The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความหมายของวิชาประวัติศาสตร์และวิธีการทางประวัติศาสตร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by dia.waebraheng, 2022-03-22 14:20:47

วิธีทางประวัติศาสตร์

ความหมายของวิชาประวัติศาสตร์และวิธีการทางประวัติศาสตร์

ความหมายของวิชาประวตั ศิ าสตร์
และวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์

สอนโดย นางสาวแวนาเดยี แวบราเฮง

1

ความหมายของวชิ าประวตั ศิ าสตร์และวิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์

1. ความหมายของวิชาประวัติศาสตร์

คนทว่ั ไปมกั จะมีความเขา้ ใจว่าประวัตศิ าสตร์คอื “อดตี ” หรือ “ส่วนหนง่ึ ของอดีต” แตใ่ นความเป็นจรงิ น้ัน
“อดีต” ก็คือ “เร่ืองราวตา่ ง ๆ ทผ่ี า่ นมา” และ “สว่ นหนง่ึ หรอื เสย้ี วเล็ก ๆ เสย้ี วหน่ึงของอดตี ” จะเปน็
ประวตั ิศาสตรไ์ ด้ก็ตอ่ เมือ่ นกั ประวัติศาสตรส์ นใจและเห็นความสาคัญ มปี ระโยชนต์ ่อมนษุ ย์ หรืออาจกล่าวได้วา่
ประวตั ศิ าสตรค์ อื การสืบสวนสอบสวนคน้ คว้าเรอ่ื งราวของมนุษย์ในอดตี และเร่อื งราวนนั้ มีผลกระทบต่อสังคม
โดยสว่ นรวม

เนอื่ งจากวิชาประวตั ิศาสตรเ์ ป็นวชิ าทีม่ ีขอบข่ายเนอื้ หากวา้ ง ดังน้นั จึงมนี กั ประวตั ิศาสตรไ์ ด้ให้
ความหมายไวห้ ลาย ๆ ทัศนะ ดังนี้

เซอร์ ชาร์ลส์ โอมัน มีความเห็นในทานองเดียวกับ อาร์เอฟ อารากอน ว่า ประวัติศาสตร์ คือการ
ตรวจสอบหลักฐานทัง้ ประเภทเอกสารและวตั ถุ เพ่ือวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดต่อเน่ืองกันแล้วหาข้อสรุปเป็นไป
ไม่ได้ ที่เราจะสามารถได้ข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์ของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตได้ แต่เราอาจจะสามารถ
อธิบายข้อเท็จจริงบางอย่างที่ได้จากการตรวจสอบและวิเคราะห์หลักฐานเหล่าน้ัน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่พอจะ
ยอมรับกนั ได้

จติ ร ภูมิศกั ด์ิ กล่าววา่ วิชาประวตั ิศาสตร์ เปน็ วชิ าทีว่ า่ ด้วยความชัดเจนในการตอ่ สู้ ทางสงั คมมนษุ ย์
ซึ่งวชิ านี้เสมือนตัวอย่างของการตอ่ สู้ทางสังคมแหง่ ชีวติ ของชนรุ่นหลังการศึกษาประวัติศาสตร์จึงเป็นหัวใจแห่ง
การศึกษาความเปน็ มาของสงั คม เปน็ กญุ แจดอกสาคญั ท่จี ะไขไปสูก่ ารปฏิบัติอันถูกตอ้ ง

ดร. วจิ ิตร สนิ สริ ิ ไดแ้ สดงทศั นะไว้ว่า ประวัติศาสตร์คือบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีต เกี่ยวด้วยเรื่อง
เหตุการณท์ างสังคม เศรษฐกจิ การเมอื ง วัฒนธรรม ปรัชญาที่มนุษย์ได้คิดได้สร้างไว้ถือเป็นความเจริญรุ่งเรือง
และเป็นรากฐานของความเจริญสมัยต่อ ๆ มา ดังน้ันเราจึงมีประวัติศาสตร์หลายแขนง เช่น ประวัติศาสตร์
เศรษฐกิจ ประวัติศาสตรอ์ วกาศ ประวัตศิ าสตร์การเมือง ฯลฯ

จากความหมายดังกลา่ วขา้ งต้นของนักประวตั ิศาสตรพ์ อจะสรุปไดว้ า่ ประวตั ศิ าสตร์เป็นศาสตร์ท่ีศึกษา
เรือ่ งราวเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับมนุษย์ในอดีตซ่ึงต้องอาศัยการค้นคว้าหาหลักฐาน การวิเคราะห์ การ
ตคี วาม การสงั เคราะห์ โดยอาศัยขอ้ มูล รอ่ งรอยหลกั ฐานต่าง ๆ มาพจิ ารณา เพ่ือให้เข้าใจส่ิงที่เกิดข้ึนในอดีตให้
ใกล้เคียงกบั ความเป็นจรงิ มากทส่ี ุด

2. วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์

วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ หมายถึงกระบวนการในการสืบค้น ค้นคว้าเร่ืองราวทางประวัติศาสตร์อย่าง
เป็นระเบยี บแบบแผน โดยในการศกึ ษาเร่อื งราวหนงึ่ ๆ อาจทาได้หลายวิธีเช่น สอบถามขอ้ มูลจากผู้รู้ ศึกษาจาก
คาบอกเล่าของผู้คน ค้นคว้าจากเอกสารในห้องสมุด หรือค้นคว้าข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ซ่ึงอาจทาให้เราได้
ข้อมูลท่ีเราต้องการจะทราบ แต่ก็ไม่เป็นระบบระเบียบมากพอท่ีจะนาไปใช้ในการค้นคว้า และอ้างอิงข้อมูล
สาคัญ ๆ ได้ จึงมแี นวทางการศึกษาประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง ซ่ึงมีระเบียบวิธีการท่ีแน่นอน สามารถพิสูจน์หรือ
ตรวจสอบได้ เนอ่ื งจากใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการดาเนินการศึกษาอย่างเป็นข้ันตอน เรียกวิธีเช่นน้ี
ว่า "วิธีการทางประวตั ิศาสตร์"

2

3. ความสาคญั ของวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์

สาหรับการศึกษาประวัติศาสตร์น้ัน มีปัญหาที่สาคัญอยู่ประการหนึ่ง คือ อดีตที่มีการฟื้นหรือจาลอง
ข้ึนมาใหม่น้ัน มีความถูกต้องสมบูรณ์และเชื่อถือได้เพียงใดรวมท้ังหลักฐานท่ีเป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็น
ลายลกั ษณอ์ ักษรทน่ี ามาใชเ้ ปน็ ข้อมลู นน้ั มคี วามสมบูรณม์ ากนอ้ ยเพียงใด เพราะเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์มี
อยู่มากมายเกินกว่าที่จะศึกษาหรือจดจาได้หมด แต่หลักฐานที่ใช้เป็นข้อมูลได้จริงอาจมีเพียงบางส่วน ดังน้ัน
วิธีการทางประวัติศาสตร์จึงมีความสาคัญเพ่ือใช้เป็นแนวทางสาหรับผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ สาหรับการสืบค้น
ข้อมูลในเรื่องหนึ่ง ๆ เนื่องจากวิธีการดังกล่าวจะมีข้ันตอนการให้คุณค่ากับหลักฐานต่าง ๆ ท่ีได้พบเจอ ว่า
สามารถเชอ่ื ถือได้มากน้อยเพียงใด สมควรหรือไม่ท่ีนาข้อมูลในหลักฐานนั้น ๆ มาใช้ในการศึกษา ก่อนจะเข้าสู่
กระบวนการตีความหลักฐานต่าง ๆ ต่อไป ซ่ึงผู้ศึกษาประวัติศาสตร์จะได้นาข้อมูลต่าง ๆ ท่ีพบเจอไปใช้ด้วย
ความรอบคอบ ระมัดระวัง ไม่ลาเอียง และได้รบั ข้อสรปุ ทน่ี า่ เชือ่ ถอื มากท่ีสุด

4. ประเภทของหลักฐานทางประวตั ิศาสตร์

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ คือทุกสิ่งทุกอยา่ งท่มี ีข้อมูลเกย่ี วกบั เหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นในอดีตที่ผู้ศึกษาให้
ความสนใจ อาจจาแนกไดเ้ ปน็ ประเภท ดงั นี้

1) หลกั ฐานที่เป็นลายลักษณอ์ ักษร ได้แก่ หลักฐานที่เป็นตัวหนงั สือโดยมนษุ ยไ์ ดท้ ิง้ รอ่ งรอยขีด
เขียนเป็นตัวหนังสือประเภทต่าง ๆ ทั้งในรูปของการจารึกในศิลาจารึกและการจารึกบนแผ่นโลหะ หรือท่ีขีด
เขยี นลงบนวตั ถุอน่ื ๆ เช่นใบลาน กระดาษ ดินเผา เช่น หนังสือ พงศาวดาร จดหมายเหตุ เร่ืองเล่าเก่าแก่หรือ
ตานานท่มี ีการบนั ทึกไว้ บนั ทึกสว่ นตัวของบคุ คล บันทึกชาวตา่ งชาติ กฎหมาย เป็นต้น

) หลักฐานทไี่ ม่เปน็ ลายลักษณอ์ ักษร ได้แก่ ส่ิงทีม่ นุษยแ์ ต่ละยุคแต่ละสมัยได้สร้างข้ึนหรือสืบ
ทอดมา และสามารถสืบค้นข้อมูลได้จากปัจจุบัน เช่น โบราณสถาน (วัด เจดีย์ มณฑป ส่ิงปลูกสร้างโบราณ)
โบราณวัตถุ (พระพุทธรูป ถ้วยชามสงั คโลก ของใชโ้ บราณ) ภาพวาด ภาพสลัก

เน่ืองจากหลักฐานทุกชิ้น ไม่ได้มีความสาคัญต่อเรื่องที่จะศึกษาในเร่ืองหนึ่ง ๆ เท่ากัน จึงมีการแบ่ง
ลาดบั ความสาคัญของหลักฐานทางประวตั ศิ าสตรเ์ ปน็ ประเภท คอื

ก. หลักฐานชั้นตน้ หรอื หลักฐานปฐมภูมิ เป็นหลักฐานท่ีมาจากเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนใน
สมัยน้ันจริง ๆ โดยมีการบันทึกของผู้ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์โดยตรงหรือผู้ที่รู้เหตุการณ์นั้นด้วยตนเอง ดังน้ัน
หลักฐานช้ันต้นจึงเป็นหลักฐานที่มีความสาคัญและน่าเช่ือถือมากท่ีสุด เพราะบันทึกของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ
เหตุการณ์หรือผู้อยู่ในเหตุการณ์บันทึกไว้ เช่น จดหมายเหตุ คาสัมภาษณ์ เอกสารทางราชการ บันทึกความ
ทรงจา กฎหมาย หนังสือพิมพ์ ภาพข่าว ภาพยนตร์ วีดิทัศน์ แถบบันทึกเสียง โบราณสถาน แหล่งโบร าณคดี
โบราณวัตถุ เป็นตน้ โดยหลักฐานชนั้ ต้นเหลา่ นี้จะตอ้ งใชค้ วามชานาญในการตคี วามเร่ืองราวที่เกิดขึน้

ข. หลกั ฐานชน้ั รองหรือหลักฐานทตุ ิยภมู ิ เปน็ หลกั ฐานที่เขียนขน้ึ โดยบคุ คลที่ “ไม่ได้”
มีสว่ นเกี่ยวข้องกับเหตกุ ารณ์นั้นโดยตรง โดยมกี ารเรียบเรยี งขนึ้ ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ๆ ส่วนใหญ่อยู่
ในรูปของบทความทางวิชาการและหนังสือต่าง ๆ เช่น พงศาวดาร(ท่ีบันทึกหลังเหตุการณ์) ตานาน บันทึกคา
บอกเล่า ผลงานทางการศึกษาค้นคว้าของนักวิชาการ หนังสือเรียน ข้อมูลส่วนใหญ่บนอินเตอร์เน็ต สาหรับ
หลักฐานชั้นรองนั้นมีข้อดี คือ มีความสะดวกและง่ายในการศึกษาทาความเข้าใจ เน่ืองจากเป็นข้อมูลได้ผ่าน
การศึกษาค้นคว้า ตรวจสอบข้อมูล วิเคราะห์เหตุการณ์และอธิบายไว้อย่างเป็นระบบ โดยนักประวัติศาสตร์
มาแลว้ สามารถอา่ นให้เขา้ ใจได้งา่ ย

3

5. ขน้ั ตอนวธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์

1) การกาหนดหัวเร่ืองที่จะศึกษา / การตั้งคาถาม การศึกษาเรื่องราวในประวัติศาสตร์เร่ิม
จากความสงสัย อยากรู้ ไม่พอใจกับคาอธิบายเรื่องราวท่ีมีมาแต่เดิม ดังนั้นผู้ศึกษาจึงเริ่มจากการกาหนดเรื่อง
หรือประเด็นที่ต้องการศึกษาซ่ึงในตอนแรก อาจกาหนดประเด็นท่ีต้องการศึกษาไว้กว้าง ๆ ก่อน แล้วจึงค่อย
จากัดประเด็นลงให้แคบ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในภายหลัง เพราะบางเร่ืองขอบเขตของการศึกษาอาจกว้าง
มากทงั้ เหตุการณ์ บคุ คล และเวลา

การกาหนดหวั เรื่องอาจเก่ยี วกบั เหตุการณ์ ความเจริญ ความเสื่อมของอาณาจักร ตัวบุคคลใน
ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง อาจยาวหรือส้ันตามความเหมาะสม ซ่ึงผู้ศึกษาเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่สาคัญ และยังมี
หลกั ฐานขอ้ มูลที่ผู้ต้องการศึกษาหลงเหลืออยู่ หัวข้อเรื่องอาจปรับให้มีความเหมาะสมหรือเปล่ียนแปลงได้ ถ้า
หากหลักฐานทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษามนี อ้ ยหรือไม่น่าเช่อื ถือ

) การรวบรวมหลักฐาน การรวบรวมหลกั ฐาน คือ การรวบรวมหลักฐานที่เก่ียวข้องกับหัวข้อ
ที่จะศึกษา ซึ่งมีทั้งหลักฐานท่ีเป็นลายลักษณ์อักษร และหลักฐานท่ีไม่เป็นลายลักษณ์อักษร หรืออาจแบ่ง
ออกเปน็ หลักฐานช้ันต้นหรอื หลักฐานปฐมภมู กิ ับหลักฐานชัน้ รองหรือหลกั ฐานทุตยิ ภมู ิ

การค้นคว้าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ท่ีดีควรใช้หลักฐานรอบด้าน โดยเฉพาะหลักฐานที่
เกี่ยวข้องกับเร่ืองที่จะศึกษา อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะใช้หลักฐานประเภทใดควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เพราะ
หลกั ฐานทกุ ประเภทมจี ดุ เดน่ จุดด้อยแตกตา่ งกนั

3) การประเมินคุณค่าของหลักฐาน หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ค้นคว้ามาได้ ก่อนที่จะ
ทาการศึกษาจะต้องมีการประเมินคุณค่าว่าเป็นหลักฐานท่ีแท้จริง เพียงใด การประเมินคุณค่าของหลักฐานนี้
เรยี กวา่ “วิพากษว์ ิธีทางประวตั ศิ าสตร์” ซ่ึงมีอยู่ วธิ ี ดงั ตอ่ ไปน้ี

ก. การประเมินคุณค่าภายนอกหรือวิพากษ์วิธีภายนอก ซึ่งหมายถึง การประเมิน
คณุ ค่าของหลกั ฐานจากลกั ษณะภายนอกของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ บางคร้ังก็มีการปลอมแปลง เพ่ือการ
โฆษณาชวนเช่ือ ทาใหห้ ลงผิด หรือเพ่ือเหตุผลทางการเมือง การค้า ดังนั้น จึงต้องมีการประเมินว่าเอกสารนั้น
เป็นของจรงิ หรือไม่ ในส่วนวิพากษว์ ธิ ีภายนอกเพอ่ื ประเมนิ หลักฐานว่าเป็นของแท้ พิจารณาได้จากสิ่งท่ีปรากฏ
ภายนอก เชน่ เนอื้ กระดาษ กระดาษของไทยแต่เดมิ จะหยาบและหนา สว่ นกระดาษฝร่งั ดงั ที่ใชก้ ันอยู่ในปัจจุบัน
เร่มิ เข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ทางราชการจะใช้กระดาษฝร่ังหรือสมุดฝร่ังมาก
ขึ้นในต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับตัวพิมพ์ดีดเร่ิมใช้มากขึ้นในกลางรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถ้าปรากฏว่ามีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย ในรัชสมัย
พระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัวใชต้ ัวพมิ พด์ ีด กค็ วรสงสยั วา่ หลกั ฐานนั้นเปน็ ของปลอม

ข. การประเมินคุณค่าภายในหรือวิพากษ์วิธีภายใน เป็นการประเมินคุณค่าของ
หลกั ฐานจากขอ้ มลู ภายในหลักฐานน้ัน เป็นต้นว่า มีชื่อบุคคล สถานที่ เหตุการณ์ ในช่วงเวลาที่หลักฐานน้ันทา
ข้ึนหรอื ไม่ ดังเช่น หลักฐานซึง่ เช่ือว่าเป็นของสมยั สโุ ขทยั แต่มกี ารพูดถึงสหรฐั อเมริกาในหลกั ฐานนนั้ ก็ควรสงสัย
ว่าหลกั ฐานนนั้ เปน็ ของสมัยสโุ ขทยั จริงหรอื ไม่ เพราะในสมัยสุโขทัยยังไม่มีประเทศสหรัฐอเมริกา แต่น่าจะเป็น
หลกั ฐานที่ทาขึน้ เมอื่ คนไทยไดร้ ับรวู้ ่ามีประเทศสหรฐั อเมรกิ าแลว้ หรือหลักฐานเป็นของเก่าสมัยสุโขทัยจริง แต่
การคัดลอกตอ่ กนั มามกี ารเติมช่ือประเทศสหรัฐอเมรกิ าเข้าไป เป็นต้น

4) การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และจัดหมวดหมู่ข้อมูล เม่ือทราบว่าหลักฐานน้ันเป็นของแท้ ให้
ขอ้ มูลทเี่ ป็นข้อเทจ็ จรงิ หรือความจริงในประวัตศิ าสตร์ ผ้ศู กึ ษาประวัตศิ าสตรก์ จ็ ะตอ้ งศกึ ษาขอ้ มูลหรือข้อสนเทศ
ในหลักฐานน้ันว่าให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์อะไรบ้าง ข้อมูลน้ันมีความสมบูรณ์เพียงใด หรือข้อมูลน้ันมี
จุดมุ่งหมายเบ้ืองต้นอย่างไร มีจุดมุ่งหมายแอบแฝงหรือไม่ ข้อมูลมีความยุติธรรมหรือไม่ จากนั้นจึงนา ข้อมูล

4

ท้ังหลายมาจัดหมวดหมู่ เช่น ความเป็นมาของเหตุการณ์ สาเหตุท่ีทาให้เกิดเหตุการณ์ความเป็นไปของ
เหตกุ ารณ์ ผลของเหตกุ ารณ์ เป็นตน้

5) การเรยี บเรียงหรือการนาเสนอ การเรียบเรียงหรือการนาเสนอจัดเป็นข้ันตอนสุดท้ายของ
วิธีการทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีความสาคัญมาก โดยผู้ศึกษาประวัติศาสตร์จะต้องนาข้อมูลท้ังหมดมารวบรวม
และเรียบเรียงหรือนาเสนอให้ตรงกับประเด็นหรือหัวเรื่องที่ตนเองสงสัย ต้องการอยากรู้เพ่ิมเติม ท้ังจาก
ความรูเ้ ดิมและความรู้ใหม่ รวมไปถึงความคิดใหม่ท่ีได้จากการศึกษาครั้งน้ี ซ่ึงเท่ากับเป็นการร้ือฟื้นหรือจาลอง
เหตกุ ารณ์ทางประวตั ศิ าสตร์ขึ้นมาใหม่ อยา่ งถกู ต้องและเป็นกลาง

จะเห็นไดว้ ่าวิธกี ารทางประวตั ิศาสตรเ์ ปน็ วิธีการศึกษาประวัติศาสตร์อย่างมี ระบบ มีความระมัดระวัง
รอบคอบ มีเหตุผลและเป็นกลาง ซื่อสัตย์ต่อข้อมูลตามหลักฐานท่ีค้นคว้ามา อาจกล่าวได้ว่า วิธีการทาง
ประวัตศิ าสตรเ์ หมือนกับวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ จะแตกต่างกันก็เพียงวิธีการทางวิทยาศาสตร์สามารถทดลอง
ไดห้ ลายคร้งั จนเกิดความแนใ่ จในผลการทดลอง แต่เหตกุ ารณ์ทางประวัติศาสตร์ไม่สามารถทาให้เกิดขึ้นใหม่ได้
อกี ผู้ศึกษาประวตั ศิ าสตร์ที่ดีจึงเป็นผู้ฟ้ืนอดีตหรือจาลองอดีตให้มีความถูกต้องและสมบูรณ์ท่ีสุด โดยใช้วิธีการ
ทางประวตั ิศาสตรเ์ พอื่ ท่ีจะได้เกดิ ความเข้าใจอดีต อนั จะนามาสู่ความเขา้ ใจในปจั จุบนั

5

เอกสารอา้ งอิง

จีระสิทธ์ิ มานิตราษฎร์. (2560). ประวตั ิศาสตร์ชาติไทย. กรงุ เทพฯ: ศูนย์สง่ เสริมวิชาการ.
ชัยรัตน์ โตศิลา. (2555). “การพฒั นากระบวนการเรยี นการสอนโดยใชว้ ิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์เพื่อ

ส่งเสรมิ ทักษะการคดิ ทางประวัติศาสตรข์ องนักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2.” วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญา
ครุศาสตรดษุ ฎีบัณฑิต สาขาหลกั สตู รและการสอน ภาควิชาหลักสตู รและการสอน คณะครุศาสตร์
จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
ทิศนา แขมมณี. (2551). ศาสตรก์ ารสอน: องค์ความรเู้ พอ่ื การจัดกระบวนการเรยี นรู้อย่างมีประสทิ ธิภาพ.
พมิ พค์ รง้ั ท่ี 8. กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพมิ พ์.
ธีนันท์ ไกรเลศิ และ รตั นาภรณ์ หงา้ บุตร. (2560). ประวัติศาสตร์ชาตไิ ทย. พมิ พ์ครง้ั ที่ 2.
กรุงเทพฯ: ศูนยส์ ่งเสริมอาชีวะ.
ประสิทธ์ิ เอื้อตระกลู วทิ ย.์ (2559). ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย. กรุงเทพฯ: เอมพันธ์.
วรพร ภู่พงศ์พนั ธุ์. (2549). “กฎมณเทียรบาลในฐานะหลักฐานประวัตศิ าสตรไ์ ทยสมยั อยธุ ยาถงึ พ.ศ.
2348.” วิทยานิพนธป์ ริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวชิ าประวตั ิศาสตร์ ภาควิชาประวัตศิ าสตร์
คณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
วรางคณา นพิ ทั ธฺสุขกิจ. (2561). ชุดถาม-ตอบ เสริมความรสู้ าระประวัตศิ าสตร์ ฉบับนกั เรียนนกั ศกึ ษา
ประวัตศิ าสตร์สมยั อยธุ ยา. พิมพค์ ร้ังที่ 2. กรงุ เทพฯ: สารคด.ี
สริ วิ รรณ ศรพี หล. (2554). การจดั การเรยี นการสอนวิชาประวัติศาสตรใ์ นสถานศกึ ษา. พมิ พ์ครัง้ ท่ี 2.
นนทบุรี: โครงการสง่ เสรมิ การแต่งตารา สานักวชิ าการ มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช.


Click to View FlipBook Version