The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-02-13 04:23:04

ภัยพิบัติธรรมชาติทางอุทกภัย

6D0E6624-6EFA-44EE-B30A-DE514B731647

ภัยพิบัติ
ธรรมชาติ

เรื่อง ภัยพิบัติธรรมชาติทางอุทกภาค

1. อุทกภัย (flood)

1) ความหมายของอุทกภัย
อุทกภัย หมายถึง ภัยหรืออันตรายที่เกิดจากน้ำท่วมฉับพลันใน

พื้นที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งหรือน้ำไหลเอ่อล้นฝั่ งแม่น้ำเข้าท่วม
พื้นที่
2) ประเภทและกระบวนการเกิดอุทกภัย

อุทกภัยจำแนกตามภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมได้ 3 ประเภท ได้แก่
1. น้ำป่าไหลหลาก เมื่อฝนตกหนักต่อเนื่องบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ คือ ภูเขา จะเกิด
การสะสมของน้ำท่าจนพื้นดินและป่าไม้ดูดซับไว้ไม่ได้อีกต่อไป จึงเกิดการไหลบ่าลง
สู่บริเวณที่ต่ำกว่า
2. น้ำท่วมขัง เมื่อมีบริเวณน้ำท่าไหลบ่าหน้าดินสะสมในปริมาณมาก จะทำให้
เกิดการไหลบ่าในแนวระดับจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเข้าท่วมขังบ้านเรือนและพื้นที่
เกษตรกรรม ทำให้ได้รับความเสียหาย
3. น้ำล้นตลิ่ง เมื่อปริมาณน้ำจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ระบายน้ำน้อย
กว่าปริมาณน้ำ ทำให้เกิดการเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรกรรม
ตามฝั่ งแม่น้ำ ทำให้ได้รับความเสียหาย

ภัยจากน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่ม
(เขตติดต่อระหว่างจังหวัดสกลนคร-นครพนม)

3) สาเหตุการเกิดอุทกภัยที่รุนแรง

สาเหตุการเกิดอุทกภัยที่รุนแรง มีดังนี้
1. น้ำป่าไหลหลาก มีสาเหตุจากพายุหมุนเขตร้อนพัดผ่าน ทำให้ฝนตกหนักติดต่อ
กันนานจนพื้นดินและป่าไม้ดูดซับไว้ไม่ได้จึงเกิดการไหลบ่าลงสู่บริเวณที่ต่ำกว่า และ
ทำลายป่าไม้บริเวณพื้นที่ต้นน้ำที่ดูดซับน้ำและยึดดิน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก
รุนแรงเมื่อฝนตกหนัก

2. น้ำท่วมขัง มีสาเหตุจากภูมิประเทศที่ลุ่ม การระบายน้ำและระบบการจัดการน้ำ
ไม่ดี หรือน้ำทะเลหนุนสูงบริเวณที่ลุ่มชายฝั่ ง

3. น้ำล้นตลิ่ง มีสาเหตุจากปริมาณน้ำในแม่น้ำมีมากเกินความจุของลำน้ำ จึงล้น
ออกไปด้านข้าง

อุทกภัยในประเทศเปรู พ.ศ. 2560 เนื่องจาก อุทกภัยครั้งใหญ่ซึ่งรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี จากซู
ฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างฉับพลันใน เปอร์ไต้ฝุ่นซูลิก เกิดขึ้นในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน

กรุงลิมา เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

4) พื้นที่เสี่ยงการเกิดอุทกภัย

บริเวณที่มีความเสี่ยงอุทกภัยที่รุนแรงของโลกมีความสัมพันธ์กับบริเวณที่เกิด
พายุหมุนเขตร้อนของโลก เนื่องจากเมื่อเกิดพายุหมุนเขตร้อน คือ ดีเปรสชัน โซน
ร้อน ไต้ฝุ่น(เฮอร์ริเคน,ไซโคลน) จะทำให้เกิดฝนตกหนักและตกติดต่อกันนานจนมี
ปริมาณฝนสะสมเป็นน้ำท่าไหลบ่าสะสมปริมาณมาก เกิดเป็นอุทกภัยทางน้ำป่าไหล
หลาก น้ำท่วมขัง และน้ำล้นตลิ่ง และอีกบริเวณที่สัมพันธ์กับการเกิดอุทกภัยรุนแรง
คือ ตามแนวแม่น้ำสายสำคัญ บริเวณที่มีความเสี่ยงอุทกภัยรุนแรง ได้แก่ ภูมิภาค
เอเชียตะวันออก ภูมิภาคเอเชียใต้ ภูมิภาคแอฟริกาตอนกลาง บริเวณตอนเหนืออ่าว
เม็กซิโก และทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปออสเตรเลีย

5) ภัยต่างๆ ที่เกิดจากอุทกภัยที่รุนแรง

อุทกภัยก่อให้เกิดความเสียหายและผลกระทบ ดังนี้
1. เกิดการสูญเสียชีวิตจากการจมน้ำและกระแสน้ำพัดรุนแรง
2. เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด
สาธารณูปโภคต่างๆ ได้รับความเสียหาย ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ
3. พื้นที่เกษตรกรรมได้รับความเสียหาย ผลผลิตลดลง เกิดการขาดแคลนอาหาร
4. เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ ฝนที่ตกหนักและกระแสน้ำ ทำให้เกิด
แผ่นดินถล่ม เกิดการสูญเสียหน้าดิน แหล่งน้ำตื้นเขิน

6) เหตุการณ์อุทกภัยรุนแรงครั้งสำคัญ

7) การจัดการภัยพิบัติอุทกภัย
มาตรการ วิธีป้องกัน และการปฏิบัติตนเมื่อประสบอุทกภัย มีดังนี้

ก่อนเกิดอุทกภัย ขณะเกิดอุทกภัย หลังเกิดอุทกภัย

1. ไม่ควรตั้งบ้านเรือนอยู่ 1. ตัดกระแสไฟและ 1. รื้อสิ่งปรักหักพัง
ในที่ลุ่มใกล้ทะเล หรือใกล้ ปิดแก๊สหุงต้ม ซ่อมแซมบ้านเรือนที่ถูก
แม่น้ำสายใหญ่มากเกินไป 2. อยู่ในอาคารที่แข็ง ทำลาย และจัดหาที่พัก
เพราะจะได้รับอิทธิพล แรง และอยู่ในที่สูงพ้น อาศัยชั่วคราวแก่ผู้ที่ได้รับ
จากน้ำที่เอ่อล้นตลิ่ง รวม จากระดับน้ำ ผลกระทบ
ถึงผลกระทบจากน้ำทะเล 3. ไม่ควรเดินหรือขับขี่ 2. ซ่อมแซมสาธารณูปโภค
หนุนสูง ยานพาหนะในกระแส ให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว
2. สร้างระบบชลประทาน น้ำ 3. หากมีซากสัตว์ตายให้
เพื่อการบริหารจัดการ 4. ระวังสัตว์มีพิษที่ จัดการเก็บฝังโดยเร็ว
เกี่ยวกับปริมาณน้ำที่มาก อาจหนีน้ำขึ้นมาอยู่บน 4. ให้การช่วยเหลือผู้
เกินไปในช่วงน้ำหลาก บ้าน ประสบอุทกภัยโดยการ
3. ติดตามรายงานข่าวของ บริจาคสิ่งของอุปโภค
กรมอุตุนิยมวิทยา บริโภคที่จำเป็นต่อการ
4. เคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่ ดำรงชีวิต
สูง 5. สร้างระบบระบายน้ำที่มี
5. เตรียมอุปกรณ์ยังชีพที่ ประสิทธิภาพสูงในเขต
สำคัญ ชุมชนหรือเมืองใหญ่ที่มี
ทำเลที่ตั้งอยู่ในที่ลุ่ม

2. ภัยแล้ง (drought)

1) ความหมายของภัยแล้ง

ภัยแล้ง หมายถึง ภัยที่เกิดจากการมีฝนน้อยกว่า
ปกติหรือไม่ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้เกิดการ
ขาดแคลนน้ำกิน น้ำใช้ น้ำทำการเกษตร ความรุนแรง
ของภัยแล้งขึ้นอยู่กับความชื้นในอากาศ ระยะเวลาที่
เกิดภัยแล้ง และขนาดของพื้นที่ที่เกิดภัยแล้ง

2) กระบวนการเกิดภัยแล้ง
กระบวนการเกิดภัยแล้งเกิดจากฝนตกในปริมาณน้อยกว่าปกติหรือไม่ตกต้อง

ตามฤดูกาล ทำให้แหล่งน้ำต่าง ๆ ทั้งน้ำผิวดิน น้ำใต้ดินมีปริมาณลดลง เกิดสภาวะ
ขาดแคลนน้ำของพืชและมนุษย์นำไปสู่สภาวะความอดอยาก

3) ประเภทของภัยแล้ง

ภัยแล้งจำแนกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. ภัยแล้งด้านอุตุนิยมวิทยา คือ สภาวะที่ฝนน้อยหรือไม่มีฝนเลยในช่วงเวลา
หนึ่ง ซึ่งตามปกติควรจะต้องมีฝนตก
2. ภัยแล้งด้านการเกษตร คือ สภาวะการขาดแคลนน้ำของพืชและมนุษย์ อาจ
นำไปสู่ภาวะความอดอยากได้ ถ้าเกิดภัยแล้งรุนแรงต่อเนื่อง
3. ภัยแล้งด้านอุทกวิทยา คือ สภาวะที่ระดับน้ำผิวดินและน้ำใต้ดินลดลงมาก
ผิดปกติ หรือน้ำในแม่น้ำลำคลองมีปริมาณลดลงมากกว่าปกติ

4) สาเหตุของการเกิดภัยแล้ง

สาเหตุหลักของการเกิดภัยแล้ง คือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เช่น
ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือฝนทิ้งช่วงนาน ทำให้มีน้ำกักเก็บในแหล่งน้ำน้อย ใน
ฤดูร้อนอากาศร้อนจัด ทำให้อัตราการระเทยของน้ำผิวดินสูงขึ้น การทำลายป่าไม้
บริเวณต้นน้ำ ทำให้ไม่มีต้นไม้ทำหน้าที่ดูดซับฝนลงสู่ใต้ผิวดิน และความต้องการใช้
น้ำในปริมาณมากเกินกว่าน้ำต้นทุนจากฝนจะทดแทนได้

การทำลายป่าไม้บริเวณพื้นที่ต้นน้ำเป็น อุณหภูมิสูงในฤดูร้อนทำให้อัตราการระเหย
สาเหตุสำคัญของภัยแล้ง ของน้ำผิวดินสูงเกิดภาวะขาดแคลนน้ำ

5) บริเวณเสี่ยงการเกิดภัยแล้งของโลก

บริเวณเสี่ยงการเกิดภัยแล้งของโลกมีความสัมพันธ์กับปริมาณฝน บริเวณประสบ
ภัยแล้งรุนแรงมากที่สุด เช่น บริเวณประเทศจีนด้านตะวันออกเฉียงเหนือต่อเนื่องกับ
เกาหลีเหนือและรัสเซียด้านตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณชายฝั่ งทะเลอ่าวกินีของทวีป
แอฟริกา บริเวณชายฝั่ งด้านใต้และเกาะแทสเมเนียของประเทศออสเตรเลีย เกาะ
เหนือของประเทศนิวซีแลนด์ บริเวณประสบภัยแล้งรุนแรงรองลงมา เช่น บริเวณ
ตอนกลางของรัสเซีย ประเทศมองโกเลีย บางเขตของประเทศอินเดีย ตอนกลางของ
ประเทศสหรัฐอเมริกา

6) ภัยต่างๆ ที่เกิดจากภัยแล้งที่รุนแรง

การเกิดภัยแล้งส่งผลกระทบ ดังนี้

1. ขาดแคลนน้ำสำหรับการเพาะปลูก ส่งผลให้ผลผลิตทางเกษตรลดลงไม่เพียง
พอต่อการบริโภค

2. ประชากรขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค เกิดภาวะขาดน้ำ เกิดความขัด
แย้งในการใช้น้ำ

3. พื้นดินแห้งแล้ง พื้นดินชุ่มน้ำลดน้อยลง คุณภาพน้ำเปลี่ยนแปลง ส่งผลกระ
ทบต่อระบบนิเวศ

4. เกิดไฟป่ารุนแรงขึ้น ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้น

สภาพอากาศที่ร้อนจัดและภัยแล้งอย่าง ภัยแล้งในประเทศโซมาเลีย ส่งผลให้เกิดการเสีย
รุนแรงในประเทศอินเดีย ส่งผลให้พื้นที่ ชีวิตและการแพร่ระบาดของอหิวาตกโรค

การเกษตรได้รับความเสียหาย

7) เหตุการณ์ภัยแล้งรุนแรงครั้งสำคัญ

8) การจัดการภัยพิบัติภัยแล้ง

ก่อนเกิดภัยแล้ง ขณะเกิดภัยแล้ง

1. จัดการวางแผนการใช้น้ำให้ 1. การทำฝนเทียม เพื่อเพิ่ม
หมาะสม เช่น กักเก็บน้ำในฤดูฝน ปริมาณฝนในพื้นที่ที่ประสบภัย
เพื่อเก็บไว้ใช้ในยามขาดแคลน แล้ง
2. จัดการระบบน้ำในอ่างเก็บน้ำ 2. แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการ
ของเขื่อนต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ แจกน้ำให้ประชาชน เพื่อเป็นการ
3. การนำน้ำมาหมุนเวียนใช้ ช่วยเหลือในเบื้องต้น
โดยผ่านกระบวนการปรับปรุง
4. การสร้างฝ่ายต้นน้ำ การเจาะ
บ่อบาดาลในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง
5. รณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึง
ปัญหาภัยแล้ง พร้อมทั้งรณรงค์
เรื่องการประหยัดน้ำ

หลังเกิดภัยแล้ง

1. พัฒนาลุ่มน้ำและแหล่งน้ำ เช่น การขุดลอกคูคลอง ลำธาร การสร้างฝ่าย
เขื่อน รวมถึงรณรงค์ไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่า รักษาป่าต้นน้ำให้คงความอุดม
สมบูรณ์และปลูกป่าเพื่อเพิ่มปริมาณต้นไม้ให้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร
2. วางแผนดำเนินการจัดการน้ำด้านการเกษตรและการใช้น้ำอย่างรอบคอบ
เน้นการบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกที่ยังไม่ประสบภัยแล้งให้เหมาะสมกับ
แหล่งน้ำที่มีอยู่ สวนพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งเป็นประจำ แต่ยังต้องทำการ
เกษตร ต้องเร่งปรับเปลี่ยนการปลูกพืช ชนิดพืช และวิธีการปลูก เพื่อให้
สัมพันธ์กับแหล่งน้ำในพื้นที่นั้น และอาจมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง
การเกษตรในพื้นที่ขนาดใหญ่ตามสถานการณ์แหล่งน้ำในปัจจุบัน
3. ช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง เช่น ขยายเวลาชำระหนี้แก่เกษตรกร
ที่ได้รับความเสียหายมาก
4. ส่งเสริมการอนุรักษ์ดินและน้ำ เพิ่มการปลูกพืชคลุมดิน เพื่อลดการพัง
ทลายของหน้าดิน

สมาชิก

นางสาวนาตาชา ลิลลี่ วอลตัน
ม.5/1 เลขที่ 17

นางสาววรนิษฐ์ ภัคคะศรีโรจน์
ม.5/1 เลขที่ 29

นางนางสาวสุภชา มาลา
ม.5/1 เลขที่ 37


Click to View FlipBook Version