ชุมชนออนใต้ กบั การพัฒนาหนองพญาพรหม
นกั เรยี นระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5/2 โรงเรยี นสนั กาพง จงั หวัดเชยี งใหม่
เขียนเรียบเรยี ง : นายเกยี รติกานต์ อินตะ๊ แกว้ ม.5/2 เลขที่ 5
นายอภนิ นท์ มลู ฟุ น่ ม.5/2 เลขท่ี 9
นางสาวพรไพรนิ ทร์ เดชะปราบต์ ม.5/2 เลขท่ี 14
นางสาวประลติ า สขุ ทรัพย์ ม.5/2 เลขที่ 16
นางสาวสริ ินทพิ ย์ วังแปง ม.5/2 เลขท่ี 25
ครทู ีป่ รกึ ษา : นายตระการ ทนานทอง
กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ประจาปีการศึกษา 2565
ภาพและข้อความท่ีนามาเป็นตัวอยา่ งประกอบใน ชุมชนออนใต้กับการพั ฒนาหนองพญาพรหม น้เี ป็นไปเพ่ื อประโยชน์
ในการศึกษาและอนรุ ักษ์ รักษาไวซ้ ่ึงวัฒนธรรมอันดีงามของชุมชนออนใตแ้ ละชุมชนสันกาแพง มิใชเ่ พ่ื อแสวงหาผลกาไร
ทางกล่มุ ของเรา ขออภัยท่มี ิไดข้ ออนุญาตอยา่ งเป็นทางการในการนาสือ่ และภาพประกอบในการพิ มพ์ ครง้ั น้ี
ชุมชนออนใต้ กับการพัฒนาหนองพญาพรหม
นกั เรียนระดบั ชัม้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5/2 โรงเรยี นสันกาแพง จงั หวดั เชยี งใหม่
คานา หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E book ) เล่มนี้จัดทำข้ึนเพื่อเป็นส่วนหน่ึง
ของรำยวิชำ ประวัติศำสตร์ ส32102 ภำคเรียนที่ 1 ประจำปีกำรศึกษำ 2565
ชนั้ มธั ยมศึกษำปที ่ี 5 โรงเรียนสนั กำแพง เพือ่ ศกึ ษำเรียนรู้ในเร่ืองรำวควำมเป็นมำ
และควำมผูกพันธ์ระหว่ำงชุมชน มนุษย์ และแหล่งน้ำ ท่ีเรียกได้ว่ำเป็นแหล่งน้ำ
แห่งชีวิต โดยศึกษำผ่ำนแหล่งเรียนรู้ต่ำง ๆ เช่น คำบอกเล่ำจำกคนในชุมชน วิถี
วิชิตในคนในชุมช และสิ่งพิมพ์ เป็นต้น หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E book ) เล่มน้ี
จะมีเนื้อหำทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับ “ชมุ ชนออนใต้ กับกำรพฒั นำหนองพญำพรหม”
ในกำรทำหนงั สอื อิเล็กทรอนิกส์เล่มน้ีสำเร็จลุล่วง ได้ด้วยควำมกรุณำ
และควำมอนุเครำะห์ส่งเสริมจำก ครูท่ีปรึกษำ นำยตระกำร ทนำนทอง ครู
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม โรงเรียนสันกำแพง
นำยเทียบ ปัญญำจันทร์ ปรำชญ์ชุมชนบ้ำนแม่ผ่ำแหน ตำบล ออนใต้
อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ นำยชำติชำย ชัยพนัส ปรำชญ์บ้ำนแม่เหียง
ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้กรุณำให้ควำมรู้ คำแนะนำ
คำปรกึ ษำ ชว่ ยเหลือในกำรเก็บข้อมลู อำนวยควำมสะดวกตำ่ ง ๆ
จนสำเรจ็ สมบรู ณ์
คณะผู้จัดทำ หวังว่ำหนังสือเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่ำน
หรือนักเรียนนักศึกษำ ท่ีกำลังหำข้อมูล เรื่องน้ีอยู่ หำกมีข้อแนะนำหรือ
ขอ้ ผิดพลำดประกำรใด ทำงคณะผจู้ ดั ทำ ขอนอ้ มรบั ไวแ้ ละขออภยั มำณท่นี ้ดี ้วย
คณะผูจ้ ดั ทำ
บทนำ 1 สารบัญ
ทต่ี งั้ ของหนองพญำพรหม 4
บทสัมภำษณ์ จำกนำยชำตชิ ำย ชัยพนัส 5
บทสัมภำษณ์ จำกนำยเทยี บ ปัญญำจนั ทร์ 9
ภำพถ่ำยทำงอำกำศ อดตี – ปัจจบุ นั 12
บทสรุป 13
บรรณำนุกรม 15
2
บทนำ
ประวัติศำสตร์ชุมชนหมำยถึงกำรปฏิบัติที่เป็นท่ีนิยมในกำรวิจัยประวัติศำสตร์และกำรเขียน
ในสภำพแวดล้อมนอกแผนกประวัติศำสตร์ของมหำวิทยำลัย ในเมือง หมู่บ้ำน และเมืองต่ำงๆ
ท่ัวท้ังในและนอกประเทศในบำงกรณี ประวัติศำสตร์ชุมชนได้เติบโตขึ้นจำก สังคมประวัติศำสตร์
ท้องถ่ิน ในหลำย ๆ เร่ือง กำรอุทธรณ์อย่ำงกว้ำงขวำงในช่วงไม่ก่ีปีที่ผ่ำนมำได้รับแรงบันดำลใจ
จำกกำรเข้ำถึงข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ซ่ึงเป็นพ้ืนท่ี ท่ีสำมำรถกระจำยข่ำวสำร รวมไปถึงกำรสื่อสำร
ได้อย่ำงกว้ำงขวำง ไม่เหมือนกับในอดีตท่ีกำรศึกษำเรื่องรำวทำงประวัติศำสตร์ของชุมชน
น้ันเป็นเร่ืองที่ยุ่งยำกเป็นอย่ำงยิ่ง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะสำมำรถนำมำใช้เป็นเคร่ืองมืออย่ำงหน่ึง
ในกำรศกึ ษำประวัตศิ ำสตร์ และอำนวยควำมสะดวกต่อกำรศกึ ษำไดเ้ ปน็ อย่ำงมำก
ลักษณะสำคญั ของประวัตศิ ำสตร์ “ชุมชน” คือควำมเช่ือท่ีว่ำประวัติศำสตร์ท้ังหมดควรได้รับ
กำรยอมรับว่ำเป็นประวัติศำสตร์ ว่ำชีวิตของคนรับใช้ในบ้ำนหรือคนงำนในโรงงำนมีควำมสำคัญ
พอ ๆ กัน น่ำสนใจและบ่งบอกถึงเรื่องรำวระดับชำติในวงกว้ำงพอ ๆ กับหัวเร่ืองตำมขนบประเพณี
ด้ังเดิมของประวัติศำสตร์ คณะผู้จัดทำก็มุ่งมั่นท่ีจะทำให้เกิดกำรผลิต ประวัติศำสตร์
โดยผ้มู ีส่วนได้สว่ นเสียนอกสถำบนั กำรศกึ ษำ ดังน้ัน รวมไปถึงเกิดกำรยกระดับกำรศึกษำปรัติศำสตร์
ให้เกิดกำรลงไปถึงในระดับชุมชน เพื่อก่อให้เกิดกำรเรียนรู้จะเข้ำใจถึงประวัติศำสตร์ ชุมชน และ
ประชำชนอยำ่ งแทจ้ ริง
หลักสูตรกำรเรียนกำรสอนรำยวิชำประวัติศำสตร์ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำศำสนำ
และวัฒนธรรม ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน พ.ศ.2551 ซึ่งผู้เรียนจะได้เรียนรู้
เน้ือหำใน มีเรื่อง เวลำและยุคสมัยทำงประวัติศำสตร์ วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ กำรพัฒนำกำร
ของมนุษยชำติจำกอดีตจนถึงปัจจุบัน ควำมสัมพันธ์และกำรเปล่ียนแปลงของเหตุกำรณ์ต่ำงๆ
ควำมเป็นมำของชำติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญำ และแหล่งอำรยธรรมที่สำคัญของโลก
อันเป็นกำรศึกษำอดีตเพื่อเข้ำใจปัจจุบัน และ วำงแผนแนวทำงก้ำวสู่อนำคต ดูไว้กำหนดให้
สถำนศึกษำมีกำรจัดกำรเรียนกำรสอน รำยวิชำประวัติศำสตร์ 40 ช่ัวโมงต่อปี ในทุกชั้นเรียน
และโรงเรียนสำมำรถจัดรำยวิชำเพิ่มเติม หรือ จัดเป็นกิจกรรมพัฒนำผู้เรียนซึ่งสถำนศึกษำสำมำรถ
จัดกำรสอนเพิ่มเติมตำมควำมพร้อมและจุดเน้นๆ รวมทั้ง สำมำรถปรับให้เหมำะสมตำมบริบท
ของสถำนศกึ ษำและสภำพของผู้เรียนได้ (ราชกิจจานเุ บกษา :นายณฏั ฐพลทีปสวุ รรณ รฐั มนตรีว่าการ
กระทรวงศึกษาธิการ ตอบกระทู้ถามท่ี 187ร. ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎร พรรคภูมิใจไทย จังหวัดกระบ่ี เร่ือง นโยบายและมาตรการเก่ียวกับหลักสูตร
วิชาประวัติศาสตรใ์ นระบบการศกึ ษาของไทย)
3
ปัจจุบันรำยวิชำประวัติศำสตร์ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม
โรงเรียนสันกำแพง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีกำรสอดแทรกกำรจัดกำรเรียนรู้
ประวัติศำสตร์ชุมชน ไว้ในหลักสูตรกำรเรียนกำรสอนวิชำประวัติศำสตร์ ในระดับชั้นมัธยมศึกษำ
ปีที่ 5 โดยได้ให้มีกำรจัดกำรเรียนรู้ เพ่ือดึงเอำศักยภำพของคนในชุมชน ท่ีมีจำกนักเรียน
ซ่ึงเป็นคนในชุมชนท่ีผู้ปกครองส่งนักเรียนเข้ำสู่โรงเรียน ในกำรรับควำมรู้ ในเรื่องของกำรวิชำกำร
และได้มีกำรจัดกำรเรียนรู้ประวัติศำสตร์ชุมชน เพ่ือเป็นกำรส่งออกควำมรู้ท่ีได้รับมำแล้ว
ในโรงเรียนน้ัน ไปตอ่ ยอดกับสิ่งท่ีมีอยแู่ ล้วในชมุ ชน เพือ่ เปน็ กำรพฒั นำชุมชนอย่ำงยงั้ ยนื
ทำงคณะผู้จัดทำได้มีกำรเล็งเห็นถึงควำมสำคัญของกำรเรียนรู้ประวัติศำสตร์ชุมชนกันกำร
พัฒนำชุมชนในอนำคต โดยได้มีกำรลงพ้ืนที่ ณ บ้ำน ออนใต้ หมู่ท่ี 1 ตำบลออนใต้
อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้เห็นถึงควำมสำคัญของชุมชนบ้ำนออนใต้กับกำรพัฒนำ
หนองพญำพรหม โดยจะเป็นกำรศึกษำวิถีชีวิต และควำมเป็นอยู่ของคนชุมชน ซ่ึงจะไปพร้อมกับ
กำรพัฒนำของหนองพญำพรหม ทซี่ ึง่ เป็นแหลง่ นำ้ ขนำดใหญ่ท่ีหล่อเลย้ี งชีวติ และควำมเป็นของคนใน
ชุมชน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และในปัจจุบันเองหนองพญำพรหมน้ันไม่ได้เป็นแค่ พ้ืนที่สำหรับใช้
นำ้ เพอ่ื อปุ โภค บรโิ ภค เพียงอย่ำงแล้ว แตท่ ว่ำมีกำรพัฒนำเป็นแหล่งท่อง รวมไปถึงในอนำคตอำจจะ
มีกำรนำกำรท่องเท่ียวเชิงชุมชนเข้ำมำเพ่ือเป็นกำรพัฒนำชุมชน ท้ังทำงด้ำน สังคม เศษฐกิจ ควำม
เป็นอยู่ และคุณภำพชวี ิตของคนในชุมชนต่อไป
4
ภาพภา่ ยทางอากาศของพนองพญาพรหมในปจั จุบัน
ในปจั จุบันพ้ืนทีข่ องหนองพญาพรหมตั้งอย่ทู ี่
หม่ทู ่ี 1 ตาบลออนใต้ อาเภอสันกาแพง จังหวดั เชยี งใหม่
บทสัมภาษณจ์ าก...
6
แบบสัมภำษณ์ (หนองพญำพรหม)
ผใู้ ห้สมั ภำษณ์ : นายชาตชิ าย ชยั พนสั
ประวัติควำมเป็นมำของหนองพญำพรหม สมัยโบรำณเมื่อ 900 ปีก่อน หนองพญาพรหมเป็น
สถานท่ีสาหรับฝึ กทัพช้าง ทัพม้าของพระเจ้าพรหมมหาราช ซ่ึงมีศักดิ์เป็ นพ่ออุ้ยหม่อน (ตา)
ของพญามงั รายมหาราช
ต่อมำได้กลำยเป็นที่พักแรมของคำรำวำนพ่อค้ำวังต่ังเลยเป็นท่ีรู้จักในนำมของหนองข้ีหม่ำฟ้ำ
(ข้ีหม่ำคือข้ำวที่พญำพรหมเอำข้ำวมำแช่ในหนอง ฟ้ำก็คือเจ้ำฟ้ำ) เรื่องนี้เป็นควำมจริงที่เล่ำต่อกันมำรุ่นต่อรุ่น
ของหมู่บ้ำนเมื่อนำนมำแล้วจนไม่สำมำรถท่ีจะหำหรือสืบค้นหลักฐำนอ่ืน ๆ นอกจำกคำบอกเล่ำ
ได้ และในเวลำต่อมำขุนพรหมอยู่หมู่บ้ำนป่ำไผ่ หรือหมู่บ้ำนป่ำไผ่ในปัจจุบัน อำนำจในกำรปกครอง
ของขุนพรหมได้ขยับขยำยออกมำทำงดอยยำวขุนพรหมได้ใช้หนองพญำพรหมเป็นที่เก็บน้ำสำหรับทำนำ
เวลำ เม่อื ถงึ ฤดทู นี่ ้ำในหนองแห้งขอด และจะมกี ุง้ หอยปปู ลำทอ่ี ยใู่ นหนองน้ำเป็นจำนวนมำก แต่ไม่มีใครมีสิทธิ์
ครอบครองได้ต้องรอให้คนของขุนพรหมจับจนพอก่อนชำวบ้ำนละแวกนั้นถึงจะมีสิทธ์ิจับสัตว์น้ำในหนองได้
( ในสมัยน้ันเป็นสมัยช่วงก่อนกำรเลิกทำส ในประเทศไทยนั้นยังมีกำรใช้ระบบทำสอยู่ ) จนมำถึงยุคท่ีมีกำนัน
ช ำ ว บ้ ำ น ถึ ง ไ ด้ ท ำ กิ น อ ย่ ำ ง เ ส รี ห รื อ ยุ ค ห ลั ง ก ำ ร เ ลิ ก ท ำ ส ม ำ จ น ถึ ง ใ น ปั จ จุ บั น ช ำ ว บ้ ำ น ใ น ท้ อ ง ถ่ิ น
เรียกกันวำ่ หนองขีห้ ม่ำและมชี ่อื ทำงกำรว่ำหนองพญำพรหม
พ่อหลวงถำแม่แสงเป็นทำสของขุนพรหมพ่อหลวงถำซ้ึงเป็นบรรพบุรุษของภรรยำ ของนำยชำติชำย
เลำ่ ให้ฟงั ประวตั ิควำมเปน็ มำ เป็นรุ่นสรู่ ุน่ ถอื เปน็ มรดกของวงศ์ตระกลู เลยกว็ ่ำ
สว่ นพญำนำคท่มี ักจะพบเหน็ ที่หนองพญำพรหมนนั้ มีควำมเป็นมำ กล่ำวคือพ่อหลวงโมกในกล่ำวว่ำเคย
เหน็ พญำนำคในหนองพญำพรหมนหี้ ลำยคร้ัง ( ณ พ่อโมกเสียชีวิตแล้ว ) ส่วนช้ำงแม่รวยได้เล่ำว่ำในสมัยท่ีเป็น
เด็กสำวเคยเห็นช้ำงอยู่ในหนองพญำพรหมซึ่งมีแต่ส่วนหัวและเท้ำคู่หน้ำเพียงคร่ึงเดียว ส่ำยงวงไปมำอยู่ใน
หนองน้ำจึงได้เรียกชำวบ้ำนมำดูและเห็นกันหลำยคนเป็นเวลำประมำณ 30 นาที ท่ีชา้ งปรากฏตวั แลว้ ได้
หายไป
ภาพบรรยากาศการสมั ภาษณ์นายชาติชาย
7
วถิ ชี ีวติ ทีเ่ กี่ยวข้อง
นำยชำติชำยกล่ำวว่ำปัจจุบันก็ได้มีกำรใช้ประโยชน์จำกหนองพญำพรหม เช่นกัน เพรำะในอดีตแหล่ง
น้ำแห่งน้ีหล่อเล้ียงชำวบ้ำนมำต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงทำให้ตัวนำยชำติชำยและประชำชนเองก็ได้ใช้
ประโยชน์ในส่วนของหนองน้ำน้ี เช่นมีกำรตั้งถ่ินฐำนเพื่ออยู่อำศัยทำแหล่งท่องเท่ียวให้นักท่องเที่ยวมำเที่ยว
และยงั เปน็ กำรโปรโมทหมู่บำ้ นออนใตไ้ ปภำยในตัวอกี ดว้ ย และประชำชนที่อยู่ในพื้นท่ี ก็ยังมีรำยได้ในส่วนตรง
น้ีด้วย เหลำ่ แมบ่ ำ้ นมีกำรจัดต้งั กลุม่ ทำอำหำรหัตถกรรมเพ่อื หำรำยไดเ้ ข้ำครวั เรือนและชว่ ยกันอนุรักษ์หนองน้ำ
นี้ รวมถึงยังมีกำรเล่ำขำนประวัติศำสตร์เก่ียวกับหนองพญำพรหมให้ลูกหลำนได้รับรู้ควำมเป็นมำเพื่อให้เข้ำใจ
และรกั ษำหนองพญำพรหมตอ่ ไป และเหน็ ว่ำในอนำคตมีแพลนวำ่ จะทำผักก่อสำรพิษอกี ด้วย
ภาพประกอบการสมั ภาษณ์นายชาตชิ าย
ภาพประกอบการสัมภาษณ์นายชาตชิ าย
8
ภาพประกอบการสมั ภาษณน์ ายชาติชาย
(ที่ไดพ้ าคณะผ้จู ดั ทาไปเยีย่ มชมบา้ นของตน)
ภาพประกอบการสัมภาษณน์ ายชาตชิ าย
(ทีไ่ ด้พาคณะผู้จดั ทาไปเยย่ี มชมและสมั ภาษณ์ท่ีบ้านของตน)
บทสัมภาษณจ์ าก...
แบบสัมภำษณ์ (หนองพญำพรหม) 10
ผใู้ ห้สัมภำษณ์ : นายเทียบ ปัญญาจนั ทร์
โดยนำยเทียบได้เล่ำให้ฟังว่ำหนองพญำพรหมหรือคนในอดีตเรียกว่ำหนองขี้หมำกฟ้ำซ่ึงมำจำกควำม
เช่ือที่ว่ำเทวดำน้ันได้ทิ้งน้ำหมำกลงน้ำ จึงกลำยเป็นหนองน้ำแห่งนี้ ต่อมำจึงได้ชื่อว่ำหนองพญำพรหม
เพรำะสมัยสงครำมสงครำมในอดีตคร้ังพม่ำมำตีเมืองเชียงใหม่ และกำลังจะเตรียมทัพเพ่ือจะได้ตีเมืองลำพูน
พม่ำได้มำต้ังทัพพักที่บริเวณพื้นท่ีแห่งนี้ มีกำรวำงของ เสบียงกองทัพ ฯลฯ จนเกิดกำรทรุดตัวของช้ันดิน
หรือไม่ก็ทั้งขุดเพื่อเป็นแนวต้ังรับกองทัพฝ่ำยสยำมด้วย จนทำให้เกิดเป็นแอ่งน้ำขนำดใหญ่
ในเวลำต่อจำกน้ันได้มีละเลยจนเป็นหญ้ำ ในสมัยปี 2400 กว่ำๆเป็นต้นมำรำษฎรใช้ในกำรหำอำหำร
โดยในสมยั อดีตนัน้ ระดบั น้ำสงู เพยี งเอวเท่ำนั้น เกษตรกรมกั จะทำไร่ทำนำบริเวณหนองนั้น เพ่ือกำรเกษตรเป็น
ส่วนใหญ่ ตอนนนั้ ยงั ไม่ได้มีบ้ำนเรอื นของประชำชนในบริเวณน้ันมำกเท่ำปัจจุบัน ต่อมำในสมัย หม่อมรำชวงศ์
คึกฤทธิ์ ปรำโมช เป็นนำยกรัฐมนตรีได้มีโครงกำรมีโครงกำรขุดหนองให้เป็นคลองขุดคลองให้เป็นถนน ซึ่งจะ
เปน็ โครงกำรทพี่ ัฒนำระบบคมนำคมภำยในประเทศท่อี ดีตใช้คลองเปน็ ทำงสรรจรเปล่ียนไปเปน็ ถนน
เมื่อมีกำรดำเนิดโครงกำรทำให้หนองมีควำมกว้ำงท่ีลดลง และสภำพทรุดโทรมลงไป หลังจำกจึงได้มี
หน่วยงำนของภำครัฐ ผ่ำนหน่วยกรป.กลำง (กองอำนวยกำรกลำงรักษำควำมปลอดภัยแห่งชำติ) ซึ่งในขณน้ัน
มีเคร่ืองมือเพียงพอในกำรที่จะบำรุงหนองแห่งน้ี หลังจำกน้ันได้มีนโยบำยมำขุดให้ลึกและสร้ำงแหล่งน้ำด่ัง
ปัจจบุ ัน และได้กลำยเปน็ แหล่งทอ่ งเท่ียว อยู่ดแู ลของเทศบำลตำบลออนใต้ (บ้ำนป่ำเหียง) *ควำมกว้ำงในอดตี
108 ไร่ ควำมกว้ำงในปจั จบุ ัน60+ไร่
ภาพประกอบการสมั ภาษณน์ ายเทียบ
11
วถิ ชี วี ติ ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง
คร้ังเม่ือนำยเทียบอำยุ 21 ปีหรือเม่ือปี 2519 ได้ไปเป็นเขยของพ่อตำที่อำศัยอยู่ในบริเวณใกล้กับ
หนองน้ำ โดยหนงน้ำในสมัยน้ัน มีควำมต้ืนจนมีหญ้ำกกเป็นจำนวนมำก (ชำวบ้ำนมีกำรนำมำผลิตเป็นเสื่อ)
และเปน็ แหล่งทอ่ี ดุ มสมบรู ณ์ดว้ ยปลำ (ปลำเสด็จ ปลำกดั ปลำดกุ ปลำขำว) โดยท่ีชำวบ้ำนในอดีตน้ันมีกำรเข้ำ
ใช้แหล่งน้ำนี้หำอำหำร ร่วมถึงนำยเทียบด้วยเช่นกัน เม่ืออำยุได้รำว 12 ปีนำยเทียบกับมำรดำของตนได้มำหำ
ปลำในบริเวณริมหนองพญำพรหมบอ่ ยครงั้ และเหมือนดงั ที่กลำ่ วไปข้ำงตน้ วำ่ เมือ่ นำยเทยี บอำยุได้ 21 ปี ได้ไป
แต่งงำนกับหญิงสำว และบ้ำนของหญิงสำวนั้นต้ังอยู่ใกล้ๆกับหนองพญำพรหม ทำให้ตัวของนำยเทียบเองมี
ควำมใกล้ชิดกับหนองพญำพรหมเป็นอย่ำงมำก และนปัจจุบันนำยเทียบได้ย้ำยมำอำศัยยังบ้ำนของตน ที่
หมู่บ้ำนแม่ผำแหน ตำบลห้วยทรำย อำเภอสันกำแง จังหวัดเชียงใหม่ จึงทำให้ไม่ค่อยได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับ
หนองพญำพรหมเทำ่ กบในอดตี
ภาพประกอบการสัมภาษณน์ ายเทียบ
(ท่ไี ดพ้ าคณะผู้จดั ทาไปเย่ียมชมและสมั ภาษณ์ทบ่ี ้านของตน)
12
ภาพถ่ายทางอากาศของหนองพญาพรหมเมื่อปี 2543
ภาพถ่ายทางอากาศของหนองพญาพรหมเมือ่ ปี 2565
บทสรปุ
14
บทสรุปของเรื่องน้ีเรำไม่สำมำรถที่จะบอกได้อย่ำงชัดเจนถึงเรื่องรำวในอดีต เหมือนกับกำรที่
ประวัติศำสตร์สำมำรถเปล่ียนแปลงได้ตลอดเวลำ ขอแค่มีหลักฐำนที่น่ำเชื่อถือกว่ำ ไม่ว่ำจะอะไร
ก็สำมำรถเกดิ ข้นึ ได้ อย่ำงเหตกุ ำรณ์ อีกหนึ่งคนใช้หลกั ท่ีตนเคยไดย้ ินมำและจนจำ จำกรนุ่ ส่รู ุ่น(ในมุมของ
ชำวบ้ำน) และเป็นคนท่ีอำศัยอยู่ในระแวงน้ัน ส่วนอีกคนถึงแม้อำจจะเป็นคนภำยนอกท่ีมำอำศัย
แต่เป็นกำรศึกษำจำกท้ังหนังสือและเอกสำรต่ำงๆ รวมไปถึงกำรฟังคำบอกเล่ำจะพ่อตำ
ซงึ่ กเ็ ปน็ กำรสง่ ตอ่ กนั จำกรุน่ สู่รุ่น แต่ในท่ีนอ้ี ำจจะเปน็ มุนมองของชนชั้นปกครองเองกไ็ ด้
ไม่ว่ำหนองพญำพรหมจะมที ม่ี ำอยำ่ งไรทัง้ เปน็ แนวตัง้ รับอรริ ำชศตั รู สถำนท่ีฝึกซ่อมรบ ฝึกทหำร
หรือว่ำเป็นที่ตั้งพักแรมของเหล่ำพ่อค้ำต่ำงเมืองก็ตำม แม้กะท้ังช่ือเรียกที่มีที่มำจำกหลำกหลำยท่ี
อย่ำงชื่อหนองขี้หม่ำฟ้ำ เองก็มีท่ีมำ อยู่ 2 แบบ คือ 1.เรื่องนี้เล่ำต่อกันมำรุ่นต่อรุ่นของหมู่บ้ำน
เมื่อนำนมำแลว้ จนไม่สำมำรถท่ีจะหำหรอื สืบค้นหลกั ฐำนอน่ื ๆ นอกจำกคำบอกเล่ำได้ และในเวลำต่อมำ
ขนุ พรหมอยหู่ ม่บู ้ำนปำ่ ไผ่ หรือหมูบ่ ้ำนป่ำไผ่ในปจั จุบนั อำนำจในกำรปกครองของขุนพรหมได้ขยับขยำย
ออกมำทำงดอยยำวขุนพรหมได้ใช้หนองพญำพรหมเป็นที่เก็บน้ำสำหรับทำนำเวลำ เมื่อถึงฤดูท่ีน้ำ
ในหนองแหง้ ขอด และจะมีกุ้งหอยปปู ลำทอ่ี ยใู่ นหนองนำ้ เปน็ จำนวนมำก แต่ไม่มีใครมีสิทธิ์ครอบครองได้
ต้องรอให้คนของขุนพรหมจับจนพอก่อนชำวบ้ำนละแวกนั้นถึงจะมีสิทธิ์จับสัตว์น้ำในหนองได้
( ในสมัยน้ันเป็นสมัยช่วงก่อนกำรเลิกทำส ในประเทศไทยนั้นยังมีกำรใช้ระบบทำสอยู่ ) จนมำถึงยุค
ท่ีมีกำนันชำวบ้ำนถึงได้ทำกินอย่ำงเสรีหรือยุคหลังกำรเลิกทำสมำจนถึงในปัจจุบันชำวบ้ำนในท้องถิ่น
เรียกกันว่ำหนองขี้หม่ำ 2.หนองขี้หมำกฟ้ำซ่ึงมำจำกควำมเช่ือที่ว่ำเทวดำน้ันได้ทิ้งน้ำหมำกลงน้ำ
จึงกลำยเป็นหนองน้ำแห่งนี้ แค่เร่ืองของชื่อเองยังมีท่ีมำจำกหลำกหลำยแหล่งฉะนั้นไม่ตอบถำมเลยว่ำ
ประวตั แิ ละท่ีมำนั้นจะมำกนอ้ งเพยี งใด
แต่สุดท้ำยแล้วหำกเรำลองมำมองถึงควำมเชื่อมโยงกับชุมชน หนองพญำพรหมน้ันเป็นแหล่งน้ัน
แห่งชีวติ มำตงั้ แตอ่ ดตี ถึงปัจจบุ ัน และในปจั จุบนั เรำจะเหน็ เว่ำกลมุ่ ชำวบ้ำนนัน้ ได้เข้ำมำมีส่วนร่วมกับกำร
พัฒนำหนองพญำพรหมมำกย่ิงขึ้นท้ังกำรอนุรักษ์และรักษำไว้เป็นมรดกของชุมชน และลูกหลำนใน
อนำคต
15 บรรณำนุกรม
บ้ำนจอมยุทธ์.com. (2543). ควำมหมำยของชมุ ชน. (ออนไลน์). เขำ้ ถงึ ไดจ้ ำก :
https://www.baanjomyut.com/library_3/theories_and_principles_of_community_development/04_5.html
(วนั ทสี่ บื คน้ 3 กนั ยำยน 2565)
Journal of Liberal Arts, Prince of Songkla University. (2563). ประวัตศิ ำสตร์ชุมชน: วดั สำโรงจำกกำรบอกเลำ่ .
(ออนไลน์). เข้ำถึงได้จำก : https://so03.tci-thaijo.org/index.php/journal-la/article/view/197624/168160
(วนั ทส่ี ืบคน้ 3 กันยำยน 2565)