98
หนา ๓๐
ั
่
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
่
ั
การเปลียนแปลงผูไดรบแตงตงเปนกรรมการสอบสวนตามวรรคหนึง ไมกระทบถึงการสอบสวน
้
่
ั
ํ
่
ทีไดดาเนินการไปแลว
หมวด ๒
ิ
ู
่
สทธิและหนาทีของผูถกกลาวหาและพยาน
ขอ ๗ ในระหวางการสอบสวน จะนําเหตแหงการถูกสอบสวนมาเปนขออางในการดําเนินการ
ุ
่
ั
ู
ิ
ู
่
ื
ั
ใดใหกระทบตอสทธิของผูถกสอบสวนไมได เวนแตกรณีถกสงพักราชการหรอสงใหออกจากราชการ
ไวกอน
ขอ ๘ ผูถกกลาวหามีสทธิคดคานผูไดรบแตงตงเปนกรรมการสอบสวน ถาผูนันมีเหตอยางหนึง
ู
้
ั
ิ
ั
่
ุ
้
ั
อยางใดดงตอไปนี ้
ั
่
ื
ุ
็
่
(๑) รเหนเหตการณในขณะกระทําการในเรองทีกลาวหา
ู
่
ี
(๒) มีประโยชนไดเสยในเรองทีสอบสวน
่
ื
(๓) มีสาเหตโกรธเคืองกับผูถกกลาวหา
ู
ุ
ั
ี
ื
ู
ู
่
(๔) เปนผูกลาวหา หรอเปนคหมัน คสมรส บุพการ ผูสบสนดาน พีนองรวมบิดามารดาหรือ
้
ื
ู
่
่
รวมบิดาหรอมารดา ลกพีลกนองนับไดเพียงภายในสามชันหรอเปนญาติเกียวพันทางแตงงานนับไดเพียง
ื
ื
้
ู
สองชันของผูกลาวหา
้
้
ื
ู
้
(๕) เปนเจาหนีหรอลกหนีของผูกลาวหา
ื
ิ
่
(๖) มีเหตอืนซงนาเชืออยางยงวาจะทําใหการสอบสวนเสียความเปนธรรมหรอไมเปนกลาง
่
ุ
่
ึ
่
ั
่
ั
ั
็
การคัดคานใหกระทําภายในเจดวนทําการนับแตวนรบทราบคําสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน
ั
ั
้
หรอนับแตวนทีทราบสาเหตุแหงการคัดคาน โดยทําเปนหนังสอแสดงขอเท็จจรงและขอกฎหมายทีเปนเหต ุ
่
ื
ื
ั
ิ
่
แหงการคัดคานไวในหนังสอคดคานดวยวาจะทําใหการสอบสวนไมไดความจริงและความยุติธรรมอยางไร
ื
ั
ั
ั
ั
่
้
ื
่
ั
่
ยนตอผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนหรือสงทางไปรษณียตอบรบก็ได และใหผูสงแตงตง
ั
้
่
ื
ั
ํ
คณะกรรมการสอบสวนสงสาเนาหนังสอคดคานและแจงวนทีไดรบหนังสอคดคานใหประธานกรรมการ
ั
ั
ั
ื
ํ
้
ทราบและรวมไวในสานวนการสอบสวน พรอมทังแจงใหผูถูกคัดคานทราบ ในการนี ใหหยุดการ
้
สอบสวนไวกอน
่
่
ั
้
ั
ิ
ในการพิจารณาเรืองการคดคาน ผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนมีอํานาจตรวจสอบขอเท็จจรง
ั
้
่
่
ั
ั
ั
ไดตามความเหมาะสม และใหสงการภายในสิบหาวนทําการนับแตวนทีไดรบหนังสอคดคาน พรอมทัง
ั
ั
ื
99
หนา ๓๑
่
ั
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
ั
่
ุ
ั
่
ั
้
ั
่
่
แสดงเหตผลในการพิจารณาสังการดวย เมือผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนวินิจฉยสงการอยางใดแลว
ํ
ู
ื
ใหแจงใหผูถกกลาวหาทราบและสงเรองใหประธานกรรมการรวมไวในสานวนการสอบสวน
่
ั
่
่
่
ั
ในกรณีทีเหนวาการคัดคานมีเหตผลรบฟงได ใหผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนสังใหผูถก
ุ
้
็
ู
ั
่
้
้
้
ั
ั
คดคานพนจากการเปนกรรมการสอบสวน และสงแตงตงกรรมการสอบสวนขึนใหมแทน ทังนี ใหนําขอ ๓
้
ั
่
และขอ ๕ มาใชบังคับโดยอนุโลม แตถาเห็นวาการคัดคานไมมีเหตุผลพอทีจะรับฟงได ใหสัง
่
่
่
้
ยกการคัดคานนัน การสังยกการคัดคานใหเปนทีสด
ุ
้
ั
ั
่
ั
่
่
ในกรณีทีผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนไมพิจารณาสังการอยางหนึงอยางใดภายในสิบหาวน
่
ู
่
ั
ื
ทําการตามวรรคสาม ใหถอวากรรมการสอบสวนทีถกคดคานพนจากการเปนกรรมการสอบสวน และให
ประธานกรรมการรายงานไปยังผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนเพือดาเนินการตามขอ ๖ ตอไป
่
ํ
้
ั
ั
่
การพนจากการเปนกรรมการสอบสวนไมกระทบถึงการสอบสวนทีไดดาเนินการไปแลว
่
ํ
้
่
ั
ุ
่
ู
ขอ ๙ ผูถกกลาวหามีสทธิคดคานผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน ถาผูนันมีเหตอยางหนึง
ิ
ั
ั
้
อยางใดตามขอ ๘ วรรคหนึง
่
้
ั
ํ
่
ั
ั
การคดคานตามวรรคหนึงใหกระทําไดภายในเจ็ดวนทําการนับแตวนรบทราบคาสงแตงตัง
ั
ั
่
่
ั
ั
้
้
่
่
ื
้
ึ
คณะกรรมการสอบสวน โดยทําเปนหนังสอยนตอผูบังคบบัญชาชันเหนือขนไปหนึงชันของผูสงแตงตง
ั
ื
้
คณะกรรมการสอบสวน
่
ึ
้
่
้
ั
ั
้
้
ในการพิจารณาเรืองการคัดคาน ใหผูบังคบบัญชาชันเหนือขนไปหนึงชันของผูสงแตงตง
ั
่
ั
่
ั
ิ
คณะกรรมการสอบสวนมีอํานาจตรวจสอบขอเท็จจรงไดตามความเหมาะสม และใหสงการภายในสิบหาวน
่
่
ทําการนับแตวันทีไดรับหนังสือคัดคาน พรอมทังแสดงเหตุผลในการพิจารณาสังการดวย เมือผูบังคับ
้
่
ั
ั
้
่
ึ
่
บัญชาชันเหนือขนไปหนึงชันของผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนวินิจฉยสงการอยางใดแลว
้
ั
้
้
ั
่
ู
ื
่
ใหแจงใหผูถกกลาวหาทราบและสงเรองใหประธานกรรมการรวมไวในสานวนการสอบสวน
ํ
่
้
่
ในกรณีทีเหนวาการคัดคานมีเหตุผลรับฟงได ใหสังใหผูนันพนจากการเปนผูมีอํานาจพิจารณา
็
สานวนการสอบสวนตามขอ ๔๐ และขอ ๔๑ รวมทังการพิจารณาสังการตามผลการสอบสวนทีเสรจสนแลว
่
่
็
ํ
้
้
ิ
และใหผูบังคบบัญชาชันเหนือขนไปหนึงชันของผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนหรือผูทีไดรบ
่
ั
ั
ั
้
่
ึ
้
ั
่
้
้
่
มอบหมายจากผูบังคับบัญชาดังกลาวเปนผูมีอํานาจพิจารณาหรือสังการแทน ถาเห็นวาการคัดคานไมมี
เหตผลพอทีจะรบฟงได ใหสงยกการคัดคานนัน ทังนี การสังยกการคัดคานใหเปนทีสด
ุ
่
่
่
ั
ุ
่
้
้
้
ั
่
ในกรณีทีผูพิจารณาการคัดคานไมพิจารณาสังการอยางหนึงอยางใดภายในสิบหาวนทําการตาม
่
่
ั
่
่
ื
้
วรรคสาม ใหถอวาผูสังแตงตังคณะกรรมการสอบสวนทีถูกคัดคานพนจากการเปนผูมีอํานาจพิจารณา
100
หนา ๓๒
ั
่
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
่
่
้
ํ
้
สานวนการสอบสวนตามขอ ๔๐ และขอ ๔๑ รวมทังการพิจารณาสังการตามผลการสอบสวนทีเสรจสนแลว
ิ
็
่
้
้
ึ
ั
้
ั
่
ั
ั
่
้
และใหผูบังคบบัญชาชันเหนือขนไปหนึงชันของผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนหรือผูทีไดรบ
ั
ั
่
ื
ั
มอบหมายจากผูบังคบบัญชาดงกลาว เปนผูมีอํานาจพิจารณาหรอสงการแทน
การพนจากการเปนผูมีอํานาจพิจารณาสํานวนการสอบสวนหรือสงการตามผลการสอบสวนที ่
่
ั
้
เสรจสนแลวตามวรรคสีและวรรคหา ไมกระทบถึงการแตงตงคณะกรรมการสอบสวนหรือการสอบสวนทีได
่
็
ั
่
้
ิ
ดาเนินการไปแลว
ํ
ขอ ๑๐ ในการสอบสวน คณะกรรมการสอบสวนตองใหผูถกกลาวหามีโอกาสไดทราบ
ู
ขอเท็จจรงอยางเพียงพอ และมีโอกาสไดโตแยงและแสดงพยานหลักฐานของตน เวนแตจะมีผลทําให
ิ
ื
ระยะเวลาทีกฎหมายหรือกฎ ก.ค.ศ. นีกาหนดตองลาชาออกไป หรอปรากฏโดยสภาพเห็นไดชัดวาการให
่
้
ํ
้
ิ
่
ู
ื
้
โอกาสดงกลาวไมอาจกระทําได รวมทังมีสทธิขอตรวจดเอกสารทีจาเปนตองรเพือการโตแยงหรอชีแจง
่
ํ
ู
ั
ื
หรอปองกันสทธิของตนได
ิ
ู
การอางพยานหลักฐานแกขอกลาวหา ผูถกกลาวหาจะนําพยานหลักฐานมาเองหรือจะอาง
้
พยานหลักฐานแลวขอใหคณะกรรมการสอบสวนเรียกพยานหลักฐานนันมาก็ได
ขอ ๑๑ ในการสอบสวนวินัยอยางรายแรง ผูถูกกลาวหามีสิทธินําทนายความหรือทีปรึกษา
่
ํ
ื
ํ
ื
ของตนเขามารวมฟงการสอบสวนก็ได แตจะใหถอยคาหรอตอบคาถามแทนผูถกกลาวหา หรอเสนอ
ู
ความเห็นใดแกคณะกรรมการสอบสวนไมได
ขอ ๑๒ ในกรณีทีคณะกรรมการสอบสวนเรียกบุคคลใดมาเปนพยาน ใหบุคคลนันมาชีแจง
่
้
้
หรอใหถอยคาตามวัน เวลา และสถานทีทีคณะกรรมการสอบสวนกําหนด
่
ํ
่
ื
ื
ั
ขอ ๑๓ ในการสอบสวน ถามีการอางเจาหนาทีของรฐเปนพยาน ใหถอเปนหนาทีของ
่
่
ั
ั
้
ื
่
่
ผูบังคบบัญชาทุกระดบชันทีจะตองอํานวยความสะดวก ใหความคุมครองพยานจากการถูกกลันแกลงหรอ
ิ
การปฏิบัตทีไมเปนธรรมจากการปฏิบัตหนาทีของพยานนัน และประสานงานกับสานักงานอัยการสงสุด
ิ
่
ํ
้
ู
่
ู
่
ื
่
เพือเปนทนายแกตางในกรณีทีถกฟองรองในคดีแพงหรอคดอาญา
ี
เจาหนาทีของรฐทีไปใหถอยคาตอคณะกรรมการสอบสวนในฐานะพยาน ใหถอวาเปนการปฏิบัต ิ
่
ั
่
ํ
ื
หนาทีราชการ
่
่
ั
ในกรณีทีพยานมิใชเจาหนาทีของรฐ ใหคณะกรรมการสอบสวนหรือผูสงแตงตงคณะกรรมการ
่
ั
่
้
ั
สอบสวน อํานวยความสะดวกและใหความคุมครองแกพยานผูใหขอมูลทีเปนประโยชนตอทางราชการอยาง
่
เหมาะสมตามควรแกกรณี
101
หนา ๓๓
ั
่
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
หมวด ๓
อํานาจหนาทีของคณะกรรมการสอบสวน
่
ิ
ขอ ๑๔ คณะกรรมการสอบสวนมีหนาทีสอบสวนตามหลักเกณฑ วธีการ และระยะเวลาที ่
่
่
่
ิ
ื
่
กาหนดในกฎ ก.ค.ศ. นี เพือแสวงหาความจริงในเรองทีกลาวหา โดยใหเรมการสอบสวนและดําเนิน
ํ
่
้
ุ
้
็
้
กระบวนการพิจารณาอยางรวดเรวและเปนธรรม ทังนี ในการพิจารณาใชดลพินิจจะตองกระทําอยางอิสระ
และเปนกลาง โดยปราศจากอคติอยางใด ๆ ตอผูถกกลาวหา
ู
่
่
ิ
่
ใหคณะกรรมการสอบสวนรวบรวมประวัตและความประพฤติของผูถูกกลาวหาทีเกียวของกับเรือง
้
ิ
่
่
ํ
่
่
่
ทีกลาวหาเทาทีจาเปน รวมทังขอเท็จจรงทีไดจากการดําเนินการตามวรรคหนึง เพือประกอบการพิจารณา
ใหคณะกรรมการสอบสวนจัดทําบันทึกประจําวนทีมีการสอบสวนไวทุกครง
ั
้
ั
่
่
ํ
็
่
ขอ ๑๕ คณะกรรมการสอบสวนมีหนาทีรวบรวมพยานหลักฐานทีเหนวาจาเปน เพือทีจะ
่
่
ู
้
ู
ื
พิสจนใหเหนความผิดหรอความบรสทธิของผูถกกลาวหา ในการนี ใหรวมถึงการดาเนินการดังตอไปนีดวย
ุ
ิ
์
็
้
ํ
่
่
(๑) การแสวงหาพยานหลักฐานทุกอยางทีเกียวของ
ื
ู
ื
(๒) รบฟงพยานหลักฐาน คาชีแจง หรอความเห็นของผูถกกลาวหา พยานบุคคลหรอพยาน
ํ
้
ั
ํ
็
่
ื
่
่
่
ผูเชียวชาญ เวนแตกรณีทีเหนวาเปนการกลาวอางทีไมจาเปน ฟุมเฟอย หรอเพือประวิงเวลา
ื
้
ิ
ื
(๓) ขอขอเท็จจรงหรอความเห็นจากคูกรณี พยานบุคคล หรอพยานผูเชียวชาญ ทังที่เปนคุณและ
่
เปนโทษแกผูถกกลาวหา
ู
(๔) ขอใหผูครอบครองเอกสารสงเอกสารทีเกียวของ
่
่
(๕) ออกไปตรวจสถานที ่
ขอ ๑๖ เมือประธานกรรมการไดรบเรองตามขอ ๕ (๒) แลว ใหประธานกรรมการดําเนินการ
ั
่
ื
่
่
ประชุมคณะกรรมการสอบสวนเพือพิจารณาวางแนวทางการสอบสวนตอไป
ขอ ๑๗ การประชุมคณะกรรมการสอบสวนตองมีกรรมการสอบสวนมาประชุมไมนอยกวา
ึ
่
้
กงหนึงของจํานวนกรรมการสอบสวนทังหมดจึงจะเปนองคประชุม เวนแตการประชุมตามขอ ๒๔ และ
่
ขอ ๓๘ ตองมีกรรมการสอบสวนมาประชุมไมนอยกวาสามคนและไมนอยกวากึงหนึงของจํานวน
่
่
กรรมการสอบสวนทังหมด
้
102
หนา ๓๔
่
ั
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
ํ
การประชุมคณะกรรมการสอบสวนตองมีประธานกรรมการอยูรวมประชุมดวย แตในกรณีจาเปน
่
ทีประธานกรรมการไมสามารถเขาประชุมได ใหกรรมการสอบสวนทีมาประชุมเลือกกรรมการสอบสวน
่
่
่
คนหนึงทําหนาทีแทน
ื
การนัดประชุมคณะกรรมการสอบสวนตองทําเปนหนังสอและแจงใหกรรมการสอบสวนทุกคน
้
่
ทราบลวงหนาไมนอยกวาสามวันทําการ เวนแตกรรมการสอบสวนนันจะไดทราบการนัดในทีประชุมแลว
ํ
่
ึ
หรอมีเหตจาเปนเรงดวนซงประธานกรรมการจะนัดประชุมเปนอยางอืนได
ุ
่
ื
ิ
การลงมตของทีประชุมคณะกรรมการสอบสวนใหถือเสียงขางมาก ถาคะแนนเสียงเทากัน
่
่
ใหประธานกรรมการในทีประชุมออกเสียงเพิมขนอีกเสยงหนึงเปนเสยงชีขาด
ี
่
้
ึ
ี
่
้
ื
ในการประชุมตองมีรายงานการประชุมเปนหนังสอ ถามีความเห็นแยงใหบันทึกความเห็นแยง
ุ
พรอมทังเหตผลไวในรายงานการประชุม
้
ิ
่
่
ขอ ๑๘ คณะกรรมการสอบสวนมีหนาทีตองแจงสทธิและหนาทีของผูถูกกลาวหาตามขอ ๘
ู
ู
ขอ ๙ ขอ ๑๐ และขอ ๑๑ ใหผูถกกลาวหาทราบกอนสอบปากคําผูถกกลาวหา
็
ื
่
ในกรณีทีคาขอหรอคาชีแจงมีขอบกพรองหรอมีขอความทีอานไมเขาใจหรอผิดหลง อันเหนได
ํ
ํ
ื
ื
่
้
ชัดวาเกิดจากความไมร หรอความเลินเลอของผูกลาวหา ผูถูกกลาวหา หรือพยาน แลวแตกรณี
ื
ู
ิ
ั
ใหคณะกรรมการสอบสวนแนะนําใหบุคคลดงกลาวแกไขเพิมเตมใหถกตอง
ู
่
ขอ ๑๙ ในกรณีทีผูไดรบแตงตงเปนกรรมการสอบสวนเห็นวาตนมีเหตอันอาจถูกคดคานตาม
ั
ุ
้
ั
ั
่
้
่
ั
่
้
่
ั
้
ขอ ๘ วรรคหนึง ใหผูนันรายงานตอผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน เพือพิจารณาวาจะใหผูนันเปน
่
กรรมการสอบสวนตามคําสงตอไปอีกหรือไม
ั
หมวด ๔
ิ
วธีการสอบสวน
ิ
ขอ ๒๐ การสอบสวนกรณีทีถกกลาวหาวากระทําผิดวนัยอยางรายแรง ใหคณะกรรมการ
่
ู
ํ
็
สอบสวนดาเนินการสอบสวนใหแลวเสรจโดยใหดาเนินการดงตอไปนี ้
ั
ํ
ู
ํ
(๑) ดาเนินการประชุมตามขอ ๑๖ โดยแจงและอธิบายขอกลาวหาตามขอ ๒๓ ใหผูถกกลาวหา
ิ
ทราบภายในสบหาวนนับแตวนทีประธานกรรมการไดรบทราบคําสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน
่
ั
่
ั
้
ั
ั
ั
่
ื
่
(๒) รวบรวมพยานหลักฐานทีเกียวของกับเร่องทีกลาวหาภายในหกสิบวันนับแตวันทีได
่
่
็
ดาเนินการตาม (๑) แลวเสรจ
ํ
103
หนา ๓๕
่
ั
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
่
ู
(๓) แจงขอกลาวหาและสรุปพยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหาตามขอ ๒๔ ใหผูถก
่
ั
ํ
็
กลาวหาทราบภายในสิบหาวนนับแตวนทีไดดาเนินการตาม (๒) แลวเสรจ
ั
ั
่
ั
็
่
ู
(๔) รวบรวมพยานหลักฐานทีผูถกกลาวหาอาง ใหแลวเสรจภายในหกสิบวนนับแตวนทีได
ํ
ดาเนินการตาม (๓) แลวเสรจ
็
้
ั
ั
่
(๕) ประชุมพิจารณาลงมติและทํารายงานการสอบสวนเสนอตอผูสงแตงตงคณะกรรมการ
ั
ั
่
ํ
สอบสวนภายในสามสิบวนนับแตวนทีไดดาเนินการตาม (๔) แลวเสรจ
็
็
ํ
ในกรณีทีคณะกรรมการสอบสวนไมสามารถดาเนินการใหแลวเสรจภายในกําหนดระยะเวลาตาม
่
่
็
ั
(๑) (๒) (๓) (๔) หรอ (๕) ได ใหประธานกรรมการรายงานเหตุทีทําใหการสอบสวนไมแลวเสรจตอผูสง
ื
่
่
แตงตงคณะกรรมการสอบสวนเพือขอขยายระยะเวลาการสอบสวน ในกรณีเชนนี ใหผูสังแตงตัง
้
ั
้
้
่
ิ
ั
คณะกรรมการสอบสวนสังขยายระยะเวลาดําเนินการไดตามความจําเปนครงละไมเกินหกสบวน
่
้
ั
่
่
ี
ั
่
การสอบสวนเรืองใดทีคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการไมแลวเสรจภายในสองรอยสสบวน
ิ
็
่
้
ใหประธานกรรมการรายงานเหตุใหผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนเพือรายงานให อ.ก.ค.ศ. เขตพืนที ่
ั
้
ั
่
ื
การศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตง หรอ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี เพือมีมติใหเรงรัดการสอบสวนใหแลวเสร็จ
้
่
ั
่
่
่
ื
้
ภายในระยะเวลาที อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตง หรอ ก.ค.ศ. กาหนด ตามเหตผล
ั
ุ
้
ํ
่
และความจําเปน
ขอ ๒๑ การสอบสวนกรณีทีถกกลาวหาวากระทําผิดวนัยไมรายแรง ใหคณะกรรมการ
่
ู
ิ
สอบสวนดาเนินการสอบสวนใหแลวเสรจภายในเกาสบวนนับแตวนทีประธานกรรมการไดรบทราบคําสง
่
ั
ิ
ั
็
ั
ํ
ั
่
้
้
แตงตงคณะกรรมการสอบสวน ทังนี ใหนําขนตอนการสอบสวนตามขอ ๒๐ (๑) (๒) (๓) (๔) และ (๕)
้
ั
้
ั
มาใชบังคบโดยอนุโลม
ั
็
ในกรณีทีคณะกรรมการสอบสวนไมสามารถดาเนินการใหแลวเสรจภายในกําหนดระยะเวลาตาม
่
ํ
่
ั
้
ั
่
็
วรรคหนึง ใหประธานกรรมการรายงานเหตุทีทําใหการสอบสวนไมแลวเสรจตอผูสงแตงตงคณะกรรมการ
่
่
้
่
่
สอบสวนเพือขอขยายระยะเวลาการสอบสวน ในกรณีเชนนี้ ใหผูสังแตงตังคณะกรรมการสอบสวนสังขยาย
ั
็
ระยะเวลาดาเนินการไดตามความจําเปนแตไมเกินสามสิบวน และเรงรดการสอบสวนใหแลวเสรจตอไป
ั
ํ
ั
ขอ ๒๒ การนําเอกสารหรือวตถุมาใชเปนพยานหลักฐานในสํานวนการสอบสวนใหกรรมการ
สอบสวนบันทึกไวดวยวาไดมาอยางไร จากผูใด และเมือใด
่
เอกสารทีใชเปนพยานหลักฐานในสํานวนการสอบสวนใหใชตนฉบับ แตถาไมอาจนําตนฉบับมา
่
่
ํ
ั
่
ั
ํ
ไดจะใชสาเนาทีกรรมการสอบสวนหรือผูมีหนาทีรบผิดชอบรบรองวาเปนสาเนาถูกตองก็ได
104
หนา ๓๖
ั
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
่
่
ํ
ู
ถาหาตนฉบับเอกสารไมไดเพราะสูญหายหรอถกทําลาย หรอโดยเหตประการอืน จะใหนําสาเนา
ื
ื
ุ
ื
หรอพยานบุคคลมาสืบก็ได
ู
เมือมีการอางพยานหลักฐานใดในการพิสจนความผิดหรอความบรสทธิของผูถกกลาวหา
ิ
ู
ุ
์
ื
่
ู
ื
้
ื
ู
ู
ใหคณะกรรมการสอบสวนอานหรอสงตนฉบับหรอพยานหลักฐานนันใหผูถกกลาวหาตรวจด ถาผูถกกลาวหา
็
ํ
ตองการสําเนาใหคณะกรรมการสอบสวนสงสาเนาใหแกผูถกกลาวหาตามทีเหนสมควร
่
ู
้
่
คณะกรรมการสอบสวนอาจขอใหพยานผูเชี่ยวชาญในเรืองนันมาใหความเห็นหรือทําความเห็น
เปนหนังสอประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนก็ได
ื
่
ขอ ๒๓ เมือไดพิจารณาเรืองทีกลาวหาและวางแนวทางการสอบสวนตามขอ ๑๖ แลว
่
่
ู
่
่
่
ใหคณะกรรมการสอบสวนเรียกผูถกกลาวหามาเพือแจงและอธิบายขอกลาวหาทีปรากฏตามเรืองทีกลาวหา
่
ใหทราบวาผูถกกลาวหาไดกระทําการใด เมือใด อยางไร ในการนี ใหคณะกรรมการสอบสวนแจงสทธิ
่
้
ู
ิ
่
่
และหนาทีของผูถูกกลาวหาตามขอ ๑๘ วรรคหนึง และแจงดวยวาผูถูกกลาวหามีสิทธิทีจะไดรับแจงสรุป
่
่
ิ
ํ
พยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหา และมีสทธิทีจะใหถอยคาหรอชีแจงแกขอกลาวหา ตลอดจนอาง
้
่
ื
พยานหลักฐานหรือนําพยานหลักฐานมาสืบแกขอกลาวหาไดตามขอ ๒๔
่
่
่
การแจงและอธิบายขอกลาวหาตามวรรคหนึง ใหแจงเฉพาะพฤติการณเทาทีปรากฏตามเรืองที ่
้
กลาวหาและตามพยานหลักฐาน โดยไมตองแจงกรณีและมาตราความผิด ทังนี ใหทําเปนบันทึกสองฉบับ
้
่
่
ั
ู
ํ
ซงมีสาระสําคญตามแบบ สว. ๒ ที ก.ค.ศ. กาหนด เพือมอบใหผูถกกลาวหาหนึงฉบับ และเก็บไวใน
่
่
ึ
่
่
่
ํ
สานวนการสอบสวนหนึงฉบับโดยใหผูถูกกลาวหาลงลายมือชือ และวน เดือน ปทีรับทราบไวเปน
ั
ั
หลกฐานดวย
ํ
่
่
เมือไดดาเนินการตามวรรคหนึงและวรรคสองแลว ใหคณะกรรมการสอบสวนถามผูถกกลาวหาวา
ู
ไดกระทําการตามทีถกกลาวหาหรอไม อยางไร
ื
ู
่
่
ู
่
ในกรณีทีผูถกกลาวหาใหถอยคารบสารภาพวาไดกระทําการตามทีถกกลาวหา ใหคณะกรรมการ
ั
ู
ํ
่
สอบสวนแจงใหผูถกกลาวหาทราบวาการกระทําตามทีถูกกลาวหาดังกลาวเปนความผิดวินัยกรณีใด
ู
ั
ุ
่
ื
ั
ู
หากผูถกกลาวหายงคงยนยนตามทีรบสารภาพ ใหบันทึกถอยคารบสารภาพรวมทังเหตผลในการรับสารภาพ
ั
ํ
้
ั
้
ุ
และสาเหตแหงการกระทําไวดวย ในกรณีเชนนี คณะกรรมการสอบสวนจะไมทําการสอบสวนตอไปก็ได
็
ื
หรอถาเหนเปนการสมควรทีจะไดทราบขอเท็จจรงและพฤตการณอันเกียวกบเรองที่กลาวหาโดยละเอียด
ิ
่
่
ั
ื
ิ
่
ํ
จะทําการสอบสวนตอไปตามควรแกกรณีกได แลวดาเนินการตามขอ ๓๘ และขอ ๓๙ ตอไป
็
105
หนา ๓๗
่
ั
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
ั
ในกรณีทีผูถกกลาวหามิไดใหถอยคารบสารภาพหรอรบสารภาพบางสวน ใหคณะกรรมการ
ู
ํ
ั
่
ื
ํ
่
่
่
สอบสวนดาเนินการสอบสวนเพือรวบรวมพยานหลักฐานทีเกียวของกับขอกลาวหาแลวดาเนินการตาม
ํ
ขอ ๒๔ ตอไป
ื
ู
ั
่
่
ในกรณีทีผูถกกลาวหามา แตไมยอมลงลายมือชือรบทราบขอกลาวหา หรอไมมารับทราบ
ั
่
ึ
ขอกลาวหา ใหคณะกรรมการสอบสวนสงบันทึกซงมีสาระสําคญตามแบบ สว. ๒ ทางไปรษณีย
ู
ั
ู
ู
่
่
ึ
ลงทะเบียนตอบรบไปใหผูถกกลาวหา ณ ทีอยของผูถกกลาวหา ซงปรากฏตามหลักฐานของทางราชการ
่
้
หรอสถานทีตดตอทีผูถกกลาวหาแจงใหทราบ พรอมทังมีหนังสอสอบถามผูถกกลาวหาวาไดกระทําการ
ื
ู
ื
่
ิ
ู
ั
้
ึ
ื
่
ู
่
ตามทีถกกลาวหาหรอไม ในกรณีเชนนี ใหทําบันทึกซงมีสาระสําคญตามแบบ สว. ๒ เปนสามฉบับ
็
่
่
ํ
เพือเก็บไวในสานวนการสอบสวนหนึงฉบับ และสงใหผูถกกลาวหาสองฉบับ โดยใหผูถกกลาวหาเกบไว
ู
ู
หนึงฉบับและใหผูถกกลาวหาลงลายมือชือ และวัน เดอน ปทีรับทราบสงกลับคืนมารวมไวในสํานวน
ื
ู
่
่
่
ิ
ั
ั
ั
่
่
การสอบสวนหนึงฉบับ เมือลวงพนสบหาวนนับแตวนทีไดดาเนินการดงกลาว หากไมไดรบแบบ สว. ๒
ํ
่
ั
ื
ู
คนมา ใหถอวาผูถกกลาวหาไดทราบขอกลาวหาแลว และใหคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการตาม
ื
วรรคหาตอไป
่
ํ
่
ขอ ๒๔ เมือไดดาเนินการตามขอ ๒๓ แลว ใหคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการประชุมเพือ
่
ู
พิจารณาวามีพยานหลักฐานใดสนับสนุนขอกลาวหาวาผูถกกลาวหาไดกระทําการใด เมือใด อยางไร และ
ุ
ู
ถาเหนวายงฟงไมไดวาผูถกกลาวหากระทําการตามทีถกกลาวหา กใหมีความเห็นยตเรอง แลวดาเนินการ
ิ
ํ
ั
็
ื
็
ู
่
่
ตามขอ ๓๘ และขอ ๓๙ โดยอนุโลม
ถาเหนวาเปนความผิดวนัยกรณีใด ตามมาตราใด ก็ใหคณะกรรมการสอบสวนเรียกผูถูกกลาวหา
ิ
็
ิ
่
่
มาพบเพือแจงขอกลาวหา โดยระบุขอกลาวหาทีปรากฏตามพยานหลักฐานวาเปนความผิดวนัยกรณีใด
่
ุ
่
ตามมาตราใด และสรปพยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหาเทาทีมีใหทราบ โดยระบุวน เวลา สถานที และ
่
ั
ั
่
ื
การกระทําทีมีลกษณะเปนการสนับสนุนขอกลาวหา สาหรบพยานบุคคลจะระบุหรอไมระบุชือพยานก็ได
ํ
ั
่
ํ
โดยคานึงถึงหลักการคมครองพยาน ทังนี การแจงสรปพยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหา ใหแจง
ุ
่
้
้
ุ
่
ู
พยานหลักฐานฝายกลาวหาเทาทีมีตามทีปรากฏไวในสานวนใหผูถกกลาวหาทราบ แมพยานหลักฐานจะฟง
่
ํ
ไดเพียงวาเปนการกระทําผิดวนัยไมรายแรง
ิ
ึ
่
่
การแจงขอกลาวหาและสรุปพยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหาตามวรรคสอง ใหทําบันทึกซง
่
่
มีสาระสําคญตามแบบ สว. ๓ ที ก.ค.ศ. กําหนด โดยทําเปนสองฉบับมอบใหผูถูกกลาวหาหนึงฉบับ และ
ั
106
หนา ๓๘
ั
่
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
ั
ื
ํ
ู
่
่
เก็บไวในสานวนการสอบสวนหนึงฉบับ โดยใหผูถกกลาวหาลงลายมือชือ และวัน เดอน ปทีรบทราบไว
่
เปนหลักฐานดวย
้
่
ํ
ั
่
เมือไดดาเนินการดงกลาวแลว ใหคณะกรรมการสอบสวนถามผูถกกลาวหาวาจะยนคาชีแจงแกขอ
ื
ํ
ู
่
ื
ื
ู
้
ํ
ื
กลาวหาเปนหนังสอหรอไม ถาผูถกกลาวหาประสงคจะยนคาชีแจงเปนหนังสอ ใหคณะกรรมการสอบสวน
ื
ู
่
่
ื
ั
ิ
ใหโอกาสผูถกกลาวหายนคาชีแจงภายในเวลาอันสมควร แตอยางชาไมเกินสบหาวนนับแตวนทีไดรับทราบ
้
ั
ํ
่
ํ
่
ขอกลาวหาและสรุปพยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหา และตองใหโอกาสผูถกกลาวหาทีจะใหถอยคา
ู
่
เพิมเตมรวมทังนําสบแกขอกลาวหาดวย ในกรณีทีผูถกกลาวหาไมประสงคจะยนคาชีแจงเปนหนังสอ
ื
่
้
ํ
้
ื
ู
่
ื
ิ
ํ
ใหคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการเพือใหผูถกกลาวหาใหถอยคาและนําสบแกขอกลาวหาโดยเรว
ื
็
ู
่
็
ํ
่
เมือคณะกรรมการสอบสวนไดรวบรวมพยานหลักฐานตาง ๆ เสรจแลว ใหดาเนินการตามขอ ๓๘
และขอ ๓๙ ตอไป
ู
ั
ั
ในกรณีทีผูถกกลาวหามา แตไมยอมลงลายมือชือรบทราบ หรอไมมารบทราบขอกลาวหาและ
่
่
ื
่
ึ
่
ุ
สรปพยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหา ใหคณะกรรมการสอบสวนสงบันทึก ซงมีสาระสําคญตามแบบ
ั
่
่
สว. ๓ ทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับไปใหผูถูกกลาวหา ณ ทีอยูของผูถูกกลาวหา ซึงปรากฏตาม
หลกฐานของทางราชการหรือสถานทีตดตอทีผูถกกลาวหาแจงใหทราบ พรอมทังมีหนังสอขอใหผูถก
ู
ู
ื
่
ิ
ั
่
้
้
ึ
้
ื
กลาวหาชีแจง นัดมาใหถอยคาและนําสบแกขอกลาวหา ในกรณีเชนนี ใหทําบันทึกซ่งมีสาระสําคัญตาม
ํ
่
ํ
่
ู
แบบ สว. ๓ เปนสามฉบับ เพือเก็บไวในสานวนการสอบสวนหนึงฉบับ และสงใหผูถกกลาวหาสองฉบับ
โดยใหผูถกกลาวหาเกบไวหนึงฉบับและใหผูถกกลาวหาลงลายมือชือ และวัน เดอน ปทีรบทราบสงกลับ
ู
่
่
ื
ู
ั
่
็
่
่
คนมารวมไวในสานวนการสอบสวนหนึงฉบับ เมือลวงพนสบหาวนนับแตวนทีไดดําเนินการดังกลาว
ั
ื
ิ
ํ
่
ั
ื
ื
ู
้
ํ
ื
หากไมไดรบแบบ สว. ๓ คนหรอไมไดรบคาชีแจงจากผูถกกลาวหา หรอผูถกกลาวหาไมมาใหถอยคาตามนัด
ั
ํ
ู
ั
ู
ใหถอวาผูถกกลาวหาไดทราบขอกลาวหาและสรุปพยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหาแลว และไม
่
ื
่
้
ประสงคทีจะแกขอกลาวหา ในกรณีเชนนี คณะกรรมการสอบสวนจะไมสอบสวนตอไปก็ได หรือถาเห็น
่
ิ
่
เปนการสมควรทีจะไดทราบขอเท็จจรงเพิมเตมจะสอบสวนตอไปตามควรแกกรณีกได แลวดาเนินการตาม
็
ิ
ํ
ื
ื
ขอ ๓๘ และขอ ๓๙ ตอไป แตถาผูถกกลาวหามาขอใหถอยคา ยนคาชีแจงแกขอกลาวหา หรอขอนําสบ
ํ
ํ
ื
่
้
ู
แกขอกลาวหากอนทีคณะกรรมการสอบสวนจะเสนอสํานวนการสอบสวนตามขอ ๓๙ โดยมีเหตุผล
่
่
อันสมควร ใหคณะกรรมการสอบสวนใหโอกาสแกผูถกกลาวหาตามทีผูถกกลาวหารองขอ
ู
ู
็
่
ขอ ๒๕ เมือคณะกรรมการสอบสวนไดรวบรวมพยานหลักฐานตามขอ ๒๔ เสรจแลว
้
ั
ั
่
กอนเสนอสํานวนการสอบสวนตอผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนตามขอ ๓๙ ถาคณะกรรมการสอบสวน
107
หนา ๓๙
่
ั
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
่
ํ
่
็
ิ
่
ํ
ิ
เหนวา จาเปนจะตองรวบรวมพยานหลักฐานเพิมเตมก็ใหดาเนินการได ถาพยานหลักฐานทีไดเพิมเตมมา
้
่
นันเปนพยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหา ใหคณะกรรมการสอบสวนสรุปพยานหลักฐานดังกลาว
ู
ู
ื
ื
ํ
ิ
่
ใหผูถกกลาวหาทราบ และใหโอกาสผูถกกลาวหาทีจะใหถอยคาหรอนําสบแกเฉพาะพยานหลักฐานเพิมเตมที ่
่
้
สนับสนุนขอกลาวหานัน ทังนี้ ใหนําขอ ๒๔ มาใชบังคับโดยอนุโลม
้
ู
ึ
้
้
ํ
ํ
่
ํ
ขอ ๒๖ ผูถกกลาวหาซงไดยนคาชีแจงหรอใหถอยคาแกขอกลาวหาไวแลว มีสทธิยนคาชีแจง
่
ื
่
ื
ิ
ื
ํ
ิ
ื
ื
ิ
เพิมเตม หรอขอใหถอยคาหรอนําสบแกขอกลาวหาเพิมเตมตอคณะกรรมการสอบสวนกอนการสอบสวน
่
ื
่
ุ
ั
็
แลวเสรจ หากคณะกรรมการสอบสวนเห็นวามีเหตผลอันสมควรก็ใหรบไวพิจารณาตอไป
ั
ู
่
้
่
เมือการสอบสวนแลวเสรจและยงอยระหวางการพิจารณาของผูสังแตงตังคณะกรรมการสอบสวน
็
ั
่
ื
้
้
ั
ื
หรอผูบังคบบัญชาคนใหมตามขอ ๓๗ ผูถกกลาวหาจะยนคาชีแจงตอบุคคลดงกลาวก็ได ในกรณีเชนนี
ู
ํ
ํ
่
ั
้
้
ใหรบคาชีแจงนันรวมไวในสานวนการสอบสวนเพือประกอบการพิจารณาดวย
ํ
ู
ขอ ๒๗ ในการสอบปากคําผูถกกลาวหาและพยาน ตองมีกรรมการสอบสวนไมนอยกวา
ึ
่
กงหนึงของจํานวนกรรมการสอบสวนทังหมดจึงจะสอบสวนได
่
้
ขอ ๒๘ กอนเริมสอบปากคําพยาน ใหคณะกรรมการสอบสวนแจงใหพยานทราบวากรรมการ
่
ํ
สอบสวนมีฐานะเปนเจาพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา การใหถอยคาอันเปนเท็จตอกรรมการ
สอบสวนอาจเปนความผิดตามกฎหมาย
็
ึ
ั
็
่
่
ในการสอบปากคําผูเสยหายหรอพยานซงเปนเดก ใหสอบสวนในสถานทีทีเหมาะสมสําหรบเดก
ื
่
ี
ื
่
่
่
็
และใหมีขาราชการครูทีเปนกลางและเชือถอได และบุคคลทีเดกรองขอหรอไววางใจเขารวมในการ
ื
สอบปากคํานันดวย หากผูเสียหายหรือพยานซึงเปนเด็กตังรังเกียจขาราชการครูดังกลาวขางตนใหเปลียนตัว
่
้
่
้
้
บุคคลนัน
ู
ื
ในกรณีผูเสยหายหรอพยานเปนคนหูหนวกหรอเปนใบ หรอทังหหนวกและเปนใบ หรอมีความ
ี
ื
้
ื
ื
่
ื
พิการทางกาย หรอไมเขาใจภาษาไทยและจําเปนตองใชลาม ใหคณะกรรมการสอบสวนจัดหาลามทีเปน
ั
กลางและเชือถอไดใหแกบุคคลดงกลาว
่
ื
ขอ ๒๙ ในการสอบปากคําผูถกกลาวหาและพยาน หามมิใหกรรมการสอบสวนกระทําหรือ
ู
ั
ั
ู
็
ํ
ื
จดใหกระทําการใด ๆ ซงเปนการใหคามันสญญา ขเขญ หลอกลวง หรอกระทําโดยมิชอบดวยประการใด ๆ
่
ึ
่
ื
ู
่
ื
่
ํ
เพือจงใจใหบุคคลนันใหถอยคาอยางใด ๆ หรอกระทําใหทอใจ หรอใชกลอุบายอืนเพือปองกันมิใหบุคคล
่
้
ใดใหถอยคาหรอไมใหถอยคาซงอยากจะใหดวยความเต็มใจในเรืองทีถูกกลาวหานัน
ํ
่
่
ึ
้
ํ
่
ื
108
หนา ๔๐
ั
่
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
ขอ ๓๐ ในการสอบปากคําผูถกกลาวหาและพยาน ใหคณะกรรมการสอบสวนเรียกผูซงจะถูก
่
ู
ึ
่
่
่
ู
่
สอบปากคําเขามาในทีสอบสวนคราวละหนึงคน และหามมิใหบุคคลอืนอยในทีสอบสวน เวนแต
ื
ู
ึ
ื
ทนายความหรอทีปรกษาของผูถกกลาวหา หรอบุคคลตามขอ ๒๘ วรรคสอง หรอวรรคสาม หรอบุคคล
่
ื
ื
ู
่
่
ึ
่
ซงคณะกรรมการสอบสวนอนุญาตใหอยในทีสอบสวนเพือประโยชนแหงการสอบสวน
่
ํ
ึ
การสอบปากคําผูถกกลาวหาและพยาน ใหบันทึกถอยคาซงมีสาระสําคัญตามแบบ สว. ๔ หรือ
ู
่
ํ
่
ํ
ํ
ื
็
แบบ สว. ๕ ที ก.ค.ศ. กาหนด แลวแตกรณี เมือไดบันทึกถอยคาเสรจแลวใหอานใหผูใหถอยคาฟงหรอ
ื
ู
ื
็
่
จะใหผูใหถอยคาอานเองก็ได ถามีการแกไข ทักทวง หรอเพิมเตม กใหแกไขใหถกตอง หรอมิฉะนันก็ให
ํ
ิ
้
่
บันทึกไว เมือผูใหถอยคํารับวาถูกตองแลว ใหผูใหถอยคํา ผูเขารวมฟงตามวรรคหนึงทีอยูในทีสอบสวน
่
่
่
่
และผูบันทึกถอยคาลงลายมือชือไวเปนหลักฐาน และใหกรรมการสอบสวนทุกคนซึงรวมสอบสวน
่
ํ
ํ
ั
ํ
ลงลายมือชือรบรองไวในบันทึกถอยคานันดวยถาบันทึกถอยคามีหลายหนาใหกรรมการสอบสวนอยางนอย
้
่
ํ
ํ
่
่
หนึงคนกับผูใหถอยคาลงลายมือชือกากับไวทุกหนา
ํ
ในการบันทึกถอยคา หามมิใหขดลบหรอบันทึกขอความทับ ถาจะตองแกไขขอความทีไดบันทึก
ู
ื
่
ี
ิ
ิ
่
ไวแลว ใหใชวธีขดฆาหรอตกเตม และใหกรรมการสอบสวนผูรวมสอบสวนอยางนอยหนึงคนกับผูให
ื
ถอยคาลงลายมือชือกากับไวทุกแหงทีขดฆาหรอตกเตม
ิ
่
่
ํ
ํ
ื
ี
่
ในกรณีทีผูใหถอยคาหรอผูเขารวมฟงตามวรรคหนึงทีอยูในทีสอบสวนไมยอมลงลายมือชือ
่
่
่
ํ
่
ื
่
ุ
้
ใหบันทึกเหตนันไวในบันทึกถอยคานัน และใหกรรมการสอบสวนทุกคนซึงรวมสอบสวนลงลายมือชือ
้
่
ํ
รบรองไวดวย
ั
ํ
ในกรณีทีผูใหถอยคาไมสามารถลงลายมือชือได ใหนํามาตรา ๙ แหงประมวลกฎหมายแพงและ
่
่
ั
พาณิชยมาใชบังคบโดยอนุโลม
่
ื
ํ
ในกรณีทีพยานไมมาหรอมาแตไมใหถอยคา หรอคณะกรรมการสอบสวนเรียกพยานไมไดภายใน
ื
้
ุ
้
เวลาอันสมควร คณะกรรมการสอบสวนจะไมสอบสวนพยานนันก็ได แตตองบันทึกเหตนันไวในบันทึก
ั
่
ํ
ประจาวนทีมีการสอบสวนตามขอ ๑๔ วรรคสาม และรายงานการสอบสวนตามขอ ๓๙
่
ขอ ๓๑ ในกรณีทีคณะกรรมการสอบสวนเห็นวา การสอบสวนพยานหลักฐานใดจะทําให
การสอบสวนลาชาโดยไมจาเปน หรอมิใชพยานหลักฐานในประเด็นสาคญ จะงดการสอบสวนพยานหลักฐาน
ํ
ั
ื
ํ
ุ
้
นันก็ได แตตองบันทึกเหตนันไวในบันทึกประจําวันทีมีการสอบสวนตามขอ ๑๔ วรรคสาม และรายงาน
่
้
การสอบสวนตามขอ ๓๙
109
หนา ๔๑
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
่
ั
่
่
ขอ ๓๒ ในกรณีทีจะตองสอบสวนหรือรวบรวมพยานหลักฐานซึงอยตางทองที ประธาน
่
ู
ั
่
ั
้
่
ํ
กรรมการจะรายงานตอผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน เพือดาเนินการมอบหมายใหหวหนา
ั
ื
ิ
ื
ิ
้
่
สวนราชการ ผูบรหารสถานศึกษา หรอผูบรหารหนวยงานการศึกษา ในทองทีนันสอบสวนหรอรวบรวม
ั
พยานหลักฐานแทนก็ได โดยกําหนดประเด็นหรอขอสาคญทีจะตองสอบสวนไปให ในกรณีเชนนี
้
ื
่
ํ
ิ
ั
ื
่
ั
ิ
ใหหวหนาสวนราชการ ผูบรหารสถานศึกษา หรอผูบรหารหนวยงานการศึกษาทีไดรบมอบหมาย
ื
็
เลือกขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหรอขาราชการฝายพลเรอนทีเหนสมควรอยางนอยอีกสองคน
่
ื
มารวมเปนคณะทําการสอบสวน
่
ในการปฏิบัตหนาทีตามวรรคหนึง ใหคณะทําการสอบสวนมีฐานะเปนคณะกรรมการสอบสวน
่
ิ
้
ตามกฎ ก.ค.ศ. นี และใหนําขอ ๒๗ ขอ ๒๘ ขอ ๒๙ และขอ ๓๐ มาใชบังคับโดยอนุโลม
่
ขอ ๓๓ ในกรณีทีคณะกรรมการสอบสวนเห็นวา กรณีมีมูลวาผูถกกลาวหากระทําผิดวนัย
ู
ิ
ไมรายแรงหรออยางรายแรง หรอหยอนความสามารถในอันทีจะปฏบัตหนาทีราชการ บกพรองในหนาที ่
่
ื
ิ
่
ิ
ื
่
ิ
่
ื
่
ราชการ หรอประพฤตตนไมเหมาะสมกับตําแหนงในอันทีจะปฏิบัติหนาทีราชการในเรืองอืนนอกจากที ่
่
ั
่
ระบุไวในคาสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน ใหประธานกรรมการรายงานไปยังผูสงแตงตงคณะกรรมการ
ั
้
้
ํ
ั
ั
่
สอบสวนโดยเร็ว ถาผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนเห็นวากรณีมีมูลทีควรกลาวหาวากระทําผิดวนัย
่
่
ั
ิ
้
ั
ิ
่
ไมรายแรงหรออยางรายแรง หรอหยอนความสามารถในอันทีจะปฏบัตหนาทีราชการ บกพรองในหนาที ่
ื
ิ
่
ื
ื
ั
็
ิ
่
่
ํ
ิ
ราชการ หรอประพฤตตนไมเหมาะสมกับตาแหนงในอันทีจะปฏบัตหนาทีราชการตามทีรายงาน กใหสง
่
่
ิ
แตงตงคณะกรรมการสอบสวน โดยจะแตงตงคณะกรรมการสอบสวนคณะเดิมเปนผูทําการสอบสวน
้
ั
้
ั
ั
้
ื
หรอแตงตงคณะกรรมการสอบสวนใหมกได
็
่
ขอ ๓๔ ในกรณีทีการสอบสวนพาดพิงไปถึงขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผูอืนวามี
่
่
่
้
สวนรวมในการกระทําการในเรืองทีทําการสอบสวนนันดวย ใหคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาใน
่
้
เบืองตนวา ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผูนันมีสวนรวมกระทําการในเรืองทีสอบสวนดวย
่
้
หรอไม ถาเหนวาผูนันมีสวนรวมกระทําการในเรองทีสอบสวนนันอยดวย ใหประธานกรรมการรายงาน
่
ื
่
ื
็
้
ู
้
่
้
ั
ไปยงผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนเพือพิจารณาดาเนินการตามควรแกกรณีโดยเรว
ํ
ั
่
็
ั
ในกรณีทีผูสังแตงตังคณะกรรมการสอบสวนเห็นวากรณีมีมูลทีควรกลาวหาวากระทําผิดวินัย
่
้
่
่
ื
ั
้
่
อยางรายแรง หรอเปนความผิดกรณีอืนตามทีรายงาน กใหสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน โดยจะแตงตง
็
่
ั
่
้
ั
้
ื
้
็
คณะกรรมการสอบสวนคณะเดิมเปนผูสอบสวน หรอจะแตงตงคณะกรรมการสอบสวนใหมกได ทังนี
้
ั
110
หนา ๔๒
ั
่
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
ํ
ใหดาเนินการตามหลักเกณฑและวิธีการทีกาหนดในกฎ ก.ค.ศ. นี ในกรณีเชนนี ใหใชพยานหลักฐานทีได
ํ
้
่
่
้
สอบสวนมาแลวประกอบการพิจารณาได
ในกรณีทีคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการสอบสวนโดยแยกเปนสานวนการสอบสวนใหม
่
ํ
ใหนําสาเนาพยานหลักฐานทีเกียวของในสํานวนการสอบสวนเดิมรวมไวในสานวนการสอบสวนใหม
ํ
่
ํ
่
ื
หรอบันทึกใหปรากฏดวยวานําพยานหลักฐานใดจากสํานวนการสอบสวนเดิม มาประกอบการพิจารณาใน
ํ
สานวนการสอบสวนใหมดวย
่
ขอ ๓๕ ในกรณีทีผูบังคับบัญชาไดแตงตังคณะกรรมการสอบสวนเพือสอบสวนขาราชการครู
้
่
ิ
่
้
่
ื
และบุคลากรทางการศึกษาผูใด ในเรองทีผูนันหยอนความสามารถในอันทีจะปฏิบัตหนาทีราชการ
่
่
่
ํ
บกพรองในหนาทีราชการ หรอประพฤตตนไมเหมาะสมกับตาแหนงหนาทีราชการตามมาตรา ๑๑๑ และ
ื
ิ
่
ั
่
ผูบังคบบัญชาเห็นวาการสอบสวนเรืองนันมีมูลวาเปนการกระทําผิดวนัยอยางรายแรงซึงผูบังคับบัญชา
ิ
่
้
้
่
้
ั
ํ
็
เหนควรแตงตงคณะกรรมการสอบสวนเพือทําการสอบสวนผูนันตามมาตรา ๙๘ ใหดาเนินการตามหลักเกณฑ
้
้
ํ
และวิธีการทีกาหนดในกฎ ก.ค.ศ. นี ในกรณีเชนนีคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา ๙๘ จะนําสานวน
่
ํ
็
การสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา ๑๑๑ มาประกอบการพิจารณาดวยกได
ู
ุ
ขอ ๓๖ ในกรณีทีมีคาพิพากษาถึงทีสดวาผูถกกลาวหากระทําผิดหรือตองรับผิดในคดีที ่
ํ
่
่
ั
เกียวกบเรองทีกลาวหา ถาคณะกรรมการสอบสวนเห็นวาขอเท็จจรงทีปรากฏตามคําพิพากษาไดความ
่
ิ
่
ื
่
่
้
ํ
ื
่
ประจกษชัดอยแลว ใหถอเอาคาพิพากษานันเปนพยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหา โดยไมตอง
ั
ู
่
่
่
สอบสวนพยานหลักฐานอืนทีเกียวของกับขอกลาวหา แตตองแจงใหผูถูกกลาวหาทราบและแจงขอกลาวหา
่
ู
ํ
่
้
พรอมทังสรปพยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหาตามทีปรากฏในคาพิพากษาใหผูถกกลาวหาทราบ ทังนี
้
้
ุ
ั
ใหนําขอ ๒๔ มาใชบังคบโดยอนุโลม
ู
ั
ู
ขอ ๓๗ ในระหวางการสอบสวน แมจะมีการสังใหผูถกกลาวหาไปอยนอกบังคบบัญชาของ
่
่
ั
ั
ผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน ใหคณะกรรมการสอบสวนทําการสอบสวนตอไปจนเสร็จ แลวทํา
้
่
ั
้
ั
่
รายงานการสอบสวนและเสนอสํานวนการสอบสวนตอผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน เพือตรวจสอบ
ความถูกตองตามขอ ๔๓ ขอ ๔๔ ขอ ๔๕ และขอ ๔๖ และใหผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนสง
่
ั
้
ั
ั
ั
เรองใหผูบังคบบัญชาคนใหมของผูถกกลาวหา เพือดาเนินการตามขอ ๔๐ ตอไป ทังนี ใหผูบังคบบัญชา
่
ื
้
้
ู
่
ํ
คนใหมมีอํานาจตรวจสอบความถูกตองตามขอ ๔๓ ขอ ๔๔ ขอ ๔๕ และขอ ๔๖ ดวย
111
หนา ๔๓
ั
่
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
หมวด ๕
การทํารายงานการสอบสวน
็
ขอ ๓๘ เมือคณะกรรมการสอบสวนไดรวบรวมพยานหลักฐานตาง ๆ เสรจแลว ใหประชุม
่
้
ิ
้
ั
ํ
เพือพิจารณาสํานวนการสอบสวน โดยชังน้าหนักพยานหลักฐานทังปวง ทังขอเท็จจรงอันเปนสาระสําคญ
่
่
ิ
่
ของการกระทํา ขอกฎหมายทียกขนอางอิงวนิจฉย ขอพิจารณา และขอเสนอในการใชดลพินิจ
ั
้
ึ
ุ
่
ในการพิจารณาลงมติ ใหประธานกรรมการถามกรรมการสอบสวนทีละคน เพือใหออกความเห็น
็
้
่
ั
ทุกคนในทุกประเดนทีพิจารณา ดงตอไปนี
็
่
็
ู
ิ
(๑) ในกรณีทีเหนวาผูถกกลาวหากระทําผิดวนัย กใหระบุดวยวาการกระทําของผูถกกลาวหา
ู
ิ
ั
เปนความผิดวนัยกรณีใด ตามมาตราใด และสมควรไดรบโทษสถานใด
ิ
(๒) ในกรณีทีเหนวาผูถกกลาวหามิไดกระทําผิดวนัย หรอการกระทําของผูถกกลาวหาไมเปน
ู
่
็
ู
ื
็
ื
ความผิดวนัย กใหมีความเห็นยตเรอง
่
ิ
ุ
ิ
่
ิ
่
ู
(๓) ผูถกกลาวหาหยอนความสามารถในอันทีจะปฏบัตหนาทีราชการ บกพรองในหนาทีราชการ
ิ
่
ิ
หรอประพฤตตนไมเหมาะสมกับหนาทีราชการตามมาตรา ๑๑๑ หรอไมอยางไร
ื
่
ื
ิ
่
ิ
่
ุ
ู
(๔) ในกรณีทีมีเหตอันควรสงสัยอยางยงวา ผูถกกลาวหาไดกระทําผิดวนัยอยางรายแรง แตการ
่
ั
สอบสวนไมไดความแนชัดพอทีจะรบฟงลงโทษปลดออกหรือไลออก ถาใหรับราชการตอไปจะเปนการ
็
ื
ี
้
เสยหายแกราชการตามมาตรา ๑๑๒ หรอไม อยางไร กใหมีความเห็นไปตามนัน
่
ขอ ๓๙ เมือไดประชุมพิจารณาลงมติตามขอ ๓๘ แลว ใหคณะกรรมการสอบสวนทํารายงาน
่
ั
้
การสอบสวนซึงมีสาระสําคญตามแบบ สว. ๖ ที ก.ค.ศ. กาหนด เสนอตอผูสงแตงตงคณะกรรมการ
่
ั
ํ
่
ั
สอบสวน หากกรรมการสอบสวนผูใดมีความเห็นแยง ใหทําความเห็นแยงแนบไวกับรายงานการสอบสวน
่
โดยถือเปนสวนหนึงของรายงานการสอบสวนดวย
ั
รายงานการสอบสวนอยางนอยตองมีสาระสําคญ ดงตอไปนี ้
ั
ุ
(๑) สรปขอเท็จจรงอันเปนสาระสําคญและพยานหลักฐาน ในกรณีทีไมไดสอบสวนพยานตาม
ิ
ั
่
่
่
ู
ขอ ๓๐ วรรคหก และขอ ๓๑ ใหรายงานเหตทีไมไดสอบสวนนันใหปรากฏไว ในกรณีทีผูถกกลาวหาให
้
ุ
ถอยคารบสารภาพใหบันทึกเหตผลในการรับสารภาพไวดวย
ุ
ํ
ั
่
(๒) วนิจฉัยเปรียบเทียบพยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหากับพยานหลักฐานทีหักลาง
่
ิ
ขอกลาวหา
112
หนา ๔๔
ั
่
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
ู
(๓) ความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนวา ผูถกกลาวหาไดกระทําผิดวนัยหรอไม อยางไร
ิ
ื
ิ
ุ
ื
ิ
ถาไมผิดใหเสนอความเห็นยตเรอง ถาผิดใหระบุวาเปนความผิดวนัยกรณีใด ตามมาตราใด และสมควรไดรบ
ั
่
ิ
่
ื
ุ
่
ิ
โทษสถานใด หรอมีเหตอันควรสงสัยวา หยอนความสามารถในอันทีจะปฏบัตหนาทีราชการ บกพรองใน
ิ
ื
่
ํ
่
หนาทีราชการ หรอประพฤตตนไมเหมาะสมกับตาแหนงหนาทีราชการตามมาตรา ๑๑๑ หรือไม อยางไร
ิ
่
ิ
ื
หรอมีเหตอันควรสงสัยอยางยงวาผูถกกลาวหาไดกระทําผิดวนัยอยางรายแรง แตการสอบสวนไมไดความ
ู
ุ
่
ั
แนชัดพอทีจะรบฟงลงโทษปลดออกหรือไลออก ถาใหรบราชการตอไปจะเปนการเสียหายแกราชการ
ั
ื
ุ
และสมควรใหออกจากราชการตามมาตรา ๑๑๒ หรอไม อยางไร พรอมทังขอสนับสนุนการใชดลพินิจ
้
่
เมือคณะกรรมการสอบสวนไดทํารายงานการสอบสวนแลว ใหเสนอสํานวนการสอบสวน
ั
พรอมทังสารบาญตอผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน และใหถอวาการสอบสวนแลวเสรจ
้
็
้
่
ื
ั
หมวด ๖
การพิจารณาสังสานวนการสอบสวน
ํ
่
ขอ ๔๐ เมือคณะกรรมการสอบสวนไดเสนอสํานวนการสอบสวนมาแลว ใหผูสงแตงตง
ั
่
ั
่
้
ํ
คณะกรรมการสอบสวนตรวจสอบความถูกตองของสานวนการสอบสวนตามขอ ๔๓ ขอ ๔๔ ขอ ๔๕
ั
ํ
และขอ ๔๖ แลวดาเนินการ ดงตอไปนี ้
(๑) ในกรณีทีคณะกรรมการสอบสวนเห็นวาผูถกกลาวหาไมไดกระทําผิดหรอไมมีเหตทีจะให
ู
ื
ุ
่
่
ออกจากราชการตามมาตรา ๑๑๒ สมควรยุติเรือง หรือกระทําผิดทียังไมถึงขันเปนการกระทําผิดวินัยอยาง
้
่
่
้
่
ั
้
่
รายแรง ใหผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาสังการตามทีเหนสมควรโดยเร็ว ทังนี ตองไมเกิน
่
ั
็
้
ั
ั
ิ
ั
ํ
หกสบวนนับแตวนไดรบสานวนการสอบสวน
ิ
(๒) ในกรณีทีคณะกรรมการสอบสวนเห็นวาผูถกกลาวหาหยอนความสามารถในอันทีจะปฏบัต ิ
ู
่
่
่
ิ
่
หนาทีราชการ บกพรองในหนาทีราชการ หรอประพฤตตนไมเหมาะสมกับหนาทีราชการตามมาตรา ๑๑๑
ื
่
ุ
ใหผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาสํานวนการสอบสวนดังกลาว หากเห็นวามีเหตตามที ่
่
ั
ั
้
ั
้
คณะกรรมการสอบสวนมีความเห็นมา ใหผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการตามมาตรา ๑๑๑
ั
่
ิ
่
ู
็
(๓) ในกรณีทีคณะกรรมการสอบสวนมีความเหนวาผูถกกลาวหากระทําผิดวนัยอยางรายแรง
่
สมควรลงโทษปลดออกหรือไลออกซงจะตองสงเรองให อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ.
ื
่
่
ึ
้
่
ื
ื
้
ี
ื
ั
่
ตง หรอ ก.ค.ศ. พิจารณาตามมาตรา ๑๐๐ วรรคส (๑) หรอ (๒) หรอเปนกรณีตามมาตรา ๑๑๒ ใหผูมี
ั
้
้
ิ
ํ
ั
อํานาจตามมาตราดังกลาวดาเนินการโดยไมชักชา ทังนี ตองไมเกินหกสบวนนับแตวนไดรับสํานวน
113
หนา ๔๕
ั
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
่
ื
่
้
่
ั
้
การสอบสวน และให อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตง หรอ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี พิจารณา
ั
่
ใหแลวเสรจและมีมตโดยเรว และใหผูมีอํานาจสังการตามมติภายในหกสิบวนนับแตวนทีมีมตดงกลาว
ั
ิ
็
็
่
ิ
ั
่
ั
้
่
ขอ ๔๑ ในกรณีทีผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน ผูมีอํานาจตามมาตรา ๙๘ หรือมาตรา
ั
็
ื
้
้
ั
๑๐๔ (๑) อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตง หรอ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี เหนสมควรให
่
่
้
สอบสวนเพิมเตมประการใด ใหกาหนดประเด็นพรอมทังสงเอกสารทีเกียวของไปใหคณะกรรมการ
ํ
ิ
่
่
่
ิ
่
่
สอบสวนคณะเดิม เพือดาเนินการสอบสวนเพิมเตมไดตามความจําเปน
ํ
่
่
่
ในกรณีทีคณะกรรมการสอบสวนคณะเดิมไมอาจทําการสอบสวนได หรือผูสังสอบสวนเพิมเติม
่
ิ
็
เหนเปนการสมควรจะแตงตงคณะกรรมการสอบสวนคณะใหมขนทําการสอบสวนเพิมเตมก็ได ในกรณี
้
ึ
้
ั
ั
้
เชนนี ใหนําขอ ๓ และขอ ๔ มาใชบังคบโดยอนุโลม
่
็
ใหคณะกรรมการสอบสวนทําการสอบสวนเพิมเตมใหแลวเสรจโดยเรว เมือสอบสวนเสร็จแลว
่
็
ิ
่
่
ิ
่
่
่
่
ใหสงพยานหลักฐานและเอกสารทีเกียวของทีไดจากการสอบสวนเพิมเตม ไปใหผูสังสอบสวนเพิมเติมโดย
่
็
ิ
่
จดทําความเห็นเฉพาะทีไดจากการสอบสวนเพิมเตมประกอบไปดวยกได
ั
่
เมือไดดาเนินการตามวรรคสามแลว ใหนําขอ ๔๐ มาใชบังคบโดยอนุโลม
ั
ํ
ื
ิ
ขอ ๔๒ การพิจารณาพยานหลักฐานวาผูถกกลาวหากระทําผิดวนัยหรอไม อยางไร
ู
ู
่
ุ
ใหพิจารณาจากพยานหลักฐานในสํานวนการสอบสวน และตองเปนพยานหลักฐานทีไดสรปแจงใหผูถก
้
กลาวหาทราบแลวเทานัน
หมวด ๗
่
การสอบสวนทีมิชอบและบกพรอง
ู
ขอ ๔๓ ในกรณีทีปรากฏวาการแตงตงคณะกรรมการสอบสวนไมถกตองตามขอ ๓ ใหการ
้
่
ั
่
สอบสวนทังหมดเสียไป ในกรณีเชนนี ใหผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน ผูมีอํานาจตามมาตรา ๙๘
ั
้
้
้
ั
้
ั
หรอมาตรา ๑๐๔ (๑) แตงตงคณะกรรมการสอบสวนใหมใหถกตอง
ื
ู
้
่
ี
ขอ ๔๔ ในกรณีทีปรากฏวาการสอบสวนตอนใดทําไมถกตอง ใหการสอบสวนตอนนันเสยไป
ู
ั
เฉพาะในกรณีดงตอไปนี ้
(๑) การประชุมของคณะกรรมการสอบสวน มีกรรมการสอบสวนมาประชุมไมครบตามที ่
กาหนดไวในขอ ๑๗ วรรคหนึง
่
ํ
114
หนา ๔๖
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
่
ั
่
ํ
ู
ํ
(๒) การสอบปากคําบุคคลดาเนินการไมถกตองตามทีกาหนดไวในขอ ๑๑ ขอ ๒๗ ขอ ๒๘
่
่
ื
วรรคสอง ขอ ๒๙ ขอ ๓๐ วรรคหนึง หรอขอ ๓๒ วรรคหนึง
้
ื
้
ั
่
ั
ในกรณีเชนนี ใหผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน ผูมีอํานาจตามมาตรา ๙๘ หรอมาตรา
่
่
่
้
๑๐๔ (๑) อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตัง หรือ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี สังให
้
็
ั
ู
คณะกรรมการสอบสวนดําเนินการตามกรณีดงกลาวใหมใหถกตองโดยเรว
ั
่
ี
ู
ขอ ๔๕ ในกรณีทีปรากฏวาคณะกรรมการสอบสวนไมเรยกผูถกกลาวหามารบทราบ
ขอกลาวหาและสรุปพยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหา หรือไมสงบันทึกการแจงขอกลาวหาและสรุป
่
ื
ั
พยานหลักฐานทีสนับสนุนขอกลาวหาทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรบไปใหผูถกกลาวหา หรอไมมี
ู
่
ื
ู
ั
้
ื
ํ
หนังสอขอใหผูถกกลาวหาชีแจงหรอนัดมาใหถอยคาหรอนําสบแกขอกลาวหาตามขอ ๒๔ ใหผูสงแตงตง
ื
ื
้
่
ั
้
่
คณะกรรมการสอบสวน ผูมีอํานาจตามมาตรา ๙๘ หรือมาตรา ๑๐๔ (๑) อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา
ู
อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตง หรอ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี สงใหคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการใหถกตอง
่
ื
้
่
ั
ั
โดยเรว และตองใหโอกาสผูถกกลาวหาทีจะชีแจง ใหถอยคาและนําสืบแกขอกลาวหาตามทีกําหนดไวใน
่
้
ู
ํ
็
่
ขอ ๒๔ ดวย
ในกรณีทีการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนแตกตางจากขอกลาวหาทีคณะกรรมการ
่
่
ู
สอบสวนไดแจงใหผูถกกลาวหาทราบ แตในการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนนัน ถาผูถกกลาวหา
้
ู
ี
ึ
ไมไดหลงขอตอสโดยไดแกขอกลาวหาในความผิดนันแลวซงไมทําใหเสยความเปนธรรม ใหถอวาการ
ู
ื
้
่
้
่
สอบสวนและพิจารณานันใชได และใหลงโทษผูถูกกลาวหาไดตามบทมาตราหรือกรณีความผิดทีถูกตอง
ขอ ๔๖ ในกรณีทีปรากฏวาการสอบสวนตอนใดทําไมถกตองตามกฎ ก.ค.ศ. นี นอกจากที ่
่
้
ู
ํ
ี
ั
้
กาหนดไวในขอ ๔๓ ขอ ๔๔ และขอ ๔๕ ถาการสอบสวนตอนนันเปนสาระสําคญอันจะทําใหเสยความ
ื
่
ั
เปนธรรม ใหผูสงแตงตงคณะกรรมการสอบสวน ผูมีอํานาจตามมาตรา ๙๘ หรอมาตรา ๑๐๔ (๑) อ.ก.ค.ศ.
้
ั
้
ั
่
่
้
เขตพืนทีการศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตง หรอ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี สงใหคณะกรรมการสอบสวน
่
ั
ื
้
้
ี
ื
แกไขหรอดาเนินการตอนนันใหถกตองโดยเรว แตถาการสอบสวนตอนนันมิใชสาระสําคญอันจะทําใหเสย
็
ั
ู
ํ
ํ
ื
ู
่
ั
ความเปนธรรม ผูมีอํานาจดงกลาวจะสังใหแกไขหรอดาเนินการใหถกตองหรือไมก็ได
115
หนา ๔๗
่
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
ั
หมวด ๘
การนับระยะเวลา
ํ
ขอ ๔๗ การนับระยะเวลาตามกฎ ก.ค.ศ. นี สาหรบเวลาเรมตนใหนับวนถัดจากวันแรกแหง
่
ั
้
ั
ิ
ั
เวลานันเปนวนเรมนับระยะเวลา แตถาเปนกรณีขยายเวลาใหนับวนตอจากวันสดทายแหงระยะเวลาเดมเปน
ิ
ุ
ั
ิ
้
่
ุ
ุ
ั
้
่
ั
่
ิ
วนเรมระยะเวลาทีขยายออกไป สวนเวลาสินสด ถาวนสดทายแหงระยะเวลาตรงกับวนหยดราชการ
ุ
ั
ั
่
ั
ใหนับวนเรมเปดทําการใหมเปนวนสุดทายแหงระยะเวลา
ิ
บทเฉพาะกาล
ํ
ขอ ๔๘ การดาเนินการสอบสวนกอนทีกฎ ก.ค.ศ. นีใชบังคบ ใหคณะกรรมการสอบสวน
่
ั
้
็
่
ู
ํ
ดาเนินการตามหลักเกณฑและวิธีการทีใชอยในขณะนันจนกวาจะแลวเสรจ สวนการพิจารณาสังการของผูมี
้
่
่
้
่
ื
อํานาจตามมาตรา ๕๓ มาตรา ๙๘ หรอมาตรา ๑๐๔ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ.
ตง หรอ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี ใหดาเนินการตามกฎ ก.ค.ศ. นี ้
้
ํ
ั
ื
ั
่
ใหไว ณ วนที ๒๓ สงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
ิ
วจตร ศรสอาน
ิ
ิ
ี
รฐมนตรวาการกระทรวงศึกษาธิการ
ี
ั
ประธาน ก.ค.ศ.
116
หนา ๔๘
ั
่
เลม ๑๒๔ ตอนที ๕๓ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๒ กนยายน ๒๕๕๐
้
ั
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎ ก.ค.ศ. ฉบบนี คือ โดยทีการดําเนินการทางวินัยแกขาราชการครู
่
ั
ี
ี
ึ
่
ิ
้
ู
่
ี
และบุคลากรทางการศึกษาซงมกรณีอนมมลทควรกลาวหาวากระทําผดวินัยนัน ตองดําเนินกระบวนการ
สอบสวนพิจารณาโดยมิชกชา มความยุติธรรม และคุมครองสทธแกขาราชการครูและบคลากรทางการศึกษาที ่
ั
ุ
ิ
ิ
ี
่
ู
ถกกลาวหาหรือเปนผูเสียหาย ตลอดจนพยานทีใหถอยคําในการสอบสวน อันจะทําใหกระบวนการสอบสวน
ไดความจริงและมีความยุติธรรม ประกอบกับมาตรา ๙๘ วรรคหก แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการครู
และบคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ บญญัติวา การสอบสวนพิจารณาขาราชการครูและบคลากรทางการ
ุ
ุ
ั
่
ี
ึ
่
ู
ิ
ั
ศกษาซงถกกลาวหาวากระทําผดวินัย ใหเปนไปตามหลกเกณฑและวิธการทีกําหนดในกฎ ก.ค.ศ.
ึ
จึงจําเปนตองออกกฎ ก.ค.ศ. นี ้
117
หนา ๓
ิ
่
เลม ๑๒๓ ตอนที ๑๑๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ พฤศจกายน ๒๕๔๙
กฎ ก.ค.ศ.
วาดวยกรณีความผิดทีปรากฏชัดแจง
่
พ.ศ. ๒๕๔๙
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๙ (๔) และมาตรา ๙๘ วรรคเจ็ด แหงพระราชบัญญัตระเบียบ
ิ
ั
ี
ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ก.ค.ศ. โดยไดรบอนุมัตจากคณะรัฐมนตรออก
ิ
กฎ ก.ค.ศ. ไว ดงตอไปนี ้
ั
ิ
ขอ ๑ ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผูใดกระทําผิดวนัยไมรายแรง ในกรณี
่
่
ดังตอไปนี เปนกรณีความผิดทีปรากฏชัดแจง ซึงผูบังคับบัญชาจะดําเนินการทางวินัย ตามมาตรา ๑๐๐
้
่
ื
ื
วรรคหนึงหรอวรรคสอง หรอมาตรา ๑๐๔ (๑) โดยไมสอบสวนหรืองดการสอบสวนก็ได
ํ
้
ั
่
ุ
(๑) กระทําความผิดอาญาจนตองคาพิพากษาถึงทีสดวาผูนันกระทําผิดและผูบังคบบัญชาเห็น
วาขอเท็จจรงทีปรากฏตามคําพิพากษานันไดความประจักษชัดแลว
้
ิ
่
ิ
(๒) กระทําผิดวนัยไมรายแรงและไดรับสารภาพเปนหนังสือตอผูบังคับบัญชา หรือใหถอยคํา
ื
รบสารภาพตอผูมีหนาทีสบสวนหรือคณะกรรมการสอบสวนตามกฎหมายวาดวยระเบยบขาราชการครู
่
ี
ั
และบุคลากรทางการศึกษา และไดมีการบันทึกถอยคารบสารภาพเปนหนังสอ
ั
ํ
ื
ิ
ขอ ๒ ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผูใดกระทําผิดวนัยอยางรายแรง ในกรณี
ึ
่
้
่
ดงตอไปนี เปนกรณีความผิดทีปรากฏชัดแจง ซงผูบังคับบัญชาจะดําเนินการทางวินัย ตามมาตรา ๑๐๐
ั
ื
วรรคส หรอมาตรา ๑๐๔ (๑) โดยไมสอบสวนหรืองดการสอบสวนก็ได
่
ี
ุ
ํ
ั
ํ
(๑) กระทําความผิดอาญาจนไดรบโทษจําคกหรอโทษทีหนักกวาจาคก โดยคาพิพากษาถึง
่
ุ
ื
ํ
ุ
ื
่
ุ
ทีสดใหจาคกหรอใหลงโทษทีหนักกวาจาคก เวนแตเปนโทษสําหรบความผิดทีไดกระทําโดยประมาท
ั
่
ุ
ํ
่
ื
หรอความผิดลหโทษ
ุ
118
หนา ๔
่
ิ
เลม ๑๒๓ ตอนที ๑๑๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ พฤศจกายน ๒๕๔๙
ิ
้
ั
่
ี
ั
ิ
ั
(๒) ละทิงหนาทีราชการตดตอในคราวเดยวกนเปนเวลาเกินสบหาวน และผูบังคบบัญชาได
ุ
ดาเนินการสืบสวนแลวเหนวาไมมีเหตผลอันสมควรหรอมีพฤตการณอันแสดงถึงความจงใจไมปฏบัต ิ
ํ
ื
ิ
็
ิ
ตามระเบียบของทางราชการ
ื
ั
ิ
(๓) กระทําผิดวนัยอยางรายแรงและไดรบสารภาพเปนหนังสอตอผูบังคับบัญชา หรือให
ั
ถอยคารบสารภาพตอผูมีหนาทีสบสวนหรือคณะกรรมการสอบสวน ตามกฎหมายวาดวยระเบยบ
ํ
่
ื
ี
ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และไดมีการบันทึกถอยคารบสารภาพเปนหนังสอ
ํ
ื
ั
ั
่
ิ
ใหไว ณ วนที ๒๓ พฤศจกายน พ.ศ. ๒๕๔๙
ิ
ี
วจตร ศรสอาน
ิ
ั
รฐมนตรวาการกระทรวงศึกษาธิการ
ี
ประธาน ก.ค.ศ.
119
หนา ๕
ิ
่
เลม ๑๒๓ ตอนที ๑๑๙ ก ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ พฤศจกายน ๒๕๔๙
ุ
่
ื
้
ุ
หมายเหต :- เหตผลในการประกาศใชกฎ ก.ค.ศ. ฉบับนี คอ โดยทีมาตรา ๙๘ วรรคเจ็ด
แหงพระราชบัญญัตระเบียบขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ บัญญัตใหในกรณี
ิ
ิ
่
ความผิดทีปรากฏชัดแจงตามทีกาหนดในกฎ ก.ค.ศ. จะดาเนินการทางวินัยโดยไมสอบสวนก็ได
ํ
ํ
่
ํ
ึ
จงจาเปนตองออกกฎ ก.ค.ศ. นี ้
120
หน้า ๑๒
ิ
ี
่
เล่ม ๑๒๙ ตอนที ๒๒ ก ราชกจจานุเบกษา ๒ มนาคม ๒๕๕๕
กฎ ก.ค.ศ.
่
ว่าด้วยการสังพักราชการและการสังใหออกจากราชการไว้กอน
้
่
่
พ.ศ. ๒๕๕๕
ํ
้
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๙ (๔) มาตรา ๑๐๓ วรรคหา และมาตรา ๑๑๙
ี
่
ั
ุ
แหงพระราชบัญญัติระเบยบข้าราชการครูและบคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ก.ค.ศ. โดยได้รับอนุมติ
จากคณะรัฐมนตรีออกกฎ ก.ค.ศ. ไว้ ดังต่อไปนี ้
้
ุ
้
่
ข้อ ๑ การสังใหข้าราชการครูและบคลากรทางการศึกษาพักราชการหรือใหออกจากราชการ
่
ไว้กอนกรณีรอฟังผลการสอบสวนพิจารณา และกรณีถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามกฎหมาย
็
ุ
้
ํ
่
ว่าด้วยสภาครูและบคลากรทางการศึกษา ใหเปนไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการทีกาหนดในกฎ ก.ค.ศ. นี ้
ี
ู
้
้
ข้อ ๒ ใหผมอานาจตามมาตรา ๕๓ มาตรา ๙๘ วรรคสอง วรรคสี และวรรคหา มาตรา ๑๐๐
่
ํ
้
่
้
ั
ั
่
่
้
ั
็
้
วรรคหก และผูบงคับบญชาทีได้รับรายงานตามมาตรา ๑๐๔ แลวแต่กรณี เปนผูสงพักราชการหรือสังให ้
่
ออกจากราชการไว้กอน
ข้อ ๓ เมือข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผูใดมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัย
้
่
อย่างร้ายแรงจนถูกตังกรรมการสอบสวน หรือถูกฟ้องคดีอาญา หรือต้องหาว่ากระทําความผดอาญา
้
ิ
้
ี
ุ
ํ
ิ
็
ู
่
้
้
เว้นแต่เปนความผดทีได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหโทษ ผมอานาจตามข้อ ๒ จะสังใหผูนัน
้
่
่
ื
ี
พักราชการได้ต่อเมอมเหตุอย่างหนึงอย่างใด ดังต่อไปนี ้
่
้
ู
้
้
(๑) ผนันถูกตังกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง หรือถูกฟ้องคดีอาญา หรือต้องหาว่า
่
กระทําความผดอาญาในเรืองเกยวกบการทุจริตต่อหน้าทีราชการ หรือเกยวกบความประพฤติหรือพฤติการณ์
่
ี
่
ิ
ี
่
ั
ั
้
่
ั
้
้
อนไมน่าไว้วางใจ และผูทีถูกฟ้องนันพนักงานอัยการมิได้รับเป็นทนายแก้ต่างให้ และผูมีอํานาจตามข้อ ๒
่
ิ
ี
่
่
้
็
่
ู
้
พิจารณาเหนว่าถ้าใหผนันคงอยูในหน้าทีราชการอาจเกดความเสยหายแกราชการ
้
่
ุ
็
่
่
้
้
ี
ู
(๒) ผนันมพฤติการณ์ทีแสดงว่าถ้าคงอยูในหน้าทีราชการจะเปนอปสรรคต่อการสอบสวนพิจารณา
ิ
่
้
่
หรือจะกอใหเกดความไมสงบเรียบร้อยขึน
้
่
้
็
้
้
(๓) ผนันอยูในระหว่างถูกควบคุมหรือขังโดยเปนผูถูกจบในคดีอาญา หรือต้องจําคุกโดยคําพิพากษา
ั
ู
และได้ถูกควบคุม ขัง หรือต้องจําคุก เปนเวลาติดต่อกนเกนสิบหาวันแล้ว
็
ั
้
ิ
121
หน้า ๑๓
่
ี
ิ
เล่ม ๑๒๙ ตอนที ๒๒ ก ราชกจจานุเบกษา ๒ มนาคม ๒๕๕๕
ุ
่
้
้
้
ู
ี
(๔) ผนันถูกตังกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงและต่อมามคําพิพากษาถึงทีสดว่าเปน
็
่
้
้
้
ู
ผกระทําความผดอาญาในเรืองทีสอบสวน หรือผูนันถูกตังกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงภายหลัง
้
่
ิ
่
่
ุ
้
ี
่
้
้
็
ทีมคําพิพากษาถึงทีสดว่าเปนผูกระทําความผดอาญาในเรืองทีสอบสวนนัน และผูมีอํานาจตามข้อ ๒
่
ิ
่
์
้
็
่
่
พิจารณาเหนว่าข้อเท็จจริงทีปรากฏตามคําพิพากษาถึงทีสด ได้ความประจักษชัดอยูแลวว่าการกระทํา
ุ
็
ความผดอาญาของผูนันเปนความผดวินัยอย่างร้ายแรง
ิ
้
้
ิ
ข้อ ๔ การสังพักราชการตามข้อ ๓ ใหสงพักตลอดเวลาทีสอบสวนพิจารณา เว้นแต่กรณี
่
่
้
ั
่
้
่
่
่
ู
่
ทีผถูกสงพักราชการเพือรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาได้ร้องทุกข์คําสังพักราชการและผูมีอํานาจพิจารณา
้
ั
ั
้
ู
้
้
ิ
้
่
่
่
็
เหนว่าคําร้องทุกข์ฟังขึน และสมควรสังใหผนันกลับเข้าปฏบติหน้าทีราชการกอนการสอบสวนพิจารณา
็
่
ั
้
ิ
ิ
้
้
่
่
ุ
่
่
เสร็จสนเนืองจากพฤติการณ์ของผูถูกสงพักราชการไมเปนอปสรรคต่อการสอบสวนพิจารณา และไมกอใหเกด
่
่
่
ความไมสงบเรียบร้อยต่อไป หรือเนืองจากการดําเนินการทางวินัยได้ล่วงพ้นหนึงปีนับแต่วันพักราชการ
ั
้
้
ี
้
ู
่
้
้
้
้
ี
ํ
ู
่
่
่
่
ยังไมแลวเสร็จ และผูถูกสงพักราชการไมมพฤติกรรมดังกล่าว ใหผมอานาจสังพักราชการสังใหผนัน
กลบเข้าปฏบติหน้าทีราชการกอนการสอบสวนพิจารณาเสร็จสนได้
ิ
ั
้
ิ
่
ั
่
้
ุ
ี
่
ื
ข้อ ๕ เมอข้าราชการครูและบคลากรทางการศึกษาผูใดมกรณีถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
่
ิ
ถ้าภายในสามสิบวันนับแต่วันทีหน่วยงานการศึกษาของผูถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพปฏบติงานอยู ่
ั
้
ั
้
ได้รับหนังสือแจ้งการพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และผูบงคับบญชาหน่วยงานการศึกษานัน
้
ั
่
ื
่
ู
็
้
้
่
่
พิจารณาเหนว่า ผนันไมเหมาะสมทีจะเปลียนตําแหน่งหรือย้ายไปดํารงตําแหน่งอนทีไม่ต้องมีใบอนุญาต
่
่
ี
้
ประกอบวิชาชีพ หรือผูนันมความเหมาะสม แต่ไมอาจเปลียนตําแหน่งหรือย้ายไปดํารงตําแหน่งอนได้
่
ื
่
้
้
็
้
้
หรือ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรือ ก.ค.ศ. แลวแต่กรณี ไมอนุมติ กใหผมอานาจตามมาตรา ๕๓
่
ู
ั
่
ี
้
ํ
สงใหผนันพักราชการ
้
ู
้
่
้
ั
่
้
ั
ข้อ ๖ การสังพักราชการตามข้อ ๕ ใหสงพักตลอดเวลาทีถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
่
่
้
ตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบคลากรทางการศึกษา เว้นแต่กรณีทีผถูกสงพักราชการเนืองจากเหตุ
่
ู
ั
่
่
ุ
ุ
ถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบคลากรทางการศึกษาได้ร้องทุกข์
ั
่
่
คําสงพักราชการและผูมอานาจพิจารณาเหนว่าคําร้องทุกข์ฟังขึนและสมควรสังใหผนันกลับเข้าปฏบติ
ํ
้
ู
ี
้
้
้
้
ั
ิ
็
หน้าทีราชการกอนกาหนดเวลาทีถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เนืองจากมตําแหน่งอนทีไมต้องม ี
่
่
ื
ี
่
่
่
่
ํ
่
ั
้
้
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และผูบงคับบัญชาของหน่วยงานการศึกษาพิจารณาเห็นว่าผูนันมีความเหมาะสม
้
ั
ทีจะบรรจุและแต่งตังใหดํารงตําแหน่งดังกล่าว ผมอานาจสังพักราชการอาจสังใหผนันกลับเข้าปฏบติ
ิ
้
้
ํ
ี
ู
่
่
้
่
้
้
ู
้
ํ
่
่
่
หน้าทีราชการกอนกาหนดเวลาทีถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้
ี
ข้อ ๗ ข้าราชการครูและบคลากรทางการศึกษาผูใดมกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัย
้
ุ
้
อย่างร้ายแรงจนถูกตังกรรมการสอบสวนหลายสํานวน หรือถูกฟ้องคดีอาญา หรือต้องหาว่ากระทําผดอาญา
ิ
ิ
หลายคดี เว้นแต่เปนความผิดทีได้กระทําโดยประมาท หรือความผดลหโทษ หรือผูทีถูกฟ้องนัน
่
้
่
้
ุ
็
ั
้
็
พนักงานอยการรับเปนทนายแกต่างให ถ้าจะสังพักราชการให้สังพักทุกสํานวนและทุกคดี
่
่
้
122
หน้า ๑๔
ิ
ี
่
เล่ม ๑๒๙ ตอนที ๒๒ ก ราชกจจานุเบกษา ๒ มนาคม ๒๕๕๕
้
ั
่
่
ู
ในกรณีทีได้สงพักราชการในสํานวนใดหรือคดีใดไว้แลว ภายหลังปรากฏว่าผถูกสงพักราชการนัน
ั
้
่
้
่
ี
ิ
ื
้
มกรณีถูกกลาวหาว่ากระทําผดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตังกรรมการสอบสวนในสํานวนอน หรือถูกฟ้องคดีอาญา
่
็
่
ี
ิ
ื
่
้
่
หรือต้องหาว่ากระทําความผดอาญาในคดีอนเพิมขึนอกเว้นแต่เปนความผิดทีได้กระทําโดยประมาท
่
่
ุ
้
้
หรือความผิดลหโทษ หรือผูทีถูกฟ้องนันพนักงานอัยการรับเป็นทนายแก้ต่างให้ ก็ให้สังพักราชการ
้
ื
่
่
ในสํานวนหรือคดีอนทีเพิมขึนนันด้วย
่
้
ข้อ ๘ ข้าราชการครูและบคลากรทางการศึกษาผูใดมเหตุพักราชการตามข้อ ๓ และพักใช้
ุ
ี
้
ํ
ั
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามข้อ ๕ ถ้าจะสังพักราชการให้สงพักทุกสานวนและทุกคดี
่
่
ั
่
่
ในกรณีทีได้สงพักราชการในสํานวนใดหรือคดีใดไว้แลว ภายหลังปรากฏว่าผูถูกสังพักราชการนัน
้
้
่
้
่
ื
มกรณีถูกกลาวหาว่ากระทําผดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตังกรรมการสอบสวนในสํานวนอน หรือถูกฟ้อง
ิ
่
ี
้
ี
่
่
ิ
ื
้
่
็
ิ
คดีอาญา หรือต้องหาว่ากระทําความผดอาญาในคดีอนเพิมขึนอก เว้นแต่เปนความผดทีได้กระทําโดย
ุ
่
ประมาท หรือความผิดลหโทษ หรือผู้ทีถูกฟ้องนันพนักงานอัยการรับเป็นทนายแก้ต่างให้ หรือมีกรณี
้
ั
่
้
ถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบคลากรทางการศึกษา กใหสงพักราชการ
็
ุ
่
ื
้
่
่
ในสํานวนหรือคดีอนทีเพิมขึนนันด้วย
้
่
้
่
ข้อ ๙ การสังพักราชการหรือการสังใหออกจากราชการไว้กอน หามมใหสงย้อนหลังไปก่อน
ั
้
่
ิ
้
่
ั
วันออกคําสง เว้นแต่
่
้
ู
่
่
ึ
่
(๑) ผซงจะถูกสงพักราชการหรือจะถูกสงใหออกจากราชการไว้กอนอยูในระหว่างถูกควบคุม
้
ั
ั
่
่
ั
้
่
่
หรือขังโดยเปนผูถูกจบในคดีอาญา หรือต้องจําคุกโดยคําพิพากษา การสังพักราชการหรือการสัง
็
ใหออกจากราชการไว้กอนในเรืองนันใหสงย้อนหลังไปถึงวันทีถูกควบคุม ขัง หรือต้องจําคุก
้
่
ั
่
้
่
้
่
่
ี
่
้
่
่
(๒) ในกรณีทีได้มการสังพักราชการหรือสังใหออกจากราชการไว้กอนแล้ว ถ้าจะต้องสังใหม ่
่
่
่
ั
่
เพราะคําสงเดิมไมชอบหรือไมถูกต้อง ใหสงพักหรือสังใหออกตังแต่วันใหพักราชการหรือใหออกจาก
้
้
้
้
่
ั
้
่
ั
่
ราชการไว้กอนตามคําสงเดิม หรือตามวันทีควรต้องพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อนในขณะที ่
่
่
ั
่
ออกคําสงเดิม
ั
่
่
่
่
ุ
ข้อ ๑๐ คําสงพักราชการหรือสังใหออกจากราชการไว้กอนต้องระบชือและตําแหน่งของ
้
ั
ู
่
่
้
้
้
่
ผถูกสงพักหรือสังใหออกจากราชการไว้กอน ตลอดจนกรณีและเหตุทีสงใหพักราชการหรือสังใหออกจาก
ั
่
่
่
้
่
ราชการไว้กอน
่
ี
ื
เมอได้มคําสงใหข้าราชการครูและบคลากรทางการศึกษาผูใดพักราชการหรือสังให้ออกจาก
้
้
ุ
่
ั
่
้
ราชการไว้กอนแล้ว ใหแจงคําสงใหผนันทราบพร้อมทังส่งสําเนาคําสงใหด้วยโดยพลน
้
้
ั
้
้
้
ู
ั
้
่
่
่
ั
้
่
ั
่
้
ู
่
่
ื
ในกรณีทีผถูกพักราชการหรือใหออกจากราชการไว้กอนไมยอมลงลายมอชือรับทราบคําสง
่
ี
ั
แต่ได้มการแจ้งคําสงใหผนันทราบพร้อมกบมอบสําเนาคําสงใหผนัน รวมทังทําบันทึกลงวัน เดือน ปี
้
้
่
่
ั
้
ู
ั
้
ู
้
้
้
้
้
่
้
เวลาและสถานทีทีแจง และลงลายมอชือผูแจงพร้อมทังพยานรูเหนไว้เปนหลักฐานแล้ว ใหถือวันทีแจงนัน
ื
่
่
่
้
้
็
็
้
้
้
่
็
เปนวันทีผนันได้รับทราบคําสง
้
่
ั
ู
้
123
หน้า ๑๕
ี
ิ
่
เล่ม ๑๒๙ ตอนที ๒๒ ก ราชกจจานุเบกษา ๒ มนาคม ๒๕๕๕
่
ู
่
ั
้
่
ในกรณีทีไมอาจแจ้งใหผถูกพักราชการหรือใหออกจากราชการไว้กอนลงลายมอชือรับทราบคําสง
้
้
ื
่
่
ั
่
้
ี
็
้
้
่
ู
ได้โดยตรง แต่ได้มการแจ้งเปนหนังสือส่งสําเนาคําสงทางไปรษณีย์ลงทะเบยนตอบรับไปใหผนัน ณ ทีอยู ่
ี
้
้
้
ั
่
้
ึ
่
่
ั
้
้
ของผูนัน ซงปรากฏตามหลักฐานของทางราชการ โดยสงสําเนาคําสงไปใหสองฉบบเพือใหผูนันเก็บไว้
่
ื
่
่
้
หนึงฉบบ และใหผนันลงลายมอชือและวัน เดือน ปทีรับทราบคําสงส่งกลับคืนมาเพือเกบไว้เปน
้
ู
้
็
่
ี
ั
่
ั
่
็
้
ั
่
หลักฐานหนึงฉบบ ในกรณีเช่นนีเมอล่วงพ้นสิบหาวันนับแต่วันทีปรากฏในใบตอบรับทางไปรษณีย์
้
ื
่
่
้
้
่
ลงทะเบยนว่าผูนันได้รับเอกสารดังกล่าวหรือมีผูรับแทนแล้ว แม้ยังไม่ได้รับสําเนาคําสังฉบับทีให้ผูนัน
้
่
้
้
ี
้
ลงลายมอชือและวัน เดือน ปทีรับทราบคําสงกลับคืนมา ใหถือว่าผนันได้รับทราบคําสงใหพักราชการ
่
ั
่
ี
่
ั
่
้
ื
้
้
ู
้
หรือคําสังให้ออกจากราชการไว้ก่อนนันแล้ว
่
้
ุ
่
ี
่
ั
ื
ข้อ ๑๑ เมอข้าราชการครูและบคลากรทางการศึกษาผูใดมเหตุทีอาจถูกสงพักราชการ
่
้
่
ํ
ี
็
และผูมอานาจตามข้อ ๒ พิจารณาเหนว่าการสอบสวนพิจารณา หรือการพิจารณาคดีทีเปนเหตุทีอาจ
่
็
่
้
้
ู
้
้
่
ี
ํ
ั
้
ู
่
ถูกสงพักราชการตามข้อ ๓ นันจะไมแลวเสร็จโดยเร็ว ผมอานาจดังกล่าวจะสังใหผนั้นออกจากราชการ
่
ไว้กอนกได้
็
้
่
ี
ข้อ ๑๒ เมอข้าราชการครูและบคลากรทางการศึกษาผูใดมเหตุทีอาจถูกสงพักราชการตามข้อ ๕
ั
ุ
ื
่
่
้
ํ
เปนเวลาเกนหนึงป ผมอานาจตามข้อ ๒ อาจสังใหผนันออกจากราชการไว้กอนกได้
ู
้
่
ี
ู
้
่
ี
ิ
่
็
้
็
ั
ข้อ ๑๓ ใหนําความในข้อ ๔ ข้อ ๖ ข้อ ๗ และข้อ ๘ มาใช้บงคับกบการสังใหออกจาก
้
ั
่
้
ราชการไว้ก่อนโดยอนุโลม
้
้
้
่
ข้อ ๑๔ เมอได้สงใหข้าราชการครูและบคลากรทางการศึกษาผูใดพักราชการไว้แลว หากผูม ี
้
ื
่
ุ
ั
้
ี
้
่
ํ
้
่
็
ู
อานาจตามข้อ ๒ พิจารณาเหนว่ามเหตุตามข้อ ๑๑ หรือข้อ ๑๒ จะสังใหผนันออกจากราชการไว้กอน
ี
้
่
็
อกชันหนึงกได้
่
่
่
่
ข้อ ๑๕ ในกรณีทีจะสังใหออกจากราชการไว้กอนตามข้อ ๑๔ ให้สังให้ออกจากราชการไว้ก่อน
้
็
้
ตังแต่วันพักราชการเปนต้นไป
้
ข้อ ๑๖ การสังใหข้าราชการครูและบคลากรทางการศึกษาผูดํารงตําแหน่งซงมวิทยฐานะ
้
ึ
่
่
ี
ุ
้
ู
่
้
ู
่
เชียวชาญพิเศษ ผดํารงตําแหน่งศาสตราจารย์ ผดํารงตําแหน่งอธิการบดีหรือผูดํารงตําแหน่งทีเรียกชือ
้
่
่
่
อย่างอนทีมีฐานะเทียบเท่าออกจากราชการไว้ก่อน ให้ดําเนินการนําความกราบบังคมทูลเพือทรงมี
ื
่
พระบรมราชโองการให้พ้นจากตําแหน่งนับแต่วันออกจากราชการไว้กอน
่
้
ข้อ ๑๗ เมอได้สงใหข้าราชการครูและบคลากรทางการศึกษาผูใดพักราชการหรือใหออกจาก
่
ั
้
้
ุ
ื
่
ราชการไว้กอนเพือรอฟังผลการสอบสวนพิจารณา ถ้าภายหลังปรากฏผลการสอบสวนพิจารณา
่
่
เปนประการใดแล้วใหดําเนินการดังต่อไปนี ้
้
็
้
(๑) ในกรณีทีปรากฏว่าผูนันกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ดําเนินการตามมาตรา ๑๐๐ วรรคสี
่
่
้
หรือมาตรา ๑๓๔ แลวแต่กรณี
้
124
หน้า ๑๖
ี
่
ิ
เล่ม ๑๒๙ ตอนที ๒๒ ก ราชกจจานุเบกษา ๒ มนาคม ๒๕๕๕
่
่
่
ี
้
ิ
่
ู
้
่
ั
้
(๒) ในกรณีทีปรากฏว่าผนันกระทําผดวินัยไมร้ายแรง และไมมกรณีทีจะต้องถูกสงใหออกจาก
ั
้
่
้
้
ู
ิ
ื
ราชการด้วยเหตุอน กใหสงใหผนันกลับเข้าปฏบติหน้าทีราชการหรือกลับเข้ารับราชการ แลวแต่กรณี
็
้
่
ั
้
่
ู
้
ในตําแหน่งและวิทยฐานะเดิมหรือตําแหน่งเดียวกบทีผ้นันมีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับ
่
ั
้
่
ตําแหน่งและวิทยฐานะ แลวใหผบงคับบญชาดําเนินการตามมาตรา ๑๐๐ วรรคหนึง หรือวรรคสอง
ั
้
้
ั
ู
หรือมาตรา ๑๓๔ แลวแต่กรณี
้
่
่
ี
ั
้
่
่
ู
้
้
่
ิ
(๓) ในกรณีทีปรากฏว่าผนันกระทําผดวินัยไมร้ายแรง และไมมกรณีทีจะต้องถูกสงใหออกจาก
้
่
้
่
่
่
ื
่
ราชการด้วยเหตุอน แต่ไมอาจสังให้ผูนันกลับเข้าปฏิบัติหน้าทีราชการหรือกลับเข้ารับราชการได้เนืองจาก
ู
ี
่
ั
ํ
้
ํ
ู
ผถูกสงพักราชการมอายุครบหกสิบปบริบรณ์และได้พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบาเหน็จบานาญ
ี
่
ั
่
้
ึ
ี
ี
่
ู
้
ข้าราชการแล้ว หรือผูถูกสงใหออกจากราชการไว้กอนมอายุครบหกสิบปบริบรณ์ซงจะต้องพ้นจาก
้
่
้
้
่
ี
ราชการเมอสินปงบประมาณนัน แลวแต่กรณี กให้ผูบังคับบัญชาสังงดโทษตามมาตรา ๑๐๒ โดยไม่ต้องสัง
้
่
ื
็
้
่
้
่
ู
ั
ั
ั
่
ิ
่
ใหกลบเข้าปฏบติหน้าทีราชการหรือกลับเข้ารับราชการ และสําหรับผทีถูกสงใหออกจากราชการไว้กอน
้
้
้
ั
่
่
้
ั
ู
้
่
ี
็
ใหมคําสงยกเลิกคําสงใหออกจากราชการไว้กอนเพือใหผนันเปนผูพ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วย
้
่
้
ํ
บาเหน็จบานาญข้าราชการ
ํ
่
้
(๔) ในกรณีทีปรากฏว่าผูนันกระทําผิดวินัยไม่ร้ายแรง แต่มีกรณีทีจะต้องถูกสังให้ออกจาก
่
่
้
ู
ั
้
ั
่
้
ู
้
้
ั
้
ื
่
ราชการด้วยเหตุอน ใหผบงคับบญชาสังงดโทษตามมาตรา ๑๐๒ แลวสงใหผนันออกจากราชการ
่
้
่
่
ั
้
่
ตามเหตุนันโดยไมต้องสังใหกลบเข้าปฏบติหน้าทีราชการหรือกลับเข้ารับราชการ
ั
ิ
้
(๕) ในกรณีทีปรากฏว่าผูนันมิได้กระทําผิดวินัย และไม่มีกรณีทีจะต้องถูกสังให้ออกจาก
่
่
้
้
่
ู
้
ั
ิ
่
้
ราชการด้วยเหตุอน กใหสงยุติเรือง และสังใหผนันกลับเข้าปฏบติหน้าทีราชการหรือกลับเข้ารับราชการ
่
ั
ื
่
้
่
่
็
้
่
้
ี
ู
้
ั
ในตําแหน่งและวิทยฐานะเดิมหรือตําแหน่งเดียวกบทีผนันมคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับ
ตําแหน่งและวิทยฐานะ
่
(๖) ในกรณีทีปรากฏว่าผนันมได้กระทําผดวินัย และไมมกรณีทีจะต้องถูกสงใหออกจาก
้
ู
่
ั
ิ
ี
้
ิ
้
่
่
ั
้
่
ื
ราชการด้วยเหตุอน แต่ไมอาจสังใหผนันกลับเข้าปฏบติหน้าทีราชการหรือกลับเข้ารับราชการได้
่
่
้
ู
ิ
้
่
ี
่
ู
้
่
ี
ั
เนืองจากผูถูกสงพักราชการมอายุครบหกสิบปบริบรณ์และได้พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วย
่
บาเหน็จบานาญข้าราชการแล้ว หรือผูถูกสงใหออกจากราชการไว้กอนมอายุครบหกสิบปบริบรณ์
ํ
ี
ี
้
้
ั
่
ํ
ู
่
ื
้
่
่
ี
ซงจะต้องพ้นจากราชการเมอสินปงบประมาณนัน แลวแต่กรณี ก็ให้สังยุติเรือง และสําหรับผูทีถูกสัง
่
้
้
ึ
่
้
่
้
ู
้
้
่
็
้
ั
่
ั
่
้
่
้
้
่
ใหออกจากราชการไว้กอนใหมคําสงยกเลิกคําสงใหออกจากราชการไว้กอนเพือใหผนันเปนผูพ้นจาก
ี
ํ
ํ
ราชการตามกฎหมายว่าด้วยบาเหน็จบานาญข้าราชการ
่
ู
้
้
ิ
ิ
(๗) ในกรณีทีปรากฏว่าผนันมได้กระทําผดวินัย แต่มีกรณีทีจะต้องถูกสังให้ออกจากราชการ
่
่
่
้
็
่
้
ั
้
ด้วยเหตุอน กใหสงใหออกจากราชการตามเหตุนันโดยไมต้องสังใหกลบเข้าปฏบติหน้าทีราชการ
่
่
้
ั
่
ื
ิ
ั
หรือกลับเข้ารับราชการ
125
หน้า ๑๗
่
ี
ิ
เล่ม ๑๒๙ ตอนที ๒๒ ก ราชกจจานุเบกษา ๒ มนาคม ๒๕๕๕
ข้อ ๑๘ เมอได้สงใหข้าราชการครูและบคลากรทางการศึกษาผูใดพักราชการหรือใหออกจาก
ุ
่
้
ั
่
้
ื
้
ุ
ราชการไว้กอนตามข้อ ๕ หรือข้อ ๑๒ ถ้าภายหลังปรากฏผลการพิจารณาอทธรณ์ตามกฎหมาย
่
่
ว่าด้วยสภาครูและบคลากรทางการศึกษาเปนประการใด หรือพ้นกาหนดเวลาทีถูกพักใช้ใบอนุญาต
็
ุ
ํ
ประกอบวิชาชีพแล้วใหดําเนินการดังต่อไปนี ้
้
้
้
้
่
(๑) ในกรณีทีปรากฏว่าผูนันไม่เป็นผูถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และไม่มีกรณี
ื
้
้
ู
่
ั
ิ
้
็
่
้
ั
่
่
ทีจะต้องออกจากราชการด้วยเหตุอน กใหสงใหผนันกลับเข้าปฏบติหน้าทีราชการหรือกลับเข้ารับราชการ
่
้
้
แลวแต่กรณี ในตําแหน่งและวิทยฐานะเดิมหรือตําแหน่งเดียวกับทีผูนันมีคุณสมบัติตรงตาม
้
คุณสมบติเฉพาะสําหรับตําแหน่งและวิทยฐานะ
ั
่
่
ี
(๒) ในกรณีทีปรากฏว่าผนันยังคงเปนผูถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพต่อไปและไมมกรณี
้
็
้
ู
้
้
็
้
็
่
ื
่
ทีจะต้องออกจากราชการด้วยเหตุอน กใหเปนไปตามข้อ ๕ หรือข้อ ๑๒ แลวแต่กรณี
่
่
ํ
(๓) ในกรณีทีปรากฏว่าพ้นกาหนดเวลาทีถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแล้ว และไม่มี
ู
้
ั
่
ิ
กรณีทีจะต้องออกจากราชการด้วยเหตุอน กใหสงใหผนันกลับเข้าปฏบติหน้าทีราชการหรือกลับเข้ารับราชการ
่
ื
ั
่
่
้
้
้
็
้
้
ู
้
่
(๔) ในกรณีทีปรากฏว่าผนันไมเปนผูถูกพักใช้หรือพ้นกาหนดเวลาถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบ
ํ
่
็
่
้
่
่
่
่
วิชาชีพแล้ว และไมมกรณีทีจะต้องออกจากราชการด้วยเหตุอน แต่ไมอาจสังให้ผูนันกลับเข้าปฏิบัติ
้
ี
ื
ี
่
หน้าทีราชการหรือกลับเข้ารับราชการได้ เนืองจากผูถูกสงพักราชการมอายุครบหกสิบปบริบรณ์และได้
้
ี
่
่
ั
ู
ํ
้
ํ
ั
้
่
พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบาเหน็จบานาญข้าราชการแล้ว หรือผูถูกสงใหออกจากราชการ
่
ี
่
้
ไว้กอนมอายุครบหกสิบปบริบรณ์ซึงจะต้องพ้นจากราชการเมือสินปีงบประมาณนัน แล้วแต่กรณี
ี
้
่
ู
ํ
ํ
ํ
กใหผบงคับบญชาสังใหพ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบาเหน็จบานาญข้าราชการ สาหรับกรณี
่
ั
ั
ู
้
้
้
็
ี
ผทีถูกสงใหออกจากราชการไว้กอนใหมคําสงยกเลิกคําสงใหออกจากราชการไว้กอนเพือใหผนั้นเป็น
่
ั
่
่
่
้
ั
้
ั
้
ู
้
ู
่
้
่
่
้
้
ํ
ู
ผพ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบาเหน็จบานาญข้าราชการ
ํ
(๕) ในกรณีทีปรากฏว่าผนันไมเปนผูถูกพักใช้ หรือพ้นกาหนดเวลาถูกพักใช้ใบอนุญาต
้
ํ
่
ู
้
้
่
็
ู
้
้
้
ี
ประกอบวิชาชีพแล้ว แต่มกรณีต้องออกจากราชการด้วยเหตุอน กใหผบงคับบญชาสังใหผนันออกจาก
่
้
ั
้
ั
ู
็
่
ื
ราชการตามเหตุนันโดยไมต้องสังให้กลับเข้าปฏิบัติหน้าทีราชการหรือกลับเข้ารับราชการ
้
่
่
่
ั
ั
่
้
ิ
ข้อ ๑๙ คําสงพักราชการ คําสงใหออกจากราชการไว้กอน หรือคําสงใหกลบเข้าปฏบติหน้าทีราชการ
ั
ั
ั
่
่
่
่
้
่
ุ
หรือกลับเข้ารับราชการ ต้องทําเปนหนังสือระบชือ ตําแหน่ง และวิทยฐานะของผูถูกสงพักราชการ
้
ั
่
็
ู
้
่
้
้
ั
ผถูกสงใหออกจากราชการไว้ก่อน หรือผูกลับเข้าปฏิบัติหน้าทีราชการหรือกลับเข้ารับราชการ ตลอดจน
่
้
่
กรณีและเหตุทีสงดังกล่าว โดยใหมสาระสําคัญตามแบบ พ. ๑ พ. ๒ พ. ๓ พ. ๔ หรือ พ. ๕ แลวแต่กรณี
ี
้
่
ั
ท้ายกฎ ก.ค.ศ. นี ้
ใหไว้ ณ วันที ๒๔ กมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
้
่
ุ
ุ
ศาสตราจารย์สชาติ ธาดาธํารงเวช
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ประธาน ก.ค.ศ.
126
แบบ พ. ๑
(ให้พักราชการ)
่
่
คาสัง (ระบุชอส่วนราชการทีออกคาสัง)
ํ
ํ
่
ื
่
่
ที ....../.............
เรือง ให้ขาราชการครูและบุคลากรทางการศกษาพักราชการ
้
่
ึ
ดวย (นาย,นาง,นางสาว) ................................................................... ขาราชการครู
้
้
ิ
และบุคลากรทางการศึกษาตาแหน่ง/วทยฐานะ......................................................................โรงเรียน/
ํ
่
หนวยงานการศกษา ............................................. สังกัด ...........................................
ึ
่
ั
ั
้
ตาแหน่งเลขที ...................... รับเงินเดอนในอันดบ ....................... ขน ..................... บาท มีกรณ ี
ื
ํ
................................................................................ (ถูกกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูก
้
ู
ตงคณะกรรมการสอบสวน/ถกฟ้องในคดีอาญาหรือตองหาวากระทําความผิดอาญา/ถกพักใช ้
ั
้
ู
่
ิ
ใบอนุญาตประกอบวชาชพตามกฎหมายวาดวยสภาครูและบุคลากรทางการศกษา) ในเรือง
ี
ึ
่
่
้
..............................................................................................................................................
..................................................................................................................................
่
ุ
้
และมีเหตให้พักราชการ ตามกฎ ก.ค.ศ. วาดวยการสังพักราชการและการสังให้ออกจากราชการ
่
่
ไว้ก่อน พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ........ คือ .........................................................................................................
................................................................................................................................................................
้
ั
ฉะนน อาศยอํานาจตามความในมาตรา ๑๐๓ / มาตรา ๑๑๙ แห่งพระราชบัญญัต ิ
ั
้
ั
ึ
ระเบียบขาราชการครูและบุคลากรทางการศกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกอบกฎ ก.ค.ศ. ดงกล่าว
้
ขอ .... จึงให้ (นาย,นาง,นางสาว) ....................................................................... พักราชการ
่
้
ั
้
้
้
ี
ทังน ตงแต ............................................................. เป็นตนไป
่
สั่ง ณ วันที ................................................ พ.ศ. ....
่
ื
(ลงชอ)
(...................ชอผูสัง..........................)
้
ื
่
่
(...................ตาแหน่ง........................)
ํ
่
่
่
้
ุ
หมายเหต ๑. การระบุชือและตําแหน่งของผูถูกสังให้ระบุชือตัว ชือสกุล ตําแหน่ง หรือวิทยฐานะ
่
(ถามี)
้
่
้
ั
ู
ี
ู
่
๒. ให้ระบุเรืองทีถกตงกรรมการสอบสวน หรือถกฟ้องคดอาญา หรือตองหาวากระทํา
้
่
ิ
ี
้
ู
ความผิดอาญา หรือถกพักใชใบอนุญาตประกอบวชาชพตามกฎหมาย
่
วาดวยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
้
๓. การระบุเหตการณพักราชการตามกฎ ก.ค.ศ. น ถามีหลายเหตให้ระบุทุกเหต ุ
์
ุ
ี
้
้
ุ
้
๔. ขอความใดหากไม่ใชให้ตดออก
้
ั
127
แบบ พ. ๒
(ให้ออกจากราชการไว้ก่อน)
่
ื
คาสัง (ระบุชอส่วนราชการทีออกคาสัง)
ํ
ํ
่
่
่
ที ....../.............
่
้
ึ
่
เรือง ให้ขาราชการครูและบุคลากรทางการศกษาออกจากราชการไวก่อน
้
้
ดวย (นาย,นาง,นางสาว) ...................................................................... ขาราชการครู
้
ํ
ิ
และบุคลากรทางการศึกษาตาแหน่ง/วทยฐานะ..................................................................... โรงเรียน/
ึ
่
หนวยงานการศกษา สังกัด ................................................................................
่
ั
ื
ํ
้
ตาแหน่งเลขที ..................... รับเงินเดอนในอันดบ ....................... ขน ...................... บาท มีกรณ ี
ั
่
ู
ั
ิ
้
ั
.................................................................... (ถกกล่าวหาวากระทําผิดวนยอยางร้ายแรง จนถกตง
่
ู
่
คณะกรรมการสอบสวน/ถกฟ้องในคดีอาญา/ตองหาวากระทําความผิดอาญา ) ในเรือง
่
้
ู
.................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
่
ุ
่
้
และมีเหตให้พักราชการ ตามกฎ ก.ค.ศ. วาดวยการสังพักราชการและการสังให้ออกจากราชการ
่
ื
ไวก่อน พ.ศ. ๒๕๕๕ ขอ ........ คอ .................................................................................................
้
้
..................................................................................................................................
่
ี
้
้
และไดพิจารณาแล้วเห็นวา การสอบสวนพิจารณา หรือการพิจารณาคดทีเป็นเหตุให้สังพักราชการนัน
่
่
ื
ุ
่
จะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว เนองจาก ................................................................ (ระบุเหตผลให้
ั
ชดเจน)........................ /ถกพักใชใบอนุญาตประกอบวชาชพเป็นเวลาเกินกวาหนงปี
ี
ิ
่
่
ึ
้
ู
ั
ฉะนน อาศยอํานาจตามความในมาตรา ๑๐๓/มาตรา ๑๑๙ แห่งพระราชบัญญัต ิ
้
ั
้
ระเบียบขาราชการครูและบุคลากรทางการศกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกอบกฎ ก.ค.ศ. ดงกล่าว
ั
ึ
้
้
ขอ .... จึงให้ (นาย,นาง,นางสาว) ......................................................... ออกจากราชการไวก่อน
้
ทังน ตงแต ............................................................. เป็นตนไป
้
ั
่
ี
้
้
่
สั่ง ณ วันที ................................................ พ.ศ. ....
่
ื
(ลงชอ)
ื
่
(...................ชอผูสัง..........................)
่
้
(...................ตาแหน่ง........................)
ํ
่
ํ
ิ
้
่
่
ู
ํ
ุ
หมายเหต ๑. การระบุชอและตาแหนงของผูถกสังให้ระบุชอตว ชอสกุล ตาแหนง หรือวทยฐานะ
ื
่
ื
ั
่
ื
่
้
(ถามี)
ู
่
่
๒. ให้ระบุเรืองทีถกตงกรรมการสอบสวน หรือถกฟ้องคดอาญา หรือตองหาวากระทําความผิด
่
ี
้
ู
ั
้
๒
อาญา หรือถกพักใชใบอนุญาตประกอบวชาชพเกินหนึงปี
ิ
้
ู
ี
่
128
๒
ั
้
ุ
้
ี
ุ
๓. การระบุเหตการพกราชการตามกฎ ก.ค.ศ. น ถามีหลายเหตให้ระบุทุกเหต ุ
๔. สําหรับกรณการสังให้ออกจากราชการไวก่อนเพือรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาให้
้
่
่
ี
้
ระบุเหตผลทีอาจทําให้เห็นไดวาการสอบสวนพิจารณาหรือการพิจารณาคดนนจะไม่
ี
ั
่
้
ุ
่
แล้วเสร็จโดยเร็ว
้
๕. ขอความใดหากไม่ใชให้ตดออก
ั
้
129
แบบ พ. ๓
ิ
ี
่
(การสังกลับกรณไม่มีความผิดวนย)
ั
ํ
คาสัง (ระบุชอส่วนราชการทีออกคาสัง)
่
ํ
่
่
่
ื
ที ....../.............
่
้
่
ึ
เรือง ให้ขาราชการครูและบุคลากรทางการศกษา
้
่
กลับเขาปฏบัตหนาทีราชการหรือกลับเขารับราชการ
้
ิ
ิ
้
ํ
ื
ํ
่
่
่
ตามคาสัง ......................................... (ระบุชอส่วนราชการทีออกคาสัง) ...................
่
่
่
ที ................./................. ลงวนที .............................. พ.ศ. .... สังให้ (นาย,นาง,นางสาว)
่
ั
ํ
่
้
........................................................ ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตาแหนง/วทยฐานะ
ิ
ึ
...................................................................... โรงเรียน/หนวยงานการศกษา .....................
่
ํ
................................ สังกัด ................................................. ตาแหน่งเลขที............... รับเงินเดอนใน
ื
่
้
ั
ั
อันดบ ............... ขน .............. บาท พักราชการ/ออกจากราชการไวก่อนต้งแต่ ...................................
้
ั
้
้
เป็นตนไป นน
ั
ี
บัดน ผลการสอบสวนพิจารณาปรากฏวา (นาย,นาง,นางสาว) ..............................
่
้
้
่
ิ
................................................. มิไดกระทําผิดวนย และไม่มีกรณทีจะตองออกจากราชการด้วยเหตอืน
ุ
ั
้
ี
่
ฉะนน อาศยอํานาจตามความในมาตรา ๑๐๓ แห่งพระราชบัญญัตระเบียบ
ิ
้
ั
ั
่
่
้
ึ
ขาราชการครูและบุคลากรทางการศกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกอบกฎ ก.ค.ศ. วาดวยการสัง
้
พักราชการและการสังให้ออกจากราชการไวก่อน พ.ศ. ๒๕๕๕ ขอ ...... จึงให้ (นาย,นาง,นางสาว)
่
้
้
้
้
....................................................... กลับเขาปฏบัตหนาทีราชการ/กลับเขารับราชการในตําแหนง/
่
้
ิ
ิ
่
ิ
วทยฐานะ ................................. โรงเรียน/หนวยงานการศกษา ..........................................
ึ
่
ํ
่
สังกัด ...................................................... ตาแหน่งเลขที .................. โดยให้ไดรับเงินเดอนในอันดบ
ื
ั
้
้
............................... ขน ................... บาท
ั
้
ั
่
ี
้
ทังน ตงแต ............................................................. เป็นตนไป
้
้
่
สัง ณ วนที ................................................ พ.ศ. ....
่
ั
(ลงชอ)
ื
่
ื
้
(...................ชอผูสัง..........................)
่
่
(...................ตาแหน่ง........................)
ํ
่
ํ
ุ
หมายเหต ๑. การระบุชอและตาแหนงของผูถกสังให้ระบุชอตว ชอสกุล ตาแหนง หรือวทยฐานะ
่
ิ
ื
้
่
ํ
ั
่
ื
ื
่
ู
่
(ถามี)
้
ั
้
้
๒. ขอความใดหากไม่ใชให้ตดออก
130
แบบ พ. ๔
(การสังกลับกรณมีความผิดวนยไม่ร้ายแรง)
ี
ั
่
ิ
ํ
่
ื
่
่
คาสัง (ระบุชอส่วนราชการทีออกคาสัง)
่
ํ
ที ....../.............
่
เรือง ให้ขาราชการครูและบุคลากรทางการศกษา
ึ
้
่
้
กลับเขาปฏบัตหนาทีราชการหรือกลับเขารับราชการ
ิ
ิ
้
้
่
่
ํ
่
่
ํ
ตามคาสัง ................................... (ระบุชอส่วนราชการทีออกคาสัง) ...........
่
ื
่
่
ั
่
ที ................./................. ลงวนที .............................. พ.ศ. .... สังให้ (นาย,นาง,นางสาว)
่
........................................................ ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตาแหนง/วทยฐานะ
้
ิ
ํ
่
ึ
........................................... โรงเรียน/หนวยงานการศกษา ...............................
่
ํ
............................ สังกัด .......................................... ตาแหนงเลขที ...............
่
้
ื
้
รับเงินเดอนในอันดับ ....... ขัน ......... บาท พักราชการ/ออกจากราชการไว้ก่อนตังแต่
้
................................... เป็นตนไป นน
้
ั
บัดน ผลการสอบสวนพิจารณาปรากฏวา (นาย ,นาง,นางสาว) .................................
่
ี
้
ุ
่
ี
ั
้
........................................ กระทําผิดวนยไม่ร้ายแรงและไม่มีกรณทีจะตองออกจากราชการด้วยเหตอืน
่
ิ
้
ั
ั
ิ
ฉะนน อาศยอํานาจตามความในมาตรา ๑๐๓ แห่งพระราชบัญญัตระเบียบ
ึ
้
ขาราชการครูและบุคลากรทางการศกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกอบกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสัง
่
พักราชการและการสังให้ออกจากราชการไวก่อน พ.ศ. ๒๕๕๕ ขอ ...... จึงให้ (นาย,นาง,นางสาว)
้
่
้
้
่
ิ
............................................................................................... กลับเขาปฏบัตหนาทีราชการ/
ิ
้
กลับเขารับราชการในตําแหน่ง/วทยฐานะ ............................................. โรงเรียน/หนวยงานการศกษา
ิ
้
่
ึ
่
.............................................. สังกัด ................................................ ตาแหนงเลขที ........................
่
ํ
โดยให้ได้รับเงินเดือนในอันดับ ............................... ขัน ................... บาท
้
้
ี
่
้
ทังน ตงแต.............................................................เป็นตนไป
้
ั
้
่
สัง ณ วนที................................................พ.ศ. ....
ั
่
่
(ลงชอ)
ื
่
้
ื
่
(...................ชอผูสัง..........................)
(...................ตาแหน่ง........................)
ํ
่
ํ
่
่
หมายเหต ๑. การระบุชอและตาแหนงของผูถกสังให้ระบุชอตว ชอสกุล ตาแหนง หรือ
ู
ื
ื
ื
ุ
่
่
ั
ํ
้
่
้
วทยฐานะ (ถามี)
ิ
้
๒. ขอความใดหากไม่ใชให้ตดออก
ั
้
131
แบบ พ. ๕
้
ู
ี
่
(การสังกลับกรณไม่เป็นผูถกพักใช/พ้นกําหนดเวลาถกพักใช)
้
ู
้
ํ
่
ื
่
่
คาสัง (ระบุชอส่วนราชการทีออกคาสัง)
่
ํ
ที ....../.............
่
้
ึ
่
เรือง ให้ขาราชการครูและบุคลากรทางการศกษา
้
กลับเขาปฏบัตหนาทีราชการหรือกลับเขารับราชการ
ิ
้
ิ
้
่
ํ
่
่
่
ํ
ื
่
ตามคาสัง ................................. (ระบุชอส่วนราชการทีออกคาสัง) .............
ั
่
่
ที ................./................. ลงวนที .............................. พ.ศ. .... สังให้ (นาย,นาง,นางสาว)
่
ิ
................................................ ขาราชการครูและบุคลากรทางการศกษา ตาแหนง/วทยฐานะ
่
ํ
ึ
้
่
ึ
..................................................... โรงเรียน/หนวยงานการศกษา .............................
่
.............................. สังกัด .......................................... ตาแหนงเลขที ...............
่
ํ
ื
้
้
ั
รับเงินเดอนในอันดบ ....... ขัน ......... บาท พักราชการ/ออกจากราชการไว้ก่อนตังแต่
ั
้
้
................................... เป็นตนไป นน
์
่
บัดน ผลการพิจารณาอุทธรณตามกฎหมายวาดวยสภาครูและบุคลากรทางการ
้
้
ี
ึ
ศกษาปรากฏวา (นาย,นาง,นางสาว) ...................................................................
่
้
้
้
ู
................................... (มิไดเป็นผูถกพักใช)/หรือพ้นกําหนดเวลาถกพักใชใบอนุญาตประกอบวชาชพ
ิ
้
ี
ู
่
และไม่มีกรณทีจะตองออกจากราชการด้วยเหตอืน
ุ
้
ี
่
ั
ฉะนน อาศยอํานาจตามความในมาตรา ๑๑๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
้
ั
ขาราชการครูและบุคลากรทางการศกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกอบกฎ ก.ค.ศ. วาดวยการสัง
้
ึ
้
่
่
พักราชการและการสังให้ออกจากราชการไวก่อน พ.ศ. ๒๕๕๕ ขอ ...... จึงให้ (นาย,นาง,นางสาว)
้
่
้
ิ
ิ
่
................................................... ............ กลับเขาปฏบัตหนาทีราชการ/กลับเข้ารับราชการ
้
้
ในตาแหนง/วทยฐานะ ......................................................... โรงเรียน/หนวยงานการศกษา
ิ
่
่
ึ
ํ
่
ํ
่
.............................................. สังกัด ................................................ ตาแหนงเลขที ........................
ั
้
ั
้
ื
โดยให้ไดรับเงินเดอนในอันดบ ............................... ขน ................... บาท
ั
ี
้
่
้
้
ทังน ตงแต.............................................................เป็นตนไป
้
่
ั
สัง ณ วนที................................................พ.ศ. ....
่
ื
(ลงชอ)
่
่
ื
(...................ชอผูสัง..........................)
่
้
(...................ตาแหน่ง........................)
ํ
่
้
่
ุ
หมายเหต ๑. การระบุชือและตําแหน่งของผูถูกสังให้ระบุชือตัว ชือสกุล ตําแหนง หรือ
่
่
่
วทยฐานะ (ถามี)
้
ิ
๒. ขอความใดหากไม่ใชให้ตดออก
้
้
ั
132
หน้า ๑๘
เล่ม ๑๒๙ ตอนที ๒๒ ก ราชกจจานุเบกษา ๒ มนาคม ๒๕๕๕
ี
่
ิ
ื
ุ
่
้
หมายเหต :- เหตผลในการประกาศใช้กฎ ก.ค.ศ. ฉบับน คอ โดยทีมาตรา ๑๐๓ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัต ิ
ี
ุ
้
ี
ิ
ระเบียบขาราชการครูและบุคลากรทางการศกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ บัญญัตให้หลักเกณฑ์และวธการเกียวกับ
่
ึ
ิ
การสังพักราชการ การสังให้ออกจากราชการไวก่อน ระยะเวลาให้พักราชการและให้ออกจากราชการไวก่อน
่
้
้
่
และการดาเนนการเพือให้เป็นไปตามผลการสอบสวนพิจารณา ให้เป็นไปตามที่กําหนดในกฎ ก.ค.ศ.
ํ
ิ
่
้
ั
ิ
้
และมาตรา ๑๑๙ บัญญัตให้ภายใตบังคบหมวด ๗ และหมวด ๙ ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ู
่
ี
อาจถกสังพักราชการหรือถกสังให้ออกจากราชการไวก่อนในกรณอืนตามทีกําหนดในกฎ ก.ค.ศ. ซึงได ้
่
่
่
ู
่
้
กําหนดให้ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทีถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามกฎหมาย
่
้
วาดวยสภาครูและบุคลากรทางการศกษาอาจถกสังพักราชการหรือถกสังให้ออกจากราชการไวก่อนได
้
ู
้
ึ
ู
่
้
่
่
จึงจําเป็นตองออกกฎ ก.ค.ศ. น ี ้
้
133
หนา ๑
้
เลม ๑๓๕ ตอนที่ ๖๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒o สิงหาคม ๒๕๖๑
่
กฎ ก.ค.ศ.
ว่าด้วยอ านาจการลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือน
พ.ศ. 2561
อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๙ (๔) และมาตรา ๑๐๐ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ก.ค.ศ. โดยได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
ออกกฎ ก.ค.ศ. ไว้ ดังต่อไปนี้
์
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยอ านาจการลงโทษภาคทัณฑ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน
พ.ศ. ๒๕๔๙
ข้อ ๒ ให้ผู้อ านวยการสถานศึกษาหรือต าแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า
ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้กระท าผิดวินัยไม่ร้ายแรง มีอ านาจ
สั่งลงโทษได้ ดังต่อไปนี้
(๑) ภาคทัณฑ์
(๒) ตัดเงินเดือนได้ครั้งหนึ่งในอัตราร้อยละสองหรือร้อยละสี่ของเงินเดือนที่ผู้นั้นได้รับในวันที่
มีค าสั่งลงโทษเป็นเวลาหนึ่งเดือน สองเดือน หรือสามเดือน
ข้อ ๓ ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล รัฐมนตรีเจ้าสังกัด ปลัดกระทรวง
เลขาธิการ อธิบดีหรือต าแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า อธิการบดีหรือต าแหน่งที่เรียกชื่อ
อย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า ศึกษาธิการภาคหรือต าแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า
ศึกษาธิการจังหวัดหรือต าแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า หรือผู้อ านวยการส านักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาหรือต าแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษาผู้กระท าผิดวินัยไม่ร้ายแรง มีอ านาจสั่งลงโทษได้ ดังต่อไปนี้
(๑) ภาคทัณฑ ์
(๒) ตัดเงินเดือนได้ครั้งหนึ่งในอัตราร้อยละสองหรือร้อยละสี่ของเงินเดือนที่ผู้นั้นได้รับในวันที่
มีค าสั่งลงโทษเป็นเวลาหนึ่งเดือน สองเดือน หรือสามเดือน
(๓) ลดเงินเดือนได้ครั้งหนึ่งในอัตราร้อยละสองหรือร้อยละสี่ของเงินเดือนที่ผู้นั้นได้รับในวันที่
มีค าสั่งลงโทษ
134
หนา ๒
้
เลม ๑๓๕ ตอนที่ ๖๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒o สิงหาคม ๒๕๖๑
่
ข้อ ๔ การสั่งลงโทษตัดเงินเดือนหรือลดเงินเดือน ถ้าจ านวนเงินเดือนที่จะต้องตัดหรือลด
มีเศษไม่ถึงสิบบาทให้ปัดเศษทิ้ง
ข้อ ๕ ในระหว่างที่ ก.ค.ศ. ยังมิได้ปรับอัตราเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจ า
ื่
ต าแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเพอให้เข้าสู่อัตรา
ตามบัญชีเงินเดือนขั้นต่ าขั้นสูง ให้ผู้มีอ านาจสั่งลงโทษตามข้อ ๒ หรือข้อ ๓ แล้วแต่กรณี มีอ านาจ
สั่งลงโทษลดเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้กระท าผิดวินัยไม่ร้ายแรงตามที่ ก.ค.ศ. ก าหนด
ทั้งนี้ จนกว่าจะมีการปรับอัตราเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจ าต าแหน่งของข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษาดังกล่าวเข้าสู่อัตราตามบัญชีเงินเดือนขั้นต่ าขั้นสูง
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ประธาน ก.ค.ศ.
135
หนา ๓
้
เลม ๑๓๕ ตอนที่ ๖๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒o สิงหาคม ๒๕๖๑
่
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎ ก.ค.ศ. ฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ
และเงินประจ าต าแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ปรับเปลี่ยน
โครงสร้างบัญชีเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จากเดิมซึ่งเป็นแบบ “ขั้นเงินเดือน” มาเป็น
“บัญชีเงินเดือนขั้นต่ าขั้นสูง” ประกอบกับค าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๖๐
เรื่อง การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
ก าหนดให้แก้ไขค าว่า “ขั้นเงินเดือน” ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
เป็นค าว่า “เงินเดือน” ทุกแห่ง และค าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๖๐ เรื่อง
ุ
การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ ๓ เมษายน พทธศักราช ๒๕๖๐
ก าหนดให้มีส านักงานศึกษาธิการภาค โดยมีศึกษาธิการภาคเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ พนักงานราชการ
และลูกจ้างในส านักงานศึกษาธิการภาค และให้มีส านักงานศึกษาธิการจังหวัด โดยมีศึกษาธิการจังหวัด
เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างในส านักงานศึกษาธิการจังหวัด สมควรปรับปรุง
ื่
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยอานาจการลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน พ.ศ. ๒๕๔๙ เพอให้
สอดคล้องกับพระราชบัญญัติและค าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าว รวมทั้งปรับปรุง
อตราลงโทษตัดเงินเดือนและลดเงินเดือนเพอให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ื่
ั
จึงจ าเป็นต้องออกกฎ ก.ค.ศ. นี้
136
หนา ๔๓
่
เลม ๑๒๕ ตอนที ๑๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑
กฎ ก.ค.ศ.
วาดวยการอุทธรณและการพิจารณาอุทธรณ
พ.ศ. ๒๕๕๐
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๙ (๔) และมาตรา ๑๒๔ แหงพระราชบัญญัตระเบียบ
ิ
ั
ู
ิ
ขาราชการครและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ก.ค.ศ. โดยไดรบอนุมัตจากคณะรัฐมนตร ี
ั
ออกกฎ ก.ค.ศ. ไว ดงตอไปนี ้
้
็
่
ขอ ๑ ในกฎ ก.ค.ศ. นี เวนแตขอความจะแสดงใหเหนเปนอยางอืน
่
้
่
“อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา” หมายความรวมถึง อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตังดวย
้
“ปลัดกระทรวง” หมายความวา ปลัดกระทรวงการทองเทียวและกีฬา ปลัดกระทรวง
่
ํ
่
ื
่
วฒนธรรม หรอปลัดกระทรวงอืนทีมีขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดตามทีกาหนด
่
ั
ในพระราชกฤษฎีกา ทังนี ไมรวมถึงปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
้
้
ขอ ๒ การอุทธรณและการพิจารณาอุทธรณคาสงลงโทษทางวินัย ใหเปนไปตามหลักเกณฑ
่
ํ
ั
่
และวิธีการทีกาหนดในกฎ ก.ค.ศ. นี ้
ํ
ั
่
ั
ั
ขอ ๓ การอุทธรณคาสงลงโทษทางวินัย ใหอุทธรณภายในสามสิบวนนับแตวนทีไดรบ
ั
ํ
่
่
ํ
แจงคาสง
ั
เพือประโยชนในการนับระยะเวลาอุทธรณ ใหถือวันทีผูถูกลงโทษลงลายมือชือรับทราบคําสัง
่
่
่
่
ํ
่
ั
ั
ลงโทษทางวินัยเปนวนทีไดรบแจงคาสง
ั
่
ั
่
ํ
่
่
ั
ู
่
ในกรณีทีผูถกลงโทษไมยอมลงลายมือชือรบทราบคําสงลงโทษทางวินัย แตไดมีการแจงคาสง
ั
่
ั
้
ลงโทษทางวินัยใหผูถกลงโทษทราบพรอมกับมอบสําเนาคําสงลงโทษทางวินัยใหผูถกลงโทษ รวมทัง
ู
ู
137
หนา ๔๔
่
เลม ๑๒๕ ตอนที ๑๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑
็
่
ู
้
ื
่
่
ทําบันทึกลงวันเดอนป เวลา และสถานทีทีแจง และลงลายมือชือผูแจง พรอมทังพยานรเหนไวเปน
ู
ื
ั
ํ
ั
่
ั
่
ั
้
่
หลกฐานแลว ใหถอวนทีแจงนันเปนวนทีผูถกลงโทษไดรบแจงคาสง
ั
ู
่
ั
่
่
ั
ในกรณีทีไมอาจแจงใหผูถกลงโทษลงลายมือชือรบทราบคําสงลงโทษทางวินัยไดโดยตรง
แตไดมีการแจงเปนหนังสือโดยสงสําเนาคําสังลงโทษทางวินัยทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับไปให
่
ผูถกลงโทษ ณ ทีอยของผูถกลงโทษ ซงปรากฏตามหลักฐานของทางราชการ โดยสงสาเนาคําสง
ํ
ู
ู
ู
่
่
ึ
ั
่
ู
่
ลงโทษทางวินัยไปใหสองฉบับเพือใหผูถกลงโทษเก็บไวหนึงฉบับ และใหผูถกลงโทษลงลายมือชือ
่
่
ู
ื
ั
่
และวันเดอนปทีรบทราบคําสงลงโทษทางวินัยสงกลับคนมาเพือเก็บไวเปนหลักฐานหนึงฉบับ ในกรณี
่
่
ั
่
ื
ู
เชนนี เมือลวงพนระยะเวลาสิบหาวนนับแตวนทีปรากฏในใบตอบรับทางไปรษณียลงทะเบียนวาผูถก
่
่
้
ั
ั
ํ
ื
ลงโทษไดรบเอกสารดังกลาวหรอมีผูรบแทนแลว แมยงไมไดรบสาเนาคําสงลงโทษทางวินัยฉบับที่ให
ั
ั
ั
ั
ั
่
ื
่
ั
่
ผูถกลงโทษลงลายมือชือและวันเดอนปทีรบทราบคําสงลงโทษทางวินัยกลับคนมา ใหถอวาผูถกลงโทษ
ั
ู
ู
ื
่
ื
่
ั
ั
ํ
ไดรบแจงคาสงแลว
้
ํ
ั
่
ํ
ั
ขอ ๔ การอุทธรณคาสงลงโทษทางวินัย ใหอุทธรณไดสาหรบตนเองเทานัน จะอุทธรณ
่
แทนผูอืนหรอมอบหมายใหผูอืนอุทธรณแทนไมได
่
ื
การอุทธรณตองทําเปนหนังสอแสดงขอเท็จจริงและเหตุผลในการอุทธรณใหเห็นวาไดถูก
ื
่
ู
่
ู
ื
ลงโทษโดยไมถกตอง ไมเหมาะสม หรอไมเปนธรรมอยางไร และลงลายมือชือและทีอยของผูอุทธรณ
้
ในการอุทธรณ ถาผูอุทธรณประสงคจะแถลงการณดวยวาจาในชันพิจารณาของ อ.ก.ค.ศ.
่
้
ื
เขตพืนทีการศึกษา หรอ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี ใหแสดงความประสงคไวในหนังสืออุทธรณตามวรรคสอง
ื
ื
่
ื
ื
หรอจะทําเปนหนังสอตางหากก็ได แตตองยนหรอสงหนังสอขอแถลงการณดวยวาจานันตอ อ.ก.ค.ศ.
้
ื
ั
่
ื
ื
ื
้
เขตพืนทีการศึกษา หรอ ก.ค.ศ. โดยตรงภายในสามสิบวนนับแตวนทีไดยนหรอสงหนังสออุทธรณ
ื
่
่
ั
ขอ ๕ เพือประโยชนในการอุทธรณ ผูจะอุทธรณมีสิทธิขอตรวจหรือคัดรายงาน
่
ั
การสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนหรือของผูสอบสวนได สวนการขอตรวจหรือคดบันทึก
ื
ํ
ู
ุ
่
ั
ถอยคาบุคคล พยานหลักฐานอืน หรอเอกสารทีเกียวของ ใหอยในดลพินิจของผูบังคบบัญชาผูสง
่
่
ั
่
ลงโทษทีจะอนุญาตหรอไม โดยใหพิจารณาถึงประโยชนในการรกษาวินัยของขาราชการ ตลอดจน
ื
่
ั
ุ
เหตผลและความจําเปนเปนเรอง ๆ ไป
ื
่
ิ
้
ั
ื
ขอ ๖ ผูอุทธรณมีสทธิคดคานอนุกรรมการ หรอกรรมการผูพิจารณาอุทธรณ ถาผูนันมี
ั
่
เหตอยางหนึงอยางใด ดงตอไปนี ้
ุ
138
หนา ๔๕
เลม ๑๒๕ ตอนที ๑๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑
่
ุ
(๑) รเหนเหตการณในการกระทําผิดวนัยทีผูอุทธรณถกลงโทษ
ู
็
่
ู
ิ
ู
่
(๒) มีสวนไดเสยในการกระทําผิดวนัยทีผูอุทธรณถกลงโทษ
ี
ิ
ื
(๓) มีสาเหตโกรธเคองผูอุทธรณ
ุ
(๔) เปนผูบังคบบัญชาผูสงลงโทษ
่
ั
ั
ื
ื
ั
ี
ื
ู
(๕) เปนผูกลาวหา หรอเปนคสมรส บุพการ ผูสบสนดาน หรอพีนองรวมบิดามารดาหรือ
่
ื
รวมบิดาหรอมารดากับผูกลาวหา
่
ิ
ื
การคัดคานอนุกรรมการ หรอกรรมการผูพิจารณาอุทธรณนัน ตองแสดงขอเท็จจรงทีเปนเหต ุ
้
ื
่
ื
แหงการคัดคานไวในหนังสออุทธรณ หรอแจงเพิมเตมเปนหนังสอกอนที อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา
่
้
ื
ิ
่
่
หรอ ก.ค.ศ. เรมพิจารณาอุทธรณ
ิ
ื
ื
เมือมีเหตหรอมีการคดคานตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง อนุกรรมการหรือกรรมการผูนัน
่
ั
้
ุ
ั
็
ั
จะขอถอนตวไมรวมพิจารณาอุทธรณกได ถาอนุกรรมการหรือกรรมการดงกลาวมิไดขอถอนตว
ั
ู
่
ใหอนุกรรมการหรือกรรมการทีเหลืออยนอกจากอนุกรรมการหรือกรรมการผูถกคดคานพิจารณา
ั
ู
้
ิ
่
้
ขอเท็จจรงทีคดคาน หากเห็นวาขอเท็จจรงนันนาเชือถอ ใหแจงอนุกรรมการหรือกรรมการผูนันทราบ
ั
่
ิ
ื
้
ื
และมิใหรวมพิจารณาอุทธรณ เวนแตจะพิจารณาเห็นวา การใหอนุกรรมการ หรอกรรมการผูนัน
รวมพิจารณาอุทธรณดงกลาวจะเปนประโยชนยงกวา เพราะจะทําใหไดความจรงและเปนธรรม จะให
่
ิ
ิ
ั
็
อนุกรรมการหรือกรรมการผูนันรวมพิจารณาอุทธรณกได
้
ํ
ขอ ๗ การอุทธรณคาสงลงโทษทางวินัยของขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
่
ั
่
ทีสงกัดเขตพืนทีการศึกษา ใหดาเนินการดงตอไปนี ้
่
ั
้
ั
ํ
่
ั
ํ
(๑) การอุทธรณคาสงลงโทษปลดออกหรือไลออกจากราชการ ใหอุทธรณตอ ก.ค.ศ. และ
ให ก.ค.ศ. เปนผูพิจารณา
ี
ํ
ื
ั
ื
ั
ื
(๒) การอุทธรณคาสงลงโทษภาคทัณฑ ตดเงนเดอน หรอลดขนเงนเดอนของนายกรัฐมนตร
ิ
ิ
่
้
ั
ั
่
รฐมนตรเจาสังกัด เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐาน หรือคําสังของผูบังคับบัญชาซึงสัง
่
ี
้
่
้
ตามมตของ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา ใหอุทธรณตอ ก.ค.ศ. และให ก.ค.ศ. เปนผูพิจารณา
ิ
่
้
ํ
้
ั
ิ
ื
ั
่
ื
(๓) การอุทธรณคาสงลงโทษภาคทัณฑ ตดเงนเดอน หรอลดขันเงินเดือนของผูอํานวยการ
้
่
้
่
ื
ํ
สานักงานเขตพืนทีการศึกษา หรอผูอํานวยการสถานศึกษา ใหอุทธรณตอ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา
้
และให อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา เปนผูพิจารณา
่
ั
่
ํ
ขอ ๘ การอุทธรณคาสงลงโทษทางวินัยของขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทีมิได
่
ั
้
ํ
ั
่
สงกัดเขตพืนทีการศึกษา ใหดาเนินการดงตอไปนี ้
139
หนา ๔๖
่
เลม ๑๒๕ ตอนที ๑๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑
(๑) การอุทธรณคาสงลงโทษปลดออกหรือไลออกจากราชการ ใหอุทธรณตอ ก.ค.ศ. และ
ํ
่
ั
ให ก.ค.ศ. เปนผูพิจารณา
ํ
(๒) การอุทธรณคาสงลงโทษภาคทัณฑ ตดเงนเดอน หรอลดขนเงนเดอนของนายกรัฐมนตร
ื
ิ
ั
ั
ี
ิ
ื
ื
้
ั
่
ํ
ั
่
ี
ื
รฐมนตรเจาสงกัด ปลัดกระทรวงหรอคาสงของผูบังคบบัญชาซึงสงตามมติของ อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ.
่
ั
ั
่
ั
่
ั
ตงใหอุทธรณตอ ก.ค.ศ. และให ก.ค.ศ. เปนผูพิจารณา
ั
้
่
ั
้
ิ
ื
ั
ั
ื
ื
ํ
ิ
(๓) การอุทธรณคาสงลงโทษภาคทัณฑ ตดเงนเดอน หรอลดขนเงนเดอนของปลัดกระทรวง
ื
่
ี
่
่
ี
่
ื
ศึกษาธิการ เลขาธิการ อธิบดหรอตาแหนงทีเรยกชืออยางอืนทีมีฐานะเทียบเทาอธิการบดหรอตําแหนง
ี
ํ
่
ื
ํ
่
่
่
ี
ี
่
่
่
่
ทีเรยกชืออยางอืนทีมีฐานะเทียบเทาผูอํานวยการสถานศึกษาหรอตาแหนงทีเรยกชืออยางอืนทีมีฐานะ
่
้
ั
่
้
เทียบเทา ใหอุทธรณตอ อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตง และให อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตงเปนผูพิจารณา
ั
ื
ขอ ๙ การอุทธรณตอ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา ใหทําหนังสออุทธรณถงประธาน
้
่
ึ
่
ื
่
อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรอผูอํานวยการสํานักงานเขตพืนทีการศึกษา
้
้
ึ
ื
ื
การอุทธรณตอ ก.ค.ศ. ใหทําหนังสออุทธรณถงประธาน ก.ค.ศ. หรอเลขาธิการ ก.ค.ศ. และ
ื
ยนทีสานักงาน ก.ค.ศ.
ํ
่
่
่
ื
ื
่
ื
ื
ื
การยนหรอสงหนังสออุทธรณ ผูอุทธรณจะยนหรอสงผานผูบังคบบัญชาก็ได โดยให
ั
่
ื
ผูบังคบบัญชานันสงหนังสออุทธรณไปยงผูอํานวยการสํานักงานเขตพืนทีการศึกษา หรอหนวยงานหรอ
ั
้
ั
้
ื
ื
่
้
สวนราชการทีทําหนาทีเลขานุการของ อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตัง หรือเลขาธิการ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี
่
่
ื
ั
ั
่
ั
ั
ภายในสามวันทําการนับแตวนทีผูบังคบบัญชาดงกลาวไดรบหนังสออุทธรณ
่
ื
ื
่
ในกรณีทีนําหนังสออุทธรณมายนเอง ใหผูรบออกใบรบประทับตรารบและลงทะเบียนไวเปน
ั
ั
ั
ั
่
ั
่
ั
ื
หลกฐานในวันทีรบตามระเบียบวาดวยงานสารบรรณ และใหถอวนทีรบหนังสือตามหลักฐานดังกลาว
ั
่
ื
ื
ั
เปนวนยนหนังสออุทธรณ
ในกรณีทีสงหนังสออุทธรณทางไปรษณีย ใหถอวนทีทีทําการไปรษณียตนทางออกใบรับฝาก
่
ื
่
ื
่
ั
ั
ื
ื
เปนหลักฐานฝากสง หรอวนทีทีทําการไปรษณียตนทางประทับตรารบทีซองหนังสอเปนวนสงหนังสอ
ั
ั
่
่
่
ื
อุทธรณ
ื
ื
่
่
เมือไดยนหรอสงหนังสืออุทธรณไวแลว ผูอุทธรณจะยืนหรือสงคําแถลงการณหรือเอกสาร
่
ื
่
่
หลกฐานเพิมเตมกอนที อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรอ ก.ค.ศ. เรมพิจารณาอุทธรณกได โดยยน
้
่
ื
่
ิ
่
็
ิ
ั
้
หรอสงตรงตอ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรือ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี
ื
่
140
หนา ๔๗
่
เลม ๑๒๕ ตอนที ๑๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑
่
ู
ั
ขอ ๑๐ อุทธรณทีจะรบไวพิจารณาไดตองเปนอุทธรณทีถกตองในสาระสําคญตามขอ ๔
่
ั
และขอ ๙ และไดอุทธรณภายในกําหนดเวลาตามขอ ๓
ื
่
่
ในกรณีทีมีปญหาวาอุทธรณรายใดเปนอุทธรณทีจะรบไวพิจารณาไดหรอไม ให อ.ก.ค.ศ.
ั
้
ื
ั
่
เขตพืนทีการศึกษา หรอ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี เปนผูพิจารณาวินิจฉย
่
่
ิ
ํ
่
ั
ื
้
ั
ในกรณีที อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรอ ก.ค.ศ. มีมตไมรบอุทธรณคาสงลงโทษไว
ิ
พิจารณา ใหเปนทีสดและแจงมตนันพรอมสทธิในการฟองศาลปกครองใหผูอุทธรณทราบเปนหนังสือ
ิ
้
ุ
่
โดยเรว
็
่
ื
ขอ ๑๑ ผูอุทธรณจะขอถอนอุทธรณกอนที อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรอ ก.ค.ศ.
่
้
ื
ื
่
แลวแตกรณี พิจารณาวินิจฉยอุทธรณเสรจสนก็ได โดยทําเปนหนังสอยนหรอสงตรงตอ อ.ก.ค.ศ.
ื
็
ั
้
ิ
้
เขตพืนทีการศึกษา หรอ ก.ค.ศ.
่
ื
เมือไดถอนอุทธรณแลว การพิจารณาอุทธรณใหเปนอันระงบ
ั
่
ู
ื
ขอ ๑๒ ในกรณีทีผูถกลงโทษไดยายหรอโอนไปสังกัดเขตพืนทีการศึกษาหรอสวนราชการอืน
่
้
่
่
ื
้
่
ื
่
้
ื
่
ใหยนอุทธรณตอ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษาทีผูอุทธรณไดยายหรอโอนไปสังกัดนัน
่
่
้
่
ในกรณีทีผูอุทธรณไดยายหรือโอนไปสังกัดเขตพืนทีการศึกษาหรือสวนราชการอืน หลังจาก
่
ิ
่
้
้
่
ื
ทีไดยนอุทธรณตอ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษาสังกัดเดมไวแลว และ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา
่
ั
ิ
่
้
ั
ิ
สงกัดเดมนันยงมิไดมีมตตามขอ ๑๔ ใหสงเรืองอุทธรณและเอกสารหลักฐานตามขอ ๑๓ ไปให
อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษาตามวรรคหนึงเปนผูพิจารณาวินิจฉยอุทธรณตอไป
่
้
ั
่
ในกรณีทีผูอุทธรณไดยายหรอโอนไปสังกัดเขตพืนทีการศึกษาหรอสวนราชการอืน หลงจาก
ื
่
่
ื
ั
่
้
้
ิ
่
่
ิ
่
ที อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษาสังกัดเดมไดมีมตตามขอ ๑๔ แลว แตผูบังคับบัญชายังมิไดสังหรือ
่
่
ื
่
ิ
ิ
้
้
ปฏบัตใหเปนไปตามมตินัน ใหสงเรองอุทธรณและเอกสารหลักฐานทีเกียวของพรอมทังรายงาน
้
ื
่
ิ
ิ
การประชุมและมต อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษาไปใหผูบังคบบัญชาใหมเปนผูสงหรอปฏบัตใหเปนไป
ิ
่
ั
ั
้
ตามมตนัน
ิ
่
ั
ื
่
ํ
้
ขอ ๑๓ การพิจารณาอุทธรณคาสงลงโทษทางวินัย ให อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรอ
ื
ก.ค.ศ. พิจารณาจากสํานวนการสืบสวนหรอการพิจารณาในเบืองตนตามมาตรา ๙๕ และสานวน
้
ํ
ํ
การดาเนินการทางวินัยตามมาตรา ๙๘ หรอสานวนการไตสวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือ
ื
ํ
ตามกฎหมายอืนทีบัญญัตใหฟงขอเท็จจรงตามนัน และในกรณีจาเปนและสมควรอาจขอเอกสารและ
่
ิ
่
ํ
้
ิ
หลกฐานทีเกียวของเพิมเตม รวมทังคาชีแจงจากหนวยราชการ รฐวสาหกิจ หนวยงานอืนของรฐ
่
ิ
่
้
ั
ั
ํ
ิ
่
้
ั
่
่
ื
ั
ิ
ุ
ื
หางหนสวน บรษท หรอบุคคลใด ๆ หรอขอใหผูแทนหนวยราชการ รฐวสาหกิจ หนวยงานอืนของรัฐ
ิ
ั
141
หนา ๔๘
่
เลม ๑๒๕ ตอนที ๑๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑
ื
่
ิ
ํ
ื
้
ั
หางหนสวน บรษท ขาราชการหรอบุคคลใด ๆ มาใหถอยคาหรอชีแจงขอเท็จจรงเพือประกอบการ
ุ
ิ
พิจารณาได
่
้
่
ในกรณีทีผูอุทธรณขอแถลงการณดวยวาจา หาก อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรอ ก.ค.ศ.
ื
ํ
พิจารณาเห็นวาการแถลงการณดวยวาจาไมจาเปนแกการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ จะใหงดการ
แถลงการณดวยวาจาก็ได
ํ
ในกรณีทีนัดใหผูอุทธรณมาแถลงการณดวยวาจาตอทีประชุม ใหแจงใหผูดารงตาแหนงทีสง
ํ
่
ั
่
่
่
่
ลงโทษหรอเพิมโทษทราบดวยวา ถาประสงคจะแถลงแกกใหมาแถลงดวยตนเองหรือมอบหมาย
็
ื
เปนหนังสอใหขาราชการทีเกียวของเปนผูแทนมาแถลงแกตอทีประชุมคร้งนันได ทังนี ใหแจงลวงหนา
่
้
่
้
้
ั
่
ื
่
่
ั
่
ตามควรแกกรณี และเพือประโยชนในการแถลงแกดงกลาว ใหผูดารงตาแหนงทีสงลงโทษหรอเพิมโทษ
่
ื
ั
ํ
ํ
ื
ํ
หรอผูแทนเขาฟงคาแถลงการณดวยวาจาของผูอุทธรณได
้
่
ในการพิจารณาอุทธรณ ถา อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรอ ก.ค.ศ. เหนสมควรทีจะตอง
ื
่
็
สอบสวนใหมหรือสอบสวนเพิมเติมเพือประโยชนแหงความถูกตองและเหมาะสมตามความเปนธรรม
่
่
ิ
้
่
ื
ื
ใหมีอํานาจสอบสวนใหมหรอสอบสวนเพิมเตมในเรองนันไดตามความจําเปน โดยจะสอบสวนเองหรือ
่
ื
ื
่
ํ
แตงตงคณะกรรมการสอบสวนใหสอบสวนใหมหรอสอบสวนเพิมเตมแทนก็ได หรอกาหนดประเด็น
้
ั
ิ
ั
ิ
่
่
หรอขอสาคญทีตองการทราบสงไปใหผูสอบสวนเดมทําการสอบสวนเพิมเตมได
ื
ิ
ํ
้
ในการสอบสวนใหมหรอสอบสวนเพิมเตม ถา อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรือ ก.ค.ศ.
่
ื
่
ิ
ํ
่
็
ื
็
ั
ั
ื
ั
้
่
หรอคณะกรรมการสอบสวนทีไดรบแตงตงตามวรรคสี เหนสมควรสงประเดนหรอขอสาคญใด
ื
่
ู
้
่
่
ทีตองการทราบไปสอบสวนพยานหลักฐานซึงอยตางทองทีหรอตางเขตพืนทีการศึกษา ใหมีอํานาจ
่
่
ํ
ั
่
กาหนดประเด็นหรอขอสาคญนันสงไปเพือใหหวหนาสวนราชการหรอหวหนาหนวยงานในทองทีหรือ
ั
ั
ื
ํ
ื
้
่
้
้
เขตพืนทีการศึกษานันทําการสอบสวนแทนได
ํ
ั
การสอบสวนใหมหรอสอบสวนเพิมเตม หรอสงประเดนหรอขอสาคญไปเพือใหผูสอบสวน
ิ
ื
ื
่
็
่
ื
เดมหรอหวหนาสวนราชการหรือหวหนาหนวยงานซึงอยตางทองทีหรอตางเขตพืนทีการศึกษา
้
่
่
ื
ู
ั
ั
่
ื
ิ
ั
่
ํ
่
ื
ดาเนินการตามวรรคสีและวรรคหา ในเรองเกียวกบกรณีกลาวหาวากระทําผิดวินัยอยางรายแรง
่
ื
ตามมาตรา ๙๘ วรรคสอง หรอกรณีกลาวหาตามมาตรา ๑๑๐ (๔) หรอมาตรา ๑๑๑ ใหนําหลักเกณฑ
ื
่
ิ
่
ื
ั
และวธีการเกียวกบการสอบสวนพิจารณาตามมาตรา ๙๘ วรรคหก หรอมาตรา ๑๑๑ วรรคหนึง
ั
และวรรคสาม แลวแตกรณี มาใชบังคบโดยอนุโลม
142
หนา ๔๙
เลม ๑๒๕ ตอนที ๑๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑
่
ื
ั
ขอ ๑๔ เมือ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรอ ก.ค.ศ. แลวแตกรณี ไดพิจารณาวินิจฉย
้
่
่
ํ
ื
ั
่
่
ื
อุทธรณคาสงลงโทษทางวินัยไมรายแรงทีอุทธรณตามขอ ๗ (๒) หรอ (๓) หรอตามขอ ๘ (๒)
หรอ (๓) แลว
ื
(๑) ถาเหนวาการสังลงโทษถูกตองและเหมาะสมกับความผิดแลว ใหมีมตใหยกอุทธรณ
่
็
ิ
ื
็
ู
(๒) ถาเหนวาการสังลงโทษไมถกตองหรอไมเหมาะสมกับความผิด และเห็นวาผูอุทธรณ
่
ึ
ิ
ไดกระทําผิดวนัยไมรายแรง แตควรไดรบโทษหนักขน ใหมีมตใหเพิ่มโทษเปนสถานโทษหรืออัตราโทษ
ิ
้
ั
ทีหนักขน
้
่
ึ
็
ื
่
(๓) ถาเหนวาการสังลงโทษไมถกตองหรอไมเหมาะสมกับความผิด และเห็นวาผูอุทธรณ
ู
ั
ิ
ไดกระทําผิดวนัยไมรายแรง ควรไดรบโทษเบาลง ใหมีมตใหลดโทษเปนสถานโทษหรืออัตราโทษ
ิ
ทีเบาลง
่
็
่
(๔) ถาเหนวาการสังลงโทษไมถูกตองหรือไมเหมาะสมกับความผิด และเห็นวาผูอุทธรณ
ิ
ึ
ุ
่
ิ
ิ
ไดกระทําผิดวนัยไมรายแรง ซงเปนการกระทําผิดวนัยเล็กนอย และมีเหตอันควรงดโทษ ใหมีมตให
ั
ั
ื
ื
ื
่
สงงดโทษโดยใหทําทัณฑบนเปนหนังสอหรอวากลาวตกเตอนก็ได
็
่
(๕) ถาเหนวาการสังลงโทษไมถูกตอง และเห็นวาการกระทําของผูอุทธรณไมเปนความผิด
ิ
ิ
วนัยหรอพยานหลักฐานยังฟงไมไดวาผูอุทธรณกระทําผิดวนัย ใหมีมตใหยกโทษ
ื
ิ
ิ
ื
่
ู
(๖) ถาเหนวาขอความในคาสงลงโทษไมถกตองหรอไมเหมาะสม ใหมีมตใหแกไขเปลียนแปลง
ั
่
็
ํ
ขอความใหเปนการถูกตองเหมาะสม
ื
(๗) ถาเหนวาการสังลงโทษไมถกตองหรอไมเหมาะสมกับความผิด และเห็นวากรณีมีมูล
ู
่
็
่
ิ
ิ
้
ั
ั
ทีควรกลาวหาวาผูอุทธรณกระทําผิดวนัยอยางรายแรง ใหมีมตใหผูบังคบบัญชาแตงตงคณะกรรมการ
สอบสวนตามมาตรา ๙๘ วรรคสอง และดาเนินการตามกฎหมายตอไป
ํ
่
ํ
ิ
่
่
(๘) ในกรณีทีเหนวาเปนความผิดวนัยอยางรายแรงกรณีความผิดทีปรากฏชัดแจงตามทีกาหนด
็
ในกฎ ก.ค.ศ. หรือเห็นวาผูอุทธรณกระทําผิดวินัยอยางรายแรงและไดมีการดําเนินการทางวินัย
ิ
ตามมาตรา ๙๘ วรรคสอง แลว ใหมีมตใหเพิมโทษเปนปลดออกหรือไลออกจากราชการ
่
่
(๙) ถาเหนวาการสังลงโทษไมถกตองหรอไมเหมาะสมกับความผิดและเห็นวาผูอุทธรณ
ื
ู
็
มีกรณีที่สมควรแตงตังคณะกรรมการสอบสวนหรือใหออกจากราชการตามมาตรา ๑๑๐ (๔) มาตรา ๑๑๑
้
ํ
ิ
หรอมาตรา ๑๑๒ ใหมีมตใหผูบังคบบัญชาแตงตงคณะกรรมการสอบสวน และดาเนินการ
ื
ั
้
ั
ตามกฎหมายตอไป
143
หนา ๕๐
่
เลม ๑๒๕ ตอนที ๑๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑
ํ
(๑๐) ถาเหนสมควรดาเนินการโดยประการอืนใด เพือใหมีความถูกตองตามกฎหมายและมี
่
็
่
ิ
ความเปนธรรม ใหมีมตใหดาเนินการไดตามควรแกกรณี
ํ
การออกจากราชการของผูอุทธรณไมเปนเหตทีจะยตการพิจารณาอุทธรณ แตจะมีมตตาม (๒)
ิ
ุ
ุ
่
ิ
ื
ื
หรอ (๙) มิได หรอถาเปนการออกจากราชการเพราะตายจะมีมตตาม (๗) หรอ (๘) มิได
ิ
ื
่
่
่
ในกรณีทีมีผูถกลงโทษทางวินัยในความผิดทีไดกระทํารวมกัน และเปนความผิดในเรือง
ู
ั
ี
ี
ิ
ิ
ู
่
่
เดยวกนโดยมีพฤตการณแหงการกระทําอยางเดยวกน เมือผูถกลงโทษคนใดคนหนึงใชสทธิอุทธรณ
ั
ิ
คาสงลงโทษดงกลาว และผลการพิจารณาเปนคณแกผูอุทธรณ แมผูถกลงโทษคนอืนจะไมไดใชสทธิ
ู
ั
่
ํ
่
ั
ุ
อุทธรณ หากพฤติการณของผูไมไดใชสิทธิอุทธรณเปนเหตุในลักษณะคดีอันเปนเหตุเดียวกับกรณีของ
ิ
่
ุ
่
ั
ิ
ผูอุทธรณแลว ใหมีมตใหผูทีไมไดใชสทธิอุทธรณไดรบการพิจารณาการลงโทษใหมีผลในทางทีเปนคณ
ั
ี
เชนเดยวกบผูอุทธรณดวย
่
ขอ ๑๕ เมือ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรอ ก.ค.ศ. ไดมีมติตามขอ ๑๔ แลว ใหผูมี
ื
่
้
่
ิ
้
ิ
ิ
ิ
ิ
ั
่
ั
อํานาจตามมาตรา ๕๓ สงหรอปฏบัตใหเปนไปตามมตินัน และเมือไดสงหรอปฏบัตตามมตดงกลาวแลว
ื
่
ั
ื
ใหแจงใหผูอุทธรณทราบดวย
ั
่
ขอ ๑๖ ในกรณีทีผูมีอํานาจตามมาตรา ๕๓ ไดสงตามขอ ๑๕ แลว ผูอุทธรณจะอุทธรณ
่
ั
ื
ั
่
่
ตอไปอีกมิได เวนแตผูมีอํานาจดงกลาวสงเพิมโทษเปนโทษปลดออกหรอไลออกจากราชการตาม
่
ั
ิ
ื
ขอ ๑๔ (๘) หรอสงใหออกจากราชการตามขอ ๑๔ (๙) ผูอุทธรณมีสทธิอุทธรณหรอรองทุกขตาม
ื
้
่
มาตรา ๑๒๒ ไดอีกชันหนึง
ขอ ๑๗ การพิจารณาวินิจฉยอุทธรณในกรณีทีอุทธรณตอ ก.ค.ศ. ตามขอ ๗ (๑) และ
่
ั
ขอ ๘ (๑) ใหนําขอ ๑๓ และขอ ๑๔ มาใชบังคบโดยอนุโลม
ั
เมือ ก.ค.ศ. มีมตเปนประการใด ผูอุทธรณจะอุทธรณหรอรองทุกขตอไปอีกมิได และใหแจง
ื
่
ิ
่
ี
้
ิ
่
ผูอุทธรณทราบพรอมทังแจงสทธิฟองคดตอศาลปกครอง และใหแจงสวนราชการทีเกียวของทราบ
ื
็
ํ
ื
เปนหนังสอ หรอดาเนินการใหเปนไปตามมติ ก.ค.ศ. โดยเรว
144
หนา ๕๑
่
เลม ๑๒๕ ตอนที ๑๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑
ั
้
ํ
ั
ิ
่
ขอ ๑๘ การนับระยะเวลาตามกฎ ก.ค.ศ. นี สาหรบเวลาเรมตน ใหนับวนถัดจากวันแรก
้
้
ั
ุ
ิ
ุ
แหงเวลานันเปนวนเรมนับระยะเวลา สวนเวลาสินสด ถาวนสดทายแหงระยะเวลาตรงกับ
่
ั
วนหยดราชการใหนับวนเรมเปดทําการใหมเปนวนสดทายแหงระยะเวลา
ั
่
ั
ิ
ุ
ุ
ั
ั
ใหไว ณ วนที ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
่
ิ
ิ
วจตร ศรสอาน
ี
รฐมนตรวาการกระทรวงศึกษาธิการ
ี
ั
ประธาน ก.ค.ศ.
145
หนา ๕๒
่
เลม ๑๒๕ ตอนที ๑๑ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑
้
ี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎ ก.ค.ศ. ฉบบนี คือ โดยทมาตรา ๑๒๔ แหงพระราชบัญญัติ
ั
่
ั
่
ระเบียบขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ บญญัติใหหลกเกณฑและวิธการในเรือง
ี
ั
ั
่
ุ
ู
่
ุ
ี
ทเกียวกับการอทธรณและการพิจารณาอทธรณ กรณีทขาราชการครูและบคลากรทางการศึกษาถกสงลงโทษ
่
่
ี
ุ
่
ทางวินัยหรือถูกสังใหออกจากราชการ ใหเปนไปตามทีกําหนดในกฎ ก.ค.ศ. จึงจําเปนตองออกกฎ ก.ค.ศ. นี ้
่
146
หนา ๗
ิ
่
เลม ๑๒๕ ตอนที ๙๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สงหาคม ๒๕๕๑
กฎ ก.ค.ศ.
วาดวยการรองทุกขและการพิจารณารองทุกข
พ.ศ. ๒๕๕๑
ิ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๙ (๔) และมาตรา ๑๒๔ แหงพระราชบัญญัตระเบียบ
ขาราชการครและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ก.ค.ศ. โดยไดรบอนุมัตจากคณะรัฐมนตร ี
ู
ั
ิ
ั
ออกกฎ ก.ค.ศ. ไว ดงตอไปนี ้
้
็
่
ขอ ๑ ในกฎ ก.ค.ศ. นี เวนแตขอความจะแสดงใหเหนเปนอยางอืน
่
“อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา” หมายความรวมถึง อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตงดวย
่
ั
้
้
“ปลัดกระทรวง” หมายความวา ปลัดกระทรวงการทองเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวง
ื
่
วฒนธรรม หรอปลัดกระทรวงอืนทีมีขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดตามทีกาหนดใน
ํ
ั
่
่
พระราชกฤษฎีกา แตไมรวมถึงปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ขอ ๒ การรองทุกขคําสังใหออกจากราชการ ใหรองทุกขตอ ก.ค.ศ. ภายในสามสิบวันนับ
่
ั
ํ
่
ั
ํ
่
ั
แตวนไดรบแจงคาสง โดยใหนําหลักเกณฑและวิธีการทีกาหนดในกฎ ก.ค.ศ. วาดวยการอุทธรณและ
ั
การพิจารณาอุทธรณมาใชบังคบโดยอนุโลม
ขอ ๓ การรองทุกขและการพิจารณารองทุกข ในกรณีทีขาราชการครูและบุคลากรทางการ
่
ศึกษาเห็นวาตนไมไดรับความเปนธรรมหรือมีความคับของใจเนืองจากการกระทําของผูบังคับบัญชา
่
ํ
่
ื
ั
้
ิ
หรอการแตงตงคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ใหเปนไปตามหลักเกณฑและวธีการทีกาหนดใน
กฎ ก.ค.ศ. นี ้
147
หนา ๘
ิ
่
เลม ๑๒๕ ตอนที ๙๔ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๕ สงหาคม ๒๕๕๑
ขอ ๔ เมือผูอยใตบังคบบัญชามีกรณีรองทุกขตามขอ ๓ และแสดงความประสงคทีจะ
่
ู
ั
่
ั
ปรกษาหารอ รบฟงหรอสอบถามกับผูบังคบบัญชา ใหผูบังคบบัญชานันใหโอกาสและรับฟงหรอ
ื
ื
ื
ั
ึ
้
ั
ั
ึ
่
้
่
ั
สอบถามเกียวกบปญหาดงกลาวเพือทําความเขาใจและแกปญหาทีเกิดขนในชันตน
้
่
ู
้
ั
ื
ึ
ถาผูอยใตบังคบบัญชาไมประสงคจะปรกษาหารือ หรอปรกษาหารือแลวไมไดรบคาชีแจงหรอ
ึ
ื
ั
ํ
ํ
ื
ื
่
ั
ํ
ั
้
ํ
ไดรบคาชีแจงไมเปนทีพอใจ หรอผูบังคบบัญชามิไดดาเนินการใด ๆ หรอดาเนินการแลวแตไมเปนที ่
พอใจ กใหรองทุกขตามขอ ๕
็
่
้
ขอ ๕ การรองทุกข ใหทําเปนหนังสือยืนหรือสงตอ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา หรือ
่
ั
ั
ุ
ก.ค.ศ. แลวแตกรณี ภายในสามสิบวนนับแตวนทราบเรืองอันเปนเหตแหงการรองทุกข และให
่
รองทุกขไดสาหรบตนเองเทานัน จะรองทุกขแทนผูอืนหรอมอบหมายใหผูอื่นรองทุกขแทนไมได
้
ื
่
ํ
ั
ํ
่
่
ู
หนังสอรองทุกขตองลงลายมือชือ ทีอย และตาแหนงของผูรองทุกข และตองประกอบดวย
ื
ั
ื
ิ
ุ
ั
็
สาระสําคญทีแสดงขอเท็จจรงและเหตผลใหเหนวาตนไมไดรบความเปนธรรมหรอมีความคับของใจ
่
ื
่
ั
ั
เนืองจากการกระทําของผูบังคบบัญชา หรอการแตงตงคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอยางใด
้
และความประสงคของการรองทุกข
ถาผูรองทุกขประสงคจะแถลงการณดวยวาจาในชันการพิจารณา ใหแสดงความประสงคไวใน
้
่
ื
ื
หนังสอรองทุกข หรอจะทําเปนหนังสอตางหากก็ได โดยยนหรอสงตรงตอ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนที ่
ื
ื
้
ื
การศึกษา หรอ ก.ค.ศ. กอนเรมพิจารณาเรืองรองทุกข
ื
่
่
ิ
่
ขอ ๖ การรองทุกขตอ อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา ใหทําหนังสือรองทุกขถึงประธาน
้
ื
่
ื
้
ํ
่
้
่
่
ั
อ.ก.ค.ศ. เขตพืนทีการศึกษา พรอมกับสาเนารบรองถูกตองหนึงฉบับ ยนหรอสงทีสานักงานเขตพืนที ่
ํ
่
่
้
่
ื
การศึกษา หรอสวนราชการทีทําหนาทีเลขานุการของ อ.ก.ค.ศ. ที ก.ค.ศ. ตัง
ื
ื
การรองทุกขตอ ก.ค.ศ. ใหทําหนังสอรองทุกขถงประธาน ก.ค.ศ. หรอเลขาธิการ ก.ค.ศ.
ึ
พรอมกับสาเนารบรองถูกตองหนึงฉบับโดยยนหรอสงทีสานักงาน ก.ค.ศ.
่
ํ
ั
ื
่
่
ื
ํ
่
่
ผูรองทุกขจะยืนหรือสงหนังสือรองทุกขพรอมกับสําเนารับรองถูกตองหนึงฉบับ
ื
ั
ุ
ั
้
ั
ผานผูบังคบบัญชาหรอผานผูบังคบบัญชาผูเปนเหตแหงการรองทุกขกได และใหผูบังคบบัญชานัน
็
ํ
ดาเนินการตามขอ ๑๑
ั
ในกรณีทีมีผูนําหนังสอรองทุกขมายนเอง ใหผูรบออกใบรับ พรอมทังประทับตรารบและ
่
ื
้
ั
่
ื
่
ื
ั
ั
ื
ลงทะเบียนไวเปนหลักฐานในวันทีรบตามระเบียบวาดวยงานสารบรรณ และใหถอวนทีรบหนังสอ
่
ั
่
ั
ตามหลักฐานดังกลาวเปนวนยนหนังสอรองทุกข
ื
ื