The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by info_dlict, 2020-07-11 02:49:55

คู่มือปฏิบัติงานวินัย

คู่มือปฏิบัติงานวินัยข้าราชการครูและ



บุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจ า





และพนักงานราชการ



























เอกสารล าดับที่ 3/2563


กลุ่มกฎหมายและคดี



ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาล าปาง เขต ๑


ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน


กระทรวงศึกษาธิการ

ค าน า



ด้วย พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพ่มเติม หมวด ๕
มาตรา ๓๙ และพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไข

ื้
เพมเติม มาตรา ๘ มาตรา 34 วรรคสอง ได้ก าหนดให้มีการแบ่งเขตพนที่การศึกษาประถมศึกษาและ
ิ่
มัธยมศึกษา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ก าหนดให้มีส านักงานเขตพนที่
ื้
ื้
การศึกษาประถมศึกษา จ านวน 183 เขต และส านักงานเขตพนที่การศึกษามัธยมศึกษา จ านวน 42 เขต
และได้ออกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการแบ่งส่วนราชการภายในส านักงานเขตพนที่การศึกษา
ื้
ประถมศึกษา นั้น

ื้
กลุ่มกฎหมายและคดี ส านักงานเขตพนที่การศึกษาประถมศึกษาล าปาง เขต 1 จึงได้จัดท า
คู่มือปฏิบัติงานวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจ า และพนักงานราชการ ฉบับนี้ขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพอเป็นแนวทางในการด าเนินงานวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ื่

ลูกจ้างประจ า และพนักงานราชการ ให้แก่ส านักงานเขตพ้นที่การศึกษา และสถานศึกษา เป็นไป
อย่างถูกต้องตามกฎหมายและมีประสิทธิภาพ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือการปฏิบัติงานฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ของส านักงาน
ื้
เขตพนที่การศึกษาประถมศึกษาล าปาง เขต 1 และสถานศึกษาในสังกดได้เป็นอย่างดี หากมีข้อผิดพลาด

ประการใด ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย



กลุ่มกฎหมายและคดี
ส านักงานเขตพื้นที่การศกษาประถมศึกษาล าปาง เขต 1

20 มีนาคม 2563

สารบัญ



หน้า
ชื่องาน 1
วัตถุประสงค์ 1
ขอบเขตของงาน 1

ค าจ ากัดความ 1
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 1
Flow Chart การปฏิบัติงาน 4

แบบฟอร์มที่ใช้ 7
เอกสาร/หลักฐานอ้างอิง 7
ภาคผนวก ก
คณะท างาน อ




๑. ชื่องาน

งานวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจ า และพนักงานราชการ


๒. วัตถุประสงค์
เพอเป็นแนวทางในการด าเนินงานวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจ า และ
ื่

พนักงานราชการ ให้แกส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษา
๓. ขอบเขตของงาน

ครอบคลุมตั้งแต่การส่งเสริม สนับสนุน พฒนางานวินัย คุณธรรมและจริยธรรม และป้องปราม
มิให้เกิดการกระท าผิด ให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจ า พนักงานราชการ
และกรณีสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนแล้วมีมูลเป็นความผิดวินัย สอบสวนวินัย และรายงานการ
ด าเนินการทางวินัย รวมทั้งการสั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของลูกจ้างประจ า


๔. ค าจ ากัดความ


๔.๑ ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓ หมายถึง ผู้มีอานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา ๕๓ แห่ง
ิ่
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพมเติม
(ศึกษาธิการจังหวัด ตามค าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๖๐ เรื่อง การปฏิรูป
การศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๐)
๔.๒ ผู้มีอานาจตามข้อ ๑๓ หมายถึง ผู้มีอานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งตามข้อ ๑๓ แห่งระเบียบ


กระทรวงการคลัง ว่าด้วยลูกจ้างประจ าของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๗
ื้
๔.๓ หัวหน้าส่วนราชการ หมายถึง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนฐาน และให้หมาย
รวมถึงผู้ที่ได้รับมอบอ านาจจากเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในการปฏิบัติราชการแทน
๔.๔ กศจ. หมายถึง คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด

๔.๕ การด าเนินการทางวินัย หมายถึง กระบวนการและขั้นตอนการด าเนินการในการลงโทษ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจ า และพนักงานราชการ ซึ่งเป็นกระบวนการตาม
กฎหมายที่จะต้องกระท าเมื่อมีกรณีถกกล่าวหาว่ากระท าผิดวินัย


๕. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
๕.๑ การส่งเสริม สนับสนุน พฒนางานวินัย คุณธรรมและจริยธรรม ให้แก่ข้าราชการครูและ

บุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจ า และพนักงานราชการ

๕.๑.๑ ให้ค าแนะน าปรึกษาเกี่ยวกับวินัยและระเบียบกฎหมายแก่ข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศีกษา ลูกจ้างประจ า และพนักงานราชการ
๕.๑.๒ ส่งเสริมให้สถานศึกษาในสังกัดมีการเสริมสร้างและพัฒนาวินัยให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
รวมทั้งการป้องกันไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชากระท าผิดวินัยด้วย

๕.๑.๓ อบรมและเผยแพร่ความรู้ด้านวินัยให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ลูกจ้างประจ า และพนักงานราชการ



๕.๒ กรณีสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนแล้วมีมูลเป็นความผิดวินัย

๕.๒.๑ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
๑) กรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรงก็เสนอให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้ง

คณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง กรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงกรายงานไปยังผู้มีอ านาจ
ตามมาตรา ๕๓ พิจารณาด าเนินการตามอ านาจหน้าที่
๒) คณะกรรมการสอบสวน ด าเนินการสอบสวน ตามกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการสอบสวน
พิจารณา พ.ศ. ๒๕๕๐
๓) เสนอรายงานการสอบสวนตามแบบ สว.๖ พร้อมส านวนการสอบสวน ให้ผู้สั่ง


แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพจารณา ถ้าไม่ผิดวินัยให้ยุติเรื่อง กรณีกระท าผิดวินัยไม่ร้ายแรงให้ออก
ค าสั่งลงโทษทางวินัย ตามระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยวิธีการออกค าสั่งเกยวกับการลงโทษทางวินัยข้าราชการ
ี่
ิ่
ครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพมเติม ประกอบกับกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยอ านาจการ
ลงโทษภาคทัณฑ ตัดเงินเดือนหรือลดขั้นเงินเดือน พ.ศ. ๒๕๔๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม

๔) รายงานการด าเนินการทางวินัยตามมาตรา ๑๐๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติ
ิ่
ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพมเติม ประกอบระเบียบ
ก.ค.ศ. ว่าด้วยการรายงานเกี่ยวกับการด าเนินการทางวินัยและการออกจากราชการของข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังนี้

- เมื่อผู้บังคับบัญชาได้ด าเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ผู้ใดและได้สั่งยุติเรื่อง งดโทษ หรือลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือนแก่ผู้นั้นแล้ว ให้รายงาน
ไปยังผู้อ านวยการส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา

- เมื่อผู้อานวยการส านักงานเขตพนที่การศึกษาได้รับรายงานการด าเนินการทางวินัย

ื้

และพจารณาเห็นว่า การยุติเรื่อง การงดโทษ หรือการสั่งลงโทษไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม ก็มีอานาจสั่ง

งดโทษ ลดโทษ เพมโทษ หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในค าสั่งเดิม หรือด าเนินการอย่างใดเพมเติมได้
ิ่
ิ่
หรือหากเห็นว่าไม่ได้กระท าผิดก็ให้สั่งยกโทษ แล้ว ให้รายงานไปยัง กศจ. เพื่อพิจารณา
- เมื่อ กศจ. พจารณามีมติเป็นประการใด ให้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓ สั่งหรือ


ปฏิบัติไปตามนั้น แล้วรายงานการด าเนินการทางวินัยพร้อมส านวนการสอบสวนไปยังเลขาธิการ
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อพิจารณา
ื้
- กรณีเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนฐาน เห็นด้วยกับมติ กศจ. ให้ถือว่า
การด าเนินการทางวินัยกรณีเป็นอนถึงที่สุด กรณีเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนฐาน
ื้

มีความเห็นขัดแย้งกับมติ กศจ. ให้เสนอ ก.ค.ศ. พร้อมเหตุผลและความเห็นประกอบการพิจารณา

ถ้า ก.ค.ศ. มีมติเปลี่ยนแปลงการลงโทษหรือมีความเห็นเป็นประการใด ให้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓
ด าเนินการให้เป็นไปตามมตินั้น

๕.๒.๒ ลูกจ้างประจ า
๑) กรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรงก็เสนอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาด าเนินการ

ตามวิธีการที่ผู้บังคับบัญชาเห็นสมควร กรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงก็เสนอผู้มีอานาจตามข้อ ๑๓
เป็นผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง

๒) คณะกรรมการสอบสวน ด าเนินการสอบสวน ตามที่ก าหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วย
ระเบียบข้าราชการพลเรือน โดยอนุโลม



๓) เสนอรายงานการสอบสวนตามแบบ ดว.๖ พร้อมส านวนการสอบสวน ให้ผู้สั่ง


แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพจารณา ถ้าไม่ผิดวินัยให้ยุติเรื่อง กรณีกระท าผิดวินัยไม่ร้ายแรงให้สั่งลงโทษ


ภาคทัณฑ ตัดค่าจ้างหรือลดขั้นค่าจ้าง กรณีกระท าผิดวินัยอย่างร้ายแรงให้ผู้มีอานาจตามข้อ ๑๓ สั่งลงโทษ
ปลดออกหรือไล่ออก ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยลูกจ้างประจ าของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๗
๔) รายงานการด าเนินการทางวินัยลูกจ้างประจ า ให้เลขาธิการคณะกรรมการ
ื้

การศึกษาขั้นพนฐาน พจารณาการด าเนินการ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
และระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยลูกจ้างประจ าของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๗
การสั่งพักราชการและสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ลูกจ้างประจ าผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระท าผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งคณะกรรมการ
สอบสวน หรือถูกฟ้องคดีอาญา หรือต้องหาว่ากระท าความผิดอาญา เว้นแต่เป็นความผิดที่ได้กระท า
ื้

โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ผู้อานวยการส านักงานเขตพนที่การศึกษามีอานาจสั่งพกราชการ หรือ


ื่
สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพอรอฟงผลการสอบสวนพิจารณาได้ แต่ถ้าภายหลังปรากฏผลการสอบสวน

พิจารณาว่า ผู้นั้นมิได้กระท าผิดหรือกระท าผิดไม่ถงกับจะต้องถูกลงโทษปลดออกหรือไล่ออก และไม่มีกรณี

ื่
ที่จะต้องออกจากราชการด้วยเหตุอน ก็ให้ผู้อานวยการส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาสั่งให้ผู้นั้นกลับเข้ารับ

ราชการในต าแหน่งเดิม หรือต าแหน่งที่ไม่สูงกว่าเดิม ที่ผู้นั้นมีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติเฉพาะส าหรับ
ต าแหน่งนั้น และหากภายหลังปรากฏว่า ผู้นั้นมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระท าผิดวินัยอย่างร้ายแรงกรณีอื่นอีก
ผู้มีอ านาจตามข้อ ๑๓ มีอ านาจด าเนินการสืบสวน หรือด าเนินการทางวินัยตามที่กฎหมายก าหนดไว้
กรณีที่สั่งให้ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน กลับเข้ารับราชการ หรือสั่งให้ผู้ถูกสั่งให้
ื่
ออกจากราชการไว้ก่อน ออกจากราชการด้วยเหตุอน ที่มิใช่เป็นการลงโทษเพราะกระท าผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ก็ให้ผู้นั้นมีสถานภาพเป็นลูกจ้างประจ าตลอดระยะเวลาระหว่างที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เสมือนว่า
ผู้นั้นเป็นผู้ถูกสั่งพักราชการ

๕.๒.๓ พนักงานราชการ
๑) กรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยไมร้ายแรงก็เสนอหัวหน้าส่วนราชการพจารณาสืบสวน


หรือแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง กรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงก็เสนอหัวหน้า
ส่วนราชการ เป็นผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง
๒) คณะกรรมการสอบสวน ด าเนินการสอบสวน ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ
บริหารงานบุคคลของส่วนราชการนั้นมาใช้บังคับโดยอนุโลมเท่าที่ไม่ขัดกับหลักการของการจ้างพนักงาน
ราชการหรือการปฏิบัติงานของพนักงานราชการ

๓) เสนอรายงานการสอบสวน พร้อมส านวนการสอบสวน ให้หัวหน้าส่วนราชการ
พจารณา ถ้าไม่ผิดวินัยให้ยุติเรื่อง กรณีกระท าผิดวินัยไม่ร้ายแรงให้สั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงิน

ค่าตอบแทน หรือลดเงินค่าตอบแทน กรณีกระท าผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้สั่งลงโทษไล่ออก ตามระเบียบ
ส านักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงาน

ราชการ เรื่อง แนวทางการด าเนินการทางวินัยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๙
๔) รายงานการด าเนินการทางวินัยพนักงานราชการ ให้เลขาธิการคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พิจารณาการด าเนินการให้เป็นไปตามระเบียบส านักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง แนวทางการด าเนินการทางวินัย

พนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๙




๖. Flow Chart การปฏิบัติงาน

๖.๑ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา



เริ่มต้น





ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา กรณีสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนแล้วมีมูลเป็นความผิดวินัย

งานวินัย คุณธรรมและจริยธรรม


วินัยอย่างร้ายแรง วินัยไม่ร้ายแรง


เสนอเรื่องให้ กศจ. พิจารณา


ด าเนินการตามอ านาจหน้าที่




แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง


ด าเนินการสอบสวน




ผู้บังคับบัญชาสั่งตามอ านาจหน้าที่


รายงานตามมาตรา ๑๐๔ (๑)


กศจ. พิจารณา


สพฐ. พิจารณา



กรณีเห็นแย้งกับมติ กศจ. กรณีเห็นด้วยกับมติ กศจ.
(วินัยเป็นอันถึงที่สุด)

ก.ค.ศ. พิจารณา


ผู้มีอ านาจตามมาตรา ๕๓ ด าเนินการตามมติ ก.ค.ศ.




๖.๒ ลูกจ้างประจ า/พนักงานราชการ




เริ่มต้น





ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา กรณีสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนแล้วมีมูลเป็นความผิดวินัย


งานวินัย คุณธรรมและจริยธรรม

วินัยไม่ร้ายแรง/วินัยอย่างร้ายแรง



แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง/วินัยอย่างร้ายแรง




ด าเนินการสอบสวน


ผู้มีอ านาจสั่งตามอ านาจหน้าที่



รายงานไปยังหัวหน้าส่วนราชการ





๖.๓ การสั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของลูกจ้างประจ า





เริ่มต้น



ลูกจ้างประจ าที่ถูกกล่าวหาว่ากระท าผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน หรือถูกฟ้องคดีอาญา

หรือต้องหาว่ากระท าความผิดอาญา เว้นแต่เป็นความผิดที่ได้กระท าโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ




ผู้อ านวยการส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามีอ านาจสั่งพกราชการ หรือ
สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน




กรณีปรากฏผลการสอบสวนว่า ผู้นั้นมิได้กระท าผิดหรือกระท าผิดไมถึงกับ

จะต้องถูกลงโทษปลดออกหรือไล่ออก และไม่มกรณีที่จะต้อง
ออกจากราชการด้วยเหตุอื่น





ผู้อ านวยการส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา หากภายหลังปรากฏว่า ผู้นั้นมีกรณี

สั่งให้ผู้นั้นกลับเข้ารับราชการในต าแหน่งเดิม ถูกกล่าวหาว่ากระท าผิดวินัยอย่างร้ายแรง

หรือต าแหน่งที่ไม่สูงกว่าเดิม กรณีอื่นอีก ผู้มีอ านาจตามขอ ๑๓
มีอ านาจด าเนินการสืบสวน หรือด าเนินการ

ทางวินัยตามที่กฎหมายก าหนดไว้



๗. แบบฟอร์มที่ใช้
๗.๑ การด าเนินการทางวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
๑) แบบ สว.๑ (ค าสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง/อย่างร้ายแรง)

๒) แบบ สว.๒ (บันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหา ตามข้อ ๒๓)
๓) แบบ สว.๓ (บันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุน

ข้อกล่าวหา ตามขอ ๒๔)
๔) แบบ สว.๔ (บันทึกถ้อยค าของผู้ถูกกล่าวหา)

๕) แบบ สว.๕ (บันทึกถ้อยค าพยานฝ่ายกล่าวหา/ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา)
๖) แบบ สว.๖ (รายงานการสอบสวน)
๗.๒ การด าเนินการทางวินัยลูกจ้างประจ า/พนักงานราชการ
๑) แบบ ดว.๑ (ข้อ ๑๙) ค าสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง

๒) แบบ ดว.๒ (ตามข้อ ๒๐) ค าสั่งเปลี่ยนแปลงกรรมการสอบสวน

๓) แบบ ดว.๓ (ตามข้อ ๓๑) บันทึกถอยค าของพยาน
๔) แบบ ดว.๔ (ตามข้อ ๓๑) บันทึกถอยค าของผู้ถูกกล่าวหา

๕) แบบ ดว.๕ (ตามข้อ ๔๐) บันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุน

ข้อกล่าวหา ตามขอ ๔๐
๖) แบบ ดว.๖ (ตามข้อ ๕๓) รายงานการสอบสวน
๗.๓ แบบฟอร์มอื่นที่เกี่ยวข้อง

๘. เอกสาร/หลักฐานอ้างอิง
๘.๑ ค าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๖๐ เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาใน
ภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๐
๘.๒ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖


๘.๓ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แกไข
เพิ่มเติม
๘.๔ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑
๘.๕ กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.๒๕๕๐

๘.๖ กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง พ.ศ. ๒๕๔๙
๘.๗ กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยอ านาจการลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือน พ.ศ. ๒๕๖๑
๘.๘ ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยวิธีการออกค าสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘

๘.๙ ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการรายงานเกี่ยวกับการด าเนินการทางวินัยและการออกจาก
ราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๘.๑๐ ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยลูกจ้างประจ าของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๗

๘.๑๑ ระเบียบส านักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗
๘.๑๒ ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง แนวทางการด าเนินการทางวินัย
พนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๙
๘.๑๓ กฎหมาย กฎ ระเบียบ และหนังสือเวียนอื่นที่เกี่ยวข้อง

ภาคผนวก


แบบ สว.1








ค ำสั่ง……….(ชื่อหน่วยงำนที่ออกคำสั่ง)............
ที่.............../................

เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมกำรสอบสวนวินัยไม่ร้ำยแรง
.........................................

ด้วย..........(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ)..................................ข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ

ต ำแหน่ง............................วิทยฐำนะ...................(ชื่อหน่วยงำนกำรศึกษำ)............... สังกัด....................................
มีกรณีถูกกล่ำวหำว่ำกระท ำผิดวินัยไม่ร้ำยแรงในเรื่อง.........................(ระบุเรื่องที่กล่ำวหำ ถ้ำมีหลำยเรื่องให้ระบุ
ทุกเรื่อง)....…………………………………………………………………………………………………………………………………………..


อำศัยอำนำจตำมควำมในมำตรำ 98 แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรครูและบุคลำกร
ื่
ทำงกำรศึกษำ 2547 จึงแต่งตั้งคณะกรรมกำรสอบสวนเพอสอบสวนผู้ถูกกล่ำวหำในเรื่องดังกล่ำว
ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้

……(ระบุชื่อ-สกุล)………ต ำแหน่ง.................วิทยฐำนะ............... เป็นประธำนกรรมกำร
……(ระบุชื่อ-สกุล)………ต ำแหน่ง.................วิทยฐำนะ............... เป็นกรรมกำร
ฯลฯ

……(ระบุชื่อ-สกุล)….……ต ำแหน่ง.................วิทยฐำนะ............... เป็นกรรมกำรและเลขำนุกำร
……(ระบุชื่อ-สกุล)….……ต ำแหน่ง.................วิทยฐำนะ............... เป็นผู้ช่วยเลขำนุกำร


ทั้งนี้ ให้คณะกรรมกำรสอบสวนด ำเนินกำรสอบสวนพจำรณำตำมหลักเกณฑ์และวิธีกำร
ที่ก ำหนดในกฎ ก.ค.ศ.ว่ำด้วยกำรสอบสวนพจำรณำ พ.ศ.2550 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอส ำนวนกำร

สอบสวนมำเพื่อพิจำรณำด ำเนินกำรต่อไป

ในกำรสอบสวนถ้ำคณะกรรมกำรสอบสวนเห็นว่ำกรณีมีมูลว่ำผู้ถูกกล่ำวหำกระท ำผิดวินัยเรื่องอน
ื่
นอกจำกที่ระบุในค ำสั่งนี้ หรือกรณีที่กำรสอบสวนพำดพิงไปถึงข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำผู้อนและ
ื่
คณะกรรมกำรสอบสวนพจำรณำในเบื้องต้นแล้วเห็นว่ำข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำผู้นั้น มีส่วนร่วมใน

กำรกระท ำกำรในเรื่องที่สอบสวนนั้นอยู่ด้วย ให้ประธำนกรรมกำรรำยงำนมำโดยเร็ว

อนึ่ง ถ้ำผู้ถูกกล่ำวหำประสงค์จะร้องทุกข์ค ำสั่งนี้ ให้ร้องทุกขต่อ กศจ.ล ำปำง ภำยในสำมสิบวัน

นับแต่วันที่ได้รับแจ้งค ำสั่ง

สั่ง ณ วันที่...........เดือน..............................พ.ศ.................


(ลงชื่อ)...........................................
(.................ผู้สั่งแต่งตั้ง........)
ต ำแหน่ง/วิทยฐำนะ..........................


หมายเหตุ 1. ในกรณีจ ำเป็นจะให้มีผู้ช่วยเลขำนุกำรก็ได้
2. ข้อควำมใดทไม่ใช้ให้ตัดออก
ี่

แบบ สว.2
บันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหา ตามข้อ 23


เรื่อง กำรสอบสวน...........(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ)....................................ซึ่งถูกกล่ำวหำว่ำกระท ำผิดวินัยไม่ร้ำยแรง




วันที่...........เดือน..................................พ.ศ..................

คณะกรรมกำรสอบสวนตำมค ำสั่ง............................(ชื่อหน่วยงำนที่ออกค ำสั่ง)............ที่....../..........
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมกำรสอบสวน ลงวันที่........เดือน..........................พ.ศ.............. ได้แจ้งและอธิบำย

ข้อกล่ำวหำให้.........(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ).........ผู้ถูกกล่ำวหำทรำบ ดังนี้
...............(อธิบำยข้อกล่ำวหำที่ปรำกฏตำมเรื่องที่กล่ำวหำให้ผู้ถูกกล่ำวหำทรำบว่ำผู้ถูกกล่ำวหำได้
กระท ำกำรใด เมื่อใด อย่ำงไร.)...................................................................

ทั้งนี้ คณะกรรมกำรสอบสวนได้แจ้งให้ผู้ถูกกล่ำวหำทรำบแล้วว่ำ ในกำรสอบสวนนี้ผู้ถูกกล่ำวหำ
มีสิทธิและหน้ำที่ตำม ข้อ 18 รวมทั้งสิทธิที่จะได้รับแจ้งสรุปพยำนหลักฐำนที่สนับสนุนข้อกล่ำวหำ และมีสิทธิที่

จะให้ถ้อยค ำหรือชี้แจงข้อกล่ำวหำ ตลอดจนอ้ำงพยำนหลักฐำนหรือน ำพยำนหลักฐำนมำสืบแก้ข้อกล่ำวหำได้ด้วย

................(ลำยมือชื่อ).............ประธำนกรรมกำร
(...................................................)


................(ลำยมือชื่อ)...............กรรมกำร
(...................................................)

ฯลฯ
................(ลำยมือชื่อ)...............กรรมกำรและเลขำนุกำร
(...................................................)

ข้ำพเจ้ำ..............(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ).................................ได้ทรำบข้อกล่ำวหำและได้รับบันทึกนี้

1 ฉบับไว้แล้ว เมื่อวันที่...........เดือน...........................................พ.ศ...........................

..................(ลำยมือชื่อ).....................ผู้ถูกกล่ำวหำ

(.........................................................)


หมายเหตุ 1. ในกรณที่เรียกผู้ถูกกล่ำวหำมำเพื่อแจ้งและอธิบำยข้อกล่ำวหำ ต้องมีกรรมกำรสอบสวนร่วมแจ้ง
และอธิบำยข้อกล่ำวหำไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของจ ำนวนกรรมกำรสอบสวนทั้งหมด และให้

กรรมกำรสอบสวนดังกล่ำวลงลำยมือชื่อในบันทึก ทั้งนี้ ให้ท ำตำมแบบ สว.2 เป็น 2 ฉบับ
มอบให้ผู้ถูกกล่ำวหำลงลำยมือชื่อและวันเดือนปีที่รับทรำบ ไว้เป็นหลักฐำนด้วย
2. ในกรณีที่ส่งบันทึกตำมแบบ สว.2 ทำงไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปให้ผู้ถูกกล่ำวหำให้
กรรมกำรสอบสวนลงลำยมือชื่อในบันทึกไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของจ ำนวนกรรมกำรสอบสวน
ทั้งหมด และให้บันทึกตำมแบบ สว.2 เป็น 3 ฉบับ เก็บไว้ในส ำนวนกำรสอบสวน 1 ฉบับ

และให้ผู้ถูกกล่ำวหำลงลำยมือชื่อ และวันเดือนปีที่รับทรำบส่งกลับคืนมำรวมไว้ในส ำนวน
1 ฉบับ

3. ในกรณีที่ผู้ถูกกล่ำวหำให้ถ้อยค ำรับสำรภำพว่ำได้กระท ำกำรตำมที่ถูกกล่ำวหำ
ให้คณะกรรมกำรสอบสวน แจ้งให้ผู้ถูกกล่ำวหำทรำบว่ำกำรกระท ำตำมที่ถูกกล่ำวหำดังกล่ำว

เป็นควำมผิดกรณีใด หำกผู้ถูกกล่ำวหำยังคงยืนยันตำมที่รับสำรภำพ ให้บันทึกถ้อยค ำ
รับสำรภำพ รวมทั้งเหตุผลในกำรรับสำรภำพ (ถ้ำมี) และสำเหตุแห่งกำรกระท ำไว้ด้วย
4. ข้อควำมใดทไม่ใช้ให้ตัดออก
ี่

แบบ สว.3
บันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐาน

ที่สนับสนุนข้อกล่าวหา ตามข้อ 24

เรื่อง กำรสอบสวน......(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ)......................ซึ่งถูกกล่ำวหำว่ำกระท ำผิดวินัยไม่ร้ำยแรง




วันที่.........เดือน..........................พ.ศ............


ตำมที่คณะกรรมกำรสอบสวนตำมค ำสั่ง...........(ชื่อหน่วยงำนที่ออกค ำสั่ง).............ที่......../...............
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมกำรสอบสวน ลงวันที่..........เดือน...........................พ.ศ..............ได้แจ้งข้อกล่ำวหำให้
.........(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ)........ผู้ถูกกล่ำวหำทรำบตำมบันทึกกำรแจ้งและรับทรำบข้อกล่ำวหำตำมข้อที่ 23

ลงวันที่.......เดือน.............................พ.ศ...........นั้น
บัดนี้ คณะกรรมกำรสอบสวนได้รวบรวมพยำนหลักฐำนที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่ำวหำเสร็จแล้ว จึงแจ้ง
ข้อกล่ำวหำและสรุปพยำนหลักฐำนที่สนับสนุนข้อกล่ำวหำให้ผู้ถูกกล่ำวหำทรำบ ดังนี้
1. ข้อกล่ำวหำ.......................(ข้อกล่ำวหำซึ่งปรำกฏตำมพยำนหลักฐำนว่ำกรณีใดเป็นควำมผิดวินัย

ตำมมำตรำใด).....................................
2. สรุปพยำนหลักฐำนที่สนับสนุนข้อกล่ำวหำ..................................(สรุปพยำนหลักฐำนที่สนับสนุน
ข้อกล่ำวหำเท่ำที่มีให้ทรำบ โดยระบุวัน เวลำ สถำนที่ และกำรกระท ำที่มีลักษณะเป็นกำรสนับสนุน

ข้อกล่ำวหำ)......................


..............(ลำยมือชื่อ).........................ประธำนกรรมกำร
(.........................................................)


..............(ลำยมือชื่อ).........................กรรมกำร
(.........................................................)

ฯลฯ

............(ลำยมือชื่อ).........................กรรมกำรและเลขำนุกำร
(.........................................................)



ข้ำพเจ้ำ..............(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ).................................ได้ทรำบข้อกล่ำวหำและสรุปพยำนหลักฐำน
ที่สนับสนุนข้อกล่ำวหำ และได้รับบันทึกนี้ 1 ฉบับไว้แล้ว เมื่อวันที่...........เดือน..........................พ.ศ................


..................(ลำยมือชื่อ).....................ผู้ถูกกล่ำวหำ
(.........................................................)

ื่

หมำยเหตุ 1. กำรประชุมเพอพิจำรณำขอกล่ำวหำและสรุปพยำนหลักฐำนที่สนับสนุนข้อกล่ำวหำตำมข้อ 24
ต้องมีกรรมกำรสอบสวนไม่น้อยกว่ำสำมคนและไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของจ ำนวนกรรมกำร
สอบสวนทั้งหมด และให้กรรมกำรสอบสวนดังกล่ำวลงลำยมือชื่อในบันทึกนี้
2. ในกรณีที่เรียกผู้ถูกกล่ำวหำมำเพื่อแจ้งข้อกล่ำวหำและสรุปพยำนหลักฐำนที่สนับสนุนข้อกล่ำวหำ

ให้ท ำบันทึกตำมแบบ สว.3 นี้เป็น 2 ฉบับ มอบให้ผู้ถูกกล่ำวหำ 1 ฉบับ เก็บไว้ในส ำนวนกำร
สอบสวน 1 ฉบับ และให้ผู้ถูกกล่ำวหำลงลำยมือชื่อและวันเดือนปีที่รับทรำบไว้เป็นหลักฐำนด้วย
๓. ในกรณีที่ส่งบันทึกตำมแบบ สว.3 ทำงไปรษณีย์ตอบรับไปให้ผู้ถูกกล่ำวหำ ให้ท ำบันทึกตำม
แบบ สว.3 นี้เป็น 3 ฉบับ เก็บไว้ในส ำนวนกำรสอบสวน 1 ฉบับ ส่งให้ผู้ถูกกล่ำวหำ 2 ฉบับ

เพื่อให้ผู้ถูกกล่ำวหำเก็บไว้ 1 ฉบับ และให้ผู้ถูกกล่ำวหำลงลำยมือชื่อและวันเดือนปีที่รับทรำบ
ส่งกลับคืนมำ รวมไว้ในส ำนวนกำรสอบสวน 1 ฉบับ
๔. ข้อควำมที่ใช้ไม่ได้ให้ตัดออก

แบบ สว.4

บันทึกถ้อยค าของผู้ถูกกล่าวหา

เรื่อง กำรสอบสวน.............(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ)...............ซึ่งถูกกล่ำวหำว่ำกระท ำผิดวินัยไม่ร้ำยแรง




สอบสวนที่...........................................
วันที่..............เดือน.......................................พ.ศ................

ข้ำพเจ้ำ................(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ)...................อำยุ..........ปี สัญชำติ................ศำสนำ................
อำชีพ....................อยู่บ้ำนเลขที่...........................ตรอก/ซอย.....................................ถนน.............................
แขวง/ต ำบล............................................เขต/อ ำเภอ.............................จังหวัด..................................
ข้ำพเจ้ำได้ทรำบแล้วว่ำ ข้ำพเจ้ำเป็นผู้ถูกกล่ำวหำในเรื่อง...............(เรื่องที่กล่ำวหำ)............................

ตำมค ำสั่ง........(ชื่อหน่วยงำนที่ออกค ำสั่ง)...........ที่......./............เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมกำรสอบสวน ลงวันที่........
เดือน.....................พ.ศ...............และข้ำพเจ้ำขอให้ถ้อยค ำตำมควำมสัตย์จริงดังต่อไปนี้......................................
.............................................................................................................................................................................

ข้ำพเจ้ำขอรับรองว่ำ คณะกรรมกำรสอบสวนมิได้กระท ำกำรล่อลวง ขู่เข็ญ ให้สัญญำ หรือ กระท ำกำรใด


เพื่อจูงใจให้ข้ำพเจ้ำให้ถ้อยค ำอย่ำงใดๆ และข้ำพเจ้ำได้ฟังบันทึกถอยค ำที่อ่ำนให้ฟัง/ได้อ่ำนบันทึกถอยค ำเองแล้ว
ขอรับรองว่ำเป็นบันทึกถอยค ำที่ถูกต้อง จึงลงลำยมือชื่อไว้ต่อหน้ำคณะกรรมกำรสอบสวน


...............(ลำยมือชื่อ).............ผู้ถูกกล่ำวหำ
(.............................................)


..............(ลำยมือชื่อ)..............บุคคลตำมข้อ 11 ข้อ 28 (ถำมี)
(..............................................)

..............(ลำยมือชื่อ)...............ผู้บันทึกถ้อยค ำ

(...............................................)

ข้ำพเจ้ำขอรับรองว่ำ.......................(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ)......................ได้ให้ถ้อยค ำและลงลำยมือชื่อ
ต่อหน้ำข้ำพเจ้ำ


................(ลำยมือชื่อ)...........................ประธำนกรรมกำร
(................................................................)

................(ลำยมือชื่อ)...........................กรรมกำร

(.............................................................)
ฯลฯ
................(ลำยมือชื่อ)....................กรรมกำรและเลขำนุกำร
(.............................................................)


................(ลำยมือชื่อ)....................ผู้ช่วยเลขำนุกำร
(.............................................................)

หมำยเหตุ 1. ให้ใช้แบบ สว.4 นี้ได้ทั้งกำรบันทึกถ้อยค ำของผู้ถูกกล่ำวหำ ตำม ข้อ 23 ข้อ 24


2. ในกรณีที่ผู้ถูกกล่ำวหำให้ถ้อยค ำรับสำรภำพว่ำได้กระท ำกำรตำมที่ถกกล่ำวหำให้บันทึกถ้อยค ำ
รับสำรภำพรวมทั้งเหตุผลในกำรรับสำรภำพ (ถ้ำมี) และสำเหตุแห่งกำรกระท ำไว้ด้วย
3. กำรสอบปำกค ำผู้ถูกกล่ำวหำต้องมีกรรมกำรสอบสวนร่วมสอบสวนไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของ

จ ำนวนกรรมกำรสอบสวนทั้งหมด และให้กรรมกำรสอบสวนดังกล่ำวลงลำยมือชื่อรับรองไว้ใน
บันทึกถ้อยค ำนั้นด้วย
4. ถ้ำผู้บันทึกถ้อยค ำเป็นกรรมกำรในคณะกรรมกำรสอบสวนหรือผู้ช่วยเลขำนุกำร ให้ผู้บันทึก
ถ้อยค ำและลงลำยมือชื่อบุคคลตำมข้อ 11 และ ข้อ 28

5. ข้อควำมใดไม่ใช้ให้ตัดออก

แบบ สว.5
บันทึกถ้อยค าพยานของฝ่ายกล่าวหา/ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา


เรื่อง กำรสอบสวน........(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ)..........ซึ่งถูกกล่ำวหำว่ำกระท ำผิดวินัยไม่ร้ำยแรง


สอบสวนที่.........................................
วันที่..........เดือน...................................พ.ศ....................


ข้ำพเจ้ำ.............(ระบุชื่อพยำน)........................อำยุ............ปี สัญชำติ................ศำสนำ...............
อำชีพ............(ระบุให้ชัดเจนว่ำประกอบอำชีพอะไร ที่ใด ถ้ำเป็นข้ำรำชกำรให้ระบุต ำแหน่งและสังกัดด้วย)...............
อยู่บ้ำนเลขที่...............ตรอก/ซอย...............................ถนน......................................แขวง/ต ำบล....................

เขต/อ ำเภอ................................จังหวัด.........................................
คณะกรรมกำรสอบสวนได้แจ้งให้ข้ำพเจ้ำทรำบว่ำข้ำพเจ้ำเป็นพยำนในเรื่อง................(ระบุชื่อผู้ถูก
กล่ำวหำ)...................ถูกกล่ำวหำว่ำกระท ำผิดวินัยไม่ร้ำยแรงตำมคำสั่ง..........(ชื่อหน่วยงำนที่ออกค ำสั่ง).............

ที่......./...................เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมกำรสอบสวน ลงวันที่............เดือน.......................พ.ศ...............และ

แจ้งให้ข้ำพเจ้ำทรำบด้วยว่ำกรรมกำรสอบสวนมีฐำนะเป็นเจ้ำพนักงำนตำมประมวลกฎหมำยอำญำ กำรให้
ถ้อยค ำอันเป็นเท็จต่อกรรมกำรสอบสวนอำจเป็นควำมผิดตำมกฎหมำยหรือมีควำมผิดทำงวินัย

ข้ำพเจ้ำขอให้ถ้อยค ำตำมควำมสัตย์จริง ดังต่อไปนี้
..............................................................................................................................................................

ข้ำพเจ้ำขอรับรองว่ำ คณะกรรมกำรสอบสวนมิได้กระท ำกำรล่อลวง ขู่เข็ญ ให้สัญญำ หรือ กระท ำกำรใด

เพอจูงใจให้ข้ำพเจ้ำให้ถ้อยค ำอย่ำงใด ๆ และข้ำพเจ้ำได้ฟังบันทึกถ้อยค ำที่อ่ำนให้ฟัง/ได้อำนบันทึกถ้อยค ำเองแล้ว

ื่
ขอรับรองว่ำเป็นบันทึกถอยค ำที่ถูกต้อง จึงลงลำยมือชื่อไว้ต่อหน้ำคณะกรรมกำรสอบสวน


.............(ลำยมือชื่อ).............พยำน
(.............................................)


.............(ลำยมือชื่อ)...............ผู้บันทึกถอยค ำ

(...............................................)

ข้ำพเจ้ำขอรับรองว่ำ.......................(ระบุชื่อพยำนผู้ให้ถ้อยค ำ)......................ได้ให้ถ้อยค ำและลงลำยมือชื่อ

ต่อหน้ำข้ำพเจ้ำ
................(ลำยมือชื่อ).......................ประธำนกรรมกำร
(................................................................)


................(ลำยมือชื่อ).......................กรรมกำร
(................................................................)
ฯลฯ

................(ลำยมือชื่อ)..................กรรมกำรและเลขำนุกำร
(................................................................)

................(ลำยมือชื่อ)....................ผู้ช่วยเลขำนุกำร
(.............................................................)


หมำยเหตุ 1. ให้ใช้แบบ สว.5 นี้ได้ทั้งกำรบันทึกถอยค ำของผู้ถูกกล่ำวหำและบุคคลอื่นซึ่งมำให้ถ้อยค ำ
เป็นพยำน
2. กำรสอบปำกค ำพยำนต้องมีกรรมกำรสอบสวนร่วมสอบสวนไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของ
จ ำนวนกรรมกำรสอบสวนทั้งหมด และให้กรรมกำรสอบสวนดังกล่ำวลงลำยมือชื่อรับรอง


ไว้ในบันทึกถอยค ำนั้นด้วย
3. ถ้ำผู้บันทึกถ้อยค ำเป็นกรรมกำรให้คณะกรรมกำรสอบสวนหรือผู้ช่วยเลขำนุกำร
ให้ผู้บันทึกถ้อยค ำลงลำยมือชื่อทั้งในฐำนะผู้บันทึกถ้อยค ำและผู้รับรองกำรให้ถ้อยค ำ
4. ข้อควำมใดไม่ใช้ให้ตัดออก

แบบ สว.6
รายงานการสอบสวน


วันที่............เดือน............................................พ.ศ.............


เรื่อง กำรสอบสวน.........(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ)...........ซึ่งถูกกล่ำวหำว่ำกระท ำผิดวินัยไม่ร้ำยแรง

เรียน .......(ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมกำรสอบสวน).....

ตำมที่ได้มีค ำสั่ง.......(ชื่อหน่วยงำนที่ออกค ำสั่ง)...........ที่........./...............เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมกำร
สอบสวน ลงวันที่...........เดือน.......................พ.ศ............ เพื่อสอบสวน.............(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ)................

ซึ่งถูกกล่ำวหำว่ำกระท ำผิดวินัยไม่ร้ำยแรง ในเรื่อง............................................................
.............................................................................................................................................................................
ประธำนกรรมกำรสอบสวนได้รับทรำบค ำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมกำรสอบสวนดังกล่ำว เมื่อวันที่.............
เดือน.............................พ.ศ....................และคณะกรรมกำรสอบสวนได้สอบสวนตำมหลักเกณฑ์และวิธีกำรที่

ก ำหนดในกฎ ก.ค.ศ. ว่ำด้วยกำรสอบสวนพิจำรณำ พ.ศ.2550 เสร็จแล้ว จึงขอเสนอรำยงำนกำรสอบสวน
ดังต่อไปนี้
1. มูลกรณีเรื่องนี้ปรำกฏขึ้นเนื่องจำก...............................................................................................

(มีผู้ร้องเรียนหรือมีรำยงำนว่ำอย่ำงไร ในกรณีที่ได้มีกำรสืบสวนหรือสอบสวนได้ควำมประกำรใดระบุไว้ด้วย)
2. คณะกรรมกำรสอบสวนได้แจ้งและอธิบำยข้อกล่ำวหำที่ปรำกฏตำมเรื่องที่กล่ำวหำให้.........(ระบุชื่อ
ผู้ถูกกล่ำวหำ).................ผู้ถูกกล่ำวหำทรำบแล้ว โดย......(แจ้งและอธิบำยข้อกล่ำวหำให้ทรำบว่ำได้กระท ำกำรใด
เมื่อใด อย่ำงไร และได้แจ้งโดยวิธีใด)......................................................
3. ............(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ)......ผู้ถูกกล่ำวหำได้ให้ถ้อยค ำในเบื้องต้นว่ำ.................(ให้ถ้อยค ำใน

เบื้องต้นว่ำอย่ำงไรหรือไม่ได้ให้ถ้อยค ำในเบื้องต้นด้วยเหตุผลอย่ำงไร)................................
4. คณะกรรมกำรสอบสวนได้รวบรวมพยำนหลักฐำนที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่ำวหำแล้ว ได้ควำมว่ำ.......
(อธิบำยว่ำได้ควำมว่ำอย่ำงไร ในกรณีที่คณะกรรมกำรสอบสวนไม่สอบสวนพยำนใดตำมข้อ 30 หรืองดกำร

สอบสวนพยำนหลักฐำนใดตำมข้อ 31 ให้ระบุพยำนที่ไม่สอบสวนหรือพยำนหลักฐำนที่งดกำรสอบสวนนั้น
พร้อมทั้งเหตุผลไว้ด้วย)...................................................
5. คณะกรรมกำรสอบสวนได้แจ้งข้อกล่ำวหำและสรุปพยำนหลักฐำนที่สนับสนุนข้อกล่ำวหำให้......
(ระบุชื่อผู้กล่ำวหำ)..................ผู้ถูกกล่ำวหำทรำบตำมบันทึกกำรแจ้งข้อกล่ำวหำและสรุปพยำนหลักฐำนที่

สนับสนุนข้อกล่ำวหำ ลงวันที่..........เดือน....................................พ.ศ.........โดย..........(อธิบำยวิธีกำรแจ้งข้อ
กล่ำวหำและสรุปพยำนหลักฐำนที่สนับสนุนข้อกล่ำวหำ).............................................................................
6. คณะกรรมกำรสอบสวนได้ให้โอกำสผู้ถูกกล่ำวหำที่จะชี้แจงแก้ข้อกล่ำวหำ หรือขอให้ถ้อยค ำ หรือ
ขอน ำสืบแก้ข้อกล่ำวหำ แล้ว...........................(ระบุชื่อผู้ถูกกล่ำวหำ)......................ผู้ถูกกล่ำวหำได้ชี้แจงแก้ข้อ


กล่ำวหำ/ให้ถ้อยค ำ/น ำสืบแก้ข้อกล่ำวหำ...................(รำยละเอยดเกี่ยวกับค ำชี้แจงแก้ข้อกล่ำวหำ หรือกำรให้
ถ้อยค ำ หรือกำรน ำสืบแก้ข้อกล่ำวหำว่ำอย่ำงไร และในกรณีที่ไม่ได้ด ำเนินกำรดังกล่ำวเนื่องจำกเหตุผลอย่ำงไร
และได้น ำสืบแก้ข้อกล่ำวหำโดยอ้ำงพยำนหลักฐำนซึ่งคณะกรรมกำรสอบสวนตำมค ำขอของผู้ถูกกล่ำวหำได้ควำม
โดยสรุปว่ำอย่ำงไร ในกรณีที่คณะกรรมกำรสอบสวนไม่สอบสวนพยำนใด หรืองดกำรสอบสวนพยำนหลักฐำนใด

ให้ระบุพยำนที่ไม่สอบสวน หรือพยำนหลักฐำนที่งดกำรสอบสวนนั้นพร้อมทั้งเหตุผลไว้ด้วย และในกรณีที่ผู้ถูก
กล่ำวหำให้ถ้อยค ำรับสำรภำพ ให้บันทึกเหตุผลในกำรรับสำรภำพ (ถ้ำมี) ไว้ด้วย..........................

2



7. คณะกรรมกำรสอบสวนได้ประชุมพจำรณำลงมติแล้วเห็นว่ำ........(เปรียบเทียบพยำนหลักฐำนที่

สนับสนุนข้อกล่ำวหำกับพยำนหลักฐำนที่หักล้ำงข้อกล่ำวหำว่ำจะรับฟงพยำนหลักฐำนใดได้หรือไม่ เพยงใด

โดยอำศัยเหตุผลอย่ำงไร และผู้ถูกกล่ำวหำได้กระท ำผิดวินัยอย่ำงไรหรือไม่ ถ้ำผิดเป็นควำมผิดวินัยกรณีใด

ตำมมำตรำใด และควรได้รับโทษสถำนใด หย่อนควำมสำมำรถในอนที่จะปฏิบัติหน้ำที่รำชกำร หรือบกพร่องใน
หน้ำที่รำชกำร หรือประพฤติตนไม่เหมำะสมกับต ำแหน่งหน้ำที่รำชกำรตำมมำตรำ 111 หรือไม่ อย่ำงไร หรือมี
เหตุอันควรสงสัยอย่ำงยิ่งว่ำผู้ถูกกล่ำวหำได้กระท ำผิดวินัยอย่ำงร้ำยแรง แต่กำรสอบสวนไมได้ควำมแน่ชัดพอที่จะ


ฟงลงโทษปลดออก หรือไล่ออก ถ้ำให้รับรำชกำรต่อไปจะเป็นกำรเสียหำยแก่รำชกำรตำมมำตรำ 112 หรือไม่
อย่ำงไร)..................................................

คณะกรรมกำรสอบสวนจึงขอเสนอส ำนวนกำรสอบสวนมำเพื่อโปรดพิจำรณำด ำเนินกำรต่อไป


.................(ลำยมือชื่อ).........................ประธำนกรรมกำร

(................................................................)

.................(ลำยมือชื่อ).........................กรรมกำร

(................................................................)
ฯลฯ
.................(ลำยมือชื่อ)....................กรรมกำรและเลขำนุกำร
(................................................................)


................(ลำยมือชื่อ)....................ผู้ช่วยเลขำนุกำร
(.............................................................)




หมำยเหตุ 1. กำรพิจำรณำลงมติตำมขอ 38 ต้องมีกรรมกำรสอบสวนมำประชุมไม่น้อยกว่ำสำมคนและ
ไม่น้อยกว่ำกึ่งหนึ่งของจ ำนวนกรรมกำรสอบสวนทั้งหมด และให้กรรมกำรสอบสวน
ดังกล่ำวลงลำยมือชื่อในบันทึกนี้ หำกกรรมกำรสอบสวนคนใด มีควำมเห็นแย้ง .

ให้ท ำควำมเห็นแย้งแนบไว้กับรำยงำนกำรสอบสวน
2. ข้อควำมใดไม่ใช้ให้ตัดออก





























คณะท ำงำน


1. นางสาวจิราพร วงค์ค า ต าแหน่งนิติกรช านาญการ หัวหน้าคณะท างาน

ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อ านวยการกลุ่มกฎหมายและคดี
2. นางสาวแววดาว นันทวงศ์ ต าแหน่งนิติกรช านาญการ คณะท างาน
3. นายรุ่งภูวัชร์ วงศ์ษา พนักงานจ้างเหมาบริการ คณะท างาน


Click to View FlipBook Version