The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1-ความหมายและหลักการข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by burapa1302, 2023-01-06 08:57:25

1-ความหมายและหลักการข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ

1-ความหมายและหลักการข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ

1.ความหมายและหลักการของระบบสารสนเทศ

ระบบสารสนเทศเป็นการทำงานเกี่ยวกบั ขอ้ มูลและสารสนเทศอยา่ งเปน็ ลำดบั ขั้นตอนจนทำใหเ้ กิด
ระบบสารสนเทศขึ้น ขอ้ มูล สารสนเทศ และระบบสารสนเทศมีความหมาย ดงั น้ี

ข้อมูล (Data) คือ ขอเทจ็ จริงท่ีได้จากการรวบรวมขอ้ มูล ซึ่งมีทั้งท่ีอยใู่ นรูปแบบตัวอกั ษร, ข้อความ,
ตวั เลข, เสียง รปู ภาพ และ ภาพเคล่ือนไหว

สารสนเทศ (Information) คือ ขอ้ มลู ทผ่ี า่ นการประมวลผล เพ่ือนำไปใชใ้ นการตัดสินใจ เช่น
เกรดเฉลีย่ ของนกั เรียน,ยอดขายประจำเดือน และ สถิติการขาดงาน

ระบบสารสนเทศ (Information System) คือ ระบบทีส่ ามารถจดั การข้อมูลต้งั แต่การรวบรวม
และตรวจสอบข้อมลู การประมวลผลขอ้ มลู รวมถึงการดแู ลรักษาข้อมลู เพื่อให้ไดส้ ารสนเทศที่ถูกต้องและทนั
ต่อความต้องการของผู้ใช้ และผู้ใชส้ ามารถนำสารสนเทศท่ีได้ไปประกอบการตดั สนิ ใจได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ

คลบิ วดิ โี อ เร่อื ง ข้อมลู และสารสนเทศ
แหลง่ ท่ีมา : https://www.youtube.com/watch?v=w_B5Khw8_wk

กระบวนการทำงานของระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศประกอบดว้ ยกระบวนการทำงานหลกั ๆ ดังตอ่ ไปนี้

1.การนำเข้าข้อมลู (Input) เปน็ การนำข้อมลู ดิบ (Data) ท่ไี ด้จากการเกบ็ รวบรวมเข้าสูร่ ะบบ เพ่อื
นำไปประมวลผลให้เป็นสารสนเทศ เชน่ การบันทึกการขายรายวนั ,บนั ทกึ คะแนนเกบ็ ของนกั เรยี น ฯลฯ

2.การประมวลผลข้อมูล (Process) เปน็ การคิด คำนวณ หรือเปลีย่ นแปลงข้อมลู ดิบให้เป็น
สารสนเทศ อาจทำได้ดว้ ยการเรียงลำดบั การคำนวณ การจัดรูปแบบ และการเปรยี บเทยี บตัวอย่างการ
ประมวลผล เชน่ การคำนวณรายได้ของผปู้ กครอง การนบั จำนวนวันหยดุ ราชการบนปฏิทิน ฯลฯ

3.การแสดงผล (Output) เป็นการนำผลลพั ธ์ที่ได้จากการประมวลผลมาแสดงในรูปแบบทผี่ ใู้ ช้
ตอ้ งการ เพ่ือส่งเสรมิ หรอื ชว่ ยในการตัดสนิ ใจ

4.การจัดเกบ็ ข้อมูล (Storage) เปน็ การจดั เก็บข้อมูลดบิ หรือสารสนเทศท้งั หมดทเ่ี ก่ียวข้องกับ
ระบบสารสนเทศ เน่ืองจากการนำข้อมูลดิบเข้าส่รู ะบบมีการจัดเก็บจนถึงระยะยาวระยะหนง่ึ แล้วจึงนำไป
ประมวลผล

ภาพแสดงกระบวนการประมวลของข้อมูลในระบบสารสนเทศ

องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ

องค์ประกอบทสี่ ำคัญของระบบสารสนเทศมี 5 ส่วนคอื
1. ฮารด์ แวร(์ เคร่ืองจักรอุปกรณ)์
2. ซอฟตแ์ วร์
3. ขอ้ มูล
4. บคุ ลากร
5.ขั้นตอนการปฏบิ ัตงิ าน

สว่ นประกอบท้ังห้าสว่ นน้ีทำใหเ้ กิดสารสนเทศได้ หากขาดสว่ นประกอบใด หรือสว่ นประกอบใดไม่
สมบรู ณ์ กอ็ าจทำใหร้ ะบบสารสนเทศ ไมส่ มบูรณ์ เช่น ใชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ไมเ่ หมาะสมกับงาน ก็จะทำให้งาน
ล่าช้า ไม่ทันตอ่ การใช้งาน การดำเนินการระบบสารสนเทศจึงตอ้ งให้ความสำคัญ กบั สว่ นประกอบทัง้ ห้าน้ี

1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถงึ เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ซง่ึ เปน็ เครื่องมือทชี่ ว่ ยในการจดั การ
สารสนเทศ คอมพิวเตอร์ช่วยประมวลผล คัดเลือก คำนวณ หรอื พิมพร์ ายงาน ผลตามที่ต้องการ คอมพิวเตอร์
เปน็ อุปกรณท์ ท่ี ำงานไดร้ วดเร็ว มีความแม่นยำในการทำงาน และทำงานได้ต่อเนอ่ื ง คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์
ต่างๆ สามารถแบ่งเป็น 3 หนว่ ย คือ

- หนว่ ยรับขอ้ มูล (Input unit) ไดแ้ ก่ แปน้ พิมพ์ เมาส์ ไมโครโฟน

- หนว่ ยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU)
- หน่วยแสดงผล (Output unit) ไดแ้ ก่ จอภาพ ลำโพง เคร่ืองพิมพ์

2. ซอฟตแ์ วร์ (Software) คือลำดับขน้ั ตอนคำสั่งให้เครือ่ งคอมพิวเตอร์ ทำงานตามวัตถุประสงคท์ ี่
วางไว้ ซอฟต์แวร์ จึงหมายถึงชดุ คำสัง่ ทีเ่ รียง เป็นลำดับข้นั ตอนสัง่ ใหค้ อมพิวเตอร์ทำงานตามตอ้ งการ และ
ประมวลผลเพอ่ื ให้ได้สารสนเทศทตี่ ้องการ ซอฟต์แวรห์ รอื ชดุ คำสงั่ คอมพิวเตอร์ แบง่ ออกเป็น 2ประเภท คอื

- ซอฟตแ์ วร์ระบบ คือ ซอฟต์แวรท์ ใ่ี ช้จัดการกบั ระบบคอมพวิ เตอร์ และอุปกรณต์ ่างๆ ที่มอี ยู่ใน
ระบบ เชน่ ระบบปฏบิ ตั กิ ารวินโดว์ส ระบบปฏิบตั ิการดอส ระบบปฏบิ ตั ิการยนู ิกซ์

- ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ ซอฟต์แวร์ท่พี ฒั นาขึ้นเพื่อใชง้ านดา้ นตา่ งๆ ตามความตอ้ งการของผูใ้ ช้ เช่น
ซอฟต์แวร์กราฟกิ ซอฟต์แวรป์ ระมวลคำ ซอฟต์แวรต์ ารางทำงาน

3. ขอ้ มูล (Data) เปน็ วตั ถุดิบทีท่ ำให้เกิดสารสนเทศ ข้อมูลที่เป็นวัตถุดบิ จะตา่ งกัน ข้ึนกับ
สารสนเทศทต่ี ้องการ เชน่ ในสถานศึกษามักจะต้องการ สารสนเทศที่เก่ยี วข้องกบั ข้อมลู นกั เรยี น ข้อมลู ผลการ
เรียน ข้อมลู อาจารย์ ข้อมูลการใช้จ่ายต่าง ๆ ข้อมูลเป็นสิง่ ที่สำคญั ประการหนึง่ ที่มีบทบาทตอ่ การให้เกิด
สารสนเทศ

4. บุคลากร (Peopleware) เป็นสว่ นประกอบทีส่ ำคัญ เพราะบุคลากรที่มคี วามรู้ ความสามารถ
และเข้าใจวธิ ีการให้ได้มาซ่ึงสารสนเทศ จะเปน็ ผู้ดำเนินการ ในการทำงานท้งั หมด บุคลากรจงึ ต้องมคี วามรู้
ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ บคุ ลากรภายในองค์กรเปน็ สว่ นประกอบที่จะทำใหเ้ กดิ ระบบ
สารสนเทศดว้ ยกันทุกคน เชน่ รา้ นขายสนิ คา้ แหง่ หนงึ่ บุคลากรทด่ี ำเนนิ การในรา้ นค้าทุกคน ต้ังแต่ผจู้ ัดการถึง
พนกั งานขาย เปน็ สว่ นประกอบทจ่ี ะทำใหเ้ กดิ สารสนเทศได้

5. ข้นั ตอนการปฏิบตั ิงาน (Procedure) ข้ันตอนการปฏิบัติงาน เป็นระเบยี บวธิ กี ารปฏิบัตงิ านใน
การจดั เก็บรักษาข้อมูลให้อยใู่ นรปู แบบทจี่ ะทำใหเ้ ป็นสารสนเทศได้ เชน่ กำหนดให้ มีการป้อนข้อมูลทุกวัน
ป้อนข้อมลู ให้ทนั ตามกำหนดเวลา มีการแก้ไขข้อมลู ให้ถูกต้องอยูเ่ สมอ กำหนดเวลาในการประมวลผล การทำ
รายงาน การดำเนินการ ต่าง ๆ ต้องมีขัน้ ตอน หากขั้นตอนใดมีปญั หาระบบกจ็ ะมีปัญหาด้วย เพราะทุกขนั้ ตอน
มผี ลต่อระบบสารสนเทศ

ประเภทของระบบสารสนเทศ

ระบบสารสนเทศสามารถจำแนกไดต้ ามลักษณะการดำเนนิ งานไดด้ งั นี้
1.ระบบสารสนเทศแบบประมวลรายการ (TPS : Transaction Processing Systems) เป็น
ระบบสารสนเทศทเี่ กีย่ วกบั การบันทกึ และประมวลข้อมูลทเ่ี กิดจาก ธรุ กรรมหรือการปฏบิ ัตงิ านประจำหรืองาน
ขน้ั พ้ืนฐานขององค์การ เชน่ การซ้อื ขายสินค้า การบันทึกจำนวนวสั ดุคงคลงั เม่อื ใดก็ตามที่มกี ารทำธุรกรรม
หรือปฏบิ ัติงานในลกั ษณะดังกลา่ วข้อมลู ทเ่ี กยี่ วข้องจะเกิดขน้ึ ทันที เช่น ทุกครง้ั ที่มีการขายสินค้า ข้อมูลที่
เกดิ ขนึ้ ก็คือ ช่อื ลกู ค้า ประเภทของลกู ค้า จำนวนและราคาของสินค้าทขี่ ายไป รวมทง้ั วิธีการชำระเงินของลูกคา้
2.ระบบสารสนเทศเพือ่ การจัดการ (MIS : Management Information System) คือระบบที่ให้
สารสนเทศ ท่ผี ู้บรหิ ารต้องการ เพ่ือใหส้ ามารทำงาน ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยจะรวมทัง้ สารสนเทศภายใน
และภายนอกสารสนเทศทเ่ี ก่ียวพนั กับองคก์ รทงั้ ในอดตี และปจั จุบนั นอกจากนี้ระบบนีจ้ ะต้องให้สารสนเทศใน
ช่วงเวลาที่เปน็ ประโยชน์ เพอ่ื ให้ผบู้ ริหารสามารถตดั สินใจในการวางแผนการควบคมุ และการปฏบิ ตั ิการของ
องค์กรได้อยา่ ง ถูกต้อง แมว้ ่าผู้บริหารที่จะได้รับประโยชนจ์ ากระบบน้ีสงู สดุ คือผู้บรหิ ารระดบั กลาง แตโ่ ดย
พน้ื ฐานของระบบนี้แล้วจะเป็นระบบท่สี ามารถสนบั สนุนข้อมลู ใหผ้ ู้บริหารทัง้ สาม ระดับ คอื ทงั้ ผบู้ รหิ ารระดับ
ต้น ผูบ้ ริหารระดับกลางและผู้บริหารระดับสูง โดยระบบน้จี ะให้รายงานทสี่ รุปสารสนเทศซงึ่ รวบรวมจาก
ฐานขอ้ มูลทั้งหมดของบริษัท
3.ระบบสนับสนุนการตดั สินใจ (DSS : Decision Support System) เปน็ ระบบทีพ่ ฒั นาข้ึนจาก
ระบบ MIS อีกระดับหนึง่ เน่อื งจาก ถงึ แมว้ ่าผู้ทมี่ หี นา้ ที่ในการตัดสนิ ใจจะสามารถใชป้ ระสบการณ์หรอื ใช้
ข้อมูลท่ีมีอยู่แลว้ ในระบบเอ็มไอเอส ของบรษิ ัท สำหรับทำการตดั สินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพในงานปกติ แต่
บ่อยครง้ั ทผ่ี ตู้ ดั สินใจ โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ผบู้ ริหารในระดบั สูงและระดับกลางจะเผชิญกับการตดั สนิ ใจที่
ประกอบด้วยปัจจยั ที่ซบั ซ้อนเกนิ กว่าความสามารถของมนุษย์ที่จะประมวล เขา้ ด้วยกันไดอ้ ย่างถูกต้องจัก ทำ
ให้เกดิ ระบบนข้ี น้ึ ซ่ึงเปน็ ระบบท่ีสนบั สนนุ ความตอ้ งการเฉพาะของผบู้ รหิ ารแตล่ ะคน (made by order) ใน
หลายๆสถานะการณ์ ระบบ น้มี หี น้าทช่ี ่วยใหก้ ารตัดสนิ ใจเป็นไปได้อยา่ งสะดวก
4.ระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจแบบกลุ่ม (GDSS : Group Decision Support System) เป็น
ระบบย่อยหนงึ่ ในระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ โดยทรี่ ะบบสนบั สนนุ การตดั สนิ ใจจะช่วยผูบ้ ริหารในเร่ือง
การตดั สินใจในเหตุการณ์หรือกจิ กรรมทางธุรกจิ ท่ีไมม่ ีโครงสรา้ งแนน่ อน หรือก่งึ โครงสรา้ ง ระบบสนับสนุนการ
ตดั สนิ ใจอาจจะใช้กับบคุ คลเดียวหรอื ชว่ ยสนบั สนนุ การตดั สินใจเปน็ กลุม่ นอกจากนัน้ ยงั มรี ะบบสนบั สนนุ
ผ้บู ริหารเพือ่ ชว่ ยผ้บู รหิ ารในการตดั สินใจเชิงกลยุทธ์
5.ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS : Geographic Information System) ระบบสารสนเทศ
ภูมิศาสตร์ หรอื Geographic Information System : GIS คอื กระบวนการทำงานเกยี่ วกบั ข้อมูลในเชงิ พ้ืนท่ี
ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ทใ่ี ชก้ ำหนดข้อมลู และสารสนเทศ ทมี่ คี วามสมั พนั ธก์ ับตำแหน่งในเชงิ พื้นท่ี เช่น ทอ่ี ยู่
บา้ นเลขที่ สมั พันธ์กับตำแหน่งในแผนท่ี ตำแหนง่ เส้นรุ้ง เส้นแวง ข้อมลู และแผนท่ีใน GIS เป็นระบบข้อมูล
สารสนเทศทอี่ ยู่ในรูปของตารางข้อมลู และฐานข้อมลู ที่มีส่วนสมั พันธก์ บั ข้อมลู เชงิ พื้นท่ี (Spatial Data) ซง่ึ
รูปแบบและความสมั พนั ธข์ องขอ้ มูลเชงิ พืน้ ที่ท้ังหลาย จะสามารถนำมาวิเคราะหด์ ้วย GIS และทำให้ส่ือ
ความหมายในเร่ืองการเปล่ียนแปลงทีส่ มั พนั ธ์กบั เวลาได้ เช่น การแพร่ขยายของโรคระบาด การเคลอ่ื นย้าย
ถิน่ ฐาน การบุกรุกทำลาย การเปลยี่ นแปลงของการใช้พ้นื ที่ ฯลฯ ขอ้ มูลเหลา่ น้ี เม่ือปรากฏบนแผนทีท่ ำให้
สามารถแปลและส่ือความหมาย ใช้งานได้ง่าย

6.ระบบสารสนเทศเพอ่ื ผู้บริหารระดับสูง (EIS : Excutive Information System) เปน็ ระบบที่
สร้างข้ึน เพ่ือสนับสนนุ สารสนเทศและการตดั สนิ ใจสำหรับผูบ้ ริหารระดบั สงู โดยเฉพาะ หรือ สามารถกล่าวได้
วา่ ระบบนีค้ ือสว่ นหนงึ่ ของ DSS ที่แยกออกมา เพื่อเน้นการใหส้ ารสนเทศทสี่ ำคัญตอ่ การบริการแกผ่ บู้ รหิ าร

7. ปญั ญาประดษิ ฐ์ (AI : Artificial Intelligence) ระบบท่ีทำใหเ้ ครื่องคอมพิวเตอรก์ ลายเป็น
ผชู้ ำนาญการณ์ ในสาขาใดสาขาหน่ึง คล้ายกับมนุษย์ ระบบผเู้ ชี่ยวชาญมสี ่วนคลา้ ยคลงึ กับระบบอน่ื ๆ คือเป็น
ระบบคอมพิวเตอรท์ ีช่ ว่ ยผูบ้ ริหารแก้ไขปัญหาหรือทำการ ตดั สินใจไดด้ ขี ้ึน อยา่ งไรก็ดีระบบผเู้ ช่ียวชาญจะ
แตกตา่ งกับระบบอื่นอยมู่ าก เนอื่ งจากระบบผูเ้ ชี่ยวชาญจะเกยี่ วขอ้ งกบั การจัดการ ความรู้ (Knowledge)
มากกวา่ สารสนเทศ และถกู ออกแบบให้ช่วยในการตัดสินใจโดยใชว้ ธิ เี ดยี วกับผเู้ ชี่ยวชาญท่ี มนุษย์ โดยใช้
หลักการทำงานดว้ ยระบบ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence)

8.ระบบสำนักงานอตั โนมตั ิ (OAS : Office Automation System) เป็นระบบท่ีใชบ้ ุคลากรน้อยทีส่ ุด
โดยอาศัยเครื่องมือแบบอัตโนมตั ิและระบบสือ่ สารเชอื่ งโยงข่าวสารระหว่างเครื่องมือเหล่านัน้ เข้าด้วยกัน QAS
มจี ุดมงุ่ หมายให้เป็นระบบทไ่ี ม่ใชก้ ระดาษ (Paperless System) ส่งข่าว สารถงึ กนั ดว้ ยข้อมูลอิเลก็ ทรอนกิ ส์
(Electronic Data Interchange) แทน ซงึ่ มีรูปแบบในการใช้งาน 2 ลักษณะคือ
รปู แบบของระบบงานพิมพ์และการประมวลผลทางอิเล็กทรอนกิ ส์ (Electronic Publishing & Processing
System) ไดแ้ ก่การส่ือสารด้วยข้อความ รูปภาพ จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Mail : E-Mail) โทรสาร
(FAX)หรือ เสยี งอิเล็กทรอนกิ ส์ (Voice Mail) เป็นตน้
รูปแบบการประชุมทางไกลด้วยระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ (Electronic Meeting System) เปน็ เทคนิคทที่ ำให้กลุ่ม
คนทว่ั โลกสามารถตดิ ต่อสอ่ื สารกันได้ คล้ายการพดู คุยกนั โดยตรง เช่น การประชุมทางไกลแบบมแี ตเ่ สียง
(Audio Conferencing),การประชมุ ทางไกลแบบมที ้งั ภาพและเสียง (Video Conferencing) หรือ ทั้ง
จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ โทรสาร และ เสียงอเิ ล็กทรอนิกสร์ วมกนั เปน็ ต้น

ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ

เทคโนโลยี (Technology) หมายถงึ การนำความรดู้ า้ นวิทยาศาสตร์มาประยุกตใ์ นการพฒั นา
เครือ่ งมอื เครื่องใช้ อุปกรณ์ วิธีการและกระบวนการตา่ งๆ เพอื่ ให้การดำรงชวี ิตของมนุษย์งา่ ยและสะดวก
ยิ่งขน้ึ

สารสนเทศ (Information) หมายถึง ผลลพั ธ์ที่เกิดจากการนำข้อมูลมาผา่ นกระบวนการตา่ งๆ
อย่างมีระบบ

เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology : IT) หมายถงึ การนำความรทู้ างดา้ น
วทิ ยาศาสตร์มาประยกุ ต์ใช้เพื่อสรา้ งหรอื จดั การสารสนเทศอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว โดยอาศยั เทคโนโลยี
ทางดา้ นคอมพวิ เตอร์

คลิบวิดีโอ เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศ

แหลง่ ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=WtWf5B0p8rA

ประเภทของเทคโนโลยสี ารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสนเทศทีม่ ีอยูใ่ นโลก ณ ปจั จบุ ันสามารถแบ่งออกได้ เปน็ 4 ประเภท คือ
1. เทคโนโลยดี ้านการรับขอ้ มูล (Sensing Technology) เปน็ อุปกรณ์ท่ชี ว่ ยใหเ้ ราสามารถเก็บ
รวบรวมข้อมลู ขา่ วสารท่ีอยูร่ อบตัวเราแล้วเปล่ียนใหอ้ ยใู่ นรูปแบบท่ีคอมพวิ เตอร์สามารถเข้าใจได้ อุปกรณ์
เหล่าน้ไี ด้แก่ เคร่ืองแสกนภาพ(image scanners) เครอื่ งอ่านรหสั แถบ(bar code scanners) และ อุปกรณร์ บั
สัญญาณ(Sensors) เปน็ ตน้
2. เทคโนโลยีการสื่อสาร (Communication Technology) เช่น โทรสาร โทรศัพทไ์ รส้ าย
เครือข่ายท้องถนิ่ (LAN)
3. เทคโนโลยีวิเคราะห์ (Analyzing Technology) ได้แก่ คอมพิวเตอร์ต่างๆ ท้งั สว่ นทเี่ ปน็
Hardware และ Software
4. เทคโนโลยีการแสดงผล (Display Technology) เชน่ จอภาพ เครื่องพมิ พ์ โปรเจคเตอร์

ประโยชนแ์ ละตัวอยา่ งของการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร
1. ดา้ นการศกึ ษา เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารถกู นำมาใชเ้ พื่ออำนวยความสะดวกในการ
บรหิ ารดา้ นการบริหารดา้ นการศึกษา เชน่ ระบบการลงทะเบยี น และระบบการจดั ตารางสอน นอกจากน้ียงั ใช้
เป็นเคร่อื งมอื ในการเพม่ิ โอกาสทางด้านการศกึ ษาและเพ่มิ ประสิทธภิ าพการเรียนการสอน

2. ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารถูกนำมาใชเ้ ร่ิมตัง้ แต่การ
ทำทะเบียนคนไข้ การรักษาพยาบาลท่ัวไป ตลอดจนการวินิจฉยั และรกั ษาโรคต่างๆได้อย่างรวดเรว็ และแม่นยำ
นอกจากน้ยี งั ใช้ในห้องทดลอง การศึกษาและการวิจยั ทางการแพทย์ งานศกึ ษาโมเลกลุ สารเคมี สามารถ
คน้ คว้าข้อมลู ทางการแพทย์ รักษาคนไขด้ ว้ ยระบบการรักษาทางไกลตลอดเวลาผา่ นเครือขา่ ยการส่อื สาร
เคร่ืองเอกซเรย์คอมพวิ เตอรท์ ่ีเรียกว่า อีเอ็มไอสแกนเนอร์ (EMI scanner) ถกู นำมาถา่ ยภาพสมองมนษุ ย์เพื่อ
ตรวจหาความผดิ ปกติในสมอง

3. ดา้ นการเกษตรและอุตสาหกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารถูกนำมาใชป้ ระโยชนใ์ น
ด้านเกษตรกรรม เช่น การจัดทำระบบข้อมลู เพื่อการเกษตรและพยากรณผ์ ลผลิตดา้ นการเกษตร นอกจากนย้ี ัง
ช่วยพัฒนาความก้าวหน้าทางด้านอตุ สาหกรรม การประดิษฐ์หุน่ ยนตเ์ พอื่ ใช้ทำงานบ้าน และหุ่นยนตเ์ พ่ืองาน
อุตสาหกรรมทตี่ อ้ งเสีย่ งภัยและเป็นอนั ตรายตอ่ สุขภาพ เฃน่ โรงงานสารเคมี โรงผลิตและการจา่ ยไฟฟา้ รวมถงึ
งานท่ีต้องทำซำ้ ๆ

4. ด้านการเงินธนาคาร เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารถูกนำมาใช้ในด้านการเงินและการ
ธนาคาร โดยใช้ช่วยดา้ นการบญั ชี การฝากถอนเงนิ โอนเงนิ บริการสินเชื่อ และเปล่ยี นเงินตรา บรกิ ารขา่ วสาร
ธนาคาร การใชค้ อมพวิ เตอร์ด้านการเงินการธนาคารทร่ี ้จู กั และนยิ มใช้กนั ทั่วไป เช่น บริการฝากถอนเงิน การ
โอนเงนิ แบบอิเลก็ ทรอนิกส์

5. ดา้ นความมัน่ คง มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารกนั อย่างแพร่หลาย เชน่ ใชใ้ นการ
ควบคุมประสานงานวงจรส่อื สารทหาร การแปลรหสั ลบั ในงานจารกรรมระหวา่ งประเทศ การสง่ ดาวเทียมและ
การคำนวณวิถโี คจรของจรวดไปสู่อวกาศ สำนักงานตำรวจแหง่ ชาตขิ องประเทศไทยมีศนู ย์ประมวลข่าวสาร มี
ระบบจดั ทำทะเบยี นปืน ทะเบียนประวัตอิ าชญากร ทำใหเ้ กดิ ความสะดวกและรวดเร็วในการสบื คน้ ข้อมูลเพื่อ
การสืบสวนคดีตา่ งๆ

6. ด้านการคมนาคม มกี ารใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในสว่ นทีเ่ กี่ยวกบั การเดินทาง
เช่น การเดนิ ทางโดยรถไฟ มีการเช่อื มโยงข้อมูลการจองที่นั่งไปยงั ทุกสถานี ทำใหส้ ะดวกต่อผู้โดยสาร การ
เช็คอนิ ของสายการบิน ได้จดั ทำเครือ่ งมือที่สะดวกต่อลูกค้า ในรูปแบบของการเช็คอนิ ดว้ ยตนเอง

7. ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการออกแบบ
หรอื จำลองสภาววการณ์ตา่ งๆ เชน่ การรับแรงส่ันสะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดวิ ไหว โดยการคำนวณและ
แสดงภาพสถานการณใ์ กล้เคียงความจรงิ

8 ด้านการพาณิชย์ องคก์ รในภาคธรุ กิจใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการ
บริหารจัดการ เพ่ือช่วยเพิ่มความยืดหยนุ่ ให้กับองค์กรในการทำงาน ทำให้การประสานงานหรือการทำกจิ กรรม
ตา่ งๆ ของแตล่ ะหน่วยงานในองค์กรหรือระหว่างองคก์ รเป็นไปได้อย่างมีประสิทธภิ าพมากขน้ึ นอกจากน้ียัง
สามารถใช้ปรบั ปรงุ การใหบ้ ริการกับลกู คา้ ทั่วไป สงิ่ เหล่าน้นี บั เป็นการสร้างโอกาสความได้เปรยี บในการแขง่ ขนั
ใหก้ ับองคก์ ร

แนวโน้มการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

1. ดา้ นอปุ กรณ์เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร เมอ่ื พิจารณาเครอื ข่ายการสอ่ื สารทั่วไปจาก
อดตี จนถึงปัจจุบนั เห็นไดช้ ดั ว่ามนษุ ย์ใชอ้ ุปกรณ์การส่ือสารแบบพกพามากขน้ึ เรื่อยๆ เร่ิมจากวิทยเุ รียกตัว
(pager) ซึ่งเป็นเครื่องรบั ข้อความ มาเป็นถงึ โทรศัพท์เคลอ่ื นท่ี อปุ กรณ์สื่อสารชนดิ นไี้ ด้ถูกพัฒนาจนสามารถใช้
งานดา้ นอ่นื ๆได้ นอกจากการพูดคยุ ธรรมดา โทรศัพทเ์ คลอื่ นทรี่ ่นุ ใหมส่ ามารถใชถ้ ่ายรปู ฟงั เพลง ฟงั วทิ ยุ ดู
โทรทศั น์ บันทกึ ขอ้ มูลสัน้ ๆ บางรุ่นมลี ักษณะเป็นเครอื่ งชว่ ยงานสว่ นบุคคล (Personal Digital Assistant :
PDA) ซ่ึงสามารถเช่อื มต่อกบั อนิ เทอรเ์ น็ตได้ อีกทง้ั ยังมีหน้าจอแบบสมั ผัส ทำให้สะดวกต่อการใชง้ านมากข้ึน
บางรุน่ มอี ุปกรณส์ ไตลัส (stylus)

2. ดา้ นระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ระบบเครื่องข่ายคอมพวิ เตอร์ในอดีตมังเป็นระบบท่ีใช้
คอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์เชอ่ื มต่อตรงโดยจุดเดยี ว (stand alone) ต่อมามีการเช่อื มต่อคอมพิวเตอร์เข้าดว้ ยกนั
ภายในองค์กร เพื่อทำให้สามารถใช้ข้อมลู ร่วมกนั หรอื ใช้เครอ่ื งพิมพร์ ว่ มกนั จนเกิดเปน็ ระบบรบั และใหบ้ ริการ
หรือทเ่ี รยี กว่าระบบรับ-ให้บริการ (client-server system) โดยมเี คร่ืองใหบ้ ริการ (server) และเคร่ืองรับ
บริการ (client) การใหบ้ ริการบนเวบ็ กน็ ำหลักการของระบบรบั -ใหบ้ รกิ ารมาใชช้ ว่ ยให้การทำงานงา่ ยขึน้
สะดวก รวดเรว็ เพราะสามารถทำงานจากท่ีใดก็ไดโ้ ดยผา่ นระบบอินเตอรเ์ นต็ โดยมีเว็บเซอรเ์ วอร์ (web
server) เปน็ เคร่อื งให้บริการ

3. ดา้ นเทคโนโลยี ระบบทำงานอตั โนมัติที่สามารถตดั สินใจได้เองจะเข้ามาแทนที่มากข้ึน เช่น
ระบบแนวนำเสน้ ทางจราจร ระบบจอดรถ ระบบตรวจหาตำแหนง่ ของวตั ถุ ระบบควบคุมความปลอดภยั
ภายในอาคาร ระบบท่ีทำงานอตั โนมัตเิ ชน่ นี้ อาจกลายเป็นระบบหลกั ในการดำเนนิ การของหน่วยงานต่างๆ
โดยเขา้ มาแทนท่กี ารทำงานของมนุษย์ มกี ารเชื่อมต่ออย่างกว้างขวางไปยังหน่วยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ งมากกว่าท่ี
เป็นอยู่ในปัจจุบนั

ความเปลีย่ นแปลงจากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร
ความกา้ วหน้าของอุปกรณเ์ ทคโนโลยีสารสรเทศและการส่อื สารเปน็ ไปอยา่ งรวดเร็ว เพอ่ื นสนองความ
ต้องการดา้ นตา่ งๆ ของผู้ใชป้ จั จุบันซ่งึ มีจำนวนผใู้ ชง้ านเทคโนโลยสี ารสรเทศและการส่ือสารทว่ั โลกประมาณ
พันลา้ นคน และเพ่ิมข้ึนเร่อื ยๆ ทกุ ปี ผใู้ ช้สามารถใช้งานอปุ กรณ์ดงั กลา่ วได้ทกุ ท่ี ทกุ เวลา จึงทำใหเ้ กิดความ
เปลยี่ นแปลงด้านต่างๆทงั้ ท่ีเ้ กิดประโยชนแ์ ละโทษ เช่น
1. ดา้ นสงั คม สภาพเสมอื นจรงิ การใช้อินเตอร์เน็ตเชือ่ มโยงการทำงานตา่ งๆ จนเกิดเป็นสงั คมท่ี
ติดต่อผ่านทางอนิ เตอรเ์ น็ต หรอื ที่รู้จักกีนวา่ ไซเบอรฺ์สเปช (cyber space) ซง่ึ มีกิจกรรมต่างๆ เช่น การพดู คุย
การช้อื สนิ ค้า และบริการ การทำงานผ่านเคร่ือขา่ ยคอมพิวเตอรท์ ำใหเ้ กิดสภาพที่เสมอื นจริง (virtual) เช่น
เกมส์เสมอื นจริง ห้องเรียนเสมอื นจริง ซึง่ ทำใหล้ ดเวลาในการเดินทางและสามารถใชง้ านไดท้ ุกทท่ี ุกเวลา

2. ดา้ นเศรษฐกิจ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารส่งผลให้เกิดสงั คมโลกาภิวัตน์
(globalization) เพราะสามารถชมข่าว
ชมรายการโทรทัศน์ทสี่ ง่ กระจายผ่านดาวเทยี มของประเทศตา่ งๆ ได้ทว่ั โลก สามารถรับรู้ขา่ วสารได้ทนั ที ใช้
อนิ เทอรเ์ น็ตในการติดต่อส่อื สารระหว่างกัน ระบบเศรษฐกิจซง่ึ แตเ่ ดิมมีขอบเขตจำกัดภายในประเทศ ก็
กระจายเป็นเศรษฐกิจโลก เกิดกระแสการหมุนเวยี นแลกเปลย่ี นสนิ คา้ และบรกิ ารอย่างรวดเรว็ และกวา้ งขวาง
ระบบเศรษฐกิจของทุกประเทศในโลกจงึ เช่อื มโยงและผูกพันกนั มากข้ึน

3. ดา้ นสง่ิ แวดล้อม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มปี ระโยชนใ์ นด้านธรรมชาตแิ ละและ
สิ่งแวดล้อม เช่น ระบบป้องกันการกดั เซาะชายฝ่ัง โดยใชภ้ าพถ่ายดาวเทียม หรือภาพถ่ายทางอากาศ รว่ มกบั
การจดั เก็บรักษาขอ้ มลู ระดับนำ้ ทะเล ความสงู ของคลน่ื จากระบบเรดาร์ เป็นการศึกษาเพ่อื หาสาเหตุ และนำ
ขอ้ มูลมาวางแผนและสร้างระบบเพื่อป้องกันการกดั เซาะชายฝง่ั แตล่ ะแห่งได้อย่างเหมาะสม

ตวั อย่างอาชีพทางดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร
ตลาดแรงงานตอ้ งการผ้ทู ี่มีความรคู้ วามเข้าใจงานเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารอย่างแท้จริง
ซึง่ งานด้านนจ้ี ะรวมถงึ งานด้านการออกแบบโปรแกรมต่างๆ โปรแกรมใช้งานบนเว็บ งานดา้ นการเขียน
โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ งานดา้ นฐานขอ้ มูล งานดา้ นระบบเครือข่ายท้ังในและนอกองคก์ ร รวมถึงการ
รกั ษาความมน่ั คงปลอดภัยในระบบคอมพิวเตอร์บนเครือขา่ ย ดังนั้นองค์กรจงึ มีความต้องการบคุ ลากรทีม่ ี
ความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการ และพฒั นาซอฟต์แวร์ เพอ่ื ใชง้ านดา้ นต่างๆขององค์กร ตวั อยา่ ง
อาชีพด้านเทคโลโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร เช่น
1. นักเขยี นโปรมแกรมหรอื โปรแกรมเมอร์ (Programmer)
ทำหนา้ ท่ใี นการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เพื่อใชใ้ นงานด้านตา่ งๆ เชน่ โปรมแกรมเก่ยี วกับการซื้อขายสนิ คา้
โปรแกรมทใี่ ช้กับงานดา้ นบัญชี หรอื โปรแกรมทใี่ ช้กับระบบงานขนาดใหญ่ขององค์กร

2. นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst)
ทำหน้าที่ในการศึกษาวิเคราะหแ์ ละพฒั นาระบบสารสนเทศ นักวเิ คราะหร์ ะบบจะทำการวิเคราะห์ระบบงาน
และออกแบบระบบสารสนเทศให้ตรงกบั ความต้องการของผู้ใชง้ าน ซ่งึ อาจรวมถึงงานดา้ นการออกแบบ
ฐานข้อมลู ด้วย

3. ผูด้ แู ลและบริหารฐานข้อมูล (Database Administrator)
ทำหนา้ ทบ่ี รหิ ารและจดั การฐานขอ้ มูล (database) รวมถึงการออกแบบ บำรงุ รักษาข้อมูล และการดูแลระบบ
ความปลอดภัยของฐานข้อมูล เช่น การกำหนดบญั ชผี ใู้ ช้ การกำหนดสทิ ธผิ์ ใู้ ช้

4. ผูด้ ูแลและบรหิ ารระบบ (System Administrator)
ทำหน้าท่บี ริหารและจัดการระบบคอมพิวเตอร์ในองคก์ ร โดยดแู ลการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบปฎิบัติการ
การติดตงั้ ฮารด์ แวร์ สร้าง ออกแบบและบำรุงรกั ษาบัญชีผ้ใู ช้ สำหรับองค์กรขนาดเล็กเจ้าหนา้ ทีค่ วามคุมระบบ
อาจต้องดแู ลและบริหารระบบเครอื ข่ายดว้ ย

5. ผู้ดูแลและบริหารระบบเครอื ข่าย (Network Administrator)
ทำหน้าทีบ่ ริหารและจัดการออกแบบระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ และดแู ลรักษาความปลอดภัยของระบบ
เครอื ข่ายขององค์กร เชน่ ตรวจสอบการใชง้ านเครือข่ายของพนักงานและตดิ ต้ังโปรแกรมป้องกันผบู้ ุกรกุ
เครอื ข่าย

6. ผพู้ ัฒนาและบรหิ ารระบบเว็บไซต์ (Webmaster)

ทำหนา้ ทอ่ี อกแบบพฒั นา ปรับปรุงและบำรุงรักษาเวบ็ ไซตใ์ หม้ ีความทนั สมยั โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมกี าร
ปรบั ปรุงขอ้ มลู ใหเ้ ปน็ ปัจจุบนั อยูเ่ สมอ

7. เจ้าหน้าทีเ่ ทคนคิ (Technician)
ทำหนา้ ทซ่ี ่อมบำรุงรักษาเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ ตดิ ต้งั โปรแกรม หรอื ติดตงั้ ฮาร์ดแวร์ต่างๆและแก้ไขปัญหาท่อี าจ
เกิดจากการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในองค์กร

8. นกั เขียนเกม (Game maker)

ทำหนา้ ท่ีเขยี นหรือพฒั นาโปรแกรมเกมคอมพิวเตอร์ในปจั จบุ ันน้ีการเขยี นโปรมแกรมคอมพิวเตอร์เปน็ อาชีพ
ไดร้ ับความนิยมอยา่ งสูงใน
ประเทศไทย

ท้ายบท
สรปุ เน้อื หาพอสังเขป


Click to View FlipBook Version