การเขียน Code สร้างเกมอย่างง่าย
ด้วยภาษา "C"
จัดทำโดย
กลุ่มที่ 3 Parallel team
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร
สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
และ
สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์
คำนำ
รายงานชิ้นนี้ เป็นส่วนหนึ่ งของวิชการใช้ภาษาไทย
รหัสวิชา 001101 ห้องเรียนที่2โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
ศึกษา ค้นคว้า เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมและแนะนำ
โปรแกรมที่ใช้เขียน ทั้งนี้ ใน รายงานฉบับนี้ มีเนื้ อหา
ความรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาซี
คณะผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อนี้ ในการทำงาเนื่ องจาก
เป็นเรื่องที่น่ าสนใจและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำ
วันได้ คณะผู้จัดทำ หวังว่ารายงานฉบับนี้ จะให้ความรู้
และเป็นประโยชน์ แก่ผู้อ่านทุกๆ ท่าน หากมีข้อเสนอ
แนะหรือข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำขอน้ อม
รับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วย
นิ สิตกลุ่มที่3 Parallel
team
(ลำดับที่51 - 75)
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ 2
3
คำนำ 4
สารบัญ 5
ที่มาและวัตถุประสงค์ 6
ปัญหา 7
กลุ่มเป้าหมาย 10
เนื้ อหาอ้างอิง 14
จุดเด่นภาษา C 19
ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมภาษา C 23
โครงสร้างภาษา C 25
กฎการตั้งชื่อ 43
แนะนำโปรแกรม 51
สรุปเนื้ อหา 52
เกมที่จะนำเสนอ 55
ตัวอย่างโค้ด
ตัวอย่างเกม
ที่มา และ
วัตถุประสงค์
เนื่ องจากการเขียนโปรแกรมเป็นทักษะที่มี ความ
สำคัญสำหรับผู้ที่มีความสนใจด้านการสร้างแอปพลิ
เคชันและการสร้างเกม การเขียนโปรแกรมจึงต้องใช้
ความรู้และความเข้าใจ เพื่อที่จะเขียนขึ้นมาได้ด้วย
คุณค่าดังกล่าวคณะผู้จัดทำจึงมุ่งที่จะจัดทำรายงาน
เรื่อง การเขียน code สร้างเกมอย่างง่ายด้วยภาษา C
เพื่อให้ผู้ที่สนใจด้านนี้ สามารถอ่านเพื่อศึกษาทำความ
เข้าใจการเขียนโปรแกรม
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาภาษา c
2.เพื่อศึ กษาการเขียนโปรแกรม
3.เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม
ด้วยภาษา C
ปัญหา
คนส่วนใหญ่มักมีความคิดที่ว่าการสร้างเกมนั้ นมี
ความยุ่งยากมากมาย จึงค่อนข้างมีความคิดปิดกั้น
เราจึงมีความคิด
ว่า"ถ้านำเสนอการสร้างเกมง่ายๆ เผื่อที่ว่า
เราจะเป็นดวงไฟเล็กๆที่ไปจุดกองไฟ
เพื่อ ให้ดูว่ามันก็ไม่ได้ยากมากและสามารถทำได้
โดยที่ไม่ต้องเสี ยเงินในการลุงทุนอะไรเลย
กลุ่มเป้าหมาย
นั กเรียน นั กศึกษา นั กพัฒนาโปรแกรม และผู้
สนใจทั่วไปหรือ คนที่กำลังเริ่มศึกษาในศาสตร์ความรู้
ในด้านนี้
เนื้ อหาอ้างอิง
หนังสือ คู่มือการเขียนโปรแกรมภาษา C
ผู้เขียน คุณ ไกรศร ตั้งโอภากุล
คุณ กิตินั นท์ พลสวัสดิ์
เป็นหนั งสือที่เหมาะกับการ
เริ่มเรียนรู้
ตั้งแต่พื้นฐาน อ่านเข้าใจง่าย มีตั้งแต่
ราคาปก ประวัติความเป็นมาของภาษาซีจนถึง
250 บาท แบบฝึกหัดและตัวอย่างพร้อมคำอธิบาย
และเนื้ อหาอีก 16 บท
หนังสือ คู่มือเขียนโปรแกรมด้วย
ภาษาC
ผู้เขียน คือ คุณอรพิณ ประวัติบริสุทธิ์
ราคาปก ในหนั งสือมีเนื้ อหาทั้งการแนะนำ
255 บาท โปรแกรม แนวทางการคิดในการเขียน
โปรแกรม คำอธิบายตัวแปรชนิ ดต่างๆ
ของภาษาซีและความรู้อื่นๆมากกว่า 16
บท
ผู้เขียนคู่มือเรียนภาษซีที่ขายดีต่อเนื่ องมากกว่า 10 ปี
อะไรคือ ภาษา "C"
ภาษา "C" เป็นภาษาระดับสูง ถูกสร้างมาเพื่อให้
เขียนโปรแกรมง่ายขึ้น
ภาษา C เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นในปี
ค.ศ. 1975 โดย เดนนิ ส ริสซี (Dennis Ritchie)
และในปี "ค.ศ. 1978" เดนนิ ส ริสซี และ
นายเบรน เครนิ กฮาน ได้แต่งหนั งสือขึ้นมา
ชื่อ The C Programming Langguage
เป็นหนั งสือนำเสนอภาษา C อย่างง่าย
และได้รับความนิ ยมอย่างมาก
ในปี ค.ศ. 1990 องค์กรมาตรฐานสากล หรือ IOS ได้
ยอมรับมาตรฐานและได้สร้างขึ้นมาในชื่อ ANS/ISO C
The C Programming
Language
Mr.Dennis Ritchie
Mr.Brian w Kernighan
จุดเด่นภาษา C
1. ความสามารถในการใช้งานบนสภาพแวดล้อมที่
แตกต่างกัน (Portability)เป็นลักษณะเด่นที่ถือเป็นจุด
เด่นของภาษา C เลยที่เดียวกล่าวคือภาษา Cสามารถ
รันอยู่บนคอมพิวเตอร์ได้หลายระดับ ตั้งแต่เมนเฟรม
คอมพิวเตอร์ จนถึงไมโครคอมพิวเตอร์ ดังนั้ นซอร์ส
โค้ดภาษา C ที่เขียนในคอมพิวเตอร์ระดับหนึ่ ง
สามารถนำไปใช้งานบนคอมพิวเตอร์อีกระดับหนึ่ งโดย
ไม่ต้องเปลี่ยนชุดคำสั่งเลย และยังสามารถนำไปใช้งาน
บนระบบปฏิบัติการ ที่แตกต่างกันได้อีกด้วย
2.มีประสิทธิภาพสูง(Efficiency) ประสิทธิภาพที่
นำมาใช้วัดกับภาษา C สามารถวัดได้จาก 3 แนวทาง
คือ
- ชุดคำสั่งที่มีความกระทัดรัด และกระซับมาก
- การจัดการหน่ วยความจำบนภาษา C มีประสิทธิภาพ
สูงมาก
- มีการทำงานที่รวดเร็ว เทียบเท่าภาษาระดับต่ำ ทั้งนี้
เนื่ องจากภาษา C มีความใกล้ชิดกับฮาร์แวร์มากกว่า
ภาษาระดับสูงอื่นๆ โดยสามารถติดต่อกับรีจิสเตอร์และ
หน่ วยความจำโดยตรง เช่นเ
ดียว กับภาษาแอสแซมบลี
3. ความสามารถในการโปรแกรมแบบโมดูล
(Modularity) ภาษา C อนุญาตให้มีการแบ่งโมดูลเพื่อ
คอมไพล์ได้ ซึ่งสามารถลิงค์เชื่อมโยงเข้ากันได้ดี รูป
แบบโปรแกรมสามารถเขียนขึ้นได้ตามแบบแผน
การโปรแกรมเชิงโครงสร้างได้อย่างดีเยี่ยม ภาษา C
คือภาษาที่ประกอบด้วยฟังก์ชั่น ทั้งนี้ โมดูลต่างๆจะ
เขียนอยู่ในรู ปของฟังก์ชั่นทั้งสิ้ น
4.พอยน์เตอร์ (Pointer Operation) ภาษา C มี
ความสามารถในการทำงานแบบพอยน์ เตอร์เป็นอย่าง
มาก ยากที่จะพบได้ในภาษา ระดับสูงทั่วไปโดยพอยน์
เตอร์หรือตัวชี้สามารถกำหนดได้จากชนิ ดข้อมูล (Data
Type)หลายชนิ ดด้วยกัน เช่นเดียวกับฟังก์ชั่น หรือ
โครงสร้าง รวมถึงตัวแปร แบบอาร์เรย์ ก็สามารถ
ถูกจัดการด้วยการนำ พอยน์ เตอร์เข้ามาช่วยก็ยังได้
5. มีความยืดหยุ่นสูง (Flexible Level) ถึงแม้น
ภาษา C จะจัดอยู่ในภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงก็ตาม
แต่ภาษา C ก็ยังสามารถเขียนใช้ งานร่วมกับภาษระดับ
ต่ำอย่างภาษาแอสแซมบลีได้ ดังนั้ นจึงมีการกล่าวว่า
"ภาษา C เป็นภาษาที่อยู่ กึ่งกลางระหว่างภาษาระดับต่ำ
และภาษาระดับสูง"
6. ตัวอักษรตัวพิมพ์เล็กและตัวอักษรพิมพ์ใหญ่
แตกต่างกัน (Case Sensitivity) ตามปกติภาษาระดับ
สูงทั่วไป ตัวแปรที่ตั้งขึ้นด้วยตัวอักษรพิมพ์เล็กและตัว
พิมพ์ใหญ่ สามารถนำ มาใช้ร่วมกันได้ แต่ในภาษา C
จะถือว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เช่น NUM ไม่เท่ากับ
num
ขั้นตอนการพัฒนา
โปรแกรมภาษาซี
ขั้นตอนที่ 1 เขียนโปรแกรม (source code)
ใช้ editor เขียนโปรแกรมภาษาซี และทําการ
บันทึกไฟล์ให้มีนามสกุลเป็น C เช่น test.c เป็นต้น
NNOOTTEE editor คือ โปรแกรมที่ใช้สําหรับการ
เขียนโปรแกรม โดยตัวอย่างของ editor ที่นิ ยมนํ ามาใช้เขียน
โปรแกรม ได้แก่ Notepad, Edit ของ DOS, TextPad
(www.textpad.com) และ EditPlus (www.editplus.Com)
เป็นต้น ผู้เขียนโปรแกรมสามารถเลือกใช้โปรแกรมใดในการ
เขียนโปรแกรมก็ได้ แล้วแต่ความถนั ดของแต่ละบุคคล
ขั้นตอนที่ 2 คอมไพล์โปรแกรม (compile)
นํ า Source Code จากขั้นตอนที่ 1 มาทําการ
คอมไพล์ เพื่อแปลจากภาษาซีที่มนุษย์เข้าใจไปเป็น
ภาษาเครื่องที่คอมพิวเตอร์เข้าใจได้ ในขั้นตอนนี้ คอม
ไพเลอร์จะทําการตรวจสอบ source code ว่าเกิด ข้อ
ผิดพลาดหรือไม่
หากเกิดข้อผิดพลาด จะแจ้งให้ผู้เขียนโปรแกรม
ทราบ ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องกลับไปแก้ไข
โปรแกรม และทําการคอมไพล์โปรแกรมใหม่อีก
ครั้ง
หากไม่พบข้อผิดพลาด คอมไพเลอร์จะแปลไฟล์
Source Code จากภาษาซีไปเป็นภาษาเครื่อง
(ไฟล์นามสกุล .obj) เช่น ถ้าไฟล์ source Code
ชื่อ test.C ก็จะถูกแปลไปเป็นไฟล์ชื่อ test.obj
ซึ่งเก็บภาษาเครื่องไว้ เป็นต้น
จากหลักการของตัวแปลภาษาทั้งสองแบบนี้ ภาษาซีจัดเป็น
ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ตัวแปลภาษาแบบคอมไพเลอร์
ขั้นตอนที่ 3 เชื่อมโยงโปรแกรม (link)
การเขียนโปรแกรมภาษาซีนั้ นผู้เขียนโปรแกรม
ไม่จําเป็นต้องเขียนคําสั่งต่างๆขึ้นใช้งานเอง เนื่ องจาก
ภาษาซีมีฟังก์ชั่นมาตรฐานให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถ
เรียกใช้งานได้เช่น การเขียนโปรแกรมแสดง
ข้อความ"Hello“ออกทางหน้ าจอ ผู้เขียนโปรแกรม
สามารถเรียกใช้ฟังก์ชั่น printf() ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นมาตร
ฐานของภาษาซีมาใช้งานได้ โดยส่วนการประกาศ
(declaration) ฟังก์ชั่นมาตรฐานต่างๆจะถูกจัดเก็บอยู่
ในเฮดเดอร์ไฟล์แต่ละตัว แตกต่างกันไปตามลักษณะ
การใช้งาน ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับเฮดเดอร์ไฟล์ จะได้
กล่าวถึงในภายหลัง
*** ด้วยเหตุนี้ ภาษาเครื่องที่ได้จากขั้นตอนที่ 2 จึงยัง
ไม่สามารถนํ าไปใช้งานได้ แต่ต้องนํ ามาเชื่อมโยง (link)
เข้ากับ library ก่อน ซึ่งผลจากการเชื่อมโยงจะทําให้
ได้ executable program (ไฟล์นามสกุล .exe เช่น
test.exe) ที่สามารถนํ าไปใช้งานได้
โครงสร้างโปรแกรมภาษาซี แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1. ส่วนหัวของโปรแกรม
2. ส่วนของฟังก์ชั่นหลัก
3. ส่วนรายละเอียดของโปรแกรม
โครงสร้างของ
โปรแกรมภาษาซี
โครงสร้างของโปรแกรมภาษาซีแบ่งออกเป็น
3 ส่วน คือ
1. ส่วนหัวของโปรแกรม
ส่วนหัวของโปรแกรมนี้ เรียกว่า Preprocessing
Directives ใช้ระบุเพื่อบอกให้คอมไพเลอร์ กระทําการ
ใดๆก่อนการแปลผลโปรแกรม ในที่นี้ คําสั่ง #include
<stdio.h> ใช้บอกกับคอมไพเลอร์ ให้นํ าเฮดเดอร์ไฟล์
ที่ระบุ คือ stdio.h เข้าร่วมในการแปลโปรแกรมด้วย
โดยการกําหนด preprocessing directives นี้ จะต้อง
ขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย # (pound sign) เสมอ
คําสั่งที่ใช้ระบุให้คอมไพเลอร์นํ าเฮดเดอร์ไฟล์
เข้าร่วมในการแปลโปรแกรม สามารถเขียนได้ 2 รูป
แบบ คือ
#include <ชื่อเฮดเดอร์ไฟล์> คอมไพเลอร์จะทําการ
ค้นหาเฮดเดอร์ไฟล์ที่ระบุ จากโดเร็คทอร ที่ใช้สํา
หรับเก็บเฮดเดอร์ไฟล์โดยเฉพาะ (ปกติคือไดเร็คทอรี
ชื่อ include)
#include "ชื่อเฮดเดอร์ไฟล์" คอมไพเลอร์จะทําการ
ค้นหาเฮดเดอร์ไฟล์ที่ระบุ จากโดเร็คทอง เดียวกัน
กับไฟล์ source code นั้ น แต่ถ้าไม่พบก็จะไปค้นหา
จากไดเร็คทอรีที่ใช้เก็บเฮดเดอร์ ไฟล์โดยเฉพาะ
2.ส่ วนของฟังก์ชั่นหลัก
ฟังก์ชั่นหลักของภาษาซี คือ ฟังก์ชั่น main) ซึ่ง
โปรแกรมภาษาซีทุกโปรแกรมจะต้องมีฟังก์ชั่นนี้ อยู่
ในโปรแกรมเสมอจะเห็นได้จากชื่อฟังก์ชัน คือ main
แปลว่า “หลัก" ดังนั้ นการเขียนโปรแกรมภาษาซี จึง
ขาดฟังก์ชั่นนี้ ไปไม่ได้ โดยขอบเขตของฟังก์ชั่นจะถู
กกําหนดด้วยเครื่องหมาย { และ }กล่าวคือ การทํา
งานของฟังก์ชั่นจะเริ่มต้นที่เครื่องหมาย { และจะสิ้น
สุดที่เครื่องหมาย }
ฟังก์ชั่น main() สามารถเขียนในรูปแบบของ
void main(void) ก็ได้ มีความหมายเหมือนกัน คือ
หมายความว่า ฟังก์ชั่น main() จะไม่มีอาร์กิวเมนต์
(argument) คือไม่มีการรับค่าใดๆเข้ามาประมวลผล
ภายในฟังก์ชั่น และจะไม่มีการคืนค่าใดๆกลับออกไป
จากฟังก์ชั่นด้วย
ไม่คืนค่าใดๆกลับออกไป
จากฟังก์ชั่น
ไม่รับค่าใดๆเข้ามาในฟังก์ชั่น
ตัวอย่าง 1.1 argument
และ parameter
3.ส่ วนของรายละเอียดของโปรแกรม
เป็นส่วนของการเขียนคําสั่ง เพื่อให้โปรแกรมทํา
งานตามที่ได้ออกแบบไว้
กฎการตั้งชื่อ
ภาษาซีมีกฎเกณฑ์ในการตั้งชื่อให้กับ Identifier
ซึ่งได้แก่ ตัวแปร, ฟังก์ชั่น และเลเบล ดังนี้
ชื่อที่ตั้งจะต้องไม่ซ้ํากับคําสงวน (reserved
Word) ในภาษาซี
ตัวอย่างคำสวงน
ชื่อต่างๆที่ตั้งจะเป็นแบบ case-sensitiveหมายความ
ว่าตัวอักษรใหญ่กับตัวอักษรเล็ก ถือว่า เป็นคนละ
ตัวกัน เช่น TEST, Test, test, tESTถือว่าเป็นคนละ
ชื่อกัน
ชื่อจะต้องขึ้นต้นด้วยตัวอักษรหรือเครื่องหมาย
underscore (_)เท่านั้ น จะขึ้นต้นด้วยตัวเลข ไม่ได้
แต่ภายในชื่อสามารถประกอบด้วยตัวอักษร
เครื่องหมาย undersCore หรือตัวเลขก็ได้ เช่น
TEST_VALUE, HELLO123, h1_T2, UserName
เป็นต้น
การตั้งชื่อจะเว้นวรรค (มีช่องว่างหรือแท็บภายใน
ชื่อ) ไม่ได้
การตั้งชื่อจะประกอบด้วยอักขระพิเศษ เช่น S, ®, #,
& ไม่ได้
ตัวอย่างการตั้งชื่อที่ไม่ถูกต้อง
โปรแกรมสำหรับเขียน
โปรแกรมภาษาซี
1. การแนะนำโปรแกรม Dev-C++
Dev-C++ คือ IDE (Integral Development
Environment) เป็นโปรแกรมที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อช่วย
ให้การเขียนโปรแกรมภาษา C ทำได้ง่ายขึ้น โดยผู้ใช้ไม่
ต้องยุ่งยากแยกใช้ editor เขียน code และเรียกใช้
compiler เพื่อทำการคอมไพล์ code
2. ตรวจสอบเครื่องก่อนติดตั้งโปรแกรม Dev-C++
ก่อนดาวน์ โหลดและติดตั้งโปรแกรม Dev-C++
ผู้อ่านควรตรวจสอบก่อนว่าเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่จะใช้
ติดตั้งโปรแกรม Dev-C++ สามารถใช้งานโปรแกรม
Dev-C++ ได้หรือไม่ โดย บริษัท Bloodshed ผู้ซึ่งพัฒนา
โปรแกรมภาษา Dev-C++ ได้ก าหนดความต้องการ
(Requirement) ในด้านต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์
(Computer Specification) ที่จำเป็นต้องมี เพื่อให้
สามารถ ติดตั้งโปรแกรมและทำงานได้อย่างมี
ประสิ ทธิภาพไว้ดังนี้
3. วิธีการดาวน์ โหลดโปรแกรม Dev-C++
ในหัวข้อนี้ จะอธิบายวิธีการดาวน์ โหลด
โปรแกรม Dev-C++ สำหรับนำมาใช้ในการพัฒนา
โปรแกรมภาษาซี ซึ่งโปรแกรมนี้ สามารถดาวน์ โหลด
ติดตั้งใช้งานฟรี ขั้นตอนการดาวน์ โหลดโปรแกรมมี
ดังนี้
1.ไปที่http://www.bloodshed.net/dev/devcpp.html
เลื่อนลงมาที่หัวข้อ Dev-C++ 5.0 beta 9.2 (4.9.9.2) และ
คลิกที่ Source Forge ดังรูป
2. เว็บบราวเซอร์จะเริ่มต้นทำการดาวน์ โหลด
โปรแกรมให้โดยอัตโนมัต
4. วิธีการติดตั้งโปรแกรม Dev-C++
ในหัวข้อนี้ จะอธิบายวิธีการติดตั้งโปรแกรม
Dev-C++ โดยขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมมีดังนี้
1. ไปยังไดเร็คทอรีที่จัดเก็บโปรแกรมที่
ดาวน์ โหลดมาเมื่อสักครู่นี้ และดับเบิลคลิกเปิดไฟล์
devcpp-4.9.9.2_setup.exe จะมีหน้ าจอติดตั้ง
โปรแกรมปรากฏขึ้นดังรูปให้คลิกปุ่ม OK เพื่อไปยัง
หน้ าจอถัดไป
2. เลือกภาษาที่ใช้แสดงขั้นตอนการติดตั้งซึ่งค่า
ตั้งต้นจะเป็นภาษาอังกฤษ จากนั้ นคลิกปุ่ม OK
3. โปรแกรมจะแสดงหน้ าจอ License
Agreement ให้คลิกปุ่ม I Agree
4. หน้ าจอต่อไปจะแสดงคุณสมบัติของ
โปรแกรม Dev-C++ ที่จะติดตั้ง ซึ่งสามารถเลือก ติดตั้ง
เพียงบางคุณสมบัติได้ จากรูปเป็นการเลือกติดตั้ง
คุณสมบัติทั้งหมด จากนั้ นคลิกปุ่ม Next>
5. ขั้นต่อมาเป็นการระบุว่าจะติดตั้งโปรแกรม
Dev-C++ ลงที่ไดเร็คทอรีใด ซึ่งดีฟอลต์ไดเร็ค ทอรีของ
โปรแกรม Dev-C++ คือ C:\Dev-Cpp เราสามารถเลือก
ติดตั้งโปรแกรมลงในไดเร็คทอรีอื่น ได้โดยการคลิก
ปุ่ม Browse แล้วเลือกไดเร็คทอรีที่ต้องการ จากนั้ น
คลิกปุ่ม Install เพื่อติดตั้ง
6. โปรแกรมจะเริ่มท าการติดตั้ง ดังรูป
7. หน้ าจอจะปรากฏดังรูปเพื่อแสดงราย
ละเอียดให้ทราบว่าโปรแกรมได้ถูกติดตั้งอย่าง สมบูรณ์
แล้วโดยโปรแกรมจะสอบถามว่าต้องการให้ติดตั้ง
โปรแกรม Dev-C++ ให้ผู้ใช้งานอื่นบนเครื่อง
คอมพิวเตอร์ใช้งานได้ด้วยหรือไม่ ในที่นี้ ต้องการ
จึงคลิกปุ่ม Yes
8. จะมีหน้ าจอแสดงขึ้นมาดังรูป เพื่อแสดงให้
ทราบว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนของการติดตั้งโปรแกรม แล้ว
เราสามารถเลือกคลิกที่หัวข้อ Run Dev-C++ 5 beta 9
release (4.9.9.2) เพื่อเรียกเปิด โปรแกรม Dev-C++
ได้ทันที แต่หากไม่ต้องการให้เปิดโปรแกรมทันที ให้
คลิกที่หัวข้อดังกล่าวเพื่อนำ เครื่องหมายถูกออกจาก
นั้ นคลิกปุ่ม Finish เพื่อจบการติดตั้ง
5. วิธีการใช้งานโปรแกรม Dev-C++
เมื่อมาถึงหัวข้อนี้ คิดว่าทุกท่านคงสามารถ
ดำเนิ นการดาวน์ โหลดและติดตั้งโปรแกรม Dev-C++
เรียบร้อยแล้ว ดังนั้ นต่อไปเราจะมาศึกษาวิธีการใช้งาน
โปรแกรมกัน
1. ให้เปิดโปรแกรม Dev-C++
สำหรับ Windows Vista, Windows 7 ไปที่
Start -> All Programs -> Bloodshed Dev-C++ ->
Dev-C++ จะปรากฏหน้ าจอโปรแกรมดังรูป
สำหรับ Windows 8 และ Windows 10 ไปที่
Start พิมพ์ค าว่า dev แล้วเลือก โปรแกรม Dev-C++
จะปรากฏหน้ าจอโปรแกรมดังรูป
2. ไปที่เมนู File -> New -> Source File
3. โปรแกรมจะแสดงหน้ าต่างเอกสารใหม่ ดังรูป
4. พิมพ์ Code แสดงข้อความ "Hello World"
5. บันทึกเอกสาร โดยการคลิกที่เมนู File >
Save As.. ดังรูป
6. เลือกตำแหน่ งเก็บเอกสาร (Save in) ตั้งชื่อ
เอกสาร (File name) และ เปลี่ยนชนิ ดของ เอกสารเป็น
.c (Save as type) และคลิกปุ่ม บันทึก (Save)
7. เมื่อบันทึกแล้ว ทำการแปลภาษา (คอมไพล์)
ด้วยการคลิกที่เมนู Execute > Compile หรือ กดปุ่ม
Ctrl + F9
8. เมื่อสั่งคอมไพล์โปรแกรม จะมีหน้ าต่างแสดง
การคอมไพล์ปรากฏขึ้นมา หากการคอมไพล์ เสร็จสิ้นผู้
ใช้สามารถคลิกปุ่ม Close เพื่อปิดหน้ าต่างนี้ ได้
9. หากการคอมไพล์มีคำเตือนหรือข้อผิดพลาดที่
เกิดขึ้น จะมีข้อความแสดงที่หน้ าต่าง Compiler ดังรูป
เราทำการแก้ไข code ที่ผิดพลาด และทำการคอมไพล์
ใหม่อีกครั้ง
10. ต่อไปเราจะมาสั่งรันโปรแกรมเพื่อดูผลลัพธ์
ของโปรแกรมกัน โดยให้ไปที่เมนู Execute และเลือกที่
Run รูป (สามารถกดคีย์ Ctrl + F1 เพื่อรันโปรแกรมได้)
ทั้งนี้ สามารถเลือก คอมไพล์และรันโปรแกรมพร้อมกัน
ได้โดยเลือกเมนู Compile & Run หรือกดคีย์ F9 ก็ได้
11. ผลลัพธ์ของโปรแกรมก็จะปรากฏขึ้นดังรูป คือ
จะมีข้อความ Hello World ปรากฏขึ้นที่ หน้ าต่าง
Command Prompt โดยหลังจากที่กดคีย์ใดๆ แล้ว
หน้ าต่าง Command Prompt นี้ ก็จะ หายไป
มาถึงตรงนี้ จะพบว่าเราสามารถเขียนโปรแกรมภาษาซี
รวมถึงสั่งคอมไพล์และรันโปรแกรม เพื่อดูผลลัพธ์ของ
โปรแกรมด้วย Dev-C++ ได้แล้ว
12. คำสั่งแนะนำเพิ่มเติม ไปที่เมนู File -> Tool -
> Editor Options
13. เลือก tab Display เราสามารถเลือกปรับรูป
แบบตัวอักษรและขนาดของตัวอักษรในส่วน ของการ
เขียน code และเลือกค าสั่ง Line Numbers เพื่อแสดง
บรรทัดของ code ได้ดังรูป
โครงสร้างโปรแกรมภาษาซี
โครงสร้างของโปรแกรมภาษาซีแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
1.ส่ วนหัวของโปรแกรม
ส่วนหัวของโปรแกรมนี้ เรียกว่า Preprocessing
Directives ใช้ระบุเพื่อบอกให้ คอมไพเลอร์กระทำการ
ใดๆ ก่อนการแปลผลโปรแกรม ในที่นี้ คำสั่ง #include
ใช้บอกกับ คอมไพลเลอร์ให้นำเฮดเดอร์ไฟล์ที่ระบุ คือ
stdio.h เข้าร่วมในการแปลโปรแกรมด้วย โดยการ
กำหนด preprocessing directives นี้ จะต้องขึ้นต้น
ด้วยเครื่องหมาย # (pound sign) เสมอ
คำสั่ งที่ใช้ระบุให้คอมไพเลอร์นำเฮดเดอร์ไฟล์เข้าร่วม
ในการแปลโปรแกรม สามารถเขียน ได้ 2 รูปแบบ คือ
.#include <ชื่อเฮดเดอร์ไฟล์> คอมไพเลอร์จะทำการ
ค้นหาเฮดเดอร์ไฟล์ที่ระบุ จากไดเร็คทอรีที่ใช้สำหรับ
เก็บเฮดเดอร์ไฟล์โดยเฉพาะ(ปกติคือไดเร็คทอรีชื่อ
.include)
#include “ชื่อเฮดเดอร์ไฟล์” คอมไพเลอร์จะทำการ
ค้นหาเฮดเดอร์ไฟล์ที่ระบุ จาก ไดเร็คทอรีเดียวกันกับ
ไฟล์ source code นั้ น แต่ถ้าไม่พบก็จะไปค้นหาจาก
ไดเร็คทอ รีที่ใช้เก็บเฮดเดอร์ไฟล์เฉพาะ
2.ส่ วนของฟังก์ชั่นหลัก
ฟังก์ชั่นหลักของภาษาซี คือ ฟังก์ชั่น main() ซึ่ง
โปรแกรมภาษาซีทุกโปรแกรมจะต้องมี ฟังก์ชั่นนี้ อยู่ใน
โปรแกรมเสมอ จะเห็นได้จากชื่อฟังก์ชั่น คือ main
แปลว่า หลัก ดังนั้ นการเขียนโปรแกรมภาษาซีจึงขาด
ฟังก์ชั่นนี้ ไปไม่ได้ โดยขอบเขตของฟังก์ชั่นจะถูก
กำหนดด้วยเครื่องหมาย { และ } กล่าวคือการทำงาน
ของฟังก์ชั่นจะเริ่มต้นที่เครื่องหมาย { และจะสิ้นสุดที่
เครื่องหมาย }
ฟังก์ชั่น main() สามารถเขียนในรูปแบบของ
void main(void) ก็ได้ มีความหมาย เหมือนกัน คือ
หมายความว่า ฟังก์ชั่น main() จะไม่มีอาร์กิวเมนต์
(argument) คือ ไม่มีการรับค่าใดๆ เข้ามาประมวลผล
ภายในฟังก์ชั่น และจะไม่มีการคืนค่าใดๆ กลับออกไป
จากฟังก์ชั่นด้วย
3. ส่ วนรายละเอียดของโปรแกรม
เป็นส่วนของการเขียนคำสั่ง เพื่อให้โปรแกรม
ทำงานตามที่ได้ออกแบบไว้
NOTE
คอมเมนต์ในภาษาซี
คอมเมนต์ (comment) คือ ส่วนที่เป็นหมายเหตุ
ของโปรแกรม มีไว้เพื่อผู้เขียนโปรแกรมใส่ ข้อความ
อธิบายกำกับลงไปใน source code ซึ่งคอมไพเลอร์จะ
ข้ามการแปลผลในส่วนที่เป็นคอม เมนต์นี้ คอมเมนต์
ในภาษาซีมี 2 แบบ คือ
1.คอมเมนต์แบบบรรทัดเดียว ใช้เครื่องหมาย //
2.คอมเมนต์แบบหลายบรรทัด ใช้เครื่องหมาย /*
และ */
สรุปเนื้ อหา
Bloodshed Dev C++ คือ เครื่องมือที่ช่วยในการพัฒนา
โปรแกรม เรียกว่า IDE (Integrated Development
Environment) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อช่วย
ให้ผู้ที่เขียน โปรแกรมใช้ในการสร้างโปรแกรม โดยจะ
มี Editor สำหรับเขียนโค้ดของโปรแกรมและมีตัวแปล
ภาษา มาพร้อม
วิธีการดาวน์โหลดติดตั้งใช้งานฟรี ขั้นตอนการ
ดาวน์ โหลดโปรแกรมไปที่
http://www.bloodshed.net/dev/devcpp.html เลื่อน
ลงมาที่หัวข้อ Dev-C++ 5.0 beta 9.2 (4.9.9.2) และ
คลิกที่ Source Forge
วิธีการติดตั้งโปรแกรม Dev-C++ ไปยังไดเร็คทอรีที่จัด
เก็บโปรแกรมที่ดาวน์ โหลดมาเมื่อ สักครู่นี้ และดับเบิล
คลิกเปิดไฟล์ devcpp-4.9.9.2_setup.exe จะมีหน้ าจอ
ติดตั้งโปรแกรมปรากฏ ขึ้น
วิธีการใช้งานโปรแกรม Dev-C++
1.เปิดโปรแกรม Dev-C++ - ส าหรับ Windows
Vista, Windows 7 ไปที่ Start -> All Programs ->
Bloodshed Dev-C++ -> Dev-C++ จะปรากฏหน้ าจอ
โปรแกรม - ส าหรับ Windows 8 และ Windows 10 ไป
ที่ Start พิมพ์ค าว่า dev แล้วเลือก โปรแกรม Dev-C++
จะปรากฏหน้ าจอโปรแกรม
2.ไปที่เมนู File -> New -> Source File โปรแกรม
จะแสดงหน้ าต่างเอกสารใหม่
3. พิมพ์ Code แสดงข้อความ "Hello World"
4. บันทึกเอกสาร โดยการคลิกที่เมนู File > Save
As..
5.เมื่อบันทึกแล้ว ทำการแปลภาษา (คอมไพล์) ด้วย
การคลิกที่เมนู Execute > Compile หรือ กดปุ่ม Ctrl +
F9
6.หากการคอมไพล์มีค าเตือนหรือข้อผิดพลาดที่เกิด
ขึ้น จะมีข้อความแสดงที่หน้ าต่าง Compiler เราท าการ
แก้ไข code ที่ผิดพลาด และท าการคอมไพล์ใหม่อีก
ครั้ง
7.คำสั่งแนะนำเพิ่มเติม ไปที่เมนู File -> Tool ->
Editor Options
8. เลือก tab Display เราสามารถเลือกปรับรูปแบบ
ตัวอักษรและขนาดของตัวอักษรใน ส่วนของการเขียน
code และเลือกค าสั่ง Line Numbers เพื่อแสดง
บรรทัดของ code ได้
ขั้นตอนการเขียนโปรแกรม
ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมแบ่งออกเป็น 6 ขั้นตอน
1. การวิเคราะห์ปัญหา (Analysis the Problem) มี
ขั้นตอนดังนี้ คือการระบุข้อมูลเข้า,การระบุข้อมูลออก
และการกำหนดวิธีการประมวลผล
2.ออกแบบโปรแกรม (Design a Program) โดยมี
เครื่องมือที่ช่วยในการออกแบบโปรแกรมเช่นผังงาน
รหัสจำลอง แผนภูมิโครงสร้าง และที่นิ ยมใช้กันมากก็
คือผังงาน
3. การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
(Coding Program) เป็นการนำผังงานที่เขียนไว้มา
แปลงให้เป็นโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์
4.การทดสอบความถูกต้องของโปรแกรม (Testing
and Validating)
5. การทำเอกสารประกอบโปรแกรม
(Documentation)
6. การบำรุงรักษาโปรแกรม (Program
Maintenance)
การวิเคราะห์ปัญหา ประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
1.กำหนดวัตถุประสงค์ขอ
งงาน เพื่อพิจารณาว่า
โปรแกรมต้องทำการประมวลผลอะไรบ้าง
2.พิจารณาข้อมูลนำเข้า เพื่อให้ทราบว่าจะต้องนำ
ข้อมูลอะไรเข้าคอมพิวเตอร์ ข้อมูลมีคุณสมบัติเป็น
อย่างไร ตลอดจนถึงลักษณะและรูปแบบของข้อมูลที่จะ
นำเข้า
3. พิจารณาการประมวลผล เพื่อให้ทราบว่า
โปรแกรมมีขั้นตอนการประมวลผลอย่างไรและมีเงื่อน
ไปการประมวลผลอะไรบ้าง
4.พิจารณาข้อสนเทศนำออก เพื่อให้ทราบว่ามีข้อ
สนเทศอะไรที่จะแสดง ตลอดจนรูปแบบและสื่อที่จะใช้
ในการแสดงผล
การออกแบบโปรแกรม การออกแบบขั้นตอนการ
ทำงานของโปรแกรมเป็นขั้นตอนที่ใช้เป็นแนวทางใน
การลงรหัสโปรแกรม ผู้ออกแบบขั้นตอนการทำงาน
ของโปรแกรมอาจใช้เครื่องมือต่างๆ ช่วยในการ
ออกแบบ อาทิเช่น คำสั่งลำลอง (Pseudocode) หรือ
ผังงาน (Flow chart) การออกแบบโปรแกรมนั้ นไม่ต้อง
พะวงกับรูปแบบคำสั่งภาษาคอมพิวเตอร์ แต่ให้มุ่งความ
สนใจไปที่ลำดับขั้นตอนในการประมวลผลของ
โปรแกรมเท่านั้ น
การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ การเขียน
โปรแกรมเป็นการนำเอาผลลัพธ์ของการออกแบบ
โปรแกรม มาเปลี่ยนเป็นโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาใดภาษาหนึ่ ง ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องให้ความ
สนใจต่อรู ปแบบคำสั่ งและกฎเกณฑ์ของภาษาที่ใช้เพื่อ
ให้การประมวลผลเป็นไปตามผลลัพธ์ที่ได้ออกแบบไว้
นอกจากนั้ นผู้เขียนโปรแกรมควรแทรกคำอธิบายการ
ทำงานต่างๆ ลงในโปรแกรมเพื่อให้โปรแกรมนั้ นมี
ความกระจ่างชัดและง่ายต่อการตรวจสอบและ
โปรแกรมนี้ ยังใช้เป็นส่วนหนึ่ งของเอกสารประกอบ
การทดสอบและแก้ไขโปรแกรมการทดสอบโปรแกรม
เป็นการนำโปรแกรมที่ลงรหัสแล้วเข้าคอมพิวเตอร์ เพื่อ
ตรวจสอบรูปแบบกฎเกณฑ์ของภาษา และผลการ
ทำงานของโปรแกรมนั้ น ถ้าพบว่ายังไม่ถูกก็แก้ไขให้ถูก
ต้องต่อไป ขั้นตอนการทดสอบและแก้ไขโปรแกรม อาจ
แบ่งได้เป็น 3 ขั้น
สร้างแฟ้มเก็บโปรแกรมซึ่งส่วนใหญ่นิ ยมนำ
โปรแกรมเข้าผ่านทางแป้นพิมพ์โดยใช้โปรแกรม
ประมวลคำ
ใช้ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์แปลโปรแกรมที่สร้าง
ขึ้นเป็นภาษาเครื่อง โดยระหว่างการแปลจะมีการตรวจ
สอบความถูกต้องของรูปแบบและกฎเกณฑ์ในการใช้
ภาษา ถ้าคำสั่งใดมีรูปแบบไม่ถูกต้องก็จะแสดงข้อผิด
พลาดออกมาเพื่อให้ผู้เขียนนำไปแก้ไขต่อไป ถ้าไม่มีข้อ
ผิดพลาด เราจะได้โปรแกรมภาษาเครื่องที่สามารถให้
คอมพิวเตอร์ประมวลผลได้
ตรวจสอบความถูกต้องของการประมวลผลของ
โปรแกรม โปรแกรมที่ถูกต้องตามรูปแบบและกฎ
เกณฑ์ของภาษา แต่อาจให้ผลลัพธ์ของการประมวลผล
ไม่ถูกต้องก็ได้ ดังนั้ นผู้เขียนโปรแกรมจำเป็นต้องตรวจ
สอบว่าโปรแกรมประมวลผลถูกต้องตามต้องการหรือ
ไม่ วิธีการหนึ่ งก็คือ สมมติข้อมูลตัวแทนจากข้อมูลจริง
นำไปให้โปรแกรมประมวลผลแล้วตรวจสอบผลลัพธ์ว่า
ถูกต้องหรือไม่ ถ้าพบว่าไม่ถูกต้องก็ต้องดำเนิ นการ
แก้ไขโปรแกรมต่อไป การสมมติข้อมูลตัวแทนเพื่อการ
ทดสอบเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ลักษณะ
ของข้อมูลตัวแทนที่ดีควรจะสมมติทั้งข้อมูลที่ถูกต้อง
และข้อมูลที่ผิดพลาด เพื่อทดสอบว่าโปรแกรมที่พัฒนา
ขึ้นสามารถครอบคลุมการปฏิบัติงานในเงื่อนไขต่างๆ
ได้ครบถ้วน นอกจากนี้ อาจตรวจสอบการทำงานของ
โปรแกรมด้วยการสมมติตัวเองเป็นคอมพิวเตอร์ทีจะ
ประมวลผล แล้วทำตามคำสั่งทีละคำสั่งของโปรแกรม
นั้ นๆ วิธีการนี้ อาจทำได้ยากถ้าโปรแกรมมีขนาดใหญ่
หรือมีการประมวลผลที่ซับซ้อน
การทำเอกสารประกอบโปรแกรม การทำเอกสาร
ประกอบโปรแกรมเป็นงานที่สำคัญของการพัฒนา
โปรแกรม เอกสารประกอบโปรแกรมช่วยให้ผู้ใช้
โปรแกรมเข้าใจวัตถุประสงค์ ข้อมูลที่จะต้องใช้กับ
โปรแกรม ตลอดจนผลลัพธ์ที่จะได้จากโปรแกรม การ
ทำโปรแกรมทุกโปรแกรมจึงควรต้องทำเอกสารกำกับ
เพื่อใช้สำหรับการอ้างอิงเมื่อจะใช้งานโปรแกรมและเมื่อ
ต้องการแก้ไขปรับปรุงโปรแกรม เอกสารประกอบ
โปรแกรมที่จัดทำ ควรประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้
1. วัตถุประสงค์
2.ประเภทและชนิ ดของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้
ในโปรแกรม
3.วิธีการใช้โปรแกรม
4.แนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบโปรแกรม
5.รายละเอียดโปรแกรม
6.ข้อมูลตัวแทนที่ใช้ทดสอบ
7.ผลลัพธ์ของการทดสอบ
การบำรุงรักษาโปรแกรมเมี่อโปรแกรม ผ่านการตรวจ
สอบตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว และถูกนำมาให้ผู้ใช้ได้
ใช้งาน ในช่วงแรกผู้ใช้อาจจะยังไม่คุ้นเคยก็อาจทำให้
เกิดปัญหาขึ้นมาบ้าง ดังนั้ นจึงต้องมีผู้คอยควบคุมดูแล
และคอยตรวจสอบการทำงาน การบำรุงรักษา
โปรแกรมจึงเป็นขั้นตอนที่ผู้เขียนโปรแกรมต้องคอย
เฝ้าดูและหาข้อผิดพลาดของโปรแกรมในระหว่างที่ผู้ใช้
ใช้งานโปรแกรม และปรับปรุงโปรแกรมเมื่อเกิดข้อผิด
พลาดขึ้น หรือในการใช้งานโปรแกรมไปนานๆ ผู้ใช้อาจ
ต้องการเปลี่ยนแปลงการทำงานของระบบงานเดิมเพื่อ
ให้เหมาะกับเหตุการณ์ นั กเขียนโปรแกรมก็จะต้องคอย
ปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมตามความต้องการของผู้ใช้ที่
เปลี่ยนแปลงไปนั่ นเอง