การออกแบบการ จัด จั การเรีย รี นรู้ โดย พรรนิสา พาสว่าง นักศึกษาป.บัณฑิต รุ่น 8
นวัตวักรรมและเทคโนโลยีสยีารสนเทศทางการศึกษา Innovation and Educational Information Technology โดย นางสาวพรรนิสนิา พาสว่า ว่ ง สอนโดย อาจารย์ ดร.ประสงค์ ต่อโชติ รายงานนี้เ นี้ป็น ป็ ส่ว ส่ นหนึ่งนึ่ในรายวิชวิา 810105 นวัตวักรรมและเทคโนโลยีสยีารสนเทศทางการศึกษา ภาคเรียรีนที่3 ปีกปีารศึกษา 2565 คณะศึกษาศาสตร์แร์ละศิลปศาสตร์ วิทวิยาลัยบัณบัฑิตเอเชียชี
คำ นำ หนังนัสือสืเล่มนี้มี นี้ เมีนื้อนื้หาเกี่ยวกับการ ออกแบบการเรียรีนรู้โรู้ดยเน้นน้ผู้เผู้รียรีนเป็นป็ สำ คัญ ไม่ว่ม่าว่จะเป็นป็การใช้สื่ช้ สื่อสื่การเรียรีนรู้ การ จัดจัการเรียรีนรู้โรู้ดยใช้เช้ทคโนโลยีสยีารสนเทศ และการสอนแบบบูรณาการ เพื่อพื่นำ ไปใช้ใช้น การเรียรีนรู้ การจัดจัทำ หนังนัสือสือิเล็กทรอนิกนิส์ (E-book) เล่มนี้ขึ้ นี้ ขึ้นขึ้เพื่อพื่ ให้ท่ห้ ท่านผู้อ่ผู้ อ่านเกิด ความรู้แรู้ละความเข้าข้ใจในเรื่อรื่งการออกแบบ การจัดจัการเรียรีนรู้ต่รู้ต่างๆ สามารถนำ ไป ประยุกต์ใช้ใช้นการเรียรีนการสอนต่อไป ทั้งทั้นี้ผู้ นี้ เผู้ขียขีนขอขอบคุณคุเจ้าจ้ของเนื้อนื้หา ผศ.วรพงศ์ มาลัยวงษ์ ในการจัดจัทำ หนังนัสือสื อิเล็กทรอนิกนิส์ (E-book)และแบบฝึกหัดหัเพื่อพื่ส่งส่ต่อความรู้ แก่ผู้ที่ผู้ ที่ สนใจ พรรนิสนิา พาสว่าว่ง
สารบัญ บั การออกแบบการจัดจัการเรียรีนรู้ 1 กระบวนการจัดจัการเรียรีนรู้ 2 บทบาทของผู้สผู้ อน 5 บทบาทของผู้เผู้รียรีน 6 การใช้สื่ ช้ สื่อสื่การเรียรีนรู้ 7 วัตวัถุปถุระสงค์ของการใช้สื่ ช้ สื่อสื่การสอน 8 ประโยชน์ขน์องสื่อสื่การสอนที่มีต่มี ต่ อนักนัเรียรีน 9 ประโยชน์ขน์องสื่อสื่การสอนที่มีต่มี ต่ อครู 10 ประเภทของสื่อสื่การสอน 11 การจัดจัการเรียรีนรู้โรู้ ดยใช้เ ช้ ทคโนโลยีสยีารสนเทศ 15 เทคโนโลยีกัยี กับการเรียรีนรู้ 16 แนวคิดการจัดจัการเรียรีนการสอนโดยใช้ไช้ อซีทีซี ที 18 หลักการ แนวปฏิบัติบั ติในการจัดจัการเรียรีนการสอน 20 ด้ว ด้ ย ICT และโปรแกรมปฏิบัติบั ติการคอมพิวพิเตอร์ การเตรียรีมห้อ ห้ งเรียรีน อุปกรณ์กณ์ารสอน 20 การจัดจักิจกรรมการเรียรีนการสอน 21 การตรวจงานนักนัเรียรีน 21 ความสำ เร็จ ร็ในการใช้ ไอซีทีซี ทีในการเรียรีนรู้ 22 ข้อ ข้ ดี - ข้อ ข้ เสียสีของไอซีทีซี ที 23 การสอนแบบบูรณาการ 24 เหตุผตุลในการจัดจัการเรียรีนรู้แรู้บบบูรณาการ 25 จุดประสงค์ในการจัดจัการเรียรีนรู้แรู้บบบูรณาการ 26 ลักษณะของการจัดจัการเรียรีนรู้แรู้บบบูรณาการ 26 รูปรูแบบของการบูรณาการ 29 แบบทดสอบท้ายบท 35
การออกแบบระบบการเรียรีนการสอน( Instructional System design) มีชื่มีชื่อชื่เรียรีกหลากหลาย เช่นช่การออกแบบการ เรียรีนการสอน (Instructional design) การออกแบบและ พัฒพันาการสอน (Instructional design and development) เป็น ป็ ต้น ไม่ว่ม่าว่ชื่อชื่จะมีคมีวามหลากหลายเพียพีงใด แต่ชื่อชื่เหล่านั้นนั้ก็มากจากต้นตอเดียดีวกัน คือมาจากแนวคิดใน การใช้กช้ระบวนการของวิธีวิรธีะบบ (system approach) ผู้สผู้ อนต้องศึกษาหลักสูตสูรสถานศึกษาให้เห้ข้าข้ใจถึงมาตรฐาน การเรียรีนรู้ ตัวชี้วั ชี้ ดวัสมรรถนะสำ คัญของผู้เผู้รียรีน คุณคุลักษณะอัน พึงพึประสงค์ แล้วจึงจึพิจพิารณาออกแบบการจัดจัการเรียรีนรู้โรู้ดย เลือกใช้วิช้ธีวิสธีอนและเทคนิคนิการสอน สื่อสื่ / แหล่งเรียรีนรู้ การวัดวั และประเมินมิผล เพื่อพื่ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนได้พัด้ฒพันาเต็มตามศักยภาพและ บรรลุตลุามมาตรฐานการเรียรีนรู้ ทั้งทั้ผู้สผู้ อนและผู้เผู้รียรีนควรมี บทบาทดังดันี้(นี้ วิทวิยา พัฒพันาเมธาดา, ออนไลน์)น์ ดังดันั้นนั้สรุปรุได้ว่ด้าว่การออกแบบคือ กระบวนการที่ทำ ให้รห้ะบบ การจัดจัการเรียรีนรู้เรู้ป็น ป็ ไปตามวัตวัถุปถุระสงค์ในการวางเค้าโครง กำ หนด รายละเอียดขององค์ประกอบและขั้นขั้ตอนอย่าย่งเป็น ป็ ระบบโดยการศึกษา วิเวิคราะห์ สังสัเคราะห์ สร้าร้งแบบจำ ลอง แนะนำ เค้าโครงหรือรืแบบจำ ลองที่ได้ได้ปสร้าร้งหรือรืทดลองใช้ นำ ไป ใช้ ประเมินมิ ปรับรั ปรุงรุหรือรืพัฒพันาเพื่อพื่แก้ไขปัญหาหรือรืพัฒพันา ระบบการจัดจัการเรียรีนรู้ใรู้ห้มีห้ ปมีระสิทสิธิภธิาพ การออกแบบ การจัด จั การเรีย รี นรู้ การออกแบบ การจัด จั การเรีย รี นรู้ 1
การจัดจัการเรียรีนรู้เรู้ป็น ป็ หัวหัใจสำ คัญที่จะทำ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนเกิดการ เรียรีนรู้ตรู้ามจุดประสงค์ ดังดันั้นนั้ผู้สผู้ อนควรพิจพิารณาเลือกใช้ เทคนิคนิกระบวนการจัดจัการเรียรีนรู้ที่รู้ที่ เหมาะสม เลือกใช้สื่ช้ สื่อสื่และ แหล่งเรียรีนรู้ที่รู้ที่ จะช่วช่ยสนับนัสนุนนุการเรียรีนรู้ขรู้องผู้เผู้รียรีน และใช้วิช้ธีวิ ธี การวัดวัผลประเมินมิผลที่หลากหลาย ทั้งทั้นี้โนี้ ดยเน้นน้ผู้เผู้รียรีนเป็น ป็ สำ คัญเพื่อพื่ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนได้พัด้ฒพันาเต็มตามศักยภาพของแต่ละคน และสามารถนำ สิ่งสิ่ที่ได้เด้รียรีนรู้ไรู้ปใช้ใช้นชีวิชีตวิจริงริได้ กระบวนการจัดจัการเรียรีนรู้ 1. กำ หนดจุดประสงค์และสาระสำ คัญของแผนการจัดจัการเรียรีน รู้ 2. วิเวิคราะห์จุห์จุดประสงค์ สื่อสื่และสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อข้ง รวม ทั้งทั้ศักยภาพของผู้เผู้รียรีนและผู้สผู้ อน 3. ออกแบบกิจกรรมการเรียรีนรู้ใรู้ห้สห้อดคล้องกับจุดประสงค์ 4. ออกแบบปฏิสัมสัพันพัธ์ใธ์นแต่ละกิจกรรมการเรียรีนรู้ โดยเลือก ใช้กช้ระบวนการกลุ่มลุ่ที่เหมาะสมกับกิจกรรมนั้นนั้ๆ 5. เตรียรีมใบช่วช่ยสอน สื่อสื่ /อุปกรณ์ และแหล่งการเรียรีนรู้อื่รู้อื่น ๆ 6. ออกแบบการประเมินมิผลและเครื่อรื่งมือมื 7. จัดจัการเรียรีนรู้แรู้ละบันบัทึกผลการใช้แช้ผนการจัดจัการเรียรีนรู้ 8. ปรับรั ปรุงรุและพัฒพันาแผนการจัดจัการเรียรีนรู้ 2
กระบวนการออกแบบการเรียรีนรู้ (Learning Design Process)คือ การเรียรีนรู้ที่รู้ที่ ผู้เผู้รียรีนไม่รู้ม่สึรู้กสึว่าว่กำ ลังเรียรีนอยู่ ควร เป็น ป็ การเรียรีนรู้ที่รู้ที่ พวกเขาได้เด้ลือกโจทย์ด้ย์วด้ยตัวเอง เป็น ป็ สิ่งสิ่ที่ทำ แล้วรู้สึรู้กสึสนุกนุสนานท้าทาย โดยกระบวนการนี้แ นี้ บ่งบ่เป็น ป็ 3 ส่วส่น หลักคือ 1. ตั้งเป้าหมายการเรียรีนรู้ (Learning Objective) ควรพิจพิารณาจากตัวตน ความชอบ ความถนัดนัของคนๆ นั้นนั้ อย่าย่งแท้จริงริ ไม่ใม่ช่บัช่งบัคับหรือรืยัดยัเยียยีดให้เห้รียรีนตามหลักสูตสูร เพียพีงอย่าย่งเดียดีว หากยังยัค้นหาเป้าป้หมายการเรียรีนรู้ใรู้ห้เห้จอ ให้ลห้อง ตั้งตั้คำ ถามกับตัวเองว่าว่เราอยากเติบโตไปเป็น ป็ คนแบบไหน ทุกทุวันวั นี้มี นี้ คมีวามสนใจเรื่อรื่งอะไรบ้าบ้ง เมื่อมื่คนเราได้เด้รียรีนรู้ใรู้นสิ่งสิ่ที่อยาก เรียรีนจริงริๆ ย่อย่มเกิดความมุ่งมุ่มั่นมั่ตั้งตั้ ใจที่จะผลักดันดัตัวเองให้ก้ห้ ก้าว ไปข้าข้งหน้าน้ 3
2. กระบวนการเรียรีนรู้ (Learning Process) ข้อข้นี้เ นี้ป็น ป็ สิ่งสิ่ที่คนในยุคดิจิดิทัจิ ทัลได้เด้ปรียรีบมาก เพราะปัจจุบันบัเทคโนโลยีสยีมัยมั ใหม่เม่ข้าข้มาเปลี่ยนชีวิชีตวิและเอื้ออำ นวยให้มห้นุษนุย์มีย์ทมีางเลือกในการ เรียรีนรู้อรู้ย่าย่งกว้าว้งขวาง โจทย์สำย์สำคัญคือการออกแบบวิธีวิ ใธีช้ เทคโนโลยีเยีหล่านั้นนั้ ให้เห้กิดประโยชน์สูน์งสูสุดสุต่อตัวผู้เผู้รียรีน ประกอบ กับการสร้าร้งสิ่งสิ่แวดล้อมในการเรียรีนรู้ที่รู้ที่ เหมาะสม และส่งส่เสริมริ ให้ เกิดการลงมือมืทำ เพื่อพื่สะสมประสบการณ์อณ์ย่าย่งต่อเนื่อนื่ง 3. การวัดวัผลการเรียรีนรู้ (Learning Evaluation) ขั้นขั้ ตอนสุดสุท้ายคือการวัดวัผล ซึ่งซึ่จะไม่ใม่ช่กช่ารสอบเก็บคะแนนเหมือมืน การเรียรีนรู้แรู้บบเก่าอีกต่อไป แต่เป็น ป็ การประเมินมิจากผลงานที่ สะท้อนให้เห้ห็น ห็ ถึงความรู้ครู้วามเข้าข้ใจในสิ่งสิ่ที่ได้เด้รียรีนไป หรือรืพูดคุยคุ เพื่อพื่ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนสะท้อนถึงสิ่งสิ่ที่ได้รัด้บรัจากกระบวนการเรียรีนรู้ 4
1) ศึกษาวิเวิคราะห์ผู้ห์เผู้รียรีนเป็น ป็ รายบุคคล แล้วนำ ข้อข้มูลมาใช้ใช้น การวางแผน การจัดจัการเรียรีนรู้ที่รู้ที่ ท้าทาย ความสามารถของผู้ เรียรีน 2) กำ หนดเป้าป้หมายที่ต้องการให้เห้กิดขึ้นขึ้กับผู้เผู้รียรีน ด้าด้น ความรู้แรู้ละทักษะกระบวนการที่เป็น ป็ ความคิด รวบยอด หลักการ และความสัมสัพันพัธ์ รวมทั้งทั้คุณคุลักษณะอันพึงพึประสงค์ 3) ออกแบบการเรียรีนรู้แรู้ละจัดจัการเรียรีนรู้ที่รู้ที่ ตอบสนองความ แตกต่างระหว่าว่งบุคคลและพัฒพันาการทางสมอง เพื่อพื่นำ ผู้เผู้รียรีน ไปสู่เสู่ ป้าป้หมาย 4) จัดจับรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียรีนรู้แรู้ละดูแดูลช่วช่ยเหลือผู้ เรียรีนให้เห้กิดการเรียรีนรู้ 5) จัดจัเตรียรีมและเลือกใช้สื่ช้ สื่อสื่ ให้เห้หมาะสมกับกิจกรรม นำ ภูมิภูปัมิ ปัญญาท้องถิ่นและเทคโนโลยีที่ยี ที่ เหมาะสม มาประยุกต์ใช้ใช้น การจัดจัการเรียรีนการสอน 6) ครูผู้รูสผู้ อนควรคิดและหาแนวทางการประเมินมิความ ก้าวหน้าน้ของผู้เผู้รียรีน อาจจะเป็น ป็ แบบทดสอบ แบบสังสัเกตเพื่อพื่วัดวั ความก้าวหน้าน้ผู้เผู้รียรีนแต่ละวิธีวิ ใธีห้สห้อดคล้องและเหมาะสมกับวิชวิา และพัฒพันาการของผู้เผู้รียรีน 7) นำ ผลจากการประเมินมิมาวิเวิคราะห์แห์ละใช้ใช้นการสอนเพิ่มพิ่ เติมเพื่อพื่วิเวิคราะห์ผู้ห์เผู้รียรีน รวมทั้งทั้จะได้ ปรับรั ปรุงรุการจัดจัการเรียรีน การสอนของผู้สผู้ อน บทบาทของผู้สผู้ อน 5
บทบาทของผู้เผู้รีย รี น 1) ขั้นขั้ตอนแรกของบทบาทผู้เผู้รียรีนโดยกำ หนดเป้าป้หมาย วางแผน และรับรัผิดผิชอบการเรียรีนรู้ขรู้องตนเอง 2) แสวงหาแหล่งการเรียรีนรู้ เพื่อพื่หาความรู้ใรู้หม่ ๆ รู้จัรู้กจัตั้งตั้ คำ ถามและคิดคำ ตอบ มีส่มีวส่นร่วร่มกับการเรียรีนการสอน เลือก แนวทางปฏิบัติบั ติให้เห้หมาะกับตนเอง 3) สรุปรุสิ่งสิ่ที่ได้เด้รียรีนรู้ด้รู้วด้ยตนเองโดยการลงมือมืปฏิบัติบั ติและนำ ความรู้ไรู้ปประยุกต์ใช้ใช้นสถานการณ์ต่ณ์ ต่าง ๆ 4) ทำ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนมีส่มีวส่นร่วร่มทำ งานร่วร่มกันกับเพื่อพื่นและครู 5) วัดวัและประเมินมิผลการพัฒพันาการเรียรีนรู้ขรู้องตนเอง อย่าย่งสม่ำ เสมอ 6
การใช้ช้สื่สื่ ช้ช้ สื่สื่ อ สื่สื่ การเรีรีย รีรี นรู้รู้ รู้รู้ รู้รู้ ความหมายของสื่อสื่การเรียรีนการสอน (Instructional Media) สื่อสื่ (Media) หมายถึง ตัวกลางที่ใช้ถ่ช้ ถ่ายทอดหรือรืนำ ความรู้ใรู้นลักษณะต่าง ๆ จากผู้ส่ผู้ งส่ ไปยังยัผู้รัผู้ บรัให้เห้ข้าข้ใจ ความหมาย ได้ตด้รงกัน ในการเรียรีนการสอน สื่อสื่ที่ใช้เช้ป็น ป็ ตัวกลางนำ ความรู้ใรู้น กระบวนการสื่อสื่ความหมายระหว่าว่งผู้สผู้ อนกับผู้เผู้รียรีนเรียรีกว่าว่สื่อสื่ การเรียรีนการสอน (Instruction Media) ในทางการศึกษามีคำมี คำที่มีคมีวามหมายแนวเดียดีวกันกับสื่อสื่การ เรียรีนการสอน เช่นช่สื่อสื่การสอน (Instructional Media or Teaclning Media) สื่อสื่การศึกษา (Educational media) อุปกรณ์ช่ณ์วช่ยสอน (Teaching Aids) เป็น ป็ ต้น ในปัจจุบันบันักนัการ ศึกษามักมัจะเรียรีกการนำ สื่อสื่การเรียรีนการสอนชนิดนิต่าง ๆ มารวมกันว่าว่เทคโนโลยีทยีางการศึกษา (Educational) ซึ่งซึ่ หมายถึง การนำ เอาวัสวัดุ อุปกรณ์แณ์ละวิธีวิกธีารมาใช้ร่ช้วร่มกันอย่าย่งมี 7
ระบบในการเรียรีนการสอน เพื่อพื่เพิ่มพิ่ ประสิทสิธิภธิาพการเรียรีน การสอน 1. เพื่อพื่ ให้ปห้ระสบการณ์ตณ์รง (Direct Experience) และเป็น ป็ จริงริแก่นักนัเรียรีน 2. เพื่อพื่ ให้นัห้กนัเรียรีนเรียรีนได้โด้ดยง่าย และสะดวกขึ้นขึ้ 3. เพื่อพื่เร้าร้นักนัเรียรีนให้มีห้คมีวามสนใจในบทเรียรีนอย่าย่งต่อเนื่อนื่งตาม ขั้นขั้ตอน และตลอดเวลา 4. เพื่อพื่ ให้นัห้กนัเรียรีนมีส่มีวส่นร่วร่มในกิจกรรมการเรียรีนการสอน 5. เพื่อพื่ ให้นัห้กนัเรียรีนเกิดทักษะความสามารถ เนื่อนื่งจากได้เด้รียรีนรู้ ด้วด้ยการลงมือมืทดลองและฝึกปฏิบัติบั ติ(Learning by doing) 6. เพื่อพื่ ให้นัห้กนัเรียรีนกล้าแสดงออกทางความคิด และการแสดง บทบาทอย่าย่งสมควรและโดยสมเหตุสตุมผลตามแนวทางที่ดีแดีละ เป็น ป็ ที่พึงพึประสงค์ของสังสัคม 7. เพื่อพื่ ให้นัห้กนัเรียรีนเกิดความคิดริเริริ่มริ่สร้าร้งสรรค์ 8. เพื่อพื่สร้าร้งบรรยากาศที่ดีใดีนการเรียรีนการสอน 9. เพื่อพื่สร้าร้งปฏิสัมสัพันพัธ์ที่ธ์ ที่ ดี (interaction) ระหว่าว่งนักนัเรียรีนครู 10.เพื่อพื่ ให้ปห้ระหยัดยัเวลา วัสวัดุ อุปกรณ์ ค่าใช้จ่ช้าจ่ย และบุคลากร ใน ขณะเดียดีวกันทำ ให้นัห้กนัเรียรีนจำ นวน มากเกิดการเรียรีนรู้อรู้ย่าย่งคุ้มคุ้ ค่า ภายใต้สถานการณ์ที่ณ์ ที่ ดีแดีละได้มด้าตรฐานอย่าย่งเดียดีวกัน วัต วั ถุป ถุ ระสงค์ของการใช้สื่ ช้ สื่ อ สื่ การสอน 8
ประโยชน์ข น์ องสื่อ สื่ การสอนที่มีต่ มี ต่ อนัก นั เรีย รี น ระวิววิรรณ ศรีครีร้าร้มครันรั (2551: 93) กล่าวถึง ประโยชน์ ของสื่อสื่การสอน ดังดันี้ 1. ช่ว ช่ ยพัฒพันาความคิดนักนัเรียรีน การที่นักนัเรียรีนได้รู้ด้รู้เห็น ห็ สภาพของปัญหาต่าง ๆ ได้ยิด้นยิหรือรืได้สัด้มสัผัสผั โดย การใช้สื่ช้ สื่อสื่การ สอนประเภทต่าง ๆ เช่นช่จากภาพยนตร์ รูปรูภาพจะสามารถ พัฒพันาความคิดเห็น ห็ ของนักนัเรียรีน โดยการคิดค้นหาวิธีวิกธีารแก้ไข อย่าย่งมีหมีลักการ และมีเมีหตุผตุล ทำ ให้มีห้คมีวามคิดกว้าว้งไกลมากขึ้นขึ้ 2. เพิ่มพิ่พูนประสบการณ์ใณ์ห้แก่นักนัเรียรีน ทำ ให้นัห้กนัเรียรีนมี ประสบการณ์มณ์ากขึ้นขึ้เนื่อนื่งจากได้เด้ห็น ห็ ของจริงริ ได้ยิด้นยิหรือรืสัมสัผัสผั ทำ ให้สห้ามารถเปรียรีบเทียบสิ่งสิ่ที่ได้เด้ห็น ห็ ในปัจจุบันบักับความก้าวหน้าน้ ต่าง ๆ ที่นักนัเรียรีนได้เด้รียรีนรู้ใรู้หม่จม่ากสื่อสื่การเรียรีนต่าง ๆ เช่นช่จาก ภาพยนตร์ หรือรืจากการทัศนศึกษา 3. กระตุ้นตุ้หรือรืเร้า ร้ ความสนใจของนักนัเรียรีน ซึ่งซึ่สิ่งสิ่ต่าง ๆ ที่นำ มาเสริมริการเรียรีนรู้ขรู้องนักนัเรียรีนนอกเหนือนืจากการเรียรีนปกติใน ชั้นชั้เรียรีน สามารถทำ ให้นัห้กนัเรียรีนสนใจการเรียรีนมากขึ้นขึ้มีคมีวาม กระตือรือรืร้นร้ ใคร่รู้ร่เรู้ห็น ห็ สิ่งสิ่ที่แปลก ๆ ใหม่ ๆ ซึ่งซึ่จะกระตุ้นตุ้ความ คิดของนักนัเรียรีนได้ 9
ประโยชน์ข น์ องสื่อ สื่ การสอนที่มีต่ มี ต่ อครู ศักดิ์ศดิ์รี ปาณะกุลกุ (2550: 6-7) กล่าวถึงคุณคุค่าของสื่อสื่ การเรียรีนรู้ต่รู้ต่อครู ดังดันี้ 1. ช่ว ช่ ยสร้า ร้ งบรรยากาศการจัดจัการเรียรีนรู้ที่ รู้ ที่ ดี น่าน่สนใจ สนุกนุสนาน มีคมีวามน่าน่เชื่อชื่ถือจึงจึสร้าร้งความเชื่อชื่มั่นมั่ ให้กัห้ กับครูไรูด้ เป็น ป็ อย่าย่งดี และนำ ไปสู่กสู่ ารจัดจัการเรียรีนรู้ที่รู้ที่ บรรลุเลุป้าป้หมายของ ครูใรูนที่สุดสุ 2. ช่ว ช่ ยแบ่ง บ่ เบาภาระการจัดจัการเรียรีนรู้ เช่นช่ทำ ให้คห้รูพูรู พูดน้อน้ย ลง ถ่ายทอดเนื้อนื้หาด้วด้ยตนเองน้อน้ยลง โดยที่นักนัเรียรีนเรียรีนรู้ไรู้ด้ เองภายใต้การกำ กับดูแดูลหรือรืเงื่อนไขของครู ไม่ต้ม่ ต้องเตรียรีมและ สอนซ้ำ ซากเพราะได้เด้ตรียรีมสื่อสื่และวิธีวิกธีารใช้สื่ช้ สื่อสื่ ไว้แว้ล้วเป็น ป็ อย่าย่งดี จนทำ ให้สห้ามารถนำ ไปใช้ใช้นครั้งรั้ต่อ ๆ ไปได้ทัด้ ทันที 3. ช่ว ช่ ยกระตุ้นตุ้ให้ครูเตรียรีมผลิต หรือรืพัฒพันาสื่อสื่ ใหม่ ๆ รวม ทั้งทั้คิดค้นวิธีวิกธีารที่น่าน่สนใจ 4. ช่ว ช่ ยแก้ปัญหาและทดแทนสิ่งสิ่ที่ครูไม่ถ ม่ นัดนัเช่นช่พูดไม่เม่ก่ง จดจดข้อข้มูลได้ได้ม่มม่ากพอ ขาดความเชื่อชื่มั่นมั่ ในตนเอง และการ ปรากฏตัวต่อหน้าน้คนจำ นวนมาก 5. ช่ว ช่ ยให้ครูสามารถจัดจั ประสบการณ์กณ์ารเรียรีนรู้ไรู้ ด้หด้ลาก หลายรูปรูแบบ สำ หรับรัการสอนที่เป็น ป็ กลุ่มลุ่ใหญ่ กลุ่มลุ่ย่อย่ย และ เป็น ป็ รายบุคคล โดยอาศัยสื่อสื่การเรียรีนรู้ที่รู้ที่ เหมาะสมประกอบ 6. ช่ว ช่ ยเพิ่มพิ่ ประสิทสิธิภธิาพการจัดจัการเรียรีนรู้ข รู้ องครูโดยตรง เพราะทำ ให้คห้รูผู้รูสผู้ อนสามารถสอนได้เด้ร็ว ร็ ถูกถูต้องแม่นม่ยำ ใช้เช้วลา สั้นสั้ลง แต่ทำ ให้นัห้กนัเรียรีนเรียรีนได้มด้ากขึ้นขึ้ 7. ช่ว ช่ ยให้ครูมีปมีฏิสัมสัพันพัธ์แธ์ละติดตามดูแดูลนักนัเรียรีนเป็น ป็ ราย บุคคล เพราะใช้เช้วลาในด้าด้นการบรรยายถ่ายทอดเนื้อนื้หาสาระ การเตรียรีมการสอนและกิจกรรมการเรียรีนรู้ต่รู้ต่าง ๆ น้อน้ยลงจึงจึมี เวลาเพิ่มพิ่ขึ้นขึ้ 10
8. ช่ว ช่ ยให้ครูสามารถวัดวัและประเมินมิผลการเรียรีนรู้ไรู้ ด้ตรง จุดมุ่ง มุ่ หมายในทุกทุขั้นขั้ตอน 9. ช่ว ช่ ยให้ครูสามารถนำ ประสบการณ์จณ์ากแหล่งการเรียรีนรู้ที่ รู้ ที่ มีอมียู่ม ยู่ ากมายภายนอกห้องเรียรีนมานำ เสนอต่อนักนัเรียรีนและ ทำ ให้นัห้กนัเรียรีนได้รัด้บรั ประสบการณ์ที่ณ์ ที่ มีคมีวามหมาย 10. ช่ว ช่ ยให้ครูได้รับรัทราบผลป้อ ป้ นกลับจากนักนัเรียรีน และนำ ข้อข้มูลที่ได้ได้ปปรับรั ปรุงรุแก้ไขหรือรืพัฒพันาสื่อสื่และการจัดจัการเรียรีนรู้ ของตนได้ตด้ลอดเวลา ประเภทของสื่อ สื่ การสอน 1. สื่อสื่สิ่งสิ่พิมพิพ์ มีทั้มี ทั้งทั้พิมพิพ์ที่พ์ ที่ จัดจัทำ ขึ้นขึ้เพื่อพื่สนองการเรียรีนรู้ตรู้าม หลักสูตสูรโดยตรง เช่นช่หนังนัสือสืเรียรีน คู่มืคู่อมืครู แผนการเรียรีนรู้ หนังนัสือสือ้างอิง หนังนัสือสือ่านเพิ่มพิ่เติม แบบฝึกกิจกรรม ใบงาน ใบความรู้ ฯลฯ และสิ่งสิ่พิมพิพ์ทั่พ์ ทั่วทั่ ไปที่สามารถนำ มาใช้ใช้น กระบวนการเรียรีนรู้ เช่นช่วารสาร นิตนิยสาร จุลสาร หนังนัสือสืพิมพิพ์ จดหมายข่าข่ว โปสเตอร์ แผ่นผ่พับพัแผ่นผ่ภาพ เป็น ป็ ต้น 11
2. สื่อสื่บุคคล หมายถึง ตัวบุคคลที่ทำ หน้าน้ที่ถ่ายทอดสาระ ความรู้ แนวคิด และวิธีวิปธีฏิบัติบั ตินไปสู่บุสู่ บุคคลอื่น นับนัเป็น ป็ สื่อสื่การ เรียรีนรู้ที่รู้ที่ มีบมีทบาทสำ คัญ โดยเฉพาะในด้าด้นการโน้มน้น้าน้วจิตจิ ใจ ของนักนัเรียรีน สื่อสื่บุคคลอาจเป็น ป็ บุคลากรที่อยู่ใยู่นสถานศึกษา เช่นช่ผู้บผู้ ริหริาร ครู บุคลากรทางการศึกษา คนทำ อาหาร หรือรื ตัวนักนัเรียรีนเอง หรือรือาจเป็น ป็ บุคลากรภายนอกที่มีคมีวาม เชี่ย ชี่ วชาญในสาขาต่างๆ 3. สื่อสื่วัสวัดุ เป็น ป็ สื่อสื่ที่เก็บสาระความรู้อรู้ยู่ใยู่นตัวเอง จำ แนกออก เป็น ป็ 2 ลักษณะ คือ 3.1 วัสวัดุปดุระเภทที่สามารถถ่ายทอดความรู้อรู้ยู่ไยู่ด้ด้ด้วด้ยตัว เอง โดยไม่จำม่จำเป็น ป็ ต้องอาศัยอุปกรณ์ช่ณ์วช่ย เช่นช่รูปรูภาพ หุ่นหุ่ จำ ลอง เป็น ป็ ต้น 3.2 วัสวัดุปดุระเภทที่ไม่สม่ามารถถ่ายทอดความรู้ไรู้ด้โด้ดยตนเอง จำ เป็น ป็ ต้องอาศัยอุปกรณ์อื่ณ์อื่นช่วช่ย เช่นช่ ฟิล์ฟิ ล์มภาพยนตร์ เทป บันบัทึกเสียสีง ซีดีซีรดีอม แผ่นผ่ดิสดิก์ เป็น ป็ ต้น 12
4. สื่อสื่อุปกรณ์ หมายถึง สิ่งสิ่ที่เป็น ป็ ตัวกลางหรือรืตัวผ่าผ่น ทำ ให้ ข้อข้มูลหรือรืความรู้ที่รู้ที่ บันบัทึกในวัสวัดุสดุามารถถ่ายทอดอกมาให้เห้ห็น ห็ หรือรืได้ยิด้นยิเช่นช่เครื่อรื่งฉายแผ่นผ่ โปร่งร่ ใส เครื่อรื่งฉายสไลด์ เครื่อรื่งฉายภาพยนตร์ เครื่อรื่งคอมพิวพิเตอร์ เครื่อรื่งบันบัทึกเสียสีง เป็น ป็ ต้น 5. สื่อสื่บริบริท เป็น ป็ สื่อสื่ที่ส่งส่เสริมริหรือรืสนับนัสนุนนุการเรียรีนการ สอน ได้แด้ก่ สภาพแวดล้อม และสถานการณ์ต่ณ์ ต่าง ๆ เช่นช่ ห้อห้งเรียรีน ห้อห้งปฏิบัติบั ติการ แหล่งวิทวิยาการหรือรืแหล่งเรียรีนรู้อื่รู้อื่น ๆ เช่นช่ห้อห้งสมุด หรือรืเป็น ป็ สิ่งสิ่ที่เกิดขึ้นขึ้เองตามธรรมชาติในรูปรู ของสิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิเช่นช่พืชพืผักผัผลไม้ สัตสัว์ชว์นิดนิต่างๆ หรือรือยู่ใยู่นรูปรู ของปรากฏการณ์หณ์รือรืเหตุกตุารณ์ที่ณ์ ที่ มีอมียู่หยู่รือรืเกิดขึ้นขึ้รอบตัว ตลอดจนข่าข่วสารด้าด้นต่างๆ เป็น ป็ ต้น 13
6. สื่อสื่กิจกรรม เป็น ป็ กิจกรรมหรือรืกระบวนการที่จัดจัขึ้นขึ้เพื่อพื่ เสริมริสร้าร้งประสบการณ์กณ์ารเรียรีนรู้ใรู้ห้กัห้ กับนักนัเรียรีน ได้แด้ก่ การ แสดงละคร บทบาทสมมติ การสาธิตธิสถานการณ์จำณ์จำลอง การ จัดจันิทนิรรศการ การไปทัศนศึกษานอกสถานที่ การทำ โครงงาน 14
การเรียรีนการสอนโดยยึดยึเด็ก ด็ เป็น ป็ ศูนย์กย์ลาง โดยใช้ เทคโนโลยีสยีารสนเทศและการสื่อสื่สาร (Information Technology and Communication: ICT ) หรือรื ไอซีทีซี ที เป็น ป็ เครื่อรื่งมือมื ในการเรียรีนรู้ขรู้องผู้เผู้รียรีน นับนัเป็น ป็ สิ่งสิ่ที่ จำ เป็น ป็ ใน โลกยุคดิจิดิตจิอลที่ผู้เผู้รียรีนจะต้องใช้เช้ป็น ป็ เครื่อรื่งมือมื ในการเรียรีนรู้แรู้ละ การประกอบอาชีพชี ในอนาคตข้าข้งหน้าน้การจัดจักิจกรรมการเรียรีนรู้ ครูต้รูต้องจัดจั ประสบการณ์เณ์พื่อพื่ ให้เห้ด็ก ด็ สามารถนำ ไอซีทีซี ทีมาใช้ใช้นการ ค้นหาความรู้ ตลอดจนสามารถสร้าร้งสรรค์งาน และเกิดเป็น ป็ ความรู้ที่รู้ที่ คงทน ซึ่งซึ่ครูจรูะต้องใช้คช้วามพยายาม ความอดทนใน การ ที่จะให้กห้ารจัดจัการเรียรีนรู้ตรู้ามจุดประสงค์ที่วางไว้ใว้นฐานะที่ เป็น ป็ ครูสรูอนคอมพิวพิเตอร์ ซึ่งซึ่ไม่พ้ม่นพ้ที่จะต้องสอน พื้นพื้ฐานการใช้ งานการใช้คช้อมพิวพิเตอร์เร์พื่อพื่ ให้นัห้กนัเรียรีนสามารถสร้าร้งสรรค์งาน และใช้คช้อมพิวพิเตอร์เร์ป็น ป็ เครื่อรื่งมือมื การจัด จั การเรีย รี นรู้โรู้ ดยใช้ เทคโนโลยีส ยี ารสนเทศ การจัด จั การเรีย รี นรู้โรู้ ดยใช้ เทคโนโลยีส ยี ารสนเทศ ในการค้นหาข้อข้มูลทางอินเทอร์เร์น็ต น็ ตลอดจนการ แลกเปลี่ยนเรียรีนรู้รรู้ะหว่าว่งครูผู้รูสผู้ อนกับนักนัเรียรีน นักนัเรียรีนกับนักนัเรียรีนการจัดจัการเรียรีนการสอนโดย บูรณาการระหว่าว่งวิชวิาเป็น ป็ กิจกรรมการเรียรีนรู้ที่รู้ที่ น่าน่ สนใจ การจัดจัการ เรียรีนรู้ต้รู้ต้องมีคมีวามมั่นมั่ ใจในตัว ของนักนัเรียรีนว่าว่นักนัเรียรีนปฏิบัติบั ติได้แด้ละสามารถ ทำ งานร่วร่มกับผู้อื่ผู้ อื่นได้โด้ดยใช้กช้ลวิธีวิ ธีในการสอนที่ หลากหลาย ผู้เผู้รียรีนสามารถที่สามารถใช้ ไอซีทีซี ทีเป็น ป็ เครื่อรื่งมือมื ในการเรียรีนรู้ และเกิดเป็น ป็ ความรู้ที่รู้ที่ คงทน (ธเณศร์ สุพสุงษ์, ออนไลน์)น์ 15
ปัจจุบันบั ประเทศต่าง ๆ ทั่วทั่ โลกให้คห้วามสำ คัญกับการลงทุนทุ ทางเทคโนโลยีสยีารสนเทศและการสื่อสื่สาร (Information and Communication Technology : ICT) เพื่อพื่ ใช้เช้ป็น ป็ เครื่อรื่งมือมื ในการพัฒพันาประเทศ ทั้งทั้ด้าด้นเศรษฐกิจ สังสัคม และการศึกษา จนเกิดความแตกต่างระหว่าว่งประเทศที่มีคมีวามพร้อร้มทาง ICT กับประเทศที่ขาดแคลนที่เรียรีกว่าว่ Digital Divide ในขณะ เดียดีวกันประเทศทั่วทั่ โลกต่างมุ่งมุ่สร้าร้งสังสัคมใหม่ใม่ห้เห้ป็น ป็ สังสัคมที่ใช้ ความรู้เรู้ป็น ป็ ฐาน (Knowledge Based Society) จนเกิดความ แตกต่างระหว่าว่งสังสัคมที่สมบูรณ์ด้ณ์วด้ยความรู้ กับสังสัคมที่ด้อด้ย ความรู้ ที่เรียรีกว่าว่ Knowledge Divide ในยุคของการปฏิรูปรู การศึกษา ต่างก็เร่งร่พัฒพันาการศึกษาให้กห้ารศึกษาไปพัฒพันา คุณคุภาพของคน เพื่อพื่ ให้คห้นไปช่วช่ยพัฒพันาประเทศ เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสื่สาร (ICT) จึงจึเป็น ป็ เครื่อรื่งมือมืที่มีคมีวาม สำ คัญ เพราะมีคุมีณคุภาพสูงสูในการช่วช่ยเพิ่มพิ่ ประสิทสิธิภธิาพของการ จัดจัการศึกษา เช่นช่ช่วช่ยนำ ข่าข่วสารทางการศึกษาให้เห้ข้าข้ถึง ประชาชน (Access) ส่งส่เสริมริการเรียรีนรู้ต่รู้ต่อเนื่อนื่งนอกระบบ โรงเรียรีน และการเรียรีนรู้ตรู้ามอัธยาศัย เทคโนโลยีกัยี กับการเรียรีนรู้ เทคโนโลยีไยีด้เด้ข้าข้มามีส่มีวส่นเกี่ยวข้อข้งกับการเรียรีนรู้ 3 ลักษณะ คือ 1. การเรียรีนรู้เรู้กี่ยวกับเทคโนโลยี (Learning about Technology) 2. การเรียรีนรู้โรู้ดยใช้เช้ทคโนโลยี (Learning by Technology) 3. การเรียรีนรู้กัรู้กับเทคโนโลยี (Learning with Technology) 16
1. การเรียรีนรู้เ รู้ กี่ยวกับเทคโนโลยี (Learning about Technology) ได้แด้ก่ การเรียรีนรู้รรู้ะบบการทำ งานของ คอมพิวพิเตอร์ เรียรีนรู้จรู้นสามารถใช้รช้ะบบคอมพิวพิเตอร์ไร์ด้ ทำ ระบบข้อข้มูลสารสนเทศเป็น ป็ สื่อสื่สารข้อข้มูลทางไกลผ่าผ่น Email และ Internet ได้ เป็น ป็ ต้น 2. การเรียรีนรู้โรู้ ดยใช้เ ช้ ทคโนโลยี (Learning by Technology) ได้แด้ก่ การเรียรีนรู้ครู้วามรู้ใรู้หม่ ๆ การฝึกความ สามารถ ทักษะบางประการ โดยใช้สื่ช้ สื่อสื่เทคโนโลยี เช่นช่ ใช้ คอมพิวพิเตอร์ช่ร์วช่ยสอน (CAI) เรียรีนรู้ทัรู้ทักษะใหม่ ๆ ทางโทรทัศน์ที่น์ ที่ ส่งส่ผ่าผ่นดาวเทียม การค้นคว้าว้เรื่อรื่งที่สนใจผ่าผ่น Internet การ เรียรีนผ่าผ่น DLTV DLIT เป็น ป็ ต้น 3. การเรียรีนรู้กั รู้ กับเทคโนโลยี (Learning with Technology) ได้แด้ก่การเรียรีนรู้ด้รู้วด้ยระบบการสื่อสื่สาร 2 ทาง (Interactive) กับเทคโนโลยี เช่นช่การฝึกทักษะภาษากับ โปรแกรมที่ให้ข้ห้อข้มูลย้อย้นกลับถึงความถูกถูต้อง (Feedback) การฝึกการแก้ปัญหากับสถานการณ์จำณ์จำลอง (Simulation) เป็น ป็ ต้น 17
ในศตวรรษแห่งห่ภูมิภูปัมิ ปัญญามีกมีารนำ เอา ICT มาประยุกต์ใช้ ในการจัดจัการเรียรีนการสอนหลายรูปรูแบบ เช่นช่การสอนโดยใช้ คอมพิวพิเตอร์ช่ร์วช่ย (Computer Assisted Instruction) การ เรียรีนในรูปรูแบบอิเลคทรอนิกนิส์ (e-Leaning) การเรียรีนโดยใช้ การสื่อสื่สารทางไกล (Distance Learning) ภายใต้ความเชื่อชื่ เกี่ยวกับศักยภาพของเทคโนโลยีใยีนปัจจุบันบัที่จะให้ผู้ห้เผู้รียรีนเข้าข้ถึง แหล่งการเรียรีนรู้ที่รู้ที่ มีอมียู่มยู่ากมาย หรือรืในโลกแห่งห่ความรู้ (World Knowledge) ซึ่งซึ่ผู้เผู้รียรีนมีคมีวามสามารถที่จะเรียรีนเวลาใด สถาน ที่ใด หรือรืแม้กม้ระทั่งทั่จะเรียรีนรู้กัรู้กับใครก็ได้ตด้ามความสนใจของ แต่ละคน จึงจึเกิดความยืดยืหยุ่นยุ่ ในการเรียรีนรู้มรู้ากขึ้นขึ้ การเข้าข้ถึงการใช้ ไอซีทีซี ทีเพื่อพื่การเรียรีนการ สอนของโรงเรียรีน มี 4 ระยะ (Approach)ได้แด้ก่ สัมสัผัสผั (Emerging) ประยุกต์ใช้ (Applying) แพร่ขร่ยาย (Infusing) เปลี่ยนร่าร่งแปลงรูปรู (Transforming) ) (หาญศึก เล็บครุฑรุและ ปรัชรัญนันนัท์ นิลนิสุขสุ , 2555:ออนไลน์)น์ แนวคิดการจัด จั การเรีย รี นการสอนโดยใช้ ไอซีที ซี ที 18
1. ระยะสัมสัผัสผั ได้แด้ก่ การเริ่มริ่ต้นการนำ ไอซีทีซี ทีเข้าข้ใช้ ด้วด้ยการซื้อซื้ หา รับรับริจริาค ทั้งทั้ตัว คอมพิวพิเตอร์แร์ละซอล์ฟแวร์ ในขั้นขั้นี้ ทั้งทั้ผู้ บริหริารและครูเรูริ่มริ่ต้นค้นหาความเป็น ป็ ไปได้ใด้นการใช้ ไอซีทีซี ทีในการ บริหริาร และการใช้หช้ลักสูตสูร 2. ระยะประยุกต์ โรงเรียรีนใดที่มีคมีวามประทับใจใน ไอซีทีซี ทีก็ถือว่าว่ ได้เด้ริ่มริ่ต้นเข้าข้สู่วิสู่ ธีวินี้ธี นี้ ครูใรูช้ ไอซีทีซี ทีในการทำ งานประจำ วันวัครูปรูรับรั หลักสูตสูร เพื่อพื่เพิ่มพิ่การใช้ ไอซีทีซี ทีในการสอนการเรียรีนในแต่ละ รายวิชวิา แต่ครูยัรูงยัคงเป็น ป็ ผู้มีผู้ อำมี อำนาจ (dominate) ใน กระบวนการเรียรีน 3. ระยะแพร่ข ร่ ยาย มีกมีารนำ คอมพิวพิเตอร์ไร์ปใช้ใช้นห้อห้งทดลอง ห้อห้งเรียรีน ครูค้รูค้นหาวิธีวิ ใธีหม่ที่ม่ ที่ จะใช้ ไอซีทีซี ทีเพื่อพื่การเปลี่ยนแปลง ผลผลิตของตนให้มีห้คุมีณคุภาพ และแสดงออกถึงความเป็น ป็ มือมื อาชีพชียิ่งยิ่ขึ้นขึ้หลักสูตสูรเริ่มริ่บูรณาการ เพื่อพื่ ให้เห้กิดการนำ ไปใช้ใช้น โลกของความเป็น ป็ จริงริ 4. ระยะเปลี่ยนร่า ร่ งแปลงรูป ในระยะนี้ไนี้ อซีทีซี ทีถูกถูบูรณาการเข้าข้ไป ใช้ใช้นชีวิชีตวิ ประจำ วันวัอย่าย่งมือมือาชีพชีช่วช่ยเพิ่มพิ่ผลผลิตส่วส่นบุคคล หลักสูตสูรจึงจึเป็น ป็ หลักสูตสูรที่ใช้นัช้กนัเรียรีนเป็น ป็ ศูนย์กย์ลาง (Child Centered) มีกมีารบูรณาการเรียรีนการสอนที่นำ ไปสู่กสู่ าร ประยุกต์ใช้จช้ริงริ 19
หลักการ แนวปฏิบัติ บั ติในการจัด จั การเรีย รี นการ สอนด้วย ICT และโปรแกรมปฏิบัติ บั ติการ คอมพิวพิเตอร์ หลักการสอนด้วด้ย ICT และโปรแกรมปฏิบัติบั ติการ คอมพิวพิเตอร์เร์ลือกใช้โช้ปรแกรม (Soft ware) ที่เหมาะสมกับวิชวิา ออกแบบการสอน (Instructional Design) โดยใช้ โปรแกรมทั้งทั้หมด หรือรืบางส่วส่น เพื่อพื่มุ่งมุ่สู่ผสู่ ลการเรียรีนรู้ที่รู้ที่ คาด หวังวัหรือรืวัตวัถุปถุระสงค์ตามแผนการสอนผสมผสานโปรแกรมกับ หลักการ แนวคิดทฤษฏีการสอนโดยทั่วทั่ ไปที่จะช่วช่ยให้กห้ารเรียรีน การสอนมีชีมีวิชีตวิชีวชีา (Active Learning) ทั้งทั้ ในและนอก ห้อห้งเรียรีน ก่อให้เห้กิดการเรียรีนรู้เรู้ร็ว ร็ รู้จรู้ริงริรู้แรู้จ้งจ้เชื่อชื่มโยงกับ ความรู้เรู้ดิมดิและนำ ไปสู่กสู่ ารสร้าร้งองค์ความรู้ใรู้หม่ การใช้ ICT และโปรแกรมปฏิบัติบั ติการคอมพิวพิเตอร์ใร์นกลุ่มลุ่ สาระ คณิตณิศาสตร์ วิทวิยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ มีโมีปรแกรมที่ใช้ ในการจัดจัการเรียรีนการสอน(โรงเรียรีนในฝัน) ดังดันี้ Sketchpad Graphic Calculator Visual lab ProDesktop Photo Shop Namo Dreamweaver Swish GSP Crocodile Java Applete Flash Tell Me More การเตรีย รี มห้องเรีย รี น อุปกรณ์ก ณ์ ารสอน ห้อห้ง Lab มีผู้มีรัผู้ บรัผิดผิชอบอำ นวยความสะดวกให้กัห้ กับครูผู้รู ผู้ สอนดูแดูลอุปกรณ์กณ์ารสอนให้อห้ยู่ใยู่นสภาพที่พร้อร้มใช้ไช้ด้ตด้ลอดเวลา ก่อนทำ การสอน ครูผู้รูสผู้ อนเตรียรีมเนื้อนื้หา และเตรียรีมนำ เสนอร่วร่มกับครูผู้รูรัผู้ บรัผิดผิชอบห้อห้ง Labทดลองใช้ดูช้ว่ดูาว่อุปกรณ์ ต่างๆ ใช้กช้ารได้หด้รือรืไม่ เพื่อพื่ป้อป้งกันไม่ใม่ห้เห้กิดการเสียสีเวลาในการ สอน 20
หลังการสอน เก็บเนื้อนื้หาสาระที่สอนไว้ใว้นคอมพิวพิเตอร์แร์ละ เก็บไว้กัว้ กับตัวครูผู้รูสผู้ อน ในกรณีมีณีผมีลงานนักนัเรียรีนเกิดขึ้นขึ้ ให้บห้รรจุ ลงในโฟลเดอร์ขร์องรายบุคคล และกลุ่มลุ่ที่จัดจัเตรียรีมไว้ทั้ว้ ทั้งทั้นี้เ นี้ พื่อพื่ ไว้ ใช้ใช้นครั้งรั้ต่อไป หรือรืใช้เช้พื่อพื่การอื่นได้สด้ะดวก การจัด จั กิจกรรมการเรีย รี นการสอน - ให้ดูห้ซีดูดีซี ดี - ให้สืห้บสืค้นข้อข้มูลจาก internet ที่โรงเรียรีนช่วช่งพักพักลางวันวัหรือรื ที่บ้าบ้น (สำ หรับรันักนัเรียรีนที่มีคมีวามพร้อร้ม) สำ หรับรันักนัเรียรีนที่มี คอมพิวพิเตอร์ที่ร์ ที่ บ้าบ้น มอบโปรแกรมให้ไห้ปทำ ที่บ้าบ้น และนำ ผลงาน มาเสนอ มอบชิ้นชิ้งาน /โครงงานให้ทำห้ ทำแล้วให้นำห้นำเสนอโดย Sketchpad ให้ฝึห้ ฝึกทักษะจาก online Soft ware เช่นช่ GPS, Google Earth และ Soft ware ในคอมพิวพิเตอร์ - จัดจักิจกรรมพี่ส พี่ อนน้อน้ง เพื่อพื่นสอนเพื่อพื่น เกี่ยวกับโปรแกรม - จัดจัชุมนุมนุเช่นช่ชุมนุมนุ GPS4.06 - ครูนำรูนำเสนอสื่อสื่ ICT เพื่อพื่สร้าร้งความเข้าข้ใจในเนื้อนื้หา - ให้นัห้กนัเรียรีนนำ เสนอด้วด้ย Power Point - ทำ การบ้าบ้นในเว็ปว็ ไซต์ - ส่งส่งานทางผ่าผ่น e – mail - ส่งส่งานลงใน โฟลเดอร์เร์ฉพาะบุคคล ลงในคอมพิวพิเตอร์ขร์องครู การตรวจงานนัก นั เรีย รี น - ตรวจในเครื่อรื่งคอมพิวพิเตอร์ขร์องครูที่รูที่ กำ หนดให้นัห้กนัเรียรีนส่งส่ - ตรวจจากเครื่อรื่งคอมพิวพิเตอร์ที่ร์ ที่ นักนัเรียรีนใช้งช้าน - ตรวจจากชิ้นชิ้งานที่ พิมพิพ์ส่พ์งส่ครู 21
การทดสอบนัก นั เรีย รี น - ทดสอบ online - ทดสอบโดยโปรแกรมที่ใช้ ความสำ เร็จ ร็ในการใช้ ICT ในการเรีย รี นรู้ 1. ผู้เผู้รียรีน : จะต้องมีทัมี ทักษะพื้นพื้ฐานในการใช้ ICT เพื่อพื่การเรียรีนรู้ 2. หลักสูตสูร : จะต้องมีกมีารสอดแทรก ICT เข้าข้ในกิจกรรมการ เรียรีนการสอนและส่งส่เสริมริ ให้เห้กิดการคิด วิเวิคราะห์ และการสร้าร้ง องค์ความรู้ 3. ผู้สผู้ อน/ผู้บผู้ ริหริาร : จะต้องมีทัมี ทักษะพื้นพื้ฐาน และสามารถนำ ICT ไปประยุกต์ใช้ใช้นกิจกรรมการเรียรีนการ สอน 4. เทคโนโลยี : เลือกใช้เช้ทคโนโลยีไยีด้สด้อดคล้อง และเหมาะสม กับผู้เผู้รียรีน ดังดันั้นนั้การจะพัฒพันาประเทศให้เห้ป็น ป็ สังสัคมแห่งห่การเรียรีนรู้ ตลอดจนการเพิ่มพิ่ขีดขีความสามารถในการแข่งข่ขันขัจำ เป็น ป็ ที่จะต้อง มีกมีารส่งส่เสริมริพัฒพันาโครงสร้าร้ง ICT ให้คห้รอบคลุมลุทั่วทั่ทุกทุภาค ทั้งทั้เขตเมือมืง และชนบท รวมทั้งทั้การส่งส่เสริมริการใช้ ICT ของ ประชากร ทั้งทั้ ในการดำ รงชีวิชีตวิและในการทำ งาน ซึ่งซึ่จำ เป็น ป็ ที่ หน่วน่ยงานที่เกี่ยวข้อข้งจะต้องศึกษา และหาวิธีวิกธีารที่จะกระตุ้นตุ้เพื่อพื่ ให้ปห้ระชาชนได้เด้ห็น ห็ ถึงความสำ คัญ และประโยชน์ขน์องการใช้ ICT 22
ข้อ ข้ ดีของ ICT 1. เอื้ออำ นวยให้กัห้ กับการติดต่อสื่อสื่สารที่รวดเร็ว ร็ ไม่จำม่จำกัดเวลาและ สถานที่ รวมทั้งทั้บุคคล 2. ผู้เผู้รียรีนและผู้สผู้ อนไม่ต้ม่ ต้องการเรียรีนและสอนในเวลาเดียดีวกัน 3. ผู้เผู้รียรีนและผู้สผู้ อนไม่ต้ม่ ต้องมาพบกันในห้อห้งเรียรีน 4. ตอบสนองความต้องการของผู้เผู้รียรีน และผู้สผู้ อนที่ไม่พม่ร้อร้ม ด้าด้นเวลา ระยะทางในการเรียรีนได้เด้ป็น ป็ อย่าย่งดี ผู้เผู้รียรีนที่ไม่มีม่คมีวามมั่นมั่ ใจ กลัวการตอบคำ ถาม ตั้งตั้คำ ถาม ตั้งตั้ ประเด็น ด็ การเรียรีนรู้ใรู้นห้อห้งเรียรีน มีคมีวามกล้ามากกว่าว่เดิมดิ เนื่อนื่งจากไม่ต้ม่ ต้องแสดงตนต่อหน้าน้ผู้สผู้ อน และเพื่อพื่นร่วร่มชั้นชั้ โดย อาศัยเครื่อรื่งมือมืเช่นช่ E-Mail, Webboard, Chat, Newsgroup แสดงความคิดเห็น ห็ ได้อด้ย่าย่งอิสระ ข้อ ข้ เสีย สี ของ ICT 1. ไม่สม่ามารถรับรัรู้ครู้วามรู้สึรู้กสึ ปฏิกิริยริาที่แท้จริงริของผู้เผู้รียรีนและผู้ สอน 2. ไม่สม่ามารถสื่อสื่ความรู้สึรู้กสึอารมในการเรียรีนรู้ไรู้ด้อด้ย่าย่งแท้จริงริ 3. ผู้เผู้รียรีน และผู้สผู้ อน จะต้องมีคมีวามพร้อร้มในการใช้ คอมพิวพิเตอร์แร์ละอินเทอร์เร์น็ต น็ ทั้งทั้ด้าด้นอุปกรณ์ ทักษะการใช้งช้าน 4. ผู้เผู้รียรีนบางคน ไม่สม่ามารถศึกษาด้วด้ยตนเองได้ 23
การบูรณาการเป็น ป็ การทำ ให้หห้น่วน่ยข้อข้มูลที่สัมสัพันพัธ์กัธ์ กัน อ้างอิงซึ่งซึ่กันและกันเข้าข้มาทำ หน้าน้ที่ประสานกลมกลืนให้มีห้คมีวาม สมบูรณ์คณ์รบถ้วน ได้มีด้ผู้มี ใผู้ห้คห้วามหมายของการบูรณาการ ดังดันี้ สุมสุน อมรวิวัวิฒวัน์ (2542) ได้ใด้ห้คห้วามหมายของหลักการบูรณา การว่าว่การบูรณาการ หมายถึง ความสมบูรณ์ ความเต็ม ความ พอดี ความสมดุลดุความผสมกลมกลืน มีสัมีดสัส่วส่นพอเหมาะ สนองวัตวัถุปถุระสงค์ และเป็น ป็ เอกภาพ โดยมีแมีนวคิดที่สำ คัญของ การบูรณาการคือ 1. เป็น ป็ สภาวะ และเทคนิคนิ ไม่ใม่ช่รูช่ ปรูแบบ 2. เกิดขึ้นขึ้ โดยการปฏิบัติบั ติ 3. มิใมิช่เช่ ป็น ป็ เพียพีงการเชื่อชื่มโยง แต่เป็น ป็ การผสมกลมกลืนกัน อย่าย่งได้สัด้ดสัส่วส่น สมดุลดุและนำ ไปใช้ อย่าย่งได้ผด้ล บูรณาการจึงจึมุ่งมุ่ ผลการปฏิบัติบั ติมากกว่าว่รูปรูแบบ 4. เป็น ป็ กระบวนการเต็มรู้ มีหมีลักการ องค์ประกอบ ภาพรวม จุด เริ่มริ่ต้น วิธีวิกธีาร และผลที่เกิดขึ้นขึ้เป็น ป็ องค์รวมของบูรณาการคือ ภาพรวม ส่วส่นประกอบ หลักการ กระบวนการ วิธีวิกธีาร และผลที่ เกิดขึ้นขึ้ การสอนแบบบูบู บูบู รณาการ 24
เหตุผ ตุ ลในการจัด จั การเรีย รี นรู้แ รู้ บบบูรณาการ 1. สิ่งสิ่ต่างๆที่เกิดขึ้นขึ้ ในชีวิชีตวิ ประจำ วันวันั้นนั้จะเป็น ป็ สิ่งสิ่ที่เกี่ยวเนื่อนื่ง สัมสัพันพัธ์กัธ์ กันกับศาสตร์ใร์นสาขาต่างๆผสมผสานกันทำ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนที่ เรียรีนรู้ศรู้าสตร์เร์ดี่ย ดี่ วๆมาไม่สม่ามารถนำ ความรู้มรู้าใช้ใช้นการแก้ ปัญหาได้ดัด้งดันั้นนั้การจัดจัการเรียรีนรู้แรู้บบบูรณาการจะช่วช่ยให้ สามารถนำ ความรู้ ทักษะจากหลายๆ ศาสตร์มร์าแก้ปัญหาได้กัด้ กับ ชีวิชีตวิจริงริ 2.การจัดจัการเรียรีนรู้แรู้บบบูรณาการทำ ให้เห้กิดความสัมสัพันพัธ์เธ์ชื่อชื่ม โยงความคิดรวบยอดของศาสตร์ต่ร์ ต่างๆเข้าข้ด้วด้ยกันทำ ให้เห้กิดการ ถ่ายโอนการเรียรีนรู้(รู้Transfer of learning) ของศาสตร์ต่ร์ ต่างๆ เข้าข้ด้วด้ยกันทำ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนมองเห็น ห็ ประโยชน์ขน์องสิ่งสิ่ที่เรียรีนและนำ ไปใช้จช้ริงริได้ 3.การจัดจัการเรียรีนรู้แรู้บบบูรณาการช่วช่ยลดความซ้ำ ซ้อซ้นของ เนื้อนื้หารายวิชวิาต่างๆในหลักสูตสูรจึงจึทำ ให้ลห้ดเวลาในการเรียรีนรู้ เนื้อนื้หาบางอย่าย่งลงได้ แล้วไปเพิ่มพิ่เวลาให้เห้นื้อนื้หาใหม่ๆม่เพิ่มพิ่ขึ้นขึ้ 4.การจัดจัการเรียรีนรู้แรู้บบบูรณาการจะตอบสนองต่อความ สามารถในหลายๆด้าด้นของผู้เผู้รียรีนช่วช่ยสร้าร้งความรู้ ทักษะและ เจตคติ “แบบพหุปัหุปัญญา” (Multiple intelligence) 5.การจัดจัการเรียรีนรู้แรู้บบบูรณาการจะสอดคล้องกับทฤษฎีการ สร้าร้งความรู้โรู้ดยผู้เผู้รียรีน (Constructivism) ที่กำ ลังแพร่หร่ลาย ในปัจจุบันบั 25
จุดประสงค์ของการจัด จั การเรีย รี นรู้ แบบบูรณาการ อาภรณ์ ใจเที่ยง (2553 : 129) ได้กด้ล่าวถึงจุดประสงค์ของ การจัดจัการเรียรีนรู้แรู้บบบูรณาการไว้ 4 ประการ ดังดันี้ 1 เพื่อพื่ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนได้รัด้บรัสาระความรู้แรู้บบองค์รวมที่เชื่อชื่มโยง สัมสัพันพัธ์กัธ์ กับจากหลากหลาย สาขาวิชวิา 2 เพื่อพื่ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนได้ฝึด้ ฝึกทักษะกระบวนการเรียรีนรู้ต่รู้ต่าง ๆ เช่นช่ทักษะ กระบวนการกลุ่มลุ่ทักษะ การคิด การแก้ปัญหา การอภิปราย การ สรุปรุเป็น ป็ ต้น 3 เพื่อพื่ส่งส่เสริมริความสามารถของผู้เผู้รียรีนที่มีแมีตกต่างกันในด้าด้น ต่าง ๆ ที่เรียรีกว่าว่พหุปัหุปัญญา (Multiple Intelligence) 4 เพื่อพื่ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนสามารถแสวงหาความรู้จรู้ากแหล่งเรียรีนรู้ที่รู้ที่ หลาก หลายและนำ ความรู้ไรู้ป ประยุกต์ใช้ใช้นชีวิชีตวิ ประจำ วันวั ได้ ลักษณะของการจัด จั การเรีย รี นรู้ แบบบูรณาการ ลักษณะของการจัดจัการเรียรีนรู้แรู้บบบูรณาการนั้นนั้เป็น ป็ การ เชื่อชื่มโยงวิชวิาหรือรืศาสตร์ต่ร์ ต่างๆ เข้าข้ด้วด้ยกันเพื่อพื่ ให้เห้กิดการเรียรีนรู้ ที่ลึกซึ้งซึ้มีลัมี ลักษณะใกล้เคียงกับชีวิชีตวิจริงริมากขึ้นขึ้ โดยมีลัมี ลักษณะที่ สามารถสรุปรุได้ ดังดันี้ (สิริสิพัริชพัร์ เจษฎาวิโวิรจน์,น์ 2546 : 25-30) 1 การบูรณาการเชิงชิเนื้อนื้หาสาระ เป็น ป็ การผสมผสานเชื่อชื่มโยง เนื้อนื้หาสาระ หรือรืองค์ความรู้ใรู้น ลักษณะการหลอมรวมกันของ หลายศาสตร์ที่ร์ ที่ เกี่ยวข้อข้งกัน โดยตั้งตั้เป็น ป็ หน่วน่ย (Unit) หรือรื หัวหัข้อข้เรื่อรื่ง (Theme) เนื้อนื้หาสาระที่นำ มาหลอมรวมกันจะมี ลักษณะคล้ายกัน สัมสัพันพัธ์กัธ์ กัน หรือรืต่อเนื่อนื่งกัน แล้ว เชื่อชื่มโยง เป็น ป็ เรื่อรื่งเดียดีวกัน 26
2 การบูรณาการเชิงชิวิธีวิกธีาร เป็น ป็ การผสมผสานวิธีวิกธีารสอนแบบ ต่างๆเข้าข้ในการสอน โดยการจัดจักิจกรรมการเรียรีนการสอนที่ หลากหลายวิธีวิ ธีเพื่อพื่ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนได้มีด้ โมีอกาสเรียรีนรู้แรู้ละฝึกปฏิบัติบั ติ อย่าย่ง สัมสัพันพัธ์กัธ์ กันให้มห้ากที่สุดสุดังดันั้นนั้ ในการการจัดจักิจกรรมการ เรียรีนรู้ผู้รู้สผู้ อนสามารถการบูรณาการเชิงชิวิธีวิกธีารด้วด้ย การใช้ เทคนิคนิหรือรืวิธีวิกธีารต่าง ๆ ได้หด้ลายวิธีวิอธีาทิ การสนทนา การ อภิปราย การใช้คำช้ คำถาม การ บรรยาย การค้นคว้าว้และการทำ งาน กลุ่มลุ่การไปศึกษานอกห้อห้งเรียรีน และการนำ เสนอข้อข้มูลเป็น ป็ ต้น 3 การบูรณาการความรู้กัรู้กับกระบวนการเรียรีนรู้ โดยออกแบบ การเรียรีนรู้ใรู้ห้มีห้ทั้มี ทั้งทั้การให้คห้วามรู้ และกระบวนการต่าง ๆ ไปพร้อร้ม ๆ กัน เช่นช่กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการแก้ปัญหา และ กระบวนการสร้าร้งความคิดรวบยอด เป็น ป็ ต้น เพื่อพื่ ให้ผู้ห้เผู้รียรีน ได้พัด้ฒพันาวิธีวิกธีารแสวงหาความรู้แรู้ละการได้มด้าซึ่งซึ่องค์ความรู้ที่รู้ที่ ต้องการด้วด้ยตัวเอง ซึ่งซึ่กระบวนการเรียรีนรู้นั้รู้นนั้จะเป็น ป็ สิ่งสิ่ที่ตก ตะกอนติดตัวผู้เผู้รียรีนตลอดไป 4 การบูรณาการความรู้ ความคิด กับคุณคุธรรม โดยเน้นน้ทั้งทั้พุทธิ พิสัพิยสัและจิตจิพิสัพิยสัเป็น ป็ การ เรียรีนที่มีกมีารสอดแทรกคุณคุธรรม จริยริธรรมไปพร้อร้ม ๆ กัน เพื่อพื่ที่มุ่งมุ่หวังวัให้นัห้กนัเรียรีนเป็น ป็ “ผู้มีผู้ มี ความรู้ คู่ คุณคุธรรม” (สอนเนื้อนื้หาสาระโดยใช้วิช้ธีวิกธีารต่าง ๆ และ ใช้เช้ทคนิคนิการสอดแทรกคุณคุธรรมเข้าข้ไปโดยผู้เผู้รียรีน ไม่รู้ม่ตัรู้ตัว จน กระทั่งทั่เกิดการซึมซึชาบเป็น ป็ ธรรมชาติ) 5 การบูรณาการความรู้กัรู้กับการปฏิบัติบั ติเป็น ป็ การสอนที่เน้นน้การ ลงมือมืปฏิบัติบั ติจริงริควบคู่ไคู่ป พร้อร้ม ๆ กับการจัดจักิจกรรมการ เรียรีนรู้โรู้ดยเนื้อนื้หาวิชวิาการ ซึ่งซึ่การสอนความรู้ที่รู้ที่ เชื่อชื่มโยงไปสู่กสู่ าร ปฏิบัติบั ติทำ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนเข้าข้ใจได้ลึด้ ลึกซึ้งซึ้ความรู้นั้รู้นนั้ติดตัวไปยาวนานไม่ ลืมง่าย 27
6 การบูรณาการความรู้ใรู้นโรงเรียรีนกับชีวิชีตวิจริงริของนักนัเรียรีน พยายามให้ผู้ห้เผู้รียรีนได้เด้รียรีนรู้ เนื้อนื้หาและสามารถนำ เนื้อนื้หาในส่วส่น ที่สัมสัพันพัธ์กัธ์ กับชีวิชีตวิจริงริของผู้เผู้รียรีนไปใช้ใช้นการแก้ปัญหาใน ชีวิชีตวิ ประจำ วันวั ได้ เพื่อพื่ ให้นัห้กนัเรียรีนได้เด้ห็น ห็ คุณคุค่าและความหมายในสิ่งสิ่ที่ ตนเรียรีน อีกทั้งทั้เป็น ป็ แรงจูงใจให้ ผู้เผู้รียรีนเกิดความต้องการในการ เรียรีนรู้สิ่รู้งสิ่อื่น ๆ เพิ่มพิ่มากขึ้นขึ้ การจัดจัการเรียรีนรู้แรู้บบบูรณาการเป็น ป็ กระบวนการจัดจั ประสบการณ์กณ์ารเรียรีนรู้ที่รู้ที่ เชื่อชื่มโยงศาสตร์ สาขาวิชวิาต่าง ๆ หรือรื เนื้อนื้หาที่มีคมีวามสัมสัพันพัธ์กัธ์ กันเข้าข้มาไว้ด้ว้วด้ยกัน และจัดจักิจกรรมการ เรียรีนรู้ใรู้ห้ผู้ห้เผู้รียรีนเกิด ความรู้ครู้วามเข้าข้ใจในลักษณะที่เป็น ป็ องค์รวม สามารถนำ ไปประยุกต์ใช้ใช้นชีวิชีตวิจริงริได้กด้ารเรียรีนแบบบูรณา การ ทำ ให้ผู้ห้เผู้รียรีนมีโมีอกาสได้ใด้ช้คช้วามคิด ประสบการณ์คณ์วามสามารถ และทักษะด้าด้นต่าง ๆ อย่าย่ง หลากหลาย ก่อให้เห้กิดการเรียรีนรู้ ทักษะกระบวนการและเนื้อนื้หาสาระไปพร้อร้ม ๆ กัน จะช่วช่ยลด ความ ซ้ำ ซ้อซ้นของเนื้อนื้หาวิชวิา ลดเวลาการเรียรีนรู้ขรู้องผู้เผู้รียรีน ตอบสนองความสามารถของผู้เผู้รียรีนซึ่งซึ่มีหมีลายด้าด้น 28
รูปแบบของการบูรณาการ (Model of integration) 1. การบูรณาการแบบสอดแทรก (Infusion) การเรียรีนรู้ แบบนี้ค นี้ รูจรูะนำ เนื้อนื้หาของวิชวิาต่างๆมาสอดแทรกในรายวิชวิาของ ตนเองเป็น ป็ การวางแผนการสอนและทำ การสอนโดยครูเรูพียพีงคน เดียดีว ข้อ ข้ ดี 1. ครูครูนเดียดีวบริหริารทั้งทั้เนื้อนื้หาวิชวิา กิจกรรมการเรียรีนรู้ และเวลาที่ใช้โช้ดยสะดวก 2. ไม่มีม่ผมีลกระทบกับครูผู้รูอื่ผู้ อื่นและการจัดจัตารางสอน ข้อ ข้ จำ กัด 1. ครูครูนเดียดีวอาจไม่มีม่คมีวามชำ นาญในเนื้อนื้หาวิชวิาบาง เรื่อรื่ง 2. เนื้อนื้หาวิชวิาและกิจกรรมการเรียรีนรู้ที่รู้ที่ จัดจัอาจซ้ำ ซ้อซ้นกับ ของวิชวิาอื่น 3. ผู้เผู้รียรีนจะมีภมีาระงานมากเพราะทุกทุรายวิชวิาจะต้องมอบ หมายงานให้ 2. การบูรณาการแบบขนาน (Parallel) การเรียรีนรู้แรู้บบนี้ ครูตั้รูตั้งตั้แต่ 2 คนขึ้นขึ้ ไปต่างคนต่างสอนวิชวิาของตนเองแต่จะมา วางแผน ตัดสินสิ ใจร่วร่มกันว่าว่จะจัดจัแผนการเรียรีนรู้แรู้ละจัดจั กิจกรรมการเรียรีนรู้โรู้ดยมุ่งมุ่สอนในหัวหัเรื่อรื่ง (Theme) ความคิด รวบยอด (Concept) และปัญหา (Problem) เดียดีวกันในส่วส่น หนึ่งนึ่ ข้อ ข้ ดี 1. ครูผู้รูสผู้ อนแต่ละคนยังยัคงบริหริารทั้งทั้เนื้อนื้หาวิชวิา กิจกรรม การเรียรีนรู้เรู้วลาโดยสะดวก 2. ไม่มีม่ผมีลกระทบกับครูผู้รูอื่ผู้ อื่นและการจัดจัตารางสอน 3. เนื้อนื้หาวิชวิา กิจกรรมการเรียรีนลดการซ้ำ ซ้อซ้นลง ช่วช่ยให้ เกิดการทำ งานร่วร่มกัน 29
ข้อ ข้ จำ กัด 1. ครูยัรูงยัคงต้องรับรัภาระเนื้อนื้หาวิชวิาที่ไม่ชำม่ชำนาญ 2. ผู้เผู้รียรีนยังยัมีภมีาระงานมากเพราะทุกทุรายวิชวิาจะต้อง มอบหมายงานให้ 3. การบูรณาการแบบสหวิทวิยาการ (Multidiscipline) การ เรียรีนรู้แรู้บบนี้ค นี้ ล้ายกับแบบคู่ขคู่นาน ครูตั้รูตั้งตั้แต่ 2 คนขึ้นขึ้ ไปต่างคน ต่างสอนวิชวิาของตน จัดจักิจกรรมการเรียรีนรู้ขรู้องตนเองเป็น ป็ ส่วส่น ใหญ่ มาวางแผนการสอนร่วร่มกันในการให้งห้านหรือรืโครงการที่มี หัวหัเรื่อรื่ง แนวคิดหรือรืความคิดรวบยอดและปัญหาเดียดีวกัน ข้อ ข้ ดี 1. สนับนัสนุนนุการทำ งานร่วร่มกันของทั้งทั้ผู้สผู้ อนและผู้เผู้รียรีน ลดความซ้ำ ซ้อซ้นของกิจกรรม 2. ผู้สผู้ อนทุกทุคนและผู้เผู้รียรีนมีเมีป้าป้หมายร่วร่มกันที่ชัดชัเจน 3. ผู้เผู้รียรีนเห็น ห็ ความสำ คัญของการนำ ความรู้ไรู้ปใช้กัช้ กับงานอาชีพชี จริงริ ข้อ ข้ จำ กัด 1. มีผมีลกระทบต่อการจัดจัตารางสอนและการจัดจั แผนการเรียรีน 4. การบูรณาการแบบข้า ข้ มวิชวิา (Transdisciplinary) การ เรียรีนรู้แรู้บบนี้ผู้ นี้ สผู้ อนในรายวิชวิาต่างๆ จะมาร่วร่มกันสอนเป็น ป็ คณะ ร่วร่มกันวางแผน กำ หนดหัวหัเรื่อรื่ง ความคิดรวบยอดและปัญหา เดียดีวกัน ข้อ ข้ ดี 1. สนับนัสนุนนุการทำ งานร่วร่มกันของทั้งทั้ผู้สผู้ อนและผู้เผู้รียรีน ลดความซ้ำ ซ้อซ้นของกิจกรรม 2. ผู้สผู้ อนทุกทุคนและผู้เผู้รียรีนมีเมีป้าป้หมายร่วร่มกันที่ชัดชัเจน 3. ผู้เผู้รียรีนเห็น ห็ ความสำ คัญของการนำ ความรู้ไรู้ปใช้กัช้ กับงานอาชีพชี จริงริ ข้อ ข้ จำ กัด 1. มีผมีลกระทบต่อการจัดจัตารางสอนและการจัดจั แผนการเรียรีน 2. ผู้สผู้ อนต้องควบคุมคุการเรียรีนให้ทัห้ ทันตามกำ หนด 30
กระบวนการจัดจัการเรียรีนการสอนในหลักสูตสูรบูรณา การนั้นนั้จะต้องมีกมีารจัดจักิจกรรมการเรียรีนการสอนที่เน้นน้ผู้เผู้รียรีน เป็น ป็ สำ คัญ เน้นน้การสอนที่เป็น ป็ บูรณาการ (Integrative Teaching Styles) ซึ่งซึ่ต้องมีวิมีธีวิกธีารที่หลากหลายให้ผู้ห้เผู้รียรีนได้ เรียรีนรู้ใรู้ช้เช้ทคนิคนิการเรียรีนการสอนที่ผสมผสานกัน ฝึกให้ผู้ห้เผู้รียรีน ค้นหาคำ ตอบด้วด้ยวิธีวิสืธีบสืสอบ (Inquiry) หรือรืใช้วิช้ธีวิกธีารแก้ปัญหา (Problem Solving) เน้นน้การทำ งานร่วร่มกัน มีงมีานกลุ่มลุ่หรือรื งานเดี่ย ดี่ วผสมผสานกันไป เน้นน้การให้ผู้ห้เผู้รียรีนมีส่มีวส่นร่วร่มใน ประสบการณ์จณ์ริงริ ประสบการณ์กณ์ารเรียรีนรู้ครู้วรอยู่ใยู่นขอบเขต สมรรถภาพในการเรียรีนรู้ขรู้องผู้เผู้รียรีน จึงจึต้องพิจพิารณาขอบเขต การเรียรีงลำ ดับดัของเนื้อนื้หาของลักษณะวิชวิารวมทั้งทั้ลักษณะของผู้ เรียรีนด้วด้ย และให้ผู้ห้เผู้รียรีนฝึกปฏิบัติบั ติในสถานการณ์จณ์ริงริ 31
https://forms.gle/LLw1w5vyuFfF9prW9 ลิง ลิ ค์ทำ ค์ ทำแบบทดสอบท้า ท้ ยบท
นางสาวพรรนิสนิา พาสว่า ว่ ง นัก นั ศึก ศึ ษาหลัก ลั สูต สู รประกาศนีย นี บัต บั รวิชวิาชีพ ชี ครู รุ่น รุ่ 8 ห้อง 8/1 เลขที่ 8