The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by info_dlict, 2022-07-09 03:35:39

กรณีตัวอย่างความผิดวินัย

กรณตี ัวอยา่ งความผิดทางวินยั
ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา

เอกสารลาดบั ที่ 1/2565
กลมุ่ กฎหมายและคดี

สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต ๑
สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

คานา

ด้วย พระราชบญั ญตั ิระเบยี บขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และทแ่ี ก้ไขเพ่ิมเตมิ
หมวด 6 วินัยและการรักษาวินัย และหมวด 7 การดาเนินการทางวินัย ได้กาหนดข้อห้ามและข้อปฏิบัติแบบแผน
ความประพฤติของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพ่ือเป็นกรอบควบคุมความประพฤติให้ข้าราชการและ
บุคลากรทางการศึกษาปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย และมี
ประสทิ ธิภาพ

ปัจจบุ นั พบวา่ มขี า้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาในสังกัดบางราย ยังมีความเข้าใจคลาดเคล่ือน
ในเร่ืองวินัยและการรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณในวิชาชีพ ประกอบกับได้มีการแก้ไขกฎหมายที่
เก่ียวข้องกับการปฏิบัตงิ านราชการจานวนหลายฉบบั

กลุ่มกฎหมายและคดี สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ได้เล็งเห็นความสาคัญ
และจาเป็นในการส่งเสริมและพัฒนาความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองวินัย การรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรม ของ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จึงได้รวบรวมกรณีตัวอย่างการกระทาผิดวินัยข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา ข้ึน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้
ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายและมีประสิทธิภาพ หวังเป็นอย่างย่ิงว่า กรณี
ตัวอย่างการกระทาผิดวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาฉบับน้ี จะเป็นประโยชน์กับข้าราชการครูและ
บคุ ลากรทางการศกึ ษา ได้เป็นอยา่ งดี หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ โอกาสนดี้ ้วย

กลมุ่ กฎหมายและคดี
สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1

สารบญั หนา้
1
กรณีความผดิ ฐานประพฤติชั่ว 6
กรณีความผิดเกย่ี วกับละทิง้ หรอื ทอดทิ้งหน้าทร่ี าชการ 10
กรณคี วามผดิ เกี่ยวกับความสัมพนั ธฉ์ ันช้สู าว 13
กรณีความผดิ เก่ียวกับการเงินและพสั ดุ 18
กรณีความผดิ เก่ยี วกบั การเงนิ และบัญชี 21
คณะทางาน

1

กรณีตัวอยา่ งความผิดทางวนิ ัยของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา

กรณีความผิดฐานประพฤติช่ัว

รายท่ี ๑-๑๒๓/๒๕๕๓ ชื่อ นายชัย ตาแหน่งครู วิทยฐานะครูชานาญการ สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี
การศกึ ษา

กระทาผิดวินัยในเร่ือง เมาสุราในเวลาราชการ ด่าว่าผู้บังคับบัญชาและเพ่ือนร่วมงาน และพยายามใช้
อาวธุ มดี พกทาร้ายเพือ่ นรว่ มงาน

ข้อเท็จจริงได้ความว่า เม่ือวันท่ี ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ขณะท่ีนายชัยอยู่ในห้องพักที่โรงเรียน นายชัยได้
เดินเข้ามาในห้องของนายสุ ในลักษณะมีอาการมึนเมาสุรา เม่ือพบนายสุก็ตะโกนด่าด้วยถ้อยคาไม่สุภาพ เช่น
“ทาไมแกล้งกู ทาไมต้องสั่งหักเงินเดือนกูด้วย” แล้วคว้าป้ายชื่อหินอ่อนบนโต๊ะทางานของนายสุมาไว้ในมือใน
ลักษณะพร้อมที่จะใช้ทุบตีทาร้าย นายสุพูดว่า “ใจเย็นๆมีอะไรพูดคุยกันได้” พร้อมเดินหลบหลีกออกจากห้อง
แต่นายชัยยังได้เดนิ ตาม เมือ่ นายชยั มองเห็นนายศกั ดิ์กาลังเดินลงจากอาคารก็ตะโกนด่าดว้ ยถอ้ ยคาหยาบคาย เช่น
คาว่า “ไอ้เหี้ย” “ไอ้สัตว์” เม่ือนายศักด์ิพูดจาโต้ตอบ นายชัยได้นามีดพกออกจากระเป๋าสะพายพรอ้ มงา้ งออกแล้ว
เดินตรงเข้าหานายศักดิ์ นายศักด์ิพยายามที่จะหลีกเลี่ยง แต่นายชัยกค็ งเดินตามไปติดๆ พรอ้ มถืออาวุธมีดไว้ในมือ
ในลักษณะจะทาร้ายนายศักดิ์ นายศักด์จิ งึ แสดงทา่ ทางจะตอ่ สนู้ ายชยั จึงหยุด แตไ่ ด้ตะโกนด่าดว้ ยถอ้ ยคาหยาบคาย
และหนีออกจากโรงเรียนไป ซ่ีงเหตุการณ์ตามที่เกิดข้ึนเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. ซ่ึงเป็นเวลาราชการแสดงให้เห็น
ว่าเป็นการเมาสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการ จึงทาให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ีราชการได้ จากการเมาสุราของ
นายชัยจงั เปน็ เหตใุ หเ้ สียราชการ

มาตรา ๙๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
พ.ศ. ๒๕๔๗

กรณี กระทาการอนั ไดช้ ื่อวา่ เปน็ ผู้ประพฤตชิ ่วั อย่างร้ายแรง
โทษ ลดขน้ั เงนิ เดอื น ๑ ขัน้
มติ ก.ค.ศ.เพมิ่ โทษจากโทษลดขน้ั เงนิ เดือน ๑ ขั้น เป็นโทษปลดออกจากราชการ

ประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๓
เมอื่ วนั ที่ ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓

2

รายที่ ๑-๑๒๕/๒๕๕๖ ชื่อ นายปราบ ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชานาญการ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่
การศกึ ษาประถมศกึ ษา

กระทาผิดวินัยในเรื่อง มียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) และประเภท ๕ (กัญชา) ไว้ในครอบครอง
เพอื่ จาหนา่ ย และมอี าวธุ ปนื เครอื่ งกระสนุ ไวใ้ นครอบครองโดยไม่ได้รบั อนญุ าต

ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายปราบถูกเจ้าหน้าที่ตารวจจับกุมและดาเนินคดีในข้อหากระทาผิดอาญากรณีมี
ยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพ่ือจาหน่าย และจาหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต มียาเสพติด
ให้โทษประเภท ๕ (กญั ชา) ไวใ้ นครอบครอง โดยไม่ไดร้ บั อนุญาต และมีอาวุธปืนและเครือ่ งกระสุนไว้ในครอบครอง
โดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมาศาลจังหวัดพังงา ได้มีคาพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจาคุกนายปราบเป็นเวลา ๗ ปี
๑๒ เดือน ๑๕ วัน และปรับ ๔๐๐,๐๐๐ บาท

มาตรา ๙๔ วรรคสอง แหง่ พระราชบัญญัตฟิ ระเบยี บขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี มยี าเสพตดิ
โทษ ไล่ออกจากราชการ
มติ รับทราบ

ประชมุ ครง้ั ที่ ๑๐/๒๕๕๖
เม่อื วนั ท่ี ๑๗ ต.ค. ๒๕๕๖

รายท่ี ๑-๐๕๖/๒๕๕๖ ชอื่ นาย ศ ตาแหนง่ ครู สังกัดสานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษา
กระทาผิดวินัยไม่ร้ายแรงในเรื่อง เสพยาเสพติด (ยาบ้า) ในขณะท่ีดื่มสุรากับเพ่ือโดยสูดดมควันจากเพื่อน
ทเ่ี สพยาเสพตดิ (ยาบา้ )
ข้อเท็จจริงได้ความว่า นาย ศ ได้เสพยาเสพติดจริง ตามท่ีปรากฏในคาพิพากษาของศาลจังหวัด การให้
ถ้อยคาแก้ข้อกล่าวหาของนาย ศ ว่าไม่ได้เสพยาบ้าโดยตรง เพียงแต่สูดดมควันจากเพื่อท่ีเสพยาเสพติดยาบ้าใน
ขณะท่ีร่วมด่ืมสุราด้วยกนเท่านั้น แต่ไม่สามารถหาพยานมายืนยันได้ เพราะทุกคนท่ีอยู่ในวงสุราไม้กล้ามาเป็น
พยาน กลัวความผิดไม่มีเหตุผลเพียงพอ เพราะคาให้การดังกล่าวสามารถยกข้ึนต่อสู้ในศาลเพ่ือความบริสุทธ์ิของ
ตนได้ แต่นาย ศ ได้รับสารภาพว่าได้เสพยาเสพติด (ยาบ้า) ต้ังแต่ช้ันสอบสวนและในช้ันศาล คาสารภาพดังกล่าว
นาไปสู่การพิจารณาของศาล คือ จาคุก นาย ศ ๘ เดือน และปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท นาย ศ ให้การรับสารภาพเป็น
ประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ก่ึงหน่ึง คงจาคุก ๔ เดือน ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท ไม่ปรากฏ
ว่าจาเลยได้รับโทษจาคุกมาก่อน โทษจาคุกให้รอการลงโทษไว้มีกาหนด ๒ ปี กับให้คุมความประพฤติโดยให้ไป
รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ ๔ ครั้ง ภายใน ๑ ปีแรก ทางานบริการสังคม หรือสาธารณะประโยชน์ ตามท่ี
จาเลยและพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร เป็นเวลา ๒๔ ชั่วโมง และห้ามนาย ศ เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ทุกประเภท
มาตรา ๙๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗
กรณี เสพยาเสพตดิ

โทษ ปลดออกจากราชการ 3
มติ รับทราบ
ประชมุ ครงั้ ท่ี ๕/๒๕๕๖
เมอ่ื วนั ที่ ๑๖ พ.ค. ๒๕๕๖

รายท่ี ๑-๐๔๐/๒๕๕๔ ชื่อนางลักษณ์ ตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรียน วิทยฐานะผู้อานวยการชานาญการ
สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา

กระทาผิดวินัยในเรื่อง ทาร้ายร่างกายนางวรรณ และกระชากคอเสื้อนายศักดิ์ รองผู้อานวยการสานักงาน
เขตพื้นที่การศกึ ษา ขณะท่มี กี ารชุมนมุ ขับไล่นางลักษณ์ ทาให้นางวรรณ ฟอ้ งเปน็ คดอี าญา

ข้อเทจ็ จริงได้ความว่า นางลักษณ์ถูกผู้นาหมู่บ้าน และผู้ปกครองนักเรียน ประมาณ ๑๒๓๐ คน เดินขบวน
ชุมนุมขับไล่ที่หน้าสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ได้กล่าวโจมตีถึงพฤติกรรมในการปฏิบัติหน้าท่ีท่ีไม่เหมาะสมของ
นางลักษณ์หลายประการ และในวันดังกล่าวนายศักด์ิ รองผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา กาลังเจรจา
และทาความเขา้ ใจกับผชู้ ุมนุมที่หน้าสานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษา ทันใดนั้นนางลักษณ์ได้เดินไปหานายศักดิ์และได้
กระชากเสื้ออย่างรุนแรง ต่อหน้าผู้ปกครองนักเรียนและประชาชนที่มายืนดูเหตุการณ์และพูดว่า “มึงนี้แหละคือ
ไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุม” ในขณะเดียวกันนั้น นางวรรณปฏิบัติหน้าท่ีหน้าห้องผู้อานวยการสานักงานเขต
พ้ืนท่ีการศึกษาไดเ้ ดินมาท่ีชุมนุมห้ามไม่ให้นางลักษณ์เขา้ มาว่นุ วาย เพราะเหน็ ว่านายศักด์ิกาลังเจรจาเพื่อทาความเข้าใจ
กับผู้ชุมนุมอยู่ ทันใดน้ัน นางลักษณ์ได้กระชากแขนซ้ายของนางวรรณมากัดจนได้รับบาดเจ็บ นางวรรณได้ไปแจ้ง
ความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตารวจภูธรอาเภอเพ่ือดาเนินคดีแก่นางลักษณ์ ซ่ึงศาลจังหวัดพิพากษา
เมื่อวันท่ี ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ว่าจาเลย (นางลักษณ์) กระทาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๙๑
ลงโทษปรับ ๑,๐๐๐ บาท

มาตรา ๙๔ วรรคหน่ึง แหง่ พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี ไม่รักษาชื่อเสียงและเกียรติศักด์ิของตาแหน่งหน้าท่ีราชการของตน กระทาการอันได้ช่ือว่าเป็น
ผู้ประพฤตชิ ั่ว
โทษ ลดขัน้ เงนิ เดือน ๑ ขัน้ และติดตามความประพฤติเป็นเวลา ๑ ปี
มติ รบั ทราบ

ประชมุ คร้ังท่ี ๕/๒๕๕๔
เม่อื วนั ท่ี ๑๘ ม.ี ค. ๒๕๕๔

4

รายที่ ๑-๐๙๖/๒๕๕๓ ช่อื นางสุขศรี ตาแหน่งครู สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา
กระทาผิดวินัยในเรื่อง ต้องหาคดีอาญาข้อหายักยอกรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ของผู้อื่นเหตุเกิดท่ี
ต่างจังหวัด เม่ือวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๐ ซ่ึงพนักงานสอบสวนสถานีตารวจภูธรอาเภอได้รับคาร้องทุกข์ของ
ผู้เสียหายไว้ดาเนินคดี ตามคดีอาญา ๑๙๓๘/๒๕๕๐ และมีพฤติกรรมร่วมกับพวก ทาสัญญาเช่ารถยนต์ของผู้อ่ืน
แลว้ ไม่นารถยนตส์ ง่ คืนแก่เจา้ ของรถยนต์จานวนหลายคัน
ข้อเท็จจริงได้ความว่า นางสุขศรีได้ทาการเช่ารถเก๋งจากผู้ให้เช่ารถในหลายจังหวัดและไม่ส่งคืนรถให้แก่
ผู้ให้เช่า จนมีการแจ้งความต่อสถานีตารวจและฟ้องคดีอาญาต่อศาลจังหวัด โดย นางสุขศรีได้กระทาการเช่ารถใน
ราคาวันละ ๑,๐๐๐ บาท รวม ๑๐ วนั รวมเป็นเงนิ ๑๐,๐๐๐ บาท แล้วเมื่อถึงเวลาต้องสง่ รถคืนนางสุขศรไี ม่ส่งคืน
ระหว่างนั้นนางสุขศรีก็ได้ทาการเช่ารถดังกล่าวในอีกหลายจังหวัด และนอกจากนั้นนายวงศ์ซึ่งเป็นสามีและ
นายวฒั น์ซ่ึงเป็นบุตรได้กระทาการในลักษณะเดยี วกบั นางสุขศรี โดยการกระทาดังกลา่ วเป็นการกระทาในลักษณะ
เป็นขบวนการ เมื่อนายวัฒน์ไปเชา่ รถเก๋งกับผู้ใหเ้ ชา่ นางสุขศรีจะเป็นผู้ค้าประกันโดยการถา่ ยบตั รข้าราชการใช้ใน
การคา้ ประกันเพ่ือให้เกิดความน่าเชื่อถือ ในทานองเดียวกนั นายวงศ์ซึ่งเป็นสามีก็เช่ารถและไม่สง่ คืนเช่นกัน โดยมี
นางสุขศรีเป็นผู้ค้าประกันเช่นกัน ครอบครัวของนางสุขศรีได้กระทาการเช่ารถและไม่นาส่งคืน ในหลายจังหวัด
จานวนรถทีน่ าไปรวมประมาณ ๓๔ คัน
มาตรา ๙๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญตั ิระเบยี บขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี กระทาการอันไดช้ ่ือว่าเปน็ ผู้ประพฤติชว่ั อยา่ งรา้ ยแรง
โทษ ลดโทษใหว้ า่ กล่าวตักเตอื น
มติ ก.ค.ศ. ให้ลงโทษไลอ่ อกจากราชการ

ประชมุ ครง้ั ท่ี ๗/๒๕๕๔
เมอื่ วนั ท่ี ๒๙ เม.ย. ๒๕๕๔

รายท่ี ๑-๑๖๕/๒๕๕๔ ชื่อ นายวทิ ตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรยี น วิทยฐานะชานาญการ สงั กดั สานกั งาน
เขตพื้นท่กี ารศกึ ษา

กระทาผดิ วินัยในเร่ือง ทาร้ายร่างกายผู้อ่ืนจนถูกฟ้องคดีอาญาในขอ้ หาทาร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิด
อันตรายแก่กาย จติ ใจ

ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายวิทไปน่ังด่ืมสุราที่ร้านอาหารจนเกิดเร่ืองทะเลาะวิวาทถึงข้ันทาร้ายร่างกาย
ข้าราชการครดู ว้ ยกนั จนถงึ ขนั้ ใชข้ วดเบยี ร์ตศี รี ษะคกู่ รณีไดร้ ับบาดเจบ็ เยบ็ ๓ เขม็

5

มาตรา ๘๘ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๙๔ วรรคหน่ึง แหง่ พระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๗

กรณี ไม่ประพฤติเป็นแบบอย่างท่ีดีแก่ผู้เรียน ชุมชน สังคม ไม่มีความสุภาพเรียบร้อย ไม่รักษาความสามัคคี
ระหว่างขา้ ราชการด้วยกนั และกรณไี ม่รกั ษาช่ือเสียงและเกยี รติศกั ดิ์ของตาแหน่งหนา้ ทีร่ าชการของตน

โทษ งดโทษ (ทาทัณฑ์บน)
มติ ก.ค.ศ. สั่งลงโทษตัดเงินเดือน จานวน ๕ % เป็นเวลา ๑ เดอื น และใหต้ ติ ามความประพฤติเป็นเวลา ๑ ปี

ประชุมครงั้ ที่ ๑๗/๒๕๕๔
เม่ือวันท่ี ๒๘ ก.ย. ๒๕๕๔

6

กรณคี วามผิดเก่ียวกับละทิง้ หรอื ทอดท้ิงหน้าทรี่ าชการ

รายที่ ๑-๐๘๗/๒๕๕๕ ชือ่ นายสงกรานต์ ตาแหนง่ ครู สังกัดสานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา
กระทาผิดวินัยในเรื่อง ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการตั้งแต่วันที่ ๒ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒ โดยไม่มีเหตุ
อันสมควรแตภ่ ายหลังไดก้ ลบั มาปฏิบตั หิ นา้ ท่รี าชการอีก
ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายสงกรานต์ไม่ม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตั้งแต่วันท่ี ๒ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒
โดยเข้าใจว่านกั เรยี นสอบปลายภาคเสร็จแล้ว แต่เมอื่ เปิดภาคเรยี นแล้วได้มาปฏิบตั หิ น้าทีร่ าชการตามปกติ
มาตรา ๘๗ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบยี บข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี ละท้งิ หนา้ ท่รี าชการติดตอ่ ในคราวเดยี วกนั เปน็ เวลาเกินกวา่ สบิ หา้ วนั โดยไมม่ เี หตอุ ันสมควร
โทษ ปลดออกจากราชการ
มติ รับทราบ

ประชมุ ครง้ั ที่ ๖/๒๕๕๕
เมื่อวนั ท่ี ๑๗ พ.ค. ๒๕๕๕

รายที่ ๑-๑๑๐/๒๕๕๕ ช่อื นายสุนทร ตาแหนง่ ครู สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
กระทาผิดวินัยในเร่อื ง ละทิ้งหนา้ ท่ีราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกวา่ สบิ ห้าวัน และไม่กลับมา
ปฏบิ ัติหนา้ ที่ราชการอีกเลย
ขอ้ เท็จจริงได้ความว่า นายสุนทรไม่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ราชการตั้งแต่วันท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป
และไม่กลับมาปฏบิ ตั ิหน้าทรี่ าชการอกี เลย
มาตรา ๘๗ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบียบขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
โดยมพี ฤตกิ ารณ์อันแสดงถงึ ความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบยี บของทางราชการ
โทษ ปลดออกจากราชการ
มติ เพม่ิ โทษจากปลดออกจากราชการ เปน็ โทษไลอ่ อกจากราชการ

ประชมุ คร้ังที่ ๗/๒๕๕๕
เมือ่ วนั ท่ี ๑๔ ม.ิ ย. ๒๕๕๕

ช่ือ นาย พ ตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรียน วิทยฐานะอานวยการชานาญการพิเศษ สังกัดสานักงานเขต
พื้นท่กี ารศกึ ษา

ข้อเท็จจริงได้ความว่า นาย พ ตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรียน ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยอ้างว่าไป
ประชุม สัมมนา หรือไปศึกษาดูงานโรงเรียนในเครือข่าย โดยผู้บังคับบัญชาไม่อนุญาต แต่กลับมาลงเวลาปฏิบัติ
ราชการย้อนหลังหลายครั้ง และด่ืมสุราในเวลาราชการ ทาให้คณะกรรมการสถานศึกษา เครือข่ายผู้ปกครองเกิด

7

ความไม่พอใจท่ีผู้อานวยการไม่อยู่ปฏิบัติหน้าท่ี ไม่ได้ทาหน้าท่ีในการพัฒนาโรงเรียน หรอื ดูแลการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีของ
ข้าราชการครูในโรงเรียน จึงได้ทาหนังสือร้องเรียนต่อผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาให้ ตรวจสอบ
พฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาได้ต้ังคณะกรรมการสอบสวนแล้วเห็นว่า นาย พ
ได้กระทาผดิ จริง

มาตรา ๘๕ มาตรา ๘๗ วรรคสองและมาตรา ๙๔ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗

กรณี ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ กรณีละทิ้งหน้าท่ี
ราชการโดยไม่มีเหตุผลอนั สมควร และกรณีกระทาการอนั ได้ชือ่ ว่าเป็นผูป้ ระพฤติชั่ว

โทษ ลดขัน้ เงนิ เดอื น ๑ ข้ัน และให้ตดิ ตามความประพฤตเิ ป็นเวลา ๑ ปี
มติ รบั ทราบ

ท่มี า กลุ่มประชาสมั พันธแ์ ละการเผยแพร่ สานกั งาน ก.ค.ศ.
คอลัมน์ สถานี ก.ค.ศ. หนงั สอื พิมพม์ ตชิ น ฉบบั วนั ท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๘

รายที่ ๑-๑๐๘/๒๕๖๓ ช่ือ นายแทน ตาแหน่งนักทรพั ยากรบคุ คล สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษา
กระทาผิดวินัยในเรื่อง ไม่มาปฏิบัติหน้าท่ีราชการ ช่วงท่ี ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ ถึงวันท่ี
๗ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เปน็ เวลา ๑๙ วนั ตดิ ต่อกนั ช่วงท่ี ๒ ต้ังแตว่ ันท่ี ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๑ ถึงวันท่ี ๑๓ สงิ หาคม ๒๕๕๑
เป็นเวลา ๒๘ วัน ติดต่อกัน และช่วงท่ี ๓ ต้ังแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๑ ถึงวันท่ี ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๑ รวม ๔๑ วัน
ติดตอ่ กนั โดยไม่มเี หตผุ ลอันสมควร
ขอ้ เท็จจริงไดค้ วามว่า นายแทนไม่มาปฏิบัติหน้าทีราชการติดต่อในคราวเดียวกนั เกนิ กว่าสิบห้าอยู่ ๓ ช่วง
ระยะเวลาคอื ตงั้ แต่วันที่ ๑๙ มถิ ุนายน ๒๕๕๑ ถึงวันท่ี ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เป็นเวลา ๑๙ วนั ตดิ ต่อกนั วันท่ี ๑๗
กรกฎาคม ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๑ รวม ๒๘ วนั และวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๑
รวม ๔๑ วัน ซึ่งรวมระยะเวลาที่ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการทั้งสามช่วงระยะเวลา จานวน ๘๘ วัน และยังปรากฏ
ข้อเท็จจริงว่า นายแทนได้เคยถูกลงโทษตัดเงินเดือนและลดขั้นเงินเดือน กรณีละทิ้งหน้าที่ราชการแล้ว ๒ ครั้ง
เปน็ การกระทาผิดซ้าซาก ไมเ่ ขด็ หลาบ

มาตรา ๘๗ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
พ.ศ. ๒๕๔๗

กรณี ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาดเกินกว่าสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุผล
อันสมควร

โทษ ปลดออกจากราชการ

8

มติ ก.ค.ศ. เพ่ิมโทษจากโทษปลดออกจากราชการ เปน็ โทษไล่ออกจากราชการ
ประชุมครัง้ ท่ี ๘/๒๕๕๓
เมอ่ื วันท่ี ๒๐ ส.ค. ๒๕๕๓

รายที่ ๑-๑๗๘/๒๕๕๓ ชอื่ นายม่วง ตาแหน่งครู สังกัดสานักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษา
กระทาผิดวินัยในเรื่อง ไม่มาปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ประจาสถานศึกษาเวลากลางคืนของวันศุกร์ที่ ๗
ธนั วาคม ๒๕๕๐
ขอ้ เท็จจรงิ ได้ความว่า นายม่วงมิได้มาปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ประจาสถานศึกษาในเวลากลางคืนของ
วันศกุ ร์ท่ี ๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ เพราะเข้าใจผิดว่าตนเพิ่งอยู่เวรในวันองั คารท่ี ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ นายม่วงไม่มี
เจตนาที่จะไม่มาอยู่เวรรักษาการณ์ประจาสถานศึกษาในวันดังกล่าว อีกทั้งนายม่วง มีพฤติกรรมท่ีไม่มาปฏิบัติ
หน้าท่ีเวรรักษาการณ์ประจาสถานศึกษาในเวลากลางคืนปี ๒๕๔๙ หลายครั้ง ผบู้ ังคบั บัญชาได้ดาเนินการทางวินัย
แก่นายม่วงมาคร้ังหนึ่งแล้ว โดยการงดโทษและให้ว่ากล่าวตักเตือนเป็นหนังสือ ซึ่งนายม่วงจะต้องมีความ
ระมัดระวังและอาใจใส่ในเรื่องการอยู่เวรดังกล่าวให้มาก เพื่อมิให้เกิดการกระทาความผิดซ้าอีก แต่ก็มาเกิด
เหตุการณข์ น้ึ
มาตรา ๘๕ วรรคหน่ึง และมาตรา ๘๗ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบียบขา้ ราชการครแู ละบุคลากร
ทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงาน
การศึกษา และกรณลี ะทิง้ หนา้ ทีร่ าชการโดยไมม่ เี หตอุ ันสมควร
โทษ งดโทษ ให้วา่ กล่าวตกั เตือน
มติ ก.ค.ศ. ให้ลงโทษภาคทัณฑ์

ประชมุ ครงั้ ท่ี ๑๔/๒๕๕๓
เม่อื วันท่ี ๒๖ พ.ย. ๒๕๖๗๓

รายที่ ๑-๐๓๑/๒๕๕๔ ชอ่ื นางเพญ็ ตาแหน่งครูผู้ช่วย สังกดั สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา
กระทาผดิ วินยั ในเรื่อง ละท้ิงหนา้ ท่ีราชการและไม่กลบั มาปฏบิ ัติหน้าที่ราชการอกี เลย
ข้อเท็จจริงได้ความว่า นางเพ็ญ ซ่ึงอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มไม่มาปฏิบัติ
ราชการต้ังแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน คณะกรรมการสอบสวนได้พยายามติดต่อ
นางเพ็ญ และสอบถามญาตขิ องนางเพญ็ แตไ่ มท่ ราบว่านางเพ็ญไปอยู่ ณ ที่ใด และไม่สามารถตดิ ตอ่ ได้

9

มาตรา ๘๗ วรรคสอง แห่งพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี ละทงิ้ หน้าท่ีราชการติดตอ่ ในคราวเดียวกันเปน็ เวลาเกนิ กวา่ สบิ หา้ วัน โดยไมม่ เี หตุผลอันสมควร
โทษ ไล่ออกจากราชการ
มติ รบั ทราบ

ประชุมครง้ั ท่ี ๔/๒๕๕๔
เมอ่ื วนั ที่ ๓ มี.ค. ๒๕๕๔

10

กรณคี วามผิดเก่ียวกับความสัมพนั ธฉ์ นั ชู้สาว

รายที่ ๑-๑๐๖/๒๕๕๓ ชื่อ นายกร ตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรียน วิทยฐานะผู้อานวยการชานาญการพิเศษ
สงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน

กระทาผิดวินัยในเร่ือง ไม่ค่อยมาปฏิบัติหน้าท่ีราชการ มีพฤติกรรมชู้สาวกับนางสาวฤดี และทาร้าย
ร่างกายนางพร ภรรยาของตน

ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายกรได้อยู่กินฉันสามีภรรยาโดยถูกต้องตามกฎหมายกับนางพร ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๒
เป็นต้นมา มีการจดทะเบียนหย่าเม่ือปี พ.ศ.๒๕๔๐ และจดทะเบียนสมรสอีกครั้งในปีเดียวกัน และได้มีการติดต่อ
พูดคยุ กับนางสาวฤดี นักศึกษาของมหาวิทยาลัยต้ังแต่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๕ สาเร็จการศึกษา ๙ ธันวาคม ๒๕๕๑
และได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวถึงขั้นได้เสียกับนางสาวฤดีที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ - ๒๕๔๘
นางพร ภรรยาได้ขอร้องและห้ามบุคคลทง้ั สองให้เลิกติดตอ่ กันหลายครั้ง แต่กลับไม่ยอมเลิก สดุ ท้ายนางพร ได้ฟ้องคดี
ต่อศาลเยาวชนและครอบครวั เรียกร้องค่าเสียหายทท่ี าใหค้ รอบครัวตนเดือดร้อน ศาลพิพากษาให้นางสาวฤดี ชดใช้
ค่าทดแทนเปน็ เงนิ ๓๐๐,๐๐๐ บาท

ส่วนเรื่องทาร้ายร่างกายปรากฏตามบันทึกการแจ้งความร้องทุกข์ เม่ือวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๒ ระบุว่า
สามีของตนกระชากกระเป๋าสะพาย จึงยื้อแยง่ เสียหลกั ล้มลง นายกรได้ลากนางพร ล้มลงได้รับบาดเจ็บ ฟังไม่ได้ว่า
มเี จตนาท่ีจะทารา้ ย

มาตรา ๙๔ วรรคสาม แห่งพระราชบญั ญตั ิระเบียบขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี ล่วงละเมดิ ทางเพศตอ่ ผู้เรยี นหรือนักศกึ ษาไมว่ า่ จะอย่ใู นความผิดชอบของตนหรือไม่
โทษ ตัดเงินเดอื น ๕ % เป็นเวลา ๒ เดอื น
มติ ก.ค.ศ.เพ่มิ โทษจากโทษตดั เงนิ เดือน ๕ % เป็นเวลา ๒ เดอื นเปน็ โทษปลดออกจากราชการ

ประชมุ ครงั้ ท่ี ๘/๒๕๕๓
เมอื่ วันท่ี ๒๐ ส.ค. ๒๕๕๓

รายที่ ๑-๐๐๔/๒๕๕๔ ชื่อ นางทอง ตาแหน่งครู วิทยฐานะครูชานาญการ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษา

กระทาผดิ วนิ ัยในเรื่อง มีพฤติกรรมสนทิ สนมกับนายเงิน ซึง่ เปน็ สามโี ดยชอบของผู้อ่ืน แต่ไม่มพี ฤตกิ รรมถึง
ขั้นไดเ้ สีย

ข้อเท็จจริงได้ความว่า เม่ือครั้งนายเงินเป็นผู้บังคับบัญชาของนางทอง บุคคลท้ังสองมีพฤติกรรมสนิทสนม
กันโดยไปไหนด้วยกันและมีพยานเห็นว่า นางทองมักจะน่ังซ้อนรถจักรยานยนต์ของนายเงินเวลาไปไหนด้วยกัน
และจากผลการสอบสวนปรากฏอีกว่า นายเงินเป็นคนเจ้าชู้ ดังนั้น เม่ือเห็นนางทองเป็นหญิงหม้าย (สามีเสียชีวิต)
นายเงินก็ไปแสดงอาการเจ้าชู้กับนางทอง แต่ไม่ปรากฏว่านางทองและนายเงินมีความสนิทสนมกันจนถึงขั้นได้เสีย
คงมีพฤติกรรมเพียงแค่นางทองไปไหนด้วยกันกับนายเงินบ่อยครั้ง จนเป็นเหตุให้ภรรยานายเงินหึงหวง จึงทา
หนงั สอื รอ้ งเรยี นนายเงนิ ตอ่ ผู้บงั คับบัญชา

11

มาตรา ๙๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี ไมร่ ักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิข์ องตาแหนง่ หน้าท่รี าชการของตน
โทษ งดโทษให้วา่ กลา่ วตกั เตอื น
มติ ก.ค.ศ.ใหล้ งโทษภาคทณั ฑ์

ประชมุ ครัง้ ที่ ๑๕/๒๕๕๔
เมอ่ื วนั ท่ี ๗ ม.ค. ๒๕๕๔

รายที่ ๑-๑๗๖/๒๕๕๔ ช่ือ นางภัทร ตาแหน่งครู วิทยฐานะครูชานาญการ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศกึ ษา

กระทาผิดวินัยในเร่อื ง มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับนายกิต สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของ นางขนิษ ถึงข้ันไป
รว่ มหลับนอนด้วยกนั แมท้ างสานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาจะไดม้ ีการแต่งตั้งคณะกรรมการขน้ึ สืบสวนเกย่ี วกับกรณี
ดังกลา่ ว แต่นางภัทรก็ไมห่ ยดุ พฤตกิ รรม เปน็ เหตุให้นางขนิษภรรยาของนายกติ ได้รับความเดือดร้อน

ข้อเท็จจริงได้ความว่า นางขนิษภรรยาของนายกิต ได้ทาหนังสือร้องเรียนต่อผู้อานวยการสานักงานเขต
พื้นที่การศึกษา กลา่ วหานางภัทรมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับความเป็นครู คือ มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของ
ตน ทาให้ได้รับความเดอื ดรอ้ น ประกอบกับนางขนิษผู้รอ้ งได้ร้องเรียนวา่ ได้พบบุคคลทั้งสองท่ีรสี อร์ทแถวชานเมือง
ส่วนคาพิพากษาของศาลจังหวัดแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ฟังได้ว่านางภัทรได้กระทาการอันเป็นการปกปิด
แอบลักลอบกระทาการในท่ีลับ โดยนัดพบกับนายกิตตามคาขอร้องของนายกิตที่รีสอร์ทแถวชานเมือง ซ่ึงผู้ดูแล
รสี อรท์ ให้การวา่ โดยปกติจะมีคนมาพกั เปน็ ครูเพ่อื หลับนอนกนั

มาตรา ๙๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบยี บข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี กระทาการอันได้ช่อื ว่าเปน็ ผปู้ ระพฤตชิ ัว่ อยา่ งรา้ ยแรง
โทษ งดโทษใหว้ า่ กล่าวตักเตอื น
มติ ก.ค.ศ.ให้ลงโทษปลดออกจากราชการ

ประชุมครั้งที่ ๑๘/๒๕๕๔
เมื่อวนั ท่ี ๗ ต.ค. ๒๕๕๔

รายที่ ๑ -๑๙๐/๒๕๕๓ ช่ือ นางเหลือ ตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรียน วิทยฐานะผู้อานวยการชานาญการพิเศษ
สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา

กระทาผิดวินัยในเรื่อง เมื่อครั้งดารงตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรียน มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับภริยา
โดยชอบด้วยกฎหมายของผอู้ ืน่ เป็นเหตใุ หค้ รอบครัวผ้อู ่ืนเดือดรอ้ น

ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายเหลืองมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ได้รู้จักกับนางเขียว ภริยาโดยชอบ
ดว้ ยกฎหมายของนายดา ซึง่ เปน็ ลูกจา้ งของโรงเรยี นตั้งแต่ยา้ ยมาดารงตาแหนง่ ผู้อานวยการโรงเรียน ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๙
เมื่อมาทางานร่วมงานกันนายเหลืองได้ให้ความสนิทสนมในทางชู้สาวกับนางเขียว โดยมีพฤติการณ์เดินไปหา
นางเขียวท่ีอาคารเอนกประสงคข์ องโรงเรียน ซง่ึ ใช้เป็นท่ีประกอบอาหารและจัดเล้ยี งอาหารกลางวันให้กบั นกั เรียน

12

บ่อยครั้ง บางครั้งช่วงนางเขียวประกอบอาหาร ช่วยตักอาหารแจกนักเรียน พูดจาหยอกล้อกับนางเขียวต่อหน้า
ข้าราชการครู จับมือและโอบกอดนางเขียวในขณะช่วยนางเขียวประกอบอาหาร หลังจากนั้นนางเขียวก็มี
พฤติกรรมเปลี่ยนไป หลังโรงเรียนเลิกจะอยู่กันโดยลาพังสองต่อสองกับนายเหลืองไปทางานในวันเสาร์ วันอาทิตย์
จะปรนนบิ ัติเอาใจใสน่ ายเหลืองเป็นพเิ ศษ โดยจัดเตรียมอาหารให้ทุกมอื้ รวมท้งั อาหารว่างใหก้ บั นายเหลือง ทั้งคู่จะ
นัดแนะกันออกนอกโรงเรียนในช่วงบ่าย โดยผลัดกันเข้าออกจากบริเวณโรงเรียน ท้ังคู่จะเดินทางกลับเข้ามา
โรงเรียนก่อนเวลาโรงเรียนเลิก และเม่ือนางเขียวกลับบ้านพักแล้ว นายเหลือจะโทรศัพท์พูดคุยนัดหมายกับ
นางเขียวแล้วจะขับรถยนต์ไปรับนางเขียวออกจากบ้าน แล้วจะพากลับมาส่งในช่วงเวลาระหว่าง ๒๑.๐๐ - ๒๒.๐๐ น.
บ่อยๆ มีอยู่คร้ังหน่ึงนายขาวบุตรชายนางเขียวได้ขับข่ีรถจักรยานยนต์สะกดรอยตามทั้งคู่ออกไปพบว่านายเหลือง
ได้พานางเขียวไปในโรงแรมม่านรดู นายขาวได้จอดรถซุ่มดูเป็นเวลานานไม่เห็นบุคคลท้ังสองกลับออกมา นายขาว
จึงเดินทางกลับบ้านและวันนั้นนายเหลืองได้พานางเขียวมาส่งที่บ้านเวลาประมาณ ๒๒.๐๐ น. หลังจากนั้น
เม่ือเดือนมีนาคม ๒๕๕๑ นางเขียวได้ขนย้ายข้าวของออกจาบ้าน ช่วงแรกไปพักอาศัยกับน้องชาย หลังจากนั้น
อีกประมาณ ๒ - ๓ เดือน นางเขียวกไ็ ปเชา่ บา้ นพักเพยี งลาพังโดยนายเหลืองเทยี วไปรบั – ไปส่งเป็นประจา

มาตรา ๙๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบยี บขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗
กรณี กระทาการอน่ื อันไดช้ ื่อวา่ เปน็ ผูป้ ระพฤติช่ัวอยา่ งร้ายแรง
โทษ ภาคทัณฑ์
มติ ก.ค.ศ. เพ่มิ โทษจากโทษภาคทัณฑ์ เป็นโทษไลอ่ อกจากราชการ

ประชุมครง้ั ที่ ๑๖/๒๕๕๓
เมอื่ วันที่ ๑๗ ธ.ค. ๒๕๕๓

13

กรณีความผิดเก่ียวกบั การเงินและพัสดุ

รายที่ ๑-๑๕๙/๒๕๕๓ ช่ือ นายเน ตาแหน่งนักทรพั ยากรบุคคล สงั กัดสานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา
กระทาผิดวินัยในเรือ่ ง ยืมเงินทดรองราชการ จานวน ๗๖,๗๐๐ บาท เพ่ือเป็นค่าใช้จ่ายในการ จัดประชุม
คณะกรรมการประเมินผลงานทางวิชาการ แล้วไม่ส่งใช้เงินยืมภายในกาหนดเวลา จนมีหนังสือเตือนจาก
ผบู้ งั คบั บัญชา จงึ สง่ ใช้เงนิ ยืม
ขอ้ เท็จจริงได้ความว่า เม่ือวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๑ นายเนได้มีบันทึกขอ้ ความเร่อื ง ขออนุมัติยืมเงนิ ทดรอง
ราชการ เพื่อเป็นค่าใชจ้ ่ายในการจดั ประชุมคณะกรรมการประเมินผลงานที่เกิดจากการปฏบิ ัติหน้าท่ีสาหรับวิทยฐานะ
ชานาญการพิเศษ สาขาการบริหารการศึกษา และสาขานิเทศการศึกษา ในวันที่ ๒๕ และ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๑
ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏ เป็นจานวน ๗๖,๗๐๐ บาท (เจ็ดหมื่นหกพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน) โดยมอบเงิน
เป็นจานวน ๔๐,๐๐๐ บาท (ส่ีหม่ืนถ้วน) ให้นายสม หัวหน้ากลุ่มงานในบานะเลขานุการในการจัดประชุมเก็บไว้
เม่ือถึงเวลาท่ีผู้ยืมจะต้องส่งหลักฐานการจ่ายและเงินเหลือจ่ายที่ยืมไป นายเนยังไม่ส่งหลักฐาน เจ้าหน้าท่ีได้ทวงถาม
ด้วยวาจาหลายคร้ัง แตน่ ายเนไม่นาหลักฐานมาให้ ผูบ้ ังคับบัญชาได้เตอื นเป็นหนังสือ นายเน ยังไม่สง่ หลักฐานตาม
กาหนด โดยอ้างเหตุผลการส่งล่าช้าเพราะรอเอกสารจากนายสม ประกอบกับกรรมการบางท่านลงนามในเอกสาร
ไม่ครบทุกรายการต้องประสานให้ลงนามครบ และตนติดภารกิจช่วยงานศพของน้าและเข้ารับการประชุม
เสวนาการจัดทาข้อมูลทะเบียนประวัติและดาเนินการจัดอบรม ต่อมาเมื่อล่วงเลยกาหนดเวลาแจ้งเตือน คร้ังท่ี ๒
จงึ ไดน้ าหลักฐานมาส่งคนื ในวนั ที่ ๓๐ สิหาคม ๒๕๕๑
มาตรา ๘๖ วรรคหน่ึง แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี ไม่ปฏิบัติตามคาส่ังของผู้บังคับบัญชาซึ่งส่ังในหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทาง
ราชการ
โทษ ตดั เงินเดอื น ๕% เป็นเวลา ๑ เดอื น
มติ รบั ทราบ

ประชุมคร้ังที่ ๑๒/๒๕๕๓
เมอ่ื วันท่ี ๒๒ ต.ค. ๒๕๕๓

14

รายท่ี ๑-๐๐๑/๒๕๕๔ ชอื่ นายเขียว ตาแหนง่ ผู้อานวยการโรงเรยี น สังกดั สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา
กระทาผดิ วินัยอย่างร้ายแรงในเรื่อง มพี ฤติกรรมไม่โปร่งใสตอ่ ตาแหนง่ หน้ีท่ีราชการในเรือ่ งการบริหารงาน
งบประมาณหลายประการ
ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายเขียวได้ขาดราชการติดต่อในคราวเดียวกันตัง้ แตว่ ันท่ี ๒๒ พฤศจิกายน ถึงวันท่ี
๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ รวม ๒๗ วันจริง แต่ยังกลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการอีก และการบริหารงบประมาณเงิน
อุดหนุนอื่นเบิกถอนเงินจากบัญชีโดยไม่มีหลักฐานการจ่าย แต่ได้นาเงินเข้าบัญชี เม่ือมีการตรวจสอบบัญชีของ
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน ตามคาให้การของนายเขียวให้การต่อสู้ว่าตนได้นาเงินไปใช้เพ่ือประโยชน์ของทาง
ราชการ แตไ่ มม่ พี ยานเอกสารหลักฐานต่างๆ หรอื พยานบุคคลยนื ยนั สว่ นกรณที น่ี ายเขียวเกบ็ เงินทุนการศึกษาของ
นักเรียน จานวน ๑๐,๐๐๐ บาท ต้ังแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๐ ไว้กับตนเอง เมื่อมีการร้องเรียนจึงนาเงินไปมอบให้
เด็กเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๑ กรณีเงินออมทรัพย์นักเรียน จานวน ๓,๐๖๕ บาท และกรณีเงินสหกรณ์
โรงเรียน จานวน ๑,๗๐๐ บาท ไม่นาไปมอบให้ผู้รับผิดชอบ ต่อข้ออ้างว่าหลงลืมฟังไม่ข้ึน การเบิกถอนเงินอาหาร
กลางวันไป จานวน ๙๑,๐๐๐ บาท โดยไม่จัดทาอาหารกลางวันให้นักเรียน เงินจานวนดังกล่าวนายเขียวไม่มี
เหตุผลมาชี้แจงหักล้างอยา่ งสมเหตสุ มผล และรบั สารภาพว่าตนไดน้ าเงนิ ไปเก็บไว้จริง พฤติการณ์เป็นการนาเงนิ ไป
ใช้สว่ นตนโดยมิชอบ อนั เป็นการทจุ รติ ต่อหน้าทรี่ าชการ
มาตรา ๘๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่รี าชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อืน่ ได้รบั ประโยชน์ท่ีมิควรได้
เปน็ การทุจริตต่อหน้าทร่ี าชการ
โทษ ปลดออกจากราชการ
มติ ก.ค.ศ.เพิ่มโทษจากปลดออกจากราชการ เป็นโทษไล่ออกจากราชการ

ประชมุ ครง้ั ที่ ๑/๒๕๕๔
เมือ่ วนั ที่ ๗ ม.ค. ๒๕๕๔

รายท่ี ๑-๐๑๖/๒๕๕๔ ชื่อนายเขียว ตาแหน่งนักทรัพยากรบุคคล ระดับชานาญการ สังกัดสานักงานเขต
พ้ืนที่การศกึ ษา

กระทาผดิ วินัยในเรอ่ื ง ปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์ท่มี ิควรได้ในการปฏิบัตหิ น้าท่ีการ
เบิกจ่ายเงินสวัสดิการการศึกษาบุตร โดยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการการศึกษาบุตรต้ังแต่เดือนมกราคม ๒๕๔๙ ถึง
เดือนมกราคม ๒๕๕๑ เป็นจานวนเงินที่วางฎีกาเบกิ สงู กวา่ จานวนเงนิ ท่ีพึ่งจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิ และเบิกจ่ายเงนิ ใหก้ ับ

15

ผู้ไม่ได้ขอเบิกโดยไม่มีการเรียกคืน แล้วนาเงินส่วนเกินโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของตนเองจานวนเงิน
๒,๗๔๖,๘๓๓ บาท ปรากฏรายละเอยี ด

ขอ้ เท็จจริงได้ความว่า นายเขียวได้ดาเนินการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการการศึกษาบุตร ต้ังแต่เดือนมกราคม ๒๕๔๙
ถึงเดือนมกราคม ๒๕๕๑ เป็นจานวนเงินท่ีวางฎีกาเบิกสูงกว่าจานวนเงินท่ีพึงจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิ และเบิกจ่ายเงิน
ให้กับผู้ไม่ได้ขอเบิกโดยไม่มีการเรียกคืน นาเงินส่วนเกินโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของตนเองจานวนเงิน
๒,๗๔๖,๘๓๓ บาท ปรากฏรายละเอียด ดังน้ี

๑. เบิกจ่ายเงินโดยไม่มีหลกั ฐานการจา่ ย โดยโอนเงินสวัสดิการเกี่ยวกบั การศึกษาบุตรให้กับผู้ไม่ได้ขอเบิก
โดยไม่มีการเรียกคืน จานวน ๑๕ ราย เป็นเงิน ๙๕,๐๐๐ บาท

๒. เบิกจา่ ยเงินโดยทาหลักฐานการจ่ายเทจ็ โดยสร้างหลักฐานขอเบกิ อนั เป็นเท็จโดยใช้ใบเสร็จรับเงินท่ผี ู้มี
สทิ ธิอาศัยเบิกโดยไม่มกี ารกรอกข้อมูลในการเบกิ และลายมือช่ือผู้มสี ทิ ธขิ อเบิก จานวน ๓ ราย เป็นเงนิ ๓๒,๘๐๐ บาท
และนาเงนิ โอนเข้าบัญชีของตนเอง

๓. เบกิ จ่ายเงนิ โดยแก้ไขเอกสารการเบกิ จา่ ย โดยการแก้ไขเอกสารขอเบิกตามใบเบิกเงินสวัสดกิ ารเก่ยี วกับ
การศึกษาบตุ ร (แบบ ๗๒๐๐) และแก้ไขงบหน้าการขอเบิก จานวน ๔๕๒ ราย เป็นเงนิ จานวน ๑,๙๕๐,๗๕๔ บาท

๔. รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาในการขอเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตรโดยจัดทางบหน้าขอเบิก
และยอดรวมในงบหน้าการจ่ายให้มียอดรวมตรงกัน เพ่ือให้ยากต่อการตรวจสอบและเพื่อประโยชน์ของตนเอง ทาให้
ราชการเสยี หาย จานวน ๖๖๗,๒๗๙ บาท

๕. มีการโอนเข้าบัญชีธนาคารมากกว่ายอดเงินคงเหลือ จากการตรวจสอบ Savings Account Statement
และบัญชีรายละเอียดการจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน และสวัสดิการในแต่ละเดือน (มกราคม ๒๕๔๙ -
มกราคม ๒๕๕๑) ยอดรวมมากกว่าจานวนเงินคงเหลือตามสลปิ เงินเดือน

มาตรา ๘๔ วรรคสาม แหง่ พระราชบญั ญัตริ ะเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗
กรณี ปฏิบตั ิหรอื ละเว้นการปฏบิ ัติหน้าทร่ี าชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รบั ประโยชน์ที่มคิ วรได้
เปน็ การทจุ ริตต่อหน้าท่ีราชการ
โทษ ไล่ออกจากราชการ
มติ รับทราบ

ประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๔
เมื่อวันที่ ๑๓ ม.ค. ๒๕๕๔

16

รายท่ี ๑-๑59/๒๕๕1 ชอ่ื นาย อ. ตาแหนง่ ผู้อานวยการสานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษา
กระทาผิดวินัยในเร่ือง จ้างเหมาก่อสร้างอาคารเรียนพร้อมครุภัณฑ์ โต๊ะ เก้าอี้ ของโรงเรียนอนุบาล
สานกั งานการประถมศกึ ษาจังหวัด ตามสญั ญาจ้างเลขที่ ๔/๒๕๔๔ ลงวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๔4 ได้ยอมรบั ครภุ ัณฑ์
โต๊ะ เก้าอ้ีนักเรียนท่ีมีขนาดไม่ตรงตามรายละเอียดท่ีกาหนดในสัญญา จานวน ๔๕0 ชุด และไม่ได้ชี้แจงเหตุความ
จาเปน็ ในการทจี่ ะรบั ของดงั กลา่ ว
ข้อเท็จจริงได้ความว่า การจ้างเหมาก่อสร้างอาคารเรียนพร้อมครุภัณฑ์โต๊ะ เก้าอ้ีของโรงเรียนอนุบาล
สานักงานการประถมศึกษาจังหวัด ตามสัญญาจ้างเลขท่ี ๔/๒๕๔๔ ลงวันท่ี 2 เมษายน ๒๕๔๔ ระหว่าง นาย อ.
เมอื่ ครงั้ ดารงตาแหนง่ ผอู้ านวยการการประถมศึกษาจังหวดั ในฐานะ "ผู้วา่ จ้าง" กับหา้ งหนุ้ ส่วนจากัดก่อสรา้ ง "ผู้รับ
จา้ ง" ได้ยอมรับครุภัณฑ์ โต๊ะ เก้าอี้นักเรียนท่ีมีขนาดไม่ตรงตามรายละเอยี ดทกี่ าหนดในสัญญาที่ผู้รบั จ้างได้ส่งมอบ
จานวน ๔๕๐ ชุด ซึ่งในการดาเนินการมิได้ชี้แจงเหตุผลความจาเป็นในการที่จะรับของดังกล่าวว่า มีความจาเป็น
เพอ่ื ประโยชนข์ องทางราชการ หรอื ทาใหร้ าชการต้องเสยี ประโยชน์หรอื ไม่
จากข้อเท็จจริง นาย อ. ได้ให้เหตุผลโดยสรุปว่า คณะกรรมการตรวจการจ้างได้ประชุมสรุปความเห็นว่า
โต๊ะ เก้าอี้ ครุภัณฑ์ท่ีส่งมอบมีรายละเอียดไม่เป็นไปตามข้อกาหนดในสัญญาหรือข้อตกลงและได้รายงานให้นาย อ.
ทราบ และนาย อ. ได้แจ้งให้ห้างหุ้นส่วนจากัดก่อสร้าง ผู้รับจ้าง ดาเนินการแก้ไขโดยด่วน ซึ่งผู้รับจ้างได้เข้าไป
ดาเนินการปรับปรุงแก้ไขโต๊ะ เก้าอี้ ในรายการที่ไม่ถูกต้อง ยกเว้นขาโต๊ะ เก้าอี้นักเรียนได้มีการปรับใส่ใหม่ โดยนา
เหล็กฉากมายึดขาโต๊ะ เก้าอี้นักเรียนท้ัง ๔ ด้าน ส่วนขนาดของไม้ที่ขาดเน่ืองจากการปรับใส่ ผู้รับจ้างได้ยินยอม
ชดเชย จานวนเงิน 4,060.49 บาท คืนให้กับทางราชการแล้ว ซงึ่ การปรับปรุงแก้ไขโต๊ะ เก้าอี้ดงั กล่าวไดม้ ีวิศวกร
ของสานักโยธาธิการจังหวัด เป็นผู้คานวณและประมาณราคา ประกอบกับ นาย อ. ให้เหตุผลว่า โรงเรียนมีความ
จาเป็นต้องใช้โต๊ะ เก้าอ้ีนักเรียนโดยเร็ว เพ่ือรองรับแผนการรับนักเรียนและขยายห้องเรียนที่เพิ่มขึ้นมากในปี
การศึกษา พ.ศ.๒๕๔๕ ซ่ึงต้ังแต่มีการก่อสร้างอาคารเรียนประมาณระยะเวลา ๑ ปี มีผลกระทบต่อนักเรียน
ระดับชน้ั ป.๑ - ป.6 เกือบ ๔๐0 คน เป็นอย่างมาก เน่ืองจากไม่มีสถานท่ีเรียนต้องอาศัยอาคารอเนกประสงค์และ
โรงอาหารเป็นท่ีเรียน นอกจากนั้น นักเรียนในระดับอนุบาล ระดับชั้นมัธยมศึกษา อีกจานวน ๓๐๐ กว่าคน ไม่
สามารถใช้ประโยชน์ได้ และเน่ืองจากมีการยุบโรงเรียนสาขา เพื่อนานักเรียนมาเรียนในโรงเรียนนี้อีกด้วย จึงมี
ความจาเป็นตอ้ งตรวจรบั ครุภัณฑ์โต๊ะ ดังกล่าว หากลา่ ช้าออกไปจะเกิดผลเสียหายต่อทางโรงเรียนท่ีเด็กนักเรียนไม่
มีโต๊ะ เกา้ อ้ีใช้ในปีการศึกษา ๒๕๔๕ และจะเห็นว่า ครุภณั ฑ์โต๊ะ เก้าอี้ ทีต่ รวจรบั ดังกล่าว ปัจจุบันยังมีสภาพมั่นคง
แข็งแรงและสามารถใชง้ านไดด้ ี พฤตกิ ารณข์ องนาย อ. ไดก้ ระทาไปเพอ่ื ประโยชน์ของทางราชการ เพื่อแก้ไขปญั หา
การไมม่ ีโตะ๊ เก้าอี้ของนักเรียน อันเป็นความผิดเล็กน้อย การท่ีผู้บังคับบญั ชาได้ส่งั งดลงโทษนาย อ. โดยทาหนงั สือ
ว่ากลา่ วตักเตอื น นัน้ เหมาะสมกับกรณแี ล้ว
มาตรา ๘๕ วรรคหน่ึง แหง่ พระราชบญั ญัติระเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔7
กรณี ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
แบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล โดยถือประโยชน์
สงู สุดของผู้เรียน และไม่ให้เกิดความเสยี หายแก่ราชการ ประกอบกับระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ

17

พ.ศ.๒๕๓๕ ข้อ ๑๓๖ กาหนดว่า "สญั ญาหรือข้อดกลงเป็นหนังสอื ทีไ่ ดล้ งนามแล้วจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงมิได้ เว้นแต่
การแก้ไข นั้น จะเป็นความจะเป็น โดยไม่ทาให้ทางราชการเสียประโยชน์หรือเป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์แก่ทาง
ราชการ ให้อยใู่ นอานาจของหวั หน้าส่วนราชการท่ีจะพจิ ารณาอนมุ ัตใิ ห้แก้ไขเปล่ยี นแปลงได"้

โทษ งดโทษ โดยทาหนงั สือวา่ กล่าวตกั เตือน
มติ รบั ทราบ

ประชมุ ครง้ั ที่ 7/2551
รายที่ ๑-๑๑๕/๒๕๕๕ ชื่อนางสายทอง ตาแหนง่ เจา้ พนักงานธุรการ สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษา
กระทาผิดวินัยในเรื่อง ตรวจรับงานจ้าง โครงการวางท่อระบายน้า คสล. และปรับปรุงผิวจราจร ของ
เทศบาลไมเ่ ป็นไปตามรูปแบบรายการ
ข้อเท็จจริงได้ความว่า นางสายทอง เมื่อครั้งดารงตาแหน่งพนักงานเทศบาล ได้รับการแต่งต้ังให้เป็น
คณะกรรมการตรวจงานจ้างของเทศบาลในรายการวางท่อระบายน้า คสล. และปรับปรุงผิวจราจรในเขตเทศบาล
โดยตรวจรับงานจ้างซึ่งไม่เป็นไปตามรูปแบบรายการในสัญญา เนื่องจากขอบบ่อพักน้าสูงกว่าพื้นผิวจราจร
ประมาณ ๕ เซนติเมตร ทาให้เทศบาลเบิกจ่ายเงินให้กับผู้รับจ้างสร้างความเสียหายและสร้างความเดือดร้อนแก่
ประชาชนผสู้ ัญจรไปมา
มาตรา ๘๕ วรรคหนง่ึ แหง่ พระราชบญั ญัติระเบยี บขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี ปฏบิ ตั ิหน้าท่ีราชการไมเ่ ป็นไปตามกฎหมายระเบยี บแบบแผนของทางราชการ
โทษ ตัดเงินเดอื น ๕% เป็นเวลา ๑ เดือน
มติ รบั ทราบ

ประชมุ ครั้งที่ ๗/๒๕๕๕
เมื่อวนั ที่ ๑๔ มิ.ย. ๒๕๕๕

18

กรณีความผดิ เกีย่ วกับการเงินและบัญชี

รายที่ 1-125/2550 ช่ือนายชาติ ตาแหนง่ ผูอ้ านวยการโรงเรียน สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา
กระทาผิดวินัยในเร่ือง บริหารงานการเงินบารุงการศึกษา และเก็บเงินสดไว้ในมือเกินกว่าที่กฎหมาย
กาหนด อนุมัติใช้จ่ายเงินเกินกว่าวงเงินที่กฎหมายกาหนด ใช้จ่ายเงินผิดวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค และไม่จัดทา
บัญชีตามระบบบญั ชี
ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายชาติเก็บเงินสดไว้ในมือ จานวน 100,000 บาท ไว้กับตนเองโดยไม่นาฝาก
ธนาคาร และไม่ได้เก็บไว้ในตู้นิรภัย ท้ังยังใช้จ่ายเงินบริจาคโดยมีวัตถุประสงค์ไปในการอื่น ไม่เป็นไปตาม
วตั ถุประสงค์ที่ได้รบั มา นอกจากจะไมไ่ ด้จ่ายตามวัตถุประสงค์ท่ีรับเงินมาแลว้ ยังจา่ ยเงินแต่ละครั้งเป็นจานวนมาก
เกนิ กว่าทก่ี ฎหมายกาหนดหลายเท่า กรณีดงั กลา่ วเป็นการจงใจไมป่ ฏบิ ัตติ ามระเบียบกฎหมาย การอ้างว่าไมร่ ู้ เป็น
ข้อแก้ตัวที่รับฟังไม่ได้เพราะเหตุที่นายชาติเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ซ่ึงเป็นข้าราชการระดับสูง ต้องทราบเก่ียวกับ
ระเบียบการบริหารการเงิน บัญชีและพัสดุด้วย อีกท้ังการท่ีจ้างบุคคลภายนอกมาเป็นลูกจ้างให้ปฏิบัติหน้าที่
เจา้ หน้าทก่ี ารเงิน โดยให้รับผดิ ชอบเงนิ ทเ่ี รยี กเก็บมา และให้อยใู่ นบังคบั บัญชาของนายชาตแิ ตเ่ พยี งผู้เดยี ว ซ่งึ กรณี
ดงั กล่าวเป็นการเออื้ ประโยชน์แก่ตนเองอีกด้วย
มาตรา 85 วรรคหนง่ึ แห่งพระราชบัญญัติระเบยี บข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ.๒๕๔7
กรณี ไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ และหน่วยงาน
การศกึ ษา ทาใหเ้ กดิ ความเสยี หายแก่ราชการ
โทษ ลดขนั้ เงินเดือน 1 ข้ัน
มติ รับทราบ และตดิ ตามความประพฤตเิ ปน็ เวลา 1 ปี

ประชุมครง้ั ท่ี 22/2550

รายท่ี 1-136/2550 ชือ่ นายมาด ตาแหนง่ ผู้อานวยการศูนย์การศกึ ษานอกโรงเรยี น
กระทาผิดวินัยในเร่ือง นาเงินของศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนไปใช้จ่ายในราชการโดยไม่ได้จัดทา
หลกั ฐานการเบิกจา่ ยใหถ้ ูกต้องตามระเบยี บวา่ ดว้ ยการพสั ดุ
ข้อเทจ็ จริงได้ความว่า ในเดือนกรกฎาคม 2544 นายมาดได้นาเงินท่ีองค์การบรหิ ารสว่ นตาบลจัดสรรเงิน
หมวดอุดหนุน จานวน 45,000 บาท ให้กับทางศูนย์ไปซื้อยางรถยนต์เก่ามาจัดทากระถางปลูกผักสวนครัว และ
นาไปใช้จ่ายอื่น ๆ ในโครงการจนหมด โดยไม่ได้จัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพั สดุ
จึงไม่มีหลักฐานให้ตรวจสอบและนายมาดได้นาเงินบารุงการศึกษา จานวน 4,907.66 บาท ไปใช้จ่ายในการ
แข่งขันกีฬากลุ่ม โดยไม่มีหลักฐานการเบกิ จ่ายในสมุดเงินสด นอกจากนี้นายมาดยังได้จัดซ้ือวัสดุสานักงาน จานวน
11,147.72 บาท โดยไม่ได้จัดซื้อตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุ และไม่มีเอกสารหลักฐานมาให้ตรวจสอบ ต่อมา
นายมาดไดน้ าเงินมาสง่ ใชใ้ หท้ างศนู ย์จนครบ

19

มาตรา 85 วรรคหนึง่ แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ.๒๕๔7
กรณี ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ และหน่วยงาน
การศึกษา
โทษ ตดั เงินเดอื น 5% เปน็ เวลา 2 เดอื น
มติ รบั ทราบ

ประชุมครง้ั ที่ 22/2550

รายท่ี 1-176/2551 ชอ่ื นายดี ตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรียน วิทยฐานะผูอ้ านวยการชานาญการ สังกัด
สานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษา

รายที่ 1-177/2551 ชื่อนางอ้อม ตาแหน่งครู วิทยฐานะครูชานาญการ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่
การศกึ ษา

กระทาผิดวินัยในเร่ือง กรณีนายดีถอนเงินจากบัญชีเงินกองทุนของนักเรียนแล้วเอาไปใช้ในการอ่ืน และ
กรณนี างอ้อมไดร้ ับมอบหมายให้รบั ผิดชอบการเงนิ ของโรงเรยี น กลับรว่ มกับผบู้ ริหารใช้เงินไมเ่ ป็นไปตามระเบยี บ

ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายดีเป็นผู้บริหารสถานศึกษา มีหน้าที่ควบคุม กากับ ดูแลผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาให้
ปฏิบัติราชการเป็นไปตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด แต่กลับส่ังการและร่วมกับนางอ้อม บริหารเงิน
ของโรงเรียนไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ ตลอดจนไม่ช้ีแจงการใช้จ่ายเงินให้คณะครูหรือคณะกรรมการ
การศึกษาข้นั พื้นฐานทราบ ส่วนนางอ้อมได้ปฏิบัติตามคาส่ังของนายดี ซ่ึงเป็นผู้บังคับบัญชา เมื่อนายดีได้อนุมัติให้
เบิกเงนิ ทุนการศึกษาตามท่ีนักเรียนทุนและผู้ปกครองนักเรียนทุนย่นื คาร้องแล้ว ได้สง่ั การให้นางอ้อมซึ่งรับผดิ ชอบ
เป็นเจ้าหน้าที่การเงินรับเงินแทนนักเรียนทุน แล้วได้จ่ายเงินให้นักเรียนที่ได้รับทุนเพียงบางส่วน รายละ 500 –
1,000 บาท ส่วนเงินทุนท่ีเหลือได้ส่ังให้นางอ้อม ลงบัญชีด้านรายรับของบัญชีเงินออมทรัพย์โรงเรียนและถือเงิน
สดไว้กับนางอ้อมบางส่วน โดยไม่มีบันทึกบัญชีตามระเบียบของทางราชการ มีเพียงบันทึกรับ-จ่ายนอกระบบ และ
นาไปจา่ ยให้กับนักเรียนในวันสูข่ วัญจบการศึกษา ซอ้ื ของขวัญวันเกิดให้ครูโดยไม่มีหลักฐาน ให้คณะครกู ู้ยืมโดยไม่
มีหลักฐานสัญญากู้ยืม รายละไมเ่ กิน 1,500 บาท

มาตรา 84 วรรคหน่ึง และมาตรา 85 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครแู ละบุคลากร
ทางการศกึ ษา พ.ศ.๒๕๔7

กรณี ไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และกรณีไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เป็นไปตาม
กฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ และหน่วยงานการศึกษา

โทษ ตัดเงินเดือนนายดี 5% เปน็ เวลา 1 เดือน และลงโทษภาคทณั ฑ์นางอ้อม
มติ รบั ทราบท้งั 2 ราย

ประชุมครง้ั ท่ี 9/2551

20

รายที่ 1-180/2551 ชอ่ื นายตน้ ตาแหนง่ ผู้อานวยการโรงเรยี น สังกดั สานกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษา
กระทาผิดวินัยในเร่ือง ไม่ควบคุมดูแลในการจัดทาบัญชีการเงินโรงเรียนของเจ้าหน้าที่การเงินให้เป็น
ปัจจุบนั
ขอ้ เท็จจริงได้ความว่า ทางโรงเรียนได้จัดซื้อวสั ดุ 4 รายการจากร้านคา้ นายต้นจะเป็นผู้ไปนาสินคา้ มาจาก
ร้านค้ามาก่อน แล้วมอบเงินให้นายประภาสนาไปจ่ายให้ร้านค้า แต่นายประภาสไม่นาไปชาระ เม่ือมีการติดตาม
ทวงถามจึงได้นาเงินไปชาระจนครบ การจัดซ้ือไม่เป็นไปตามระบบ กรณีเบิกถอนเงินค่าวัสดุการศึกษา จานวน
12,500 บาท เพ่ือนาไปจ่ายค่ากิจกรรมเดินทางไกลและอยู่ค่ายพักแรมยุวกาชาด โดยมีนายสชุ าตเิ ป็นผู้บันทึกยืม
และรับเงินไป แต่ไมน่ าเงนิ ไปใช้ในกจิ กรรมดงั กลา่ ว แตไ่ ด้นาเงนิ มาคนื ในภายหลัง
มาตรา 85 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบญั ญัตริ ะเบยี บข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔7
กรณี ไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ และหน่วยงาน
การศึกษา
โทษ ภาคทณั ฑ์
มติ รบั ทราบ

ประชมุ คร้งั ที่ 10/2551

21

คณะทางาน

1. นางสาวจิราพร วงคค์ า ตาแหน่งนติ ิกรชานาญการพิเศษ หวั หน้าคณะทางาน

2. นายพเิ ชษฐ แกว้ บุญเรอื ง ปฏบิ ัติหน้าท่ี ผ้อู านวยการกลุม่ กฎหมายและคดี
3. นายรุ่งภูวชั ร์ วงศ์ษา
ตาแหน่งนติ ิกรชานาญการ คณะทางาน

พนักงานจา้ งเหมาบรกิ าร คณะทางาน


Click to View FlipBook Version