39 ภาพที่ 2.42 XAMPP for Windows 8.0.28, 8.1.17 & 8.2.4 2.12 Sublime Text คืออะไร Sublime Text เป็นโปรแกรมแก้ไขข้อความแชร์แวร์และซอร์สโค้ดสำหรับWindows, macOSและLinux รองรับภาษาโปรแกรมและภาษามาร์กอัป จำนวนมากโดยกำเนิด ผู้ใช้สามารถปรับแต่งด้วยธีมและขยายการทำงาน ด้วยปลั๊กอินซึ่งโดยทั่วไปแล้วชุมชนสร้างขึ้นและดูแลภายใต้ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ฟรีเพื่ออำนวยความสะดวกปลั๊กอิน Sublime Text มีPython API ตัวแก้ไขใช้ส่วนต่อประสานขั้นต่ำและมีคุณสมบัติสำหรับโปรแกรมเมอร์รวมถึงการ เน้นไวยากรณ์ที่กำหนดค่าได้การพับโค้ดการค้นหาและแทนที่ที่รองรับนิพจน์ทั่วไปหน้าต่างเอาต์พุตของเทอร์มินัล และอื่นๆ เป็นซอฟต์แวร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์แต่มีรุ่นทดลองใช้งานฟรี 2.12.1 รุ่น Sublime รุ่น 1 Sublime Text 1.0 เปิดตัวเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นแอปพลิเคชันสำหรับ ระบบปฏิบัติการ Windows รองรับแท็บและมุมมองไฟล์แบบเคียงข้างกัน รุ่น 2 Sublime Text 2.0.2 เปิดตัวเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2013 การเปลี่ยนแปลงจากซอฟต์แวร์เวอร์ชัน แรกตามที่โปรโมตในบล็อกอย่างเป็นทางการของ Sublime รวมถึง การสนับสนุน จอภาพ Retina และฟังก์ชัน "ข้ามด่วนถัดไป" รุ่น 3 เวอร์ชัน 3 เข้าสู่เบต้าเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2013 ในตอนแรกมีให้เฉพาะผู้ใช้ที่ลงทะเบียนที่ซื้อ Sublime Text 2 ในวันที่ 28 มิถุนายน 2013 เปิดให้บุคคลทั่วไปใช้งาน อย่างไรก็ตาม บิลด์การพัฒนาล่าสุดยังคง
40 ต้องใช้รหัสการลงทะเบียน Sublime Text 3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2017 ในเดือน พฤษภาคม 2018 ตามมาด้วยเวอร์ชัน 3.1 และเวอร์ชัน 3.2 ในเดือนมีนาคม 2019 คุณสมบัติหลักสองประการที่ Sublime Text 3 เพิ่ม ได้แก่ การทำดัชนีสัญลักษณ์และการจัดการบานหน้าต่าง การ จัดทำดัชนีสัญลักษณ์ช่วยให้ Sublime Text สแกน ไฟล์และสร้างดัชนีเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ คุณสมบัติGoto DefinitionและGoto Symbol ใน Project การจัดการบานหน้าต่างช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้ายไปมา ระหว่างบานหน้าต่างผ่านปุ่มลัด รุ่น 4 เวอร์ชัน 4 เปิดตัวเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 คุณสมบัติใหม่ที่สำคัญ ได้แก่ การเติมข้อความ อัตโนมัติตามบริบททั้งโปรเจ็กต์ การเลือกหลายแท็บ และการสนับสนุนโหมดมืด เวอร์ชันใหม่นำเสนอการเรนเดอร์ แบบเร่งด้วยฮาร์ดแวร์โดยใช้ OpenGL สำหรับความละเอียดการแสดงผลขนาดใหญ่และการรองรับ Apple M1 และ ARM64 ดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพภายในและการอัปเดต เช่น โฮสต์ปลั๊กอิน Python 3.8 ใหม่และ API แบบขยายสำหรับการพัฒนาปลั๊กอินแบบขยาย 2.13 Template Admin-LTE 3 AdminLTE Bootstrap Themes เหมาะสำหรับทำระบบ Admin หรือ Web Application AdminLTE Bootstrap Themes เหมาะสำหรับทำระบบ Admin หรือ Web Application เป็น bootstrap themes ที่ทำได้ออกมาอย่างยอดเยี่ยมมาก มีตัวอย่างหน้าจอสำหรับการใช้งานหลากหลาย เช่น Table หลาย รูปแบบ , หน้า Inbox , หน้า Profile , Invoice สามารถนำไปใช้งานเพื่อพัฒนาระบบ Admin หรือ Web Application ได้หลากหลายรูปแบบ สามารถปรับแต่งในรูปแบบได้ตามต้องการ ภาพที่ 2.43 หน้าหลักของ AdminLTE Bootstrap Themes
41 ภาพที่ 2.44 การใช้งาน Table ภาพที่ 2.45 การใช้งาน Buttons
42 ภาพที่ 2.46 การใช้งาน Forms ภาพที่ 2.47 การใช้งาน Table เพื่อสร้างเป็น Inbox
43 ภาพที่ 2.48 การสร้าง Invoice ภาพที่ 2.49 การสร้างหน้า Profile 2.14 การประเมิณระบบ การหาประสิทธิภาพสำหรับการวิจัยเชิงทดลองตามแนวทางการวิจัยด้านระบบสารสนเทศ โดยวิธี Black Box และ White Box การหาประสิทธิภาพ กล่าวได้ว่าเป็นตัวแปรการทดลองที่นิยมประเมินกันอย่างแพร่หลายใน การวิจัยเชิงทดลองทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับแนวทางการวิจัยด้านระบบสารสนเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมประยุกต์ต่างๆขึ้นมาใหม่ เพื่อนำไปใช้กับบุคลากรหรือใช้งานภายในองค์กร เช่น การพัฒนาระบบฐานข้อมูล ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการระบบสนับสนุนการตัดสินใจระบบช่วยเหลือการ
44 บริหาร และระบบสารสนเทศอื่นๆ การหาประสิทธิภาพของระบบสารสนเทศที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้ ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ วิธี back Box และ White Box ซึ่งประยุกต์มาจากวิธีการทดสอบซอฟต์แวร์(Software testing) ในกระบวนการพัฒนา ซอฟต์แวร์เชิงวิศวกรรม 2.13.1 Blackbox เมื่อแปลความหมายตรงตัวก็คือ กล่องดำ ซึ่งหมายถึง การประเมินที่ไม่พิจารณาภายใน ของระบบ อันได้แก่ตัวโปรแกรม โครงสร้าง ข้อมูล อัลกอริทึม การจัดการข้อมูล ตัวแปร นิพจน์ และอื่นๆ (มนต์ชัย เทียนทอง 2548 : 198-200) การหาประสิทธิภาพ สำหรับรายการประเมินด้วยวิธี Black Box จะมีประเด็นหลักๆที่สำคัญดังนี้ 1) Functional Testing เป็นการทดสอบด้านหน้าที่และความถูกต้องในการทำงานของระบบแต่ ละส่วนในลักษณะภาพรวม นับตั้งแต่ส่วนนำเข้าส่วนประมวลผลจนถึงส่วนแสดงผล 2) ความถูกต้องในการหรือไม่ ตั้งแต่ส่วนนำเข้า ส่วนประมวลผลจนถึงส่วนแสดงผลซึ่งมีลักษณะ คล้ายกับการประเมินด้าน (Functional Test) แตกต่างกันที่การประเมินในด้านนี้จะต้อง เปรียบเทียบกับความต้องการหรือข้อกำหนดต่างๆที่มีอยู่ 3) Usability Testing เป็นการทดสอบด้านการใช้งาน เช่น ความง่ายในการติดตั้งการใช้งานใน ส่วนต่างๆการปฏิสัมพันธ์การนำเสนอ และการแสดงผลลัพธ์และคู่มือ 4) Seculity Testing เป็นการทดสอบด้านความปลอดภัยของระบบ เช่นระบบพิสูจน์สิทธิ์การ รักษาความปลอดภัยและการเข้ารหัสเป็นต้น 5) Performance Testing การทดสอบด้านความสามารถในการทำงานของระบบ เช่น ความ ถูกต้องความรวดเร็ว สมรรถนะ และประสิทธิภาพโดยรวม เป็นต้น 2.13.2 White Box เมื่อแปลตามตัวก็คือ กล่องขาว ซึ่งหมายถึง การประเมินโดยพิจารณาภายในตัว โปรแกรมเพื่อทดสอบการทำงานของโปรแกรมว่ามีขั้นตอนอย่างไร อันได้แก่โครงสร้าง ข้อมูลอัลกอริทึม การจัดการ ข้อมูล ตัวแปร นิพจน์ และอื่นๆ สำหรับรายการประเมินด้วยวิธี White Box จะมีประเด็นหลักๆ ที่สำคัญดังนี้ 1) Unit testing เป็นการทดสอบสวนย่อยๆของโปรแกรมแต่ละส่วนอาจจะเป็นฟังก์ชัน 2) ใดๆหรือคลาสใดคราสหนึ่ง โดยการกำหนดข้อมูลนำเข้าแล้วทดสอบส่วนแสดงผลที่ปรากฏ 3) นำเอา Unit แต่ละฟังก์ชันมารวมกันแล้วทดสอบการทำงาน เพื่อพิจารณาการไหลของข้อมูล และการควบคุมแต่ละส่วน 4) System testing เป็นการทดสอบการทำงานทั้งระบบเพื่อทดสอบการทำงานของระบบที่ พัฒนาขึ้นโดยรวมการหาประสิทธิภาพด้วยวิธี Black bok และ White bok สำหรับเเน วทางการวิจัยด้านระบบsสารสนเทศ จึงเป็นการศึกษาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
45 2.15 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ปฐมพงษ์ หอมศรี และจักรพรรณ คงธนะ (2557) การพัฒนาระบบการจัดการสินค้าคงคลัง : กรณีศึกษา บริษัทติดตั้ง และบำรุงรักษาเครื่องจักรของโรงงาน SME เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร สินค้าคงคลัง และเพื่อ ปรับปรุงกระบวนการทำงานในระบบสินค้าคงคลังจัดทำกลุ่มของสินค้า (Product Category) ลดปริมาณสินค้าที่ไม่ มีการเคลื่อนไหว ลดปริมาณการจัดเก็บงบสินค้าและลดค่าใช้จ่ายในการ จัดเก็บลง คณะผู้วิจัยได้ใช้เครื่องมือในการ หาสาเหตุและปัญหาโดยใบตรวจสอบ (Cheek Sheet) และ แผนผัง ก้างปลา (Ishikawa Diagram) เพื่อวิเคราะห์ ปัญหาและค้นหาแนวทางแก้ไข ผลการวิเคราะห์ พบว่า บริษัทมีปัญหาเรียงตามความสำคัญดังนี้ ปัญหาด้านสินค้า คงคลัง เกิดจากไม่มีการจัดทำระบบ สินค้า คงคลัง ไม่มีการบันทึกข้อมูลสินค้าคงคลัง ขาดการวางแผนการจัดซื้อ การจัดสินค้าไม่เป็น หมวดหมู่ จากปัญหาดังกล่าวคณะวิจัยได้ทำการใช้เครื่องมือการจัดการ ในการแก้ไขปัญหาดังนี้ การจัดทำใบบันทึกรายการสินค้า (Stock card) การใช้ทฤษฎี ABC Analysis ทฤษฎี EOQ การกำหนดกระบวนการ การทำงานของการบริหารสินค้าคงคลัง แนวคิด 5 ส. สินค้าค้างสต๊อกมีการเปลี่ยนแปลง ด้านการบริหาร สินค้าคง คลัง สามารถทำงานอย่างเป็นระบบมากขึ้น มีการตรวจนับสินค้าคงคลังและ จัดทำใบบันทึกรายการสินค้า (Stock card) สินค้าคงคลังมีการจัดเรียงหมวดหมู่ตามประเภท มีการวาง แผนการ จัดซื้อที่เหมาะสม และมีการระบาย สินค้าค้างสต๊อก ผลจากการดำเนินงานทำให้ต้นทุนสินค้าค้างสต๊อกลดลง สรุปผลการวิจัยจากการนำเครื่องมือมาใช้ ในการแก้ไขปัญหาด้านการบริหารสินค้าคงคลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารสินค้าสินค้าคงคลังโดยลดการ สั่งซื้อที่ซ้ำซ้อนสามารถคิดเป็นเงิน ลดลงได้1,533,600 บาท และปรับปรุงกระบวนการทำงานในระบบสินค้าคงคลัง จัดทำกลุ่มของ 25 สินค้า (Product Category) ลดปริมาณสินค้าที่ไม่มีการเคลื่อนไหว ลดปริมาณการจัดเก็บงบ สินค้าและ ลด ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บงบลงสามารถคิดเป็นเงินลดลงได้ 671,700 บาท ไตรภพ จิตนาริน และแก้วใจ อาภรณ์พิศาล (2561) การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ วิเคราะห์ออกแบบ และพัฒนาระบบจัดการคลังสินค้า กรณีศึกษาสินค้าแบรนด์ตรีสรา ผู้วิจัย ทำการศึกษาขั้นตอนการทำงานของการ จัดการข้อมูลสินค้าเข้าคลังไม่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ และทำให้เกิดความล่าช้าและซับซ้อนในการ สั่งซื้อสินค้า จึงนำข้อมูลและปัญหาที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์และออกแบบระบบการจัดการคลังสินค้าให้จัดการเก็บ ข้อมูลสินค้าอย่างเป็นระบบ โดย 26 เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาคือโปรแกรม Microsoft Visual Basic 2010 เป็น ภาษาในการพัฒนา และใช้ ระบบจัดการฐานข้อมูล Microsoft SQL Server 2008 R2 ในการจัดเก็บข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า ระบบงานนี้สามารถจัดเก็บข้อมูลหลัก เช่น ข้อมูลการซื้อขายสินค้าและข้อมูลลูกค้า เป็นต้น โดย การจัดการข้อมูลสินค้าการรับสินค้าเข้าคลังสินค้าและการขายสินค้า รวมทั้งการออกรายงานการขายประจำวัน และความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อระบบจัดการคลังสินค้า กรณีศึกษาสินค้าแบรนด์ตรีสรา โดยภาพรวมอยู่ใน ระดับมาก การนำระบบงานนี้เข้า มาช่วยการจัดการข้อมูลสินค้า ทำให้การตรวจสอบฐานข้อมูลสินค้าเป็นไปได้ อย่างรวดเร็วถูกต้องแม่นยำ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ธัชชัย ชอพฤกษา (2559) “การศึกษาแนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า กรณีศึกษา บริษัทนิคสแลนด์ เทรดดิ้ง จํากัด อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร” ผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาและ วิเคราะห์สภาพปัญหาการดำเนินกิจกรรมภายในคลังสินค้าและหาแนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการ
46 คลังสินค้าของกรณีศึกษา ผลการศึกษาพบวาการจัดเก็บสินค้าภายในคลังสินค้า ของกรณีศึกษานั้นมีการจัดเก็บที่ไม่ มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ไม่มีการแบ่งโซน ไม่มีการแบ่งหมวดหมู่สินค้า การจัดเก็บไร้รูปแบบ มีการจัดเก็บสินค้า แบบเทกอง สินค้าที่มาก่อนจะถูกดันเขาไปเก็บไว้ด้านในสุดของคลังสินค้า และถูกแทนที่ด้วยสินค้าที่มาใหม่ ทำให้ พื้นที่ภายในคลังนั้นไม่เพียงพอในการจัดเก็บสินค้า บางรายการที่สั่งมาใหม่ ไม่สามารถขนเข้ามายังภายในคลังสินค้า ได้เนื่องจาก สินค้าวางขวางทาง อย่างไม่เป็นระเบียบศึกษาได้นำขอมูลมาวิเคราะห์ หาแนวทางในการพัฒนา ประสิทธิภาพในงาน คลังสินค้าโดย การนำแนวคิดทฤษฎี ABC Analysis ซึ่งเป็นทฤษฎีที่การแบ่งประเภทสินคา ตามลำดับ ความสำคัญ โดยใช้ มูลค้าของสินค้าที่ขายดีที่หมุนเวียนในรอบครึ่งปี โดยจะแบ่งสินค้าออกเป็น 3 ประเภท คือ ประเภท A เป็นของสินค้าที่มีมูลค้าหมุนเวียนในรอบครึ่งปีสูงที่สุด ประเภท B มีมูลค่าปานกลาง ส่วน ประเภท C มีมูลค้าต่ำสุด เพื่อให้มีแนวทางในการจัดกลุ่มของสินค้าแต่ละประเภท นำข้อมูล ที่ได้มาจากการ วิเคราะห์มาทำการจัดหมวดหมู่สินค้าและทำการวัดผลการวิจัยโดยเปรียบเทียบ ประสิทธิภาพการดำเนินงานใน คลังสินค้าแบบเดิมและแบบเอบีซีว่าแบบไหนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ในงานคลังสินค้ามากกว่ากัน การแยก ประเภทสินค้าออกเป็นหมวดหมู่ตามแบบเอบีซีทำให้สามารถจัด หมวดหมู่สินค้าในคลังสินค้าได้เป็นระเบียบ สามารถแยกโซนการจัดเก็บสินค้าได้อย่างเหมาะสม สามารถออกแบบแผนผังการจัดเก็บสินค้า ภายในคลังสินค้าได้ อย่างเป็นระบบ มีพื้นที่ภายในคลังสินค้ามากยิ่งขึ้น การเคลื่อนย้ายสินค้ามีความสะดวก ใช้เวลาการดำเนินงาน น้อยลงประหยัดเวลามากกวาเดิม 27 ซึ่งแตกต่างจากการจัดเก็บสินค้าแบบเดิม ที่ไม่มีการจัดหมวดหมู่ในการ จัดเก็บสินค้า สินค้าวางไม่เป็นระเบียบ มีพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าน้อย และใช้เวลาในการค้นหาสินค้านาน ดังนั้นจะ เห็นได้ว่า การนำเอาระบบเอบีซีมาใช้ในการจัดเก็บสินค้าภายใน คลังสินค้าของกรณีศึกษาทำให้การบริหารจัดการ คลัง สินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น และถ้าหากนำผลการศึกษาที่ได้ไปประยุกตใช้กับคลังสินค้าของกรณีศึกษา จะ ทำใหมีประสิทธิภาพในกระบวนการจัดวาง สินค้ามากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่ต้นทุนรวมที่ต่ำและผลกำไรที่สูงขึ้น ชาณิดา พิทยานนท์และ ธิดารัตน์ เตวัง (2560) งานวิจัยนี้ได้ศึกษาเพื่อปรับปรุงระบบด้าน การจัดการ คลังสินค้าของ บริษัท พี.เค บอยเลอร์ จำกัด ทำให้พบว่าประสิทธิภาพใน การดำเนินงานของ คลังสินค้ามีค่าที่ต่ำ ดั่งเช่นในกระบวนการเบิกจ่ายสินค้าซึ่งเป็นผลทำให้กระบวนการเบิกจ่ายสินค้ามีความล่าช้าอยู่เสมอ ดังนั้น เป้าหมายของงานวิจัยนี้เพื่อปรับปรุงคลังสินค้าในกระบวนการเบิกจ่าย โดยการปรับปรุงครั้งนี้ได้ดำเนินการโดยใช้ เทคนิคการวิเคราะห์แผนภูมิการไหลเพื่อพิจารณาขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนและทำการตัดขั้นตอนนั้นออกไปอีกทั้งได้ทำการ ปรับปรุงตำแหน่งที่จัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า โดยการใช้เทคนิคการควบคุมด้วยการมองเห็นเพื่อใช้สัญลักษณ์สีมา จัดระเบียบคลังสินค้าให้เป็น หมวดหมู่ ทำป้ายบ่งชี้พร้อมสัญลักษณ์ลูกศรบอกตำแหน่งในการวางสินค้าแต่ละ ประเภท เพื่อง่ายต่อ การค้นหาสินค้านั้น ๆ ผลของการปรับปรุงครั้งนี้ทำให้สามารถลดเวลาการทำงานได้จาก 700 นาทีเป็น 220 นาที คิดเป็นเวลา เฉลี่ยในการปฏิบัติงานที่ลดลงได้68.57% เป็นผลทำให้กระบวน การทำงานมี ประสิทธิภาพมากขึ้นและลดความผิดพลาดใน กระบวนการลง
47 บทที่ 3 ขั้นตอนและวิธีการดำเนินงาน วิธีการดำเนินงานของโครงงานพัฒนาระบบคลังสินค้าร้าน 111 (ตองหนึ่ง) การไฟฟ้า สร้างขึ้นเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำงาน และช่วยแก้ปัญหาในระบบงาน ซึ่งมีขั้นตอนและวิธีการดำเนินการเพื่อเข้ามาช่วยในการ อำนวยความสะดวกในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังและได้ระบบการจัดเก็บข้อมูลสต๊อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้บริหารเจ้าของธุรกิจสามารถตรวจสอบข้อมูลการเข้าออกสินค้าและทำให้ง่ายต่อการพิจารณา สั่งซื้อสินค้าเข้ามาสต๊อกต่อไปได้อีกทั้งสามารถตรวจสอบสินค้าคงคลังและการเข้า-ออกสินค้าได้ทุกที่ที่มีอุปกรณ์ที่ เชื่อมต่ออยู่กับ Internet ตลอดจนมีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้งานที่ชัดเจนเพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการต่อไป ดังนั้นการ นำเทคโนโลยีสารสนเทศมามีส่วนช่วยในการปฏิบัติงานเพื่อเป็นการพัฒนาระบบงานและมีประโยชน์สำหรับผู้มีสิทธิ์ เข้าถึงในการใช้งานโปรแกรม โดยจะสร้างทางเลือกใหม่ๆในการปฏิบัติงานเพื่อเป็นการพัฒนาระบบงานเดิมให้ ทันสมัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ดังนี้ 3.1 ศึกษาและรวบรวมข้อมูล 3.2 การวิเคราะห์ระบบ 3.3 การออกแบบฐานข้อมูล 3.4 การพัฒนาระบบ 3.5 การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผลการประเมินระบบ 3.1 ศึกษาและรวบรวมข้อมูล จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลระบบคลังสินค้าของร้าน 111 (ตองหนึ่ง) การไฟฟ้า ทำให้ทราบถึงปัญหา ของระบบคลังสินค้า ภาพที่ 3.1 ระบบคลังสินค้าเดิมที่ขาดประสิทธิภาพ
48 จากภาพที่ 3.1 การจัดระบบคลังสินค้าแต่ละประเภทในร้านที่ยังไม่มีประสิทธิาภาพ ซึ่งจำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูล สินค้าให้เป็นระบบเพื่อให้สอดคล้องตามระบบคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพในการจัดการอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้จาก ปัญหาดังกล่าวในส่วนระบบคลังสินค้า พบว่า 1) ด้านบุคคล การปฏิบัติงานในระบบสต๊อคสินค้าของร้านมีการปรับปรุงข้อมูลในระบบไม่ตรงตาม สถานะของสินค้าในปัจจุบัน เนื่องจากมีจำนวนของข้อมูลสินค้าที่มาก ทำให้การจัดการบันทึก ข้อมูลโดยบุคคลมีความล่าช้า และไม่เสร็จเรียบร้อยตามวันเวลา 2) ด้านวิธีการ ในการนำสินค้าจัดเรียงไว้ในคลังสินค้าแต่ไม่มีการแบ่งประเภทหมวดหมู่ให้ชัดเจน ส่งผลให้การทำงานล่าช้าเสียเวลาในการจัดสต๊อกสินค้าในการต้องมารื้อค้นในคลังสต๊อกสินค้าเพื่อ หาสินค้านั่นๆออกมาวางขาย 3) ด้านเครื่องมือ การออกบิลยังใช้เครื่องปริ้นที่ล้าสมัยไม่ได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการ จัดการ บางทีขณะทำงานเครื่องเกิดความขัดข้องทำให้ไม่สามารถปริ้นรายงาน ใบเสร็จให้ลูกค้าได้ ทำให้เกิดความล่าช้าเสียเวลาต่อลูกค้าและส่งผลให้ลูกค้าเกิดความไม่พอใจได้ 4) ด้านวัสดุ การนำเข้าสินค้าด้วยบิลสั่งซื้อยังพบปัญหาของกระดาษที่สูญหายและชำรุด 3.2 การวิเคราะห์ระบบ จากการวิเคราะห์ปัญหาระบบคลังสินค้าของร้าน 111 (ตองหนึ่ง) การไฟฟ้า พบว่าขั้นตอนการทำงานของ ระบบคลังสินค้ามีการทำงานที่ไม่เป็นระบบทำให้ระบบงานเกิดความซับซ้อนและมีปัญหา โดยได้แสดงให้เห็นการ ทำงานของระบบ ดังภาพที่ 3.2 ภาพที่ 3.2 ระบบงานเดิม
49 จากภาพข้างต้น สามารถอธิบายได้ว่าการทำงานระบบงานเดิม มีปัญหาเรื่องของระบบคลังสินค้า จึงส่งผล กระทบต่อการเช็คสต๊อกคงเหลือในคลังสินค้า จัดเก็บสินค้า ติดตามสินค้า และการจัดสั่งซื้อสินค้า ทั้งนี้ใน กระบวนการขั้นตอนในระบบคลังสินค้า โดยมีขั้นตอนการทำงานดังต่อไปนี้ 1) เริ่มต้นการทำงาน 2) Login เข้าสู่ระบบ 3) ถ้าใช่ พนักงาน จะมีการทำงานต่อ ถ้าไม่ใช่ พนักงาน ต้องกลับไปเข้าสู่ระบบใหม่ 4) พนักงาน ทำรายการขายสินโดย เลือกรายการสินค้า - นำสินค้าเข้าสู่ระบบ - เช็คสต๊อคสินค้า - ดูรายงานยอดขายรายวัน เดือน ปี - ดูรายงานการสั่งซื้อสินค้า จากระบบงานเดิม จะเห็นได้ว่าระบบค่อนข้างไร้ประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลสินค้าและการ แบ่งสิทธิ์ในการทำหน้าที่ คณะผู้จัดทำจึงวิเคราะห์ระบบใหม่ขึ้นมา โดยมีขั้นตอนการทำงานดังภาพที่ 3.3 ภาพที่ 3.3 ระบบงานใหม่
50 จากภาพข้างต้น สามารถอธิบายได้ว่าการทำงานระบบงานใหม่ มีประสิทธิภาพการใช้งานระบบดีกว่าเดิม มีการจัดตำแหน่งของบุคคลให้ตรงตามตำแหน่งหน้าที่ของแต่ละฝ่ายที่มีหน้าที่รับผิดชอบ จึงทำให้การทำงานของ พนักงานจะผิดพลาดน้อยลงและระบบเกิดความผิดพลาดน้อยลงไปด้วยทำให้จำนวนสินค้าในสต๊อกไม่คาดเคลื่อน มากเกินไปมีเปอร์เซ็นความถูกต้องมากขึ้น 3.3 การออกแบบฐานข้อมูล จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ระบบงานเดิมกับระบบงานใหม่ แสดงให้เห็นว่าการออกแบบ ฐานข้อมูล สามารถออกแบบได้ดังนี้ 3.3.1 ตารางข้อมูล Data Table เป็นตารางแสดงถึงความสัมพันธ์กันระหว่างตารางกับตาราง เพื่อให้ทราบถึงการออกแบบฐานข้อมูลที่ได้นำมาพัฒนาระบบในครั้งนี้ ตาราง product_type (ประเภทสินค้า) Attribute Description Data type key Reference Note product_type_id รหัสประเภทสินค้า int (11) Pk product_type_name ชื่อประเภทสินค้า varchar (30) product_type_status สถานะประเภทสินค้า varchar (10) product_type_update วันที่แก้ไข date product_type_create วันที่สร้าง date ตารางที่ 3.1 ตารางประเภทสินค้า
51 ตาราง product_unit (หน่วยนับสินค้า) Attribute Description Data type key Reference Note product_unit_id รหัสหน่วยนับสินค้า int (11) Pk product_unit_name ชื่อหน่วยนับสินค้า varchar (20) product_unit_status สถานะหน่วยนับ varchar (10) product_unit_update วันที่แก้ไข date product_unit_create วันที่สร้าง date ตารางที่ 3.2 ตารางหน่วยนับสินค้า ตาราง position (ตำแหน่ง) Attribute Description Data type key Reference Note position_id รหัสตำแหน่ง int (11) Pk position_name ชื่อตำแหน่ง varchar (20) position_status สถานะตำแหน่ง varchar (10) position_update วันที่แก้ไข date position_create วันที่สร้าง date ตารางที่ 3.3 ตารางตำแหน่ง
52 ตาราง product (ตารางสินค้า) Attribute Description Data type key Reference Note product_id รหัสสินค้า int (11) PK product_name ชื่อสินค้า varchar (50) product_unit_id รหัสหน่วยนับ int (11) FK Product_unit product_type_id รหัสประเภทสินค้า int (11) FK Product_type product_price ราคา/หน่วย decimal (18,2) product_balance จำนวนสินค้าคงคลัง int (11) product_status สถานะสินค้า varchar (10) product_update วันที่แก้ไข date product_create วันที่สร้าง date ตารางที่ 3.4 ตารางสินค้า ตาราง staff (ตารางพนักงาน) Attribute Description Data type key Reference Note staff_id รหัสพนักงาน int (11) PK staff_name ชื่อพนักงาน varchar (20) position_id รหัสตำแหน่ง int (11) FK position staff_address ที่อยู่ varchar (30) staff_tel เบอร์โทรศัพท์ int (11) staff_user ชื่อผู้ใช้ varchar (30)
53 staff_password รหัสผ่าน int (11) staff_status สถานพนักงาน varchar (10) staff_update วันที่แก้ไข date staff_create วันที่สร้าง date ตารางที่ 3.5 ตารางพนักงาน ตาราง sale (การขาย) Attribute Description Data type key Reference Note sale_id รหัสการขาย int (11) PK sale_code เลขที่บิล int (11) sale_date วันที่/เวลาขาย datetime sale_type ประเภทการ ขาย varchar (20) 1= ขายสด 2= ขายเชื่อ bill_type ประเภทบิล varchar (20) 1=บิลเงินสด 2= บิลใบกำกับ ภาษี vat ใน 3= บิลกำกับภาษี vat นอก product_name ชื่อสินค้า varchar (20) sale_amout ราคารวม decimal (18,2) sale_vat ราคา Vat decimal (18,2) sale_total ราคาสุทธิ decimal (18,2) customer_id รหัสลูกค้า int (11) FK customer
54 staff_id รหัสพนักงาน int (11) sale_status สถานะการขาย varchar (10) 1=สร้างบิล 2=ยืนยันบิล 3=ตัดสต๊อก staff_update วันที่แก้ไข date staff_create วันที่สร้าง date ตารางที่ 3.6 ตารางการขาย ตาราง sale_detail (รายละเอียดการขาย) Attribute Description Data type key Reference Note sale_detail_id รหัสรายละเอียด การขาย int (11) PK sale_id รหัสการขาย int (11) FK sale product_id รหัสสินค้า int (11) price ราคาขาย decimal (18,2) quantity จำนวนที่ขาย int (11) total ราคารวม decimal (18,2) ตารางที่ 3.7 ตารางรายละเอียดการขาย
55 ตาราง customer (ลูกค้า) Attribute Description Data type key Reference Note customer_id รหัสลูกค้า int (11) PK customer_name ชื่อ-สกุลลูกค้า varchar (20) customer_address ที่อยู่ varchar (20) customer_tel เบอร์โทร int (11) customer_status สถานะลูกค้า varchar (10) customer_update วันที่แก้ไข date customer_create วันที่สร้าง date ตารางที่ 3.8 ตารางลูกค้า ตาราง product_transaction (การเคลื่อนไหวสินค้า) Attribute Description Data type key Reference Note product_transaction_id รหัสการเคลื่อนไหวสินค้า int (11) PK product_id รหัสสินค้า int (11) FK product product_transaction_date วันที่การเคลื่อนไหวสินค้า date qty_in จำนวนสินค้าเข้า int (11) qty_out จำนวนสินค้าออก int (11) qty_balance จำนวนคงเหลือ int (11) ตารางที่ 3.9 ตารางการเคลื่อนไหวสินค้า
56 ตาราง product_receive (นำเข้าสินค้า) Attribute Description Data type key Reference Note product_receive_id รหัสนำเข้าสินค้า int (11) PK product_id รหัสสินค้า int (11) FK Product qty จำนวนรับเข้า int (11) product_cost ราคาทุน decimal (18,2) product_receive_date วันที่รับเข้า varchar (10) product_receive_status สถานะลูกค้า varchar (10) product_receive_update วันที่แก้ไข date product_receive_create วันที่สร้าง date ตารางที่ 3.10 ตารางนำเข้าสินค้า ตาราง receive_detai (รายละเอียดนำเข้าสินค้า) Attribute Description Data type key Reference Note product_id รหัสสินค้า int (11) PK product_receive_id รหัสนำเข้าสินค้า int (11) FK receive qty จำนวนรับเข้า int (11) product_cost ราคาทุน decimal (18,2) amount ราคารวม decimal (18,2) ตารางที่ 3.11 ตารางรายละเอียดนำเข้าสินค้า
57 3.3.2 แผนภาพ E-R (Entity Relationship Diagram: E-R Diagram) เป็นแบบจำลองที่ใช้อธิบาย โครงสร้างของฐานข้อมูลซึ่งเขียนออกมาในลักษณะของรูปภาพการอธิบายโครงสร้างและความสัมพันธ์ของข้อมูล ความสัมพันธ์ของเอนทิตี ที่ช่วยในการออกแบบฐานข้อมูลที่เกิดขึ้นในระบบ ดังภาพที่ 3.4 ภาพที่ 3.4 แผนภาพ E-R (Entity Relationship Diagram: E-R Diagram)
58 1) ข้อมูลการขาย ประกอบไปด้วย รหัสการขาย, เลขที่บิล, วันที่/เวลาขาย, ประเภทการขาย, ประเภทบิล, ราคารวม, ราคา vat, ราคารวม vat, รหัสลูกค้า, รหัสพนักงาน, สถานะการขาย, วันที่แก้ไข, วันที่สร้าง ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ ข้อมูลพนักงาน, ข้อมูลลูกค้า, 2) ข้อมูลรายละเอียดการขาย ประกอบไปด้วย รหัสรายละเอียดการขาย, รหัสการขาย, รหัสสินค้า, ราคาขาย, จำนวนที่ขาย, ราคารวม ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ ข้อมูลการขาย, ข้อมูลสินค้า 3) ข้อมูลสินค้า ประกอบไปด้วย รหัสสินค้า, ชื่ีอสินค้า, รหัสหน่วยนับ, รหัสประเภทสินค้า, ราคา/ หน่วย, จำนวนสินค้าคงคลัง, รูปภาพสินค้า, สถานะ, วันที่แก้ไข, วันที่สร้าง ซึ่งมีความสัมพันธ์ เชื่อมโยงกับ ข้อมูลหน่วยนับ, ข้อมูลประเภทสินค้า, ข้อมูลการเคลื่อนไหวสินค้า, ข้อมูล รายละเอียดการขาย 4) ข้อมูลตำแหน่ง ประกอบไปด้วย รหัสตำแหน่ง, ชื่อตำแหน่ง, สถานะ, วันที่แก้ไข, วันที่สร้าง ซึ่งมี ความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ ข้อมูลพนักงาน เป็นความสัมพันธ์แบบ One to Many 5) ข้อมูลพนักงาน ประกอบไปด้วย รหัสพนักงาน, ชื่ีอพนักงาน, รหัสตำแหน่ง, ที่อยู่, เบอร์โทร, ชื่อ ผู้ใช้, รหัสผ่าน, สถานะ, วันที่แก้ไข, วันที่สร้าง ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ ข้อมูลการขาย, ข้อมูลตำแหน่ง 6) ข้อมูลประเภทสินค้า ประกอบไปด้วย รหัสประเภทสินค้า, ชื่อประเภทสินค้า, สถานะ, วันที่แก้ไข, วันที่สร้าง ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ ข้อมูลสินค้า เป็นความสัมพันธ์แบบ One to Many 7) ข้อมูลลูกค้า ประกอบไปด้วย รหัสลูกค้า, ชื่อลูกค้า, ที่อยู่, เบอร์โทร, สถานะ, วันที่แก้ไข, วันที่ สร้าง ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ ข้อมูลการขาย เป็นความสัมพันธ์แบบ Many to Many 8) ข้อมูลหน่วยนับ ประกอบไปด้วย รหัสหน่วยนับ, ชื่อหน่วยนับ, สถานะ, วันที่แก้ไข, วันที่สร้าง ซึ่ง มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ ข้อมูลสินค้า เป็นความสัมพันธ์แบบ One to Many 9) ข้อมูลการเคลื่อนไหวสินค้า ประกอบไปด้วย รหัสการเคลื่อนไหวสินค้า, รหัสสินค้า, วันที่การ เคลื่อนไหวสินค้า, จำนวนสินค้าเข้า, จำนวนสินค้าออก, จำนวนคงเหลือ ซึ่งมีความสัมเชื่อมโยงกับ ข้อมูลสินค้า 10) ข้อมูลการนำเข้าสินค้า ประกอบไปด้วย รหัสนำเข้าสินค้า, รหัสสินค้า, จำนวนรับเข้า, ราคาทุน, วันที่รับเข้า, สถานะ, วันที่แก้ไข, วันที่สร้าง ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ ข้อมูลสินค้า, ข้อมูล รายละเอียดการนำเข้าสินค้า 11) ข้อมูลรายละเอียดการนำเข้าสินค้า ประกอบด้วย รหัสสินค้า, รหัสนำเข้าสินค้า, จำนวนรับเข้า, ราคาทุน, ราคารวม ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ ข้อมูลการนำเข้าสินค้า
59 3.3.3 แผนภาพกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram) ของระบบ แผนภาพกระแสข้อมูล ระดับ 0 (Data Flow Diagram Level 0) เป็นการออกแบบแผนภาพการไหลของข้อมูล ระดับบนสุด ที่แสดงภาพรวมการทำงานของระบบ ดังภาพที่ 3.5 ภาพที่ 3.5 แผนภาพกระแสข้อมูล ระดับ 0 (Data Flow Diagram Level 0) จากภาพข้างต้น สามารถอธิบายได้จาก Context Diagram ของระบบพัฒนาคลังสินค้า ซึ่งสัญลักษณ์ Process จะใช้แทนการทำงานทุกขั้นตอนของระบบนี้ โดย External Agents ที่เกี่ยวข้องกับระบบ ได้แก่ ลูกค้า พนักงาน และ ผู้จัดการ ซึ่งมีข้อมูลรับเข้าและส่งออกระหว่าง External Agents ดังกล่าวกับระบบ ทำให้ทราบโดย ภาพรวมว่าระบบการบริหารงานร้าน 111 (ตองหนึ่ง) การไฟฟ้า ทำอะไรได้บ้าง และเกี่ยวข้องกับใครบ้าง สามารถ อธิบายได้ดังนี้
60 ลูกค้า - ลูกค้าจะสั่งซื้อสินค้าไปยังระบบคลังสินค้า - ระบบการขายจะทำการส่งใบเสร็จรายการสั่งสินค้าไปให้ลูกค้า พนักงานขาย - พนักงานขายจะป้อนข้อมูลการเข้าสู่ระบบไปยังระบบคลังสินค้า - พนักงานขายป้อนข้อมูลการจัดการข้อมูลการขายไปยังระบบคลังสินค้า - ระบบคลังสินค้าจะทำการส่งข้อมูลรายละเอียดการขายไปยังพนักงานขาย ผู้ดูแลระบบ - ผู้ดูแลระบบป้อนข้อมูลการเข้าสู่ระบบไปยังระบบคลังสินค้า - ผู้ดูแลระบบป้อนข้อมูลลูกค้าเข้าสู่ระบบคลังสินค้า - ผู้ดูแลระบบป้อนข้อมูลสินค้าเข้าสู่ระบบคลังสินค้า - ผู้ดูแลระบบป้อนข้อมูลการนำเข้าสินค้าเข้าสู่ระบบคลังสินค้า - ผู้ดูแลระบบป้อนข้อมูลจัดการประเภทสินค้าเข้าสู่ระบบคลังสินค้า - ผู้ดูแลระบบป้อนข้อมูลจัดการหน่วยนับสินค้าเข้าสู่ระบบคลังสินค้า - ผู้ดูแลระบบป้อนข้อมูลจัดการสิทธิ์การเข้าใช้งาน/จัดการผู้ใช้งานเข้าสู่ระบบคลังสินค้า - ระบบคลังสินค้าจะทำการส่งข้อมูลรายละเอียดสินค้าไปยังผู้ดูแลระบบ - ระบบคลังสินค้าจะทำการส่งข้อมูลรายละเอียดผู้ใช้ไปยังผู้ดูแลระบบ - ระบบคลังสินค้าจะทำการส่งข้อมูลรายละเอียดลูกค้าไปยังผู้ดูแลระบบ
61 แผนภาพกระแสข้อมูล ระดับ 1 (Data Flow Diagram Level 1) ของระบบแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการ ทำงานหลักของระบบทั้งหมด แสดงทิศทางการไหลของข้อมูลและแสดงรายละเอียดแหล่งจัดเก็บข้อมูล ดังภาพที่ 3.6 ภาพที่ 3.6 แผนภาพการไหลเวียนของข้อมูล ระดับ 1 (Data Flow Diagram Level 1)
62 อธิบาย Data Flow Diagram Level 1 จาก DFD level 1 สามารถแบ่งขั้นตอนการทำงานภายในระบบออกเป็น 5 ระบบ ดังนั้นจึงแยก Process ที่ เกี่ยวข้องกับระบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ Process 1 ระบบการเข้าสู่ระบบ ผู้ดูแลระบบ และ พนักงานขาย ป้อนข้อมูลการเข้าสู่ระบบไปยังระบบการเข้าสู่ระบบ โดยดึง ข้อมูลมาจากฐานข้อมูลพนักงาน Process 2 จัดการข้อมูลพื้นฐาน ผู้ดูแลระบบส่งข้อมูลลูกค้า ข้อมูลสินค้า ข้อมูลประเภทสินค้า ข้อมูลหน่วยนับ ข้อมูลพนักงาน ไป ยังระบบจัดการฐานข้อมูลและระบบจัดการฐานข้อมูลส่งข้อมูลเข้าไปเก็บไว้ในฐานข้อมูลและสามารถดึง ข้อมูลมาปรับปรุงแก้ไขได้จากนั้นระบบจัดการฐานข้อมูลจะส่งรายละเอียดข้อมูลลูกค้า สินค้า ประเภท สินค้า หน่วยนับ พนักงาน ไปยังผู้ดูแลระบบ Process 3 จัดการนำเข้าสินค้า ผู้ดูแลระบบส่งข้อมูลการนำเข้าสินค้าเข้าสู่ระบบจัดการนำเข้าสินค้า และระบบจัดการนำเข้า สินค้าส่งรายละเอียดการนำเข้าสินค้าไปยังผู้ดูแลระบบ โดยมีการเก็บข้อมูลไว้ในฐานข้อมูล Process 4 จัดการข้อมูลการขาย พนักงานขายส่งข้อมูลการขายไปยังระบบข้อมูลการขายและนำไปจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลจากนั้น ระบบส่งรายละเอียดข้อมูลการขายไปยังพนักงาน
63 ภาพที่ 3.7แผนภาพการไหลเวียนของข้อมูล ระดับ 1 (Data Flow Diagram Level 1 of Process 2 ระบบจัดการข้อมูลพื้นฐาน ) อธิบาย Data Flow Diagram Level 1 of Process 2 จาก DFD level 1 of Process 2 สามารถแบ่งขั้นตอนการทำงานภายในระบบออกเป็น 5 ระบบ ดังนั้น จึงแยก Process ที่ เกี่ยวข้องกับระบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ Process 1 ระบบจัดการสมาชิก ผู้ดูแลระบบนำข้อมูลสมาชิกเข้าสู่ระบบจัดการสมาชิกโดยมีการดึงข้อมูลมาจัดการแก้ไข จากฐานข้อมูลตำแหน่ง พนักงาน และนำข้อมูลไปจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล Process 2 จัดการข้อมูลตำแหน่ง
64 ผู้ดูแลระบบนำเข้าข้อมูลตำแหน่งเข้าสู่ระบบจัดการข้อมูลตำแหน่งโดยมีการดึงข้อมูลมา จัดการแก้ไขจากฐานข้อมูลตำแหน่ง พนักงาน และนำข้อมูลไปจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล Process 3 จัดการข้อมูลหน่วยนับ ผู้ดูแลระบบนำเข้าข้อมูลหน่วยนับสินค้าโดยมีการดึงข้อมูลมาจัดการแก้ไขจากฐานข้อมูล หน่วยนับสินค้า สินค้า และนำข้อมูลไปจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล Process 4 จัดการข้อมูลประเภทสินค้า ผู้ดูแลระบบนำเข้าข้อมูลประเภทสินค้าโดยมีการดึงข้อมูลมาจัดการแก้ไขจากฐานข้อมูล ประเภทสินค้า สินค้า และนำข้อมูลไปจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล Process 5 จัดการข้อมูลสินค้า ผู้ดูแลระบบนำเข้าข้อมูลสินค้าโดยมีการดึงข้อมูลมาจัดการแก้ไขจากฐานข้อมูลประเภท สินค้า หน่วยนับสินค้า สินค้า เคลื่อไหวสินค้า นำเข้าสินค้า และนำข้อมูลไปจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล ภาพที่ 3.8 แผนภาพการไหลเวียนของข้อมูล ระดับ 1 (Data Flow Diagram Level 1 of Process 3 ระบบ จัดการนำเข้าสินค้า)
65 อธิบาย Data Flow Diagram Level 1 of Process 4 จาก DFD level 1 of Process 3 สามารถแบ่งขั้นตอนการทำงานภายในระบบออกเป็น 5 ระบบ ดังนั้น จึงแยก Process ที่ เกี่ยวข้องกับระบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ Process 1 ระบบบันทึกการซื้อ ผู้ดูแลระบบนำข้อมูลการสั่งซื้อเข้าสู่ระบบบันทึกการซื้อโดยมีการจัดเก็บข้อมูลไว้ใน ฐานข้อมูลนำเข้าสินค้า Process 2 ระบบเพิ่มสินค้า ระบบเพิ่มสินค้าจัดเก็บข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลรายละเอียดนำเข้า Process 3 ระบบแก้ไข ระบบแก้ไขมีการดึงข้อมูลในฐานข้อมูลรายละเอียดนำเข้าและนำไปจัดเก็บไว้ใน ฐานข้อมูลรายละเอียดนำเข้า นำเข้าสินค้า Process 4 ระบบนำเข้า Stock ระบบนำเข้า Stock ดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลสินค้ามาแก้ไขและนำไปจัดเก็บไว้ใน ฐานข้อมูลสินค้า ข้อมูลการเคลื่อนไหวสินค้า
66 ภาพที่ 3.9แผนภาพการไหลเวียนของข้อมูล ระดับ 1 (Data Flow Diagram Level 1 of Process 4 ระบบจัดการข้อมูลการขาย )
67 อธิบาย Data Flow Diagram Level 1 of Process 4 จาก DFD level 1 of Process 3 สามารถแบ่งขั้นตอนการทำงานภายในระบบออกเป็น 4 ระบบ ดังนั้น จึงแยก Process ที่ เกี่ยวข้องกับระบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ Process 1 ระบบตรวจสอบสินค้า ลูกค้าส่งข้อมูลการสั่งซื้อเข้าสู่ระบบตรวจสอบสินค้าโดยดึงข้อมูลมาจากฐานข้อมูลสินค้า จากนั้นระบบส่งข้อมูลรายละเอียดการสั่งซื้อไปยังพนักงานขาย Process 2 ระบบบันทึกการขาย พนักงานขายส่งข้อมูลรายละเอียดการขายไปยังระบบบันทึกการขายไปจัดเก็บไว้ใน ฐานข้อมูลการขาย รายละเอียดการขาย เคลื่อนไหวสินค้า Process 3 ระบบแก้ไขข้อมูลการขาย พนักงานขายเพิ่ม ลบ แก้ไขข้อมูลการขายในระบบแก้ไขข้อมูลการขายซึ่งดึงข้อมูลมา จัดการแก้ไขในฐานข้อมูลการขาย รายละเอียดการขายและนำไปจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลการขาย รายละเอียดการขาย Process 4 ระบบตัด Stock ระบบตัด Stock นำข้อมูลมาจัดเก็บในฐานข้อมูลเคลื่อนไหวสินค้า Process 5 พิมพ์ใบเสร็จ ระบบส่งรายละเอียดใบเสร็จไปยังพนักงานขายโดยดึงข้อมูลมาจากฐานข้อมูลการขาย และรายละเอียดการขาย
68 3.4 การพัฒนาระบบ จากการศึกษารวบรวมข้อมูล วิเคราะห์และออกแบบระบบ โดยมีกรอบแนวคิดในการพัฒนาระบบ จาก การศึกษาปัญหาตามบริบทสภาพแวดล้อมในการทำงานจริง ทั้งนี้ผู้จัดทำได้ดำเนินการพัฒนาระบบ โดยการแบ่ง การออกแบบเป็นประเด็น ดังต่อไปนี้ 3.4.1 การสร้างฐานข้อมูล การออกแบบความสัมพันธ์ของข้อมูล E-R Diagram ผู้จัดทำโครงงานได้วิเคราะห์ ความสัมพันธ์ ของข้อมูล และดำเนินการจัดทำตารางข้อมูล ดังนี้ ภาพที่ 3.10 สร้างฐานข้อมูลตารางประเภทสินค้า (product_type) โดยทำการกำหนดและใส่ข้อมูลในส่วน ชื่อเขตข้อมูล ชนิดข้อมูล และขนาดเขตข้อมูล ได้แก่ 1) product_type_id รหัสประเภทสินค้า, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร โดย กำหนดเป็นคีย์หลักในฐานข้อมูลประเภทสินค้า 2) product_type_name ชื่อประเภทสินค้า, ข้อความยาว, จำนวน 30 ตัวอักษร 3) product_type_status สถานะประเภทสินค้า, ข้อความยาว, จำนวน 10 ตัวอักษร 4) product_type_update วันที่บันทึก, วันที่ 5) product_type_create วันที่แก้ไข, วันที่
69 ภาพที่ 3.11สร้างฐานข้อมูลตารางหน่วยนับสินค้า (product_ unit) โดยทำการกำหนดและใส่ข้อมูลในส่วน ชื่อเขตข้อมูล ชนิดข้อมูล และขนาดเขตข้อมูล ได้แก่ 1) product_ unit _id รหัสประเภทสินค้า, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร โดยกำหนด เป็นคีย์หลักในฐานข้อมูลหน่วยนับสินค้า 2) product_ unit _name ชื่อประเภทสินค้า, ข้อความยาว, จำนวน 20 ตัวอักษร 3) product_ unit _status สถานะประเภทสินค้า, ข้อความยาว, จำนวน 10 ตัวอักษร 4) product_ unit _update วันที่บันทึก, วันที่ 5) product_ unit _create วันที่แก้ไข, วันที่
70 ภาพที่ 3.12 สร้างฐานข้อมูลตารางตำแหน่ง (position) โดยทำการกำหนดและใส่ข้อมูลในส่วน ชื่อเขตข้อมูล ชนิดข้อมูล และขนาดเขตข้อมูล ได้แก่ 1) position_id รหัสประเภทสินค้า, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร โดยกำหนดเป็นคีย์ หลักในฐานข้อมูลตำแหน่ง 2) position_name ชื่อประเภทสินค้า, ข้อความยาว, จำนวน 20 ตัวอักษร 3) position_status สถานะประเภทสินค้า, ข้อความยาว, จำนวน 10 ตัวอักษร 4) position_update วันที่บันทึก 5) วันที่ position_create วันที่แก้ไข, วันที่
71 ภาพที่ 3.13 สร้างฐานข้อมูลตารางสินค้า (product) โดยทำการกำหนดและใส่ข้อมูลในส่วน ชื่อเขตข้อมูล ชนิดข้อมูล และขนาดเขตข้อมูล ได้แก่ 1) product _id รหัสประเภทสินค้า, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร โดยกำหนดเป็นคีย์ หลักในฐานข้อมูลสินค้า 2) product _name ชื่อประเภทสินค้า, ข้อความยาว, จำนวน 20 ตัวอักษร 3) product _unit_id รหัสหน่วยนับ, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร 4) product _ type _id รหัสประเภทสินค้า, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร 5) product _ price ราคา/หน่วย, ตัวเลขทศนิยม, จำนวน 18,2 ตัวอักษร 6) product _balance จำนวนสินค้าคงคลัง, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร 7) product _ status สถานะสินค้า, ข้อความยาว, จำนวน 10 ตัวอักษร 8) product _update วันที่บันทึก, วันที่ 9) product _create วันที่แก้ไข, วันที่
72 ภาพที่ 3.14 สร้างฐานข้อมูลตารางพนักงาน (staff) โดยทำการกำหนดและใส่ข้อมูลในส่วน ชื่อเขตข้อมูล ชนิดข้อมูล และขนาดเขตข้อมูล ได้แก่ 1) staff _id รหัสประเภทสินค้า, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร โดยกำหนดเป็นคีย์หลัก ในฐานข้อมูลพนักงาน 2) staff _name ชื่อประเภทสินค้า, ข้อความยาว, จำนวน 20 ตัวอักษร 3) position_id รหัสหน่วยนับ, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร 4) staff_address รหัสประเภทสินค้า, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร 5) staff_tel ราคา/หน่วย, ตัวเลขทศนิยม, จำนวน 18,2 ตัวอักษร 6) staff_user จำนวนสินค้าคงคลัง, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร 7) staff_password สถานะสินค้า, ข้อความยาว, จำนวน 10 ตัวอักษร 8) staff_status สถานะ, ข้อความยาว, จำนวน 50 ตัวอักษร 9) staff_update วันที่บันทึก, วันที่ 10) staff_create วันที่แก้ไข, วันที่
73 ภาพที่ 3.15 สร้างฐานข้อมูลตารางการขาย (sale) โดยทำการกำหนดและใส่ข้อมูลในส่วน ชื่อเขตข้อมูล ชนิดข้อมูล และขนาดเขตข้อมูล ได้แก่ 1) sale_id รหัสประเภทสินค้า, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร โดยกำหนดเป็นคีย์หลัก ในฐานข้อมูลการขาย 2) sale _name ชื่อลูกค้า, ข้อความยาว, จำนวน 20 ตัวอักษร 3) sale_code เลขที่บิล, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร 4) sale_date วันที่/เวลาขาย, วันที่เวลา 5) sale_type ประเภทการขาย, ข้อความยาว, จำนวน 20 ตัวอักษร 6) bill_type ประเภทบิล, ข้อความยาว, จำนวน 20 ตัวอักษร 7) product_name ชื่อสินค้า, ข้อความยาว, จำนวน 20 ตัวอักษร 8) sale_amout ราคารวม, ทศนิยม, จำนวน 18,2 ตัวอักษร 9) sale_vat ราคา vat, ทศนิยม, จำนวน 18,2 ตัวอักษร 10) sale_total ราคาสุทธิ, ทศนิยม, จำนวน 18,2 ตัวอักษร 11) customer_id รหัสลูกค้า, จำนวน 11 ตัวอักษร 12) staff_id รหัสพนักงาน, จำนวน 11 ตัวอักษร
74 ภาพที่ 3.16 สร้างฐานข้อมูลตารางการขาย (sale) (ต่อ) โดยทำการกำหนดและใส่ข้อมูลในส่วน ชื่อเขตข้อมูล ชนิดข้อมูล และขนาดเขตข้อมูล ได้แก่ 1) sale_status สถานะการขาย, ข้อความยาว, จำนวน 10 ตัวอักษร 2) sale _update วันที่แก้ไข, วันที่ 3) sale _create วันที่สร้าง, วันที่
75 ภาพที่ 3.17 สร้างฐานข้อมูลตารางลูกค้า (customer) โดยทำการกำหนดและใส่ข้อมูลในส่วน ชื่อเขตข้อมูล ชนิดข้อมูล และขนาดเขตข้อมูล ได้แก่ 1) customer_id รหัสลูกค้า, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร โดยกำหนดเป็นคีย์หลักใน ฐานข้อมูลลูกค้า 2) customer_name ชื่อลูกค้า, ข้อความยาว, จำนวน 20 ตัวอักษร 3) customer_address ที่อยู่, ข้อความยาว, จำนวน 20 ตัวอักษร 4) customer_tel เบอร์โทร, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร 5) customer_status สถานะลูกค้า, ข้อความยาว, จำนวน 10 ตัวอักษร 6) customer_update วันที่แก้ไข, วันที่ 7) customer_create วันที่สร้าง, วันที่
76 ภาพที่ 3.18สร้างฐานข้อมูลตารางนำเข้าสินค้า (product_receive) โดยทำการกำหนดและใส่ข้อมูลในส่วน ชื่อเขตข้อมูล ชนิดข้อมูล และขนาดเขตข้อมูล ได้แก่ 1) product_receive_id รหัสนำเข้าสินค้า, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร โดยกำหนด เป็นคีย์หลักในฐานข้อมูลประเภทสินค้า 2) product_id รหัสสินค้า, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษ 3) product_receive_name ชื่อสินค้านำเข้า, ข้อความยาว, จำนวน 20 ตัวอักษร 4) product_receiv_qty จำนวนรับเข้า, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร 5) product_cost ราคาทุน, ตัวเลข, จำนวน 11 ตัวอักษร 6) product_receive_date วันที่รับเข้า, ข้อความยาว, จำนวน 20 ตัวอักษร 7) product_receive_status สถานะนำเข้า, ข้อความยาว, จำนวน 10 ตัวอักษร 8) product_receive_update วันที่แก้ไข, วันที่ 9) product_receive_create วันที่สร้าง, วันที่
77 3.4.2 การออกแบบหน้าจอ การออกแบบหน้าจอเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการสร้างแบบหน้าจอไว้ใช้งานจริงในระบบ ได้ทำการแบ่ง หน้าจอออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ ส่วนของผู้ดูแลระบบ และ พนักงานขาย หน้าจอส่วนผู้ดูแลระบบ ภาพที่ 3.19 หน้า Login เข้าสู่ระบบ
78 ภาพที่ 3.20 หน้าหลักของผู้ดูแลระบบ ภาพที่ 3.21 หน้าฟอร์มนำเข้าสินค้า
79 ภาพที่ 3.22 หน้ารายการนำเข้าสินค้า ภาพที่ 3.23 หน้าฟอร์มสินค้า
80 ภาพที่ 3.24 หน้ารายการสินค้า ภาพที่ 3.25 หน้าฟอร์มประเภทสินค้า
81 ภาพที่ 3.26 หน้ารายการประเภทสินค้า ภาพที่ 3.27 หน้าฟอร์มหน่วยนับสินค้า
82 ภาพที่ 3.28 หน้ารายการหน่วยนับสินค้า ภาพที่ 3.29 หน้าฟอร์มลูกค้า
83 ภาพที่ 3.30 หน้ารายการลูกค้า ภาพที่ 3.31 หน้าฟอร์มพนักงาน
84 ภาพที่ 3.32 หน้ารายการพนักงาน ภาพที่ 3.33 หน้าฟอร์มตำแหน่ง
85 ภาพที่ 3.34 หน้ารายการตำแหน่ง
86 -หน้าจอส่วนของพนักงานขาย ภาพที่ 3.35 หน้าหลัก ภาพที่ 3.36 หน้าการขายสินค้า
87 ภาพที่ 3.37 หน้าการขายสินค้าทั้งหมด ภาพที่ 3.38 หน้ารายงานการขายสินค้า
88 3.5 การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผลการประเมินระบบ 3.5.1 ผลการประเมินความพึงพอใจในการใช้งานระบบคลังสินค้าร้าน 111 (ตองหนึ่ง) การไฟฟ้า ภาพที่ 3.39 ผลการประเมินความพึงพอใจในการใช้งานระบบ