ประวัติและพระราชกรณียกิจ
รัชกาล ที่ ๘
ทรงพระเจริญ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
พระราชประวัติรัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
(ประสูติ พ.ศ. 2468 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2472 - พ.ศ. 2489)
มีพระนามเดิมว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล
สารบัญ พระราชประวัติ
หน้าที่
ประวัติส่วนตัว
หน้าที่
ด้านการปกครอง
หน้าที่
ด้านศาสนา
หน้าที่
ด้านการศึกษา
หน้าที่
ผู้จัดทำ
หน้าที่
บรรณานุกรม
หน้าที่
ปกหลัง
หน้าที่
พระราชประวัติรัชกาลที่ 8
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
มีพระนามเดิมว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล ทรงพระราช
สมภพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468 ตรงกับวันขึ้น 3 คํ่า เดือน
11 ปีฉลู ณ เมืองไฮเดลแบร์ก ประเทศเยอรมันนี ทรงเป็นพระราชโอรส
องค์ที่ 2 ของสมเด็จพระราชบิดาเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลา
นครินทร์ และสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ทรงมีพระพี่นางและพระ
อนุชาร่วมสมเด็จพระราชบิดาและสมเด็จ
พระราชชนนีเดียวกันคือ
1. สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
2. สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดชพ.ศ. 2472 สมเด็จ
พระราชบิดาเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดชกรมหลวงสงขลานครินทร์เสด็ทิวงคต
พ.ศ.2474พระองค์ได้เสด็จไปทรงศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีถนเพลินจิต
พ.ศ. 2476 เสด็จพระราชดําเนินไปทวีปยุโรป ประทับ ณ เมืองโลซานน์
ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
พ.ศ. 2477 ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477
เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่มีพระราชโอรสและ
พระราชธิดาที่จะสืบราชสันตติวงศ์ และด้วยความเห็นชอบของผู้สําเร็จ
ราชการแผ่นดินที่ได้ดําเนินการไปตามกฎมณเฑียรบาล
พ.ศ. 2481 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้เสด็จ
พระราชดําเนินกลับเยี่ยมประเทศไทยพร้อมด้วยสมเด็จพระชนนี
สมเด็จพระพี่นางเธอและสมเด็จพระเจ้าน้องเธอ ได้ทรงประ
ประทับอยู่ที่พระตําหนักจิตรลดารโหฐานประมาณ 2 เดือน จึงเสด็จ
ไปประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อเข้าศึกษาวิชานิติศาสตร์ และการ
ปกครองในมหาวิทยาลัยประเทศนั้น
พ.ศ. 2488 วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2488 พระองค์ทรงบรรลุ
นิติภาวะ จึงเสด็จกลับมาถึงประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง และในวันที่ 5
ธันวาคม พ.ศ. 2488 ได้ทรงประทับอยู่ ณ พระที่นั่งบรมพิมานใน
พระบรมมหาราชวังผู้สําเร็จราชการแทนคนล่าสุดคือ นายปรีดี
พนมยงค์ ได้ถวายพระราชภารกิจแด่พระองค์เพื่อได้ทรงบริหารเต็ม
ที่ตามพระราชอํานาจ
เสด็จสวร
รคต
พระองค์ทรงเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งบรมพิมานในบริเวณ
พระบรมมหาราชวัง วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เวลาประมาณ 9.00
นาฬิกา พระองค์ท่านเสด็จสวรรคตโดยพระแสงปืน สิริพระชนมายุ 20
พรรษา 8 เดือน 20 วัน ทรงดํารงอยู่ในราชสมบัติ 12 ปี เป็นการสูญเสีย
ครั้งสําคัญของไทยครั้งหนึ่ง
พระราชกรณียกิจ รัชกาล ที่ 8
ด้านการปกครอง
พระราชกรณียกิจที่สำคัญยิ่งและมีผลระยะยาว คือ
การเสด็จเยี่ยมชาวจีนในย่านสำเพ็ง พระนคร ซึ่งถือ
เป็นการเสด็จเยี่ยมราษฎรครั้งแรก โดยทรงเสด็จ
พระราชดำเนินพร้อมด้วยพระอนุชา เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน
พ.ศ. 2489 การเสด็จเยี่ยมชาวจีนที่สำเพ็งครั้งนั้น นับ
เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง เพราะทำให้ความขัดแย้งที่
เกิดขึ้นระหว่างชาวจีนและชาวไทยที่มีมาก่อนหน้านั้นหาย
ไป
พระราชกรณียกิจที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การ
เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในการตรวจพลสวน
สนามของกองทัพสัมพันธมิตรพร้อมด้วย ลอร์ด หลุยส์
เมาน์ตแบตตัน ณ ท้องสนามหลวงและถนนราชดำเนิน
ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทย ยังเป็นเอกรา
มิได้ถูกยึดครองโดยฝ่ายสั
มพันธมิตร
และพระราชกรณียกิจสุดท้าย
ของพระองค์ที่มีความสำคัญต่อมหา
วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คือ การเสด็จ
พระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรที่
บางเขน และได้ทรงหว่านข้าว ณ
แปลงสาธิตที่สถานีเกษตรกลาง
บางเขน เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.
2489
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหา
อานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดิ
นทร มีกำหนดจะเสด็จกลับไปมหาวิ
ทยาลัยโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์
แลนด์ในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.
2489 เพื่อทรงทำปริญญาเอก
สาขานิติศาสตร์ที่ยังค้างอยู่ให้สำเร็จ
แต่ได้เสด็จสวรรคตเสียก่อน เมื่อวัน
ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489
ประวัติศาสตร์บอกเล่าจากการ
สัมภาษณ์ของบูรพาจารย์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ด้านศาสนา
ในการเสด็จนิวัติพระนครครั้งแรกนั้น พระองค์ได้ประกอบพิธีทรง
ปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ท่ามกลางมณฑลสงฆ์
ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน
พ.ศ. 2481 นอกจากนี้ ยังเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการ
พระพุทธรูปในพระอารามที่สำคัญ เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
ราชวรมหาวิหาร วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร วัดสระเกศ
ราชวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดบวรนิเวศ
ราชวรวิหาร และวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร โดยเฉพาะที่
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหารนั้น พระองค์เคยมีพระราชดำรัส
กล่าวว่า “ที่นี่สงบเงียบน่าอยู่จริง” ดังนั้น เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต
จึงได้นำพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์มาประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้
พระองค์ยังทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าจะผนวชในพระพุทธศาสนา โดย
ได้มีพระราชหัตเลขาถึงสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2489 ทรงขอสังฆราชานุเคราะห์ในการศึกษา
ตำราทางพระพุทธศาสนาเพื่อใช้ในการเตรียมพระองค์ในการที่จะอุป
สมบท แต่ก็มิได้ผนวชตามที่ตั้งพระราชหฤทัยไว้ นอกจากนี้ยังได้พระ
ราชทานพระราชทรัพย์บำรุงวัดวาอาราม กับพระราชทานพระบรมรา
ชูปถัมภ์แก่ศาสนาอื่นตามสมควร
ด้านการศึกษา
พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 8 ในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย
ในการเสด็จนิวัติพระนครในครั้งที่ 2 พระองค์ทรงได้ประกอบพระราช
กรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของประเทศ โดยเสด็จพระราชดำเนิน
ทอดพระเนตรกิจการของหอสมุดแห่งชาติ รวมทั้ง เสด็จพระราชดำเนินไป
ทรงเยี่ยมสถานศึกษาหลายแห่ง เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียน
เทพศิรินทร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ทรงศึกษาขณะทรงพระเยาว์
นอกจากนี้ พระองค์ยังได้เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตร
เป็นครั้งแรกของพระองค์ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวัน
ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2489 และอีกครั้งที่ หอประชุมราชแพทยาลัย
ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.
2489 โดยในการพระราชทานปริญญาบัตรครั้งนี้ มีพระราชปรารภให้มี
การผลิตแพทย์เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชน
โรงเรียนแพทย์แห่งที่ 2 จึงได้ถือกำเนิดขึ้นที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่ง
ในปัจจุบัน คือ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หลังจากนั้น ในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระองค์ทรงหว่านข้าว ณ
แปลงสาธิต ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งถือเป็นพระราชกรณียกิจ
สุดท้าย ก่อนเสด็จสวรรคต
จัดทำโดย
ด.ช.จักรภัทร ภาคาพุฒ ม.1/1 เลขที่ 7
ด.ช.สิรวุฒิ สุขเจริญ ม.1/1 เลขที่ 20
ด.ช.ภทรมินทร์ แก้วคง ม.1/1 เลขที่ 13
บรรณานุกรม
เกษตรศาสตร์.มหาวิทยาลัย.พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจรัชกาลที่ 8
.ณวันที่ 2 ธันวาคม 2565
https://sites.google.com/site/kingofth/phra-rach-
prawati-phra-mha-ksatriy-mharach-thiy/rachkal-thi-8-
phrabath-smdec-phra-pr-men-thr-mha-xa-nanth-mhidl
https://www.ku.ac.th/th/news1/view/