The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by info_dlict, 2020-06-25 06:17:23

คู่มือนิเทศ การขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

1













การขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.





โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model)
























นางสาววิมล ปวนปันวงค์

ต าแหน่ง ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะ ช านาญการ




กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา



ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาล าปาง เขต 1

ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน


กระทรวงศึกษาธิการ



เอกสาร ศน. สพป.ลป.1

ท 7 /2561
ี่

2 ก


ค าน า




คู่มือการนิเทศ ติดตามการขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พ ไอ ซี อ ี
ื่
(APICE Model) เล่มนี้จัดท าขึ้น เพอให้คณะกรรมการและอนุกรรมการ ก.ต.ป.น. ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหาร
สถานศึกษา หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้อง น าไปใช้นิเทศ ติดตามและประเมินผลการขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม
สพฐ.ของสถานศึกษาในสังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาล าปางเขต 1

ผู้จัดท าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือการนิเทศเล่มนี้ คงจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยในการน ากระบวนการ

นิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) ไปสู่การปฏิบัติในสถานศึกษา เพื่อขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.ของ
สถานศึกษาให้เป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ ต่อไป






วิมล ปวนปันวงค์
กลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา


ส านักงานเขตพื้นที่การศกษาประถมศึกษาล าปางเขต 1

ข 3


สารบัญ


เรื่อง หน้า


ค าน า ก

สารบัญ ข


ส่วนที่ 1 บทน า

1.1 ที่มาและความส าคัญของปัญหา 1
1.2 วัตถุประสงค์ของการนิเทศ 3

1.3 เป้าหมายของการนิเทศ 3


ส่วนที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง

2.1 ความหมายและความส าคัญของการนิเทศการศึกษา 4
2.2 หลักการนิเทศการศึกษา และกระบวนการนิเทศการศึกษา 7

2.3 ความหมายและความส าคัญของคุณธรรม จริยธรรม 10

2.4 แนวคิดการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม 12
2.5 โรงเรียนคุณธรรม สพฐ. 16

2.6 โครงงานคุณธรรม 19


ส่วนที่ 3 แนวทางการนิเทศ ติดตามเพอขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.
ื่
การนิเทศ ติดตามการขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. 25


บรรณานุกรม 29


ภาคผนวก

แบบนิเทศ ติดตาม การขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. 32


คณะผู้จัดท า 41

4


ส่วนที่ 1

บทน า



1.1 ที่มาและความส าคัญของปัญหา

แผนพฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564) เป็นแผนที่ยึดกรอบ
วิสัยทัศน์และเป้าหมายอนาคตประเทศไทย ปี 2579 ซึ่งก าหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี จึงมุ่งเตรียม
ความพร้อมและวางรากฐานในการยกระดับประเทศไทยให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน



ด้วยการพฒนาตามปรัชญาเศรษบกิจพอเพยง วัตถุประสงค์ของแผนพฒนาฯ ฉบับที่ 12 จึงก าหนดไว้ ดังนี้ 1)

เพอวางรากฐานให้คนไทยเป็นคนที่สมบูรณ์มีคุณธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ค่านิยมที่ดี มีจิตสาธารณะ
ื่
และมีความสุข โดยมีสุขภาวะและสุขภาพที่ดี ครอบครัวอบอน ตลอดจนเป็นคนเก่งที่มีทักษะความรู้
ุ่
ื่
ความสามารถและพฒนาตนเองได้ต่อเนื่องตลอดชีวิต 2) เพอให้คนไทยมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม

ได้รับความเป็นธรรมในการเข้าถึงทรัพยากรและบริการทางสังคมที่มีคุณภาพ ผู้ด้อยโอกาสได้รับการพฒนา

ศักยภาพ รวมทั้งชุมชนมีความเข้มแขงพงพาตนเองได้ 3) เพื่อให้เศรษฐกิจเข้มแข็ง แข่งขันได้ มีเสถียรภาพและ
ึ่

มีความยั่งยืน สร้างความเข้มแข็งของฐานการผลิตและบริการเดิมและขยายฐานใหม่โดยการใช้นวัตกรรมที่
เข้มแข็งมากขึ้น สร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน อาหารและน้ า 4)

ื่
เพอรักษาและฟนฟทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้สามารถสนับสนุนการเติบโตที่เป็นมิตรกับ

ื้
ื่
สิ่งแวดล้อมและการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และ5) เพอให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพ
โปร่งใส ทันสมัย และมีการท างานโดยมีเป้าหมายในการพัฒนา
นอกจากนี้ในแผนพฒนาฯ ฉบับที่ 12 ยังมีการก าหนดตัวชี้วัดของเป้าหมาย โดยก าหนดแนวทางการ

พฒนาในการปรับเปลี่ยนค่านิยมคนไทยให้มีคุณธรรม จริยธรรม มีวินัย จิตสาธารณะ และพฤติกรรมที่พง



ประสงค์ เช่น การส่งเสริมเลี้ยงดูในครอบครัวที่เน้นการฝึกเด็กให้รู้จัการพงพาตนเอง การส่งเสริมให้มีกิจกรรม
การเรียนการสอนทั้งในและนอกห้องเรียนที่สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม การชี้แนะแนวทางการด ารงชีวิตตาม
หลักธรรมค าสอนที่เข้าใจง่านน าสู่การปลูกฝังค่านิยมที่ดีงาม และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการ

มีส่วนร่วมจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์
จะเห็นว่า ความคาดหวังของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ที่มุ่งให้คนไทยส่วนใหญ่มีทัศนคติและพฤติกรรม

ตามบรรทัดฐานที่ดีของสังคมเพมขึ้น จ าเป็นต้องมีกลยุทธ์ระดับปฏิบัติการที่สอดคล้องและเหมาะสมกับบริบท
ิ่
ในการด าเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งกระบวนการนิเทศติดตามโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. เป็นปัจจัย
ความส าเร็จที่ส าคัญมากที่สุดในการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม และเป็นเครื่องมือที่สามารถน าไปใช้ประโยชน์ใน

การปรับปรุงกระบวนการท างานและขยายผลการพฒนาโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ให้สถานศึกษาในสังกัด

ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาล าปางเขต 1
การน าการนิเทศแบบโค้ช (Coaching) มาเป็นขั้นตอนหนึ่งในการขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

โดยให้ผู้บริหารสถานศึกษาและครูโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. มีความรู้ ความเข้าใจในการด าเนินงานโรงเรียน

คุณธรรม โดยผู้นิเทศต้องท าการนิเทศแบบกัลยาณมิตรซึ่งจะช่วยท าให้กระบวนการนิเทศประสบผลส าเร็จได้

2 5



จริง ผู้นิเทศที่มีลักษณะความเป็นกัลยาณมตร คือ มีความเป็นมิตร ชวนให้เข้าไปหารือไต่ถาม ขอค าปรึกษา น่า
ุ่
ึ่
เคารพ ท าให้ผู้รับการนิเทศเกิดความรู้สึกอบอนใจ เป็นที่พงได้ น่ายกย่อง เป็นผู้มีความรู้และภูมิปัญญาแท้จริง

รู้จักพดให้ได้ผล รู้จักชี้แจงให้เข้าใจง่าย อดทนต่อถ้อยค า พร้อมที่จะรับฟงค าปรึกษา ค าเสนอแนะ และค า

วิพากษ์วิจารณ์ สามารถอธิบายเรื่องที่ยุ่งยากและซับซ้อนให้เข้าใจได้ และให้เรียนรู้เรื่องราวที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปได้
การนิเทศแบบโค้ช จึงเป็นการชี้แนะ และให้ความช่วยเหลือ โดยจุดประสงค์ของการนิเทศแบบโค้ช
(Coaching) ประกอบด้วย การเปิดใจ การให้ใจ การร่วมใจ ตั้งใจสร้างสรรค์คุณภาพ และเงื่อนไขที่ไม่เน้น

ปริมาณงาน แต่เน้นคุณภาพ เป็นลักษณะของความสัมพนธ์ทางใจเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยจะเป็นการให้ก าลังใจ

ช่วยเหลือกันอย่างจริงใจ เพอให้งานด าเนินไปในทิศทางที่ถูกต้องตามความต้องการของผู้นิเทศและผู้ได้รับการ
ื่
นิเทศร่วมกัน

ื่
ในการนิเทศติดตามโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. เพอให้เกิดผลส าเร็จ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
จ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องด าเนินการตามล าดับขั้นตอนอย่างต่อเนื่องกัน เช่น การน าวงจรคุณภาพที่นิยมเรียกกัน

ว่า PDCA มาใช้เป็นกระบวนการนิเทศ ซึ่ง สมศักดิ์ สินธุระเวชญ์ (2542: 188) ได้กล่าวถึง จุดหมายที่แท้จริง
ของวรจรคุณภาพ (PDCA) ว่าเป็นกิจกรรมพนฐานในการบริหารคุณภาพนั่นมิใช่เพยงแค่การปรับแก้ผลลัพธ์ที่
ื้

ื่
เบี่ยงเบนออกไปจากเกณฑ์มาตรฐานให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องการเท่านั้น แต่เพอก่อให้เกิดการปรับปรุงใน
แต่ละรอบของ PDCA อย่างต่อเนื่องเป็นระบบและมีการวางแผน มี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 การวางแผน (Plan-
P) ขั้นที่ 2 การด าเนินตามแผน (Do – D) ขั้นที่ 3 การตรวจสอบ (Check – C) ขั้นที่ 4 การแก้ไขปัญหา (Act

ื่

– A) และธัญพร ชื่นกลิ่น (2553) ได้เสนอการพฒนารูปแบบการโค้ช เพอพฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้

ของอาจารย์พยาบาลที่ส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักศึกษาพยาบาลในสังกัดสถาบันพระ
บรมราชชนกกระทรวงสาธารณสุข พบว่า การพัฒนารูปแบบโค้ช พีพีซีอี (PPCE Coaching Model) คือ ระยะ

ที่ 1 ระยะการเตรียมการ (Preparing Phase : P) ระยะที่ 2 ระยะการวางแผนการโค้ช ( Planning Phase :
P) ระยะที่ 3 ระยะการปฏิบัติการโค้ช ( Coaching Phase : C) ระยะที่ 4 ระยะเวลาการประเมินผลการโค้ช

(Evaluating Phase : E)

นอกจากนี้การการศึกษาการวิจัยของเกรียงศักดิ์ สังข์ชัย (2552) เกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการนิเทศ
ครูวิทยาศาสตร์ เพอพฒนาศักยภาพนักเรียนที่มีแววความสามารถทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งใช้รูปแบบการนิเทศที่
ื่

เรียกว่า APFIE Model มีกระบวนการด าเนินงาน 5 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบันและ
ความต้องการจ าเป็น (Assessing Needs : A) ขั้นตอนที่ 2 การให้ความรู้ก่อนการนิเทศ (Providing

Information : P) ขั้นตอนที่ 3 การวางแผนการนิเทศ (Formation Plan : F) ขั้นตอนที่ 4 ปฎิบัติการนิเทศ

(Implementation : I) ขั้นตอนที่ 5 ประเมินผลการนิเทศ (Evaluating : E)
ดังนั้นกลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา สังกัดส านักงานเขตพนที่การศึกษา
ื้
ประถมศึกษาล าปาง เขต 1 จึงมีแนวทางขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ


ซี อ (APICE Model) คือ 1. A (Assessing Need) การศึกษาสภาพและความต้องการ 2. P (Planning) การ
วางแผนการนิเทศ 3. I (Informing) การให้ความรู้ก่อนการนิเทศ 4. C (Coaching) การนิเทศแบบโค้ช และ

5. E (Evaluating) การประเมินผลการนิเทศ

6 3


1.2 วัตถุประสงค์ของการนิเทศ


เพอนิเทศ ติดตาม การขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พ ไอ ซี อ ี
ื่
(APICE Model) ของสถานศึกษาในสังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาล าปางเขต 1


1.3 เป้าหมายของการนิเทศ
เป้าหมายเชิงปริมาณ

ื่
เพอนิเทศ ติดตาม การขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พ ไอ ซี อ ี

ื้
(APICE Model) ของสถานศึกษาในสังกัดส านักงานเขตพนที่การศึกษาประถมศึกษาล าปางเขต 1 จ านวน 96
โรงเรียน

เป้าหมายเชิงคุณภาพ
1. เพื่อขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรมทั้งโรงเรียนให้บรรลุผลส าเร็จตามที่ สพฐ.ก าหนด

2. ผู้บริหารและครูเป็นผู้น าการเปลี่ยนแปลงและเป็นแบบอย่างที่ดีด้านคุณธรรม
3. ครูได้รับการพัฒนาศักยภาพในการออกแบบและจัดการเรียนรู้เชิงบูรณาการความรู้คู่คุณธรรม และ

เป็นต้นแบบที่ดีงามของนักเรียน

4. นักเรียนแสดงออกถึงพฤติกรรมพึงประสงค์ที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมสม่ าเสมอ

7


ส่วนที่ 2

เอกสารที่เกี่ยวข้อง



การนิเทศ ติดตาม การขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พ ไอ ซี อ ี

(APICE Model) ของส านักงานเขตพนที่การศึกษาประถมศึกษาล าปางเขต 1 ผู้จัดท าได้ศึกษาเอกสารและ
ื้
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
2.1 ความหมายและความส าคัญของการนิเทศการศึกษา

2.2 หลักการนิเทศการศึกษา และกระบวนการนิเทศการศึกษา

2.3 ความหมายและความส าคัญของคุณธรรม จริยธรรม
2.4 แนวคิดการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม

2.5 โรงเรียนคุณธรรม สพฐ.
2.6 โครงงานคุณธรรม



2.1 ความหมายและความส าคัญของการนิเทศการศึกษา

ความหมายของการนิเทศการศึกษา

การพฒนาการศึกษาขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ครูเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีอทธิพลต่อคุณภาพ

การศึกษา ครูที่มีความรู้ความสามารถและได้รับการอบรมเป็นอย่างดีจะช่วยให้งานการศึกษาบรรลุผลส าเร็จ

ดังนั้นการปรับปรุงประสิทธิภาพของครูจึงเป็นเครื่องมือส าคัญ วิธีการที่จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของครู
คือ การนิเทศการศึกษา การที่ผู้เรียนจะมีคุณภาพทางการศึกษามากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับคุณภาพของครู การ

นิเทศการศึกษาเป็นองค์ประกอบที่ส าคัญของการพัฒนาคุณภาพครูในการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนบรรลุ
เป้าหมายของหลักสูตร นักการศึกษาได้ให้ความหมายของการนิเทศการศกษา ดังนี้

ชารี มณีศรี (2540 : 19) กล่าวว่า การนิเทศการศึกษา หมายถึง ความพยายามอย่างหนึ่งในหลายๆ

อย่างที่จะช่วยส่งเสริมให้การศึกษามีคุณภาพทั้งการเรียนและการสอน

ผดุง เฉลียวศิลป์ (2540 : 7) กล่าวว่า การนิเทศการศึกษา หมายถึง กระบวนการสร้างปฏิสัมพนธ์

ระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศเพอให้เกิดความร่วมมือในการพฒนากิจกรรมการเรียนการสอนให้บรรลุ
ื่
เป้าหมายตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพนักเรียนทุก ๆ ด้าน
รินทร์ทอง วรรณศิริ (2541 : 17) กล่าวว่า การนิเทศการศึกษา หมายถึง กระบวนการที่ครูและ


ี่
บุคลากรทางการศึกษาร่วมกันด าเนินงานโดยมุ่งให้ครูเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนการสอนในทางทดีขึ้นอน
ส่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการสอนของนักเรียนให้สูงขึ้น
วีณา พานิช (2546 : 15) ได้ให้ความหมายการนิเทศว่า การนิเทศเป็นส่วนหนึ่งของการบริหาร ซึ่งเป็น

กระบวนการท างานร่วมกันระหว่างผู้นิเทศ ครูผู้สอน ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษาอื่นๆ เพื่อกระตุ้นยั่วยุ

8 5




ท้าทาย สนับสนุนและส่งเสริมให้มีการปรับปรุงพฒนาการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและทันสมัย
ี่
อยู่เสมอ โดยมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่คุณภาพการศึกษาทก าหนดไว้
ส านักนิเทศและพัฒนามาตรฐานการศึกษา ส านักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2541


: 3) ได้ให้ความหมายของการนิเทศการศึกษาไว้ว่า การนิเทศการศึกษาคือ งานพฒนาที่ควรด าเนินการอย่าง
ต่อเนื่องโดยมุ่งคุณภาพที่การเรียนการสอนและผลที่เกิดกับนักเรียน
Good (1973 อางถึงใน สิทธิชัย เวศสุวรรณ, 2541 : 11) ได้ให้ความหมายการนิเทศการศึกษา คือ

ความพยายามทุกวิถีทางของอาจารย์ผู้ที่ท าหน้าที่นิเทศในการให้ค าแนะน าแก่ครูหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ
การศึกษาให้รู้จักปรับปรุงการเรียนการสอน


Harris (1975 อางถึงใน ไสว เครือรัตนไพบูรณ์, 2550 : 15) กล่าวถึงความหมายของการนิเทศ
ื่
การศึกษาว่า คือ การกระท าใดๆ ที่บุคลากรในโรงเรียนเพอรักษามาตรฐานหรือการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
กระบวนการการนิเทศการศึกษาภายใต้ระเบียบแบบแผนอ านวยความสะดวกแก่การสอนให้พัฒนาดีขึ้น โดยมุ่ง

ให้เกิดประสิทธิผลในด้านการสอนเป็นส าคัญ

Glickman (1990 อางถึงใน ธ ารง บัวศรี, 2542 : 23) ให้ความเห็นเกี่ยวกับการนิเทศว่าเป็น
แนวความคิดกับการงานและหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงการเรียนการสอน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเรื่อง

หลักสูตร การจัดครูเข้าสอน การจัดสื่อการสอน สิ่งอานวยความสะดวก การเตรียมการสอนและการพฒนาครู


รวมทั้งการประเมินผลการเรียนการสอน
Daniel Tanner and Laured Tanner (1987 อางถึงใน ทัสนี วงศ์ยืน, 2550 : 13) กล่าวว่า การ

นิเทศการศึกษา คือ การปรับปรุงคุณภาพการสอนและการเรียนรวมทั้งปรับปรุงหลักสูตร
สรุปได้ว่า การนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงการเรียนการสอน โดยการ

ื่
ปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างผู้บริหารและครูในโรงเรียนเพอให้ความช่วยเหลือ ให้ค าปรึกษา สนับสนุน แนะน าซึ่ง
กันและกันในการพฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการท างานของครูให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่

สูงขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ


ความมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษา


ื่
ในปัจจุบันการนิเทศการศึกษามีความจ าเป็นต่อการพฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพอ
ลดความสูญเปล่าทางการศึกษา ส่งเสริมผู้เรียนให้ได้รับการศึกษาที่ดีกว่าเดิมเหมาะสมกับความต้องการใน
อนาคต องค์ประกอบที่เป็นหัวใจส าคัญในการปรับปรุงคุณภาพการศึกษาอยู่ที่คุณภาพของการเรียนการสอน
การนิเทศการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งที่ท าให้การสอนของครูมีประสิทธิภาพ เพราะการนิเทศการศึกษาเป็น

องค์ประกอบที่จะช่วยสนับสนุนให้กระบวนการเรียนการสอนมีคุณภาพและบรรลุเป้าหมาย มีนักการศึกษาและ

หน่วยงานของรัฐได้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาไว้ ดังนี้
การนิเทศการศึกษาของส านักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2541 : 25) มีความมุ่ง

หมายเฉพาะการนิเทศการศึกษา สรุปได้ดังนี้

9 6


ื่
1. เพอส่งเสริมและพฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนในความรับผิดชอบของ

ส านักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ
ื่
2. เพอแก้ปัญหา ให้ความร่วมมือและให้ค าปรึกษาแก่ผู้บริหาร ผู้สอน และบุคลากรของโรงเรียนใน
สังกัดส านักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ในการด าเนินงานจัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตาม

หลักสูตรให้บรรลุจุดมุ่งหมายตามที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรและนโยบายของส านักงานคณะกรรมการการ
ประถมศึกษาแห่งชาติ

ื่

3. เพอพฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี รูปแบบการเรียนการสอนและการจัดการเรียนการสอนตาม

หลักสูตรให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนพฒนาหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับ
ความต้องการของท้องถิ่น

ื่

4. เพอพฒนาบุคลากรของโรงเรียน สังกัดส านักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ

ให้มีความรู้ ทักษะและประสบการณ์อนจ าเป็นในการจัดการเรียนการสอนและสามารถแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น
จากการด าเนินการดังกล่าว รวมทั้งให้มีขวัญก าลังใจในการด าเนินงานตามบทบาทหน้าที่ให้บรรลุวัตถุประสงค์
ตามนโยบายของส านักงานคณะกรรมการการประถมศกษาแห่งชาติ

ื่
5. เพอให้ค าปรึกษาและประสานงานทางวิชาการแก่ส านักงานคณะกรรมการการประถมศึกษา
แห่งชาติ ส านักงานการประถมศึกษาจังหวัดหรือส านักงานการประถมศึกษากรุงเทพมหานคร ส านักงานการ
ประถมศึกษาอาเภอและกิ่งอาเภอและโรงเรียนสังกัดส านักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติหรือ


หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนองค์การระหว่างประเทศ

6. เพอประสานงานให้ความร่วมมือกับส านักงานศึกษาธิการเขต ส านักงานศึกษาธิการจังหวัดและ
ื่


ส านักงานศึกษาธิการอาเภอ ด าเนินโครงการและพฒนางานต่าง ๆ ที่กระทรวงและกรมมอบหมายไปยังเขต
การศึกษาจังหวัด อ าเภอและกิ่งอ าเภอ

นอกจากนี้ Abbot Linda Yager (๑๙๙๒ อางถึงใน ไสว เครือรัตนไพบูรณ์, 2550 : 26) ได้สรุปความ
มุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาไว้ 6 ประการ ดังนี้

1. เพอส่งเสริมความเจริญงอกงามให้แก่ครู ซึ่งได้แก่ การส่งเสริมให้ครูได้มีโอกาสศึกษาหาความรู้
ื่
เพมเติมอยู่เสมอ เปิดโอกาสให้ครูได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอาชีพ ส่งเสริมให้ครูได้ใช้
ิ่
เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในการศึกษาหาความรู้หรืองานที่สนใจ
2. เพื่อช่วยให้ครูได้รู้ถึงปัญหาที่ก าลังเผชิญอยู่และค้นหาวิธีการที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้น


3. เป็นการส่งเสริมแนะน าครูและส่งเสริมความสัมพนธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน นักเรียนและ
ผู้ปกครอง
4. เพื่อช่วยให้ครูได้คุ้นเคยกับแหล่งวิทยาการและสามารถน าไปใช้ในการเรียนการสอน

5. เพื่อควบคุมมาตรฐานและพัฒนางานในด้านการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

6. เพื่อให้ครูได้จัดประสบการณ์ให้กับเด็กได้ถูกต้องตามจุดหมายที่วางไว้
ความมุ่งหมายการนิเทศการศึกษาที่กล่าวมาแล้วนั้นเป็นหลักแนวคิดทฤษฎี ส่วนหลักปฏิบัติหน่วย

ศึกษานิเทศก์กรมสามัญศึกษา ได้ก าหนดความมุ่งหมายของการนิเทศ ดังนี้

10
7


1. เพื่อช่วยครูให้ด าเนินการสอนตามหลักสูตรและให้ได้ผลตามจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้ในหลักสูตร

ื่
2. เพอช่วยให้ครูได้ตระหนักถึงปัญหาเกี่ยวกับการเรียนการสอนและการจัดการศึกษา ทั้งให้สามารถ
แก้ปัญหาเหล่านั้นได้ เพื่อให้เกิดผลดีต่อการศึกษาของนักเรียน

ื่
3. เพอให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับ
ความต้องการจ าเป็น
4. เพอรักษาและควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาในทุกระดับ
ื่
5. เพอให้ความช่วยเหลือและประสานงานในทางวิชาการแก่สถานศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ื่
ตลอดจนงานขององค์การระหว่างประเทศ

วิจิตร วรุตบางกูร (2542 : 10) กล่าวว่า ความจ าเป็นที่ต้องมีการนิเทศการศึกษาในระบบการศึกษา

เนื่องจากเหตุผล ดังนี้
1. สภาพสังคมเปลี่ยนไปทุกขณะ การศึกษาจ าเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับการ

เปลี่ยนแปลงของสังคมด้วย การนิเทศการศึกษาจะช่วยท าให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในองค์การที่เกี่ยวข้อง
กับการศึกษา

ิ่
2. ความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ เพมขึ้นโดยไม่หยุดยั้ง แม้แนวคิดในเรื่องการเรียนการสอนเกิดขึ้นมาใหม่
ตลอดเวลา การนิเทศการศึกษาจะช่วยท าให้ครูมีความรู้ทันสมัยอยู่เสมอ

3. การแก้ไขปัญหาและอปสรรคต่าง ๆ เพอให้การเรียนการสอนพฒนาขึ้นจ าเป็นต้องได้รับการชี้แนะ
ื่

หรือนิเทศการศึกษาจากผู้ช านาญการโดยเฉพาะจึงจะท าให้แก้ไขปัญหาได้ส าเร็จลุล่วง
4. การศึกษาของประเทศไม่อาจรักษามาตรฐานไว้ได้จะต้องมีการควบคุมดูแลด้วย

สรุปความมุ่งหมายของการนิเทศการศกษานั้น เป้าหมายหลักอยู่ที่การพัฒนาครูทั้งด้านวิชาชีพ คือ ฝึก
ให้มีประสบการณ์ตรง เช่น การประชุมอบรมสัมมนา การทดลองหลักสูตร วิธีการสอน และประสบการณ์โดย

ออม เช่น การจัดกิจกรรมต่างๆ ให้ครูมีโอกาสพบปะทางวิชาการ เป็นต้น นอกจากนั้นยังช่วยสร้างครูให้มี

ิ่
ื่
ลักษณะความเป็นผู้น า การท างานร่วมกับผู้อนอนจะส่งผลให้เพมประสิทธิภาพการเรียนการสอนที่ดียิ่งขึ้น
กล่าวโดยย่อก็คือ มุ่งพัฒนาคนและพัฒนางาน

2.2 หลักการนิเทศการศึกษา และกระบวนการนิเทศการศึกษา
ื่
หลักการนิเทศการศึกษาเป็นแนวทางในการปฏิบัติให้ผู้บริหารการศึกษาได้ด าเนินการเพอให้การศึกษา
ด าเนินไปด้วยดีและประสบผลส าเร็จ ได้มีนักการศึกษาหลายท่านได้ให้หลักการส าคัญของการนิเทศการศึกษา
ไว้ ดังนี้

Wiles (1967 อ้างถึงใน ไสว เครือรัตนไพบูรณ์, 2550 : 32) ได้ให้ความหมายของหลักการนิเทศ

การศึกษาว่าเป็นความช่วยเหลือในการปรับปรุงกระบวนการท างานให้ดีขึ้น
Carl D. Glickman (1990 อ้างถึงใน ทัสนี วงศ์ยืน, 2550 : 41) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การนิเทศการศึกษา

เป็นแนวคิดเกี่ยวกับงานในหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงการเรียนการสอน การพฒนาหลักสูตร การ


11
8


ให้บริการเสริมวิชาการ การจัดครูเข้าสอน การจัดท าสื่อการสอน การประเมินผลการเรียนการสอน ตลอดจน

จัดสิ่งอ านวยความสะดวกต่างๆ
ชารี มณีศรี (2547 : 27) ได้กล่าวถึงพื้นฐานความส าคัญของการนิเทศการศึกษาไว้ ดังนี้

1. การนิเทศเป็นการกระตุ้นเตือน การประสานงานและแนะน าให้เกิดความเจริญงอกงามแก่ครู อาจ

ท าได้โดยการฝึกอบรมพัฒนาด้านวิชาชีพ ตลอดจนเทคนิควิธีการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ
2. การนิเทศตั้งอยู่บนรากฐานของประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ครูได้คิดและตัดสินใจโดยใช้

ความสามารถของตนในการปรับปรุงการเรียนการสอน
3. การนิเทศเป็นกระบวนการส่งเสริมสร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงการบังคับและสร้างบรรยากาศให้ครูได้เกิด

ความริเริ่มสร้างสรรค์หาวิธีการใหม่ๆ ในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

4. การนิเทศกับการปรับปรุงหลักสูตรเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการนิเทศ เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้
หลักสูตรและการวางแผนพัฒนาหลักสูตร

ื่
5. การนิเทศเป็นงานที่ต้องร่วมมือช่วยเหลือผู้อน จึงต้องสร้างมนุษยสัมพนธ์ให้เกิดขึ้น มีการยอมรับ

นับถือซึ่งกันและกัน
6. การนิเทศมุ่งเสริมบ ารุงขวัญ มีการยกย่องชมเชยซึ่งหากขวัญก าลังใจของครูดีก็จะท าให้การสอนดี

ตามไปด้วย
7. การนิเทศมีวัตถุประสงค์ที่จะให้โรงเรียนจัดการศึกษาสอดคล้องกับชุมชน การนิเทศจะช่วยให้มีการ


วางแผนสอดคล้องกับความต้องการและปัญหาในชุมชน ช่วยให้ครูได้พฒนาหลักสูตรให้เหมาะสมกับสภาพ
ชุมชนและส่งเสริมให้ครูได้ประโยชน์จากแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในชุมชน
อเนก ส่องแสง (2540 : 6) ได้กล่าวถึงพื้นฐานความส าคัญของการนิเทศการศึกษาไว้ ดังนี้

1. การนิเทศต้องมีความถูกต้องตามหลักวิชาการ มีการก าหนดกฎ นโยบาย จุดมุ่งหมาย แนวปฏิบัติที่
ชัดเจนเป็นไปตามสภาพปัญหาที่แท้จริง มีวิวัฒนาการทั้งเนื้อหาสาระ วัสดุอปกรณ์และกลวิธีในการนิเทศ

ตลอดจนมีการนิเทศติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบ

2. การนิเทศเป็นการกระตุ้นประสาทและแนะน าให้เกิดความเจริญงอกงามแก่ผู้เรียนและผู้สอนมีการ
ฝึกอบรมวิชาชีพครู ปรับปรุงแผนการสอน ฝึกทักษะการใช้อุปกรณ์รวมทั้งพัฒนาเจตคติและเทคนิควิธีการสอน

ให้มีประสิทธิภาพ
ื้
3. การนิเทศตั้งอยู่บนพนฐานของประชาธิปไตยโดยผู้นิเทศต้องยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล
ส่งเสริมให้ผู้ได้รับการนิเทศได้แสดงความคิดเห็นและตัดสินใจร่วมกัน

4. การนิเทศเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยต้องด าเนินการอย่างเป็นขั้นตอน มีการรวบรวม
ข้อมูลและสรุปผลมาใช้ในการนิเทศตลอดจนมีการประเมินและติดตามผล

Burton and Bruecker (1995 อางถึงใน อลัยพร เรืองไชย, 2552 : 72) ได้ก าหนดหลักการนิเทศ


การศึกษา ไว้ว่า

12 9


1. การนิเทศการศึกษาควรดูความถูกต้องตามหลักวิชา (Theoretically Sound) เป็นไปตามความจริง

ค่านิยม วัตถุประสงค์และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นและยังจ าเป็นต้องมีวิวัฒนาการทั้งด้านเครื่องมือและ
วิธีการโดยมีวัตถุประสงค์และนโยบายที่แน่นอน

2. การนิเทศการศึกษาควรเป็นวิทยาศาสตร์ (Scientific) นั่นคือต้องมีล าดับระเบียบและมีวิธีการใน

การศึกษาที่ถูกต้องเชื่อถือได้
3. การนิเทศการศึกษาควรเป็นประชาธิปไตย (Democratic) เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการ

ปฏิบัติงานเพื่อน าไปสู่เป้าหมายเดียวกัน

4. การนิเทศการศกษาควรเป็นการสร้างสรรค์ให้ทุกคนได้มีโอกาสพัฒนาความสามารถของตนได้อย่าง
เต็มที่

นอกจากนี้ Mark and Atoop (1985 อางถึงใน สิทธิชัย เวศสุวรรณ, 2541 : 13) ได้กล่าวถึงหลักการ

นิเทศการศึกษาไว้ ดังนี้

1. การนิเทศการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการศึกษา เป็นบริการที่ท าเป็นทีมซึ่งครูทุกคน
มุ่งหวังได้รับการช่วยเหลือในด้านการนิเทศโดยอยู่ในความรับผิดชอบของครูใหญ่

2. การนิเทศการศึกษาต้องสอดคล้องกับความต้องการของคนแต่ละคน

3. การนิเทศการศึกษาช่วยให้เป้าหมายและวัตถุประสงค์ทางการศึกษามีความชัดเจนและบุคลากรใน
โรงเรียนเกิดทัศนคติที่ดีต่อชุมชน

4. การนิเทศการศึกษาช่วยให้การบริหารการจัดการกิจกรรมนักเรียนปรับโครงการนิเทศและให้

ผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการวางแผนระยะสั้นและระยะยาวมีการจัดงบประมาณไว้ในงบประมาณประจ าปี
5. การนิเทศการศึกษาช่วยให้การแปลเอกสารและผลการวิจัยถูกน ามาใช้ ตลอดจนการวัด

ประสิทธิภาพของการศึกษา ควรให้ผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการประเมินและให้ความช่วยเหลือ

สมคิด บางโม (2544 : 242) ได้กล่าวว่า การนิเทศการศึกษา มีความละเอยดออนซับซ้อนกว่าการ

นิเทศในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นเรื่องของการพัฒนามนุษย์ โดยเฉพาะครูอาจารย์มีบทบาทส าคัญในการพฒนา

ให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด วัตถุประสงค์ของการนิเทศการศึกษาในโรงเรียน มีดังต่อไปนี้

1. เพอให้ครูได้พฒนาการสอนของตนเอง ครูที่ดีย่อมต้องพฒนาการสอนอยู่เสมอ ปรับปรุง

ื่
เปลี่ยนแปลงวิธีสอนที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพช่วยให้ครูได้พจารณาวิธีสอนและกิจกรรมต่าง ๆ

ที่ใช้อยู่ว่ามีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง เสนอแนะวิธีสอนและกิจกรรมใหม่ ๆ ได้
2. เพอส่งเสริมขวัญของครูให้อยู่ในสภาพที่ดีและเข้มแข็งสามารถท างานเป็นคณะได้อย่างดี ร่วมกัน
ื่
ท างานด้วยสติปัญญา สร้างความสัมพันธ์กลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะท าให้งานบรรลุเป้าหมาย
3. เพื่อช่วยครูใหม่ให้เข้าใจงานของโรงเรียน ครูใหม่แม้จะได้ศึกษาเล่าเรียนจนได้ปริญญาศึกษามาแล้ว

ก็ตามก็ไม่แตกต่างอะไรกับนักขับรถใหม่ที่เพงได้รับใบขับขี่ ดังนั้นการนิเทศครูใหม่ในด้านงานวิชาการของ
ิ่
โรงเรียนย่อมมีความจ าเป็นอย่างยิ่ง
4. เพื่อให้ครู อาจารย์ เข้าใจอย่างถ่องแท้ในวัตถุประสงค์ของการศึกษา โดยเฉพาะหน้าที่ของโรงเรียน

และหน้าที่ของครูผู้สอนเพื่อที่จะได้ช่วยพัฒนาเด็กนักเรียนให้เจริญงอกงามในทุกด้าน

13
10


ื่
5. เพอช่วยสร้างครูให้มีลักษณะแห่งความเป็นผู้น า โดยช่วยปรับปรุงโรงเรียนทั้งด้านบริหารและ
วิชาการช่วยส่งเสริมครูให้ก้าวหน้าในวิชาการสามารถท างานร่วมกับผู้อื่นได้
6. เพอช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ครูทั้งด้านการบริหารวิชาการ ธุรการ กิจกรรมและสวัสดิการเป็น
ื่
การส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างเพื่อนครู

จากที่มีผู้ให้หลักการและความหมายดังกล่าวสามารถสรุปได้ว่า หลักการนิเทศการศึกษา เป็นการให้
ค าปรึกษาแนะน าแก่ครูในการปรับปรุงการนิเทศการสอนให้ดียิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยมีความ

สอดคล้องกับความต้องการของครู กระบวนการนิเทศการศึกษาภายในโรงเรียน การนิเทศการศึกษาที่จะ
ก่อให้เกิดประสิทธิภาพน าไปสู่ความส าเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการจัดการศึกษาได้นั้น

จ าเป็นต้องมีการด าเนินงานตามล าดับขั้นตอนอย่างต่อเนื่องเป็นระบบที่เรียกว่า กระบวนการนิเทศการศึกษา

ส าหรับกระบวนการนิเทศการศึกษาภายในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดส านักงานคณะกรรมการการ
ประถมศึกษาแห่งชาติถือเป็นแนวปฏิบัติตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ มี 5 ขั้นตอน ด้วยกัน (สังกัดส านักงาน

คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ, 2541 : 7-8)
ขั้นที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการ เพื่อให้ทราบสภาพที่แท้จริงในขณะนั้นว่ามี

ปัญหาหรือข้อจ ากัดอะไร มีความต้องการอย่างไร เพื่อจะได้ด าเนินการวางแผนแก้ไขได้ตรงจุด

ขั้นที่ 2 การวางแผนและก าหนดทางเลือก ในขั้นตอนนี้ต้องอาศัยข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการศึกษา

สภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการอนจะเป็นข้อก าหนดให้เกิดการวางแผน การก าหนดทางเลือกในการ
แก้ปัญหาและปรับปรุงส่งเสริมการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพตามวัตถุประสงค์ที่หลักสูตรก าหนดไว้

ขั้นที่ 3 การสร้างสื่อ เครื่องมือและพัฒนาวิธีการ เป็นการค้นหาสื่อที่จะช่วยในการปฏิบัติงานการนิเทศ
การศึกษา เพื่อให้ทราบที่มาของปัญหา เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาการท างานของครูให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การ

สร้างสื่อ เครื่องมือจะต้องสอดคล้องกับสภาพปัญหา ความต้องการและสามารถน าไปใช้ได้จริง
ขั้นที่ 4 การปฏิบัติการนิเทศการศึกษา เป็นขั้นตอนที่จะต้องน าผลจากขั้นตอนที่ 1-3 มาปฏิบัติการ

นิเทศให้เกิดผลส าเร็จตามจุดประสงค์และเป้าหมายที่ก าหนดไว้

ขั้นที่ 5 การประเมินผลและการรายงานผล เป็นขั้นตอนในการจัดหารวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์
พิจารณาเพื่อสะท้อนภาพงานที่ได้ด าเนินการไป ทั้งนี้เพื่อการปรับปรุงแก้ไขการปฏิบัติงานในครั้งต่อไป

จากขั้นตอนดังกล่าวพอจะสรุปได้ว่า กระบวนการนิเทศการศึกษา เป็นกระบวนการศึกษาสภาพ
ปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการในการวางแผนและก าหนดทางเลือกในการแก้ปัญหาให้เกิดประสิทธิภาพมาก

ยิ่งขึ้น


2.3 ความหมายและความส าคัญของคุณธรรม จริยธรรม


ความหมายของคุณธรรม จริยธรรม

ค าว่า คุณธรรมจริยธรรม เป็นค าที่คนส่วนใหญ่จะกล่าวควบคู่กันเสมอ จนท าให้เข้าใจผิดได้ว่า ค าทั้ง
สองค ามีความหมายเหมือนกัน แท้ที่จริงแล้ว ค าว่า คุณธรรม กับค าว่า จริยธรรม เป็นค าที่แยกออกได้ 2 ค า

11
14


และมีความหมายแตกต่างกับค าว่า คุณธรรม แปลว่า ความดี เป็นค าที่มี ความหมายเป็นทางนามธรรม ส่วนค า

ว่า จริยธรรม แปลว่า ความประพฤติกริยาที่ควรประพฤติเป็นค าที่มีความหมายทางรูปธรรม
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ (2538 : 189) ให้ความหมายของคุณธรรม หมายถึง

สภาพคุณงามความดี

พระธรรมปิฎก (ป.อ.ยุตโต) (2540 : 14) ได้กล่าวว่า คุณธรรมเป็นสภาพของจิตใจ กล่าวคือ เป็น
คุณสมบัติที่เสริมสร้างจิตใจให้ดีงาม ให้เป็นจิตใจที่สูง ประณีตและประเสริฐ ตัวอย่างของค าคุณธรรม เช่น

ความเมตตา ความกรุณา ความมีระเบียบ วินัย ความรับผิดชอบ เป็นต้น ส่วนค าว่า จริยธรรม คือ พฤติกรรมที่
พึงประสงค์ เช่น ท าการบ้าน ไม่ลอกการบ้าน เดินข้ามถนนทางม้าลาย เก็บขยะลงถังทุกครั้ง เป็นต้น


ความส าคัญของคุณธรรม จริยธรรม

วศิน อินทสระ (2541 : 6-9) ได้กล่าวถึงความส าคัญและประโยชน์ของจริยธรรมดังนี้
1. จริยธรรมเป็นรากฐานอันส าคัญแห่งความเจริญรุ่งเรือง ความมั่นคงและความสงบสุข ของปัจเจกชน

สังคมและประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง รัฐควรส่งเสริมประชาชนให้มีจริยธรรมเป็นอันดับแรก เพื่อให้เป็นแกนกลาง

ของการพัฒนาด้านอื่นๆ ทั้งเศรษฐกิจ การศึกษา การเมืองการปกครอง เป็นต้น การพัฒนาที่ขาดจริยธรรมเป็น
หลักยึดย่อมเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี เพราะผู้มีความรู้แต่ขาดคุณธรรมย่อมก่อให้เกิดความเสื่อมเสียได้มากกว่า

ผู้ด้อยความรู้ โดยท่านกล่าวว่า ผู้มีความรู้แต่ไม่รู้วิธีที่จะประพฤติตน ย่อมก่อให้เกิดความเสื่อมเสียได้มากกว่าผู้

มีความรู้น้อย ถ้าเปรียบความรู้เหมือนดิน จริยธรรมย่อมเป็นเหมือนน้ า ดินที่ไม่มีน้ ายึดเหนี่ยวเกาะกุมย่อมเป็น
ฝุ่นละอองให้ความร าคาญมากกว่าให้ประโยชน์ คนที่มีความรู้แต่ไม่มีจริยธรรมจึงมักเป็นคนที่ก่อความร าคาญ

หรือเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นอยู่เนืองๆ

2. การพัฒนาบ้านเมือง ต้องพัฒนาจิตใจคนก่อนหรืออย่างน้อยก็ให้พร้อมๆ ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ

สังคม การศึกษาวิชาการอื่น ๆ เพราะการพฒนาที่ไม่มีจริยธรรมเป็นแกนน านั้นจะสูญเปล่าและเกิดผลเสียเป็น

อนมาก ท าให้บุคคลลุ่มหลงในวัตถุและอบายมุข การที่เศรษฐกิจต้องเสื่อมโทรม ประชาชนทุกข์ยากเพราะคน
ในสังคมละเลยจริยธรรม กอบโกยทรัพย์สินเป็นประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป ขาดความเมตตาปราณี แล้งน้ าใจ


ในการด าเนินชีวิตซึ่งกันและกน
3. จริยธรรม มิได้หมายถึงการถือศีล กินเจ เข้าวัดฟังธรรม จ าศีลภาวนา โดยไม่ช่วยเหลือท า ประโยชน์

ให้แก่สังคม แต่จริยธรรมหมายถึงความประพฤติ การกระท าและความคิดที่ถกต้องเหมาะสม การท าหน้าที่ของ
ตนอย่างถูกต้องสมบูรณ์ เว้นสิ่งควรเว้น ท าสิ่งควรท า ด้วยความฉลาดรอบคอบ รู้เหตุรู้ผลถูกต้องตามกาลเทศะ
และบุคคล ดังนั้นจะเห็นว่าจริยธรรมจึงจ าเป็นและมีคุณค่าส าหรับทุกคน ในทุกวิชาชีพทุกสังคม สังคมจะอยู่

รอดด้วยจริยธรรม


4. การทุจริต คดโกง การเบียดเบียนกันในรูปแบบต่าง ๆ อนเป็นเหตุให้สังคมเสื่อมโทรม มีสาเหตุมา

จากการขาดจริยธรรมของคนในสังคม ทรัพยากรธรรมชาติในโลกนี้น่าจะพอเลี้ยงชาวโลก ไปได้อกนาน ถ้า
ชาวโลกช่วยกันละทิ้งความละโมบโลภมาก แล้วมามีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ช่วยกัน สร้างสรรค์สังคม ยึดเอา

จริยธรรมเป็นทางด าเนินชีวิต ไม่ใช่ยึดเอาลาภยศ ความมีหน้ามีตาในสังคมเป็นจุดหมาย ถ้าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นก็

15 12


ถือเป็นเพียงผลพลอยได้และน ามาใช้เป็นเครื่องมือในการประพฤติธรรม เช่น อาศัยลาภผลเป็นเครื่องมือในการ

บ าเพ็ญสาธารณประโยชน์อาศัยยศและความมีหน้ามีเกียรติในสังคมเป็นเครื่องมือในการจูงใจคนผู้เคารพนับถือ
เข้าหาธรรม

5. จริยธรรมสอนให้เราเลิกดูหมิ่นกดขี่คนจน ให้เอาใจใส่ดูแลเอื้ออาทรต่อผู้สูงอายุ ซึ่งเป็น บุพการีของ

ชาติ สอนให้เราถ่อมตัวเพื่อเข้าหากันได้ดีกับคนทั้งหลาย และไม่วางตัวโอหังอวดดีหรือ ก้าวร้าวผู้อื่น สอนให้เรา
ื่
ลดทิฏฐิมานะลงให้มาก ๆ เพอจะได้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความจริง ไม่หลง ส าคัญตัวว่ารู้ดีกว่า มี
ความสามารถกว่าใคร ผู้น าที่มีจริยธรรมสูงย่อมเป็นที่เคารพกราบไหว้ของผู้คน ทั้งหลายได้อย่างสนิทใจ เรา
ควรเลือกผู้น าที่สามารถน าความสงบสุขทางใจมาสู่มวลชนได้ด้วย เพอสันติ สุขจะเกิดขึ้นทั้งภายในและ
ื่
ภายนอก ความแข็งแกร่งทางก าลังกายก าลังทรัพย์และอาวุธนั้น ถ้าปราศจากความแข็งแกร่งทางจริยธรรมเสีย

แล้ว บุคคลหรือประเทศชาติจะมั่นคงอยู่ได้ไม่นาน สังคมที่เจริญมั่นคงต้องมีจริยธรรมเป็นเครื่องรับรองหรือ
เป็นแกนกลาง เหมือนถนนที่มั่นคงหรือตึกที่แข็งแรง เขาใช้คอนกรีตเสริมเหล็กแม้เหล็กจะไม่ปรากฏออกมาให้

เห็นภายนอก แต่มีความส าคัญอยู่ภายใน นายช่างย่อมรู้ดี ท านองเดียวกันกับบัณฑิตย่อมมองเห็นอย่างแจ่มแจ้ง
ว่าจริยธรรมมีความ ส าคัญในสังคมเพียงใด



2.4 แนวคิดการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมของโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

ทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรมของโคลเบอร์ก (Kohlberg)
โคลเบอร์ก (Kohlberg, 1969, p.405) ได้ศึกษาพัฒนาการทางจริยธรรมโดยอาศัยทฤษฎี ของเพียเจท์

ื้
เป็นพนฐาน กลุ่มตัวอย่างเป็นทั้งเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ การศึกษาใช้ทั้งการสัมภาษณ์และ การเขียนตอบ โคล
เบอร์กได้จัดล าดับเหตุผลที่ได้จากกลุ่มตัวอย่างเป็น 6 พวก แล้วท าการตรวจสอบหลายครั้ง จึงสรุปว่า
พัฒนาการทางจริยธรรมของคน 6 ขั้นของพัฒนาการทางจริยธรรม มีความสัมพันธ์กับอายุ และพัฒนาการทาง

สติปัญญา โคลเบอร์กก าหนดขั้นของจริยธรรมโดยถือจากกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ว่าอยู่ในระดับอายุนี้ให้เหตุผลมี
ลักษณะแบบนี้แต่ละขั้นจะแทนระบบความคิดซึ่งได้จากส่วนใหญ่ว่ามีกระบวนความคิดทางจริยธรรมอย่างไร


แต่ละขั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของขั้นที่สูงขึ้นไป ขั้นที่สูงกว่าการแก้ปัญหามีหลักเกณฑ์ มีเหตุผลมากกว่าพฒนาการ
ทั้ง 6 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่ 1 ขั้นหลบหลีกการลงโทษ (The Punishment and Obedience Orientation)

เด็กเล็กอายุต่ ากว่า 7 ขวบ ชอบใช้หลักการหลีกเลี่ยงมิให้ได้รับโทษ เป็นเหตุผลในการกระท าหรือเขา
ึ่
จะเลือกกระท าในทางที่เกิดประโยชน์แก่ตัวเองมากกว่า แต่เนื่องจากเด็กเล็กยังเป็นบุคคลที่ต้องพงพาและอยู่ใน
อานาจของผู้ใหญ่ จึงมีความจ าเป็นต้องเชื่อฟงค าสั่ง เด็กในระยะนี้เข้าใจค าว่า ความดีไปในความหมายว่า คือ


สิ่งที่ท าแล้วไม่ถูกลงโทษ เช่น เด็กยอมแปรงฟนหลังรับประทานอาหารเพราะกลัวแม่ดุ ฉะนั้น การกระท าที่

ถูกต้องจึงหมายถึงการเชื่อฟังผู้มีอานาจเหนือกว่าเหตุผลในการกระท าหรือไม่กระท าในสิ่งใดขึ้นอยู่กับการไม่ถูก

ลงโทษเป็นเรื่องส าคัญ

16
13


ขั้นที่ 2 ขั้นการแสวงหารางวัล (The Instrumental Relativist Orientation)

เด็กเล็กๆ นั้น จะถูกผู้ใหญ่ดุว่า หรือเฆี่ยนตีเพื่อที่จะท าให้ท าให้ถูกหรือกระท าตนเป็นคนดี เมื่อเด็กอายุ
มากขึ้น ระหว่าง 7 -10 ขวบ จะมีความรู้สึกว่าเป็นของธรรมดาส าหรับการกระท าของผู้ใหญ่ เด็กๆ จะค่อยเห็น

ความส าคัญของการได้รับรางวัล หรือค าชมเชย การสัญญาว่าจะให้รางวัลเป็นแรงจูงใจให้เขากระท าความดีได้

ื่
มากกว่าการดุด่าหรือขู่ว่าจะลงโทษ เช่น เด็กหญิงจะช่วยบิดามารดาท าความสะอาดบ้าน เพอว่าจะได้เงิน
รางวัลมากขึ้นและเด็กชายจะช่วยรดน้ าต้นไม้ ก็เพื่อจะได้รับค าชมเชย และเด็กในระยะนี้เริ่มรู้จักแลกเปลี่ยนกัน

ื่
แบบเด็ก ๆ เช่น เมื่อเขาให้ฉันมาฉันก็ต้องตอบแทนเขาไป เริ่มมีความเข้าใจในความคิดของคนอน ระดับตาม
เกณฑ์ หรือระดับท าตามสังคมและประเพณี (Conventional Level) อายุ 10-16 ปี เป็นระดับที่มีในวัยรุ่น

หรือวัยผู้ใหญ่ ส่วนมากในทุกๆ สังคม การต าหนิและการยกย่องชมเชย จากสังคมเป็นสิ่งควบคุมความประพฤติ

ื่
ขั้นที่ 3 ขั้นท าตามผู้อนเห็นชอบ (The Interpersonal or “Good Boy - nice Girl” Orientation)
เป็นเด็กที่ย่างเข้าสู่วัยรุ่นจะให้ความส าคัญแก่กลุ่มเพื่อนมาก เด็กในวัยนี้ส่วนมากจะท า ในสิ่งที่ตนคิด

ื่
ื่
ว่าคนอื่นจะเห็นด้วย เพื่อให้เป็นที่ชอบพอของเพอนฝูงและเป็นที่ยอมรับของกลุ่มเพอน หลักการขั้นนี้จะใช้มาก
ในเด็กอายุประมาณ 13 ปี
ขั้นที่ 4 ขั้นท าตามสังคม (The “Low and order” Orientation)

วัยรุ่นเป็นผู้ที่มีความรู้ ประสบการณ์มากพอที่จะทราบว่า สังคมประกอบด้วยบุคคลต่างๆ แต่ละกลุ่มมี
กฎเกณฑ์ให้สมาชิกยึดถือ บางกลุ่มมีเจ้าหน้าที่รักษากฎเกณฑ์เหล่านั้นด้วย และเขาเข้าใจในหน้าที่ของคนใน

กลุ่มต่างๆ และมีศรัทธาต่อกฎเกณฑ์ของกลุ่มมากพอสมควร เขามีความเข้าใจในบทบาทของคนอนด้วยว่าคน
ื่
นั้น มีต าแหน่งอย่างนั้น การกระท าที่ถูกต้องนั้นจะพจารณาเพอกลุ่มเพอส่วนรวมด้วย ระดับเหนือเกณฑ์ หรือ

ื่
ื่

ระดับท าตามจริยธรรมของตนเอง (Post conventional Level) วัยผู้ใหญ่เพยงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีจริยธรรม
ในขั้นนี้ และมักจะเป็นอายุ 16 ปีขึ้นไป บุคคลระดับเหนือกฎเกณฑ์จะเป็นผู้ซึ่งแยกตน ออกจากกฎเกณฑ์และ
ื่
ความคาดหวังของคนอน และก าหนดค่าของตัวเองในรูปหลักจริยธรรมที่ตนเลือก คนในระดับเหนือกฎเกณฑ์
บางคนจะเข้าใจและยอมรับกฎเกณฑ์ทางสังคม แต่การยอมรับกฎเกณฑ์ทางสังคมจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลัก

จริยธรรม โดยทั่วไปก าหนดขึ้นอย่างที่เป็นที่ยอมรับและเป็นรากฐานของกฎทางสังคม (Society Rules) หลัก
จริยธรรมเหล่านี้ในบางกรณีจะเกิดขัดแย้งกับกฎเกณฑ์ทางสังคม ซึ่งในกรณีเช่นนี้พวกเหนือกฎเกณฑ์จะ

พิจารณา ตัดสิน โดยใช้หลักจริยธรรมมากกว่า กฎเกณฑ์
ขั้นที่ 5 ขั้นท าตามค ามั่นสัญญา (The Social Contract, Legalistic Orientation)

บุคคลที่ใช้หลักการในขั้นนี้จะมีการกระท าที่หลบหลีก มิให้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนขาดเหตุผลเป็นคนไม ่

แน่นอน ใจโลเลไม่มีหลักยึด ไม่มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน ค าว่า หน้าที่ ของบุคลในขั้นนี้หมายถึง การท าตามที่ตก
ลงหรือสัญญาไว้กับผู้อื่น โดยค านึงถึงสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน เคารพ

ตนเองและต้องการให้คนอื่นเคารพตนเองด้วย จริยธรรมในขั้นนี้พบมากในผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นตอนปลายบางคน

ขั้นที่ 6 ขั้นยึดหลักอุดมคติสากล (The Universal Ethical Principle Orientation)
พัฒนาการทางจริยธรรมขั้นนี้จะพบในผู้ใหญ่ที่มีความเจริญทางสติปัญญาในขั้นสูง มีประสบการณ์หรือ

มีความรู้อย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมของตนเองและของสังคมอื่นๆในโลก บุคคลที่ใช้หลักการ

17 14


ในขั้นนี้ จะเป็นผู้ที่รับเอาความคิดเห็นที่เป็นสากลของผู้เจริญแล้ว มีสายตาหรือความคิดเห็นที่กว้างไกลกว่า


กลุ่มหรือสังคมของตนเองที่เป็นสมาชิกอยู่ บุคคลประเภทนี้จะมีอดมคติหรือคุณธรรมประจ าใจ เช่น ยึดถือ
โลกบาลธรรม 2 ประการ คือ หิริ ความละอายแก่ใจตนเองในการที่จะกระท าชั่ว และมีโอตตัปปะ คือความ


เกรงกลัวต่อบาป เพราะมีความเชื่อในหลักสากลที่ว่า ถ้าบุคคลที่กระท าแล้ว ถึงแม้จะรอดพนไม่ถูกผู้ใดลงโทษ
แต่โทษที่ได้รับคือผู้กระท าความเลวนั้นจะมีจิตใจต่ าลง สรุปได้ว่า การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของมนุษย์นั้นมี
ื้
ความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพฒนาการทางสติปัญญาและวัยของแต่ละบุคคล โดยมีพนฐานความเชื่อและ

สภาพแวดล้อมของแต่ละคนที่แตกต่างกัน

การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมของศูนย์โรงเรียนคุณธรรม มยส.
มูลนิธิยุวสถิรคุณ ก าหนดเป้าหมายให้ศูนย์โรงเรียนคุณธรรมจัดกิจกรรมพฒนาโรงเรียน คุณธรรมทั่ว

ประเทศ โดยด าเนินงานในลักษณะงานวิจัยเซิงปฏิบัติการร่วมกับโรงเรียนในพนที่ ทุกภูมิภาค ศูนย์โรงเรียน
ื้
คุณธรรมจะออกแบบกระบวนการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม น าไปปฏิบัติ ในโรงเรียนที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ

ื้
โดยมีนิเทศอาสาซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในพนที่ท าหน้าที่ให้ค าปรึกษา ค าแนะน าแก่โรงเรียน ศูนย์โรงเรียน
คุณธรรมจะจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงเรียนในแต่ละพนที่ กิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน ตลอดจนการ
ื้
ื่
ประเมินผล การถอดบทเรียนของโรงเรียนจะถูกน ามาวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพอค้นหารูปแบบที่เหมาะสมตาม
บริบทของโรงเรียนที่หลากหลาย

ความร่วมมือในการด าเนินงานพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมระหว่างโรงเรียนในแต่ละพื้นที่ กลุ่มนิเทศอาสา

กลุ่มวิทยากรอาสา กับศูนย์โรงเรียนคุณธรรมตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาส่งผลให้กระบวนการพฒนา
โรงเรียนคุณธรรม มีรูปธรรมชัดเจนขึ้น สามารถน าไปขยายผลได้ทั่วประเทศเป็นการสร้างคุณูปการต่อวง

การศึกษาให้มีกระบวนการสร้างคนดีในโรงเรียน เป็นสื่อการเรียนรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรมเพมขึ้น
ิ่
กระบวนการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมของมูลนิธิยุวสถิรคุณ ประกอบด้วยกิจกรรม ดังนี้

1. โรงเรียนจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหาร ครู-อาจารย์ นักเรียนผู้มีส่วนได้เสียและ
ื่
ผู้เกี่ยวข้องอนๆ เพอสร้างความตระหนัก และความเข้าใจเรื่องโรงเรียนคุณธรรม และสมัครใจร่วมกัน
ื่
ด าเนินงานพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมให้ประสบความส าเร็จ

ื่
2. โรงเรียนคัดเลือกครูเข้าอบรมเซิงปฏิบัติการกับศูนย์โรงเรียนคุณธรรม เพอให้ท าหน้าที่เป็น ครู
ื่
วิทยากร เป็นแกนน าของโรงเรียน เพอจัดอบรมเพอนครู และนักเรียนแกนน า ให้สามารถร่วมกัน ด าเนินงาน
ื่
ตามกระบวนการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมให้ส าเร็จ
3. ก าหนดเป้าหมายและแผนการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมตามขั้นตอน ดังนี้

3.1ระดมสมองเพอค้นหา พฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวก โดยพิจารณาจากปัญหาส าคัญของโรงเรียน
ื่
ที่ต้องการแก้ไข หรือพจารณาจากพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวกที่ต้องการส่งเสริมให้เกิดขึ้นในโรงเรียน และก าหนด

คุณธรรมเป้าหมาย เช่น ความซื่อสัตย์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ เป็นต้น คุณธรรมเป้าหมายที่มีการระบุ

พฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวกไว้ด้วย จะเรียกรวมว่า คุณธรรมอตลักษณ์ โรงเรียนอาจก าหนดคุณธรรมเป้าหมายไว้ ๓

ด้าน ต่อรอบปี เพื่อความกระชับในการปฏิบัติ และประเมินผลส าเร็จได้ง่าย

18
15


3.2 จัดท าตารางคุณธรรมอัตลักษณ์ ซึ่งหมายถึง การระบุพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวกของคุณธรรม

เป้าหมายแต่ละด้านที่โรงเรียนไค้ดัดเลือกไว้แล้ว โดยจ าแนกตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มผู้บริหารโรงเรียน
ื่
กลุ่มครู และกลุ่มนักเรียน เพอให้แต่ละกลุ่มทราบว่าต้องปฏิบัติตนอย่างไรบ้างในแต่ละด้าน เช่น ความซื่อสัตย์
ของครูต้องเข้าสอนตรงเวลา ความซื่อสัตย์ของนักเรียน ต้องไม่ลอกการบ้าน เป็นต้น

3.3 โรงเรียนร่วมกันก าหนดวิธีการปฏิบัติงานให้บรรลุคุณธรรมเป้าหมาย และ พฤติกรรมบ่งชี้
เชิงบวก โดยใช้โครงงานคุณธรรมเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงานเรียนรู้ การสร้าง คุณธรรมจริยธรรม ประการ

ส าคัญ คือ ต้องเป็นโครงงานที่เด็กคิด เด็กเลือก เด็กท า ให้ทุกคนมีส่วนร่วมลงมือปฏิบัติจริงอย่างเต็มที่ โดยอาจ
ด าเนินการเป็นแผนงาน/ โครงการ/ กิจกรรม ภายใต้แผนงานหลักของโรงเรียน ตามความต้องการและบริบท

ของโรงเรียน


4. ในการปฏิบัติงานด้านพฒนาคุณธรรมจริยธรรม มุ่งเน้นให้ครู นักเรียน และผู้บริหาร สร้าง
ื่
แบบอย่างพฤติกรรมต้านคุณธรรมจริยธรรมเพอเป็นต้นแบบ และร่วมกันเสริมสร้างพลังความร่วมมือในการ
สร้างสรรค์คุณธรรมความดีให้เป็นที่ยอมรับกัน
5. บูรณาการสร้างเสริมคุณธรรมจริยธรรมไว้ในการเรียนการสอน และในกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน และ

กิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน

6. ร่วมกันพัฒนาสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้เออต่อการพัฒนาคุณธรรม เพื่อให้โรงเรียนมีบรรยากาศ
ื้
ของการเรียนรู้ มีสถานที่เรียนที่สะอาด สงบ ร่มรื่น ความสัมพนธ์ระหว่างครูกับนักเรียนมีความรัก ใกล้ชิด

ุ่
อบอน ห่วงใยกัน เป็นต้น ซึ่งโรงเรียนจะเกิดประโยชน์ทั้งด้านวิชาการ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และการ
สร้างสรรค์พฤติกรรมที่ดีให้นักเรียน
7. โรงเรียนอาจจัดให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่มย่อยๆ และเข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ มยส.

จัดขึ้น อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง คือ รอบ 6 เดือน และรอบ 12 เดือน

8. โรงเรียนจัดให้มีการถอดบทเรียนความส าเร็จของโครงงานคุณธรรม หรือกระบวนการพฒนา
โรงเรียนคุณธรรมที่เด่น สามารถใช้เป็นแบบอย่างที่ดีได้ เพื่อน าไปขยายผลให้ปฏิบัติโรงเรียนคุณธรรม เป็นการ

สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านพัฒนาคุณธรรมให้แพร่หลาย

ื่
9. โรงเรียนควรแต่งตั้งหรือมอบหมายคณะท างานเพอเป็นกลไกขับเคลื่อนการด าเนินงานพฒนา
โรงเรียนคุณธรรมตามแผนงานที่ก าหนดไว้โดยกระจายความมีส่วนร่วมไปยังทุกภาคส่วนของโรงเรียน
ื่
10. จัดให้มีการนิเทศติดตามภายในเพอสนับสนุนให้มีการให้ค าปรึกษา แนะน า ช่วยเหลือ กันอย่าง
กัลยาณมิตร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเป็นก าลังใจให้กันและกันซึ่งจะช่วยให้เกิดความสามัคคี เกิดการสร้าง

ทีมงาน อันจะน าไปสู่ความส าเร็จและความยั่งยืนต่อไปในอนาคต
11. ผู้บริหารควรส่งเสริมสนับสนุน การท ากิจกรรม/ โครงงานต่าง ๆ อย่างสม่ าเสมอ และให้

ความส าคัญกับการเสริมแรง เสริมก าลังใจให้แก่ครู นักเรียน บุคลากร และผู้ปกครองที่ร่วมงาน

12. โรงเรียนควรขยายการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมทั้งภายในและภายนอก เน้นการ

พฒนาการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น และประซาสัมพนธ์ผลงาน การพฒนาโรงเรียน



19 16


คุณธรรมให้กว้างขวาง เพอเป็นแบบอย่างที่ดี และกระตุ้นลังคมให้ตระหนักถึงความส าคัญของการสร้างคนดี มี
ื่
คุณธรรมจริยธรรม
13. โรงเรียนสามารถประเมินผลการด าเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามความต้องการ มีการจดบันทึกผลการ

ปฏิบัติงาน ร่วมปรึกษาหารือ ปรับปรุงขั้นตอนและวิธีการให้เหมาะสม ตลอดจนประเมินผลส าเร็จของการ

พฒนาโรงเรียนคุณธรรม ตัวชี้วัดที่ส าคัญคือ พฤติกรรมที่ไม่พงประสงค์ในโรงเรียนลดลง และ พฤติกรรมที่พง ึ


ประสงค์ในโรงเรียนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยกันสร้างคนดีให้บ้านเมือง อีกทางหนึ่ง



กำหนดนโยบำย และแผน สรำงควำมตระหนัก เขำใจ และยอมรบ เขำใจและสนับสนุน







ส่งเสรม สนับสนุน เสรมแรง สรำงแกนนำ สถำนศึกษำ



กำหนดคุณธรรมอัตลักษณเปนเป้ำหมำย
ื่




สรำงกลไก ด ำเนินงำนโครงกำรคุณธรรมเพอบรรลุ ใหควำมรวมมอกับ


กำรมส่วนรวม เป้ำหมำย สถำนศึกษำ


นิเทศติดตำม สรำงแบบอย่ำงพฤติกรรมดำนคุณธรรม


ประเมินผล บูรณำกำรกับกำรเรยนกำรสอน เปนแบบอย่ำงที่ด ี



พัฒนำสภำพแวดลอมใหเอ้อต่อกำรพัฒนำ




แลกเปลี่ยนเรยนรถอดบทเรยน








บทบำทผูบรหำร บทบำทโรงเรยน (คร นักเรยน ผูบรหำร) บทบำทครอบครว

ภาพ แสดงกระบวนการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม มยส. ช่วยสร้างคนดีให้บ้านเมือง

2.5 โรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

ความเป็นมาของโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) ได้กล่าวถึง ศาสตร์พระราชาที่
เป็นศาสตร์ที่ครอบคลุม เรื่องเอกลักษณ์ของชนชาติไทย เช่น การออนน้อมถ่อมตน การเป็นสุภาพชน ความ

ขยันหมั่นเพยร ความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นคุณความดีของคนไทยที่บรรพชนไทยได้ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมา

ศาสตร์พระราชาให้ข้อคิดการประพฤติปฏิบัติตนไว้ว่าอย่าคบคนด้วยฐานะ คบคนด้วยความดีมีมิตรภาพ ด้วย
ความรักและความผูกพนและขอให้มีความกตัญญูรู้คุณต่อบิดามารดา ผู้มีพระคุณ ประเทศชาติและพระพมหา

กษัตริย์ ถ้าทุกคนปฏิบัติตนตามศาสตร์ของพระราชาแล้วก็จะเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ประเทศก็จะมีแต่คนดี
และท าให้ประเทศเจริญก้าวหน้า รวมทั้งน้อมน าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยงมาใช้ในชีวิตประจ าวันเพอ

ื่
มุ่งให้เกิดภูมิคุ้มกันและมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เกิดความสมดุลและยั่งยืน แนวคิดหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้พระราชทานไว้กว่า 40

ปี ที่ผ่านมาเพื่อให้ประชาชนชาวไทยน าไปเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองและครอบครัวให้มีภูมิคุ้มกันที่มั่นคง
ในการด าเนินชีวิตอย่างมีความสุข จึงนับได้ว่า “ศาสตร์พระราชา” เป็นเสมือนองค์ความรู้ที่อยู่คู่แผ่นดินไทยซึ่ง
ล้วนมุ่งให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตนเป็น “คนดี” ทั้งคิดดี พูดี ท าดี ยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม สุจริต มีวินัย

20
17



และมีความสามัคคีซึ่งกันและกันเพอร่วมกันพฒนาประเทศชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญก้าวหน้าเป็นปึกแผ่น
ื่
มั่นคงต่อไป
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ มีพระราชกระแสรับสั่งต่อประชาชน

ชาวไทยให้ “ช่วยสร้างคนดีให้บ้านเมือง” พร้อมทั้งพระราชทานหลัก 3 ประการ ที่เกี่ยวกับครูและนักเรียนไว้

ว่า
“ให้ครูรักเด็ก เด็กรักครู”

“ให้ครูสอนให้เด็กมีน้ าใจต่อเพอนไม่ให้แข่งขันกัน แต่ให้แข่งกับตนเองและให้เด็กที่เรียนเก่งช่วยสอน
ื่
เพื่อนที่เรียนช้ากว่า”


“ให้ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนท าร่วมกันเพื่อให้เห็นคุณค่าของความสามัคค”
จากพระราชกระแสรับสั่งข้างต้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ทรง
ื่
พระราชทาน พระบรมราโชบาย ด้านการศึกษาเพอสานต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 9 ว่า การศึกษาต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน ดังนี้
1. มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง

2. มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม

3. มีงานท า มีอาชีพ
4. เป็นพลเมืองดี

ื่
เพอเป็นการสืบสานศาสตร์พระราชา และสนองพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระ
ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ และพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลง
กรณบดินทรเทพยวรางกูร ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนฐาน จึงจัดท าโครงการโรงเรียนคุณธรรม
ื้
ื่
สพฐ.ขึ้น เพอมุ่งปลูกฝังให้ผู้บริหาร ครู นักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการปลูกฝังคุณธรรม 5

ประการ ได้แก่ 1) ความพอเพยง 2) ความกตัญญู 3) ความซื่อสัตย์สุจริต 4) ความรับผิดชอบ และ 5)
อุดมการณ์คุณธรรม โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ให้แต่ละส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา คัดเลือกโรงเรียนเข้า

ร่วมโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. อย่างน้อยร้อยละ 35 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 โรงเรียนทุกแห่งเข้า
ร่วมโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.


วัตถุประสงค์ของโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

1. เพอให้ผู้บริหาร ครู และนักเรียน ตระหนักรู้ เข้าใจ และมีกระบวนการคิด อย่างมีเหตุผล ซึมซับ
ื่
คุณค่าแห่งคุณธรรมความดีอย่างเป็นธรรมชาติ สร้างความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และภูมิใจในการท าความดี

ื่
2. เพอให้ผู้บริหาร ครู และนักเรียนสร้างเครือข่ายชุมซนองค์กรแห่งคุณธรรม โดยขอความ ร่วมมือ
จากหน่วยงาน และองค์กรที่ท างานด้านคุณธรรมอย่างเป็นรูปธรรมซัดเจน และมีความต่อเนื่อง

21
18


ตัวชี้วัดความส าเร็จของโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

1. จ านวนนักเรียนที่ได้รับการพัฒนาให้มีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในโรงเรียนเพิ่มขึ้น


2. จ านวนผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับการพฒนาให้มีพฤติกรรมที่พงประสงค์ใน
โรงเรียนเพิ่มขึ้น

3. จ านวนผู้บริหาร ครู และนักเรียน ที่ได้รับการปลูกผังคุณธรรม ๕ ประการ คือ
- ความพอเพียง

- ความกตัญญู
- ความซื่อสัตย์สุจริต

- ความรับผิดชอบ

- อุดมการณ์คุณธรรม
เป้าหมายของโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

เป้าหมายเชิงปริมาณ
โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ได้ก าหนดเป้าหมายของการด าเนินงาน โดยมีตัวชี้วัด

ื้
ผลสัมฤทธิ์ในปีการศึกษา 2560 ที่ก าหนดให้ส านักงานเขตพนที่การศึกษา จ านวน 225 เขต และโรงเรียนใน
สังกัด สพฐ. จ านวน 10,000 แห่ง เข้าร่วมโครงการ และขยายผลการด าเนินงานให้มีความครอบคลุมโรงเรียน
อย่างน้อย 30,000 แห่ง ในปีการศึกษา 2561

เป้าหมายเชิงคุณภาพ

ผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนทุกคนมีความตระหนักรู้ เข้าใจ และคิดอย่างมี
เหตุผล ซึมซับคุณค่าแห่งคุณธรรมความดีอย่างเป็นธรรมชาติ สร้างความรู้สึก ผิดชอบชั่วดี ภูมิใจ ในการท า

ความดี และร่วมกันสร้างเครือข่ายชุมชนองค์กรแห่งคุณธรรม ด้วยการขอความร่วมมือจากหน่วยงาน และ
องค์กรที่ท างานด้านคุณธรรมอย่างเป็นรูปธรรมซัดเจน ต่อเนื่อง และยั่งยืน

กรอบแนวคิดโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. เป็นการด าเนินงานเพอสืบสานพระราชปณิธานเดินตามรอยเบื้อง
ื่
พระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ตามพระราชประสงค์ชอง

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 โดยโรงเรียนแต่ละแห่งต้องวิเคราะห์
คุณธรรมอตลักษณ์ของตนเอง เพอใช้เป็นแนวทางในการพฒนา คุณธรรมจริยธรรมในโรงเรียน รวมไปถึงการ


ื่
พัฒนาผู้บริหาร ครู และนักเรียนตามกรอบแนวคิดโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ดังนี้

22
19


คุณธรรม ค ำนิยำม






พอเพียง ด ำรงชวิตพอเพยงตำมพระรำชด ำรสค ำสอน ดวยควำมมุ่งมั่น ตั้งใจ สรำงสรรค์ ตั้งแต่ระดับปจเจก

บุคคล ครอบครว จนถึงระดับชำติ


ดวยควำมรวดเรว รอบคอบ


ื่





กตญญู ด ำรงตนเรยบง่ำย ไม่หลงลืมตัวเมอเกดควำมส ำเรจ ควำมดีงำม ตองยก ย่องเชิดชูบุพกำร คร อำจำรย์


และทุกคนที่มส่วนรวม















ซอสตยสจรต ป้องกันไม่ใหเกดกำรทุจรตคอรรปชันในทุกระดับ โดยกำรปลูกฝง ค่ำนิยม ว่ำกำรทุจรตคอรรปชัน คือ
ควำมย่อยยับอับปำง และควำมน่ำ
อับอำย





ื่




ควำมรบผิดชอบ โรงเรยนคุณธรรม ผูบรหำร คร อำจำรย์ ฯลฯ มภำระหนำที่อันส ำคัญ ตองช่วยกันพรำสอน เพอให ้







ลูกหลำนเยำวชน กำวทันต่อยุคโลกำภิวัตน ยึดมั่นควำมซื่อสัตย สุจรต มควำมรอบร อดทน เสียสละ ม ี


ควำมเพียร ดวยปญญำ และควำมรอบคอ











ื่

อุดมกำรณคุณธรรม รวมกันเสรมสรำงหลักกำรบรหำรกจกำรบำนเมองที่ดี และปลูกฝง ควำมคิดเชิงอุดมกำรณ เพอใหเกด




โรงเรยนคุณธรรมอย่ำงกวำงขวำง และทั่วถึง อันเปนควำมยั่งยนแห่งควำมรมเย็น และมั่นคงของระบบ



กำรศึกษำของชำติบำนเมองสืบไปในอนำคต

ตัวชี้วัดโรงเรียนคุณธรรม
1. มีอุดมการณ์คุณธรรมในการพัฒนาในโรงเรียนคุณธรรม
2. มีกลไกและเครื่องมือในการปฏิบัติคุณธรรมจริยธรรมร่วมกันทั้งโรงเรียน
3. มีพฤติกรรมที่พงประสงค์ด้านความพอเพยง ความกตัญญู และความซื่อสัตย์สุจริตในโรงเรียน


เพิ่มขึ้น
4. พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ลดน้อยลง
5. มีกระบวนการมีส่วนร่วม และสร้างความรับผิดชอบจากผู้เกี่ยวข้องในโรงเรียน
6. มีองค์ความรู้ นวัตกรรมด้านคุณธรรม และบูรณาการไว้ในชั้นเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ ด้านคุณธรรม
จริยธรรม
สรุป โรงเรียนคุณธรรม สพฐ. เป็นกระบวนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมที่มีลักษณะความเป็นสากล
และเป็นเครื่องมือที่มีเป้าหมายเพอสร้างคนไทยให้เป็นไปตามที่ได้ทรงพระราชทานพระราชด ารัสที่ว่า “สร้าง
ื่
คนดี ให้บ้านเมือง” ซึ่งรัฐบาลได้น้อมน ามาเป็นโครงการและสานต่อโดย ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น
พื้นฐาน


2.6 โครงงานคุณธรรม

ขั้นตอนในการท าโครงงานคุณธรรม
กระบวนการด าเนินงานปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมตามโครงการโรงเรียนคุณธรรม กิจกรรมหลักหนึ่ง
คือห้องเรียนคุณธรรม หรือการท าโครงงานคุณธรรม ซึ่งนักเรียนและครูคือผู้ด าเนินงานซึ่งกิจกรรมของโครงงาน
คุณธรรม อาจประยุกต์ปรับได้ให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้น จึงขอเสนอแนวคิดหนึ่งในการท าโครงงานคุณธรรมคือ
พระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตวโส (2552 : 6-12) ก าหนดขั้นตอนในการท าโครงงานคุณธรรมไว้ 6 ขั้นตอน คือ

23 20



ขั้นตอนที่ 1 การตระหนักรู้และพิจารณาเลือกหัวเรื่องประเด็นปัญหา

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ส าคัญที่สุด ที่ต้องอาศัยภาวะการตระหนักรู้ในสถานการณ์หรือสภาพปัญหา

ด้วยสติปัญญา หรือภาวะที่มีแรงบันดาลใจที่จะท าสิ่งดีงามอะไรบางอย่างที่เป็นความฝัน หรืออดมคติ ซึ่งเกิด

จากผู้เรียนเองโดยตรง หรือหรือเกิดจากการแนะน าหรือชี้ชวนจากครูที่ปรึกษาหรือผู้อื่นที่เป็นเงื่อนไขมากระตุ้น

ให้ผู้เรียนเกิดความตระหนักรู้แรงบันดาลใจขึ้นก็ได้ การสร้างความตระหนักรู้นั้นเป็นขั้นตอนที่ยาก เพราะ
โดยทั่วไปสภาพการณ์ที่เป็นปัญหาต่าง ๆ นั้นมักจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่มักจะถูกละเลยมองข้าม หรือชาชินเคย

ชินจนมองไม่เห็นปัญหาหรือไม่ว่า ตนเองมีส่วนอย่างไรในท านองเส้นผมบังภูเขา หรือปลาอยู่ในน้ ามองไม่เห็น

น้ า จึงต้องอาศัยปัจจัยภายนอกจากกัลยาณมิตรที่กระตุ้นปัจจัยภายในใจของผู้เรียนได้ทุกตรงกับจริตนิสัย ใน
ื่
เงื่อนไขสถานการณ์แวดล้อม และจังหวะเวลาที่เหมาะพอดี จนเกิดฉันทะร่วมกันที่จะร่วมกันเพอด าเนินการ
งาน ครูที่ปรึกษาอาจวางเงื่อนไขเบื้องต้นจากการให้ผู้เรียนส ารวจและสังเกตสภาพปัญหาต่าง ๆ จากเพอน
ื่
นักเรียน ปัญหาที่ห้องเรียน โรงเรียน วัด ชุมชน แล้วช่วยกันระดมความคิดต่อปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด

แล้วมาอภิปรายกันในกลุ่มใหญ่หรือกลุ่มย่อยก็ได้ (อาจท าให้สนุกในลักษณะโต้วาทีหรือยอวาทีก็ได้) เพอเลือก
ื่
ประเด็นปัญหาที่มีความสนใจ หรือแก้ปัญหานั้นมากที่สุด เพื่อน ามาตั้งเป็นประเด็นส าหรับท าโครงงาน

ขั้นตอนที่ 2 การรวบรวมประมวลข้อมูลและองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง

เมื่อสมาชิกทุกคนในกลุ่มเห็นพองกันและตัดสินใจเลือกประเด็นปัญหาหรือหัวเรื่องได้แล้วและได้รับ
ความเห็นชอบจากที่ปรึกษาแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนของการระดมความคิดวางแผนในเบื้องต้น โดยเริ่มจากการ

ร่วมกันพจารณาวิเคราะห์สภาพปัญหาและสิ่งสาวไปหาสาเหตุและปัจจัยต่างๆ การวางเป้าหมายและวิธีการ

แก้ปัญหาแล้วประมวลสิ่งที่วิเคราะห์ได้ท าเป็นผังมโนทัศน์ ในขั้นตอนนี้จะพบว่ายังมีข้อมูลของสภาพปัญหา

ต่างๆ ที่จะน ามาใช้ในการวางแผนแก้ปัญหาก็ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจน เป็นต้น จึงต้องมีการรวบรวมข้อมูล
และองค์ความรู้เพิ่มเติม (ซึ่งอาจจะได้มาจากการส ารวจโดยละเอียดหรือประมาณการโดยเข้าคร่าวๆ ก็ได้) จาก

การพบปะสนทนาขอความร่วมมือจากบุคคลต่างๆ และจากการค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือต าราและแหล่ง

ื่
เรียนรู้ต่างๆ แล้วน าข้อมูลที่รวบรวมได้ทั้งหมดมาประมวลเพอจัดเตรียมส าหรับคิดวางแผนท างานโครงงาน
ต่อไป

ส าหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา จากการระดมความคิด ตอนที่ 1 แล้วเลือกเรื่องมา 1 อย่างนั้น ครูที่
ปรึกษาครูควรให้นักเรียนช่วยกันระดมความคิดกันต่อเพื่อตอบค าถาม 5 ข้อต่อไปนี้

1. ปัญหาที่เลือกเป็นประเด็นเริ่มต้นของงาน คืออะไร ระบุสภาพปัญหาให้ชัดเจน (ปัญหา คือเป็น


สภาพการณ์ที่ผิดปกติ ไม่ดี ไม่น่าพอใจ หรือเป็นพฤติกรรมที่ไม่พงประสงค์ พฤติกรรมที่ผิดศีลธรรม/
กฎระเบียบ หรือผิดจากมารยาทที่ถูกต้อง เป็นต้น)

2. ปัญหานั้นมี สาเหตุ มาจากอะไร วิเคราะห์ร่วมกันต่อว่าเป็นอะไรเป็นสาเหตุต้นตอที่แท้จริง อะไร

เป็นปัจจัยร่วม อะไรเป็นปัจจัยแวดล้อมภายนอก อะไรเป็นปัจจัยภายใน
3. เป้าหมายของการแก้ปัญหาคืออะไร ควรให้ช่วยกันเริ่มคิดจากการวางเป้าหมายระยะสั้นและ

ระยะทางก่อน โดยเริ่มจากการช่วยกันระบุเป้าหมายเชิงปริมาณว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลหรือ สิ่งแวดล้อมใดบ้าง

21
24


จ านวนหรือปริมาณเท่าใด มีขอบเขตระยะเวลา พื้นที่การท างานเท่าใด แล้วช่วยกันตั้งเป้าหมายเชิงคุณภาพ ว่า




ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเกิดพฤติกรรมที่พงประสงค์อย่างไรบ้าง ให้เกิดการพฒนาจิตใจ หรือพฒนาปัญญา
อย่างไร หรือให้เกิดสิ่งของ/ สภาพแวดล้อมที่พึงประสงค์อย่างไรบ้าง
4. ทางแก้ หรือวิธีการด าเนินงาน เพื่อไปสู่เป้าหมายนั้น มีแผนงานอย่างไรบ้าง ให้ช่วยกันวางแผนการ

ท างานที่จะสามารถท าได้ทั้ง 2 ระยะ ทั้งเฉพาะหน้าในเวลา 3 เดือน ในช่วงเทอม 1 และระยะที่ 2 ในช่วงเทอม
2 อีกประมาณ 3 – 4 เดือน

5. การด าเนินงานโครงงานดังกล่าวนั้น มีการใช้หลักธรรมและแนวพระราชด าริอะไรบ้าง (หากผู้เรียน
ยังจ าหัวข้อธรรมะที่แน่นอนไม่ได้ หรือจ าพระราชด ารัสที่ถูกต้องไม่ได้ก็ให้ใช้ ถ้อยค าง่ายๆ ที่อธิบายให้เข้าใจได้

ิ่
แทนไปก่อน แล้วไปค้นคว้าเพมเติมต่อในภายหลังก็ได้) เมื่อตอบค าถาม 5 ข้อนี้ได้แล้ว ก็ให้ประมวลสรุป
น าเสนอในรูปแบบของผังมโนทัศน์ ที่มีหัวข้อ ดังนี้
- ชื่อโครงงาน, ชื่อกลุ่ม, ชื่อโรงเรียน

- วาดภาพประกอบโครงงาน ที่แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์
- ปัญหาที่เลือกท าโครงงาน

- สาเหตุของปัญหา

- เป้าหมาย (เชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ)
- ทางแก้ (วิธีการหรือกิจกรรมที่เป็นขั้นตอนเรื่องขอ)

- หลักธรรม/ พระราชด าริ/ พระราชด ารัส ที่น ามาใช้


ส าหรับนักเรียนระดับประถมศกษานั้น เล่นแค่ให้เด็กสามารถคิดการใหญ่ (Think Big) คิดเป็นขั้นตอน

ได้ก็เพยงพอแล้ว ส่วนการคิดวิเคราะห์อย่างเด็กที่นักเรียนมัธยม นั้นถือว่าเป็นการต่อยอด เวลาตั้งค าถาม
สามารถอนุโลมให้ใช้ค าถาม 5 ค าถามเหมือนของระดับมัธยมก็ได้ แต่เด็กนักเรียนจะวิเคราะห์ได้ไม่ลึกซึ้งนัก
และจะดูเคร่งเครียดเกินไป ครูที่ปรึกษาจะต้องกระตุ้นความคิดด้วยค าถามที่หลากหลาย และย่อยประเด็นลง

ไปให้มากขึ้น และหากเด็กสนใจในประเด็นสิ่งดีที่จะท ามากกว่า ปัญหาที่จะแก้ก็ไม่เป็นไร ก็ให้ขยายสิ่งดีดี ที่จะ

ท าให้เป็นโครงการใหญ่ตั้งกลุ่มเป้าหมายให้ชัดและคิดขั้นตอนของการท างานออกมาได้ เพียงพอแล้ว
ตัวอย่างประเด็นค าถามกระตุ้นความคิดนักเรียนระดับประถมศึกษา เช่น

- ถ้าชวนกันให้ท าความดีหลาย ๆ คน จะท าได้หรือไม่
- จะวางกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร จ านวนกี่คน

- จะชักชวนหรือประชาสัมพันธ์ ด้วยวิธีการอย่างไรบ้าง

- จะมีวิธีการหรือกิจกรรมด าเนินการโครงงานนี้อย่างไรบ้าง
- จะมีวิธีใดที่จะรู้ว่าแต่ละคนนั้นท าความดีนั้นจริงหรือไม่

- ถ้าเขาท าจริง จะรู้ได้อย่างไรว่าเค้าท ามาก หรือท าน้อย

- ถ้ามีคนที่ท าความดีมาก ๆ จะให้อะไรเค้าตอบแทน
- ต้องการให้เกิดผลดีจากการท าโครงงานนี้อย่างไรบ้าง

- จะตั้งชื่อโครงงาน, ชื่อกลุ่ม ว่าอะไร

25
22


- อื่น ๆ เช่น คุณธรรมใดที่จะน ามาใช้ในการท าความดีนี้

ขั้นตอนที่ 3 การจัดท าโครงงาน
ขั้นตอนนี้เป็นการคิดพิจารณาวางแผนงานในรายละเอียดและภาพรวมทั้งหมด โดยน าข้อมูลที่รวบรวม

และประมวลได้ทั้งหมดนั้นมาเรียบเรียงและจัดท าเป็นเอกสารร่างโครงงาน ที่มีหัวข้อต่างๆ ตามที่ก าหนดไว้

อย่างน้อย 13 หัวข้อ ดังนี้
1. ชื่อโครงงาน (ชื่อโครงงานเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)

2. กลุ่มเยาวชนผู้รับผิดชอบโครงงาน และสถานศึกษา
3. ที่ปรึกษาโครงการ

4. วัตถุประสงค์ (ไม่ควรเกิน 5 ข้อ)

5. สถานที่และก าหนดระยะเวลาด าเนินการ
6. ผังมโนทัศน์

7. สาระส าคัญของโครงงาน
8. การศึกษาวิเคราะห์

-ปัญหาและสาเหตุ (ประมวลข้อมูลสภาพปัญหา แล้ววิเคราะห์หาสาเหตุและปัจจัยต่างๆ ที่

เกี่ยวข้องกับปัญหา เพื่อให้เห็นที่มาและความส าคัญของโครงงาน)
-เป้าหมายและทางแก้ (วางเป้าหมายของการแก้ปัญหาเชิงปริมาณและคุณภาพ)

-หลักการและหลักธรรมที่น ามาใช้ (แสดงหลักธรรมและแนวพระราชด าริ หรือหลักวิชาการ

ต่างๆ ที่น ามาใช้ พร้อมอธิบายความหมายโดยย่อ แล้วอธิบายเชื่อมโยงกับการด าเนินการ โครงงานอย่าง
สอดคล้องเป็นเหตุเป็นผล)

9. วิธีการด าเนินงาน (แสดงวิธีการด าเนินงานเป็นข้อ ๆ หรือเป็นแผนผังที่มีค าอธิบายที่ชัดเจน)
10. งบประมาณและแหล่งที่มาของงบประมาณ (แสดงงบประมาณโครงงานและแหล่งที่มา หากมี

การระดมทุนเพิ่มให้บอกแผนงานหรือวิธีการระดมทุนด้วย)

11. ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลโดยตรงและผลกระทบที่ต่อเนื่องออกไป)
12. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของที่ปรึกษา

13. ความคิดเห็นและความรู้สึกของประธานกลุ่มเยาวชนผู้รับผิดชอบโครงงาน การจัดท าร่างโครงงาน
ที่ดีนั้นในหัวข้อการศึกษาวิเคราะห์เป็นหัวใจส าคัญ โดยเฉพาะการวิเคราะห์ถึงปัญหาและสาเหตุ ควรมีข้อมูล

สถิติ หรือสภาพการที่ได้มาจากการส ารวจสังเกตจริง มาประกอบอางองแต่ท าให้มีน้ าหนักน่าเชื่อถือ ยิ่งถ้าเป็น


ข้อมูลสถิติจากพื้นที่เป้าหมายจริง ๆ ก็จะท าให้คะแนนการประเมินความเป็นไปได้ของโครงงานดีขึ้น

ขั้นตอนที่ 4 การด าเนินการโครงงาน
การด าเนินการโครงงานแบ่งออกเป็นสองระยะดังนี้

ระยะที่ 1 บุกเบิก-ทดลอง

ระยะที่ 2 ตอกย้ า-ขยายผล

26 23


ขั้นตอนนี้เป็นการน าร่างโครงงานมาปฏิบัติจริงไปตามล าดับขั้นตอนและวิธีการด าเนินงานซึ่งจะมีทั้งใน

ส่วนที่แบ่งงานและด าเนินงานกันในระหว่างสมาชิกในกลุ่มผู้รับผิดชอบโครงงาน และงานในส่วนที่สร้าง การมี
ื่
ส่วนร่วมให้กับเพอนนักเรียนอนและบุคคลต่างๆ ที่เข้ามาช่วยท างานในด้านต่างๆ ตลอดจนการจัดกิจกรรม
ื่
ิ่

รณรงค์ขยายการมีส่วนร่วมออกไปสู่ชุมชน การด าเนินงานในช่วงนี้อาจมีขอมูลย้อนกลับมาที่เป็นเรื่องใหม่ที่เพง

ทราบ หรือคาดเคลื่อนไปจากที่คาดการณ์ไว้ หรือเกิดสถานการณ์ที่ยุ่งยากเป็นอปสรรคข้อขัดข้องหรือข้อ

ขัดแย้งให้ต้องประเชิญหน้าและแกปัญหาอยู่เสมอๆ อันอาจจะน ามาซึ่งความออนล้า ความเหนื่อยนายท้อแท้ได้

บ่อยๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแบบฝึกหัดส าคัญของการเรียนรู้และพฒนาคุณธรรมของผู้รับผิดชอบโครงงานและ

ผู้มาช่วยงานทั้งสิ้น และจ า เป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการติดตาม สนับสนุน ดูแล ความร่วมมือทั้งทางทรัพยากร

ภายนอกและทางจิตใจจากคณะที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิด ตลอดระยะเวลาด าเนินการโครงงานทั้ง 2 ช่วง


ผู้รับผิดชอบโครงงานพงละลึกไว้ว่า การท างานจริงอาจมีหลายสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์และระบุไว้ในร่าง
โครงงาน และหลายครั้งอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนงานไปจากเดิมก็ไม่เป็นไร แต่ต้องเข้าใจว่าเพราะอะไร

สามารถอธิบายได้ถึงเหตุผลของการที่ผิดพลาดไปจากแผนงานที่วางไว้ได้ อย่าท างานเพียงเพอให้ได้ผลตามร่าง
ื่
โครงงานที่วางแผนไว้เท่านั้น แต่ท างานเพอก่อให้เกิดการเรียนรู้และพฒนาคุณธรรมของตนเองและทุกคนที่

ื่
ิ่
ึ้
เกี่ยวข้องเป็นหลักท าแล้วขณะท าความดีต้องเพมขนและ ควรมีความสุขจากการท าความดีนั้น ท าโครงการและ
ื่
ื่
ความดี เพอน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มิใช่การแข่งขันเพอล่ารางวัล ระยะเวลาการ
ท างานจริง ที่ลงแรงท างานด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างต่อเนื่องนั้น ไม่ควรน้อยกว่า 2 เดือน จึงจะท าให้
กระบวนการเรียนรู้แบบโครงงานคุณธรรมได้ผลเต็มที่


ขั้นตอนที่ 5 การสรุปประเมินผลและเขียนรายงาน

จากการด าเนินงาน ในขั้นตอนที่ 4 นั้นให้กลุ่มเยาวชนได้ท าการประเมินผลและสรุปผลการ ด าเนินงาน
ทั้ง 2 ระยะ เพอนน ามาใช้จัดท าเป็นเอกสารและสื่อการน าเสนอโครงงาน 5 หรือ 6 รายการ ดังนี้
ื่
1. รายงานโครงงาน
2. สรุปยอดโครงงานใน 1 หน้ากระดาษ

3. แผ่นพับน าเสนอโครงงาน

4. สื่อ Presention เช่น Powerpoint หรือ VDO
5. แผ่นป้ายนิทรรศการโครงงาน

6. เว็บเพจ น าเสนอโครงงานผ่านทางอินเตอร์เน็ต
ขั้นตอนที่ 6 น าเสนอโครงงาน

การน าเสนอโครงงาน เป็นทักษะที่ส าคัญของผู้รับผิดชอบโครงงานทุกคนที่จะต้องท าหน้าที่เป็น

ื่
กัลยาณมิตร ท าการสื่อสารและถ่ายทอดความดีงามจากโครงงานของตนออกสู่การรับรู้ของบุคคลอนและ

สาธารณะ สมาชิกทุกคนในกลุ่มควรท าความเข้าใจในรายละเอยดและภาพรวมของโครงงานทั้งหมด แล้ว
ซักซ้อมการน าเสนอในประเด็นส าคัญๆ ไว้เพื่อเตรียมตัวส าหรับการน าเสนอบนเวที การสัมภาษณ์ ซักถาม และ

27
24


การน าเสนอหน้าแผ่นป้ายนิทรรศการโครงงานให้คณะกรรมการและผู้มาชมนิทรรศการโครงงานสามารถเข้าใจ

ในระยะเวลาอันจ ากัด
สรุป โครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. คือ การมุ่งสร้างคนดีให้บ้านเมือง ตามพระราชด ารัส ซึ่งได้น า

แนวคิดการสร้างคนดี โดยใช้กระบวนการของมูลนิธิยุวสถิรคุณ มาปรับตามบริบทของโรงเรียนในสังกัด สพฐ.

โดยลักษณะส าคัญของโครงการโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. คือ โรงเรียนต้องมีการก าหนดคุณธรรมเป้าหมาย การ
ด าเนินงานโครงงานคุณธรรมตั้งแต่ผู้บริหารโรงเรียน คณะครู และนักเรียน เรียกว่าตารางคุณธรรมอตลักษณ์

กระบวนการนิเทศสนับสนุนการสร้างเครือข่าย การสร้างครอบครัวที่สาม ค่ายยุวชนคนคุณธรรม และการ
ค้นหานวัตกรรม ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ สพฐ. เชื่อว่าจะส่งเสริมให้การสร้างคนดีประสบผล โดยมีผู้ขับเคลื่อน

ื้
หลักเรียกว่า ศึกษานิเทศก์ของแต่ละส านักงานเขตพนที่การศึกษาที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น คณะกรรมการ
ขับเคลื่อนเร็ว RT : Roving Teams

28


ส่วนที่ 3

แนวทางการนิเทศ ติดตามการขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.




การนิเทศ ติดตามโรงเรียนคุณธรรม เป็นปัจจัยความส าเร็จที่ส าคัญมากที่สุดในการพฒนาโรงเรียน
คุณธรรม และเป็นเครื่องมือที่สามารถน าไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงกระบวนการท างานและขยายผลการ

ื้
พฒนาโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ซึ่งกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา ส านักงานเขตพนที่


การศึกษาประถมศึกษาล าปาง เขต 1 ด าเนินการ โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พ ไอ ซี อี (APICE Model) ดัง
แผนภาพที่ 1 และแผนภาพที่ 2 ดังนี้

แผนภาพที่ 1 การนิเทศ ติดตาม เพื่อขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model)


ศึกษาสภาพ และความต้องการ

(Assessing Needs: A)


การวางแผนการนิเทศ

(Planning : P)



การให้ความรู้ก่อนการนิเทศ


(Informing: I)



การนิเทศแบบโค้ช

(Coaching : C)



การประเมินผลการนิเทศ

(Evaluating: E)

29 26


แผนภาพที่ 2 กรอบแนวคิดการนิเทศ ติดตาม การขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model)
กรอบแนวคิดการนิเทศ ติดตามเพื่อขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model)



ศึกษาสภาพ และความต้องการ ศึกษาสภาพปัจจุบัน/ปัญหา และความต้องการ
(Assessing Needs : A)


ก าหนดตัวชี้วัดความส าเร็จ (KPI)
การวางแผนการนิเทศ

(Planning : P) สร้างสื่อ/นวัตกรรม และเครื่องมือการนิเทศ


ก าหนดกิจกรรมและปฏิทินการนิเทศ


การให้ความรู้ก่อนการนิเทศ
ส่งเสริม/พัฒนาความรู้ที่เกี่ยวข้องงานนโยบายส าคัญต่างๆ
(Informing : I)


ปฏิบัติการนิเทศ Coaching เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริหารสถานศกษา

การนิเทศแบบโค้ช ครูผู้สอน และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ปัญหา/เลือกแนว/

(Coaching: C) ก าหนดแนวทางการแก้ปัญหา/ วางแผน/ ด าเนินการแก้ปัญหา/
วิเคราะห์ และสรุปผล/ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ /ชื่นชม

รวบรวม วิเคราะห์ และสังเคราะห์ผลการนิเทศ


ไม่มีคุณภาพ
ตรวจสอบ และประเมินผลการนิเทศ ปรับปรุง/

พัฒนา
มีคุณภาพ
สรุปและจัดท ารายงานผลการนิเทศ


การประเมินผลการนิเทศ
(Evaluating : E)
ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพ น าเสนอและเผยแพร่ผลการนิเทศ (จัดนิทรรศการ

แลกเปลี่ยนเรียนรู้/ยกย่องเชิดชูเกียรต/Website ฯลฯ)


30 27


การนิเทศ ติดตามการขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model)



การนิเทศ ติดตามการขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ. ของสถานศึกษา สังกัดส านักงานเขตพนที่
ื้
การศึกษาประถมศึกษาล าปาง เขต 1 โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพ และความต้องการ (Assessing Needs : A)
ศึกษาสภาพปัจจุบัน/ปัญหา และความต้องการของศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน

และบุคลากรที่เกี่ยวข้องการพัฒนาคุณธรรม สพฐ.

ขั้นตอนที่ 2 การวางแผนการนิเทศ (Planning : P)
ด าเนินการวางแผนการนิเทศ ติดตามร่วมกันระหว่างศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน

และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
2.1 ก าหนดตัวชี้วัด (KPI)

สถานศึกษาร้อยละ 80 มีการพัฒนาคุณธรรม สพฐ. ที่เป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ

2.2 จัดท าสื่อและเครื่องมือการนิเทศ ติดตาม
1) แนวทางการพัฒนาคุณธรรม สพฐ.

2) จัดท า/จัดหา/พัฒนาสื่อการพัฒนาคุณธรรม สพฐ.

3) จัดท าเครื่องมือนิเทศ ติดตามการพัฒนาคุณธรรม สพฐ.
2.3 จัดท าปฏิทินการนิเทศ ติดตามการพัฒนาคุณธรรม สพฐ.

ขั้นตอนที่ 3 การให้ความรู้ก่อนการนิเทศ (Informing : I)

ประชุมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาคุณธรรม สพฐ. ในประเด็นต่างๆ ดังนี้
3.1 การจัดท าโครงงานพัฒนาจริยคุณ

3.2 การคืนคุณธรรมสู่ห้องเรียน
3.3 ค่ายยุวชนคนคุณธรรม

3.4 การประเมินคุรุชนคนคุณธรรม/นวัตกรรมสร้างสรรค์คนดี/การประเมินโรงเรียน

คุณธรรม สพฐ.
ขั้นตอนที่ 4 การนิเทศแบบโค้ช (Coaching : C)

ด าเนินการนิเทศการพฒนาคุณธรรม สพฐ. แบบโค้ช ทั้งนี้ศึกษานิเทศก์ ได้ด าเนินการร่วมกับทีม

บริหาร คณะอนุกรรมการ ก.ต.ป.น. ผู้บริหารสถานศึกษา และครูวิชาการ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริหารสถานศึกษา

ครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษาด าเนินการพัฒนาคุณธรรม สพฐ. อย่างเป็นระบบ ดังนี้


4.1 ส ารวจปัญหาต่างๆ ในการพัฒนาคุณธรรม สพฐ.พร้อมกับวิเคราะห์สาเหตุ

4.2 เลือกแนวทางในการแก้ปัญหา

4.3 ก าหนดเป้าหมายความส าเร็จ

31 28


4.4 วางแผนการแก้ปัญหา

4.5 ด าเนินการแก้ปัญหาตามแผนที่วางไว้ ในแต่ละกิจกรรมที่ได้ก าหนดไว้
4.6 วิเคราะห์ และสรุปผลการด าเนินงาน

4.7 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ชื่นชมความส าเร็จ และข้อเสนอแนะในการด าเนินงาน

ขั้นตอนที่ 5 การประเมินผลการนิเทศ (Evaluating : E)
การประเมินผลการนิเทศ ด าเนินการ ดังนี้

5.1 รวบรวม วิเคราะห์ สังเคราะห์ผลการนิเทศการพัฒนาคุณธรรม สพฐ.
5.2 ตรวจสอบ และประเมินผลการนิเทศการพัฒนาคุณธรรม สพฐ.

5.3 สรุปและจัดท ารายงานผลการนิเทศการพัฒนาคุณธรรม สพฐ.ของสถานศึกษาในสังกัด

5.4 จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนรู้ และชื่นชมความส าเร็จในการพัฒนาคุณธรรม สพฐ.
5.5 ยกย่องเชิดชูเกียรติแก่สถานศึกษาที่มีการพัฒนาคุณธรรม สพฐ.ที่เป็นแบบอย่างที่ดี


5.6 เผยแพร่ผลงานการปฏิบัติงานของสถานศึกษาที่มีการพฒนาคุณธรรม สพฐ.ที่ดีสู่
ื้
สาธารณชนผ่าน Website ระบบ ICT และสารสนเทศของส านักงานเขตพนที่การศึกษาประถมศึกษาล าปาง
เขต 1

32


บรรณานุกรม



กรองทอง จิรเดชากุล. (2550). คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน. กรุงเทพฯ : ธารอักษร.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2552). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ :

โรงพิมพชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

กิติมา ปรีดีดิลก. (2532). การบริหารและการนิเทศการศึกษาเบื้องต้น. กรุงเทพฯ : อักษราพิฒน์.

เกรียงศักดิ์ สังข์ชัย. (2552). การพัฒนารูปแบบการนิเทศการสอนครูวทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาศักยภาพ



นักเรียนที่มแววความสามารถพิเศษทางวทยาศาสตร์. วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน ภาควิชาหลักสูตรและการนิเทศบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย
ศิลปากร.

ฉวีวรรณ คูหาภินันทน์. (2545). วรรณกรรมส าหรับเด็ก. กรุงเทพฯ : ศิลปะบรรณาคาร
ชาญชัย อาจินสมาจาร. (ม.ป.ป.). การนิเทศการศึกษา. ปัตตานี : สถาบันเพื่อความก้าวหน้าทางวิชาการ.


ทิศนา แขมมณี. (2545). ศาสตร์การสอน-องค์ความรู้เพื่อจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มประสิทธิภาพ. พมพครั้ง


ที่ 2 กรุงเทพฯ : ด่านสุทธาการพิมพ์.

. (2550). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มประสิทธิภาพ.
กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2548.) การนิเทศการสอน. กรุงเทพฯ : ศูนย์สื่อกรุงเทพฯ.

ยุพน ยืนยง. (2553). การพัฒนารูปแบบการนนิเทศแบบหลากหลายวธีการ เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการ



วจัยในชั้นเรียนของครู เขตการศึกษา 5 อครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ.ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต

มหาวิทยาลัยศิลปากร.
วัชรา เล่าเรียนดี. (2550). การนิเทศการสอน. นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร.
. (2556). ศาสตร์การนิเทศการสอนและการโค้ช การพัฒนาวชาชีพ : ทฤษฎี กลยุทธ์สู่การ

ปฏิบัติ. นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร.

วิชัย วงษ์ใหญ่. (2537). กระบวนการพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอนภาคปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : สุ
วีริยสาส์น.

วิจิตรา ปัญญาชัย. การน าเสนอรูปแบบการพัฒนาอาชีพส าหรับอาจารย์พยาบาล สังกัดกระทรวง

สาธารณสุข. วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วไลรัตน์ บุญสวัสดิ์. (2538). หลักการนิเทศการศึกษา. กรุงเทพฯ : พรศิวการพิมพ์.

ศิลาทิพย์ ค าใจ. (2556). การสร้างแบบประเมนความสามารถในการอาน คิดวเคราะห์และเขียนส าหรับ



นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต การวัดและประเมินผลการศึกษา
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

สงัด อมรานันท์. (2530). การนิเทศการศึกษา หลักการ ทฤษฎีและปฏิบัติ. พมพครั้งที่ 2.กรุงเทพฯ :



มิตรสยาม.

33
30


บรรณานุกรม (ต่อ)



สมศักดิ์ สินธุระเวชญ์. (2542). มุ่งสู่ครูคุณภาพการศึกษา. กรุงเทพฯ ; วัฒนาพานิช.

ส านักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2547). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542.
กรุงเทพฯ : คุรุสภา ลาดพร้าว.

ื้
ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). แนวทางการบริหารจัดการ
เรียนรู้. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ ากัด.

ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2545). พระราชบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และ

ที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ : ส านักงานคณะกรรมการแห่งชาติ.
ื้
ส านักทดสอบทางการศึกษา ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนฐาน. (2556). นิยามความสามารถของผู้เรียน
ด้านภาษา ด้านค านวณ และด้านเหตุผล (Literacy, Numeracy & Reasoning Abilities). กรุงเทพฯ
: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

. (2553). การเสริมสร้างประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนการ

นิเทศแบบให้ค าชี้แนะ (Coaching). กรุงเทพฯ : ส านักทดสอบทางการศึกษา.
ส านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2554). แนวทางการ




พัฒนาและประเมนการอาน คิดวเคราะห์ และเขียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.


ภาษาอังกฤษ

rd
Burton, W.H. and L.J. Bruckner. (1955). Supervision : A Social Process. 3 .ed. New York :
Appleton Century – Croft.

Copleland, wills D. and Norman J.Boyan. Instructional Supervision Training Pregame. Ohio :
Charles E, Merrill Pubishing Company, 1978.

rd
Costa, Arthur L. Developing Minds A Resource Book for Thecching Thinking. 3 ed. The United
States of America : Association for Supervision and Cumicum Development, 1703 N.

Beauregard St. 2002.

Dick, Walter, Lou Carey, and Jame O, Carey. (2005). The Systematic Design of Instruction.
th
6 ed. Boston : Pearson.
Glickman, Card. D., Stephen P. Gordon and Jovita M. Ross-Gordon. (1995). Supervision and

rd
Instruction : A Development Approach. 3 ed. Massachusetts : Allyn and Bacon,
Inc.

. (2004). Supervision and Instructional Leadership : A Developmental Approach.

6 ed. Boston : Allyn and Bacon, Inc.
th

34
31


บรรณานุกรม (ต่อ)



Harris, Ben M. (1985). Supervisory Behavior in Education. 3 ed. Englewood. Cliffs, New
rd
Jersey : Prentice-Hall, Inc.
Kruse, Kevin. Instruction to Instructional Design and the ADDIE Model. (Online). Accessed 19 June

2007. Available from http : ww.elearninggurn.com/articles/art1_1.htm.
th
Oliva, Peer F. (1989). Supervision for Today’s School. 3 ed. New York : Longman.
Sandvold, A. (2008). Literacy Coaching. ASCD.

Stoner, Jame Arthur Finch, C Wankle. (1986). Management. New jersey : prentice – Hall.
Spears,Harold. (1967). Curriculum Planning Through In-Service Programs. Englewood Cliffs, N.J. :

Prentice-Hall.
Sweeney, D. (2011). Student Centered Coaching. Thousand Oaks, California : Corwin Press

Company.

Webster. (1970). Webster’s New world Dictionary. New York : Compact School the world Publishing.

35





















ภาคผนวก

36 33


แบบนิเทศติดตามโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

ประจ าปีการศึกษา ............................



ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป

ชื่อโรงเรียน............................................................... ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาล าปางเขต 1



ตอนที่ 2 ข้อมูลด้านบริบทเบื้องต้น

1. สภาพแวดล้อม บรรยากาศของโรงเรียน และสภาพชุมชนใกล้เคียง

สภาพแวดล้อม

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

2. บรรยากาศของโรงเรียน

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

3. สภาพชุมชนใกล้เคียง

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

.........................................................................................................................................................................

4. สถานการณ์เสี่ยง/ปัญหาด้านคุณธรรมของโรงเรียน


.........................................................................................................................................................................


.........................................................................................................................................................................


.........................................................................................................................................................................

37
34


ตอนที่ 3 การด าเนินงานโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.

1. การก าหนดเป้าหมายการพฒนาโรงเรียนคุณธรรม (ตารางคุณธรรมอัตลักษณ์)


คุณธรรม พฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวก (จ านวนตามกลุ่ม)
เป้าหมาย
ผู้บริหาร ครู นักเรียน




















ส าหรับโรงเรียนที่ยังไม่ได้ก าหนดพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวก และคุณธรรมเป้าหมายเนื่องจาก (กรุณาระบุ)


..............................................................................................................................................................................


วิธีการก าหนดคุณธรรมอัตลักษณ ์


(1) การสื่อสารสร้างความเข้าใจ


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


(2) การสร้างแกนน า


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

38 35


(3) ประชุมระดมสมอง


- การก าหนดพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวก


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


- การก าหนดคุณธรรมเป้าหมาย


..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


(4) การจัดท าตารางคุณธรรมอัตลักษณ์


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


2. การก าหนดวิธีการบรรลุเป้าหมาย


2.1 การวางแผน / การจัดท าโครงงานคุณธรรม


- การจัดท าแผนพัฒนาคุณธรรมโรงเรียน หรือแผนปฏิบัติการประจ าปี


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


2.2 การเป็นแบบอย่างที่ดี


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................

39 36


2.3 การพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เออต่อการพัฒนาคุณธรรม
ื้

..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


2.4 การบูรณาการคุณธรรมในการเรียนการสอน / ในชั้นเรียน


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................


2.5 การบูรณาการคุณธรรมในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน


..............................................................................................................................................................................


.............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


3. โครงงานคุณธรรม


คุณธรรมเป้าหมาย โครงงาน ผู้รับผิดชอบ

คุณธรรมที่ 1 ....................... โครงงาน...........................

โครงงาน...........................
โครงงาน...........................

โครงงาน...........................

คุณธรรมที่ 2 ....................... โครงงาน...........................

โครงงาน...........................

โครงงาน...........................
โครงงาน...........................

คุณธรรมที่ 3 ....................... โครงงาน...........................

โครงงาน...........................

โครงงาน...........................
โครงงาน...........................

40
37


4. เครื่องมอส าคัญในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย


- การสื่อสารสร้างความเข้าใจทั้งโรงเรียน เพื่อให้ทราบเป้าหมายและทิศทางการด าเนินงาน


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


- การสร้างแกนน า (ครู-นักเรียน) เพื่อเป็นผู้น าในการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย


..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


- การนิเทศติดตามภายใน และการนิเทศติดตามโดยผู้นิเทศ


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


- การส่งเสริมสนับสนุนและการเสริมแรงในรูปแบบต่างๆ


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


- การสร้างกลไกการมีส่วนร่วม


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................

41
38


- การทบทวนหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR)


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


- การแลกเปลี่ยนเรียนรู้


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................


- การประเมินผลและการน าผลการประเมินไปพัฒนาการด าเนินงาน


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


- การประชาสัมพันธ์


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


5. ผลการด าเนินงาน (ทั้งผลโดยตรงและผลพลอยได้)


- ผลที่เกิดขึ้นกับนักเรียน


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................

42
39


- ผลที่เกิดขึ้นกับครู


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


- ผลที่เกิดขึ้นกับผู้บริหาร


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................


- ผลที่เกิดขึ้นกับโรงเรียน


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


- ผลที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของนักเรียน


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


- ผลที่เกิดขึ้นกับชุมชน


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................

43 40



- องค์ความรู้ นวัตกรรม และบทเรียนที่เกิดจากการด าเนินงาน


..............................................................................................................................................................................


.............................................................................................................................................................................


6. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความส าเร็จ


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................



7. ปัญหาอุปสรรคและขอเสนอแนะ

ปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะของผู้นิเทศ









8. การด าเนินการของโรงเรียนตามข้อเสนอแนะ


ปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะของผู้นิเทศ การด าเนินการของโรงเรียนตามข้อเสนอแนะ






9. ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น


..............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


..............................................................................................................................................................................


ลงชื่อผู้นิเทศ.......................................................... ลงชื่อผู้นิเทศ.........................................................


(..................................................................) (.......................................................................)

44 41



คณะผู้จัดท า



ที่ปรึกษา
1. นายอภิรักษ์ อิ่มจิตอนุสรณ์ ผู้อ านวยการส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาล าปาง เขต 1

ื้
2. นางวรางคณา ไชยเรือน รองผู้อ านวยการส านักงานเขตพนที่การศึกษาประถมศึกษาล าปาง เขต
1

3. นายเรวัติ สุธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวิจัยและประเมินผล

4. นายอัมพร เทพปินตา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารการศึกษา
5. นายมงคล ขัดผาบ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม

6. นายสมพร นาคพิทักษ์ ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านปงสนุก

7. นายสุทิน จันทรวรเขตต์ ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านค่ากลาง
8. ว่าที่ ร.ต.ชีพสิทธิ์ ฮั่นเกียรติพงษ์ ผู้อ านวยการโรงเรียนพินิจวิทยา

9. ดร.สุรภี วงศ์ไพบูลย์ ผู้อ านวยการโรงเรียนวิชานารี




คณะผู้จัดท า

1. ดร.เอกฐสิทธิ์ กอบก า ผู้อ านวยการกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศกษา
สพป.ล าปาง เขต 1
2. นางศรีจันทร์ ทรายใจ ศึกษานิเทศก์ สพป.ล าปาง เขต 1

3. นายนพดล ถาวร ศึกษานิเทศก์ สพป.ล าปาง เขต 1

4. นางเขมจิรา เศวตรัตนเสถียร ศึกษานิเทศก์ สพป.ล าปาง เขต 1
5. ดร.วัชรี เหล่มตระกูล ศึกษานิเทศก์ สพป.ล าปาง เขต 1

6. นางอัญชลี โทกุล ศึกษานิเทศก์ สพป.ล าปาง เขต 1
7. นางพรณิพา ยศบุญเรือง ศึกษานิเทศก์ สพป.ล าปาง เขต 1

8. ดร.วิมล ปวนปันวงศ์ ศึกษานิเทศก์ สพป.ล าปาง เขต 1

9. นางสาวยุวธิดา ใหม่กันทะ ศึกษานิเทศก์ สพป.ล าปาง เขต 1


บรรณากิจและออกแบบปก

ดร.วิมล ปวนปันวงค์ ศึกษานิเทศก์ กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา

ส านักงานเขตพื้นที่การศกษาประถมศึกษาล าปาง เขต 1


Click to View FlipBook Version