คมู่ อื ครู
Teacher Script
ภมู ิศำสตร์ ม.4-6
ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 4-6
ตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั สาระภมู ศิ าสตร ์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
ผู้เรียบเรยี งหนังสอื เรยี น ผูต้ รวจหนังสือเรยี น บรรณาธิการหนังสือเรยี น
รศ. ดร.อภิสิทธ์ ิ เอี่ยมหน่อ รศ. ดร.พนั ธ์ทพิ ย ์ จงโกรย นายสมเกียรติ ภูร่ ะหงษ์
ผศ.วโิ รจน ์ เอ่ียมเจรญิ ผศ. ดร.สจุ ิตรา เจริญหิรญั ยิ่งยศ
รศ. ดร.สากล สถิตวทิ ยานนั ท์ นายมโนธรรม ทองมหา
ดร.ชมชิด พรหมสนิ
ดร.สมนึก ผอ่ งใส
ผู้เรียบเรยี งคมู่ อื ครู
นางสุคนธ ์ สนิ ธพานนท์
นางระววิ รรณ ตงั้ ตรงขนั ติ
ดร.วธั นยี ว์ รรณ อรุ าสขุ
นายวทิ ยา ยุวภษู ิตานนท์
พมิ พค รั้งที่ 1
สงวนลิขสทิ ธิ์ตามพระราชบัญญตั ิ
รหัสสินคา : 3043040
ค�ำแนะน�ำกำรใช้
คมู่ ือครู รายวิชา ภมู ิศาสตร์ ม.4-6 จดั ท�าขึ้นเพอื่ ใหค้ รผู ูส้ อนใช้
เป็นแนวทางวางแผนการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนและประกันคุณภาพผู้เรียน ตามนโยบายของส�านักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน (สพฐ.)
Chapter Overview นาํ นํา สอน โซน 1สรปุ ประเมนิ
โครงสรา้ งแผนและแนวทางการประเมินผู้เรยี น ขนั้ นาํ (Geographic Inquiry Process) นักเรยี นมแี นวทาง
ประจ�าหน่วยการเรียนรู้ เตรียมความพร้อม
1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง
Chapter Concept Overview จดุ ประสงค และผลการเรียนรู รบั ÀมÑÂือก¾บั ºÔสถѵาÔ·นกÒา§รณ์
¸ÃÃÁªÒµÔ
สรปุ สาระสา� คัญประจ�าหน่วยการเรยี นรู้ 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย
การเรยี นรทู ่ี 5 เรอ่ื ง ภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติ ได้อย่างไร
โซน 1 ช่วยครูจดั
3. ครูอานขอความตัวอยางใหนักเรียนฟง เชน 5หนว ยการเรยี นรทู ่ี ตัวชี้วัด ส 5.1 ม.4 - 6/2
กำรเรยี นกำรสอน “แผนดินไหวขนาด 7.8 ท่ีประเทศเนปาล เมอ่ื ส 5.2 ม.4 - 6/2
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนให้แก่ผู้สอน วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 และเกิด ภัยพิบัติ สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
โดยแนะน�าขั้นตอนการสอน และการจัดกิจกรรมอย่างละเอียด อาฟเตอรช็อก (After Shock) รุนแรงมาก ทางธรรมชาติ • ปญั หาทางกายภาพและภยั พบิ ัตทิ าง
เพ่อื ให้นักเรียนบรรลผุ ลสมั ฤทธติ์ ามตวั ชีว้ ดั มีผูเสียชีวิตมากกวาการเกิดแผนดินไหว ธรรมชาติในประเทศและภูมิภาค
เม่ือครั้งท่ีแลวถึง 3,000 คน และมีอาคาร ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนตาม ต่าง ๆ ของโลก
น�ำ สอน สรุป ประเมิน บา นเรือนเสยี หายมากทส่ี ดุ ” ธรรมชาติบนเปลอื กโลก มกี ารเกดิ แบบช้า ๆ ทา� ให้มีเวลาเตรียม • สถานการณ์การเปล่ียนแปลงด้าน
รับมือได้ แต่บางภัยเกิดข้ึนอย่างรวดเร็วจนไม่มีเวลาเตรียมการ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง�ิ แวดลอ้ ม
โซน 2 ชว่ ยครเู ตรยี มสอน 4. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นและ รองรับ และมีท้ังระดับที่ไม่รุนแรงจนถึงระดับที่เป็นอันตราย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพ
ตอบคาํ ถามจากขอ ความตวั อยา ง เชน จนท�าให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสียชีวิต อาคารบ้านเรือนและ ภูมิอากาศ ความเส่ือมโทรมของ
ประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ท่ีเป็นประโยชน์เพื่อ • หากนักเรียนเปนผูประสบภัยแผนดินไหว ทรัพย์สินเสียหายจ�านวนมาก เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมส่งผลต่อ ส�ิงแวดล้อม ความหลากหลายทาง
ชว่ ยลดภาระในการสอนของครูผูส้ อน จะมีแนวทางรับมือกับเหตุการณดังกลาว การด�าเนินชีวิต การประกอบอาชีพ และเศรษฐกิจในพ้ืนท่ี ชีวภาพ และภัยพบิ ัติ
อยา งไร ทป่ี ระสบภัย ทั้งในระยะสน้ั และระยะยาว • การจดั การภยั พิบตั ิ
เกรด็ แนะครู (แนวตอบ เชน ติดตามขาวสารจากทาง 158
ราชการ เตรียมสิ่งของที่จําเปน สังเกต
ความรเู้ สรมิ สา� หรบั คร ู ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ สงั เกต แนวทางการจดั สัญญาณภัยพิบัติ อยูหางจากอาคารสูง
กจิ กรรมเพ่อื ประโยชน์ในการจดั การเรยี นการสอน กาํ แพงหรอื เสาไฟฟา )
• ผลกระทบจากการเกิดปญหาหรือภัยพิบัติ
นักเรียนควรรู้ ทางธรรมชาติน้ีกอใหเกิดความเสียหาย
อยา งไร
ความรเู้ พม่ิ เตมิ จากเนอ้ื หา เพอื่ ใหค้ รนู า� ไปใชอ้ ธบิ ายใหน้ กั เรยี น (แนวตอบ เชน ทาํ ใหอ าคารบา นเรอื นเสยี หาย
บรู ณาการอาเซียน ผคู นสูญเสียชวี ติ และทรพั ยส นิ )
ความรู้เสริม ให้ครูน�าไปใช้เตรียมความพร้อมนักเรียนเพื่อ
เข้าสู่ประชาคมอาเซียน เกร็ดแนะครู โซน 3
ครูควรจัดกิจกรรมโดยเนนความสามารถในการใชทักษะ กระบวนการ
และความสามารถทางภูมิศาสตร เชน ทักษะการใชเทคนิคและเครื่องมือทาง
ภูมิศาสตร ทักษะการแปลความขอมูลทางภูมิศาสตร ทักษะการใชเทคโนโลยี
ทักษะการคดิ เชงิ พ้ืนท่ี ประกอบการเรยี นการสอนโดยจดั กิจกรรม เชน
• นําเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร เชน แผนที่ รูปถายทางอากาศ ภาพจาก
ดาวเทียมหรือใชสมารตโฟน ในการสืบคนขอมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติทาง
ธรรมชาติ
• การจดั กจิ กรรมตา งๆ ควรเนน กจิ กรรมทก่ี ระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น
ใหนักเรียนรูจักคิด และมีสวนรวมในกิจกรรมตางๆ รวมท้ังสงเสริม
ประสบการณแ ละความสามารถของผเู รียน
โซน 2
T166
โดยใช้หนงั สือเรยี น ภมู ศิ าสตร ม.4-6 และแบบฝกสมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร ม.4-6 ของบรษิ ัท อักษรเจริญทศั น ์
อจท. จ�ากัด เป็นส่ือหลัก (Core Material) ประกอบการสอน และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องตามมาตรฐาน
การเรียนร้แู ละตวั ชี้วัด สาระภมู ศิ าสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) กล่มุ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 โดยคู่มอื ครมู ีองคป์ ระกอบทีง่ ่ายตอ่ การใชง้ าน ดงั นี้
โซน 1 นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ โซน 3 ชว่ ยครูเตรยี มนักเรียน
1 ภยั พิบตั ิธรรมชาติทางธรณีภาค ขนั้ นาํ ประกอบด้วยแนวทางการจัดกิจกรรม และเสนอแนะ
แนวข้อสอบ เพอ่ื อ�านวยความสะดวกให้แกค่ รูผสู้ อน
ภัยพิบัติทางธรณีภาคเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกิดขึ้นเป็นประจ�าจากพลังงาน 5. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนขอมูล
ภายในโลกท่ีมตี อ่ การเปล่ียนแปลงของเปลอื กโลก ทสี่ �าคัญ เชน่ แผน่ ดินไหว ภูเขาไฟปะทุ สนึ ามิ เกี่ยวกับภัยพิบัติธรรมชาติทางธรณีภาคที่เคย กิจกรรม 21st Century Skills
แผน่ ดนิ ถล่ม เกดิ ขนึ้ และกอ ใหเ กดิ ความเสยี หายอยา งรนุ แรง
ในประเทศไทยและภมู ภิ าคตา งๆ ของโลก เชน กิจกรรมที่ให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้มาสร้างช้ินงาน
1.1 แผ่นดนิ ไหว (earthquake) แผน ดนิ ไหว สึนามิ ภูเขาไฟปะทุ แผนดินถลม หรอื ทา� กจิ กรรมรวบยอดเพอ่ื ใหเ้ กดิ คณุ ลกั ษณะทร่ี ะบใุ นทกั ษะ
เพ่อื เช่อื มโยงเขาสบู ทเรียน แหง่ ศตวรรษที่ 21
1) ค�าจ�ากัดความ แผ่นดินไหวเกิดจากการส่ันสะเทือนของเปลือกโลกในระดับ
ขนาดแตกต่างกนั หากมีขนาดมากกวา่ 5 จะเป็นการส่นั สะเทอื นทีร่ ุนแรง ท�าใหเ้ กิดการสญู เสยี ขน้ั สอน ข้อสอบเนน้ การคิด
ชีวิตและทรัพย์สินจ�านวนมาก ในแต่ละปีท่ัวโลกมีแผ่นดินไหวเกิดข้ึนเป็นแสนครั้งและแต่ละวัน
เกดิ เปน็ หลายรอ้ ยครงั้ ขัน้ ที่ 1 การตง้ั คําถามเชิงภมู ศิ าสตร ตัวอย่างข้อสอบที่มุ่งเน้นการคิด มีท้ังปรนัย-อัตนัย พร้อม
1. ครูสุมนักเรียนใหออกมาแสดงความคิดเห็น เฉลยอยา่ งละเอียด
2) กระบวนการเกิดแผ่นดนิ ไหว เกิดขึ้นเม่ือ
มีพลังในแผ่นธร•ณ ีภมากี คา1 รเเคกลิดอื่ กนาตรวัสขะอสงมรแอรยงเลเคอ่ื ้นน เกี่ยวกับรอยเลื่อนมีพลังท้ัง 3 ประเภทวา ขอ้ สอบเน้นการคดิ แนว O-NET
และความเครยี ดอยา่ งชา้ ๆ ใตเ้ ปลอื กโลก เมอื่ เกดิ รอยเล่อื น 2 แตละประเภทมีลักษณะอยางไร และมีความ
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน รอยเลื่อนใน คลนื่ แผถ ึงพนื้ ผวิ เหมือน หรือแตกตางกัน อยางไร โดยศึกษา ตวั อยา่ งขอ้ สอบทมี่ งุ่ เนน้ การคดิ และเปน็ แนวขอ้ สอบ O-NET
แผ่นเปลือกโลกจะปลดปล่อยพลังงานท่ีสะสม x จดุ เหนอ� ศูนยแ ผนดนิ ไหว ภาพประกอบจากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร มที ้งั ปรนัย-อตั นยั พรอ้ มเฉลยอยา่ งละเอียด
คล่ืนเดนิ ทางแผอ อกไป ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ เชน
ศูนยกลางแผน ดนิ ไหว หนังสอื ในหอ งสมุด เวบ็ ไซตในอินเทอรเน็ต กิจกรรมเสริมสรา้ งคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค
รอยเลอื่ น 2. ครูใหนักเรียนท่ีไมไดรับการสุมเช่ือมโยงวา
รอยเลื่อนแตละประเภทกอใหเกิดแผนดินไหว กิจกรรมเสนอแนะแนวทางการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึง
ใต้เปลือกโลกเป็นคล่ืนไหวสะเทือน เกิดการสั่น การเคลื่อนทข่ี องคลืน่ แผน่ ดนิ ไหวออกไปโดยรอบ แตล ะประเภทไดอ ยา งไร ประสงค์
สะเทือนของแผน่ ดิน
• เมอ่ื เกดิ การปะทขุ องภเู ขาไฟทแ่ี มกมาแทรกดนั ขนึ้ มาตามรอยแตก หรอื ปลอ่ ง กจิ กรรมทา้ ทาย
ภเู ขาไฟ ทา� ใหเ้ กดิ แรงสน่ั สะเทอื นทมี่ รี ะดบั ความรนุ แรงแตกตา่ งกนั การปะทขุ องภเู ขาไฟใตม้ หาสมทุ ร
เป็นอีกกระบวนการหนงึ่ ทท่ี �าให้เกดิ แผน่ ดนิ ไหว หรอื สึนามขิ นึ้ เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอ่ื ตอ่ ยอดสา� หรบั นกั เรยี น
ทเี่ รยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และตอ้ งการทา้ ทายความสามารถใน
3) ประเภทของรอยเลอ่ื นมพี ลงั ม ี 3 ประเภทหลัก ดังนี้ ระดบั ที่สูงข้ึน
1 ร อยเลื่อนปกติ (normal fault) 2 ร อยเลอ่ื นยอ้ น (reverse fault) 3 รอยเลอ่ื นตามแนวระดบั (strike - กจิ กรรมสร้างเสรมิ
เปน็ รอยเลอื่ นทหี่ นิ เพดานเลอื่ น เปน็ รอยเลอื่ นทหี่ นิ เพดานเลอื่ น slip fault) หรอื รอยเลอ่ื นเหลอ่ื ม
ลง เม่ือเทียบกบั หินพน้ื ขึ้น เมื่อเทียบกับหินพ้ืน ถ้า ข้าง (transcurrent fault) เปน็ เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมซอ่ มเสรมิ สา� หรบั นกั เรยี นท่ี
รอยเลื่อนย้อนมีค่ามุมเท่ากับ รอยเลอ่ื นในหนิ ทส่ี องดา้ นเคลอ่ื น ควรได้รับการพัฒนาการเรียนรู้
หรอื นอ้ ยกวา่ 45 องศา เรยี กวา่ ตวั ในแนวราบเฉอื นกัน
รอยเลือ่ นย้อนมุมตา่� 159 กิจกรรม Geo-Literacy (ภูมศิ าสตร)
ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมเพอื่ ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจลกั ษณะ
ทางกายภาพของโลก ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งมนษุ ยก์ บั สงิ่ แวดลอ้ ม
แผน ดินไหวมกี ระบวนการเกดิ อยางไร 1 แผนธรณีภาค สวนของธรณีภาคซึ่งรวมสวนท่ีเปนเปลือกโลกและเนื้อโลก และนา� ความรู้ไปปรับใชใ้ นชวี ติ ประจ�าวนั ได้
ตอนบน วางตัวอยบู นฐานธรณีภาค ประกอบดวยแผนธรณีขนาดใหญ 9 แผน
(แนวตอบ แผนดินไหวสวนใหญเกิดขึ้นจากการคลายตัวอยาง ไดแก แผนแปซิฟก แผนแอนตารกติก แผนอินโด-ออสเตรเลีย แผนยูเรเชีย
รวดเร็วของความเครียดภายในเปลือกโลกที่มีการกอตัวของ แผน อเมรกิ าเหนือ แผน อเมริกาใต แผน แอฟริกา แผนโคโคส แผนนซั กา และมี
ความเครียดอยางชาๆ อันเปนผลสืบเน่ืองมาจากการเคล่ือนตัว แผน ธรณเี ลก็ ๆ อกี จาํ นวนหนงึ่ แผน ธรณสี ว นใหญเ คลอื่ นทใี่ นแนวราบ หรอื เลอ่ื น
ของเปลือกโลกในรูปของการเลื่อนตัวของหิน หรือการปะทุของ รว มกบั แผนธรณแี ผน อืน่ ๆ ในแนวเขตแผนดนิ ไหว
ภูเขาไฟ) 2 จุดเหนือศูนยแผนดินไหว ตําแหนงสมมติที่กําหนดดวยจุดตัดของเสนด่ิง
ทลี่ ากจากศูนยเ กิดแผน ดนิ ไหว (earthquake focus) ตดั กับผิวโลก
โซน 3
โซน 2
T167
สื่อ Digital
การแนะน�าแหลง่ ค้นคว้าจากสื่อ Digital ต่าง ๆ
แนวทางการวัดและประเมินผล
การเสนอแนะแนวทางในการวดั และประเมนิ ผลนกั เรยี นทส่ี อดคลอ้ ง
กบั แผนการสอน
เรียนรคู้ ําศัพท (วทิ ยาการคํานวณ)
อธิบายค�าศพั ท์ท่ีมีในบทเรียนเพมิ่ เติม
ค�ำอธิบายรายวิชา
ภมู ศิ าสตร ์ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
เวลาเรียน 40 ช่ัวโมง / ปี
ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4-6
ศึกษา ใชแ้ ผนทแ่ี ละเครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ ในการคน้ หา วเิ คราะห์ และสรปุ ข้อมลู ตามกระบวนการทางภูมศิ าสตร์
และน�ำภูมิสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวัน การเปล่ียนแปลงทางกายภาพของพ้ืนที่ซ่ึงได้รับอิทธิพลจากปัจจัย
ทางภูมศิ าสตร์ ลกั ษณะทางกายภาพซงึ่ ทำ� ใหเ้ กดิ ปัญหาหรือภัยพบิ ัติทางธรรมชาติ และปฏิสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสิง่ แวดล้อมทาง
กายภาพกับกิจกรรมของมนุษย ์ในการสรา้ งสรรคว์ ถิ ีการดำ� เนินชีวติ ของท้องถ่นิ ท้ังในประเทศไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก
ความสำ� คญั ของสง่ิ แวดลอ้ มทมี่ ผี ลตอ่ การดำ� เนนิ ชวี ติ ของมนษุ ย์ สถานการณ์ สาเหตุ และผลกระทบของการเปลยี่ นแปลงดา้ น
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มของประเทศไทยและภูมภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก ระบมุ าตรการการป้องกันและแกไ้ ขปัญหา
กฎหมายและนโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บทบาทขององค์การที่เก่ียวข้อง การประสานความร่วมมือ
ทงั้ ในประเทศและระหวา่ งประเทศ วเิ คราะหแ์ นวทางและมสี ว่ นรว่ มในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มเพอ่ื การ
พัฒนาท่ีย่งั ยืน
โดยใช้ทักษะทางภูมิศาสตร์ด้านการสังเกต การแปลความข้อมูลทางภูมิศาสตร์ การใช้เทคนิคและเคร่ืองมือทาง
ภมู ศิ าสตร์ การคดิ เชิงพ้ืนท่ี การคดิ แบบองคร์ วม การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ การใช้สถติ ิพ้ืนฐาน ใช้แผนทแี่ ละเครื่องมือ
ทางภมู ิศาสตรใ์ นการสบื ค้น วเิ คราะห์ และสรปุ ข้อมลู ตามกระบวนการทางภมู ศิ าสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ รวมถึง
ทกั ษะดา้ นการส่อื สารและการรู้เท่าทันส่ือ
เพ่ือใหเ้ กิดความรู้ ความเข้าใจ มคี วามสามารถทางภูมศิ าสตร์ กระบวนการทางภูมศิ าสตร์ ทกั ษะภมู ิศาสตร์ และมี
ทักษะในศตวรรษท่ี 21 มคี ุณลักษณะดา้ นจติ สาธารณะ มวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มน่ั ในการทำ� งาน มสี ว่ นร่วมในการจดั การ พฒั นา
ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มอย่างยั่งยนื
ตัวช้ีวดั
ส 5.1 ม .4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3
ส 5.2 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4
รวม 7 ตัวชวี้ ดั
Pedagogy
คมู่ อื ครู
ภ ูมิศ าสตร์ ม.4-6 จดั ทำ� ขนึ้ เพอ่ื ใหผ้ สู้ อนนำ� ไปใชเ้ ปน็ แนวทางวางแผนพฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของผเู้ รยี น
โดยสามารถวางแผนการจดั การเรยี นรปู้ ระกอบการใชห้ นงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4-6 (ฉบบั อนญุ าต) ทที่ าง
บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำ� กดั จดั พมิ พจ์ ำ� หนา่ ย เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ดั สาระภมู ศิ าสตร์
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขน้ั พนื้ ฐาน พ.ศ.2551 โดยออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้(InstructionalDesign) ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ความสามารถ
และทกั ษะกระบวนการทางภมู ิศาสตร์ ทสี่ ะท้อนสมรรถนะสำ� คญั และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผู้เรียน ดังน้ี
เป้าหมายการจัดการการเรยี นการสอนสาระภูมศิ าสตร์
• ลักษณะทางกายภาพของโลก รู้ ความสความ • ความเข้าใจระบบธรรมชาตแิ ละมนษุ ย์
• การใช้แผนที่และเคร่ืองมอื ทางภมู ศิ าสตร์ ษะ • การใช้เหตุผลทางภูมิศาสตร์
• กระบวนการทางภมู ศิ าสตร์ สาระ ามารถ • การตัดสินใจอย่างเป็นระบบ
• การใช้ภูมสิ ารสนเทศ กระบว
• ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหวา่ งมนษุ ยก์ บั สิง่ แวดล้อม ภูมิศาสตร์ คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
ทางกายภาพ นการ ทัก
• การสังเกต
สมรรถนะส�ำคัญ • การแปลความข้อมลู ทางภมู ศิ าสตร์
• การใชเ้ ทคนคิ และเครอื่ งมือทางภมู ิศาสตร์
• การต้งั ค�ำถามเชงิ ภูมิศาสตร์ • การคดิ เชิงภมู สิ มั พันธ์
• การรวบรวมข้อมลู • การคิดแบบองคร์ วม
• การจัดการข้อมูล • การใช้เทคโนโลยี
• การวเิ คราะห์ขอ้ มลู • การใช้สถิติพืน้ ฐาน
• การสรุปเพื่อตอบคำ�ถาม
นอกจากใช้รูปแบบการสอนการรู้เรื่องภูมิศาสตร์ (Geo-literacy) เป็นวิธีการหลักในการจัดการเรียนการสอนแล้วยังมี
รปู แบบการจัดการเรียนการสอนอืน่ ๆ ไดแ้ ก่
รปู แบบการสอนแบบ 5Es วธิ กี ารสอน เทคนคิ การสอน
• กระต้นุ ความสนใจ • การสาธติ • ใช้คำ�ถาม
• ส�ำรวจค้นหา • การทดลอง • เลา่ เหตกุ ารณท์ ่นี า่ สนใจและทนั สมยั
• อธิบายความรู้ • การใชก้ รณีตัวอย่าง • ใชผ้ งั กราฟิก
• ขยายความรู้ • การอภิปรายกลุ่มย่อย • การออกนอกสถานท่ี
• ตรวจสอบผล • การเลน่ เกม
การจัดการเรยี นการสอนตามแนวทางดงั กล่าว จะท�ำใหผ้ เู้ รยี นไดพ้ ฒั นาทักษะในศตวรรษที่ 21 อันจะนำ� ไปส่กู ารนำ� ไป
ปรบั ใชไ้ ดจ้ รงิ ในการด�ำเนนิ ชวี ิต เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นไดร้ เู้ ท่ากันตอ่ การเปล่ียนแปลงตา่ ง ๆ ที่อาจเกิดขนึ้ ในอนาคตได้
Teacher Guide Overview
ภูมิศาสตร์ ม.4-6
หน่วย ตวั ชวี้ ดั ทักษะทไี่ ด้ เวลาทใี่ ช้ การประเมิน ส่อื ที่ใช้
การเรียนรู้
1 ส 5.1 ม.4-6/3 ใช้แผนท่ีและเคร่ืองมือทาง - การสังเกต - ต รวจแบบทดสอบ - หนังสือเรียน
ภมู ศิ าสตรใ์ นการค้นหา วิเคราะห์ และสรุป - ก ารแปลความขอ้ มลู กอ่ นเรยี น ภูมิศาสตร์ ม.4-6
เครื่องมือทาง ขอ้ มลู ตามกระบวนการทางภมู ศิ าสตร์ และนำ� ทางภูมศิ าสตร์ - ตรวจใบงาน - ใ บงาน
ภูมศิ าสตร์ ภมู สิ ารสนเทศมาใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั - การใช้เทคนิคและ - ต รวจแบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะและ
เคร่อื งมอื ทางภมู ิศาสตร์ สมรรถนะและการคดิ การคดิ ภมู ศิ าสตร์ ม.4 - 6
- การคดิ เชิงพนื้ ที่ ภมู ิศาสตร์ ม.4-6 - แ บบวดั และบันทึกผล
- การใช้เทคโนโลยี - ตรวจแบบวดั และ การเรยี นรู้ ภมู ิศาสตร์
- การใชส้ ถติ ิพื้นฐาน 4 บันทึกผลการเรียนรู้ ม.4-6
ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ชั่วโมง - สงั เกตพฤติกรรมการ - แบบทดสอบหลังเรียน
ทำ�งานกลุ่ม - PowerPoint
- สังเกตคุณลกั ษณะ - เคร่อื งมือทาง
อนั พงึ ประสงค์ ภมู ิศาสตร์ เชน่ แผนที่
- ตรวจแบบทดสอบ เขม็ ทิศ รูปถ่ายทาง
หลงั เรยี น อากาศ ภาพจาก
ดาวเทยี ม
2 ส 5.1 ม.4-6/1 วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง - ก ารแปลความข้อมลู - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สอื เรยี น
ทางกายภาพในประเทศไทยและภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ทางภูมิศาสตร์ ก่อนเรียน ภูมิศาสตร์ ม.4-6
การเปลย่ี นแปลง ของโลก ซ่ึงได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทาง - การคิดเชิงพน้ื ที่ - ตรวจใบงาน - ใบงาน
ทางกายภาพ ภูมิศาสตร์ - ต รวจแบบฝกึ - แ บบฝกึ สมรรถนะและ
ของโลก สมรรถนะและการคิด การคดิ ภมู ศิ าสตร์ ม.4 - 6
ภมู ิศาสตร์ ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล
- ต รวจแบบวดั และ การเรยี นรู้ ภมู ิศาสตร์
11 บนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ ม.4-6
ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรยี น
ชั่วโมง - ส งั เกตพฤติกรรมการ - แบบทดสอบหลังเรียน
ทำ�งานกลมุ่ - PowerPoint
- ส ังเกตคุณลกั ษณะ - เ ครอ่ื งมือทาง
อนั พงึ ประสงค์ ภูมิศาสตร์ เชน่ แผนท่ี
- ตรวจแบบทดสอบ เขม็ ทศิ รูปถ่ายทาง
หลังเรียน อากาศ ภาพจาก
ดาวเทยี ม
3 ส 5.2 ม.4-6/1 วเิ คราะห์ปฏิสัมพันธ์ - ก ารแปลความข้อมลู - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสือเรยี น
ระหวา่ งสง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพกบั กจิ กรรม ทางภมู ิศาสตร์ ก่อนเรยี น ภูมิศาสตร์ ม.4 - 6
สง่ิ แวดลอ้ มทาง ของมนุษย์ ในการสร้างสรรค์วิถีการด�ำเนิน - การใช้เทคนิคและ - ตรวจใบงาน - ใบงาน
กายภาพกับ ชีวิตของท้องถิ่นท้ังในประเทศไทยและ เครือ่ งมือทางภมู ิศาสตร์ - ตรวจแบบฝึก - แบบฝึกสมรรถนะและ
ประชากรและ ภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก และเหน็ ความส�ำคญั - การคดิ เชงิ พ้นื ท่ี สมรรถนะและการคิด การคดิ ภมู ศิ าสตร์ ม.4 - 6
การต้งั ถน่ิ ฐาน ของส่ิงแวดล้อมที่มีผลต่อการด�ำรงชีวิตของ - การคิดแบบองค์รวม ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 - แ บบวัดและบนั ทึกผล
มนษุ ย์ 6 - ต รวจแบบวัดและ การเรียนรู้ ภูมิศาสตร์
บันทึกผลการเรียนรู้ ม.4-6
ชั่วโมง ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
- สังเกตพฤติกรรมการ - แบบทดสอบหลังเรียน
ทำ�งานกลมุ่ - PowerPoint
- สงั เกตคุณลกั ษณะ - เ ครื่องมอื ทาง
อนั พึงประสงค์ ภมู ศิ าสตร์ เช่น แผนที่
- ตรวจแบบทดสอบ เข็มทศิ รูปถา่ ยทาง
หลงั เรยี น อากาศ ภาพจาก
ดาวเทยี ม
หนว่ ย ตัวชี้วัด ทกั ษะที่ได้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมนิ ส่อื ท่ใี ช้
การเรยี นรู้
4 ส 5.2 ม.4-6/1 วเิ คราะห์ปฏสิ ัมพันธ์ - การแปลความขอ้ มูลทาง - ต รวจแบบทดสอบ - หนังสือเรยี น
ระหวา่ งสง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพกบั กจิ กรรม ภมู ศิ าสตร์ กอ่ นเรียน ภูมศิ าสตร์ ม.4-6
สิง่ แวดล้อมทาง ของมนุษย์ ในการสร้างสรรค์วิถีการด�ำเนิน - ตรวจใบงาน - ใบงาน
กายภาพกับ ชีวิตของท้องถิ่นทั้งในประเทศไทยและ - ก ารใชเ้ ทคนิคและ - ตรวจแบบฝึก - แบบฝึกสมรรถนะและ
กิจกรรมทาง ภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก และเหน็ ความส�ำคญั เครือ่ งมือทางภมู ศิ าสตร์ สมรรถนะและการคดิ การคดิ ภมู ศิ าสตร์ ม.4 - 6
เศรษฐกจิ ของส่ิงแวดล้อมท่ีมีผลต่อการด�ำรงชีวิตของ - การคิดเชงิ พ้ืนที่ ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 - แ บบวัดและบันทึกผล
- การคดิ แบบองคร์ วม
มนษุ ย์ - ต รวจแบบวดั และ การเรยี นรู้ ภูมศิ าสตร์
5 บันทกึ ผลการเรยี นรู้ ม.4-6
ภมู ิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ช่ัวโมง - สงั เกตพฤติกรรมการ - แบบทดสอบหลงั เรยี น
ทำ�งานกล่มุ - PowerPoint
- สงั เกตคุณลักษณะ - เครือ่ งมอื ทาง
อนั พึงประสงค์ ภูมิศาสตร์ เชน่ แผนที่
- ตรวจแบบทดสอบ เข็มทศิ รปู ถ่ายทาง
หลงั เรยี น อากาศ ภาพจาก
ดาวเทยี ม
5 ส 5.1 ม.4-6/2 วเิ คราะห์ลักษณะทาง - การสังเกต - ตรวจแบบทดสอบ - ห นังสือเรียน
กายภาพซ่งึ ทำ� ให้เกิดปญั หาและภยั พบิ ัติ - การแปลความขอ้ มูลทาง ก่อนเรยี น ภูมศิ าสตร์ ม.4-6
ภัยพิบัติทาง ทางธรรมชาตใิ นประเทศไทยและภมู ิภาค ภมู ิศาสตร์ - ตรวจใบงาน - ใบงาน
ธรรมชาติ ตา่ ง ๆ ของโลก - การใชเ้ ทคนิคและ - ต รวจแบบฝึก - แ บบฝกึ สมรรถนะและ
ส 5.2 ม.4-6/2 วเิ คราะห์สถานการณ์ เครือ่ งมือทางภูมศิ าสตร์ สมรรถนะและการคดิ การคดิ ภมู ศิ าสตร์ ม.4 - 6
สาเหตุ และผลกระทบของการเปล่ยี นแปลง - การคดิ เชงิ พืน้ ท่ี ภมู ิศาสตร์ ม.4 - 6 - แบบวดั และบนั ทกึ ผล
ดา้ นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม - การคิดแบบองคร์ วม - ตรวจแบบวัดและ การเรียนรู้ ภูมิศาสตร์
ของประเทศไทยและภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก - การใชส้ ถิติพืน้ ฐาน บนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ ม.4-6
8 ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน
- ส ังเกตพฤติกรรมการ - แบบทดสอบหลังเรียน
ช่วั โมง
ทำ�งานกลุม่ - PowerPoint
- ส งั เกตคุณลักษณะ - เครื่องมือทาง
อันพึงประสงค์ ภูมศิ าสตร์ เช่น แผนที่
- ตรวจแบบทดสอบ เขม็ ทิศ รูปถ่ายทาง
หลังเรยี น อากาศ ภาพจาก
ดาวเทยี ม
6 ส 5.2 ม.4-6/2 วเิ คราะห์สถานการณ์ - การสังเกต - ต รวจแบบทดสอบ - ห นังสือเรียน
สาเหตุ และผลกระทบของการเปลย่ี นแปลง - ก ารแปลความข้อมูลทาง กอ่ นเรียน ภูมศิ าสตร์ ม.4 - 6
ทรัพยากร ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภูมศิ าสตร์ - ตรวจใบงาน - ใบงาน
ธรรมชาตแิ ละ ของประเทศไทยและภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลก - การใชเ้ ทคนคิ และ - ต รวจแบบฝึก - แ บบฝกึ สมรรถนะและ
สงิ่ แวดลอ้ มกบั ส 5.2 ม.4-6/3 ระบมุ าตรการป้องกัน เครอ่ื งมอื ทางภูมิศาสตร์ สมรรถนะและการคิด การคดิ ภมู ศิ าสตร์ ม.4 - 6
การพฒั นาท่ี และแกไ้ ขปญั หากฎหมายและนโยบาย - การคิดเชิงพน้ื ท่ี ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 - แ บบวดั และบนั ทึกผล
ดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - การคิดแบบองค์รวม - ตรวจแบบวัดและ การเรยี นรู้ ภมู ศิ าสตร์
ยง่ั ยืน บทบาทขององค์การที่เกีย่ วขอ้ ง และการ 6
ประสานความร่วมมอื ทัง้ ในประเทศ
และระหว่างประเทศ ชั่วโมง บนั ทึกผลการเรียนรู้ ม.4-6
ส 5.2 ม.4-6/4 วเิ คราะหแ์ นวทางและ ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
มีส่วนรว่ มในการจดั การทรัพยากรธรรมชาติ - สังเกตพฤติกรรมการ - แบบทดสอบหลงั เรียน
และสงิ่ แวดลอ้ มเพือ่ การพัฒนาท่ยี ่ังยนื ทำ�งานกลมุ่ - PowerPoint
- สงั เกตคณุ ลกั ษณะ - เ ครอ่ื งมือทาง
อันพงึ ประสงค์ ภูมิศาสตร์ เช่น แผนที่
- ตรวจแบบทดสอบ เขม็ ทิศ รปู ถ่ายทาง
หลงั เรียน อากาศ ภาพจาก
ดาวเทยี ม
สำรบัญ
Chapter Title Chapter Teacher
Overview Script
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 เครอื่ งมอื ทำงภูมศิ ำสตร์
T1 T2
• แผนท่ี T24 - T25
• เทคโนโลยีภูมสิ ารสนเทศ T3 - T8
T92 - T93 T9 - T23
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 กำรเปลีย่ นแปลงทำงกำยภำพของโลก T26
T130 - T131 T27 - T40
• ธรณภี าค T164 - T165 T41 - T55
• บรรยากาศภาค T56 - T61
• อุทกภาค T226 - T227 T62 - T67
• ชวี ภาค T68 - T91
• การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพที่สง่ ผลต่อภูมปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ
T94
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 สง่ิ แวดลอ้ มทำงกำยภำพกบั ประชำกรและกำรตง้ั ถน่ิ ฐำน T95 - T106
T107 - T117
• ประชากรโลกและประชากรไทย T118 - T121
• การเปลยี่ นแปลงประชากรโลกและประชากรไทย T122 - T129
• การตงั้ ถ่ินฐานเมืองและชนบท
• ความเปน เมอื ง การใชท้ ีด่ ินในเมอื ง และปญหาเมือง T132
T133 - T147
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 สิ่งแวดลอ้ มทำงกำยภำพกบั กจิ กรรมทำงเศรษฐกิจ T148 - T156
T157 - T163
• เกษตรกรรม
• อุตสาหกรรมการผลติ T166
• การทอ่ งเท่ยี วและการบรกิ าร T167 - T188
T189 - T205
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 ภัยพิบัติทำงธรรมชำติ T206 - T212
T213 - T225
• ภัยพบิ ัติธรรมชาติทางธรณีภาค
• ภัยพิบัตธิ รรมชาตทิ างบรรยากาศภาค T228
• ภัยพิบตั ิธรรมชาตทิ างอทุ กภาค
• ภยั พิบัตธิ รรมชาติทางชวี ภาค T229 - T244
T245 - T247
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 ทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละส่ิงแวดล้อม T248 - T251
กับกำรพัฒนำท่ียั่งยืน T252 - T256
T257 - T262
• สถานการณ์การเปล่ยี นแปลงดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม
• มาตรการปอ งกันและแก้ไขปญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
• กฎหมายและนโยบายด้านทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มของไทย
• บทบาทขององค์กรและการประสานความร่วมมอื ในประเทศไทยและต่างประเทศ
• การจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม
บรรณำนุกรม T263 - T264
Chapter Overview
แผนการจัด ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วิธสี อน ประเมิน ทักษะท่ีได้ คุณลักษณะ
การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - หนงั สอื เรียน 1. อ ธบิ ายความส�ำคัญและ กระบวนการ - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน - การสังเกต 1. ใฝ่เรียนรู้
เคร่อื งมือ ภูมิศาสตร์ ม.4-6 ประโยชน์ของเครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ - ตรวจการทำ� แบบฝกึ - การแปลความ 2. มุ่งมน่ั ใน
ทางภูมศิ าสตร์ - แบบฝกึ สมรรถนะ ทางภูมิศาสตรป์ ระเภท (Geographic สมรรถนะและการคดิ
แ ละการคดิ ภมู ศิ าสตร์ ต่าง ๆ ได้ (K) Inquiry ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ข้อมูลทาง การท�ำงาน
2 ม.4-6 2. เ ลือกใช้เครื่องมอื ทาง Process) - ตรวจใบงานที่ 1.1 ภมู ิศาสตร์
- แบบทดสอบก่อนเรียน ภูมิศาสตร์ในการสืบค้น - ประเมนิ การนำ� เสนอผลงาน - การใช้เทคนคิ
ชั่วโมง - PowerPoint ขอ้ มูลอนั เป็นประโยชน์ - สงั เกตพฤติกรรม และเครอื่ งมอื
ทางภูมศิ าสตร์
- ใบงานท่ี 1.1 ต่อการใชช้ วี ติ ประจ�ำวนั การทำ� งานรายบคุ คล - การคดิ เชงิ พน้ื ที่
- เ คร่อื งมือทาง ได้ (P) - สงั เกตพฤติกรรม - การใชเ้ ทคโนโลยี
ภมู ศิ าสตร์ เช่น 3. เห็นคณุ คา่ ของการ การทำ� งานกลมุ่ - การใชส้ ถติ พิ นื้ ฐาน
แผนท่ี เข็มทิศ ศกึ ษาเคร่อื งมือทาง - ประเมินคุณลักษณะ
รูปถา่ ยทางอากาศ ภมู ิศาสตร์ เพอ่ื การใช้ อันพึงประสงค์
ภาพจากดาวเทยี ม ประโยชน ์ในชวี ิต
เพม่ิ มากขึ้น (A)
แผนฯ ที่ 2 - หนงั สือเรียน 1. อ ธบิ ายความสำ� คญั กระบวนการ - ตรวจการท�ำแบบฝึก - การสังเกต 1. ใฝเ่ รยี นรู้
เทคโนโลยี ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 และประโยชนข์ อง ทางภมู ศิ าสตร์ สมรรถนะและการคิด - การแปลความ 2. มงุ่ มัน่ ใน
ภมู สิ ารสนเทศ - แบบฝกึ สมรรถนะ เทคโนโลยี (Geographic ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 ขอ้ มูลทาง การทำ� งาน
แ ละการคิด ภมู ิศาสตร์ ภมู สิ ารสนเทศได้ (K) Inquiry - ตรวจการทำ� แบบวัดและ ภมู ศิ าสตร์
2 ม.4-6 2. ประยกุ ตค์ วามรเู้ กยี่ วกบั Process) บันทึกผลการเรยี นรู้ - การใชเ้ ทคนิค
- แ บบวดั และบนั ทึกผล เทคโนโลยภี มู สิ ารสนเทศ ภูมิศาสตร์ ม.4-6 และเคร่ืองมอื
ชวั่ โมง การเรียนรู้ ภมู ศิ าสตร์ มาใช ้ในชวี ติ ประจ�ำวนั
ม.4-6 ได้ (P) - ตรวจใบงานท่ี 1.2, 1.3, 1.4, ทางภูมศิ าสตร์
1.5 - การคิดเชงิ พ้ืนท่ี
- แบบทดสอบหลังเรยี น 3. เหน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - การใช้เทคโนโลยี
- PowerPoint เทคโนโลยภี มู สิ ารสนเทศ - สังเกตพฤตกิ รรม - การใชส้ ถติ พิ นื้ ฐาน
- ใบงานที่ 1.2, 1.3, 1.4, เพือ่ การใช้ประโยชน์ การทำ� งานรายบุคคล
1.5 ในชีวติ เพ่มิ มากข้นึ (A) - สงั เกตพฤตกิ รรม
- เครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ การท�ำงานกลุ่ม
เช่น แผนที่ เข็มทิศ - ประเมนิ คุณลักษณะ
รูปถ่ายทางอากาศ อนั พึงประสงค์
ภาพจากดาวเทียม - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
T1
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process) ¡ÒÃÍÒ‹ ¹á¼¹·Õè
1. ครแู จงใหนกั เรียนทราบถึงวธิ สี อนแบบ กำรแปลควำมหมำย
กระบวนการทางภูมศิ าสตร (Geographic รปู ถำ่ ยทำงอำกำศ
Inquiry Process) ชอ่ื เรอ่ื ง จดุ ประสงค และ และภำพจำกดำวเทยี ม
ผลการเรียนรู มีวธิ กี ำรอย่ำงไร
2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน 1หน่วยการเรียนรทู ่ี
หนวยการเรียนรูท่ี 1 เร่ือง เครื่องมือทาง
ภมู ิศาสตร เครอื่ งมือ
ทางภูมศิ าสตร์
3. ครนู าํ ภาพ หรอื คลปิ วดิ โี อลกั ษณะทางกายภาพ
ในทวีปตางๆ ของโลกมาใหนักเรียนดู ซึ่งมี ปัจจุบันเครื่องมือทางภูมิศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ตัวช้วี ดั ส 5.1 ม.4-6/3
ท้ังภเู ขา ที่ราบสงู แมน ้ํา และทะเลทราย ภูมิศาสตร์มีจ�านวนมากและมีความทันสมัยมากขึ้น และเป็น สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง
เครอ่ื งมอื สา� คญั ในการศกึ ษาลกั ษณะทางกายภาพและสง่ิ แวดลอ้ ม
4. ครูถามคําถามกระตนุ ความคิด เชน การศกึ ษาเรยี นรเู้ กย่ี วกบั ลกั ษณะสา� คญั ประโยชน์ และการใชง้ าน • แผนท่ีและองค์ประกอบ
• ถาเราตองการเดินทางไปทองเท่ียวประเทศ จะชว่ ยใหเ้ ลือกใชเ้ คร่ืองมือต่าง ๆ ทางภูมิศาสตร์ได้อย่างถกู ต้อง • การอา่ นแผนทีเ่ ฉพาะเรื่อง
ตางๆ ในโลก เราควรศึกษาความรเู กี่ยวกับ และเหมาะสม • การแปลความหมายรูปถ่ายทาง
การเดินทาง สถานท่ีทองเท่ียว หรือสภาพ 2 อากาศและภาพจากดาวเทยี ม
ภมู ปิ ระเทศ ดงั นนั้ จะสามารถใชเ ครื่องมือ • การน�าภูมิสารสนเทศไปใช้ในชีวิต
ทางภมู ศิ าสตรใ ดไดบ า ง และประโยชนท จ่ี ะ ประจ�าวนั
ไดรับจากเครอื่ งมือดงั กลาวคอื อะไร
(แนวตอบ เชน แผนท่ี เพราะนําเสนอขอมูล
ลักษณะของส่ิงท่ีปรากฏบนผิวโลก และ
ทาํ ใหท ราบไดถ งึ สภาพภมู ปิ ระเทศ ตลอดจน
สถานทที่ อ งเทย่ี วในบรเิ วณตา งๆ บนโลกได
เปนอยา งดี)
• เครอ่ื งมือทางภมู ิศาสตรส ําคญั อยางไร
(แนวตอบ เปนเคร่ืองมือที่สามารถใชศึกษา
เรื่องราวสภาพพื้นท่ีตางๆ บนโลก เชน
ลกั ษณะทางกายภาพของโลก ตลอดจนการ
สะทอนใหเห็นถึงสภาพสังคมและการดํารง
ชวี ิตประจาํ วนั ของมนุษย จึงนํามาซงึ่ ขอ มูล
ทม่ี คี วามถกู ตอ งและทนั สมยั รวมถงึ สามารถ
นํามาประยุกตใชเพื่อเปนประโยชนในการ
ดํารงชีวิตประจําวันได)
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนสามารถใชเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร ในการรวบรวม วิเคราะห และนําเสนอขอมูลภูมิสารสนเทศอยางมี
ประสิทธภิ าพ โดยเนนทกั ษะกระบวนการทส่ี าํ คญั เชน ทักษะการฝก ปฏิบัติ กระบวนการกลุม กระบวนการสบื สอบ ดังตัวอยางตอ ไปน้ี
• ครูแบงนักเรียนออกเปนกลุมเพื่อใหชวยกันศึกษาเก่ียวกับเคร่ืองมือทางภูมิศาสตรจากหนังสือเรียนและแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ แลวสุมตัวแทนนักเรียน
ในแตล ะกลมุ ใหอ ธิบายความรู จากนั้นใหชว ยกันรวบรวมขอมูลทางภูมศิ าสตรท ่พี บไดใ นชมุ ชน แลวจัดทาํ เปนบนั ทึกการศกึ ษาขอมลู ทางภูมศิ าสตรใ นชุมชน
พรอ มท้ังสง ตัวแทนนาํ เสนอผลงานที่หนาช้ันเรยี น
T2
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
1 แผนท่ี 1 ขน้ั สอน
แผนทเ่ี ปน็ เครอื่ งมอื สา� คญั ในการอธบิ ายขอ้ มลู และปรากฏการณต์ า่ ง ๆ ทเี่ กดิ ขนึ้ บนพน้ื โลก ขั้นที่ 1 การตั้งคาํ ถามเชงิ ภมู ิศาสตร
การศึกษาถึงความหมาย องค์ประกอบ การอ่าน และแปลความหมายของแผนที่ ท�าให้มีความรู้
นา� ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวันได้ 1. ครูนําแผนท่ีประเภทตางๆ มาใหนักเรียนดู
แลว รว มกนั ตอบคาํ ถามตามประเดน็ หรอื แสดง
1.1 ประเภทของแผนที่ ความคิดเห็นเพิ่มเติมประกอบการตั้งคําถาม
จาก Geo Tip ในหนงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร ม.4-6
แผนท่แี บ่งตามการใช้งานได้ ดงั น้� เชน
• นกั เรียนพบเห็นส่งิ ใดจากแผนที่บาง
1) แผนที่อ้ำงอิง (general reference map) เป็นแผนที่มาตราส่วนใหญ่ที่ใช้เป็น (แนวตอบ ชื่อแผนที่ เสนโครงแผนท่ี สี
แผนทฐ่ี านสา� หรบั สรา้ งแผนทเ่ี ฉพาะเรอื่ ง ชแดุสดLง7ร0า1ย8ล2ะเเปอ็นยี แดผทนงั้ ททา่ฐี งารนาบและทางดงิ่ ประเทศไทยใช้ สญั ลักษณ มาตราสวน พกิ ัดทางภูมศิ าสตร
แผนท่ีภูมปิ ระเทศมาตราส่วน 1: 50,000 ฯลฯ)
• นกั เรียนคิดวา แผนทมี่ ปี ระโยชนอ ยา งไร
2) แผนที่เฉพำะเร่ือง (thematic map) เป็นแผนท่ีที่แสดงข้อมูลเฉพาะเร่ืองใด (แนวตอบ เชน ใชศกึ ษาลกั ษณะภูมิประเทศ
เรอ่ื งหนง่ึ โดยใชแ้ ผนทอ่ี า้ งองิ เปน็ แผนทฐี่ าน มมี าตราสว่ นเหมาะสมกบั การแสดงรายละเอยี ดต่าง ๆ ลักษณะทรัพยากรธรรมชาติ สภาพอากาศ
เช่น แผนทค่ี วามหนาแนน่ ประชากร แผนท่อี ากาศ แผนที่ปา่ ไม้ เสนทางการเดินทาง หรือเสนทางการ
ทอ งเท่ยี ว)
1.2 องคป์ ระกอบของแผนทเี่ ฉพาะเรอ่ื ง • หากนักเรียนมีการสืบคนขอมูลจากแผนที่
เชงิ เลขบนสมารต โฟน จะสามารถตรวจสอบ
องค์ประกอบของแผนที่ คือ สิ่งต่าง ๆ ท่ีปรากฏอยู่บนแผนที่เพ่ือให้ผู้ใช้งานแผนที่ได้รับ ความถูกตองไดจากสวนใดของแผนท่ี
ทราบข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดเพียงพอส�าหรับการใช้แผนท่ีนั้น ๆ แผนท่ีท่ีสมบูรณ์ประกอบ (แนวตอบ มาตราสวน เน่ืองจากขอมูลของ
ด้วยองค์ประกอบท่สี า� คัญ ดังนี้ แผนท่ีเชิงเลขมีความสัมพันธระหวางขอมูล
พิกัดและสัญลักษณแสดงผล โดยสามารถ
1) ชอื่ แผนที่ (title) ระบวุ า่ แผนทน่ี น้ั เปน็ แผนทแี่ สดงอะไร เพอ่ื ใหส้ ามารถนา� แผนท่ี แสดงรายละเอียดท้ังทางราบและทางด่ิงได
มาใช้ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและตรงตามความตอ้ งการ GTeipo จึงมีความถูกตองท่ีจะสามารถพิจารณาได
ของผู้ ใช้แผนท่ี เช่น แผนที่แสดงลักษณะ ตามหลกั เกณฑข องมาตราสว น เชน เดยี วกบั
ภูมิประเทศจังหวัดสงขลา แผนที่แสดงเน้ือท่ี แผนทปี่ ระเภทกระดาษทว่ั ไป)
ปา่ ไม้จงั หวัดเชียงใหม่ แผนทเี่ ชิงเลข (digital map)
เป็นแผนท่ที ี่จดั เก็บในรูปแบบ
2) ขอบระวำง (margin) เปน็ ขอบ ไฟลภ์ าพ สามารถเรยี กแสดงผล
ทั้งส่ีด้านของแผนท่ี มีพื้นท่ีขอบระวางส�าหรับ ดว้ ยโปรแกรมประยุกต์ หรอื
แสดงรายละเอียดขององค์ประกอบภายนอก แอปพลเิ คชนั บนอปุ กรณต์ ่าง ๆ เช่น
ขอบระวางแผนท่ี เช่น ช่ือแผนท่ี มาตราส่วน หน้าจอคอมพวิ เตอร์ สมาร์ตโฟน แทบ็ เล็ต หรอื
ค�าอธบิ ายสัญลกั ษณ์ ทิศ เสน้ ขอบระวางแตล่ ะ พิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ตามมาตราส่วนท่ี
ด้านมีตัวเลขบอกค่าพิกัดภูมิศาสตร์ (ค่าของ ต้องการได้ จึงเป็นแผนท่ีท่ีใช้งานในการสืบค้น
ละติจูดและลองจิจดู ) กา� กบั ไว้ด้วย ข้อมลู ตา่ ง ๆ ไดส้ ะดวก
3
ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
ขอใดไมใชแผนท่เี ฉพาะเรื่อง 1 แผนที่ แผนที่ท่ีเกาแกที่สุดในโลก คือ แผนท่ีของชาวเมโสโปเตเมีย
1. แผนท่ภี ูมิประเทศ เมอ่ื 2,300 ปก อ นพทุ ธศกั ราช ทาํ ดว ยดนิ เหนยี วใชแ สดงกรรมสทิ ธท์ิ ด่ี นิ
2. แผนที่การใชที่ดนิ 2 L7018 เปนหมายเลขประจําชุด บอกใหทราบวาแผนที่อยูในชุดใด เปน
3. แผนที่แสดงความลาดชัน การกําหนดตามมาตรฐานสากลของสหรัฐอเมริกาซ่ึงถือตามขอตกลงของนาโต
4. แผนท่แี สดงชัน้ บรรยากาศ มอี งคป ระกอบ 4 ประการ คอื ตวั อกั ษร L หมายถงึ ภมู ภิ าคหนง่ึ ของทวปี เอเชยี
5. แผนทีแ่ สดงความหนาแนนของประชากร ซงึ่ ตรงกบั ของประเทศไทย เลข 7 หมายถงึ กลมุ ของมาตราสว นทก่ี าํ หนดไวแ นน อน
เลข 0 หมายถงึ ตวั เลขแสดงสว นยอ ยของภมู ภิ าค และเลข 18 หมายถงึ จาํ นวนครง้ั
(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. แผนท่เี ฉพาะเร่อื งเปน แผนทที่ ่ีจดั ทจ่ี ดั ทาํ แผนทชี่ ดุ นนั้ ในภมู ภิ าค
ทําข้ึนเพื่อแสดงขอมูลหลักเฉพาะเรื่องใดเรื่องหน่ึง ซึ่งสอดคลอง
กบั คาํ ตอบขอ 2.- 5. สว นแผนทภ่ี มู ปิ ระเทศไมใ ชแ ผนทเ่ี ฉพาะเรอื่ ง
จงึ ตอบ ขอ 1.)
T3
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 3) มำตรำสว่ น (scale) คอื อตั ราสว่ นระหวา่ งระยะทางบนแผนทกี่ บั ระยะทางจรงิ บน
ขัน้ ที่ 1 การตั้งคาํ ถามเชงิ ภมู ศิ าสตร พื้นผวิ โลก แสดงได้ 3 รูปแบบ ดังน้ี
มาตราส่วนค�าพูด เช่น ระยะทาง 1 เซนติเมตรบนแผนที่ เท่ากับระยะทางจริง
2. ครูใหนักเรียนชวยกันต้ังประเด็นคําถามเชิง
ภูมิศาสตรเก่ียวกับแผนท่ี เพื่อคนหาคําตอบ บนพื้นผิวโลก 500 เมตร
เชน
• แผนที่แตละประเภท มีขอแตกตางกัน มาตราสว่ นสดั ส่วน เชน่ มาตราสว่ น 1: 50,000
อยา งไร หมายถงึ ระยะทาง1 สว่ นบนแผนที่ เทา่ กบั ระยะทางจรงิ บนพนื้ ผวิ โลก50,000 สว่ น
• การใชป ระโยชนจ ากแผนทม่ี ขี อ จาํ กดั หรอื ไม
อยา งไร เขยี นเป็นสมการได้วา่ มาตราสว่ น = ระยะทำงบนแผนท่ี
• เพราะเหตุใด แผนท่ีจึงถูกนํามาใชในการ ระยะทำงจริงบนพ้นื ผิวโลก
ศึกษาขอมูลทางภูมิศาสตรในประเทศไทย
และโลก มาตราสว่ นเสน้ เช่น เมตร 1,500 1,000 500 0 0.5 1 1.5 2กิโลเมตร
• สวนประกอบตางๆ ที่พบในแผนท่ีมีความ
สัมพันธกนั หรอื ไม อยางไร มาตราสว่ นทงั้ 3 แบบนี้ สามารถแปลงจากแบบหน่ึงเป็นอีกแบบหนงึ่ ได้
• หากในอนาคตไมม แี ผนท่เี ปน หนง่ึ ใน
เครอื่ งมอื ทางภมู ิศาสตรจ ะสง ผลกระทบ 4) สญั ลกั ษณ์ (symbol) สญั ลกั ษณท์ ป่ี รากฏในแผนที่ เพอื่ แทนลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ
อยา งไร
และตา� แหน่งท่ตี ง้ั ตา่ ง ๆ โดยมีค�าอธบิ ายสัญลักษณอ์ ยบู่ รเิ วณขอบระวางแผนที่
3. ครูอาจใหนักเรียนศึกษามาตราสวน หรือ
สญั ลกั ษณต า งๆ ทพี่ บในแผนทจี่ ากหนงั สอื เรยี น ประเภทสญั ลกั ษณ์ สญั ลักษณ/์ ค�ำอธบิ ำยสญั ลักษณ์
ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการตั้งคําถาม
เชิงภมู ิศาสตรเพิ่มเติม จดุ (point) ใช้แสดงถึงสถานทก่ี �าหนด วัด โรงเรยี น โรงพยาบาล
ตา� แหน่งของวตั ถุต่าง ๆ
เส้น (line) ใชแ้ สดงสง่ิ ต่าง ๆ ท่ีมคี วามยาว ถนน แมน่ ้า� ทางรถไฟ
หรือเปน็ เส้น
พื้นท่ี (polygon) ใช้แสดงพนื้ ทท่ี ีป่ รากฏบน แหล่งน�า้ ป่าไม้ นาข้าว
พื้นโลก
5) ทิศ (direction) คือ แนวท่ีใช้เป็นหลักในการวัดทิศทางไปยังที่หมาย ในทาง
ภูมศิ าสตร์ใช้ทศิ เหนอื เปน็ หลัก แบง่ ไดเ้ ป็น 3 ชนิด ได้แก่
GN ★ ทศิ เหนอื จรงิ (true north) คอื แนวตามเส้นเมรเิ ดยี นที่ชี้ไปยังขั้วโลกเหนือ
GN ทิศเหนอื กริด (grid north) คือ แนวทิศเหนือตามเส้นกริดทางดิ่งของระบบ
เส้นโครงแผนที่
GN ทศิ เหนอื แมเ่ หลก็ (magnetic north) คอื แนวทป่ี ลายเขม็ ทศิ ช้ีไปในทศิ ทาง
ทเี่ ปน็ ขวั้ เหนอื ของแมเ่ หลก็ โลกเหนอื สว่ นลกู ศรครง่ึ ซกี แสดงถงึ ทศิ ทางของ
ทิศเหนือแม่เหล็กที่บ่ายเบนออกไปจากทศิ เหนอื จริง
4
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครูควรอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตราสวนแผนที่วา มาตราสวน แผนทภ่ี มู ิประเทศมาตราสว นใดของประเทศไทยทีค่ รอบคลุม
แผนที่ หมายถึง อัตราสวนระหวางระยะทางในแผนที่กับระยะทางจริงใน พนื้ ทท่ี ั้งจังหวดั
ภูมิประเทศ เชน 1 : 100,000 แปลวา ระยะทางในแผนท่ี 1 เซนตเิ มตร เทากบั
ระยะทางจรงิ ในภมู ปิ ระเทศ 100,000 เซนติเมตร หรอื 1 กโิ ลเมตรนนั่ เอง ซงึ่ 1. 1 : 10,000
นอกจากมาตราสว นขา งตน แลว อาจพบมาตราสว นแบบคาํ พดู เชน 1 เซนตเิ มตร 2. 1 : 50,000
ตอ 5 กิโลเมตร และมาตราสว นแบบบรรทัดหรอื กราฟกไดดวย 3. 1 : 100,000
4. 1 : 250,000
5. 1 : 300,000
(วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. 1 : 250,000 เปนมาตราสว นทใ่ี ช
ในการจดั ทาํ แผนทรี่ ายจงั หวดั ของกรมแผนทที่ หาร กองบญั ชาการ
กองทัพไทย)
T4
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
6) เส้นโครงแผนท่ี (map projection) เป็นระบบที่ใช้ถ่ายทอดเส้นขนานกับเส้น ขนั้ สอน
เมริเดียนจากลักษณะทรงกลมของโลกไปบนพื้นรับภาพ โดยใช้การย่อส่วน การฉายแสง และ
หลักการทางคณติ ศาสตร์ พื้นรบั ภาพมี 3 แบบ ไดแ้ ก่ แบบกรวย แบบกระบอก และแบบระนาบ ขน้ั ที่ 2 การรวบรวมขอมูล
แบบกรวย แบบกระบอก แบบระนำบ 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขอมูลเก่ียวกับ
แผนที่ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6
ํN 60 Nํ 150 Wํ 180 ํ 150 Eํ หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือ
ํN ในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต เพ่ือนํา
40 Nํ 60 Nํ มาอภิปรายรวมกันในช้ันเรียนตามประเด็น
50 20 Nํ 40 Nํ ตอไปนี้
• ประเภทของแผนท่ี
ํN 40 • องคประกอบของแผนทเี่ ฉพาะเร่อื ง
ํN30 ํN • การอานและแปลความแผนที่
• การใชประโยชนแ ผนที่
50 30 ํN 20 Nํ 90 ํW 120 ํW
40 60 ํE 2. ครูนําแผนที่ท่ีแสดงเสนโครงแผนที่และระบบ
120 Eํ 90 Eํ พิกัดทางภูมิศาสตรมาใหนักเรียนศึกษา
10 Nํ 20 Nํ 0 ํ 20 Nํ ประกอบการรวบรวมขอ มลู
20 Sํ 60 ํW
90 Eํ 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเชื่อถือ
40 Wํ 20 Wํ 0 ํ 0 ํ 10 Nํ 40 Sํ 0ํ 90 Nํ เกยี่ วกบั แผนทแ่ี ละการอา นแผนที่ เพอื่ เปน การ
20 Eํ 40 Eํ 0 ํ 60 Sํ 20 Sํ 30 ํW 0 ํ 30 ํE รวบรวมขอ มลู เพ่ิมเตมิ
40 Wํ 20 Wํ 0 ํ 100 Eํ 80 Eํ 60 Eํ 40 Eํ 20 Eํ 0 ํ 20 Eํ 40 Eํ 60 Eํ 80 Eํ 100 Eํ 40 Sํ
60 Sํ
20 Eํ 40 Eํ 100 Eํ 80 Eํ 60 Eํ 40 Eํ 20 Eํ 0 ํ 20 Eํ 40 Eํ 60 Eํ 80 Eํ 100 Eํ
7) ระบบพกิ ดั ภมู ศิ ำสตร์1(geographiccoordinatesystem) เปน็ ระบบบอกตา� แหนง่
รายละเอียดตา่ ง ๆ ในแผนทีซ่ ง่ึ เกดิ จากการตัดกันของเส้นขนานละตจิ ูดกบั เสน้ เมรเิ ดียน
อา่ นจดุ บนเส้นขนานวา่ “ละตจิ ดู ” ลองจิจูด (longitude)
อา่ นจุดบนเส้นเมริเดยี นว่า “ลองจจิ ดู ”
จุดท่ีตดั กันเรียกวา่ “คา่ พกิ ัด” เทียบคา
มีหนว่ ยเปน็ องศา ( � ) ลิปดา ( ' ) พิลิปดา ( " ) 11'ํ มมีี 6600"'
เชน่ ตา� แหนง่ A มคี ่าพกิ ัดละตจิ ูดที่ 40 � N
ลองจิจูดท่ี 120 � E
ขัว้ โลกเหน�อ 90 ํN 80 ํN ซกี โลกเหน�อ A
60 ํN 180 ํ
40 ํ 40 Nํ 150 ํE
0 ํ 20 ํ 120 ํE
20 Nํ 90 Eํ
ขว้ั โลกใต 90 Sํ 0ํ 6300 ํEํE
20 ํS 0ํ
30 ํW
40 Sํ 60 ํW
60 ํS 90 Wํ
80 ํS 120 ํW
150 Wํ
180 ํ
ละติจูด (latitude)
60 ํ 80 ํ
ซีกโลกใ ต
ซกี โลกตะวนั ตก ซีกโลกตะวนั ออก
5
กจิ กรรม ทาทาย นักเรียนควรรู
ครูจัดกิจกรรม “เกมบอกชื่อประเทศบนแผนท่ี” โดยครู 1 ระบบพิกัดภูมิศาสตร คือ ระบบอางอิงคาพิกัดสากลซึ่งเปนที่ยอมรับกัน
กําหนดคาพิกัดทางภูมิศาสตร เชน ละติจูด 55 องศาเหนือ ทุกประเทศ โดยตั้งอยูบนพ้ืนฐานที่วาโลกมีสัณฐานเปนทรงกลม 3 มิติ และ
ลองจจิ ูด 37 องศาตะวนั ออก, ละติจดู 39 องศาเหนอื ลองจจิ ูด ทกุ ตาํ แหนง ของจดุ บนพนื้ โลกจะมรี ะบบบอกคา พกิ ดั ทางราบเปน คา ละตจิ ดู และ
116 องศาตะวนั ออก, ละตจิ ดู 15 องศาใต ลองจจิ ูด 47 องศา ลองจิจูด ซึ่งเกิดจากการตัดกันของเสนสมมติละติจูดกับเสนสมมติลองจิจูด
ตะวันตก แลวใหนักเรียนรวมกันทายวาคาพิกัดเหลาน้ันเปนท่ีตั้ง สว นคา พกิ ดั ทางมมุ จะคดิ เปน องศา ลปิ ดา ฟล ปิ ดา โดยกาํ หนดให 1 องศาเทา กบั
ของเมือง หรือประเทศใด 60 ลปิ ดา และ 1 ลิปดาเทา กบั 60 ฟลิปดา
T5
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ตัวอยา่ ง องค์ประกอบของแผนที่
ข้ันท่ี 3 การจดั การขอ มลู ชอ่ื แผนท่ี มำตรำสว่ น
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก แผนทีแ่ สดงลักษณะภมู ิประเทศคาบสมุทรอินโดจีน 100 0 100 120: 020,300000,040000กม.
การรวบรวมมาอธิบายแลกเปล่ียนความรู 25 Nํ ดี ย
ระหวา งกัน น.สานล.โะขวิน ง จี น 25 ํN
ิอ น เ
2. จากนนั้ สมาชกิ ในกลมุ ชว ยกนั คดั เลอื กขอ มลู ที่
นาํ เสนอเพอื่ ใหไ ดขอ มลู ท่ีถกู ตอ ง และรว มกัน น. ิอรว ีด
อภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพม่ิ เติม
น
3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมศึกษาตัวอยาง ตาเสวชา ขอบระวำง
องคประกอบของแผนท่ี จากแผนที่แสดง ท.ฮวา น.นแดนง.ดำแทฮมร่ีาน านบำ้ อแลยดมุ ง
ลักษณะภูมิประเทศคาบสมุทรอินโดจีนจาก ทิ เ มี ย น ม า งเลยี นเซิ น.ชี โตนเ าดามอน พกิ ดั ภูมศิ ำสตร์
หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรืออาจใช
สมารตโฟนคนหาสัญลักษณท่ีพบในแผนท่ี ว วดี ที่ ร า บ สู ง ช า น ง ค่ำละตจิ ดู 1
เพิ่มเติม แลวนําขอมูลมาอภิปรายรวมกัน ค่ำลองจจิ ดู 2
ภายในชัน้ เรยี น เ น . ิอร
4. ครูอาจถามคําถามนักเรียนจากการศึกษา ข ท.ผีป น นํ้า ง เ ก๋ี ย 20 ํN
แผนที่แสดงลักษณะภูมิประเทศคาบสมุทร เกาะไหห นาน
อนิ โดจนี เพม่ิ เตมิ เชน า น.โข
• ประเทศใดบางที่อยูในบริเวณคาบสมุทร
อินโดจนี 20 Nํ อ อ ท.หลวงพระบางท. แ ด น ล า ว ทร่ี าบสงู
(แนวตอบ ประเทศไทย กมั พชู า เวยี ดนาม
ลาว เมียนมา มาเลเซีย) า
ร เชยี งขวาลง ทาิ อ า ว ัต
เ ล ีจ น ใ ต
ะ เนปยีดอ เวยี งจนั ทน
กั น โนย.อมริ วาดี น.เจา พระย า ว
าวเบ ทน.ิสวาละเวนิ ข า ถ น น ธ ง ชั ย เ
แอง สกลนคร ข
ว
ง ที่ราบลมุ วีเ
แมน ้ำอริ วดี า อั น
ก
อา วเมาะตะมะ น.โข ง
อ ไท ย น.มูล
ล เทจา่รี พาบระลยมุ า น.มูล 15 Nํ
15 ํN แ อ ง โ ค ร า ช ย
นั
ท.พนมดงรั ก ด
ม
กรุงเทพฯ ท.ค ลสากบ ั ม พู ช า น
ทะเลอนั ดามนั า
ม
กลมุ เกาะมะริด อา วไทย พนมเปน.ญโขง ทะ 10 ํN
10 Nํ หมูเกาะอนั ดามนั ที่ราบลุม แมนำ้ โขง
ก.สมุย
และนโิ คบาร คำอธบิ ายสัญลักษณ
(อนิ เดีย) เมืองหลวง
เขตประเทศ
ก.ภเู ก็ต ส.สงขลา
ท. ตี ตี วั ง ซ า ทางนำ้
แหลงน้ำ
น รา.โตบา ระดับความสงู (เมตร) 5 Nํ
ม ห า ส มุ ท ร อิ น - สงู กวา 3,000
5 ํN เ ดี ทิ ว เ ข า บ า รเี ซกั าะสสุมาต ม า เ ล เ ซี ย - 2,000
ย - 1,000
N กวั ลาลัมเปอร - 400
- 200
อิ น โ ด นี เ ซี ย สิงคโปร -0
95 Eํ 100 ํE 105 Eํ
Projection : Polyconic 110 Eํ
ทิศ ค�ำอธบิ ำยสญั ลักษณ์
6
นักเรียนควรรู กิจกรรม สรางเสรมิ
1 ละติจูด ระยะทางเชิงมุมที่วัดไปตามขอบเมริเดียนซึ่งผานตําบลท่ีตรวจ นกั เรยี นอธบิ ายองคป ระกอบแผนทภ่ี มู ปิ ระเทศจงั หวดั ของตนเอง
โดยนบั 0 องศาจากเสนศนู ยสตู รไปทางเหนอื หรือใตจ นถงึ 90 องศาทข่ี ั้วโลกทัง้ สอง หรอื แผนทปี่ ระเทศไทย แลว บนั ทกึ ลงในสมดุ
หรือเปนมุมแนวตั้งท่ีศูนยกลางโลกระหวางเสนรัศมีของโลกที่ผานจุดซ่ึงเสนเมริเดียน
ตัดเสน ศนู ยส ูตรกบั เสนรศั มที ่ผี านตําบลท่ีตรวจ กจิ กรรม ทา ทาย
2 ลองจิจูด ระทางทางเชิงมุมระหวางเมริเดียนกรีนิชกับเมริเดียนซ่ึงผานตําบล
ท่ีตรวจซึ่งวัดไปตามขอบของเสนศูนยสูตร หรือขอบของเสนขนานละติจูด หรือเปน นกั เรยี นสบื คน แผนทภี่ มู ปิ ระเทศของประเทศทนี่ กั เรยี นสนใจ
มุมแนวระดับท่ีแกนโลกในระหวางพื้นของเมริเดียนกรีนิชกับพื้นของเมริเดียนซ่ึง แลวอธิบายองคประกอบท่ีปรากฏในแผนท่ีน้ัน พรอมบันทึกลง
ผานตําบลทต่ี รวจ ในสมุด
T6
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน
ขน้ั ท่ี 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมลู
1.3 การอา่ นและแปลความแผนที่ 1. ครูสุมนักเรียนเพ่ืออานและแปลความหมาย
ตวั อยา งแผนทเี่ ขตภมู อิ ากาศของทวปี แอฟรกิ า
การอ่านและแปลความแผนท่ี เป็นการแปลความหมายของสิ่งท่ีปรากฏบนองค์ประกอบ จากหนงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร ม.4-6 แลว อภปิ ราย
ของแผนท่ี เชน่ สญั ลกั ษณ ์ เส้นชั้นความสงู สี เส้น ท�าให้สามารถใช้ประโยชน์จากแผนท่ีไดต้ าม รวมกนั ในกลุม พรอมทัง้ ประโยชนทไ่ี ดรบั
จดุ มงุ่ หมายเหมือนกบั ผ้ใู ช้อยู่ในพนื้ ทนี่ ้นั ๆ โดยต้องรขู้ ้อมลู เบอ้ื งต้นทเ่ี ป็นองคป์ ระกอบของแผนท่ ี
ความหมายของสญั ลกั ษณ ์ เพอื่ แปลความหมายและทา� ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ตา่ ง ๆ ทปี่ รากฏอยบู่ นแผนที่ได้ 2. ครูใหสมาชิกแตละกลุมนําขอมูลที่รวบรวมได
ถูกต้อง มาวิเคราะหร ว มกนั เพ่อื อธบิ ายคําตอบ
3. ตัวแทนกลุมนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน
ตวั อยา่ ง การอ่านและแปลความแผนทีเ่ ขตภูมิอากาศของทวปี แอฟรกิ า สมาชิกกลุมอื่นผลัดกันใหขอคิดเห็น หรือ
สิ่งสา� คัญในการอา่ นและแปลความแผนที่ ขอ เสนอแนะเพม่ิ เติม
4. สมาชกิ แตล ะกลมุ นาํ ความรทู ไ่ี ดจ ากการศกึ ษา
1. ศึกษาสญั ลักษณส์ ที ี ่ใช ้ในแผนท่ีโดยดจู ากคา� อธบิ ายสัญลักษณ์
2. ว ิเคราะห์ความเชอ่ื มโยงของเขตภูมอิ ากาศกบั ทตี่ ง้ั ตามต�าแหน่งละตจิ ดู และลักษณะ และวิเคราะหข อ มูลมาวเิ คราะหและเรยี บเรียง
ประเด็นสําคัญเพ่ือรวมกันทําใบงานท่ี 1.1
ภมู ิประเทศ คำอธบิ ายสญั ลักษณเขตภมู ิอากาศ เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร และรวมกัน
เฉลยคาํ ตอบ
แผนทแี่ สดงเขตภมู อิ ากาศทวปี แอฟรกิ า เขตรอ น เขตแหงแลง เขตอบอุน
Cfคำอธบิ ายสญั ลักษณเขตภมู อิ ากาศ Af แบบรอ นชนื้ BWk แบบทะเลทรายเขตอบอุน Cf แบบชืน้ ก�ึงรอน
Am แบบมรสมุ BWh แบบทะเลทรายเขตรอ น Cs แบบเมดเิ ตอรเ รเน�ยน
Aw แบบสะวนั นา BSk แบบก�งึ ทะเลทรายเขตอบอนุ Cw แบบอบอุนภาคพ้ืนทวีป
BSh แบบกง�ึ ทะเลทรายเขตรอ น
Cs40 Nํ เขตรอน เขตแหง แลง เขตอบอนุ
Af แบบรอนชื้น BWk แบบทะเลทรายเขตอบอนุ Cf แบบช้นื ก�งึ รอน
Am แบบมรสุม BWh แบบทะเลทรายเขตรอน Cs แบบเมดเิ ตอรเ รเน�ยน
Aw แบบสะวนั นา BSk แบบกงึ� ทะเลทรายเขตอบอุน Cw แบบอบอุนภาคพน้ื ทวปี
30 ํN BSh แบบกง�ึ ทะเลทรายเขตรอ น
BWh
20 Nํ Aw Am BSh BWh ตวั อย่าง
Af BSh การอ่านและแปลความ
BSh Aw Aw
Cf • ตอนกลางของทวีปแอฟรกิ า
10 ํN BSh มหาสมทุ รอนิ เดยี มีภูมิอากาศแบบเขตร้อน
Am BWk BBWWhkBSkCw เนอื่ งจากอย่ใู กลเ้ สน้ ศนู ยส์ ตู ร
และไดร้ ับอทิ ธิพลจาก
0ํ ลมประจ�า
• บริเวณตอนเหนือและตะวัน
10 ํS มหาสมุทรแอตแลนตกิ ตกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา
มีภูมิอากาศแบบทะเลทราย
20 ํS เขตร้อนและก่ึงทะเลทราย
เขตร้อน
30 ํS มาตราสวน 1 : 100,000,000
0 1,000 2,000 กม. 7
20 ํW 10 Wํ 0 ํ 10 ํE 20 ํE 30 Eํ 40 Eํ 50 ํE 60 ํE
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
บคุ คลในขอ ใดนา จะเปนผใู ชแผนที่ไดอ ยางชาํ นาญท่สี ดุ ครคู วรฝก ทกั ษะการอา นแผนทใ่ี หนักเรยี นโดยอธบิ ายถึงวิธกี าร และสาธติ
1. วจีมคี วามรูเรื่องแผนที่เปนอยา งดี การอา นแผนทป่ี ระเภทตา งๆ แลว มอบหมายใหน กั เรยี นฝก อา นแผนทภี่ มู ปิ ระเทศ
2. สุพัตราสอบเรือ่ งการอานแผนทไ่ี ดคะแนนสงู สดุ หรือแผนท่ีเฉพาะเรื่องตางๆ จากน้ันบันทึกผลการฝกปฏิบัติเพื่อสงเสริมใหเกิด
3. รวภิ าทองจําแผนท่ปี ระเภทตางๆ ไดอ ยา งแมน ยาํ การเรียนรูอ ยา งมคี วามหมาย และสอดคลอ งกับการจัดการเรยี นรแู บบ Active
4. ทศั นยี รวบรวมแผนทเี่ ฉพาะเร่ืองไวไดอยางหลากหลาย Learning
5. มาลินใี ชแผนที่ในชีวิตประจําวนั และศกึ ษาเพิ่มเติมอยเู สมอ
(วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 5. ผูที่ใชแผนที่ไดอยางชํานาญควร
เปนผูท่ีมีความรูความเขาใจและหมั่นฝกฝนอานแผนที่อยาง
สมํา่ เสมอ เพราะฉะนัน้ มาลินจี งึ เปนผทู ใี่ ชแ ผนท่ไี ดช าํ นาญทสี่ ุด)
T7
นาํ สอน สรุป ประเมิน
ขน้ั สอน 1.4 การใชป้ ระโยชน์แผนท่ี
ขน้ั ที่ 5 การสรปุ เพอ่ื ตอบคาํ ถาม แผนที่เป็นเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ท่ีมีความจ�าเป็นส�าหรับการศึกษาสภาพแวดล้อมทาง
ภูมิศาสตร์ และเป็นประโยชน์ในการดา� เนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของมนุษย์ ดงั นี้
1. นักเรียนในช้ันเรียนรวมกันสรุปเก่ียวกับแผนที่
องคป ระกอบของแผนที่ การอา นและแปลความ 1. ใชใ้ นชวี ติ ประจา� วนั เชน่ ชว่ ยในการเดนิ ทาง โดยใชแ้ ผนทที่ แี่ สดงเสน้ ทางคมนาคม
แผนที่ ตลอดจนการใชประโยชนแผนท่ี โดย ทางบก ทางนา้� ทางอากาศ และบอกทต่ี งั้ ของสถานทสี่ า� คญั ตา่ ง ๆ ในปจั จบุ นั สามารถใชแ้ ผนทผี่ า่ น
อาจศึกษา Geo Tip เก่ียวกับแอปพลิเคชัน โทรศัพท์เคลอื่ นทป่ี ระเภทสมารต์ โฟนหรอื แท็บเล็ต ทา� ใหใ้ ชง้ านแผนที่ไดส้ ะดวกมากขนึ้
แผนที่ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6
เพิ่มเตมิ 2. หน่วยงานต่าง ๆ น�าไปใช้ในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพ้ืนท่ี เช่น กรมที่ดินใช้
การส�ารวจรังวัดท�าแผนที่เพ่ือออกโฉนดท่ีดินให้ประชาชน กรมทางหลวงจัดท�าแผนท่ีทางหลวง
2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ เพอ่ื ใช้ประกอบการเดินทาง กรมป่าไมจ้ ดั ท�าแผนที่ปา่ ไมเ้ พื่อเป็นฐานขอ้ มลู ในการจดั การปา่ ไม้
สําคัญเพ่ือตอบคําถามเชิงภูมิศาสตร โดยครู
แนะนําเพ่มิ เติม 3. ใช้ในกิจการทหาร โดยน�าไปเป็นข้อมูลในการวางแผนทางยุทธศาสตร์ เช่น
การเลือกท่ีตงั้ ค่ายทหาร การทิ้งระเบิดโจมตที างอากาศ
3. นกั เรยี นทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร ม.4-6
เรอ่ื ง แผนท่ี เพื่อทดสอบความรทู ไ่ี ดศึกษามา 4. ใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เช่น แผนท่ีแสดงความ
หนาแน่นของประชากร แผนที่แสดงแหล่งปลูกพืชเศรษฐกิจ โรงงาน ซึ่งช่วยท�าให้ทราบข้อมูล
ขนั้ สรปุ พน้ื ฐานเพ่อื นา� ไปวางแผนการพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมต่อไป
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ 5. ใชใ้ นการรายงานปรากฏการณธ์ รรมชาติ เชน่ แผนทแี่ สดงอุณหภูมิ แผนทแี่ สดง
แผนที่ ตลอดจนความสําคัญของแผนที่มีอิทธพิ ล การเคลื่อนที่ของพายุ ซึง่ ท�าให้เขา้ ใจปรากฏการณธ์ รรมชาติต่าง ๆ ได้ง่ายข้ึน
ตอการดําเนินชีวิตของผูคนในปจจุบัน หรืออาจ
ใช PPT สรปุ สาระสําคญั ของเน้ือหา 6. ใช้ส�าหรับการเรียนการสอน เช่น โรงเรียนใช้แผนที่ประกอบการเรียนรู้เพ่ือให้
นกั เรียนเข้าใจลกั ษณะทางกายภาพและตา� แหนง่ ทต่ี ัง้ บนโลก
ขนั้ ประเมนิ
GTeipo
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน แอปพลิเคชนั แผนที่
หนา ชน้ั เรียน
Google Maps
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานและแบบฝก เป็นบริการแผนท่ีของ Google ใช้ในการ
สมรรถนะฯ ภูมศิ าสตร ม.4-6
ค้นหาเส้นทาง ดูสภาพการจราจร เพ่ือวางแผน
การเดินทางจากสถานท่ีหนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง
ซ่ึงท�าให้ทราบเส้นทางท่ีดีท่ีสุด ใช้ระยะเวลาน้อย
ทส่ี ดุ รวมถงึ การเลอื กประเภทพาหนะทใี่ ชเ้ ดนิ ทาง
เช่น รถยนต์ รถประจ�าทาง การเดนิ เท้า พร้อม
แสดงเวลาโดยประมาณที่ใช้ในการเดินทางก�ากับ
ไว้ดว้ ย
8
แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิด
ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขา ใจเนอื้ หา เรอ่ื ง เครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร แผนท่ีมปี ระโยชนในการดาํ เนินชีวิตของบคุ คลทั่วไปและ
ไดจากการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตรในการสืบคนและนําเสนอผลงานหนา การพฒั นาสงั คมและประเทศชาตอิ ยางไร
ช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอ
ผลงานทแี่ นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรหู นว ยท่ี 1 เรอ่ื ง เครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร (แนวตอบ แผนที่มีประโยชนตอบุคคลท่ัวไปในการดําเนินชีวิต
หลายดาน เชน การเดินทาง การคนหาที่ตั้งของสถานท่ี และมี
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ประโยชนในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ คือ การใชเปน
ขอมูลพื้นฐานในการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คม เชน การวางแผน
คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องที่ สรางระบบสาธารณูปโภค การปกปนเขตแดนระหวางประเทศ
ตรงกบั ระดับคะแนน และการทหาร)
ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา
2 การลาดบั ข้ันตอนของเรื่อง
3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมสี ่วนร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่
รวม
ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน
เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
T8 ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2 เทคโนโลยีภมู ิสารสนเทศ ขน้ั นาํ
ภูมิสารสนเทศ (Geoinformatics) คือ ศาสตร์สารสนเทศที่เน้นการบูรณาการเทคโนโลยี Geographic Inquiry Process
ด้านการส�ารวจ การท�าแผนท่ี และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่เข้าด้วยกัน เพื่อศึกษาเก่ียวกับ
พื้นทบ่ี นโลก โดยอาศยั เทคโนโลยีภมู สิ ารสนเทศ ประกอบด้วย การรับรู้จากระยะไกล (RS) ระบบ 1. ครใู หน กั เรยี นเลน เกมแขง ขนั การใชส มารต โฟน
ก�าหนดตา� แหน่งบนพื้นโลก (GPS) และระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์ (GIS) คนหาเสนทางไปยังสถานที่ที่นักเรียนสนใจ
ในทวีปตา งๆ จาํ นวน 10 แหง ภายในเวลาท่ี
2.1 การรบั รจู้ ากระยะไกล กําหนด จากนั้นอภิปรายแสดงความคิดเห็น
รวมกัน
การรับรู้จากระยะไกล (Remote Sensing: RS) เป็นระบบส�ารวจเก็บข้อมูลเก่ียวกับ
พ้ืนผิวโลกด้วยเครื่องรับรู้ (sensor) ซ่ึงติดต้ังกับดาวเทียม เคร่ืองบิน หรือบอลลูน เครื่องรับรู้ 2. ครูสนทนาประกอบการซักถามเก่ียวกับ
ตรวจจับคล่ืนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่สะท้อนจากวัตถุบนผิวโลก หรือตรวจจับคลื่นท่ีส่งไปและ เทคโนโลยภี มู สิ ารสนเทศในความรคู วามเขา ใจ
สะท้อนกลับมา แลว้ แปลงข้อมลู เชิงเลขทถ่ี ูกบนั ทกึ ไวอ้ อกมาเปน็ ข้อมูลภาพ เบ้อื งตนของนกั เรยี นเพ่ิมเติม เชน
• เทคโนโลยีภมู สิ ารสนเทศไดแกส ิ่งใด
หลักการทา� งานของการรับรูร้ ะยะไกล ประกอบดว้ ย 2 กระบวนการ ดงั นี้ (แนวตอบ เชน รูปถายทางอากาศ ภาพจาก
ดาวเทยี ม GPS GIS)
1) กำรได้รับข้อมูล (data acquisition) อาศัยหลักการว่า ดวงอาทิตย์ที่เป็น • ในปจ จุบนั เทคโนโลยภี ูมสิ ารสนเทศ
มีประโยชนอ ยางไรบา ง
แหลง่ กา� เนดิ พลงั งานตามธรรมชาติ ซง่ึ แผพ่ ลงั งานแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ มายงั พน้ื ผวิ โลก วตั ถแุ ตล่ ะชนดิ (แนวตอบ เชน มีประโยชนในดานการสํารวจ
ดูดกลืนและสะท้อนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าได้แตกต่างกัน พลังงานท่ีถูกสะท้อนกลับจะถูกบันทึก การสืบคนขอมูล การวิเคราะหขอมูลการ
โดยอปุ กรณบ์ นั ทกึ ขอ้ มลู บนอากาศยานหรอื บนยานอวกาศ ไดข้ อ้ มลู ทเี่ ปน็ รปู ภาพและขอ้ มลู เชงิ เลข บริหาร การวางแผนในพื้นที่ที่มีขอจํากัด
ทงั้ ในดา นระยะทาง หรอื การเขา ถงึ ตลอดจน
2) กำรวิเครำะห์ข้อมูล (data analysis) ประกอบด้วยการแปลข้อมูลภาพ เปนการอํานวยความสะดวกในการนํา
เทคโนโลยีมาใชในชีวิตประจําวันเพิ่ม
ดว้ ยสายตา (visual interpretation) และการวเิ คราะหเ์ ชงิ เลข (digital analysis) ดว้ ยคอมพวิ เตอร์ มากข้ึน)
ท�าให้ได้ผลิตภัณฑ์สารสนเทศออกมา เช่น รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม แผนท่ี เพื่อให้
ผใู้ ช้นา� ไปใชป้ ระโยชนต์ อ่ ไป
การรบั สญั ญาณขอ มลู การวิเคราะหข อมลู
ขอ มลู อา งองิ
แหลง พลงั งาน ระบบถายภาพ ภาพ ดว ยสายตา
การกระจายผา นชนั้ ดว ย ผูใช
บรรยากาศ คอมพวิ เตอร
ตวั เลข
กระบวนการ
ผลิตภัณฑ แปลภาพ ผลติ ภัณฑ
ขอมูล สารสนเทศ
ลักษณะผวิ หนาของโลก
ภาพแสดงหลักการทา� งานของ Remote Sensing 9
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ขอ ใดไมใ ชป ระโยชนข องรีโมตเซนซงิ ครูอาจอธิบายเปรียบเทียบหลักการทํางานและประโยชนของขอมูลจาก
1. สาํ รวจการใชท ่ีดนิ การรับรูจากระยะไกลแบบขอมูล จากรูปถายทางอากาศกับภาพจากดาวเทียม
2. การพยากรณอ ากาศ โดยใชผังกราฟกท่ีแสดงการเปรียบเทียบ หรือจําแนกรายละเอียดขอมูล เชน
3. ใชเตอื นภัยจากธรรมชาติ ตารางเวนน ไดอะแกรม (Venn Diagram) หรือผงั มโนทัศน เพื่อใหนกั เรียน
4. ทาํ แบบจาํ ลองความสงู เชิงเลข เกดิ ความรูความเขา ใจในการรับรูจ ากระยะไกลยิง่ ขน้ึ
5. การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงพ้ืนท่ปี าไม
(วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. การทาํ แบบจาํ ลองความสงู เชงิ เลข
เน่ืองจากตองใชขอมูลจากภาพถายออรโธสีท่ีมีลักษณะคลายกับ
รปู ถา ยทางอากาศเปนขอมูลพ้ืนฐานสวนหนึง่ ของการจดั ทํา)
T9
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ข้อมูลจากการรบั รูร้ ะยะไกล มีดงั น้ี
1) รูปถ่ำยทำงอำกำศ คือ รูปภาพของลักษณะภูมิประเทศที่ปรากฏอยู่บนพ้ืน
ข้นั ที่ 1 การตัง้ คําถามเชิงภมู ิศาสตร ผวิ โลก ที่ได้จากการถา่ ยภาพทางอากาศ โดยผ่านเลนสก์ ลอ้ งและฟลิ ์ม ซ่งึ ถ่ายด้วยกล้องที่ตดิ ไว้
กบั อากาศยาน ได้แก่ บอลลนู และเครือ่ งบนิ ปัจจบุ นั การถา่ ยรูปทางอากาศมกี ารใช้กลอ้ งดิจิทัล
1. ครนู าํ รปู ถา ยทางอากาศและภาพจากดาวเทยี ม ไบวันก้ ทับกึ อขาอ้กมาศูลยเชางินเไลรข้คนคขลับ้า1ยกกนั ับมขาอ้กมขน้ึูลจทากา� ใดหา้สวาเทมยีามรถแถต่าย่มรีรปูายไดล้ตะเาอมียขดนสาูงดมแาลกะเรววลมาททัง้สี่ ยะังดนวา�กไขป้ึนติดต้ัง
มาใหนักเรียนดู จากน้ันใหนักเรียนลองบอก รปู ถา่ ยทางอากาศ แบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะการถ่ายรปู ดงั น้ี
สิง่ ทีเ่ หน็ จากสายตา ประกอบการถามคาํ ถาม 1.1) รูปถ่ำยทำงอำกำศแนวด่ิง เป็นรูปถ่ายทางอากาศที่ถ่ายรูปในแนวตั้งฉาก
เชน กบั ผิวโลกและไมเ่ ห็นแนวขอบฟา้
• อุปสรรคท่ีสําคญั ของการถา ยภาพทาง 1.2) รูปถ่ำยทำงอำกำศแนว
อากาศคอื ส่ิงใด เฉยี ง เปน็ รปู ถา่ ยทเี่ กดิ จากการกา� หนดแกนของ
(แนวตอบ เชน หมอกควนั เนอ่ื งจากการถา ย กล้องในลกั ษณะเฉียง แบ่งออกเปน็ 2 ชนิด คอื
ภาพทางอากาศน้ันจะมีการติดต้ังอุปกรณ • รปู ถา่ ยทางอากาศแนว
ถายภาพกับอากาศยานแลวถายภาพมายัง เฉียงสงู ลักษณะรปู ถ่ายจะเหน็ แนวขอบฟ้าเป็น
พนื้ ทตี่ า งๆ ซงึ่ อปุ สรรคสาํ คญั ในการถา ยภาพ แนวกวา้ งใหญ่
ทางอากาศ คือ หมอกควันที่บดบังพื้นที่ • รปู ถา่ ยทางอากาศแนว
ทาํ ใหไ ดรูปถายทางอากาศท่ีไมช ดั เจน) เฉียงต�่า เปน็ รูปถา่ ยทางอากาศท่ีไมป่ รากฏเส้น รปู ถา่ ยทางอากาศแนวดิ่ง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
ขอบฟา้ ในภาพ ทมี่ ำ : กรมแผนท่ีทหาร กระทรวงกลาโหม
2. ครกู ระตนุ ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตง้ั ประเดน็ คาํ ถาม
เชงิ ภูมิศาสตร เชน รูปถ่ายทางอากาศแนวเฉียงสูงและแนวเฉียงต�่าใช้แสดงภาพรวมของพื้นท่ี แต่มี
• เทคโนโลยภี มู สิ ารสนเทศทน่ี าํ มาใชใ นการหา มาตราสว่ นบนรปู ถา่ ยทางอากาศแตกตา่ งกนั รปู ถา่ ยทางอากาศแนวดง่ิ มมี าตราสว่ นในรปู คอ่ นขา้ ง
เสน ทางการเดนิ ทางไปยงั เปา หมาย เรยี กวา คงที่ จงึ เป็นท่ีนยิ มน�ามาใช้ทา� แผนที่
ระบบอะไร
• เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศแตละประเภท
มีความเหมือนหรือแตกตางกันหรือไม
อยา งไร
• นอกจากเครื่องมือทางภูมิศาสตรอยาง
ลูกโลก แผนที่ รปู ถายทางอากาศ และภาพ
จากดาวเทียมแลว ยังมีเครื่องมือใดอีกบาง
ที่ใชศึกษาขอมูลทางภูมิศาสตร และให
ขอมลู เก่ียวกับอะไร
รปู ถ่ายทางอากาศแนวเฉียงสูง เหน็ แนวขอบฟ้า รูปถ่ายทางอากาศแนวเฉียงตา่� ไม่เหน็ แนวขอบฟ้า
บริเวณรัฐวสิ คอนซิน สหรฐั อเมริกา บริเวณรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมรกิ า
ท่ีมำ : https://blogs.uoregon.edu ทม่ี ำ : https://blogs.uoregon.edu
10
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET
รปู ถา ยทางอากาศสามารถแสดงขอ มลู พ้นื ที่เปน ภาพ 3 มิติ
1 อากาศยานไรค นขับ มขี นาด รปู รา ง รูปแบบ และเอกลักษณท ่ีแตกตางกนั ไดจากขอ ใด
เปน อากาศยานทคี่ วบคุมจากระยะไกล ใชการควบคุมอตั โนมัติ มี 2 ลกั ษณะ
ไดแก การควบคมุ อัตโนมัติจากระยะไกล และการควบคมุ แบบอตั โนมตั โิ ดยใช 1. ถายรปู พ้ืนท่ซี อ นกัน
ระบบการบินดวยตนเองซ่ึงตองอาศัยโปรแกรมคอมพิวเตอรท่ีมีระบบซับซอน 2. บนั ทึกขอ มลู แบบแอกทีฟ
ติดตั้งไวในอากาศยาน อากาศยานไรคนขับไมตองใชนักบินประจําอากาศยาน 3. การกาํ หนดมาตราสว นของแผนท่ี
ซึ่งมีการติดตั้งกลองถายภาพคุณภาพสูงที่สามารถบันทึกภาพระยะไกลได 4. ความละเอียดขั้นสงู ในการถา ยภาพ
แลวแพรภาพสัญญาณมายังจอภาพท่ีสถานีภาคพื้นดินในเวลาที่ใกลเวลาจริง 5. ใชฟ ล มคุณภาพสงู ในการบันทกึ ภาพ
มากทีส่ ดุ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การถายรูปทางอากาศสามารถ
แสดงขอมูลพื้นที่เปนภาพสามมิติไดจากการถายรูปท่ีมีพ้ืนท่ี
ซอนกนั (overlap))
T10
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2) ภำพจำกดำวเทยี ม คอื ภาพที่ไดจ้ ากการถา่ ยและบนั ทกึ ขอ้ มลู เชงิ เลขของคา่ การ ขน้ั สอน
สะท้อนช่วงคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้าจากวัตถุต่าง ๆ ท่มี ีค่าการสะท้อนแสงแตกต่างกนั จงึ ทา� ให้สามารถ ขัน้ ที่ 1 การตัง้ คาํ ถามเชงิ ภมู ิศาสตร
จา� แนกวตั ถุตา่ ง ๆ ไดจ้ ากการแปลความส่งิ ทป่ี รากฏบนภาพ เช่น สี ขนาด รปู รา่ ง ทงั้ น้ี ดาวเทียม
ถกู พฒั นาข้นึ หลายรูปแบบตามภารกิจ เช่น ดาวเทียมสา� รวจทรพั ยากร 3. ครูอาจใหนักเรียนศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับ
ดาวเทียมสํารวจทรัพยากร จากหนังสือเรียน
GTeipo ดำวเทยี มส�ำรวจทรพั ยำกร ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการต้ังประเด็น
คําถามเชิงภูมิศาสตร ผานการถามคําถาม
เปน็ ดาวเทยี มทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ ขอ้ มลู ดา้ นทรพั ยากรตา่ ง ๆ เชน่ พชื พรรณ ทรพั ยากรนา้� ลกั ษณะการ เพิม่ เตมิ เชน
ใชป้ ระโยชนท์ ด่ี นิ ในประเทศไทยมสี ถานรี บั สญั ญาณดาวเทยี มสา� รวจทรพั ยากร ตงั้ อยทู่ อี่ า� เภอศรรี าชา • ภาพจากดาวเทยี มมีทม่ี าอยา งไร
จังหวัดชลบุรี และที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เมื่อสถานีภาคพ้ืนดินรับสัญญาณตัวเลขท่ีส่ง (แนวตอบ การรับขอมูลตวั เลขจากดาวเทยี ม
ที่โคจรอยูรอบโลกของสถานีรับสัญญาณ
มาแลตว้ ัวจอึงยแ่าปงลดงาตววัเทเลียขมเสป�า็นรภวาจพททรัพี่สายมาากรรถนเช�าไ่นปแSปPลOคTวา, มTหHมEาOยตS1่อ, ไMปไOดS้ , WorldView, GeoEye, ดาวเทียมตางๆ โดยดาวเทียมน้ันแปลง
ขอมูลภาพทรัพยากรธรรมชาติ หรือสิ่งที่
QuickBird, Landsat มนษุ ยส รา งขนึ้ เปน ตวั เลข สถานรี บั สญั ญาณ
จึงตองแปลงขอมูลตัวเลขนั้นกลับเปนภาพ
อีกคร้ังหนึ่ง อยา งไรก็ตาม ขอมูลตัวเลขนั้น
สามารถนาํ มาวเิ คราะหเ ชิงสถติ ิเพ่ือจัดกลุม
ขอมูลใหมซึ่งเปนการแปลความหมายอีก
รูปแบบหน่งึ ได)
ดาวเทยี มไทยโชต หรอื THEOS ดาวเทยี มสา� รวจ ดาวเทยี ม Landsat-8 โดยความร่วมมือระหวา่ ง
ทรพั ยากรดวงแรกของประเทศไทย องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ
(NASA) กบั สา� นกั งานสา� รวจธรณวี ทิ ยาแหง่ ชาติ
สหรัฐอเมริกา (USGS)
ระบบบันทึกข้อมูลของดาวเทียมในปัจจุบันมีวิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว มีคุณสมบัติ
หลายประการ ดงั น้ี
2.1) กำรบนั ทกึ ขอ้ มลู เปน บรเิ วณกวำ้ ง ภาพจากดาวเทยี มภาพหนงึ่ ๆ ครอบคลมุ
พ้นื ท่ีกว้างท�าใหไ้ ด้ข้อมูลในลกั ษณะต่อเนอ่ื งในระยะเวลาบันทึกภาพส้ัน ๆ เชน่ ภาพจากดาวเทยี ม
SPOT คลมุ พื้นที่ 60 x 60 ตร.กม. หรอื 3,600 ตร.กม.
2.2) กำรบันทึกภำพบริเวณเดิม ดาวเทียมส�ารวจทรัพยากรมีวงโคจรจากเหนือ
ลงใต้ และกลบั มายงั จดุ เดิม ท�าให้ไดข้ ้อมลู บรเิ วณเดียวกนั หลาย ๆ ชว่ งเวลา สามารถเปรยี บเทยี บ
และติดตามการเปล่ยี นแปลงบนพน้ื ผวิ โลกได้ เช่น ดาวเทยี ม Landsat มรี อบโคจรทุก ๆ 16 วัน
11
ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอ มูลที่ใชในการพยากรณอ ากาศของพื้นท่หี นงึ่ ๆ มาจาก 1 THEOS เปนดาวเทียมสํารวจทรัพยากรดวงแรกของไทย ข้ึนสูอวกาศ
หลักการทาํ งานของดาวเทยี มในขอใด เม่ือวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 โดยจรวดนําสงเนปเปอร (Dnepr) จากฐาน
สง จรวดเมืองยาสนี (Yasny) ประเทศรัสเซยี ดาวเทยี ม THEOS เปนดาวเทียม
1. ดาวเทยี มคงที่ ขนาดเล็ก มีอายุการใชงานอยา งนอย 5 ป ทาํ งานโดยอาศยั แหลง พลงั งานจาก
2. ดาวเทียมสาํ รวจทรพั ยากร ดวงอาทิตย สามารถบันทึกภาพไดครอบคลุมพน้ื ทที่ ่วั โลก
3. ดาวเทียมพลังงานธรรมชาติ
4. ดาวเทียมพลังงานคลนื่ แมเ หลก็ ไฟฟา สื่อ Digital
5. ดาวเทยี มโคจรรอบโลกในแนวเหนือ-ใต
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การพยากรณอากาศพ้ืนที่หน่ึงๆ ศึกษาคนควาขอมูลเก่ียวกับดาวเทียมตางๆ ไดที่ http://www.gistda.
ดวยขอมูลจากดาวเทียม ดาวเทียมนั้นตองมีหลักการทํางาน or.th/main/th/node/90 สาํ นกั งานพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศและภมู สิ ารสนเทศ
แบบดาวเทยี มคงท่ี คือ ดาวเทียมที่โคจรรอบโลกเทา กับการหมุน (องคการมหาชน)
ของโลก ซ่ึงมีการสํารวจและรวบรวมขอมูลดานภูมิอากาศของ
พืน้ ท่ีนั้นๆ) T11
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 2.3) รำยละเอยี ดของภำพ ภาพจากดาวเทยี มให้รายละเอยี ดหลายระดับ มผี ลดี
ในการน�าไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาด้านต่าง ๆ เช่น ภาพถ่ายจากดาวเทียม Landsat-7 มี
ขนั้ ที่ 2 การรวบรวมขอ มูล รายละเอียดท่ีระดับ 30 เมตร ใช้ศึกษาสภาพการใช้ที่ดินระดับจังหวัดได้ ในขณะท่ีภาพถ่ายจาก
ดาวเทยี ม GeoEye-1 ทมี่ ีรายละเอยี ดสูงทีร่ ะดับ 46 เซนติเมตร เหน็ วัตถุต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
1. ครูใหนักเรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 4 คน โดยให ข้อมูลภาพจากดาวเทียมที่มีรายละเอียดภาคพื้นดินมาก จะให้รายละเอียดของวัตถุบนโลก
นกั เรยี นในแตล ะกลมุ มหี มายเลขประจาํ ตวั คอื ทชี่ ัดเจนมากข้นึ
หมายเลข 1 2 3 และ 4 เรยี กวา กลุมแมบา น
ภาพถ่ายจากดาวเทียม GeoEye-1 มีรายละเอียดสูง ภาพถา่ ยจากดาวเทยี มLandsat-7 มรี ายละเอยี ดปานกลาง
2. นักเรียนกลุมแมบานแยกยายไปรวมกันตาม ท่ีระดบั 46 เซนติเมตร ทา� ให้เหน็ วัตถไุ ดอ้ ยา่ งชัดเจน ทรี่ ะดบั 30 เมตร ทา� ใหเ้ หน็ ภาพรวมของการใชป้ ระโยชนท์ ดี่ นิ
หมายเลขเดยี วกนั เรียกวา กลมุ ผูเชีย่ วชาญ
ได้หลายช่วงคลื่น2แ.4ส)งใกนำบรรบิเนัวณทกึเดภียำวพกไันดห้ ทลำั้งยในชชว่ ง่วคงลคน่ืล่ืนแสแงสงรทะบี่สบายบตนั าทมกึ อขงอ้ เมหลู็นส1าแมลาะรชถ่วบงนัคทลกึ่ืนภแาสพง
3. สมาชิกในกลุมผูเช่ียวชาญ รวมกันสืบคน นอกเหนอื สายตามนษุ ย์ เมอ่ื นา� ขอ้ มลู ภาพในแตล่ ะชว่ งคลนื่ แสงมาซอ้ นทบั กนั จะเกดิ เปน็ ภาพถา่ ย
ความรู เรื่อง เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ จาก สีผสมจรงิ ซงึ่ มสี เี หมือนทป่ี รากฏในธรรมชาติ และภาพถ่ายสผี สมเทจ็ ทา� ให้แยกวัตถุต่าง ๆ บน
หนงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร ม.4-6 และสรปุ ความรู พน้ื ผิวโลกไดอ้ ยา่ งชัดเจน
ลงในใบงาน ตามประเด็นตอ ไปนี้
• หมายเลข 1 ทําใบงานที่ 1.2 เรื่อง การรบั รู
จากระยะไกล
• หมายเลข 2 ทําใบงานที่ 1.3 เรอ่ื ง ระบบ
กําหนดตําแหนงบนพื้นโลก
• หมายเลข 3 ทําใบงานที่ 1.4 เรื่อง ระบบ
สารสนเทศภมู ศิ าสตร
• หมายเลข 4 ทาํ ใบงานที่ 1.5 เรื่อง การใช
ประโยชนเทคโนโลยภี ูมิสารสนเทศ
4. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญแตละหมายเลข
ทําการรวบรวมและอภิปรายขอมูลจากการทํา
ใบงาน
5. ครอู าจใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ศกึ ษารายละเอยี ด
ของภาพถา ยจากดาวเทยี มประกอบการรวบรวม
ขอ มลู เพมิ่ เติม
ภาพถ่ายจากดาวเทียม WorldView-2 แสดงภาพสีผสม ภาพถ่ายจากดาวเทยี ม QuickBird แสดงภาพสผี สมเทจ็
จริง ซง่ึ มีสเี หมอื นทป่ี รากฏในธรรมชาติ ท�าให้เห็นสว่ นท่ีเปน็ ป่าไม้มสี แี ดง
12
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 ชว งคลน่ื แสงทส่ี ายตามองเหน็ แสงทม่ี นษุ ยม องเหน็ หมายถงึ คลนื่ แมเ หลก็ ขอใดคอื เทคโนโลยีในการบนั ทกึ ขอมูลของภาพจากดาวเทียม
ไฟฟาที่มีความยาวคลื่นอยูในชวง 400-700 นาโนเมตร ซึ่งถือวาเปนเพียงชวง 1. คล่ืนวิทยุ
แคบๆ ของแถบคล่ืนแมเหล็กไฟฟาทั้งหมด นอกจากนี้ ความยาวคลื่นยังบอก 2. รังสีแกมมา
ถึงสดี ว ย ความยาวคล่นื มากทสี่ ดุ ท่ีมนุษยม องเหน็ ไดจะมสี แี ดง (ประมาณ 700 3. รงั สีความรอน
นาโนเมตร) และความยาวคล่ืนนอยที่สุดที่มองเห็นไดจะมีสีนํ้าเงิน (ประมาณ 4. คล่นื แมเหล็กไฟฟา
400 นาโนเมตร) 5. พลงั งานแสงอาทิตย
(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. ภาพจากดาวเทียม คือ ภาพ
ที่ไดจากการถายและบันทึกขอมูลเชิงเลขของคาการสะทอน
ชว งคลนื่ แมเ หลก็ ไฟฟา จากวตั ถตุ า งๆ ทมี่ กี ารสะทอ นแสงแตกตา งกนั
จึงทําใหสามารถจําแนกวัตถุตางๆ ได จากการแปลความสิ่งท่ี
ปรากฏบนภาพ เชน สี ขนาด รูปราง)
T12
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
3) กำรแปลควำมหมำยรูปถ่ำยทำงอำกำศและภำพจำกดำวเทียม หลักการ ขนั้ สอน
แปลความหมายด้วยสายตา ใช้องคป์ ระกอบหลกั ท่ีสา� คัญ ดังนี้
1. ควำมเข้มของสี วัตถุต่าง แหลง น้ำ ขนั้ ที่ 3 การจดั การขอมูล
1
ชนดิ กนั มีการสะทอ้ นคลนื่ แสงแตกตา่ งกนั เชน่ 1. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญแตละหมายเลข
พ้ืนดินไม่มีต้นไม้ปกคลุมสะท้อนคลื่นแสงมาก กลบั ไปยงั กลุม แมบ า นของตนเอง
จงึ มสี จี าง นา�้ ดดู ซบั คลน่ื แสงมากจงึ สะทอ้ นคลน่ื พน้ื ดิน
แสงน้อย ภาพที่ไ2ด.บ้ ขรนเิ วำดณ1พควนื้ านม้า� ยจาึงวมคสี วเี าขมม้ กวา้ ง 2. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก
หรอื พนื้ ท่ี แสดงใหเ้ หน็ ความแตกตา่ งของขนาด ลำนำ้ การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู
เช่น ระหวา่ งแม่น�า้ กบั ลา� น้า� สาขา 23 ระหวา งกนั
แมน ้ำ 4
3. รูปร่ำง ส่ิงที่ปรากฏในภาพ 3. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
ท่นี าํ เสนอเพ่ือใหไดข อมลู ทถี่ กู ตอ ง
สาขา
สว่ นใหญม่ รี ปู ทรงเรขาคณติ เชน่ พน้ื ทเี่ กษตรกรรม
เป็นแปลงรูปส่ีเหล่ยี ม
4. เนอ้ื ภำพ เป็นความหยาบ
ความละเอยี ดของผวิ วตั ถุ เชน่ นา�้ มลี กั ษณะเรยี บ
และปา่ ไมม้ ีลกั ษณะขรขุ ระ ปา ปลกู หรอื 5 4
สวนเกษตรกรรม ปาไมธรรมชาติ
5. แบบรูป ส่ิงที่เกิดข้ึนตาม
ธรรมชาตมิ แี บบรปู แตกตา่ งจากสงิ่ ทมี่ นษุ ยส์ รา้ ง
ขน้ึ เชน่ ปา่ ไมธ้ รรมชาตกิ บั ปา่ ปลกู ซงึ่ ปา่ ปลกู
มแี บบรปู ตน้ ไมป้ ล6กู. อคยวำา่ มงเสปงู น็ แรละะเเบงำยี 2บเงมาาขกอกงววา่ตั ถุ
ใชอ้ ธบิ ายความสูงของวัตถุ เชน่ ตน้ ไม้ อาคาร
เม่ือถ่ายรูปทางอากาศในระดับความสูงไม่มาก 6 เงาของอาคาร
ในช่วงเช้าและบ่ายมีเงาสามารถน�ามาค�านวณ
หาความสูงของวัตถุได้
7. ตำ� แหนง่ แสดงความสมั พนั ธ์ 7
ซงึ่ กันและกนั เชน่ รถยนตบ์ นลานจอดรถ รถยนตบ นลานจอดรถ
การแปลความหมายไดด้ แี ละถกู ตอ้ งขนึ้ อยกู่ บั องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ซง่ึ การตรวจสอบ
ภาคสนามชว่ ยใหก้ ารแปลความหมายมคี วามถกู ตอ้ งแมน่ ยา� มากขน้ึ นอกจากน้ี รปู ถา่ ยทางอากาศ
หรือภาพจากดาวเทียมที่บันทึกในช่วงปีท่ีแตกต่างกันยังช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพ้ืนท่ีใน
แต่ละบรเิ วณไดช้ ดั เจนเพมิ่ ข้นึ ด้วย
13
กิจกรรม Geo - Literacy นักเรียนควรรู
ครูนําภาพจากดาวเทียมที่แสดงถึงการเปล่ียนแปลงของพ้ืนที่ 1 ขนาด การพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับขนาด ตองมีความรูเรื่องความ
ในลกั ษณะตางๆ เชน สมั พนั ธแ ละสมบรู ณข องขนาด หากพจิ ารณาภาพของรายละเอยี ดในรปู ถา ยและ
รขู นาดทแ่ี นน อนของรายละเอยี ดทป่ี รากฏในภมู ปิ ระเทศแลว กส็ ามารถหาขนาด
• ลักษณะชายฝง ทะเลอันดามนั กอ นและหลงั ประสบภัยสนึ ามิ ของรายละเอียดอน่ื ๆ ได โดยเปรียบเทยี บกบั ขนาดของรายละเอียดทท่ี ราบแลว
• การเปลย่ี นแปลงของพืน้ ทปี่ าสงวน 2 เงา การพิจารณารูปรางของรายละเอียดใหไดผลดีจะพิจารณาจากเงา
จากน้ันใหนักเรียนอานและแปลความภาพจากดาวเทียม ไดมากกวาการพิจารณาจากสี หรือลวดลาย เน่ืองจากขนาดทางด่ิงที่แสดง
โดยอาศยั หลกั การแปลความหมายทางสายตา แลว สรปุ สง ครผู สู อน ดวยเงาน้ัน จะปรากฏใหเห็นชัดกวาขนาดในทางราบ ที่แสดงดวยภาพของ
รายละเอยี ดสขี องภาพ โดยรายละเอยี ดเหลา นน้ั จะเปลย่ี นไปตามสภาพแวดลอ ม
แตเ งาจะแสดงใหเ ห็นชัดเจน
T13
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ตัวอย่าง การแปลความหมายรปู ถา่ ยทางอากาศ1
ข้ันที่ 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอ มูล บรเิ วณตา� แหนง่ A
1. สมาชิกแตละกลมุ นาํ ขอ มูลท่ีไดจากการศกึ ษา = สวนปาลม์
มาทําการวิเคราะห และรวมกันตรวจสอบ
ความถูกตองของขอมูล โดยครูชวยช้ีแนะ B A พิจำรณำจำก
เพ่ิมเตมิ N เนื้อภาพและแบบรูป : มีเรือนยอดเป็นแฉกสูงใกล้
เคยี งกนั เปน็ ลกั ษณะของพชื ตระกลู ปาลม์ และเรยี ง
2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมใชความรูเรื่อง เป็นระเบียบ จึงสรุปวา่ เปน็ สวนปาลม์
เทคโนโลยีสารสนเทศที่นํามาใชประโยชน
ในชีวิตประจําวัน มาประกอบการนําเสนอ 1: 4,000
เพิ่มเตมิ ตามประเด็น ดงั นี้
• กลุมที่ 1 เรอ่ื ง การรบั รจู ากระยะไกล รูปถ่ายทางอากาศ บริเวณโรงเรียนเขาทะลุพิทยาคม
• กลุมที่ 2 เรอ่ื ง ระบบกาํ หนดตําแหนง ต�าบลเขาทะลุ อา� เภอสวี จงั หวัดชมุ พร
บนพืน้ โลก
• กลุมท่ี 3 เร่ือง ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร บริเวณต�าแหนง่ B = อำคำร
• กลุมท่ี 4 เรอ่ื ง การใชประโยชนเทคโนโลยี BขควนาBามดสแงูลแะลรูปะเรง่าาง:: มีรปู ร่างสเี่ หลย่ี มผนื ผ้าขนาดใหญ่
ภูมสิ ารสนเทศ B มีเงาพาดทางทศิ ตะวันตกเฉยี งเหนือ
3. ครูและนักเรียนวิเคราะหเรื่องราวท่ีนําเสนอ = ต้นไม้
และอภปิ รายเสนอแนะขอ คิดเหน็ รวมกนั ขนาดและรูปรา่ ง : มรี ปู ร่างเกอื บกลม ลักษณะเป็นพุ่มขนาดเลก็
ความBสูงและเงา : มเี งาพาดทางทิศตะวันตกเฉยี งเหนือ มีความสูง
4. ครใู หน กั เรยี นจบั คใู ชส มารต โฟนสบื คน รปู ถา ย
ทางอากาศจากอินเทอรเน็ต จากน้ันผลัดกัน ประมาณหน่งึ
อานและแปลความรูปถายทางอากาศที่สืบคน
มาได = เสำธง
ขนาดและรปู ร่าง : มรี ปู ร่างเปน็ ขาแยกขนาดเล็ก
5. ครูสุมนักเรียนบางคูมาอานและแปลความ ความสูงและเงา : มเี งาพาดทางทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนือ มีความสูง
รู ป ถ า ย ท า ง อ า ก า ศ บ ริ เ ว ณ ห น า ชั้ น เ รี ย น
อภิปราย และแสดงความคิดเห็นรว มกัน ประมาณหนึ่ง
อา่ นและแปลความไดว้ า่ เมอ่ื พจิ ารณาตา� แหนง่ และความสมั พนั ธร์ ว่ มดว้ ยแลว้ สรปุ ไดว้ า่ เปน็ บรเิ วณ
โรงเรียน เน่ืองจากมีอาคารรูปร่างสี่เหล่ียมผืนผ้ายาวและสูงประมาณหน่ึงอยู่รอบพ้ืนที่ว่าง และมีเสา
ธงชาติ บรเิ วณโดยรอบประกอบดว้ ยบา้ นเรอื น และพนื้ ทท่ี างการเกษตร คอื สวนปาลม์ ทางทศิ ตะวนั ออก
และทศิ ใตข้ องโรงเรียน
14
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 การแปลความหมายรูปถายทางอากาศ เปนการแสดงลักษณะของวัตถุ รูปถายทางอากาศใหขอมูลของสิ่งท่ีปรากฏบนพื้นผิวโลก
ท่ีปรากฏในรูปถายทางอากาศและหาความหมาย หรือความสําคัญของวัตถุ คอนขางละเอยี ด เพราะเหตุใด
เหลา น้ัน ปจจบุ นั มกี ารนําการแปลความหมายภาพไปใชในกิจการอื่นนอกเหนือ
จากกิจการทหาร เพราะรูปถา ยทางอากาศสามารถใหขอมูลที่เปน ประโยชนตอ (แนวตอบ รูปถายทางอากาศไดจ ากการถายรปู ของอากาศยาน
โครงการตางๆ หลายโครงการ เชน การกําหนดเขตทีด่ นิ การสาํ รวจแหลง แร โดยขอ มูลท่ไี ดเ ปนรูป หรอื ขอมลู เชงิ เลข ในสว นของกลองถายรปู
การขดุ คน ทางโบราณคดี ทางอากาศมีลักษณะคลายกับกลองถายรูปทั่วไปในอดีต แตมี
ขนาดใหญกวา เลนสยาวกวา และใชฟลมขนาดใหญ จึงทําให
ขอ มลู ทคี่ อ นขา งละเอยี ดสามารถนาํ มาซอ นทบั กนั เปน ภาพสามมติ ิ
ของพน้ื ทีน่ ้ันได)
T14
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
4) กำรใชป้ ระโยชนร์ ปู ถำ่ ยทำงอำกำศและภำพจำกดำวเทยี ม รปู ถา่ ยทางอากาศ
ขน้ั สอน
และภาพจากดาวเทยี มสามารถนา� ไปใช้ประโยชน์ ดงั นี้
ขัน้ ที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล
4.1) ดำ้ นกำรผงั เมอื งและกำรขยำยเมอื ง ขอ้ มลู จากดาวเทยี มทมี่ คี วามละเอยี ดสงู
6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมออกมาเขียนอธิบาย
สามารถใชใ้ นการตดิ ตามการขยายตวั ของเมอื งและแหลง่ ชมุ ชน เพอ่ื วางแผนรองรบั ดา้ นโครงสรา้ ง สรุปผลการวิเคราะหขอมูลท่ีไดจากการศึกษา
พน้ื ฐาน หรือหาตา� แหนง่ ที่เหมาะสมในการตง้ั ถน่ิ ฐานใหม่ เทคโนโลยภี มู สิ ารสนเทศ และการใชป ระโยชน
จากเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ตามความถนดั
4.2) ด้ำนป่ำไม้ ใช้ข้อมูลในการท�าแผนที่ป่าไม้ แสดงพันธุ์ไม้ ประเภทของป่า หรือความสนใจเพิ่มเติมทีห่ นาชนั้ เรยี น เชน
• การทํางานของการรับรูจากระยะไกลดวย
ใช้เพ่ือตรวจสอบความหนาแน่นและขนาดของต้นไม้ และแก้ปัญหาการจัดการด้านป่าไม้ เช่น เคร่อื งบนิ
การบกุ รุกปา่ และขอบเขตของปา่ ความเสยี หายจากไฟปา่ (แนวตอบ การทํางานของการรับรูจาก
ระยะไกลดวยเครื่องบิน เรียกวา รูปถาย
4.3) ด้ำนกำรใช้ที่ดิน ใช้ข้อมูลท�าแผนที่การใช้ดินเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม ทางอากาศ เน่ืองจากเกิดจากการถายรูป
ทางอากาศแลวนําฟลมไปลางและอัดเปน
ผังเมอื ง เพอื่ หาพื้นที่เหมาะสมในดา้ นต่าง ๆ ภาพท้ังสี และขาว-ดํา สามารถขยายได
หลายเทาโดยไมสูญเสียรายละเอียดของ
4.4) ด้ำนภัยพิบัติ ใช้ข้อมูลป้องกันเตือนภัยและประเมินค่าความเสียหายจาก ขอ มลู เพราะใชก ลอ งและฟล ม ทมี่ คี ณุ ภาพสงู
รปู ทถ่ี า ยทางอากาศนสี้ ามารถแปลความหมาย
ภยั พบิ ตั ิต่าง ๆ เชน่ ดินถลม่ น�า้ ทว่ ม สึนามิ ภัยแลง้ พน้ื ที่ผิวโลกไดด วยสายตา ท้ังน้ี การถายรปู
ทางอากาศตองมีการวางแผนการบินและ
ภาพจากดาวเทียมแสดงพน้ื ทที่ ่ีไดร้ ับความเสียหายจากไฟปา่ เวสมานลนั ดเ์ คานต์ ี (Västmanland) ประเทศสวีเดน กําหนดมาตราสวนของแผนท่ีลวงหนา
เมอื่ เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557 เสยี กอ น)
• การใชป ระโยชนใ นการจดั การพนื้ ทจี่ ากภาพ
15 จากดาวเทยี ม
(แนวตอบ ภาพจากดาวเทยี มแสดงขอ มลู ของ
พนื้ ทซ่ี ง่ึ อาจมกี ารเปลย่ี นแปลงในดา นตา งๆ
เชน ความเสื่อมโทรมของพื้นที่ปาไม การ
ขยายตัวของเขตเมือง การกัดเซาะชายฝง
ของนาํ้ ทะเล นอกจากนี้ ยงั ใหข อ มลู เกยี่ วกบั
แหลง ทรพั ยากรธรรมชาตติ า งๆ เชน แรธ าตุ
ทาํ ใหห นว ยงานทเี่ กย่ี วขอ งสามารถวางแผน
ในการจัดการพนื้ ทไ่ี ดอ ยางมีประสทิ ธิภาพ)
กจิ กรรม สรางเสริม เกร็ดแนะครู
นักเรียนสืบคนและแปลความหมายจากรูปถายทางอากาศ ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา ขอมูลจากดาวเทียมและรูปถายทางอากาศเปน
เพ่ือเปรยี บเทยี บการเปลยี่ นแปลงดานพ้นื ท่ีปา ไม หรือการใชท ่ีดิน อปุ กรณส าํ คญั ในการสาํ รวจและจาํ แนกดนิ ทาํ ใหท ราบถงึ ชนดิ การแพรก ระจาย
เพ่ือการเกษตร และความอุดมสมบูรณของดิน จึงใชจัดลําดับความเหมาะสมของดินได เชน
ความเหมาะสมสาํ หรบั ปลูกพืชแตละชนดิ ความเหมาะสมดานวศิ วกรรม
กจิ กรรม ทาทาย
นกั เรยี นวเิ คราะห เปรยี บเทยี บ และแปลความหมายภาพจาก
ดาวเทียม ท่ีบันทึกขอมูลภูมิอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา เพ่ือ
ติดตามขอมูลการพยากรณอากาศ เตรียมตัวปองกัน และระวัง
ภัยพบิ ัติ
T15
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2.2 ระบบกา� หนดตา� แหน่งบนพ้นื โลก1
ข้นั ที่ 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอมลู ระบบก�าหนดต�าแหน่งบนพ้ืนโลก (Global Positioning System) หรือจีพีเอส (GPS)
หมายถึง เทคโนโลยที ่ีใชก้ า� หนดต�าแหน่งบนพนื้ โลก โดยอาศัยดาวเทียม สถานภี าคพืน้ ดิน และ
• การทํางานของระบบกําหนดตําแหนงบน เคร่ืองรับจีพีเอส โดยเครื่องรับจีพีเอสรับสัญญาณมาค�านวณหาระยะเสมือนจริงแต่ละระยะ และ
พื้นโลก จะใชข้ ้อมูลจากดาวเทียมอยา่ งนอ้ ย 3 ดวง มาค�านวณหาต�าแหน่งของเครือ่ งรับ พร้อมทง้ั แสดงให้
(แนวตอบ การกําหนดตําแหนงบนพื้นโลก ผใู้ ชท้ ราบบนจอแอลซดี ขี องเครอ่ื งเป็นค่าละติจดู ลองจิจดู และค่าพิกัดยทู ีเอม็
โดยอาศัยการส่ือสารผานคล่ืนวิทยุความ
เร็วสูงจากดาวเทียมใหแกสถานีรับภาค 1) หลกั กำรท�ำงำนของระบบก�ำหนดตำ� แหนง่ บนพื้นโลก ตอ้ งอาศัยการท�างาน
พื้นดินและสงไปยังเคร่ืองรับจีพีเอส โดย
เครื่องรับจีพีเอสจะรับสัญญาณมาคํานวณ รว่ มกนั ขององคป์ ระกอบท้งั 3 สว่ น ดงั นี้
หาระยะเสมอื นจรงิ และจะใชข อ มลู ดงั กลา ว 1.1) สว่ นอวกำศ (space segment) ประกอบด้วยดาวเทยี ม 24 ดวง แบง่ ออก
จากดาวเทยี มอยา งนอ ย 4 ดวง มาคาํ นวณ
หาตําแหนงของเครื่องรับ พรอมทั้งแสดง เปน็ 6 วงโคจร วงโคจรละ 4 ดวง ทา� หนา้ ทส่ี ่งสัญญาณคลน่ื วิทยุจากอวกาศมายงั สว่ นผใู้ ช้ หรอื
ขอมูลใหผูใชทราบบนหนาจอเคร่ืองเปน เคร่ืองรบั จพี ีเอส
คาละติจดู ลองจจิ ดู และอ่ืนๆ)
1.2) ส่วนสถำนีควบคุม (control segment) ได้แก่ สถานีภาคพ้ืนดินที่กระจาย
• กิจการที่ใหกําเนิดระบบกําหนดตําแหนง อยู่ตามสว่ นต่าง ๆ บนพื้นโลก ทา� หนา้ ทปี่ รับปรงุ ขอ้ มูลให้มีความถกู ตอ้ ง โดยค�านวณวงโคจรและ
บนพน้ื โลก ตา� แหนง่ ของดาวเทียมท่ีขณะเวลาตา่ ง ๆ แล้วส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยงั ส่วนอวกาศ
(แนวตอบ การทหาร เปนกจิ การที่ทําใหเ กิด
ระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลกขึ้น โดย 1.3) สว่ นผใู้ ช้ (user segment) ไดแ้ ก่ เครือ่ งรับสญั ญาณจพี เี อส มหี ลายขนาด
กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาใชหา สามารถพกพาหรือติดไว้ในยานพาหนะได้ ท�าหน้าท่ีแปลงสัญญาณและค�านวณหาพิกัดต�าแหน่ง
ตาํ แหนง และพกิ ดั ทางภมู ศิ าสตรใ นระหวา ง บนพนื้ โลก
การสงคราม จึงกลาวไดวา ระบบกําหนด
ตาํ แหนง บนพนื้ โลกเกดิ ขน้ึ จากความขดั แยง ดาวเทียมน�าทาง
และความรุนแรง แตตอมาไดนํามาใชเปน
ประโยชนในการดําเนินชีวิตและสามารถ
สรางสนั ตภิ าพไดมากข้นึ )
เสคญั รือ่ญงารณบั
สถานีควบคุม/ติดตาม
16
นักเรียนควรรู กิจกรรม ทา ทาย
1 ระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลก พัฒนาโดยกระทรวงกลาโหมของ ใหนักเรียนวิเคราะหและยกตัวอยางอุปกรณท่ีใชในชีวิต
สหรัฐอเมริกา โดยนักวิทยาศาสตรชื่อ ดร.ริชารด บี เคิรชเนอร ไดติดตาม ประจาํ วนั ทม่ี คี วามเกยี่ วขอ งกบั หลกั การทาํ งานของระบบกาํ หนด
การสงดาวเทียมสปุตนิกของสหภาพโซเวียต และพบคล่ืนวิทยุท่ีสงกลับมาจาก ตําแหนงบนพนื้ โลก พรอ มทัง้ บอกขอ ดี และขอจํากัดของอุปกรณ
ดาวเทียม จึงเกิดแนวคิดอันเปนท่ีมาของระบบกําหนดตําแหนงบนพ้ืนโลกวา ดงั กลา ว นาํ เสนอ และอภิปรายรว มกนั
หากทราบตําแหนงท่ีแนนอนบนพ้ืนโลก ก็สามารถระบุตําแหนงของดาวเทียม
ไดจากคล่ืนวิทยุ ในทางกลับกันหากทราบตําแหนงท่ีแนนอนของดาวเทียม
กส็ ามารถระบตุ าํ แหนง บนพื้นโลกไดเชน เดยี วกนั
T16
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2) การใชป้ ระโยชนข์ องระบบกา� หนดตา� แหนง่ บนพนื้ โลกGPS เปน็ อกี เทคโนโลยี
ขนั้ สอน
ใกล้ตวั เราเปน็ อยา่ งมาก และด้วยความสามารถของ GPS ทา� ให้เราน�าขอ้ มูลต�าแหนง่ มาประยกุ ต์
ใช้งานในด้านตา่ ง ๆ ดังน้ี ข้นั ที่ 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอ มลู
2.1) การคมนาคม ขนสง่ และ • ประโยชนของระบบกําหนดตาํ แหนง
การจราจร โดยการน�าระบบ GPS มาใช้งาน บนพนื้ โลก
ควบคุมคู่กับระบบขนส่งสินค้า ท�าให้ทราบที่ (แนวตอบ ระบบกาํ หนดตาํ แหนง บนพน้ื โลกมี
อยู่ปัจจุบันของรถขนส่งสินค้าท่ีอยู่ระหว่างการ ประโยชนม ากในการกาํ หนดจดุ พกิ ดั ผวิ โลก
ปฏิบัติงานได้ทันที หรือใช้รายงานการจราจร โดยแสดงขอ มลู ทวั่ ไป เชน อาคาร บา นเรอื น
ตา� แหนง่ ทเี่ กดิ อบุ ตั เิ หตุ และปจั จบุ นั นยิ มใชเ้ ปน็ ถนน นาขา ว ซง่ึ อาจใชเ ปน ขอ มลู พนื้ ฐานของ
ระบบนา� ทางในยานพาหนะ ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตรแ ละขอ มลู เฉพาะ
2.2) การใหบ้ รกิ ารขอ้ มลู เชน ตําแหนงที่เกิดภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ
ข่าวสารเชงิ ตา� แหน่ง เปน็ การใช้งานระบบ GPS GPS ติดรถยนต์ ชว่ ยในการน�าทาง บนทางหลวง หรือกลางทะเล โดยเคร่ือง
รว่ มกับอปุ กรณส์ มาร์ตโฟน เช่น การถ่ายรปู การน�าทาง การระบตุ า� แหนง่ จพี เี อสมหี ลากหลายขนาด สามารถพกตดิ ตวั
2.3) การควบคุมเครื่องจักรกลในการท�าการเกษตร ช่วยลดปัญหาด้านแรงงาน หรือติดต้ังในรถยนตเพ่ือสํารวจทิศทางของ
เพมิ่ ความสะดวกรวดเรว็ และเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการจดั การ โดยตดิ ตงั้ ระบบGPS ในรถแทรกเตอร์ จุดหมายทําใหสามารถเดินทางไดสะดวก
เพ่อื ใช้ในการควบคมุ การหยอดเมลด็ หยอดปุ๋ย ใหน้ า้� และเกบ็ เกยี่ วด้วยค่าพกิ ัดทีแ่ ม่นย�า ตาม รวดเรว็ มากยงิ่ ขน้ึ )
แผนทีแ่ ละคา� สั่งท่ตี ั้งค่าไว้
• การใชประโยชนของระบบกําหนดตําแหนง
2.4) การสา� รวจตา� แหนง่ ทเ่ี กดิ เหตตุ า่ ง ๆ เชน่ อบุ ตั เิ หตบุ นทางหลวง ตา� แหนง่ เรอื บนพนื้ โลกทใ่ี กลตัวมากทสี่ ดุ
ในทะเล หรือการหลงปา่ ท�าใหก้ ารช่วยเหลือเป็นไปอย่างแมน่ ยา� และรวดเรว็ (แนวตอบ เชน การใชประโยชนของระบบ
กาํ หนดตาํ แหนง บนพน้ื โลก หรอื GPS ในการ
ระบุพิกัดภูมิศาสตรของโรงเรียน เนื่องจาก
GPS เปนเคร่ืองรับระบบกําหนดตําแหนง
บนพื้นโลกท่ีสามารถหาพิกัดภูมิศาสตรของ
สถานท่ีตางๆ บนพ้ืนโลกไดจากดาวเทียม
ท่ีโคจรอยูรอบโลก)
โทรศพั ทเ์ คลอื่ นทหี่ รอื สมารต์ โฟนสามารถคน้ หาตา� แหนง่ การตดิ ตง้ั ระบบGPS ไว้ในยานพาหนะตา่ งๆ เพอื่ หาเสน้ ทาง
ต่าง ๆ ไดอ้ ย่างสะดวกและรวดเร็ว ไปยังจดุ หมาย และระบุตา� แหนง่ ปจั จบุ ันของยานพาหนะ
17
กิจกรรม เสรมิ สรา งคุณลักษณะอันพึงประสงค บูรณาการอาเซียน
นกั เรยี นแบง กลมุ ตามความสมคั รใจ ทาํ ชนิ้ งาน การใชเ ครอ่ื งมอื นกั เรยี นสามารถใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศในการสบื คน ขอ มลู ผา นสมารต โฟน
ทางภมู ศิ าสตรใ นการประชาสมั พนั ธช มุ ชนของนกั เรยี น โดยกาํ หนด ท่ีติดต้ังระบบรับสัญญาณดาวเทียมนําทางและกลองถายภาพท่ีพัฒนาจาก
ใหจัดทําชิ้นงานนําเสนออยางหลากหลาย และช้ินงานตองแสดง เทคโนโลยีในการติดตามขอมูลขาวสารดานตา งๆ ของประเทสสมาชิกอาเซยี น
ใหเห็นถึงการใชทักษะทางภูมิศาสตรมานําเสนอขอมูลไดอยางมี เชน ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ เพ่ือเรียนรูขอมูล
คุณภาพ พื้นฐานของประชาคมอาเซียน การรูเทาทันสื่อ และเสริมสรางทักษะทาง
ภูมศิ าสตร
T17
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2.3 ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร์
ขั้นที่ 4 การวิเคราะหแ ละแปลผลขอมูล ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร์ (Geographic Information System: GIS) เปน็ ระบบขอ้ มลู ท่ี
เช่ือมโยงกับค่าพกิ ัดภูมิศาสตรแ์ ละรายละเอียดของพื้นที่ โดยใชค้ อมพิวเตอร์และแสดงผลลัพธ์ใน
• ความรูเบื้องตนเก่ียวกับระบบสารสนเทศ รูปแบบต่าง ๆ เช่น แผนที่ ภาพสามมติ ิ สถิติ ตารางข้อมลู
ภมู ิศาสตร
(แนวตอบ เชน เคร่ือง GPS รับสัญญาณ 1) หลกั กำรท�ำงำนของระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์ มหี ลกั การทา� งาน ดงั น้ี
คล่ืนวิทยุจากดาวเทียมท่ีโคจรอยูรอบโลก
แลว แสดงภาพบนหนา จอ ใหข อ มูลเกีย่ วกับ 1.1) กำรนำ� เข้ำขอ้ มลู (input) กอ่ นทข่ี ้อมลู ทางภมู ศิ าสตรจ์ ะถกู ใช้งานไดใ้ น GIS
เสน ทางคมนาคม ตาํ แหนงที่ตัง้ ของสถานท่ี ข้อมลู ตอ้ งไดร้ บั การแปลงใหม้ าอยู่ในรปู แบบของขอ้ มลู เชงิ ตวั เลข (digital format) เสยี กอ่ น เชน่
ตางๆ สภาพการจราจร สามารถนํามาใช จากแผนทก่ี ระดาษไปสขู่ อ้ มลู ในรปู แบบดจิ ิทัลหรือแฟ้มข้อมูลบนเครื่องคอมพวิ เตอร์
ประโยชนใ นชีวติ ประจําวนั ได)
1.2) กำรปรบั แตง่ ขอ้ มลู (manipulation) ขอ้ มลู ท่ีไดร้ บั เขา้ สรู่ ะบบบางอยา่ งจา� เปน็
ตอ้ งไดร้ บั การปรบั แตง่ ใหเ้ หมาะสมกบั งาน เชน่ ขอ้ มลู บางอยา่ งมขี นาดทแ่ี ตกตา่ งกนั หรอื ใชร้ ะบบ
พกิ ัดแผนทที่ แี่ ตกต่างกัน ข้อมลู เหล่านีต้ อ้ งปรับให้อยู่ในระดับเดียวกันเสยี ก่อน
1.3) กำรบรหิ ำรข้อมูล (management) ในระบบ GIS นิยมใชร้ ะบบจัดการฐาน
ขอ้ มูลซ่งึ ถกู จดั เก็บในรูปของตาราง
1.4) กำรเรียกค้นและวิเครำะห์ข้อมูล (query and analysis) เมื่อระบบ GIS
มีความพร้อมของข้อมูลแล้ว สามารถน�าข้อมูลเหล่าน้ีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น การสอบถาม
ขอ้ มลู อยา่ งงา่ ย ๆ ในบรเิ วณทตี่ อ้ งการ เพอ่ื สอบถามหรอื เรยี กคน้ ขอ้ มลู นอกจากนี้ ระบบGIS ยงั มี
เครอื่ งมอื ในการวเิ คราะห์ เชน่ การวเิ คราะหเ์ ชงิ ประมาณคา่ การวเิ คราะหเ์ ชงิ ซอ้ น(overlayanalysis)
1.5) กำรนำ� เสนอขอ้ มลู (visualization) จากการดา� เนนิ การเรยี กคน้ และวเิ คราะห์
ข้อมูล ผลลัพธ์ท่ีได้อยู่ในรูปของตัวเลขหรือตัวอักษร ซ่ึงยากต่อการตีความหมาย การน�าเสนอ
ขอ้ มลู ทดี่ ี ทงั้ การแสดงชารต์ (chart) แบบ2 มติ ิ หรอื 3 มติ ิ รปู ภาพจากสถานทจ่ี รงิ ภาพเคลอื่ นไหว
แผนที่ หรือแม้กระท่ังระบบมัลติมีเดีย ส่ือต่าง ๆ เหล่าน้ีจะท�าให้เข้าใจความหมายและมองภาพ
ของผลลพั ธ์ได้ดียงิ่ ขน้ึ
GTeipo
G I Sองค์ประกอบที่สำ� คญั ของ GIS
eographic nformation ystem
ฮารดแวร ผูใช
กระบวนการวิเคราะห
ซอฟตแ วร ขอ มูล
18
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั การนาํ เสนอขอ มลู ทางภมู ศิ าสตรท ม่ี รี ปู แบบตา งๆ การสํารวจขอมูลของภูมิสารสนเทศศาสตรชนิดใดแตกตาง
ดงั นี้ จากขอ อ่นื
• แบบบรรยาย เปน วธิ กี ารนาํ เสนอขอ มลู ทเี่ ปน พนื้ ฐาน ควรใชข อ ความสนั้ ๆ 1. แผนที่การใชทดี่ ิน
เขา ใจงา ย 2. ภาพจากดาวเทยี ม
3. การรับรูจากระยะไกล
• แบบแผนภมู ิ เปน วธิ กี ารนาํ เสนอขอมลู เพอ่ื เปรียบเทียบในแตล ะสวน 4. ระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร
• แบบแผนท่ี เปนวิธีการนําเสนอขอมูลท่ีตองการใหเห็นภาพของพื้นที่ 5. ระบบกาํ หนดตําแหนง บนพน้ื โลก
ประเทศและภูมิภาคโดยไมตองอธิบายเพิ่มเตมิ
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. ดาวเทยี มเปน เครอ่ื งมอื หลกั ในการ
T18 สาํ รวจขอ มลู ภมู สิ ารสนเทศชนดิ ตา งๆ โดยเฉพาะระบบสารสนเทศ
ภูมศิ าสตรและระบบกาํ หนดตําแหนง บนพนื้ โลก สว นการรบั รูจาก
ระยะไกล มเี ครือ่ งมือเกบ็ ขอมลู แบงออกเปน 2 สวน คือ ดาวเทยี ม
และอากาศยานตางๆ เชน เครื่องบนิ บอลลูน)
นาํ นาํ สสออนน สรปุ ประเมนิ
2) ประเภทของขอ้ มลู ขอ้ มลู เกย่ี วกบั โลกมคี วามสลบั ซบั ซอ้ นมากเกนิ กวา่ ทจี่ ะเกบ็ ขน้ั สอน
ขอ้ มลู ท้ังหมดไวใ้ นรปู ขอ้ มูลได้ ในระบบ GIS จึงตอ้ งเปลยี่ นปรากฏการณบ์ นผวิ โลกจดั เก็บในรูป
ของตัวเลขเชงิ รหัส (digital code) มีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือ ข้นั ท่ี 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอ มูล
2.1) ข้อมลู แผนที่ 2.2) ขอ้ มลู คุณลกั ษณะ • องคป ระกอบของระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร
(cartographic data) เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (attributedata) เปน็ ขอ้ มลู ทอี่ ธบิ ายถงึ คณุ ลกั ษณะ (แนวตอบ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
กับต�าแหน่งที่ตั้งของข้อมูลต่าง ๆ บนพ้ืนโลก ต่าง ๆ ในพืน้ ทนี่ น้ั เชน่ ขอ้ มลู จา� นวนประชากร มีองคประกอบ 5 ดาน ไดแก ขอมูล
ประกอบด้วยข้อมูล จุด เสน้ และพื้นที่ ในกรุงเทพมหานคร คือ ขอมูลเชิงพื้นที่มีลักษณะเปนจุด เชน
โรงเรยี น วัด ขอมูลเสน เชน ถนน แมนํา้
เมอื งกหรุงลเวทงพมหานคร ข้อมลู คณุ ลักษณะ ทางรถไฟ ขอมูลรูปปด เชน ขอบเขตของ
อําเภอ จังหวัด ขอ มูลคาํ อธิบาย เปนขอมูล
ข้อมูลแผนท่ี Field Value ประกอบขอมูลเชิงพื้นท่ี สวนชุดคําสั่งหรือ
Name Bangkok ซอฟตแ วร คอื โปรแกรมคอมพวิ เตอรท ใี่ ชใ น
Country Thailand การจัดการขอมูล สวนเครื่องหรือฮารดแวร
Area 1566.737 คือ อุปกรณท่ีใชกับระบบสารสนเทศ
Pop. 5776181 ภมู ิศาสตร กระบวนการวิเคราะห คอื การ
วเิ คราะหข อ มลู ชนั้ ตาง ๆ ตามวตั ถปุ ระสงค
ขอ้ มลู เชงิ ภาพ (graphic data) แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ และบคุ ลากร คอื ผทู มี่ คี วามรคู วามสามารถ
1. จุด (point) ลักษณะทางภูมิศาสตรท์ ี่มีต�าแหน่งท่ตี ัง้ เฉพาะเจาะจง หรอื มี ดานระบบสารสนเทศภูมิศาสตร รวมถึง
พฒั นาระบบใหม ีคณุ ภาพอยูเสมอ)
เพียงอย่างเดยี ว สามารถแทนได้ดว้ ยจุด เชน่ หมุดหลักเขต จดุ ความสงู อาคาร สง่ิ กอ่ สร้าง
2. เสน (line) ลกั ษณะทางภมู ศิ าสตรท์ วี่ างตวั ไปตามทางระหวา่ งจดุ 2 จดุ หรอื
หลายจุดตอ่ กันจะแทนด้วยเสน้ เช่น ล�าน�า้ ถนน โครงขา่ ยสาธารณปู โภค เส้นชนั้ ความสงู
3. พนื้ ท่ี(polygon) ลกั ษณะทางภมู ศิ าสตรท์ ม่ี พี น้ื ทเี่ ดยี วกนั จะถกู ลอ้ มรอบดว้ ย
เส้นเพอ่ื แสดงขอบเขตเปน็ พ้นื ที่ เช่น เขตตา� บล อา� เภอ จังหวดั ขอบเขตอุทยานแห่งชาติ
ข้อมูลเหล่าน้ีถูกจัดเก็บในรูปของแฟ้ม ชั้นข้อมลู
ข้อมลู ทแี่ ยกออกจากกันเป็นช้นั ข้อมลู (layer) เส้นทางคมนาคม
ตามลักษณะเพ่ือความสะดวกในการจัดเก็บ การใช้ทีด่ ิน
และแก้ไข แฟ้มของชั้นข้อมูลเหล่านี้จะเช่ือม ขอบเขตปา่ ไม้
ต่อกันในลักษณะซ้อนทับ โดยอาศัยต�าแหน่ง
แหลง่ นา้�
ทางภมู ศิ าสตรเ์ ปน็ ตวั เชอื่ มในลกั ษณะอา้ งองิ กบั ความสงู ต่า�
ต�าแหนง่ จรงิ บนพน้ื ผวิ ของโลก (geocoding) แผนท่ภี มู ปิ ระเทศ
19
ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู
ขอใดกลาวถกู ตองเกยี่ วกบั องคประกอบของระบบสารสนเทศ ครอู าจนาํ แผน ใสทม่ี ขี อ มลู ดา นตา งๆ ของทอ งถนิ่ หรอื ประเทศ เชน ลกั ษณะ
ภมู ิศาสตร ภูมิประเทศ เสนทางคมนาคม การต้ังถ่ินฐาน การใชท่ีดิน มาวางซอนทับกัน
เพ่ือใหนักเรียนไดพิจารณาและทําความเขาใจถึงการซอนทับกันของชั้นขอมูล
1. มีรายละเอยี ดของขอ มูลท่หี ลากหลาย ในการจดั ทําระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตรไดชดั เจนยง่ิ ข้นึ
2. ขอ มูลเปน เชิงตวั เลขและการเปลีย่ นแปลงทางสถิติ
3. วเิ คราะหขอ มูลจากฐานขอมลู ชนั้ เดยี วหรือหลายชัน้ T19
4. บคุ ลากรเปน ผูว ิเคราะหข อ มูลดว ยสายตาและการคํานวณ
5. มฮี ารด แวรเปนเครือ่ งรับระบบกาํ หนดตําแหนง บนพื้นโลก
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. วิเคราะหขอมูลจากฐานขอมูล
ช้ันเดียวหรือหลายช้ันตามวัตถุประสงคของผูใช เนื่องจากระบบ
สารสนเทศภูมิศาสตร จัดเก็บขอมูลของพื้นท่ีในดานตางๆ เชน
ลักษณะภูมิประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ การใชพ้ืนท่ี เปนฐาน
ขอ มลู ชน้ั ตา งๆ การวเิ คราะหข อ มลู จงึ อาจวเิ คราะหข อ มลู จากฐาน
เพียงชนั้ เดียวหรอื หลายช้นั ก็ได)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 2.4 การใช้ประโยชนเ์ ทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ
ขนั้ ท่ี 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอ มลู ปัจจุบันภูมิสารสนเทศมีบทบาทในชีวิตท้ังทางตรงและทางอ้อม เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ
พบได้ท้ังบนคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนท่ีประเภทสมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต ท�าให้การใช้
• ประโยชนของเทคโนโลยภี ูมสิ ารสนเทศ ภมู สิ ารสนเทศแพรห่ ลายมากขนึ้ สามารถใชข้ อ้ มลู รว่ มกนั ไดร้ ะหวา่ งขอ้ มลู จาก GPS ขอ้ มลู ภาพ
(แนวตอบ ระบบเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ จากดาวเทียม ข้อมูลระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ถูกน�ามาประยุกต์ใช้ในด้านการบริหารจัดการ
มปี ระโยชนใ นดา นการจดั การพนื้ ทเ่ี ปน หลกั และการวางแผนกา� หนดนโยบายของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทงั้ ภาครฐั และเอกชน
จึงถูกใชมากในหนวยงานภาครัฐและ
ภาคเอกชน โดยใหขอมูลเพื่อการจัดการ 1) ด้ำนกำรบริหำรจัดกำร ท�าการวิเคราะห์หาพ้ืนที่ที่มีความเหมาะสมส�าหรับ
ดานเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิง่ แวดลอ ม ซึง่ ทส่ี ําคญั คอื การจดั การ การท�ากิจกรรมต่าง ๆ ได้ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพและลดระยะเวลาในการ
ภัยธรรมชาติ ในสวนของบุคคลทั่วไป ตัดสินใจและการป1.ฏ1ิบ) ตั กงิ ำารนจใัหดทก้ ับ�ำแผผู้ใชนข้ ทอ้ ่ีภมำลู ษส1ี ามรีรสะนบเบทภศูมเิสชา่นรสนเทศเข้ามาเป็นเคร่ืองมือช่วยวาง
เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศก็มีประโยชนใน แผนงานในการจัดเก็บภาษี ท�าให้การจัดเก็บภาษีง่ายและสะดวกข้ึน ภายในระบบสารสนเทศ
การบอกตําแหนงของสถานท่ี ช่ือสถานที่ มขี อ้ มลู ท่ีใชใ้ นการคา� นวณภาษที ง้ั ภาษบี า� รงุ ทอ้ งทแี่ ละภาษโี รงเรอื น เชน่ ขอ้ มลู ถนนทร่ี ะบปุ ระเภท
พิกัดทางภูมิศาสตร จึงชวยในการวางแผน ถนนสายหลัก-สายรอง แปลงท่ีดิน แปลงโรงเรือน ประเภทกิจการ แผนที่ภาษีที่สร้างขึ้นด้วย
การเดินทางได) โปรแกรมภมู สิ ารสนเทศสามารถระบไุ ดว้ า่ แปลงทด่ี นิ แปลงใดเสยี ภาษหี รอื ยงั ไมไ่ ดเ้ สยี ภาษี ตลอดจน
สามารถจดั ท�ารายงานสรปุ การเสยี ภาษีในรอบปไี ด้
ระบบขอ มูลสารสนเทศภูมศิ าสตรแผนที่ภาษี (GIS Tax Mapping) เทศบาลนครพิษณุโลก
ขอ มลู แผนท่ีภาษแี ละทะเบียนทรัพยส นิ
(ขอ มูล ณ เดอื นสงิ หาคม 2557)
จำนวนพน้ื ที่ทง้ั หมด 18.26 ตร.กม.
จำนวนเขต (โซน) 8 เขต
จำนวนเขตยอย (บล็อก) 117 เขต 03
ผูถอื กรรมสทิ ธ์ิ 23,469 ยอ ย 01
จำนวนแปลงทดี่ นิ ทั้งหมด31,117 แปลง 02 เทศบาลนคร 04
อยูในขา ยเสียภาษี 15,556 แปลง พิษณุโลก
อยูในขายยกเวน ภาษี 15,837 แปลง 05 คำอธิบายสญั ลกั ษณ
ผถู ือกรรมสิทธิท์ ี่ดิน 17,196 ราย 01 เลขทีแ่ บงเขตพน้ื ท่ี
จำนวนโรงเรือนทงั้ หมด 27,911 หลัง
อยูในขา ยเสียภาษี 13,006 หลงั ทางรถไฟ
อยูในขา ยยกเวนภาษี 14,905 หลัง ถนน
แหลงนำ้
06 โรงเรือนท่ีตอง
07 จดั เกบ็ ภาษี
08
0 400 800 ม.
20
นักเรียนควรรู กิจกรรม สรา งเสริม
1 แผนท่ีภาษี เปนแผนทีท่ ีแ่ สดงตําแหนง รูปรา ง ลกั ษณะ และขนาดของท่ีดิน นักเรียนสรุปการใชประโยชนระบบสารสนเทศภูมิศาสตรใน
อาคารและสง่ิ ปลกู สรา ง รวมทงั้ รหสั ประจาํ แปลงทด่ี นิ และเลขทบ่ี า น หรอื อาคาร การจัดการพื้นที่ดานตางๆ จากแหลงขอมูลตางๆ เชน เว็บไซต
แบง เปน 2 ประเภท คอื แผนท่ีภาษบี าํ รุงทอ งที่และแผนทภี่ าษโี รงเรอื นและท่ดี ิน ของศูนยวิจัยภูมิสารสนเทศเพื่อประเทศไทย คณะวิทยาศาสตร
จฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลยั แลว นาํ สงครผู สู อน
กจิ กรรม ทา ทาย
นักเรียนคนควาการใชประโยชนจากระบบสารสนเทศ
ภูมิศาสตรในการจัดการพื้นท่ีดานตางๆ ไดแก การวางผังเมือง
การอนรุ กั ษท รพั ยากรธรรมชาติ และการจดั การภยั พบิ ตั จิ ากแหลง
ขอมลู ตา งๆ แลว บนั ทกึ ผลการศกึ ษาคน ควาสงครผู ูสอน
T20
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
1.2) กำรสรำ้ งขอ้ มลู เชงิ พนื้ ทเี่ พอ่ื สนบั สนนุ กำรบรหิ ำรพนื้ ที่ เชน่ กระทรวงเกษตร ขน้ั สอน
และสหกรณ์ได้จัดทา� “ระบบแผนที่เกษตรเพอ่ื การบริหารจดั การ หรือ Agri-Map” โดยบูรณาการ
ขอ้ มูลพชื เศรษฐกิจ ชุดดนิ ภมู อิ ากาศ และขอ้ มูลอนื่ ๆ ข้นั ท่ี 5 การสรุปเพอื่ ตอบคําถาม
ท�าให้ได้ข้อมลู เชิงพ้นื ที่ทีเ่ หมาะสา� หรับปลกู พชื
เศรษฐกิจส�าคัญของประเทศ เผยแพร่ 1. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ
แอปพลเิ คชนั และเผยแพรข่ อ้ มลู ผา่ นทาง สาํ คญั เพอื่ ตอบคาํ ถามเชงิ ภูมศิ าสตร
เว็บไซต์ (http://agri-map-online.
moac.go.th/) ใหผ้ ใู้ ชท้ วั่ ไปสามารถเขา้ ใช้ 2. ครูใหนักเรยี นใชส มารตโฟนสอ งดู QR Code
ประโยชน์ได้สะดวก เกย่ี วกบั การตดิ ตามเตา ทะเล ซงึ่ เปน ตวั อยา งของ
การใชประโยชนจากเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ
ขอ้ มูลพื้นทีท่ ีเ่ หมาะสมสา� หรบั ประกอบการสรปุ ความรเู กย่ี วกบั เครอ่ื งมอื ทาง
ปลูกพชื เศรษฐกิจในจังหวัดจนั ทบุรี ภมู ศิ าสตรเพ่มิ เตมิ
2) ด้ำนกำรวำงแผนก�ำหนดนโยบำย มีความส�าคัญต่อการพัฒนาพ้ืนท่ีจากการ 3. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน
ใชข้ อ้ มลู จากระบบภมู สิ ารสนเทศ สามารถนา� เสนอขอ้ มลู แบบบรู ณาการรว่ มกนั ระหวา่ งขอ้ มลู ทาง (รวบยอด) การทํารายงาน แผนที่ Google
ดา้ นลกั ษณะสงิ่ แวดลอ้ มทางธรรมชาตแิ ละขอ้ มลู ทางดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม ทางสงั คม ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในแตล่ ะ Maps กําหนดเสนทางจากบานของฉันถึง
โรงเรยี น โดยกาํ หนดใหป ก หมดุ “บา นของฉนั ”
และ “โรงเรียน” พรอมอธบิ ายวิธีการนําระบบ
ภูมิสารสนเทศมาใชประโยชนใหเขาใจงาย
และชัดเจน
พ้ืนท่ี ท�าให้เกิดการวางแผนตัดสินใจและก�าหนดนโยบายแบบองค์รวม โดยครอบคลุมพื้นท่ีและ
ปจั จัยต่าง ๆ ท่ีมผี ลตอ่ การพัฒนาการแกไ้ ขปัญหาในพื้นท่ี เช่น การวางแผน การใช้ทีด่ นิ การวาง
ผงั เมอื ง การพฒั นาเส้นทางคมนาคม
2.1) กำรใช้ระบบ GPS ใน
ยำนพำหนะเพ่ือกำรติดตำมและบริหำรจัดกำร รถคนั ท่ี 2
เชน่ บรษิ ทั ดา้ นขนสง่ และโลจสิ ตกิ ส์ ไดน้ า� ระบบ รคใคชะววย้เาาวะมมลทเเารรา็วว็งเฉลีย่ 55240205.3กนกมามกท..ม//ีชช.มม..
GPS ไปติดตั้งในรถยนต์ เพื่อติดตามเส้นทาง
เดินรถว่าไปยังจุดหมายตามเส้นทางที่ก�าหนด
หรอื ไม่ สามารถคา� นวณระยะเวลาท่ีใช้ ความเรว็
ในการขบั รวมถงึ การคา� นวณและวางแผนเรื่อง รถคันท่ี 1
ค่าใช้จ่ายน�้ามันเช้ือเพลิง ซึ่งเป็นต้นทุนในการ ใรคคชะววยเ้าาวะมมลทเเารราว็ว็งเฉล่ีย 42136318.6กนกมามกท..ม//ีชช.มม..
ขนส่งสนิ คา้
ระบบ GPS ตดิ ตามต�าแหน่งยานพาหนะ 21
การติดตามเตาทะเล
ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู
เครื่องมือทางภูมิศาสตรในขอใดสามารถเปรียบเทียบการ ครูอธิบายเกี่ยวกับประโยชนของระบบสารสนเทศภูมิศาสตรเพิ่มเติมวา
เปล่ียนแปลงของพ้ืนที่ปาชายเลนในประเทศไทยระหวาง พ.ศ. สามารถนาํ มาใชใ นการจดั การดา นเศรษฐกจิ และสงั คม เพราะทาํ ใหท ราบขอ มลู
2530-2555 ไดด ที ่สี ดุ ตา งๆ เชน ทต่ี ้งั ของโรงงานประเภทตา งๆ ความหนาแนนของประชากร เพศ
อายุ เพอื่ นาํ มาใชว างแผนดา นเศรษฐกิจและสงั คมได นอกจากนี้ ยงั สามารถใช
1. แผนทีร่ ัฐกจิ คาดการณแนวโนม การเปลยี่ นแปลงพน้ื ท่ใี นชวงเวลาที่กาํ หนดได
2. แผนท่ีภูมปิ ระเทศ
3. รปู ถายทางอากาศ T21
4. ภาพจากดาวเทียม
5. แผนทีท่ รพั ยากรธรรมชาติ
(วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ภาพจากดาวเทียมเปนเคร่ืองมือ
ทางภูมิศาสตรท่ีทันสมัยและตรงกับความเปนจริงมากท่ีสุด และ
ภาพจากดาวเทียมมีจดุ ประสงคเฉพาะ เชน การสํารวจทรพั ยากร
จึงสามารถใชในการติดตามสถานการณการเปล่ียนแปลงที่
เกดิ ข้ึนได)
นาํ สอน สรปุ ประเมิน
ขน้ั สอน 2.2) กำรจดั ทำ� ขอบเขตของพนื้ ทป่ี ำ่ ไมเ้ พอื่ กำรวำงแผนกำ� หนดนโยบำย กรมปา่ ไม้
ได้แปลหรือตีความภาพจากดาวเทียมและใช้ภูมิสารสนเทศเป็นเคร่ืองมือในการจัดเก็บข้อมูลไว้
ข้ันที่ 5 การสรปุ เพ่ือตอบคาํ ถาม อย่างต่อเน่ือง สามารถน�าข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ได้ว่า บริเวณใดที่มีพื้นท่ีป่าไม้ลดลง หรือ
เพ่มิ ข้ึน บริเวณใดท่คี วรเฝ้าระวงั เป็นพิเศษ พื้นท่ีใดควรมีการฟนฟูปา่ ไมใ้ ห้อุดมสมบูรณ์
4. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ ภูมิศาสตร ม.4-6
เร่ือง เครื่องมือทางภูมิศาสตรเพ่ือทดสอบ
ความรทู ไ่ี ดศกึ ษามา
กิจกรรมท่ี 1.4 ใหน กั เรยี นหาขาวเกีย่ วกับการใชเคร่ืองมือทางภมู ศิ าสตร แบบวดั ฯ 19 ํ 40' N 100 ํ 20' E 100 ํ 40' E 101 ํ 00' E 101 ํ 20' E 19 ํ 40' N
นําขา วมาติด แลวตอบคําถาม
ส 5.1 ม.4-6/3
Geo Skill • การคดิ เชงิ พน้ื ท่ี • การใชเ ทคโนโลยี • การใชส ถติ พิ นื้ ฐาน
คะแนนเตม็ คะแนนที่ได้
5
ปภ. สพุ รรณบุรีระดมเครอ่ื งสูบน้ํา แผนทแี่ สดงพนื้ ท่ปี า ไม จังหวัดนาน
เรงแกปญหานํ้าทวม 4 จงั หวดั N นำ้ นา น เฉลิมพระเกียรติ
ผูอํานวยการศูนยปองกันและบรรเทา WE แ ม
สาธารณภยั เขต 2 สพุ รรณบรุ ี กลา ววา จากกรณี S สองแคว ทงุ ชาง
รองมรสุมพาดผา นภาคกลางตอนลางและภาคใต 19 ํ 20' N เชียงกลาง 19 ํ 20' N
ตอนบนจึงมีฝนตกชุกหนาแนน กับมีฝนตกหนัก
ซ่ึงทําใหเกิดนํ้าทวมฉับพลัน นํ้าปาไหลหลาก
และน้ําทวมขังในท่ีราบลุม ในพ้ืนท่ีรับผิดชอบ
โดยเฉพาะจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม ศูนยฯ ไดสนับสนุนเครื่องสูบนํ้าท่ีมีสมรรถนะสูง
เรอื ทอ งแบน พรอ มเจา หนา ท่ี และใหก ารสนบั สนนุ เรอื พายขนาดเลก็ ใหก ับ อปท.
ทม่ี า: http://static.naewna.com/uploads/news/source
(แนวตอบ) เฉฉบลับย ปอว ทุ ยดาอนยแภหคู งาชบาอตเกิ ลือ ลาว
1. ขา วที่หามานี้ เปนขาวเกยี่ วกบั อะไร และมกี ารใชเ ครื่องมอื ทางภมู ิศาสตรใด
19 ํ 00' N พะเยาอุทยานทแาหวงังชผาาติ อทุ ยานแหงชาติ 19 ํ 00' N
............à..»....š¹.....¢...‹Ò....Ç...à..¡....ÕèÂ.....Ç...Ê....¶....Ò....¹....¡....Ò...Ã....³.....¹.....éíÒ...·.....‹Ç...Á.....·....Õèà...¡....Ô´....¢...éÖ.¹....ã..¹........¨...Ñ.§...Ë.....Ç...Ñ´.......Ê....Ø.¾....Ã....Ã...³......º....ØÃ...Õ....¡....Ò...Þ......¨...¹.....º....ØÃ....Õ ...¹.....¤....Ã....»....°....Á.... ขนุ นาน
.á....Å....Ð...ã..¹....¢....‹Ò...Ç...¹.....ÁéÕ ....Õ¡....Ò...Ã...¹.....íÒ...Ã...»Ù.....¶....Ò‹ ...Â....·.....Ò...§...Í....Ò...¡....Ò...È....Á....Ò...ã..ª...Œ ..à..¾....×Íè ....á....Ê....´....§....ã..Ë....àŒ ..Ë....¹ç.....¾....×é¹....·.....Õè».....Ã...Ð...Ê.....º....À....ÑÂ....¹....íéÒ...·.....Ç‹ ...Á............................. นันทบุรี
2. จากขาว การใชเครอ่ื งมอื ชนดิ นม้ี ีประโยชนอ ยา งไร
............Ã...Ù».....¶....‹Ò....Â....·....Ò...§....Í...Ò....¡...Ò....È.......ª...‹Ç...Â....ã..Ë.....Œà..Ë....ç¹.....¾....×é¹....·.....Õè».....Ã...Ð....Ê....º....À....ÑÂ.....¹....íéÒ...·.....‹Ç...Á....¨....Ò...¡....Á....ØÁ.....Ê....Ù§......«....èÖ§...¨....Ð...à..Ë....ç¹.....Ê....À....Ò...¾.....â..´.....Â...Ã....Ç...Á.... สันตสิ ุข
.ä..´....ÍŒ....Â....‹Ò...§...ª...Ñ´.....à.¨....¹......Ê....Ò...Á....Ò...Ã....¶....¹.....Òí ...ä..»....ã..ª...ÈŒ.....Ö¡....É....Ò....à.¾.....×èÍ....Ç...Ò...§...á.....¼....¹....á....Å....Ð....Ë....Ò...á....¹....Ç...·.....Ò...§...á.....¡....äŒ ..¢...Í....Â....‹Ò...§...Á....Õ».....Ã...Ð....Ê....Ô·....¸....ÀÔ ....Ò...¾...........
3. เคร่ืองมอื นี้มีวิธีการเพ่ือใหไดข อมลู มาอยา งไร บา นหลวง อำเภอเมือง นา น
............à..»....¹š ....¡....Ò...Ã....¹....Òí...¡....Å....ÍŒ ....§...¢...¹Öé.....ä..»....¡....ºÑ.....Í...Ò...¡....Ò...È....Â....Ò...¹......à..ª...¹‹ ......à..¤.....Ã...×èÍ....§...º....Ô.¹......º....Í....Å....Å....¹Ù ......â..´....Ã....¹......á....Å....ÇŒ....¶....Ò‹ ...Â....À....Ò...¾....¨....Ò...¡....Á....ÁØ....Ê....§Ù...
.À....Ò...¾....·.....Õè .ä..´....Œ¨....Ð...à..Ë.....¹ç ....¾....¹é×.....·....Õèµ.....Ò‹...§.....æ......ä..´.....Œ .ã..¹.....Á....ÁØ....¡....Ç...ÒŒ....§...á....Å....Ð...ª...´Ñ....à..¨....¹.............................................................................................................. ภเู พยี ง แมจรมิ
4. นอกจากเครอื่ งมือท่ปี รากฏอยูในขาว มีเคร่อื งมอื ทางภูมศิ าสตรอื่น ๆ ประเภทใดทนี่ ํามาใชกับ
สถานการณน ี้ได
............Ê....Ò...Á....Ò...Ã....¶....ã..ª...Œ.á....¼....¹.....·....Õèà...¢...ŒÒ...Á....Ò....ª...‹Ç...Â....È.....Ö¡....É.....Ò......à..Ê....Œ¹.....·....Ò....§......Ê....À....Ò...¾.....·.....Ò...§...À....ÙÁ....Ô.È....Ò...Ê.....µ....Ã.... ...¢...Í....§...¾.....é×¹....·.....Õè·.....Õè».....Ã...Ð....Ê....º....À....Ñ.Â...
.¹....éÒí...·.....Ç‹ ...Á......¹....Í....¡....¨....Ò...¡....¹.....éÕ .Ê....Ò...Á....Ò...Ã....¶....¹.....Òí ...À....Ò...¾....¶.....‹Ò...Â....´....Ò...Ç...à..·....Õ.Â....Á....à..¢...ÒŒ...Á....Ò...ª...Ç‹....Â....ã..¹....¡....Ò...Ã....È....Ö¡....É.....Ò...à..Ê....¹Œ....·.....Ò...§...¢....Í...§....Á....Ç...Å....¹....éíÒ..........
5. หากนกั เรียนมโี อกาสใชเ คร่อื งมือทางภูมิศาสตรชนิดนี้ นกั เรยี นจะใชศกึ ษาเร่ืองใด
............¨....Ð...¹....íÒ....ä..».....ã..ª...ŒÈ....Ö¡....É.....Ò...à..Ã....×èÍ....§...¾....é×.¹....·....Õè.»....†Ò....ä..Á....Œ...à..¾.....Ã...Ò....Ð...µ.....ŒÍ...§....¡....Ò...Ã....·....Ã....Ò...º....Ç....‹Ò...¾.....×é¹....·....Õ.è .ã..´.....Á....ÕÊ....À....Ò...¾.....».....†Ò...Í....Ø´....Á.....Ê....Á....º....Ù.Ã...³.....
.á....Å....Ð...¾....¹×é....·.....Õè .ã..´....¾....¹.é× ....·....Õè»....Ò.† ..·.....Ã...Ø´....â..·.....Ã...Á......à..¾....Íè×....¹....Òí...¢...ÍŒ....Á....ÅÙ....Á....Ò...È....¡Ö....É....Ò...á....Å....Ð...Ë....Ò....á...¹....Ç....·....Ò...§...ã..¹.....¡...Ò...Ã....Í...¹.....ÃØ...Ñ¡....É....¿. ....¹œ„....¿.....»Ù ....Ò†...µ....Í‹....ä..»....
7 18 ํ 40' N 18 ํ 40' N
ขนั้ สรปุ เวยี งสา แม ำนา น สัญลักษณ
น้ จังหวดั
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ อำเภอ
เครื่องมือทางภูมิศาสตร หรือใช PPT สรุปสาระ เขตประเทศ
สําคัญของเน้ือหา ตลอดจนความสําคัญของ 18 ํ 20' N แพร นานอ ย อทุ ยศานรนีแาหนง ชาติ เขตจงั หวัด 18 ํ 20' N
เคร่ืองมือทางภูมิศาสตรตอการดําเนินชีวิต ทางน้ำ
ประจาํ วนั อทุ ยานแหง ชาติ อุตรดติ ถ พ้ืนที่ไมใชปา
ขุนสถาน พนื้ ทป่ี า
ภาพจากดาวเทียมจงั หวัดนา่ น นาหมนื่
อทุ ยานแหงชาติ
18 ํ 00' N ลำนำ้ นา น มาตราสวน 1 : 1,500,000 18 ํ 00' N
หมายเหตุ : พ้ืนท่ปี าไมแปลตีความจากภาพถา ยดาวเทยี มไทยโชต พ.ศ. 2557 0 10 20 30กม.
100 ํ 20' E 100 ํ 40' E 101 ํ 00' E 101 ํ 20' E
แผนทแี่ สดงพนื้ ทป่ี า่ ไม้ จงั หวดั นา่ น พ.ศ. 2557
ขนั้ ประเมนิ กล่าวโดยสรุป การรู้เรื่องภูมิศาสตร์เป็นการศึกษาเก่ียวกับการจัดการพ้ืนที่และสิ่งแวดล้อม
โดยอาศัยวิธีการและเคร่ืองมือต่าง ๆ เคร่ืองมือที่มีการใช้อย่างแพร่หลายมาก คือ แผนท่ี และ
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม ยงั มเี ครอ่ื งมอื อีกหลายชนดิ ท่ีมกี ารนา� มาใชร้ วบรวม วิเคราะห์ และนา� เสนอข้อมูลทางภูมิศาสตร์
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน เชน่ รปู ถา่ ยทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม ซ่ึงให้ขอ้ มลู ทถ่ี กู ต้องและรวดเร็ว รวมถงึ เทคโนโลยี
หนา ช้นั เรยี น ภมู ิสารสนเทศ ทง้ั ระบบก�าหนดตา� แหน่งบนพน้ื โลก การรับรู้ระยะไกล ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร์
ไดม้ บี ทบาทในชวี ติ ประจา� วนั มากขนึ้ บคุ คลทวั่ ไปสามารถเขา้ ถงึ การใชง้ านภมู สิ ารสนเทศไดส้ ะดวก
2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบวัดฯ รวมถงึ ปจั จบุ นั ภาครฐั และเอกชนกน็ า� ขอ้ มลู จากภมู สิ ารสนเทศมาใชง้ านดา้ นตา่ ง ๆ อยา่ งแพรห่ ลาย
และแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6
22
3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย
การเรยี นรทู ่ี 1 เร่อื ง เครอ่ื งมือทางภูมศิ าสตร
แนวทางการวัดและประเมินผล กิจกรรม 21st Century Skills
ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขา ใจเนอ้ื หา เรอื่ ง เทคโนโลยภี มู สิ ารสนเทศ ครูจัดกิจกรรมฝกการคิดวิเคราะห โดยการประยุกตใช
ไดจากการใชเคร่ืองมือทางภูมิศาสตรในการสืบคนและนําเสนอผลงานหนา ความรูจากสถานการณ “ถาครอบครัวของนักเรียนวางแผนจะทํา
ช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอ ไรนาสวนผสมตามแนวคิดปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง” โดยเร่มิ
ผลงานทแ่ี นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรหู นว ยท่ี 1 เรอื่ ง เครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร จากการสาํ รวจพนื้ ท่ี แลว ตอบคําถามในประเด็นท่กี าํ หนด เชน
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน • นักเรียนจะแนะนําใหครอบครัวใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร
ชนิดใด
คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน • เพราะเหตใุ ดนักเรยี นจึงแนะนาํ เครอ่ื งมอื ดงั กลา ว
• ขอมลู ทีจ่ ะไดรบั จากเครอื่ งมือนน้ั คืออะไร
ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 แลว บนั ทึกคาํ ตอบสงครผู ูสอน
32
1 ความถูกต้องของเนือ้ หา
2 การลาดบั ข้ันตอนของเรื่อง
3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมีส่วนรว่ มของสมาชกิ ในกลมุ่
รวม
ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
T22 ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
คา� ถามเนน้ การคดิ เฉลย คําถามเนน การคิด
1. นกั เรยี นเคยน�าแผนที่มาใชป้ ระโยชน์อยา่ งไรบา้ ง 1. นําแผนที่มาใชใ นการเดินทางทองเท่ียว
2. ถา้ ตอ้ งการศกึ ษาเรอ่ื งประชากรของประเทศไทย นกั เรยี นควรนา� แผนทชี่ นดิ ใดมาใชป้ ระโยชน์ เพื่อคน หาเสนทางและสถานที่ตางๆ
ไดบ้ า้ ง 2. แผนที่เฉพาะเรื่อง เชน แผนท่ีประเทศไทย
3. รูปถา่ ยทางอากาศและภาพจากดาวเทยี มมคี วามส�าคัญอย่างไร แสดงจํานวนประชากร เพ่ือศึกษาจํานวน
4. นักเรียนเคยน�ารูปถ่ายทางอากาศ หรือภาพจากดาวเทียมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในเรื่องใด ประชากรและความหนาแนนของประชากร
ของไทย
เพราะเหตใุ ด
5. ในปัจจุบันภูมิสารสนเทศมีบทบาทส�าคัญอย่างไรบ้าง และนักเรียนสามารถใช้ประโยชน์จาก 3. รูปถายทางอากาศและภาพจากดาวเทียม
มีความสําคัญโดยนํามาใชประโยชนดาน
ภูมสิ ารสนเทศไดอ้ ย่างไรบ้าง การวางผังเมืองและการขยายเมือง ใชเปน
ขอมูลทําแผนท่ีปาไม ใชเปนขอมูลเตือน
กิจกรรมพัฒนาทักษะ ภยั พบิ ัติ
1. เลือกศึกษาเหตุการณ์ปัจจุบันของโลกหรือของประเทศไทย 1 เหตุการณ์ โดยใช้แผนที่ 4. นํามาใชประโยชน เชน วิเคราะหพ้ืนท่ีปาไม
เฉพาะเรอื่ งประกอบการศึกษา เพื่อวเิ คราะห์เหตกุ ารณ์หรือสถานที่เกิดข้ึน ของไทยจากภาพจากดาวเทียม
2. น�าภาพถ่ายทางอากาศหรือภาพจากดาวเทียมของชุมชน หรือบริเวณพื้นท่ีใดพื้นที่หนึ่ง 5. ภมู สิ ารสนเทศมบี ทบาทสาํ คญั เชน การบรหิ าร
ให้นักเรียนอ่านและแปลความหมายด้วยสายตา โดยแปลความหมายจากองค์ประกอบหลัก จัดการของภาครัฐเพื่อวิเคราะหหาพื้นที่ที่มี
เช่น สี ขนาดและรูปร่าง ความสงู และเงา ตา� แหนง่ ความเหมาะสมในการทาํ กิจกรรมตา งๆ เชน
ใชเปนขอมูลเชิงพื้นท่ีสําหรับการปลูกพืช
3. แบ่งกลุ่ม ศึกษาสภาพพ้ืนที่โดยใช้เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ การวางผังเมอื ง การพฒั นาเสน ทางคมนาคม
ในปจั จุบัน และนา� เสนอในช้ันเรียน การตดิ ตามยานพาหนะในการขนสง โลจสิ ตกิ ส
23
เฉลย แนวทางประเมนิ กิจกรรมพัฒนาทักษะ
ประเมนิ ความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพ้ืนฐาน กระบวนการความสัมพันธของข้ันตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยทั่วไป
งานหรอื ชิ้นงานใชเ วลาไมนาน งานสําหรบั ประเมินรูปแบบนอี้ าจเปน คาํ ถามปลายเปด หรอื ผงั มโนทัศนน ยิ มสาํ หรบั ประเมนิ ผเู รยี นรายบุคคล
ประเมินความสามารถ
• เชน ความคลอ งแคลว ในการใชเ ครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร การแปลความหมายขอ มลู ทกั ษะการตดั สนิ ใจ ทกั ษะการแกป ญ หา งานหรอื ชน้ิ งานจะสะทอ นถงึ
ทกั ษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปใช อาจเปนการประเมินการเขียน ประเมินกระบวนการทาํ งานทางภมู ิศาสตรต างๆ หรือการวเิ คราะห
และการแกป ญ หา
ประเมินทักษะ
• มีเปา หมายหลายประการ ผูเรยี นไดแ สดงทักษะ ความสามารถทางภมู ิศาสตรตางๆ ท่ซี บั ซอนขนึ้ งานหรือชิ้นงานมกั เปนโครงงานระยะยาว ซง่ึ ผเู รียน
ตองมกี ารนาํ เสนอผลการปฏบิ ตั ิงานตอผเู กีย่ วขอ งหรอื ตอสาธารณะ
ส่ิงท่ีตองคํานึงถึงในการประเมิน คือ จํานวนงานหรือกิจกรรมที่ผูเรียนปฏิบัติ ซ่ึงผูประเมินควรกําหนดรายการประเมินและทักษะท่ีตองการประเมินให
ชัดเจน
T23
Chapter Overview
แผนการจัด สือ่ ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - หนังสือเรียน 1. วเิ คราะหก์ ารเปลย่ี นแปลงทางกายภาพ กระบวนการ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - ก ารแปลความ 1. ใฝ่เรยี นรู้
ธรณภี าค ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ด้านธรณีภาคของพ้ืนท่ีในประเทศไทย ทางภูมิศาสตร์ - ตรวจการท�ำแบบฝึก ข้อมูลทาง 2. มุ่งมั่นใน
- แบบฝกึ สมรรถนะ และภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ซ่ึงได้รับ (Geographic สมรรถนะและการคดิ ภมู ิศาสตร์ การทำ� งาน
2 และการคิด อทิ ธพิ ลจากปจั จยั ทางภมู ศิ าสตร ์ได ้ (K) Inquiry ภมู ิศาสตร์ ม.4-6 - การคดิ เชิงพนื้ ที่
ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 2. วิเคราะห์ โครงสร้างและกระบวนการ Process) - ตรวจใบงานท่ี 2.1
ชว่ั โมง - แบบทดสอบ เปลีย่ นแปลงทางธรณีภาคของโลกได้ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
กอ่ นเรยี น (K) - สังเกตพฤตกิ รรม
- PowerPoint 3. เลอื กใชเ้ ครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร ์ใ นการ การทำ� งานรายบคุ คล
- ใบงานท่ี 2.1 ศึกษาการเปลย่ี นแปลงทางกายภาพ - สงั เกตพฤตกิ รรม
- เครื่องมอื ทาง ด้านธรณีภาคของพื้นท่ีในประเทศไทย การทำ� งานกล่มุ
ภูมิศาสตร์ เช่น และภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ซง่ึ ไดร้ ับ - ประเมินคณุ ลกั ษณะ
แผนที่ เขม็ ทิศ อทิ ธพิ ลจากปจั จยั ทางภมู ศิ าสตร ์ได้ (P) อนั พงึ ประสงค์
รปู ถา่ ยทางอากาศ 4. ส นใจศึกษาการเปล่ียนแปลงทาง
ภาพจากดาวเทยี ม กายภาพของพ้ืนท่ีในประเทศไทยและ
ภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก ซง่ึ ไดร้ บั อทิ ธพิ ล
จากปจั จยั ทางภมู ศิ าสตรเ์ พมิ่ มากขนึ้ (A)
แผนฯ ที่ 2 - หนงั สือเรียน 1. ว เิ คราะหก์ ารเปลยี่ นแปลงทางกายภาพ กระบวนการ - ตรวจการทำ� แบบฝึก - ก ารแปลความ 1. ใฝเ่ รยี นรู้
บรรยากาศภาค ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ดา้ นบรรยากาศภาคของพน้ื ท่ีใน ทางภูมศิ าสตร์ สมรรถนะและการคิด ขอ้ มูลทาง 2. ม่งุ ม่นั ใน
2 - แบบฝกึ สมรรถนะ ประเทศไทย และภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก (Geographic ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 ภมู ศิ าสตร์ การท�ำงาน
แ ละการคิด ซ่ึงได้รบั อทิ ธิพลจากปัจจยั ทาง Inquiry - ตรวจใบงานที่ 2.2 - การคดิ เชิงพน้ื ที่
ชั่วโมง ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ภูมศิ าสตร ์ได้ (K) Process) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
- PowerPoint 2. อธบิ ายช้นั บรรยากาศและบอก - สงั เกตพฤตกิ รรม
- ใบงานที่ 2.2 องค์ประกอบส�ำคญั ของชัน้ บรรยากาศ การทำ� งานรายบคุ คล
- เ ครอื่ งมอื ทาง ของโลกได้ (K) - สังเกตพฤตกิ รรม
ภูมศิ าสตรเ์ ช่น 3. เลอื กใชเ้ ครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร ์ใ นการ การท�ำงานกลุ่ม
แผนที่ เขม็ ทิศ ศกึ ษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ - ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ
รปู ถา่ ยทางอากาศ ดา้ นบรรยากาศภาคของพน้ื ทีใ่ น อันพึงประสงค์
ภาพจากดาวเทยี ม ประเทศไทย และภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก
ซึง่ ได้รบั อทิ ธิพลจากปัจจัยทาง
ภูมศิ าสตร ์ได้ (P)
4. ส นใจศกึ ษาการเปลยี่ นแปลงทาง
กายภาพของพนื้ ที่ในประเทศไทยและ
ภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก ซงึ่ ไดร้ บั อทิ ธพิ ล
จากปจั จยั ทางภมู ศิ าสตรเ์ พม่ิ มากขน้ึ (A)
แผนฯ ท่ี 3 - หนงั สอื เรยี น 1. ว ิเคราะหก์ ารเปลย่ี นแปลงทาง กระบวนการ - ตรวจการท�ำแบบฝึก - ก ารแปลความ 1. ใฝ่เรียนรู้
อุทกภาค ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 กายภาพดา้ นอุทกภาคของพน้ื ที่ ทางภูมศิ าสตร์ สมรรถนะและการคดิ ขอ้ มลู ทาง 2. มงุ่ ม่นั ใน
- แบบฝกึ สมรรถนะ ในประเทศไทยและภูมิภาคต่าง ๆ (Geographic ภมู ิศาสตร์ ม.4-6 ภูมศิ าสตร์ การท�ำงาน
2 แ ละการคดิ ของโลก ซง่ึ ได้รับอิทธิพลจากปัจจัย Inquiry - ตรวจใบงานท่ี 2.3 - การคิดเชงิ พื้นที่
Process) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
ชัว่ โมง ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ทางภูมิศาสตร ์ได้ (K) - สังเกตพฤตกิ รรม
- PowerPoint 2. อ ธิบายวัฏจักรทางอุทกวิทยา และ การทำ� งานรายบุคคล
- ใบงานท่ี 2.3 ผลกระทบทเ่ี กดิ จากนำ�้ ในมหาสมุทร - สังเกตพฤตกิ รรม
- เครอื่ งมอื ทาง ได้ (K) การทำ� งานกลุ่ม
- ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ
ภมู ศิ าสตร์ เชน่ 3. เลือกใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ อันพงึ ประสงค์
แผนท่ี เขม็ ทศิ ในการศกึ ษาการเปลีย่ นแปลงทาง
รปู ถา่ ยทางอากาศ กายภาพ ดา้ นอุทกภาคของพืน้ ท่ี
ภาพจากดาวเทยี ม ในประเทศไทยและภูมภิ าคตา่ ง ๆ
ของโลกซ่งึ ได้รบั อทิ ธิพลจากปัจจัย
ทางภมู ศิ าสตร์ ได้ (P)
4. สนใจศกึ ษาการเปล่ยี นแปลงทาง
กายภาพของพืน้ ที่ในประเทศไทย
และภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลก ซ่งึ ไดร้ ับ
อิทธิพลจากปัจจัยทางภมู ิศาสตร์
เพ่ิมมากขึน้ (A)
T24
แผนการจดั สอ่ื ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์
แผนฯ ท่ี 4 - หนงั สอื เรยี น 1. วเิ คราะหก์ ารเปลย่ี นแปลงทางกายภาพ กระบวนการ - ตรวจการท�ำแบบฝกึ - ก ารแปลความ 1. ใฝ่เรียนรู้
ชีวภาค ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ดา้ นชวี ภาคของพนื้ ทใ่ี นประเทศไทย ทางภมู ศิ าสตร์ สมรรถนะและการคดิ ข้อมูลทาง 2. มงุ่ มน่ั ใน
- แบบฝกึ สมรรถนะ และภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก ซง่ึ ไดร้ บั (Geographic ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 ภูมศิ าสตร์ การทำ� งาน
2 และการคดิ อทิ ธพิ ลจากปจั จยั ทางภมู ศิ าสตร ์ได้ (K) Inquiry - ตรวจใบงานที่ 2.4 - การคดิ เชงิ พื้นที่
ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 2. อ ธิบายระบบนิเวศและลักษณะการ Process) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
ชัว่ โมง - PowerPoint เปลย่ี นแปลงทางชวี ภาคของแตล่ ะ - สังเกตพฤติกรรม
- ใบงานท่ี 2.4 พนื้ ทไ่ี ด้ (K) การท�ำงานรายบุคคล
- เ ครอื่ งมอื ทาง 3. เ ลอื กใชเ้ ครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร ์ในการ - สังเกตพฤตกิ รรม
ภมู ศิ าสตรเ์ ชน่ ศกึ ษาการเปลย่ี นแปลงทางกายภาพ การท�ำงานกล่มุ
แผนท่ี เขม็ ทศิ ดา้ นชวี ภาคของพนื้ ทใ่ี นประเทศไทย - ประเมนิ คุณลกั ษณะ
รปู ถา่ ยทางอากาศ และภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลกซงึ่ ไดร้ บั อันพึงประสงค์
ภาพจากดาวเทยี ม อทิ ธพิ ลจากปจั จยั ทางภมู ศิ าสตรไ์ ด้ (P)
4. สนใจศกึ ษาการเปล่ยี นแปลงทาง
กายภาพของพ้ืนทีใ่ นประเทศไทย
และภมู ิภาคต่าง ๆ ของโลก ซ่งึ ได้รับ
อิทธิพลจากปัจจัยทางภมู ิศาสตร์
เพม่ิ มากข้นึ (A)
แผนฯ ท่ี 5 - หนงั สอื เรยี น 1. วเิ คราะหก์ ารเปลย่ี นแปลงทางกายภาพ กระบวนการ - ตรวจการท�ำแบบฝึก - การแปลความ 1. ใฝเ่ รยี นรู้
การเปลย่ี นแปลง ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ทส่ี ง่ ผลตอ่ ภมู ปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ และ ทางภูมิศาสตร์ สมรรถนะและการคิด ข้อมูลทาง 2. มุ่งมั่นใน
ทางกายภาพ - แบบฝกึ สมรรถนะ ทรัพยากรธรรมชาตขิ องพน้ื ท่ี (Geographic ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 ภูมิศาสตร์ การท�ำงาน
ทสี่ ่งผลตอ่ และการคดิ ในประเทศไทยและภูมิภาคตา่ ง ๆ Inquiry - ตรวจการท�ำแบบวดั และ - การคดิ เชิงพ้ืนที่
ภูมปิ ระเทศ ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ของโลก ซึง่ ไดร้ บั อิทธิพลจากปจั จัย Process) บันทึกผลการเรยี นรู้
ภูมิอากาศ - แบบวดั และบนั ทกึ ทางภมู ิศาสตร ์ได ้ (K) ภมู ิศาสตร์ ม.4-6
และทรัพยากร ผลการเรยี นรู้ 2. เ ลอื กใชเ้ ครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร ์ในการ - ตรวจใบงานท่ี 2.5
ธรรมชาติ ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ศกึ ษาการเปลย่ี นแปลงทางกายภาพที่ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
- แบบทดสอบ สง่ ผลตอ่ ภมู ปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ - สงั เกตพฤติกรรม
3 หลงั เรยี น และทรพั ยากรธรรมชาตขิ องพนื้ ที่ การท�ำงานรายบุคคล
- PowerPoint ในประเทศไทย และภมู ภิ าคตา่ ง ๆ - สังเกตพฤติกรรม
ช่วั โมง - ใบงานท่ี 2.5 ของโลก ซง่ึ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากปจั จยั ทาง การท�ำงานกลมุ่
- เ ครอ่ื งมอื ทาง ภมู ศิ าสตรไ์ ด้ (P) - ประเมินคณุ ลักษณะ
ภมู ศิ าสตร์ เชน่ 3. สนใจศกึ ษาการเปลยี่ นแปลงทางกายภาพ อนั พึงประสงค์
แผนท่ี เขม็ ทศิ ท่สี ง่ ผลตอ่ ภมู ิประเทศ ภูมิอากาศ - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น
รปู ถา่ ยทางอากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติของพนื้ ที่
ภาพจากดาวเทยี ม ในประเทศไทย และภมู ภิ าคต่าง ๆ
ของโลก ซ่งึ ไดร้ บั อิทธิพลจากปจั จัย
ทางภมู ศิ าสตร์เพ่ิมมากข้นึ (A)
T25
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ นาํ (Geographic Inquiry Process) ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§
·Ò§¡ÒÂÀÒ¾
1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอนแบบ
กระบวนการทางภูมิศาสตร (Geographic à¡Ô´¨Ò¡»˜¨¨ÑÂÍÐäúҌ §
Inquiry Process) ชื่อเร่ือง จดุ ประสงค และ
ผลการเรยี นรู 2หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ตวั ชีว้ ดั ส 5.1 ม.4-6/1
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน การเปลีย่ นแปลง
หนวยการเรียนรูท่ี 2 เร่ือง การเปล่ียนแปลง ทางกายภาพของโลก • การเปล่ียนแปลงทางกายภาพ
ทางกายภาพของโลก (ประกอบด้วย 1. ธรณ�ภาค
โลกประกอบด้วยสภาวะแวดล้อมทางธรรมชาติ 4 ภาค 2. บรรยากาศภาค 3. อทุ กภาค
3. ใหน กั เรยี นดภู าพแกรนดแ คนยอน รฐั แอรโิ ซนา ไดแ้ ก่ ธรณีภาค คือ ส่วนทีเ่ ปน็ ของแข็งของโลก บรรยากาศภาค 4. ชวี ภาค) ของพน้ื ที่ในประเทศไทย
สหรัฐอเมริกา ถามคําถามและใหนักเรียน คือ ส่วนที่เป็นแก๊สหุ้มห่อปกคลุมพื้นผิวโลก อุทกภาค คือ และภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก ซง�ึ ไดร้ บั
สบื คนขอมูลเพม่ิ เติม สว่ นท่ีเป็นน้า� และชีวภาค คือ ส่วนทเี่ ปน็ สิ่งมีชีวติ ซึง่ แตล่ ะภาค อิทธพิ ลจากปจั จัยทางภมู ศิ าสตร์
• ลกั ษณะภูมปิ ระเทศในภาพเปนอยา งไร ต่างมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ • การเปล่ียนแปลงทางกายภาพท่ี
(แนวตอบ เปน หนิ ทถ่ี กู กดั กรอ นมลี กั ษณะเปน ยอ่ มสง่ ผลต่อภมู ปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติ สง่ ผลตอ่ ภมู ปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ และ
หนาผาสูง หุบเหวชนั ) ทรพั ยากรธรรมชาติ
• เพราะเหตุใดจึงเปน แบบนั้น
(แนวตอบ เกดิ จากอทิ ธพิ ลของแมน า้ํ ไหลผา น
ทีร่ าบสงู ทาํ ใหเกิดการสกึ กรอนของหิน)
4. ครูใหนักเรียนวิเคราะหรวมกันเก่ียวกับปจจัย
ท่ีกอใหเกิดการเปล่ียนแปลงทางกายภาพของ
โลกตามความคดิ โดยเบ้อื งตนของนักเรียน
5 ครูใหนักเรียนดูภาพ หรือคลิปวิดีโอเก่ียวกับ
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก ดาน
ธรณภี าค เชน
• เปลอื กโลกและโครงสรา งเปลือกโลก
• ทฤษฎีการเล่อื นของทวปี
• การเคลอ่ื นทข่ี องแผน ธรณีภาค
• การเปลยี่ นแปลงภายในเปลือกโลก
24
เกร็ดแนะครู
ครคู วรจัดกจิ กรรม Geo-literacy ใหน ักเรยี นไดฝ กตง้ั คําถามเชิงภูมิศาสตร ใชท ักษะ กระบวนการ เพอื่ ใหเกิดความสามารถทางภูมิศาสตร เชน
ทกั ษะการใชเ คร่อื งมอื ทางภูมศิ าสตร การแปลความขอ มูลทางภมู ศิ าสตร การใชเ ทคโนโลยี การคดิ เชงิ พื้นท่ี การคิดเชอื่ มโยง โดยจดั กจิ กรรม เชน
• นําภาพ หรอื คลปิ วิดโี อ การเกดิ ลกั ษณะภมู ิประเทศตางๆ ของโลก มาใหน ักเรยี นไดตัง้ คาํ ถาม วเิ คราะห
• นําเครอ่ื งมอื ทางภมู ิศาสตร เชน แผนท่ี ภาพถาย การใช Google Earth ศึกษาลกั ษณะทางกายภาพของพน้ื ท่ีตางๆ ของโลก
T26
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
1 ธรณภี าค (lithosphere) ขน้ั สอน
ธรณีภาค คอื ส่วนเปลือกโลกที่เป็นของแขง็ หมุ้ ห่ออย่ชู ั้นนอกสดุ ของโลก ชั้นบนเป็นพน้ื ท่ี ข้นั ท่ี 1 การตั้งคาํ ถามเชงิ ภมู ศิ าสตร
ท่ีมนษุ ย์ใชเ้ ปน็ ทอ่ี ยูอ่ าศัย มที รัพยากรธรรมชาตหิ ลากหลายท่ีมนษุ ย์ใชด้ �าเนนิ กิจกรรมตา่ ง ๆ ท้ัง
ดา้ นเศรษฐกจิ สังคม วัฒนธรรม และส่งิ แวดลอ้ ม 1. ครใู หน ักเรยี นดูโครงสรางของเปลือกโลก จาก
หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกัน
1.1 โครงสรา งของโลก แสดงความคิดเหน็ ตามประเดน็ เชน
• พ้นื ผิวของโลก มลี ักษณะเชน ไร
โลกมลี กั ษณะเกือบกลมหรือกลมรเี ลก็ น้อย มเี สน้ ผ่านศูนย์กลางท่เี ส้นศนู ยส์ ูตรยาว 12,755 (แนวตอบ พื้นผิวของโลกมีเนื้อท่ีประมาณ
กโิ ลเมตร และเส้นผ่านศูนยก์ ลางตามแนวข้ัวโลกยาว 12,711 กิโลเมตร แบง่ เปน็ 3 ช้ันหลกั ไดแ้ ก่ 525 ลานตารางกิโลเมตร โดยสวนใหญ
เปลือกโลก เน้อื โลก และแกน่ โลก เปน ทะเลหรอื มหาสมุทร สวนทเ่ี ปน แผนดิน
มีระดับของพื้นผิวท่ีแตกตางกันออกไปตาม
เปลือกโลกภาคพนื้ มหาสมทุ ร เปลือกโลกภาคพ้ืนทวีป ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศแบบตา งๆ ทงั้ เทอื กเขาสงู
ท่รี าบ หบุ เขา โดยจดุ สูงทส่ี ดุ ของพืน้ ผวิ โลก
เป ืลอกโลก ฐานธรณภี าค ธรณีภาค (lithosphere) คือ อยูบริเวณที่เปนแผนดิน คือ ยอดเขา
1 2 เนอ้ื โลก เขตเปลย่ี นแปลง ส่วนที่เป็นเปลือกโลกและ เอเวอเรสต เทือกเขาหิมาลัย สวนจุดที่ต่ํา
3 แก่นโลก เนื้อโลกสว่ นล่าง เน้ือโลกช้ันบนสุด ประกอบ ทส่ี ดุ อยใู นมหาสมทุ รแปซฟิ ก คอื รอ งลกึ กน
ด้วยหินและดินต่าง ๆ ซึ่งอยู่ มหาสมทุ รมาเรยี นา)
แกน่ โลกช้ันนอก ในระดับความลึกไม่เกิน 100 • นกั เรยี นคดิ วา ปจ จยั ทที่ าํ ใหบ รเิ วณเปลอื กโลก
ของเหลว กิโลเมตร จากผิวโลก มีสัณฐานและคุณสมบัติทางเคมีแตกตาง
ฐานธรณีภาค (asthenosphere) หรือ กันคืออะไร
แกน่ โลก เนื้อโลกสว่ นบน คอื ส่วนของเนอื้ โลกท่ี (แนวตอบ เชน เน่ืองดวยปจจัยวัตถุธาตุ
ชัน้ ใน ของแขง็ รองรับชั้นธรณีภาคให้อยู่ในภาวะสมดุล ตน กาํ เนดิ กระบวนการเกดิ สภาพแวดลอม
อย่ใู นระดบั ความลกึ 100 - 350 กโิ ลเมตร และระยะเวลาการเกิดท่ีแตกตา งกนั )
เป็นอาณาบริเวณท่ีมีการหลอมละลาย
ของหินเน้ือโลกเปน็ บางสว่ น
ชัน้ ต่าง ๆ ของโลกต้งั แต่ผิวโลกถึงใจกลางโลก
25
บรู ณาการเชอื่ มสาระ เกร็ดแนะครู
เน้ือหาในสวนน้ีเช่ือมโยงกับกลุมสาระวิทยาศาสตร สาระโลก
ดาราศาสตร และอวกาศ ครนู าํ คลปิ วดิ โี อโครงสรา งของโลกมาใหน กั เรยี นดปู ระกอบกบั ภาพในหนงั สอื
อธิบายเพมิ่ เติม โลกเปนดาวเคราะหดวงหน่ึงของระบบสรุ ยิ ะ มีวงโคจรอยรู อบ
ใหนักเรียนจัดทําโมเดลโครงสรางของโลก แสดงรายละเอียด ดวงอาทิตย โลกจะเอียงไปตามเสนแกนการหมุนของโลก ทําใหเกิดฤดูกาลท่ี
ช้ันตางๆ ของโลก โดยสืบคนขอมูลเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรู แตกตางกนั บนโลกมที ัง้ ส่งิ มชี วี ติ และไมม ีชวี ิตอาศัยอยู แบงออกเปน 3 ชั้นหลัก
เพิม่ เตมิ แลวนําโมเดลท่ไี ดม าอธบิ ายโครงสรางโลกใหเ พ่ือนฟง คือ แกนโลก เนอ้ื โลก และเปลอื กโลก
T27
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 1) เปลอื กโลก (crust) เป็นส่วนชั้นบนสุดของโลก มีความหนาประมาณ 5 - 60
ขน้ั ท่ี 1 การต้งั คาํ ถามเชงิ ภมู ิศาสตร กโิ ลเมตร แบ่งเป็น 2 ช้ัน คือ
1.1) เปลอื กโลกภาคพื้นทวีป (continental crust) เปน็ เปลือกโลกทีร่ องรบั สว่ นท่ี
2. ครใู หน ักเรียนรว มกันศกึ ษา Geo Tip เกี่ยวกับ
แมกมา จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เซปิล็นคิ พอ้ืนนทแลวีปะอแะลละูมไหินาล่ทเรวยีีปกวมา่ ีคไวซาอมัลห1น(SาIปAรLะมมาาณจาก35si-lic6a0กกับิโลaเluมmตiรnaอ) งซค่ึง์ปเประ็นกอองบคส์ป่วรนะกใหอบญห่เปล็นัก
แลว รว มกันแสดงความคดิ เห็นเพิม่ เตมิ โดยใช คล้ายหินแกรนิต
ประเด็นคาํ ถาม เชน
• แมกมากบั ลาวาแตกตางกันอยางไร 1.2) เปลอื กโลกภาคพน้ื มหาสมทุ ร(oceaniccrust) เปน็ เปลอื กโลกทอี่ ย่ใู ตบ้ รเิ วณ
(แนวตอบ แมกมาหรือหินหนืด คือ วัตถุ มขอหงาหสินมใทุ ตร้มตหา่ งาสๆมมุทีครวาอมงหคน์ปาระ5ก-อ1บ0สก่วนิโลมเมากตเรปเ็นปซ็นิลเิคปอลนอื กกโับลแกมทกเ่ี กนิดีเซใหียมม่จาเรกียกกาวรป่าะทไซุแมลาะ2ก(าSรIไMหAล
หลอมละลายใตพื้นผวิ เปลือกโลก ประกอบ มาจาก silica กับ magnesium) ซง่ึ เป็นองคป์ ระกอบหลกั คลา้ ยหินบะซอลต์
ดวยแรตางๆ ท่ีขนหนืด มีความรอนสูง
ประมาณ 700-1,300 องศาเซลเซยี ส สวน 2) เนอ้ื โลก (mantle) เป็นชั้นที่อยู่ถัดจากช้ันเปลือกโลก มีความหนาประมาณ
ลาวา คอื หินหนืดท่ีไหลอยา งชา ๆ ออกจาก
ภเู ขาไฟท่ปี ะท)ุ 2,900 กิโลเมตร ประกอบด้วยแมกนีเซียมและเหลก็ เป็นสว่ นใหญ่ แบ่งเปน็ 3 ชน้ั คือ
2.1) เนอ้ื โลกสว่ นบนสุด (uppermost mantle) มสี ถานะเป็นของแขง็ อยู่ช้นั ลา่ ง
ของธรณภี าค มคี วามหนาประมาณ 5 - 75 กโิ ลเมตร
2.2) เนอ้ื โลกสว่ นบน (upper mantle) หรอื ฐานธรณภี าค มคี วามลกึ ประมาณ 400
กโิ ลเมตร ประกอบด้วยหินทส่ี ว่ นใหญ่อยู่ในสภาพหลอมละลาย เรยี กว่า แมกมา (magma)
2.3) เนอ้ื โลกสว่ นลา่ ง(lowermantle) มคี วามลกึ ประมาณ1,000- 2,900 กโิ ลเมตร
ประกอบด้วยหนิ หนดื ทม่ี คี วามหนืดมากกวา่ เน้อื โลกชน้ั บน
3) แกน่ โลก (core) เปน็ สว่ นชน้ั ในสดุ ของโลก มคี วามหนาประมาณ 3,500 กโิ ลเมตร
มีความหนาแนน่ มาก แบง่ เป็น 2 ชัน้ คอื
3.1) แกน่ โลกสว่ นนอก (outer core) ประกอบดว้ ยเหลก็ และนกิ เกลิ ทอ่ี ยู่ในสภาพ
หลอมละลาย มีความลกึ ประมาณ 2,900 - 5,100 กโิ ลเมตร
3.2) แกน่ โลกสว่ นใน(innercore) เปน็ ชน้ั ของแขง็ มคี วามหนาแนน่ มาก ประกอบ
ด้วยเหลก็ และนกิ เกิลท่ีอยู่ในสภาพของแข็ง มีความลึกประมาณ 5,100 - 6,370 กิโลเมตร
GTeipo
แมกมา (magma) คือ สารเหลวร้อนทีเ่ กิดตามธรรมชาตอิ ยู่ใตผ้ วิ โลก สามารถเคลอ่ื นตวั ไปมาได้
ในวงจา� กดั อาจมีของแขง็ เชน่ ผลกึ เศษหนิ แขง็ และแก๊สรวมอย่ดู ้วย หรอื อาจไมม่ ีเลยก็ได้
เม่ือแมกมาแทรกดันหรือพุพุ่งขึ้นมาสู่ผิวโลก แล้วไหลลามออกไปจากปล่องภูเขาไฟหรือจาก
รอยแยกของเปลือกโลกขณะท่ียังรอ้ นและไม่แขง็ ตวั มลี กั ษณะเหนียวหนดื เรยี กว่า ลาวา (lava) และ
เม่ือเย็นตัวลงจนแขง็ ตวั จะกลายเป็นหินอคั นี
26
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด
1 ไซอลั (SIAL) เปลอื กโลกชน้ั บนสดุ ประกอบดว ย แรซ ลิ กิ าและอะลมู นิ าซง่ึ เปน โลกมีลักษณะโครงสรา งอยางไร
หินแกรนิตชนิดหนึ่ง บริเวณผิวจะเปนหินตะกอน ชั้นหินไซอัลน้ีจะมีเฉพาะ
เปลือกโลกสวนที่เปนทวีปเทาน้ัน สวนเปลือกโลกที่อยูใตทะเลและมหาสมุทร (แนวตอบ โครงสรางโลก ประกอบดวยเปลือกโลก เปนสวน
จะไมมีหนิ ชั้นน้ี ชั้นบนสุดของโลก แกนโลก เปนสวนชั้นในสุดของโลก ประกอบ
2 ไซมา (SIMA) ช้ันท่ีอยูใตหินช้ันไซอัลลงไป สวนใหญเปนหินบะซอลต ดวยธาตุเหล็กและนิกเกิลเปนสวนใหญ เนื้อโลก เปนสวนที่อยู
ประกอบดวยแรซลิ กิ า เหลก็ ออกไซด และแมกนเี ซียม หอหมุ ทง้ั พน้ื โลกทีอ่ ยใู น ถดั จากแกน โลก ประกอบดว ยแมกนเี ซยี มและเหลก็ เปน สว นใหญ)
ทะเลและมหาสมทุ ร
T28
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
1.2 การเล่ือนของทวปี ขน้ั สอน
การเคล่ือนของทวีปเกิดบริเวณส่วนของแผ่นธรณีภาคซ่ึงเป็นช้ันหินแข็งท่ีลอยอยู่บนฐาน ขนั้ ที่ 1 การตงั้ คาํ ถามเชงิ ภูมศิ าสตร
ธรณภี าคและแมกมา เปน็ หนิ หนดื ทร่ี อ้ นและหลอมเหลว เมอื่ แมกมาเคลอ่ื นไหวเนอื่ งจากการถา่ ยเท
พลังงานความรอ้ น สง่ ผลให้แผ่นธรณีภาคเคลอ่ื นทอ่ี ยา่ งชา้ ๆ ตลอดเวลา 3. ครูใหนักเรียนดูคลิปวิดีโอท่ีเกี่ยวของกับ
การเลื่อนของทวีปหรือทฤษฎีประกอบการ
ทฤษฎกี ารเลอ่ื นของทวีป เล่ือนไหลของทวีป จากอินเทอรเน็ต และ
ขอมูลประกอบจากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร
อัลเฟรด เวเกเนอร์ (Alfred Wegener) นักฟิสิกส์ชาว ม.4-6 แลวรวมกันแสดงความคิดเห็นตาม
เยอรมนั เปน็ ผเู้ สนอทฤษฎีการเลอ่ื นของทวีป (continental drift) ประเด็น เชน
ซึ่งเป็นท่ียอมรับกันโดยท่ัวไป มีสมมติฐานว่า แผ่นธรณีภาค • เพราะเหตุใด แผนธรณีภาคของโลกเม่ือ
มีการเล่ือนไหลช้า ๆ ตลอดเวลา นับต้ังแต่โลกเย็นตัวลง มีทงั้ 250 ลานปกอน จงึ มีความแตกตางจากใน
การชนกนั การมดุ ลงใตแ้ ผน่ เปลอื กโลกอน่ื การแยกออกจากกนั ปจ จบุ นั
หรอื การเฉอื นกนั ในแนวระนาบทเ่ี กดิ ขน้ึ ตง้ั แตม่ หายคุ พรแี คมเบรยี น (แนวตอบ เพราะแผน ธรณภี าคทเี่ ปน ของแขง็
(Precambrian) เวเกเนอร์ได้น�าเสนอช่วงเวลาทางธรณีวิทยา ของโลก เปนช้ันหินที่ลอยอยูบนฐานธรณี
หลงั จากมหี ลกั ฐานของฟอสซลิ ทช่ี ดั เจน โดยแบง่ เปน็ 5 ชว่ ง ดงั น้ี อัลเฟรด เวเกเนอร์ ภาคและแมกมารอ นทมี่ กี ารหลอมเหลวและ
มีการเคลื่อนตัวอยางตอเน่ือง อันมีสาเหตุ
เมื่อ 250 ล้านปีมาแล้ว เปลือกโลกเชื่อมต่อ มหมาสหา ุมสท ุมรทัพรน ัพทนา ัลทาส ัลซาสซา จจีี ยย มหมาสหมาสทุ มรทุเทรทเทสิ ทสิ จากการถายเทพลังงานความรอน ทําให
กนั เปน็ ผนื แผน่ ดนิ ขนาดใหญเ่ พยี งผนื เดยี วครอบคลมุ แผนธรณีภาคคอยๆ เคลื่อนท่ีอยางชาๆ
ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ เรียกว่า แผ่นดินพันเจีย ัพ ัพ น น เ เ ตลอดเวลา ดงั นน้ั จงึ เปน สาเหตทุ ที่ าํ ใหแ ผน
(Pangea/Pangaea) และด้านตะวันตก มีมหาสมุทร ธรณภี าค หรอื แผน เปลอื กโลกมกี ารเคลอ่ื นท่ี
พันทาลัสซา (Panthalassa Ocean) ด้านตะวันออก ไปเร่ือยๆ จนเกิดการชนกัน มุดเกยกัน
มีมหาสมทุ รเททสิ (Thethys Ocean) หรือแยกตัวออกจากกัน จึงทําใหแผนธรณี
ภาคของโลกเม่ือ 250 ลานปกอน มีความ
2255ย00คุ เลลพาาอนนร์เปปมกกยี นออ นน(Pe((PPrmeeirrammn)iiaann)) แตกตางจากในปจจุบนั เปนอยางมาก)
เมอ่ื ประมาณ200 ลา้ นปมี าแลว้ แผน่ ธรณภี าค มหมาสหา ุมสท ุมรทัพรน ัพทนา ัลทาส ัลซาสซา แแผผนนดดนิินลลออเเรรเเซซยียี แแผผนน ดดนินิ ลลออเเรรเเซซยีีย
ค่อยแยกออกจากกนั เกิดแผน่ ธรณภี าคขนาดใหญ่ 2 แแผผนน ดดนินิ กกออนนดดวว าานนาา ททะะเเลลเเททททสิิส
แผ่น คอื แผน่ ดินลอเรเซยี (Laurasia) ทางซกี โลก แแผผนน ดดนินิ กกออนนดดวว าานนาา ททะะเเลลเเททททสสิิ
เหนอื และแผน่ ดนิ กอนดว์ านา(Gondwanaland) ทาง 2200ย00ุคไลลทาารแนนอปปสกก ซออิกนน(Tr((iTTasrriisaaicss)ssiicc))
ซกี โลกใต้ และยงั คงมมี หาสมทุ รพนั ทาลสั ซาทางดา้ น ออินินเเดดียยี
ตะวันตก และทะเลเททิส (Tethys Sea) อยู่ทาง ออออสสเเตตรรเเลลียยี
ด้านตะวันออก
114455 ลลาา นนปปกกออนน ((JJuurraassssiicc))
ขอ สอบเนน การคิด 27
หลกั ฐานทางธรณีวทิ ยาขอใดท่ีสนบั สนนุ วาทวีปตา งๆ ใน เกร็ดแนะครูครอู ธิบาย ทวปี เลอื่ น (cออoเเมมnรรกิิกtาาinใใตตe ntaแแแแlออผผdแแฟฟนนผผisรรดดนนpกิกิ ินินดดlาาaินนิ cยยeููเเรรmออเเินนิ ชชเเออeดดออยียี ียยีnสสเเtตต)รรเเลลเพีียย ิ่มเตมิ วา ธรณีภาค
ปจจบุ นั แตเ ดิมเปนผืนแผนดนิ เดยี วกัน
ประกอบดวยแผนภาคพื้นทวีปแ6655ละลลแาานนผปปนกกภออนนาค((CCพrrื้นeettมaaccหeeาoouuสssม)) ุทร ถูกรองรับดวยฐาน
1. รอยตอของแผน ธรณีภาค มพธแหรผีรกื้นณือนาทมภีรเวปุดเาีปคลคเแขลือกลา่ือกบั หะนโสแาลตว กผกนัวันนเภขนภมาออื้ าีทยงโค้ังลใเปพลนกลัื้กนทโลอออืษสเี่ เเปมมกกออมณรรเเนโมมกิกิุทละรราาหสกิกิเเรกกหหาานิงนนใใาตต�อ�อหผแจรนลลาเควดกืใหสลน(รื่อเmั้แแนปปุออนอฟฟaผลตรรภgิกกิืลอัวาาิปmกกแรรaโยาะลเเ)กสสเเยทออกนนโอเเถศศดชชบออมูนูนอนนิิียยีึงยยยเเีกดดสสกลหยีียตููตาัจกรรนิ ราษออหเกออคณนสสกเเลดืตตะันรร่ือกเเเลลปแนายียี ลน รทะสเี่ทคเาล้ังลรื่อแเื่อหนผนลชนทวนภี่รขกอาอนันคง
2. รอยตอของแผน เปลอื กโลก
3. รอยตอ ของเนอื้ โลกสว นบนสดุ
4. รอยตอ ของแกนโลกสว นนอกสดุ
5. รอยตอ ของเนือ้ โลกสวนบนและสว นลาง
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. แผนธรณภี าคแตล ะแผน จะมีการ 5500 ลลาา นนแแออปปนนกกตตออาารรนนกก ตต--ิกิกาาปปจจจจบบุุ นนัั
เคลือ่ นตลอดเวลา บางแผนเคลื่อนท่ีเขาหากนั บางแผน เคล่ือนท่ี
ผา นกนั เมือ่ พิจารณาจากแผนทโ่ี ลกปจจุบนั พบวา แตละทวีปมี
รูปรางตางกันแตเม่ือนําแตละทวีปมาตอกันจะเห็นวามีสวนตอกัน
ไดเ ปนผนื เดยี วกัน เชน แผนอเมริกาเหนอื กับแผน อเมริกาใต)
T29
นาํ มหาส ุมมทหรามสหัพาุมนสท ุมรา ัทลัพรสนซัพทานา ัลทสาซัลาสซา จจีี ยย มหามสหมาสทุ มรมทุเหทราทเสทสิมททุ สิ รเททสิ สรปุ ประเมนิ
จี ย
ัพ น ัพ ัพเน นเ เ
สอน
ขขนั้น้ั ทส่ี 1อกนารตั้งคําถามเช22ิง55ภ00ูมลลศิาา นนาปปสกกตออ รนน ((PPeerrmmiiaann))มหาส ุมมทหรามสหัพาุมนสท ุมรา ัทลัพรสนซัพทานา ัลทสาซัลาสซา แแผผนนดดิินนลลออเเรรเเซซยียี เมอื่ 145 ลา้ นปมี าแล้ว แผ่นดินลอเรเซยี และ
11แแแ44ผผผ55แยนนนุคผลลดดดจนาาินินนิแู นนดรกกกสปปนิอออซกกนนนลกิ ออ1ดดดอ(นนวววJเuาาาร((rนนนเaJJซาาาsuusียrrทททiaacะะะอออss)เเเินนิินssลลลอออเเเiiเเเccอออดดดทททสสส))ยยีีียทททเเเตตตสิสิสิ รรรเเเลลลียยีีย แผน่ ดินกอนด์วานาเริ่มแยกจากกนั แผน่ ดินลอเรเซยี
4. ครูใหนกั เรยี นรวมกัน25ศ0ึกลษาานปGกeอนo (TPipermเกiaย่ี nว) กบั เร่ิมแยกออกเป็นแผ่นทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือ
5. คปวรทจหวิเรารวลคมอูะีปกักรกกาหใฐาจนันอานะนบแชนังหาํสกวทสภแดงาี่สือาเลรงวนพเตคะลรับหั้งวเียารสคารตนียนมาอํื างถแุคนงลภาผ22ดิทๆแแแ00ํมาูนมเฤ00ผผผดหเทิศนนนชษแแแมลลั็นบดดดท่ีผผผาิงฎาาาเินนินิกภนนนนนแี่สพใีกกกกปปาสดดดหมูต่ิมอออากกรินินินดิศนนนรรเออเลลลตงดดดเาักลนนลอออกวววสมิเื่มอาาาเเเื่อ((ารตรรรTTนนนน.ียรนเเเrr4าาารซซซiiเขนaaข-ลยียียีทททssอ6ทออื่ssะะะงเเเiiงดนccลลลทท))แเเเลขทททลววออทททีีปปสิสิิสวงง 145 ลานปกอ น (Jurassic) ส่วนแผ่นดินกอนด์วานามีแผ่นดินอเมริกาใต้และ
แอฟริกายังติดกันอยู่ แต่แผ่นดินอินเดียเคล่ือนข้ึน
200 ลา นปกอ น (Triassic) ทิศเหนือ ส่วนแผ่นออสเตรเลียยังติดอยู่ข้ัวโลกใต้
ปลายยคุ เกดิ มหาสมุทรแปซิฟิก
ออเเมมรรกิิกาาใใตต แแแแแแอออผผผแแแฟฟฟนนนผผผรรรดดดนนนกิิกิกินิินนดดดาาานิินินยยยเููเเู รรรอออเเเนิินินชชชเเเออดดดออยีียียีียยยี สสเเตตรรเเลลยียี
อเมรกิ าใต เมอื่ 65 ลา้ นปมี าแลว้ แผน่ เปลอื กโลกแยกออก
จากกันมากข้ึน เกิดเป็นแผ่นดินยูเรเชียกับแผ่นดิน
6655ลลยาาคุนนคปปรกกเี ทออเชนนยี ส((2CC(Crreerettaataccceeeooouuอuอsssส)))เตรเลยี แอฟริกา ส่วนอเมริกาใต้แยกออกจากแอฟริกาอย่าง
ออเเมมรริกิกาาเเหห6นน5�อ�อลานปกอ น (Cretaเเออcเเeชชoยยีี us) ชดั เจน แผ่นดนิ อินเดยี เลื่อนไปทางเหนือมากข้นึ แต่
เสเอนเศชออนู ินินียยเเดดสยียี ูตร ออสเตรเลยี ยงั คงอยทู่ ขี่ ว้ั โลกใต้ เมอ่ื มกี ารเกดิ แผน่ ดนิ
อเมรกิ าเหนอ� แแออฟฟรรกิิกาา ใหมม่ ากขน้ึ จึงเรมิ่ มมี หาสมุทรใหม่เกิดขึ้น
ออเเมมรริกิกาาใใตต แอฟริกา เสน ศอูนินยเดส ียตู ร
อเมรกิ าใต แผน่ ดนิ ยงั คงมกี ารเลอื่ นไหลอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จน
เสน ศนู ยสูตร ออออสสเเตตรรเเลลยยีี เมื่อประมาณ 55 - 50 ลา้ นปที ่ีผา่ นมา แผ่นดนิ อินเดีย
เร่ิมชนกับแผ่นดินยูเรเชีย ซึ่งคือ เอเชียในปัจจุบัน
5500 ลลาานนแแแอออปปนนนกกตตตออาาารรรนนกกก ตตต--กกกิิิ าาาปปจจจจุบบุ นััน ออสเตรเลีย ทา� ใหเ้ กดิ เทอื กเขาหมิ าลยั ขน้ึ จนถงึ ปจั จบุ นั จงึ เกดิ เปน็
แผ่นธรณีภาคหรือแผ่นเปลือกโลกใหญ่ถึง 15 แผ่น
5050ลลา ้านนปปก ที อผ่ี นา่ น-มาปจจนจถุบงึ ปนั ัจจุบัน ที่เป็นลักษณะของแผ่นทวีปและแผ่นมหาสมุทรเช่น
ในปจั จบุ นั และในอนาคตการเล่ือนไหลของทวปี จะยงั
คงเกิดขึ้นตอ่ เนอื่ งกนั ไป
GTeipo
หลกั ฐานทสี่ นบั สนนุ ทฤษฎกี ารเลอ่ื นของทวปี คอื การพบซากดกึ ดา� บรรพข์ องไดโนเสารห์ ลายชนดิ
เช่น มีโซซอรสั (Mesosaurus) พบในทวปี อเมรกิ าใต้และแอฟรกิ าเทา่ น้ัน จึงสนั นิษฐานว่าทวีปทั้งสอง
อาจจะเคยเชือ่ มตอ่ กันมากอ่ น
28
นักเรียนควรรู กิจกรรม ทาทาย
1 ยุคจูแรสซิก เปนยุคกลางของมหายุคเมโซโซอิก เปนยุคที่ไดโนเสาร จากทฤษฎกี ารเลอ่ื นของทวปี ใหน กั เรยี นสบื คน ขอ มลู เพม่ิ เตมิ
เจริญเต็มที่หรือยุคไดโนเสารครองโลก ไดโนเสารบินไดเร่ิมพัฒนาเปนสัตวปก เกีย่ วกบั ลกั ษณะเดนของสิง่ มีชวี ติ และทางธรณีวิทยา คนละ 1 ยุค
จาํ นวนนก ในปา ยงั เปน พชื ไรด อก ประเทศไทยมหี นิ ทอ่ี ยใู นยคุ จแู รสซกิ หลายแหง แลววาดภาพจาํ ลองของยุคนัน้ ประกอบ
โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลักฐานทางโบราณคดีพบวา
หินจูแรสซิกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสวนใหญจะอยูในหินชุดโคราช และ ตัวอยาง ยุคจูแรสซิก เมื่อ 145 ลานปมาแลว เมื่อแผนดิน
บางสวนของหมวดหินภูพาน รองรอยไดโนเสารแรกๆ ที่มีการคนพบ ไดแก พันเจียแยกตัว ทําใหเกิดหมูเกาะมากมาย มีความอุดมสมบูรณ
รอยเทา ของคารโนซอรบ นภูเวยี ง ท้ังผืนปา มหาสมุทร แผนดินปกคลุมดวยพืชพวกสน เฟรน
2 ยคุ ครเี ทเชยี ส เปน ยคุ สดุ ทา ยของมหายคุ เมโซโซอกิ มสี งิ่ มชี วี ติ ทเี่ กดิ ขน้ึ ใหม และตนไมขนาดใหญ ซึ่งพืชเหลาน้ีเปนอาหารของไดโนเสาร
ไดแ ก งู นก และพชื มดี อก ไดโนเสารว วิ ฒั นาการใหม นี อ ครบี หลงั และผวิ หนงั หนา นอกจากน้ี ในยุคจแู รสซกิ ยังพบไดโนเสารข นาดใหญท ส่ี ุดอีกดว ย
ไวป องกันตวั และในปลายยุคครีเทเชียสไดโนเสารไ ดส ญู พันธไุ ปจากโลก
T30
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
1.3 การเปล่ียนแปลงของธรณีภาค ขน้ั สอน
โลกมกี ารเปลย่ี นแปลงทง้ั จากแรงภายในเปลอื กโลกและภายนอกเปลอื กโลกมาเปน็ เวลานาน ขัน้ ที่ 1 การต้งั คําถามเชิงภูมิศาสตร
และต่อเนื่องตลอดเวลา เป็นการปรับระดับของเปลือกโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงภายในโลก
ท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต�าแหน่ง โครงสร้าง และลักษณะของเปลือกโลกจากการเคล่ือนท่ีของ 6. ครูใหนักเรียนดูคลิปวิดีโอเกี่ยวกับธรณีภาค
แผน่ ธรณภี าคอย่างช้า ๆ ทเี่ กิดจากการไหลเวียนของพลังงานความร้อนของแมกมาในเปลือกโลก ท่ีมีการเปลี่ยนแปลงในบริเวณพื้นท่ีตางๆ
หรือจากการไหลหรอื ปะทุของแมกมาออกมานอกเปลือกโลกทเี่ กดิ ขึน้ ได้อย่างช้า ๆ จนถงึ แบบเร็ว ของโลก จากน้ันสอบถามความคิดเห็นของ
และรนุ แรง มีผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงทางธรณีภาคระดบั กวา้ ง เชน่ ท�าใหเ้ ปลอื กโลกยกระดบั สูงขน้ึ นักเรียนเก่ียวกับสาเหตุการเกิด บริเวณพื้นท่ี
หรือลดระดบั ต่า� ลง การเกิดภเู ขาไฟ การเกิดเทอื กเขา โครงสรา้ งทางธรณวี ิทยา ท่เี กดิ และผลกระทบทเ่ี กิดข้นึ
การเปล่ียนแปลงทางธรณีภาคท่ีเกิดข้ึนบนพ้ืนผิวโลก เน่ืองจากแรงโน้มถ่วงและตัวกระท�า 7. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น
ตา่ ง ๆ เชน่ การผุพงั อยู่กับท่ีของหนิ และแร่ การเคลือ่ นยา้ ยมวลดินและหนิ ในพน้ื ท่มี คี วามลาดชนั เกี่ยวกับการเคล่ือนท่ีของแผนธรณีภาค จาก
สงู เช่น หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกัน
อภิปรายเพิ่มเติมตามประเด็นลักษณะการ
1) กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก เกิดจากพลังงานความร้อนภายในโลก เคล่ือนที่ของแผนธรณีภาค โดยที่ครูแนะนํา
เพิ่มเติม อันไดแก
ท�าให้เกิดการไหลของมวลแมกมาร้อนและข้นหนืดใต้เปลือกโลก หรือเกิดการปะทุของแมกมา • การเคลอื่ นที่ของแผน ธรณภี าคลเู ขาหากนั
ออกมาบนพนื้ ผวิ โลก การเปลย่ี นแปลงนที้ า� ใหเ้ ปลอื กโลกแตกออกเปน็ แผน่ และเคลอ่ื นที่ในลกั ษณะ • การเคลอ่ื นที่ของแผนธรณีภาคแยกจากกนั
ตา่ ง ๆ รวมท้งั กอ่ ใหเ้ กดิ แผน่ ดินไหว การปะทุของภเู ขาไฟ การบบี อดั ทา� ให้เกดิ โครงสร้างคดโค้ง • การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคตามแนว
รอยเลอื่ น และการแตกหกั ของหนิ ระดบั
แผ่นดนิ ทถี่ กู ยกตวั ขน้ึ หลังจากเกดิ แผน่ ดนิ ไหวขนาด 7.8 ท่เี กาะใต้ ประเทศนวิ ซแี ลนด์ เมอื่ พ.ศ. 2559
29
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ลักษณะภูมิประเทศตามขอใดเกิดจากแผนธรณีภาคพ้ืนทวีป ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับกระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลกทําใหเกิด
เคลือ่ นท่ชี นกัน ปรากฏการณที่สงผลกระทบตอพ้ืนผิวโลก เชน การเกิดแผนดินไหว เปนผล
สืบเนื่องจากการเคลือ่ นตัวของเปลือกโลก บรเิ วณแนวรอยเล่ือนของเปลือกโลก
1. ทะเลแดง การปะทุของภูเขาไฟ แผนดินอาจสั่นสะเทือนเล็กนอย หรือสั่นสะเทือนรุนแรง
2. หมเู กาะญปี่ นุ บริเวณศูนยกลางกําเนิดแผนดินไหว ซึ่งทําใหบริเวณน้ันไดรับความเสียหาย
3 ทะเลสาบมาลาวี มากที่สุด แตเม่ือการแผกระจายคลื่นความไหวสะเทือนหางจากศูนยกําเนิด
4. เทอื กเขาแอนดสี แผนดนิ ไหวออกไป ความส่นั สะเทือนและความเสียหายจะลดลง
5. เทอื กเขาหมิ าลยั
T31
(วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 5. เทือกเขาหิมาลัยเกดิ จากแผน ธรณี
ภาคแผนอินเดียเคล่ือนท่ีมุดชนกับแผนธรณีภาคยูเรเชีย สวน
ทะเลสาบมาลาวี ทะเลแดง เกิดจากแผนธรณีทวีปเคล่ือนท่ีออก
จากกนั หมเู กาะญป่ี นุ เกดิ จากแผนธรณมี หาสมทุ รเคล่อื นที่ชนกนั
เทอื กเขาแอนดสี เกดิ จากแผน ธรณมี หาสมทุ รชนกบั แผน ธรณที วปี )
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 1.1) การเคล่ือนท่ีของแผนธรณีภาค การเคล่ือนท่ีของแผนธรณีภาค ท้ังสวนที่
เปน เปลือกโลกภาคพน้ื ทวปี เปลือกโลกภาคพืน้ มหาสมทุ ร และสวนเน้อื โลกช้นั บนสดุ มที ง้ั ขนาด
ขัน้ ท่ี 1 การต้งั คาํ ถามเชงิ ภมู ิศาสตร ใหญแ ละขนาดเลก็ มกี ารเคลอ่ื นทแี่ บบเคลอื่ นเขา หากนั หรอื ชนและมดุ เขา หากนั แยกจากกนั หรอื
เคล่อื นสวนกันในแนวระนาบตลอดเวลา โดยมอี ัตราความชา เร็วตางกัน
8. ครูใหนักเรียนรวมกันศึกษาภาพประกอบ
หรือคลิปวิดีโอเก่ียวกับการเคลื่อนท่ีของแผน 1. การเคล่อื นท่ขี องแผน ธรณีภาคเคลื่อนหากนั เกิดไดเปน 3 แบบ
ธรณีภาค ทั้ง 3 ลักษณะ จากหนังสือเรียน
ภมู ศิ าสตร ม.4-6 หรอื จากแหลง การเรยี นรอู นื่ ๆ เหวสมุทร 1
เชน หนงั สอื ในหอ งสมดุ เวบ็ ไซตใ นอนิ เทอรเ นต็
เพิ่มเติม โดยครูอาจสนทนาประกอบการ เปลอื กโลกภาคพ้นื สมทุ ร เปลือกโลกภาคพ้นื ทวีป
ซกั ถามกบั นกั เรียนเพมิ่ เตมิ เชน เนื้อโลกช้นั บนสดุ เนอ้ื โลกช้นั บนสดุ
• แผนเปลือกโลกท่ีเราอาศัยอยูมีลักษณะ
สําคัญอยา งไร เนื้อโลกสวนบน
(แนวตอบ แผนเปลือกโลกที่เราอาศัยอยู
โดยเฉพาะสวนท่ีเปนเปลือกโลกภาคพื้น การเคลื่อนหากนั ระหวา งเปลอื กโลกภาคพืน้ มหาสมุทรกบั เปลือกโลกภาคพ้นื ทวปี
ทวีป สวนใหญเปนแผนเปลอื กโลกชนั้ ไซอัล
ทีม่ หี ินแกรนิตเปนสว นประกอบหลกั และมี เปลอื กโลกภาคพน้ื สมทุ ร 2
แรซ ลิ ิกอนและอะลมู เิ นียม นอกจากนี้ ยังมี เหวสมุทร
แผน เปลอื กโลกชนั้ มาไซซงึ่ เปน สว นลา งของ
ภาคพ้ืนทวีป ทะเลและมหาสมทุ ร โดยมีหนิ ชเน้ันอ้� บโนลกสดุ เปลือกโลกภาคพน้ื ทวปี เปลอื กโลก
บะซอลตเปนสว นประกอบหลกั ) เนอ้� โลกสวนบน เน้ือโลกช้ันบนสดุ ภาคพื้นทวีป
• ปจจัยสําคัญที่สงผลใหแผนเปลือกโลกเกิด
การเคล่อื นตัว คืออะไร การเคล่ือนหากันระหวา งเปลอื กโลกภาคพน้ื มหาสมทุ ร เปลอื กโลก 3
(แนวตอบ ความหนาแนน เปน ปจ จัยสําคัญท่ี ภาคพืน้ ทวปี
สงผลใหแ ผนเปลือกโลกเกิดการ เคล่ือนตัว ที่ราบสูง
โดยเปลือกโลกช้ันไซมาท่ีมีความหนาแนน เทอื กเขา
มากกวาช้ันไซอัลจึงมักจะมุดตัวลงใตช้ัน
ไซอัล กอใหเกิดการเคล่ือนตัวของแผน เนือ้ โลกช้นั บนสุด เน�้อโลกช้นั บนสุด
เปลอื กโลกและแผนดนิ ไหว) เนอ้ื โลกสว นบน เปลอื กโลก
ภาคพนื้ สมุทรโบราณ
การเคลอ่ื นหากนั ระหวางเปลือกโลกภาคพนื้ ทวีป
เม่ือแผนเปลือกโลกเคลื่อนเขาหากัน เปลือกโลกท่ีมีความหนาแนนมากกวามุดเขาไป
ใตเปลือกโลกท่ีมีความหนาแนนนอยกวาและหลอมละลายหากมีความลึกมากจนถึงช้ันแมกมา
และมักทําใหเปลือกโลกอีกดานหนึ่งถูกอัดและผลักดันใหคอย ๆ สูงชันขึ้นจนเปนเทือกเขา เชน
การเคล่ือนเขาหากันระหวางเปลือกโลกภาคพ้ืนมหาสมุทร ทําใหเกิดหมูเกาะภูเขาไฟกลาง
มหาสมทุ รเปนแนวโคง
30
เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทา ทาย
ครูอธิบายการเคลื่อนท่ีเขาหากันของเปลือกโลก เชน แผนเปลือกโลก ใหนกั เรยี นจาํ ลองการเคล่อื นทขี่ องแผนธรณีภาคแบบ
ภาคพ้ืนมหาสมุทรชนกับแผนเปลือกโลกภาคพ้ืนทวีป แผนเปลือกโลก • การเคลื่อนหากันระหวางแผนเปลือกโลกภาคพื้นสมุทรกับ
ภาคพ้ืนสมุทรเปนหินบะซอลต มีความหนาแนนมากกวาแผนเปลือกโลก เปลือกโลกภาคพ้นื ทวปี
ภาคพ้นื ทวปี ซ่ึงเปนหนิ แกรนติ เม่ือแผนธรณีทง้ั สองปะทะกนั แผนเปลอื กโลก • การเคล่อื นหากนั ระหวางเปลอื กโลกภาคพน้ื มหาสมุทร
ภาคพื้นสมุทรจะจมตัวลงและหลอมละลายเปนหินหนืด เน่ืองจาก หินหนืด • การเคลื่อนหากนั ระหวา งเปลือกโลกภาคพ้นื ทวีป
มีความหนาแนน นอยกวา เนื้อโลกในชนั้ ฐานธรณีภาค จึงยกตัวข้ึนดนั เปลอื กโลก • การเคลือ่ นท่ีแยกจากกันของเปลือกโลกภาคพืน้ มหาสมทุ ร
ทวีปใหกลายเปนเทือกเขาสูง เกิดแนวภูเขาไฟเรียงรายตามชายฝง ขนานกับ • การเคลื่อนแยกจากกนั ของเปลือกโลกภาคพื้นทวีป
รองลึกกนสมทุ ร เชน การเกิดเทือกเขาแอนดีสในทวปี อเมรกิ าใต
T32
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2. การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภาคแยกจากกัน เป็นการเปิดแนวรอยต่อให้ ขนั้ สอน
แมกมาไหลหรอื เกดิ ภูเขาไฟปะทุขน้ึ มา สว่ นมากเกิดใต้มหาสมทุ ร
ขน้ั ท่ี 1 การต้งั คําถามเชงิ ภูมศิ าสตร
เทอื กเขาแยกจากกันเกดิ หินใหมข ้ึนบริเวณน้�
และแผน เปลือกโลกถกู ผลักใหแยกจากกนั 9. ครูใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถาม
เชิงภูมิศาสตรเก่ียวกับธรณีภาคและการ
เปลอื กโลกภาคพ้นื มหาสมทุ ร ภเู ขาไฟเกิดขนึ้ ใกลแ นวเทอื กเขา หบุ เขาทรดุ 1 ภูเขาคลิ ิมันจาโร เปล่ียนแปลงทางธรณีภาค เพ่ือคนหาคําตอบ
ภูเขาเลงไก เชน
• การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกมี
หนิ หลอมเหลวไหลขน้ึ ไป แมกมา กระบวนการอยางไร
ระหวางแผน เปลอื กโลก แมกมา การเคลื่อนแยกออกจากกันระหว่างเปลือกโลก • การเปลยี่ นแปลงภายในเปลอื กโลกสง ผลตอ
ลกั ษณะทางกายภาพอยา งไร
การเคล่อื นทีแ่ ยกจากกันระหวา่ งเปลือกโลก ภาคพ้ืนทวปี • การเปล่ียนแปลงบนเปลือกโลกสงผลตอ
ภาคพนื้ มหาสมทุ ร ลักษณะทางกายภาพของโลกอยางไร
• ประเทศไทยประสบปญ หาการเปลยี่ นแปลง
การเคลื่อนที่แยกจากกันของเปลือกโลกภาค การเคลื่อนท่ีแยกจากกันของเปลือกโลก ทางธรณีภาคในประเดน็ ใดมากทสี่ ุด เพราะ
ภาคพื้นทวีป เมื่อมีการแยกออกจากกันอาจเกิด เหตใุ ด
เพกน้ื ิดมเปหา็นสแมนุทวรส 2ัน เแขผา่นใต ม้มแี หมากสมมาุทไหร2ล ป(mะทidขุ ้ึนoมcาeจaนn การยบุ ลงของแผน่ ดนิ เชน่ เกรตรฟิ ตแ์ วลลยี ์(Great
Rift Valley) ทางตะวนั ออกของทวปี แอฟรกิ า
ridge) เชน่ บรเิ วณสนั เขาใตม้ หาสมทุ รแอตแลนตกิ
3. การเคลอื่ นทข่ี องแผน่ ธรณภี าคตามแนวระดบั เปน็ การเคลอื่ นทขี่ องเปลอื ก
โลกสองแผน่ สวนทางกันในแนวระนาบ อาจท�าใหเ้ กิดการสั่นสะเทอื นหรือแผน่ ดินไหวรนุ แรง และ
เกดิ รอยเลอื่ นตามแนวระดบั ขนาดใหญ่ เชน่ ทา� ใหเ้ ทอื กเขาเลอ่ื นแยกจากกนั ถนนหรอื สง่ิ กอ่ สรา้ ง
แตกและแยกจากกนั พบมากจากการเคลอื่ นทข่ี องเปลอื กโลกภาคพนื้ มหาสมทุ ร แตก่ พ็ บไดร้ ะหวา่ ง
เปลือกโลกภาคพ้นื ทวีป เชน่ รอยเลื่อนแซนแอนเดรียส (San Andreas) ในทวีปอเมริกาเหนอื
เขตรอยแตก รอยเล่อื นตามแนเวขรตะรดอับยแตก หินใกลข้ อบแผน่ แผน่ เปลอื กโลก
เปลือกโลก เคล่ือนท่ตี าม
เกดิ รอยเลอื่ น แนวระดับ ท�าให้
และเอยี ง เกดิ แผน่ ดนิ ไหว
ก ารเคลอื่ นทต่ี ามแนวระดบั ระหวา่ งเปลอื กโลก การเคลื่อนท่ีผ่านกันระหว่างเปลือกโลก
ภาคพน้ื มหาสมทุ ร ภาคพ้ืนทวปี กับเปลอื กโลกภาคพน้ื ทวปี
31
ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
การเคล่ือนที่ของแผนธรณีภาคตามแนวระดับ สงผลใหเกิด 1 หุบเขาทรุด (Rift Valley) เปนพนื้ ท่รี าบตํ่า ลักษณะเปน สนั ยาว ขนาบขา ง
ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศแบบใด ดวยพื้นที่ราบสูงหรือแนวเทือกเขา เกิดจากแผนเปลือกโลกขยายตัว เน่ืองจาก
แรงดึงดูดทางกระบวนการแปรสัณฐาน สงผลใหเกิดรอยแตกท่ีผิวเปลือกโลก
1. ภเู ขา เกดิ ไดท้งั บนแผน ทวีปและมหาสมุทร
2. หมเู กาะ 2 สันเขาใตมหาสมุทร เกิดจากแรงดันในช้ันฐานธรณีภาคดันใหแผนธรณี
3. เกดิ รอยแยก มหาสมุทรยกตัวข้ึนเปนสันเขาใตสมุทร แลวเกิดรอยแตกที่สวนยอด แมกมา
4. เกดิ รอยเลอ่ื น ผลกั ใหแ ผน ธรณมี หาสมทุ รแยกออกจากกนั เชน สนั เขาใตม หาสมทุ รแอตแลนตกิ
5. เกดิ การทบั ถม
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การเคล่ือนท่ีของแผนธรณีภาค
ตามแนวระดับเปนการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกสองแผนสวนทาง
กนั ในแนวระนาบ ทาํ ใหเ กดิ การสนั่ สะเทอื น เกดิ แผน ดนิ ไหวรนุ แรง
และเกดิ รอยเลอื่ นขนาดใหญ)
T33
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 20 ํN 20 ํS 2,000 4,00ก0ม.
ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล แ ผอนเม ิรกา 60 ํN โแคโ ผคนส 0 ํ แ ผน 40 ํS เขตรอยเล่ือนตามแนวระ ัดบ
ฮวนแเ ผดน ูฟกา เห �นอ 40 ํN ันซกา 60 ํS
1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขอมูลเกี่ยวกับ
การเปลย่ี นแปลงทางธรณภี าค ประกอบการใช แผแนผ ่ีทนแท่ีสแดสงแดง่ผแนเผปน ืลเอปกลืโอลกกโส�ลากัคสญำ ัคญ แผน ฟ ิลปปน 80 ํS 0 เขตรอยเลื่อนชน ักน
เครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร เชน แผนทแ่ี สดงแผน 40 ํW 0 ํ 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE 160 ํW 120 ํW แ ผ น แ ป ซิ ฟ ก
เปลอื กโลกสาํ คญั จากหนงั สอื เรยี น ภมู ศิ าสตร 80 ํN 80 ํN 80 ํW
ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ ใน แ ผนอินโด - ออสเตรเลีย
ประเดน็ ตอ ไปน้ี แ ผ น ยู เ ร เ ีช ย แ ผ น แ อ น ต า ร ก ติ ก ทิศทางการแยกออกจาก ักนของแผนเป ืลอกโลกรอยแยกใ ตพื้นมหาสมุทร ทิศทางการมุด ัตวของแผนเป ืลอกโลก
• กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก แ ผนอาห ัรบ
• กระบวนการปรบั ระดบั พ้นื ผิวโลก แ ผนแอฟริกา 80 ํW 40 ํW 0 ํ 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE 160 ํW 120 ํW ขอบเขตแผนเปลือกโลก รอง ึลกกนสมุทร
2. ครูอาจถามคําถามประกอบการสืบคนของ 40 ํS 80 ํS
นกั เรยี นเพ่ิมเติม เชน
• จากแผนที่แสดงแผนเปลือกโลกท่ีสําคัญ 60 ํN แผนอเมริกา 20 ํN แคริแบผเนบียน 0ํ แ ผนสโกเชีย 1 : 160,000,000
และทศิ ทางการเคลอื่ นทขี่ องแผน เปลอื กโลก เห �นอ
สงผลตอลกั ษณะภมู ปิ ระเทศอยา งไรบาง แ ผนอเมริกาใต N 60 ํS
(แนวตอบ การเคล่ือนที่ของแผนเปลือกโลก
ขนาดใหญจากมวลหินหนืดดานลางกอให 20 ํS
เกิดลักษณะภูมิประเทศแบบเทือกเขาและ
ภูเขาไฟใตทะเลเปนสวนใหญ เชนเดียวกับ
ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทป่ี รากฏบนภาคพนื้ ทวปี
คือ เทือกเขาสูงท่ีวางตัวทอดออกจากชุม
เขาปามรี ทางตอนกลางของทวีปเอเชยี เชน
เทือกเขาหิมาลยั เทือกเขาฮนิ ดกู ูช ฯลฯ ที่
เกิดจากการเคลื่อนท่ีในลักษณะชนกันของ
แผนเปลือกโลกยูเรเชียกับอินเดีย ทําให
แผนดนิ โกง ตัวขึ้นเปน เทอื กเขาสูงชัน)
3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเชื่อถือ
ใหกับนกั เรียนเพิม่ เตมิ
40 ํN
32
เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทาทาย
ครูสรปุ ความรเู ก่ียวกับเปลอื กโลก ดงั น้ี ใหน กั เรยี นทาํ Powerpoint จาํ ลองการเคลอ่ื นตวั ของเปลอื กโลก
1. แผน ยเู รเชยี รองรบั ทวปี เอเชยี และทวปี ยโุ รป และพนื้ นาํ้ บรเิ วณใกลเ คยี ง สืบคนขอมูลจากเว็บไซตตา งๆ แลว นาํ เสนอในช้ันเรียน
2. แผน อเมรกิ า รองรบั ทวปี อเมรกิ าเหนอื และอเมรกิ าใต และพนื้ นาํ้ ครง่ึ ซกี
ตะวันตกของมหาสมทุ รแอตแลนตกิ
3. แผนแปซฟิ ก รองรับมหาสมุทรแปซฟิ ก
4. แผน ออสเตรเลยี รองรบั ทวปี ออสเตรเลยี และประเทศอนิ เดยี และพน้ื นา้ํ
ระหวา งประเทศออสเตรเลยี กบั ประเทศจนี
5. แผนแอนตารก ติก รองรับทวีปแอนตารก ตกิ และพนื้ นํ้าโดยรอบ
6. แผน แอฟริกา รองรบั ทวปี แอฟรกิ า และพ้นื นํา้ รอบๆ ทวีปแอฟรกิ า
T34
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
1.2) การเกดิ แผน่ ดนิ ไหว (earthquake) เปน็ การสน่ั สะเทอื นของเปลอื กโลกทเ่ี กดิ ขนั้ สอน
จากการปรบั ตัวให้เกดิ ดุลเสมอภาคของแผน่ เปลอื กโลก เป็นการปลดปล่อยพลงั งานความเครยี ดท่ี
สะสมออกมาอยา่ งรวดเรว็ จากการเคลือ่ นท่ขี องรอยเลือ่ นใต้เปลอื กโลก หรือเกดิ จากการปะทุของ ขน้ั ท่ี 3 การจัดการขอ มลู
ภเู ขาไฟ
1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
แผนที่แสดงการกระจายของขนาดแผน่ ดินไหวของโลก 80 Nํ การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรู
ระหวา งกนั
40 Eํ 80 Eํ 120 Eํ 160 ํE 160 ํW 120 Wํ 80 Wํ 40 ํW 0 ํ
80 ํN 2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
ท่ีนําเสนอเพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวม
60 Nํ 60 Nํ อภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพมิ่ เตมิ
40 Nํ 40 Nํ 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมใชสมารตโฟนคนหา
20 ํN 20 Nํ การกระจายและขนาดของแผนดินไหวใน
บริเวณพ้ืนท่ีตางๆ ของโลกเพิ่มเติม แลว
0ํ 0ํ นําขอมูลมาอภิปรายรวมกันภายในชั้นเรียน
ประกอบการใชคาํ ถาม เชน
20 ํS 20 ํS • การเกิดแผนดินไหวจากการเคลื่อนตัวของ
เปลือกโลกมลี ักษณะอยา งไร
40 Sํ 40 ํS (แนวตอบ การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกใน
บริเวณแนวรอยเล่ือนตางๆ ทําใหแผนดิน
60 ํS 60 ํS เกิดการสั่นสะเทือนซ่ึงมีระดับความรุนแรง
แตกตางกันไป ปจจัยสําคัญของระดับ
80 ํS 80 ํS ความรุนแรง ไดแ ก ลกั ษณะหรอื พลังในการ
N 1 : 230,000,000 20 Eํ 60 ํE 100 ํE 140 Eํ 180 ํ 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 Wํ 20 ํE เคล่อื นตัวของเปลือกโลก และความลึกของ
จุดศนู ยกลางแผนดนิ ไหว)
ขนาดแผนดินไหว 0 2,000 4,000 กม.
9.0 ข้นึ ไป 8.0-8.9 7.0-7.9 6.0-6.9
ทั่วโลกมีการกระจายของแผ่น
ดนิ ไหวขนาดใหญ่ ๆ โดยเฉพาะบรเิ วณทเ่ี ปน็ รอย
ต่อของแผ่นเปลอื กโลก ระหวา่ งเปลอื กโลกภาค
พนื้ มหาสมทุ รกับเปลือกโลกภาคพ้ืนทวีป เช่น
บรเิ วณรอบ ๆ แนวรอยตอ่ ของแผน่ แปซฟิ กิ หรอื
วงแหวนแหง่ ไฟ และตะวนั ออกของแผน่ อนิ โด -
ออสเตรเลีย ท่ีมีการเกิดแผ่นดินไหวบ่อยและ
รุนแรง นอกจากนี้ แผ่นดินไหวยงั เกิดตามรอย
จตุด่อรร้ะอหนว่า(งhเoปtลspือoกtโ)1ลกขภอางคเปพล้ืนือทกวโีปลกแภลาะคตพาื้มน
รอยเลือ่ นแซนแอนเดรียส รัฐแคลฟิ อรเ์ นีย สหรัฐอเมรกิ า
เป็นรอยเล่ือนขนาดใหญ่ท่ีมีพลังมากและมีโอกาสเกิด
มหาสมทุ รและเปลือกโลกภาคพ้ืนทวีปอีกดว้ ย แผน่ ดินไหวรุนแรง
33
กิจกรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู
นักเรียนสืบคนบริเวณพ้ืนที่ท่ีมีการเกิดแผนดินไหวมากที่สุด ครูใหนักเรียนดูแผนท่ี แลวใชทักษะทางภูมิศาสตรวิเคราะหการเกิด
หรือรุนแรงที่สุดในโลก โดยระบุตําแหนงลงบนแผนที่แสดง แผนดินไหวในพ้ืนท่ีตางๆ ของโลก พรอมยกตัวอยางการเกิดแผนดินไหวคร้ัง
การกระจายของขนาดแผน ดนิ ไหวของโลก พรอ มทงั้ ระบถุ งึ สาเหตุ รา ยแรงของโลก เชน แผน ดนิ ไหวทปี่ ระเทศญปี่ นุ ใน ค.ศ. 2011 ขนาด 9.0 รกิ เตอร
และผลกระทบจากเหตุการณด งั กลาว และเกดิ คลน่ื ยกั ษส นึ ามทิ ม่ี คี วามสงู กวา 40.5 เมตร ในพน้ื ทชี่ ายฝง ทางตะวนั ออก
โดยคล่ืนซัดขน้ึ มาบนชายฝง เปน ระยะทางกวา 10 กโิ ลเมตร สรา งความเสยี หาย
กับเตาปฏกิ รณของโรงไฟฟานวิ เคลียรฟ ุกุชมิ ะ ไดอิจิ
นักเรียนควรรู
1 จุดรอน (hot spot) สวนหนึ่งของพ้ืนผิวโลกที่คาดวาอยูหางจากขอบเขต
การแปรสัณฐานของเปลอื กโลก และเปน ปรากฏการณท างภูเขาไฟ เกดิ จากการ
ถายเทพลังงานของมวลท่ีแข็งและรอนในช้ันของเปลือกโลกแมนเทิล (Mantle)
ซ่ึงเปนชั้นหินหลอมเหลวใตเปลือกโลก ลักษณะปรากฏการณดังกลาวทําให
เกิดภูเขาไฟและภูเขาไฟปะทุ T35
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 1.3) การปะทุของภเู ขาไฟ (volcanic eruption) เม่อื รอยต่อระหวา่ งแผ่นเปลอื ก
โลกแยกออกจากกันหรือเคลื่อนเข้าหากัน หรือเมื่อบนเปลือกโลกมีจุดร้อน ท�าให้แมกมาปะทุ
ขัน้ ท่ี 4 การวเิ คราะหแ ละแปลผลขอมลู หรือไหลออกมาเป็นลาวา ซ่ึงขึ้นอยู่กับชนิดและองค์ประกอบของแมกมาและแรงดันท่ีอยู่ภายใต้
เปลอื กโลกบริเวณนัน้ หากเป็นแมกมาเหลว ไมม่ ีไอน้�าและแก๊สมาก ลาวาทป่ี ะทอุ อกมาจะไหลไป
1. ครูใหสมาชิกแตละกลุมวิเคราะหเพ่ิมเติม ตามความลาดของพ้ืนท่ี หรือปล่องด้านข้างของภเู ขาไฟ หากแมกมามคี วามหนืด มีไอน้�า แกส๊
ถึงลักษณะและผลกระทบของการปะทุของ และมแี รงดนั มากจะเกดิ การปะททุ รี่ นุ แรง ซงึ่ บางครง้ั ปะทขุ นึ้ ไปสงู หลายกโิ ลเมตร มมี วลไอนา้� แกส๊
ภูเขาไฟแตละรูปแบบ ตลอดจนยกตัวอยาง และเศษหินปะทุสูงขึ้นไปในบรรยากาศ แก๊สจากการปะทุของภูเขาไฟเป็นแก๊สพิษที่เป็นอันตราย
การปะทุของภูเขาไฟที่พบในแตละภูมิภาค ตอ่ สขุ ภาพของสงิ่ มชี วี ติ เศษหนิ ขนาดใหญท่ ลี่ อยขน้ึ ไปสบู่ รรยากาศจะเยน็ ลงอยา่ งรวดเรว็ และตกลง
ของโลกประกอบการวิเคราะหเชื่อมโยงกับ มาสะสมใกลป้ ลอ่ งภเู ขาไฟ สว่ นเถ้าละอองฝ่นุ ขนาดเลก็ ลอยไปไกลจากบริเวณทป่ี ะทุ
การเปล่ยี นแปลงทางธรณภี าคเพิ่มเตมิ
2. สมาชิกแตละกลุมนําขอมูลของตนเองมา
วิเคราะหถึงความเชื่อมโยงกับโครงสรางทาง
ธรณีวิทยาวา มีความเก่ียวของกันหรือไม
อยา งไร ตลอดจนยกตวั อยา งประกอบเพม่ิ เตมิ
ปากปลอ่ งภูเขาไฟ แก๊สตา่ ง ๆ
กรวยยอ่ ย CO2 NO2 SO2
ลาวาหรือหินละลาย คือ แมกมาที่ดันตัวออก
มาส่ผู ิวโลก มอี ุณหภมู ิประมาณ 900 - 1,300 C�
มวลแมกมา
(magma chamber)
การปะทขุ องภูเขาไฟ
1.4) โครงสรา้ งทางธรณวี ิทยา (geologic structure) การเคล่อื นที่ของเปลือกโลก
เขา้ หากนั ทา� ใหเ้ กดิ แรงอดั ระหวา่ งแผน่ เปลอื กโลก กอ่ ใหเ้ กดิ โครงสรา้ งทางธรณวี ทิ ยาและภมู ปิ ระเทศ
ของหินตะกอนที่โผลพ่ น้ ผวิ ดนิ ทห่ี ลากหลาย เชน่
34
เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสริม
ครูควรเปดคลิปวิดีโอสารคดีภูเขาไฟปะทุ ใหนักเรียนไดดูประกอบการ ใหนักเรียนสืบคนขาว หรือเหตุการณการปะทุของภูเขาไฟ
อธิบาย เชน จากภาพยนตรสารคดีส้ัน Twig เร่ือง การปะทุของภูเขาไฟ ในประเทศเพื่อนบาน สรุปกระบวนการเกิด และผลกระทบตอ
ท่ี http://www.twig-aksorn.com/lfi m/time-zoom-8376/ และสรปุ กระบวนการ สง่ิ แวดลอ ม
เกดิ ภเู ขาไฟปะทุ โดยใช infographic การปะทขุ องภูเขาไฟ จากหนงั สือเรยี น
ประกอบ กจิ กรรม ทา ทาย
T36 ใหนักเรียนสืบคนขอมูลการปะทุของภูเขาไฟคร้ังสําคัญ
ของโลก สรปุ กระบวนการเกดิ ผลกระทบตอ มนษุ ยแ ละสงิ่ แวดลอ ม
และวิเคราะหแนวโนมสถานการณ พ้ืนท่ีเส่ียงตอการเกิดภูเขาไฟ
ปะทุของโลก สรุปความรูเปน แผนผงั ความคิด
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
• โครงสรา้ งรอยเลอื่ น เกดิ จากการเคลอ่ื นทขี่ องเปลอื กโลกหรอื แผน่ หนิ ในแนวดงิ่ ขน้ั สอน
หรือแนวระนาบ เช่น รอยเล่อื นปกติ เป็นรอยเล่ือนทห่ี นิ เพดานเลือ่ นลงเม่ือเปรยี บเทยี บกบั หินพนื้
รอยเล่ือนย้อน เป็นรอยเลื่อนที่หินเพดานเลื่อนขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับหินพื้น ถ้ารอยเลื่อนย้อน ขน้ั ที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมลู
มคี ่ามมุ เทเทา่ กบั หรือน้อยกวา่ 45 องศา เรยี กว่า รอยเล่ือนย้อนมมุ ต่า� รอยเลอื่ นตามแนวระดบั
หรอื รอยเลอ่ื นเหลอื่ มขา้ ง เปน็ รอยเลือ่ นในหินที่สองฟากของรอยเล่ือนเคลือ่ นตัวในแนวราบ 3. ครูนําตัวอยางหินตะกอน หินอัคนี และหิน
บะซอลตมาใหนักเรียนดู พรอมท้ังสอบถาม
รอยเลอื่ นปกติ รอยเล่ือนย้อน รอยเลือ่ นตามแนวระดบั นักเรียนเก่ียวกับท่ีมา โครงสราง และความ
สัมพันธทางธรณีวิทยา จากน้ันครูแนะนํา
ขนาดของการคด•โ คโง้คตรา่งงสกรนั้างเคชดน่ โคโ้งครเงปส็นรก้างาหรคินดโคโค้งง้รคูปลป้ารยะลทกูนุ ฟคูกว่�า1หหรินอื โแคบง้ รบปู โดปมระทหุนรหอื โงดามย2กซล่ึงบั อหาัวจ เพิม่ เตมิ ประกอบการซกั ถาม เชน
มีลักษณะเป็นรูปประทุนต่อเนื่องกันคล้ายแผ่นสังกะสีมุงหลังคา ลักษณะของการคดโค้งอาจเป็น • การเกิดแผนดินไหวสอดคลองกับบริเวณ
แบบคดโค้งสมมาตร หรือคดโค้งไมส่ มมาตร หรอื คดโค้งตลบทับ หินท่มี อี ายุมากกว่า (เกดิ ก่อน) ที่เปนแนวรอยเลื่อนของแผนเปลือกโลก
อยู่ชัน้ ล่าง อยางไร
(แนวตอบ การเคลื่อนตัวในรูปแบบตางๆ
กอใหเกิดแผนดินไหวท่ีมีความรุนแรง
แตกตางกัน โดยมากแผนดินไหวท่ีรุนแรง
เกิดจากการเคล่ือนตัวในรูปแบบชน หรือ
มุดของแผนเปลือกโลก นอกจากน้ี ยังกอ
ใหเกิดลักษณะภูมิประเทศแบบตางๆ เชน
เทือกเขาในมหาสมุทร หรือเทือกเขาบน
ภาคพ้ืนทวีปอีกดวย)
โครงสร้างหนิ โค้งรูปประทุนควา่� โครงสรา้ งหินโคง้ รปู ประทุนหงาย
โครงสร้างหินโคง้ รูปประทนุ ควา�่ หนิ ทม่ี อี ายมุ ากกว่า โครงสรา้ งหนิ โคง้ รูปประทุนหงาย หินท่ีมีอายมุ ากกวา่
อยู่ด้านใน อยดู่ ้านนอก
35
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
รอยเลื่อนขอใดมีทิศทางการเคล่ือนที่เปนไปในทิศทางตาม ครูอธิบายเพ่ิมเติม ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในโลก ทําใหเกิดโครงสราง
แรงดงึ ดดู ของโลก ทางธรณีวิทยา เกดิ รอยเลอื่ นในลักษณะตางๆ
1. รอยเลอื่ นยอน นักเรียนควรรู
2. รอยเลอ่ื นปกติ
3. รอยเลือนตามแนวระดบั 1 โคง รปู ประทนุ ควาํ่ (Anticline) มลี กั ษณะเปน ชนั้ หนิ ทโี่ คง เหมอื นเอาประทนุ
4. รอยเลื่อนยอ นและรอยเลอ่ื นปกติ เรือมาวางควา่ํ ชั้นหินท่ีอยบู ริเวณใจกลางของโคงประทุนจะมอี ายุเกา แกท ส่ี ดุ
5. รอยเลอ่ื นปกติและรอยเลื่อนตามแนวระดบั 2 โคงรูปประทุนหงาย (Syncline) มีลักษณะเปนช้ันหินท่ีโคงตัวเหมือนเอา
ประทุนเรอื มาวางหงาย ชัน้ หนิ ทีอ่ ยูใจกลางของโคง ประทุนหงาย จะมีอายุนอ ย
(วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. รอยเลื่อนปกติ หมายถึง รอยเลื่อน ทสี่ ุด
ที่มีทิศทางการเคล่ือนที่เสมือนหรือไปในทิศทางตามแรงดึงดูด
ของโลก)
T37
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2) กระบวนการปรับระดับพื้นผิวโลก เป็นการปรับระดับผิวแผ่นดิน เพื่อให้ผิว
เปลอื กโลกอยู่ในสภาพสมดลุ พนื้ ทที่ เ่ี ปน็ ทสี่ งู เชน่ ภเู ขา หรอื ทส่ี งู ชนั ถกู กระบวนการทางธรรมชาติ
ขัน้ ที่ 4 การวเิ คราะหและแปลผลขอ มลู ท�าให้ลดระดับต่�าลง ในขณะท่ีพื้นที่ที่ต�่ากว่า เช่น แอ่ง หรือพื้นท่ีลุ่มจะมีตะกอนมาตกทับถมให้
สูงขึ้น การปรับระดับผิวแผ่นดินเป็นกระบวนการท�าให้เกิดการลดระดับแผ่นดินให้ต่�าลง และการ
4. นักเรียนวิเคราะหและเช่ือมโยงความสัมพันธ เพ่มิ ระดับแผ่นดินที่ท�าใหพ้ ้นื ที่ตา�่ กว่ามีระดับสงู ขึ้น ดงั นี้
ของโครงสรา งทางธรณวี ทิ ยาโดยดตู วั อยา งหนิ 2.1) การผุพังอยกู่ บั ท่ี (weathering) เปน็ กระบวนการท่ที า� ใหแ้ รป่ ระกอบหนิ เกิด
กบั กระบวนการปรบั ระดับพน้ื ผวิ โลก ระหวาง การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพและทางเคมี ผกุ รอ่ น แตกหกั ละลาย โดยไมม่ กี ารสกึ กรอ่ นหรอื พดั พา
นั้นครูอาจใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคน แต่เป็นการเปล่ยี นสภาพอยู่ ณ ทีเ่ ดิมของภูมิประเทศทเ่ี กดิ ข้ึนอยู่กอ่ นแลว้ เกดิ ใน 3 ลักษณะ ดงั นี้
เพ่ือขยายความรูเก่ียวกับการผุพังของหิน • การผุพังอยู่กับท่ีทาง
และแร จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6
เพิ่มเติม จากน้ันรวมกันตรวจสอบความ
ถูกตองของขอ มูล
กายภาพ เกิดจากแรงกดดันและอุณหภูมิเป็น
หลกั เช่น หินอัคนีทีป่ ระกอบด้วยแรห่ ลายชนดิ
เมื่อได้รับความร้อนจากแสงแดดจัด เช่น ใน
ทะเลทรายแรจ่ ะขยายตวั ไดไ้ มเ่ ท่ากนั ท�าให้เกิด
การแตกร่วงหลุดออกมา ส่วนในเขตหนาวจัด
น�้าท่ีแทรกอยู่ในร่องหินจะแข็งและขยายตัว
ท�าใหห้ ินแตกออกจากกัน
• การผุพังอยู่กับที่ทาง
การผพุ งั ของหนิ อคั นที แี่ ตกเปน็ กาบมนคลา้ ยกลบี หวั หอม เคมี เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของหิน
และแร่ เชน่ การมโี มเลกลุ ของนา�้ เขา้ ไปอย่ใู นหนิ
หรอื แร่ ทา� ใหแ้ รข่ ยายตวั และยยุ่ งา่ ยขนึ้ ออกซเิ จน
ไปทา� ปฏกิ ริ ยิ ากบั แรโ่ ลหะ เชน่ เหลก็ จะเกดิ สนมิ
เหลก็ หนิ ปนู ประกอบดว้ ยแคลเซยี มคารบ์ อเนต
เมอื่ ถกู นา้� ฝนหรอื แชน่ า�้ ทมี่ สี ภาพเปน็ กรดออ่ นจะ
เกดิ การละลาย ทา� ใหเ้ กดิ โพรง หรอื ถา้�
• การผุพังอยู่กับที่ทาง
ชวี ภาพ เกดิ จากกจิ กรรมของสงิ่ มชี วี ติ เชน่ ราก
1 พชื แทรกเขา้ ไปขยายรอยแตกของหนิ จลุ นิ ทรยี ์
ภูมิประเทศคาสต์เกดิ จากน้�าฝนละลายหนิ ปนู เหน็ ชดั จาก ย่อยสลายอินทรียวัตถุ ท�าให้เกิดกรดที่ท�า
สว่ นยอดเขา ปฏิกริ ิยากบั แรป่ ระกอบหินบางชนิด
36
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
ครใู หค วามรพู น้ื ฐานเกยี่ วกบั กระบวนการปรบั ระดบั พน้ื ผวิ โลก (gradation) วนอุทยานถ้ําหลวง-ขุนนํ้านางนอน อ.แมสาย จ.เชียงราย
เปน กระบวนทท่ี าํ ใหร ะดบั พน้ื ผวิ โลกมรี ะดบั ราบหรอื ลาดสมาํ่ เสมอ กระบวนการ เปนลกั ษณะภมู ปิ ระเทศแบบคาสต เกดิ จากการกระทําของสงิ่ ใด
ท่ีทาํ ใหเ กิดการปรบั ระดับผิวแผน ดนิ มี 4 ตวั การ คอื
1. การผุพังอยูกับที่ (weathering) 2. การกัดกรอน (erosion) 1. กระแสลมพัดแรง
3. การทบั ถม (deposition) 4. การพัดพา (transportation) 2. กระแสนาํ้ ไหลเชย่ี ว
3. การครูดถขู องธารนํ้าแขง็
นักเรียนควรรู 4. การกดั กรอ นของธารนํ้าไหล
5. การละลายของหินปูนโดยธารนา้ํ ใตดนิ
1 ภูมิประเทศคาสต (karst topography) เปนลกั ษณะของหนิ ปูนทถี่ กู นาํ้ ฝน
ละลายหินออกไป จนเหลอื หนิ เปน ลกั ษณะตะปมุ ตะปา เต็มไปดว ยหลมุ บอ ถา้ํ (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 5. น้าํ ฝนเปน ตวั การสาํ คญั ท่ีทําใหเกิด
และทางนาํ้ ใตด นิ บรเิ วณภมู ปิ ระเทศแบบคาสตพ บไดท ปี่ า หนิ หลมุ ยบุ สะพานหนิ การเปล่ยี นแปลง การผุพังทางเคมีทาํ ใหหนิ ปนู เปล่ยี นรูปทรงและ
อโุ มงคธ รรมชาติ ถํา้ หินงอก และหินยอ ย สว นประกอบของเนื้อหิน ทําใหเ ปน โพรงหรือถ้าํ )
T38
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2.2) การกรอ่ น(erosion) เปน็ กระบวนการทห่ี นิ และดนิ แตกหกั หรอื หลดุ เปน็ กอ้ น ขน้ั สอน
เล็กจากตวั กระท�า เชน่ ธารน้�าไหล คลน่ื ลม ธารนา้� แขง็ ดังน้ี
ขน้ั ท่ี 4 การวิเคราะหและแปลผลขอ มูล
• แรงกระแทก เกิดจาก
กระแสน้�าไหลเช่ียว กระแสลมพัดแรง หรือ 5. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางสถานที่ทองเที่ยว
กระแสลมและน้�าท่ีมีฝุ่นหรือมีเศษหินขนาดเล็ก ในโลกหรอื ในประเทศไทยทเ่ี กดิ จากการกรอ น
เพปดั น็ ไโปพกรรงะแเชทน่ กกแบั กหรนนดา้ ผ์แาคนแยลอะนก1้อโนกรหกนิ ธาจรนในเกรดิฐั ของหินและดิน พรอมทั้งวิเคราะหและแสดง
แอริโซนา สหรฐั อเมริกา ความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั สถานท่ีดงั กลาวรวมกัน
• การครูดถู ธารน้า� แข็ง 6. ครูใหนักเรียนรวมกันใชสมารตโฟนสืบคนเพื่อ
ท่ีมีเศษหินติดมาด้วยจะครูดถูไปกับพ้ืนธารและ ขยายความรเู กย่ี วกบั การพดั พาและการทบั ถม
ดา้ นขา้ งของหบุ เขา ทา� ใหห้ นิ แตกหกั หลดุ ตดิ ไป จากหนงั สอื เรียน ภมู ศิ าสตร ม.4-6 เพ่มิ เติม
กับธารน้�าแข็งได้ ลมพัดทรายครูดถูผนังแนว แกรนด์แคนยอน รฐั แอริโซนา สหรัฐอเมรกิ า
หนิ ทราย เช่น เดอะเวฟ (The Wave) รัฐแอรโิ ซนา สหรัฐอเมรกิ า หรือน�า้ ในธารพดั เอากรวดทราย 7. ครูใหสมาชิกแตละกลุมนําขอมูลที่รวบรวมได
มาหมุนวนอยู่ในแอง่ เล็ก ๆ บนหนา้ หิน กรวดทรายเป็นตัวการครดู ถู ขดั สี ท�าให้เกิดเปน็ หลมุ บอ่ ทําการวิเคราะหรวมกันเพ่ืออธิบายคําตอบ
ถล่ม เรยี กว่า กมุ ภลักษณ์ เชน่ สามพนั โบก อ.โพธิ์ไทร จ.อบุ ลราชธานี และรวมกันตรวจสอบความถูกตองของขอมูล
จากนน้ั แตล ะกลมุ นาํ เสนอขอ มลู จากการศกึ ษา
• การละลาย เกดิ จากนา�้ ละลายแรบ่ างชนดิ ใหห้ ลดุ ลอยหรอื ละลายไปกบั นา้� ธรณีภาคและการเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาค
ท�าให้เกิดภมู ิประเทศคาสต์ ในพนื้ ท่ีหินปนู น�้าจะละลายหินออกไปมากจนพ้ืนผวิ ของหนิ กลายเป็น สมาชิกกลุมอื่นผลัดกันใหขอคิดเห็น หรือ
ตะปุ่มตะป่าเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ถ้�า และทางน�้าใต้ดินที่จะละลายเอาเนื้อหินดังกล่าวแทรกซึม ขอเสนอแนะเพ่มิ เติม
หายลงไป พ้นื ที่แบบนี้จงึ มักเปน็ ท่ีแห้งแล้ง และมีธารน้�าไหลลงที่ตา�่ ในหนา้ ฝน เช่น วนอุทยาน
ถ้�าหลวง - ขุนนา�้ นางนอน อ.แมส่ าย จ.เชยี งราย
2.3) การพดั พาและการทบั ถม
(transportationanddeposition) การพดั พาและ
การทับถมเป็นกระบวนการท่เี กิดคู่กัน คอื เมอ่ื
มกี ารพดั พาตะกอนออกไปจากทหี่ นงึ่ ทา� ใหเ้ กดิ
การทบั ถมในเวลาตอ่ มาตามลกั ษณะของตะกอน
และสภาพแวดล้อม การพัดพาและการทับถม
ท�าให้เกิดสภาพภูมิประเทศต่างกันไปตามชนิด
ของตะกอนและตัวกระทา� นน้ั ๆ
วนอทุ ยานถา�้ หลวง - ขนุ นา้� นางนอน อ.แมส่ าย จ.เชยี งราย
เป็นภูมิประเทศคาสต์ที่เกิดจากการละลายของหินปูน
โดยธารน�้าใตด้ นิ
37
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
เพราะเหตุใดกระบวนการพัดพาและการทบั ถมจงึ เปน ครูและนักเรียนรวมกันสรุปกระบวนการกรอน และใหนักเรียนสืบคนภาพ
กระบวนการทเี่ กดิ ขน้ึ ควบคกู นั ลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากกระบวนการดังกลาวจากเว็บไซต เพื่อประกอบ
การอธิบาย เชน แกรนดแ คนยอน ในสหรัฐอเมริกา สามพันโบก ถ้ําหลวง-ขนุ นํา้
(แนวตอบ การพัดพา เปน กระบวนการพัดพาตะกอนจากที่หนง่ึ นางนอน หรือถํ้าในจังหวัดตางๆ ของไทย หรือใหนักเรียนดูคลิปการเกิด
ไปอีกท่ีหน่ึงจากกระทําของน้ํา ลม ธารนํ้าแข็ง ตะกอนที่ถูก ลักษณะภูมปิ ระเทศทีเ่ กิดจากกระบวนการกรอน
พัดพาเหลาน้ันจะไปทับถมบริเวณตางๆ เชน การทับถมของ
ตะกอนดินดอนสามเหล่ียม เกิดจากการทับถมของตะกอน นักเรียนควรรู
ท่ีบริเวณปากแมนํ้า เปนรูปสามเหล่ียม เน่ืองจากกระแสน้ํา
บริเวณปากแมนํ้าเคล่ือนที่ชาลง จึงเกิดการทับถมของตะกอนอยู 1 แกรนดแคนยอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เปนดินแดนหินผา และ
ตลอดเวลา) หบุ เหว เนอื้ ท่ที อดตัวยาว 450 กโิ ลเมตร รอ งผาลกึ 1.6 กโิ ลเมตร และกวาง
โดยเฉลย่ี 15 กิโลเมตร เกดิ จากการกัดเซาะของแมน้าํ โคโลราโด เกดิ เปนแผน
ผาหินแกรนิตท่ีมองเห็นเปนแถบลายทอดตัวเหนือแมนํ้าโคโลราโด เปนแหลง
Tทองเที่ยวทางธรรมชาตทิ ่ีเปน ท่นี ยิ มของนกั ทองเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
39
นาํ สอน สรปุ ประเมิน
ขน้ั สอน • การพดั พา เปน็ กระบวนการพดั พาตะกอนหิน แร่ ดนิ อนิ ทรยี วัตถุ และ
สารละลายออกไปจากพนื้ ที่ โดยตัวกระท�า เช่น ธารนา�้ ไหล กระแสน้�าทะเล ธารนา�้ แขง็ ลม ซึง่ จะ
ข้นั ที่ 5 การสรปุ เพือ่ ตอบคาํ ถาม มีตะกอนทเ่ี ป็นก้อนหิน สารแขวนลอยหรือสารละลาย ขึ้นอย่กู บั ชนดิ ของตวั กระท�าท่ที า� ให้ตะกอน
ถูกพัดพาไปเป็นระยะทางสั้น ๆ หรือไกลออกไปจากแหล่งก�าเนิดมากได้ เช่น ธารน้�าไหลพัดพา
1. นกั เรยี นในชัน้ เรยี นรวมกันสรุปเก่ียวกับการใช ตะกอนหนิ ขนาดใหญไ่ ปไดไ้ ม่ไกลแต่ตะกอนท่เี ปน็ สารละลายจะพัดพาไปไกลมาก สว่ นธารน�า้ แข็ง
เครื่องมือทางภูมิศาสตร และเคร่ืองมือดาน พดั พาตะกอนหลายขนาดไปพร้อมกับการไหลได้
เทคโนโลยีในการสบื คน ธรณีภาค
• การทับถม เกิดขึ้นเม่ือมีการสูญเสียพลังงานในการพัดพาของตัวกระท�า
2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ เช่น เมอ่ื กระแสนา�้ ลดลงท�าใหเ้ กิดการทับถมของตะกอนท่นี า้� พัดพามาดว้ ย ตะกอนขนาดใหญ่จะ
สําคัญเพ่ือตอบคําถามเชงิ ภมู ศิ าสตร ตกทับถมกอ่ นตะกอนขนาดเลก็ และสารละลายจะตกตะกอนเมอ่ื น้�าน่งิ ตะกอนที่ธารน�า้ แข็งพดั พา
มาเกิดการทบั ถมเมอ่ื น�า้ แขง็ ละลาย
3. นักเรียนกลุมเดิมรวมกันทําใบงานท่ี 2.1
ปรากฏการณทางธรณีภาค โดยครูแนะนํา หนิ ทศิ ทางการพัดพา
เพมิ่ เติม นา�้
4. นักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ทราย
ม.4-6 เกยี่ วกบั เรอ่ื ง ธรณภี าค เพอ่ื เปน การบา น
สงครใู นชว่ั โมงถัดไป ทรายแป้ง ดนิ เหนยี ว
ขนั้ สรปุ การคดั ขนาดตะกอนดว้ ยการพดั พาของน�า้
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ 2.4) การเคลื่อนที่ของมวล (mass wasting) เกิดข้ึนเมื่อก้อนหินหรือมวลดิน
ธรณภี าค ตลอดจนความสาํ คญั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ การ ผสมเศษหินที่อยู่บนพื้นที่ลาดชันร่วงหล่นไปตามความลาดชัน เน่ืองจากมีน้�าหนักมากและจาก
ดําเนินชีวิตของประชากร หรือใช PPT สรุปสาระ แรงโนม้ ถ่วงของโลก การเคลือ่ นทจ่ี ะเกดิ ขึ้นช้า
สาํ คญั ของเน้อื หา หรอื เรว็ ขน้ึ อยกู่ บั ปจั จยั ตา่ ง ๆ เชน่ ความลาดชนั
ของพืน้ ที่ น�า้ พืช ถ้ามพี ชื ปกคลมุ จะทา� ให้ดนิ
ขน้ั ประเมนิ ยึดเกาะกันได้ดี แต่ถ้ามีพืชมากเกินไปก็อาจ
ท�าให้ดินต้องรับน�้าหนักมาก และปัจจัยกระตุ้น
1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม
การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน
หนา ชนั้ เรยี น
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6
อ่ืน ๆ เชน่ การส่นั สะเทอื นของแผ่นดินไหว การ
ปะทุของภูเขาไฟ รวมท้ังลักษณะการเคล่ือนท่ี
ของมวล เชน่ หินพงั การเล่ือนถลม่ การไหล
ซง่ึ จะทา� ให้เกดิ สภาพภูมิประเทศ เช่น กองหนิ
หนา้ ผา Seven Sisters ในสหราชอาณาจกั รเกิดการถลม่ บรเิ วณตนี เขา เนนิ ตะกอนรูปพดั
ทา� ใหห้ ินชอลก์ กว่า 50,000 ตนั เคล่ือนลงไปในทะเล
38
แนวทางการวัดและประเมินผล กจิ กรรม สรา งเสรมิ
ครูสามารถวดั และประเมินความเขาใจเนอ้ื หา เรื่อง ธรณภี าค ไดจ ากการ ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ กระบวนการพฒั นา การทบั ถมและ
ตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษา การเคล่ือนท่ีของมวลใหนักเรียนสืบคนภาพลักษณะภูมิประเทศ
เกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบทาย ท่ีเกิดจากกระบวนการดังกลาวจากเว็บไซต เพื่อประกอบการ
แผนการจดั การเรียนรหู นวยที่ 2 เร่อื ง การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพของโลก อธิบาย เชน ตะกอนรปู พดั ปากแมน าํ้ เจา พระยา หรอื ใหน ักเรยี น
ดูคลิปการเกิดลักษณะภูมิประเทศท่ีเกิดจากกระบวนการพัดพา
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน และการทบั ถม
คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่
ตรงกบั ระดับคะแนน
ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถูกต้องของเน้ือหา
2 การลาดับขนั้ ตอนของเร่ือง
3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมสี ่วนรว่ มของสมาชกิ ในกลมุ่
รวม
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
12 - 15 ดี
8 - 11 พอใช้
T40 ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
2 บรรยากาศภาค (atmosphere) ขน้ั นาํ (Geographic Inquiry Process)
บรรยากาศมีความส�าคัญต่อสิ่งมีชีวิตบนผิวโลก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ 1. ครูแจงชอื่ เร่อื ง จดุ ประสงค และผลการเรยี นรู
เช่น การเกิดลม เมฆ ฝน หยาดน�้าฟ้า นอกจากน้ี ยังช่วยป้องกันความร้อนจากการแผ่รังสี 2. ครูใหนักเรียนดูภาพหรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ
ดวงอาทติ ยแ์ ละรังสอี ัลตราไวโอเลตไม่ใหผ้ ่านลงมาถึงผวิ โลกมากจนเปน็ อนั ตรายต่อสิง่ มชี ีวิต
การเปล่ียนแปลงทางกายภาพของโลกดาน
2.1 สว่ นประกอบของบรรยากาศ บรรยากาศภาค
3. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ จาก
อากาศเป็นส่วนผสมระหว่างแก๊สชนิดต่าง ๆ ได้แก่ แก๊สไนโตรเจน แก๊สออกซิเจน แก๊ส ภาพหรอื คลปิ วดิ โี อ และจากการศกึ ษา Geo Tip
อารก์ อน และแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ อนภุ าคของของแขง็ ขนาดเลก็ และควนั มปี รมิ าณแตกตา่ งกนั เกี่ยวกับแกสไนโตรเจน จากหนังสือเรียน
ดงั นี้ ภมู ศิ าสตร ม.4-6
4. ครถู ามคาํ ถามกระตนุ ความคดิ เชน
สว่ นประกอบของอากาศ • บรรยากาศของโลกมีลักษณะอยา งไร
2แก0ส๊ .อ9อก4ซ6เิ จ%น แ0ก.๊ส9อ3าร4์กอ%น (แนวตอบ บรรยากาศของโลกเปนอากาศ
แ0ก.ส๊0ค3าร3บ์ %อนไดออกไซด์ ท่ีหอหุมโลก ซ่ึงประกอบดวย แกสตางๆ
7แก8ส๊ ไ.น0โต8ร4เจน% ไอนาํ้ และฝนุ ละออง ทง้ั น้ี สามารถแบง ออก
0แก.ส๊0อ0นื่ 3ๆ% ไดเปนชั้นตางๆ ตามระดับความสูงและ
สภาวะในชัน้ )
เช่น แกส๊ นอี อน แก๊สฮเี ลียม แกส๊ ครปิ ตอน • ความสําคัญของบรรยากาศของโลกตอ
แกส๊ ซีนอน แกส๊ ไฮโดรเจน แก๊สมีเทน การดาํ รงชวี ติ ของมนุษย คืออะไร
แกส๊ ไนตรสั ออกไซด์ รวมถงึ ฝ่นุ ละอองและควัน (แนวตอบ บรรยากาศมแี กส ออกซเิ จนทม่ี นษุ ย
ใชหายใจ มีแกสคารบอนไดออกไซดใหพืช
สว่ นประกอบของอากาศแห้ง เพ่ือใชในการสังเคราะหแสง นอกจากน้ี
ยังชวยกรองรังสีตางๆ ท่ีเปนอันตรายตอ
หากเป็นอากาศชื้น จะมีไอน้�าผสมอยู่ในอากาศประมาณร้อยละ 0.1 - 4.0 แปรผันไปตาม มนุษย ชวยทําหนาท่ีคลายเรือนกระจก
ลกั ษณะพน้ื ที่ เชน่ แหล่งนา�้ ป่าไม้ ทะเลสาบ รวมทงั้ ฤดูของทอ้ งถิน่ อบความรอน ทําใหอุณหภูมิในระหวาง
กลางวันกับกลางคืนไมแตกตางกันมากนัก
GTeipo ตลอดจนเปน แหลง สะสมไอนาํ้ และทาํ ใหเ กดิ
การเปล่ยี นแปลงของวัฏจักรนํ้า)
แก๊สไนโตรเจน (nitrogen) มลี กั ษณะเป็นแก๊สไม่มสี ี ไมม่ ีกลิ่น ไม่ไวต่อปฏกิ ิรยิ าเคมี มีปรากฏอยู่
ประมาณร้อยละ 78 ในบรรยากาศ มีความสา� คญั ในการชว่ ยเจือจางแก๊สออกซเิ จนในอากาศให้มีความ
เขม้ ขน้ เหมาะสมสา� หรบั การหายใจของสิ่งมีชีวติ
39
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
แกสในบรรยากาศขอใดมีความสําคัญในการชวยเจือจางแกส ครูอธิบายเพิ่มเติมวา บรรยากาศของโลก คือ อากาศท่ีหอหุมโลกอยู
ออกซิเจนในอากาศใหมีความเขมขนเหมาะสมสําหรับการหายใจ โดยรอบ มีขอบเขตนับจากระดับน้ําทะเลขึ้นไป ประมาณ 1,000 กิโลเมตร
ของสงิ่ มชี วี ติ ท่บี รเิ วณใกลร ะดบั นาํ้ ทะเลอากาศจะมคี วามหนาแนนมาก และจะคอยๆ ลดลง
เมื่อสูงขึ้นไปจากระดับนํ้าทะเล จากนั้นใหนักเรียนดูแผนภาพสวนประกอบ
1. แกส นอี อน ของอากาศแหง ต้ังประเดน็ การสนทนา เชน
2. แกส อารก อน
3. แกส ไฮโดรเจน • สงิ่ มชี วี ิตตองการแกสอะไรมากทีส่ ดุ และควรทาํ อยางไรเพ่อื รักษาสมดุล
4. แกส ไนโตรเจน ของอากาศ
5. แกส คารบ อนไดออกไซด
T41
(วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบ ขอ 4.แกสไนโตรเจน มลี ักษณะเปน แกส
ไมมสี ี กลน่ิ รส ไมไ วตอ ปฏกิ ริ ิยาเคมี มีปรากฏอยใู นบรรยากาศ
ประมาณรอ ยละ 78 มคี วามสาํ คญั ในการชว ยเจอื จางแกส ออกซเิ จน
ในอากาศใหมคี วามเขม ขน เหมาะสมสาํ หรับการหายใจ)