอ้ จำกัดท่ีเกดิ จากสภาพแวดลอ้ ม
ภายนอกท่ีส่งผลเสยี ต่อธรุ กจิ เช่น ราคาน้ำมันทส่ี งู ข้ึน อัตราดอกเบี้ยท่สี ูงข้นึ สภาพเศรษฐกิจทีช่ ะลอ
ตัว ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรบั กลยทุ ธ์ทางการตลาดให้สอดคลอ้ ง และพยายามขจดั อปุ สรรค ต่างๆ
ท่เี กดิ ขึน้ ใหไ้ ด้ ซ่ึงมหี ลกั สำคญั 5 ประการ
2.4.1 New Entrants คือ การเข้ามาของคู่แข่งขันรายใหม่ในธุรกจิ ทีเ่ ราอยู่
ผแู้ ข่งขันรายใหมเ่ ขา้ มางา่ ยหรอื อยาก เช่น เทคโนโลยกี ารผลติ ยากหรอื ง่าย การจัดวตั ถุดิบยากหรือ
ง่าย ตลาดมคี วามดึงดดู ใจมากหรอื ไม่ ถา้ ทกุ อย่างงา่ ยไปหมด คู่แข่งขันรายใหมจ่ ะเข้ามาไดง้ า่ ยจะมี
จำนวนคู่แข่งขนั มากข้ึน
5
2.4.2 Suppliers of Key Inputs คอื อำนาจต่อรองของผู้ขาย วา่ ผขู้ ายมีอำนาจอยใู่ น
มือมีอำนาจในการตอ่ รองมากนอ้ ยแค่ไหน ความสัมพันธ์ดมี ากนอ้ ยแคไ่ หน
2.4.3 Substitute Products คือ การเข้ามาของสินค้าทดแทน เชน่ อายขุ องผลติ ภัณฑ์
life style ของลูกค้าทเี่ ปลย่ี นไปจากเดมิ ยกตวั อย่างใหเ้ ห็นได้ เชน่ การเปล่ยี นแปลงจากฟิลม์ ถา่ ยรปู
เป็นกลอ้ งดิจิตอล การเปล่ยี นจากสง่ จดหมายทางตูไ้ ปรษณยี ์มาเปน็ อเี มล์ เปน็ ต้น ตอ้ งลองคิดดูว่า
ธรุ กิจมแี นวโน้มทจ่ี ะถกู สินคา้ ชนดิ มาแทนทหี รอื ไม่ หรอื สนิ ค้ามีแนวโน้มที่จะแทนทสี่ นิ คา้ ชนดิ นไี้ ด้
หรือไม่
2.4.4 Buyers คือ อำนาจต่อรองของผซู้ ื้อในธุรกิจผู้ครองตลาดหรือไม่ ลกู ค้ามีอำนาจใน
การต่อรองมากน้อยแคไ่ หน เชน่ โทรศพั ท์มอื ถอื ในยคุ เรม่ิ แรก มกี ารล็อคเครือข่ายไวท้ ี่ตัวเคร่ือง ลูกค้า
จะตอ้ งเกดิ การตัดสนิ ใจเมื่อตอ้ งการเปล่ยี นค่ายเครือข่ายที่ใช้งานอยู่ เพราะจะต้องซอื้ โทรศพั ทเ์ ครือ่ ง
ใหม่ ซึ่งปัจจุบันไดม้ กี ารปลดล็อคเครอื ขา่ ยที่ตัวเครอื่ งแลว้ ประกอบกับชมิ การด์ และ ตวั เครื่องกม็ ี
ราคาถกู ลงมาก ลูกค้ามสี ิทธ์ทิ ่จี ะเปลีย่ นคา่ ยเครอื ข่ายไปมาไดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย ถา้ ในข้นั ตอนตอ่ ไปมีการ
ปลดล็อคหมายเลขโทรศพั ท์ การแข่งขนั ของเครือขา่ ยโทรศัพท์เคลอ่ื นทร่ี ุนแรงกวา่ นี้ ดังนั้น ถา้ ลกู คา้
เปล่ยี นใจได้ง่าย การแขง่ ขันด้านราคา โปรโมชั่นตา่ งๆ จะรุนแรงมากขนึ้ กลายเป็นลูกคา้ ได้เปรยี บจาก
การแข่งขัน และมีอำนาจในการต่อรองสงู
2.4.5 Rivalry among competing seller คอื สภาวะการแขง่ ขัน ในกลมุ่ ท่มี ี
ผลติ ภณั ฑแ์ ละตลาดเดียวกัน มกี จิ กรรมการแข่งขันทางการตลาดหมุนวนเวยี นไม่มีวนั หยุด
3. ทฤษฎีการวเิ คราะหผ์ บู้ รโิ ภค (STP Strategy)
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผบู้ รโิ ภค พ.ศ.2522 ให้ความหมายไว้ว่า หมายถงึ ผูซ้ ือ้ ผู้
ได้รบั บริการจากผูป้ ระกอบธุรกิจ หรอื ผู้ซึง่ ไดร้ บั การเสนอหรือชักชวนจากผู้ประกอบธุรกจิ เพ่ือให้
ซ้อื สินค้าหรอื บริการ และหมายความรวมถงึ ผ้ใู ช้สินค้าหรือผไู้ ด้รับบรกิ ารจากผปู้ ระกอบธุรกจิ โดน
ชอบ แมม้ ไิ ดเ้ สียค่าตอบแทนก็ตาม “ผู้บริโภคคือพระราชา” เปน็ คำกล่าวทใ่ี หค้ วามสำคญั แก่ผู้
ประกอบธุรกจิ จะอยู่ไดต้ ้องงอาศัยผ้บู ริโภค แตใ่ นสังคมปัจจบุ ัน ผูบ้ ริโภคมกั จะถกู เอารดั เอาเปรยี บ
ด้วยวิธีการต่างๆ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงจากการใช้กลยุทธท์ างตลาดท่ีขาดคุณธรรมและความรับผิดชอบ
ในอดีตคนไทยไม่ค่อยเห็นความสำคัญในเรือ่ งการใช้สิทธิของผ้บู รโิ ภค จึงถูกเอารัดเอาเปรยี บทั้งในด้าน
คณุ ภาพ และราคามกั จะไม่สนใจทีจ่ ะรกั ษาของตนเองใหม้ ากข้ึน อกี ท้ังประชาชนส่วนใหญ่ยังขาด
ความรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับสทิ ธติ า่ งๆ ท่ีได้รบั การคุม้ ครองตามกฎหมายและไมท่ ราบถงึ วธิ กี ารเลอื ก
ซอ้ื สินค้าและบริการทถ่ี ูกต้อง ตลอดจนขาดข้อมลู ประกอบการตัดสินใจเลือกซอ้ื สิคา้ และ
บรกิ าร แหล่งขอ้ มลู ทผี่ ูบ้ รโิ ภคนำมาตัดสินใจซือ้ คืออะไร รวมท้ังกระบวนการตัดสินใจซ้ือขอ้ มูลตา่ งๆ
เหล่านเ้ี ปน็ ประโยชน์ต่อการวางแผนทางการตลาด
การวเิ คราะห์พฤติกรรมผบู้ ริโภคเป็นการค้นหาหรือวจิ ัยทีเ่ กี่ยวกบั พฤตกิ รรมการซ้ือและ
6
บริโภคเพ่อื ทราบถงึ ลกั ษณะความต้องการและพฤติกรรมการซ้ือและการใชข้ องผู้บริโภค คำตอบที่ได้
จะช่วยใหส้ ามารถจดั กลยทุ ธ์ การตลาด ทส่ี ามารถตอบสนองความพงึ พอใจของผู้บริโภคได้อย่าง
เหมาะสม ดงั รายละเอียดนี้
3.1 ใครอยูใ่ นตลาดเป้าหมาย (who constitutes the market?) เป็นคำตอบเพอื่ ทราบถึง
ลักษณะของกลมุ่ เปา้ หมาย (occupants)
3.2 ผู้บรโิ ภคซ้อื อะไร (what does the market buy?) เป็นคำถามเพื่อทราบถึงส่ิงที่ตลาด
ซอ้ื (objects)
3.3 ทำไมผบู้ รโิ ภคจงึ ซอ้ื (why does the market buy?) เปน็ คำถามเพ่ือทราบถงึ
วัตถุประสงค์ในการซอ้ื (objectives)
3.4 ใครมีสว่ นรว่ มในการตัดสินใจ (who participates in the buying) เป็นคำถามเพ่อื
ทราบถงึ บทบาทของกลุ่มตา่ ง ๆ ที่มอี ิทธพิ ลหรือมสี ว่ นรว่ มในการตัดสอนใจซอ้ื (organization)
3.5 ผ้บู รโิ ภคซอื้ อยา่ งไร (how does the market buy?) เป็นคำถามเพือ่ ทราบถึงขั้นตอน
ในการตัดสนิ ใจซ้ือ (operations)
3.6 ผบู้ รโิ ภคซื้อเมื่อใด (when does the market buy?) เป็นคำถามเพอื่ ทราบโอกาสการ
ซื้อ (occasions)
3.7 ผู้บรโิ ภคซ้อื ที่ไหน (where does the market buy?) เปน็ คำถามเพ่อื ทราบถงึ โครงการ
สร้างช่องทาง ท่ีผบู้ รโิ ภคจะไปซอื้ ในชอ่ งทางการจัดจำหน่ายนั้น ๆ (outlets)
4. ทฤษฎกี ลยทุ ธ์การตลาด (4Ps) และ (8Ps)
4.1 ทฤษฎีกลยุทธ์การตลาด (4Ps) เปน็ ทฤษฎีส่วนประสมการตลาด โดย โบเลน วิลเลยี ม
(Bolen William) กล่าวไว้วา่ สว่ นประสมทางการตลาดเป็นตัวแปรทางการตลาดท่สี ามารถควบคมุ ได้
4 ประการ (The Four P’s หรอื Mix) ไดแ้ ก่ ผลิตภัณฑ์ (Product) ราคา (Price) ช่องทางการจดั
จำหนา่ ย (Place) และการสง่ เสริมการตลาด(Promotion) ซึง่ ต้องนำมาใชร้ ว่ มกันเพ่ือตอบสนองความ
ตอ้ งการของตลาดเป้าหมายโดยรวม
4.1.1 ผลิตภัณฑ์ (Product) หมายถึง สงิ่ ทเี่ สนอขายโดยธรุ กจิ เพือ่ สนองความต้อง
การของผบู้ ริโภคให้ไดร้ ับความพงึ พอใจ ผลิตภณั ฑท์ เี่ สนอขายอาจจะมีตวั ตนหรอื ไมม่ ตี ัวตนกไ็ ด้ ซึ่ง
ประกอบดว้ ย สินค้า บริการความคิด สถานที่ องคก์ ร หรือบคุ คล เปน็ ต้นผลติ ภณั ฑ์จดั แบ่งความทน
ถาวรและจบั ตอ้ งไดอ้ อกเป็น 3 ประเภท ดังน้ี
4.1.1.1 สินคา้ คงทน (Durable Goods) หมายถึง ผลติ ภัณฑท์ สี่ ามารถใช้
ประโยชนไ์ ด้ นาน เช่น รถยนต์ เครอ่ื งใช้ไฟฟ้า เปน็ ต้น
4.1.1.2 สนิ ค้าไมค่ งทน (Non- Durable Goods) หมายถึง วตั ถทุ ่ีจะถูกใชห้ มด
ไปในเวลาอันสั้น เชน่ นำ้ อัดลม ขนมกรุบกรอบ ยาสีฟัน เปน็ ต้น
7
4.1.1.3 บรกิ าร (Service) หมายถึง ผลิตภณั ฑท์ ่ีไม่ใช่วัตถุแตม่ คี ุณประโยชน์ท่ี
ทำให้เกิดความพงึ พอใจ เช่น ธรุ กิจบันเทงิ การท่องเที่ยว และการประกนั ภัย เป็นต้น
4.1.2 ราคา (Price) ราคาเป็นส่ิงกำหนดมูลคา่ ของผลิตภัณฑใ์ นรปู ของเงินตรา ถือเป็น
สว่ นหนึ่งของเคร่อื งมอื ทางการตลาด ท่มี ีส่วนช่วยใหเ้ กดิ การแลกเปลีย่ นขึน้ เช่น ในการซื้อของให้ผู้อน่ื
ผู้ซ้อื มักคาดวา่ ผูร้ ับจะเขา้ ใจถงึ จำนวนเงินใชไ้ ปในการซ้อื ของชิ้นน้ัน ผลติ ภณั ฑถ์ ้าหากมรี าคาตำ่ เกินไป
อาจดึงดูดผู้บริโภคประเภทนี้ได้ยาก ดังนัน้ ในการกำหนดราคาจงึ ตอ้ งพจิ ารณาถึงความสอดคล้องกับ
ความต้องการของตลาดเป้าหมายและส่วนประสมทางการตลาดตัวอื่นๆ
4.1.3 สถานที่ (Place) ชอ่ งทางการจัดจำหน่าย (Distribution) หมายถึง สถานท่ีทาง
การตลาดหรอื กจิ กรรมต่างๆ ทีจ่ ะมสี ว่ นทำใหก้ ารเคล่อื นยา้ ยสนิ ค้าจากผ้ผู ลติ ไปส่ผู ู้บรโิ ภค ในสถานท่ี
ท่มี ีความตอ้ งการและความเหมาะสม ดังนั้น ในดา้ นของสถานท่ี (Place Channel) จึงเกยี่ วกับ
เครอื่ งมอื ที่นักตลาดนำมาใช้ 2 ประเภท คอื ช่องทางการจัดจำหนา่ ยและการกระจายตัวสินคา้
4.1.4 การสง่ เสริมการตลาด (Promotion) เมอื่ มีการตัดสินใจดา้ นผลติ ภณั ฑ์ ดา้ นราคา
และด้านจัดจำหนา่ ยทีเ่ หมาะสมแล้ว ยงั ต้องแกป้ ญั หาอีกหนงึ่ อย่าง คือทำใหผ้ ลิตภัณฑ์เป็นทรี่ จู้ ัก
เพื่อให้ผู้บรโิ ภคมาเลือกซ้อื การส่งเสรมิ การตลาดจึงเป็นกระบวนการของการใหข้ อ้ มูล และโน้มน้าวใจ
ผบู้ รโิ ภค ประกอบไปดว้ ยส่วนประสมทางการตลาด เปน็ เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการสง่ เสรมิ การตลาด
ประกอบด้วย 4 ประการ ได้แก่
4.1.4.1 การขายโดยบคุ คล เป็นกลยทุ ธใ์ นการขายโดยการเข้าถึงลกู คา้ เป้าหมาย
โดยตรง หรอื พ่อค้าคนกลางเพอื่ อธบิ ายประโยชนข์ องผลติ ภณั ฑ์
4.1.4.2 การโฆษณา เปน็ กิจกกรมการสอ่ื สารทางการตลาดโดยมกี ารนำ imc เข้า
มาเพือ่ เพิ่มช่องทางในการโฆษณา โดยมีคา่ ใชจ้ ่ายเขา้ มาเก่ยี วขอ้ ง
4.1.4.3 การสง่ เสรมิ การขาย เป็นสง่ิ ทีก่ ระตนุ้ ใหเ้ กิดการซ้อื เร็วขน้ึ และยงั เปน็
การกระตุ้นตัวแทนการจัดจำหน่าย แตใ่ นขณะเดยี วกันทำให้ผู้บริโภคเกิดการตัดสินใจเรว็ ขึ้นในสายตา
ผบู้ รโิ ภค
4.1.4.4 การประชาสัมพันธ์ ความพยายามทจ่ี ัดเตรียมไว้เพื่อจูงใจใหเ้ กิดความ
คดิ เหน็ ท่ดี ี โดยมกี ารใชก้ ิจกรรมหรือสอ่ื ตา่ งๆทไ่ี มใ่ ช่การค้า จะเห็นว่าการใหข้ า่ วเป็นส่วนหน่งึ ของการ
ประชาสมั พนั ธ์
4.2 ทฤษฎกี ลยทุ ธก์ ารตลาด (8Ps) กลยุทธท์ างการตลาดสมยั ใหม่ซง่ึ เป็นสว่ นผสมทาง
การตลาด(Marketing Mix) หรอื ทเ่ี รียกสนั้ ๆว่า 8P’s ซ่ึงต้องมีแนวทางความคดิ ทางการสื่อสาร
การตลาด(IMC) โดยอาศยั เครอ่ื งมอื การ ติดต่อสอ่ื สารกบั ผบู้ ริโภคแบบสมัยใหมซ่ ึง่ แบ่งสว่ นขยาย
เพม่ิ เติมจากเดมิ อกี หลายส่วนทั้งงานศึกษาทัง้ ภายในและภายนอกประเทศเช่ือมโยงสูก่ ารทำธุรกิจ
สมัย ใหมซ่ ึง่ เนน้ การสรา้ งผลกำไรสูงสดุ บนความพอใจของผูบ้ ริโภคซึ่งเปน็ การทำ ธรุ กิจระยะยาว
8
(Long-Term Business) พรอ้ มกบั พฤติกรรมทเ่ี ปลยี่ นไปของผบู้ ริโภคสมัยใหมซ่ ง่ึ เปล่ียนไปอยา่ งมาก
โดยเฉพาะการแบง่ ส่วนการตลาด(Segmentation)ซึ่งไมส่ ามารถแบง่ ส่วนการตลาดแบบ เดมิ ๆ ได้
แลว้ ซ่ึงการเอกสารการศึกษาในสว่ นแรกเป็นแนวทางทำธุรกิจและก่อให้เกิดพฤตกรรมใน การเลอื ก
ซือ้ ผลติ ภัณฑ์เสริมอาหารทมี่ ีความเกย่ี วข้องและสอดคล้องกบั การศึกษาในครง้ั น้ี
4.2.1 กลยทุ ธ์ผลติ ภัณฑ์ (Product Strategy) กลยทุ ธใ์ นสว่ นแรกน้ีจะเปน็ เรือ่ งที่
เกี่ยวขอ้ งกับการ ตดั สินใจในสว่ นท่เี ก่ียวเนอื่ งกับตวั ผลติ ภัณฑท์ ั้งหมด ไมว่ า่ จะเป็นสว่ นของคณุ สมบตั ิ
ส่วนตัวทต่ี อ้ งตัง้ เป้าวา่ จะสามารถตอบสนองตอ่ ความต้องการของผบู้ รโิ ภคได้ในระดับความพึงพอใจ
ขนาดไหน การนำสินค้าไปเปรียบเทยี บ กับผลิตภณั ฑข์ องคู่แขง่ ขันในทอ้ งตลาดว่ามีจดุ เด่นและ จดุ
ดอ้ ยอยา่ งไร นอกจากน้ียงั มีในสว่ นของวัตถดุ ิบและสายงานการผลิตด้วย
4.2.2 กลยทุ ธร์ าคา (Price Strategy) การกำหนดราคาของผลติ ภณั ฑส์ ินค้าถือเป็นกล
ยุทธ์ สำคัญของแผนงานทางการตลาดที่จะชว่ ยสรา้ งความได้เปรยี บมากขึ้น โดยการกำหนดราคา
จะตอ้ งคำนงึ ถึงปจั จัย ของตน้ ทุนการผลิตบวกกับผลกำไรทตี่ ้องการจะได้จากการขายผลิตภัณฑ์แล้วจึง
ทำการกำหนดราคาขายออกมา โดยต้องคำนงึ สภาพการแข่งขนั ของตลาดสินคา้ นอกจากนก้ี าร
กำหนดราคายังมนี ัยที่บ่งบอกถึงตำแหนง่ ท่ีต้องการจะ ใหส้ นิ คา้ ไปยนื อยดู่ ว้ ย ซึง่ การตั้งราคาอาจจะตัง้
ให้ใกล้เคยี ง กบั สนิ ค้าประเภทเดียวกันบนท้องตลาด หรอื นอ้ ยกวา่ ถา้ ตอ้ งการแย่งชงิ ฐานลูกค้า และ
มากกวา่ ถ้าตอ้ งการวางตำแหนง่ ผลติ ภัณฑ์ให้อยเู่ หนือกว่าผลิตภณั ฑ์ทั่วไป
4.2.3 กลยุทธช์ ่องทางการจดั จำหน่าย (Place Strategy) ชอ่ งทางการจัดจำหนา่ ยเป็น
หน่ึงในยทุ ธศาสตรส์ ำคัญ ของการวางกลยทุ ธ์ทางการตลาด เพราะถ้าสามารถหาช่องทางการกระจาย
สินคา้ ไปสู่มอื ผบู้ ริโภคได้มากเท่าไหร่ ผลกำไรก็จะเพ่มิ สูงข้ึนมากเทา่ นั้น โดยช่องทางการจัดจำหน่ายท่ี
นิยมใชก้ ันในปัจจบุ นั มอี ยดู่ ว้ ยกันสองรูปแบบ คือ การขายไปสู่มอื ของผ้บู รโิ ภคโดยตรงและการขาย
ผา่ น พ่อคา้ คนกลาง ซ่ึงสองวิธีน้ีจะมขี อ้ แตกต่างอยู่ตรงที่วา่ การขายตรงไปสมู่ อื ผใู้ ช้สินค้าจะไดก้ ำไรท่ี
มากกวา่ ในขณะทีก่ ารขายผ่านพอ่ คา้ คนกลางจะชว่ ยในเรอ่ื งของยอด การจำหน่ายท่ีสงู ขึ้นอันมผี ลมา
จากเครอื ขา่ ยทพ่ี ่อค้าคนกลางได้วางเอาไว้นั่นเอง
4.2.4 กลยุทธก์ ารส่งเสรมิ การตลาด (Promotion Strategy) ในบรรดาการใชย้ ารกั ษา
โรคน้ันการฉีดยาจะเป็นวธิ ที ม่ี ปี ระสิทธิภาพสงู สดุ เน่ืองจากสามารถสง่ ยาเขา้ สูภ่ ายในร่างกาย ได้
โดยตรง การสง่ เสรมิ การตลาดกเ็ ชน่ เดียวกัน หากโปรโมชั่น ทีอ่ อกมาตรงใจผู้บริโภค ยอดขายและ
กำไรก็จะเพม่ิ ขน้ึ อย่าง รวดเร็ว โดยกลยุทธ์การตลาดนจี้ ะต้องใช้สง่ เสริมและสอดคลอ้ งไปกันได้กับกล
ยทุ ธ์อย่างอ่ืนดว้ ย โดยการสง่ เสริมการ ตลาดน้ีสามารถทำไดห้ ลายวธิ ี ไม่วา่ จะเป็นการลด แลก แจก
แถม เปน็ ตน้
4.2.5 กลยุทธบ์ รรจภุ ัณฑ์ (Packaging Strategy) ในเลอื กซอ้ื สนิ คา้ สงิ่ ทปี่ รากฏต่อ
สายตาของผูบ้ ริโภคเป็นอย่างแรกก็คอื บรรจุภัณฑ์ จึงสามารถกลา่ วได้ว่า บรรจภุ ัณฑ์เป็นหน้าตาของ
9
สนิ คา้ ดังน้ัน การออกแบบดีไซน์รูปลกั ษณ์ บรรจุภณั ฑจ์ งึ เป็นเรอื่ งหน่ึงท่สี ำคญั โดยหลักสำคญั คือ
จะตอ้ ง มีความสวยงามเหมาะสมกบั ผลติ ภณั ฑอ์ ีกทง้ั ความโดดเด่น เมื่อนำไปวางบนชนั้ สินคา้
เปรยี บเทียบกันกับของคแู่ ข่งจะต้อง มีความเหนอื ช้ันกว่าจงึ จะประสบความสำเร็จตามแผนงานนี้
4.2.6 กลยทุ ธก์ ารใชพ้ นกั งานขาย (Personal Strategy) การขายโดยใช้พนักงานขาย
จดั เป็นรูปแบบการปฏบิ ตั ิตัวต่อตัวระหวา่ งกจิ การกบั ลูกค้าทั้งน้เี พอื่ มุ่งหวังคำสั่งซ้ือด้วยรปู แบบการ
ขายท่ีแตกต่างกัน การขายโดยพนักงานขายน้ันเก่ยี วข้องกบั การจ้างพนกั งานขาย การจดั การท่ัวๆไป
เกยี่ วกบั พนกั งานขาย ตลอดจนการบริหารสินค้าคงคลงั การเตรยี มการเสนอขายและการบรกิ ารหลงั
การขาย ในการพัฒนาแผนกการขายน้ัน กิจการจะเร่ิมตงั้ แต่การตัง้ วัตถปุ ระสงคแ์ ละปฏบิ ัติการ ซึ่ง
ตอ้ งมีความชดั เจนและสอดคลอ้ งกับประเภทของธรุ กิจ โดยอาจเป็นธรุ กิจค้าปลีก ธรุ กิจการบรกิ าร
หรือธรุ กิจการผลติ จากน้นั จงึ กำหนดกลยุทธก์ ารขาย และการดำเนินงาน การขายโดยใช้พนักงานขาย
นั้นหวงั ผลลพั ธ์เพื่อเพ่ิมยอดขายและขณะเดยี วกนั ก็ เพ่อื สรา้ งสัมพันธ์ภาพระยะยาวกบั ลูกคา้ อีกด้วย
นอกจากนก้ี ารขายโดยใช้พนักงานขายน้ัน ยงั มีการใชโ้ บว์ชวั ร์ เอกสาร ใบปลวิ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เพ่อื
ชว่ ยในการนำเสนอขายของพนกั งาน ตลอดจนเป็นหลักฐานอา้ งอิงและสามารถมอบไว้ให้ลกู คา้ เพื่อ
ศกึ ษาข้อมลู เพ่ิมเติม
4.2.7 กลยทุ ธข์ า่ วสาร (Public Relation Strategy) การใหข้ า่ วสารนั้นคือรปู แบบหนง่ึ
ของการตดิ ตอ่ สอ่ื สารทไ่ี มเ่ สยี ค่าใช้จ่ายในการซอื้ สือ่ ทง้ั น้ีเพ่ือสร้างทัศนคติทเี่ ป็นบวกต่อสนิ ค้าและ
กิจการของเรา แต่ปัจจุบันการสอ่ื สารโดยวิธดี ังกลา่ วอาจมีค่าใชจ้ ่ายอน่ื ๆ รวมทั้งคา่ ใชจ้ ่ายทางอ้อม
เกยี่ วกับสอ่ื อีกดว้ ย การใหข้ า่ วสารแก่สาธารณะชน นั้นเป็นรปู แบบหน่ึงของการประชาสัมพันธ์ การให้
ขา่ วสารจัดวา่ เป็นการสรา้ งภาพลกั ษณ์ในระยะยาวแก่องค์กร และตอ้ งการให้ผลลพั ธน์ ี้ออกมาในเชงิ
บวกแกอ่ งคก์ ร ส่งิ ทเ่ี ราตอ้ งพจิ ารณาอย่างยงิ่ ในการใหข้ ่าวสารคือ กลมุ่ เป้าหมายท่ีตอ้ งการไดร้ บั
ข่าวสารและสือ่ โฆษณาท่จี ะใช้เพ่อื การส่ือข่าวสาร
4.2.8 กลยทุ ธก์ ารใช้พลงั (Power Strategy) เป็นเรื่องท่ีแน่นอนวา่ คณุ จะไม่ใชผ่ ้เู ดียวที่
ทำธรุ กิจในตลาด การต่อรองแลกเปลีย่ นผลประโยชนก์ ับผ้เู ล่นรายอื่นจึงเป็น เรื่องทไ่ี ม่อาจหลกี เลี่ยงได้
ดงั นั้น การแสวงหาหรือสรา้ งอำนาจ ในการต่อรองจึงเปน็ เร่ืองจำเป็นเพื่อให้บริษัทไดร้ บั ขอ้ เสนอ ท่ีดี
ทส่ี ดุ ในกรณีท่ไี ม่สามารถตกลงกันตามแบบได้อยา่ งลงตัว
5. ทฤษฎพี ฤติกรรมผู้บริโภค (Buyer Behavior’s Model)
พฤตกิ รรม (Behavior) หมายถึง การกระทำหรือการแสดงออกของสัตว์เพื่อตอบสนองต่อสง่ิ
เร้า หรอื สิง่ ท่มี ากระตุ้น (stimulus) ซึ่งอาจจะเกิดขน้ึ ทันทีหรือเกิดขึ้นหลังจากทีถ่ ูกกระตุ้นมาแลว้
ระยะหนึง่
ผูซ้ อื้ (Buyer) หมายถงึ ผู้ไดร้ ับบริการจากผู้ประกอบธรุ กจิ หรือผซู้ ึ่งไดร้ บั การเสนอหรือชกั ชวน
จากผ้ปู ระกอบธรุ กิจเพ่ือใหซ้ ้อื สินค้าหรอื บรกิ าร และหมายความรวมถงึ ผ้ใู ช้สนิ ค้าหรอื ผไู้ ด้รับบรกิ าร
10
จากผปู้ ระกอบธรุ กิจโดยชอบแม้มไิ ดเ้ สียคา่ ยตอบแทนกต็ าม
พฤตกิ รรมของผู้บริโภค (Consumer Behavior) หมายถงึ การแสดงออกของแต่ละบุคคลที่
เกย่ี วขอ้ งโดยตรงกับการใช้สนิ ค้าและบรกิ ารทางเศรษฐกิจ รวมทง้ั กระบวนการในการตัดสินใจที่มผี ล
ตอ่ การแสดงออก
สรปุ จากแนวคิด “Consumer Behavior Model” ซ่งึ สามารถอธบิ ายแต่ละปจั จยั ทเี่ ข้ามา
กระทบต่อการตอบสนองของผู้ซือ้ ได้ ดงั นี้
5.1 สง่ิ กระตุ้น (stimulus) หมายถึง สิ่งกระตนุ้ ทอ่ี าจเกิดขน้ึ เองจากภายในรา่ งกาย และสงิ่
กระตนุ้ จากภายนอก จะต้องสนใจและจัดสิ่งกระตุ้นภายนอก เพ่อื ใหผ้ ู้บริโภคเกิดความต้องการ
ผลติ ภณั ฑ์ สงิ่ กระตุ้นน้ีถือว่าเป็นเหตุจูงใจใหเ้ กดิ การซอื้ สินคา้ ซ่งึ อาจใชเ้ หตุจงู ใจซือ้ ด้านเหตผุ ล และ
ใชเ้ หตจุ ูงใจใหซ้ อื้ ในดา้ นจิตวิทยา (อารมณ)์ ก็ได้สง่ิ กระตุ้นภายนอกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
5.1.1 สง่ิ กระตุ้นทางการตลาด เป็นสิ่งกระตุ้นที่สามารถควบคมุ ไดแ้ ละตอ้ งจัดใหม้ ขี ึน้
เป็นสง่ิ กระตุ้นท่ีเกี่ยวข้องกับสว่ นประสมทางการตลาด (marketing mix) ซง่ึ ประกอบดว้ ย
5.1.1.1 สงิ่ กระตุน้ ดา้ นผลติ ภัณฑ์ (product) เชน่ การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้
สวยงาม เพอื่ กระตุ้นความตอ้ งการ ผลติ ภณั ฑ์มคี ณุ ภาพดี มีการบรกิ ารที่ดเี ยีย่ ม
5.1.1.2 สิ่งกระตนุ้ ดา้ นราคา (price stimulus) เชน่ การกำหนดราคาสินค้าทีม่ ี
อยู่ให้เหมาะสมกบั ผลติ ภณั ฑ์ โดยพิจารณาลกู ค้าเป้าหมาย และมีความหลากหลายของราคาสินคา้
5.1.1.3 สงิ่ กระตุ้นดา้ นการจดั ชอ่ งทางการจำหน่าย (place stimulus) เช่น การ
จดั ชอ่ งทางจำหน่ายผลิตภณั ฑใ์ หท้ ่วั ถึง เพ่อื ใหเ้ กิดความสะดวกแก่ผู้บรโิ ภค ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระตุ้น
ความตอ้ งการซ้ือ เลอื กสถานท่ีเหมาะสม และจดั บรรยากาศในรา้ นใหด้ งึ ดูดความสนใจจากลกู คา้ เป็น
ตน้
5.1.1.4 สิ่งกระตุ้นดา้ นการส่งเสรมิ การตลาด (promotion stimulus) การลด
แลก แจก แถม การสร้างความสมั พนั ธอ์ นั ดีของผขู้ ายกับบุคคลทัว่ ไป เหลา่ น้ีถือเป็นส่งิ กระตนุ้ ความ
ตอ้ งการซ้อื ให้ผู้บริโภคมากข้ึน
5.1.2 สิ่งกระตนุ้ อ่ืนๆ (other stimulus) เปน็ สิ่งกระตนุ้ ความต้องการผบู้ รโิ ภคที่อยู่
ภายนอก ซงึ่ ควบคุมไมไ่ ด้ ส่งิ กระตุ้นเหล่านไ้ี ดแ้ ก่
5.1.2.1 สง่ิ กระตุ้นทางเศรษฐกิจ (economic stimulus) เชน่ ภาวะ
เศรษฐกิจ รายได้ของ ผู้บริโภค เหล่านมี้ อี ทิ ธิพลตอ่ ความตอ้ งการของบุคคล
5.1.2.2 ส่ิงกระตนุ้ ทางเทคโนโลยี (technological
stimulus) เทคโนโลยีใหม่ๆสามารถกระตุ้นความต้องการให้ซอ้ื สินคา้ มากขึ้น แสดงถงึ ความแปลกใหม่
ของผลติ ภัณฑ์ ทแี่ ตกตา่ งไปจากคู่แขง่ ขัน ทำใหผ้ บู้ รโิ ภคสนใจบริโภค
5.1.2.3 ส่งิ กระตุ้นทางกฎหมายและการเมือง (law
11
and political stimulus) เช่น กฎหมายเพ่มิ ลดภาษีสินคา้ ใดสินค้าหนึ่ง จะมีอิทธิพลตอ่ การเพ่ิมหรอื
ลดความตอ้ งการของผูใ้ ช้บริการ
5.2 กลอ่ งดำหรอื ความรู้สกึ นึกคิดของผซู้ ้ือ (buyer’s black box) หมายถงึ ความรู้สึกนกึ
คิดของผซู้ ื้อ ซึง่ เปรยี บเสมอื นกลอ่ งดำ ท่ผี ู้ผลิตหรือผ้ขู ายไมส่ ามารถทราบได้ จึงตอ้ งพยายามค้นหา
ความรูส้ กึ นึกคิดของผซู้ ื้อ ความรสู้ กึ นึกคิดของผซู้ ้ือจะไดร้ ับอิทธิพลมาจากลกั ษณะและกระบวนการ
ตัดสนิ ใจของผซู้ ้ือ
5.2.1 ลักษณะของผซู้ อื้ (buyer characteristics) ลักษณะของผู้ซ้อื มีอิทธพิ ลจาก
ปัจจัยตา่ งๆ คือ ปัจจยั ดา้ นวฒั นธรรม ปจั จยั ด้านสงั คม และปัจจัยสว่ นบคุ คล
5.2.2 กระบวนการตัดสินใจซอื้ ของผูซ้ ือ้ (buyer decision process) ประกอบไป
ดว้ ย 5 ขน้ั ตอน ไดแ้ ก่ การรบั รู้ปัญหา การค้นหาข้อมลู การประเมนิ ผลทางเลือก การตดั สินใจซ้ือ และ
พฤตกิ รรมภายหลงั การซือ้
5.3 การตอบสนองของผู้ซอ้ื (buyer’s response) หรือการตัดสินใจซอ้ื ของผบู้ ริโภคหรอื
ผู้ซือ้ ผู้บริโภคจะมีการตดั สินใจในประเดน็ ต่างๆ ดังนี้
5.3.1 การเลือกผลติ ภัณฑ์ (product choice) ตัวอยา่ งเช่น ผู้บรโิ ภคจะเลอื ก
บรโิ ภคผลิตภณั ฑใ์ นร้านอน่ื ๆ
5.3.2 การเลือกตราสินค้า (brand choice) เม่ือเลอื กผลิตภัณฑไ์ ดแ้ ล้ว ผ้บู รโิ ภคก็
จะทำการ เลือกว่าจะเลือกบริโภคผลิตภัณฑต์ ราใดยห่ี ้อใด
5.3.3 การเลือกผูข้ าย (dealer choice) ตวั อยา่ งเชน่ ผู้บรโิ ภคจะเลือกจาก
หา้ งสรรพสนิ ค้าใด หรอื รา้ นค้าใกลบ้ ้านร้านใด
5.3.4 การเลือกเวลาในการซอ้ื (purchase choice) โดยเลือกวา่ จะใชบ้ รกิ ารใน
ช่วงเวลาใด วันไหน เป็นต้น
5.3.5 การเลือกปรมิ าณการซ้ือ (purchase amount) ตวั อย่างเช่น ผบู้ ริโภคจะ
เลอื กว่าจะซอื้ หนึง่ กล่อง ครงึ่ โหล หรือวา่ หนงึ่ โหล
6. แนวความคดิ การพัฒนาบรรจภุ ณั ฑ์
6.1 ความหมายของบรรจภุ ณั ฑ์ การบรรจภุ ณั ฑเ์ ป็นสว่ นหนึ่งของกระบวนการทางการตลาด
โดยเฉพาะปัจจบุ ันท่ีการ ผลติ สินค้า หรือบริการได้เนน้ หรือให้ความสำคญั กับผบู้ ริโภค (Consumer
Oriented) และจะได้เหน็ ว่าการบรรจุภัณฑ์มีบทบาทมากขึ้นเพราะลำพังตวั สนิ คา้ เองไมม่ ีนวตั กรรม
(Innovation) หรอื การพัฒนาอะไรใหมอ่ กี แลว้ ฉกี แนวไม่ออกเพราะได้มกี ารวจิ ัยพฒั นากันมานาน
จนถงึ ข้ันสุดยอดแลว้ จึงตอ้ งมาเน้นกนท่ีบรรจุภณั ฑ์กับการบรรจุหีบหอ่ (Packaging) บรรจุภณั ฑ์กับหีบ
ห่อ (Package) ถอื วาเปน็ คำคำเดยี วกัน ทั้งนสี้ ุดแลว้ แตผ่ ู้ใดประสงคห์ รือชอบท่ีจะใชค้ ำใด
6.1.1 ความหมายของการบรรจุภณั ฑห์ รอื การบรรจหุ บี ห่อ (Packaging) ได้มีผู้ให้คำ
12
จัด ความไวม้ ากมายพอสรปุ ไดด้ งั น้ี
6.1.1.1 Packaging หมายถงึ งานเทคนิคทีต่ ้องอาศยั ความชำนาญ
ประสบการณ์และความคดิ สรา้ งสรรคใ์ นอันที่จะออกแบบและผลติ หบี ห่อใหม้ คี วามเหมาะสมกบสินคา้
ที่ผลิตข้ึนมา ให้ความคมุ้ ครองสินคา้ หอ่ หุ้มสินคา้ ตลอดจนประโยชน์ใชส้ อย อาทเิ ชน่ ความ
สะดวกสบายในการ หอบหว้ิ พกพาหรือการใช้ เป็นต้น
6.1.1.2 Packaging หมายถงึ กลุม่ ของกิจกรรมในการวางแผนเกย่ี วกับการ
ออกแบบการ ผลติ ภาชนะบรรจหุ รือสิ่งห้มุ ห่อสินคา้ บรรจุภณั ฑซ์ ึง่ เป็นสง่ิ ทีม่ คี วามเกี่ยวพันอยางใกล้ชดิ
กับฉลาก (Label) และตราย่ีห้อ(Brand name)
6.1.1.3 Packaging หมายถึง ผลรวมของศาสตร์ (Science) ศิลป์ (Art) และ
เทคโนโลยีของการออกแบบ การผลิตบรรจภุ ัณฑ์สำหรบั สินคา้ เพือ่ การขนส่งและการขายโดยเสยี
ค่าใช้จ่ายท่ี เหมาะสม
6.1.1.4 Packaging หมายถึง การใชเ้ ทคโนโลยแี ละเศรษฐศาสตรเ์ พ่อื หาวิธกี าร
รักษาสภาพ เดิมของสินคา้ จนกวาจะถงึ มอื ผบู้ รโิ ภคคนสุดท้ายเพอ่ื ให้ยอดขายมากท่สี ุด และต้นทุน
ต่ำสดุ
6.1.1.5 Packaging หมายถึง กจิ กรรมท้ังหมดทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบการออกแบบและ
ผลติ รปู รา่ ง หนา้ ตาของภาชนะบรรจสุ ่ิงห่อหุม้ ตวั ผลติ ภัณฑห์ รือบรรจภุ ัณฑ์
6.1.1.6 Packaging เป็นทั้งศลิ ปะและวิทยาศาสตร์ ซงึ่ ถูกมองในหลายแง่โดย
บคุ คลฝ่ายต่าง ๆ ในกระบวนการผลติ สินค้า กล่าวคือ ฝ่ายเทคนิคจะคิดถึงปฏิกิรยิ าระหวา่ ง ภาชนะ
บรรจุกับผลติ ภณั ฑแ์ ละส่ิงแวดลอ้ ม ฝา่ ยผลติ จะพิจารณาต้นทุน และประสทิ ธภิ าพของระบบการบรรจุ
ฝ่าย จดั ซื้อจะคำนงึ ถึงต้นทุนของวัสดทุ างการบรรจแุ ละฝา่ ยขายจะเนน้ ถึงรปู แบบ และสสี นั ท่ีสะดุดตา
ซึง่ จะช่วยในการโฆษณาผลิตภัณฑ์ ดว้ ยเหตนุ ี้Packaging ทีม่ ีประสิทธิภาพ และเหมาะสมจะเกดิ ขึ้นได้
จากการประนปี ระนอมของทกุ ฝ่ายทเ่ี ก่ียวขอ้ ง เพ่ือใหไ้ ด้ภาชนะบรรจุซ่งึ มีน้ำหนกั เบาและราคา ตน้ ทุน
ตำ่ แตใ่ นขณะเดยี วกันมีรูปแบบสวยงาม และใหค้ วามค้มุ ครองอย่างเพยี งพอแกผ่ ลติ ภณั ฑ์ภายในได้
6.1.1.7 Packaging หมายถงึ กจิ กรรมต่างๆ ที่เกิดขึน้ ตลอดในขบวนการทาง
ตลาดท่ีเกี่ยวเนื่องกับการออกแบบสร้างสรรคภ์ าชนะบรรจุหรือหบี ห่อใหก้ ับผลิตภัณฑ์
6.1.1.8 Packaging หมายถึง การนำเอาวสั ดเุ ชน่ กระดาษ พลาสติก แก้ว
โลหะ ไม้ประกอบ เปน็ ภาชนะหุ้มห่อสนิ ค้า เพ่ือประโยชน์ในการใช้สอยมคี วามแขง็ แรง สวยงาม ได้
สดั ส่วนท่ีถูกตอ้ ง สร้างภาพพจนท์ ่ีดี มภี าษาในการติดต่อสือ่ สารและท าให้เกิดผลความพงึ พอใจจากผู้
ซอื้ สนิ คา้
6.1.2 ความหมายของ “ หีบหอ่ ” “ บรรจุภัณฑ์ ” หรอื “ ภาชนะบรรจุ ” (Package)
มีผ้ใู หค้ ำจำกัดความไวม้ ากมายเช่นกัน ซึ่งพอสรุปไดด้ ังนี้
13
6.1.2.1 Package หมายถึง สิง่ ห่อหุม้ หรือบรรจุภัณฑ์รวมทั้งภาชนะท่ใี ชเ้ พอ่ื
การขนสง่ ผลติ ภณั ฑ์จากแหลง่ ผผู้ ลติ ไปยังแหลง่ ผบู้ ริโภค หรือแหลง่ ใชป้ ระโยชน์หรือวตั ถุประสงค์
เบอื้ งตน้ ในการปอ้ งกันหรือรักษาผลิตภัณฑใ์ ห้คงสภาพตลอดจนคุณภาพใกลเ้ คียงกันกบั เมื่อแรกผลิต
ให้มาก ทสี่ ุด
6.1.2.2 Package หมายถงึ สง่ิ ที่ทำหนา้ ทร่ี องรับหรือหุม้ ผลิตภัณฑเ์ พอ่ื ทำ
หน้าทป่ี อ้ งกันผลติ ภณั ฑ์จากความเสยี หายต่างๆ ช่วยอำนวยความสะดวกตา่ งๆ ในการขนส่ง และการ
เก็บรกั ษา ช่วยกระตุ้นการซอื้ ตลอดจนแจง้ รายละเอยี ดของผลิตภัณฑ์
6.2 หนา้ ทีแ่ ละบทบาทของบรรจภุ ัณฑ์ ในสมัยกอ่ นนนั้ การใชบ้ รรจภุ ัณฑก์ เ็ พอ่ื เก็บรกั ษา
สินคา้ ให้คงสภาพ (Protection) ในระยะเวลาหน่งึ หรือจนกว่าจะนำไปใช้แตเ่ ม่อื มีการแขง่ ขนั ทาง
การคา้ มากข้ึน บรรจุภณั ฑ์จึงมีบทบาท ในดา้ นการส่งเสรมิ การตลาด (Promotion) เรม่ิ เน้นเร่อื งความ
สวยงาม สะดดุ ตา ตลอดจนความสะดวก ในการนำไปใช้บรรจุภณั ฑ์ในปัจจบุ ันมหี น้าที่
6.2.1 ทำหนา้ ทร่ี องรบั (Contain) บรรจุภัณฑ์จะทำหนา้ ทีร่ องรับสินค้าให้รวมกันอยู่
เป็น กลุ่มน้อย หรอื ตามรปู รา่ งของภาชนะน้ันๆ
6.2.2 ปอ้ งกัน (Protect) บรรจภุ ณั ฑ์จะทำหน้าที่ป้องกันค้มุ ครองสินคา้ ท่ีบรรจอุ ยู่
ภายในไมใ่ ห้ยุบ สลาย เสยี รูปหรือเสียหายอนั เกิดจากสภาพสง่ิ แวดลอ้ ม ซง่ึ ประกอบด้วยสภาพดิน ฟา้
อากาศ ระยะเวลาในการเกบ็ รักษา สภาพการขนส่ง กล่าวคอื ให้คงสภาพลกั ษณะของสินค้าให้ เหมือน
เม่ือผลติ ออกจากโรงงานให้มากทส่ี ุด การบรรจหุ บี หอ่ ต้องสามารถป้องกันความเสียหายทจ่ี ะเกดิ กับ
สนิ ค้า และมคี วามปลอดภยั ต่อผูใ้ ช้ท่อี าจได้รับอันตรายจากสินค้าบางอย่างซง่ึ ขึ้นอยูก่ ับ สมรรถนะของ
บรรจภุ ณั ฑ์ ดงั น้ัน บรรจภุ ณั ฑ์จำเป็นต้องมคี ุณลักษณะสมรรถนะทีเ่ หมาะสมกับการใชง้ านมาตรฐาน
ระหว่างประเทศในเร่อื งคำศัพท์และบทนยิ าม (Terminology and definitions) 8 สมรรถนะ และวธิ ี
ทดสอบทีเ่ กยี่ วข้อง (Performance requirements and associated test methods) จะชว่ ยให้
อุตสาหกรรมบรรจภุ ัณฑ์กำหนดคณุ สมบัตขิ องบรรจุภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องชัดเจน รวมทั้ง สรา้ งความ
มั่นใจ และควบคุมคณุ ภาพในระดับทตี่ อ้ งการ (เอสไอจี คอมบิบลอ็ ค ประเทศไทย: ออนไลน)์ และ
บรรจุภัณฑ์จะทำหน้าท่ปี อ้ งกนคุม้ ครองสินคา้ ท่บี รรจุอยู่ภายในไม่ให้ยุบสลาย เสียรูป หรือเสยี หายอนั
เกดิ จากสภาพสิง่ แวดล้อมซ่งึ ประกอบดว้ ยสภาพดนิ ฟ้าอากาศ ระยะเวลาในการเก็บ รกั ษา สภาพการ
ขนส่งกลา่ วคือใหค้ งสภาพลกั ษณะของสินคา้ ให้เหมือนเม่ือผลิตออกจากโรงงานให้ มากท่สี ุด
(Packagingbenny. ม.ป.ป:ออนไลน)์
6.2.3 ทำหนา้ ทร่ี กั ษา(Preserve) คุณภาพสินค้าให้คงเดมิ ต้ังแต่ผผู้ ลิตจนถงึ ผู้บริโภคคน
สดุ ทา้ ย
6.2.4 บง่ ช(ี้ Identify) หรือแจ้งขอ้ มูล (Inform) รายละเอียดตา่ งๆ ของสินคา้ เกี่ยวกับ
ชนดิ คุณภาพ และแหล่งท่ีมาหรอื จุดหมายปลายทาง โดยหีบห่อตอ้ งแสดงข้อมลู อยางชดั เจนให้
14
ผบู้ ริโภครู้ วา่ สินคา้ ท่ีอยู่ภายในคืออะไร ผลติ จาท่ีไหน มีปรมิ าณเทา่ ใด สว่ นประกอบ วันเวลาทผี่ ลิต
วันเวลาท่ี หมดอายุ การระบขุ อ้ ความสำคญั ๆ ตามกฎหมาย โดยเฉพาะสนิ คา้ ประเภทอาหาร และยา
ชื่อการคา้ (Trade Name) เครือ่ งหมายการค้า (Trade Mark)
6.2.5 ดงึ ดูดความสนใจ(Consumer Appeal) และช่วยชกั จูงในการซื้อสินคา้ เนอื่ งจาก
สนิ คา้ ชนิดใหม่มีเพิ่มขนึ้ อยูตลอดเวลาการแขง่ ขนั ทางดา้ นตลาดก็เพมิ่ มากข้ึนทุกวัน ผู้ซื้อสินคา้ ย่อมไม่
อาจตดิ ตามการเคล่ือนไหวทางดา้ นตลาดไดท้ ัน หบี ห่อจงึ ต้องทำหน้าทแ่ี นะนำผลิตภัณฑ์ท่ีถกู บรรจอุ ยู่
ให้กับผซู้ ื้อด้วย ตอ้ งดงึ ความสนใจของผซู้ อื้ ทีไ่ มเ่ คยใชผ้ ลิตภัณฑ์นั้นๆ ใหส้ นใจในการใช้ และหลงั จาก
ใช้แล้วเกิดความพอใจท่ีจะซ้อื ใชอ้ กี หีบหอ่ จะทำหน้าท่ีขายและโฆษณาสินคา้ ควบคูก่ ันไปในตัวด้วย
เสมือนหนึง่ เป็นพนกั งานขายเงียบ (Silent Salesman) ดังนั้นการท่บี รรจภุ ัณฑ์จะสามารถดึงดูดความ
สนใจและชกั จงู ใจให้เกดิ การซ้อื ไดจ้ งึ เป็นผลจากปัจจยั หลายๆ อย่างเช่น ขนาด รปู รา่ ง สี รูปทรง วสั ดุ
ข้อความรายละเอยี ด ตวั อกั ษร ฯลฯ การดงึ ดูดความสนใจ(Consumer Appeal) การออกแบบบรรจุ
ภณั ฑใ์ หม้ ีความ สะดุดตา ชว่ ยกระตุ้น และดงึ ดูดความสนใจจากผบู้ ริโภคได้ ตัวอยา่ งเช่น ผลิตภณั ฑท์ ่ี
ขายผ่าน ช่องทางทผี่ ลิตภัณฑต์ ้องขายตวั มนั เอง คอื ผลติ ภณั ฑ์ที่วางจำหนา่ ยตามซปุ เปอร์มารเ์ ก็ตซึง่
บรรจุภัณฑ์ จะมีความสำคัญมากต่อความสนใจของผบู้ ริโภคทหี่ ยดุ ดู หยบิ ชม และเลอื กซือ้ โดยดจู าก
บรรจภุ ัณฑ์ เรยี กไดว้ ่า บรรจภุ ัณฑ์ทำหนา้ ทเี่ ป็นพนักงานขายไร้เสยี งสำหรบั ผลติ ภัณฑ์อื่นท่ีอาศยั
พนกั งานขายนัน้ ความสวยงาม และความเหมาะสมของการออกแบบ วัสดุท่ใี ช้กม็ ีส่วนชว่ ยในการ
สรา้ งความสนใจใหแ้ ก่ผู้บริโภคเช่นกัน (สมพงษ์ เฟอ่ื งอารมณ์. 2550)
6.2.6 ช่วยเพ่มิ ผลกำไร หีบหอ่ จะทำหนา้ ที่อยางสมบรู ณ์ไมไ่ ดถ้ ้าหากหีบห่อไม่ สามารถ
ชว่ ยเพม่ิ ผลกาไรใหก้ ับผลิตภัณฑท์ บ่ี รรจอุ ยู่ หีบห่อสามารถช่วยสง่ เสริมยทุ ธวิธกี ารตลาด 9 โดยการ
เปิดตลาดใหม่หรือการเพ่ิมยอดขายใหก้ ับสนิ ค้าแต่ละชนิด เนื่องจากในตลาดมสี นิ คา้ และคูแ่ ข่งเพิ่มขึ้น
ตลอดเวลาหากบรรจภุ ัณฑข์ องสินค้าใดไดร้ บั การออกแบบเป็นอย่างดี จะสามารถดงึ ดูด ตา ดงึ ดูดใจ
ผบู้ รโิ ภคและกอ่ ให้เกดิ การซือ้ ในทส่ี ุด รวมท้งั การลดตน้ ทุนการผลิต
6.2.7 สรา้ งมูลค่าเพิม่ (Value Added) ให้แกผ่ ลิตภัณฑส์ รา้ งความเช่ือถอื และเปน็ ที่
ยอมรับของผ้บู รโิ ภค
6.2.8 การสง่ เสริมการจำหน่าย (Promotion) เพ่ือยดึ พืน้ ทแ่ี สดงจดุ เดน่ โชว์ตัวเองได้
อย่างสะดุดตาสามารถระบุแจง้ เงื่อนไขแจ้งขอ้ มลู เก่ยี วกับการเสนอผลประโยชน์เพิ่มเตมิ เพือ่ จงู ใจ
ผูบ้ ริโภค เม่อื ต้องการจัดรายการเพอื่ เสรมิ พลงั การแขง่ ขนั กส็ ามารถเปล่ียนแปลงและจัดทำได้ สะดวก
ควบคมุ ได้และประหยดั
6.2.9 การแสดงตวั (Presentation) การสอื่ ความหมายบคุ ลกิ ภาพพจนก์ ารออกแบบ
และสีสนั แห่งคุณภาพ ความค้มุ ค่าต่อผบู้ ริโภค ผูใ้ ช้ ผู้ซื้อ ให้ขอ้ มูลผลิตภณั ฑ์ชดั แจ้ง สร้างความม่ันใจ
เหน็ แล้วอดซือ้ ไม่ได้
15
6.2.10 การจัดจำหนา่ ยและการกระจาย (Distribution) เหมาะสมต่อพฤตกิ รรมการซอ้ื
ขายเออ้ื อำนวยการแยกขาย สง่ ต่อ การตง้ั โชว์ การกระจาย การสง่ เสริมจงู ใจในตวั ทนต่อการ ขนยา้ ย
ขนสง่ และการคลงั สนิ ค้า ด้วยต้นทุนสมเหตสุ มผล ไม่เกดิ รอยขูดขดี ชำรุด ตั้งแต่จุดผลิต และบรรจุ
จนถึงมือผู้ซือ้ ผ้ใู ชผ้ ้บู ริโภค ทนทานตอ่ การเก็บไว้นานได้
6.3 ความสำคญั ของการบรรจุภณั ฑ์ ประเทศของเรามีสินค้ามีผลิตผลทางดา้ นการ
เกษตรกรรม และการประมงมากมาย เชน่ ผกั สด ผลไมส้ ด และสนิ คา้ ทีเ่ ปน็ อาหารจากทะเลส่งิ ทก่ี ล่าว
มานจ้ี ะได้รับความเสยี หายมากเนือ่ งจากสภาวะของอากาศการบรรจุหบี หอ่ และการขนสง่ ท่ีเหมาะสม
มสี ่วนที่จะชว่ ยลดความเสียหายเหล่านน้ั ลงได้ซึง่ เป็นการช่วยให้ผลผลิตทก่ี ลา่ วถงึ มอื ผู้บรโิ ภคในสภาพ
ทดี่ ี และจะทำใหข้ ายได้ในราคาทส่ี งู อกี ดว้ ย นอกจากนแ้ี ล้วผลติ ภัณฑ์อ่ืนๆ รวมทงั้ ผลติ ภณั ฑ์จาก
อาหารแปรรปู ถ้าการบรรจุภัณฑ์ และการขนสง่ ที่เหมาะสมมีส่วนที่จะช่วยลดความเสียหาย และ
สามารถจำหน่ายไดใ้ นราคาทส่ี ูงเช่นกันจะเห็นไดว้ า่ การบรรจุภัณฑ์น้ันมีความสำคัญเป็นอย่างยิง่ ต่อ
ผลผลติ ทงั้ หลายซง่ึ สามารถสรปุ เปน็ รายละเอียดเปน็ ขอ้ ๆ ได้ ดังนี้
6.3.1 รกั ษาคุณภาพและปกปอ้ งตัวสินค้าเริม่ ต้ังแตก่ ารขนสง่ การเก็บใหผ้ ลผลิตหรือ
ผลิตภัณฑเ์ หลา่ นั้นมใิ หเ้ สยี หายจากการปนเปอื้ นจากฝุ่นละออง แมลง คน ความชนื้ แสงแดด ความ
รอ้ น และการปลอมปน เป็นต้น
6.3.2 ให้ความสะดวกในเรือ่ งการขนส่ง การจดั เก็บมีความรวดเรว็ ในการขนส่ง เพราะ
สามารถรวมหน่วยของผลิตภัณฑเ์ หล่านั้นเป็นหน่วยเดียวได้ เชน่ ผลไมห้ ลายผลนำลงบรรจุในลงั เดยี ว
หรอื เครอื่ งดืม่ ที่เปน็ ของเหลวสามารถบรรจุลงในกระป๋องหรือขวดไดเ้ ป็นต้น
6.3.3 ส่งเสรมิ ทางด้านการตลาด บรรจุภณั ฑเ์ พื่อการจัดจำหน่ายเป็นสิ่งแรกที่ผบู้ ริโภค
เห็น ดังน้ันบรรจภุ ัณฑ์จะต้องจะทำหน้าที่บอกกลา่ วส่งิ ต่างๆ ของตัวผลิตภัณฑโ์ ดยการบอกขอ้ มูลที่
จำเป็นทง้ั หมดของตัวสนิ คา้ และนอกจากน้ันจะต้องมรี ูปลกั ษณท์ ่ีสวยงามสะดดุ ตา เชิญชวนให้เกดิ
การตัดสินใจซื้อซึ่งการทำหนา้ ทีด่ ังกล่าวของบรรจุภณั ฑน์ ้ันเป็นเสมอื นพนกั งานขายทไ่ี รเ้ สยี ง (Silent
Salesman)
6.4 ประโยชนข์ องบรรจภุ ัณฑ์
6.4.1 การปอ้ งกัน (Protection) เช่น กันน้ำ กนั คามชน้ื กันแสง กันแก๊ส เมอื่ อุณหภมู ิ
สงู หรือต่ำ ตา้ นทานมใิ หผ้ ลติ ภณั ฑ์แปรสภาพไมแ่ ตกไมฉ่ กี ขาดงา่ ย ปกปอ้ งให้สินคา้ อยู่ในสภาพใหมส่ ด
อยู่ในสภาวะแวดล้อมของตลาดได้ในวงจรยาวโดยไม่แปรสภาพขนานแทแ้ ละด้ังเดมิ
6.4.1.1 การปกปอ้ งผลิตภัณฑ์(Protection) ทำหน้าท่ปี อ้ งกันผลติ ภัณฑ์ท่อี ยู่
ภายในให้คงอยู่ในสภาพดี ไม่เกดิ ความเสยี หายจากเหตผุ ลต่างๆไมว่ ่าจะเป็นสภาพแวดล้อม มนุษย์
สัตว์ หรอื การขนส่งทำใหผ้ ลติ ภณั ฑ์คงสภาพเดมิ เหมือนเม่ือออกจากโรงงานผลิต (สมพงษ์ เฟอื่ ง
อารมณ์.)
16
6.4.2 การจัดจำหน่ายและการกระจาย (Distribution) เหมาะสมต่อพฤตกิ รรมการ ซื้อ
ขายเอือ้ อำนวยการแยกขาย สง่ ต่อการตง้ั โชว์การกระจาย การส่งเสรมิ จูงใจ ทนต่อการขนยา้ ยขนสง่
และการคลังสนิ คา้ ด้วยตน้ ทุนสมเหตุสมผล ไม่เกดิ รอยขดู ขีด ชำรดุ ต้งั แต่จดุ ผลติ และบรรจจุ นถงึ มอื
ผูซ้ ื้อผใู้ ช้ผู้บริโภค ทนทานต่อการเกบ็ ไว้นานได้
6.4.3 การสง่ เสรมิ การจำหน่าย (Promotion) เพ่อื ยดึ พ้ืนท่ีแสดงจดุ เดน่ โชว์ตัวเองได้
อย่างสะดุดตาสามารถระบแุ จง้ เง่ือนไขแจง้ ขอ้ มลู เกีย่ วกับการเสนอผลประโยชนเ์ พิ่มเตมิ เพ่ือจูง ใจ
ผู้บริโภคเม่ือตอ้ งการจดั รายการเพื่อเสรมิ พลงั การแข่งขนั กส็ ามารถเปลี่ยนแปลง และจัดทำได้ สะดวก
ควบคมุ ได้และประหยัด
6.4.4 การบรรจภุ ัณฑ์กลมกลืนกับสินคา้ กรรมวธิ กี ารบรรจ(ุ Packaging) เหมาะสมทงั้
ในแง่การออกแบบ และเพ่อื ให้มีโครงสรา้ งเขา้ กับขบวนการบรรจุ และเอ้อื อำนวยความสะดวกในการ
ห้วิ ถอื กลับบ้าน ตลอดจนการใชไ้ ด้กับเคร่ืองมือการบรรจุท่มี ีอยู่แลว้ หรือจดั หามาไดด้ ว้ ยอัตรา
ความเรว็ ในการผลิตทีต่ ้องการต้นทุนการบรรจุภัณฑต์ ่ำหรอื สมเหตุสมผล ส่งเสรมิ จรรยาบรรณ และ
รับผิดชอบต่อ สงั คม ไมก่ ่อให้เกดิ มลพษิ และอยู่ในทำนองคลองธรรมถูกตอ้ งตามกฎหมาย และ
พระราชบัญญตั ติ า่ งๆ ไมใ่ ช่แคผ่ ู้ผลิตอาหารและผคู้ า้ ปลกี เท่าน้ันท่ีตอ้ งการความสะดวกในการพกพา
เม่อื เปน็ เรอ่ื งของกล่องบรรจุภณั ฑ์กระดาษ ปัจจบุ ันน้ีความสะดวกถือเป็นปัจจยั หลกั ทีผ่ บู้ ริโภค
พจิ ารณาเช่นกัน กลอ่ งบรรจภุ ัณฑ์กระดาษจงึ เป็นสงิ่ อำนวยความสะดวกอยางหนงึ่ สำหรับ
ชีวติ ประจำวนั ของผู้บริโภค น้ำหนักเบา ใชง้ า่ ย ประหยัดพื้นท่ี วางซอ้ นกันได้ ไม่แตกมีรอยปรุและฝา
เปิด-ปดิ สะดวกมาก(เอสไอจี คอมบบิ ล็อค ประเทศไทย. 2555) การบรรจุภณั ฑ์กลมกลืนกับสนิ ค้า
และกรรมวธิ ีการบรรจุ (Packaging) เหมาะสมทั้งในแงก่ ารออกแบบ และเพื่อให้มีโครงสร้างเขา้ กับ
กระบวนการบรรจุและเออื้ อำนวยความสะดวกในการหวิ้ ถือกลบั บา้ นตลอดจนการใช้ไดก้ ับเครอ่ื งมอื
การบรรจุท่มี อี ย่แู ล้วหรือจัดหามาได้ด้วยอัตราความเรว็ ในการผลติ ที่ตอ้ งการต้นทุนบรรจภุ ัณฑ์ต่ำและ
สมเหตสุ มผลไม่กอ่ ใหเ้ กิดมลพิษ และถกู ต้องตามกฎหมาย และพระราชบัญญัตติ ่าง (จักรพนั ธุ์พันธ์ุ
พฤกษ์.)
6.4.5 เพิม่ ยอดขายเนือ่ งจากในตลาดมีสินคา้ และค่แู ข่งเพิ่มขึ้นตลอดเวลาหากบรรจุ
ภณั ฑ์ของสนิ ค้าใดได้รบั การออกแบบเป็นอย่างดีจะสามารถดึงดดู ตา ดงึ ดูดใจผู้บริโภคและก่อให้เกิด
การซื้อในทส่ี ุด รวมท้ังการลดตน้ ทุนการผลิต
6.5 ประเภทของบรรจภุ ณั ฑ์ ประเภทของบรรจภุ ัณฑ์สามารถแบง่ ไดห้ ลายวิธีตามหลักเกณฑ์
ต่างๆ ดังน้ี
6.5.1 ประเภทบรรจภุ ัณฑ์แบง่ ตามวิธบี รรจุและวิธกี ารขนถา่ ย สามารถแบ่งได้ 3
ประเภท
6.5.1.1 บรรจภุ ัณฑเ์ ฉพาะหน่วย (Individual Package) คือ บรรจภุ ณั ฑท์ ส่ี มั ผัส
17
อยู่กับผลติ ภัณฑ์ช้ันแรกเปน็ ส่งิ ท่ีบรรจผุ ลิตภณั ฑเ์ อาไวเ้ ฉพาะหน่วย โดยมีวัตถุประสงค์ขั้นแรกคอื เพิม่
คุณคา่ ในเชงิ พาณิชย์ (To Increase Commercial Value) เช่น การกาหนดใหม้ ีลักษณะพเิ ศษเฉพาะ
หรอื ทำให้มีรปู รา่ งทเ่ี หมาะแก่การจับถือและอำนวยความสะดวกตอ่ การใช้ผลติ ภณั ฑภ์ ายในพรอ้ ม ทัง้
ทำหนา้ ท่ีให้ความปกปอ้ งแก่ผลิตภณั ฑโ์ ดยตรงอีกดว้ ย
6.5.1.2 บรรจุภัณฑ์ชั้นใน (Inner Package) คือ บรรจภุ ณั ฑท์ ่ีอยู่ถัดออกมาเป็น
ช้นั ท่ีสอง มีหนา้ ทรี่ วบรวมบรรจุภณั ฑ์ขนั้ แรกเขา้ ไว้ดว้ ยกันเป็นชุดในการจำหนา่ ยรวมตั้งแต่2–24 ช้นิ
ขน้ึ ไป โดยมีวตั ถุประสงค์ขัน้ แรก คือ การป้องกนรักษาผลติ ภัณฑจ์ ากน้ำ ความชนื้ ความร้อน แสง
แรงกระทบกระเทอื น และอำนวยความสะดวกแก่การขายปลกี ย่อย เป็นต้น ตัวอย่างของบรรจภุ ณั ฑ์่
ประเภทนี้ ไดแ้ กก่ ล่องกระดาษแข็งทบ่ี รรจุเครอื่ งด่มื จำนวน 1โหล, สบู่1 โหล เปน็ ต้น
6.5.1.3 บรรจภุ ณั ฑ์ชนั้ นอกสุด (Out Package) คือ บรรจภุ ัณฑท์ ี่เป็นหนว่ ยรวม
ขนาดใหญท่ ีใ่ ช้ในการขนส่งโดยปกตแิ ล้วผซู้ อ้ื จะไม่ได้เหน็ บรรจุภัณฑ์ประเภทนมี้ ากนัก เนอ่ื งจากทำ
หน้าที่ป้องกันผลติ ภัณฑ์ในระหว่างการขนส่งเท่าน้ัน ลกั ษณะของบรรจภุ ัณฑ์ประเภทน้ี ได้แก่ หบี ไม้
ลังกลอ่ งกระดาษขนาดใหญ่ทีบ่ รรจสุ ินค้าไวภ้ ายใน ภายนอกจะบอกเพยี งข้อมูลท่ีจำเปน็ ตอ่ การขนสง่
เท่าน้ัน เช่น รหัสสินคา้ (Code) เลขท่ี (Number) ตราสินคา้ สถานท่ีส่ง เป็นต้น
6.5.2 การแบง่ ประเภทบรรจุภัณฑ์ตามวัตถปุ ระสงคข์ องการใช้ บรรจภุ ณั ฑ์เพ่อื การขาย
ปลีก (Consumer Package) เป็นบรรจุภณั ฑ์ที่ ผ้บู ริโภคซ้อื ไปใชไ้ ป อาจมีชนั้ เดียวหรือหลายชน้ั กไ็ ด้
ซึ่งอาจเป็น Primary Package หรอื Secondary Package กไ็ ดบ้ รรจุภณั ฑ์เพ่ือการขนส่ง
(Shopping หรือ Transportation Package) เป็นบรรจภุ ณั ฑ์ท่ี ใชร้ องรบั หรือหอ่ หุ้มบรรจภุ ัณฑข์ น้ั
ทตุ ิยภมู ิทำหนา้ ทร่ี วบรวมเอาบรรจภุ ัณฑ์ขายปลีกเขา้ ด้วยกันใหเ้ ป็นหนว่ ยใหญ่ เพอื่ ความปลอดภัย
และความสะดวกในการเก็บรักษา และการขนสง่ เชน่ กล่อง กระดาษลกู ฟกู ที่ใช้บรรจยุ าสี
6.5.3 การแบง่ บรรจภุ ณั ฑ์ตามความคงรูป
6.5.3.1 บรรจภุ ณั ฑ์ประเภทรูปทรงแขง็ ตัว (Rigid Forms) ได้แกเ่ ครื่องแก้ว
(Glass Ware) เซรามิค(Ceramic) พลาสติกจำพวก Thermosettingขวดพลาสตกิ ส่วนมากเป็น
พลาสติกฉดี ไม้โลหะ และเครอ่ื งป้ันดินเผามีคุณสมบตั แิ ข็งแกรง่ ทนทานเอื้ออำนวยต่อการใชง้ าน และ
ปอ้ งกันผลิตภณั ฑ์ จากสภาพแวดลอ้ มภายนอกได้ดี
6.5.3.2 บรรจภุ ณั ฑ์ประเภทรปู ทรงก่งึ แข็งตัว(Semi rigid Forms)ได้แก่ บรรจุ
ภณั ฑ์ ทีท่ ำจากพลาสตกิ อ่อนกระดาษแข็งและอลูมเิ นยี มบางคุณสมบัติท้งั ดา้ นราคา น้ำหนักและการ
ปอ้ งกันผลิตภัณฑ์จะอยูในระดบั ปานกลาง
6.5.3.3 บรรจภุ ณั ฑป์ ระเภทรปู ทรงยดื หยุ่น (Flexible Forms) ไดแ้ ก่ บรรจุ
ภัณฑท์ ี่ทำจากวัสดุออ่ นตัว มลี ักษณะเป็นแผ่นบางได้รบั ความนยิ มสงู มากเนื่องจากมรี าคาถูก (หากใช้
ใน ปริมาณมากและระยะเวลานาน) น้ำหนกั นอ้ ย มีรปู แบบ และโครงสรา้ งมากมาย
18
6.5.4 แบง่ ตามวัสดุบรรจภุ ณั ฑ์ทใ่ี ช้ การจดั แบง่ และเรยี กชื่อบรรจภุ ัณฑใ์ นทรรศนะของ
ผูอ้ อกแบบ ผผู้ ลติ หรือนกั การตลาด จะแตกตา่ งกันออกไปบรรจุภัณฑแ์ ตล่ ะประเภทก็ต้งั อยู่ภายใต้
วัตถปุ ระสงค์ หลักใหญ่ (Objective Of Package) ท่ีคล้ายกันคือ เพื่อป้องกันผลติ ภณั ฑ์ (To Protect
Products) เพอ่ื จำหน่ายผลติ ภัณฑ์ (To Distribute Products) เพอ่ื โฆษณาประชาสมั พนั ธผ์ ลติ ภณั ฑ์
(To Promote Products)
7. แนวความคดิ ของหลกั การบัญชีตน้ ทุน
ตน้ ทุนเป็นมูลคา่ ของทรพั ยากรทใ่ี ช้ในการผลิตหรือการให้บรกิ าร เปน็ สว่ นที่เรยี กวา่ มูลคา่ ของ
ปัจจยั เขา้ ของระบบ ตน้ ทุนจงึ เป็นเงินสดหรือค่าใช้จ่ายในรปู แบบอ่ืนที่จา่ ยไปเพื่อใหไ้ ดม้ าซึ่งการ
บรกิ าร หรือผลผลติ ในทางธรุ กิจ ต้นทุน คือ ค่าใชจ้ ่ายในส่วนที่จ่ายไปเพอ่ื ให้ไดม้ าซ่งึ ผลตอบแทนหรือ
รายได้ ต้นทุนจงึ เป็นสว่ นสำคัญในการตัดสินใจทางธรุ กิจต่างๆ
ตน้ ทุนขาย คา่ ใช้จ่าย และความสูญเสีย โดยแท้จรงิ เป็นสิง่ เดียวกนั แตจ่ ะมคี วามหมายที่
แตกต่างกันในด้านความหมายของการใชง้ าน ตน้ ทุนและความสูญเสียต่างก็เป็นคา่ ใช้จา่ ยท้ังส้ิน
คา่ ใช้จ่ายไมว่ ่าจะอยใู่ นรูปแบบของเงนิ สดหรือสงิ่ เปลี่ยนแปลงใดๆถือได้ว่าเป็นสิง่ ทีจ่ า่ ยไปเพ่ือใหไ้ ดผ้ ล
ผลติ
ค่าใช้จ่าย (Expense) หมายถึง ตน้ ทุนในการใหร้ ายได้ สำหรับช่วงเวลาใดๆ เช่น เงินเดอื นใน
สำนกั งาน ค่าใชจ้ ่ายเปน็ จำนวนเงินหรือสิง่ แลกเปลยี่ นที่จ่ายไปเพ่ือใช้ในการบริการ ซ่ึงตัดลดทอนจาด
สว่ นรายได้ในงวดบัญชี จงึ มกั จะใชใ้ นด้านรายไดท้ างการเงนิ มากกวา่ ใชใ้ นระบบบัญชีทรัพยส์ ิน
ตน้ ทุน (Cost) หมายถึง คา่ ใช้จ่ายทีจ่ า่ ยไปสำหรบั ปจั จยั ทางการผลติ เพื่อใหเ้ กิดผลผลิต
ต้นทุนจำเป็นสว่ นสำคัญ ตน้ ทุนเป็นมูลค่าทวี่ ัดไดใ้ นเชิงเศรษฐศาสตร์ของทรพั ยากรที่ใช้ และต้นทุน
ลักษณะทใ่ี ชจ้ ่ายไปเพ่ือให้ไดผ้ ลติ ภณั ฑห์ รอื การบริการท่ถี ือเป็นสนิ ทรพั ยไ์ ด้ เช่นวสั ดคุ งคลัง งาน
ระหว่างทำ และสนิ คา้ สำเร็จรปู ต้นทุนกับความสญู เสยี ทจี่ ริงแลว้ มีความหมายในเชิงคา่ ใช้จา่ ย
เหมอื นกนั หากพิจารณาความแตกตา่ งของความหมายสรุปได้ดังน้ี ต้นทุน คือ ค่าใช้จ่ายที่จา่ ยไปแล้ว
ผลผลติ หรือการบริการทเ่ี ป็นสนิ ทรัพย์ และคอื ข้อมูลทางการบญั ชเี พ่อื ใช้ในการวางแผนและควบคมุ
การดำเนินงาน ข้อมลู ตน้ ทุนท่ไี ด้จะชว่ ยในการทำงบประมาณและประมาณการต้นทนุ การผลติ
กำหนดราคาขาย ประมาณการผลกำไรและใชใ้ นการตัดสินใจการลงทุนและการขยายงานในดา้ นการ
ควบคุม จะใชใ้ นการเปรยี บเทียบผลการดำเนินงานกับงบประมาณต้นทุนท่ีกำหนดไว้ เพือ่ ช่วยให้ฝ่าย
บรหิ ารรับรูถ้ งึ การปฏิบัติทไ่ี ม่มีประสิทธภิ าพเมือ่ สิน้ รอบระยะเวลาบญั ชี
ความสญู เสีย คือ ค่าใชจ้ า่ ยท่จี ่ายไปแล้วเกดิ ผลไดน้ อ้ ยกวา่ หรอื คา่ เสยี หายทต่ี อ้ งจ่ายโดยไม่มี
ผลตอบแทน และเปน็ ค่าใช้จ่ายทถี่ ูกตัดออกจากสว่ นของผู้ถือหุ้นมากกว่าท่จี ะหักจากส่วนของการ
ลงทุน ความสูญเสียเกดิ ขึน้ ได้จากการตดั สินใจผิดพลาดหรอื เกดิ จากสง่ิ ผิดปกติตามธรรมชาติ เช่น
ไฟไหม้ ตึกถลม่ เปน็ ต้น ต้นทุนกบั ความสญู เสียเป็นสิ่งเดยี วกัน เพยี งแตม่ เี ส้นแบง่ เขตซ่งึ ทำใหต้ น้ ทุน
19
กลายเป็นความสญู เสีย เม่ือผลได้น้อยกว่าค่าใช้จ่าย เมือ่ ปรับคา่ ใชจ้ า่ ยใหเ้ กดิ ผลประโยชน์มากขน้ึ ทำ
ให้สร้างผลไดม้ ากกว่า ความสญู เสียจะกลายเปน็ ตน้ ทุนไป การเพม่ิ ขนึ้ ของค่าใช้จ่ายในเชงิ ตน้ ทุนจึง
เป็นสง่ิ ที่ไมน่ ่ากังวลเนอื่ งจากจะไดผ้ ลประโยชนเ์ พมิ่ ขนึ้ ในขณะเดยี วกนั สามารถลดคา่ ใช้จ่ายซงึ่ เป็น
ต้นทุนลงได้ โดยผลผลิตเท่าเดิมหรือมากกวา่ ก็จะเป็นการดี แนวคิดตรงน้ีจะสามารถช่วยใหผ้ ้บู รหิ ารให้
เลกิ กังวลตอ่ ต้นทุนและกังวลตอ่ ความสญู เสยี มากกวา่
8. แนวคิดในการวดั ผลกำไร
แนวคิดการวัดผลกำไร แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ แนวคดิ ทางการบัญชแี ละแนวคิดทาง
เศรษฐศาสตร์
8.1 แนวคดิ ในการวัดผลกำไร-แนวคิดทางการบัญชี การวดั ผลกำไรทางบญั ชี คือ ผลต่าง
ระหวา่ งรายได้ที่เกดิ ขน้ึ ในงวดบญั ชีตน้ ทุนกับคา่ ใชจ้ ่ายท่ีเก่ียวขอ้ งทง้ั หมด ซงึ่ เปน็ ผลมาจาก 1.ขอ้
สมมตุ ฐิ านทางการบัญชี เช่น หลักการท่เี กิดข้ึนของรายได้ หลักราคาทนุ หลักการจบั คู่รายได้กับ
คา่ ใช้จา่ ยหลกั รอบระยะเวลา 2.รายการและเหตุการณ์ทางการบัญชที ่เี กิดข้นึ แล้ว ตามเกณฑค์ งค้าง
และดำเนนิ งานต่อเนื่อง
วธิ ีวัดผลกำไรทางบญั ชี มี 2 ประเภท ดงั นี้
8.1.1 การวดั ผลกำไรจากรายการเละเหตุการณท์ างบัญชีเป็นรายการท่ีเกิดขึน้ แล้ว
เชน่ การกู้ยมื เงนิ การซ้ือสินคา้ การขายสนิ คา้ เป็นต้น ขอ้ ดีของแนวคิดน้ี คือ กิจการสามารถแสดง
รายละเอียดของกำไรไดห้ ลายรูปแบบ เช่น กำไรตามประเภทสินค้า กำไรตามประเภทลกู ค้า เป็นต้น
กิจการสามารถแสดงกำไรตามเหตกุ ารณเ์ กดิ ของกำไร เช่น กำไรจากการดำเนนิ งาน กำไรจากการ
ลงทุน กำไรจากการขายสินค้า
8.1.2 การวัดผลกำไรจากกจิ กรรม จะวัดกำไรโดยพจิ ารณาจากกิจกรรมในการ
ดำเนินงาน เชน่ ผลติ ขาย เป็นต้น ดังนน้ั กำไรจึงเกิดขน้ึ จากการรายงานความสำเร็จ ไม่ใช่รายงาน
การคาดคะเน เช่น การวดั กำไรจากกิจกรรมการผลิต กจิ การจึงให้ความสนใจในกจิ กรรมที่เกิดขน้ึ โดย
ไมส่ นใจการเปลี่ยนแปลงมูลคา่ ข้อดีของแนวคดิ น้ี คอื กจิ การสามารถวดั กำไรตามวัตถุประสงค์ของ
การดำเนนิ งาน และผู้บริหารสามารถวดั ประสทิ ธภิ าพในการดำเนินงานของแต่ละกิจกรรมได้
8.2 แนวคดิ ในการวัดผลกำไร-แนวคดิ ทางเศรษฐศาสตร์ กำไรทางเศรษฐศาสตร์ หมายถงึ
การบรโิ ภคและการออม การออม หมายถงึ ทนุ ท่เี พิ่มขน้ึ
ดงั น้ัน กำไรทางเศรษฐศาสตรจ์ งึ เป็นสมการได้ดงั น้ี
Ye =C+S=C+ (Kt-Kt-1)
Ye =กำไรทางเศรษฐศาสตร์
C =การบริโภค(Consumption)
S =การออม (Saving)
20
K t =ทุน ณ วันปลายงวด
K t-1 =ทุน ณ วันตน้ งวด
กำไรทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง จำนวนทสี่ ามารถบรโิ ภคได้ โดยไมก่ ระทบทุน
กจิ การสามารถรักษาระดับทุนไดห้ ากจำนวนทกุ วันสิ้นงวดเท่ากับเม่ือตน้ งวด ดังนั้น จำนวนเงินทีเ่ กนิ
กวา่ ทนุ ทตี่ ้องรักษาระดบั ไว้ คอื กำไร
กำไร หมายถงึ การเพ่ิมของทุนหรอื สินทรพั ยส์ ทุ ธใิ นระหวา่ งงวด โดยวัดจากหน่วย
เงินตามอำนาจซอ้ื เดมิ ตลอดรอบระยะเวลานั้น หรือมูลค่าสูงสุดทีส่ ามารถบรโิ ภคได้โดยทำใหฐ้ านะ ณ
วันปลายงวดดเี ทา่ กบั ฐานะ ณ วนั ต้นงวด
แนวคดิ เกีย่ วกับทุนและการรกั ษาระดับทุน มีปัญหา คือ มูลค่าของทุนหรือสินทรัพยส์ ุทธิ มี
การวดั มูลคา่ ได้ 6 วิธี ดงั นี้
8.2.1 วิธมี ูลค่าปจั จบุ ัน (Present Value) การต้ังรายจา่ ยข้ึนเป็นทนุ (Capitalization)
เปน็ การใช้มูลค่าปัจจบุ นั ของกระแสเงินสดทก่ี จิ การตอ้ งจ่ายใหเ้ จ้าของตลอดอายกุ ารดำเนินงาน และ
จำนวนเงนิ ที่กิจการจะต้องจ่ายเมือ่ กิจการด้วยการวดั มลู ค่าของทุนปจั จัยทตี่ ้องคำนงึ ถึงในวิธนี ี้ มดี งั น้ี
P = มูลคา่ ปัจจุบันของกระแสเงินสดทง้ั หมดท่ีจะตอ้ งจ่ายใหแ้ กเ่ จ้าของหรือผูถ้ ือหุ้น
R t = กระแสเงนิ สดจา่ ยในแตล่ ะปี
i = อตั ราคิดลด
n = ระยะเวลาทกี่ จิ การจะดำเนนิ งาน
8.2.2 การวดั มูลค่าตลาด (Market Valuation) วิธีนี้คำนวณจำนวนหุ้นท้งั หมดของ
กิจการทอี่ อกจำหนา่ ยคณู ด้วยราคาตลาดหุ้น (พิจารณาจากความเตม็ ใจในการลงทนุ ซื้อห้นุ ของ
กิจการ) ตัวอยา่ ง กจิ การออกหุ้นสามัญ 10,000 หนุ้ ราคาตามมลู คา่ หุ้นละ10 บาท วนั ส้ินงวดราคา
ตลาดหุน้ ละ 15 บาทดงั นัน้ มลู คา่ ของหุ้นตามวธิ ีนี้ = 10,000x15=150,000
8.2.3 มูลคา่ เงินสดเทียบเทา่ ในปัจจุบัน (Current Cash Equivalent) วิธีนค้ี ำนวณทุน
จากมลู คา่ สุทธิของสนิ ทรพั ย์ท่ีขายได้ ได้จากราคาตลาดของสินทรัพยท์ ง้ั สิน้ หกั ด้วยราคาตลาดของ
หนี้สินทง้ั สิ้นวธิ ีน้ี ต้องอาศัยความเห็นของผูเ้ ชีย่ วชาญภายนอกในการตีราคาสินทรพั ยแ์ ละหนสี้ ิน ซง่ึ
ต้องปรับด้วยความเส่ียงและความไม่แนน่ อน และปัจจัยอ่นื ที่เก่ียวข้องกบั สินทรพั ยแ์ ละหน้ีสินแตล่ ะ
รายการ ราคาตลาดสนิ ทรพั ย์และหน้ีสินบางรายการกำหนดไดย้ าก
8.2.4 ราคาทนุ เดิม (Historical Input Price) ราคาทนุ เดมิ เป็นราคาท่ีมหี ลักฐานที่
แนน่ อน ตรวจสอบได้ และเปน็ ราคาที่นา่ เชอื่ ถอื แตไ่ มไ่ ดแ้ สดงฐานะของกิจการ หรอื สว่ นทุนของ
กจิ การที่เป็นอย่เู มื่อเวลาเปล่ียนไป เนอื่ งจากเป็นราคาในอดีตกำไรตามวธิ ีนี้ คอื กำไรท่เี กิดจากการ
ดำเนินงาน และกำไรที่เกดิ จากการถอื สินทรพั ยไ์ ว้เฉพาะสว่ นทเี่ กดิ ข้ึนแลว้
8.2.5 ราคาปจั จบุ ันในการจัดหา (Current Input Price) เป็นราคาท่ีได้มาจากการ
21
พจิ ารณาว่า ถ้าหากกิจการตอ้ งจัดหาสนิ ทรพั ย์ทม่ี อี ย่ใู นกิจการขณะนั้น กิจการต้องจ่ายเป็นจำนวน
เทา่ ใด ทนุ จะเทา่ กับจำนวนเงนิ ทีก่ ิจการต้องจา่ ยในการจัดหาสนิ ทรพั ย์ใหมม่ าแทนสนิ ทรพั ย์เดมิ หัก
ดว้ ยมลู คา่ ของหนสี้ ินท่ีต้องชำระกำไรตามวิธนี ้ี คือกำไรทเี่ กิดจากการมีกรรมสิทธ์ิในสินทรัพย์ทงั้ ส่วนที่
เกิดขึ้นแล้ว และส่วนท่ยี ังไมเ่ กิดขึ้น
8.2.6 การรักษาระดบั ความสามารถในการผลิต (Productive Capacity
Maintenance) เป็นวิธวี ดั ทนุ จากกำลังการผลติ กำไรตามแนวคดิ นเ้ี กดิ ขึ้นเม่ือกำลงั การผลติ ท่ีกิจการ
สามารถใชใ้ นการผลิตหรอื ใชผ้ ลิตจริงเม่ือสนิ้ รอบระยะเวลาบญั ชสี ูงกว่ากำลงั การผลติ เม่ือเริม่
ระยะเวลาบญั ชีการวดั ความสามารถในการผลิต ทำไดด้ ังนี้-วดั ความสามารถในการผลิตของกจิ การ
โดยวดั จากปริมาณสินค้าทกี่ จิ การผลิตไดใ้ นปจั จบุ ันเทียบกับปีกอ่ น วดั ความสามารถในการถอื ครอง
สนิ ทรัพย์แนวคิดเกี่ยวกับพฤตกิ รรมเป็นการนำผลกำไรไปใชใ้ นกระบวนการตดั สินใจของผู้เกี่ยวข้อง
การใช้ผลกำไรเพื่อคาดคะเนเหตุการณใ์ นอนาคต เช่น เงนิ ปันผลทก่ี จิ การจ่ายในอนาคต ราคาตลาด
ในอนาคตของหุ้น กำไรท่ใี ชใ้ นการคาดคะเนดงั กล่าวเป็นกำไรทคี่ ำนวณจากราคาปัจจบุ ันผู้สนใจผล
กำไรกรณีน้ี ได้แก่ ผู้ลงทนุ เจา้ หนี้ ท่ีปรกึ ษาการลงทุน ผบู้ รหิ ารใช้ผลกำไรในการวางแผนและควบคมุ
งานในอนาคต-ผู้ลงทุนใชผ้ ลกำไรในการประมาณกระแสเงินสด ผลตอบแทนการลงทุน
แนวคดิ เกีย่ วกับกำไรภายใต้ความไมแ่ นน่ อน การดำเนินธุรกิจยอ่ มมีความไม่แน่นอน ทีไ่ มอ่ าจ
หลีกเลีย่ งได้ดงั นั้น กำไรจึงไมอ่ าจใช้วดั ผลการดำเนินงานทผ่ี า่ นมาในอดตี ด้วยมูลค่าท่ีเกิดข้ึนตามวธิ ี
ปฏบิ ตั ทิ างการบญั ชี (กำไร=รายได้-คา่ ใชจ้ ่าย) แต่กำไรจะหมายถงึ การเปลี่ยนแปลงในทุนของกจิ การ
ในช่วงเวลาหน่ึง ซ่งึ ไม่รวมการเพมิ่ ทุน หรอื การจ่ายปนั ผล มีเกณฑ์การวดั ดังน้ี
8.2.6.1 มูลค่าของกำไร เปน็ การวัดจากการแลกเปล่ียนสิ่งของ
8.2.6.2 เกณฑ์การวดั มูลค่าทางบัญชี ใช้จำนวนเงิน ณ วันเกิดรายการ โดยไม่
คำนงึ ถึงอำนาจซ้ือ เกณฑ์การวัดมลู ค่าอาจแบง่ ได้ 2 ระบบ ดงั นี้
1) ระบบเงนิ ในนาม (Nominal Dollars) เปน็ ระบบเงนิ ทไี่ ม่คำนึงถงึ
การเปลย่ี นแปลงค่าของเงินในระยะเวลาท่ีตา่ งกนั เป็นระบบที่นิยมใช้ทวั่ ไป
2) ระบบเงนิ คงที่ (Constant Dollars) เป็นระบบที่คำนึงถงึ ค่าของเงิน
ในเวลาตา่ งกัน จงึ ใชด้ ัชนีราคาเป็นตวั ปรบั มูลค่า
8.2.6.3 แนวคดิ เกยี่ วกบั ทุนทุนหมายถงึ สินทรัพย์สุทธิ (สนิ ทรพั ย์ ลบ หน้ีสิน) มี
2 แนวคิด ทุนทางการเงิน หมายถงึ ทุนซง่ึ วดั จากมลู คา่ ของสินทรัพยส์ ุทธิ หรอื สว่ นทเ่ี จา้ ของนำมา
ลงทนุ ในรูปของสนิ ทรพั ย์ ทนุ ทางการผลิตหรอื ทุนทางกายภาพ หมายถึง ทนุ ท่ีวดั จากความสามารถ
ของกจิ การในการจัดการสินคา้ และบริการแนวคิดกำไรเกิดขนึ้ เมื่อกำลงั การผลิตที่กิจการสามารถใชใ้ น
การผลิตหรอื ท่ใี ชผ้ ลติ จริง เมอื่ สนิ้ รอบระยะเวลาบญั ชีสูงกวา่ กำลังการผลิตเมอื่ ตน้ รอบระยะเวลาบญั ชี
22
สินทรัพยไ์ ม่เปน็ ตัวเงินทีม่ อี ยู่ หมายถึง การรักษาสินทรัพย์ให้อยู่ในสภาพเดิม หากมีการจัดหา
สินทรัพยม์ าทดแทน กจิ การจะใช้ราคาทดแทนปริมาณของผลผลติ ที่
8.3 การเปรยี บเทยี บมูลคา่ ของสินทรัพยใ์ นชว่ งเวลาต่างกันตามแนวทางของงบแสดงฐานะ
การเงิน สามารถทำได้ 2 วธิ ี ดงั นี้
8.3.1 การเปรียบเทียบทนุ หรือสินทรพั ยส์ ุทธทิ ้งั หมดของกิจการ วิธนี ก้ี จิ การจะวดั
มลู คา่ เพิม่ ข้ึนของสินทรัพยต์ ามระยะเวลาทีถ่ ือสินทรพั ย์น้ัน (วัดกำไรจากการถอื สินทรัพย)์
8.3.2 การวัดมูลคา่ เพม่ิ การวดั มลู คา่ ในราคาท่มี ีหลกั ฐานสมบรู ณ์ทีส่ ดุ หรอื วัดมูลคา่
ตามเงินสดท่ีได้รบั จากการตีราคาเพิ่มขน้ึ เชน่ ราคา NRV ของสินคา้ คงเหลอื
8.4 การเปรียบเทยี บรายไดแ้ ละค่าใชจ้ ่ายตามแนวทางของงบกำไรขาดทุน (Income
Statement approach) เปน็ แนวคดิ วัดความเก่ยี วพันโดยตรงระหวา่ งต้นทุนท่ีเกิดขึ้นกับรายได้ใน
บางกจิ การอาจจะเปล่ยี นราคาทุนเดมิ เป็นราคาทเ่ี ปน็ จำนวนเงินตามอำนาจซอ้ื (กำไร) เชน่ กำไรจาก
การถอื ครองสินทรัพย์ นอกจากวิธีวัดผลกำไรที่แตกต่างกัน นักบญั ชแี ต่ละกลุ่มยังมแี นวคิดและมมุ มอง
แตกต่างกัน เช่น
8.4.1 นกั บัญชีกลมุ่ ดัง้ เดมิ (Classical School) ใชร้ าคาทุนเดิม
8.4.2 นกั บญั ชีกลมุ่ ใหม่ (Neoclassical School)–สนบั สนุนแนวคิดเร่อื งอำนาจซ้อื น่ัน
คือ ปรบั ดว้ ยดัชนีราคา
8.4.3 นักบัญชกี ลุ่มพัฒนา (Radical School) -ราคาปัจจุบนั -วิธีการบัญชีตามราคาทนุ
ปัจจบุ นั (Current Income)-วธิ ีราคาตามทุนปัจจบุ ันที่ปรับดว้ ยดัชนรี าคา (General Price Level
Adjusted Current Cost Accounting)
8.5 รายการท่ีใชใ้ นการคำนวณกำไร เป็นความตอ้ งการทราบกำไรขาดทุนสำหรับงวดปัจจัย
ทีก่ ระทบกำไรได้แก่ ปจั จัยภายนอกและปัจจยั ภายใน เปน็ หนา้ ท่ผี ้บู รหิ ารที่จะต้องจัดการการแสดง
กำไรที่แตกต่างกัน ขึน้ อยกู่ บั แนวคดิ 2 แนวคิด คือ 1.) แนวคิดผลการดำเนินงานในปัจจบุ ัน 2.)
แนวคิดรวมหมดทุกอย่าง แนวคิดผลการดำเนนิ งานในปัจจุบัน แนวคิดนเ้ี น้นตัวเลขกำไรจากการ
ดำเนินงานตามกิจกรรมภายใต้สถานการณต์ ามปกตขิ องกิจการ ดงั นั้น การคำนวณกำไรหรอื ขาดทนุ
สทุ ธจิ ะไม่รวมรายการซ่งึ ไมเ่ กี่ยวกับการดำเนินงานตามปกติ ตามแนวคิดวิธนี ี้ รายการทีไ่ ม่รวมคำนวณ
กำไรขาดทนุ สทุ ธิจะปรบั ปรงุ เข้ากำไรสะสมโดยตรง แนวคิดนีม้ ่งุ วดั ประสิทธภิ าพของกิจการในการใช้
ทรพั ยากรทม่ี อี ยู่ เช่น ท่ดี ิน ทุน แรงงาน และผบู้ ริหาร
AICPA สนบั สนนุ แนวคิดนี้ ให้เหตผุ ลสนบั สนุน ดังนี้ ผู้ใชง้ บกำไรขาดทุน สนใจ กำไรสุทธิ
ดังน้ัน งบกำไรขาดทุนควรแสดงให้เหน็ กำไรสทุ ธิท่ีมาจากกิจกรรมหลักของธรุ กิจ ผู้บรหิ ารและนกั
บัญชเี ปน็ ผู้ทีม่ คี วามรูแ้ ละความเช่ียวชาญทางการบัญชี ดงั นัน้ จงึ ควรใหผ้ ้บู รหิ ารและนักบัญชตี ัดสนิ ใจ
ว่ารายการใดควรเป็นรายการทรี่ วมอยใู่ นการดำเนินงานของกจิ กรรมตามปกติ รายการควรเป็น
23
รายการพเิ ศษ มีผู้คัดคา้ นแนวคิดน้ี ให้เหตุผล ดงั น้ี ถ้างบกำไรขาดทุน แสดงเฉพาะรายการทีเ่ กย่ี วข้อง
กบั การดำเนินงานในงวดปจั จบุ นั นั้น ผทู้ ี่ไม่มคี วามร้อู าจจะไมส่ นใจ รายการอื่น นอกจาก กำไรสทุ ธทิ ่ี
แสดงในงบกำไรขาดทุน-การเปดิ โอกาสใหผ้ ูบ้ ริหารและนกั บัญชเี ป็นผู้ตัดสินใจว่ารายการใดควรเป็น
รายการท่รี วมอย่ใู นการดำเนินงาน อาจเป็นช่องทางของการตกแต่งรายการทางการเงนิ ได้ง่าย
กำไรที่มปี ระโยชน์ต่อผู้ใชข้ ้อมูลมากทสี่ ดุ ควรรวมรายการตา่ ง ๆ ทมี่ ผี ลกระทบต่อการเพิ่มขนึ้
หรือการลดลงในส่วนของเจา้ ของ (ยกเวน้ การจ่ายปันผลและการเพม่ิ ทุนลดทุน) นั่นคือ แนวคิดของงบ
กำไรขาดทุนเบ็ดเสรจ็ ปัจจุบัน-แนวคิดนไ้ี ดร้ ับการสนับสนุนจาก AAA 1936,1941,1948 วา่ งบกำไร
ขาดทนุ สำหรบั งวดใดงวดหนึง่ ควรแสดงรายได้และค่าใช้จ่ายท้งั หมด โดยไม่คำนึงถึงวา่ เป็นผลจากการ
ดำเนินงานในปจั จุบนั หรอื ไม่ “รวมหมดทุกอยา่ ง” เหตุผลสนบั สนุน มดี งั น้ี
8.5.1 การแสดงรายได้และคา่ ใช้จ่ายท้งั หมดในงบกำไรขาดทุน ทำใหผ้ ูใ้ ชเ้ ข้าใจได้งา่ ย
และสามารถประเมินความสำคญั ของรายการและผลกระทบของรายการทีม่ ผี ลต่อการดำเนนิ งาน
8.5.2 การแสดงรายการดงั กลา่ ว พรอ้ มท้งั ช้แี จงรายละเอยี ดของรายการทีเ่ กิดข้ึนทำให้
ผู้ใชง้ บการเงนิ สามารถจดั หมวดหม่ไู ด้ และวเิ คราะหร์ ายการได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ
8.5.3 การท่ผี ้บู รหิ ารสนใจแต่เฉพาะกำไรสทุ ธจิ ากการดำเนินงาน อาจะทำใหก้ ิจการ
ประมาณรายการตา่ ง ๆ ผิดพลาดได้
8.5.4 ผูส้ นบั สนนุ แนวคิดน้ี ผลรวมของกำไรขาดทุนสทุ ธใิ นแต่ละงวดควรเทา่ กับกำไร
ขาดทนุ สุทธิรวมทง้ั หมด ดังน้ันกิจการควรรวมรายการพิเศษ และรายการปรบั ปรงุ แกไ้ ขกำไร หรือ
แกไ้ ขข้อผิดพลาดท่สี ำคัญ ไวใ้ นงบกำไรขาดทุน
8.5.5 กิจการควรแสดงรายการและเหตุการณ์ทางบัญชีทเี่ กิดขึ้น ไมว่ า่ รายการนั้นจะเป็น
รายการปกติหรือรายการพเิ ศษในงวดท่ีรายการดงั กลา่ วเกิดข้ึน
8.5.6 บางกรณี การจัดประเภทรายการและเหตกุ ารณท์ างบัญชีเป็นรายการพิเศษ อาจ
มขี อ้ โตแ้ ยง้ หรอื ไม่ชดั เจน ดงั น้ัน หากยอมใหม้ ีการใชด้ ลุ ยพนิ ิจ อาจจะเกิดความไม่ชดั เจน
การแสดงรายไดแ้ ละค่าใชจ้ า่ ยท้งั หมด โดยไม่คำนึงถึงวา่ เปน็ ผลมาจากการดำเนินงาน
ตามปกติหรือไม่ อาจทำใหเ้ กดิ การอธบิ ายรายการท่ไี มช่ ัดเจน หรือการไมเ่ ข้าใจตวั เลขในงบกำไร
ขาดทนุ ส่งผลใหเ้ กิดความผดิ พลาดในการวเิ คราะหถ์ า้ หากรายไดแ้ ละคา่ ใชจ้ ่ายทถี่ อื เป็นรายการพิเศษ
ในงวดก่อนผิดพลาด และรายการดงั กลา่ วไม่นำมารวมอยูใ่ นงบกำไรขาดทุนของงวดบญั ชปี ัจจุบนั แลว้
จะมผี ลทำใหก้ ำไรขาดทุนของกิจการผิดพลาดไปอยา่ งนอ้ ย 2 งวด คอื งวดก่อนและงวดปัจจบุ ัน
APB ฉบบั 30 จำแนกรายการกำไรขาดทุนท่ีไม่ถอื เป็นรายการพเิ ศษ เน่ืองจากโดยลกั ษณะ
ของรายการเหลา่ นี้คาดไดว้ ่าจะเกิดขึน้ ในอีกอนาคตอันใกล้ เช่น การตัดจำหนา่ ยบญั ชลี ูกหนี้ สินค้า
คงเหลอื รายจา่ ยต่อตัดบญั ชหี รือสินทรัพย์ไม่มตี ัวตน รายการกำไรหรือขาดทนุ จากอัตราแลกเปล่ยี น
เงินตราต่างประเทศ การยกเลิกการดำเนินงานบางส่วน รายการกำไรหรอื ขาดทนุ จากการขาย หรือ
24
จำหน่ายทีด่ ิน อาคารและอปุ กรณ์ รายการขาดทุนจากการนดั หยดุ งานของพนักงาน การปรบั ปรงุ
รายการเกยี่ วกบั สญั ญาเช่า
การแกไ้ ขและปรับปรุงรายการปกตหิ รือรายการและเหตุการณท์ างบัญชที ี่เกิดขึน้ ใหมร่ ายการ
และเหตุการณ์ทางบญั ชีดังกลา่ ว หมายถงึ รายการทไี่ ม่เขา้ ลักษณะของรายการที่เกิดข้ึนในงวดบัญชี
กอ่ น แต่เป็นรายการที่เก่ียวขอ้ งกบั การคำนวณกำไรขาดทุนในงวดปจั จบุ ันหรืองวดหนา้ เช่น
การเปลีย่ นแปลงอายุการใช้งานเครื่องจกั ร การเปลีย่ นแปลงประมาณการทางการบญั ชี
8.6 การเปล่ียนแปลงประมาณการทางการบัญชี (Changes in Accounting estimates)
การปรับปรุงมลู คา่ ตามบญั ชีของสนิ ทรัพย์ หรอื หน้ีสิน หรอื จำนวนที่มีการใช้ประโยชน์ของสนิ ทรพั ย์ใน
ระหว่างงวด อนั เป็นผลมาจากการประเมนิ สภาพปัจจุบันของสินทรพั ยแ์ ละหน้สี ิน และการประเมิน
ประโยชนแ์ ละภาระผกู พัน ทคี่ าดวา่ จะเกิดขึ้นในอนาคตทีเ่ กยี่ วข้องกบั สินทรัพย์และหนส้ี ินนนั้ การ
เปลีย่ นแปลงประมาณการทางบัญชเี ป็นผลจากการไดร้ บั ข้อมูลใหม่หรือมกี ารพฒั นาเพิม่ เติมจากเดิม
การเปลีย่ นแปลงประมาณการจงึ ไม่ถอื เปน็ การแกไ้ ขข้อผดิ พลาด มีลักษณะดงั น้ี
8.6.1 ลักษณะที่ 1 ที่เปน็ การเปลยี่ นแปลงหลกั การบัญชที ีย่ อมรบั โดยทั่วไปหลักการ
หนง่ึ ไปส่อู กี หลกั การหน่ึง อธบิ ายด้วยตวั อยา่ ง คอื การเปลยี่ นแปลงนโยบายการบัญชใี นเรื่องการตี
ราคาสนิ ค้าคงเหลอื ซ่ึงเดมิ นกั บัญชีอาจจะเลอื กใช้วิธกี ารราคาทุนท่ีแทจ้ ริง Specific Identification
เปลยี่ นมาเป็นวธิ กี ารตีราคาสินค้าคงเหลือแบบ แบบเขา้ ก่อน-ออกก่อน FIFO ซ่งึ รปู แบบน้ีของการ
เปลยี่ นแปลงนอี้ าจมเี จตนาท่ีจะม่งุ ใหก้ ารแสดงราคาของสินคา้ คงเหลือสอดคล้องกบั สภาพของการ
ดำเนินธรุ กจิ Business Model และสภาพของการบริหารสินค้าคงคลัง ประกอบกับเป็นการ
เปลย่ี นแปลงทจ่ี ะเกิดข้ึนอาจต้องการให้งบการเงินของกิจการไดแ้ สดงข้อมลู ที่น่าเชอื่ ถอื ตรงกบั
ความเห็นจริง ท้งั นเี้ ม่ือมีการเปลย่ี นแปลงจะตอ้ งมีการแสดงเหตผุ ลท่ีเหมาะสมประกอบด้วย
8.6.2 ลกั ษณะที่ 2 การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี (Change in
Accounting Estimate) แนวการเปลี่ยนแปลงท่เี กดิ ข้ึนนเ้ี ป็นการเปลี่ยนแปลงทีม่ สี าเหตุมาจาก
สภาพแวดลอ้ มทีเ่ ปลยี่ นแปลงไป หรอื เป็นเพราะมีการปรบั ปรงุ ข้อมูลในการจัดทำประมาณการทาง
บญั ชใี หม่ โดยของเดมิ อาจแสดงข้อมลู หรอื สะทอ้ นภาพการประกอบธุรกิจได้ไม่เหมาะสม นักบญั ชจี งึ
ต้องมีการทบทวนเน้ือหาสาระของการเปลี่ยนแปลงประมาณการประกอบดว้ ย ทง้ั นเ้ี หตกุ ารณท์ ี่ตอ้ ง
ทำใหพ้ ิจารณาประมาณการต่าง ๆ มกั พบได้จากการประมาณการหนสี้ งสยั จะสูญ, การประมาณราคา
ซากของสนิ ทรัพย์ถาวร,การทบทวนอายุการการใช้งานได้รับประโยชน์ , การเปลี่ยนแปลงวิธกี ารคิด
คำนวณค่าเสื่อมราคา เป็นต้น ซึง่ ประเด็นทย่ี กตัวอย่างประกอบนจี้ ำเปน็ ต้องอาศยั หลักในการ
พจิ ารณาจากหลายปัจจยั รว่ มกัน เพราะในเม่อื นกั บญั ชีเองก็ไม่สามารถทราบได้วา่ สถานการณใ์ น
อนาคตจะมีผลกระทบต่อธุรกจิ อย่างไรบา้ ง หรือแนวโนม้ ทิศทางในการได้รบั ประโยชน์เชงิ เศรษฐกิจมี
การเปล่ียนไปหรอื ไม่ การประมาณการทางบญั ชีจงึ เป็นสงิ่ ทค่ี วรมกี ารทบทวนประกอบกบั ศกึ ษาปัจจยั
25
ทีท่ ำให้สถานการณแ์ วดลอ้ มด้วยเช่นกัน
8.6.3 ลักษณะท่ี 3 การเปลี่ยนแปลงหนว่ ยงานที่เสนอรายงาน (Change in
Reporting Entity) ซ่ึงในประเด็นนกี้ ิจการจะต้องใหค้ วามสำคัญเช่นเดยี วกัน เพราะในภาวะของการ
เติบโตทางเศรษฐกจิ การรวมกล่มุ การคา้ ทางธุรกจิ เป็นสิ่งทผี่ ้บู รหิ ารหลายท่านให้ความสนใจ ดว้ ย
มูลเหตทุ ีส่ ำคญั ประการหนง่ึ ก็คือ การเปดิ เขตเสรีการค้าอาเซียน ธุรกจิ อาจจะต้องเพิ่มขอบเขตอำนาจ
ในการต่อรอง โดยรูปแบบเดมิ เป็นธุรกจิ ทีท่ ำเพียงเจ้าเดียว แห่งเดยี ว อาจจะมอี ำนาจในการต่อรองที่
นอ้ ยกว่าการรวมกล่มุ ธุรกิจ ดงั น้ันหากแนวทางในการดำเนินธุรกิจเปล่ียนไปจากเดมิ มีการนำเสนอต่อ
ผู้บรหิ าร หรอื ผูม้ สี ว่ นไดเ้ สยี เพยี งกลุม่ เดียว อาจจะตอ้ งเปลยี่ นรูปแบบในการนำเสนอรายงานหรอื มี
การเปลีย่ นแปลงกลุ่มบุคคลท่ีนำเสนอใหม่กไ็ ด้
9. งานวิจยั ทเี่ กี่ยวข้อง
ดร.คัทลยี า เมฆจรสั กุล (2561) ได้ศึกษาการทำวจิ ยั เรอ่ื ง มาตรฐานและฤทธทิ์ างชีวภาพของ
สารสกดั กระชายดำ มีรายงานการศกึ ษาฤทธท์ิ างชวี ภาพของสารสกดั กระชายดำ พบวา่ ฤทธ์ิต้าน
อกั เสบ ตา้ นเชอื้ จลุ ินทรีย์ ตา้ นภูมิแพ้ ลดความอว้ น ขยายหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนเลือด เพ่ิม
สมรรถนะทางเพศชาย ลดภาวะซมึ เศร้า ต้านสภาวะเครียด การศึกษาความปลอดภัยในการใชส้ าร
สกดั กระชายดำพบว่ามคี วามปลอดภยั นอกจากน้ผี ลการศึกษาทางคลินิกยังพบว่า แคปซูลสารสกดั
กระชายดำสามารถเพม่ิ สมรรถนะทางกายในนักเรยี นกีฬาและอาสาสมคั รสงู วัยไดอ้ ย่างปลอดภัย
แสดงให้เหน็ วา่ กระชายดำในรูปแบบสารสกัดกระชายดำมปี รมิ าณสารสำคัญกลุ่มฟลาโวนอยด์ใน
ปริมาณที่สงู ได้รับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ยืนยนั ฤทธท์ิ างเภสัชวิทยารวมทง้ั ความปลอดภัยในการ
ใช้ ดังนนั้ กระชายดำจงึ เป็นพืชสมุนไพรหนึง่ ทมี่ ีศักยภาพและมมี ูลค่าสงู เชิงพาณิชยก์ ารวจิ ัยและพฒั นา
ผลติ ภณั ฑท์ มี่ ีสว่ นประกอบของสารสกดั กระชายดำ กระชายดำเรม่ิ เป็นทร่ี ู้จักและมกี ารกล่าวอา้ งวา่ ใช้
เพม่ิ สมรรถนะทางเพศในบุรุษได้ดไี ม่แพ้ไวอะกรา้ จงึ ทำใหก้ ระชายดำเปน็ ท่ีตอ้ งการของตลาดสมุนไพร
ทัง้ ภายในและภายนอกประเทศ จนเปน็ พชื เศรษฐกิจที่นา่ สนใจ คณะผวู้ ิจยั จึงได้วิจยั และพัฒนา
สมุนไพรกระชายดำให้เปน็ ผลติ ภัณฑ์ในรูปแบบยาเตรยี มจากสมนุ ไพรทีม่ มี าตรฐานเป็นสากล มคี วาม
เชือ่ ถือไดแ้ ละสะดวกใช้ ทำใหม้ ีผลงานตีพิมพเ์ ผยแพร่ในฐานขอ้ มลู ระดับนานาชาติ และยงั ไดพ้ ัฒนา
เทคโนโลยีมาใช้ในการเตรยี มผลิตภณั ฑ์จากสารสกัดกระชายดำจนจดสิทธิบัตรและอนสุ ิทธิบตั ร ได้แก่
ยาเมด็ แคปซลู แกรนูลฟองฟู่ และสเปรยส์ ำหรบั สำหรบั ใชใ้ นช่องปากแตก่ ระชายดำ มขี ้อจำกัด
ทางด้านการดูดซมึ เมอ่ื ให้ทางการรบั ประทาน จึงมกี ารพัฒนารปู แบบผลติ ภณั ฑ์เพื่อเพมิ่ การนำส่ง
สารสำคญั เขา้ สู่รา่ งกายได้มากยิง่ ขนึ้ โดยอาศัย นาโนเทคโนโลยีเพือ่ เพ่มิ ชีวประสทิ ธิผลของสารสกดั
กระชายดำ ระบบการนำส่งทางผวิ หนังจงึ เป็นทางเลือกท่นี า่ สนใจในการนำส่งสารสกดั กระชายดำเข้า
สูร่ ่างกาย ซงึ่ มีขอ้ ดีหลายประการ ได้แก่ สามารถหลกี เลีย่ งการทำลายยาทตี่ ับ สามารถนำสง่ เข้า
กระแสเลือดไดโ้ ดยตรง ออกฤทธ์ิได้เน่ินนาน สะดวกสบายในการใช้
ดร.วาริน สทุ นต์ (2564) หวั หน้าศูนยส์ มุนไพรและแพทยแ์ ผนไทยแม่โจ้ กล่าวว่า "กระชาย
26
ขาว พชื สมนุ ไพรประจำบา้ น เปน็ อาหารกน้ ครัวคนไทย มรี สเผด็ ร้อน ซง่ึ ในการแพทยแ์ ผนไทย ถา้
สมนุ ไพรมีรสเผ็ดร้อนจะช่วยกระตุ้นธาตุไฟ ธาตุไฟมีส่วนท่ีตรงกับแพทย์แผนปัจจบุ ันคือสร้างภูมคิ ุ้มกัน
สำหรบั ผลติ ภณั ฑ์สมุนไพรกระชายขาวทแี่ นะนำครัง้ น้ี เกิดจากความรว่ มมือทางวิชาการระหว่างศนู ย์
สมนุ ไพรและแพทยแ์ ผนไทยแม่โจ้ รว่ ม กับ บรษิ ัทโอ เอส เค ทราเวล แอนด์ เฮลท์ จำกัด ซ่ึงทางศนู ย์
สมนุ ไพรฯ ไดก้ ำหนดสูตรผลิตภัณฑส์ มนุ ไพรกระชายขาวผสมขิงและใบเตยขนึ้ มา เพ่อื ชว่ ยในการ
เสริมสร้างสุขภาพ สร้างภมู ิค้มุ กันจากโรคโควิด 19 โดยอาศัยขอ้ มูลในตำรับยา และคัมภีรย์ าสมุนไพร
แผนโบราณ ประกอบกบั รายงานการวจิ ัยจากหลายสำนกั ที่มรี ายงานไวว้ า่ สารสกัดหยาบกระชายขาว
และขิงให้ผลที่ดีในการช่วยยับยั้งเซลล์เชือ้ โควิด-19 ในหลอดทดลอง ทางศนู ย์สมนุ ไพรฯจึงไดม้ กี าร
ทดสอบและทดลองพฒั นากระบวนการสกดั และผลติ ผลิตภัณฑต์ ้นแบบในหอ้ งปฏบิ ตั ิการ มีการ
วิเคราะหห์ าปรมิ าณสารสำคัญ Panduratin A ทม่ี ีในกระชาย เพ่ือตรวจสอบคณุ ภาพของผลิตภัณฑ์
และ นำผลิตภณั ฑต์ ้นแบบและกระบวนการผลิตท่พี ัฒนาขึ้นในหอ้ งปฏิบตั กิ ารสง่ ต่อใหบ้ ริษัทโอ เอส
เค ทราเวล แอนด์ เฮลท์ จำกัด ดำเนินการผลิตในโรงงาน มาตรฐาน GMP และยื่นจดทะเบยี น
ผลิตภณั ฑเ์ สริมอาหาร ในชอ่ื ตรา "แม่โจ้"สำหรับผลติ ภณั ฑ์จากกระชายขาว ท่ีทางศนู ย์สมุนไพรฯ ได้
กำหนดสูตรข้นึ มาในขณะน้มี ี 3 ชนิด ได้แก่ สารสกัดกระชายผสมขงิ และใบเตยแบบแคปซลู (สารสกดั
กระชาย 240 mg +ขงิ 50 mg +ใบเตย 50 mg), เครื่องด่มื สมุนไพรกระชายขาวผสมขิงและใบเตย
(นำ้ กระชายขาว 83.34% +นำ้ ขงิ 8.33 %+น้ำใบเตย 8.33%(ปริมาณสารสกัดกระชาย 1 กรัมใน
เครอื่ งดืม่ 300 มล.)) และ เครือ่ งดืม่ ชนดิ ผงกระชายขาวผสมขิงและใบเตย (กระชาย 90% +ขงิ 5%+
ใบเตย 5%(ปรมิ าณสารสกัดกระชาย 1.8 กรัม/ซองชง))สมนุ ไพรไทย นอกจากจะมปี ระโยชนแ์ ลว้ แต่
หากใช้ผิด ก็อาจทำใหเ้ กิดโทษได้ ซึ่งกระชายขาวเปน็ สมุนไพรตำรบั มีฤทธ์ริ อ้ น ผูม้ อี าการธาตไุ ฟสงู มี
การรอ้ นภายในกายเป็นประจำ มโี รคความดัน มีโรคหวั ใจ และภาวะฮอร์โมนผดิ ปกติควรทานอยา่ ง
ระมดั ระวงั ไมค่ วรทานทุกวัน หรอื ให้ทานมชี ่วงวนั เว้น วัน หรอื เว้นสองวัน ดื่มน้ำตามมากๆควรด่มื นำ้
ดร.วารินทร์ ยงั ใหข้ ้อมูลเพิ่มเติมอีกวา่ ปริมาณสารสำคญั ของกระชายจะมปี ริมาณเขม้ ข้นที่บริเวณส่วน
เหง้า และการเก็บเก่ียวกระชายเพอ่ื ใหค้ ณุ ภาพดี ต้องเก็บเกย่ี วในช่วงฤดูแลง้ ดังน้ัน หากมีการเรง่ ปลกู
หรือ เก็บเกี่ยวผดิ ฤดูกาล กส็ ่งผลใหว้ ัตถดุ บิ กระชายท่ไี ด้ ไมม่ คี ณุ ภาพ และหากนำไปทำผลติ ภัณฑก์ จ็ ะ
ได้ผลติ ภณั ฑ์ที่ไม่มคี ุณภาพไปดว้ ย
27
บทท่ี 3
วธิ ีการดำเนนิ การศกึ ษา
นำ้ กระชาย เป็นการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์น้ำกระชายโดยมสี ่วนผสมของนำ้ ผ้งึ และนำ้ มะนาว เพ่อื
ศกึ ษาความพึงพอใจของกลุ่มเปา้ หมายที่มีตอ่ ผลิตภัณฑ์น้ำกระชาย โดยผูศ้ กึ ษาได้ดำเนินงาน
ตามลำดับขัน้ ตอนดงั ต่อไปน้ี
1. ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง
2. เครอ่ื งมือทใี่ ช้ในการศึกษา
3. ขั้นตอนในการสร้างเครื่องมือ
4. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
5. การวเิ คราะหข์ อ้ มูลและสถติ ิท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
นกั ศึกษาชน้ั ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ชน้ั สงู (ปวส.) ช้ันปที ่ี 2 แผนกวิชาการบญั ชี ภาคเรียนที่ 1
ปีการศกึ ษา 2564 วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาชลบรุ ี จำนวน 84 คน
2. เครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการศกึ ษา
เครอื่ งมือทใี่ ชใ้ นการศกึ ษาครง้ั นี้เป็นแบบสอบถาม ซง่ึ ประกอบด้วยแบบตรวจรายการ แบบ
มาตราส่วนประมาณ และแบบคำถามปลายปดิ และปลายเปดิ จำนวน 3 ตอนมีรายละเอียด ดงั นี้
ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ท่วั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 ศกึ ษาความพงึ พอใจท่ีมีต่อผลติ ภัณฑแ์ ละบรรจภุ ณั ฑน์ ำ้ กระชาย ลักษณะ
แบบสอบถามเปน็ มาตราสว่ นประกอบ 5 ระดับ
ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะและความคิดเห็น
3. ขัน้ ตอนในการสร้างข้อมูล
การสร้างเครื่องมอื จากแบบสอบถาม ซึง่ มรี ายละเอียดแบง่ เปน็ 3 ตอน ดงั นี้
ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ข้อ 1 เพศ
ข้อ 2 ช่วงอายุ
ข้อ 3 กลุม่ เรยี น
28
ตอนท่ี 2 ศกึ ษาความพึงพอใจท่มี ตี ่อผลติ ภัณฑ์และบรรจภุ ัณฑ์น้ำกระชาย ลักษณะ
แบบสอบถามเปน็ มาตราสว่ นประกอบ 5 ระดับ
ระดบั ท่ี 5 หมายถงึ มีความพงึ พอใจมากที่สุด
ระดับที่ 4 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจมาก
ระดบั ที่ 3 หมายถงึ มีความพึงพอใจปานกลาง
ระดับที่ 2 หมายถึง มีความพึงพอใจนอ้ ย
ระดบั ท่ี 1 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจน้อยทีส่ ุด
โดยกำหนดเกณฑก์ ารแปลความหมายขอ้ มลู ท่เี ปน็ คา่ เฉลีย่ ต่าง ๆ คือ
คา่ เฉล่ียระหว่าง ความหมาย
4.51 - 5.00 ความพึงพอใจในระดบั มากท่สี ุด
3.51 - 4.50 ความพึงพอใจในระดับมาก
2.51 - 3.50 ความพึงพอใจในระดับปานกลาง
1.51 - 2.50 ความพงึ พอใจในระดับนอ้ ย
1.00 - 1.50 ความพึงพอใจในระดบั น้อยทีส่ ุด
ตอนที่ 3 เปน็ แนวคำถามปลายเปิดสำหรับผ้ตู อบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นเพม่ิ เตมิ
และใหข้ ้อเสนอแนะต่าง ๆ
4. การเก็บรวบรวมข้อมูล
คณะผู้จดั ทำได้ดำเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ตามลำดบั ข้ันตอน ดังน้ี
4.1 ดำเนนิ การแจกแบบสอบถาม นำ้ กระชาย โดยแจกแบบสอบถามใหก้ ลมุ่ เป้าหมายผ่าน
ทางออนไลน์ โดยใช้ Google From
4.2 เก็บรวบรวมแบบสอบถาม นำ้ กระชาย เพื่อนำข้อมูลทีไ่ ด้มาวเิ คราะห์ต่อไป
5. การวิเคราะหข์ ้อมลู และสถิติทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา
การวเิ คราะหข์ อ้ มลู เกย่ี วกบั ลกั ษณะของผู้ตอบแบบสอบถาม สถติ ิที่ใช้เป็นร้อยละ
(Percentage) คา่ เฉลี่ย (Arithmetic Mean) ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation S.D.)
โดยรวบรวมข้อมูลการหาค่าสถิตพิ ื้นฐาน คือ รอ้ ยละ คา่ เฉล่ยี และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานของคะแนน
ที่ไดโ้ ดยใชส้ ตู รดังน้ี
29
5.1 ค่าร้อยละ = ×
P
เมื่อ P แทน รอ้ ยละ
F แทน ความถท่ี ี่ต้องการแปลงคา่ ใหเ้ ปน็ ร้อยละ
n แทน จำนวนความถ่ีทัง้ หมด
5.2 คา่ เฉลยี่
̅ =
เมื่อ ̅ แทน ค่าเฉลี่ย
∑ แทน ผลรวมทง้ั หมดของความถี่ คูณคะแนน
N แทน ผลรวมท้งั หมดของความถี่ซึ่งมีคา่ เท่ากับจำนวนขอ้ มลู ท้งั หมด
5.3 สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน
S.D. = √ −(∑ )
[ − ]
เมอ่ื S.D. แทน สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน
N แทน จำนวนคู่ทง้ั หมด
X แทน คะแนนแตล่ ะตวั ในกลมุ่ ข้อมลู
∑ แทน ผลรวมของความแตกต่างของคะแนนแต่ละคู่
30
บทท่ี 4
ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล
แบบสอบถามนี้มีวตั ถปุ ระสงค์เพือ่ พัฒนาผลิตภณั ฑ์นำ้ กระชายโดยมสี ่วนผสมของน้ำผึง้ และ
น้ำมะนาว ศึกษาความพงึ พอใจของกลมุ่ เปา้ หมายทมี่ ตี ่อผลิตภณั ฑ์น้ำกระชาย โดยผศู้ ึกษาได้
ดำเนินงานตามลำดับข้ันตอนดงั ตอ่ ไปน้ี
4.1 สัญลักษณ์ทใี่ ช้ในการวิเคราะห์
n แทน จำนวนคนในกลุ่มเปา้ หมาย
̅ แทน คะแนนเฉลย่ี
S.D. แทน สว่ นเบย่ี งเบนมาตฐาน
4.2 การนำเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล
การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ในการศึกษาครัง้ น้ี ผศู้ ึกษาได้ดำเนินการวเิ คราะหอ์ อกเปน็ 3 ตอนดังนี้
ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลท่ัวไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 ศึกษาความพึงพอใจของกลุม่ เป้าหมายที่มตี ่อผลิตภณั ฑ์และบรรจุภัณฑ์นำ้ กระชาย
ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะและความคิดเห็น
31
ตอนที่ 1 ข้อมลู ทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม
ตารางท่ี 1 แสดงความถแ่ี ละรอ้ ยละของกลมุ่ เป้าหมาย จำแนกเพศ
กลุ่มเปา้ หมาย n = 84
สถานภาพ จำนวน รอ้ ยละ
เพศ 5 6.00
ชาย 79 94.00
หญิง
84 100.00
รวม
จากตารางท่ี 1 พบวา่ กลุม่ เปา้ หมายส่วนใหญ่เปน็ เพศหญิง จำนวน 79 คน คิดเป็นรอ้ ยละ
94.00 เพศชายจำนวน 5 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 6.00 ตามลำดับ
เพศ
6%
94%
ชาย หญงิ
ภาพที่ 1 แสดงความถีแ่ ละร้อยละของนักศกึ ษา จำแนกเพศ
32
ตารางที่ 2 แสดงความถีแ่ ละรอ้ ยละของกลมุ่ เปา้ หมายจำแนกตามชว่ งอายุ
กลุ่มเปา้ หมาย n = 84
สถานภาพ จำนวน ร้อยละ
อายุ 79 94.00
18 – 20 ปี 4 4.80
21 – 22 ปี 1 1.20
23 – 25 ปี 84 100.00
รวม
จากตารางท่ี 2 พบว่ากล่มุ เปา้ หมายส่วนใหญ่ อายุ 18 - 20 ปี จำนวน 79 คน คดิ เป็นร้อย
ละ 94.00 รองลงมาอายุ 21 – 22 ปี จำนวน 4 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 4.80 และอายุ 23-25 ปี จำนวน
1 คน คิดเป็นร้อยละ 1.20 ตามลำดบั
อายุ
5% 1%
94%
18-20 ปี 21-22 ปี 23-25 ปี
ภาพท่ี 2 แสดงความถ่ีและร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามช่วงอายุ
ตารางท่ี 3 แสดงความถแ่ี ละร้อยละของกลุม่ เปา้ หมายจำแนกตามกลุ่มเรยี น
33
สถานภาพ กลุ่มเป้าหมาย n = 84
จำนวน ร้อยละ
กลมุ่ เรยี น
ปวส.2/1 28 33.30
ปวส.2/2 29 34.50
ปวส.2/3 27 32.10
รวม 84 100.00
จากตารางที่ 3 พบวา่ กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เปน็ กลุ่มท่ี 2 จำนวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ
34.50 รองลงมากล่มุ ท่ี 1 จำนวน 28 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 33.30 และกลุ่มท่ี 3 จำนวน 27 คน คิดเป็น
ร้อยละ 32.10 ตามลำดับ
กลมุ่ เรยี น
32% 33%
35%
ปวส.2/1 ปวส.2/2 ปวส.2/3
ภาพท่ี 3 แสดงความถแี่ ละร้อยละของนกั ศกึ ษา จำแนกตามกลุ่มเรยี น
34
ตอนท่ี 2 ศึกษาความพงึ พอใจของกลุ่มเปา้ หมายทีม่ ตี ่อผลติ ภณั ฑแ์ ละบรรจุภัณฑ์น้ำกระชาย
แบ่งเปน็ 3 ดา้ น คอื ด้านคณุ ภาพผลิตภณั ฑ์ ด้านบรรจภุ ัณฑ์ และดา้ นสง่ เสรมิ การจัดจำหน่าย
ตารางท่ี 4 แสดงคา่ เฉลย่ี และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพงึ พอใจของกลุ่มเป้าหมายทีม่ ตี ่อ
ผลติ ภัณฑแ์ ละบรรจภุ ัณฑน์ ำ้ กระชาย สรุปเปน็ รายดา้ นคุณภาพผลติ ภัณฑ์
ระดับความพึงพอใจ
รายการประเมิน ̅ S.D. ระดบั แปลผล
1. รสชาตผิ ลิตภัณฑม์ คี วามอรอ่ ย สดช่ืน 4.42 0.75 มาก
2. ผลติ ภัณฑ์มคี วามสดใหม่น่ารับประทาน 4.17 0.74 มาก
3. ผลิตภัณฑม์ ีประโยชนต์ อ่ ร่างกาย 4.37 0.83 มาก
4. ปริมาณของผลิตภัณฑม์ ีความเหมาะสม 4.25 0.74 มาก
5. ผลติ ภณั ฑม์ คี วามสะอาด และความปลอดภัยต่อผู้บริโภค 4.27 0.78 มาก
รวม 4.30 0.61 มาก
จากตารางท่ี 4 พบวา่ ความพึงพอใจของกลมุ่ เปา้ หมายท่ีมีต่อผลติ ภัณฑ์และบรรจุภณั ฑ์น้ำ
กระชาย ด้านคณุ ภาพผลิตภัณฑ์ โดยรวมมีความพงึ พอใจในระดบั มาก (̅ = 4.30 และ S.D. =
0.61) และเมอื่ พิจารณาเป็นรายข้อรสชาติผลติ ภัณฑม์ คี วามอร่อย สดช่ืนมีความพงึ พอใจในระดบั มาก
(̅ = 4.42 และ S.D. = 0.75) รองลงมาผลติ ภณั ฑ์มปี ระโยชน์ตอ่ ร่างกายมีความพึงพอใจในระดบั
มาก (̅ = 4.37 และ S.D. = 0.83) ผลิตภณั ฑม์ คี วามสะอาด และความปลอดภัยตอ่ ผบู้ ริโภคมีความ
พึงพอใจในระดับมาก (̅ = 4.27 และ S.D. = 0.78) ปรมิ าณของผลิตภัณฑม์ คี วามเหมาะสมมคี วาม
พงึ พอใจในระดับมาก (̅ = 4.25 และ S.D. = 0.74) และผลิตภัณฑ์มีความสดใหม่นา่ รบั ประทานมี
ความพึงพอใจในระดบั มาก (̅ = 4.17 และ S.D. = 0.74) ตามลำดบั
ภาพที่ 4 แสดงค่าเฉลี่ย และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ความพงึ พอใจของกลมุ่ เป้าหมาย สรุปเป็นราย
ดา้ นคณุ ภาพผลิตภัณฑ์
35
ตารางที่ 5 แสดงค่าเฉล่ีย และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายท่มี ีตอ่
ผลิตภณั ฑแ์ ละบรรจุภณั ฑน์ ำ้ กระชาย สรปุ เป็นรายดา้ นบรรจภุ ณั ฑ์
รายการประเมิน ระดบั ความพึงพอใจ
̅ S.D. ระดบั แปลผล
1. บรรจภุ ัณฑ์มีความดงึ ดูด และนา่ สนใจ 4.40 0.71 มาก
2. ตราผลติ ภณั ฑม์ ีความสวยงาม 4.18 0.75 มาก
3. บรรจุภณั ฑม์ คี วามสะดวกในการดื่ม และพกพา 4.42 0.66 มาก
4. บรรจภุ ัณฑม์ คี วามสวยงานและความทันสมยั 4.29 0.70 มาก
5. บรรจภุ ณั ฑม์ ีความเหมาะสมตอ่ ผลติ ภณั ฑ์ 4.32 0.78 มาก
รวม 4.32 0.54 มาก
จากตารางที่ 4 พบว่าความพงึ พอใจของกล่มุ เปา้ หมายที่มตี อ่ ผลิตภัณฑแ์ ละบรรจุภณั ฑ์น้ำ
กระชาย ดา้ นบรรจภุ ณั ฑ์ โดยรวมมีความพงึ พอใจในระดับมาก (̅ = 4.32 และ S.D. = 0.54) และ
เมอ่ื พจิ ารณาเปน็ รายข้อบรรจภุ ณั ฑม์ ีความสะดวกในการดืม่ และพกพามคี วามพึงพอใจในระดบั มาก
(̅ = 4.42 และ S.D. = 0.66) รองลงมาบรรจภุ ัณฑม์ คี วามดึงดูด และนา่ สนใจมีความพึงพอใจใน
ระดบั มาก ( ̅ = 4.40 และ S.D. = 0.71) บรรจุภัณฑม์ ีความเหมาะสมตอ่ ผลิตภัณฑ์มีความพงึ พอใจ
ในระดบั มาก ( ̅ = 4.32 และ S.D. = 0.78) บรรจุภณั ฑม์ ีความสวยงานและความทันสมยั มคี วามพงึ
พอใจในระดับมาก (̅ = 4.29 และ S.D. = 0.70) และตราผลติ ภณั ฑ์มีความสวยงามในระดับมาก
( ̅ = 4.18 และ S.D. = 0.75) ตามลำดับ
ภาพที่ 5 แสดงคา่ เฉล่ีย และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจของกล่มุ เปา้ หมาย สรุปเปน็ ราย
ด้านบรรจภุ ัณฑ์
36
ตารางที่ 6 แสดงคา่ เฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ความพงึ พอใจของกลุ่มเปา้ หมายท่ีมีต่อ
ผลิตภณั ฑแ์ ละบรรจภุ ัณฑน์ ำ้ กระชาย สรุปเป็นรายด้านส่งเสริมการจดั จำหนา่ ย
ระดับความพึงพอใจ
รายการประเมนิ ̅ S.D. ระดบั แปลผล
1. ราคามคี วามเหมาะสมกบั ปริมาณของผลิตภัณฑ์ 4.51 0.69 มากทสี่ ดุ
2. การกำหนดราคาเป็นไปตามมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ 4.11 0.68 มาก
3. มีป้ายกำหนดราคาทชี่ ดั เจน 4.56 0.68 มากทสี่ ุด
4. มีความสะดวกในการส่งั ซ้ือ 4.35 0.69 มาก
5. มีชอ่ งทางการจัดจำหนา่ ยชดั เจน 4.36 0.72 มาก
รวม 4.38 0.55 มาก
จากตารางที่ 4 พบวา่ ความพงึ พอใจของกล่มุ เปา้ หมายทมี่ ีต่อผลิตภัณฑแ์ ละบรรจภุ ณั ฑ์นำ้
กระชาย ด้านส่งเสรมิ การจัดจำหน่าย โดยรวมมคี วามพงึ พอใจในระดับมาก (̅ = 4.38 และ S.D. =
0.55) และเม่อื พิจารณาเป็นรายขอ้ มปี า้ ยกำหนดราคาท่ชี ัดเจนมีความพึงพอใจในระดบั มากทีส่ ุด ( ̅
= 4.56 และ S.D. = 0.68) รองลงมาราคามีความเหมาะสมกับปรมิ าณของผลิตภัณฑ์มคี วามพงึ พอใจ
ในระดับมากทส่ี ดุ ( ̅ = 4.51 และ S.D. = 0.69) มีชอ่ งทางการจัดจำหน่ายชัดเจนมคี วามพึงพอใจใน
ระดับมาก (̅ = 4.36 และ S.D. = 0.72) มคี วามสะดวกในการสั่งซอ้ื มีความพงึ พอใจในระดับมาก
( ̅ = 4.35 และ S.D. = 0.69) และการกำหนดราคาเป็นไปตามมาตรฐานผลติ ภัณฑ์ในระดับมาก ( ̅
= 4.11 และ S.D. = 0.68) ตามลำดับ
ภาพท่ี 6 แสดงคา่ เฉลย่ี และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจของกลุ่มเปา้ หมาย สรปุ เป็นราย
ด้านสง่ เสริมการจดั จำหน่าย
37
บทท่ี 5
สรปุ ผล อภปิ ราย และข้อเสนอแนะ
น้ำกระชาย วัตถปุ ระสงคก์ ารศึกษา 1. เพ่ือพัฒนาผลิตภณั ฑ์นำ้ กระชายโดยมสี ่วนผสมของ
นำ้ ผงึ้ และนำ้ มะนาว 2. เพอ่ื พฒั นาบรรจุภัณฑ์น้ำกระชาย 3. เพือ่ ศกึ ษาความพึงพอใจของ
กลุ่มเปา้ หมายท่ีมตี ่อผลติ ภณั ฑ์น้ำกระชาย กลมุ่ ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครง้ั น้ไี ด้แก่ นกั ศึกษาระดับ
ประกาศนียบตั รวชิ าชพี ชน้ั สงู (ปวส.) ช้นั ปที ่ี 2 สาขาวชิ าการบญั ชี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564
วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาชลบุรี จำนวน 84 คน ซง่ึ ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive
Sampling) เครื่องมอื ทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษา คอื แบบสอบถามเพ่อื ศกึ ษาความพงึ พอใจของกลุม่ เป้าหมายท่ี
มตี อ่ ผลติ ภณั ฑ์นำ้ กระชาย แบง่ เปน็ 3 ดา้ น คอื ด้านคณุ ภาพผลติ ภณั ฑ์ ดา้ นบรรจภุ ณั ฑ์ และด้าน
ส่งเสริมการจดั จำหนา่ ย สถิติทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษา คือ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Arithmetic
Mean) ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
สรุปผลการศกึ ษา
ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลในการศกึ ษาคร้งั นี้ สรปุ ได้ดงั นี้
ตอนที่ 1 น้ำกระชาย ด้านสภาพทั่วไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม พบวา่ นักศึกษา
กลุม่ เปา้ หมายส่วนใหญเ่ ปน็ เพศหญงิ จำนวน 79 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 94.00 สว่ นใหญ่อยูใ่ นช่วงอายุ
18 - 20 ปี จำนวน 79 คน คิดเป็นร้อยละ 94.00 รองลงมาอายุ 21 – 22 ปี จำนวน 4 คน คิดเป็น
รอ้ ยละ 4.80 และอายุ 23-25 ปี จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 1.20
ตอนท่ี 2 นำ้ กระชาย ด้านการศึกษาความพงึ พอใจท่มี ตี อ่ ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์น้ำ
กระชาย แบง่ เป็น 3 ดา้ น คอื ด้านคุณภาพผลติ ภณั ฑ์ ดา้ นบรรจภุ ณั ฑ์ และดา้ นสง่ เสรมิ การจดั
จำหนา่ ย
ดา้ นคุณภาพผลิตภัณฑ์ โดยรวมมีความพงึ พอใจในระดบั มาก ( ̅ = 4.30 และ S.D. =
0.61) และเมอ่ื พจิ ารณาเป็นรายข้อรสชาตผิ ลิตภณั ฑ์มคี วามอร่อย สดช่นื มีความพงึ พอใจในระดับมาก
( ̅ = 4.42 และ S.D. = 0.75) รองลงมาผลิตภัณฑม์ ีประโยชนต์ ่อรา่ งกายมคี วามพงึ พอใจในระดับ
มาก (̅ = 4.37 และ S.D. = 0.83) ผลิตภณั ฑม์ คี วามสะอาด และความปลอดภัยตอ่ ผู้บรโิ ภคมคี วาม
พงึ พอใจในระดับมาก ( ̅ = 4.27 และ S.D. = 0.78) ปริมาณของผลิตภัณฑม์ ีความเหมาะสมมคี วาม
พงึ พอใจในระดบั มาก (̅ = 4.25 และ S.D. = 0.74) และผลิตภณั ฑ์มคี วามสดใหม่นา่ รับประทานใน
ระดบั มาก ( ̅ = 4.17 และ S.D. = 0.74) ตามลำดับ
ด้านบรรจภุ ัณฑ์ โดยรวมมคี วามพึงพอใจในระดบั มาก (̅ = 4.32 และ S.D. = 0.54) และ
เม่อื พิจารณาเปน็ รายข้อบรรจภุ ัณฑ์มคี วามสะดวกในการดื่ม และพกพามีความพงึ พอใจในระดบั มาก
38
( ̅ = 4.42 และ S.D. = 0.66) รองลงมาบรรจุภณั ฑม์ ีความดึงดูด และน่าสนใจมีความพึงพอใจใน
ระดับมาก ( ̅ = 4.40 และ S.D. = 0.71) บรรจุภัณฑ์มีความเหมาะสมตอ่ ผลิตภัณฑ์มคี วามพึงพอใจ
ในระดับมาก ( ̅ = 4.32 และ S.D. = 0.78) บรรจภุ ัณฑ์มคี วามสวยงานและความทันสมยั มคี วามพงึ
พอใจในระดบั มาก ( ̅ = 4.29 และ S.D. = 0.70) และตราผลติ ภัณฑม์ คี วามสวยงามในระดับมาก
( ̅ = 4.18 และ S.D. = 0.75) ตามลำดบั
ดา้ นสง่ เสรมิ การจัดจำหนา่ ย โดยรวมมคี วามพึงพอใจในระดับมาก (̅ = 4.38 และ S.D. =
0.55) และเม่อื พจิ ารณาเป็นรายขอ้ มปี า้ ยกำหนดราคาท่ชี ัดเจนมีความพงึ พอใจในระดับมากท่ีสดุ ( ̅
= 4.56 และ S.D. = 0.68) รองลงมาราคามีความเหมาะสมกบั ปริมาณของผลิตภัณฑ์มคี วามพึงพอใจ
ในระดับมากทส่ี ุด (̅ = 4.51 และ S.D. = 0.69) มชี อ่ งทางการจัดจำหน่ายชัดเจนมคี วามพึงพอใจใน
ระดบั มาก (̅ = 4.36 และ S.D. = 0.72) มคี วามสะดวกในการสงั่ ซ้ือมีความพึงพอใจในระดับมาก
(̅ = 4.35 และ S.D. = 0.69) และการกำหนดราคาเป็นไปมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ในระดับมาก (̅ =
4.11 และ S.D. = 0.68) ตามลำดับ
การอภิปรายผล
การอภิปรายผล ซ่ึงมีวัตถปุ ระสงค์ดงั น้ี คือ 1. เพื่อพัฒนาผลิตภณั ฑ์นำ้ กระชายโดยมี
ส่วนผสมของน้ำผ้งึ และน้ำมะนาว 2. เพือ่ พฒั นาบรรจภุ ัณฑน์ ้ำกระชาย 3. เพ่ือศกึ ษาความพึงพอใจ
ของกลุ่มเป้าหมายท่มี ีตอ่ ผลติ ภณั ฑ์นำ้ กระชาย แบ่งเป็น 3 ดา้ น คือ ดา้ นคณุ ภาพผลติ ภัณฑ์
ด้านบรรจุภณั ฑ์ และด้านส่งเสริมการจัดจำหน่าย
ดา้ นคุณภาพผลติ ภณั ฑ์ โดยรวมมคี วามพงึ พอใจในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อแล้ว
ทกุ ข้อมคี วามพงึ พอใจในระดบั มาก คือ รสชาติผลติ ภัณฑม์ ีความอรอ่ ย สดช่นื รองลงมาผลิตภณั ฑม์ ี
ประโยชน์ต่อรา่ งกาย และผลติ ภณั ฑ์มคี วามสะอาด ความปลอดภยั ต่อผบู้ รโิ ภค ปริมาณของผลติ ภัณฑ์
ผลติ ภณั ฑ์มีความสดใหม่นา่ รับประทาน ตามลำดบั
ดา้ นบรรจุภัณฑ์ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก เมือ่ พิจารณาเป็นรายข้อแล้ว ทุกขอ้ มี
ความพึงพอใจในระดบั มาก คอื บรรจภุ ณั ฑม์ ีความสะดวกในการดืม่ และพกพา รองลงมาบรรจภุ ัณฑ์มี
ความดงึ ดดู น่าสนใจ และบรรจุภัณฑ์มคี วามเหมาะสมต่อผลติ ภัณฑ์ บรรจุภณั ฑ์มคี วามสวยงานและ
ความทนั สมยั ตราผลติ ภัณฑ์ ตามลำดบั
ดา้ นสง่ เสริมการจัดจำหนา่ ย โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก เม่ือพจิ ารณาเป็นรายข้อ
มปี ้ายกำหนดราคาท่ีชดั เจนมคี วามพงึ พอใจในระดบั มากทสี่ ดุ มีคา่ เฉลี่ย 4.56 รองลงมา คือ ราคามี
ความเหมาะสมกับปริมาณของผลติ ภณั ฑ์ มีชอ่ งทางการจัดจำหน่ายชัดเจน มคี วามสะดวกในการสง่ั ซ้อื
และการกำหนดราคาเป็นไปมาตรฐานผลติ ภัณฑ์ ตามลำดบั ซ่งึ สอดคล้องกบั ดร.คัทลียา เมฆจรสั กลุ
(2561) ได้ศกึ ษาการทำวจิ ยั เรอ่ื ง มาตรฐานและฤทธทิ์ างชีวภาพของสารสกดั กระชายดำ มีรายงาน
39
การศกึ ษาฤทธิท์ างชีวภาพของสารสกัดกระชายดำ พบวา่ ฤทธ์ติ ้านอักเสบ ต้านเชอื้ จลุ ินทรีย์ ตา้ น
ภูมแิ พ้ ลดความอ้วน ขยายหลอดเลอื ด เพ่มิ การไหลเวยี นเลอื ด ลดภาวะซมึ เศรา้ ต้านสภาวะเครียด
การศึกษาความปลอดภัยในการใช้สารสกัดกระชายดำพบวา่ มีความปลอดภัยคณะผวู้ จิ ัยจงึ ไดว้ จิ ยั และ
พฒั นาสมุนไพรกระชายดำใหเ้ ป็นผลิตภณั ฑ์ในรปู แบบยาเตรียมจากสมนุ ไพรท่ีมีมาตรฐานเปน็ สากล มี
ความเช่อื ถือไดแ้ ละสะดวกใช้อีกดว้ ย และ ดร.วารนิ สทุ นต์ (2564) หวั หน้าศนู ยส์ มุนไพรและแพทย์
แผนไทยแม่โจ้ กล่าววา่ "กระชายขาว พชื สมนุ ไพรประจำบ้าน เป็นอาหารก้นครวั คนไทย มีรสเผ็ด
ร้อน ซง่ึ ในการแพทยแ์ ผนไทย ถ้าสมนุ ไพรมีรสเผด็ รอ้ นจะชว่ ยกระตุน้ ธาตไุ ฟ ธาตุไฟมีสว่ นทีต่ รงกับ
แพทย์แผนปัจจบุ นั คือสรา้ งภูมิคมุ้ กัน สำหรับผลติ ภัณฑ์สมุนไพรกระชายขาวท่แี นะนำครั้งนี้ซง่ึ ทาง
ศูนยส์ มุนไพรฯ ได้กำหนดสูตรผลิตภณั ฑส์ มุนไพรกระชายขาวผสมขงิ และใบเตยข้ึนมา เพื่อช่วยในการ
เสริมสรา้ งสุขภาพ สรา้ งภมู คิ ุ้มกนั
ขอ้ เสนอแนะ
-
40
บรรณานุกรม
คทั ลียา เมฆจรสั กุล. (2561) กระชายดำ
เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://www.thailandplus.tv/archives/8293 23 มถิ นุ ายน 2564
ภูรติ า บญุ ล้อม. (2564) ประโยชน์ของกระชายขาว
เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://thestandard.co/kaempferia-benefit/ 21 กรกฎาคม 2564
รุ่งเรือง คลองบางลอ. (2560) มะนาวกบั สุขภาพ
เข้าถึงได้จาก : https://www.hongthongrice.com/home/2health/ 7 กรกฎาคม 2564
วารนิ สทุ นต์. (2564) กระชายขาว
เข้าถึงไดจ้ าก : https://erp.mju.ac.th/ 23 มถิ ุนายน 2564
สุพรรณี ศรรี ิรมย์. (2564) น้ำกระชายขาวผสมน้ำผ้งึ มะนาว
เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://www.bangkokbiznews.com 14 กรกฎาคม 2564
โกศลิ ชยั ประสิทธกิ ลุ . (2564) สมุนไพรสร้างภูมิคมุ้ กัน
เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://th.yanhee.net/ 4 สิงหาคม 2564