เมขลา รามสูร เมขลา รามสูร วรรณคดีไทย ตำ นานฟ้าแลบ ฟ้าร้องและฟ้าผ่า
หนังสือ E-Book ฉบับนี้จัดทำ ขึ้นเพื่อให้ทราบถึงเนื้อหาของวรรณคดี เรื่อง เมขลา-รามสูร และเพื่อให้ศึกษาได้อย่างเข้าใจในรูปแบบ การนำ เสนอแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียน การสอน โดยเทพนิยายเรื่องเมขลา-รามสูร นี้นับเป็น วรรณกรรมที่ให้คุณค่าท างความรู้พร้อมกับความบันเทิง โดยเสฐียรโกเศศ นาคะประทีปได้ กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของเมขลา-รามสูรเปรียบเทียบ ให้เห็น ความแตกต่างของเมขลาและรามสูรของไทยกับของวรรณคดีในชาติ และภาษาต่างๆ ผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือ E-Book นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ ที่สนใจในวรรณคดีไทย หากมีข้อผิดพลาดประทานใด ผู้จัดทำ ขอ น้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ผู้จัดทำ ณัฐปภัส นันทไชยศานต์ คำนำ
สารบัญ คำ นำ สารบัญ ประวัติผู้แต่ง ตัวละคร ประเด็นที่ต้องการจะศึกษา ประเด็นปัญหา เนื้อเรื่อง บทวิเคราะห์ บรรณนานุกรม 1 2 3 4 5 6 7 8 9
พระยาอนุมานราชธน เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2431 ที่ เรือนไม้หลังหนึ่งติดคูด้านใต้วัดพระยาไกรแถวโรงเลื่อยบริษับอร์เนียว ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำ บลพระยาไกร อำ เภอยานนาวา จังหวัดพระนคร (ซึ่ง ปัจจุบันคือแขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร) เป็นบุตรของนายหลีกับนางเฮียะ มีชื่อเดิมว่า หลีกวงหยง ต่อมา ได้ เปลี่ยนเป็น ยง และได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าเสฐียรโกเศศ ต่อมาวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2485 จึงได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้ราชทินนามอนุมานราชธน เป็นชื่อสกุล ประวัติผู้แต่ง
ตัวละคร เมขลา เป็นเทพธิดาผู้รักษาน่านน้ำ และนางผู้ถือดวงแก้วล่อให้รามสูร ขว้างขวานทำ ให้เกิดฟ้าแลบและฟ้าร้อง นิยายพื้นบ้านของไทยยกเรื่องฟ้า คะนองขึ้นมาเล่าว่านางเมขลาหรือมณีเมขลามีดวงแก้วประจำ ตัว นางเมขลา
รามสูร เป็นยักษ์ถือขวานเป็นอาวุธ เป็นผู้ทำ ให้ฟ้าร้อง เรื่องรามสูรมักมีคู่ กับเมขลา (ดูเมขลา) บางแห่งว่า รามสูร เลือนมาจากปรศุราม ใน นารายณ์สิบปาง ปางที่ 6 กล่าวว่าปรศุรามเป็นพราหมณ์ ลูกฤษีชมทัศนีกับ นางเรณุกา มีขวานเป็นอาวุธ ปรศุรามได้บำ เพ็ญตบะจนบรรลุอริยผลหลาย ชั้นเหลือแต่ชั้นสูงสุดคือ ปรพรหม ปรศุรามโทโสร้ายจึงมีฉายาว่า “นยักษ์” แปลว่า ต่ำ เมื่อพบกับพระรามก็ท้ารบแล้วรบแพ้พระรามๆ ไม่ฆ่าด้วยเห็น ว่าเป็นพราหมณ์แต่ให้เลือกว่าจะให้แผลงศรไปทำ ลายมรรค (ทางดำ เนินสู่ อริยภูมิ)หรือผล(อริยภูมิที่จะบรรลุด้วยบำ เพ็ญตบะ)ปรศุรามเลือกให้ ทำ ลายผล รามสูร
เมื่อตอนเด็กๆผู้จัดทำ เป็นคนกลัวฟ้าร้องฟ้าผ่าและก็สงสัยว่ามันเกิดจากอะไร พอได้มาอ่านวรรณคดีเรื่องนี้ก็รู้สึกสนใจถึงแม้หลักการตามทางวิทยาศาสตร์ จะสามารถอธิบายปรากฎการณ์นี้ได้แต่ก็รู้สึกชอบที่ผู้แต่งนำ แนวคิดของปราก ฎการณ์ทางธรรมชาติมาแต่งเป็นวรรณคดีให้ดูมีความน่าสนใจและน่าสนุก ประเด็นที่ต้องการจะศึกษา
ด้วยเหตุที่นางเมขลาเลือกที่จะยั่วโทสะของรามสูรแทนที่จะหนีไปก็กลาย เป็นการเพิ่มปัญหาและการทำ ให้ปัญหาขยายใหญ่มากขึ้นจากที่รามสูรเพียง แค่จะขโมยดวงแก้ววิเศษมาเป็นของตนเองก็กลายเป็นการเกิดสงครามและ เกิดการสูญเสีย โดยจะเห็นได้จากตอนที่พระอรชุนพลาดถูกรามอสูรจับขา ฟาดชนกับเขาพระสุเมรุจนสิ้นชีพ และผลการสู้รบในครั้งนี้ก็ถึงกับทำ ให้เขา พระสุเมรุเอียงทรุด เกิดความเสียหายวงกว้าง ประเด็นปัญหา
เนื้อเรื่อง ณ สวรรค์ชั้นฟ้าอันเป็นที่สถิตของเหล่าเทพยดาและบรรดานางฟ้าทั้ง หลาย ครั้นถึงวสันตฤดูเหล่าทวยเทพร่วมกันจัดงานนักขัตฤกษ์ มีการละ เล่นเป็นที่สนุกสนานครื้นเครง
ในครั้งนั้นนางฟ้าองค์หนึ่งนามว่า เมขลา สถิตอยู่ ณ วิมานรัตนะ ซึ่งมีหน้าที่ คอยพิทักษ์รักษา สมุทรไท นางมีดวงแก้ววิเศษดวงหนึ่งซึ่งทำ ให้มีอิทธิฤทธิ์ เมื่อเหาะไปแห่งหนให้เมขลาก็ถือดวงแก้ววิเศษนี้ติดตัวไปเสมอ
ส่วนนางเมขลาเห็นจอมอสูรผู้นี้เป็นยักษ์ชั้นเลวที่เที่ยวเกะกะระรานไปทั่วทั้ง แดน สวรรค์และบาดาล เหล่าเทพเทวาทั้งหลายต่างเกลียดและกลัวไม่อยากจะ ตอแยด้วย เพราะเจ้ายักษ์รามสูรมีขวานวิเศษอยู่ด้ามหนึ่ง ทำ ให้ไม่มีใครสู้ฤทธิ์ ได้ นางเมขลาจึงคิดที่จะยั่วโทสะ ขณะที่นางเมขลาเหาะออกจากวิมานเพื่อไปร่วมงานนักขัตฤกษ์ บังเอิญเจ้ายักษ์รามสูรได้เห็นแสงแวววาวของดวงแก้ววิเศษก็นึก อยากได้รีบเหาะติดตามหมายจะชิงมาเป็นของตน
ร้อนถึงเหล่าเทพยดาทั้งหลาย รวมทั้งบรรดาฤๅษีชีไพร ครุฑ นาค คนธรรพ์ ต้องมาทำ พิธีชะลอเขาพระสุเมรุให้กลับตั้งตรงดังเดิม
บางตำ ราก็กล่าวว่า นางเมขลาเป็นนางฟ้าผู้เป็นนางบำ เรอของพระ อิศวร วันหนึ่งนางได้ทูลถามต่อพระอิศวรว่า เพราะเหตุใดนางจึง ต้องมีเวรเข้าเฝ้า จึงได้รับคำ ตอบว่านางนั้นเหนือกว่านางฟ้าทั่วไป เพราะเป็นรองพระอุมาและมีหน้าที่ดูแลดวงแก้ว อีกตำ นานของเรื่องนี้
จนอยู่มาวันหนึ่ง นางเมขลาเกิดไม่พอใจในฐานะความเป็นอยู่ จึงได้ลัก ดวงแก้วของพระอิศวรและเหาะไปเที่ยวเล่น เนื่องจากมีดวงแก้ววิเศษ เหล่า เทพเทวาทั้งหลายจึงไม่อาจจับตัวได้
กล่าวถึงรามสูรผู้เป็นสหายกับฝน กินลมเป็นอาหาร เป็นมิตรกับพระราหู และมีขวานเพชรเป็นอาวุธ
วันหนึ่งรามสูรได้รับการไหว้ วานจากพระราหูให้ชิงดวงแก้วและจับ นางเมขลา เพื่อพระราหูจะได้นำ ไปถวายพระอิศวรเพื่อเป็นการไถ่ โทษที่ตนเคยไปแปลงเป็นเทวดาแอบกินน้ำ อมฤต แต่ด้วยอำ นาจ แสงที่ส่องจากดวงแก้ว รามสูรจึงไม่สามารถขว้างขวานถูกนาง เมขลาได้แม้แต่ครั้งเดียว
ดังนั้นเมื่อนางเมขลากับรามสูรพบกันเมื่อไหร่ก็จะเกิดเหตุการณ์สั่น สะเทือนเลื่อนลั่นทั้งแดนสวรรค์และโลกมนุษย์ ซึ่งเชื่อว่าเป็น ที่มาของ ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่า ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่า นั่นเอง
ข้อคิด การรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นของนางเมขลาไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีและส่ง ผลให้เกิดผลกระทบต่อผู้อื่น สังเกตได้จากตอนที่พระอรชุนสิ้นชีพและ เขาพระสุเมรุเอียงทรุด สะท้อนให้เห็นว่าการที่เราทะเลาะกับใครสักคน หรือมีปัญหากับใครแล้วไม่ว่าจะเป็นคนที่เราไม่ชอบหรือมีปัญหาส่วนตัว ระหว่างกันก็ไม่ควรไปยั่วโมโหให้เขาโกรธมากขึ้นหรือสร้างปัญหาให้มัน ใหญ่ขึ้นแทนการแก้ปัญหาที่ดี เช่น การพุดคุยด้วยเหตุผลหรือหากหลีก เลี่ยงไม่ได้ก็ควรเลิกยุ่งและอยู่เงียบๆอย่างใจเย็น รูปภาพ : https://images.app.goo.gl/63ajhzt3HqJGHAvV9 วิเคราะห์จากความคิดเห็นของผู้จัดทำ
บรรณานุกรม ไม่ปรากฎชื่อผู้แต่ง./(2559)./นิทานพื้นบ้านภาคกลาง เรื่องเมขลา-รามสูร./ สืบค้น จาก/https://nitanstory.com/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97 %E0%B8%B2%E0%B8%99- %E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0% B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8% A3/ [7 มกราคม 2559] เอนก นาวิกมูล./(2565)./เมขลา-รามสูร กับ “ขวานรามสูร” ที่ “สนาม หลวง 2”./สืบค้นจาก/https://www.silpamag.com/culture/article_18139 [10 พฤษภาคม 2565] รูปภาพจาก AI: https://www.bing.com/images/create