The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-10-02 11:07:15

Track and Field (2)

Track and Field (2)

Track and Field

History

Evolution

How To Play
Rules

85315164 : TRACK AND FIELD ประวัติความเป็นมา วิวัฒนาการ
การแข่งขัน กฎ กติกา มารยาท
ความปลอดภัยในการเล่น วิธีการ
เล่น กรีฑาประเภทลู่ และลาน

คำนำ

E-Bookเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อแนะนำให้ทุกคนได้
เรียนรู้เกี่ยวกับกรีฑาประเภทลู่และประเภทลาน

และมารยาทในการรับชมกีฬา จัดทำขึ้นใน
รายวิชา85315164 : Track and Field
หวังว่าE-Bookเล่มนี้จะทำประโยชน์ให้กับคนที่
ต้องการค้นคว้าและหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องกรีฑา

ไม่มากก็น้อย

คณะผู้จัดทำ

TABLE OF CONTENTS

0 1 History
0 3 TYPES OF ATHLETICS

04 กรีฑาประเภทลู่ (Track Events)

1 2 กรีฑาประเภทลาน (Field Events)

22 มารยาทในการดูกีฬา

Track and Field

History History

1

ประวัติกรีฑา HISTORY OF TRACK AND FIELD

• ประวัติกรีฑา ความเป็นมาของกรีฑานั้นเป็นที่เชื่อกันว่า
ชาวกรีกสมัยโบราณเป็นผู้ริเริ่มการแข่งขันกีฬาและ
กรีฑาเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 776 ปีก่อนคริสตกาล โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อเตรียมพลเมืองของกรีกให้มีสุขภาพ
สมบูรณ์แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมที่จะรับใช้
ประเทศชาติได้อย่างเต็มที่ อีกเหตุผลหนึ่งคือชาวกรีก
ในสมัยโบราณนับถือเทพเจ้าอยู่หลายองค์ และเชื่อว่ามี
เทพเจ้าสถิตอยู่บนเขาโอลิมปัสเทพ เจ้าทั้งหลายเป็น
ผู้บันดาลความสุขหรือความทุกข์ให้แก่ผู้นับถือคล้ายกับ
เป็นผู้ชี้ชะตาของ ชาวกรีก ดังนั้นชาวกรีกจึง
พยายามที่จะประพฤติตนให้เป็นที่โปรดปราน ทำความเข้าใจ
และสนิทสนมกับเทพเจ้า เป็นเหตุให้มีพิธี
บวงสรวงหรือทำพิธีกรรม ต่าง ๆ เมื่อเสร็จการบวงสรวง
ตามพิธีทางศาสนาแล้วจะต้องมีการเล่นกีฬาถวาย
ณ ลานเชิงเขาโอลิมปัสแค้วนอีลิสเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง
พระเกียรติของเทพเจ้า

การเล่นกีฬาที่บันทึกเป็นประวัติศาสตร์สืบต่อกันมา คือ การเล่นกีฬา 5
ประเภท ได้แก่ การวิ่งแข่ง การกระโดด มวยปล้ำ พุ่งแหลน และขว้างจักร

เโภโลรด่ามนยัยนกใผตูมร้้ีีเฑคลอ่าำนำทสนัแั้่งงาตสจ่ใิหล้นข้ยะอกคกงานเรชลจเิาลกะว่ตนกโ้รอกามีงรฬันเเลาล่ด่กนนังาใกหรกี้ฬกคลี่ฬราาบวทาัไขท้ดงั้อ้งด5งำ5กปเนรปริีกนระเกะมภ็เเภาทสืเ่ทปอ็เนพมสัเลรงวางเลกะตเาตหา็1นไม2ดว้ล่ว0า่ำากด0นัาบอรปแกีในขจจ่คงนากข.กัศมนร.วใะนท3ยั่ตงป9กอล3้รนำีกแปจัเลกลส้ืว่ราอยอพมีกกร่ออร4ำดนนิธปทาีี่โจรจอะละดเยภงซกแทีอเลุลเสิะปกต็แนไกปหก่อนงาั้ยรนู่
มสุีขจุภดามุพ่งอหยม่าางยทตี่่เาคงยไปปจฏิาบกัตเิดกิัมนมโดายเปท็ี่นผู้อเัลน่นว่แาโลอะลผิูม้ชปมิกหสวัมงัสยินโบจ้ราางณราไงด้วยัุลติมลีกงตาัร้งพแนตั่นนัเ้นพื่มอาเเงปิน็นทรอะยงะไเมว่ลใชา่เนล่านนกี1ฬ5าเพื่อ
ศตวรรษ เป็นผลให้การเล่นกีฬาต้ องหยุ ดชะงั ก ไปด้วย

2

History

กรุงเอเธนส์ ในปัจจุบัน

จนกระทั่ง โอลิมปิกสมัยใหม่ ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากโอลิมปิก
สมัยโบราณยุติไป 15 ศตวรรษ ได้มีบุคคลสำคัญเป็นผู้ริเริ่มกีฬา
โอลิมปิกให้กลับฟื้ นคืนมาใหม่ท่านผู้นั้นคือ บารอน ปีแอร์เดอ คู
แบร์แตง (BaronPierredeCoubertin) ชาวฝรั่งเศสเป็นผู้
ชักชวนบุคคลสำคัญ ของชาติ ต่าง ๆ ให้เข้าร่วมประชุม ตกลง
เปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยปัจจุบันขึ้นใหม่ โดยจัดให้มี
การแข่งขัน 4 ปี ต่อ 1 ครั้ง

กรุงเอเธนส์ ค.ศ.1896

ในข้อตกลงให้บรรจุการเล่นกรีฑาเป็นกีฬาหลักของการแข่งขัน เพื่อเป็นเกียรติและ
เป็นอนุสรณ์ แก่ชนชาติกรีกที่เป็นผู้ริเริ่ม จึงลงมติเห็นชอบโดยพร้อมเพรียงกันให้
ประเทศกรีกจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นประเทศแรก ใน ค.ศ. 1896 (พ.ศ. 2439)
ณ กรุงเอเธนส์

TYPES OF ATHLETICS

3

TYPES OF ATHLETICS

ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง ก า ร แ ข่ ง ขั น ก รีฑ า

กรีฑาถื อเป็นกี ฬาพื้ นฐานในการสร้าง
สมรรถภาพทางด้านร่างกาย และเป็นกี ฬา
หลั กที่ นิยมเล่ นและแข่งขันทั้งในและระหว่าง
ประเทศ จากรายละเอี ยดกติ กากรีฑาของ
สหพันธ์กรีฑาสมัครเล่ นนานาชาติ สามารถ
แบ่งประเภทของกรีฑา ได้เป็น 5 ประเภท

ดั ง นี้

กรีฑาประเภทลู่
(Track Events)

กรีฑาประเภทลาน
(Field Events)

กรีฑาประเภทเดิน
(Walking Events)

กรีฑาประเภทถนน
(Road Races)

กรีฑาประเภทวิ่งข้ามทุ่ง
(Cross Country Races)

กรีฑาประเภทลู่ (Track Events)

4

กรีฑาประเภทลู่
(TRACK EVENTS)

It's been a great year
for the students of
Yellow Block P-12

College, as we enter a

new stage of learning

and discovery.

กรีฑาประเภทลู่ ประกอบด้วยการวิ่งในลู่วิ่ง กรีฑาประเภทลู่สามารถแบ่งการแข่งขันได้ ดังนี้
ซึ่งการวิ่งระยะสั้น การวิ่งผลัด และการวิ่ง
ข้ามรั้วแต่ละรายการมีจุดเด่นที่แตกต่าง 1.1 การวิ่งระยะสั้น ประกอบด้วยการวิ่งระยะทาง 60, 80,
กันออกไป โดยการวิ่งระยะสั้นให้ความตื่น 100, 200 และ 400 เมตร
เต้น สนุกสนาน การวิ่งผลัดแสดงให้เห็น 1.2 การวิ่งระยะกลาง ประกอบด้วยการวิ่งระยะทาง 800 เมตร
ถึงการประสานงานกันเป็นทีม การวิ่งข้าม 1,500 เมตรและ 3,000 เมตร
รั้วเป็นความสัมพันธ์ระหว่างการวิ่งและ 1.3 การวิ่งระยะไกล ประกอบด้วยการวิ่งระยะทางตั้งแต่
การกระโดดแต่การที่บุคคลหนึ่งจะทำการ 5,000 เมตร ขึ้นไป
1.4 การวิ่งผลัด ประกอบด้วยการวิ่งผลัด 4 x 100 เมตร วิ่ง
แข่งขัน กรีฑาประเภทลู่ได้ จำเป็นต้องมี ผลัด 4 x 400 เมตร
1.5 การวิ่งข้ามรั้ว ประเภทหญิงระยะทาง 100 เมตร 400
ทักษะเฉพาะตัวเบื้องต้น ต้องใช้ความ เมตร ประเภทชายระยะทาง 110 เมตร 400 เมตร
อดทนในการฝึกซ้อมที่ถูกวิธี และสิ่ง
สำคัญต้องมีใจรักในการวิ่งด้วย

5

ก า ร วิ่ ง ร ะ ย ะ สั้ น

ประกอบด้วยการวิ่งระยะทาง 60, 80, 100, 200 และ 400 เมตร

การวิ่งระยะสั้น หมายถึง การวิ่งในทางวิ่งหรือลู่
วิ่งที่เรียบ ซึ่งระยะทางวิ่งไม่เกิน 400 เมตร จาก
จุดเริ่มต้นจนถึงเส้นชัยสำหรับการแข่งขันกรีฑา
นักเรียนในประเทศไทย อาจมีการเพิ่มรายการ
วิ่งระยะทาง 60 เมตร และ 80 เมตรเข้าไปด้วย
เพื่อให้นักกรีฑาในรุ่นเล็กได้มีโอกาสร่วมแข่งขัน
เนื่องจากการแข่งขันวิ่งระยะสั้นทุกประเภทมี
ความสำคัญ และให้ความตื่นเต้นสนุกสนาน
นอกจากนักกรีฑาจะต้องมีความเร็วตาม
ธรรมชาติเป็นทุนเดิมแล้ว การปฏิบัติให้ถูกต้อง
ตามเทคนิคก็มีส่วนช่วยให้บรรลุผลตามความ
มุ่งหมายยิ่งขึ้น

เทคนิคในการวิ่งระยะสั้น ความมุ่งหมายของการวิ่งระยะสั้น คือวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อให้ถึงเส้น
ชัยก่อนจึงได้มีการศึกษาค้นความว่าทำอย่างไรจึงจะวิ่งได้เร็วที่สุด ดังนั้นทักษะและ
เทคนิคจึงเป็นกุญแจไขปัญหาให้พบคำตอบที่ถูกต้อง และเชื่อว่ามีส่วนทำให้พบความ
สำเร็จได้ตามความสามารถของนักกรีฑาแต่ละคน เทคนิคในการวิ่งระยะสั้นมีดังนี้

1.1) ท่าตั้งต้นก่อนออกวิ่ง การวิ่งระยะสั้นทุกประเภท การตั้งต้นก่อนออกวิ่งสำคัญที่สุด เพราะการแพ้หรือชนะ
อยู่ที่การเริ่มออกวิ่งว่าดีหรือไม่ ท่าตั้งต้นก่อนออกวิ่งที่ดี คือ ท่าที่สามารถช่วยให้ออกวิ่งได้เร็วที่สุด มีแรงส่งตัว
ไปข้างหน้ามากที่สุดและเสียเวลาน้อยที่สุด ท่าตั้งต้นก่อนออกวิ่งทั้งนักกรีฑาและผู้เชี่ยวชาญได้คิดค้นทดลองใช้
กันมีหลายแบบหลายวิธีปรากฎว่าวิธีตั้งต้นด้วยการย่อตัวลงนั่งให้มือทั้งสองยันพื้น เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้การ

ออกวิ่งก้าวแรกมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่ถีบตัวออก เท้าไม่เลื่อนถอยหลัง เพราะฉะนั้นควรมีที่ยันเท้า

1.2) เทคนิคในการออกตัว เมื่อได้ยินคำสั่ง "เข้าที่" จากผู้ปล่อยตัวนักกรีฑาต้องเดินไปยังบริเวณที่
ตั้งต้นออกวิ่งใกล้เส้นเริ่ม แล้ววางมือทั้งสองลงบนทางวิ่ง มือทั้งสองห่างกันประมาณ 1 ช่วงไหล่
หรือกว้างกว่าช่วงไหล่เล็กน้อย กางนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ออกนิ้วอื่น ๆ ชิดกับนิ้วชี้ นิ้วหัวแม่มือและ
นิ้วทั้งสี่ยันพื้นรับน้ำหนักตัว และวางอยู่ในระดับเดียวกันหลังเส้นเริ่มเกือบจรดเส้นเริ่ม นิ้วมือเกร็ง

ขึ้น แขนทั้งสองเหยียดตึงไม่งอข้อศอก วางเข่าของเท้าหลังที่พื้น

เมื่อได้ยินคำสั่งว่า "ระวัง" ให้ยกก้นสูงกว่าไหล่เล็กน้อย โดยเฉลี่ยน้ำหนักตัวให้ลงสู่แขนแนวไหล่จะ
เลยมือไปข้างหน้าเล็กน้อย หรือแขนตั้งฉากกับพื้น ยกศีรษะขึ้นเล็กน้อยในลักษณะสบาย สายตา
มองไปข้างหน้าไม่ไกลจากตัวมากนักประมาณ 1 - 3 เมตร สูดหายใจเข้าและกลั้นไว้ ขณะยกก้นขึ้น

ตั้งสมาธิให้แน่วแน่และนิ่ง หูคอยฟังเสียงปืน

1.3) เทคนิคในการเริ่ม ออกวิ่ง เมื่อเสียงปืนดัง "ปัง" ให้ถีบเท้าส่งไปข้างหน้าด้วยเท้าหน้าพร้อมกับยกมือทั้งสองขึ้น
จากพื้น ยกมือข้างตรงข้ามกับเท้าหลังในลักษณะงอศอก นิ้วมืออยู่ระดับหน้าผากกำมือหลวม ๆ ส่วนมือตรงข้าม
กระตุกอย่างแรงไปข้างหลังให้เลยสะโพกขึ้นไปเล็กน้อยคล้ายตีศอกหลังลำตัวเอนพุ่งไปข้างหน้าด้วยแรงถีบส่งของ

เท้า พร้อมกับก้าวเท้าหลังไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งเข่าและสะโพกเหยียดตึงในจังหวะสุดท้ายของการถีบส่งเท้า



1.4) ท่าทางการเริ่มออกวิ่ง ขณะที่เร่งความเร็วขึ้น มุมของการวิ่งจะสูงขึ้นทีละน้อย ลำตัวจะเอนไปข้างหน้าทำมุมกับ
ถีบเท้าส่งไปข้างหน้าด้วยเท้าหน้า พร้อมกับยกมือทั้งสองขึ้นก้าวเท้าหลังไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทั้งเข่า พื้นประมาณ 75-80 องศา การก้าวขาต้องยกเข่าสูง ขาท่อนบนเกือบขนานกับพื้น วิ่งด้วย
และสะโพกเหยียดตึงในจังหวะสุดท้ายของการถีบเท้าส่งถีบเท้าส่งจากพื้นอย่างรวดเร็วและเต็มพลังโน้ม ปลายเท้าเส้นตรงขนานไปข้างหน้า ไม่แบะเข่า แขนงอเป็นมุมฉาก กำมือหลวม ๆ แกว่งมือ

ตัวไปข้างหน้าลำตัวตั้งขึ้นอย่างช้า ลงต่ำสุดที่ระดับสะโพกศรีษะไม่ส่ายไปมาหรือเงยหน้าขึ้นบน วิ่งให้เป็นเส้นตรง ขณะก้าวขา
ต้องกระตุกเข่าไปข้างหน้า และไม่เหวี่ยงส้นเท้าขึ้นข้างหลังจนเกินไป

6

วิ่ ง ร ะ ย ะ ก ล า ง

การวิ่งระยะกลาง หมายถึง การวิ่งในระยะทาง 800 เมตร และ 1,500
เมตร การวิ่งระยะกลาง มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนมีพื้นฐานรู้ถึงวิธีการ
วิ่งที่ถูกต้องและมีทักษะในการวิ่งระยะกลางที่เหมาะสมกับสภาพทางด้าน

ร่างกาย เพศ และวัย

วิ่ ง ร ะ ย ะ ไ ก ล

การวิ่งทางไกล หรือ การวิ่งทน เป็นการวิ่งอย่างต่อเนื่องเป็นระยะทาง
อย่างน้อย 5 กิโลเมตร (3.1 ไมล์) ตามสรีรวิทยาแล้ว นับว่าเป็นการออก

กำลังแบบแอโรบิกตามธรรมชาติและต้องใช้ความอดทน

7

ทคนิคในการวิ่งระยะกลาง มีดังนี้ 1) ท่าตั้งต้นก่อนออกวิ่ง ท่าตั้งต้นก่อนออกวิ่ง ( สมมติว่าผู้วิ่งถนัดเท้าขวา) โดยทั่วไปนิยมยืนอยู่ในท่า
เตรียมพร้อม คือ ยืนให้ปลายเท้าซ้ายจรดหลังเส้นเริ่ม เท้าขวาอยู่อยู่ข้างหลัง ห่างจากเท้าหน้าพอถนัด
2) ท่าทางในการวิ่ง มีลักษณะดังนี้ โน้มลำตัวไปข้างหน้า ยกมือขวาขึ้นระดับหน้าผาก มือซ้ายยกขึ้นระดับเอว งอศอกขึ้นข้างหลังเล็กน้อย ท่า

ตั้งต้นก่อนออกวิ่งอีกแบบหนึ่งอาจใช้ท่าตั้งต้นแบบวิ่งระยะสั้นก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ที่ยันเท้า จุดมุ่ง
หมายของการตั้งต้นก่อนออกวิ่งแบบนี้เพื่อต้องการเร่งฝีเท้าทำสถิติและเพื่อชิงวิ่งชิดขอบใน ขณะวิ่งเข้า

ลู่ทางโค้งไม่เสียเปรียบเรื่องระยะทาง

2.1) มุมของลำตัว ลำตัวจะโน้มไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อยประมาณ 85 องศา 2.2) การก้าวเท้า ขณะก้าวเท้าไปข้างหน้าไม่ต้องยกเข่าสูงมาก ก้าวให้สม่ำเสมอปลายเท้าและเข่า

หรือเกือบตั้งตรง ศรีษะและคอเป็นเส้นตรงเดียวกับลำตัว ขณะวิ่งไม่ควร ทั้งคู่ขนานกันไปข้างหน้า ก้าวด้วยการเหวี่ยงเท้าในลักษณะสืบเท้าไปข้างหน้า ขาหลังเมื่อยกขึ้น
เกร็งส่วนใดของร่างกายเพียงแต่ประคองตัวให้นิ่งไหลส่ายเล็กน้อยไปตาม จากพื้นแล้วจะเหวี่ยงขึ้นข้างหลังตามสบาย เพื่อผ่อนคล้ายกล้ามเนื้อ
แรงเหวี่ยง ของแขน จะสังเกตว่าลำตัวทำมุมกับพื้นมากกว่าการวิ่งระยะสั้น
การวิ่งระยะกลางนี้ จังหวะความเร็วของการก้าวเท้าจะช้ากว่าการวิ่งระยะสั้นความยาวของช่วง
ก้าวก็สั้นกว่าการวิ่งระยะสั้น ความสูงของเข่าที่ยกขึ้นจากพื้นจะน้อยกว่าการวิ่งระยะสั้น การ
ออกแรงถีบเท้าสปริงขึ้นจากพื้นออกแรงน้อยกว่าการวิ่งระยะสั้น การวางเท้าลงสู่พื้นลงด้วย

อุ้งเท้าส่วนการวิ่งระยะสั้นจะลงสู้พื้นด้วยปลายเท้า

2.3) การแกว่งแขน แขนงอประมาณเกือบมุมฉาก กำมือหลวม ๆ แหว่ง
ขึ้นลงระหว่างระดับลิ้นปี่ กับสะโพก ขณะแกว่งแขนขึ้นข้างหน้าให้ตัดเฉียง
เข้าหาลำตัวเล็กน้อย ไม่เกร็งส่วนใดของร่างกาย การแกว่งแขนของการ

วิ่งระยะกลางจะแกว่งเบาและแกว่งต่ำกว่าการวิ่งระยะสั้น

2.4) การหายใจ การหายใจเข้าทางจมูกและออกทั้งทาง
จมูกและปาก ซึ่งแตกต่างกับการวิ่งระยะสั้น ซึ่งอาจกลั้น

หายใจตลอดระยะทางที่วิ่งหรือหายใจเป็นช่วง ๆ

3) การวิ่งทางโค้ง การวิ่งทางโค้งให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการวิ่ง 200 เมตร หรือ 400 เมตร แต่ความเร็วในการวิ่งระยะกลางนี้จะน้อยกว่า จึง
ทำให้แรงเหวี่ยงออกน้อยกว่า การเอนตัวเข้าหาขอบในของช่องวิ่งจึงมีน้อยกว่า ทำให้การแกว่งแขนใช้แรงน้อยลงกว่าการวิ่งระยะสั้นด้วย

วิ่งระยะไกล

ในกรีฑา ได้มีการกำหนดให้การแข่งขันวิ่งทางไกลต้องวิ่งเป็นระยะ 3 กิโลเมตร
(1.86 ไมล์) ขึ้นไป ปกติจะมีการวิ่งอยู่ 3 ประเภท คือ ลู่และลาน การวิ่งบนถนน และ

การวิ่งวิบาก ซึ่งแตกต่างตามลักษณะภูมิประเทศ ได้แก่ ลู่วิ่งราดยาง ถนน และ
สภาพตามธรรมชาติ ตามลำดับ โดยปกติการวิ่งแข่งบนลู่จะมีระยะทางตั้งแต่
3,000 เมตร ถึง 10,000 เมตร (6.2 ไมล์) ส่วนการวิ่งวิบากจะแข่งในระยะทาง
ตั้งแต่ 5 ถึง 12 กิโลเมตร (3 ถึง 7.5 ไมล์) ในขณะที่การวิ่งแข่งบนถนนอาจมีระยะ

ทางได้ยาวขึ้นถึง 100 กิโลเมตร (60 ไมล์) หรือมากกว่า การวิ่งวิบากใน
มหาวิทยาลัยที่สหรัฐอเมริกา ผู้ชายมีจะวิ่งเป็นระยะทาง 8000 เมตร ส่วนผู้หญิง
จะวิ่งเป็นระยะทาง 6000 เมตร รายการวิ่งในโอลิมปิกฤดูร้อนมีระยะทาง 5,000
เมตร 10,000 เมตร และยังมีประเภทมาราธอน (42.195 กิโลเมตร หรือ 26 ไมล์

385 หลา)

8

ก า ร วิ่ ง ผ ลั ด(relay)

การวิ่งผลัด หมายถึง การวิ่งแข่งขันตามระยะทางที่กำหนดเป็นช่วง ๆ
โดยมีผู้เข้าแข่งขันเป็นชุด ๆ แต่ละชุดมีจำนวนผู้เข้าแข่งขันเท่า ๆ กัน
ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป การวิ่งแต่ละช่วงจะมีการับส่งสิ่งของหรือคฑา
(Batkon)ต่อเนื่องกันไปจนหมดระยะทางที่กำหนดไว้

การวิ่งผลัด ประกอบด้วยการวิ่งผลัด 4 x 100 เมตร วิ่งผลัด 4 x 400
เมตร

ก. เขตส่งและรับคฑา ตามกติกาการวิ่งผลัดระยะสั้นจะมีเขตกำหนดการ
ส่งและการรับคฑาไว้ ผู้ส่งและผู้รับจะทำการเปลี่ยนการถือคฑากันมือ
ต่อมือได้ จะต้องอยู่ภายในเขต 20 เมตรเท่านั้น เขตนี้นับจากระยะทาง
เต็มขึ้นไปข้างหน้า 10 เมตร และถอยหลังลงมา 10 เมตร จึงรวมกัน
เป็น 20 เมตร แต่อนุญาตให้ผุ้รับถอยไปต่ำกว่าเขตรับส่งได้จริงอีก 10
เมตร แต่ระยะ 10 เมตรที่กล่าวนี้ผู้รับจะแตะคฑาไม่ได้ นอกจากมีไว้เพื่อ
ให้ผู้รับคฑาใช้สำหรับวิ่งเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์กับผู้ที่จะส่งให้เท่านั้น
เขตหลังนี้ผู้รับจะไม่ใช้ก็ได้ผู้ส่งเมื่อวิ่งมาถึง ช่วงระยะที่จะส่งคฑาได้ ให้
เหยียดแขนที่ถือคฑาซึ่งเป็นจังหวะที่แกว่งแขนไปข้างหน้าแล้วตีคทาลง
บนฝ่ามือของผู้รับ แล้ววิ่งต่อไปโดยชะลอฝีเท้าลงเรื่อย ๆ เมื่อผู้ส่งตี
คทาลงบนฝ่ามือแล้วผู้รับรีบกำคฑาวิ่งต่อไปทันทีข. วิธีส่งและรับคฑา

แบบงอแขนคว่ำมือ
ลักษณะท่าทางการยืนและสายตาการมองของผู้รับคทาแบบคว่ำมือให้
ปฏิบัติเช่นเดียวกับการยืนรับคทาแบบหงายมือ แต่มือขวาที่ใช้รับคฑา
ให้ยกมือขึ้นระดับเอว ปลายนิ้วหัวแม่มือแตะเอว หรือห่างเอวเล็กน้อย
นิ้วทั้งสี่เรียงชิดติดกันและกางออกจากนิ้วหัวแม่มือมาก ๆ บิดข้อมือหัน
ฝ่ามือไปข้างหลัง ปลายนิ้วทั้งหมดชี้ลงสู่พื้นเฉียงไปข้างหลังเล็กน้อย
ผู้รับคทาใช้สายตามองอยู่ที่หมายหรือตำแหน่งที่กำหนดไว้ เมื่อเท้าของ
ผู้ส่งคฑาวิ่งมาเหยียบที่หมาย ผู้รับจะหันหน้าตรงออกวิ่งอย่างเร็วโดย

ไม่มองผู้ส่งอีก ขณะวิ่งแขนซ้ายจะแกว่งไปมาตามปกติมือขวาจะไม่
แกว่งไปมา เพราะจะทำให้ผู้ส่งส่งคฑาได้ยาก ผู้ส่งเมื่อวิ่งมาถึงช่วงระยะ
ที่จะส่งคทาได้ให้เหยียดแขนที่ถือคฑา ซึ่งเป็นจังหวะที่แกว่งแขนไปข้าง
หน้าแล้วตีคฑาขึ้นไป ให้คฑาเข้าไประหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ของมือ
ผู้รับ แล้ววิ่งต่อไปโดยชะลอฝีเท้าลงเรื่อย ๆ ผู้รับเมื่อคฑาถูกมือแล้วให้

รีบกำและดึงคฑาวิ่งต่อไป

9

เ ท ค นิ ค ใ น ก า ร วิ่ ง ผ ลั ด

การวิ่งผลัดเริ่มต้นจาก วิธีถือ
คฑาตั้งต้นออกวิ่ง การออกวิ่ง
วิธีถือคฑาในขณะวิ่ง วิธีส่งและ
รับคฑา ซึ่งทักษะเหล่านี้เป็นสิ่ง
จำเป็นที่นักเรียนต้องเรียนรู้
หมั่นฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ
ทุกขั้นตอน โดยต้องประสาน
สอดคล้องกับเพื่อนร่วมทีม
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

1)วิธีถือคฑา ในช่วงตั้งต้นก่อนออกวิ่งการถือคฑาของผู้ตั้งต้นในการออกวิ่งคนแรกนั้น ท่าตั้งต้นและการออกวิ่งปฏิบัติ เช่นเดียวกับท่าตั้งต้นวิ่งระยะ
สั้นทุกประการแต่ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือต้องถือคฑาไว้ด้วย การถือคฑามีหลายแบบ แล้วแต่จะเลือกตามความถนัดของผู้เข้าแข่งขันแต่มีหลักที่ควรพิจารณา

คือคนที่ออกวิ่งด้วยเท้าขวา มักจะถือคฑาด้วยมือซ้ายหรือมือที่เหวี่ยงไปข้างหน้าในขณะที่เริ่มวิ่งก้าวแรกไม่ควรถือคฑาด้วยมือที่เหวี่ยงไปข้างหลังใน
ก้าวแรก เพราะคฑาอาจจะหลุดจากมือได้ง่ายเนื่องจากมือที่เหวี่ยงไปข้างหลังมีความแรงมากกว่าหรือคฑาอาจจะเหวี่ยงไปถูกสะโพกทำให้คฑาหลุดจาก

มือได้เช่นกัน ดังนั้นการถือคฑาด้วยมือซ้ายหรือมือที่เหวี่ยงไปข้างหน้าเมื่อใช้เท้าขวายันพื้นข้างหลังจึงได้เปรียบด้วยประการทั้งปวง

2) เทคนิคในการออกตัว ท่าตั้งต้นและการออกวิ่งของผู้ถือคฑาไม้แรกนั้น ให้ปฏิบัติเช่น 4) เทคนิคในการถือคฑาเพื่อส่งแล้วรับ วิธีถือคฑาเพื่อส่งให้ผู้รับเริ่ม
เดียวกับท่าตั้งต้น และการออกวิ่งระยะสั้นทั่วไป เพียงแต่เพิ่มการถือคฑาและระวังไม่ให้คฑา จากผู้ตั้งต้นออกวิ่งถือคฑาด้วยมือขวา วิ่งไปส่งให้ผู้รับคนที่ 2 ซึ่งยืนชิด
ชอบของช่องวิ่ง และรับคฑาด้วยมือซ้ายวิ่งไปส่งให้คนที่ 3 ซึ่งยืนชิด
ที่ถืออยู่หลุดจากมือเท่านั้น ขอบซ้ายของช่องวิ่ง และรับไม้คฑาด้วยมือขวา วิ่งไปส่งให้คนสุดท้าย
ซึ่งจะยืนชิดขอบขวาของช่องวิ่ง และรับไม้คฑาด้วยมือซ้ายวิ่งไปตลอด
3) วิธีถือคฑาในขณะวิ่งและวิธีเปลี่ยนมือถือคฑา ขณะที่วิ่งและมือถือคฑาอยู่นั้น การแกว่งแขนก็ ระยะทาง
เหมือนกับการแกว่งแขน วิ่งระยะสั้นทั่วไป แต่พยายามให้ปลายคฑาชี้ตรงไปข้างหน้าตามทางวิ่ง
เพื่อป้องกันไม่ให้คฑาถูกร่างกายและหลุดจากมือสำหรับการเปลี่ยนมือถือคทาขณะวิ่งนั้น โดย วิธีการรับ - ส่งคฑาแบบนี้นิยมใช้กันในการแข่งขันวิ่งผลัด 4 x 100
ปกติแล้วผู้ส่งคฑาด้วยมือซ้าย และผู้รับจะรับคฑาด้วยมือขวา เพราะถ้าผู้ส่งคฑาด้วยมือขวาและผู้ เมตร ทั้งนี้เพราะผู้รับไม่ต้องเปลี่ยนมือเมื่อรับคฑาได้แล้ว จึงไม่ต้อง
รับรับคฑาด้วยมือขวาเช่นกัน นอกจากทำให้การรับส่งคฑาไม่ถนัดแล้ว อาจจะทำให้ผู้รับและผู้ส่ง กังวลเรื่องไม้คฑาจะหลุดจามมือในขณะที่เปลี่ยนมือคฑา และทำให้ไม่
ชนกันเองอีกด้วย นักกรีฑาวิ่งผลัดจึงนิยมส่งคฑาด้วยมือซ้ายรับด้วยมือขวา หรือถ้าส่งคฑาด้วย เสียความเร็วในการวิ่งในช่วงของการเปลี่ยนมือถือคฑา อีกประการหนึ่ง
มือขวาต้องรับด้วยมือซ้าย ด้วยเหตุนี้จึงมีการเปลี่ยนมือถือคฑาในขณะที่วิ่ง การเปลี่ยนมือถือ ผู้ส่งคนที่ 1 สามารถวิ่งชิดขอบในของช่องวิ่งได้ตลอดระยะทาง ส่วนคน
คฑานี้จะทำในช่วงขณะที่เหวี่ยงแขนสลับกันพอดี การเปลี่ยนมือถือคทาจากมือขวามาถือด้วยมือ ที่ 2 และคนที่ 4 ก็สามารถวิ่งชิดขอบนอกได้โดยไม่เสียระยะทางเพราะ
ซ้ายจึงกระทำในช่วงขณะที่เหวี่ยงแขนขวาขึ้นไปข้างหน้าแล้วกำลัง จะเหวี่ยงแขนขวากลับมาข้าง เป็นทางวิ่งตรง และผู้รับคนที่ 3 ซึ่งวิ่งทางโค้งก็สามารถวิ่งชิดขอบใน
หลัง ซึ่งในช่วงนี้แขนซ้ายกำลังเหวี่ยงขึ้นไปข้างหน้าสลับกันกับแขนขวา มือขวาก็จะส่งคฑาให้มือ ของช่องวิ่งได้ตลอดระยะทาง สำหรับการวิ่งผลัดประเภทอื่นก็สามารถ
ซ้ายจับกำไว้ทันที โดยไม่ให้เสียจังหวะการวิ่งอนึ่ง การส่งและการรับคฑาสำหรับวิ่งผลัดระยะสั้น ปรับปรุง หรือดัดแปลงให้เหมาะสมและสอดคล้องกับการวิ่งผลัด
ผู้รับอาจไม่ต้องเปลี่ยนมือหลังจากรับแล้วก็ได้ เช่น เมื่อรับคฑาด้วยมือขวา ก็ถือคฑาด้วยมือขวา ประเภทนั้น ๆ ได้ตามความเหมาะสมเช่นกัน
ไปตลอดทาง แล้วส่งให้มือซ้ายของผู้รับคนหน้าต่อไป สลับกันไปจนถึงคนสุดท้าย แต่พึงเข้าใจว่า

นักกรีฑาถนัดไม่เหมือนกันหมดทุกคน จึงต้องฝึกซ้อมและเลือกแบบที่ถนัดที่สุด และมีความ
สัมพันธ์กันอย่างดี

10

(HURDLE)

วิ่งข้ามรั้ว

การวิ่งข้ามรั้ว หมายถึง การวิ่งที่ต้องวิ่ง
ไปตามลู่วิ่งและกระโดดข้ามรั้วตามระยะ
ทาง และความสูงของรั้วที่กำหนดไว้ ซึ่ง
ระยะทางมาตรฐานที่ใช้ในการแข่งขัน มี
ดังนี้

ชาย 110 เมตร และ 400 เมตร
หญิง 100 เมตร และ 400 เมตร

 เทคนิคในการวิ่งข้ามรั้ว การวิ่งข้ามรั้ว ประกอบด้วยท่าตั้งต้นและการออก
วิ่ง ลักษณะการจรดเท้ากระโดด ลักษณะของเท้านำ ลักษณะของลำตัวและ
แขน ลักษณะของเท้าตาม ท่าลงสู่พื้นและการเข้าเส้นชัย ทักษะเหล่านี้เป็นพื้น
ฐานที่นักเรียนต้องเรียนรู้ โดยมีเทคนิคดังนี้

1) ท่าตั้งต้นก่อนออกวิ่งและการออกวิ่ง ท่าตั้งต้นและการออก ก. ประเภท 100 เมตร ควรวิ่ง 10 ก้าว ก้าวที่ 11 เป็นก้าวข้ามรั้ว (สำหรับ
วิ่งให้ปฏิบัติเหมือนกับการตั้งต้นออกวิ่งระยะสั้น แต่เนื่องจาก คนทีใช้เท้าขวาแตะนำ แต่เวลาเริ่มต้นใช้เท้าซ้ายไว้ข้างหลังนั้นก็วิ่ง 9
ระยะทางจากเส้นเริ่มไปยังรั้วที่ 1 และรั้วอื่น ๆ ถูกกำหนดไว้ ก้าว หรือ 11 ก้าว และก้าวที่ 10 หรือก้าวที่ 12 เป็นก้าวข้าม) จำนวนก้าว
ตายตัว จึงมีสิ่งที่ผู้วิ่งต้องปฏิบัติแตกต่างไปจากวิ่งระยะสั้น ระหว่างรั้วควรฝึก 7 ก้าว ก้าวที่ 8 เป็นก้าวข้ามรั้ว แต่ถ้าเป็นคนร่างเตี้ย
ธรรมดาธรรมดา ซึ่งพอสรุปได้ 2 ประการ ดังนี้ และช่วงก้าวสั้น อาจใช้ 9 ก้าว ก้าวที่ 10 เป็นก้าวข้ามระยะหลังรั้วสุดท้าย

ประการแรก การวางเท้าขณะเข้าที่ตั้งต้น อาจจะต้องสลับเท้า ถึงเส้นชัยไม่จำกัด
ไว้ข้างหน้าหรือข้างหลัง เพื่อให้เท้าที่ถนัดเป็นเท้าที่กระโดด จำนวนก้าวให้ใช้กำลังที่เหลือ เร่งฝีเท้าให้เต็มที่เข้าสู้เส้นชัย
ข้ามรั้ว
ข.ประเภท 400 เมตร จากเส้นเริ่มถึงรั้วแรกควรฝึกวิ่ง 24 ก้าว ก้าวที่ 25
ประการที่สอง การวิ่งข้มรั้วนักวิ่งจะต้องรีบตั้งตัวให้มุมของ เป็นก้าวลอยข้ามรั้ว ระยะทางวิ่งระหว่างรั้ว ควรฝึกวิ่ง 15 ก้าว ก้าวที่ 16
ลำตัวสูงกว่าการวิ่งระยะธรรมดา เพื่อให้การจรดเท้ากระโดด เป็นก้าวลอยข้ามรั้ว (สำหรับคนเตี้ยก้าวสั้น อาจเพิ่มจำนวนก้าวขึ้นอีก 2
ข้ามรัวได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งการออกวิ่งสายตาจะมองไปข้าง
หน้าเส้นเริ่ม และเมื่อออกวิ่งไปได้ประมาณ 5 ก้าวจึงมองตรง ก้าวก็ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าไม่มีการซอยเท้าหรือหยุดชะงัก)
ไปที่รั้ว ซึ่งจำนวนก้าวจากเส้นเริ่มถึงรั้วแรกและจำนวนก้าว
ระหว่างรั้วประเภทรั้วต่ำ มีดังนี้

11

2) เทคนิคการจรดเท้ากระโดด เท้าที่จรดพื้นก่อน
กระโดดนี้ต้องให้ปลายเท้าชี้ตรงไปข้างหน้าและปลาย
เท้าจะอยู่ห่างจากรั้วประมาณ 7-8 ฟุตเป็นอย่างน้อย

เท้าที่จรดพื้นต้องเหยียดเข่าและสปริงข้อเท้าขึ้น
อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดแรงส่งตัวพุ่งไปข้างหน้า

3) เทคนิคการควบคุมเท้านำ เท้าข้างที่ยกแตะขึ้นข้ามรั้วเรียกว่า “ เท้านำ” โดยยกเข่าขึ้นให้ขา
ท่อนบนขนานกับพื้น เข่างอแล้วเหยียดขาออก ตั้งปลายเท้าขึ้นไปข้างหน้าเหนือระดับรั้ว

4) เทคนิคการควบคุมลำตัวและแขน ขณะที่กระโดดลอยตัวอยู่เหนือรั้ว ซึ่งเป็นรั้วต่ำนี้ ไม่ต้องก้มลำตัวลง
มาก ไม่ต้องยกเข่าขึ้นสูงมาก ถ้าสามารถก้าวข้ามไปเลยยิ่งดี เพราะไม่ต้องเสียเวลาลอยตัว ลักษณะของลำ

ตัวจะโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นรั้วสูงจะต้องโน้มลำตัวไปข้างหน้าให้มากที่สุด ศีรษะจะก้มลงข้าง
หน้าเล็กน้อย แขนข้างตรงกันข้ามกับเท้านำจะเหวี่ยงไปข้างหน้าพร้อมกับเท้านำ หันฝ่ามือลงสู่พื้น ข้อศอก

งอขึ้นเกือบเสมอแนวไหล่ ขาเตะขึ้นเฉียดรั้วให้มากที่สุด

5) เทคนิคการควบคุมเท้าตาม เท้าข้างที่กระตุกเข่าขึ้นหลังเท้านำ
เรียกว่า “ เท้าตาม” คือ เท้าข้างที่จรดพื้นก่อนข้ามรั้วนั่นเอง เท้าข้าง
ต่ำจรดพื้น เมื่อสปริงส่งตัวขึ้นสูงสุดแล้ว ให้กระตุกเข่าขึ้นมาจนเป็น
มุมฉากกับขาท่อนบน ปลายเท้าชี้ออกข้างลำตัว เข่าและข้อเท้าอยู่ใน

แนวเดียวกัน ลักษณะคล้ายกับท่าพับเพียบ

6) เทคนิคการลงสู่พื้น เมื่อเท้านำเลยระดับรั้วไปแล้ว ให้กดฝ่าเท้าลงสู้พื้นโดยเร็วและแรง ตาม
ปกติเท้านำจะลงสู่พื้นรั้วห่างออกไปประมาณ 4-5 ฟุต เมื่อเท้านำแตะพื้นแล้วให้รีบกระตุกแขนให้

แกว่งสลับกับเท้า เตรียมออกวิ่งต่อไปลักษณะท่าทางการลงสู่พื้นเมื่อเท้านำแตะพื้นแล้วให้รีบ
กระตุกเข่าตามไปข้างหน้าพร้อมกับการกระตุกแขนแกว่งสลับกับเท้าเพื่อเตรียมวิ่งต่อไป

7) เทคนิคการวิ่งเข้าเส้นชัย การวิ่งเข้าเส้นชัยให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการวิ่งระยะสั้นเพราะระยะทาง
หลังรั้วสุดท้ายถึงเส้นชัยไม่จำกัดจำนวนก้าว ให้ใช้กำลังที่เหลือเร่งฝีเท้าให้เต็มที่พุ่งตัวเข้าสู่เส้นชัย

ในลักษณะท่าทางที่ตนถนัด

กรีฑาประเภทลาน (Field Events)

12

ก รีฑ า ป ร ะ เ ภ ท ล า น

(Field Events)

กรีฑาประเภทลาน ประกอบด้วยการวิ่งกระโดดไกล การวิ่งกระโดดสูง การทุ่มน้ำหนัก การขว้างจักร และการ
พุ่งแหลน แต่ละประเภทต้องอาศัยทักษะที่แตกต่างกัน โดยการวิ่งกระโดดไกล ระบบการทำงานของร่างกาย

ระหว่างประสาทและกล้ามเนื้อต้องมีความสัมพันธ์กัน จะช่วยให้สามารถบังคับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้
อย่างนิ่มนวลและถูกต้องตามจังหวะที่ต้องการ การวิ่งกระโดดสูงต้องรู้จักจังหวะการกระโดด การสปริงตัว
ขึ้น การลอยตัวในอากาศ และการลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัย การทุ่มลูกน้ำหนักต้องรู้จักการทรงตัว การกระ

โดดได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว และการใช้แรงส่งลูกน้ำหนักให้ไปไกลที่สุด การขว้างจักรต้องอาศัยการ
เหวี่ยงตัว และจังหวะที่ดีในการเหวี่ยงจักร รวมทั้งต้องมีความรวดเร็วว่องไว ประสาทและทักษะในการ
เคลื่อนไหวดี การพุ่งปล่อยแหลนออกไปในท่าที่ถูกต้องรู้จักจังหวะการวิ่ง การบังคับแหลนควรเรียนรู้

ทำความเข้าใจ และฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ

ก รี ฑ า ป ร ะ เ ภ ท ล า น ส า ม า ร ถ แ บ่ ง 13
ได้เป็น 2 ประเภท ประเภทละ 4

รายการ ดังนี้

ประเภทกระโดด (Jumping Events)

กระโดดสูง (High Jump) กระโดดค้ำ (Pole Vault)

กระโดดไกล (Long Jump) เขย่งก้าวกระโดด (Triple Jump)

ประเภทขว้าง (Throwing Events)

ทุ่มลูกน้ำหนัก (Putting The Shot) ขว้างจักร (Discus)

พุ่งแหลน (Javelin) ขว้างค้อน (Hammer)

14

กระโดดสูง (HIGH JUMP)

กระโดดสูง (HIGH JUMP)

กระโดดสูง(High jump)การกระโดด
สูง เป็นกรีฑาประเภทลานที่มีลักษณะ
ของรูปแบบในการเคลื่อนไหวเพื่อ
กระโดดมากที่สุด จุดมุ่งหมายของ
การกระโดดสูงคือการที่นักกรีฑา
สามารถกระโดดลอยตัวข้ามไม้พาด
โดยไม่ทำให้ไม้หล่น

การกระโดดแบบ western form การวิ่งกระโดดสูงท่า Fosbury Flop

การกำหนดก้าววิ่ง มุมของทางวิ่งประมาณ 45 องศากับไม้พาด การวิ่งก่อนกระโดด จะมีทางวิ่งประกอบด้วยส่วนที่เป็นทางตรงกับ
จำนวนก้าว 8 ก้าว ระยะทางวิ่งประมาณ 37-41 ฟุต เมื่อวิ่งมาถึงจุด ส่วนที่เป็นทางโค้ง ให้ส่วนที่วิ่งเป็นทางตรง 3-6 ก้าว ส่วนที่วิ่งเป็น
กระโดดต้องจดเท้าลงในลักษณะเตรียมสปริงตัว ในก้าวที่ 8 ให้ก้าว ทางโค้งอีก 4-5 ก้าว การวิ่งในทางตรงลำตัวต้องยืดตรงและเพิ่ม
ยาวกว่าปกติและเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย น้ำหนักตัวอยู่เหนือจุด ความเร็วการวิ่ง เอนตัวเข้าทางโค้งระหว่างวิ่งทาง โค้งขณะที่วิ่งก่อน
กระโดด ช่วงก้าวสุดท้ายให้สั้นกว่าปกติเล็กน้อย แล้วกระโดดอย่าง
กระโดดแล้วเหวี่ยงเท้าขวาขึ้นข้างบนและไปข้างหน้า แขนทั้งสอง รวดเร็ว เหวี่ยงขาให้ขาท่อนบนสูงขนานพื้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับ
เหวี่ยงขึ้นข้างบนพร้อม ๆ กัน ปลายเท้าซ้ายเขย่งขึ้นเต็มที่ เมื่อตัว เหวี่ยงแขนทั้งสองขึ้นให้กำปั้ นสูงในระดับศีรษะเมื่อลอยตัวข้ามไม้
ลอยขึ้นจากพื้นให้ดึงขาซ้ายขึ้นสู่ระดับเหนือไม้พาด เท้าขวาเหยียด พาด เหวี่ยงแขนซ้ายที่เป็นแขนนำข้ามไม้พาดไปก่อน และยกสะโพก
ออก แขนทั้งสองเหยียดไปข้างหน้า ลำตัวตะแคงลงทางด้านซ้าย
ขนานกับไม้พาด เมื่อลำตัวลอยสูงสุดให้ตวัดขาขวาลงลำตัวจะพลิก ขึ้นระหว่างที่กำลังผ่านไม้พาด
คว่ำ และข้ามไม้พาดไป ลงสู่พื้นด้วยเท้าซ้ายพร้อมกับมือทั้งสอง เก็บคางชิดอกและเหยียดขาทั้งสองข้างขึ้น




การกระโดดแบบ western form การวิ่งกระโดดสูงท่า Fosbury Flop

15

กระโดดไกล (LONG JUMP)

กระโดดไกล (LONG JUMP)

กระโดดไกล(Long jump) คือ การก
ระโดดออกจากจุดกระโดดไปให้ไกล
ที่สุดด้วยความเร็วและความสูงพอที่จะ
ปรับตัวในการลงสูงพื้นได้
อย่างมีจังหวะพอดี ซึ่งเป็น การ
เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องสัมพันธ์กัน
ตั้งแต่เริ่มวิ่งก้าวแรกจนถึงลงสู่พื้น

เทคนิคการกระโดดไกล ในช่วงลอยตัว นักกีฬาแต่ละคนก็มีเทคนิคที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งหลักๆก็จะมี
เทคนิคที่เรียกว่า Hang นักกีฬาจะคงลักษณะเหมือนถูก “แขวน” อยู่กลาง
การกระโดดไกลแบ่งออกเป็นสี่องค์ประกอบใหญ่ๆ คือ ช่วงวิ่ง ช่วงกระโดด ช่วงลอยตัว และช่วง อากาศ เทคนิค Sail คือเทคนิคที่แปลได้ตรงตัวเลยค่ะ คือนักกีฬาจะ
ลงพื้น เหมือน “ล่อง” ไปกลางอากาศโดยเอาสะโพกนำไปก่อน หรือเทคนิค Hitch
Kick ซึ่งนักกีฬาจะทำท่าแกว่งขาเหมือนวิ่งอยู่กลางอากาศ จริงๆแล้วขั้น
ในช่วงวิ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความคงเส้นคงวา คุณต้องฝึกให้โดดออกจากแผ่นบอร์ดใน ตอนที่อยู่กลางอากาศนี้ทางเทคนิค เป็นขึ้นตอนที่สำคัญน้อยที่สุด เพราะ
ตำแหน่งเดิมทุกครั้งที่คุณกระโดด และสิ่งสำคัญอันดับสองคือความเร็ว คุณต้องพยายามเร่ง คุณอยู่กลางอากาศแล้ว คุณก็แค่ต้องพยายามที่จะลอยตัวอยู่ให้ได้นาน
ความเร็วตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนเมื่อถึงจุดสิ้นสุดหรือตรงแผ่นบอร์ดนั้น ความเร็วของคุณต้องสูง ที่สุด
ที่สุดแล้ว หมายความว่าแรงเคลื่อนที่ต้องเร็วขึ้นเรื่อยๆอย่างคงที่ นอกจากนี้ คุณต้องมีพละ
กำลังอย่างมากในการที่จะเปลี่ยนความเร็วในการวิ่งมาเป็นพลังในการกระโดด ช่วงลงพื้นนี้เป็นช่วงที่สำคัญต่อการตัดสินแพ้ชนะได้ เพราะคุณอาจ
ทำความยาวได้อีกครึ่งเมตรถึงหนึ่งเมตร ขั้นตอนนี้เป็นช่วงการเหยียดขา
ในช่วงกระโดด มันสำคัญมากที่คุณจะต้องกระโดดออกจากแผ่นบอร์ดพอดี แต่ก่อนจะถึงจุดนี้ (Leg Shoot) จะเป็นประโยชน์ ในช่วงนี้คุณต้องงอปลายเท้าเข้าหาตัว เอา
เป็นเป็นช่วงที่เราเรียกว่า “Amortization Phase” คือเป็นช่วงที่คุณต้องย่อสะโพกลงนิดหน่อย ศีรษะเอนเข้าหาเข่า จากนั้นขณะที่ลงสู่พื้นทราย พยายามดึงลำตัวของคุณ
เพื่อเปลี่ยนความเร็วจากการวิ่งให้เป็นพลังที่จะดีดตัวขึ้นไปในช่วงกะโดด พอถึงจุดนี้ คุณต้องเอา เข้าหาส้นเท้าให้ได้มากที่สุด สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดและอาจจะทำให้คุณแพ้
ขาข้างที่ไม่ได้ใช้กระโดด (Free Knee, None Take-off Leg) กวาดมาไว้ข้างหน้า เพื่อช่วย หรือชนะการแข่งกระโดดไกลได้เลยทีเดียว
เปลี่ยนแรงกระโดดจากแนวตั้งมาเป็นแนวนอน

16 เขย่งก้าวกระโดด(Triple jump)

เขย่งก้าวกระโดด(Triple jump)

เป็นกีฬากรีฑา คล้ายกับการกระโดดไกลแต่เริ่มจากการวิ่ง เขย่ง ก้าว แล้วกระโดด ลงผืน
ทราย กีฬาเขย่งก้าวกระโดดเริ่มมีมาตั้งแต่การแข่งขันโอลิมปิกโบราณ และมีแข่งขันในกีฬา

โอลิมปิกสมัยใหม่ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี ค.ศ.1896
สถิติโลกปัจจุบัน ฝ่ายชายคือโจนาทาน เอดเวิดส์ จากบริเตนใหญ่กับสถิติ
กระโดด 18.29 เมตร (60 ฟุต) และฝ่ายหญิงคือ อีเนสซ่า คราเวตส์ จากยูเครน

กระโดดได้ 15.5 เมตร (51 ฟุต)

เทคนิคของการเขย่งก้าวกระโดด มี 5 ขั้น คือ
1.การวิ่งก่อนกระโดด
2.การเขย่ง
3.การก้าว
4.การกระโดด
5.การลงสู่พื้น

17

กระโดดค้ำ (Pole Vault)

การแข่งขันกระโดดค้ำถ่อเป็นการ
แข่งขันกรีฑาประเภทลานที่ใช้ทักษะ
การแข่งขันทั้งทักษะการวิ่ง การกระ
โดด และต้องมีแรงในกระกระทำทาง
แขนเป็นอย่างมากสำหรับกติกาการ
แข่งกระโดดค้ำถ่อ หากกระโดดไม่
ผ่าน 3 ครั้งถือว่าหมดสิทธิ์ ห้ามใช้
ผ้ายางพันมือหรือนิ้วมือ ยกเว้นบาด
เจ็บ โดยจะเลือกการแข่งขันในขั้นที่
ดีที่สุดถือว่าเป็นสถิติ

อุปกรณ์การแข่งขันกระโดดค้ำถ่อ
- เสาตั้งกระโดดและพุกวางไม้ค้ำ
- ไม้พาด
- ไม้ค้ำของกลาง
- เบาะรองรับ
- รางกระโดดค้ำ
- ไม้ส่งสำหรับวางไม้พาดกระโดดค้ำ
- รางกระโดดค้ำ

18 การทุ่มลูกน้ำหนักเป็นกรีฑา
ประเภทลานอีกชนิดหนึ่ง ผู้เล่น
ทุ่ มลูกน้ำหนัก หรือผู้แข่งขันแต่ละคนจะต้อง
ลูกน้ำหนักที่มีน้ำหนักเท่าๆกัน
(Shot Putting ) ภายในพื้นที่วงกลมที่ราบเรียบ
ตามกติกากำหนดไว้ โดยทุ่มตรง

ออกไปข้างหน้า ผู้ที่ทุ่มได้ไกลที่สุด
เป็นผู้ชนะ
เทคนิคในการทุ่มลูกน้ำหนักการทุ่มน้ำหนัก
มีทั้งการยืนอยู่กับที่ทุ่มลูกน้ำหนักและการ
เคลื่อนที่ทุ่มน้ำหนัก จะขอยกตัวอย่างการ
ทุ่มน้ำหนักแบบอยู่กับที่ การยืนอยู่กับที่ทุ่ม

ลูกน้ำหนักมีเทคนิคดังนี้
1)การถือลูกน้ำหนัก การถือลูกน้ำหนักที่ี่
ถูกต้องตามวิธีการ มีส่วนช่วยในการทุ่ม

ลูกน้ำหนักไปข้างหน้าได้ไกลขึ้น
2)การยืนเตรียมทุ่ม การแข่งขันทุ่ม
ลูกน้ำหนักผู้ทุ่มต้องยืนและทุ่มภายใน
วงกลมตามกติกากำหนดไว้ สมมุติว่าทุ่ม
ด้วยมือขวา เริ่มต้นด้วยการหยิบลูกน้ำ
หนักด้วยมือซ้าย(เพื่อสงวนกำลังของ
มือขวาไว้) วางลงบนมือขวาถือลูกน้ำหนัก
วางทาบที่ใต้ขากรรไกร คือระหว่างคอกับ
ไหล่ หันฝ่ามือไปข้างหน้าใช้แก้มแนบ
กระชับไว้ตลอดแขนจนถึงปลายนิ้ว ไม่
เกร็ง แบะข้อศอก ยืนหันข้างซ้ายให้
ทิศทางที่จะทุ่มเหยียบแขนข้างที่ไม่ได้ทุ่ม
ไปข้างหน้า มือสูงกว่าระดับไหล่ เท้าขวา
แยกห่างจากเท้าซ้ายประมาณ 1 ช่วงไหล่

ปลายเท้าขนานกัน
3)การเคลื่อนไหวก่อนทุ่ม เมื่อยืนเตรียม
พร้อมแล้วให้โน้มตัวไปหาเท้าขวา ย่อเข่า
ขวางอแขนซ้ายมาด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่
บนเท้าขวา ยกส้นเท้าซ้ายขึ้นเล็กน้อย
พร้อมกับบิดไหล่ สะเอวข้างขวาต่ำลง ให้
ลูกน้ำหนัก เข่า และปลายเท้าขวาอยู่บน

เส้นดิ่งเดียวกัน
4)การทุ่ม เริ่มจากการโล้น้ำหนักตัวไป
ยังทิศทางที่จะทุ่ม พร้อมกับเหยียดเข่าขวา
ขึ้น บิดไหล่ สะเอว แอ่นหน้าอกและดัน
ลูกน้ำหนักออกจากซอกคอเฉียดปลายคาง
ไปข้างหาหน้าทำมุม 45 องศา เหยียดแขน
ดันลูกน้ำหนักไปให้สุดแขนอย่างแรงและ
ส่งตามด้วยเท้าขวาโดยฉับพลันขณะ
เดียวกันแขนซ้ายและไหล่ซ้ายจะเหวี่ยง

กลับไปข้างหลัง
5)การทรงตัวหลังการทุ่ม เมื่อทุ่มลูกน้ำ
หนักไปแล้วให้กระโดดลอยตัวด้วยแรงส่ง
ของเท้าขวา โดยใช้เท้าก้าวไปในลักษณะ
กระโดดเล็กน้อยแทนที่เท้าซ้าย แล้วลงสู่
พื้นด้วยปลายเท้าขวาพร้อมกับย่อเข่า แขน
ซ้ายที่เหวี่ยงไปข้างหลังกางออกเล็กน้อย
เพื่อช่วยในการทรงตัว ตามองลูกน้ำหนักที่

ทุ่มไป

กติกาการแข่งขันเบื้องต้น

ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเริ่มต้นทุ่มจากท่านิ่งภายในวงกลม ไม่อนุญาตให้วิ่งหรือกระโดดเข้าไปในวงกลม แต่อนุโลมให้ผู้แข่งขันสัมผัสกับด้านในของขอบวงกลม และกระดานหยุดได้ ลูกน้ำหนัก
จะทุ่มออกไปจากไหล่ ด้วยมือข้างเดียวเท่านั้น เมื่อผู้เข้าแข่งขันยืนเพื่อเตรียมทุ่มในวงกลม ลูกน้ำหนักจะติดอยู่ที่คอหรือคางและมือต้องไม่ลดต่ำไปกว่านี้ ในขณะที่ทุ่มออกไป ห้ามเงื้อลูกน้ำ
หนักออกจนเลยแนวไหล่ ห้ามใช้เครื่องช่วยใด ๆ เช่น ใช้เทปพันนิ้วมือ 2 นิ้วหรือมากกว่าเข้าด้วยกัน เว้นแต่ในกรณีที่ใช้เพื่อปิดบาดแผลเท่านั้น ห้ามสวมถุงมือทำการแข่งขัน เพื่อช่วยให้จับ

ลูกน้ำหนักได้ดีขั้น ผู้เข้าแข่งขันสามารถใช้สารที่คณะกรรมการระบุว่าไม่ผิดกติกาทาบนฝ่ามือได้ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ข้อมือ ผู้เข้าแข่งขันใช้ผ้าพันยึดที่ข้อมือได้ เพื่อป้องกันการบาด
เจ็บที่กระดูกสันหลัง อนุญาตให้ผู้เข้าแข่งขันอาจคาดเข็มขัดหนังหรือวัสดุอื่นที่เหมาะสมได้ ผู้เข้าแข่งขันจะฉีดหรือโรยสารใด ๆ ลงในบริเวณวงกลมหรือบนพื้นรองเท้าของตนเองไม่ได้ ถือ

เป็นการผิดกติกา ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายสัมผัสกับขอบบนของวงกลมขอบบนของที่ยันเท้าหรือพื้นนอกวงกลม ในการแข่งขันผู้เข้าแข่งขันจะขอหยุดการแข่งขันก็ได้ แม้ว่าจะเริ่ม
ไปแล้วก็ตามโดยวางลูกทุ่มน้ำหนักลงภายนอกหรือภายในวงกลมก็ได้ หรือถ้าจะเดินออกจากวงกลมให้ก้าวเท้าออกทางด้านหลัง จากนั้นจะกลับเข้าไปในวงกลมในท่านิ่งและเริ่มต้นทำการ

แข่งขันต่อไปก็ได้ ผลการแข่งขันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ ลูกทุ่มน้ำหนักที่ทุ่มไปจะต้องตกลงอย่างสมบูรณ์ ภายในขอบด้านในของรัศมีของการทุ่ม ผู้เข้าแข่งขันจะออกจากวงกลมไม่ได้

จนกว่าลูกน้ำหนักจะตกถึงพื้นแล้ว โดยออกทางครึ่งหลังซึ่งมีเส้นสีขาวเขียนไว้ เส้นนี้จะต่อจากเส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลมออกไปนอกวงกลมทั้งสองข้าง ลูกน้ำหนักที่ทุ่มไปแล้วต้องถือ
กลับมาที่วงกลม ห้ามทุ่มกลับมา

19

ขว้างจักร (Discus)

การขว้างจักรเป็นกรีฑาประเภทลาน เทคนิคในการขว้างจักร การขว้างจักร
อีกชนิดหนึ่ง ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน มีทั้งการยืนอยู่กับที่ และการหมุนตัว
ต้องขว้างจักรออกจากพื้นที่ภายใน
วงกลมให้จักรไปตามทิศทางตาม ขว้างจักรมีเทคนิคดังนี้
กติกากำหนดไว้ ผู้ที่ขว้างจักรได้ไกล 1.1)การจับจักร การจับจักรก่อนขว้าง
ควรเลือกจับจักรตามความถนัดความ
ที่สุดเป็นผู้ชนะ ยาว และ ความแข็งแรงของนิ้วมือ
1.2)การยืนเตรียมตัวก่อนขว้างจักร
ตามปกติผู้แข่งขันขว้างจักรจะต้อง

เข้าไปยืนอยู่ในพื้นที่ของ
วงกลมตามที่กติกากำหนดไว้ แต่
สำหรับการเรียนของนักเรียนอาจจะ
ขีดเส้นหรือทำเครื่องหมายที่เริ่มขว้าง
จักรไว้ก็เพียงพอแล้ว ถ้าจับจักรด้วย
มือขวา ให้ยืนหันไหล่ซ้ายไปในทิศทาง
ที่จะขว้าง เท้าซ้ายอยู่ชิดขอบในด้าน
หน้าวงกลม เท้าขวาแยกห่างจากเท้า

ซ้ายประมาณ 1 ช่วงไหล่
1.3)การเหวี่ยงจักร การเหวี่ยงจักร
ควรฝึกหัดเหวี่ยงจักรอยู่กับที่ผ่านหน้า
ไปมาในลักษณะคว่ำมือให้คล่องแคล่ว
โดยไม่เกร็ง ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
จนสามารถบังคับจักรได้ดีโดยไม่รู้สึก
ว่าจักรหลุดออกจากมือไปเสียก่อน
อาจใช้สายหนังรัดจักรติดกับมือแล้ว
เหวี่ยงผ่านหน้าไปมา ฝึกทำหลาย ๆ
ครั้ง จนเกิดความเคยชินกับจักร
1.4)การปล่อยจักร เมื่อเริ่มเหวี่ยงจักร
ไปข้างหลังให้ย่อเข่าทั้งสองลง เข่าขวา
จะแบะออก พร้อมกับบิดลำตัวตามไป
เล็กน้อย จักรเหวี่ยงไปข้างหลังสูง
ระดับไหล่ และคว่ำฝ่ามือ เมื่อสุดจังหวะ
ที่เหวี่ยงไปข้างหลังแล้วให้เริ่มขว้าง
จักร โดยเหยียดเท้าขวาและเท้าซ้าย
(อาจก้าวเท้าซ้ายเฉียงไปข้างหน้า
ประมาณครึ่งก้าว) พร้อมกับเหวี่ยง

จักรไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วใน
ลักษณะคว่ำฝ่ามือ โดยใช้กำลังส่งจาก

การบิดไหล่ สะโพก แขนตึง แอ่น
หน้าอก แขนซ้ายและไกล่ซ้ายต้อง
หมุน พร้อมทั้งวาดแขนซ้ายไปข้าง
หลัง จักรจะทำมุมเหวี่ยงเฉียงขึ้นข้าง
หน้าประมาณ 30 องศา เมื่อจักรมาถึง
ระดับหน้าก็ปล่อยทำมุมขึ้นไปประมาณ
40 องศา ซึ่งอาศัยแรงช่วยส่งจาก
ปลายเท้าขวา การบิดไหล่และสะโพก
1.5)การทรงตัวเมื่อขว้างจักรไปแล้ว
เมื่อปล่อยจักรหลุดจากมือไปแล้วให้
ก้าวเท้าขวามาแทนเท้าซ้ายทันที อาจ
ใช้การกระโดดเปลี่ยนเท้ามาข้างหน้า

ก็ได้

กติกาการแข่งขันเบื้องต้น
ผู้เข้าแข่งขันจะใช้ท่าใดขว้างจักรก็ได้ หรือจะหมุนตัวกี่รอบก็ได้ ถ้าการกระทำนั้นไม่ผิดกติกา แต่จักรจะต้องขว้างออกไปจากวงกลมและเริ่มต้นขว้างจากท่านิ่ง อนุญาตให้ผู้เข้าแข่งขัน
สัมผัสขอบด้านในของวงกลมได้ ห้ามใช้เครื่องช่วยเหลือใด ๆ เช่น ใช้เทปพันนิ้วมือ 2 นิ้ว หรือมากกว่าเข้าด้วยกัน ไม่อนุญาตให้ใช้เทปพันมือนอกจากในกรณีที่ใช้ปิดบาดแผลเท่านั้น ห้าม
สวมถุงมือทำการแข่งขัน เพื่อช่วยให้การจักจักรได้ดีขึ้นผู้เข้าแข่งขันสามารถใช้สารที่ไม่ผิดกติกาทาบนมือได้ เพื่อป้องกันกระดูกสันหลังบาดเจ็บผู้เข้าแข่งขันอาจคาดเข็มขัดหนังหรือวัสดุ
อื่นที่เหมาะสมได้ ห้ามผู้เข้าแข่งขันโรยสารใด ๆ ลงบนวงกลมหรือบนพื้นรองเท้า

การขว้างจักรที่ผิดกติกา คือ หลังจากที่ผู้เข้าแข่งขันได้ก้าวเข้าไปในวงกลม และทำการขว้างจักรออกไปแล้ว ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายสัมผัสขอบวงกลม ในการแข่งขันนั้นผู้เข้า
แข่งขันจะหยุดการแข่งขัน หรือออกไปจากวงกลมก็ได้ เมื่อออกจากวงกลมจะต้องก้าวออกข้างหลัง จากนั้นจะกลับเข้ามาอยู่ในทางนิ่ง และเริ่มต้นการแข่งขันใหม่อีกครั้ง การแข่งขันที่ได้
ผลนั้นจักรจะต้องตกอย่างสมบูรณ์ในขอบในของรัศมีการขว้างเท่านั้น การแข่งขันจะออกจากวงกลมไม่ได้จนกว่าจักรจะตกพื้นดินเรียบร้อยแล้ว เมื่อออกจากวงกลมจะต้องออกทางครึ่ง
หลัง ซึ่งมีเส้นสีขาวเป็นเส้นกำหนดเขต เส้นนี้ต่อออกจากด้านนอกของวงกลมโดยต่อจากเส้นผ่านศูนย์กลาง จักรที่ขว้างไปแล้วจะต้องถือกลับมาที่วงกลม ห้ามขว้างกลับมา

20

ข ว้ า ง ค้ อ น
(HAMMER)

ขว้างค้อนเป็นหนึ่งในสี่เหตุการณ์ขว้างปา
ในปกติเขตข้อมูลและติดตามการแข่งขัน
พร้อมกับขว้าง , ใส่ยิงและหอก "ค้อน" ที่ใช้
ในกีฬาชนิดนี้ไม่เหมือนกับเครื่องมือใด ๆ ที่
เรียกกันในชื่อนั้น ประกอบด้วยลูกโลหะที่ยึด
ด้วยลวดเหล็กเข้ากับด้ามจับ ขนาดของ
ลูกบอลจะแตกต่างกันไปตามการแข่งขัน
ชายและหญิง

Shown here:
Y7 Students

ค้อนมีวิวัฒนาการมาจากต้นกำเนิดที่ไม่เป็นทางการ การขว้างปาเกี่ยวข้องกับการแกว่งสองรอบจาก
ในยุคแรกๆ เพื่อกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเกม ตำแหน่งนิ่ง จากนั้นสาม สี่หรือห้ารอบของร่างกาย
ที่ราบสูงสก็อต แลนด์ในปลายศตวรรษที่ 18 ซึ่งงาน ในการเคลื่อนไหวเป็นวงกลมโดยใช้การเคลื่อนไหว
เวอร์ชันดั้งเดิมยังคงมีการโต้แย้งกันจนถึงทุกวันนี้ ส้นเท้า-นิ้วเท้าที่ซับซ้อน ลูกบอลเคลื่อนที่เป็น
วงกลม ค่อยๆ เพิ่มความเร็วในแต่ละครั้งโดยให้จุด
ค้อนของผู้ชายหนัก 16 ปอนด์ (7.26 กก. ) และวัด สูงของลูกค้อนไปทางส่วนเป้าหมายและจุดต่ำที่
ได้3 ฟุต11+ยาว 3 ⁄ 4 นิ้ว (121.3 ซม.) และค้อนของ ด้านหลังของวงกลม ผู้ขว้างปาปล่อยลูกบอลที่
ผู้หญิงหนัก 8.82 ปอนด์ (4 กก.) และยาว 3 ฟุต 11 ด้านข้างของวงกลมในขณะที่ความเร็วของค้อนพุ่ง
นิ้ว (119.4 ซม. เช่นเดียวกับกิจกรรมขว้างปาอื่นๆ ขึ้นไปทางเป้าหมาย
การแข่งขันจะตัดสินโดยว่าใครสามารถขว้างอุปกรณ์
ได้ไกลที่สุด

21

พุ่งแหลน
(THROWING THE JAVELIN)




พุ่งแหลนเป็นกรีฑาประเภทลาน ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะ
ต้องพุง่ แหลนที่มีน้ำหนักเท่า ๆ กันโดยพุ่งแหลนออกไป
ข้างหน้า ผู้ที่พุ่งได้ไกลที่สุดเป็นผู้ชนะ การพุ่งแหลนเป็น
กรีฑาที่ต้องใช้อุปกรณ์ที่มีน้ำหนัก นักกรีฑาจึงต้องอาศัย
กำลังและความเร็วเพื่อพุ่งแหลนออกไปให้ได้ระยะทางไกล
ที่สุด การพุ่งแหลนมีทั้งยืนอยู่กับที่และวิ่งพุ่งแหลน

กติกาการแข่งขันเบื้องต้น
ต้องจับแหลนตรงที่จับ การพุ่งแหลนจะต้องพุ่งออกไปเหนือไหล่ หรือเหนือท่อนบนของแขนที่ใช้พุ่ง และต้องไม่เหวี่ยงหรือ
ขว้างหรือรูปแบบการพุ่งซึ่งไม่เป็นไปตามแบบแผน การพุ่งแหลนจะได้ผลเมื่อหัวแหลน ซึ่งเป็นโลหะถูกพื้นก่อนส่วนอื่น ๆ ของ
แหลน ในขณะที่แหลนพุ่งไปในอากาศแล้ว ผู้เข้าแข่งขันจะหมุนตัวหรือหันหลังให้กับส่วนโค้งก็ได้ ห้ามใช้เครื่องช่วยเหลือใด ๆ ใน
การแข่งขัน เช่น ใช้ผ้าเทปพันนิ้วมือ 2 นิ้ว หรือมากกว่าเข้าด้วยกัน การใช้ผ้าเทปพันมือไม่อาจทำได้ ยกเว้นในกรณีที่ใช้ปิด
บาดแผลเท่านั้น ห้ามสวมถุงมือ เพื่อช่วยให้จับแหลนได้กระชับยิ่งขึ้น ผู้เข้าแข่งขันสามารถคาดเข็มขัดหนังหรือวัสดุที่เหมาะสม
เมื่อเริ่มการพุ่งแล้ว ถ้าส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายผู้แข่งขันสัมผัสที่ลากต่อออกไปจากปลายของส่วนโค้งหรือพื้นข้างนอก
หรือปล่อยแหลนออกไปด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม ให้ถือว่าการแข่งขันนั้นไม่มีผล ผู้เข้าแข่งขันอาจหยุดการแข่งขันได้ แม้ว่าจะเริ่ม
การแข่งขันแล้ว โดยวางแหลนลงภายในหรือภายนอกทางวิ่ง รวมทั้งอาจจะออกไปจากทางวิ่งก็ได้ จากนั้นจะกลับเข้ามาที่ทางวิ่ง
และเริ่มต้นการแข่งขันใหม่ก็ได้เช่นกัน ถ้าแหลนหักในขณะพุ่งออกไปหรือขณะที่ลอยอยู่ในอากาศ ถือว่าไม่มีผลต่อการแข่งขัน
ทำการแข่งขันใหม่ได้โดยมีข้อแม้ว่าการพุ่งแหลนนั้นปฏิบัติถูกต้องตามกติกา แต่ถ้าผู้แข่งขันเสียการทรงตัวและกระทำผิดกติ
กาการแข่งขันนั้นถือว่าไม่มีผล สำหรับการแข่งขันที่มีผลนั้น ส่วนหัวของแหลนจะต้องตกลงภายในขอบของรัศมีการพุ่งอย่าง
สมบูรณ์ ผู้เข้าแข่งขันต้องไม่ออกจากทางวิ่ง จนกว่าแหลนจะตกลงพื้น ให้ผู้เข้าแข่งขันเดินออกทางด้านหลังของส่วนโค้งและ

ด้านหลังเส้นที่ต่อออกไปจากปลายของส่วนโค้ง จะต้องถือแหลนกลับมาที่เส้นเริ่ม ห้ามพุ่งกลับมา

มารยาทในการดูกีฬา

22

มารยาทในการดูกีฬา

มารยาทที่ดีในการเล่นและชมกรีฑา
กรีฑาเหมือนกับกีฬาชนิดอื่นๆตรงที่ ผู้เล่นต้องมี
มารยาทในการเล่น และผู้ชมต้องมีมารยาทในการชม
เช่นเดียวกันนอกจากทำให้การแข่งขันดำเนินไปด้วย
ดีแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังคุณธรรม ให้กับผู้เล่น และผู้ชม
สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการดำรงชีวิตในสังคมได้
เป็นอย่างดี ผู้เล่นและผู้ชมกรีฑาที่ดีจึงควรปฏิบัติตน
ดังนี้

1) มารยาทของผู้เล่นที่ดี ควรปฏิบัติดังนี้
แต่งกายด้วยชุดที่เหมาะสมกับการล่นกรีฑา มีกิริยาวาจา
สุภาพเรียบร้อย มีใจเอื้อเฟื้ อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเพื่อนร่วม
ทีมและผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม เคารพเชื่อฟังและปฏิบัติตาม
คำสั่งของผู้สอน เคารพเชื่อฟังคำตัดสินของกรรมการผู้
ตัดสินตลอดเวลา ปฏิบัติตามกฎ กติกาอย่างเคร่งครัด
ไม่แสดงกิริยาอาการไม่พอใจ หากเพื่อนร่วมทีมเล่นผิด
พลาด เมื่อชนะหรือแพ้ไม่ควรแสดงความดีใจหรือเสียใจ
จนเกินไป ก่อนและหลังการแข่งขันควรแสดงความเป็น
มิตรกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามด้วยการทักทายหรือจับมือ
แสดงความยินดี ไม่ควรยืมอุปกรณ์การเล่นของคนอื่น
มาใช้ฝึกซ้อม

2) มารยาทของผู้ชมที่ดี ควรปฏิบัติดังนี้
ไม่กล่าวถ้อยคำหรือแสดงกิริยาเยาะเย้ยถากถางผู้เล่นที่
เล่นผิดพลาด แสดงความยินดีกับผู้เล่นที่เล่นดี เช่น การ
ปรบมือ เป็นต้น ไม่กระทำตัวเป็นผู้ตัดสินเสียเอง เช่น
ตะโกนแย้งคำตัดสิน เป็นต้นไม่เชียร์ในสิ่งที่เป็นการส่อ
เสียดในทางไม่ดีต่อผู้เล่นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่กระทำสิ่งใด
ๆ ที่ทำให้ผู้ติดสินหรือเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ปฏิบัติงานไม่สะดวก
ไม่กระทำสิ่งใด ๆ อันเป็นการกีดขวางการเล่นของผู้เล่น
กระทำตนให้เป็นประโยชน์

85315164 : Track and Field

จั ด ทำ โ ด ย 31 64100173 นายพัชรพล พุทธรสเจริญ
ศศ.บ. (สื่อสารมวลชนทางกีฬา)

32 64100174 นายพีรพัฒน์ หน่ายทุกข์
ศศ.บ. (สื่อสารมวลชนทางกีฬา)

33 64100175 นายภาณุวิชญ์ มั่นเจริญพร
ศศ.บ. (สื่อสารมวลชนทางกีฬา)

34 64100176 นายมนัสวิน การดี
ศศ.บ. (สื่อสารมวลชนทางกีฬา)

THANK YOU


Click to View FlipBook Version