The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

บทที่ 8 การเงินและนโยบายการเงิน

เงิน คือ ส่ิงท่ีมนุษย์กำหนดข้ึนมำใช้เป็ นส่ือกลำงในกำรแลกเปล่ียนของแต่ละสังคมเพ่ือ อำนวย
ควำมสะดวกให้กบั กำรดำเนินชวี ติ ในระบบเศรษฐกจิ เงนิ ช่วยให้ธุรกจิ เกดิ กำรขยำยตวั แต่หำกมปี ริมำ เงนิ
ในระบบเศรษฐกจิ มำกหรอื น้อยเกนิ ไปกจ็ ะส่งผลเสยี ได้ รฐั บำลประเทศต่ำงๆ จงึ ใชน้ โยบำยกำรเงนิ เพ่อื ควบคุม
ใหป้ รมิ ำ เงนิ อยใู่ นระดบั ทเ่ี หมำะสม

ในปัจจุบนั มนุษย์ให้ควำมสำคญั แก่เงนิ ว่ำเป็นส่อื กลำงท่กี ่อให้เกดิ กำรแลกเปล่ยี นท่มี ปี ระสทิ ธภิ ำพ
สำมำรถแก้ไขปัญหำท่สี ำคญั ของชวี ติ ได้ดี ทงั้ ยงั เป็นสง่ิ ท่เี สรมิ สรำ้ งบทบำท ฐำนะ และอำนำจแก่มนุษย์
ในสงั คมไดด้ ที ส่ี ดุ ดว้ ย

แต่นกั เศรษฐศำสตรต์ ่ำงใหค้ วำมหมำยของเงนิ แตกต่ำงกนั ไป ซง่ึ สรปุ ไดห้ ลำยลกั ษ ะ เชน่
- เงนิ คอื สอ่ื กลำงในกำรแลกเปลย่ี น
- เงนิ คอื สง่ิ ทส่ี งั คมยอมรบั เพอ่ื ใชใ้ นกำรชำระหน้ี
- เงนิ คอื สง่ิ ทส่ี งั คมสมมตขิ น้ึ เพอ่ื ใชใ้ นกจิ กรรมแลกเปลย่ี น
สรุปไดว้ ำ่ เงิน หมำยถงึ สงิ่ ทม่ี นุษยก์ ำหนดขน้ึ เพอ่ื ใชเ้ ป็นส่อื กลำงในกำรแลกเปล่ียนสนิ คำ้ และบรกิ ำร
รวมทงั้ สำมำรถใชช้ ำระหน้ีได้

ในทำงเศรษฐศำสตร์ สงิ่ ทถ่ี อื วำ่ เป็นเงนิ เพอ่ื ใชแ้ ลกเปลย่ี นสนิ คำ้ และบรกิ ำรในสงั คม ไดแ้ ก่
1. เหรียญกษาปณ์ (Coin) คอื เงนิ ทผ่ี ลติ ขน้ึ จำกกำรใชโ้ ลหะต่ำงๆ มำหลอมทำเป็นเหรยี ญรูปกลม
เชน่ ทองคำ เงนิ นกิ เกลิ ทองแดง ฯลฯ
2. ธนบัตร (Bank Note) คือ เงินท่ีผลิตข้ึนจำกกระดำษ โดยธนำคำรกลำงของแต่ละประเทศ
เป็นผมู้ อี ำนำจในกำรผลติ ธนบตั รน้ีผลติ ขน้ึ มำใชแ้ ทนเหรยี ญกษำป ์ ซง่ึ มนี ้ำหนกั มำกเป็นอุปสรรคในกำร
นำไปยงั สถำนทไ่ี กลๆ

3. เงินฝากกระแสรายวนั (Demand Deposit) คอื เงนิ ฝำกประเภทต้องจ่ำยคนื ทนั ทเี ม่อื ทวงถำม
ทงั้ น้ีเพรำะเป็นเงนิ ฝำกทน่ี ำมำใชจ้ ำ่ ยไดส้ ะดวกรวดเรว็ ในกำรจำ่ ยชำระหน้ีสนิ หรอื แลกเปลย่ี นเป็นสนิ คำ้ และ
บรกิ ำรไดท้ นั ที

ปัจจุบนั น้ีมสี งิ่ ท่ใี กล้เคยี งกบั เงนิ ซ่ึงสำมำรถใช้แลกเปล่ยี นสนิ ค้ำได้ในลกั ษ ะเดยี วกบั เงนิ ในทำง
เศรษฐศำสตร์ เพรำะมสี ภำพคล่องมำก เช่น เงนิ ฝำกประจำ พนั ธบตั รรฐั บำล ตวั ๋ เงนิ คลงั ตวั ๋ สญั ญำใชเ้ งนิ
หรอื เงนิ ฝำกเผ่อื เรยี ก เป็นตน้ ส่วนบตั รเครดติ ต่ำงๆ ทใ่ี ชแ้ พรห่ ลำยในปัจจุบนั จดั เป็นเงนิ อย่ำงหน่ึง เพรำะ
สำมำรถใชซ้ อ้ื สนิ คำ้ และบรกิ ำรไดท้ นั ทเี ชน่ เดยี วกบั เงนิ

ความสาคญั ของเงิน

ประชำชนในสงั คมส่วนใหญ่ต้องอำศยั เงินเป็นส่ือกลำงในกำรแลกเปล่ียนสินค้ำและบริกำร ไม่ว่ำจะอยู่ใน
ระบบเศรษฐกจิ แบบใดกต็ ำม เพรำะเงนิ มคี วำมสำคญั ต่อเศรษฐกจิ สงั คม และกำรดำรงชวี ติ ของมนุษยม์ ำก คอื

1. เป็ นปัจจยั สาคญั ของการผลิต เงนิ เป็นส่งิ ท่ีก่อให้เกิดปัจจยั ทุนท่ีจะนำไปใช้ในกำรผลิต เช่น
กำรซอ้ื เครอ่ื งจกั ร อุปกร ์ คำ่ จำ้ งแรงงำนและซอ้ื วตั ถุดบิ มำผลติ สนิ คำ้ และบรกิ ำร

2. ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจและการค้าเจริญก้าวหน้ารวดเรว็ ในระบบเศรษฐกจิ ต่ำงๆ ถอื ว่ำเงนิ
เป็นเคร่อื งวดั ควำมเจรญิ กำ้ วหน้ำทำงเศรษฐกจิ และกำรคำ้ ระหว่ำงประเทศไดด้ ี เพรำะเงนิ ช่วยให้กจิ กรรม
ทำงเศรษฐกจิ ดำเนนิ ไปอยำ่ งต่อเน่อื ง ทงั้ ยงั เป็นปัจจยั สำคญั ทจ่ี ะชว่ ยใหก้ จิ กรรมทำงเศรษฐกจิ ต่ำงๆ ประสบ
ผลสำเรจ็ ตำมวตั ถุประสงคข์ องผปู้ ระกอบกำร

3. ช่วยให้การดาเนิ นชีวิตของประชาชนสะดวกสบายย่ิงขึ้น เงินเป็นส่ือท่ีใช้ในกำรแลกเปล่ียนสินค้ำ
และบริกำรต่ำงๆ ท่ีสงั คมยอมรบั เม่ือมนุษย์ต้องกำรส่ิงของเพ่อื ใช้ในกำรดำเนินชีวิตจะต้องแสวงหำเงินมำใช้
เพ่อื กำรดังกล่ำว และกำรใช้เงินเป็นเคร่ืองมือท่ีสะดวกรวดเร็ว เพรำะพกพำง่ำย น้ำหนักเบำ สำมำรถแลกซ้ือ
สง่ิ ของต่ำงๆ ไดท้ ุกทแ่ี ละทกุ เวลำทต่ี อ้ งกำร ทำใหม้ นุษยม์ คี วำมเป็นอยทู่ ด่ี ขี น้ึ

ความเป็ นมาของเงิน
ในสมัยโบรำ เงินไม่มีควำมสำคัญต่อมนุษย์ เพรำะว่ำครอบครัวสำมำรถผลิตส่ิงของต่ำงๆ
ขน้ึ มำใชไ้ ด้เองตำมควำมจำเป็น สง่ิ ใดทไ่ี ม่สำมำรถผลติ ไดก้ จ็ ะใชว้ ธิ กี ำรแลกเปลย่ี นด้วยสงิ่ ของทเ่ี รยี กว่ำ
ระบบ “Barter System” ซง่ึ วธิ ดี งั กลำ่ วมขี อ้ จำกดั อยหู่ ลำยประกำร เชน่ ไมย่ ตุ ธิ รรม ควำมตอ้ งกำรไม่ตรงกนั
ตลอดจนมกี ำรขนย้ำยและกำรเก็บรกั ษำลำบำก มนุษย์จงึ คดิ หำวธิ ที ่จี ะอำนวยควำมสะดวกใหแ้ ก่ตนเอง
ในกำรแลกเปล่ียนสินค้ำกนั ข้นึ โดยใช้ส่ิงของท่ีมีค่ำ มคี วำมสำคญั และเป็นท่ียอมรบั ของสงั คมมำเป็นส่อื กลำง
ในกำรแลกเปล่ียน เช่น กำรใช้เปลือกหอย ขนสตั ว์ ใบชำ เกลือ ลูกปัดสี ฯลฯ ซ่ึง สิ่งของท่ีนำมำใช้
เป็นสอ่ื กลำงในกำรแลกเปลย่ี นน้ขี น้ึ อยกู่ บั ควำมเหมำะสมในแตล่ ะสงั คม

ส่อื กลำงต่ำงๆ ทม่ี นุษยน์ ำมำใชใ้ นระยะแรกๆ นนั้ มปี ัญหำเกย่ี วกบั กำรใชแ้ ละกำรเกบ็ รกั ษำ เน่ืองจำก
มกี ำรชำรุด แตกหกั เส่อื มคุ ภำพได้ง่ำย ทำให้มนุษย์ต้องพยำยำมแสวงหำสง่ิ ท่ดี ีกว่ำมำเป็นส่อื กลำง
ในกำรแลกเปล่ยี นเร่อื ยๆ ซ่งึ สง่ิ ท่ใี ช้เป็นส่อื กลำงในกำรแลกเปล่ยี นของมนุษย์น้ี เรยี กว่ำ เงนิ (Money)
ในปัจจุบนั เงนิ ไดพ้ ฒั นำมำใชส้ ง่ิ ท่มี คี วำมมนั่ คงถำวรสำมำรถนำไปใชไ้ ด้สะดวก ปลอดภยั มำกขน้ึ ได้แก่
เหรยี ญกษำป ์ ธนบตั ร

ควำมเจรญิ กำ้ วหน้ำของเศรษฐกจิ ในปัจจุบนั กำรซอ้ื ขำยในธุรกจิ มปี รมิ ำ มำกขน้ึ เรอ่ื ยๆ จงึ ไมส่ ะดวก
ท่ีจะนำเงนิ ปริมำ มำกๆ ติดตัวไปเพ่อื ทำกำรซ้ือขำย ด้วยเหตุน้ีจึงมีกำรใช้เครดิต หรือควำมเช่อื ถือ
ในกำรซอ้ื ขำยสนิ คำ้ กนั มำกขน้ึ เรยี กวำ่ “กำรใชเ้ งนิ เครดติ ” ซง่ึ เงนิ ประเภทน้ีจะใชก้ นั มำกในสงั คมทม่ี รี ะบบ
กำรธนำคำรทพ่ี รอ้ มและทนั สมยั เชน่ กำรใชเ้ งนิ ฝำกกระแสรำยวนั เชค็ หรอื บตั รเครดติ ต่ำงๆ

หน้าที่ของเงิน

กำรท่เี งนิ เป็นสงิ่ สำคญั และจำเป็นต่อสงั คมและเศรษฐกจิ เพรำะเป็นปัจจยั ท่จี ะทำให้เศรษฐกจิ ของ
สงั คมตำ่ งๆ เจรญิ กำ้ วหน้ำ ในทำงเศรษฐศำสตรจ์ งึ ถอื วำ่ เงนิ มหี น้ำทด่ี งั น้ี

1. เป็ นส่ือกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of Exchange) กำรใช้สินค้ำแลกเปล่ียนกัน
ในอดตี ประสบปัญหำหลำยประกำร เชน่ ควำมตอ้ งกำรของประชำชนไมต่ รงกนั ไม่สำมำรถแบ่งหน่วยของ
สนิ คำ้ บำงอยำ่ งใหเ้ พยี งพอกบั สงิ่ ของทม่ี ผี นู้ ำมำแลก ขำดควำมยตุ ธิ รรมและสน้ิ เปลอื ง เม่อื มนุษยใ์ ชเ้ งนิ เป็น
ส่อื กลำงในกำรแลกเปล่ยี นสนิ ค้ำและบรกิ ำร ทำให้ปัญหำต่ำงๆ ดงั กล่ำวหมดไป เพรำะเงนิ ช่วยอำนวย
ควำมสะดวกในกำรแลกเปล่ยี นสนิ คำ้ และบรกิ ำร ทำให้เศรษฐกจิ ก้ำวหน้ำ ประชำชนมอี สิ ระท่จี ะเลอื กซ้อื
สนิ คำ้ และบรกิ ำรต่ำงๆ ไดต้ ำมควำมพอใจและกำลงั เงนิ ทม่ี ี

2. เป็ นเคร่ืองวัดมูลค่า (Measure of Value) มูลค่ำของสินค้ำและบริกำรต่ำงๆ จะถูกกำหนด
หรอื วดั ค่ำด้วยเงนิ หรอื เทียบค่ำได้โดยกำหนดออกเป็นหน่วยของเงนิ ซ่ึงหน่วยของเงนิ แต่ละประเทศ
จะแตกต่ำงกนั เช่น ประเทศไทยใชห้ น่วยเป็นบำท องั กฤษใชห้ น่วยเป็นปอนด์สเตอร์ลงิ สหรฐั อเมรกิ ำ
ใชห้ น่วยเป็นดอลลำร์ ญ่ปี ุ่นใชห้ น่วยเป็นเยน เป็นต้น มูลค่ำทว่ี ดั ไดเ้ รำเรยี กว่ำ “รำคำ” ซ่งึ รำคำของสนิ คำ้
และบรกิ ำรจะแตกตำ่ งกนั ตำมลกั ษ ะและประเภทของสนิ คำ้ นนั้ ๆ

3. เป็ นเครื่องรกั ษามูลค่า (Store of Value) เงินเป็นเคร่ืองมอื รกั ษำมูลค่ำของสินค้ำและบริกำร
ให้เป็นปัจจุบนั ดงั นัน้ ประชำชนจงึ นิยมท่จี ะสะสมเงนิ มำกกว่ำสนิ ค้ำและบริกำรท่ีตนเองมหี รอื ผลติ ได้
ทงั้ น้ีเพรำะเงนิ ท่ดี ีต้องมคี ่ำคงตวั อยู่เสมอ กำรท่ีประชำชนนิยมสะสมเงินมำกกว่ำ สงิ่ อ่นื เพรำะสิ่งของบำงอย่ำง
อำจแตกหกั เน่ำเสยี ทำให้รำคำลดลงเร่อื ยๆ จงึ ต้องรบี ขำยเพ่อื ให้ได้เงนิ มำเพ่อื รกั ษำมูลค่ำหรอื รำคำของ
สงิ่ ของนนั้ ๆ ใหเ้ ป็นปัจจบุ นั

4. เป็ นมาตรฐานในการชาระหนี้ ภายหน้ า (Standard of Defered Payment) เงินช่วยให้
เกดิ ควำมสะดวกสบำยในกำรซอ้ื ขำย กยู้ มื กำรชำระหน้ี กำรซอ้ื สนิ คำ้ เช่อื หรอื กำรกยู้ มื กนั ทำใหร้ ะยะเวลำ
ในกำรจำ่ ยเงนิ คนื มเี วลำยำวนำนออกไป โดยมขี อ้ กำหนดของรำคำทจ่ี ะจำ่ ยในอนำคตไว้ กำรใชเ้ งนิ จะทำให้
สำมำรถจำ่ ยคนื ไดเ้ ทำ่ รำคำทก่ี ำหนดได้ เพรำะคำ่ ของเงนิ ไมเ่ ปลย่ี นแปลงมำกเกนิ ไป

มาตรฐานของเงิน

เงนิ ท่มี ใี ช้อยู่ในแต่ละสงั คมจะต้องมกี ำรเทยี บค่ำมำตรฐำนเพ่อื ให้มมี ูลค่ำท่นี ่ำเช่อื ถือและถูกรบั รอง
ซง่ึ มำตรฐำนของเงนิ นนั้ เรยี กอกี อยำ่ งวำ่ “มำตรฐำนเงนิ ตรำ”

“มำตรฐำนเงนิ ตรำ” (Monetary Standard) หมำยถึง กำรกำหนดมูลค่ำของวตั ถุอย่ำงใดอย่ำงหน่ึง
หรอื หลำยอยำ่ ง เพอ่ื ใชเ้ ป็นมำตรฐำนแห่งมลู คำ่ ของเงนิ ในสงั คมหรอื ประเทศนนั้ ๆ ซง่ึ มำตรฐำนของเงนิ ตรำ
ทป่ี ระเทศตำ่ งๆ ใชก้ นั อยใู่ นปัจจบุ นั มี 3 ประเภท คอื

1. มาตราโลหะ
1.1มำตรำโลหะเดย่ี ว ไดแ้ ก่
1)มำตรำทองคำ (Gold Standard) เป็นมำตรำท่ีประเทศต่ำงๆ ในอดีต (ก่อน พ.ศ. 2457)

ใชม้ ำกประเทศท่อี ย่ใู นมำตรำทองคำ จะใชโ้ ลหะทองคำเพยี งอย่ำงเดยี วเท่ำนัน้ ในกำรเทยี บมูลค่ำของเงนิ
ท่ีใช้ในประเทศของตน มำตรำทองคำโดยทัว่ ไปแบ่งออกเป็ น 3 ชนิด คือ มำตรำเหรียญทองคำ
มำตรำทองคำแทง่ และมำตรำปรวิ รรตทองคำ

2)มำตรำโลหะเงิน เป็ นมำตรำท่ีใช้โลหะเงินเป็ นมำตรฐำนในกำรเทียบมูลค่ำ โดยทัว่ ไป
มกี ำรกำหนดมูลค่ำของโลหะเงนิ ทใ่ี ชท้ ำเหรยี ญทใ่ี ชห้ น่วยใหแ้ น่นอนว่ำจะใชโ้ ลหะเงนิ หนักเท่ำใด ปัจจุบนั
ไมม่ ปี ระเทศใดใชม้ ำตรำโลหะเงนิ อกี แลว้

1.2มำตรำโลหะคู่ คือ มำตรำท่ีใช้โลหะสองชนิดเป็นหลกั ในกำรเทียบมูลค่ำ เช่น โลหะทองคำ
กบั โลหะเงนิ ซง่ึ จะมผี ลดเี พรำะโลหะทใ่ี ชท้ ำเป็นเงนิ หรอื ทนุ สำรองเงนิ ตรำจะมอี ยำ่ งพอเพยี งเสมอ หำกโลหะ
ชนดิ ใดขำดแคลนกส็ ำมำรถใชโ้ ลหะอกี ชนดิ มำทดแทน

2. มาตราของเงินที่ไมอ่ ิงโลหะมีค่า

2.1มำตรำกระดำษ หมำยถึง มำตรำท่ีใช้ธนบัตร โดยรัฐบำลจะพิมพ์ธนบัตรออกมำใช้เอง
ทงั้ น้ีจะตอ้ งขน้ึ อยกู่ บั ปรมิ ำ ทุนสำรองระหวำ่ งประเทศวำ่ มปี รมิ ำ เทำ่ ใดดว้ ย

2.2มำตรำปรวิ รรตเงนิ ตรำต่ำงประเทศ หมำยถงึ มำตรฐำนของเงนิ ทอ่ี งิ เงนิ ตรำต่ำงประเทศ

3. มาตราผสมภายใต้กองทนุ การเงินระหว่างประเทศ

เป็นมำตรำทใ่ี ชห้ ลกั เก ฑข์ องมำตรำทองคำกบั มำตรำกระดำษรว่ มกนั โดยกำหนดใหเ้ งนิ ในแต่ละสกุล
มคี ่ำเสมอภำคกนั โดยคิดเทียบกบั มูลค่ำของทองคำหรือเงนิ ดอลลำร์สหรฐั อเมรกิ ำ เช่น เงินบ ำทไทย
มูลค่ำ 44 บำท เท่ำกบั 1 ดอลลำร์สหรฐั อเมริกำ หำกต้องกำรลดหรือเพม่ิ ค่ำเสมอภำคจะต้องเป็นไป
ตำมขอ้ กำหนดของกองทุนกำรเงนิ ระหว่ำงประเทศ (International Monetary Fund : IMF) แต่โดยทวั่ ไป
ค่ำเสมอภำคของเงินแต่ละสกุลจะเปล่ียนแปลงข้ึนลงเล็กน้อยตำมสภำวะเศรษฐกิจแต่ละประเทศ
มำตรำผสมภำยใตก้ องทนุ กำรเงนิ ระหวำ่ งประเทศน้เี ป็นมำตรำทป่ี ระเทศสว่ นใหญ่ใชก้ นั อยใู่ นปัจจุบนั

เงิ นเฟ้ อ
เงินเฟ้อ (Inflation) หมำยถงึ ภำวะทร่ี ะดบั รำคำสนิ คำ้ และบรกิ ำรโดยทวั่ ไปสงู ขน้ึ เร่อื ยๆ อยำ่ งต่อเน่ือง
เป็ นระยะยำวนำนพอควร เป็ นผลทำให้อำนำจซ้ือของเงินลดต่ำลง จำนวนเงินเท่ำเดิมไม่สำมำรถ
ทจ่ี ะซอ้ื สนิ คำ้ และบรกิ ำรไดเ้ ทำ่ ทผ่ี ำ่ นมำ ภำวะเงนิ เฟ้อจงึ ทำใหป้ ระชำชนยำกจนลง
หำกต้องกำรทรำบว่ำอตั รำเงนิ เฟ้อของประเทศสูงข้นึ เพยี งใด เรำสำมำรถดูได้จำกระดบั รำคำหรอื
ดชั นีของสนิ คำ้ และบรกิ ำรต่ำงๆ หรอื ดชั นีรำคำผูบ้ รโิ ภค ฯลฯ เพรำะบำงครงั้ กำรเกดิ เงนิ เฟ้ อจะเป็นผลดี
ต่อระบบเศรษฐกจิ ของประเทศ ในทำงกลบั กนั บำงครงั้ กเ็ ป็นผลเสยี ต่อเศรษฐกจิ และสรำ้ งควำมเดอื ดรอ้ น
แกป่ ระชำชนในสงั คม ซง่ึ ในทำงเศรษฐศำสตรแ์ บง่ ลกั ษ ะเงนิ เฟ้อออกเป็น 3 ประเภท คอื
1. เงินเฟ้อระดบั อ่อน คอื ภำวะทร่ี ะดบั รำคำสนิ คำ้ และบรกิ ำรโดยทวั่ ไปสงู ขน้ึ ไม่เกนิ รอ้ ยละ 5 ต่อปี
ซง่ึ จะเป็นผลดตี ่อเศรษฐกจิ โดยรวม เพรำะรำคำสนิ คำ้ และบรกิ ำรจะสงู ขน้ึ เลก็ น้อย จะเป็นแรงจูงใจใหผ้ ผู้ ลติ
ผลติ สนิ คำ้ มำกขน้ึ เพรำะได้กำไรสูงขน้ึ กำรผลติ ท่ีเพมิ่ ขน้ึ น้ีจะเป็นผลดตี ่อประชำชนเพรำะเกดิ กำรจำ้ งงำนเพมิ่ ขน้ึ
มรี ำยไดแ้ ละมกี ำลงั ซอ้ื เพม่ิ ขน้ึ เชน่ กนั

2. เงนิ เฟ้อระดบั ปำนกลำง คอื ภำวะทร่ี ะดบั รำคำสนิ คำ้ และบรกิ ำรโดยทวั่ ไปสงู ขน้ึ รอ้ ยละ 5–20 ต่อปี
เป็นระดบั ทป่ี ระชำชนเดอื ดรอ้ นเพรำะคำ่ ครองชพี สงู ขน้ึ คำ่ ของเงนิ ลดลง และประชำชนมรี ำยไดท้ แ่ี ทจ้ รงิ ลดลง

3. เงินเฟ้อระดบั รุนแรง คือ ภำวะท่ีระดับรำคำสินค้ำและบริกำรทวั่ ไปสูงข้นึ เกินร้อยล ะ 20 ต่อปี
เป็นสภำวะท่ีประชำชนเดือดร้อนมำก ค่ำของเงินและอำนำจซ้ือลดลงเร่ือยๆ จนมีค่ำน้อยท่ีสุดหรือไม่มีค่ำเลย
ภำวะเงนิ เฟ้อดงั กล่ำวน้ีจะเกดิ ข้นึ เม่อื มเี หตุกำร ์ร้ำยแรงภำยในสงั คม เช่น เกิดภำวะสงครำม จลำจล
หรอื ภยั พบิ ตั ติ ่ำงๆ

สาเหตขุ องเงินเฟ้อ
1. เงินเฟ้ อท่ีเกิดจากอุปสงค์เพิ่มขึ้น (Demand-Pull Inflation) คอื ภำวะท่ปี รมิ ำ ควำมต้องกำรสนิ ค้ำ

และบริกำรต่ำงขยำยตัวรวดเร็วมำกกว่ำปริมำ ของสินค้ำท่ีมี ทำให้ไม่เพียงพอกับควำม ต้องกำร
ของประชำชน รำคำสนิ คำ้ จงึ สงู ขน้ึ และกลำยเป็นภำวะเงนิ เฟ้อ ซง่ึ เงนิ เฟ้อประเภทน้เี กดิ ขน้ึ ไดก้ ต็ อ่ เมอ่ื
ทงั้ ระบบมกี ำรจำ้ งงำนเตม็ ทแ่ี ลว้ จงึ ไมส่ ำมำรถจำ้ งงำนเพมิ่ เพอ่ื เขำ้ มำผลติ สนิ คำ้ ใหไ้ ด้ปรมิ ำ มำกขน้ึ
เพอ่ื มำสนองควำมตอ้ งกำรของประชำชนไดอ้ กี

จำกภำพ E คือ จุดดุลยภำพท่ีระดับปริมำ สินค้ำ OQ มีควำมเหมำะสมกับระดับรำคำ OP
ต่อมำอุปสงค์รวมเพมิ่ ข้นึ ซ่ึงอำจจะเกิดมำจำกปัจจยั ต่ำงๆ เช่น ประชำชนบรโิ ภคสนิ ค้ำเพม่ิ ข้นึ มำกอย่ำงรวดเรว็
กำรใชจ้ ่ำยของรฐั หรอื เอกชนลงทุนเพมิ่ มำกขน้ึ ฯลฯ ซ่งึ ปัจจยั เหล่ำน้ีทำให้ปรมิ ำ ควำมต้องกำรสนิ ค้ำ
และบรกิ ำรเพม่ิ มำกข้นึ เป็น OQ1 และส่งผลให้รำคำสนิ ค้ำและบรกิ ำรเพม่ิ ข้นึ เป็น OP1 หำกปัจจยั ต่ำงๆ
เหลำ่ น้ียงั มเี พม่ิ ขน้ึ จะสง่ ผลใหป้ รมิ ำ ควำมตอ้ งกำรเพม่ิ ขน้ึ เรอ่ื ยๆ อนั เป็นลกั ษ ะของเงนิ เฟ้อ

2. เงินเฟ้ อท่ีเกิดจากต้นทุนการผลิตเพ่ิมขึ้น (Cost-push Inflation) คอื ภำวะท่ีต้นทุนกำรผลิตต่ำงๆ

ไมว่ ำ่ จะเป็นคำ่ จำ้ ง คำ่ เชำ่ คำ่ วตั ถุดบิ คำ่ เครอ่ื งจกั รหรอื น้ำมนั เชอ้ื เพลงิ อยำ่ งใดอยำ่ งหน่ึงหรอื หลำยๆ อยำ่ ง
เพมิ่ สูงขน้ึ ทำใหผ้ ผู้ ลติ กำไรน้อยลง จงึ อำจลดปรมิ ำ กำรผลติ หรอื ผลติ เท่ำเดมิ แต่เพ่ิมรำคำสูงขน้ึ จงึ เป็น
สำเหตุใหส้ นิ คำ้ และบรกิ ำรทวั่ ไปในระบบเศรษฐกจิ มรี ำคำสงู ขน้ึ อยำ่ งรวดเรว็ จนเกดิ ภำวะเงนิ เฟ้อ

จำกภำพ ภำวะดุลยภำพ คอื จุด E ซ่งึ ระดบั ทเ่ี หมำะสมคอื ปรมิ ำ สนิ คำ้ OQ และรำคำท่ี OP หำกเกดิ
ปัญหำทท่ี ำใหต้ น้ ทุนกำรผลติ อยำ่ งใดอย่ำงหน่ึงหรอื หลำยๆ อย่ำงสูงขน้ึ เช่น กำรเรยี กร้องขอขน้ึ เงนิ เดอื น
ของลูกจ้ำง น้ำมนั ข้นึ รำคำ หรอื รำคำวตั ถุดบิ สูงข้นึ เป็นต้น กจ็ ะทำให้รำคำสนิ ค้ำและบรกิ ำรเพมิ่ สูงข้นึ
แต่ปรมิ ำ สนิ คำ้ และบรกิ ำรลดลง เน่ืองจำกผผู้ ลติ อำจจะขำดทุนในกำรผลติ หรอื ไม่แน่ใจวำ่ เม่อื ผลติ สนิ คำ้
ออกมำแลว้ จะคมุ้ หรอื ไม่

3. เงินเฟ้ อท่ีเกิดจากการเปล่ียนแปลงโครงสร้าง คือ ภำวะเงินเฟ้อท่เี กิดจำกกำรเปล่ยี นแปลง

ของอุปสงค์และอุปทำนมวลรวมอย่ำงรวดเร็ว ไม่สำมำรถท่ีจะผลิตสินค้ำและบริกำรมำสนองตอบ
ต่อควำมต้องกำรของประชำชนได้ทนั ซ่ึงมกั จะเกิดข้นึ ในภำวกำร ์ท่ีเป็นปัญหำ เช่น ภัยพิบัติต่ำงๆ
ภำวะสงครำม เป็ นต้น ตัวอย่ำงคือ เม่ือประเทศเกิดภำวะสงครำม รัฐบำลต้องใช้จ่ำยเพิ่มข้ึน เพ่ือ
กำรผลิตอำวุธ ซ้ือสินค้ำและบริกำร นำเอำทรพั ยำกรต่ำงๆ มำผลิตอำวุธ ตลอดจนกำร ปรับเปล่ียน
สถำนประกอบกำรต่ำงๆ มำผลิตอำวุธหรอื สร้ำงโรงงำนผลิตอำวุธเพมิ่ ข้นึ เม่อื สงครำมสงบลง รฐั บำล
ไม่จำเป็ นต้องใช้จ่ำยเพิ่มข้ึนอีก กิจกำรด้ำนกำรผลิตก็สำมำรถดำเนินกำรได้อย่ำงเสรีเ ช่นเดิมได้
ประชำชนสำมำรถใชจ้ ่ำยซ้อื สนิ คำ้ และบรกิ ำรไดเ้ ตม็ ท่ี แต่ในระบบเศรษฐกจิ ยงั ไม่สำมำรถท่ีจะผลติ สนิ คำ้
และบริกำรออกมำได้ทนั เพรำะโครงสร้ำงของกำรผลิตจะต้องมีกำรปรบั ปรุงหลำยประกำรหลงั จำก ท่ี
ถูกใช้ในกำรผลิตอำวุธในช่วงสงครำม ด้วยเหตุน้ีเอง รำคำสนิ ค้ำและบรกิ ำรจงึ เพม่ิ สูงข้นึ เ พรำะควำม
ขำดแคลน กอ่ ใหเ้ กดิ ภำวะเงนิ เฟ้อตำมมำ

ผลที่เกิ ดจากเงินเฟ้ อ

ผลกระทบทเ่ี กดิ จำกภำวะเงนิ เฟ้อของแต่ละประเทศนนั้ จะแตกต่ำงกนั ไปตำมสภำพของเศรษฐกจิ และ
สงั คมแต่ละแหง่ ดงั น้ี

1. ผลต่อการกระจายรายได้ของบุคคลในสงั คม เม่อื เกดิ ภำวะเงนิ เฟ้อจะทำให้รำยได้ของบุคคล
ในสงั คมแตกต่ำงกนั ไป บำงคนเสยี ผลประโยชน์ แตบ่ ำงคนไดป้ ระโยชน์ คอื

2. ผลต่อการสะสมทุน ทุกประเทศต้องกำรเงินทุนเพ่ือใช้ในกำรพฒั นำเศรษฐกิจของประเทศ

โดยเฉพำะประเทศกำลงั พฒั นำและด้อยพฒั นำทงั้ หลำยต่ำงต้องกำรเงนิ ทุนใช้ในกำรลงทุนด้ำนต่ำงๆ
เพมิ่ มำกขน้ึ หำกประเทศใดเกดิ ภำวะเงนิ เฟ้อ จะมผี ลต่อกำรสะสมทุนของประชำชน เน่ืองจำกภำวะเงนิ เฟ้อ
ทำใหร้ ำคำสนิ คำ้ และบรกิ ำรต่ำงๆ เพม่ิ สูงขน้ึ ประชำชนใชจ้ ่ำยเงนิ เพ่อื กำรบรโิ ภคเพมิ่ ข้ึน ในข ะท่มี กี ำร
ออมลดลงกอ่ ใหเ้ กดิ อปุ สรรคตอ่ กำรลงทุนของประเทศ

3. ผลต่อฐานะของรฐั บาล กำรท่รี ำคำสนิ คำ้ และบรกิ ำรเพมิ่ สูงขน้ึ รฐั บำลกต็ ้องใชจ้ ่ำยเพม่ิ มำกข้นึ

ในข ะท่ีรำยได้ของรฐั บำลไม่ได้เพมิ่ ข้นึ เช่น กำรจดั เก็บภำษีท่ีรฐั บำลเก็บในอตั รำเท่ำเดิม ในข ะท่ี
เกดิ ภำวะเงนิ เฟ้อ ลกั ษ ะเชน่ น้จี ะทำใหร้ ฐั บำลมรี ำยจำ่ ยมำกกวำ่ รำยรบั เกดิ ปัญหำกำรขำดดลุ กำรคลงั

ภาวะเงินฝื ด
เงินฝื ด (Deflation) หมำยถงึ ภำวะท่รี ะดบั รำคำสนิ คำ้ และบรกิ ำรโดยทวั่ ไปมแี นวโน้ม ลดลงเร่อื ยๆ
ติดต่อกันเป็นเวลำนำนพอสมควร ทำให้อำนำจซ้ือของเงินเพิ่มมำกข้ึน ค่ำของเงินสูงกว่ำเ ดิม ทัง้ น้ี
เพรำะปรมิ ำ ของเงนิ ท่หี มุนเวยี นอยู่ในระบบตลำดมนี ้อยลง ประชำชนมรี ำยได้น้อยไม่พอเพยี งกบั กำรครองชพี
ซง่ึ ลกั ษ ะของเงนิ ฝืดกแ็ บง่ ออกเป็น 3 ประเภทเชน่ กนั คอื
1. เงินฝื ดระดบั อ่อน เป็นภำวะท่รี ะดบั รำคำสนิ ค้ำและบรกิ ำรโดยทวั่ ไปมรี ำคำลดลงไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี
เป็นผลใหเ้ ศรษฐกจิ โดยรวมดขี น้ึ เน่อื งจำกประชำชนจะเพม่ิ กำรใชจ้ ำ่ ยมำกขน้ึ เพรำะรำคำสนิ คำ้ ถกู ลง
2. เงินฝื ดระดบั ปานกลาง เป็นภำวะท่รี ะดบั รำคำสนิ คำ้ และบรกิ ำรโดยทวั่ ไปมรี ำคำลดลงรอ้ ยละ 5–20 ต่อปี
เป็นผลเสยี ต่อระบบเศรษฐกจิ เพรำะรำคำสนิ คำ้ และบรกิ ำรทม่ี รี ำคำลดลงทำใหผ้ ผู้ ลติ คำดว่ำจะไดก้ ำไรน้อย
จึงลดกำรผลิตลง ส่งผลต่อกำรมีงำนทำและรำยได้ของประชำชนลดลงด้วย เป็ นสำเหตุของกำรชะงักงัน
ทำงเศรษฐกจิ
3. เงินฝื ดระดบั รนุ แรง เป็นภำวะทร่ี ะดบั รำคำสนิ คำ้ และบรกิ ำรโดยทวั่ ไปรำคำลดลง รอ้ ยละ 20 ต่อปี
ขน้ึ ไป ทำใหภ้ ำวะเศรษฐกจิ ชะงกั งนั คนว่ำงงำนมำก รำยไดป้ ระชำชนลดต่ำลง และเศรษฐกจิ ของประเทศ
เขำ้ สภู่ ำวะเศรษฐกจิ ตกต่ำ

สาเหตขุ องการเกิดภาวะเงินฝื ด

ภำวะเงนิ ฝืด คอื สภำพทร่ี ะบบเศรษฐกจิ มปี รมิ ำ เงนิ หมนุ เวยี นน้อยลง ทงั้ น้อี ำจมสี ำเหตุดงั น้ี
1. ธนำคำรและสถำบนั กำรเงนิ ต่ำงๆ ลดกำรใหก้ ยู้ มื เงนิ หรอื สนิ เชอ่ื ประเภทตำ่ งๆ ลง
2. รฐั บำลเกบ็ ภำษใี นอตั รำทส่ี งู ทำใหป้ รมิ ำ เงนิ ในระบบเศรษฐกจิ หมนุ เวยี นในตลำดน้อยลง
3. ธนำคำรเพมิ่ อตั รำเงนิ สดสำรองตำมกฎหมำยเพม่ิ ขน้ึ รวมทงั้ ใชน้ โยบำยควบคุมกำรปล่อยสนิ เช่อื
ของธนำคำรพำ ิชย์ และสถำบนั กำรเงนิ อน่ื
4. ประเทศขำดดุลชำระเงนิ เป็นเวลำนำน ทำใหส้ ญู เสยี เงนิ ตรำต่ำงประเทศ และปรมิ ำ เงนิ หมุนเวยี น
น้อยลง

ผลท่ีเกิดจากเงินฝื ด

ผลกระทบของกำรเกดิ เงนิ ฝืด คอื รำคำสนิ คำ้ และบรกิ ำรมแี นวโน้มลดลงเร่อื ยๆ จะเป็นปัจจัยสำคญั
ท่ีทำให้ผู้ผลิตชะลอกำรลงทุนและกำรผลติ ลง เพรำะเกดิ ควำมไม่มนั่ ใจในอนำคตว่ำจะได้ผลตอบแทน
คุม้ ค่ำท่ลี งทุนไปหรอื ไม่ จงึ ลดกำรจ้ำงงำน ทำให้ประชำชนมรี ำยไดล้ ดลง จงึ เกดิ ภำวะเศรษฐกจิ ถดถอย
และเริ่มตกต่ำเน่ืองจำกขำดกำลงั ซ้ือ นอกจำกน้ี กำรเกิดภำวะเงินฝืดยงั มีผลต่อประชำชนกลุ่มต่ำงๆ
โดยมกี ลมุ่ ทไ่ี ดร้ บั ประโยชน์ ไดแ้ ก่ กลุม่ บุคคลทม่ี รี ำยไดป้ ระจำทแ่ี น่นอน ขำ้ รำชกำร ผใู้ หเ้ ชำ่ ทรพั ยส์ นิ ต่ำงๆ
ผอู้ อกเงนิ กู้ และกลุ่มผเู้ สยี ผลประโยชน์ ไดแ้ ก่ กลุม่ บุคคลทม่ี รี ำยไดไ้ มแ่ น่นอน ผปู้ ระกอบกำร พอ่ คำ้ ลกู หน้ี
ผเู้ ชำ่ บำ้ น เจำ้ ของโรงงำนและรำ้ นคำ้ ต่ำงๆ

การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและเงินฝื ด

หำกเกดิ ปัญหำเงนิ เฟ้อหรอื เงนิ ฝืดขน้ึ รฐั บำลจะตอ้ งแกไ้ ขปัญหำเพอ่ื รกั ษำเสถยี รภำพทำงเศรษฐกจิ ดงั น้ี
1. การใช้นโยบายการเงิน คอื มำตรกำรทธ่ี นำคำรแห่งประเทศไทยนำมำใชใ้ นกำรควบคุมปรมิ ำ
เงนิ ในระบบเศรษฐกจิ ดงั น้ี

1.1กำรซ้อื พนั ธบตั รรฐั บำล ในกร ีทเ่ี กดิ ภำวะเงนิ เฟ้อ ธนำคำรกลำงจะนำพนั ธบตั รออกจำหน่ำย
เพอ่ื ลดปรมิ ำ เงนิ ทห่ี มุนเวยี นอย่ใู นระบบตลำดใหน้ ้อยลง หำกเกดิ ภำวะเงนิ ฝืดธนำคำรกลำงก็จะประกำศ
ซอ้ื พนั ธบตั รคนื มำจำกประชำชนเพอ่ื ใหม้ เี งนิ เพมิ่ ในระบบตลำดมำกขน้ึ

1.2กำรเพมิ่ หรอื ลดอตั รำเงนิ สดสำรองตำมกฎหมำย เม่อื เกดิ ภำวะเงนิ เฟ้อรฐั บำลโดยธนำคำรกลำง
จะประกำศเพม่ิ อตั รำเงนิ สดสำรองตำมกฎหมำย เพ่อื ให้ปรมิ ำ เงนิ ท่จี ะนำไปให้ประชำชนกู้ยมื น้อยลง
เป็นกำรลดปรมิ ำ เงนิ ในระบบตลำด แต่ถำ้ หำกเงนิ ฝืดธนำคำรกลำงจะลดอตั รำเงนิ สดสำรองตำมกฎหมำย
ลงโดยใหธ้ นำคำรสำมำรถนำเงนิ ฝำกสว่ นเกนิ ไปใหป้ ระชำชนกไู้ ดม้ ำกขน้ึ

1.3กำรเพมิ่ หรอื ลดอตั รำดอกเบ้ีย กำรแก้ไขปัญหำเงนิ เฟ้อ โดยกำรเพม่ิ อตั รำดอกเบ้ียเงนิ ฝำกเพ่ือจูงใจ
ให้เกิดกำรออม ลดกำรใช้จ่ำยปริมำ เงินในระบบเศรษฐกิจให้น้อยลง ส่วนกำรแก้ไขอัตรำเงินฝืด
คอื กำรลดอตั รำดอกเบย้ี เงนิ ฝำกเพอ่ื กระตุน้ ใหป้ ระชำชนใชจ้ ำ่ ยเงนิ เพม่ิ ขน้ึ เพรำะกำรฝำกเงนิ ไดด้ อกเบย้ี น้อย

1.4ควบคุมกำรปล่อยสนิ เช่อื ของธนำคำรและสถำบนั กำรเงนิ ต่ำงๆ เม่อื เกดิ ภำวะเงนิ เฟ้อจะมปี รมิ ำ
เงนิ มำกในระบบเศรษฐกจิ สถำบนั กำรเงนิ ต่ำงๆ จะลดปรมิ ำ กำรให้สนิ เช่อื ลง รวมทงั้ กำรเพมิ่ อตั รำดอกเบ้ยี เงนิ กู้
ให้สูงขน้ึ เพ่อื ประชำชนจะได้กู้ยมื ให้น้อยลง แต่ถ้ำเป็นภำวะเงนิ ฝืดซ่งึ มปี รมิ ำ เงนิ ในระบบเศรษฐกจิ น้อย
ธนำคำรและสถำบนั กำรเงนิ ต่ำงๆ จะเพมิ่ ปรมิ ำ กำรให้สนิ เช่อื มำกข้นึ รวมทงั้ กำรลดอตั รำดอกเบ้ียเงนิ กู้
ใหน้ ้อยลง เพอ่ื เป็นกำรจงู ใจกำรลงทุนของประชำชน

2. การใช้นโยบายการคลงั คอื วธิ กี ำรจดั กำรดำ้ นรำยไดแ้ ละรำยจ่ำยของรฐั ซง่ึ มำตรกำรท่ีใชค้ วบคุม

ภำวะเงนิ เฟ้อและเงนิ ฝืด ไดแ้ ก่
2.1กำรควบคุมรำยจ่ำยของรัฐบำล หำกเกิดภำวะเงินเฟ้ อรัฐบำลต้องลดรำยจ่ำยต่ำงๆ

ลงเพ่อื ใหป้ รมิ ำ เงนิ ออกมำหมุนเวยี นในระบบเศรษฐกจิ น้อยลง ในทำงตรงกนั ขำ้ มหำกเกดิ ภำวะเงินฝืด
รฐั บำลต้องเพมิ่ รำยจ่ำย ไม่ว่ำจะเป็นกำรส่งเสรมิ โครงกำรพฒั นำของกรมกองต่ำงๆ ใหม้ ำกขน้ึ ตลอดจน
กำรขยำยงำนดำ้ นตำ่ งๆ เพม่ิ ขน้ึ

2.2กำรจดั เก็บภำษี หำกประชำชนมีรำยได้มำกเกินไป จะเกิดภำวะเงินเฟ้อ รฐั บำลสำมำรถควบคุมได้
โดยกำรจดั เก็บภำษีด้ำนต่ำงๆ ให้สูงข้นึ ไม่ว่ำจะเป็นภำษีเงินได้บุคคลทวั่ ไป ภำษีกำรค้ำ ภำษีนำเข้ำ
ภำษดี ำ้ นกำรลงทุนทุกประเภท ฯลฯ แต่หำกเกดิ ภำวะเงนิ ฝืดรฐั จะตอ้ งชว่ ยใหม้ ปี รมิ ำ เงนิ มำหมุนเวยี นใน
ระบบเศรษฐกจิ เพม่ิ ขน้ึ โดยกำรลดอตั รำภำษตี ่ำงๆ เชน่ ภำษเี งนิ ได้ ภำษกี ำรสง่ ออกสนิ คำ้ เป็นตน้

กำรแก้ไขปัญหำเงนิ เฟ้อและเงนิ ฝืดนัน้ จะใช้วธิ ีกำรใดหรอื มำตรกำรใดจะต้องพจิ ำร ำถึงสำเหตุ
ของปัญหำ บำงครงั้ กำรแก้ไขอำจจะใช้มำตรกำรเดียว เช่น กำรลดอตั รำดอกเบ้ียเงินฝำกให้น้อยลง แต่บำงครงั้
กำรแกไ้ ขปัญหำอำจจะตอ้ งใชม้ ำตรกำรหลำยประเภทเพอ่ื กำรแกไ้ ขจะไดผ้ ลมำกยงิ่ ขน้ึ

วฎั จกั รเศรษฐกิจ หรอื วฎั จกั รธรุ กิจ
วฏั จกั รเศรษฐกิจ หรอื วฏั จกั รธรุ กิจ (Business Cycle) หมำยถงึ กำรเคลอ่ื นไหวขน้ึ ลงของเศรษฐกจิ
อนั เน่ืองมำจำกกำรเปล่ยี นแปลงกจิ กรรมทำงเศรษฐกจิ เช่น กำรผลติ กำรบรโิ ภค กำรจดั สรรทรพั ยำกร
กำรแลกเปลย่ี น ตวั อยำ่ งเชน่ ปรมิ ำ สนิ คำ้ ทผ่ี ลติ ไดเ้ ปลย่ี นแปลง ข ะทค่ี วำมตอ้ งกำรบรโิ ภคสนิ คำ้ นนั้ คงท่ี
ยอ่ มสง่ ผลใหร้ ำคำผลติ ภั ฑน์ นั้ เปลย่ี นแปลง ลกั ษ ะน้ีจะมผี ลกระทบต่อระบบเศรษฐกจิ โดยรวม ทำใหเ้ กดิ
กำรเคล่อื นไหวในลกั ษ ะวฏั จกั ร ซง่ึ นกั เศรษฐศำสตรแ์ บง่ ไวไ้ ด้ 4 ระยะ ดงั ภำพ

1. ระยะ ab เป็นระยะเวลำท่ีเศรษฐกิจรุ่งเรือง (Prosperity) เป็นระยะท่ีเศรษฐกิจมีกำรขยำยตัวสูงข้ึน

มกี ำรจ้ำงงำนเพม่ิ มำกข้นึ กำรลงทุนเพมิ่ ข้นึ ทำให้เกดิ กำรขยำยตวั ของผลิตภั ฑ์ประชำชำติ อตั รำกำรขยำยตวั
จะเพม่ิ ขน้ึ อยำ่ งรวดเรว็ ในตอนตน้ ตอ่ มำจะมอี ตั รำลดน้อยถอยลงจนถงึ จุดสงู สดุ (Peak) ทจ่ี ดุ b เป็นอนั สน้ิ สดุ

2. ระยะ bc เป็นระยะเวลำทเ่ี ศรษฐกจิ ถดถอย ระยะน้ีกำรจำ้ งงำน กำรลงทุนและผลติ ภั ฑป์ ระชำชำติ

มแี นวโน้มขยำยตวั ลดลง และในระยะตอ่ มำจะมอี ตั รำลดลงเพม่ิ ขน้ึ เรอ่ื ยไปจนถงึ จดุ c
3. ระยะ cd เป็นระยะเวลำท่เี ศรษฐกจิ ตกต่ำ ภำวกำร ์จำ้ งงำนจะลดลง กำรลงทุนลดลง ระดบั รำคำจะลดลง

ซง่ึ เป็นชว่ งภำวะเงนิ ฝืด อตั รำกำรขยำยตวั ของผลติ ภั ฑป์ ระชำชำตจิ ะลดลงจนถงึ จดุ ต่ำสดุ (Trough) ทจ่ี ดุ d
4. ระยะ de เป็นระยะเวลำท่ีเศรษฐกิจฟ้ืนตวั กำรผลิตจะเริ่มขยำยตวั มีกำรนำเอำควำมก้ำวหน้ำ

ทำงวทิ ยำกำรเขำ้ มำใหม่ กำรใชเ้ คร่อื งจกั รใหม่ กำรจำ้ งงำน กำรฝึกอบรมแรงงำนจะเพมิ่ ขน้ึ กำรขยำยตวั
ของผลติ ภั ฑป์ ระชำชำตจิ ะมอี ตั รำเพม่ิ ขน้ึ

กำรเคล่ือนไหวของเศรษฐกิจปกติจะอยู่ในระดบั เส้นสมมติท่ีระดบั เศรษฐกิจปกติ ดงั นัน้ เศรษฐกิจ
มีกำรเคล่ือนไหวในระยะท่ีสูงกว่ำระดบั ปกติ ประชำชนจะรู้สึกว่ำเศรษฐกิจมีกำรขยำยตัว แต่ถ้ำกำร
เคลอ่ื นไหวต่ำกวำ่ ระดบั ปกติ ประชำชนจะเหน็ ถงึ ปัญหำเศรษฐกจิ ทร่ี นุ แรง

องคป์ ระกอบท่ีกระทบต่อการเกิดวฎั จกั รธรุ กิจ

กำรท่ีเศรษฐกิจมีกำรเคล่ือนไหวเกิดจำกองค์ประกอบต่ำงๆ ในระบบเศรษฐกิจและ ผลกระทบ
จำกภำยนอกระบบเศรษฐกจิ คอื

1. องค์ประกอบโดยทวั่ ไปทางเศรษฐศาสตร์มหภาค เช่น ระดบั รำคำสนิ ค้ำโดยทวั่ ไป ปรมิ ำ
ผลผลติ ของชำตเิ กดิ กำรเปลย่ี นจนเกดิ ผลกระทบต่อภำวะเศรษฐกจิ

2. การเกิดความก้าวหน้าทางวิทยาการ ทำใหเ้ กดิ สงิ่ ประดษิ ฐใ์ หมๆ่ มำใชใ้ นระบบกำรผลิตของชำติ
ทำใหเ้ กดิ กำรพฒั นำกรรมวธิ กี ำรผลติ กำรจดั กำร กำรบรหิ ำร ตลอดจนกลยทุ ธท์ ำงกำรคำ้

3. การลงทุนตามนโยบายการพฒั นาของรฐั บาล ย่อมทำให้เกดิ ผลกระทบต่อกำรขยำยตวั ทำง
เศรษฐกิจถ้ำรฐั บำลมนี โยบำยกำรใช้จ่ำยเพ่อื ก่อให้เกดิ กำรผลติ ย่อมทำให้เศรษฐกจิ ขยำยตวั แต่ถ้ำกำร
ใช้จ่ำยของรฐั บำลเป็นไปในทำงไม่ก่อให้เกดิ กำรผลติ เช่น สะสมอำวุธหรอื ทำสงครำม ย่อมทำใ ห้อตั รำ
กำรขยำยตวั ทำงเศรษฐกจิ ต่ำลง

4. ผลกระทบจากการสะสมทุนและตลาดการเงิน ในภำวะเศรษฐกิจถดถอย ปริมำ เงิน

ท่ีใช้จ่ำยประจำวนั ลดลง กำรขำยผลิตภั ฑ์ในตลำดจะชะลอตัวลง ส่งผลให้กำรกู้ยืมเพ่ือนำเงินไป
ลงทุนของอุตสำหกรรมลดลง เกดิ ส่วนเกนิ ของปรมิ ำ เงนิ ถ้ำในระยะเวลำน้ีอตั รำดอกเบ้ยี ในตลำดลดลง
กำรกยู้ มื เพอ่ื กำรลงทุนกอ็ ำจเพม่ิ สงู ขน้ึ ซง่ึ จะทำใหเ้ ศรษฐกจิ ฟ้ืนตวั ได้ แต่ถำ้ อตั รำดอกเบย้ี ในตลำดเพม่ิ สงู ขน้ึ
เศรษฐกจิ กจ็ ะลดกำรขยำยตวั

5. ภาวะของตลาดหลกั ทรพั ยแ์ ละการเปลี่ยนแปลงสินค้าคงเหลือ ในกำรผลติ และจำหน่ำยสนิ คำ้

ย่อมใช้เงินทุนจำกแหล่งต่ำงๆ กำรซ้ือขำยหุ้นในตลำดหลักทรัพย์ก็เป็ นส่วนหน่ึงของกำรร ะดมทุน
ถำ้ หำกกำรซอ้ื ขำยมปี รมิ ำ มำกย่อมเกดิ กำรขยำยตวั ของเศรษฐกจิ และถำ้ หำกจำนวนสนิ คำ้ เปลย่ี นแปลง
ยอ่ มสง่ ผลใหส้ นิ คำ้ คงเหลอื เปลย่ี นแปลงและเกดิ ผลกระทบต่อเศรษฐกจิ ข ะนนั้

6. การคาดคะเนภาวะการตลาดในอนาคต นักเศรษฐศำสตร์และนักกำรตลำดมกั จะคำดคะเน

ภำวะกำรตลำด ถ้ำคำดว่ำแนวโน้มของอุปสงค์ในตลำดเพม่ิ สูงขน้ึ ผูผ้ ลติ จะขยำยกำรผลติ เพมิ่ เพ่อื รองรบั
อุปสงค์ ถำ้ กำรคำดคะเนถูกตอ้ งย่อมทำใหเ้ ศรษฐกจิ ขยำยตวั แต่ถ้ำผดิ พลำดกอ็ ำจทำใหเ้ ศรษฐกจิ ถดถอย
หรอื ตกต่ำในระยะตอ่ มำได้

ตลาดการเงิน (Financial Market) หมำยถึง ตลำดท่ีอำนวยควำมสะดวกในกำรโอนเงินจำก
หน่วยเศรษฐกจิ ทม่ี กี ำรออมไปยงั หน่วยเศรษฐกจิ ทต่ี อ้ งกำรเงนิ ออมเพ่อื นำไปลงทุน ตลำดกำรเงนิ ประกอบ
ไปดว้ ยตลำดเงนิ และตลำดทุน

1. ตลาดเงิน คอื ตลำดทม่ี กี ำรระดมเงนิ ทุนและกำรใหส้ นิ เช่อื ระยะสนั้ ไม่เกนิ 1 ปี ไดแ้ ก่ กำรโอนเงนิ
กำรซ้อื ขำยหลกั ทรพั ย์ทำงกำรเงนิ ทม่ี อี ำยุไถ่ถอนระยะสนั้ เช่น ตวั ๋ เงนิ คลงั ตวั ๋ แลกเงิน ตวั ๋ สญั ญำใช้เงนิ
เป็นต้น ตลำดเงนิ เป็นท่รี วมกลไกท่ที ำให้เกดิ กำรหมุนเวยี นของเงนิ ทุนระยะสนั้ ให้เป็นไปด้วยดี ได้แก่
กำรให้สินเช่ือแก่บุคคล กำรจดั หำเงินทุนเพ่ือประกอบกำรของธุรกิจ กำรจดั หำเงินทุนระยะสั้นของ
ภำครฐั บำล ตลำดเงนิ สำมำรถแบ่งออกไดเ้ ป็น

1.1ตลำดเงินในระบบ ประกอบด้วยสถำบนั กำรเงนิ ท่ีตงั้ ข้นึ ตำมกฎหมำย ได้แก่ ธนำคำรกลำง
ธนำคำรเฉพำะกจิ ของรฐั ธนำคำรพำ ชิ ย์ บรษิ ทั เงนิ ทุนและหลกั ทรพั ย์ กจิ กรรมหลกั ของตลำดเงนิ ในระบบ
ได้แก่ กำรกู้โดยตรงหรอื เบิกเงนิ เกนิ บญั ชี (Loan and Overdraft) กำรกู้ยมื ระหว่ำงธนำคำรด้วยกนั เอง
(Inter–bank Loan) กำรกู้โดยขำยตรำสำรทำงกำรเงิน ตัว๋ สัญญำใช้เงิน ตัว๋ เงินคลัง ตรำสำร กำรค้ำ
และตรำสำรทธ่ี นำคำรรบั รอง

1.2ตลำดกำรเงนิ นอกระบบ เป็นแหล่งกำรกยู้ มื ทไ่ี มม่ กี ฎหมำยรองรบั สถำนภำพของผใู้ ห้กู้ กจิ กรรม
ทส่ี ำคญั ของตลำดกำรเงนิ ประเภทน้ี ไดแ้ ก่ กำรเลน่ แชร์ กำรใหก้ ขู้ องบคุ คลทวั่ ไป และกำรขำยฝำก เป็นตน้

2. ตลาดทุน คือ ตลำดท่ีมีกำรระดมเงินออมและให้สินเช่ือในระยะตัง้ แต่ 1 ปี ข้ึนไป ได้แก่

เงนิ ฝำกประจำ หุน้ สำมญั หุน้ กู้ และพนั ธบตั รทงั้ ของรฐั บำลและเอกชน โดยอำจแบ่งออกเป็น
2.1ตลำดสนิ เชอ่ื ทวั่ ไป ไดแ้ ก่ ธนำคำรพำ ชิ ย์ บรษิ ทั ประกนั ชวี ติ บรษิ ทั เงนิ ทุน เป็นตน้
2.2ตลำดหลกั ทรพั ย์ ซง่ึ แบง่ ออกเป็นตลำดยอ่ ย 2 ตลำด คอื
1)ตลำดแรก (Primary Market) คอื ตลำดทท่ี ำกำรซอ้ื ขำยหลกั ทรพั ยท์ อ่ี อกใหม่ เป็นกำรซอ้ื ขำย

ทห่ี น่วยธุรกจิ ผอู้ อกหลกั ทรพั ย์ได้รบั เงนิ ทุนจำกผูซ้ ้อื หลกั ทรพั ย์ใหม่ ทำงเศรษฐศำสตร์ถอื ว่ำกำรซ้อื ขำย
หลกั ทรพั ยใ์ นตลำดน้ีเป็นกำรลงทุนทแ่ี ทจ้ รงิ

2)ตลำดรอง (Secondary Market) คอื ตลำดท่ที ำกำรซ้อื ขำยหลกั ทรพั ย์เก่ำ จงึ ถือว่ำมิใช่กำร
ลงทุนทแ่ี ทจ้ รงิ เป็นเพยี งกำรเปลย่ี นมอื ระหวำ่ งผถู้ อื หลกั ทรพั ย์ โดยหน่วยธรุ กจิ ผู้ออกหลกั ทรพั ยน์ นั้ ๆ มไิ ด้
รบั เงนิ ทุนจำกกำรซ้อื ขำยเหล่ำนนั้ อยำ่ งไรกต็ ำม ตลำดรองมบี ทบำทเกอ้ื กลู ต่อตลำดแรก เพรำะทำใหผ้ ซู้ ้อื
หลกั ทรพั ยใ์ นตลำดแรกมนั่ ใจวำ่ จะสำมำรถเปลย่ี นหลกั ทรพั ยเ์ ป็นเงนิ สดไดเ้ มอ่ื ตอ้ งกำร

ปัจจุบนั กำรแบ่งตลำดเงนิ และตลำดทุนออกจำกกนั ชดั เจนทำไดค้ ่อนขำ้ งยำก เพรำะสถำบนั กำรเงนิ
แต่ละแห่งมกั มธี ุรกรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งทงั้ สนิ เช่อื ในระยะสนั้ และระยะยำว ในกำรศกึ ษำจงึ มักพจิ ำร ำรวมกนั
เป็นตลำดกำรเงนิ

ความสาคญั ของตลาดการเงิน

ตลำดกำรเงนิ มบี ทบำททส่ี ำคญั ตอ่ ระบบเศรษฐกจิ โดยเฉพำะระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นิยมตลำดเสรี ดงั น้ี
1. ช่วยระดมเงนิ ทุนจำกหน่วยเศรษฐกจิ ท่มี เี งนิ ออม หำกไม่มตี ลำดกำรเงนิ เงนิ ส่วนท่ีเหลอื จำกกำร
ใชจ้ ่ำยของหน่วยเศรษฐกจิ บำงส่วนจะถูกถอื ไวโ้ ดยไม่มผี ลประโยชน์ใดงอกเงยขน้ึ มำ เม่อื มตี ลำดกำรเงนิ
หน่วยเศรษฐกจิ เหล่ำนัน้ ก็สำมำรถนำเงนิ ออกไปฝำกไว้กบั สถำบนั กำรเงนิ ในรูปเงนิ ฝำกประเภทต่ำงๆ
และสำมำรถแลกเปลย่ี นเป็นหลกั ทรพั ยป์ ระเภทต่ำงๆ ไดต้ ำมควำมเหมำะสมและไดร้ บั ผลตอบแทน
2. เกดิ กำรจดั สรรเงนิ ทุนอย่ำงมปี ระสทิ ธภิ ำพ หน่วยเศรษฐกจิ ใดๆ ทต่ี ้องกำรลงทุนหำกไม่มเี งนิ ออม
ของตนอย่ำงเพยี งพอกส็ ำมำรถหำไดจ้ ำกตลำดกำรเงนิ โดยจะต้องจ่ำยค่ำตอบแทนใหก้ บั เจำ้ ของเงนิ ทุน
และจ่ำยค่ำใชจ้ ่ำยในกำรดำเนินงำนของสถำบนั กำรเงนิ ดงั นัน้ โครงกำรลงทุนท่อี ำศยั เงนิ ทุ นจำกตลำด
กำรเงนิ จงึ ตอ้ งมอี ตั รำผลตอบแทนสงู เพยี งพอเพ่อื ใหค้ ุม้ กบั ตน้ ทุนเงนิ ทุนทก่ี ูย้ มื มำ ทำใหร้ ะบบเศรษฐกจิ
มกี ำรใชเ้ งนิ ทนุ อยำ่ งมปี ระสทิ ธภิ ำพ

3. รกั ษำอตั รำกำรเติบโตของระบบเศรษฐกิจ สินเช่ือจำกตลำดกำรเงินมีส่วนช่วยให้กำรบริโภค
กำรลงทุน และกำรผลิตเป็นไปอย่ำงสม่ำเสมอ หำกขำดตลำดกำรเงินอุปสงค์มวลรวม (Aggregate
Demand) จะลดต่ำลงในช่วงท่เี กิดภำวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่เม่อื มตี ลำดกำรเงนิ ท่ปี ล่อยสินเช่อื ได้อย่ำง
พอเพยี งในช่วงเวลำท่เี หมำะสม ก็จะช่วยรกั ษำระดบั กำรใช้จ่ำยเพ่อื กำรบรโิ ภคและกำรลงทุนไม่ให้ต่ำ
ลงไปมำก

4. ระบบเศรษฐกจิ ท่มี ตี ลำดกำรเงนิ ท่ไี ด้รบั กำรพฒั นำเป็นอย่ำงดี ธนำคำรกลำงสำมำรถใช้นโยบำย
กำรเงนิ เพอ่ื ปรบั สภำวะทำงเศรษฐกจิ ใหเ้ ป็นไปตำมทต่ี อ้ งกำรได้ เพอ่ื แกไ้ ขปัญหำเศรษฐกจิ ของประเทศ

นโยบายการเงิน (Monetary Policy) หมำยถงึ กำรควบคุมดูแลปรมิ ำ เงนิ และสนิ เช่อื โดยธนำคำรกลำง
เพ่อื บรรลุเป้ำหมำยทำงเศรษฐกจิ ประกำรใดประกำรหน่ึงหรอื หลำยประกำร ไดแ้ ก่ กำรรกั ษำเสถยี รภำพ
ของรำคำ กำรส่งเสรมิ ใหม้ กี ำรจำ้ งงำนเพม่ิ ขน้ึ กำรรกั ษำควำมเจรญิ เตบิ โตทำงเศรษฐกจิ กำรแก้ปัญหำ
ดุลกำรคำ้ และดลุ กำรชำระเงนิ ของประเทศ รวมทงั้ กำรกระจำยรำยไดท้ เ่ี ป็นธรรม

ความสาคญั ของตลาดการเงิน
กำรดำเนินนโยบำยกำรเงนิ แบง่ ไดเ้ ป็น 2 ประเภท คอื
1. นโยบายการเงินแบบเข้มงวด (Tight Money Policy) โดยใช้เคร่ืองมือต่ำงๆ ทำงกำรเงิน
เพ่อื ทำใหป้ รมิ ำ เงนิ มขี นำดเลก็ ลง มกั ใชใ้ นกร ีทร่ี ะบบเศรษฐกจิ เกดิ ภำวะเงนิ เฟ้อ คอื รำคำสนิ คำ้ สงู ขน้ึ
ประชำชนมกี ำรใชจ้ ่ำยมำกกว่ำควำมสำมำรถในกำรผลติ ของระบบเศรษฐกจิ หรอื อกี นัยหน่ึง ประชำชน
มกี ำรใช้จ่ำยเกนิ ตวั ดุลกำรคำ้ และดุลกำรชำระเงนิ ขำดดุล เป็นต้น กำรใช้นโยบำยกำรเงนิ แบบเขม้ งวด
จะชว่ ยลดควำมรอ้ นแรงในระบบเศรษฐกจิ ได้

2. นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (Easy Money Policy) โดยใชเ้ คร่อื งมอื ต่ำงๆ ทำงกำรเงนิ เพ่อื
ทำให้ปรมิ ำ เงนิ มขี นำดใหญ่ขน้ึ มกั ใช้ในกร ีท่รี ะบบเศรษฐกจิ เกดิ ภำวะเงนิ ฝืด คอื เศรษฐกจิ ซบเซำ
กำรลงทุน กำรผลติ และกำรใชจ้ ่ำยของประชำชนอย่ใู นระดบั ต่ำ ควำมตอ้ งกำรสนิ เช่อื มนี ้อยเม่ือเทยี บกบั
ปรมิ ำ เงนิ ออมทม่ี อี ยู่ กำรใชน้ โยบำยกำรเงนิ แบบผอ่ นคลำยจะชว่ ยกระตุน้ เศรษฐกจิ ใหม้ กี ำรฟ้ืนตวั

เครอื่ งมอื ของนโยบายการเงิน
เครอ่ื งมอื ของนโยบำยกำรเงนิ แบง่ ได้ 3 ลกั ษ ะ คอื
1. กำรควบคุมทำงปรมิ ำ (Quantitative Control)
2. กำรควบคมุ ทำงคุ ภำพ (Qualitative Control)
3. กำรควบคมุ โดยตรง (Direct Control)

เครอ่ื งมอื ของนโยบำยทงั้ 3 ลกั ษ ะดงั กลำ่ ว มรี ำยละเอยี ดดงั น้ี
1. การควบคมุ ทางปริมาณ เป็นกำรควบคุมทม่ี อี ยทู่ วั่ ไป คอื กำรควบคมุ ปรมิ ำ เครดติ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้ ไดแ้ ก่

1.1กำรเปล่ียนแปลงอัตรำธนำคำร อัตรำธนำคำร หมำยถึง อัตรำดอกเบ้ียท่ีธนำคำร กลำง
กำหนดขน้ึ สำหรบั เงนิ ใหก้ ูย้ มื แก่ธนำคำรพำ ิชย์ และเรยี กอตั รำดอกเบย้ี จำกกำรใหก้ ู้ยมื แบบน้ีว่ำ “อตั รำ
ดอกเบ้ยี มำตรฐำน” กำรเปล่ยี นแปลงอตั รำดอกเบ้ยี มำตรฐำนถอื เป็นเคร่อื งมอื ควบคุมเครดติ อย่ำงหน่ึง
อย่ำงไรกต็ ำม ในทำงปฏบิ ตั ธิ นำคำรแห่งประเทศไทยมกั จะไมค่ อ่ ยเปลย่ี นแปลงอตั รำดอกเบย้ี มำตรฐำนนัก
อกี ทงั้ ธนำคำรพำ ิชย์ส่วนใหญ่จะกู้ยมื จำกธนำคำรแห่งประเทศไทยเพยี งจำนวนเลก็ น้อยเท่ำท่จี ำเป็น
เทำ่ นนั้ อตั รำดอกเบย้ี มำตรฐำนจงึ ไมค่ อ่ ยมบี ทบำทในกำรควบคุมปรมิ ำ เงนิ ของประเทศนกั

1.2กำรเปล่ยี นแปลงอตั รำรบั ช่วงตวั ๋ ซ้อื ลด ธนำคำรกลำงนอกจำกจะให้ธนำคำรพำ ิชย์กู้ยมื แล้ว
ยงั ใหก้ ูย้ มื แก่เอกชนดว้ ยโดยผ่ำนธนำคำรพำ ิชยท์ เ่ี รยี กว่ำ กำรรบั ช่วงซ้อื ลดตวั ๋ เงนิ กล่ำวคอื เม่อื ธนำคำรพำ ิชย์
รบั ซอ้ื ลดตวั ๋ เงนิ ทย่ี งั ไมถ่ งึ กำหนดชำระจำกพอ่ คำ้ หรอื บุคคลทวั่ ไป กจ็ ะคดิ สว่ นลดจำกผนู้ ำตวั ๋ เงนิ มำขำยเป็น
อตั รำส่วนทเ่ี รยี กวำ่ “อตั รำรบั ซอ้ื ลด” (Discount Rate) ถำ้ ธนำคำรพำ ชิ ยม์ คี วำมจำเป็นตอ้ งใชเ้ งนิ สดกอ่ น
ครบอำยุตวั ๋ กจ็ ะนำไปขำยช่วงลดใหก้ บั ธนำคำรกลำงอกี ต่อหน่ึง ธนำคำรกลำงจะคดิ ส่วนลดจำกธนำคำร
พำ ิชย์ท่เี รยี กว่ำ “อตั รำรบั ช่วงซ้อื ลด” (Rediscount Rate) อตั รำรบั ช่วงซ้อื ลดของธนำคำรกลำงมกั น้อย
กว่ำอตั รำซ้อื ลดท่ธี นำคำรพำ ิชยค์ ดิ จำกลูกคำ้ ซ่งึ กำรเปล่ยี นแปลงอตั รำรบั ช่วงซ้อื ลดน้ีกเ็ ป็นเคร่อื งมอื
ควบคมุ ปรมิ ำ เงนิ อยำ่ งหน่งึ เชน่ กนั

ถ้ำปรมิ ำ เงนิ ในระบบเศรษฐกิจมีมำกเกินไป ธนำคำรกลำงก็จะประกำศเพม่ิ อตั รำรบั ช่วงซ้ือลด
ทำให้ธนำคำรพำ ิชย์ได้รบั กำไรจำกกำรรบั ซ้ือลดน้อยลง ธนำคำรพำ ิชย์จงึ ไม่พยำยำมรบั ซ้ือลดตวั ๋
จำกพ่อคำ้ อกี ต่อไป หรอื ไม่พยำยำมนำตวั ๋ เงนิ มำขำยช่วงลดให้ธนำคำรกลำง เม่อื เป็นเช่นน้ีก็จะทำให้ปรมิ ำ เงนิ
ในระบบเศรษฐกิจไม่ขยำยตัว ในทำงตรงกนั ขำ้ ม ถ้ำปรมิ ำ เงนิ ในระบบเศรษฐกิจมนี ้อยเกินควร ธนำคำรกลำง
จะประกำศลดอตั รำรบั ชว่ งซ้อื ลดตวั ๋ เงนิ เพ่อื ทำใหช้ ว่ งห่ำงระหว่ำงอตั รำรบั ช่วงซ้อื ลดตวั ๋ เงนิ มำกขน้ึ ธนำคำรพำ ิชย์
จะรบั ซ้ือลดตวั ๋ จำกพ่อค้ำแล้วนำมำขำยช่วงลดให้กบั ธนำคำรกลำงมำกข้นึ ทำให้ปริมำ เงนิ ในระบบเศรษฐกิจ
ขยำยปรมิ ำ มำกขน้ึ

1.3กำรเปล่ยี นแปลงอตั รำเงนิ สดสำรองตำมกฎหมำย กำรเปล่ยี นแปลงอตั รำเงนิ สดสำรองตำมกฎหมำยน้ี

จะมผี ลกระทบต่อกระบวนกำรสรำ้ งเงนิ ฝำกของธนำคำรพำ ิชย์ กล่ำวคอื ในกร ีธนำคำรกลำงมปี ระกำศ
เพมิ่ อตั รำเงนิ สดสำรองตำมกฎหมำยให้สูงข้นึ จะทำให้ธนำคำรพำ ิชย์มเี งนิ สดสำรองส่วนเกนิ น้อยลง
กำรสรำ้ งเงนิ ฝำกทงั้ ระบบของธนำคำรพำ ิชยก์ จ็ ะหดตวั ลง ผลทต่ี ำมมำกค็ อื ธนำคำรพำ ิชยม์ แี นวโน้ม
ท่จี ะเพม่ิ อตั รำดอกเบ้ยี เงนิ กู้ให้สูงขน้ึ กำรลงทุนก็จะหดตวั ดงั เช่นในกร ีท่เี กดิ ภำวะเงนิ เฟ้อ แต่ในทำงตรงขำ้ ม
เม่ือปรำกฏว่ำเงินฝืดเคือง กำรลงทุนซบเซำ ธนำคำรกลำงจะลดอัตรำเงินสำรอง ตำมกฎหมำยลง

เพอ่ื ใหธ้ นำคำรพำ ชิ ยม์ เี งนิ สำรองสว่ นเกนิ ทจ่ี ะนำไปใหก้ มู้ ำกขน้ึ มำตรกำรน้ีจะมีผลกระทบต่อปรมิ ำ เงนิ
ค่อนขำ้ งมำกกว่ำมำตรกำรอ่นื ๆ ดงั นัน้ ถ้ำไม่จำเป็นธนำคำรกลำงมกั จะไม่ใชม้ ำตรกำรน้ี และมำตรกำรน้ี
จะใชอ้ ยำ่ งมปี ระสทิ ธภิ ำพในกำรแกป้ ัญหำเงนิ เฟ้อ

1.4กำรซ้อื ขำยหลกั ทรพั ย์ กำรซ้อื ขำยหลกั ทรพั ยม์ วี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ลดและเพมิ่ ปรมิ ำ เงนิ ในระบบ
เศรษฐกจิ ถำ้ ปรมิ ำ เงนิ ในระบบเศรษฐกจิ มมี ำกเกนิ ไป ธนำคำรกลำงจะนำหลกั ทรพั ยอ์ อกขำยเพ่ือดงึ เงนิ

ในระบบเศรษฐกิจมำเก็บไว้ในคลงั ทำให้ปรมิ ำ เงนิ หมุนเวยี นในระบบเศรษฐกิจลดลง ส่วน ในกร ีท่ี
ปรมิ ำ เงนิ ในระบบเศรษฐกิจมนี ้อยเกนิ ไป ธนำคำรกลำงกจ็ ะซ้อื หลกั ทรพั ย์ทำให้ปรมิ ำ เงนิ มมี ำกข้นึ
กำรซ้ือขำยหลกั ทรพั ย์ของธนำคำรทำได้โดยตรง ธนำคำรกลำงจงึ สำมำรถควบคุมปรมิ ำ เงนิ ได้ดกี ว่ำ
กำรเปลย่ี นแปลงอตั รำรบั ชว่ งซอ้ื ลด

2. การควบคุมทางคุณภาพ เป็ นกำรควบคุมกำรให้เครดิตของธนำคำรพำ ิชย์บำงประเภท

วธิ กี ำรทวั่ ไป ได้แก่ กำรกำหนดเง่อื นไขกำรกูเ้ งนิ ประเภททต่ี ้องกำรจำกดั เครดติ เช่น จำนวน เงนิ ดำวน์
(Down Payment) ระยะเวลำของกำรผ่อนชำระ อตั รำดอกเบ้ยี เป็นต้น ซ่ึงธนำคำรพำ ิชย์และสถำบนั
เงนิ กตู้ ่ำงๆ จะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ำมโดยเครง่ ครดั ชนิดของเครดติ ทต่ี อ้ งใชธ้ นำคำรกลำงในกำรควบคมุ

2.1กำรควบคุมเครดิตเพ่อื กำรซ้ือขำยหลกั ทรพั ย์ กำรซ้อื ขำยหลกั ทรพั ย์เป็นเร่อื งของกำรเก็งกำไรทงั้ ส้นิ
เพรำะต้องมกี ำรคำดคะเนอตั รำดอกเบ้ยี ในอนำคต ซ่งึ อำจก่อใหเ้ กดิ ควำมเสยี หำยแก่ตลำดหลกั ทรพั ยไ์ ด้
ธนำคำรกลำงสำมำรถควบคมุ เหตกุ ำร ์เชน่ น้ไี ดด้ ว้ ยวธิ จี ำกดั เครดติ เพอ่ื กำรซอ้ื ขำยหลกั ทรพั ย์

2.2กำรควบคุมเครดติ เพ่อื กำรอุปโภคบรโิ ภค และกำรซ้อื บำ้ นและท่ดี นิ เคร่อื งมอื ท่ธี นำคำรกลำงใช้สำหรบั
ควบคุมเครดิตประเภทน้ีมี 2 ชนิด คอื กำรกำหนดจำนวนเงินต่ำสุดท่ีต้องใช้ชำระครงั้ แรก และระยะเวลำสูงสุด
ของกำรผ่อนชำระ กล่ำวคอื กำรเพม่ิ จำนวนเงนิ ต่ำสุดท่ตี ้องชำระครงั้ แรก และกำรลดระยะเวลำสูงสุด
ของกำรผ่อนชำระ จะทำใหส้ ำมำรถจำกดั เครดติ เพอ่ื กำรอุปโภคบรโิ ภค และเชำ่ ซอ้ื บำ้ นและทด่ี นิ ไดม้ ำกขน้ึ
และจะมผี ลต่อกำรจดั สรรทรพั ยำกรใหเ้ ป็นไปตำมทต่ี อ้ งกำร

3. การควบคุมโดยตรง เป็นวธิ กี ำรบรหิ ำรเงนิ ท่จี ะเลอื กใชป้ ฏิบตั ิเม่อื เหน็ ว่ำกลไกกำรทำงำนตำม
หลกั เศรษฐศำสตรน์ นั้ ไมไ่ ดผ้ ลหรอื ไดผ้ ลไมท่ นั กำล ตลอดจนเหตุกำร ์รุนแรงจงึ ตอ้ งเลอื กใช้วธิ กี ำรควบคุม
โดยตรง กำรควบคุมโดยตรงน้ีเป็นหลกั กำรบรหิ ำรกำรเงนิ ท่ไี ม่เป็นไปอย่ำงธรรมชำติ เป็นวธิ ีกำรบงั คบั
โดยอำศยั ดุลยพนิ ิจของผบู้ รหิ ำร ซง่ึ กำรบงั คบั น้ีถำ้ ไดผ้ ลกเ็ ป็นสงิ่ ทด่ี ี แต่ถำ้ ผิดพลำดกอ็ ำจจะเกดิ ผลเสยี ต่อ
ระบบเศรษฐกจิ ได้ ดงั นัน้ ในกำรนำวธิ กี ำรควบคุมโดยตรงมำใช้กำหนดนโยบำยกำรเงนิ ต้องระมดั ระวงั
เป็นพเิ ศษ โดยเฉพำะประเทศกำลงั พฒั นำ จะมคี วำมโน้มเอียงท่จี ะใช้วธิ กี ำรควบคุมโดยตรงมำก เช่น
กำรกำหนดอตั รำเงนิ สดสำรองตอ่ หน้ที ไ่ี มก่ อ่ ใหเ้ กดิ รำยไดข้ องธนำคำรพำ ชิ ย์ เป็นตน้

นโยบายการเงินของประเทศไทย

ตงั้ แต่ช่วงสงครำมโลกครงั้ ท่ี 2 ได้มกี ำรตรำพระรำชบญั ญตั ิธนำคำรแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485
ภำยใต้พระรำชบญั ญตั ดิ งั กล่ำว ธนำคำรแห่งประเทศไทย (ธปท.) มหี น้ำทด่ี ำเนินธุรกจิ ของธนำคำรกลำง
และหน้ำท่อี ่นื ๆ ซ่ึงจะกำหนดโดยกำรตรำพระรำชกฤษฎีกำ ในกฎหมำยน้ีถึงแม้มไิ ด้ระบุเร่ืองนโยบำย
กำรเงนิ อย่ำงชดั แจง้ แต่กก็ ำหนดใหค้ ะกรรมกำรธนำคำรมอี ำนำจในกำรกำหนดอตั รำดอกเบย้ี มำตรฐำน
ซ่ึงเป็ นอัตรำดอกเบ้ียท่ี ธปท. เรียกเก็บจำกกำรเป็ นแหล่งเงินกู้แหล่งสุดท้ำยของสถำบัน กำรเงิน
นอกจำกน้ียงั ใหอ้ ำนำจ ธปท. ในกำรซ้อื ขำยตรำสำรหน้ีและเงนิ ตรำต่ำงประเทศ ตลอดจนใหส้ นิ เช่ือแบบ
มหี ลกั ทรพั ยค์ ้ำประกนั แก่สถำบนั กำรเงนิ ซง่ึ ในเร่อื งเหล่ำน้ี ธปท. มไิ ดท้ ำเพอ่ื คำ้ กำไร ดงั นนั้ จงึ กล่ำวไดว้ ่ำ
กฎหมำยมบี ทบญั ญตั โิ ดยออ้ มให้ ธปท. เป็นผดู้ ำเนินนโยบำยกำรเงนิ อย่ำงชดั เจน และในทำงปฏิบตั ิ ธปท.
จะดำเนินธุรกจิ ของธนำคำรกลำงโดยคำนึงถงึ เสถยี รภำพทำงดำ้ นกำรเงนิ และระบบกำรเงนิ ซง่ึ เป็ นปัจจยั
สำคญั ของกำรขยำยตวั ทำงเศรษฐกจิ ในระยะยำว

นโยบำยกำรเงนิ ไทยแบง่ ไดเ้ ป็น 3 ชว่ ง คอื
1. การผกู ค่าเงินบาทกบั ค่าเงินสกลุ อ่ืนหรือกบั ตะกร้าเงิน (Pegged Exchange Rate) นโยบำยน้ี

เรม่ิ ใชต้ งั้ แต่หลงั สงครำมโลกครงั้ ท่ี 2 เป็นต้นมำจนถงึ มถิ ุนำยน 2540 โดยช่วงแรกใชว้ ธิ ีผูกค่ำเงนิ ไว้กบั
สกุลเงนิ อ่ืนหรอื ทองคำ และเปล่ยี นไปใช้ระบบผูกค่ำเงนิ บำทกบั ตะกร้ำเงนิ ในช่วงพฤศจิกำย น 2527–
มถิ ุนำยน 2540 ภำยใตร้ ะบบตะกรำ้ เงนิ น้ี ทุนรกั ษำระดบั อตั รำแลกเปลย่ี น (Exchange Equalization Fund)
จะเป็นผู้ประกำศและปกป้องค่ำเงนิ บำทเทยี บกบั ดอลลำร์สหรฐั ในแต่ละวนั สำหรบั กำรดำเนิน นโยบำย
กำรเงนิ ในชว่ งน้ี มงุ่ เน้นใหป้ ัจจยั ภำยในสอดคลอ้ งกบั กำรกำหนดคำ่ เงนิ ภำยใตร้ ะบบดงั กลำ่ วเป็นสำคญั

2. การกาหนดเป้ าหมายทางการเงิน (Money Target) หลังจำกท่ีประเทศไทยเปล่ียนแปลง
อตั รำแลกเปล่ียนมำเป็นอตั รำแลกเปล่ยี นลอยตวั เม่อื วนั ท่ี 2 กรกฎำคม 2540 นัน้ ประเทศไทยขอรบั
ควำมช่วยเหลือจำกกองทุนกำรเงินระหว่ำงประเทศ (International Monetary Fund : IMF) และ

ไดม้ กี ำรกำหนดนโยบำยกำรเงนิ แบบใหม่ คอื กำหนดเป้ำหมำยทำงกำรเงนิ องิ กบั กรอบขอ้ ตกลงกับ IMF
เพอ่ื ใหเ้ กดิ ควำมสอดคลอ้ งระหวำ่ งนโยบำยกำรเงนิ นโยบำยกำรคลงั และเมด็ เงนิ จำกภำคต่ำงประเทศ หรอื
ดุลกำรชำระเงนิ และใหไ้ ดภ้ ำพกำรขยำยตวั ทำงเศรษฐกจิ และระดบั รำคำตำมทก่ี ำหนดไว้ จำกกำรประเมนิ
สภำพเศรษฐกจิ ดงั กล่ำว ธปท. สำมำรถกำหนดเป้ำหมำยฐำนเงนิ รำยไตรมำสและรำยวนั เพ่อื ใชเ้ ป็นหลกั
ในกำรบรหิ ำรสภำพคล่องรำยวนั ซง่ึ มวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื ปรบั สภำพคล่องและอตั รำดอกเบย้ี ในระบบกำรเงนิ
มใิ หเ้ คล่อื นไหวเปลย่ี นแปลงอยำ่ งผนั ผวนจนเกนิ ไป

3. การกาหนดเป้ าหมายเงินเฟ้ อ (Inflation Targeting) ธนำคำรแห่งประเทศไทยได้พิจำร ำ
ปัจจยั ต่ำงๆ ในระบบกำรเงนิ ทงั้ ในปัจจุบนั และในอนำคตแล้วเหน็ ว่ำ กำรใชป้ รมิ ำ เงนิ เป็นเป้ำหมำยจะ
มปี ระสทิ ธผิ ลน้อยกว่ำกำรใชเ้ งนิ เฟ้อเป็นเป้ำหมำย เน่ืองจำกควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำงปรมิ ำ เงนิ และกำร
ขยำยตวั ทำงเศรษฐกจิ ในช่วงวกิ ฤตเศรษฐกจิ ไม่มเี สถยี รภำพ นอกจำกน้ี กำรทร่ี ะบบกำรเงนิ ในประเทศ
เปล่ยี นแปลงอย่ำงรวดเรว็ ทำให้ควำมตอ้ งกำรสนิ เช่อื ของภำคเอกชน รวมทงั้ ควำมสำมำรถในกำรขยำย
สนิ เช่อื ในแต่ละช่วงมคี วำมไม่แน่นอน ดงั นัน้ ธปท. จึงเปล่ยี นมำใช้อตั รำเงินเฟ้อเป็นเป้ ำหมำยในกำร
ดำเนินนโยบำยกำรเงนิ ในปัจจุบนั แทน

วตั ถปุ ระสงคข์ องนโยบายการเงินไทย

ธนำคำรแหง่ ประเทศไทยไดด้ ำเนนิ นโยบำยกำรเงนิ โดยมเี ป้ำหมำยทส่ี ำคญั 3 ประกำร คอื
1. เพ่ือรกั ษาเสถียรภาพทางการเงิน มำตรกำรทใ่ี ชม้ ี 2 กร ี กลำ่ วคอื

1.1 กร ีภำวะเงินเฟ้อ ใช้นโยบำยกำรเงินแบบเข้มงวด ประกอบด้วยมำตรกำรต่ำงๆ เช่น
เพิ่มอัตรำธนำคำรหรืออัตรำดอกเบ้ียมำตรฐำน เพิ่มอัตรำเงินสดสำรองตำมกฎหมำย เพ่ิม เพดำน
อตั รำดอกเบย้ี เงนิ กแู้ ละเงนิ ฝำก กำรซอ้ื ขำยพนั ธบตั รของรฐั บำล

1.2 กร ีภำวะเงินฝืด ใช้นโยบำยกำรเงินแบบผ่อนคลำย โดยใช้มำตรกำรต่ำงๆ ใน ทิศทำง
ตรงกนั ขำ้ มกบั เงนิ เฟ้อ

2. เสริมสร้างความมนั่ คงของสถาบนั การเงิน มำตรกำรท่นี ำมำใช้ ได้แก่ กำรกำหนดอตั รำเงนิ
กองทุนต่อสินทรัพย์เส่ียงท่ีสถำบันกำรเงินต้องดำรง กำหนดอัตรำกำรสำรองหน้ีท่ีสงสัยจะสูญ
(Non-Performing Loan : NPL) กำหนดเง่ือนไขและอัตรำสูงสุดท่ีสถำบันกำรเงินจะให้บุคคลกู้ยืม
จำกดั กำรถือหุ้นของผู้ถือหุ้น ส่งเสรมิ กำรกระจำยกำรถือหุ้นไปยงั ประชำชน ควบคุมกำรปล่อยสินเช่อื
ของกรรมกำรสถำบนั กำรเงนิ นนั้ ๆ รวมทงั้ ปรบั ปรงุ กฎระเบยี บในกำรกำกบั และตรวจสอบสถำบนั กำรเงนิ

3. ส่งเสริมการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม มำตรกำรท่ีใช้ ได้แก่ กำรรบั ช่วงซ้ือลดตัว๋ สัญญำ
ใช้เงนิ ในภำคเศรษฐกจิ ท่ตี ้องกำรสนับสนุน เช่น กำรส่งออก กำรเกษตร อุตสำหกรรม เป็นต้น กำหนด
นโยบำยและขอควำมรว่ มมอื จำกธนำคำรพำ ิชยใ์ นกำรเพมิ่ สนิ เช่อื ใหส้ ำขำเศรษฐกจิ ดงั กล่ำว กำรใหค้ วำม
ชว่ ยเหลอื แก่สถำบนั กำรเงนิ ทม่ี บี ทบำทในกำรส่งเสรมิ กำรพฒั นำเศรษฐกจิ และสงั คม เช่น บรรษัทเงนิ ทุน
อุตสำหกรรมแห่งประเทศไทย ธนำคำรเพ่อื กำรเกษตรและสหกร ์กำรเกษตร ธนำคำรเพ่อื กำรส่งออก
และนำเขำ้ แหง่ ประเทศไทย บรรษทั เงนิ ทนุ อตุ สำหกรรมขนำดยอ่ ม เป็นตน้


Click to View FlipBook Version