คู ่มือการใช้ แบบทดสอบ WORKPLACE SPIRITUALITY WORKPLACE SPIRITUALITY BY HUMANAGE จิตวิญญาณในสถานที จิตวิญญาณในสถานท ี ท ํ างาน ํ างาน
สารบ ั ญ ความหมาย วิธีการใช้งานและวิธีการ ดําเนินการแบบทดสอบ เกณฑ ์และการแปล ความหมายคะแนน 1 - 2 3 4 - 5
ความหมายของ WORKPLACE SPIRITUALITY การตระหนักว่าบุคคลมีชีวิตภายใน (INNER LIFE) มีความต้องการแสวงหาคุณค่าในตนเอง คุณค่าในงาน และคุณค่าของผู้อื น มีความปรารถนาที จะมีความ ัมพันธ์ที ดีกับบุคคลอื น และมีความต้องการเป็ นส่วนหนึ งของกลุ่ม ขององค์การหรือของชุมชน รวมถึงการเป็ นส่วนหนึ งของ ังคม (COMMUNITY) บุคคลรับรู้ถึงการทํางานของตนเอง ที เกิดมาจากใจ คุณค่า ความเชื อ และความศรัทธา จนสามารถค้นพบความหมาย และเป าหมายที แท้จริงของงาน รวมถึงการดําเนินชีวิตเพื อ ให้ตนเองบรรลุในเป าหมายชีวิต แบบทดสอบนี เลือกใช้แนวคิดของ PETCHSAWANGA และ DUCHON (2009) โดยเลือกใช้ 4 มิติ ได้แก่ มิติที 1 ความเมตตา (COMPASSION) มิติที 2 การมีสติ (MINDFULNESS) มิติที 3 งานที มีคุณค่าและมีความหมาย (MEANINGFUL WORK) มิติที 4 การมีความศรัทธาในตนเอง (TRANSCENDENCE) 1
ความหมายของ WORKPLACE SPIRITUALITY มิติที 1 ความเมตตา (COMPASSION) หมายถึง ความเห็น อกเห็นใจเข้าใจซึ งกันและกัน มีความรู้ ึกร่วมและ ปรารถนาที จะบรรเทาความทุกข์ของผู้อื น รู้ ึกถึงความรับ ผิดชอบต่อผู้อื นที ด้อยโอกาสหรือมีความทุกข์ยาก โดยไม่ แบ่งแยกความแตกต่างระหว่างบุคคล มิติที 2 การมีสติ (MINDFULNESS) หมายถึง สภาวะของตน ที ตระหนักถึงความคิดและการกระทําต่อตนเองทีละขณะ การที จิตอยู่กับปั จจุบัน ไม่ฟ ุงซ่านไปกับความคิดในอดีต อนาคต หรือ ิ งรบกวนอื นๆ รวมถึงเป็ นความสามารถใน การเผชิญกับปั ญหาและอุปสรรคในการทํางาน มิติที 3 งานที มีคุณค่าและมีความหมาย (MEANINGFUL WORK) หมายถึง มีความรู้ ึกผูกพันต่องานที ทํา มีแรง บันดาลใจในการที จะนําเอาศักยภาพที มีอยู่ภายในของ ตนเองออกมาปฏิบัติงานเพื อสร้างสรรค์ผลงานให้ประสบ ความสําเร็จ มิติที 4 การมีศรัทธาในตนเอง (TRANSCENDENCES) หมาย ถึง มีประสบการณ์ในการก้าวข้ามขีดจํากัดศักยภาพของ ตนเอง ยอมรับในจุดเด่น จุดด้อย ไม่ยึดติดกับความคิด ของตนเอง รวมถึงการเปิ ดกว้างยอมรับต่อ ิ งต่างๆ รอบ ตัว และให้ความสําคัญกับประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า ประโยชน์ส่วนตน แบบทดสอบนี เลือกใช้แนวคิดของ PETCHSAWANGA และ DUCHON (2009) โดยเลือกใช้ 4 มิติ ได้แก่ 2
3 ว ิธีการใช้ งาน นําแบบสอบถามการวัดจิตวิญญาณในสถานที ทํางาน ไปวัดในกลุ่มเป าหมายที ต้องการ จะวัดโดย ส่วนที 1 แบบสอบถามข้อมูลทั วไป ส่วนที 2 แบบสอบถามวัดจิตวิญญาณในสถานที ทํางาน จํานวน 34 ข้อ เป็ นแบบวัดประมาณค่า (RATING SCALE) โดยมีระดับ ดังนี 5 หมายถึง พฤติกรรมนั นตรงกับความรู้ ึกหรือการ ปฏิบัติของท่านในระดับมากที สุด 4 หมายถึง พฤติกรรมนั นตรงกับความรู้ ึกหรือการ ปฏิบัติของท่านในระดับมาก 3 หมายถึง พฤติกรรมนั นตรงกับความรู้ ึกหรือการ ปฏิบัติของท่านในระดับปานกลาง 2 หมายถึง พฤติกรรมนั นตรงกับความรู้ ึกหรือการ ปฏิบัติของท่านในระดับน้อย 1 หมายถึง พฤติกรรมนั นตรงกับความรู้ ึกหรือการ ปฏิบัติของท่านในระดับน้อยที สุด นําผลที ได้ไปวิเคราะห์และแปลผลคะแนน
พฤติกรรมนั นตรงกับความรู้ ึกหรือการปฏิบัติของท่านใน ระดับมากที สุด จะได้ 5 คะแนน พฤติกรรมนั นตรงกับความรู้ ึกหรือการปฏิบัติของท่านใน ระดับมาก จะได้ 4 คะแนน พฤติกรรมนั นตรงกับความรู้ ึกหรือการปฏิบัติของท่านใน ระดับปานกลาง จะได้ 3 คะแนน พฤติกรรมนั นตรงกับความรู้ ึกหรือการปฏิบัติของท่านใน ระดับน้อย จะได้ 2 คะแนน พฤติกรรมนั นตรงกับความรู้ ึกหรือการปฏิบัติของท่านใน ระดับน้อยที สุด จะได้ 1 คะแนน เกณฑ ์และการแปลความหมายคะแนน เกณฑ ์ในการให้คะแนน ข้อคําถามเป็ นข้อความทางบวก มี 5 ตัวเลือก โดยมีคะแนน 1-5 คะแนนตามลําดับ โดย 4
เกณฑ ์และการแปลความหมายคะแนน 5 การแปลความหมายคะแนน ข้อคําถามเป็ นข้อความทางบวก มี 5 ตัวเลือก โดยมีคะแนน 1-5 คะแนนตาม ลําดับ คะแนนเฉลี ย 1.00 - 1.80 เท่ากับ บุคคลมีจิตวิญญาณในสถานที ทํางานอยู่ในระดับน้อยที สุด คะแนนเฉลี ย 1.81 - 2.60 เท่ากับ บุคคลมีจิตวิญญาณในสถานที ทํางานอยู่ในระดับน้อย คะแนนเฉลี ย 2.61 - 3.40 เท่ากับ บุคคลมีจิตวิญญาณในสถานที ทํางานอยู่ในระดับปานกลาง คะแนนเฉลี ย 3.41 - 4.20 เท่ากับ บุคคลมีจิตวิญญาณในสถานที ทํางานอยู่ในระดับมาก คะแนนเฉลี ย4.21 - 5.00 เท่ากับ บุคคลมีจิตวิญญาณในสถานที ทํางานอยู่ในระดับมากที สุด มีการใช้เกณฑ์ในการแปลความหมายเป็ นระดับคะแนนเฉลี ย โดยใช้วิธีคิดสูตรการคํานวณช่วงความกว้างของชั น (มัลลิกา บุนนาค. 2537, น.29) จากการคํานวณเกณฑ์คะแนนเฉลี ยและ การแปลความหมายดังนี
WORKPLACE SPIRITUALITY “การตระหนักว่าบุคคลมีชีวิตภายใน (INNER LIFE) มีความต้องการแสวงหาคุณค่าในตนเอง คุณค่าในงาน และคุณค่าของผู้อื น มีความปรารถนา ที จะมีความ ัมพันธ์ที ดีกับบุคคลอื น และมีความ ต้องการเป็ นส่วนหนึ งของกลุ่ม ขององค ์การหรือ ของชุมชน รวมถึงการเป็ นส่วนหนึ งของ ังคม (COMMUNITY) บุคคลรับรู้ถึงการทํางานของตนเอง ที เกิดมาจากใจ คุณค่า ความเชื อ และความศรัทธา จนสามารถค้นพบความหมายและเป าหมายที แท้ จริงของงาน รวมถึงการดําเนินชีวิตเพื อให้ตนเอง บรรลุในเป าหมายชีวิต”