The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kating9830, 2022-11-29 22:18:43

8780C094-AEA6-459B-8BDE-EE82025E321C

8780C094-AEA6-459B-8BDE-EE82025E321C

ปวั ฒ น ธร ร ม

ระเทศ

ญี่ ปุ่ น

คำนำ

เรียนรู้วัฒน
ธรรมญี่ปุ่น
มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากกว่า 1 พันปี ตั้งเเต่ ยุค

ก่อนประวัติศาสตร์ของ ญี่ปุ่น ไปจนถึงวัฒนธรรม
ร่วมสมัยยุคใหม่ ที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมเอเชีย
ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งได้รับอิทธิพลอย่างมาก

จากจีนที่ยังคงปรากฏชัดในวัฒนธรรมดั้งเดิมของ
ญี่ปุ่น เราจึงทำวัฒนธรรมญี่ปุ่นขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้

เรียนรู้ศึกษาในเรื่องต่างๆของประเทศญี่ปุ่นเเละมี
ความรู้มากชึ้นไปชมกันเลย

สารบัญ

วัฒนะธรรมญี่ปุ่น

หัวข้อ
หน้า

ความเป็นมา 5
6
อาหารจานหลัก
อาหารญี่ปุ่น 7-11
ผลไม้
12

สัตว์ 13-14

ดอกไม้ประจำชาติ 15-17

การเเต่งกาย 18-19
20-22
-เครื่องแต่งกาย นอกจากกิโมโน

สถานที่ท่องเที่ยว

จัดทำโดย

นางสาวณัฐวดี ศรีณวงศ์ เลขที่15 ชั้นม.5/6

นางสาวนิตยา มั่นกลิ่น เลขที่17 ชั้นม.5/6
นายณัฐเศรษฐ คงศรี เลขที่11 ชั้นม.5/6

นำเสนอ

คุณครู กนกรัตน์ จำเนียรสุข

ความเป็นมา

เมนูอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยม
ในปัจจุบันนั้น มีต้นกำเนิดจาก

อาหารพื้นเมืองในช่วงก่อนสิ้นสุด
การปิดประเทศญี่ปุ่น ประมาณปี

พ.ศ.2411 ซึ่งเรียกว่าช่วงยุค
กลางหรือตั้งแต่สมัยเอโดะ ใน
สมัยนั้นคนญี่ปุ่นนิยมกินอาหาร
ประเภท ทอด ชาและอาหาร
จำพวกถั่วหมัก เป็นต้น หลังจาก
นั้นก็มีพัฒนาการทางอาหารเรื่อย
มา จนกระทั่งเข้าสู่ยุคใหม่ คือช่วง
หลังจากการเปิดประเทศ ทำให้
อาหารญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลเรื่อง
ส่วนผสม วิธีการปรุงจากประเทศ
ตะวันตกบางส่วน และได้นำมา
ประยุกต์ให้เข้ากับวิธีการกิน
อาหารของคนญี่ปุ่น จึงส่งผลให้
วิถีชีวิตด้านการกินอาหารของคน
ญี่ปุ่น เปลี่ยนแปลงมาจนถึง
ปัจจุบัน และจุดเด่นที่เห็นได้ชัด

主食อาหารจานหลัก ( shushoku)

御飯ข้าว ( gohan) 麺類อาหารเส้น ( men-rui)

ข้าวญี่ปุ่นมีเมล็ดสั้น และเมื่อสุกแล้ว อาหารเส้นอาจกินเป็นอาหาร
จานเดียว จัดสำรับแทนข้าว หรือ
白米จะเหนียวเล็กน้อย ชาวญี่ปุ่นนิยมกิน จัดคู่กับข้าวเลยก็ได้ อาหารเส้นที่
เป็นที่รู้จักกันดี สามารถกินแบบ
ข้าวขาว ( hakumai) คือข้าวที่
ถูกขัดสีจะไม่เหลือเยื่อหุ้มเมล็ดอยู่เลย ร้อนในน้ำซุป หรือแบบเย็นจุ่ม
ซอสก็ได้
玄米ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เชื่อว่าข้าวกล้อง
おかずกับข้าว ( okazu)
( genmai) หรือข้าวที่ยังมีเยื่อก
หุ้มเมล็ดติดอยู่นั้นอร่อยน้อยกว่า แต่ 煮物อาหารต้มหรือตุ๋น ( nimono)
ข้าวกล้องก็ได้รับความนิยมมากขึ้น 炒め物อาหารผัด (
itamemono)
เรื่อย ๆ ในฐานะที่เป็นอาหารเพื่อ 揚げ物อาหารทอด (
สุขภาพ agemon

パンขนมปัง ( pan) อาหารย่าง หรือทอดบนกระทะแบน
焼き物( yakimono)
ญี่ปุ่นรับวัฒนธรรมการกิน 蒸し物อาหารนึ่ง (
ขนมปังมาตั้งแต่คริสต์ mushimono)
ศตวรรษที่ 16 จนถึง 刺身ซาชิมิ ( sashimi)
吸い物 汁物ซุป ( หรือ suimono
ปัจจุบัน ชาวญี่ปุ่นพัฒนา
ขนมปังจนมีเอกลักษณ์ หรือ shirumono)
เฉพาะตัว และนิยมกินกัน
โดยทั่วไป คำว่าขนมปังใน 漬け物อาหารหมักดองหรือยำ (
和え物 酢の物หรือ หรือ
パンภาษาญี่ปุ่นคือ พัง (ญี่ปุ่น:
; โรมาจิ: pan) ซึ่งมา tsukemonoหรือ
จากภาษาโปรตุเกส

aemono หรือ sunomono)

อาหารไข่หวาน

ไข่หวาน หรือทามาโกะยากิ (Tamagoyaki) เป็นเมนูที่เราพบทั่วไปในร้าน
อาหารญี่ปุ่น มีรสหวานนำ เค็มตาม เดิมชาวญี่ปุ่นกินเป็นอาหารเช้า แต่
ปัจจุบันพบในแทบทุกมื้ออาหาร โดยเฉพาะเป็นเมนูล้างปากจากอาหารคาว
เคล็ดลับของไข่หวานคือต้องใช้ไข่ไก่สดใหม่ถึงจะไม่มีกลิ่นคาว และทอดด้วย

ไฟอ่อนกำลังดี ไม่ให้เนื้อไข่หวานแข็งกระด้างช

1~ ตอกไข่ลงในชามผสม ตามด้วยน้ำตาล เกลือ และน้ำ
เปล่าตีส่วนผสมให้เข้ากันอย่าให้เหลือเศษไข่

2~ นำกระทะตั้งไฟโดยใช้ไฟกลาง พอกระทะร้อนใช้กระดาษทิชชู่
ชุบน้ำมัน ทาให้ทั่วกระทะ ตักไข่ลงไป 2 ทัพพีเล็ก กลิ้งไข่ให้บางเต็ม
กระทะ พอไข่ด้านข้างเริ่มแข็ง ตรงกลางสุกนิดหน่อย ให้เราหรี่ไฟให้

อ่อน และใช่ตะเกียบแซะไข่ แล้วค่อย ๆ ม้วนตะล่อม
3~นำทิชชู่ชุบน้ำมันทาบาง ๆ บนกระทะอีกครั้ง เร่งไฟขึ้นให้เป็นไฟ

กลาง ทำทุก ๆ ขั้นตอนเหมือนเดิมจนไข่หมด
4~พอไข่สุกปิดไฟแล้วนำไข่มาจัดทรง โดยใช้ไม้ไผ่สำหรับม้วนซูชิ

จัดทรงให้สวย รอไข่เย็นตัวลงก่อนค่อนหั่นชิ้น

ข้าวหน้าเนื้อ

เป็นอาหารญี่ปุ่นที่มีลักษณะ
เป็นอาหารจานเดียวที่มีกับข้าว

ที่ทำจากเนื้อสัตว์, ปลา, ผัก
หรือวัตถุดิบอื่น ๆ ราดบนข้าว

สวย ตามแต่จะดัดแปลง

STEP 1 STEP 2

- โดยแช่ไข่แดงในโชยุ 4 - ผสมโชยุ มิริน สาเก และ
ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ 30 นาทีใน น้ำตาลทราย อย่างละ 3

ภาชนะที่มีฝาผิด หรือ ช้อนโต๊ะ คนจนน้ำตาล
Wrap ปิดไว้ใส่ในตู้เย็นไว้ ละลาย แล้วเติมน้ำเปล่าลง
ไป 1 ถ้วยตวง ตั้งไฟจนงวด
ก่อน ลง ให้เหลือน้ำซอสครึ่งหนึ่ง

STEP 3

- ใส่หอมใหญ่หั่นชิ้นลงไป STEP 4

เคี่ยวจนหอมใหญ่สุกใส - ตักข้าวใส่ถ้วย ตาม
แล้วตามด้วยเนื้อสไลซ์ ด้วยเนื้อสไลซ์ และราดน้ำ

ผัดจนเนื้อสุก ซอสตามให้ชุ่ม ๆ

STEP 5
- ค่อย ๆ ใส่ไข่แดงแช่

ซีอิ๊วที่เราทำไว้ลงไปข้าง

ๆ แล้วโรยหน้าด้วยต้น

หอมซอยและงา

โทริมิโสะราเม็ง

เป็นบะหมี่น้ำของญี่ปุ่น ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนรา
เม็งมักจะทานกับเนื้อหมู สาหร่าย คามาโบโกะ ต้นหอม และ
บางครั้งจะมีข้าวโพด ราเม็งมีการปรุงรสแตกต่างกันตาม
แต่ละจังหวัดในญี่ปุ่น
5.โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย และที่ขาดไม่ได้

3. พอตักทุก ก็คือ สาหร่ายเถ้าแก่น้อย ด้วยระบบการ
อย่างออก ให้ใส่ ผลิตที่ล้ำสมัยและการรักษามาตรฐานอย่าง

บะหมี่กึ่ง เข้มงวด จึงทำให้สาหร่าย เถ้าแก่น้อย มี
สำเร็จรูปสไตล์ รสชาติที่เข้มข้นสะใจ รสสัมผัสฟูกรอบแบบ
เกาหลี ตามด้วย
ที่ไม่น่าจะหาได้

สันในไก่

4. พอเส้นสุกให้ดับ 2. พอนมถั่วเหลืองเดือด ให้
ไฟ (2-3 นาที) ตักนม จับเวลา 6-7 นาที ตักไข่ออก
ถั่วเหลืองในหม้อมา ผ่านไปอีกสองนาที ตักทุก
ผสมกับมิโสะ เทมิโสะ
อย่างออกได้
ลงไป คนๆๆ แล้ว (Tip) กรรมวิธีช่วงนี้เป็นการ
ค่อยเททุกอย่างลง ทำให้ไข่และผักสุกได้ที่ แถม
ยังเป็นการปรุงน้ำซุปไปในตัว
ชาม!

1. นำนมถั่วเหลืองที่ไส่
สต๊อกไก่ก้อนแล้วมาตั้งไฟ
พร้อม ไข่ไก่ และ ผักอะไร
ก็ได้ที่เราอยากกิน (ในคลิป

เป็น ฟักทอง, แครอท)

เกี๊ยวซ่า

ป็น อาหารจีน ชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งสาลีห่อไส้ที่
ทำจากเนื้อสัตว์ แผ่นแป้งเป็นแป้งสาลีไม่ใส่ผงฟู

หรือยีสต์ นำมาห่อไส้หมูแล้วทอด เกี๊ยวซ่าใน
ภาษาไทยมาจาก ภาษาญี่ปุ่น ว่าเกียวซะ ญี่ปุ่นได้

รับอาหารชนิดนี้มาจากชาวแมนจู

1. นำหมูบด กระเทียมสับ หอม
ใหญ่สับ กะหล่ำปลีสับ ใบกุยช่าย
ซอย ต้นหอมซอย ขิงขูด แป้งมัน
โชยุ น้ำมันงา น้ำตาลทราย เทใส่

ชามผสม แล้วคนให้เข้ากัน

2. นำแผ่นเกี๊ยวซ่าวางไว้บนมือ ใช้ไม้
พายหรือช้อนเล็ก ๆ ตักไส้วางกลาง
แผ่นเกี๊ยวซ่า เอาน้ำลูบบริเวณขอบ

เล็กน้อย พับแผ่นเกี๊ยวซ่าอีกด้านทบ 4. เมื่อน้ำระเหยหมด แล้ว
ขึ้นมา ค่อย ๆ จับจีบทั้งสองด้านเข้า ปิดไฟยกกระทะออกจากเตา
ตรงกลาง ให้เป็นเส้นโค้งสวยงาม นำกระทะมาพลิกเกี๊ยวซ่าลง

ใส่ในจานเสิร์ฟ
3. นำเกี๊ยวซ่าที่ห่อเสร็จแล้ว วางเรียงลง
ในกระทะ ใส่น้ำมันเพียงเล็กน้อย ตั้งไฟ
กลางจนกระทะเริ่มร้อน ค่อย ๆ เทน้ำใส่
ลงไปประมาณครึ่งของตัวเกี๊ยวซ่า แล้ว
ปิดฝาเร่งไฟแรง รอจนน้ำระเหยหมด

โทริเท็น

เป็นเมนูยอดนิยมของจังหวัดโออิตะ จังหวัดที่มี

ปริมาณการบริโภคเนื้อไก่สูงเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น โท

ริเท็นเป็นเมนูเทมปุระชนิดหนึ่งที่ทำโดยการเลาะกระดูก

ออกจากเนื้อไก่ หั่นให้มีขนาดพอดีคำ นำไปชุบด้วยแป้ง

สาลีผสมน้ำและไข่ จากนั้นจึงนำไปทอด นิยมรับ

ประทานคู่กับกะหล่ำปลีซอย ตัวน้ำจิ้มอาจเป็นได้ทั้ง

พอนสึ (ซอสถั่วเหลืองรสเปรี้ยว) เสริมด้วยคาราชิ โชยุ
天つゆผสมน้ำส้มสายชู หรือเทนสึยุ (
, น้ำจิ้มเทมปุระ)

1.นำปีกกลางไก่มาล้างทำความ
สะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นนำ
ส้อมจิ้มทั่วปีกไก่ เพื่อเวลาหมัก

ซอสจะได้เข้าเนื้อ

2. จากนั้นนำซอสเทอริยากิใส่
ลงไปในอกไก่ คลุกเคล้าให้เข้า
กัน ปิดด้วยพลาสติกแรป ทิ้งไว้

ในตู้เย็น 1 ชั่วโมง

3. เทใส่ภาชนะที่ใช้อบ นำเข้าเตาอบ
ใช้ไฟบน-ล่าง อุณหภูมิ 180-200

องศา เป็นเวลา 30-40 นาที นำออก
จากเตาอบ เป็นอันเสร็จ

ผลไม้

ผลไม้ญี่ปุ่น" 5 ชนิดที่ไปแล้วต้องกิน

เมล่อน (Melon)



ลูกพลับลูกพลับ
(Persimmon)

ฮิรามิเลม่อนหรือชิควาซ่า
(Hirami lemon,
Shikuwasa)

สตรอว์เบอร์รี่
(Strawberry)​

เกาลัด (Chestnut)

นกกระเรียน สัตว์

ลักษณะ

เป็นนกกระเรียนขนาดใหญ่ที่หายากเป็นอันดับ 2 ของโลกใน
บรรดานกกระเรียนทุกชนิด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก นกชนิดนี้ถือ
เป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภและความซื่อสัตย์ มีความสูงถึง 55 นิ้ว
ทำให้ไม่ตกเป็นเหยื่อของนักล่าได้ง่าย เมื่ออยู่ในถิ่นอาศัยธรรมชาติ
ตามหนองบึง จะพบเห็นตัวได้ง่ายและเด่นชัด เมื่อโตเต็มวัย ขนทั้ง
ตัวจะเป็นสีขาวหิมะ ด้านบนส่วนหัวจะเป็นผิวหนังสีแดง ผิวหนังส่วน
นี้จะเป็นสีแดงสว่างขึ้นเวลาโกรธหรือตื่นเต้น เพศผู้มีน้ำหนัก
ประมาณ 15 กิโลกรัม[2] จัดว่าเป็นนกกระเรียนที่มีน้ำหนักมากที่สุด
นกกระเรียนมงกุฎแดงกินสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก, สัตว์น้ำไม่มี
กระดูกสันหลัง, แมลง และพืชที่มีอยู่ในหนองบึงเป็นอาหาร ถิ่น
อาศัยอาจมีทั้งหนอง, บึง, ริมฝั่ งแม่น้ำ, ทุ่งนา หรือที่ใดก็ตามที่มี
แหล่งน้ำและอาหาร เมื่อกินอาหารอิ่มแล้ว อาจจะเกี้ยวพากันด้วย
การเต้นระบำอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

จำนวนประชากร

นกกระเรียนชนิดนี้มีจำนวนประชากรในธรรมชาติเพียง 1,700-
2,000 ตัว จึงถือว่าเป็นนกชนิดหนึ่งที่อยู่ในภาวะถูกคุกคาม สถาน
เพาะเลี้ยงนกในเมืองพิตส์เบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ได้ริเริ่มโครงการ
รับบริจาคไข่ของนกกระเรียนชนิดนี้จากสวนสัตว์ในสหรัฐอเมริกา
เพื่อนำไปฟักและเพาะเลี้ยงในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ คินกันสกี ใน
รัสเซีย แล้วปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ ในระหว่างปี ค.ศ. 1995-
2005 โครงการนี้ได้รับบริจาคไข่แล้วจำนวน 150 ฟอง

ตำนานและความเชื่อ

丹頂ในญี่ปุ่น นกกระเรียนมงกุฎแดงมีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า

(Tancho) เชื่อกันว่ามีอายุขัยยาวนานถึง 1,000 ปี โดยชาวญี่ปุ่น

เชื่อว่าการมาถึงของนกกระเรียนมงกุฎแดงจะนำมาซึ่งความภักดี

และโชคลาภ ในช่วงฤดูหนาวจะมีผู้คนออกไปยังทุ่งน้ำแข็งที่เป็นที่

อพยพเพื่อนำปลาไปให้เป็นอาหาร โดยถือว่าเป็นนกที่ชาวญี่ปุ่นให้

ความเมตตาและเคารพสูงสุด โดยในปี ค.ศ. 1952 มีจำนวนนกกระ

เรียนมงกุฏแดงเพียง 33 ตัว เท่านั้น และได้ขยายพันธุ์เป็น 1,200

ตัว ในปัจจุบัน[3]

ในจีน นกกระเรียนมงกุฎแดงมักปรากฏอยู่ในตำนานเทพนิยาย

丹顶鹤ปกติแล้วมักปรากฏคู่กับเทพหรือเหล่าเซียนผู้เป็นอมตะ มีชื่อในภาษา
จีนว่า (Dāndǐnghè) ซึ่งแปลว่า "นกกระเรียนนางฟ้า"

ดอกซากุระ ดอกไม้

ซากุระ คือดอกไม้ยอดนิยมประจำญี่ปุ่น มี
มากกว่า 100 สายพันธุ์ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่ง
ในไฮไลท์ที่เรียกให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

มาเยือนญี่ปุ่น ถือเป็นดอกไม้ประจำฤดู
ใบไม้ผลิ ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบซากุระจนเกิดเป็น
วัฒนธรรมการชมซากุระที่เรียกว่า ฮานามิ
ซากุระคือหนึ่งในลายยอดนิยมของเสื้อผ้า
และข้าวของเครื่องใช้มากมาย โดยเฉพาะ

ของฝากที่แค่เห็นก็ทำให้รู้ว่ามาจากญี่ปุ่น
รวมถึงยังมีการนำเอาดอกและใบของ
ซากุระมาทำขนมต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นชื่อ
เด็กผู้หญิงยอดฮิตตลอดกาลอีกด้วย จะ
กล่าวว่าซากุระคือดอกไม้อันเป็นที่รักของ

ญี่ปุ่นก็ไม่เกินจริง

ดอกอะจิไซ



ดอกอะจิไซ หรือชื่อในภาษาอังกฤษคือ ดอก
ไฮเดรนเยีย (HYDRANGEA) เป็นดอกไม้ที่
เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของฤดูฝนที่ญี่ปุ่น หากใคร
เคยเห็นภาพของดอกไม้ หอยทาก และหยด
ฝนบนใบไม้ นั่นแหละคือภาพของดอกอะจิไซ

ผลิบานใหม่ใ
นหน้าฝน
อะจิไซจะออกดอกในลักษณะเป็นเป็นพุ่มกว้าง
มีดอกหลายสีทั้งสีขาว สีชมพู สีม่วง และสีฟ้า
โดยสีที่ต่างกันนี้ขึ้นอยู่กับค่าความเป็นกรดด่าง

ของดินที่ใช้ปลูก โดยบานในช่วงต้นเดือน
มิถุนายนไปจนถึงช่วงกลางเดือนกรกฎาคม

ดอกคิกุ



คิกุ หรือดอกเบญจมาศ คืออีกหนึ่งดอกไม้ที่

ผูกพันกับคนญี่ปุ่นมายาวนาน เป็นดอกไม้
ประจำฤดูใบไม้ร่วง มีหลายสายพันธุ์ ทั้งสี
เหลือง ม่วง ขาว เป็นต้น คิคุมีที่มาจาก
ประเทศจีน สามารถใช้เป็นยาสมุนไพร ที่สำคัญ
คือดอกคิคุยังเป็นสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์
ญี่ปุ่น รวมถึงอยู่บนปกพาสปอร์ตญี่ปุ่นอีกด้วย
ว่ากันว่าคิกุคือดอกไม้โปรดของจักรพรรดิโก
โทบะ จักรพรรดิองค์ที่ 82 ของญี่ปุ่น จึงได้ใช้คิ
คุเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์ จนต่อมาได้
กลายเป็นตราประจำราชวงศ์ญี่ปุ่นอย่างเป็น
ทางการ โดยตราประจำจักรพรรดิจะต้องมี 16
กลีบ 2 ชั้น ส่วนราชวงศ์จะมีเพียง 14 กลีบ

สามารถพบเห็นตรานี้ได้ตามสถานที่ทาง
ประวัติศาสตร์และศาลเจ้า

การเเเต่งกาย

กิมโมโน

ก่อนที่ชุดกิโมโนจะเป็นที่นิยม ชาวญี่ปุ่นมักแต่งชุด
ท่อนบนกับท่อนล่างเหมือนกันหรือไม่ก็เป็นผ้าชิ้น
เดียวกันไปเลย ต่อมาในสมัยเฮอัน (ค.ศ. 794 -
1192) ซึ่งถือเป็นช่วงเริ่มต้นการใส่กิโมโน ชาวญี่ปุ่น
พัฒนาเทคนิคการตัดชุดเสื้อผ้าด้วยการตัดผ้าเป็น
เส้นตรง เพื่อให้ง่ายต่อการสวมใส่ หยิบมาคลุมตัว
ได้ทันที ทั้งยังเป็นชุดที่เหมาะกับทุกสภาพอากาศ
สามารถเปลี่ยนเนื้อผ้าที่ตัดเย็บให้เหมาะกับฤดูกาล
ความสะดวกสบายนี้ทำให้ชุดกิโมโนแพร่หลายไป
อย่างรวดเร็ว โดยวงการแฟชั่นสมัยนั้น ผู้ตัดเย็บก็
จะคิดหาวิธีที่ทำให้ชุดกิโมโนมีสีสัน ผสมผสานกัน
ด้วยสีต่างๆให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและชนชั้น
ทาง สังคมถือว่าเป็นช่วงที่ชุดพัฒนาในเรื่อง สี

มากที่สุด

เครื่องแต่งกาย นอกจากกิโมโนแล้วยังมี
เครื่องแต่งกายอื่นอีก

เสื้อแฮปปี้ เป็นเสื้อชิ้น นอกสีดำ สำหรับคน
งานแต่ละท้องถิ่นไม่เหมือนกัน

เสื้อฮาโอริ เป็นเสื้อชิ้น นอกสีดำเช่นกัน จะ
มีลวดลายเป็นสีขาวหรือเครื่องหมาย
นามสกุล

เสื้อฮะกามา เป็นเสื้อที่มีรูปร่าง
คล้ายกางเกงขากว้าง ใช้ในงานพิธี

ยูกาตะ (Yukata) เป็นกิโมโนชนิดหนึ่งทำจากผ้าฝ้าย
ใส่ได้ทั้งชายและหญิง สีไม่สด เป็นชุดที่ใส่อยู่กับบ้าน
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ต่อมาได้มีการนำชุดยูกาตะมา

ใส่ในงานประเพณี และเทศกาลในฤดูร้อน ทำให้มี
ลวดลายสีสันขึ้น ชุดผู้หญิงจะมีสีสันมากกว่าชาย

โกโซเดะ (Kosode) เป็นชุดกิโมโนของผู้
หญิงที่แต่งงานแล้ว เป็นชุดกิโมโนแขนยาว
ธรรมดา “ฟูริโวเดะ” เป็นกิโมโนของหญิง
สาวที่ยังไม่ได้แต่งงานมีแขนยาวกว้างเป็น

พิเศษ

เมืองโอซาก้า สถาปนรทีะ่ทเ่ทอศงเญทีี่่ปยุ่นวใน
(Osaka)

เ ป็ น เ มื อ ง ที่ ใ ห ญ่ ที่ สุ ด อั น ดั บ ส า ม ข อ ง ญี่ ปุ่ น
แ ล ะ เ ป็ น ศู น ย์ ร ว ม ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ

อุ ต ส า ห ก ร ร ม สำ ห รั บ ญี่ ปุ่ น ต ะ วั น ต ก ตั้ ง อ ยู่
ที่ ป า ก แ ม่ น้ำ โ ย โ ด ะ มี ค ล อ ง ที่ เ ชื่ อ ม โ ย ง กั น

ไ ป ม า ภ า ย ใ ต้ ถ น น ห ล า ย เ ส้ น ซึ่ ง นั่ น เ ป็ น
ปั จ จั ย สำ คั ญ ที่ นำ ค ว า ม เ จ ริ ญ ก้ า ว ห น้ า ม า สู่
เ มื อ ง แ ล ะ ใ น ฐ า น ะ ที่ เ ป็ น เ มื อ ง ดั้ ง เ ดิ ม จึ ง มี

ค ว า ม ภ า ค ภู มิ ใ จ ที่ ไ ด้ เ ป็ น ต้ น แ บ บ ข อ ง
ล ะ ค ร หุ่ น ก ร ะ บ อ ก บุ น ร ะ คุ น อ ก จ า ก นี้ นั ก
ท่ อ ง เ ที่ ย ว ยั ง ไ ม่ ค ว ร พ ล า ด ช ม อ่ า ว โ อ ซ า ก้
า ซึ่ ง เ ป็ น จุ ด ศู น ย์ ก ล า ง ค ว า ม ทั น ส มั ย ที่ สุ ด

แ ล ะ ส ว น ส นุ ก

ปราสาทฮิเมะจิ
(Himeji Castle)

ตั้ ง อ ยู่ เ มื อ ง ฮิ เ ม ะ จิ เ ป็ น ป ร า ส า ท ที่ ส ว ย ที่ สุ ด
อี ก แ ห่ ง ห นึ่ ง ข อ ง ญี่ ปุ่ น ที่ ยั ง ค ง รั ก ษ า ไ ว้ เ ป็ น
ส ม บั ติ ข อ ง ช า ติ แ ล ะ ไ ด้ รั บ ก า ร ขึ้ น ท ะ เ บี ย น เ ป็ น
ม ร ด ก โ ล ก พ ร้ อ ม ทั้ ง ไ ด้ มี ก า ร ปิ ด เ พื่ อ ทำ ก า ร
ป ฏิ สั ง ข ร ณ์ เ ป็ น เ ว ล า 5 ปี ตั้ ง แ ต่ ปี 2 0 0 9 -
2 0 1 4 แ ต่ นั ก ท่ อ ง เ ที่ ย ว ส า ม า ร ถ เ ข้ า ช ม ภ า ย ใ น
แ ล ะ ช ม ก ร ะ บ ว น ก า ร ซ่ อ ม แ ซ ม ไ ด้ อ ย่ า ง ใ ก ล้ ชิ ด

ป ร า ส า ท ฮิ เ ม ะ จิ เ ป็ น อี ก ห นึ่ ง ส ถ า น ที่ สำ คั ญ
เ พ ร า ะ เ ป็ น สิ่ ง ก่ อ ส ร้ า ง ที่ เ ก่ า แ ก่ ที่ เ ห ลื อ สุ ด ร อ ด
ม า จ า ก ยุ ค ส ง ค ร า ม แ ล ะ ไ ด้ รั บ ก า ร รั บ ร อ ง จ า ก ยู

เ น ส โ ก ใ ห้ เ ป็ น ม ร ด ก โ ล ก เ พ ร า ะ ยั ง ค ง ค ว า ม
เ ป็ น เ อ ก ลั ก ษ ณ์ ส ถ า ปั ต ย ก ร ร ม แ ล ะ

ยุ ท โ ธ ป ก ร ณ์ ค ร บ ต า ม แ บ บ ข อ ง ป ร า ส า ท ญี่ ปุ่ น ทั้ ง
ฐ า น หิ น สู ง กำ แ พ ง สี ข า ว แ ล ะ อ า ค า ร ต่ า ง ๆ ใ น

บ ริ เ ว ณ ป ร า ส า ท ถื อ ไ ด้ ว่ า เ ป็ น ม า ต ร ฐ า น ต า ม
แ บ บ ข อ ง ป ร า ส า ท ญี่ ปุ่ น

ภูเขาไฟฟูจิ
( Mount Fuji)



เ ป็ น ภู เ ข า ที่ สู ง ที่ สุ ด ใ น ป ร ะ เ ท ศ ญี่ ปุ่ น ร า ว
3 , 7 7 6 เ ม ต ร ( 1 2 , 3 8 8 ฟุ ต ) ตั้ ง อ ยู่ บ ริ เ ว ณ
จั ง ห วั ด ชิ ซู โ อ ก ะ แ ล ะ จั ง ห วั ด ย า ม า น า ชิ ซึ่ ง
อ ยู่ ท า ง ต ะ วั น ต ก ข อ ง โ ต เ กี ย ว พื้ น ที่ โ ด ย
ร อ บ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ท ะ เ ล ส า บ ฟู จิ ทั้ ง ห้ า
อุ ท ย า น แ ห่ ง ช า ติ ฟู จิ - ฮ า โ ก เ น ะ - อิ ซุ แ ล ะ
น้ำ ต ก ชิ ร า อิ โ ต ะ โ ด ย ใ น วั น ที่ อ า ก า ศ แ จ่ ม ใ ส

ส า ม า ร ถ ม อ ง เ ห็ น จ า ก โ ต เ กี ย ว ไ ด้ ใ น
ปั จ จุ บั น ภู เ ข า ไ ด้ ถู ก จั ด โ ด ย นั ก วิ ท ย า ศ า ส ต ร์
อ ยู่ ใ น ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ภู เ ข า ไ ฟ ที่ มี โ อ ก า ส ป ะ ทุ ต่ำ

ร ะ เ บิ ด ค รั้ ง ล่ า สุ ด ใ น พ . ศ . 2 2 5 0 ( ค . ศ .
1 7 0 7 ) ยุ ค เ อ โ ด ะ

ภู เ ข า ไ ฟ ฟู จิ มี ชื่ อ ใ น ภ า ษ า ญี่ ปุ่ น ว่ า " ฟู จิ ซั ง "
ซึ่ ง ใ น ห นั ง สื อ ใ น ส มั ย ก่ อ น เ รี ย ก ว่ า " ฟู จิ ย า

山ม ะ " เ นื่ อ ง จ า ก ตั ว อั ก ษ ร คั น จิ ตั ว ที่ 3 ( )

ส า ม า ร ถ อ่ า น ไ ด้ 2 แ บ บ ทั้ ง " ย า ม ะ " แ ล ะ
" ซั ง "

อ้างอิง

https://www.talonj
apan.com/15-top-

places-to-see-
mount-fuji/

ขอ บคุณค่ะ


Click to View FlipBook Version