สรุปเน้อื หา . แบบฝึกหดั
วทิ ยาศาสตร์โลก
12
ธารน้าแข็ง
GLACIER
สันติ ภัยหลบล้ี
สนั ติ ภัยหลบล้ี ธารน้าแข็ง
วัตถปุ ระสงค์การเรียนรู้
1. เพ่ือทาความเข้าใจเกยี่ วกับกระบวนการเกดิ และชนิดของธารนา้ แขง็
2. เพอื่ เขา้ ใจกระบวนการผุพังเนือ่ งจากธารนา้ แขง็
3. เพอ่ื เขา้ ใจกระบวนการสะสมตวั ของตะกอนเนื่องจากธารนา้ แขง็
สารบญั
สารบัญ หน้า
1. ธารน้าแข็งและกระบวนการเกดิ (Glacier and Formation) 1
2. ชนิดของธารน้าแขง็ (Type of Glacier) 2
3. ปรมิ าณและการเคลื่อนที่ของธารน้าแข็ง 4
9
(Glacial Budget and Transportation)
4. การกดั กร่อนโดยธารนา้ แขง็ (Glacial Erosion) 14
5. ภมู ลิ กั ษณ์ธารนา้ แขง็ (Glacial Landform) 18
6. การสะสมตัวโดยธารนา้ แข็ง (Glacial Deposition) 20
25
แบบฝกึ หดั 43
เฉลยแบบฝึกหัด
1
สนั ติ ภยั หลบล้ี ธารน้าแขง็
1
ธารนา้ แขง็ และกระบวนการเกิด
Glacier and Formation
ธารน้าแข็ง (glacier) หมายถึง มวลน้าแข็งขนาดใหญ่ท่ีเกิดจากการ
สะสมตัวของหิมะบนแผ่นดินและเปลี่ยนสภาพเป็นน้าแข็งภายใต้ สภาพอากาศ
หนาวเย็นเพียงพอท่ีจะรักษาสภาพไม่ให้น้าแข็งละลายในฤดรู ้อน สว่ นน้าทะเลแถบ
ข้ัวโลกทก่ี ลายเปน็ นา้ แขง็ จะเรยี กแตกต่างกนั วา่ น้าแข็งทะเล (sea ice)
กระบวนการเกิดน้าแข็ง (glacial formation) (รูป 1) เร่ิมจากการ
สะสมตัวของ เกล็ดหิมะ (snowflake) ซ่ึงมีความหนาแน่นประมาณ 0.1 กรัม/
ลูกบาศก์เซนติเมตร ต่อมาน้าหนักของเกรด็ หิมะด้านบนจะกดทับเกรด็ หิมะด้านลา่ ง
เกิดการอัดแน่นและหลอมละลายกลายเป็น เม็ดหิมะ (granular snow) ซ่ึงเมื่อ
นา้ หนักกดทับเพ่มิ สูงขึ้น อากาศในช่องว่างระหวา่ งเม็ดหิมะจะถูกบีบออก เกิดเป็น
2
สนั ติ ภยั หลบลี้ ธารน้าแข็ง
หิมะน้าแข็ง (firn) (รูป 1) ซึ่งมีความหนาแน่นเพ่ิมขึ้นเป็น 0.4 กรัม/ลูกบาศก์
เซนติเมตร หลังจากนั้นหิมะแข็งจะเริ่มหลอมละลายและตกผลึกใหม่ กลายเป็น
น้าแข็งในธารน้าแข็ง (glacial ice) ท่ีมีความหนาแน่นสูงถึง 0.9 กรัม/ลูกบาศก์
เซนติเมตร ซ่ึงการเปลี่ยนสภาพจากเกร็ดหิมะกลายเป็นน้าแข็ง ใช้เวลาประมาณ
10-1,000 ปี ขน้ึ อยกู่ ับปรมิ าณหิมะทตี่ กทับถมและแรงกดทบั ของมวลหิมะ
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าประมาณ 10% ของพ้ืนผิวโลกถูกปก
คลุมด้วยธารน้าแข็ง กระจายอยู่เกือบทุกทวีป ซึ่งธารน้าแข็งนั้นมีผลอย่างมากต่อ
การเปล่ียนแปลงระดับน้าทะเล เน่ืองจาก 2% ของน้าในโลก ถูกกักเก็บไว้บนพื้น
ทวปี ในรปู ของธารน้าแขง็ ไมใ่ ห้ไหลลงสทู่ ะเล โดยนักวทิ ยาศาสตรจ์ าแนกธารนา้ แข็ง
ออกเป็น 2 ชนิด ตามพื้นที่และกระบวนการเกิด ได้แก่ 1) ธารน้าแข็งพ้ืนทวีป
(continental glacier) และ 2) ธารน้าแขง็ ภเู ขา (mountain glacier)
รูป 1. กระบวนการเกิดธาร
น้ า แ ข็ ง (glacial
formation)
3
สันติ ภยั หลบลี้ ธารน้าแขง็
2
ชนิดของธารน้าแขง็
Type of Glacier
2.1. ธารนา้ แขง็ พน้ื ทวปี (Continental Glacier)
ธารน้าแข็งพื้นทวีป (continental glacier) คือ ธารน้าแข็งที่เกิดบน
พื้นราบแต่มีอุณหภูมิต่าเพียงพอต่อกระบวนการเกิดธารน้าแข็ง พบเฉพาะใน 2
พ้ืนท่ีเท่าน้ัน คือ (รูป 2) 1) เกาะกรีนแลนด์ (ข้ัวโลกเหนือ) ปกคลุมด้วยธาร
นา้ แข็ง 10% ของธารน้าแขง็ ที่มอี ย่ทู ่วั โลก และ 2) ทวีปแอนตารก์ ติก (ข้ัวโลกใต้)
คิดเป็น 85% ของธารน้าแข็งท่ัวโลก โดยนักวิทยาศาสตร์แบ่งย่อยธารน้าแข็งพ้ืน
ทวีปออกเปน็ 3 รปู แบบ คือ (รปู 3)
1) พืดน้าแข็ง (ice sheet) เป็นธารน้าแข็งพ้ืนทวีปท่ีมีพื้นท่ีกว้างท่ีสุด
ครอบคลุ มพื้นท่ี > 1 ล้านตารางกิโลเมตร และมีความหนา > 1 กโิ ลเมตร (รปู 3ค)
4
สันติ ภยั หลบลี้ ธารนา้ แขง็
รปู 2. ภาพถ่ายดาวเทียมแสดง (ก) 1) เกาะกรีนแลนด์ (ข้ัวโลกเหนือ) และ (ข) 2)
ทวปี แอนตาร์กติก (ขวั้ โลกใต)้
รปู 2. ธารนา้ แข็งพ้นื ทวปี
5
สันติ ภยั หลบล้ี ธารนา้ แข็ง
2) ทุ่งน้าแข็ง (ice field) มีธารน้าแข็งปกคลุม < 5,000 ตาราง
กิโลเมตร เกิดจากการแยกและเคลื่อนตัวของมวลน้าแข็งบางส่วนออกมาจากพืด
น้าแขง็ ซ่งึ โดยส่วนใหญเ่ กิดบรเิ วณปลายด้านล่างของธารนา้ แขง็ (รูป 3)
3) ลาดน้าแข็ง (ice shelve) (รปู 3ง) เกิดจากแรงกดทบั ของธารนา้ แข็ง
ท่ีมีมากขึ้น ทาให้ธารน้าแข็งถูกดันให้ไหลลงไปในมหาสมุทร มีบางส่วนแตกหลุด
ออกและลอยอย่างอิสระ ซ่ึงหากมวลน้าแข็งที่หลุดออกมามีขนาดเส้นผ่าน
ศูนย์กลาง > 15 เมตร และลอยเหนือน้า > 6 เมตร เราเรียกว่า ภูเขาน้าแข็ง
(iceberg) (รูป 3ข)
2.2. ธารน้าแขง็ ภเู ขา (Mountain Glacier)
ธารน้าแข็งภูเขา (mountain glacier) หรือ ธารน้าแข็งอัลไพน์
(alpine glacier) คิดเป็น 5% ของปริมาณธารน้าแข็งท่ัวโลก โดยเกิดเฉพาะบน
เขาสูงที่มียอดอยู่เหนือ เส้นขอบหิมะ (snow line หรือ firm line) (รูป 4ก)
หรือระดับต่าท่ีสุดที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี โดยขอบเขตธารน้าแข็งจะจากัดอยู่
ตามเทือกเขาหรือร่องเขา และทิศทางการเคล่ือนตัวถูกควบคุมโดยลักษณะภูมิ
ประเทศเปน็ หลกั ธารนา้ แข็งภูเขาแบ่งยอ่ ยเป็น 4 รปู แบบ ได้แก่ (รูป 4ข-5)
1) กระจุกน้าแข็ง (ice cap) คือ ธารน้าแข็งท่ีปกคลุมยอดเขาคล้ายกับ
ฝาครอบภเู ขา (รปู 5ก)
2) ธารนา้ แข็งวงแหวน (cirque glacier) คือ ธารน้าแข็งที่เกิดจากการ
ทับถมกนั ของหมิ ะตามแอง่ เขา มีรปู ร่างคล้ายกบั ชามหรืออา่ ง (รปู 5ข)
3) ธารน้าแข็งหุบเขา (valley glacier) คือ ธารน้าแข็งท่ีเกิดตามร่อง
เขาและเคลอ่ื นตัวสดู่ า้ นล่างตามร่องเขาคลา้ ยกับธารนา้ (รปู 5ค)
6
สันติ ภยั หลบลี้ ธารนา้ แขง็
รปู 4. (ก) เสน้ ขอบหิมะ (ข) แบบจาลองภมู ลิ กั ษณข์ องธารนา้ แขง็ ภูเขา
4) ธารน้าแข็งรูปพัด (piedmont glacier) คือ ธารน้าแข็งท่ีเคลื่อนตัว
จากรอ่ งเขาชนั สทู่ ่รี าบดา้ นลา่ ง (รปู 5ง)
บางคร้ังธารน้าแข็งเคล่ือนท่ีมาพบหน้าผาสูงชันจะตกลงมาตามหน้าผา
คล้ายกับน้าตกเรียกว่า ธารน้าแข็งหน้าผาชัน (cliff glacier) (รูป 5จ) ในกรณีท่ี
7
สนั ติ ภัยหลบล้ี ธารนา้ แขง็
ธารน้าแขง็ เคล่ือนทีล่ งสพู่ ้ืนทีซ่ ง่ึ เป็นทะเลหรอื มหาสมุทร เราเรียกว่า ธารนา้ แขง็ น้า
ขึน้ ถงึ (tidal glacier) (รูป 5ฉ)
รูป 5. ภมู ิลักษณ์ของธารนา้ แขง็ ภเู ขารปู แบบตา่ งๆ
8
สนั ติ ภัยหลบล้ี ธารน้าแข็ง
3
การเคลือ่ นที่ของธารน้าแข็ง
Glacial Transportation
3.1. ปริมาณนา้ แขง็ (Glacier’s Budget)
ปริมาณน้าแข็ง (glacier’s budget) ในแต่ละพื้นที่เปลี่ยนแปลงได้อยู่
ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับปริมาณหิมะที่สะสมตัวใน โซนการสะสมตัว (zone of
accumulation) และปริมาณการหลอมละหลายหรือระเหยใน โซนการเสียด
ละลาย (zone of ablation) (รูป 6) โดยโซนการสะสมตัวและโซนการเสียด
ละลายจะแยกจากกนั ได้โดย เส้นสมดลุ หิมะ (equilibrium snow line)
เส้นสมดุลหมิ ะเปลย่ี นแปลงตาแหนง่ ได้ ขึน้ อย่กู ับปริมาณ
การสะสมตวั และการเสยี ดละลายของธารนา้ แขง็
9
สนั ติ ภยั หลบล้ี ธารน้าแข็ง
รปู 6. องคป์ ระกอบตา่ งๆ ของธารนา้ แข็งภูเขา
10
สนั ติ ภยั หลบล้ี ธารน้าแขง็
3.2. การเคลือ่ นท่ีของธารน้าแข็ง (Glacial Transportation)
ธารน้าแข็งเคลื่อนที่ในรปู แบบของการไหล อันเน่ืองจากจากอิทธิพลของ
แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นหลัก โดยความเร็วของการเคลือ่ นที่ขึ้นอยู่กับ 1) ความชัน
2) ชนิดหินฐานรองรับธารน้าแข็ง 3) แรงกดทับจากธารน้าแข็ง และ 4) สัดส่วน
ระหวา่ งการสะสมตวั และการเสียดละลายของธารนา้ แขง็
ธารน้าแข็งจะมีความเร็วของการเคล่ือนที่แตกต่างกันในแต่ละพ้ืนที่ เช่น
ธารน้าแข็งภาคพื้นทวีปเคล่ือนที่ช้าประมาณ 5-7 เซนติเมตร/วัน ในขณะท่ีธาร
นา้ แขง็ หบุ เขาเคลอ่ื นที่ 10 เมตร/วัน โดยส่วนกลางของธารน้าแข็งจะมีการเคล่ือนท่ี
เร็วท่ีสุด เม่ือห่างจากจุดน้ีไปความเร็วของการเคลอ่ื นท่จี ะลดลง และในบริเวณทอ่ี ยู่
รอบนอกของธารน้าแข็งจะเคล่ือนท่ีช้ามาก เน่ืองจากมีแรงฝืดเกิดขึ้น
นกั วทิ ยาศาสตรแ์ ยกการเคล่ือนทข่ี องธารน้าแข็งเปน็ 3 รูปแบบ คือ
1) การเปลี่ยนรูปร่าง (internal deformation) ปกติมวลน้าแข็งท่ี
ระดับลกึ 0-50 เมตรจากพ้ืนผิวจะมคี ุณสมบัตแิ ข็งเปราะ (รูป 7ก) สามารถแตกหัก
ได้ง่ายเม่ือได้รับแรงกระทาจากแรงโน้มถ่วงของโลก ทาให้บางพื้นที่สามารถพบ
เหวน้าแข็ง (crevasse) (รูป 7ข) แต่เน่ืองจากน้าหนกั หรอื แรงกดทับทมี่ ากขึ้น ทา
ให้มวลน้าแข็งที่ระดับความลึก > 50 เมตร มีคุณสมบัติท่ีเหนียวและสามารถ
เปลี่ยนรูปร่างภายในได้โดยไม่แตกหัก (รูป 7ค) ซ่ึงทาให้เกิดการเคลื่อนที่คล้ายกับ
การคืบของช้ันหินอย่างช้าๆ โดยไม่มีการเลื่อนไถลจากน้าเข้ามาสัมพันธ์ เรียกว่า
ธารน้าแขง็ ฐานแห้ง (dry-bottom glacier)
2) การเปลย่ี นรปู ชั้นหนิ (Bed Deformation) เปน็ การยา้ ยมวลน้าแข็ง
เน่ืองจากนา้ หนักของมวลนา้ แขง็ กดทับให้ตะกอนออ่ นหรอื หินทีม่ คี วามผุสูงเกิดการ
เปลยี่ นรูป
11
สนั ติ ภยั หลบลี้ ธารนา้ แข็ง
รปู 7. รูปแบบและลักษณะทพี่ บจากการเคลือ่ นทขี่ องธารนา้ แข็ง
เมือ่ ถกู ขวางกนั้ และกดทบั น้าแข็งจะละลายกลายเปน็ น้า
ไหลผ่านสง่ิ กดี ขวางไปในรปู ของของเหลว จากนัน้ จะ
กลายเป็นนา้ แขง็ ใหมอ่ กี คร้งั เมอ่ื ผ่านส่ิงกดี ขวางไป
12
สนั ติ ภยั หลบลี้ ธารนา้ แข็ง
3) การเลื่อนไถลที่ฐาน (basal movement) เป็นการเคลื่อนที่ของ
น้าแข็งไปตามหินฐานท่ีรองรับ โดยมีน้าช่วยในการหล่อล่ืน เรียกว่า ธารน้าแข็ง
ฐานเปยี ก (wet-bottom glacier) แบง่ ยอ่ ยเปน็ 3 รูปแบบ ไดแ้ ก่
▪ การเล่ือนตัวที่ฐาน (basal movement) เกิดจากน้าแข็งบริเวณฐาน
หลอมละลาย ซึ่งน้าจะช่วยลดแรงเสียดทานระหวา่ งน้าแขง็ และพืน้ ผวิ โลก
ทาให้ธารน้าแขง็ เคลื่อนท่ี
▪ การคืบคลานที่ฐาน (basal creep) เกิดจากการล่ืนตัวของมวลน้าแข็ง
เน่ืองจากแรงกดทับของมวลน้าแข็งด้านบน คล้ายกับการกับการลื่นไถล
ของสบ่ใู นมือเมือ่ ถูกรัดแน่น
▪ การไหลจากการแข็งตัวใหม่ (regelation flow) เมื่อมวลน้าแข็ง
เคล่ือนท่ีผ่านหินฐานท่ีไม่ราบเรียบ น้าแข็งจะได้รับแรงกดทับไม่เท่ากัน
มวลน้าแข็งที่ถูกบีบอัดโดยตรงสามารถหลอมละลายและไหลผ่านหินฐาน
ไปในรปู ของนา้ และกลับมาแขง็ ตวั อกี ครั้งเมอื่ มีความดนั ลดลง
13
สันติ ภยั หลบล้ี ธารนา้ แข็ง
4
ภูมิลกั ษณ์ธารน้าแขง็
Glacial Landform
เนื่องจากเป็นการสะสมตวั ในพ้นื ทกี่ ว้าง ธารนา้ แข็งพื้นทวปี จึงไม่แสดงภมู ิ
ลักษณ์ท่ชี ดั เจน อย่างไรกต็ ามในส่วนของธารนา้ แขง็ ภูเขา กระบวนการธารนา้ แข็ง
(glaciation) กอ่ ใหเ้ กิดภูมิลักษณ์เฉพาะตวั หลากหลายรูปแบบ เช่น (รปู 8-9)
1) จมูกเขาปลายตัด (truncated spur) แผ่นดินท่ีอยู่สองข้างของหุบ
เขาจะถูกตัดออก กลายเปน็ หนาผาชนั คล้ายกบั สามเหลี่ยมขนาดใหญ่ (รปู 9ก)
2) สนั เขาฟันเล่ือย (arete) คือ สันกลางทีเ่ ป็นตวั แยกหุบเขาธารน้าแข็ง
เกดิ จากการมแี อ่งพระจันทร์เสีย้ วเกดิ ข้นึ 2 ฝ่งั ของหุบเขา (รูป 9ข)
3) ยอดเขาเข้ียว (horn) จุดสงู ท่ีสดุ ทีแ่ หลมคมของหบุ เขา เกิดจากการมี
แอง่ พระจนั ทร์เสยี้ วอยตู่ ิดกัน 3 ฝัง่ ของหบุ เขา (รูป 9ข)
14
สนั ติ ภัยหลบลี้ ธารนา้ แขง็
รูป 8. ภูมลิ กั ษณ์รปู แบบต่างๆ ทเ่ี กิดจากกระบวนการธารนา้ แข็ง
15
สันติ ภัยหลบล้ี ธารนา้ แขง็
4) แอ่งพระจนั ทรเ์ ส้ียว (cirque) คือ แอ่งลักษณะคลา้ ยกับชามท่ีสูงชัน
บริเวณยอดเขา เกิดจากการกัดกร่อนของธารน้าแข็งด้วยกระบวนการลิ่มน้าแข็ง
(รูป 9ค) ซ่ึงเมือ่ ธารนา้ แขง็ ละลายไปจะมลี กั ษณะเหมอื นกับชาม และบางครงั้ อาจมี
น้าขงั อยกู่ ลายเป็นทะเลสาบขนาดเล็กอยู่บนยอดเขาน้าแข็ง เรียกวา่ ทะเลสาบธาร
น้าแข็ง (tarn) (รูป 9ง)
5) หุบเขาแขวน (hanging valley) เป็นลักษณะของเทือกเขา ที่เกิด
หลังจากเกิดธารน้าแข็ง ส่วนปลายของหุบเขาแขวน จะอยู่สูงกว่าหุบเขาหลัก ซึ่ง
เคยมีธารแข็งไหลผ่าน ทาให้ธารน้าท่ีไหลอยู่หุบเขาแขวน ไหลลงสู่หุบเขาหลักใน
ลกั ษณะทเี่ ปน็ น้าตก (รูป 9จ)
6) ร่องเขาตัว U (U-shape valley หรือ glacial trough) เกิดจาก
การเคลื่อนที่และกัดกร่อนร่องเขาของมวลธารน้าแข็ง ทาให้หุบเขาซ่ึงปกติเคยมี
ลักษะหน้าตัดคล้ายกับรูปตวั V ในภาษาอังกฤษ เนอ่ื งจากกระบวนการดั กร่อนจาก
ธารน้า มีความกว้างและลกึ มากขน้ึ จนมหี นา้ ตดั เหมอื นกบั ตัว U (รปู 9ฉ)
7) โตรกเขาติดทะเล (fjord) คือ ร่องน้าท่ีประกอบด้วยหน้าผาสูงชัน
เกิดจากการกัดร่องเขาเป็นรปู ตัว U ด้วยธารน้าแขง็ ซ่ึงกัดได้ลึกกว่าระดับน้าทะเล
เนื่องจากนา้ หนกั กดทับของมวลน้าแขง็ ซง่ึ หลังจากผา่ น ยุคนา้ แข็ง (ice age) ธาร
น้าแข็งโดยส่วนใหญ่ละลายเป็นน้า ทาให้ระดับน้าสูงข้ึน เกิดเป็นแม่น้าที่ลึกมาก
บางพน้ื ที่ลึกถึง 1,500 เมตร (รปู 9จ)
ธารน้าแก่ มีรูปร่างเหมอื นตัว U (กะลามัง ผา่ ซกี ) ตา่ งจาก
ร่องเขาธารน้าแขง็ ท่มี ีรูปร่างเหมือนตวั U (ถ้วยผา่ ซีก)
16
สนั ติ ภยั หลบล้ี ธารนา้ แขง็
รปู 9. ภูมิลกั ษณ์และลักษณะเฉพาะทเี่ กดิ จากกระบวนการธารนา้ แข็ง
17
สันติ ภัยหลบลี้ ธารน้าแขง็
5
การกดั กร่อนโดยธารน้าแขง็
Glacial Erosion
เม่ือธารน้าแข็งภูเขาเคล่ือนท่ี จะเกิดการกัดกร่อนและนาตะกอนจากพื้น
และผนังของหุบเขาเคล่ือนท่ีตามไปด้วย ซ่ึงการกัดกร่อนโดยธารน้าแข็งสามารถ
จาแนกได้ 2 รูปแบบ คือ
1) การถอดถอน (plucking) เกิดจากกระบวนการคล้ายกับการเกิดลิ่ม
น้าแข็งในหิน (รูป 10ก) โดยธารน้าแข็งไหลผ่านหินที่มีรอยแตก น้าที่ได้จากการ
ละลายจะแทรกลงไปตามรอยแตก ซึ่งเม่ือน้าแข็งตัวเป็นน้าแข็งอีกครั้ง หินจะปริ
แตกและธารนา้ แขง็ จะดงึ เอาเศษหินเหล่านีต้ ิดไป (รูป 10ข)
2) การขัดสี (abrasion) เม่ือธารน้าแข็งเคลื่อนท่ีเศษหินจะถูกบดเป็น
ตะกอนขนาดละเอียดหรือเป็นผง เรียกว่า แป้งหิน (rock flour) ปนอยู่กับน้าท่ี
18
สนั ติ ภยั หลบล้ี ธารน้าแขง็
ฐานของธารน้าแข็ง ตะกอนขนาดเล็กจะเป็นเหมือนกับกระดาษทรายขัดหินฐาน
ด้านล่างจนผิวหน้ามันวาว ส่วนตะกอนขนาดใหญ่จะครูดถูหินฐานจนทาให้เกิด
รอยครูดธารน้าแข็ง (glacial striation) (รูป 10ค) ซ่ึงเป็นหลักฐานแสดงทิศ
ทางการเคลือ่ นที่ของธารน้าแขง็
รูป 10. รูปแบบการกัดกร่อนโดยธารน้าแข็ง (ก) การเกิดล่ิมน้าแข็ง (frost
wedging) [www.uwsp.edu] ( ข ) ก า ร ถ อ ด ถ อ น ( plucking)
[Chabacano] แ ล ะ (ค ) รอ ย ค รูด ธารน้ าแ ข็ ง (glacial striation)
[Siegmund W.]
19
สนั ติ ภัยหลบล้ี ธารน้าแขง็
6
การสะสมตัวโดยธารนา้ แขง็
Glacial Deposition
ธารน้าแข็งสามารถกัดกร่อนและพัดพาตะกอนไปได้ในปริมาณมหาศาล ซ่ึงตะกอน
เหล่าน้ีจะเริ่มตกสะสมตัวเมื่อธารน้าแข็งละลาย ทาให้บริเวณท่ีตะกอนธารน้าแข็ง
สะสมตวั เกดิ เป็นภมู ิลักษณ์เฉพาะ โดยตะกอนท่ีไดจ้ ากการสะสมตัวจากธารน้าแข็ง
เรียกว่า ตะกอนธารน้าแข็ง (glacial drift) แบ่งยอ่ ยเป็น 2 ชนิด คือ 1) ตะกอน
ธารน้าแข็งไม่แยกช้ัน (unstratified drift) และ 2) ตะกอนธารน้าแข็งแยกช้ัน
(stratified drift)
กอ้ นหินขนาดใหญท่ ี่ถูกพัดมากับธารนา้ แขง็ เรียกวา่
หนิ ธารน้าแขง็ พา (glacial erratic) (รูป 11ก)
20
สนั ติ ภยั หลบล้ี ธารน้าแข็ง
6.1. ตะกอนธารนา้ แขง็ ไม่แยกช้นั (Unstratified Drift)
ตะกอนธารน้าแข็งไม่แยกช้ัน เรียกอีกอย่างว่า ทิลล์ (till) เป็นตะกอนที่
ถูกอมมากับธารน้าแข็งและตกสะสมตัวเม่ือน้าแข็งหลอมละลาย เป็นตะกอนท่ีมี
ขนาดหลากหลาย อยู่รวมกันโดยไม่มีการคัดขนาดและการลาดับชั้น (รูป 11ข) ซึ่ง
การสะสมตวั ของตะกอนธารน้าแข็งแบบนแี้ บ่งย่อยเปน็ 2 ลกั ษณะ คือ
1) แพเศษหินธารน้าแข็ง (moraine) คือ ภูมิประเทศที่ปกคลุมด้วย
ตะกอนธารน้าแข็งไม่แยกช้ัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะสะสมตัวอยู่ตามขอบของธาร
นา้ แข็ง (รปู 6 และรปู 11ค-ง) ประกอบดว้ ย 3 รปู แบบยอ่ ย คือ
รปู 11. ลักษณะการสะสมตัวของตะกอนธารนา้ แข็งไม่แยกชนั้
21
สนั ติ ภยั หลบลี้ ธารน้าแข็ง
▪ แพเศษหินธารน้าแข็งด้านข้าง (lateral moraine) สะสมตัวอยู่
ด้านขา้ งของลาธารนา้ แขง็
▪ แพเศษหินธารน้าแข็งส่วนกลาง (medial moraine) สะสมตัวอยู่
ภายในตรงกลางหุบเขา เกิดเมื่อธารน้าแข็งภูเขา 2 ธารไหลมารวมกนั เกิด
เป็นธารขนาดใหญ่ข้นึ
▪ เศ ษ หิ น ธารน้ าแข็ งส่ วน ห น้ า (end moraine ห รือ terminal
moraine) เป็นส่วนปลายที่ธารน้าแข็งเคลื่อนที่ไปถึง ขนาดของสันอาจ
เปน็ เพยี งเนินเตี้ยๆ หรืออาจสงู ถึง 100 เมตร
2) เนินดรัมริน (drumlin) หรือเนินตะกอนรูปไข่ เป็นเนินเรียบ ยาวรี
ประกอบด้วยตะกอนธารน้าแข็งไม่แยกช้ัน สูงประมาณ 8-60 เมตร และยาว
ประมาณ 0.4-1 กโิ ลเมตร โดยมากโดยสว่ นใหญอ่ ยู่เปน็ กลมุ่ (รปู 12)
รูป 12. แบบจาลองการเกิดและลักษณะเฉพาะของเนินดรัมริน
22
สนั ติ ภัยหลบลี้ ธารน้าแข็ง
รูปรา่ งของเนนิ ดรมั รินจะไม่สมมาตร มีลกั ษณะคล้ายกบั หยดนา้ ตา ดา้ นท่ี
มคี วามชันสูงชี้ไปในทิศทางท่ีธารน้าแข็งเคล่ือนทไ่ี ป ส่วนด้านที่มีความชันน้อยชี้ไป
ในทิศทางที่ธารน้าแข็งเคล่ือนท่ีมา (รูป 12ก) กลไกการเกิดเนินดรัมรินยังไม่เป็นที่
แน่ชัด แต่เช่ือว่าอาจจะเกิดบริเวณเศษหินธารน้าแข็งส่วนหน้า โดยเม่ือธารน้าแข็ง
ถดถอย ทาให้เกดิ ดนิ ธารน้าแข็งปลาย และเมื่อธารน้าแข็งพัฒนาอกี คร้ัง น้าแข็งจะ
จดั รปู หรือปัน้ ดนิ ธารน้าแข็งเหลา่ นั้นใหเ้ ป็นเนนิ ดรมั รินดังกลา่ ว (รปู 12ข)
6.2. ตะกอนธารน้าแข็งแยกชนั้ (Stratified Drift)
ตะกอนธารน้าแข็งแยกช้ัน (stratified drift) เป็นตะกอนท่ีถูกพัดพา
และสะสมตัวจากน้าที่หลอมละลายมาจากธารน้าแข็ง มีการคัดขนาดของตะกอน
และเรยี งตัวเปน็ ช้นั แบง่ ยอ่ ยตามกระบวนการเกิดออกเปน็ 3 รปู แบบ คือ (รูป 13)
1) ตะกอนน้าแข็งละลาย (outwash) เป็นตะกอนที่ถูกพัดพาต่อมาจาก
บริเวณส่วนหน้าของธารน้าแข็ง โดยน้าท่ีละลายจากธารนา้ แข็ง ซึ่งโดยสว่ นใหญจ่ ะ
เป็นธารนา้ ประสานสาย ตะกอนมกี ารคัดขนาดดีในช่วงขนาดดินเหนียว ทรายแป้ง
ทรายและกรวด
2) แอ่งหรือหลุมน้าแข็ง (kettle) เชื่อว่าอาจจะเกิดจากก้อนน้าแข็ง
ขนาดใหญ่ฝังตัวอยู่ในตะกอน ซ่ึงต่อมาเมื่อน้าแข็งละลายไป จึงเหลือให้เห็นเป็น
แอง่ หรือหลมุ ซ่ึงโดยปกติจะมีเสน้ ผ่านศูนย์กลาง ≥ 2 เมตร (รูป 14ก)
3) เนินรูปงู (esker) คือลักษณะสันเขาท่ีคดโค้งไป-มาประกอบด้วย
กรวดและทรายเปน็ ส่วนใหญ่ ซ่ึงเชอื่ ว่าอาจจะเกิดจากจากการสะสมตวั ของตะกอน
ธารน้าแข็งจากน้าไหลในอุโมงค์ใต้ธารน้าแข็ง (รูป 14ข) ทาให้ได้เนินสูงประมาณ
3-30 เมตร กว้างเพียง 2-3 แตอ่ าจจะยาวได้ถงึ 160 กิโลเมตร (รปู 14ค-ง)
23
สนั ติ ภยั หลบล้ี ธารนา้ แข็ง
รปู 13. สภาพแวดล้อมการเกดิ ตะกอนธารนา้ แขง็ แยกชน้ั [Hillewaert H.]
รปู 14. การสะสมตัวของตะกอนธารนา้ แขง็ แยกช้นั
24
สนั ติ ภยั หลบลี้ ธารนา้ แขง็
แบบฝกึ หดั
วัตถปุ ระสงคข์ องแบบฝึกหดั
แบบฝึกหัดนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ผู้อ่านมีโอกาส 1) ทบทวนเนื้อหา และ 2)
ค้นคว้าความรเู้ พม่ิ เติม โดยผา่ นกระบวนการส่ือสารแบบถาม-ตอบ ระหว่างผเู้ ขียน-
ผู้อ่าน เทา่ น้ัน โดยไมม่ ีเจตนาวเิ คราะหข์ ้อสอบเก่าหรือแนวข้อสอบแตอ่ ยา่ งใด
1) แบบฝึกหัดจับคู่
คาอธิบาย : เลือก ตัวอักษร หน้าคาบรรยายด้านขวา และเติมในชอ่ งวา่ งด้านซ้าย
ของแต่ละขอ้ ทม่ี คี วามสัมพนั ธ์กัน
1. _____ medial ก. เป็นสันเขาคดโค้งที่เกิดจากจากการสะสม
moraine ตัวของตะกอนธารน้าแข็งจากน้าไหลใน
อุโมงคใ์ ต้ธารน้าแขง็
2. _____ tarn ข. โตรกเขาติดทะเล เกิดจากน้าทะเลท่วม
หุบเขาลึกจากธารน้าแข็ง
3. _____ glacier’s ค. ความต่างของอัตรา การพอกสะสม
budget (accretion) แ ล ะ ก า ร เสี ย ด ก ร่ อ น
(ablation) ของธารนา้ แขง็
4. _____ cirque ง. เนินตะกอนรูปไข่ยาวรีเกิดจากการสะสม
ตวั ของตะกอนธารน้าแข็งไม่แยกชน้ั
25
สันติ ภยั หลบลี้ ธารน้าแขง็
5. _____ esker จ. รปู ร่างของหุบเขาธารนา้ แข็ง
6. _____ glacial till ฉ. แอ่งตะกอนครึ่งทรงกลมบนธารน้าแข็ง
7. _____ ภเู ขา
8. _____ drumlin ช. ตะกอนทส่ี ะสมตัวโดยตรงจากธารนา้ แขง็
U shape ซ. หิมะแข็ง เกิดจากหิมะท่ีเกาะตัวกันอย่าง
9. _____
หนาแนน่
10. _____ Fjord ฌ. แพเศษหินธารน้าแข็งส่วนกลาง เป็นธาร
นา้ แขง็ ทรี่ วมกับธารนา้ แขง็ ขา้ งเคยี ง
firn ญ. แหล่งน้าในแอ่งพระจันทร์เส้ียวหรือ
ทะเลสาบธารน้าแข็ง
2) แบบฝึกหัดถกู -ผิด
คาอธิบาย : เติมเคร่ืองหมาย T หน้าข้อความท่ีกล่าวถูก หรือเติมเคร่ืองหมาย F
หนา้ ข้อความทกี่ ล่าวผดิ
1. _____ การหลอมละลายของธารน้าแข็งใน โซนการเสียดละลาย
(zone of ablation) คือสาเหตกุ ารถอยร่นของธารนา้ แขง็
2. _____ แพเศษหินธารน้าแข็ง (moraine) คือลักษณะการสะสมตัวของ
ตะกอนจากธารน้าแขง็
3. _____ ธ า ร น้ า (glacier) แ ข็ ง เกิ ด จ า ก ก า ร ต ก ผ ลึ ก ใ ห ม่
(recrystallization) ของหิมะ
4. _____ ยุคน้าแขง็ (ice age) เคยเกิดขึน้ มาแล้วหลายครงั้
26
สนั ติ ภยั หลบลี้ ธารน้าแขง็
5. _____ ธารนา้ แข็งสามารถเกดิ ในพ้ืนทีเ่ ขตรอ้ นได้ แตอ่ ย่บู นเขาสงู
6. _____ เนินดรัมริน (drumlin) คือแอ่งตะกอนครึ่งทรงกลมที่เกิดจาก
การครดู ถูของธารนา้ แขง็
7. _____ ธารน้าแข็งพื้นทวีป (continental glacier) ไม่มีให้เห็นแล้ว
บนโลกในปจั จุบัน
8. _____ โตรกเขาติดทะเล (fjord) คือ หุบเขาธารน้าแข็ง (glacial
valley) ท่ปี จั จบุ ันถูกนา้ ทะเลท่วม
9. _____ ธารน้าแข็งแอนตาร์กติก (Antarctica glacier) ถูกปกคลุม
ด้วย พืดนา้ แข็ง (ice sheet)
10. _____ ใน โซนการเสียดละลาย (zone of ablation) อัตราการ
หลอมละลายสูงกวา่ การสะสมตัวของหมิ ะ
11. _____ ธารน้าแขง็ พืน้ ทวปี (continental glacier) เป็นแหลง่ กาเนิด
ของ หบุ เขาแขวน (hanging valley)
12. _____ ธารน้าแข็ง (glacier) สามารถคืบหน้ากินพื้นที่เพ่ิมข้ึนได้หาก
อัตราการหลอมละลายสูงกวา่ การสะสมตัว
13. _____ การเปล่ยี นแปลงวงโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ย์เป็นสาเหตกุ าร
เกิดธารน้าแข็ง
14. _____ สันเขาฟนั เลือ่ ย (arete) คอื การสะสมตัวจากธารนา้ แขง็
15. _____ ตะกอนน้าแข็งละลาย (outwash) สะสมในสว่ นปลายของธาร
น้าแข็งในรปู แบบ ธารน้าประสานสาย (braided stream)
16. _____ การสะสมของ ชัน้ ดินเลน (varve) คือรูปแบบการสะสมตวั โดย
ธารน้าแข็งในทะเลสาบ
27
สันติ ภยั หลบล้ี ธารนา้ แข็ง
17. _____ กระบวนการเกิดธารน้าแข็ง สมัยโฮโลซีน (Holocene
epoch) คือยุคน้าแขง็ ครง้ั ลา่ สุดของโลก
18. _____ กระบวนการเกิดธารน้าแข็ง (glaciation) เกิดเฉพาะบริเวณท่ี
ใกล้กบั ขวั้ โลก
19. _____ หุบเขาทเ่ี กิดจากการกัดกร่อนโดยธารน้าแขง็ จะมีหนา้ ตัดร่องเขา
คลา้ ยกบั รูปตวั U
20. _____ เมื่อธารน้าแข็งถอยร่น จะท้ิงหลักฐานของ เนินรูปงู (esker)
และ เนินดรัมริน (drumlin) ซ่ึงแสดงถึงระยะไกลท่ีสุดที่ธาร
น้าแข็งเคยปกคลุม
3) แบบฝกึ หัดปรนัย
คาอธิบาย : ทาเครื่องหมาย X หน้าคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว จาก
ตวั เลือกทกี่ าหนดให้
1. ข้อใดกลา่ วถูกตอ้ งเกี่ยวกับ ธารน้าแข็งพน้ื ทวีป (continental glacier)
ก. ไมพ่ บบนพื้นผวิ โลกในปจั จุบนั ข. พบได้ในพ้ืนท่ีเทือกเขาสูง
ค. เ ป็ น ส า เ ห ตุ ส า คั ญ ข อ ง ง. เกิดบนพ้ืนราบแต่มีอุณหภูมิต่า
ปรากฏการณ์โลกร้อน เพยี งพอ
2. ข้อใดกล่าวถูกตอ้ งเกีย่ วกับ ธารน้าแข็งพ้นื ทวีป (continental glacier)
ก. เคยเกิดข้ึนในทวปี อเมริกาเหนอื ข. เคยเกดิ ขึ้นในทวีปแอฟรกิ า
ค. เคยเกิดขนึ้ ในทวีปยุโรป ง. ถูกทุกข้อ
28
สนั ติ ภัยหลบล้ี ธารน้าแขง็
3. ธารน้าแข็งพื้นทวปี (continental glacier) คิดเป็นก่ีเปอร์เซ็นต์ของพื้นท่ีธาร
นา้ แข็งทวั่ โลก
ก. 0.1% ข. 50%
ค. 5% ง. 10%
4. ข้อใดคือชนดิ ของ ธารนา้ แข็งพ้นื ทวปี (continental glacier)
ก. ทงุ่ นา้ แขง็ (ice field) ข. ลาดนา้ แขง็ (ice shelve)
ค. พืดน้าแขง็ (ice sheet) ง. ถกู ทกุ ข้อ
5. ธารนา้ แขง็ (glacier) มีส่วนทาให้เกิดกระบวนการอะไรบา้ ง
ก. การกรัดกร่อน ข. การสะสมตวั
ค. การพฒั นาภมู ลิ ักษณ์ ง. ถกู ทุกขอ้
6. ข้อใดคือองคป์ ระกอบหลกั ของ กระจกุ น้าแข็ง (ice cap) บนดาวอังคาร
ก. คารบ์ อนไดออกไซดแ์ หง้ ข. นา้ แข็ง
ค. ไนโตรเจนเหลว ง. ไม่มีข้อใดถูก
7. ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เจาะสารวจพืดน้าแข็งและเก็บตัวอย่างไปเพ่ือทาวิจัย
และวเิ คราะห์อะไร
ก. ปรมิ าณธารนา้ แข็งโดยรวม ข. ช้ันหินใต้ธารน้าแข็ง
ค. อายขุ องโลก ง. ไม่มขี ้อใดถกู
8. หุบเขาท่ีถูกกัดกร่อนโดยธารน้าแข็งจะมีภาพตัดขวางคล้ายกับตัวอักษรอะไรใน
ภาษาองั กฤษ
ก. รปู ตัว U ข. รูปตัว V
ค. รูปตวั W ง. รปู ตวั S
29
สันติ ภัยหลบล้ี ธารนา้ แขง็
9. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ชนดิ ของ แพเศษหินธารน้าแข็ง (moraine)
ก. แพเศษหนิ ธารนา้ แขง็ หยดุ นิ่ง ข. แพเศษหนิ บนทวีป
(recessional moraine) (continental moraine)
ค. แพเศษหินธารน้าแข็งด้านขา้ ง ง. ถกู ทกุ ข้อ
(lateral moraine)
10. ข้อใดกล่าวถกู ต้องเกย่ี วกบั ธารนา้ แข็งทีป่ กคลมุ ทวปี อเมริกาเหนอื
ก. ยังมปี รมิ าณเพ่ิมขึน้ ไม่ส้ินสดุ ข. เกดิ จากนา้ ทะเลปกคลมุ ในอดีต
ค. ทวีปอเมริกาเหนือไม่เคยมี ง. ปกคลุมมากที่สุดเมื่อประมาณ
น้าแข็งปกคลมุ 18,000 ทีผ่ า่ นมา
11. เหตุใด ธารน้าแข็งอัลไพน์ (alpine glacier) จงึ สามารถไหลลงจากเทือกเขา
ได้
ก. น้าแขง็ มคี วามแขง็ มาก ข. น้าแข็งเปลี่ยนรปู แบบพลาสตกิ
ค. น้าแขง็ มคี วามหนามาก ง. นา้ แข็งมมี วลขนาดใหญ่
12. เหวนา้ แข็ง (crevasse) เกดิ จากสาเหตุใด
ก. พ้ืนผิวน้าแข็งไม่เคลื่อนที่แต่ข้าง ข. พ้ืนผิวน้าแข็งมีคุณสมบัติแบบ
ใต้เคล่ือนที่ แข็งเปราะ
ค. พืน้ ผิวนา้ แขง็ เย็นมาก ง. พนื้ ผิวนา้ แข็งหลอมละลายง่าย
13. น้าแข็งท่ีทาให้เกิดธารน้าแข็งพื้นทวีป (continental glacier) มีต้นกาเนิดมา
จากทีใ่ ด
ก. น้าท่ีควบแนน่ จากหิมะ ข. นา้ ที่ระเหยมาจากมหาสมุทร
ค. หิมะที่ตกผลึกใหม่เปน็ นา้ แขง็ ง. ถกู ทกุ ข้อ
30
สนั ติ ภัยหลบลี้ ธารนา้ แขง็
14. หาก รอยครูดธารน้าแข็ง (glacial striation) บนหินมีทิศทางในแนว
ตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวนั ตกเฉียงใต้ (NE-SW) แปลความหมายได้วา่ ในอดีต
ธารน้าแข็งเคล่อื นทีใ่ นทิศทางใด
ก. NE-SW ข. SW-NE
ค. NW-SE ง. ขอ้ ก. และ ข. ถูก
15. ข้อใดกลา่ วถูกต้องเกี่ยวกบั ธารนา้ แข็งพืน้ ทวีป (continental glacier)
ก. ท าให้ ระดั บ น้ าท ะเลท่ั วโล ก ข. อาจมีทะเลสาบตรงส่วนปลาย
เปลี่ยนแปลง ของธารน้าแข็ง
ค. เป ลี่ยน รูป พ้ื น ท วีป จากมวล ง. ถกู ทกุ ขอ้
น้าแข็งท่กี ดทับ
16. สถานการณ์ของธารน้าแขง็ ท่ัวโลกในปัจจุบันเป็นอยา่ งไร
ก. ขยายใหญก่ ว่าทเ่ี คยเปน็ ในอดีต ข. กาลังหลอมละลาย
ค. หดเลก็ กว่าท่เี คยเปน็ ในอดตี ง. ไม่มขี ้อใดถูก
17. หากพืดน้าแข็ง (ice sheet) ทั้งหมดทั่วโลกหลอมละลาย นักวิทยาศาสตร์
คาดว่าระดบั น้าทะเลจะสงู ขึน้ โดยประมาณเท่าใด
ก. 60 เมตร ข. > 200 เมตร
ค. > 130 เมตร ง. ไมม่ ขี ้อใดถูก
18. ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ งเกีย่ วกบั ธารน้าแขง็ พ้นื ทวีป (continental glacier)
ก. อาก าศ ห น าวน้ อย ก ว่าธาร ข. มี ค ว า ม ห น า น้ อ ย ก ว่ า ธ า ร
น้าแข็งอัลไพน์ นา้ แขง็ อลั ไพน์
ค. เคลอ่ื นที่ได้ชา้ กว่าธารน้าแข็งอัล ง. สามารถเคลื่อนท่ี ได้ในหลัก
ไพน์ กิโลเมตร
31
สนั ติ ภัยหลบล้ี ธารน้าแข็ง
19. ทฤษฎีเกี่ยวกับการเกิด ยุคน้าแข็ง (Ice age) ถูกค้นพบและนาเสนอคร้ังแรก
เม่อื ใด
ก. ศตวรรษที่ 17 ข. ศตวรรษที่ 19
ค. ศตวรรษท่ี 18 ง. ศตวรรษท่ี 20
20. สภาวะแบบใดท่ีทาใหน้ า้ แขง็ ของธารนา้ แขง็ พฒั นาลงไปดา้ นล่างได้
ก. การพอกสะสม > การเสียด ข. การพอกสะสม = การเสียด
กร่อน กรอ่ น
ค. การพอกสะสม < การเสียด ง. ถูกทกุ ขอ้
กรอ่ น
21. ขอบเขตท่ีแบ่งแยกระหว่าง โซนการสะสมตัว (zone of accumulation)
และ โซนการเสยี ดละลาย (zone of ablation) เรยี กว่าอะไร
ก. ระดบั ทดแทน ข. ปริมาณน้าแขง็
(compensation level) (glacier’s budget)
ค. เส้นสมดลุ หิมะ ง. ไม่มีขอ้ ใดถูก
(equilibrium snow line)
22. ข้อใดคือ หบุ เขาลึกรูปตวั U ที่เกิดในสภาพแวดล้อมแบบธารนา้ แขง็
ก. ยอดเขาเขยี้ ว (horn) ข. โตรกเขาติดทะเล (fjord)
ค. หุบเขาแขวน (hanging valley) ง. สันเขาฟนั เล่อื ย (arete)
23. ข้อใดคอื สาเหตกุ ารเกิดยุคน้าแขง็ (ice age)
ก. การเปลี่ยนแปลงความร้อนจาก ข. การเปล่ียนแปลงความเข้มข้น
ดวงอาทิตย์ ของแสงอาทิตย์
ค. การเปลี่ยนแปลงวงโคจรโลก ง. ไมม่ ขี อ้ ใดถกู
32
สันติ ภยั หลบล้ี ธารน้าแขง็
24. ข้อใดคอื ผลจากธารนา้ แขง็ ไหลลงไปในทะเล
ก. ภูเขานา้ แข็ง (iceberg) ข. ถูกทกุ ขอ้
ค. ลาดนา้ แข็ง (ice shelve) ง. ไม่มีขอ้ ใดถกู
25. เนนิ รปู งู (esker) โดยส่วนใหญเ่ กดิ ขึ้นในช่วงเวลาใด
ก. น้าแข็งคืบหน้า (advance) ข. น้าแขง็ พอกสะสม (accretion)
ค. นา้ แข็งกาลงั ถอยร่น (retreat) ง. นา้ แข็งเสียดกร่อน (ablation)
26. ข้อใดคือหลักฐานบ่งชีข้ อบเขตธารนา้ แข็ง (glacier) ในอดีต
ก. เนนิ รูปงู (esker) ข. เนินดรมั ริน (drumlin)
ค. แพเศษหินธารนา้ แขง็ ง. ตะกอนธารน้าแข็งเนินเคม
(moraine) (kame)
27. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ลักษณะเฉพาะของ ธารนา้ แข็งอัลไพน์ (alpine glacier)
ก. ยอดเขาเข้ยี ว (horn) ข. แอง่ พระจันทร์เสย้ี ว (cirque)
ค. สันเขาฟนั เลอ่ื ย (arete) ง. เนนิ ดรัมรนิ (drumlin)
28. ข้อใดคอื ภมู ิลักาณ์จากการกัดกรอ่ นของธารน้าแข็งซงึ่ มีลักษณะคลา้ ยกับชามท่ี
สงู ชนั บริเวณยอดเขา
ก. ภูเขานา้ แข็ง (iceberg) ข. แอง่ พระจันทร์เส้ียว (cirque)
ค. เนนิ ดรัมรนิ (drumlin) ง. ตะกอนธารนา้ แขง็ (glacial till)
29. ข้อใดคือภูเขาที่มีรูปทรงคล้ายกับปิรามิดซึ่งเกิดจากการกรัดกร่อนโดยธาร
นา้ แขง็
ก. โตรกเขาตดิ ทะเล fjord) ข. หุบเขาแขวน (hanging valley)
ค. แอ่งพระจันทร์เส้ียว (cirque) ง. ยอดเขาเขย้ี ว (horn)
33
สนั ติ ภยั หลบล้ี ธารนา้ แข็ง
30. จาน วน ของก ารคื บ ห น้ าของน้ าแข็งใน ระห ว่าง ส มั ยไพ ล ส โต ซี น
(Pleistocene epoch) มกี ่ีครง้ั โดยประมาณ
ก. 1 ครัง้ ข. 20-25 คร้ัง
ค. 4 ครง้ั ง. > 100 ครัง้
31. บันทึกท่ีดีที่สุดซึ่งบ่งช้ีการคืบหน้าของน้าแข็งใน สมัยไพ ลสโตซีน
(Pleistocene epoch) ควรอยู่ในพืน้ ทใี่ ด
ก. บนแผน่ ดนิ ข. ในกระจุกนา้ แข็ง (ice cap)
ค. บนพน้ื มหาสมทุ ร ง. ในทะเลสาบธารน้าแขง็ (glacial lake)
32. ข้อใดคือหลกั ฐานสาคญั ทบ่ี ง่ ชี้ถงึ การคืบหน้าและถอยรน่ ของธารนา้ แขง็
ก. การสลับกันของฟอสซิลขนาด ข. เศษหินขนาดใหญ่ที่เคยอยู่บน
เล็กในสภาพน้าอุ่นและเยน็ ภูเขานา้ แขง็ หล่นลงทะเล
ค. ความหลากหลายของไอโซโทป ง. ถูกทกุ ข้อ
ออกซิเจน
33. ตะกอนธารน้าแข็ง (glacial till) แตกต่างจาก ตะกอนน้าแข็งละลาย
(outwash) อย่างไร
ก. ตะกอนธารน้าแข็งมีเพียงเศษหิน ข. ตะกอนธารนา้ แขง็ มกี ารคัด
ขนาดเล็กแตต่ ะกอนนา้ แข็งละลายมี ข น า ด ที่ ดี ก ว่ า ต ะ ก อ น
หลายขนาดปะปะปนกัน น้าแขง็ ละลาย
ค. ตะกอนธารน้ าแข็งมีสีเข้มกว่า ง. ตะกอนนา้ แขง็ ละลายมีการ
ตะกอนน้าแข็งละลาย เน่ืองจากมี คัดขนาดท่ีดีกว่าตะกอน
อินทรยี วตั ถุมากกวา่ ธารน้าแข็ง
34
สนั ติ ภยั หลบลี้ ธารนา้ แขง็
34. เศษหนิ ธารน้าแขง็ ส่วนหนา้ (terminal moraine) เกิดขนึ้ ได้อยา่ งไร
ก. การพอกสะสม > การเสียด ข. การพอกสะสม = การเสียด
กร่อน กรอ่ น
ค. การพอกสะสม < การเสียด ง. ถกู ทกุ ข้อ
กร่อน
35. เหวนา้ แขง็ (crevasses) ในธารน้าแขง็ สามารถลึกลงไปได้เทา่ ใด
ก. ≥ 300 เมตร ข. โซนการไหลแบบพลาสติก
ค. ฐานธารน้าแขง็ ง. ขึ้นอยกู่ บั ความหนาของนา้ แข็ง
36. ในช่วงระหว่างยุคน้าแข็งคร้ังสาคัญล่าสุด ระดับน้าทะเลลดต่าลงกว่า 130
เมตร ทาใหเ้ กิดการเพม่ิ ขนึ้ ของพื้นที่แผ่นดินระหวา่ งทวปี ใด
ก. ทวปี แอฟรกิ าและอเมรกิ าใต้ ข. ทวีปอเมริกาเหนอื และเอเชยี
ค. ทวีปยุโรปและอเมริกาเหนอื ง. ทวีปเอเชียและออสเตรเลีย
37. น้าแข็งระดบั ต้ืนใกล้พ้ืนผิวของธารน้าแขง็ จะแสดงพฤติกรรมแบบใด
ก. แขง็ เปราะ (brittle) ข. ยืดหยุ่น (elastic)
ค. อ่อนเหนียว (ductile) ง. พลาสตกิ (plastic)
38. นา้ แขง็ ระดับลึกภายในธารน้าแขง็ จะแสดงพฤตกิ รรมแบบใด
ก. แข็งเปราะ (brittle) ข. ยืดหยนุ่ (elastic)
ค. ออ่ นเหนยี ว (ductile) ง. พลาสติก (plastic)
39. ข้อใดไมส่ ามารถใชแ้ ปลความหมายทศิ ทางการเคลื่อนทขี่ องนา้ แข็งได้
ก. เนินดรัมริน (drumlin) ข. ช้นั ดนิ เลน (varve)
ค. รอยครดู ธารนา้ แขง็ ง. ขบวนก้อนหนิ มนใหญ่
(glacial striation) (boulder train)
35
สันติ ภยั หลบลี้ ธารนา้ แขง็
40. ขอ้ ใดคือ หุบเขาธารน้าแขง็ (glacial valley) ท่ีอยู่สูงกวา่ หุบเขาหลัก ซ่ึงเคย
มธี ารแขง็ ไหลผา่ นและโดยส่วนใหญ่มีนา้ ตกเกดิ ร่วมด้วย
ก. หบุ เขาลอย (perched valley) ข. แอ่งพระจนั ทร์เสี้ยว (cirque)
ค. หบุ เขาแขวน ง. จมกู เขาปลายตดั
(hanging valley) (truncated spur)
41. แพเศษหนิ ธารนา้ แขง็ ส่วนกลาง (medial moraine) เกดิ ขึน้ ไดอ้ ย่างไร
ก. เกิดตามด้านข้างของ ข. เม่ือส่วนปลายของธารน้าแข็งคืบหน้า
ธารน้าแขง็ เกนิ แพเศษหินธารน้าแขง็
ค. เมื่อหุบเขาธารน้าแข็ง ง. เม่ือธารน้าแข็งก่อนตัวคล้ายกับสันคลื่น
สองหบุ เขามารวมกนั โค้งมน
42. ขอ้ ใดสมั พันธก์ บั ปรมิ าณน้าแข็ง (glacier’s budget) ทต่ี ิดลบ
ก. ส่วนปลายธารน้าแขง็ ถอยรน่ ข. ธารน้าแขง็ ทัง้ หมดหยดุ การไหล
ค. อัตราการพอกสะสมสูงกว่าการ ง. ค วาม ย าวข อ งธารน้ าแ ข็ ง
สญู เสยี ธารน้าแขง็ เพ่ิมขน้ึ
43. ความดันเนื่องจากน้าหนักกดทับของน้าแข็งด้านบนทาให้ธารน้าแข็งเคลื่อนท่ี
ไดใ้ นรปู แบบใด
ก. รอยแยก (fracture) ข. การคืบคลานของหนิ (rock creep)
ค. การกระเพ่อื ม (surge) ง. การไหลแบบพลาสตกิ (plastic flow)
44. ข้อใดคอื สาเหตุท่ีทาใหเ้ กดิ ตะกอนธารนา้ แข็ง (glacial drift)
ก. ภูมิลักษณ์ท่ีเกิดจากการกัด ข. ธารนา้ แข็งเคลอื่ นที่แบบพลาสติก
กรอ่ นของธารน้าแข็งพื้นทวปี และเล่อื นไปตามพน้ื
ค. ภเู ขาน้าแขง็ ท่ีลอยอยใู่ นทะเล ง. ถกู ทุกขอ้
36
สนั ติ ภัยหลบล้ี ธารนา้ แข็ง
45. ภเู ขาน้าแข็ง (iceberg) เกดิ ข้นึ ได้อย่างไร
ก. น้ากถูกท าให้ เป็น น้าแข็งใน ข. เศษชิ้นส่วนธารน้าแข็งแตก
มหาสมทุ รและลอยมาบนพื้นผิว หลุดออกมาและไหลลงทะเล
ค. นา้ แข็งในแม่น้าทีไ่ หลลงสูท่ ะเล ง. นา้ ทะเลถูกทาใหเ้ ปน็ นา้ แขง็
46. ข้อใดคอื หลักฐานบ่งช้ี โซนการพอกสะสม (accretion) ของธารนา้ แข็ง
ก. ภเู ขาน้าแข็งไถลลงมหาสมุทร ข. พบน้าแข็งโผล่
ค. หิมะจากฤดูหนาวคร้ังก่อนปก ง. พบก้อนหินมนใหญ่ (boulder)
คลุมธารน้าแขง็ ในธารนา้ แขง็
47. ข้อใดกล่าวถูกต้องเก่ียวกับ ยุคน้าแข็ง สมัยไพลสโตซีน (Pleistocene
epoch)
ก. นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า ข. เกิ ด จ าก ก ารเป ล่ี ย น แ ป ล ง
เกิดขนึ้ 3-5 ครงั้ องคป์ ระกอบของมหาสมทุ ร
ค. ทาให้พื้นท่ีไซบีเรียและอลาส ง. ไมม่ ขี อ้ ใดถกู
กา้ เช่ือมตอ่ กัน
48. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ งเก่ยี วกับ หบุ เขาแขวน (hanging valley)
ก. เกิดจากธารนา้ แขง็ ในหุบเขา ข. มรี อ่ งเขาคล้ายกบั รปู ตัว U
ค. โดยสว่ นใหญม่ นี ้าตกเกิดร่วมดว้ ย ง. ถกู ทกุ ข้อ
49. ข้อใดคอื ตะกอนธารน้าแขง็ (glacial till)
ก. ตะกอนดินในทะเลสาบ ข. หนิ โผลท่ ี่มหี น้าเรยี บมนั วาว
ธารนา้ แข็ง
ค. ตะกอนจากน้าแข็งละลาย ง. กรวด ทราย และดินที่ปะปนกันอยู่
ซง่ึ เป็นทรายทีค่ ดั ขนาดดี ในแพเศษหนิ ธารน้าแขง็
37
สนั ติ ภัยหลบลี้ ธารน้าแขง็
50. ความดนั ทาใหธ้ ารนา้ แขง็ มคี ณุ สมบัตทิ แ่ี ตกตา่ งกนั 2 รูปแบบ อยา่ งไร
ก. แข็งเปราะ (brittle) และอ่อน ข. พลาสติก (plastic) และเหลว
เหนียว (ductile) (liquid)
ค. ของแข็ง (solid) และเม็ดหิมะ ง. หิ ม ะ (snow) แ ล ะ ลู ก เห็ บ
(granular snow) (hail)
51. แอ่งหรอื หลมุ นา้ แข็ง (kettle) เกิดขน้ึ ได้อยา่ งไร
ก. ก้อนหินมนใหญ่ (boulder) หลุด ข. ก้อนน้าแข็งขนาดใหญ่ที่ฝัง
ออกจากธารน้าแข็ง อย่ใู นตะกอนหลอมละลาย
ค. น้าที่หลอมละลายกดั กร่อนหลุมลึก ง. ธารน้าแขง็ กว้านหลมุ ลึก
52. ข้อใดกล่าวถกู ต้อง
ก. แ พ เศ ษ หิ น ธ า ร น้ า แ ข็ ง ข. รอยครูดธารน้าแข็ง (glacial
(moraine) เกิดเฉพาะในธาร striation) เกิดเฉพ าะใน ธาร
น้าแข็งพื้นทวปี น้าแข็งภเู ขา
ค. พระจันทร์เสี้ยว (cirque) เกิด ง. ไมม่ ขี ้อใดถกู
เฉพาะในธารนา้ แข็งพ้นื ทวีป
53. นักวิทยาศาสตร์เช่ือว่า กระบวนการผุพัง (weathering) มีผลต่อ ยุคน้าแข็ง
(ice age) อยา่ งไร
ก. ทาให้ภูเขาต่าลงและกระแสลม ข. กาจัดก๊าซซัลเฟอร์ ซ่ึงเป็นตัวทา
ของโลกพัดไดส้ ะดวกขึ้น ให้บรรยากาศอบอนุ่
ค. ปล่อยธาตุแคลเซียมซ่ึงรวมอยู่ ง. ส ร้ า ง ก๊ า ซ มี เท น ซ่ึ ง ท า ให้
กับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ บรรยากาศโลกเยน็ ลง
38
สันติ ภยั หลบล้ี ธารน้าแขง็
54. พ้นื ทใี่ ดคอื ธารน้าแข็งโดยส่วนใหญ่ของของโลก
ก. กระจกุ นา้ แข็งแอนตาร์กติก ข. กระจกุ นา้ แข็งกรนี แลนด์
(Antarctica ice cap) (Greenland ice cap)
ค. กระจุกน้าแขง็ อาร์คตกิ ง. ธารน้าแขง็ ภเู ขา
(Arctic ice cap) (mountain glacier)
55. ข้อใดมโี อกาสเป็น โซนการพอกสะสม (accretion) มากที่สดุ
ก. สว่ นทห่ี นาท่ีสดุ ของธารนา้ แข็ง ข. สว่ นที่พบการสญู เสียธารน้าแขง็
ค. ส่วนทีพ่ บการเสยี ดกรอ่ น ง. ส่วนทีพ่ บแพเศษหินธารน้าแข็ง
(ablation) (moraine)
56. หลังจากน้าแข็งละลายไปจากพื้นทวีป พ้ืนผิวของทวีปมีแนวโน้มที่จะเป็น
อย่างไร
ก. ยกตัวข้ึน ข. จมตัวลง
ค. เป็นไปได้ทั้งจมตัวหรือยกตัว ง. พ้ืนท่ีเหมือนกับเดิม เน่ืองจาก
ข้นึ ข้นึ อยูก่ ับความหนาของชั้น น้ า ห นั ก น้ า แ ข็ ง น้ อ ย เมื่ อ
นา้ แข็งเดมิ เปรยี บเทียบกับพน้ื ทวปี
57. ข้อใดคือพ้นื ผวิ หินทร่ี าบเรียบมนั วาวซึ่งเกิดจากการถูกขัดถโู ดยธารนา้ แข็ง
ก. groove ข. polish
ค. glacial striation ง. glacial till
58. ขอ้ ใดคือทะเลสาบขนาดเล็กท่อี ย่บู นยอดเขานา้ แข็ง
ก. pluvial lake ข. proglacial lake
ค. salt lake ง. tarn
39
สันติ ภยั หลบลี้ ธารน้าแข็ง
59. ชว่ งเวลาใด ที่หลักฐานทางวทิ ยาศาสตรบ์ ง่ ช้ี ยุคนา้ แข็ง (ice age) มากที่สุด
ก. มหายุคอาร์เคยี น ข. สมยั ไพลสโตซนี
(Archaean aeon) (Pleistocene epoch)
ค. ยคุ แคมเบรยี น ง. ยคุ เทอรเ์ ชยี รี
(Cambrian period) (Tertiary period)
60. ข้อใดคือ ก้อนหินมนใหญ่ (boulder) ที่ถูกธารน้าแข็งพัดพาไปสะสมตัวห่าง
จากแหลง่ กาเนิดและไม่เข้ากบั สภาพแวดล้อมขา้ งเคยี ง
ก. firn ข. kame
ค. glacial erratic ง. esker
61. หากเดินทางจากพ้ืนที่ละติจูดต่าไปยังละติจูดสูง ความสูงจากพื้นท่ีราบของ
เสน้ ขอบหิมะ (snow line) จะมีการเปลีย่ นแปลงอยา่ งไร
ก. เพม่ิ ขึ้น ข. ลดลง
ค. คงที่ ง. เปน็ ไปได้ทง้ั เพ่มิ ข้นึ และลดลง
62. แอ่งพระจันทร์เสี้ยว (cirque) และ ทะเลสาบธารน้าแข็ง (tarn) แตกต่าง
กันอยา่ งไร
ก. แอ่งพระจันทร์เส้ียวคือโซนการ ข. แอ่งพระจันทร์เส้ียวคือแอ่ง
พ อ ก ส ะ ส ม ท ะ เล ส าบ ธาร ตะกอนธารน้าแข็ง ทะเลสาบ
นา้ แข็งคือโซนการเสียดกร่อน ธารน้าแขง็ คือรอ่ งเขา
ค. แอ่งพระจันทร์เส้ียวคือแอ่ง ง. ทะเลสาบธารน้าแข็งคือแอ่ง
ตะกอนธารน้าแข็ง ทะเลสาบ ต ะ ก อ น ธ า ร น้ า แ ข็ ง แ อ่ ง
ธารน้าแข็งคือทะเลสาบภายใน พระจันทร์เสี้ยวคือร่องเขาที่อยู่
แอ่งพระจันทรเ์ สี้ยว ระหวา่ งทะเลสาบธารนา้ แข็ง
40
สนั ติ ภยั หลบล้ี ธารน้าแขง็
63. ในช่วง ยุคน้าแข็ง (ice age) พ้ืนผิวโลกถูกปกคลุมด้วยธารน้าแข็งคิดเป็นกี่
เปอร์เซ็นตข์ องพ้ืนผิวโลกทง้ั หมด
ก. 10% ข. 30%
ค. 50% ง. 70%
64. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกย่ี วกบั หิมะแข็ง (firn)
ก. หมิ ะทเ่ี พ่ิงตกลงมาไมน่ าน ข. ค วาม ห น าแน่ น 0.4 ก รัม /
ลกู บาศก์เซนติเมตร
ค. เม็ดหมิ ะ (granular snow) ง. ถูกทกุ ขอ้
65. ข้อใด ไมใ่ ช่ ลักษณะของร่องเขาที่เกิดจากธารน้าแขง็ หลอมละลายและไหลลง
มาตามร่อง
ก. ตรงมากข้ึน ข. คดโคง้ มากขนึ้
ค. ลึกมากขน้ึ ง. กว้างมากข้นึ
66. นักวิทยาศาสตร์เชอ่ื ว่า ยุคนา้ แขง็ ครง้ั ยิง่ ใหญ่ (great ice age) สิน้ สดุ เม่ือใด
ก. 10,000-15,000 ปี ที่ผา่ นมา ข. 50,000 ปี ที่ผา่ นมา
ค. 1 ล้านปี ทผี่ ่านมา ง. 1.5 ลา้ นปี ท่ผี า่ นมา
67. ข้อใด ไม่ใช่ หลกั ฐานของการเกิดธารน้าแขง็ ในอดีต
ก. หุบเขาลึกรปู ตวั U ข. หุบเขาแขวน
ค. แอ่งพระจนั ทร์เส้ยี ว ง. ธารน้าโค้งตวัด
68. ขอ้ ใดคือกระบวนการทธ่ี ารน้าแข็งดงึ ก้อนหนิ ขนาดใหญห่ ลุดออกมา
ก. การขุดรอก (grooving) ข. การถอน (plucking)
ค. การเสียดกร่อน (ablation) ง. การกระเพ่ือม (surge)
41
สนั ติ ภัยหลบลี้ ธารน้าแข็ง
69. ข้อใดคอื หลกั ฐานบง่ ชี้ขอบเขตท่ีไกลทส่ี ดุ ทีธ่ ารน้าแข็งเคยไปถงึ
ก. แพเศษหนิ ธารนา้ แข็งสว่ นกลาง ข. แพเศษหินธารน้าแข็งด้านขา้ ง
(medial moraine) (lateral moraine)
ค. แพเศษหินธารนา้ แข็งหยดุ นิง่ ง. เศษหนิ ธารนา้ แขง็ สว่ นหน้า
(recessional moraine) (terminal moraine)
70. ขอ้ ใดคือ พืดนา้ แขง็ (ice sheet)
ก. ธารน้าแข็งท่ีสะสมตัวอยู่ตาม ข. ธารน้าแข็งขนาดใหญ่ที่แผ่ขยาย
รอ่ งเขา ไปทั่วพืน้ ทวปี ในอดตี
ค. ธารน้าแข็งซึ่งทาให้เกิดหลุม ง. ธารน้าแขง็ กว้างใหญเ่ กดิ จากการ
คล้ายกบั ชาม แข็งตวั ของนา้ ในมหาสมทุ ร
42
สนั ติ ภัยหลบลี้ ธารนา้ แขง็
เฉลยแบบฝกึ หดั
1) แบบฝกึ หดั จับคู่ 3. ค 4. ฉ 5. ก
1. ฌ 2. ญ 8. จ 9. ข 10. ซ
6. ช 7. ง
3. T 4. T 5. T
2) แบบฝึกหดั ถูก-ผดิ 8. T 9. T 10. T
13. T 14. F 15. T
1. F 2. T 18. F 19. F 20. F
6. F 7. F 3. ง 4. ง 5. ง
8. ก 9. ค 10. ง
11. F 12. F 13. ง 14. ง 15. ง
18. ง 19. ข 20. ก
16. T 17. F 23. ค 24. ข 25. ค
28. ข 29. ง 30. ข
3) แบบฝกึ หัดปรนัย 33. ง 34. ค 35. ข
38. ค 39. ข 40. ค
1. ข 2. ง
43
6. ก 7. ง
11. ข 12. ข
16. ข 17. ก
21. ค 22. ข
26. ค 27. ง
31. ค 32. ง
36. ข 37. ก
สันติ ภยั หลบล้ี ธารนา้ แขง็
41. ค 42. ก 43. ง 44. ข 45. ข
46. ค 47. ค 48. ง 49. ง 50. ก
51. ข 52. ง 53. ค 54. ก 55. ก
56. ก 57. ข 58. ง 59. ข 60. ค
61. ข 62. ค 63. ข 64. ข 65. ข
66. ค 67. ง 68. ข 69. ง 70. ข
44