The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการคุณธรรมห้องเรียนสะอาด บรรยากาศสดใส ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanyarat787878, 2022-03-16 02:13:03

โครงการคุณธรรมห้องเรียนสะอาด บรรยากาศสดใส

โครงการคุณธรรมห้องเรียนสะอาด บรรยากาศสดใส ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2564

สารบญั 1
1
บทที่ 1 บทนา 1
ที่มาและความสาคญั 1
วตั ถปุ ระสงค์ 1
ปัญหา 2
สาเหตุของปญั หา 2
กลุ่มเป้าหมาย 2
วิธีการแก้ไขปญั หา 2
หลักธรรมท่นี ามาใช้ อทิ ธิบาท 4 3
พระราชดารสั พระราชดาริ พระบรมราโชวาท 3
วธิ ีวดั และประเมินผล 3
พฤตกิ รรมเชิงบวก 4
ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะไดร้ บั 4
4
บทท่ี 2 เอกสารท่ีเก่ยี วขอ้ ง 5
ฉนั ทะ 5
วิรยิ ะ 6
จิตตะ 8
วิมงั สา 8
ภาระหนา้ ที่และความรับผดิ ชอบของบุคคล 8
8
บทที่ 3 วธิ กี ารดาเนนิ งาน 8
ขัน้ ตอนการดาเนนิ งาน 9
ตวั ชวี้ ดั 10
วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล 11
ชว่ งระยะเวลาการประเมนิ

บทที่ 4 ผลการศกึ ษาคน้ ควา้
บทท่ี 5 สรุปผล
ภาคผนวก

บทท่ี 1

บทนำ

1. ทีม่ าและความสาคญั

จากการสังเกตการมาเรยี นของนกั เรยี นในแตว่ นั ของนักเรยี นทอี่ ยใู่ นหอ้ งเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 2
โรงเรียนวัดเหล่าขวัญ(จ่างอนุเคราะห์) พบว่านักเรียนทางานแล้วไม่ค่อยเก็บวัสดุอุปกรณ์เข้าที ท้ิงดินสอ
สี ยางลบ ทิ้งเศษกระดาษตามซอกเก้าอ้ีที่พ้ืนและไม่จัดเก้าอี้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่เก็บของใช้ให้
เรียบร้อย จึงทาให้ห้องเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 ไม่สะอาด ไม่เป็นระเบียบ ดังน้ัน นักเรียน
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จึงมีความสนใจท่ีจะทาให้ปัญหาดังกล่าวหมดสิ้น
ไปจึงได้จัดทาโครงงานคุณธรรม เร่ือง “ห้องเรียนสะอาด บรรยากาศน่าเรียน” ขึ้นเพื่อให้นักเรียน
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดเหล่าขวัญ(จ่างอนุเคราะห์) ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 มีความ
รบั ผิดชอบและมีความสะอาดเรยี บร้อย

2. วัตถุประสงค์

2.1 ดา้ นความรู้ (Knowleadge) เพอ่ื ให้นักเรยี นมคี วามรูแ้ ละความเข้าใจเกี่ยวกบั ความรับผิดชอบของ
นักเรียน

2.2 ด้านกระบวนการปฏิบัติ (Process) เพ่ือให้นักเรียนช่วยกันรักษาความสะอาดของห้องเรียนและ
ทิ้งขยะใหล้ งถังและมกี ารฝกึ ความรับผดิ ชอบหนา้ ที่เวรประจาวนั ดว้ ยจติ อาสา

2.3 ด้านเจตคติ (Attitude) เพ่ือปลูกฝังความรับผิดชอบสร้างความตระหนักและจิตสานึกในความ
รบั ผดิ ชอบให้กบั นกั เรยี น

3. ปญั หา

ห้องเรยี นชั้นประถมศึกษาปที ่ี 2 ไม่สะอาด

4. สาเหตุของปัญหา

4.1 นกั เรยี นไมท่ ิ้งขยะลงถงั
4.2 นักเรียนเรยี นเกบ็ ของใช้ส่วนตัวไมเ่ รยี บรอ้ ย

5. กลุ่มเปา้ หมาย

- เชิงปรมิ าณ : นักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 2 จานวน 8 คน
- เชิงคุณภาพ : นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดเหล่าขวัญ(จ่างอนุเคราะห์) มีความ
รับผิดชอบช่วยกันทาความสะอาดไม่ทิ้งเศษขยะในห้องเรียนและห้องเรียนมีความสะอาดเรียบร้อย

- เป้าหมายระยะสั้น (ระยะเวลา 3 เดือน) นักเรียนนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 2
โรงเรียนวัดเหล่าขวัญ(จ่างอนุเคราะห์) มีจิตอาสาช่วยกันทาความสะอาด ไม่ทิ้งเศษขยะในห้องเรียน

- เป้าหมายระยะยาว (ระยะเวลา 6 เดือน) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียน
วดั เหลา่ ขวญั (จ่างอนเุ คราะห์) มีจิตอาสาชว่ ยกันทาความสะอาด ไม่ท้ิงเศษขยะในห้องเรียน ห้องเรียนมีความ
สะอาดเรียบร้อยเปน็ ประจาทุกวนั

6. วิธกี ารแก้ไขปัญหา

6.1 สรา้ งความตระหนกั และจิตสานกึ ในความรบั ผดิ ชอบใหก้ ับนักเรยี น
6.2 ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันรักษาความสะอาดของห้องเรยี นและท้งิ ขยะให้ลงถัง
6.3 ฝึกความรบั ผดิ ชอบหน้าที่เวรประจาวันดว้ ยจิตอาสา

7. หลกั ธรรมทนี่ ามาใช้ อทิ ธิบาท 4

7.1 ฉันทะ ความพอใจรักใครใ่ นสง่ิ นั้น
7.2 วิรยิ ะ ความพากเพยี รในสง่ิ น้นั
7.3 จิตตะ ความเอาใจใสฝ่ กั ใฝ่ในส่งิ นั้น
7.4 วมิ ังสา ความหมนั่ สอดสอ่ งในเหตุผลของสิง่ นั้น

8. พระราชดารัส/พระราชดาริ/คาสอน/พระบรมราโชวาท
การจะทางานให้มีประสิทธิผล และให้ดาเนินไปได้โดยราบร่ืน จาเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องทาด้วยความ

รับผิดชอบอย่างสูง ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่บิดเบือนจุดประสงค์ที่แท้จริงของงานสาคัญท่ีสุดต้องเข้าใจ
ความหมายของคาว่า ความรับผิดชอบให้ถูกต้อง พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตรของมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ 16 กรกฎาคม 2519)

การบรู ณาการกับปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
1. ความพอประมาณ ใช้วสั ดอุ ุปกรณท์ ่มี ีในหอ้ งเรยี นอย่างประหยดั พอเพยี ง
2. ความมีเหตผุ ล รจู้ ักเลือกการใชว้ ัสดุในหอ้ งเรยี นให้เป็นประโยชน์
3. ความมีภูมิคมุ้ กันท่ีดี ทาใหห้ อ้ งเรยี นมคี วามสะอาด เรยี บรอ้ ย เงือ่ นไข
1. เง่อื นไขความรู้ รบั รถู้ ึงการปลูกจติ สานกึ ความรบั ผดิ ชอบ ความสามคั คี
2.เงอื่ นไขคุณธรรม มีจิตอาสา ในการทาความสะอาด ทาความดี ช่วยเหลือผู้อื่น

เพ่ือสว่ นรวมในสงั คมปัจจบุ ัน

9. ความเช่อื มโยงสคู่ ุณธรรมอัตลกั ษณ:์ จิตอาสา พฤติกรรมบ่งช้ีเชงิ บวก : ผู้บรหิ ารและครูมีการปฏิบัติ
เป็นแบบอย่างท่ีดีในเร่ืองของความมีวินัยและรับผิดชอบ และเอาใจใส่ในให้นักเรียนในการเรียนการสอน
การปฏิบัติตนของนักเรียน นักเรียนทางานที่ได้รับมอบหมายตรงตามเวลาและห้องเรียนมีความสะอาด
เรียบร้อยเป็นประจาทกุ วันและตอ่ เนื่อง

10. วิธกี ารวัดและประเมินผล
1.วธิ ีการวัดผล วิธีการประเมนิ : การสงั เกต
2.เครื่องมือการวัดผล เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการประเมิน : แบบสังเกต
3.ชว่ งระยะเวลา ช่วงเวลาการประเมิน : สปั ดาห์ละ 1 ครงั้

11. พฤติกรรมเชิงบวก
1.นักเรยี นทางานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายให้สาเร็จลลุ ่วงไปได้ดว้ ยดี
2.นักเรียนรู้จักบทบาทหนา้ ท่ีของตนเองและมคี วามรับผดิ ชอบในการทาเวรประจาวันของตนเอง

มากข้นึ

12. ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับ
1.นกั เรียนรจู้ กั คาวา่ เสียสละ เออ้ื เฟ้ือเผ่ือแผ่
2.นักเรียนเปน็ ผทู้ ี่มคี วามรบั ผิดชอบมากในตนเองมากขนึ้
3.นักเรยี นรู้จกั ความสามัคคี เหน็ คณุ ค่าของการทางานรว่ มกัน
4.นักเรียนทุกคนสามารถมองเหน็ คณุ ค่าในตนเอง

บทที่ 2

เอกสำรทเี่ กยี่ วขอ้ ง

อทิ ธิบาท 4" เป็นแนวทางการเรียน การทางาน ให้ประสบความสาเร็จ อิทธิบาท 4" เป็นแนวทาง
การเรียน การทางาน ให้ประสบความสาเร็จที่พระพุทธองค์ได้ทรงสดับไว้ อย่างแยบคลายอันประกอบด้วย
แนวปฏิบัติ 4 ข้อ คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ซึ่งใครๆ ก็ท่องได้จาได้ แต่จะมีสักกี่คนที่ปฏิบัติได้ครบ
กระบวนความท้ัง 4 ข้อ อันเป็น 4 ข้ันตอนที่ต่อเนื่องหนุนเสริมกันจะขาดข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้ด้วยว่ามันเป็น
กระบวนการท่ีเชื่อมโยงกันทั้ง 4 ข้อ จึงจะทาให้เราประสบผลสาเร็จในชีวิตและการงานได้ตามความมุ่งหวัง
ขออธบิ ายดังต่อไปนี้

1) ฉนั ทะ คอื การมใี จรักในสิ่งท่ที าใจท่รี ักอันเกิดจากความศรัทธาและเชื่อมั่นต่อส่ิงท่ีทาจึงจะเกิดผล
จริงตามควร เราคงเคยได้ยินคาว่า "ขอฉันทามติจากประชุม" บ่อยๆ หรือ "มีฉันทะร่วมกัน" ก่อนเลิกการ
ประชุมบางอันเป็นเสมือนสัญญาระหว่างกันว่าเราจะทาส่ิงนั้นสิ่งน้ีร่วมกันหรือละเว้นบางสิ่งร่วมกัน ซึ่งความ
เข้าใจในข้อน้ีคิดว่าถูกเพียงคร่ึงเดียว เพราะความหมายของ "ฉันทะ" นั้นไม่ใช่แปลว่าเป็นสัญญาภาษา
กระดาษหรือสัญญาที่ให้ไว้กับมวลหมู่สมาชิกเท่าน้ัน หากแต่เป็นสัญญาใจและเป็นใจท่ีผูกพันเป็นใจที่ศรัทธา
และเชอื่ มน่ั ต่อส่งิ น้ันอยู่เตม็ เปยี่ มจงึ จะเกิดความเพียรตามมาเปรียบได้กับนักวิจัยท่ีศรัทธาและเชื่อมั่นในแนวคิด
แนวปฏิบัติของงานวิจัย เพื่อทอ้ งถนิ่ ซ่ึงอาจมมี ากน้อยต่างกัน คงไมม่ ใี ครบอกได้นอกจากตัวนักวิจัยเองและผล
ของงานท่เี กดิ ขน้ึ จริงเปน็ ที่ ประจกั ษ์ตอ่ สาธารณะชน

2) วริ ยิ ะ คือ ความมุ่งม่ันทุ่มเท เป็นความมุ่งม่ันทุ่มเทท้ังกายและใจที่จะเรียนรู้และทาให้เข้าถึงแก่น
แท้ของส่ิงนั้นเร่ืองนั้น ถ้าหากกระทาก็จะทาจนเชี่ยวชาญจนเป็นผู้รู้ ถ้าหากศึกษาก็จะศึกษาให้รู้จนถึง
รากเหง้าของเรื่องราวน้ันๆ ดังน้ัน คาว่า "วิริยะ" จึงหมายถึงความเพียรพยายามอย่างสูงที่จะทาตามฉันฑะ
หรอื ศรัทธาของตัวเอง หากเราไม่มีความเพียรแล้วก็อนุมานได้ว่าเรามีฉันทะหลอกๆ หรือศรัทธาหลอกๆ ทั้ง
โกหกตัวเองและหลอกผู้อ่ืน เพ่ืออะไรนั้น ผลงานที่เขาทาจะชี้ชัดออกมาเองว่าทาเพื่ออะไร ดังนั้น นักวิจัย
ท้องถิ่นจึงต้องมีใจที่รักต่อคนท้องถิ่นและรักต่อการทางานวิจัยเพ่ือแก้ปัญหาคนท้องถ่ิน อันเป็นศรัทธาสูงสุด
หากไม่เป็นเชน่ น้นั ก็ได้ แต่เพียงศรทั ธาปากเปลา่ ทไี่ รแ้ ม้เงาของความมุ่งม่ันและทุ่มเท หากแต่มีศรัทธาอื่นให้
ครุ่นคิดและกระทาอยู่ วิริยะนี้มาคู่กับความอดทนอดกลั้น เป็นความรู้สึกไม่ย่อท้อต่อปัญหาและมีความหวังท่ี
จะเอาชนะอุปสรรคทั้งปวง โดยมีศรัทธาเป็นเคร่ืองยึดเหน่ียวจิตใจ นาใจ และเตือนใจ ความอดทนเป็น
เครื่องมือสาหรับคนใจเย็นและใจงามด้วยไม่ใช่มุทะลุดุดันรบเร้าและรุ่มร้อน เพราะมันจะทาให้มีโอกาส
ผดิ พลาดได้ง่าย หรอื สูญเสียความอดทนในท่สี ุด

3) จิตตะ คือ ใจท่ีจดจ่อและรับผิดชอบเม่ือมีใจที่จดจ่อแล้วก็จะเกิดความรอบคอบตาม คาน้ีย่ิงใหญ่
มากปัจจุบนั สังคมซบั ซอ้ นมสี งิ่ ใหม่ๆ เกดิ ขนึ้ มากมายแต่ละคนมภี าระหนา้ ที่ ทตี่ อ้ งทามากมายไมร่ ู้จะทาอะไร
ก่อนเวลาอ่านหนังสือก็คิดถึงงานที่รับผิดชอบ เวลาอ่านทางานก็คิดว่าต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ
ไม่สามารถมีจิตจดจ่ออยู่กับส่ิงใดสิ่งหนึ่งได้นาน ผลคือ ทาอะไรก็ไม่ดีสักอย่างทาผิดๆถูกๆอยู่อย่างน้ันแต่ถ้า
เรามีใจท่ีจดจ่อต่อสงิ่ ท่ีเราคดิ เราทาและรบั ผดิ ชอบแลว้ ไมว่ า่ จะเป็นการเรียนหรอื การงานก็ตาม ทุกอย่างก็จะ
ดีข้ึนไปเอง เราก็จะมีความรอบรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยใจท่ีจดจ่อตั้งมั่นและใฝ่เรียนรู้ของเรา เมื่อมีความรอบรู้
มากข้ึนก็จะเกิดความรอบคอบตามมา เม่ือมีความรอบคอบแล้วการตัดสินใจทาอะไรก็จะเกิดความผิดพลาด
นอ้ ยตามไปดว้ ย ความรอบคอบจะเกดิ ข้นึ ไมไ่ ด้เลยหากไมร่ อบรู้

4) วิมังสา คือ การทบทวนในสิ่งที่ได้คิดได้ทามา อันเกิดจากการมีใจรัก(ฉันทะ) แล้วทาด้วยความ
มุ่งมั่น (วิริยะ) อย่างใจจดใจจ่อและรับผิดชอบ (จิตตะ) โดยใช้วิจารณญาณอย่างรอบรู้และรอบคอบ
จึงนาไปสกู่ ารทบทวนตวั เอง และทบทวนองค์กรหรือทบทวนขบวนการ ทบทวนในสิ่งท่ีได้คิดสิ่งได้ทาผ่านมา
ว่าเกิดผลดี ผลเสียอย่างไร ท้ังท่ีเป็นเร่ืองส่วนตัวของเราเองและเป็นเรื่องที่ร่วมคิดร่วมทากับคนอื่น
เพือ่ ปรบั ปรุงปรับแก้ไขให้ดียง่ิ ขน้ึ

ดังน้ัน "อิทธิบาท 4" จึงมีความหมายกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการจะเดินทางไปในสู่ความสาเร็จในชีวิต
และการงาน เพราะหากทาได้ตามกระบวนความแล้ว สังคมความรู้ ชุมชนความรู้ และปัจเจกชนความรู้
คงอยู่ไมไ่ กลเกนิ ฝัน ประการสาคญั "อทิ ธบิ าท 4" ไมไ่ ดเ้ กดิ ขึ้นอยา่ งโดดเดย่ี วจากหลักธรรมข้ออ่ืนๆ อันเป็น
องค์รวมและเชื่อมโยงถึงกัน เพียงแต่อธิบายคนละบทบาทเท่านั้น สิ่งสาคัญเราได้ใคร่ครวญในเร่ืองเหล่านี้
มากน้อยเพียงใดเพราะในโลกปัจจุบัน โลกที่สั่งสมอวิชชามามากจนเกินล้น จึงกลายเป็นโลกท่ีฉาบฉวยและ
วุ่นวายสูงสุด น่ันแปลว่าเราต้องฝึกฝนตนเองหลายเท่าตัวเพ่ือจะเข้าใจและเข้าถึงหลักธรรมท่ีก่อเกิดการ
พัฒนาท่จี ุดเร่มิ ตน้ ของตนเองอยา่ งแท้จริง

ภาระหน้าทีแ่ ละความรบั ผดิ ชอบของบุคคล

การกระทาหรือการแสดงพฤติกรรมของบุคคลท่ีเป็นไปตามความคาดหวังตามตาแหน่งในอาชีพหรือ
ตาแหน่งที่สังคมกาหนดขึ้น ซ่ึงโครงสร้างของบทบาทประกอบด้วยลักษณะที่เฉพาะของแต่ละบุคคลการแสดง
พฤติกรรมและตาแหน่งที่ครองอยู่หรือพฤติกรรมท่ีคนในสังคมต้องทาตามสถานภาพในกลุ่มหรือสังคม
โดยบทบาท (Role) สามารถแยกได้ 4 ประเภทหลักดังนี้

1.บทบาททคี่ าดหวงั (Role expectation) ทกุ สงั คมจะมบี ทบาทใหท้ ุกคนปฏิบัตติ ามแตล่ ะสถานภาพ
2.บทบาททก่ี ระทาจรงิ (Role performance) ในชวี ติ จริงทกุ คนอาจไม่ไดป้ ฏบิ ัติตามบทบาทท่ีสงั คม
กาหนดไวเ้ พราะตอ้ งปรบั ตวั ให้สอดคล้องกบั สถานการณ์
3.บทบาททีข่ ดั แยง้ (Role conflict) การอยใู่ นสงั คมทกุ คนจะมบี ทบาทที่ต้องกระทาแตกตา่ งกนั
หลายบทบาท การแสดงบทบาทหลายบทบาทในเวลาเดียวกัน
4.บทบาทที่ถูกบังคบั (Role strain) หากในการกระทาตามบทบาทน้นั เกดิ ความไม่เต็มใจที่จะทาตาม
บทบาทท่ีกาหนดไว้

หน้าที่ (DUTY) หมายถึง ภาระรับผิดชอบของบุคคลที่จะต้องปฏิบัติ เช่น หน้าที่ของบิดาที่มีต่อบุตร
เป็นตน้ ความสอดคลอ้ งของสถานภาพและบทบาทของบคุ คลทม่ี าของหนา้ ที่

1. ผลจากการที่คณุ เป็นมนษุ ย์
2. ผลจากการที่เป็นส่วนหนง่ึ ของชีวิตคนอนื่
3. เปน็ หลกั ในการในความประพฤติหน่งึ ของบคุ คล
4. เป็นสิง่ คาดหวงั ของตนในการทาหน้าท่ีตามคณุ ธรรม

ความรับผิดชอบ (RESPONSIBILITY) หมายถึง ลักษณะของบุคคลท่ีแสดงออกถึงความเอาใจใส่
จดจ่อต้ังใจ มุ่งม่ันต่อหน้าท่ีการงาน การศึกษาเล่าเรียนและการเป็นอยู่ของตนเองและผู้อยู่ในความดูแล
ตลอดจนสังคมอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้บรรลุผลสาเร็จตามความมุ่งหมายในเวลาท่ีกาหนด ยอมรับผล
การกระทาท้ังผลดีและผลเสียท่ีเกิดข้ึนรวมทั้งปรับปรุงการปฏิบัติงานให้ดีขึ้นเป็นความผูกพันในการที่จะปฏิบัติ
หน้าท่ีให้สาเร็จลุล่วงไปได้และความสาเร็จนี้เกี่ยวข้องกับปัจจัย 3 ประการ คือ พันธะผูกพัน หน้าที่การงาน
และวัตถปุ ระสงค์แบง่ ประเภทความรบั ผิดชอบไว้ดังนี้

1. ความรับผิดชอบต่อตนเอง หมายถึง การรับรู้ฐานนะและบทบาทของตนที่เป็นส่วนหน่ึง
ของสงั คมจะต้องดารงตนใหอ้ ยู่ในฐานนะที่ช่วยเหลือตัวเองได้รู้จักว่าส่ิงใดถูก ส่ิงใดผิด ยอมรับผลการกระทา
ของตนเองท้ังท่ีเป็นผลดีและผลเสียเพราะฉะน้ันบุคคลท่ีมีความรับผิดชอบในตนเองย่อมจะไตร่ตรองดูให้
รอบคอบก่อนว่าสิ่งท่ีตนเองทาลงไปนั้นจะมีผลดีผลเสียหรือไม่และจะเลือกปฏิบัติแต่สิ่งท่ีจะก่อให้เกิดผลดี
เทา่ นนั้

2. ความรับผิดชอบตอ่ สังคม หมายถงึ ภาระหน้าทขี่ องบุคคลทจ่ี ะต้องเก่ยี วข้องและมีส่วนร่วม
ต่อสวัสดิภาพของสังคมที่ตนเองดารงอยู่ ซ่ึงเป็นเร่ืองที่เก่ียวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่างตั้งแต่สังคมขนาดเล็ก
จนถงึ สังคมขนาดใหญ่ การกระทาของบุคคลใดบุคคลหน่ึงย่อมมีผลกระทบต่อสังคมไม่มากก็น้อยบุคคลทุกคน
จงึ ต้องมภี าระหนา้ ท่แี ละความรบั ผิดชอบทจ่ี ะตอ้ งปฏบิ ัตติ อ่ สังคม ดังตอ่ ไปนี้

2.1 ความรับผิดชอบต่อหน้าท่ีพลเมือง ได้แก่ การปฏิบัติตามกฎระเบียบของสังคม
การรกั ษา ทรพั ยส์ ินของสงั คม การชว่ ยเหลอื ผอู้ ่ืนและการใหค้ วามรว่ มมือกับผ้อู ื่น

2.2 ความรับผดิ ชอบตอ่ ครอบครัว ไดแ้ ก่ การเคารพเช่ือฟังผู้ปกครอง การช่วยเหลือ
งานบ้านและการรกั ษาชอื่ เสียงของครอบครวั

2.3 ความรบั ผดิ ชอบต่อโรงเรียน ได้แก่ ความต้ังใจเรียน การเช่ือฟังครู – อาจารย์
การปฏิบัตติ ามกฎของโรงเรียนและการรักษาสมบตั ขิ องโรงเรยี น

2.4 ความรับผิดชอบต่อเพื่อน ได้แก่ การช่วยตักเตือนแนะนาเม่ือเพ่ือนกระทาผิด
การช่วยเหลือเพื่อนอย่างเหมาะสม การให้อภัยเม่ือเพื่อนทาผิดการไม่ทะเลาะและ เอาเปรียบเพ่ือน และการ
เคารพสิทธิซึง่ กันและกนั

บทท่ี 3

วธิ กี ำรดำเนนิ งำน

1. ขน้ั ตอนการดาเนินงาน

1.1 นกั เรยี นระดับชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 ร่วมประชุมปรกึ ษาหารือเก่ียวกับการดาเนินงานภายใน
หอ้ งเรียน เช่น การแตง่ ตง้ั หวั หนา้ หอ้ ง การแต่งตั้งเวรประจาวนั ฯลฯ

1.2 เลอื กหัวหนา้ เวรประจาวันและใหส้ มาชกิ แต่ละคนเลือกเวรประจาวันตามความสมัครใจ
1.3 จัดทาแนวปฏิบตั ิและข้อตกลงในการปฏิบัตหิ น้าทีเ่ วรแต่ละวนั
1.4 ทุกคนปฏิบัตหิ น้าทตี่ ามทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
1.5 สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ าน
1.6 สรปุ และประเมนิ ผล
1.7 เสนอแนะ ปรบั ปรุง แกไ้ ข
1.8 จัดทารปู เลม่
1.9 จดั ทาบอรด์ โครงงาน
1.10 นาเสนอโครงงาน

2. ตัวช้ีวดั

1.นักเรยี นมพี ฤติกรรมท่พี ึงประสงค์ รู้จกั ความรับผิดชอบและมวี ินยั ในตนเองมากขน้ึ
2.ผลการตรวจความสะอาดห้องเรียนในแตล่ ะเดอื นได้ผลลพั ธ์ในระดบั ร้อยละ ๙๕

3. วิธีการวัดและประเมินผล

๑. สงั เกตพฤตกิ รรม

4. ช่วงระยะเวลาการประเมิน

วนั ที่ วันท่ี 1 พฤศจกิ ายน 2564 -30 เมษายน 2565 ตั้งแตเ่ วลา 13.00 น. – 13.30 น.

บทท่ี 4

ผลกำรศกึ ษำคน้ คว้ำ

จากการทาโครงงาน “ห้องเรียนสะอาด บรรยากาศน่าเรียน” ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนวัดเหล่าขวัญ(จ่างอนุเคราะห์) โดยเร่ิมจากการประชุมปรึกษาหารือ
เก่ียวกับการดาเนินงานภายในห้องเรียน เช่น การแต่งต้ังหัวหน้าห้อง การแต่งต้ังเวรประจาวัน ฯล
การเลือกหัวหน้าเวรประจาวันและให้สมาชิกแต่ละคนเลือกเวรประจาวันตามความสมัครใจจัดทาแนวปฏิบัติ
และข้อตกลงในการปฏิบัติหน้าท่ีเวรแต่ละวัน ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ตามท่ีได้รับมอบหมายและสังเกตพฤติกรรม
การปฏิบตั งิ านสามารถสรุปผลการดาเนนิ งาน ดงั นี้

จากการศกึ ษาพบว่า
1.นักเรียนท่ีเข้าร่วมกิจกรรมโครงงาน “ห้องเรียนสะอาด บรรยากาศน่าเรียน” มีความรับผิดชอบ
และมีวินัยในตนเองมากขนึ้
2.ผลการตรวจห้องเรียน ร้อยละ ๙๕ มีความสะอาด เปน็ ระเบียบเรยี บร้อยมากขน้ึ

บทที่ 5

สรุปผล

สรุปผลการดาเนนิ งาน

จากการดาเนินงานโครงงาน “ห้องเรียนสะอาด บรรยากาศน่าเรียน” ของนักเรียนระดับช้ัน
ประถมศึกษาปที ี่ 2 ปีการศึกษา 2564 เพอ่ื แก้ปัญหาห้องเรยี นไมส่ ะอาด โดยสรปุ ผลการดาเนินงาน ดังนี้

1.นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมโครงงาน “ห้องเรียนสะอาด บรรยากาศน่าเรียน” มีความรับผิดชอบ
และมวี ินัยในตนเองมากขนึ้

2.ผลการตรวจห้องเรยี น รอ้ ยละ ๙๕ มคี วามสะอาดเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ยมากขึ้น

ขอ้ เสนอแนะ

1.ควรขยายผลไปยงั นกั เรยี นทุกคนในโรงเรียน
2.ควรจดั ทาโครงงานนี้อย่างตอ่ เนื่องเพ่อื ให้นักเรียนมคี วามรบั ผดิ ชอบและมีวนิ ัยในตนเองอยา่ งยั่งยืน
ของลักษณะนสิ ัย
3.ควรมกี ารพัฒนาสื่อคณุ ธรรมในรูปแบบต่างๆ เพอ่ื กระตุ้นคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ไดด้ ียิง่ ขึ้น

ภำคผนวก

รปู ภำพบรรยำกำศหอ้ งเรยี น

รปู ภำพบรรยำกำศหอ้ งเรยี น

รปู ภำพนกั เรยี นกวำดบรเิ วณหอ้ ง

รปู ภำพนกั เรยี นกวำดบรเิ วณหอ้ ง

รปู ภำพขยะภำยในหอ้ งเรยี น


Click to View FlipBook Version