สคู ดีอยา งไร..ใหชนะ
กูยมื คำ้ ประกนั จำนอง
กฤษณ ฤทธิธรรม
DESIGN LAWS INTERNATIONAL LAW OFFICE
“สูคดีอยางไรใหชนะ”
“คดีกยู ืม ค้ำประกัน และจำนอง” (ฉบับทนายใหมไปสทู นายเกา)
ผูเขียน กฤษณ ฤทธิธรรม
ผูเรียบเรียง นริศรา ทุมมา
ศิลปกรรม นริศรา ทุมมา
ออกแบบรูปเลม นริศรา ทุมมา
พิสูจนอักษร นริศรา ทุมมา
จดั ทำโดย สำนักงานกฎหมายดีไซน ลอว อนิ เตอรเนช่ันแนล
เลขท่ี 211/17 หมู 7 ถ.บา นกลวย-ไทรนอ ย ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง นนทบรุ ี 1110
ชองทางการตดิ ตอ
ทนายกฤษณ - สำนกั งานกฎหมาย Design Laws
เบอรโ ทร - 082 018 2681
คำนำ
“สูคดีอยางไรใหช นะ”
“คดกี ูย ืม คำ้ ประกัน และจำนอง” (ฉบับทนายใหมไปสทู นายเกา )
สวัสดีทานทนายความและนักกฎหมายทุกทานครับ ผม “ทนายเกา” ไมใช
วาผมเกาอะไรหรอกครับ แตเปนนามปากกาของผมครับ เจตนาของหนังสือเลมนี้
เปน การแชรป ระสบการณก ารทำคดใี นการเปน ทนายความของผม เพอ่ื เปน ประโยชน
ไมมากก็นอยใหกับทนายความใหม หรือทนายความที่ยังไมไดพบเจอคดีตาง ๆ ใน
ลักษณะนี้
แตเดี๋ยวกอนๆๆๆ อยาพึ่งคิดวาพี่เปนทนายโจรอยางนั้น หนังสือเลมนี้ผมแค
อยากบอกวาการชนะคดีของผมนั้น คือ ทำใหจำเลยชนะตามที่เปนจริง เชน คดีนี้
กูยืมกัน 100,000 บาท แตเจาหนี้สงมอบเงินเพียง 50,000 บาท อยางนี้
เราในฐานะทนายความผูกูตองทำใหคดีชนะ คือ ใหศาลพิพากษาใหจำเลยรับผิด
50,000 บาท เทานั้น ตามที่เปนจริง เชนนี้ก็ถือวา เปนการชนะคดีอยางหนึ่งครับ
“ ”อยา งงั้นเรามาจดั กันเลยดีกวา วัยรนุ
ถา อยากรูวา ตองมปี ระเดน็ อะไรบางที่เราจะตองดู ตามไปสนุกกันตอในเน้ือหา
กันไดเลยคราบบบ
ผูเขยี นหวงั เปน อยางยง่ิ วา .....
หนงั สือเลม นจี้ ะชว ยใหทนายใหมไดป ระโยชนใ นการตอสู
คดีตอ ไปครบั
ผูเขียน
สารบัญ
ขอตอสูที่ปรากฏในคำฟอง ประเด็นวา… หนา
1 โจทกฟองเคลือบคลุมหรือไม ? 1
2 โจทกถูกจำเลยโตแยงสิทธิหรือไม ?
3 ฟองโจทกขาดอายุความหรือไม ? 3
4 โจทกฟองผิดศาลหรือไม ? 7
5 โจทกฟองผิดเรื่องหรือไม ? 13
14
ขอตอสูที่ปรากฏภายหลังสอบขอเท็จจริงแลว
ประเด็นวา…
1 โจทกยังมิไดมีหนังสือบอกกลาวใหชำระหนี้? 16
2 จำเลยไมใชผูกู ผูค้ำประกันหรือผูจำนอง? 19
3 โจทกไมมีหลักฐานฟองจำเลย? 20
4 การกูยืมเปนโมฆะ? 24
5 ดอกเบี้ยโมฆะ? 26
6 มูลหนี้กูยืมเปนอันระงับแลว? 27
7 เจาหนี้ไมมีสิทธิเรียกรอง? 31
8 หนี้เดิมไมสมบูรณ? 33
9 การค้ำประกันและจำนองเปนโมฆะ?
35
“สคู ดีอยา งไรใหชนะ”
กอนอื่น เมื่อเราไดรับสำเนาคำฟองจากลูกความมาแลว ใหเรามาดูกอนวา
ฟองโจทกเรื่องผิดสัญญากูยืม ค้ำประกันและจำนองนั้น เราในฐานะทนายจำเลย
จะมี “ขอตอสูที่ปรากฏในคำฟองอยางไร ?” และ เมื่อไดสอบขอเท็จจริงแลว
จะมี “ขอตอสูที่ปรากฎภายหลังสอบขอเท็จจริงอยางไร ?”
“ขอตอ สทู ป่ี รากฏในคำฟองทันท”ี
หมายถึง ขอตอ สูอันเกดิ จากการทีโ่ จทกบรรยายคำฟองผิดพลาดมาในคำฟอง
ซึ่งเปนขอตอสูที่ยังมิไดลงลึกถึงเนื้อหา หรือเปนขอตอสูที่ปรากฏขึ้น แมวาเรายัง
ไมไดส อบขอ เทจ็ จรงิ จากลกู ความก็ตาม เชน ประเด็นวา…
(1)
โจทกฟองเคลือบคลุมหรือไม ?
คำฟอ งนน้ั โจทกตอ งบรรยายโดยชดั แจงซ่ึงสภาพแหงขอหา คำขอบังคับ
และ ขออางที่อาศัยเปนหลักแหงขอหา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 ว.2
ซ่ึงวางหลักและแยกองคป ระกอบไดว า…
“คำฟอง
ตองแสดงโดยแจงชัดซึ่งสภาพแหงขอหาของโจทก
และ คำขอบังคับ
ทั้งขออางที่อาศัยเปนหลักแหงขอหาเชนวานั้น ”
เชน ตอ งบรรยายคำฟอ งวา มกี ารกยู มื เงนิ กนั มกี ารคำ้ ประกนั หรอื จำนอง
ถึงกำหนดแลวจำเลยไมชำระหนี้ โดยมีการบอกกลาวแกผูค้ำประกัน
หรือ ผูจำนองใหชำระหนี้แลวขอใหจำเลยชำระหนี้แกโจทก เปนตน
1
“ หากโจทกบรรยายฟองโดยไมชัดแจง
จนทำใหจำเลยไมเขาใจขอหาไดดีและตอสูคดีไมได ”
เชนนี้ ถือวาเปนคำฟองที่เคลือบคลุม ปญหาคำฟองโจทกเคลือบคลุม
หรือไม เปนปญหาขอกฎหมายแตมิใชขอกฎหมายเกี่ยวดวยความสงบ
เรียบรองของประชาชน ดังนั้น ศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองไมได ตาม ป.วิ.พ.
มาตรา 142(5)
ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
ในคดีที่อาจยกขอกฎหมายอันเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอย
ของประชาชนขึ้นอางไดนั้น
เมื่อศาลเห็นสมควร
ศาลจะยกขอเหลานั้น ขึ้นวินิจฉัยแลวพิพากษาคดีไปก็ได
“ทนายจำเลยจึงตองยกประเด็นนี้ขึ้นตอสูไวในคำใหการ
พรอมใหเหตุผลประกอบการปฏิเสธ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 ว.2 ดวย”
ป.วิ.พ. มาตรา 177 ว.2 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
ใหจำเลยแสดงโดยชัดแจงในคำใหการวา
จำเลยยอมรับ หรือ
ปฏิเสธขออางของโจทกทั้งสิ้นหรือแตบางสวน
รวมทั้ง
เหตุแหงการนั้น
2
(2)
โจทกถ กู จำเลยโตแ ยง สทิ ธิหรือไม ?
การที่โจทกจ ะนำคดมี าฟอ งจำเลยได แสดงวาจำเลยตอ งโตแยง สิทธขิ องโจทก
ซึ่งในคดีกูยืมเงิน ค้ำประกัน และจำนอง ตองปรากฏขอเท็จจริงในคำฟองวา
ผูกู ผูค้ำประกันหรือผูจำนอง ผิดนัดไมชำระหนี้ เชนนี้ จึงถือวา ผูใหกูยืม
ถูกโตแยงสิทธิอันเปนมูลเหตุที่จะนำคดีมาฟองได ตามป.วิ.พ. มาตรา 55
ป.วิ.พ. มาตรา 55 วางหลกั และแยกองคป ระกอบไดว า …
เม่ือมขี อ โตแ ยง เกดิ ข้นึ เก่ียวกบั สทิ ธหิ รือหนา ท่ีของ
บุคคลใดตามกฎหมายแพง หรอื
บคุ คลใดจะตอ งใชสิทธิทางศาล
บุคคลนัน้ ชอบทจี่ ะเสนอคดีของตนตอ ศาลสวนแพง
ท่ีมเี ขตอำนาจได
ตามบทบัญญัติแหง กฎหมายแพง และประมวลกฎหมายนี้
ดงั น้นั
“ เราในฐานะทนายจำเลย จงึ ตอ งพจิ ารณากอนวา หน้ีตามสญั ญากูยืม
ดังกลาวเปนหนี้มีกำหนดตามวันปฏิทินหรือไม เพื่อจะไดทราบวา
ลูกความฝายเรา(จำเลย) โตแ ยงสทิ ธขิ องโจทกจ ริงหรอื ไม ”
แตกอนอื่นตองทราบวา “หนี้ตามวันปฏิทิน ” คืออะไร?
ตอบ หนี้ที่กำหนดใหชำระโดยระบุวันเดือนปอยางชัดเจน รวมถึงกรณีที่ตอง
บอกกลาวลวงหนากอนการชำระหนี้ ซึ่งไดกำหนดเวลาลงไวอาจคำนวณนับ
ไดโดยปฏิทินนับแตวันที่ไดบอกกลาว (ป.พ.พ. มาตรา 204 ว.2 ตอนทาย)
(พบไดในกรณีหนังสือบอกกลาวทวงถามของทนายความ) 3
ป.พ.พ. มาตรา 204 ว.2 วางหลักและแยกองคประกอบไดว า …
ถา ไดก ำหนดเวลาชำระหนไ้ี วตามวันแหง ปฏทิ ิน และ
ลูกหน้มี ไิ ดชำระหนตี้ ามกำหนดไซร
ทา นวา ลกู หน้ีตกเปน ผผู ิดนดั โดยมิพกั ตอ งเตอื นเลย
วธิ ีเดียวกันน้ที าน ใหใชบังคบั แกกรณที ่ตี อ งบอกกลา วลวงหนา
กอ นการชำระหนี้ ซึ่งไดก ำหนดเวลาลงไวอาจคำนวณนบั ได โดย
ปฏิทินนบั แตวนั ทไ่ี ดบอกกลาว
หากเปนหนี้มกี ำหนดชำระตามวนั แหง ปฏิทิน
หากยังไมถึงกำหนดวนั แหงปฏิทินดงั กลา ว
แลว ผใู หกูม าฟอง เชนน้ี ตอ งถอื วาเรายังไม
ผดิ นัด เพราะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 204
วรรคสอง มหี ลกั วา
“ลูกหน้ีจะตกเปน ผูผิดนดั โดยมิพกั ตอ งเตอื น ตอ เม่อื ลกู หน้มี ิได
ชำระหน้ีตามกำหนดวันแหง ปฏทิ ิน ”
แตหากเปนหนี้ไมมีกำหนดชำระตามวันแหงปฏิทิน ผูกูยืมจะตกเปนผูผิดนัด
ตอเมื่อผูใหกูยืมไดมีการบอกกลาวทวงถามมาถึงผูกูยืม และผูกูยืมก็มิได
ชำระหนี้นั้น เชนนี้ ผูกูยืมตกเปนผูผิดนัด อันเปนการโตแยงสิทธิของผูใหกูยืม
แลว ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพง มาตรา 55
4
หากผูใหกูยืมยังไมมีการบอกกลาวทวงถามมายังผูกูยืม เชนนี้
ผูกูยืมยังไมตกเปนผูผิดนัด เพราะตามประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย มาตรา 204 วรรคหนึ่ง มีหลักวา.....
“ลูกหนี้ตกเปนผูผิดนัดเพราะเขาเตือน ตอเมื่อหนี้ถึงกำหนด
ชำระแลว และเจาหนี้ไดใหคำเตือน (การบอกกลาวทวงถาม)
แกลูกหนี้ แตลูกหนี้ก็ไมชำระหนี้ ”
ป.พ.พ. มาตรา 204 ว.1 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
ถาหนี้ถึงกำหนดชำระแลว และ
ภายหลังแตนั้นเจาหนี้ไดใหคำเตือนลูกหนี้แลว
ลูกหนี้ยังไมชำระหนี้ไซร
ลูกหนี้ไดชื่อวาผิดนัดเพราะเขาเตือนแลว
ขอสังเกต หนี้ไมมีกำหนดชำระตามวันแหงปฏิทิน ถือวาเปนกรณีเวลา
อันพึงจะชำระหนี้นั้นมิไดกำหนดลงไว เจาหนี้ยอมจะเรียกใหชำระหนี้ได
โดยพลัน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 203 ว.1 จึงเปนกรณีหนี้ถึงกำหนดชำระ
ตามป.พ.พ. มาตรา 204 ว.1แลว
ป.พ.พ. มาตรา 203 ว.1 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
ถาเวลาอันจะพึงชำระหนี้นั้นมิไดกำหนดลงไว หรือ
จะอนุมานจากพฤติการณทั้งปวงก็ไมได ไซร
ทานวา เจาหนี้ยอมจะเรียกใหชำระหนี้ไดโดยพลัน และ
ฝายลูกหนี้ก็ยอมจะชำระหนี้ของตนไดโดยพลันดุจกัน
5
“เม่อื ผูกูย งั ไมผิดนดั ผใู หกูก็ยงั ไมมสี ทิ ธิฟองหรอื เรียกรอ งใหผคู ้ำประกัน
รับผดิ ได ตาม ป.พ.พ. มาตรา 686 วรรคหนึ่ง”
ป.พ.พ. มาตรา 686 ว.1 วางหลกั และแยกองคประกอบไดว า…
เม่อื ลกู หนี้ผดิ นดั
ใหเจาหนี้มีหนังสือบอกกลาวไปยังผูค้ำประกันภายในหกสิบวัน
นับแตว ันทลี่ กู หน้ีผิดนัด และ
ไมว า กรณจี ะเปน ประการใด เจา หนจ้ี ะเรยี กใหผ คู ำ้ ประกนั ชำระหน้ี
กอ นท่ีหนังสือบอกกลา วจะไปถงึ ผูคำ้ ประกันมิได
แตไมตัดสิทธิผูค้ำประกันที่จะชำระหนี้เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ
ดังนั้น เมื่อจำเลยผูกูยังไมผิดนัด
“เราทนายความจำเลยตองตอสูไป โดยอาศัยหลักกฎหมาย ป.พ.พ.
มาตรา 204 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 55 เพื่อใหศาลยกฟองครับ”
ซึ่งประเด็นวา โจทกถูกจำเลยโตแยงสิทธิจริงหรือไม
เปนปญหาเกี่ยวดวยความสงบเรียบรองของประชาชน
แมจำเลยไมยกขึ้นตอสูในคำใหการ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา142(5)
6
(3)
ฟอ งโจทกข าดอายุความหรอื ไม?
การทเ่ี ราจะรวู า ฟองโจทกข าดอายคุ วามหรอื ไม ?
เราตอ งทราบวา หนี้ที่โจทกน ำมาฟอ งเปน หน้กี ยู ืมประเภทใด
1 บตั รเครดติ
หากเปนหนี้ที่โจทกเปนผูประกอบธุรกิจ เชน ธนาคาร เปนตน โดยออกเงิน
ทดรองหรือสำรองเงินจายแทนจำเลยไปกอน ในกรณที ี่จำเลยนำบัตรเครดติ
ไปใชรดู ซ้ือสนิ คา บริการ หรือใชกดเงินสดออกมา และมกี ารเรียกใหช ำระเงนิ
ในภายหลงั เชนนี้ เรียกวา ...
สัญญาบัตรเครดิต มีอายุความ 2 ป
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (7)
ป.พ.พ. มาตรา 193/34(7) วางหลกั และแยกองคประกอบไดว า …
สิทธิเรียกรอง ดงั ตอไปนี้ ใหม ีกำหนดอายุความสองป
บุคคลซึ่งมิไดเขาอยูในประเภทที่ระบุไวใน ม.193/34 (1)
แตเปนผูประกอบธุรกิจในการดูแลกิจการของผูอื่น หรือ
รับทำงานการตา ง ๆ เรยี กเอาสินจางอนั จะพงึ ไดร บั ในการนน้ั
รวมทัง้ เงนิ ท่ีไดออกทดรองไป
7
2 การกยู ืมทต่ี อ งชำระหนีเ้ ปนงวดๆ
หนี้ที่ผูกูตองชำระแกผูใหกู โดยการผอนเปนงวด ๆ จนครบจำนวนเงิน
ที่กูยืมไป มีอายุความ 5 ป ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/35(2)
ป.พ.พ. มาตรา 193/35(2) วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
สิทธิเรียกรองดังตอไปนี้ ใหมีกำหนดอายุความหาป
เงินที่ตองชำระ เพื่อผอนทุนคืนเปนงวด ๆ
ขอสังเกต ปจจุบันนี้ มีกฎหมายแกไขใหม เกี่ยวกับหนี้ที่ตองผอน
คืนทุนเปนงวดๆ วา…...
“เจาหนี้เรียกดอกเบี้ยผิดนัด ไดเฉพาะงวดที่ลูกหนี้ผิดนัดเทานั้น”
3 การกูยืมท่วั ไป
หนี้กูยืมทั่วไป คือ หนี้กูยืมที่ไมมีกฎหมายกำหนดอายุความไวโดยเฉพาะ
จึงมีอายุความ 10 ป ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30
ป.พ.พ. มาตรา 193/30 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
อายุความนั้น
ถาประมวลกฎหมายนี้ (ป.พ.พ.) หรือกฎหมายอื่นมิไดบัญญัติไว
โดยเฉพาะ
ใหมีกำหนดสิบป
8
4 ผูกู ผคู ำ้ ประกัน ผูจ ำนองถึงแกความตาย
กรณีผูกูถึงแกความตาย แมมูลหนี้เดิมจะมีอายุความ 2, 5 หรือ 10 ป
ตามกฎหมายที่ไดกลาวมาขางตน หากผูกูตาย ผูใหกูตองฟองทายาท
หรือผูจัดการมรดกของผูกู
ภายในอายุความ 1 ป นับแตผูใหกูไดรู หรือควรไดรูถึงความตายของผูกู
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 ว.3 และแมผูใหกูจะยังไมรู หรือไมควรรู
ถึงความตายของผูกู แตหากพนอายุความ 10 ป นับแตผูกูตาย
เชนนี้ คดีก็ขาดอายุความแลว
ป.พ.พ. มาตรา 1754 ว.3 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
ภายใตบังคับแหงมาตรา 193/27 แหงประมวล
กฎหมายนี้
ถาสิทธิเรียกรองของเจาหนี้อันมีตอเจามรดกมี
กำหนดอายุความยาวกวาหนึ่งป
มิใหเจาหนี้นั้นฟองรอง เมื่อพนกำหนดหนึ่งป
นับแตเมื่อเจาหนี้ไดรู หรือควรไดรูถึงความตาย
ของเจามรดก
ขอสังเกต ทายาทผูมีสิทธิรับมรดกหรือผูจัดการมรดกของผูกู หากถูกฟอง
จากผใู หก ู กไ็ มต อ งรบั ผดิ เกนิ ทรพั ยม รดกทต่ี กทอดแกต น ตาม ป.พ.พ. มาตรา
1601 ( ขอพึงระวัง หากไปทำสัญญายอมในชั้นศาล เชนนี้ ก็ตองรับผิดตาม
สัญญายอมนะครับ )
ป.พ.พ. มาตรา 1601 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
“ทายาทไมจำตองรับผิดเกินกวาทรัพยมรดกที่ตกทอดไดแกตน”
9
5 อายคุ วามดอกเบ้ีย
สิทธิเรียกรองดอกเบี้ยคางชำระ “มีอายุความ 5 ป ”
ตามป.พ.พ. มาตรา 193/33 (1)
ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (1) วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
สิทธิเรียกรองดังตอไปนี้ ใหมีกำหนดอายุความหาป
ดอกเบี้ยคางชำระ
ขอสังเกต ปจ จุบนั มีกฎหมายแกไ ขใหม ในเร่ืองดอกเบ้ียทเี่ รยี กรองกนั ระหวาง
ผูใหกูมิใชสถาบันการเงินกับผูกู โดยกฎหมายไดลดอัตราดอกเบี้ยลงจากเดิม
โดยใหผูใหกูมีสิทธิเรียกรองดอกเบี้ยไดรอยละ 3 ป กรณีมีการตกลงใหเรียก
ดอกเบี้ยได แตมิไดกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว ป.พ.พ. มาตรา 7 แตหากมีการ
ผิดนัด ใหเรียกดอกเบี้ยเพิ่มอีกรอยละ 2 ตอป เมื่อรวมกันแลวผูใหกูจึงมีสิทธิ
เรยี กรอ งเบย้ี ผดิ นดั ไดร อ ยละ 5 ตอ ป ตามมาตรา 224 ว.1
หมายเหตุ หากหน้ีขาดอายุความ ลกู หน้สี ามารถยกขนึ้ ตอ สเู จา หนี้ เพื่อปฏิเสธ
การชำระหนี้ได ตามมาตรา 193/10 ซึ่งปญหาเรื่องอายุความ มิใชปญหา
อันเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชน ดังนั้น หากจำเลยไมยกขึ้น
ตอสูไวในคำใหการ ศาลก็ไมอาจยกเหตุผลดังกลาวขึ้นเพื่อยกฟองคดีได
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/29 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 142(5)
ป.พ.พ. มาตรา 193/10 วางหลักและ ป.พ.พ. มาตรา 193/29 วางหลักและ
แยกองคประกอบไดวา…
แยกองคประกอบไดวา…
เมื่อไมไดยกอายุความขึ้นเปนขอตอสู
สิทธิเรียกรองที่ขาดอายุความ ศาลจะอางเอาอายุความมาเปนเหตุ
ยกฟองไมได
ลูกหนี้มีสิทธิที่จะปฏิเสธการชำระหนี้
ตามสิทธิเรียกรองนั้นได
10
ทนายเกา ขอกลาววา “ หากมีประเด็นวาฟองโจทก
ขาดอายคุ วาม ทนายจำเลยอยางเราอยาปลอยใหหลุดมือ
ยกขึ้นสูในคำใหการและยื่นคำรองขอใหศาลวินิจฉัยชี้ขาด
ในปญหาขอกฎหมาย ตามป.วิ.พ. มาตรา 24 ทนั ทคี รบั ”
ป.วิ.พ. มาตรา 24 ว.1 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
เมื่อคูความฝายใดยกปญหาขอกฎหมายขึ้นอาง
ซึ่งถาหากไดวินิจฉัยใหเปนคุณแกฝายนั้นแลว
จะไมตองมีการพิจารณาคดีตอไปอีก หรือ
ไมตองพิจารณาประเด็นสำคัญแหงคดีบางขอ หรือ
ถึงแมจะดำเนินการพิจารณาประเด็นขอสำคัญแหงคดีไป
ก็ไดความชัดขึ้นอีกแลว
เมื่อศาลเห็นสมควร หรือ เมื่อคูความฝายใดฝายหนึ่งมีคำขอ
ใหาลมีอำนาจที่จะมีคำสั่งใหมีผลวากอนดำเนินการพิจารณาตอไป
ศาลจะไดพิจารณาปญหาขอกฎหมายเชนวานี้แลว วินิจฉัยชี้ขาด
เบื้องตนในปญหานั้น
สวนการนับอายุความใหเริ่มนับแตเมื่อใดนั้น
ผมขอแบงแบบงายๆ และใชบอย ๆ อยู 2 กรณี ดังนี้
11
1.กรณีหนี้มีกำหนด
อายุความใหเริ่มนับตั้งแตขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกรองไดเปนตนไป
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/12 เชน วันที่ถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ เปนตน
ป.พ.พ. มาตรา 193/12 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
อายุความใหเริ่มนับแตขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกรองไดเปนตนไป
ถาเปนสิทธิเรียกรองใหงดเวนกระทำการอยางใด ใหเริ่มนับแตเวลา
แรกที่ฝาฝนกระทำการนั้น
2.กรณีหนี้ไมมีกำหนด
อายุความใหเริ่มนับตั้งแตเวลาแรกที่อาจทวงถามไดเปนตนไป ตาม
ป.พ.พ. มาตรา 193/13 เชน วันที่ทำสัญญากูยืม เปนตน
ป.พ.พ. มาตรา 193/13 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
สิทธิเรียกรองที่เจาหนี้ยังไมอาจบังคับไดจนกวาจะไดทวงถามใหลูกหนี้
ชำระหนี้กอน ใหเริ่มนับอายุความตั้งแตเวลาแรกที่อาจทวงถามได
เปนตนไป
แตถาลูกหนี้ยังไมตองชำระหนี้จนกวาระยะเวลาหนึ่งจะไดลวงพนไปแลว
นับแตเวลาที่ไดทวงถามนั้น ใหเริ่มนับอายุความตั้งแตระยะเวลานั้นได
สิ้นสุดไปแลว
12
(4)
โจทกฟอ งผดิ ศาลหรือไม ?
โดยสวนมากแลวคดีผิดสัญญากูยืม ค้ำประกันและจำนอง หากมีการเรียกดอกเบี้ย
เปนการตอบแทนมาดวย ยอมเปนคดีผูบริโภค ซึ่งตามมาตรา 17 แหงพระราชบัญญัติ
วิธีพิจารณาคดีผูบริโภค พ.ศ.2551 บัญญัติใหผูประกอบธุรกิจ(ผูใหกู)จะฟองผูบริโภค
(ผูกู, ผูค้ำประกัน และผูจำนอง)เปนคดีผูบริโภค แมผูประกอบธุรกิจมีสิทธิเสนอ
คำฟองตอศาลที่ผูบริโภคมีภูมิลำเนาอยูในเขตศาล หรือตอศาลอื่นไดดวย เชน ศาล
ที่มูลคดีเกิดในเขตศาล ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4(1) แตกฎหมายฉบับนี้ก็บัญญัติบังคับ
ใหผ ปู ระกอบธรุ กจิ ตองเสนอคำฟองตอศาลที่
“ ผูบริโภคมีภูมิลำเนาอยูในเขตศาลไดเพียงแหงเดียวเทานั้น ”
ป.ว.ิ ผบู รโิ ภค มาตรา 17 วางหลกั และแยก หากโจทกฝาฝน ศาลชั้นตนชอบที่
องคป ระกอบไดว า … จะสั่งไมรับคำฟองได ตามป.วิ.พ.
มาตรา 18 ว.3 อันเปนคำสั่งในชั้น
ในกรณีที่ผูประกอบธุรกิจจะฟองผูบริโภค ตรวจคำฟอง แตหากลวงเลยเวลา
เปนคดีผูบริโภคและ ในชั้นตรวจคำฟอง “เราในฐานะ
ผูประกอบธุรกิจมีสิทธิเสนอคําฟองตอ ทนายความจำเลยมสี ิทธยิ กขึ้นตอสู
ศาลทผ่ี บู ริโภคมภี มู ลิ าํ เนาอยูในเขตศาล ในคำใหการได ยอมเปนประเด็น
หรือตอศาลอื่นไดดวย ขอ พพิ าทแหง คดใี หศ าลตอ งวนิ จิ ฉยั
ใหผูประกอบธุรกิจเสนอคําฟองตอศาลที่ ชี้ขาดเปนขอแพชนะกันตอไป ”
ผูบริโภคมีภูมิลําเนาอยูในเขตศาลไดเ พยี ง
แหง เดยี ว
ขอสงั เกต : ภูมลิ ำเนาของผบู รโิ ภค (ผูก,ู ผูค้ำประกัน และผจู ำนอง) ไดแ ก หลกั แหลง อันสำคัญของ
บุคคลนั้น เชน ภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎร ปรากฏตามบัตรประชาชน หรือ ทะเบียนราษฎร
แมความจริงจะอยูที่อื่นก็ตามภูมิลำเนาตามความเปนจริง ถือตามความเปนจริง หากอยูที่ใดเปน
ประจำกถ็ ือทีน่ ัน้ เปน ภมู ิลำเนาได และรวมถงึ สถานท่ีทำงานดว ย เปน ตน
13
(5)
โจทกฟ อ งผดิ เรือ่ งหรือไม?
การที่ผูใหกูมาฟองผูกูยืม ผูค้ำประกันและผูจำนอง ใหรับผิดในเงินตนและ
ดอกเบี้ย ยอมเปนคดีผูบริโภค เพราะเปนคดีแพงระหวางผูบริโภคกับผู
ประกอบธุรกิจซึ่งพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิหรือหนาที่ตามกฎหมายอันเนื่อง
มาจากการบรโิ ภคสนิ คา หรอื บรกิ าร ตามมาตรา 3(1) แหง พระราชบญั ญตั ิ
วิธีพิจารณาคดีผูบริโภค พ.ศ.2551
“ ดงั นน้ั เราในฐานะทนายความจำเลย
หากเห็นวาโจทกนำคดี เชนนี้ มาฟองเปนคดีมโนสาเร หรือคดีแพง
สามัญ เราตองยื่นคำรองขอใหประธานศาลอุทธรณวินิจฉัยวาเปน
คดีผูบริโภคหรือไม โดยตองยื่นอยางชาในวันชี้สองสถานหรือ
วันสืบพยานกรณีไมมีการชี้สองสถาน ตามมาตรา 8 ”
ป.วิ.ผูบรโิ ภค มาตรา 8 ว.1 วางหลกั และ ไมวาโดยคูความเปนผูขอ หรือโดยศาลเห็น
แยกองคป ระกอบไดวา… สมควร
ถา เปน การขอในคดผี บู รโิ ภคตอ งกระทำอยา งชา
ในกรณีมีปญหาวาคดีใดเปนคดี ในวนั นดั พจิ ารณา
ผูบ รโิ ภคหรือไม แตถาเปนการขอในคดีอื่นตองกระทำอยางชา
ใหป ระธานศาลอทุ ธรณเ ปน ผวู นิ จิ ฉยั ในวันชี้สองสถาน หรือวันสืบพยาน ในกรณีที่
คำวนิ จิ ฉยั ของประธานศาลอทุ ธรณ ไมม กี ารชส้ี องสถาน
ใหเปน ทีส่ ดุ หากพนกำหนดเวลาดังกลาวแลว หามมิใหมี
แตทั้งนี้ไมกระทบถึงกระบวนพิจารณา การขอใหว นิ จิ ฉยั ปญ หาดงั กลา วอกี และ
ใด ๆ ทไ่ี ดก ระทำไปกอ นทจ่ี ะมคี ำวนิ จิ ฉยั น้ัน เมื่อไดรับคำขอจากศาลชั้นตนแลว ใหประธาน
ว.2 ศาลอุทธรณมีคำวินิจฉัยและแจงผลไปยัง
การขอใหป ระธานศาลอทุ ธรณว ินิจฉยั ศาลชน้ั ตน โดยเรว็
ปญหาตามวรรคหนงึ่
14
“ขอ ตอสูท ี่ปรากฏภายหลงั
สอบขอ เทจ็ จริงแลว”
เปน ขอตอสูท่ีปรากฏภายหลังจากท่ที นายอยา งเรา
ไดสอบขอเท็จจริงหรือเรื่องราวจากจำเลยแลว
จึงทราบขอตอสู อนั เปนขอ ตอ สูใ นเน้ือหาของคดี
ประเด็นวา…
1 โจทกยังมิไดมีหนังสือบอกกลาวใหชำระหนี้
2 จำเลยไมใชผูกู ผูค้ำประกันหรือผูจำนอง
3 โจทกไมมีหลักฐานฟองจำเลย
4 การกูยืมเปนโมฆะ
5 ดอกเบี้ยโมฆะ
6 มูลหนี้กูยืมเปนอันระงับแลว
7 เจาหนี้ไมมีสิทธิเรียกรอง
8 หนี้เดิมไมสมบูรณ
9 การค้ำประกันและจำนองเปนโมฆะ
15
1 โจทกยังมิไดมีหนังสือบอกกลาวใหชำระหนี้
ถาผูกูผิดนัดแลว ผูใหกูมีหนาที่ตองบอกกลาวเปนหนังสือไป
ยังผูค้ำประกันใหมาชำระหนี้ ภายใน 60 นับแตลูกหนี้ผิดนัด
มิฉะนั้น จะไมมีอำนาจฟองผูค้ำประกัน แตหากผูใหกูบอกกลาว
เปนหนังสืออยู แตลวงเลยระยะเวลา 60 วัน ผูค้ำประกันยอม
ตองรับผิดเฉพาะเงินตนเทานั้น ไมรวมดอกเบี้ย คาสินไหมทดแทน
คาภาระติดพันอันเปนอุปกรณแหงหนี้ ที่เกิดขึ้นภายหลังพนกำหนด
เวลา 60 วันดังกลาว ตามป.พ.พ. มาตรา 686 ว.2
ป.พ.พ. มาตรา 686 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
ว.1
เมื่อลูกหนี้ผิดนัด
ใหเจาหนี้มีหนังสือบอกกลาวไปยังผูค้ำประกัน ภายในหกสิบวัน
นับแตวันที่ลูกหนี้ผิดนัด และ
ไมวากรณีจะเปนประการใด เจาหนี้จะเรียกใหผูค้ำประกันชำระหนี้
กอนที่หนังสือบอกกลาวจะไปถึงผูค้ำประกันมิได
แตไมตัดสิทธิผูค้ำประกันที่จะชำระหนี้ เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ
ว. 2
ในกรณีที่เจาหนี้มิไดมีหนังสือบอกกลาวภายใน
กำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง
ใหผูค้ำประกันหลุดพนจากความรับผิดในดอกเบี้ย
และคาสินไหมทดแทน ตลอดจนคาภาระติดพันอัน
เปน อปุ กรณแ หง หนร้ี ายนน้ั บรรดาทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายหลงั
จากพนกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง
16
สว นการจำนอง แบบออกเปน 2 กรณี คือ
1.“กรณีผูกนู ำทรพั ยส ินของตนมาจำนอง”
กอนฟองคดีผูรับจำนอง (ผูใหกู) ตองมีหนังสือบอกกลาวใหผูกู
(ผูจำนอง)ชำระหนี้ ภายในเวลาอันสมควร แตตองไมนอยกวา 60 วัน
นับแตไดรับคำบอกกลาวนั้น
มิฉะนั้น ผูรับจำนอง(ผูใหกู)ไมมีอำนาจฟองยึดทรัพยสินที่จำนอง
ออกขายทอดตลาดได ตามป.พ.พ. มาตรา 728 ว.1
ป.พ.พ. มาตรา 728 ว.1 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
เมื่อจะบังคับจำนองนั้น
ผูรับจำนองตองมีหนังสือบอกกลาวไปยังลูกหนี้กอนวาใหชำระหนี้
ภายในเวลาอันสมควรซึ่งตองไมนอยกวาหกสิบวัน นับแตวันที่ลูกหนี้
ไดรับคำบอกกลาวนั้น
ถาและลูกหนี้ละเลยเสียไมปฏิบัติตามคำบอกกลาว
ผูรับจำนองจะฟองคดีตอศาลเพื่อใหพิพากษาสั่งใหยึดทรัพยสิน
ซึ่งจำนอง และใหขายทอดตลาดก็ได
17
2. “กรณีบคุ คลภายนอกนำทรพั ยสนิ ของตนมาจำนอง”
กอนฟองคดีผูรับจำนอง(ผูใหกู) ตองมีหนังสือบอกกลาวใหผูจำนอง
ซึ่งเปนบุคคลภายนอกทราบ ภายใน 15 วัน นับแตวันที่ไดสงแจงให
ผูกูทราบ
มิฉะนั้น
จะไมมีอำนาจฟองผูจำนองซึ่งเปนบุคคลภายนอก
แตหากผูรับจำนอง(ผูใหกู)บอกกลาวเปนหนังสืออยู แตลวงเลยระยะ
เวลา 15 วัน ผูจำนองซง่ึ เปน บคุ คลภายนอกยอ มตอ งรบั ผดิ เฉพาะเงนิ ตน
เทา นน้ั ไมร วมดอกเบย้ี คา สนิ ไหมทดแทน คา ภาระตดิ พนั อนั เปน อปุ กรณ
แหงหนี้ ที่เกิดขึ้นภายหลังพนกำหนดเวลา 15 วันดังกลาว ตามป.พ.พ.
มาตรา 728 ว.2
ป.พ.พ. มาตรา 728 ว.2 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
ในกรณีตามวรรคหนึ่ง ถาเปนกรณีผูจำนองซึ่งจำนองทรัพยสิน
ของตนไว เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นตองชำระ
ผูรับจำนองตองสงหนังสือบอกกลาวดังกลาวใหผูจำนองทราบ
ภายในสิบหาวันนับแตวันที่สงหนังสือแจงใหลูกหนี้ทราบ
ถาผูรับจำนองมิไดดำเนินการภายในกำหนดเวลาสิบหาวันนั้น
ใหผูจำนองเชนวานั้นหลุดพนจากความรับผิดในดอกเบี้ย และ
คาสินไหมทดแทนซึ่งลูกหนี้คางชำระ ตลอดจนคาภาระติดพันอัน
เปนอุปกรณแหงหนี้รายนั้น บรรดาที่เกิดขึ้นนับแตวันที่พนกำหนด
เวลาสิบหาวันดังกลาว
18
2 จำเลยไมใชผูกู ผูค้ำประกันหรือผูจำนอง
ผูที่จะเปนผูกู ผูค้ำประกัน หรือผูจำนองไดนั้น “ตองมีเจตนากูยืมเงิน
เจตนาค้ำประกัน และเจตนาจำนอง” ตามหลักกกฎหมายประมวลแพง
และพาณิชย มาตรา 149 มีหลักวา
“ผูกูยืม ผูค้ำประกัน หรือผูจำนอง ตองมีเจตนากูยืมเงิน ค้ำประกัน
หรือจำนองดวยใจสมัคร มุงโดยตรงตอการผูกนิติสัมพันธขึ้นระหวางบุคคล
เพื่อกอใหเกิดสิทธิความเปนเจาหนี้และลูกหนี้ตอกัน ”
ดังนั้น เมื่อเราไมเปนผูกูยืม ผูค้ำประกัน หรือผูจำนอง เราก็ไม
ตองรับผิดฐานผิดสัญญากูยืมเงิน ผิดสัญญาค้ำประกัน หรือ
ผิดสัญญาจำนองครับ
เมื่อจำเลยไมใชผูกู ผูค้ำประกัน หรือผูจำนอง
“เราทนายความจำเลยตองตอสูไป โดยอาศัยหลักกฎหมาย
ป.พ.พ. มาตรา 149 เพื่อใหศาลยกฟองครับ”
19
3 โจทกไมมีหลักฐานฟองจำเลย
ในเรื่องการกูยืมเงินกันนั้น
กฎหมายบังคับวาในการกูยืมเงินกันกวา 2,000 บาท
(คือ สองพันบาทยี่สิบหาสตางค)
“ตองทำหลักฐานเปนหนังสือลงมือชื่อผูกูเปนสำคัญ” ผูใหกูจึงจะฟองรอง
ผูกูได ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 653 วรรคหนึ่ง
ดังนั้น
“หากการกูยืมดังกลาวไมมีหลักฐานเปนหนังสือ
ลงลายมือชื่อผูกูเปนสำคัญ ผูใหกูก็จะฟองผูกูไมได”
แตหากเปนการกูยืมเงินกัน 2,000 บาท พอดี หรือต่ำกวานั้น แมการกูยืมเงิน
ดังกลาวไมไดทำหลักฐานเปนหนังสือ ผูใหกูยืมก็มีสิทธิฟองผูกูไดโดยนำพยาน
บุคคลเขาสืบได
ป.พ.พ. มาตรา 653 ว.1 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
การกูยืมเงินกวาสองพันบาทขึ้นไปนั้น
ถามิไดมีหลักฐานแหงการกูยืมเปนหนังสืออยางใดอยางหนึ่ง
ลงลายมือชื่อผูยืมเปนสำคัญ
จะฟองรองใหบังคับคดีหาไดไม
20
“รวมถึงกรณีผูค้ำประกันดวย”
“กฎหมายบังคับวาในการค้ำประกันตองมีหลักฐาน
เปนหนังสือลงลายมือชื่อผูค้ำประกันเปนสำคัญ”
ผูใหกูจึงจะฟองผูค้ำประกันได
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 680 วรรคสอง
ดังนั้น
“หากการค้ำประกันดังกลาวไมมีหลักฐานเปนหนังสือ
ลงลายมือชื่อผูค้ำประกันเปนสำคัญ ผูใหกูก็จะฟองผูค้ำประกันไมได”
ป.พ.พ. มาตรา 680 ว.2 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
สัญญาค้ำประกันนั้น
ถามิไดมีหลักฐานเปนหนังสืออยางใดอยางหนึ่งลงลายมือชื่อ
ผูค้ำประกันเปนสำคัญ
ทานวา จะฟองรองใหบังคับคดีหาไดไม
แมการกูยืมเงินเกินกวา 2,000 บาท ที่ไมมีหลักฐานเปนหนังสือ
จะทำใหฟองผูกูใหรับผิดไมได แตก็ถือวาเปนหนี้อันสมบูรณ
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 681 วรรคหนึ่ง
ที่ผูค้ำประกันตองรับผิดตอผูใหกู
ป.พ.พ. มาตรา 681 ว.1 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
“อันค้ำประกันนั้นจะมีไดแตเฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ”
21
แตอยางไรก็ตาม ประเด็นวา “ผูใหกูไมมีหลักฐานเปนหนังสือ
ลงลายมือชื่อผูกูมาฟองคดี” ถือวา เปนขอตอสูของลูกหนี้ผูกู
ที่ผูค้ำประกันตองยกขึ้นตอสูเจาหนี้ผูใหกู ตามมาตรา 694
ป.พ.พ. มาตรา 694 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
นอกจากขอตอสูซึ่งผูค้ำประกันมีตอเจาหนี้นั้น
ทานวา ผูค้ำประกันยังอาจยกขอตอสูทั้งหลาย
ซึ่งลูกหนี้มีตอเจาหนี้ขึ้นตอสูไดดวย
หากผูค้ำประกันละเลยไมยกขอตอสูดังกลาว ยอมสิ้นสิทธิไลเบี้ย
เอาแกผูกูเพียงเทาที่ไมยกเปนขอตอสู ตามมาตรา 695
ป.พ.พ. มาตรา 695 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
ผูค้ำประกันซึ่งละเลยไมยกขอตอสูของลูกหนี้ขึ้นตอสูเจาหนี้นั้น
ทานวา ยอมสิ้นสิทธิที่จะไลเบี้ยเอาแกลูกหนี้เพียงเทาที่ไมยกขึ้น
เปนขอตอสู
เวนแต จะพิสูจนไดวาตนมิไดรูวามีขอตอสูเชนนั้น และที่ไมรูนั้น
มิไดเปนเพราะความผิดของตนดวย
22
ขอสังเกต
การกูยืมเงินกันกวา 2,000 บาท มีสวนที่เกี่ยวของกับ
กฎหมายลักษณะพยาน คือ ป.วิ.พ. มาตรา 94 ซึ่งมีหลักวา
“การกูยืมเงินกันกวา 2,000 บาท ตองทำหลักฐานเปน
หนังสือลงมือชื่อผูกูเปนสำคัญ ผูใหกูจึงจะฟองรองผูกูได
ตามป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคหนึ่ง อันเปนกรณีกฎหมาย
บังคับใหตองมีพยานเอกสารมาแสดง จึงไมอาจนำพยาน
บุคคลมาสืบในประเด็นวามีการกูยืมเงินกันจริงหรือไม
จึงตองใชสัญญากูยืมอันเปนพยานเอกสารมานำสืบเอา”
ป.วิ.พ. มาตรา 94 ว.1 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
เมื่อใดมีกฎหมายบังคับใหตองมีพยานเอกสารมาแสดง
หามมิใหศาลยอมรับฟงพยานบุคคลในกรณีอยางใดอยางหนึ่ง
ดังตอไปนี้ แมถึงวาคูความอีกฝายหนึ่งจะไดยินยอมก็ดี
(ก) ขอสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสาร เมื่อไมสามารถนำ
เอกสารมาแสดง
(ข) ขอสืบพยานบุคคลประกอบขออางอยางใดอยางหนึ่ง เมื่อ
ไดนำเอกสารมาแสดงแลว วา ยงั มขี อความเพม่ิ เตมิ ตดั ทอน
หรือเปลี่ยนแปลงแกไขขอความในเอกสารนั้นอยูอีก
ดังนั้น แมเราจะกูยืมจริง
แตเราทนายจำเลยมีสิทธิยกขอตอสู
โดยอาศัยหลักฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา มาตรา 653 วรรคหนึ่ง
เพื่อให “ศาลยกฟอง” ครับ
23
4 การกูยืมเปนโมฆะ
การกูยืม การค้ำประกัน และการจำนอง เปนทำนิติกรรมอยางหนึ่ง
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 149
ดังนั้น หากการกูยืม การค้ำประกัน และการจำนอง เปนกระทำไป
โดยมีวัตถุประสงค
ตองหามชัดแจงโดยกฎหมาย
เปนการพนวิสัย หรือ
เปนการขัดตอความสงบเรียบรอยของประชาชน
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
“การกูยืม การค้ำประกัน และการจำนอง
ก็เปนโมฆะตาม มาตรา 150 ”
ป.พ.พ. มาตรา 150 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
การใดมีวัตถุประสงค…
เปนการตองหามชัดแจงโดยกฎหมาย
เปนการพนวิสัย หรือ
เปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
การนั้นเปนโมฆะ
24
ตัวอยาง
ก. เลนการพนันเสียให ข. เจามือ เปนเงิน 100,000 บาท
ซึ่งมูลหนี้การพนัน ไมอาจทวงคืนกันได ตาม ป.พ.พ. มาตรา 853
ถา ก. ทำสัญญาวา “ตนเปนหนี้เงินกูยืม ข.”
เชนนี้ ถือวา การกูยืมเปนโมฆะ
เพราะ ตามมาตรา 150 เปนการกระทำโดยมีวัตถุประสงคตองหาม
ชัดแจงโดยกฎหมายและเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยของ
ประชาชนหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
เมื่อมูลหนี้กูยืมอันเปนหนี้ประธานเปนโมฆะ ผูค้ำประกัน และ ผูจำนอง
ก็ไมตองรับผิด เพราะ การค้ำประกันและการจำนองจะมีไดเฉพาะ
หนี้อันสมบูรณ ตามมาตรา 681 วรรคหนึ่ง และมาตรา 707
ประกอบ มาตรา 681 วรรคหนึ่ง
ดังนั้น แมเราจะทำสัญญากูยืมจริง
แตเราทนายจำเลยมีสิทธิยกขอตอสู
โดยอาศัยหลักฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา 150
เพื่อให “ศาลยกฟอง” ครับ
25
5 ดอกเบี้ยโมฆะ
สิทธิตามกฎหมาย ผูใหกูมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยไดสูงถึงรอยละ 15 ตอป
ตามป.พ.พ. มาตรา 654 “หากผูใหกูเรียกดอกเบี้ยเกินกวานั้น
มีผลเปนโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 150”
เนื่องจากขอตกลงดังกลาวมีวัตถุประสงคเปนการตองหามชัดแจง
โดยกฎหมาย และเปนการขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรม
อันดีของประชาชน ซึ่งกฎหมายที่ตองหามชัดแจงนั้น คือ พ.ร.บ.
หามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2561 มาตรา 4(1) ตองระวาง
โทษจําคุกไมเกินสองป หรือปรับไมเกินสองแสนบาท หรือทั้งจํา
ทั้งปรับ
พ.ร.บ. หามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2561 “เชนนี้ เราในฐานะทนายความ
มาตรา 4 (1) วางหลักและแยกองคประกอบ จำเลย ตองยกขอตอสูดังกลาว
ไดวา.... ตอศาล หากขอเท็จจริงรับฟง
ไดวาดอกเบี้ยเปนโมฆะ
บุคคลใดใหบุคคลอื่นกูยืมเงิน หรือกระทำการ
ใด ๆ อันมีลักษณะเปนการอำพรางการให ศาลชอบจะนำเงินที่จำเลย
กูยืมเงิน ชำระดอกเบี้ยไปแลว มาหักกับ
โดยมีลักษณะอยางใดอยางหนึ่งดังตอไปนี้ เงินตนได อีกทั้งผูกูยังมีสิทธิ
แจงความรองทุกขเอาผิดแก
(1) เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมาย ผูใหกูผูเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา
กำหนดไว ใหไดรับโทษทางอาญาได ”
ตองระวางโทษจำคุกไมเกินสองป หรือปรับ
ไมเกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
26
6 มูลหนี้กูยืมเปนอันระงับแลว
มูลหนี้กูยืมเปนมูลหนี้หลัก หรือมูลหนี้ประธาน เมื่อมูลหนี้ดังกลาว
ระงับแลว ผูกู ผูค้ำประกันหรือ ผูจำนอง ยอมหลุดพนความรับผิด
เราในฐานะทนายความจำเลย ตองทำคำใหการตอสูคดีในประเด็นดังกลาว
และตองทราบวา การทำคำใหการตอสูคดีวามูลหนี้กูยืมระงับแลว ถือวา
จำเลยรับในขอเท็จจริงแลววา “จำเลยทำสัญญากูยืมเงินจริง
แตยกขอตอสูขึ้นใหมวามูลหนี้กูยืมระงับแลว”
ประเด็นขอพิพาท “ จึงมีวามูลหนี้กูยืมระงับแลวหรือไม ”
โดยจำเลยเปนผูมีภาระการพิสูจนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 84/1
ป.วิ.พ. มาตรา 84/1 วางหลกั และแยกองคป ระกอบไดวา…
คูความฝายใดกลาวอางขอเท็จจริงเพื่อสนับสนุนคำคูความของตน
ใหคูความฝายนั้นมีภาระการพิสูจนขอเท็จจริงนั้น
แตถา…
มีขอสันนิษฐานไวในกฎหมาย หรือ
มีขอสันนิษฐานที่ควรจะเปนซึ่งปรากฏจากสภาพปกติธรรมดาของ
เหตุการณ เปนคุณแกคูความฝายใด
คูความฝายนั้นตองพิสูจนเพียงวาตนไดปฏิบัติตามเงื่อนไขแหงการ
ที่ตนจะไดรับประโยชนจากขอสันนิษฐานนั้นครบถวนแลว
27
ซึ่งเหตุที่ทำใหมูลหนี้เงินกูยืมระงับ มีดังนี้
6.1 ชำระหนี้แลว ผูกูชำระเงินครบถวนแลว
6.2 ปลดหนี้
ป.พ.พ. มาตรา 340 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา…
ว.1 ถาเจาหนี้แสดงเจตนาตอลูกหนี้วาจะปลดหนี้ให
ทานวา หนี้นั้นก็เปนอันระงับสิ้นไป
ว.2 ถาหนี้มีหนังสือเปนหลักฐานการปลดหนี้ก็…
ตองทำเปนหนังสือดวย หรือ
ตองเวนคืนเอกสารอันเปนหลักฐานแหงหนี้ใหแกลูกหนี้
หรือ ขีดฆาเอกสารนั้นเสีย
6.3 หักกลบลบหนี้
ป.พ.พ. มาตรา 341 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
ถาบุคคลสองคนตางมีความผูกพันซึ่งกันและกัน
โดยมูลหนี้อันมีวัตถุเปนอยางเดียวกัน และ
หนี้ทั้งสองรายนั้นถึงกำหนดจะชำระ ไซร
ทานวา ลูกหนี้ฝายใดฝายหนึ่งยอมจะหลุดพนจากหนี้
ของตนดวยหักกลบลบกันไดเพียงเทาจำนวนที่ตรงกัน
ในมูลหนี้ทั้งสองฝายนั้น
28 เวนแต สภาพแหงหนี้ฝายหนึ่งจะไมเปดชองใหหักกลบลบกันได
ซึ่งเหตุที่ทำใหมูลหนี้เงินกูยืมระงับ มีดังนี้
6.4 แปลงหนี้ใหม
ป.พ.พ. มาตรา 349 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
ว.1 เมื่อคูกรณีที่เกี่ยวของไดทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเปน
สาระสำคัญแหงหนี้ ไซร
ทานวา หนี้นั้นเปนอันระงับสิ้นไปดวยแปลงหนี้ใหม
ว.2 ถาทำหนี้มีเงื่อนไขใหกลายเปนหนี้ปราศจากเงื่อนไขก็ดี
เพิ่มเติมเงื่อนไขเขาในหนี้อันปราศจากเงื่อนไขก็ดี เปลี่ยน
เงื่อนไขก็ดี
ทานถือวา เปนอันเปลี่ยนสิ่งซึ่งเปนสาระสำคัญแหงหนี้นั้น
6.5 หนี้เกลื่อนกลืนกัน
ป.พ.พ. มาตรา 353 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
ถาสิทธิและความรับผิดในหนี้รายใดตกอยูแกบุคคลคนเดียวกัน
ทานวา หนี้รายนั้นเปนอันระงับสิ้นไป
เวนแต…
เมื่อหนี้นั้นตกไปอยูในบังคับแหงสิทธิของบุคคลภายนอก หรือ
เมื่อสลักหลังตั๋วเงินกลับคืนตามความในมาตรา 917 วรรค 3
29
ซึ่งเหตุที่ทำใหมูลหนี้เงินกูยืมระงับ มีดังนี้
6.6 ประนีประนอมยอมความ
ป.พ.พ. มาตรา 850 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
อันวาประนีประนอมยอมความนั้น คือ…
สัญญาซึ่งผูเปนคูสัญญาทั้งสองฝายระงับขอพิพาทอันใด
อันหนึ่งซึ่งมีอยู หรือ จะมีขึ้นนั้นใหเสร็จไปดวย
ตางยอมผอนผันใหแกกัน
ป.พ.พ. มาตรา 851 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
อันสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น
ถามิไดมีหลักฐานเปนหนังสืออยางใดอยางหนึ่ง
ลงลายมือชื่อฝายที่ตองรับผิด หรือ
ลายมือชื่อตัวแทนของฝายนั้นเปนสำคัญ
ทานวา จะฟองรองใหบังคับคดีหาไดไม
ป.พ.พ. มาตรา 852 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น
ยอมทำใหการเรียกรองซึ่งแตละฝายไดยอมสละนั้นระงับ
สิ้นไป และ
ทำใหแตละฝายไดสิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นวาเปน
ของตน
30
7 เจาหนี้ไมมีสิทธิเรียกรอง
โดยหลักแลว “ผูที่จะมีสิทธิเรียกรองหรือฟองคดีตองเปนเจาหนี้ ”
โดยเฉพาะสัญญากูยืมเงิน สัญญาค้ำประกันหรือสัญญาจำนอง
ตองเปนผูใหกูหรือผูรับจำนอง บุคคลอื่นจะมาฟองคดีมิได
เวนแต ผูนั้นเปนผูรับโอนสิทธิเรียกรองจากเจาหนี้ โดยปฏิบัติ
ตามมาตรา 306
ป.พ.พ. มาตรา 306 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
การโอนหนี้ อันจะพึงตองชำระแกเจาหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจงนั้น
ถาไมทำเปนหนังสือ ทานวาไมสมบูรณ
อนึ่ง การโอนหนี้นั้น ทานวา จะยกขึ้นเปนขอตอสูลูกหนี้หรือบุคคล
ภายนอกไดแตเมื่อไดบอกกลาวการโอนไปยังลูกหนี้หรือลูกหนี้จะได
ยินยอมดวยในการโอนนั้น
คำบอกกลาวหรือความยินยอมเชนวานี้ ทานวา ตองทำเปนหนังสือ
ป.พ.พ. มาตรา 308 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
ว.1 ถาลูกหนี้ไดใหความยินยอมดังกลาวมาในมาตรา ๓๐๖ โดยมิได
อิดเอื้อน
ทานวา จะยกขอตอสูที่มีตอผูโอนขึ้นตอสูผูรับโอนนั้นหาไดไม
แตถาเพื่อจะระงับหนี้นั้นลูกหนี้ไดใชเงินใหแกผูโอนไปไซร
ลูกหนี้จะเรียกคืนเงินนั้นก็ได หรือ
ถาเพื่อการเชนกลาวมานั้น ลูกหนี้รับภาระเปนหนี้อยางใด
อยางหนึ่งขึ้นใหมตอผูโอน จะถือเสมือนหนึ่งวาหนี้นั้นมิได
กอขึ้นเลยก็ได 31
ว.2 ถาลูกหนี้เปนแตไดรับคำบอกกลาวการโอน
ทานวา ลูกหนี้มีขอตอสูผูโอนกอนเวลาที่ไดรับคำบอกกลาว
นั้นฉันใด ก็จะยกขึ้นเปนขอตอสูแกผูรับโอนไดฉันนั้น
ถาลูกหนี้มีสิทธิเรียกรองจากผูโอน แตสิทธินั้นยังไมถึงกำหนด
ในเวลาบอกกลาวไซร
ทานวา จะเอาสิทธิเรียกรองนั้นมาหักกลบลบกันก็ได หากวา
สิทธินั้นจะไดถึงกำหนดไมชากวาเวลาถึงกำหนดแหงสิทธิ
เรียกรองอันไดโอนไปนั้น
ดังนั้น หากเจาหนี้ผูที่มาฟองเรานั้น มิไดเปนผูรับโอน
สิทธิเรียกรอง หรือเปนผูรับโอนสิทธิเรียกรอง แตยังมิไดมี
หนังสือบอกกลาวการโอนสิทธิเรียกรองมายังลูกหนี้อยางเรา
เชนนี้ ตองถือวาผูที่มาฟองเรานั้น “ ไมมีอำนาจฟอง ”
ซึ่งปญหาวา “โจทกมีอำนาจฟองคดีหรือไม ”
เปนปญหาเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชน
แมจำเลยมิไดใหการตอสูไวในคำใหการ
ศาลก็สามารถหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142(5)
32
8 หนี้เดิมไมสมบูรณ
มูลหนี้กูยืมเงิน ถือเปนสัญญายืมใชสิ้นเปลืองอยางหนึ่ง
เพราะผูใหยืมตองโอนกรรมสิทธิ์ในเงินใหแกผูยืม แตผูยืม
มีหนาที่ตองคืนเงินตามจำนวนที่ยืมไปใหครบถวน
ตามมาตรา 650
ป.พ.พ. มาตรา 650 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
ว.1 อันวา ยืมใชสิ้นเปลืองนั้น คือ
สัญญาซึ่งผูใหยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพยสินชนิดใชไป
สิ้นไปนั้นเปนปริมาณมีกำหนดใหไปแกผูยืม และ
ผูยืมตกลงวาจะคืนทรัพยสินเปนประเภท ชนิด และ
ปริมาณเชนเดียวกันใหแทนทรัพยสินซึ่งใหยืมนั้น
ว.2 สัญญานี้ยอมบริบูรณตอเมื่อ มีการสงมอบทรัพยสิน
ที่ยืม
หากมูลหนี้เดิมหรือมูลหนี้ประธานไมสมบูรณ
เชน คดีนี้ ผูใหกูยืมสงมอบเงินกันจริง ๆ เพียง 50,000 บาท โดย
ทำเอกสารสัญญากูยืมวา “ยืมเงิน 80,000 บาท” เชนนี้ ตองถือวา
มูลหนี้เดิมหรือมูลหนี้ประธานสมบูรณเพียง 50,000 บาท เทานั้น
ดังนั้น ผูค้ำประกันและผูจำนองก็ยอยหลุดพนความรับผิดในจำนวนเงิน
30,000 บาท และตองรับผิดในมูลหนี้ 50,000 บาท ตามจริงเทานั้น
โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 681 และมาตรา 707 33
ป.พ.พ. มาตรา 681 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
ว.1 อันค้ำประกันนั้นจะมีไดแตเฉพาะเพื่อหนี้อันสมบูรณ
ว.2 หนี้ในอนาคตหรือหนี้มีเงื่อนไขจะประกันไวเพื่อเหตุการณ
ซึ่งหนี้นั้นอาจเปนผลไดจริงก็ประกันได
แตตองระบุ…
(1) วัตถุประสงคในการกอหนี้รายที่ค้ำประกัน
(2) ลักษณะของมูลหนี้
(3) จำนวนเงินสูงสุดที่ค้ำประกัน และ
(4) ระยะเวลาในการกอหนี้ที่จะค้ำประกัน เวนแตเปนการค้ำประกัน
เพื่อกิจการเนื่องกันไปหลายคราวตามมาตรา 699 จะไมระบุ
ระยะเวลาดังกลาวก็ได
ว.3 สัญญาค้ำประกันตองระบุหนี้ หรือสัญญาที่ค้ำประกันไวโดยชัดแจง
และผูค้ำประกันยอมรับผิดเฉพาะหนี้หรือสัญญาที่ระบุไวเทานั้น
ว.4 หนี้อันเกิดแตสัญญาซึ่งไมผูกพันลูกหนี้เพราะ…
(1) ทำดวยความสำคัญผิด หรือ
(2) เปนผูไรความสามารถนั้น
ก็อาจจะมีประกันอยางสมบูรณได
ถาหากวาผูค้ำประกันรูเหตุสำคัญผิดหรือไรความสามารถนั้น
ในขณะที่เขาทำสัญญาผูกพันตน
ป.พ.พ. มาตรา 707 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
บทบัญญัติ มาตรา ๖๘๑ วาดวยค้ำประกันนั้น
ทานใหใชไดในการจำนองอนุโลมตามควร
34
9 การค้ำประกันและจำนองเปนโมฆะ
ในระยะหลังที่ผานมานี้ เรื่องค้ำประกันและจำนอง ไดมีการ
แกไขปรับปรุงใหม เพื่อความเปนธรรมแกผูค้ำประกันและ
ผูจำนอง เพื่อปองกันมิใหเจาหนี้เอาเปรียบ เชน
ป.พ.พ. มาตรา 681/1 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
ว.1 ขอตกลงใดที่กำหนดใหผูค้ำประกัน
ตองรับผิดอยางเดียวกับลูกหนี้รวม หรือในฐานะเปนลูกหนี้รวม
ขอตกลงนั้นเปนโมฆะ
ว.2 ความในวรรคหนึ่ง มิใหใชบังคับแกกรณี…
ผูค้ำประกันซึ่งเปนนิติบุคคล และยินยอมเขาผูกพันตน
เพื่อรับผิดอยางลูกหนี้รวมหรือในฐานะเปนลูกหนี้รวม ในกรณีเชนนั้น
ผูค้ำประกันซึ่งเปนนิติบุคคลนั้นยอมไมมี
สิทธิดังที่บัญญัติไวในมาตรา ๖๘๘ มาตรา ๖๘๙ และมาตรา ๖๙๐
ป.พ.พ. มาตรา 685/1 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
บรรดาขอตกลงเกี่ยวกับการค้ำประกันที่แตกตางไปจาก…
มาตรา 681 วรรคหนึ่ง (มีขอตกลงวาใหผูค้ำประกันรับผิด แมหนี้ไมสมบูรณก็ตาม)
มาตรา 681 วรรคสอง (มีขอตกลงวา การค้ำประกันไมตองระบุวัตถุประสงคลักษณะ
จำนวนเงินสูงสุดและระยะเวลาค้ำประกัน)
มาตรา 681 วรรคสาม (มีขอตกลงวา ใหผูค้ำประกันตองรับผิด แมหนี้นั้นไมไดระบุไว
ก็ตาม)
มาตรา 686 (มีขอตกลงวา เจาหนี้ไมตองบอกกลาวแกผูค้ำประกันกอนฟอง หรือมี
ขอตกลงวา ผูค้ำประกันตองรับผิดในดอกเบี้ยทั้งปวง แมเจาหนี้จะบอกกลาวไมทัน
ภายใน 60 วัน นับแตลูกหนี้ผิดนัดก็ตาม)
มาตรา 694 (มีขอตกลงวา หามผูค้ำประกันยกขอตอสูของลูกหนี้ ขึ้นตอสูกับเจาหนี้)
มาตรา 698 (มีขอตกลงวา แมหนี้ระงับแลวผูค้ำประกันก็ตองรับผิดตอไป) และ
มาตรา 699 (มีขอตกลงวา หามผูค้ำประกันยกเลิกการค้ำประกันหนี้ในอนาคต)
เปนโมฆะ 35
ป.พ.พ. มาตรา 714/1 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
บรรดาขอตกลงเกี่ยวกับการจำนองที่แตกตางไปจาก
มาตรา ๗๒๘ (มีขอตกลงวา ใหผูรับจำนองฟองคดีไดโดยไมตองบอกกลาว
บังคับจำนองกอน หรือ มีขอตกลงวา ผูจำนองตองรับผิดในดอกเบี้ยทั้งปวง
แมผูรับจำนองจะบอกกลาวไมทัน ภายใน 15 วัน นับแตสงหนังสือแจงให
ลูกหนี้ทราบก็ตาม)
มาตรา ๗๒๙ (มีขอตกลงวา ผูจำนองยินดีใหทรัพยที่จำนองหลุดเปนสิทธิ
ของผูรับจำนองได แมไมเขาเงื่อนไข ม.729(1),(2) ก็ตาม)
มาตรา ๗๓๕ (มีขอตกลงวา ใหผูรับจำนองฟองคดีไดโดยไมตองบอกกลาว
บังคับจำนองแกผูรับโอนทรัพยจำนองกอน)
เปนโมฆะ
ป.พ.พ. มาตรา 727/1 วางหลักและแยกองคประกอบไดวา
ว.1 ไมวากรณีจะเปนประการใด
ผูจำนองซึ่งจำนองทรัพยสินของตนไวเพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะตองชำระ
ไมตองรับผิดในหนี้นั้นเกินราคาทรัพยสินที่จำนองในเวลาที่บังคับจำนอง
หรือเอาทรัพยจำนองหลุด
ว.2 ขอตกลงใดอันมีผลใหผูจำนองรับผิดเกินที่บัญญัติไวในวรรคหนึ่ง หรือให
ผูจำนองรับผิดอยางผูค้ำประกัน ขอตกลงนั้นเปนโมฆะ
ไมวาขอตกลงนั้นจะมีอยูในสัญญาจำนองหรือทำเปนขอตกลงตางหาก ทั้งนี้
เวนแต เปนกรณีที่นิติบุคคลเปน…
(1) ลูกหนี้ และ
(2) บุคคลผูมีอำนาจในการจัดการตามกฎหมายหรือบุคคลที่มี
อำนาจควบคุมการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้นเปนผูจำนอง
ทรัพยสินของตนไวเพื่อประกันหนี้นั้นของนิติบุคคล และ
(3)ผูจำนองไดทำสัญญาค้ำประกันไวเปนสัญญาตางหาก
“เมื่อการค้ำประกันและการจำนองเปนโมฆะ ผูค้ำประกันและผูจำนอง
ก็ไมตองรับผิด ซึ่งเปนเหตุเฉพาะตัวของผูค้ำประกันและผูจำนองเทานั้น
สวนลูกหนี้ชั้นตนหรือผูกูยังอาจตองรับผิดอยูหากมูลหนี้นั้นยังสมบูรณ ”
36
ทั้งหมดที่ไดถายทอดออกมานั้น เปนการนำกฎหมายมาใชในการแกปญหาใน
ที่เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ ขอตอสูทั้งหมดลวนมาจากชองทางในกฎหมายทั้งสิ้น
และในการตอสูคดีตาง ๆ ยังตองอาศัยขอกฎหมายและประสบการณทางวิชาชีพ
ทเ่ี ราจะตอ งสง่ั สมกนั ตอ ไป ทง้ั น้ี กระผมของเปน สว นหนง่ึ ในกำลงั ใจใหก บั พ่ี ๆ นอ ง ๆ
“เสนทางนี้ไมงาย และ ก็ไมยาก แคใจเรามุงมั่น”
ตอวิชาชีพของเรา และ อาศัยความรูทางกฎหมาย ประกอบวิชาการตลาด
ที่ปจจุบันปฏิเสธไมไดวานักกฎหมายของเราตองมีไปควบคูกับความรูที่เรามี
สุดทายนี้ หากนักกฎหมายหรือทนายความรุนใหมที่ยังไมกลาเริ่มตนในสาย
วิชาชีพนี้ ผมยินดีที่จะถายทอดความรูและประสบการณที่ผมมีใหกับทุกทาน
ทำใหวิชาชีพทนายความเปนวิชาชีพที่มีแตความสนุก ทาทาย กันนะครับ
“มีคดีอยูในมอื แตไมก ลาทจี่ ะไปตอ ” เพราะไมร ูจะเริ่มท่ีตรงไหน
มารวมทีมวางแผนคดกี นั ครบั ทีมงานของเรายินดตี อนรับและพรอ ม
ท่ีจะแชรป ระสบการณใหกบั ทกุ ทา น
ทนายกฤษณ - สำนักงานกฎหมาย
Design Laws
เบอรโทร - 082 018 2681
ทนายกฤษณ ฤทธธิ รรม