The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by info_dlict, 2022-07-09 03:51:46

คู่มือปฏิบัติงานวินัยข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา

คมู่ อื ปฏบิ ัติงานวนิ ยั ขา้ ราชการครูและ
บุคลากรทางการศกึ ษา ลกู จา้ งประจา

และพนกั งานราชการ

เอกสารลาดับที่ 4/2565
กลมุ่ กฎหมายและคดี

สานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต ๑
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

คานา

ด้วย พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หมวด ๕
มาตรา ๓๙ และพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไข
เพ่ิมเติม มาตรา ๘ มาตรา 34 วรรคสอง ได้กาหนดให้มีการแบ่งเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและ
มธั ยมศึกษา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ กาหนดให้มีสานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษาประถมศึกษาและสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา รวมท้ังได้ออกประกาศ
กระทรวงศึกษาธกิ าร เรอ่ื งการแบ่งส่วนราชการภายในสานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษา

กลุ่มกฎหมายและคดี สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 จึงได้จัดทา
คู่มือปฏิบัติงานวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจา และพนักงานราชการ ฉบับน้ีข้ึน
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางในการดาเนินงานวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ลูกจ้างประจา และพนักงานราชการ ให้แก่สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษา เป็นไป
อยา่ งถกู ต้องตามกฎหมายและมปี ระสิทธภิ าพ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือการปฏิบัติงานฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์กับข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ได้เป็นอย่างดี
หากมขี ้อผดิ พลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนดี้ ้วย

กลมุ่ กฎหมายและคดี
สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1

สารบญั

ชื่องาน หนา้
วตั ถปุ ระสงค์ 1
ขอบเขตของงาน 1
คาจากดั ความ 1
ข้ันตอนการปฏบิ ตั ิงาน 1
Flow Chart การปฏิบัติงาน 1
แบบฟอร์มท่ใี ช้ 4
เอกสาร/หลกั ฐานอา้ งอิง 7
บรรณานุกรม 7
ภาคผนวก 8
คณะทางาน ก




๑. ช่ืองาน
งานวินยั ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจา และพนักงานราชการ

๒. วัตถุประสงค์
เพื่อเป็นแนวทางในการดาเนินงานวนิ ัยข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจา และ

พนักงานราชการ ให้แกส่ านักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษา และสถานศกึ ษา

๓. ขอบเขตของงาน
ครอบคลุมต้ังแต่การส่งเสริม สนับสนุน พัฒนางานวินัย คุณธรรมและจริยธรรม และป้องปราม

มิให้เกิดการกระทาผิด ให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจา พนักงานราชการ
และกรณีสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนแล้วมีมูลเป็นความผิดวินัย สอบสวนวินัย และรายงานการ
ดาเนินการทางวินยั รวมทง้ั การสั่งพกั ราชการหรอื สั่งใหอ้ อกจากราชการไว้ก่อนของลกู จ้างประจา

๔. คาจากดั ความ
๔.๑ ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓ หมายถึง ผู้มีอานาจสั่งบรรจุและแต่งต้ังตามมาตรา ๕๓ แห่ง

พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม
(ศึกษาธิการจังหวัด ตามคาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๖๐ เรื่อง การปฏิรูป
การศึกษาในภมู ิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวนั ท่ี ๓ เมษายน ๒๕๖๐)

๔.๒ ผู้มีอานาจตามข้อ ๑๓ หมายถึง ผู้มีอานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งตามข้อ ๑๓ แห่งระเบียบ
กระทรวงการคลัง วา่ ดว้ ยลกู จา้ งประจาของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๗

๔.๓ หัวหน้าส่วนราชการ หมายถึง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน และให้หมาย
รวมถงึ ผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบอานาจจากเลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐานในการปฏิบตั ิราชการแทน

๔.๔ กศจ. หมายถึง คณะกรรมการศกึ ษาธิการจังหวดั
๔.๕ การดาเนินการทางวินัย หมายถึง กระบวนการและขั้นตอนการดาเนินการในการลงโทษ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจา และพนักงานราชการ ซึ่งเป็นกระบวนการตาม
กฎหมายที่จะต้องกระทาเมื่อมีกรณถี ูกกลา่ วหาวา่ กระทาผดิ วนิ ยั

๕. ข้นั ตอนการปฏบิ ัตงิ าน
๕.๑ การส่งเสริม สนับสนุน พัฒนางานวินัย คุณธรรมและจริยธรรม ให้แก่ข้าราชการครูและ

บุคลากรทางการศกึ ษา ลกู จ้างประจา และพนกั งานราชการ
๕.๑.๑ ให้คาแนะนาปรกึ ษาเกยี่ วกับวินยั และระเบียบกฎหมายแกข่ า้ ราชการครแู ละบุคลากร

ทางการศีกษา ลูกจา้ งประจา และพนักงานราชการ
๕.๑.๒ ส่งเสริมให้สถานศึกษาในสงั กัดมกี ารเสรมิ สร้างและพัฒนาวนิ ยั ให้แกผ่ ู้ใต้บังคบั บญั ชา

รวมทงั้ การป้องกันไม่ให้ผใู้ ต้บังคบั บญั ชากระทาผดิ วนิ ัยด้วย
๕.๑.๓ อบรมและเผยแพร่ความรู้ด้านวินัยให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

ลูกจา้ งประจา และพนักงานราชการ



๕.๒ กรณสี ืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องรอ้ งเรียนแล้วมมี ูลเป็นความผดิ วินยั
๕.๒.๑ ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
๑) กรณี มีมูลเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรงก็เสนอให้ผู้บังคั บบัญชาแต่งต้ัง

คณะกรรมการสอบสวนวินัยไมร่ ้ายแรง กรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงก็รายงานไปยังผู้มีอานาจ
ตามมาตรา ๕๓ พจิ ารณาดาเนินการตามอานาจหน้าท่ี

๒) คณะกรรมการสอบสวน ดาเนินการสอบสวน ตามกฎ ก.ค.ศ.วา่ ด้วยการสอบสวน
พจิ ารณา พ.ศ. ๒๕๕๐

๓) เสนอรายงานการสอบสวนตามแบบ สว.๖ พร้อมสานวนการสอบสวน ให้ผู้สั่ง
แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณา ถ้าไม่ผิดวินัยให้ยุติเร่ือง กรณีกระทาผิดวินัยไม่ร้ายแรงให้ออก
คาสัง่ ลงโทษทางวินัย ตามระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยวิธกี ารออกคาสั่งเกี่ยวกับการลงโทษทางวินัยข้าราชการ
ครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ประกอบกบั กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยอานาจการ
ลงโทษภาคทณั ฑ์ ตัดเงนิ เดือนหรือลดข้นั เงินเดอื น พ.ศ. ๒๕๔๙ และท่แี กไ้ ขเพมิ่ เติม

๔) รายงานการดาเนินการทางวินัยตามมาตรา ๑๐๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ประกอบระเบียบ
ก.ค.ศ. ว่าด้วยการรายงานเกย่ี วกับการดาเนนิ การทางวินัยและการออกจากราชการของข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ดงั นี้

- เมอ่ื ผ้บู ังคบั บัญชาได้ดาเนินการทางวนิ ัยแกข่ ้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา
ผูใ้ ดและไดส้ ่ังยุติเร่ือง งดโทษ หรือลงโทษภาคทณั ฑ์ ตดั เงนิ เดือน หรือลดเงินเดอื นแกผ่ ู้น้ันแล้ว ใหร้ ายงาน
ไปยังผอู้ านวยการสานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษา

- เม่ือผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาได้รับรายงานการดาเนินการทางวินัย
และพิจารณาเห็นว่า การยุติเรื่อง การงดโทษ หรือการส่ังลงโทษไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม ก็มีอานาจส่ัง
งดโทษ ลดโทษ เพ่ิมโทษ หรือเปล่ียนแปลงแก้ไขข้อความในคาส่ังเดิม หรือดาเนินการอย่างใดเพิ่มเติมได้
หรอื หากเหน็ วา่ ไมไ่ ด้กระทาผิดก็ให้ส่งั ยกโทษ แลว้ ให้รายงานไปยัง กศจ. เพ่อื พจิ ารณา

- เม่ือ กศจ. พิจารณามีมติเป็นประการใด ให้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓ สั่งหรือ
ปฏิบัติไปตามน้ัน แล้วรายงานการดาเนินการทางวินัยพร้อมสานวนการสอบสวนไปยังเลขาธิการ
คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน เพอ่ื พจิ ารณา

- กรณีเลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน เห็นด้วยกับมติ กศจ. ให้ถือว่า
การดาเนินการทางวินัยกรณีเป็นอันถึงที่สุด กรณีเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน
มีความเห็นขัดแย้งกับมติ กศจ. ให้เสนอ ก.ค.ศ. พร้อมเหตุผลและความเห็นประกอบการพิจารณา
ถ้า ก.ค.ศ. มีมติเปลี่ยนแปลงการลงโทษหรือมีความเห็นเป็นประการใด ให้ผู้มีอานาจตามมาตรา ๕๓
ดาเนินการใหเ้ ปน็ ไปตามมตินั้น

๕.๒.๒ ลกู จ้างประจา
๑) กรณมี ีมูลเป็นความผิดวินัยไมร่ า้ ยแรงกเ็ สนอใหผ้ บู้ งั คับบัญชาพิจารณาดาเนินการ

ตามวิธีการที่ผู้บังคับบัญชาเห็นสมควร กรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงก็เสนอผู้มีอานาจตามข้อ ๑๓
เป็นผ้สู ัง่ แต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวนวินัยอยา่ งรา้ ยแรง

๒) คณะกรรมการสอบสวน ดาเนินการสอบสวน ตามท่ีกาหนดไว้ในกฎหมายวา่ ดว้ ย
ระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น โดยอนโุ ลม



๓) เสนอรายงานการสอบสวนตามแบบ ดว.๖ พร้อมสานวนการสอบสวน ให้ผู้สั่ง
แต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนพิจารณา ถ้าไม่ผิดวินัยให้ยุติเร่ือง กรณีกระทาผิดวินัยไม่ร้ายแรงให้สั่งลงโทษ
ภาคทัณฑ์ ตัดค่าจ้างหรือลดข้ันค่าจ้าง กรณีกระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรงให้ผู้มีอานาจตามข้อ ๑๓ สั่งลงโทษ
ปลดออกหรือไลอ่ อก ตามระเบยี บกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยลกู จ้างประจาของสว่ นราชการ พ.ศ. ๒๕๓๗

๔) รายงานการดาเนินการทางวินัยลูกจ้างประจา ให้เลขาธิการคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พิจารณาการดาเนินการ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
และระเบยี บกระทรวงการคลัง ว่าด้วยลูกจ้างประจาของสว่ นราชการ พ.ศ. ๒๕๓๗

การสง่ั พกั ราชการและส่ังใหอ้ อกจากราชการไวก้ ่อน
ลูกจ้างประจาผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทาผิดวินัยอยา่ งร้ายแรงจนถูกตั้งคณะกรรมการ
สอบสวน หรือถูกฟ้องคดีอาญา หรือต้องหาว่ากระทาความผิดอาญา เว้นแต่เป็นความผิดที่ได้กระทา
โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามีอานาจสั่งพักราชการ หรือ
ส่ังให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาได้ แต่ถ้าภายหลังปรากฏผลการสอบสวน
พจิ ารณาวา่ ผู้นั้นมิได้กระทาผิดหรือกระทาผิดไมถ่ ึงกับจะต้องถูกลงโทษปลดออกหรือไล่ออก และไม่มีกรณี
ทจ่ี ะต้องออกจากราชการด้วยเหตุอ่ืน ก็ให้ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาส่ังใหผ้ ู้นั้นกลับเขา้ รับ
ราชการในตาแหน่งเดิม หรือตาแหน่งที่ไม่สูงกว่าเดิม ที่ผู้น้ันมีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสาหรับ
ตาแหนง่ น้นั และหากภายหลงั ปรากฏวา่ ผู้นั้นมีกรณีถกู กล่าวหาว่ากระทาผิดวินัยอย่างรา้ ยแรงกรณีอ่ืนอีก
ผู้มอี านาจตามข้อ ๑๓ มีอานาจดาเนินการสืบสวน หรือดาเนินการทางวนิ ยั ตามที่กฎหมายกาหนดไว้
กรณีที่ส่ังให้ผู้ถูกส่ังให้ออกจากราชการไว้ก่อน กลับเข้ารับราชการ หรือสั่งให้ผู้ถูกส่ังให้
ออกจากราชการไว้ก่อน ออกจากราชการด้วยเหตุอ่ืน ท่ีมิใช่เป็นการลงโทษเพราะกระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรง
กใ็ ห้ผู้น้ันมีสถานภาพเป็นลูกจ้างประจาตลอดระยะเวลาระหว่างที่ถูกส่ังให้ออกจากราชการไว้ก่อน เสมือนว่า
ผนู้ นั้ เป็นผ้ถู กู ส่ังพักราชการ

๕.๒.๓ พนักงานราชการ
๑) กรณีมีมลู เป็นความผิดวนิ ัยไม่ร้ายแรงก็เสนอหวั หน้าส่วนราชการพิจารณาสืบสวน

หรือแต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนวินัยไมร่ า้ ยแรง กรณีมมี ูลเป็นความผิดวนิ ัยอย่างร้ายแรงก็เสนอหัวหน้า
ส่วนราชการ เปน็ ผูส้ ่งั แตง่ ต้งั คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง

๒) คณะกรรมการสอบสวน ดาเนินการสอบสวน ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ
บริหารงานบุคคลของส่วนราชการนั้นมาใช้บังคับโดยอนุโลมเท่าท่ีไม่ขัดกับหลักการของการจ้างพนักงาน
ราชการหรอื การปฏิบตั ิงานของพนักงานราชการ

๓) เสนอรายงานการสอบสวน พร้อมสานวนการสอบสวน ให้หัวหน้าส่วนราชการ
พิจารณา ถ้าไม่ผิดวินัยให้ยุติเร่ือง กรณีกระทาผิดวินัยไม่ร้ายแรงให้สั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงิน
ค่าตอบแทน หรือลดเงินค่าตอบแทน กรณีกระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ส่ังลงโทษไล่ออก ตามระเบียบ
สานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงาน
ราชการ เรื่อง แนวทางการดาเนนิ การทางวนิ ัยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๙

๔) รายงานการดาเนินการทางวินัยพนักงานราชการ ให้เลขาธิการคณะกรรมการ
การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พจิ ารณาการดาเนนิ การใหเ้ ป็นไปตามระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรีวา่ ด้วยพนกั งานราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง แนวทางการดาเนินการทางวินัย
พนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๙



๖. Flow Chart การปฏิบตั งิ าน
๖.๑ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา

เรม่ิ ต้น

ส่งเสรมิ สนับสนุน พฒั นา กรณีสืบสวนขอ้ เทจ็ จรงิ เรอ่ื งร้องเรียนแล้วมีมูลเป็นความผิดวนิ ยั
งานวนิ ยั คณุ ธรรมและจรยิ ธรรม

วินยั อย่างร้ายแรง วนิ ยั ไมร่ า้ ยแรง

เสนอเรอ่ื งให้ กศจ. พจิ ารณา
ดาเนนิ การตามอานาจหนา้ ที่

แต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั ไมร่ ้ายแรง
ดาเนินการสอบสวน

ผู้บงั คับบญั ชาสงั่ ตามอานาจหนา้ ท่ี
รายงานตามมาตรา ๑๐๔ (๑)
กศจ. พจิ ารณา
สพฐ. พจิ ารณา

กรณีเหน็ แยง้ กบั มติ กศจ. กรณเี ห็นด้วยกบั มติ กศจ.
ก.ค.ศ. พจิ ารณา (วนิ ยั เปน็ อนั ถึงท่ีสดุ )

ผู้มอี านาจตามมาตรา ๕๓ ดาเนินการตามมติ ก.ค.ศ.



๖.๒ ลกู จ้างประจา/พนกั งานราชการ

เริ่มต้น

ส่งเสรมิ สนับสนุน พัฒนา กรณสี ืบสวนข้อเทจ็ จริงเรื่องร้องเรียนแล้วมีมูลเปน็ ความผดิ วินัย
งานวนิ ัย คุณธรรมและจรยิ ธรรม วนิ ัยไมร่ า้ ยแรง/วินัยอย่างรา้ ยแรง

แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินยั ไม่รา้ ยแรง/วนิ ยั อยา่ งร้ายแรง

ดาเนนิ การสอบสวน
ผมู้ ีอานาจส่ังตามอานาจหน้าที่
รายงานไปยงั หวั หนา้ สว่ นราชการ



๖.๓ การส่ังพักราชการหรือสั่งใหอ้ อกจากราชการไวก้ ่อนของลูกจา้ งประจา

เร่มิ ตน้

ลกู จ้างประจาที่ถูกกล่าวหาวา่ กระทาผิดวินยั อยา่ งร้ายแรงจนถกู ตง้ั คณะกรรมการสอบสวน หรือถกู ฟอ้ งคดีอาญา
หรอื ตอ้ งหาว่ากระทาความผิดอาญา เวน้ แต่เป็นความผิดท่ีได้กระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

ผูอ้ านวยการสานักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษามีอานาจส่ังพักราชการ หรอื
ส่ังให้ออกจากราชการไวก้ ่อน

กรณปี รากฏผลการสอบสวนว่า ผูน้ ้นั มไิ ด้กระทาผิดหรือกระทาผดิ ไม่ถึงกับ
จะต้องถูกลงโทษปลดออกหรือไล่ออก และไม่มีกรณีทีจ่ ะต้อง
ออกจากราชการดว้ ยเหตอุ นื่

ผู้อานวยการสานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา หากภายหลังปรากฏวา่ ผู้น้ันมกี รณี
สัง่ ให้ผ้นู นั้ กลบั เขา้ รับราชการในตาแหน่งเดมิ ถูกกลา่ วหาวา่ กระทาผิดวินยั อยา่ งรา้ ยแรง

หรือตาแหน่งที่ไมส่ ูงกว่าเดิม กรณีอน่ื อกี ผู้มีอานาจตามข้อ ๑๓
มีอานาจดาเนนิ การสืบสวน หรือดาเนินการ

ทางวนิ ยั ตามท่ีกฎหมายกาหนดไว้



๗. แบบฟอรม์ ท่ใี ช้
๗.๑ การดาเนนิ การทางวนิ ัยข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา
๑) แบบ สว.๑ (คาสงั่ แต่งตงั้ คณะกรรมการสอบสวนวนิ ัยไมร่ ้ายแรง/อยา่ งร้ายแรง)
๒) แบบ สว.๒ (บนั ทึกการแจง้ และรบั ทราบข้อกลา่ วหา ตามข้อ ๒๓)
๓) แบบ สว.๓ (บันทกึ การแจ้งและรับทราบข้อกลา่ วหาและสรปุ พยานหลักฐานทีส่ นับสนนุ

ข้อกล่าวหา ตามข้อ ๒๔)
๔) แบบ สว.๔ (บันทึกถอ้ ยคาของผู้ถกู กลา่ วหา)
๕) แบบ สว.๕ (บันทึกถ้อยคาพยานฝา่ ยกล่าวหา/ฝ่ายผู้ถกู กลา่ วหา)
๖) แบบ สว.๖ (รายงานการสอบสวน)

๗.๒ การดาเนินการทางวินัยลูกจา้ งประจา/พนักงานราชการ
๑) แบบ ดว.๑ (ขอ้ ๑๙) คาสงั่ แตง่ ตัง้ คณะกรรมการสอบสวนวนิ ัยอยา่ งรา้ ยแรง
๒) แบบ ดว.๒ (ตามขอ้ ๒๐) คาสงั่ เปลยี่ นแปลงกรรมการสอบสวน
๓) แบบ ดว.๓ (ตามขอ้ ๓๑) บนั ทึกถ้อยคาของพยาน
๔) แบบ ดว.๔ (ตามข้อ ๓๑) บันทึกถ้อยคาของผู้ถกู กลา่ วหา
๕) แบบ ดว.๕ (ตามข้อ ๔๐) บนั ทกึ การแจง้ ข้อกลา่ วหาและสรุปพยานหลักฐานท่สี นับสนนุ

ข้อกล่าวหา ตามข้อ ๔๐
๖) แบบ ดว.๖ (ตามขอ้ ๕๓) รายงานการสอบสวน

๗.๓ แบบฟอรม์ อืน่ ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง

๘. เอกสาร/หลกั ฐานอา้ งอิง
๘.๑ คาส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี ๑๙/๒๕๖๐ เร่ือง การปฏิรูปการศึกษาใน

ภมู ภิ าคของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ลงวนั ที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๐
๘.๒ พระราชบญั ญัติระเบยี บบริหารราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. ๒๕๔๖
๘.๓ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และท่ีแก้ไข

เพ่ิมเติม
๘.๔ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑
๘.๕ กฎ ก.ค.ศ. ว่าดว้ ยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.๒๕๕๐
๘.๖ กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยกรณคี วามผดิ ทป่ี รากฏชัดแจง้ พ.ศ. ๒๕๔๙
๘.๗ กฎ ก.ค.ศ. ว่าดว้ ยอานาจการลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงนิ เดอื น หรือลดเงินเดอื น พ.ศ. ๒๕๖๑
๘.๘ ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยวิธีการออกคาสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการ

ศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘
๘.๙ ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการรายงานเกี่ยวกับการดาเนินการทางวินัยและการออกจาก

ราชการของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๘.๑๐ ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยลูกจ้างประจาของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๗
๘.๑๑ ระเบียบสานักนายกรฐั มนตรี วา่ ด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗
๘.๑๒ ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง แนวทางการดาเนินการทางวินัย

พนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๙
๘.๑๓ กฎหมาย กฎ ระเบยี บ และหนงั สอื เวยี นอน่ื ทเี่ กยี่ วขอ้ ง

8

บรรณานุกรม

สานักเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). คู่มอื การปฏิบตั ิงาน กลุ่มบรหิ ารงานบุคคล.



ภาคผนวก


แบบ สว.1

คำส่ัง……….(ช่ือหน่วยงำนทอ่ี อกคำส่งั )............
ท.่ี ............../................

เรอ่ื ง แตง่ ตั้งคณะกรรมกำรสอบสวนวินยั ไม่รำ้ ยแรง
.........................................

ด้วย..........(ระบุช่ือผู้ถูกกล่ำวหำ)..................................ข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ
ตำแหน่ง............................วทิ ยฐำนะ...................(ช่ือหนว่ ยงำนกำรศึกษำ)............... สงั กดั ....................................
มีกรณีถูกกล่ำวหำว่ำกระทำผิดวินยั ไม่ร้ำยแรงในเรื่อง.........................(ระบุเร่อื งท่ีกล่ำวหำ ถ้ำมีหลำยเรื่องให้ระบุ
ทุกเร่ือง)....…………………………………………………………………………………………………………………………………………..

อำศัยอำนำจตำมควำมในมำตรำ 98 แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรครูและบุคลำกร
ทำงกำรศึกษำ 2547 จึงแต่งต้ังคณะกรรมกำรสอบสวนเพ่ือสอบสวนผู้ถูกกล่ำวหำในเร่ืองดังกล่ำว
ประกอบดว้ ยบคุ คลดงั ต่อไปนี้

……(ระบุช่ือ-สกลุ )………ตำแหน่ง.................วทิ ยฐำนะ............... เป็นประธำนกรรมกำร
……(ระบชุ อ่ื -สกุล)………ตำแหนง่ .................วิทยฐำนะ............... เป็นกรรมกำร

ฯลฯ
……(ระบชุ ือ่ -สกลุ )….……ตำแหนง่ .................วิทยฐำนะ............... เป็นกรรมกำรและเลขำนกุ ำร
……(ระบุชอ่ื -สกลุ )….……ตำแหนง่ .................วทิ ยฐำนะ............... เป็นผชู้ ว่ ยเลขำนกุ ำร

ท้ังน้ี ให้คณะกรรมกำรสอบสวนดำเนินกำรสอบสวนพิจำรณำตำมหลักเกณฑ์และวิธีกำร
ท่ีกำหนดในกฎ ก.ค.ศ.ว่ำด้วยกำรสอบสวนพิจำรณำ พ.ศ.2550 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอสำนวนกำร
สอบสวนมำเพือ่ พิจำรณำดำเนนิ กำรตอ่ ไป

ในกำรสอบสวนถ้ำคณะกรรมกำรสอบสวนเห็นว่ำกรณีมีมูลว่ำผู้ถูกกล่ำวหำกระทำผิดวินัยเรื่องอ่ืน
นอกจำกที่ระบุในคำสง่ั นี้ หรอื กรณีท่กี ำรสอบสวนพำดพงิ ไปถึงข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำผู้อ่ืนและ
คณะกรรมกำรสอบสวนพิจำรณำในเบื้องต้นแล้วเห็นว่ำข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำผู้นั้น มีส่วนร่วมใน
กำรกระทำกำรในเรอื่ งท่สี อบสวนนัน้ อยู่ด้วย ใหป้ ระธำนกรรมกำรรำยงำนมำโดยเร็ว

อนึ่ง ถ้ำผู้ถูกกล่ำวหำประสงค์จะร้องทุกข์คำส่ังน้ี ให้ร้องทุกข์ต่อ กศจ.ลำปำง ภำยในสำมสิบวัน
นับแต่วันทไี่ ด้รบั แจ้งคำสัง่

สง่ั ณ วนั ที่...........เดือน..............................พ.ศ.................

(ลงช่อื )...........................................
(.................ผสู้ ่ังแต่งตั้ง........)

ตำแหน่ง/วทิ ยฐำนะ..........................

หมายเหตุ 1. ในกรณจี ำเปน็ จะใหม้ ผี ู้ช่วยเลขำนุกำรก็ได้
2. ขอ้ ควำมใดท่ีไม่ใชใ้ หต้ ดั ออก

แบบ สว.2

บันทึกการแจง้ และรบั ทราบขอ้ กล่าวหา ตามข้อ 23

เร่อื ง กำรสอบสวน...........(ระบุช่ือผูถ้ ูกกลำ่ วหำ)....................................ซงึ่ ถกู กล่ำวหำว่ำกระทำผิดวนิ ยั ไมร่ ้ำยแรง

วันที.่ ..........เดือน..................................พ.ศ..................

คณะกรรมกำรสอบสวนตำมคำสงั่ ............................(ชื่อหน่วยงำนทอ่ี อกคำส่ัง)............ท.่ี ...../..........
เร่ือง แต่งตั้งคณะกรรมกำรสอบสวน ลงวันท่ี........เดือน..........................พ.ศ.............. ได้แจ้งและอธิบำย
ข้อกลำ่ วหำให.้ ........(ระบุชอื่ ผู้ถูกกลำ่ วหำ).........ผถู้ ูกกลำ่ วหำทรำบ ดังน้ี

...............(อธิบำยขอ้ กลำ่ วหำท่ปี รำกฏตำมเรื่องท่ีกล่ำวหำใหผ้ ู้ถกู กล่ำวหำทรำบว่ำผถู้ ูกกลำ่ วหำได้
กระทำกำรใด เมอ่ื ใด อย่ำงไร.)...................................................................

ท้ังน้ี คณะกรรมกำรสอบสวนได้แจ้งให้ผู้ถูกกล่ำวหำทรำบแล้วว่ำ ในกำรสอบสวนนี้ผู้ถูกกล่ำวหำ
มีสิทธิและหน้ำที่ตำม ข้อ 18 รวมทั้งสทิ ธิท่ีจะได้รับแจ้งสรุปพยำนหลักฐำนที่สนับสนุนข้อกล่ำวหำ และมีสิทธิท่ี
จะใหถ้ ้อยคำหรือช้แี จงข้อกล่ำวหำ ตลอดจนอำ้ งพยำนหลกั ฐำนหรือนำพยำนหลักฐำนมำสืบแก้ข้อกลำ่ วหำไดด้ ้วย

................(ลำยมือชอื่ ).............ประธำนกรรมกำร
(...................................................)

................(ลำยมอื ชือ่ )...............กรรมกำร
(...................................................)

ฯลฯ
................(ลำยมือช่อื )...............กรรมกำรและเลขำนุกำร
(...................................................)

ข้ำพเจำ้ ..............(ระบุชื่อผู้ถกู กลำ่ วหำ).................................ไดท้ รำบขอ้ กลำ่ วหำและได้รับบันทึกน้ี
1 ฉบบั ไว้แลว้ เมือ่ วนั ที.่ ..........เดือน...........................................พ.ศ...........................

..................(ลำยมือช่ือ).....................ผู้ถูกกลำ่ วหำ
(.........................................................)

หมายเหตุ 1. ในกรณที เี่ รียกผถู้ กู กล่ำวหำมำเพื่อแจ้งและอธบิ ำยข้อกลำ่ วหำ ต้องมกี รรมกำรสอบสวนรว่ มแจง้
และอธบิ ำยขอ้ กล่ำวหำไม่นอ้ ยกว่ำกงึ่ หน่ึงของจำนวนกรรมกำรสอบสวนทง้ั หมด และให้
กรรมกำรสอบสวนดังกลำ่ วลงลำยมือชอ่ื ในบนั ทกึ ท้งั น้ี ให้ทำตำมแบบ สว.2 เป็น 2 ฉบับ
มอบให้ผ้ถู กู กล่ำวหำลงลำยมอื ช่ือและวันเดอื นปีทร่ี บั ทรำบ ไวเ้ ปน็ หลกั ฐำนด้วย

2. ในกรณที ี่สง่ บันทกึ ตำมแบบ สว.2 ทำงไปรษณยี ล์ งทะเบียนตอบรับไปให้ผูถ้ กู กลำ่ วหำให้
กรรมกำรสอบสวนลงลำยมือช่ือในบันทึกไม่น้อยกวำ่ กึง่ หนึ่งของจำนวนกรรมกำรสอบสวน
ท้งั หมด และให้บันทึกตำมแบบ สว.2 เป็น 3 ฉบบั เกบ็ ไวใ้ นสำนวนกำรสอบสวน 1 ฉบบั
และให้ผู้ถกู กลำ่ วหำลงลำยมอื ชอ่ื และวนั เดอื นปที ร่ี บั ทรำบส่งกลับคนื มำรวมไวใ้ นสำนวน
1 ฉบับ

3. ในกรณีที่ผู้ถูกกล่ำวหำให้ถ้อยคำรับสำรภำพว่ำได้กระทำกำรตำมที่ถูกกล่ำวหำ
ให้คณะกรรมกำรสอบสวน แจ้งใหผ้ ูถ้ ูกกลำ่ วหำทรำบว่ำกำรกระทำตำมทีถ่ ูกกลำ่ วหำดงั กลำ่ ว
เป็นควำมผดิ กรณใี ด หำกผูถ้ ูกกล่ำวหำยังคงยืนยันตำมทร่ี บั สำรภำพ ใหบ้ นั ทกึ ถอ้ ยคำ
รบั สำรภำพ รวมทัง้ เหตผุ ลในกำรรบั สำรภำพ (ถำ้ ม)ี และสำเหตแุ หง่ กำรกระทำไวด้ ว้ ย

4. ข้อควำมใดท่ีไมใ่ ช้ให้ตดั ออก

แบบ สว.3

บนั ทึกการแจง้ และรบั ทราบขอ้ กลา่ วหาและสรุปพยานหลกั ฐาน
ทส่ี นับสนนุ ข้อกล่าวหา ตามขอ้ 24

เรือ่ ง กำรสอบสวน......(ระบุชื่อผู้ถูกกลำ่ วหำ)......................ซ่งึ ถกู กล่ำวหำว่ำกระทำผิดวนิ ัยไมร่ ้ำยแรง

วันท่ี.........เดือน..........................พ.ศ............

ตำมท่ีคณะกรรมกำรสอบสวนตำมคำส่ัง...........(ชื่อหน่วยงำนที่ออกคำสั่ง).............ท่ี......../...............
เรื่อง แต่งต้ังคณะกรรมกำรสอบสวน ลงวันท่ี..........เดือน...........................พ.ศ..............ได้แจ้งข้อกล่ำวหำให้
.........(ระบุช่ือผู้ถูกกล่ำวหำ)........ผู้ถูกกล่ำวหำทรำบตำมบันทึกกำรแจ้งและรับทรำบข้อกล่ำวหำตำมข้อท่ี 23
ลงวันท.่ี ......เดอื น.............................พ.ศ...........น้นั

บัดน้ี คณะกรรมกำรสอบสวนได้รวบรวมพยำนหลักฐำนที่เก่ียวข้องกับข้อกล่ำวหำเสร็จแล้ว จึงแจ้ง
ข้อกล่ำวหำและสรุปพยำนหลกั ฐำนทีส่ นับสนนุ ขอ้ กล่ำวหำให้ผ้ถู ูกกล่ำวหำทรำบ ดังน้ี

1. ข้อกล่ำวหำ.......................(ข้อกล่ำวหำซ่ึงปรำกฏตำมพยำนหลักฐำนว่ำกรณีใดเป็นควำมผิดวินัย
ตำมมำตรำใด).....................................

2. สรุปพยำนหลักฐำนที่สนับสนุนข้อกล่ำวหำ..................................(สรุปพยำนหลักฐำนท่ีสนับสนุน
ข้อกล่ำวหำเท่ำที่มีให้ทรำบ โดยระบุวัน เวลำ สถำนที่ และกำรกระทำท่ีมีลักษณะเป็นกำรสนับสนุน
ขอ้ กลำ่ วหำ)......................

..............(ลำยมือชือ่ ).........................ประธำนกรรมกำร
(.........................................................)

..............(ลำยมอื ช่ือ).........................กรรมกำร
(.........................................................)

ฯลฯ

............(ลำยมือชอ่ื ).........................กรรมกำรและเลขำนุกำร
(.........................................................)

ข้ำพเจำ้ ..............(ระบุชอ่ื ผูถ้ กู กล่ำวหำ).................................ได้ทรำบข้อกล่ำวหำและสรปุ พยำนหลกั ฐำน
ที่สนบั สนุนขอ้ กล่ำวหำ และได้รบั บนั ทกึ นี้ 1 ฉบับไว้แลว้ เม่ือวนั ท.่ี ..........เดอื น..........................พ.ศ................

..................(ลำยมอื ชอื่ ).....................ผถู้ ูกกล่ำวหำ
(.........................................................)

หมำยเหตุ 1. กำรประชุมเพื่อพจิ ำรณำข้อกล่ำวหำและสรปุ พยำนหลักฐำนท่ีสนบั สนนุ ข้อกล่ำวหำตำมขอ้ 24
ต้องมีกรรมกำรสอบสวนไม่น้อยกวำ่ สำมคนและไมน่ ้อยกวำ่ กงึ่ หนงึ่ ของจำนวนกรรมกำร
สอบสวนทัง้ หมด และให้กรรมกำรสอบสวนดงั กล่ำวลงลำยมือช่ือในบนั ทึกน้ี

2. ในกรณีทีเ่ รยี กผู้ถกู กล่ำวหำมำเพื่อแจ้งข้อกล่ำวหำและสรปุ พยำนหลักฐำนทสี่ นับสนุนขอ้ กล่ำวหำ
ให้ทำบันทึกตำมแบบ สว.3 น้ีเป็น 2 ฉบับ มอบใหผ้ ู้ถูกกล่ำวหำ 1 ฉบบั เกบ็ ไวใ้ นสำนวนกำร
สอบสวน 1 ฉบบั และให้ผถู้ กู กลำ่ วหำลงลำยมือช่อื และวันเดือนปที ่รี บั ทรำบไวเ้ ป็นหลกั ฐำนด้วย

๓. ในกรณที สี่ ่งบนั ทึกตำมแบบ สว.3 ทำงไปรษณยี ต์ อบรับไปใหผ้ ้ถู ูกกล่ำวหำ ใหท้ ำบนั ทึกตำม
แบบ สว.3 นเ้ี ปน็ 3 ฉบบั เกบ็ ไวใ้ นสำนวนกำรสอบสวน 1 ฉบบั ส่งให้ผู้ถูกกลำ่ วหำ 2 ฉบบั
เพ่ือใหผ้ ู้ถกู กลำ่ วหำเก็บไว้ 1 ฉบับ และใหผ้ ถู้ ูกกล่ำวหำลงลำยมือชอ่ื และวันเดอื นปีท่ีรับทรำบ
สง่ กลับคืนมำ รวมไว้ในสำนวนกำรสอบสวน 1 ฉบับ

๔. ขอ้ ควำมที่ใช้ไมไ่ ด้ให้ตัดออก

แบบ สว.4
บันทึกถอ้ ยคาของผูถ้ ูกกลา่ วหา
เรอ่ื ง กำรสอบสวน.............(ระบชุ อื่ ผูถ้ กู กลำ่ วหำ)...............ซึ่งถูกกลำ่ วหำวำ่ กระทำผิดวนิ ัยไมร่ ้ำยแรง

สอบสวนท.่ี ..........................................
วันที่..............เดอื น.......................................พ.ศ................

ข้ำพเจำ้ ................(ระบุช่ือผู้ถูกกลำ่ วหำ)...................อำย.ุ .........ปี สญั ชำต.ิ ...............ศำสนำ................
อำชีพ....................อยบู่ ้ำนเลขที่...........................ตรอก/ซอย.....................................ถนน.............................
แขวง/ตำบล............................................เขต/อำเภอ.............................จังหวดั ..................................

ข้ำพเจ้ำได้ทรำบแลว้ วำ่ ข้ำพเจ้ำเปน็ ผู้ถูกกล่ำวหำในเรื่อง...............(เรื่องที่กล่ำวหำ)............................
ตำมคำสัง่ ........(ชอ่ื หนว่ ยงำนท่อี อกคำสง่ั )...........ที่......./............เรอ่ื ง แตง่ ตง้ั คณะกรรมกำรสอบสวน ลงวันที่........
เดอื น.....................พ.ศ...............และขำ้ พเจ้ำขอให้ถ้อยคำตำมควำมสัตย์จรงิ ดังต่อไปนี้......................................
................................................................................................. ............................................................................

ข้ำพเจ้ำขอรบั รองว่ำ คณะกรรมกำรสอบสวนมิได้กระทำกำรลอ่ ลวง ขู่เข็ญ ใหส้ ัญญำ หรือ กระทำกำรใด
เพื่อจงู ใจให้ขำ้ พเจำ้ ให้ถ้อยคำอย่ำงใดๆ และข้ำพเจำ้ ได้ฟงั บันทกึ ถ้อยคำทอี่ ำ่ นใหฟ้ ัง/ได้อำ่ นบนั ทกึ ถ้อยคำเองแลว้
ขอรับรองวำ่ เป็นบนั ทึกถ้อยคำทีถ่ ูกต้อง จงึ ลงลำยมอื ชื่อไว้ตอ่ หน้ำคณะกรรมกำรสอบสวน

...............(ลำยมอื ชื่อ).............ผู้ถูกกลำ่ วหำ
(.............................................)

..............(ลำยมือชอ่ื )..............บคุ คลตำมขอ้ 11 ข้อ 28 (ถ้ำมี)
(..............................................)

..............(ลำยมือชอ่ื )...............ผู้บนั ทกึ ถ้อยคำ
(...............................................)

ขำ้ พเจำ้ ขอรบั รองวำ่ .......................(ระบุชื่อผ้ถู ูกกล่ำวหำ)......................ไดใ้ ห้ถ้อยคำและลงลำยมอื ชอ่ื
ต่อหนำ้ ข้ำพเจำ้

................(ลำยมือชอ่ื )...........................ประธำนกรรมกำร
(................................................................)

................(ลำยมือชอ่ื )...........................กรรมกำร
(.............................................................)

ฯลฯ
................(ลำยมือชื่อ)....................กรรมกำรและเลขำนุกำร
(.............................................................)

................(ลำยมือชื่อ)....................ผูช้ ว่ ยเลขำนุกำร
(.............................................................)

หมำยเหตุ 1. ใหใ้ ช้แบบ สว.4 นไี้ ดท้ ั้งกำรบนั ทึกถ้อยคำของผู้ถกู กล่ำวหำ ตำม ข้อ 23 ข้อ 24
2. ในกรณีที่ผถู้ กู กล่ำวหำให้ถ้อยคำรบั สำรภำพวำ่ ไดก้ ระทำกำรตำมทีถ่ ูกกลำ่ วหำให้บนั ทกึ ถ้อยคำ
รบั สำรภำพรวมทง้ั เหตุผลในกำรรับสำรภำพ (ถำ้ ม)ี และสำเหตแุ ห่งกำรกระทำไว้ดว้ ย
3. กำรสอบปำกคำผ้ถู ูกกลำ่ วหำต้องมกี รรมกำรสอบสวนร่วมสอบสวนไมน่ ้อยกวำ่ กึง่ หนึ่งของ
จำนวนกรรมกำรสอบสวนทัง้ หมด และให้กรรมกำรสอบสวนดงั กล่ำวลงลำยมอื ช่อื รับรองไวใ้ น
บันทกึ ถ้อยคำน้ันด้วย
4. ถำ้ ผู้บนั ทกึ ถ้อยคำเปน็ กรรมกำรในคณะกรรมกำรสอบสวนหรือผชู้ ่วยเลขำนกุ ำร ให้ผบู้ ันทกึ
ถ้อยคำและลงลำยมือชื่อบุคคลตำมขอ้ 11 และ ข้อ 28
5. ขอ้ ควำมใดไมใ่ ช้ใหต้ ดั ออก

แบบ สว.5

บนั ทึกถ้อยคาพยานของฝา่ ยกล่าวหา/ฝ่ายผ้ถู ูกกล่าวหา

เรอ่ื ง กำรสอบสวน........(ระบชุ อ่ื ผู้ถกู กล่ำวหำ)..........ซง่ึ ถูกกลำ่ วหำวำ่ กระทำผิดวินัยไม่ร้ำยแรง

สอบสวนท.ี่ ........................................
วันท่.ี .........เดือน...................................พ.ศ....................

ข้ำพเจ้ำ.............(ระบุช่ือพยำน)........................อำยุ............ปี สัญชำติ................ศำสนำ...............
อำชีพ............(ระบุใหช้ ัดเจนว่ำประกอบอำชีพอะไร ท่ีใด ถ้ำเป็นข้ำรำชกำรให้ระบุตำแหน่งและสังกัดด้วย)...............
อยู่บ้ำนเลขที่...............ตรอก/ซอย...............................ถนน......................................แขวง/ตำบล....................
เขต/อำเภอ................................จงั หวัด.........................................

คณะกรรมกำรสอบสวนได้แจ้งให้ข้ำพเจ้ำทรำบว่ำข้ำพเจ้ำเป็นพยำนในเรื่อง................(ระบุช่ือผู้ถูก
กล่ำวหำ)...................ถูกกล่ำวหำว่ำกระทำผิดวินัยไมร่ ้ำยแรงตำมคำสั่ง..........(ช่ือหน่วยงำนทีอ่ อกคำสั่ง).............
ท่ี......./...................เรื่อง แต่งต้ังคณะกรรมกำรสอบสวน ลงวันท่ี............เดือน.......................พ.ศ...............และ
แจ้งให้ข้ำพเจ้ำทรำบด้วยว่ำกรรมกำรสอบสวนมีฐำนะเป็นเจ้ำพนักงำนตำมประมวลกฎหมำยอำญำ กำรให้
ถ้อยคำอันเปน็ เทจ็ ตอ่ กรรมกำรสอบสวนอำจเปน็ ควำมผิดตำมกฎหมำยหรอื มีควำมผดิ ทำงวนิ ยั

ข้ำพเจ้ำขอใหถ้ อ้ ยคำตำมควำมสตั ยจ์ ริง ดงั ต่อไปน้ี
............................................................................................................................. .................................

ขำ้ พเจ้ำขอรับรองว่ำ คณะกรรมกำรสอบสวนมไิ ดก้ ระทำกำรลอ่ ลวง ขู่เข็ญ ให้สญั ญำ หรือ กระทำกำรใด
เพ่ือจงู ใจให้ข้ำพเจ้ำใหถ้ ้อยคำอย่ำงใด ๆ และขำ้ พเจำ้ ได้ฟังบันทกึ ถ้อยคำที่อ่ำนให้ฟัง/ได้อ่ำนบันทึกถ้อยคำเองแล้ว
ขอรับรองวำ่ เป็นบันทึกถ้อยคำท่ถี ูกต้อง จึงลงลำยมอื ชอื่ ไว้ต่อหนำ้ คณะกรรมกำรสอบสวน

.............(ลำยมือชอ่ื ).............พยำน
(.............................................)

.............(ลำยมอื ชอ่ื )...............ผบู้ นั ทึกถ้อยคำ
(...............................................)

ขำ้ พเจ้ำขอรับรองว่ำ.......................(ระบุชอื่ พยำนผู้ใหถ้ ้อยคำ)......................ไดใ้ ห้ถอ้ ยคำและลงลำยมือชอ่ื
ตอ่ หนำ้ ข้ำพเจ้ำ

................(ลำยมือช่อื ).......................ประธำนกรรมกำร
(................................................................)

................(ลำยมือชือ่ ).......................กรรมกำร
(................................................................)

ฯลฯ
................(ลำยมอื ชื่อ)..................กรรมกำรและเลขำนุกำร
(................................................................)

................(ลำยมอื ชอื่ )....................ผชู้ ว่ ยเลขำนุกำร
(.............................................................)

หมำยเหตุ 1. ให้ใชแ้ บบ สว.5 นไี้ ดท้ ัง้ กำรบันทกึ ถ้อยคำของผ้ถู ูกกล่ำวหำและบุคคลอน่ื ซ่งึ มำให้ถ้อยคำ
เป็นพยำน

2. กำรสอบปำกคำพยำนต้องมีกรรมกำรสอบสวนร่วมสอบสวนไม่นอ้ ยกวำ่ กึ่งหนึ่งของ
จำนวนกรรมกำรสอบสวนทง้ั หมด และใหก้ รรมกำรสอบสวนดงั กล่ำวลงลำยมือชือ่ รบั รอง
ไว้ในบันทึกถ้อยคำนน้ั ดว้ ย

3. ถำ้ ผบู้ นั ทึกถ้อยคำเปน็ กรรมกำรให้คณะกรรมกำรสอบสวนหรอื ผู้ชว่ ยเลขำนกุ ำร
ใหผ้ ู้บนั ทึกถ้อยคำลงลำยมือชื่อท้งั ในฐำนะผูบ้ นั ทกึ ถ้อยคำและผู้รับรองกำรให้ถ้อยคำ

4. ข้อควำมใดไมใ่ ช้ให้ตัดออก

แบบ สว.6

รายงานการสอบสวน

วนั ท่ี............เดือน............................................พ.ศ.............

เรอื่ ง กำรสอบสวน.........(ระบชุ ่ือผถู้ กู กลำ่ วหำ)...........ซ่งึ ถูกกลำ่ วหำว่ำกระทำผดิ วนิ ัยไมร่ ้ำยแรง
เรยี น .......(ผสู้ ง่ั แตง่ ต้ังคณะกรรมกำรสอบสวน).....

ตำมทไ่ี ดม้ คี ำส่ัง.......(ชื่อหน่วยงำนท่อี อกคำส่งั )...........ท่ี........./...............เร่อื ง แตง่ ตัง้ คณะกรรมกำร
สอบสวน ลงวนั ท.ี่ ..........เดอื น.......................พ.ศ............ เพ่ือสอบสวน.............(ระบชุ ่อื ผู้ถูกกล่ำวหำ)................
ซ่ึงถกู กล่ำวหำว่ำกระทำผดิ วนิ ัยไม่ร้ำยแรง ในเรื่อง............................................................
............................................................................................................................. ................................................

ประธำนกรรมกำรสอบสวนได้รบั ทรำบคำส่ังแต่งตง้ั คณะกรรมกำรสอบสวนดงั กลำ่ ว เมอ่ื วนั ท.่ี ............
เดือน.............................พ.ศ....................และคณะกรรมกำรสอบสวนไดส้ อบสวนตำมหลักเกณฑ์และวิธกี ำรท่ี
กำหนดในกฎ ก.ค.ศ. วำ่ ดว้ ยกำรสอบสวนพจิ ำรณำ พ.ศ.2550 เสร็จแลว้ จึงขอเสนอรำยงำนกำรสอบสวน
ดังต่อไปน้ี

1. มลู กรณเี ร่ืองนปี้ รำกฏขน้ึ เนื่องจำก........................................................................................ .......
(มผี รู้ ้องเรียนหรอื มรี ำยงำนวำ่ อย่ำงไร ในกรณที ไี่ ดม้ กี ำรสืบสวนหรอื สอบสวนได้ควำมประกำรใดระบุไว้ดว้ ย)

2. คณะกรรมกำรสอบสวนได้แจ้งและอธิบำยข้อกลำ่ วหำที่ปรำกฏตำมเร่อื งท่ีกล่ำวหำให้.........(ระบุชือ่
ผู้ถกู กล่ำวหำ).................ผ้ถู ูกกลำ่ วหำทรำบแลว้ โดย......(แจง้ และอธิบำยขอ้ กล่ำวหำให้ทรำบวำ่ ได้กระทำกำรใด
เมื่อใด อยำ่ งไร และได้แจง้ โดยวธิ ใี ด)......................................................

3. ............(ระบุช่อื ผู้ถูกกลำ่ วหำ)......ผู้ถกู กล่ำวหำได้ใหถ้ ้อยคำในเบื้องตน้ ว่ำ.................(ใหถ้ อ้ ยคำใน
เบือ้ งต้นว่ำอย่ำงไรหรือไม่ได้ให้ถอ้ ยคำในเบื้องต้นดว้ ยเหตุผลอยำ่ งไร)................................

4. คณะกรรมกำรสอบสวนได้รวบรวมพยำนหลักฐำนท่ีเก่ียวข้องกับข้อกล่ำวหำแล้ว ได้ควำมว่ำ.......
(อธิบำยว่ำได้ควำมว่ำอย่ำงไร ในกรณีที่คณะกรรมกำรสอบสวนไม่สอบสวนพยำนใดตำมข้อ 30 หรืองดกำร
สอบสวนพยำนหลักฐำนใดตำมข้อ 31 ให้ระบุพยำนที่ไม่สอบสวนหรือพยำนหลักฐำนท่ีงดกำรสอบสวนนั้น
พร้อมทงั้ เหตผุ ลไวด้ ้วย)...................................................

5. คณะกรรมกำรสอบสวนได้แจ้งข้อกล่ำวหำและสรุปพยำนหลักฐำนท่ีสนับสนุนข้อกล่ำวหำให้......
(ระบุชื่อผู้กล่ำวหำ)..................ผู้ถูกกล่ำวหำทรำบตำมบันทึกกำรแจ้งข้อกล่ำวหำและสรุปพยำนหลักฐำนที่
สนับสนุนข้อกล่ำวหำ ลงวันที่..........เดือน....................................พ.ศ.........โดย..........(อธิบำยวิธีกำรแจ้งข้อ
กล่ำวหำและสรปุ พยำนหลกั ฐำนทีส่ นบั สนุนข้อกล่ำวหำ).............................................................................

6. คณะกรรมกำรสอบสวนได้ให้โอกำสผู้ถูกกล่ำวหำท่ีจะช้ีแจงแก้ข้อกล่ำวหำ หรือขอให้ถ้อยคำ หรือ
ขอนำสืบแก้ข้อกล่ำวหำ แล้ว...........................(ระบุช่ือผู้ถูกกล่ำวหำ)......................ผู้ถูกกล่ำวหำได้ชี้แจงแก้ข้อ
กล่ำวหำ/ให้ถ้อยคำ/นำสืบแก้ข้อกล่ำวหำ...................(รำยละเอียดเก่ียวกับคำช้ีแจงแก้ข้อกล่ำวหำ หรือกำรให้
ถ้อยคำ หรือกำรนำสืบแก้ข้อกล่ำวหำว่ำอย่ำงไร และในกรณีที่ไม่ได้ดำเนินกำรดังกล่ำวเนื่องจำกเหตุผลอย่ำงไร
และได้นำสืบแก้ขอ้ กล่ำวหำโดยอำ้ งพยำนหลักฐำนซ่ึงคณะกรรมกำรสอบสวนตำมคำขอของผถู้ ูกกล่ำวหำได้ควำม
โดยสรุปว่ำอย่ำงไร ในกรณีทีค่ ณะกรรมกำรสอบสวนไม่สอบสวนพยำนใด หรืองดกำรสอบสวนพยำนหลักฐำนใด
ให้ระบุพยำนที่ไม่สอบสวน หรือพยำนหลักฐำนที่งดกำรสอบสวนนั้นพร้อมทั้งเหตุผลไว้ด้วย และในกรณีที่ผู้ถูก
กล่ำวหำให้ถอ้ ยคำรับสำรภำพ ใหบ้ ันทกึ เหตุผลในกำรรับสำรภำพ (ถำ้ มี) ไวด้ ้วย..........................

2

7. คณะกรรมกำรสอบสวนได้ประชุมพิจำรณำลงมติแล้วเห็นว่ำ........(เปรียบเทียบพยำนหลักฐำนท่ี
สนับสนุนข้อกล่ำวหำกับพยำนหลักฐำนท่ีหักล้ำงข้อกล่ำวหำว่ำจะรับฟังพยำนหลักฐำนใดได้หรือไม่ เพียงใด
โดยอำศัยเหตุผลอย่ำงไร และผู้ถูกกล่ำวหำได้กระทำผิดวินัยอย่ำงไรหรือไม่ ถ้ำผิดเป็นควำมผิดวินัยกรณีใด
ตำมมำตรำใด และควรได้รับโทษสถำนใด หย่อนควำมสำมำรถในอันที่จะปฏิบัติหน้ำท่ีรำชกำร หรือบกพร่องใน
หน้ำที่รำชกำร หรือประพฤติตนไม่เหมำะสมกับตำแหน่งหน้ำท่ีรำชกำรตำมมำตรำ 111 หรือไม่ อย่ำงไร หรือมี
เหตอุ นั ควรสงสัยอยำ่ งยิ่งว่ำผู้ถูกกล่ำวหำได้กระทำผดิ วนิ ัยอย่ำงรำ้ ยแรง แต่กำรสอบสวนไม่ได้ควำมแนช่ ดั พอทจี่ ะ
ฟังลงโทษปลดออก หรือไล่ออก ถ้ำให้รับรำชกำรต่อไปจะเป็นกำรเสียหำยแก่รำชกำรตำมมำตรำ 112 หรือไม่
อยำ่ งไร)..................................................

คณะกรรมกำรสอบสวนจงึ ขอเสนอสำนวนกำรสอบสวนมำเพอ่ื โปรดพจิ ำรณำดำเนินกำรต่อไป

.................(ลำยมือชือ่ ).........................ประธำนกรรมกำร
(................................................................)

.................(ลำยมือชื่อ).........................กรรมกำร
(................................................................)

ฯลฯ
.................(ลำยมอื ช่ือ)....................กรรมกำรและเลขำนุกำร
(................................................................)

................(ลำยมือชือ่ )....................ผชู้ ว่ ยเลขำนกุ ำร
(.............................................................)

หมำยเหตุ 1. กำรพิจำรณำลงมติตำมข้อ 38 ตอ้ งมีกรรมกำรสอบสวนมำประชุมไม่น้อยกวำ่ สำมคนและ
ไม่น้อยกวำ่ กึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมกำรสอบสวนท้ังหมด และให้กรรมกำรสอบสวน
ดังกล่ำวลงลำยมือช่อื ในบนั ทึกน้ี หำกกรรมกำรสอบสวนคนใด มคี วำมเห็นแย้ง .
ใหท้ ำควำมเห็นแย้งแนบไวก้ บั รำยงำนกำรสอบสวน

2. ขอ้ ควำมใดไม่ใชใ้ ห้ตัดออก




























Click to View FlipBook Version