รายงาน
เรื่อง ประวัตินักดนตรี
จัดทาโดย
นางสาว ภัทรมล เรืองรุ่ง
ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5/1 เลขท่ี 7
เสนอ
คณุ ครู เมธาสิทธิ์ แก้วอยู่
รายงานฉบบั นีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของรายวชิ าดนตรี
โรงเรียนพลูหลวงวทิ ยา(วดั โคกพลู)
ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2564
คานา
รายงานฉบับนจ้ี ัดทาขน้ึ เพอ่ื เปน็ ส่วนหนึ่งของรายวชิ าดนตรี ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5
โดยมีจุดประสงค์เพ่อื ศึกษาความรู้ที่ไดจ้ ากเร่อื ง ประวตั นิ กั ดนตรีไทย สากล โดยมีจุดประสงค์
เพื่อให้ผจู้ ัดทาไดฝ้ ึกการศึกษาคน้ คว้า และนาสง่ิ ท่ไี ดศ้ กึ ษาคน้ คว้ามาสร้างเปน็ ช้ินงานเกบ็ ไวเ้ ปน็
ประโยชนต์ ่อการเรยี นของตนเองหรอื ผู้ท่สี นใจจะศกึ ษาในเร่ืองน้ี ในรายงานฉบบั นี้มีเน้อื หา
ประกอบด้วย ประวัตคิ วามเป็นมาเบอ้ื งตน้ ของนักดนตรีไทย และสากล รวมไปถึงผลงานของ
นกั ดนตรแี ต่ละ่ ท่านด้วย ซง่ึ ผู้จดั ทาได้ศกึ ษาอย่างเข้าใจเพอ่ื เป็นประโยชน์แก่การเรียนในรายวชิ า
นต้ี ่อไป
ผู้จัดทาหวังว่า รายงานเลม่ น้จี ะเป็นประโยชนก์ ับผอู้ า่ น หรือนักเรยี น ทก่ี าลงั หา
ขอ้ มลู เร่อื งนี้อยู่หากมีข้อแนะนาหรือขอ้ ผิดพลาดประการใด ผูจ้ ดั ทาขอนอ้ มรับไว้และขออภยั มา
ณ ทน่ี ด้ี ้วย
เรียบเรียงโดย
นางสาว ภทั รมล เรืองร่งุ
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5/1 เลขที่ 7
2/12/2564
สารบญั
เรื่อง หนา้
ครูมนตรี ตราโมท.....................................................................................................................1
หลวงประดษิ ฐไพเราะ(ศร ศลิ ปบรรเลง)..................................................................................4
จอรจ์ ฟริเดอรกิ แฮนเดล...........................................................................................................7
โวลฟ์ กงั อะมาเดอุส โมสารท์ ....................................................................................................9
สก็อต จอปลิน............................................................................................................................12
บรซู แกสตนั ...............................................................................................................................13
บรรณานกุ รม...............................................................................................................................15
1
ครูมนตรี ตราโมท
นายมนตรี ตราโมท เกดิ เมื่อวันท่ี ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๔๓ ทีต่ าบลทา่ พีเ่ ลย้ี ง อาเภอเมือง
จังหวดั สุพรรณบรุ ี บิดาชอื่ ย้ิม และมารดาชื่อ ทองอยู่
เรมิ่ เรียนหนงั สอื ท่โี รงเรยี นประจาจังหวดั สุพรรณบุรี (ปรชี าพทิ ยากร) จบชั้นมัธยมปีท่ี ๓ เมือ่ เข้ามา
อยู่กรมมหรสพแล้วได้เรยี นตอ่ ในโรงเรียนพรานหลวง จนจบชนั้ มัธยมปที ี่ ๖
สนใจดนตรไี ทยมาแต่เดก็ เรม่ิ เรียนเมื่ออายุประมาณ ๑๐ ปี โดยมีครสู มบญุ นกั ฆ้อง (ครูอว้ น) เป็นครู
คนแรก คร้ันอายุได้ ๑๓ ปี (พ.ศ. ๒๔๕๖) ไดไ้ ปเรียนดนตรี ป่ีพาทย์ และเรียนเครอ่ื งดนตรฝี ร่ัง (แตรวง) ต่อที่
บ้านครสู มบุญ สมสวุ รรณ ตาบลบางกะพรอ้ ม จังหวดั สมทุ รสงคราม จนมฝี มี ือดี และได้เรียนรูห้ ลกั การแต่ง
เพลงด้วย
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ อายุ ๑๗ ปี ได้สมัครเข้ามารบั ราชการในกรมพิณพาทยห์ ลวง กรมมหรสพมหาดเลก็
(วงั จันทรเ์ กษม) ซ่ึงมพี ระยาประสานดรุ ิยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) เป็นครูใหญ่ ณ วงั จันทร์ ฯ นไ้ี ด้เรยี น
ฆ้องใหญ่ จาก หลวงบารงุ จติ รเจรญิ (ธปู สาตรวิลยั ) เรยี นกลองแขก จาก พระพิณบรรเลงราช (แยม้ ประสาน
ศัพท์) เรยี นระนาดทุ้มจากพระพาทย์บรรเลงรมย์ (พมิ พ์ วาทิน) ตอ่ มาพระยาประสานดุริยศัพท์ได้กรุณาสอน
ต่อให้อีก และได้รบั เลือกให้เป็นคนตรี ะนาดทุ้มประจาใน “วงตามเสดจ็ พระราชดาเนิน” ซ่ึงไม่ว่า
พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อย่หู ัว จะเสดจ็ แปรพระราชฐานไปท่ีใด วงนีจ้ ะต้องตามเสด็จเสมอ จึงได้
ใกลช้ ดิ ในเบื้องพระยุคลบาทเป็นพิเศษเสมอมา
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๗ อายุ ๒๔ ปี อปุ สมบท ณ วัดสวุ รรณภูมิ จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี โดยมีพระครโู พธาภิรตั ิ
(สอน) เปน็ พระอปุ ัชฌาย์ มีความสามารถสอบนกั ธรรมตรี ไดท้ ี่ ๑ ของจังหวดั อุปสมบทอยู่ ๑ ปี จงึ กลบั มา
รับราชการ และในปีรงุ่ ขน้ึ ก่อนรชั กาลที่ ๖ สวรรคตไม่นาน กไ็ ดเ้ รยี นหนา้ พาทย์ช้ันสงู ถงึ ขนั้ องคพ์ ระ โดยตอ่
จากท่านครูทองดี ชูสัตย์ ครูอาวโุ สในสมยั น้ัน
2
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๔ ไดท้ าหน้าทีบ่ ันทึกเพลงไทยเปน็ โน้ตสากล โดยมหี นา้ ทเี่ ป็นผบู้ อกทางระนาดทุ้มไม้
และระนาดท้มุ เหลก็ ไดท้ าการบนั ทึกเสียงเพลงไทยใหแ้ ก่ราชบณั ฑิตยสภา
ตอ่ มาไดม้ ีการเปล่ยี นสังกัดจากกรมพิณพาทยห์ ลวง มาขน้ึ ตอ่ กรมศลิ ปากรในปี พ.ศ. ๒๔๗๘ จึงได้ย้าย
มาประจากรมศิลปากร ระยะน้ีได้เป็นศิษย์ของหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศลิ ปบรรเลง) และทา่ นครูได้มอบให้
ทาหนา้ ทคี่ รอบประสิทธปิ์ ระสาทวชิ าการดนตรไี ด้ ระยะนีเ้ องได้เรียนโนต้ สากลเพมิ่ เติมจากพระเจนดรุ ิยางค์
จนสามารถอา่ นเขียนโนต้ สากลไดอ้ ยา่ งคล่องแคล่วชานาญย่ิง รบั ราชการอยูใ่ นกรมศิลปากร มาจนถงึ พ.ศ.
๒๔๘๓ จึงไดด้ ารงตาแหนง่ หวั หน้าแผนกดรุ ยิ างค์ไทย กองการสังคีต กรมศลิ ปากร
อาจารยม์ นตรี ตราโมท เริ่มรบั ราชการตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้รับพระราชทานเงนิ เดือนเรม่ิ แรก เดือน
ละ ๘ บาท รบั ราชการจนเกษียณอายุ เมือ่ วนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๕ เปน็ เวลาติดตอ่ กนั ถึง ๔๕ ปี
ผลงานในด้านวิชาการ เริ่มแต่งเพลงครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓ (อายุได้ ๒๐ ปี) เพลงแรกทแ่ี ตง่ คอื
ลาวต้อยตลิ่ง ๓ ชั้น เพลงที่ ๒ คือ เพลงพมา่ เห่เถา จากนั้นก็แตง่ เพลงขน้ึ เรื่อย ๆ จนมจี านวนเพลงมากมาย
กว่า ๒๐๐ เพลง
o ผลงานเพลงประเภทโหมโรง ได้แก่ โหมโรงขบั ไม้บณั เฑาะว์ โหมโรงราโค โหมโรงเอื้องคา โหมโรง
รัตนโกสนิ ทร์สามชนั้ ฯลฯ
o ประเภทเพลงเถา ได้แก่ โสมสอ่ งแสงเถา แขกกลุ ติ เถา แขกต่อยหม้อเถา ขอมทรงเครื่องเถา มอญ
ราดาบเถา ขอมเงนิ เถา กล่อมนารเี ถา กาเรยี นทองเถา และสมโภชพระนครเถา เปน็ ต้น
o ในบรรดาเพลงสามชน้ั ได้แก่ จระเขห้ างยาวทางสักวา เขมรปแ่ี ก้วทางสักวา ตน้ เพลงยาวสามช้นั
เทพพนมสามช้นั ประพาสมหรรณพสามชัน้ ฯลฯ
o ในประเภทเพลง ประวตั ศิ าสตร์ ได้แก่ ระบาโบราณคดหี ลายชดุ สิบสองจไุ ทย ขุนบรม ฝั่งโขง ไทย
มุง ฯลฯ
o ประเภทเพลงระบา ได้แก่ นกเขามะราปี ระบานพรตั น์ ไกรลาศสาเรงิ มยรุ าภริ มย์ บันเทิงกาสร
ระบาเงือก ระบาดอกบัว อัศวลลี า ฯลฯ
o ในดา้ นเพลงไทยสากล อาจารย์มนตรีเคยประกวดแตง่ เพลงวันชาติ ๒๔ มิถนุ ายน ไดร้ ับรางวลั ที่ ๑
เรียกวา่ เพลงวันชาติ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ เพลงม่านมงคลของทา่ น ไดร้ ับการยกย่องให้เป็นเพลงไทย
ยอดนยิ มไดร้ ับรางวลั เสาอากาศทองคา นอกจากน้ียังทาหน้าทแี่ ตง่ เพลงสาคัญสาหรับการแสดง
นาฏศลิ ป์ ในโอกาสท่ีกรมศิลปากรไปแสดงยังตา่ งประเทศเป็นประจา อาทิ เพลงพมา่ ไทยอธษิ ฐาน
ลาวไทยปณธิ าน ฯลฯ
o ในดา้ นรอ้ ยกรอง อาจารย์มนตรีเปน็ กวผี ยู้ อดเย่ียมคนหนึง่ นอกจากจะแต่งบทร้อง เพลงตับ เพลงเถา
แล้ว ยงั แตง่ กวีนิพนธไ์ วห้ ลายเรือ่ ง อาทิ โคลงกลบทช้างประสานงา โคลงกลบทหลงห้อง โคลงกล
บทพรหมพักตร์ โคลงกลบทสักวา โคลงกลบทสาลินี โคลงกลบทฉมัง และนิราศอิหร่านราชธรรม
เป็นตน้ รวมท้ังทาบทโทรทัศน์ บทละคร เป็นอนั มาก
o ในด้านตารา ได้แต่ง ตาราดรุ ิยางคศาสตร์ ศัพท์สังคีต การละเล่นของไทย ประวัติบทเพลงตา่ ง ๆ
และบทความทางประวตั ิการดนตรีไทยอกี มากมายจนนับไมถ่ ว้ น เป็นอาจารย์พเิ ศษสอนใน
3
มหาวิทยาลัยหลายแหง่ จนได้รับพระราชทานปริญญาดษุ ฎีบณั ฑิตกติ ติมศกั ด์จิ ากมหาวิทยาลยั
ศลิ ปากร จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั และมหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ไดร้ ับพระราชทานเหรียญ
ดุษฎีมาลาเขม็ ศิลปวทิ ยา เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๑๔
ชีวติ ครอบครวั อาจารย์มนตรีแต่งงานครั้งแรกกับคุณล้ินจี่ บรุ านนท์ มีบุตรชอื่ ฤทธี และศลิ ปี
ตราโมท อาจารยศ์ ิลปีเป็นนักดนตรีผสู้ ามารถมากคนหนึ่ง และเป็นหัวหนา้ แผนกดุริยางค์ของกองสังคีต กรม
ศิลปากร ต่อมาคุณลิน้ จี่ถึงแก่กรรม (พ.ศ. ๒๔๘๐) จึงได้แตง่ งานกบั คุณพูนทรัพย์ นาฏประเสรฐิ มบี ตุ รีชอื่
ดนตรี เป็นนกั รอ้ งและนกั ดนตรี และบุตรชายชื่อ ญานี เป็นสถาปนิกและนกั จดั รายการวิทยุโทรทัศน์
อาจารย์มนตรเี ป็นผทู้ รงความรู้และเปน็ หลกั สาคัญของวงการดนตรีไทยที่ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน
มีทั้งความรู้ความสามารถในส่วนตวั และการถ่ายทอดให้แก่ศษิ ย์ มีความจายอดเยีย่ ม และเป็นคนละเอียดถี่
ถว้ นในวิชาการ เปน็ บรมครูของวงการดนตรีไทยที่มผี ูเ้ คารพนับถือมากทีส่ ดุ
อาจารยม์ นตรี ตราโมท ไดร้ ับคดั เลอื กให้เป็นศลิ ปินแหง่ ชาติ สาขาศลิ ปะการแสดง (ดนตรไี ทย) พ.ศ.
๒๕๒๘ ศิลปนิ อาเซยี น พ.ศ. ๒๕๓๐ และนักวจิ ัยดีเด่นแหง่ ชาติ สาขาปรชั ญา พ.ศ. ๒๕๒๙ ต่อมาเมื่อวนั ท่ี ๖
สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ อาจารย์มนตรไี ดถ้ ึงแก่กรรมลง สริ ริ วมอายุได้ ๙๕ ปี
เกียรติคุณในฐานะบัณฑิต
o ได้รบั พระราชทานปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎบี ณั ฑิตกิตตมิ ศักดิ์ จากมหาวทิ ยาลยั ศิลปากร เมื่อ 14
ตลุ าคม พ.ศ. 2523
o ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตงั้ เป็นราชบณั ฑติ ในประเภทวจิ ติ รศิลป์ สานกั ศลิ ปกรรม ตาม
ประกาศสานักนายกรฐั มนตรี ลง 24 มิถุนายน พ.ศ. 2524
o ไดร้ บั พระราชทานปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบณั ฑติ กติ ติมศักด์ิ จากจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย เมื่อ 9
กรกฎาคม พ.ศ. 2524
o ไดร้ ับพระราชทานปรญิ ญาศลิ ปศาสตรด์ ุษฎีบณั ฑิตกิตตมิ ศักดิ์ จากมหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ เมอ่ื
15 กรกฎาคม พ.ศ. 2526
รางวัล
o ศิลปนิ แหง่ ชาติ สาขาดนตรีไทย พ.ศ. 2528 (มนตรี ตราโมท เปน็ ผูท้ ่มี ีความสามารถในด้านดนตรีและ
เพลงไทยเป็นเยยี่ มหาผใู้ ดเทยี บมิได้ สมควรที่จะไดเ้ ป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาดนตรีไทยอย่างแท้จรงิ )
o นกั วิจัยดเี ดน่ แห่งชาติ พ.ศ. 2529
4
หลวงประดษิ ฐไพเราะ(ศร ศิลปะบรรเลง)
หลวงประดิษฐไพเราะ เปน็ บุตรคนสดุ ท้องของนายสิน และนางยิม้ ศลิ ปบรรเลง เกดิ เม่ือวันท่ี ๖
สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๒๔ ท่ีตาบลคลองดาวดงึ ส์ จังหวัดสมุทรสงคราม ครสู นิ ผบู้ ิดาน้นั เป็นเจา้ ของวงปี่พาทย์ และ
เป็นศษิ ยข์ อง พระประดษิ ฐ์ไพเราะ(ครูมแี ขก หรือ มี ดุรยิ างกูร)
เร่ิมหดั ดนตรตี ัง้ แตอ่ ายุ ๕ ขวบ กบั บดิ า โดยเรม่ิ ต้นเรยี นฆ้องใหญก่ ่อนแลว้ เร่ิมหัดระนาดอย่างเอางาน
เอาการเมื่ออาย ๑๑ ปี จนสามารถออกงานประชันฝีมือได้ตั้งแตอ่ ายุเขา้ สูว่ ัยหนุ่ม โดยไดแ้ สดงฝมี ือเดี่ยวคร้ัง
แรกท่จี วนผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบรุ ี ในงานโกนจุกธดิ าของพระยาสรุ พนั ธ์พิสุทธิ์ ขา้ หลวงใหญ่แห่งมณฑล
ราชบุรี
ในปพี .ศ. ๒๔๔๓ อายุ ๑๙ ปี ไดแ้ สดงฝีมอื เด่ียวระนาดเอกถวายสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจา้ ฟ้ากรม
พระยาภาณุพนั ธ์วุ งศว์ รเดชท่ีถา้ เขางู ราชบุรี เป็นทีต่ ้องพระทยั มาก จึงทรงรับตวั เข้ามาไวท้ ่ีวังบูรพาภิรมย์
ในปีตอ่ มาได้ทาหนา้ ทเ่ี ป็นจางวางมหาดเล็ก จงึ ขนามนามท่านว่า “จางวางศร” มาต้ังแต่ครัง้ นน้ั และได้เป็น
คนระนาดเอกประจาวงพิณพาทยว์ ังบรู พา โดยทรงหาครูมาสอนหลายคน ทส่ี าคัญคอื พระยาประสานดุริย
ศัพท์ (แปลก ประสานศัพย์)
เม่อื อายุครบบวช กไ็ ด้บรรพชาทีว่ ดั บวรนิเวศวหิ าร โดยมสี มเดจ็ พระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิร
ญาณวโรรส เปน็ พระอุปัชฌาย์ แล้วทรงจดั การให้แตง่ งานกบั นางสาว โชติ หุราพันธ์ ธดิ าของ พันโทพระ
ประมวลประมาณพล
นับต้งั แต่มาอยวู่ งั บูรพา จางวางศรได้รับพระกรณุ าจาก สมเด็จเจา้ ฟา้ ฯ เปน็ อย่างมากหาผ้ใู ดเสมอมิได้
ทรงจัดหาครทู ี่มฝี มี อื ดีเดน่ ทุกทางมาสอน ทรงบังคบั ใหฝ้ ึกซอ้ มจนถึงทรงลงพระอาญา นับว่าทรงเค่ยี วเข็ญมาก
จนจางวางสอนไดช้ ื่อวา่ เป็นคนเกง่ ทส่ี ุดแห่งยุคนน้ั ประชันระนาดกับผใู้ ดกช็ นะ นาความชื่นชมโสมนสั มามสู่
องค์ผู้ทรงอุปถมั ภ์เปน็ อยา่ งยงิ่
5
จางวางศร ไม่ใชเ่ ปน็ แต่เพียงนกั ดนตรีมีฝีมือมีความร้รู อบตัวสามารถเลน่ ดนตรีไดท้ ุกประเภทเทา่ น้ัน แต่
ท่านยังมีสตปิ ญั ญาเฉียบแหลม สามารถคน้ คดิ ประดษิ ฐเ์ พลงตาราได้อยา่ งไพเราะในเวลาอนั รวดเรว็ เสมือน
หน่ึงว่าทานองเพลงนน้ั หล่ังไหลออกมาจากสมองของท่านอยา่ งไม่ขาดสาย เปน็ คนจาเพลงแม่น มปี ฏภิ าณดี
เป็นเยย่ี ม และมีนสิ ยั ชอบค้นคดิ ประดิษฐ์ เทคนิคการบรรเลงแบบใหม่ ๆ ขึน้
ในสมัยรชั กาลที่ ๕ นั้น จางวางศร เพง่ิ เข้ามาอยกู่ รุงเทพ ฯ ได้ไม่นานนกั แตท่ า่ นกไ็ ด้แสดงฝมี ือไวไ้ ม่น้อย
ได้เปน็ นักดนตรีชุดพิเศษของหลวงทเี่ รยี กว่า “วงปพ่ี าทย์ฤาษ”ี เชน่ เมอื่ ครงั้ ตามเสดจ็ สมเด็จวงั บูรพาไป
อนิ โดนเี ซยี ท่านก็ไดน้ าเพลงชวาหลายเพลงมาปรบั ปรุงเม่ือปี พ.ศ. ๒๔๕๑ เพลงรนุ่ นี้คือ เพลงบญุ เต็นซอล์ค
(สมยั นี้เรียกวา่ บูเซ็นซอก แปลว่า ไกลกังวล) เพลงยะวาเก่า ฯลฯ จางวางศรเปน็ ผู้นาเคร่ืองดนตรชี วาซง่ึ เขย่า
ดว้ ยไม้ไผเ่ รียกวา่ “องุ คะรงุ ” ซึ่งมเี พยี ง ๕ เสยี งเข้ามาเมืองไทยในปีนนั้ โดยประดิษฐใ์ หเ้ ปน็ เสียงไทย ๗ เสียง
แล้วมอบให้ศิษย์ชื่อ นายเออ้ื น ดิษฐเ์ ชย เอาไปเหลาท่บี า้ นสวนมะลินาออกเขยา่ เผยแพร่โดยเขย่า ๒ มือ มือ
ละเสียง เทา่ กับวา่ เป็นการพัฒนา วงองั กะลงุ ของชวาให้มาเปน็ แบบไทยจางวางศรจึงได้ชอื่ ว่าเป็นบิดาของวง
อังกะลุงและครเู อือ้ นจึงไดช้ ่อื วา่ เป็นคนเหลาองั กะลุงคนแรก บรรเลงครง้ั แรกท่ีวดั ราชาธวิ าสในงานกฐนิ หลวง
ใน พ.ศ. ๒๔๕๘ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว เสด็จเลยี บมณฑลปักษใ์ ต้ ทา่ นได้ประดิษฐ์
เพลงเขมรเขาเขียวขน้ึ เปน็ เพลงเถา ใช้ชอื่ วา่ เพลงเขมรเลียบนคร ทาเป็นทางกรอข้นึ บรรเลงถวาย นบั เปน็ การ
ประดิษฐก์ ารบรรเลง “ทางกรอ” ขึน้ ใหม่เป็นววิ ฒั นาการอีกแบบหนึง่ ของแบบฉบบั ซ่ึงนิยมมาจนบดั นี้
จางวางศร ไดร้ ับพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็นหลวงประดษิ ฐไพเราะในรัชกาลที่ ๖ เมอ่ื วันท่ี ๑๗
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ ทง้ั ๆ ทท่ี ่านไมเ่ คยรับราชการอยู่ในกรมกองใดมาก่อนเลย ท้งั น้ีเพราะเปน็ ผู้มฝี มี อื
และความสามารถเลศิ ล้น เป็นทีต่ ้องพระราชหฤทยั มาก
ในสมยั รัชกาลท่ี ๖ และที่ ๗ หลวงประดษิ ฐต้องรบั หนา้ ที่ควบคมุ วงดนตรี ณ วังลดาวัลย์ ของ สมเดจ็
เจ้าฟา้ กรมหลวงลพบรุ รี าเมศร์ เพ่ิมเติมขึน้ อีกวงหนง่ึ ซึ่งเรียกกนั ว่า วงบางคอแหลม ได้ประดิษฐท์ างเพลง
สาหรับวงบางคอแหลมขึน้ เป็นพเิ ศษ เชน่ แขกลพบุรีทางบางคอแหลม เชิดจีนทางบางคอแหลม เปน็ ต้น
ครัน้ ถึงปี พ.ศ. ๒๔๖๙ ได้เขา้ รับราชการในกรมป่ีพาทย์และโขนหลวงกระทรวงวัง ซ่งึ เป็นสมยั รชั กาล
ท่ี ๗ หลวงประดิษฐไดม้ สี ่วนถวายการสอนดนตรีไทยแก่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยหู่ วั และสมเดจ็
พระนางเจา้ ราไพพรรณีพระบรมราชินี รวมทงั้ ไดม้ สี ่วนชว่ ยในงานพระราชนิพนธ์เพลงไทย สามเพลง คือ
เพลงราตรปี ระดบั ดาวเถา เพลงเขมรละออองคเ์ ถา และเพลงโหมโรงคลนื่ กระทบฝงั่ ๓ ชั้น รวมทัง้ ได้ช่วย
ก่อตั้งวงมโหรีสว่ นพระองค์ และวงมโหรีหญิงในราชสานักด้วย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูห่ วั ได้
พระราชทานเหรยี ญดุษฎีมาลา เขม็ ศิลปวิทยา เมื่อวนั ท่ี ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ และได้รบั พระราชทาน
ตราเบญจมาภรณ์มงกฎุ ไทย ในปี พ.ศ. ๒๔๗๓ รบั ตาแหน่งปลัดกรมป่ีพาทย์และโขนหลวงกระทรวงวงั รับ
พระราชทานเงนิ เดือน เดือนละ ๑๕๐ บาท เม่อื พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเสด็จเจรญิ พระราชไมตรีไปยัง
เมืองเขมร ในปี พ.ศ. ๒๔๗๒-๒๔๗๓ หลวงประดิษฐได้ตามเสด็จด้วย และได้ไปชว่ ยสอนดนตรใี หแ้ กร่ าช
สานกั เขมรหลายเดือน เม่ือกลับมากไ็ ดน้ าเพลงสาเนียงเขมรมาประดิษฐ์ข้นึ เป็นเพลงไทยหลายเพลง อาทิ
ขะแมชม ขะแมซอ ขะแมกอฮอม เปน็ ต้น
6
เม่ือสมเดจ็ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ทรงจดั ใหม้ ีการบนั ทึกเพลงไทยเป็นโน้ตสากล หลวง
ประดิษฐไดท้ าหน้าที่เปน็ ผ้บู อกเพลงร่วมกับครดู นตรหี ลายทา่ น อาทิ พระยาเสนาะดุรยิ างค์ จางวางทัว่ พาทย
โกศล อาจารย์มนตรี ตราโมท โดยมีขนุ สมานเสยี งประจักษ์ นายพษิ ณุ แช่มบาง นายโฉลก เนตตะสูต เปน็
ผู้ช่วยเขียนบนั ทึกลงเปน็ โนต้ สากล ผลงานนี้ได้เกบ็ ไวท้ กี่ องการสงั คตี กรมศิลปากร และห้องสมดุ ดนตรี
ทนู กระหม่อมบรพิ ัตร ฯ
หลวงประดิษฐไพเราะได้ช่ือวา่ เปน็ ผมู้ ีความอารี อุปถัมภ์คา้ ชนู กั ดนตรีด้วยกัน รกั และหว่ งใยในศิษย์
ในสมยั รัชกาลที่ ๕ มนี กั ดนตรีจากเมืองมอญมาอย่กู ับทา่ นชื่อ ครสู ุม่ ดนตรีเจริญ หลวงประดษิ ฐ ใหอ้ ุปถมั ภใ์ น
ตอนตน้ และให้ความนบั ถอื แลกฝมี อื และแลกเพลงซ่ึงกนั และกนั จงึ เกิดเปน็ เพลงเถาใหม่ ๆ ข้ึนในยคุ นัน้ หลาย
เร่อื ง
กล่าวกนั ว่า หลวงประดิษฐไพเราะ แต่งเพลงไวม้ ากกวา่ ๓๐๐ เพลงบางเพลงก็ร่วมแต่งกับนักดนตรี
ทา่ นอืน่ อาทิ เจา้ คุณครูพระยาประสานดรุ ยิ ศัพท์ มีท้งั ทแ่ี ต่งขึ้นจากเพลงสองชนั้ ของเดิม ที่แต่งขึ้นใหมท่ ัง้ หมด
และทดี่ ัดแปลงมาจากเพลงของต่างชาติ เปน็ เจา้ ของเพลงโหมโรงหลายเพลง อาทิ โหมโรงกระแตไต่ไม้ โหมโรง
ปฐมดุสิต โหมโรงศรทอง โหมโรงประชมุ เทวราช โหมโรงบางขุนนนท์ โหมโรงนางเย้ยื ง โหมโรงมา้ สบัดกีบ และ
โหมโรงบูเต็นซอลค์ เปน็ ต้น
o ในด้านเพลงเถามีอย่เู ปน็ จานวนนบั รอ้ ยเพลง อาทิ กระต่ายชมเดือนเถา ขอมทองเถา เขมรเถา เขมร
ปากท่อเถา เขมรราชบุรีเถา แขกขาวเถา แขกสาหร่ายเถา แขกโอดเถา ครวญหาเถา จีนลั่นถนั เถา ชม
แสงจนั ทรเ์ ถา เตา่ เหเ่ ถา นกเขาขะแมร์เถา พราหมณ์ดีดนา้ เตา้ เถา มลุ ่งเถา แมลงภทู่ องเถา ยวนเคลา้
เถา ชา้ งกนิ ใบไผ่เถา ระหกระเหินเถา ระส่าระสายเถา ไส้พระจันทร์เถา ลาวเส่ียงเทียนเถา แสนคานงึ
เถา สาวเวยี งเหนอื เถา สารกิ าเขมรเถา โอ้ลาวเถา ครุ่นคดิ เถา กาสรวลสุรางคเ์ ถา แขกไทรเถา
สุรนิ ทราหูเถา เขมรภูมปิ ระสาทเถา แขไขดวงเถา ล่องเรือเถา พระอาทติ ยช์ งิ ดวงเถา กราวราเถา
ฯลฯ
o ในกระบวนเพลงเถาต่างๆ ได้ทาเพลงสช่ี ้นั สามชน้ั สองชัน้ และชน้ั เดยี ว ไวห้ ลายเพลง อาทิ
สุรนิ ทราหู เขมรไทรโยค แขกพราหมณ์ ดาวจระเข้ เปน็ ต้น
o ในกระบวนทางเปลย่ี น ไดท้ าทางเปลย่ี นไวม้ ากมาย อาทิ ช้าปี่ ดาเนินทราย ตามกวาง ทองยอ่ น
พราหมณ์ดีดนา้ เต้า สรอ้ ยเพลง นกจาก ฯลฯ
o ในกระบวนเพลงสามชนั้ ไดแ้ ก่ ตับขะแมรก์ อฮอม ฝรัง่ จรกา เทพราพึง ฝรงั่ ราเท้า ดอกไม้ทอง ใบ้คลง่ั
จนี นาเสดจ็ ฯลฯ
หลวงประดิษฐไ์ พเราะเป็นต้นคิดบันทึกเพลงไทยออกเป็นโนต้ ๙ เสยี ง เปน็ ต้นกาเนิดเพลงกรอ เปน็ ต้น
กาเนดิ วธิ ตี รี ะนาดแบบสะบดั ขยี้ รัว กวาด กรอ แบบพิสดารต่างๆ เหลือจะพรรณาได้ ศิษยข์ องทา่ นมี
มากมายกระจายไปทวั่ ทุกทิศมีทง้ั ชายและหญงิ อาทิ นายเผอื ด นักระนาด จางวางผาด นายลาภ ณ บรรเลง
โชติ ดุรยิ ประณตี ชนื้ ดรุ ิยประณีต ฉนั ทชิ ย์ กระแสสนิ ธุ์ ร.อ. โองการ กลบี ชื่น (ทองต่อ) แสวง คลา้ ยทิม ดร.
อุทศิ นาคสวสั ดิ์ ประสทิ ธ์ิ ถาวร บญุ ยงค์ เกตุคง พมิ พ์ นกั ระนาด เสนาะ หลวงสนุ ทร อุทัย แก้วละเอยี ด ศิริ
7
นกั ดนตรี สงดั ยมคุปต์ ฉลาก โพธิส์ ามต้น รวม พรหมบุรี กิ่ง พลอยเพช็ ร สวสั ดิ์ บูรณพมิ พ์ สมภพ ขาประเสรฐิ
พระพรหมปรีชา (กล่อนจนั ทรเ์ รือง) ชฎลิ นกั ดนตรี สุเทพ มสี วัสดิ์ บญุ มี พนู เจรญิ ฯลฯ
ศษิ ยท์ ีเ่ ป็นผ้หู ญิงมบี ตุ รท้งั สองคือคุญหญงิ ชิ้น ศลิ ปบรรเลง และนางมหาเทพกษัตริย์สมหุ (บรรเลง
สาคริก) จนั ทนา พิจิตรครุ ุการ จ้มิ ลิ้ม กุลตณั ฑ์ ลม่อม อิศรางกูร ณ อยุธยา ลม่อม บูรณพิมพ์ ศริ ิกลุ นักดนตรี
สุคนธ์ พุม่ ทอง ประชิต ขาประเสรฐิ ฯลฯ
ชวี ติ ครอบครัวนนั้ แต่งงานครงั้ ที่ ๑ กบั ภรรยาชื่อ โชติ มบี ตุ ร ๔ คน ช่อื คุญหญงิ ช้ิน อาจารย์บรรเลง
(สาครกิ ) นายประสิทธ์ิ และ นายชัชวาล (รุ่งเรอื ง) กับภรรยาคนท่ี ๒ ช่ือ ฟู มบี ตุ ร ๔ คน ชอ่ื พัลลิกา ขวัญชัย
น.อ.สมชาย และนายสน่นั ศิลปบรรเลง หลวงประดิษฐไ์ พเราะถงึ แก่กรรมเม่ือวนั ที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๗
รวมอายุ ๗๓ ปี
George Frideric Handel | จอร์จ ฟริเดอริก แฮนเดล
ระยะเวลา สถานท่ี เกดิ และตาย
เกดิ : 23 กุมภาพนั ธ์ ค.ศ. 1685 เมอื งฮาลเล(Halle) ประเทศเยอรมัน
ตาย : 14 เมษายน ค.ศ. 1759 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
สญั ชาติ (Nationality)
German, English
เยอรมนั แล้วจงึ โอนสญั ชาติเปน็ องั กฤษในภายหลงั
German born English composer
ยุคสมยั ดนตรีและระยะเวลา (Style / Period)
ยุคบาโรค หรือ บาร็อค ค.ศ.1450 – 1600
Baroque Period 1450 – 1600
ตัวอย่างผลงานทม่ี ีช่ือเสียง (Famous Works)
Water Music, Royal Fireworks Suite, Messiah, Six Organ Concertos, Zadok the Priest,
Rinaldo ,Dixit Dominus HWV 232
จอร์จ ฟริเดอรกิ แฮนเดล เปน็ นักดนตรีชาวเยอรมัน เกิดในยคุ เดียวกับบาคผ้มู ชี ื่อเสยี ง ชอ่ื ของเขาเขียนได้
หลายรูปแบบ ตงั้ แต่ Händelแบบเยอรมนั Haendel แบบฝรงั่ เศส และตง้ั แตเ่ ขายา้ ยไปตัง้ รกรากใน
ประเทศองั กฤษ เราก็นิยมเขียนชือ่ เขาโดยไม่มเี ครื่องหมายอุมเลา้ บนตัวเอ (‘ä’) เปน็ Handel
8
บิดาของแฮนเดลใฝ่ฝันให้แฮนเดลประกอบอาชีพทางด้านกฎหมาย แตต่ ัวแฮนเดลเองกลบั ไปหลงไหลใน
เสยี งดนตรี เขาเรมิ่ เรยี นการแลน่ ออรแ์ กนกบั เซนต์ ไมเคลิ (St. Michel’s) ท่ีเมืองฮาลเล รวมทัง้ เรยี นวธิ ีการแต่ง
เพลงด้วย นอกจากออร์แกนแลว้ แฮนเดลยงั สามารถเลน่ เคร่อื งดนตรีได้เปน็ อย่างดอี ีกหลายชนดิ ได้แก่ ฮาร์ป
ซคิ อร์ด ไวโอลนิ และโอโบ เขาเริม่ ประพันธเ์ พลงสาหรบั เครอ่ื งดนตรีและสาหรับขบั ร้องต้ังแตว่ ัยเยาว์ แฮนเด
ลคนุ้ เคยกบั เพลงของฝรั่งเศสและเพลงของอติ าลี ทั้งน้ีเน่ืองมาจากครูท่สี อนเขามหี ้องสมุดดนตรขี นาดใหญ่ซงึ่ มี
ผลงานเพลงไวใ้ หเ้ ขาได้มีโอกาสได้เข้าไปศึกษาค้นคว้าเปน็ จานวนมาก
ในปี ค.ศ. 1702 เมือ่ แฮนเดลมีอายุได้ 17 ปี เขาสามารถสอบเข้าเรียนดา้ นกฎหมายที่มหาวทิ ยาลยั ของ
เมืองฮาลเล(University of Halle) แตใ่ นท่สี ดุ เขากเ็ ลือกท่จี ะเปน็ นกั ดนตรเี ล่นออรแ์ กนประจาโบสถ์ท่เี มืองฮาล
เล ตอ่ มาเขาได้ย้ายไปเมืองฮมั บูรก์ ประเทศเยอรมนั เขาถูกจา้ งมาเลน่ ดนตรีในโรงละครโอเปรา่ ครงั้ แรกใน
ฐานะนักไวโอลินและต่อมาเป็นคนเล่นฮาร์พซิคอร์ด เมื่ออายมุ ากขน้ึ ประสบการณก์ ารเล่นดนตรี
ก็มากขน้ึ ด้วย แฮนเดลกลายเป็นนักออรแ์ กนที่โดดเดน่ และมกั จะเดินทางไปแสดงทัว่ ยโุ รป แฮนเดลได้เดินทาง
ไปทป่ี ระเทศอังกฤษ และไดแ้ สดงผลงานจนเปน็ ทีย่ อมรับของชาวอังกฤษ ที่ประเทศอังกฤษเขาไดแ้ ต่งโอเปรา่
เปน็ ครั้งแรก คือเร่ือง Rinaldo และได้นาออกแสดง ณ โรงละคร Queen’s Theater เมื่อ 24 กุมภาพนั ธ์
1711 มันเป็นความสาเรจ็ ทย่ี อดเยี่ยมและทาให้เขาเกดิ ความมั่นใจมากขน้ึ เขาไดร้ บั การสนบั สนุนจาก
ราชสานักของอังกฤษ พระราชินีพระราชทานเงนิ เปน็ รายปีใหก้ ับเขาด้วย ใน ค.ศ. 1717 แฮนเดลได้แต่งเพลง
ชอื่ Water Music ถวายพระเจ้าจอร์ช ท่ี 1 เพ่อื นาไปให้นักดนตรใี ช้บรรเลงภายในเรอื ขณะเสด็จประพาสอยู่
ในแมน่ ้าเทมส์ ผลจากการแสดงดนตรีถวายระหวา่ งเสด็จทางเรือในครัง้ น้ี ทาให้แฮนเดลกลายเปน็ คนโปรด
ของพระเจ้ายอรช์ ท่ี 1
ผลงานเพลงท่ที าให้แฮนเดลไดร้ ับความชนื่ ชมจากคนอังกฤษอีกครง้ั หน่ึงก็คือบทเพลงโอราทอริโอ เมไซ
ยาห์ (Oratorio Messiah) เร่ิมเขยี นในปี ค.ศ. 1741 และได้นาออกแสดงครง้ั แรกเม่ือ 13 เมษายน ค.ศ.
1742 ทีเ่ มอื งดบั ลนิ ณ ห้องแสดงดนตรที ่ถี นนฟชิ แชมเบ้ลิ ในการแสดงเมสไซยาหร์ อบแรกที่ลอนดอนต่อหนา้
พระพกั ตร์ พระเจา้ จอร์จท่ี 2 ขององั กฤษ เมื่อดนตรบี รรเลงมาถงึ ทอ่ นฮาเลลูยาห์คอรสั พระเจา้ จอร์จที่ 2
ทรงประทบั ยืนขนึ้ พร้อมกับที่ผู้ชมท้งั หอประชุมพากนั ลุกขึ้นยนื ตาม จงึ เป็นธรรมเนยี มปฏบิ ัติมาจนถงึ ปัจจุบนั
ว่าเม่อื มีการแสดงเพลงนี้ครง้ั ใด ผูช้ มทัง้ หมดจะต้องลุกขึน้ ยืน
เพลง Royal Fireworks Suite (HWV 351 ) คอื ผลงานท่มี ีชอื่ เสยี งอีกหนึ่งผลงานของแฮนเดล เป็นเพลง
ชุด(Suite) แตง่ สาหรบั บรรเลงด้วยวงเครือ่ งลมไมใ้ นปี ค.ศ. 1749 ในรัชสมัยของพระเจ้าจอรช์ ที่ 2 แห่งสหราช
อาณาจักร เพลงนใ้ี ช้บรรเลงในขณะจดุ ดอกไม้ไฟทส่ี วนสาธารณะกรีนพาร์ค ณ กรงุ ลอนดอน เม่ือวนั ท่ี 27
เมษายน 1749 ในพิธเี ฉลมิ ฉลองการส้นิ สดุ ของสงครามระหว่างองั กฤษกับออสเตรีย ซึ่งได้ลงนามใน
สนธิสญั ญาในปี ค.ศ. 1748
สดุ ท้ายของชีวิต แม้ว่าแฮนเดลจะเป็นคนตาบอด เขาก็ยงั ยึดอาชีพนักออร์แกน และยังแต่งเพลงอยู่ โดย
อาศยั การบอกโนต้ ใหเ้ พื่อนจดบันทึก ในวนั ที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1759 เขาได้แสดงบทเพลง Messiah เป็นคร้ัง
9
สุดทา้ ยและทาหนา้ ทเี่ ป็นวาทยกร(Conductor)เอง ในขณะทกี่ าลงั ป่วยอยู่ เขาได้เสยี ชวี ิตลงในวันท่ี 14
เมษายน ค.ศ. 1759 ศพของเขาได้ถูกฝังไว้ทโ่ี บสถ์เวสต์มนิ สเตอร์(Westminster) ในพิธีฝังศพของแฮนเดล
ไดม้ ีประชาชนไปรว่ มในพธิ ีมจี านวนมากกว่า 3,000 คน
Wolfgang Amadeus Mozart | โวล์ฟกงั อะมาเดอุส โมสาร์ท
กาเนดิ ในครอบครวั นกั ดนตรีทเ่ี มืองซาลซ์บวร์ก (Salzburg) ประเทศออสเตรีย เมื่อวันท่ี 27 มกราคม
ค.ศ. 1756 และถงึ แก่กรรมท่ีกรงุ เวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันท่ี 5 ธนั วาคม ค.ศ. 1791
โมซารท์ เรียนรดู้ นตรไี ด้อย่างรวดเรว็ และหูของเขาสามารถฟังเสียงดนตรไี ด้อย่างถูกต้องแมน่ ยา บิดา
ของโมซาร์ท เลโอโปลด์ โมซาร์ท (Leopard Mozart) เปน็ นักแตง่ เพลงและครสู อนดนตรี มีตาแหน่งเปน็
หวั หน้าวงดนตรีประจาสานกั ของอาร์ชบิชอพทีซ่ าลซ์บวรก์ (Salzburg Archbishop) บดิ าของโมซาร์ทไดท้ ุ่มเท
เวลาฝกึ ฝนและวางรากฐานทางดนตรใี ห้กบั โมซารท์
โมซารท์ เรม่ิ บรรเลงไวโอลนิ และฮาร์ปซิคอรด์ ตง้ั แต่อายุ 6 ปี ประพนั ธเ์ พลงซิมโฟนคี ร้ังแรกอายุ 8 ปี เม่อื อายุ
11 ปปี ระพันธเ์ พลงออราทอริโอ (Oratorio) และอายุ 12 ปีประพันธเ์ พลงโอเปรา ความอัจฉรยิ ะทางดนตรขี อง
10
โมซาร์ททาใหเ้ ป็นทีร่ ู้จักอยา่ งแพรห่ ลายในทวปี ยโุ รปในฐานะนกั ดนตรีและนักประพันธ์เพลง โมซาร์ทกับบดิ าได้
เดินทางไปแสดงดนตรีและผลงานตอ่ สาธารณชนในประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรีย ฮงั การี องั กฤษ ฮอลแลนด์
และอติ าลี นอกจากนีโ้ มซารท์ ยงั เปิดการแสดงดนตรีและผลงานต่อพระพกั ตร์กษตั รยิ ห์ ลายพระองค์ เช่น
เจา้ ชายแหง่ บาวาเรยี (the Elector of Bavaria) และพระเจ้าโยเซฟท่ี 3 (Joseph 3) ที่มิวนิค, พระนางมาเรยี
เทเรซา (Emperor Maria Theresa) ที่กรุงเวียนนา, พระเจ้าหลยุ ซ์ที่ 15 (Louis XV) ท่พี ระราชวงั แวร์ซายด์
และพระเจา้ จอรช์ ที่ 3 (George 3) ที่ลอนดอน และขนุ นางชน้ั สูงต่างๆมากมาย ในชว่ งระหวา่ งการเดินทาง
แสดงคอนเสิร์ต โมซาร์ทได้มีโอกาสศึกษาและฝกึ ฝนดนตรีของประเทศตา่ งๆ อยา่ งหลากหลายจนมีรปู แบบของ
ตวั เอง
ปี ค.ศ. 1771 โมซาร์ทเดินทางกลับมาทเี่ มืองซาลซ์บวรก์ ไดท้ างานเป็นนักประพันธ์เพลงและนกั ไวโอลนิ ของ
ราชสานักอารช์ บชิ อพท่ซี าลซ์บวร์ก (Archship of Salzburg) แต่เน่ืองจากโมซาร์ทเปน็ คนทีม่ ีอารมณ์ร้อนและ
มีความต้องการเพยี งแต่การประพันธเ์ พลงและแสดงดนตรีตามแบบของตนมากกว่าจะต้องทางานตามคาบญั ชา
จากเจา้ นาย ทาใหโ้ มซารท์ ประสบกบั ปัญหาในการปรบั ตวั ในทส่ี ุดตอ้ งมาดาเนินชีวิตด้วยตวั เอง
ปี ค.ศ. 1981 โมซารท์ ไดก้ ลายเป็นนักดนตรอี ิสระท่ดี าเนินชีวิตใน
กรุงเวยี นนา โดยไมข่ นึ้ กับราชสานัก โบสถห์ รือผู้อปุ ถัมภใ์ ดๆ ซึง่
ในยคุ น้ีเปน็ ยคุ ทน่ี ักดนตรตี ้องแสวงหาเจา้ นายตามราชสานัก
ครอบครวั ที่ร่ารวยหรือโบสถเ์ พื่อเปน็ ผู้อุปถัมภ์ แต่โมซารท์ ชอบ
การดาเนนิ ชวี ิตทีเ่ ปน็ ตัวของตัวเอง ไม่ต้องรบั ใชใ้ คร ในช่วงปแี รก
ในกรุงเวียนนา โมซารท์ ประสบความสาเร็จกับอาชีพนักดนตรี
อิสระ โมซาร์ทเปิดงานแสดงดนตรีทั้งในราชสานกั และตอ่
สาธารณชน สอนดนตรีและประพนั ธเ์ พลง
ในระยะหลังความนิยมในตัวโมซาร์ทเร่มิ ลดลง ผลงานของโมซาร์ทไม่ไดร้ ับความนยิ มมากนกั อัน
เน่อื งมาจากแนวคดิ ในการประพันธเ์ พลงของโมซารท์ ทก่ี ้าวหน้าเกนิ ยคุ คือเป็นลกั ษณะบทเพลงของยุคโรแมน
ตกิ ที่เนน้ การแสดงของอารมณแ์ ละความรูส้ กึ จนผูฟ้ งั ไม่สามารถเขา้ ใจในบทเพลงได้ ตอ้ งฟัง
ซ้าหลายครง้ั ถงึ จะเข้าใจ เพื่อนไดเ้ ตือนและแนะนาใหโ้ มซาร์ทแตง่ เพลงสนองความต้องการของสังคมซึง่ จะเป็น
ประโยชนส์ าหรับตัวโมซาร์ทเอง แต่โมซาร์ทไม่เคยรบั ฟงั และยังคงประพันธเ์ พลง
ตามความคดิ ความต้องการของตนเอง
ในชว่ งบ้นั ปลายชวี ิตของโมซารท์ เขาปว่ ยหนักด้วยโรคไต โมซาร์ทไดร้ บั การจ้างให้
ประพนั ธ์ Comic opera คือ Die Zauberflote (the Magic Flute) เพือ่ แสดงใน
Viennese theater ทาใหเ้ ขาเริม่ ตน้ มคี วามมง่ั คั่งอีกครั้ง บทประพนั ธ์ช้ินสุดท้าย
ของโมซาร์ท คือ Requiem แมสแห่งความตาย ซ่ึงประพนั ธ์ในชว่ งทีไ่ มส่ บาย โม
11
ซารท์ เรม่ิ ประพนั ธเ์ พลงนี้ด้วยความรู้สกึ วา่ เปน็ เพลงสาหรับความตายของตนเองและเสียชีวติ กอ่ นทีจ่ ะประพนั ธ์
เพลงจบ
ลักษณะและผลงานทางดนตรี
บทเพลงของโมซารท์ ได้รับอทิ ธิพลจากปัจจยั หลายประการ เช่น จากการที่อย่ใู นครอบครัวที่มสี ภาพแวดลอ้ ม
ดว้ ยดนตรี จากการที่ไดศ้ ึกษาและมปี ระสบการณ์ในการเดินทางแสดงคอนเสิร์ตในประเทศต่างๆ จากลักษณะ
บทเพลงของผู้ประพนั ธ์เพลงท่ีมีชอ่ื เสียงในยุคนั้น เช่นไฮเดิน จากความอัจฉริยะทางดนตรีและจากความสาเรจ็
ทางดนตรีขณะทย่ี งั เป็นเด็ก ทาให้ลักษณะงานของโมซารท์ มีความไพเราะ สามารถถ่ายทอดถงึ ความสดใสสด
ชนื่ ความน่ารักหรือความเศร้าไว้ในบทเพลง
ผลงานของโมซาร์ทจะเน้นแนวทานองท่เี ด่นชัด ไพเราะน่าฟงั จนถกู กล่าววา่ “โมซารท์ เปน็ ผ้ทู ีส่ ามารถทาให้
เคร่อื งดนตรีร้องเพลงได้” นน่ั เปน็ คากลา่ วท่ที าให้เข้าใจได้อยา่ งชัดว่า โมซาร์ทเข้าใจดีถงึ การประพันธท์ านองให้
เหมาะกบั การขับร้องเป็นอยา่ งยง่ิ บทรอ้ งอนั ไพเราะจากโอเปราและผลงานประเภทการขับรอ้ งจงึ เป็นท่ชี นื่
ชอบของผู้ฟงั และผู้ขบั ร้อง รูปแบบบทเพลงของโมซาร์ทมกี ารพัฒนาเพ่ิมเติมใหน้ ่าสนใจมากขนึ้ แต่กย็ ังคง
รักษารปู แบบและหลกั การในการประพนั ธไ์ ว้ ซ่ึงจะสงั เกตได้จากซิมโฟนีของโมซาร์ทมีแนวทานองมากมายและ
ในสว่ นการพฒั นาทานองหลกั มกั จะมีความยาวค่อนข้างมาก แต่สาหรบั โซนาตาแลว้ โมซาร์ทใช้หลกั แนว
ทานองทไ่ี พเราะและชดั เจน และพฒั นาโดยใชร้ ปู แบบต่างๆ ซึง่ ทาให้บทเพลงนา่ สนใจ ความงดงามของบท
เพลงทีโ่ มซาร์ทประพนั ธม์ ิได้อยเู่ ฉพาะท่ีแนวทานองเทา่ น้ัน หากแต่เกิดจากการผสมผสานอยา่ งกลมกลนื กัน
ขององค์ประกอบของดนตรี การใชก้ ารประสานเสยี งที่ธรรมดาแตม่ ีความหมาย การคานงึ ถึงสีสันของเสียงของ
เคร่ืองดนตรี ดว้ ยความสามารถในการเรียบเรียงเสียงประสานเพื่อวงออรเ์ คสตราทาใหโ้ มซาร์ทประพนั ธ์แนว
ทานองส่วนเช่อื มต่อระหวา่ งทานองย่อยมากมายเพ่ือให้เครื่องดนตรีในวงออร์เคสตราได้บรรเลงออกมาอย่าง
สมบรู ณแ์ ละมสี ีสนั ซ่งึ ถอื ได้ว่าเปน็ เอกลักษณ์ในการประพันธ์ของโมซาร์ท
แนวคิดแห่งการประพันธข์ องโมซาร์ทมีความหลากหลายและพัฒนาตลอดเวลา ผลงานจงึ มคี วามแตกตา่ งกนั
ตัวอย่างเช่น ความสดใสเรยี บงา่ ยเหน็ ไดใ้ นผลงานชว่ งแรก แต่หลายเพลงโอเปรา เชน่ The Magic Flute ใช้
บันไดเสียงไมเนอร์ทาใหผ้ ้ฟู ังได้สมั ผสั ความทรุ นทรุ ายและเศรา้ สร้อย บทเพลงของโมซาร์ทมกั จะเข้าถึงอารมณ์
ความรูส้ ึกของผ้ฟู ัง ดังนัน้ โมซาร์ทจงึ ไดร้ บั การยกย่องว่าเปน็ คตี กวที ีย่ ิง่ ใหญข่ องโลก
ผลงานของโมซาร์ทมจี านวนมากกวา่ 500 บทประพันธ์ ปี ค.ศ. 1862 ลคุ วิก ฟอน เคอเชล (Ludwig von
Koechel) นักพฤกษศาสครม์ ีใจรักดนตรี ได้เกบ็ รวบรวมและจดั เรยี งลาดบั ผลงานของโมซาร์ท โดยใชร้ ะบบ
เตอเชล โดยใช้ตัวยอ่ วา่ K. ผลงานของโมซารท์ ประกอบดว้ ย โอเปรา 18 เรอ่ื ง ซิมโฟนี 49 บทแตเ่ ป็นท่รี ูจ้ กั 41
บท เปียโนคอนแชรโ์ ต 25 บท ไวโอลนิ คอนแชรโ์ ต 5 บท คอนแชร์โตสาหรับเคร่อื งดนตรีอน่ื ๆ อีกจานวนหน่งึ
สตงิ ควอเต็ทและแชมเบอร์มวิ สิคประเภทอ่นื ๆ อีกกว่า 30 บท ผลงานสาหรบั เปียโนและไวโอลิน ทง้ั ประเภทโซ
นาตาและอนื่ ๆ อีกจานวนหนงึ่ รวมทั้งเพลงร้องและเพลงเก่ียวกับศาสนาดว้ ย
12
ต่อไปน้เี ปน็ ผลงานที่นา่ สนใจท่สี ดุ คอื คนทั่วโลกรูจ้ ักดี
1. Piano Sonata No.11 in G major k.311 ทอ่ นที่ 3 คอื Rondo all Turca
2. Serenade for strings in G major K.525 หรอื Eine Kleine Nacht Musik มีช่ือแปลว่า”ดนตรยี ามค่า
คนื ชิ้นเล็กๆ”
3. Requiem Mass in D minor K.626
4.Clarinet Concerto in A Major K.622 ท่อนท่ีคุ้นหูทสี่ ุดคือท่อนท่ี 2 คอื Adagio ทชี่ ้าเนิบนาบและไพเราะ
มาก หนงั เรือ่ ง Out of Africa นามาใช้เข้ากับเพลงประกอบภาพยนตรไ์ ด้อย่างงดงาม
5. Sinfonia Concertante for Violin, Viola and Orchestra in E-Flat Major, K. 364: ทอ่ นที่ 3 คือ
Presto
6.เพลงโหมโรงของ อปุ รากรเรือ่ ง Le nozze di Figaro
7. Serenade in B flat K.361 กระบวนหนึ่งของเพลงถูกใช้ในหนงั เรอื่ ง Amadeus ตอนโมสาร์ตกาลังจ้าจกี้ บั
สาว สว่ นซาลเิ อรีแอบดดู ว้ ยความตะลึง แต่แลว้ เมื่อได้ยินเสียงเพลงโมสาร์ตกร็ ีบว่งิ ไปกากับเพลง ๆ นี้ทอี่ ีกห้อง
หนงึ่ ทันที
Scott Joplin | สกอ็ ต จอปลนิ
‘Scott Joplin’ เขาเกดิ ในปี ค.ศ.1867 และเสยี ชวี ิตในวนั ที่ 1
เมษายน ค.ศ.1917 โดยเขาเป็นท้งั นักดนตรแี ละนกั ประพนั ธ์
เพลงแรก็ ไทม์ทม่ี ีชื่อเสยี งในระดับสูง โดยพลังบทเพลงของเขา
ไดเ้ ป็นบรรทัดฐานท่ีสรา้ งมาตรฐานไวใ้ ห้แกผ่ ู้คนรุน่ หลัง
ประวัตขิ อง ‘Scott Joplin’ อันนา่ สนใจ
‘Scott Joplin’ ได้รับการขนามนามวา่ ราชาแหง่ แร็กไทม์ ในช่วงเวลาสนั้ ๆ ในอาชพี ของเขา เขาได้เขียน
ตน้ ฉบับนาม Ragtime 44 ชนิ้ โดยหน่งึ ในนน้ั คอื บัลเลต่ ์ Ragtime และ Opera โดยหน่ึงในผลงานช้นิ ทีม่ ี
ชือ่ เสียงโดง่ ดงั ทส่ี ุดของเขาคือ ‘Maple Leaf Rag’ ซ่งึ กลายเปน็ เพลงฮิตอนั ดบั แรก และมีอทิ ธิพลมากสดุ ของ
Ragtime จนกระท่ังได้รบั การยอมรบั วา่ เป็น Rag Archetypal Rag
หลังจากปี ค.ศ. 1871 ครอบครัว ‘Joplin’ ได้ยา้ ยไปอยู่ ณ เมอื ง Texarkana รฐั Texas โดยแม่ของ Joplin
ไดท้ าความสะอาดบา้ นเพื่อ Scott จะไดม้ ีพื้นท่ีหัดเลน่ ดนตรี ในปี ค.ศ. 1882 แม่ของเขาได้ซื้อเปยี โนให้
13
หลงั จากเขาได้แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ทกั ษะอนั โดดเด่นตงั้ แต่อายุยงั เยาวว์ ัย ‘Scott Joplin’ ก็ไดเ้ รียนเปยี โนแบบไม่
ตอ้ งจา่ ยเงนิ กบั อาจารยช์ าวเยอรมัน ผ้ใู หค้ วามรู้เรื่องรปู แบบของดนตรคี ลาสสกิ แก่ Joplin อย่างอัดแน่น โดย
ส่งิ นไี้ ดส้ ร้างประโยชน์อยา่ งมหาศาลตอ่ เขาในภายภาคหน้าไดเ้ ปน็ อย่างดี อีกทง้ั ยังไดเ้ ปน็ ไฟให้เขาในการสร้าง
รูปแบบคลาสสิกใหแ้ กด่ นตรีแร็กไทม์ ต่อมาเขาไดเ้ พมิ่ เติมความรู้ทางด้านดนตรี ด้วยการเข้าเรียน ณ George
Smith College เมือง Sedalia ในวชิ าประพันธเ์ พลง
เสน้ ทางในการสรา้ งผลงานของเขา
ความโดดเด่นของเขา คือ การผสมผสานของเครื่องดนตรีคลาสสกิ ซึง่ มบี รรยากาศทางดนตรีอันมอี ยรู่ อบๆ
Texarkana รวมถงึ เพลงทางานเพลงสวดพระกติ ติคุณวิญญาณและเพลงเตน้ รา นอกจากนี้ความสามารถตาม
ธรรมชาตขิ อง Joplin ไดร้ บั การกล่าวอ้างวา่ มีส่วนสาคญั ต่อการประดิษฐ์เพลงรูปแบบใหม่ ในรูปแบบที่มี
ท่วงทานองของยโุ รปมกี ลิ่นอายอันโดดเดน่ จนกระทงั่ เรม่ิ โด่งดงั ในยคุ 1890 สาหรับผลงานครัง้ แรก จนกระทั่ง
กลายมาเปน็ สงิ่ ท่ีมีความสาคัญมากสุดของ Joplin ไดแ้ ก่ ‘Maple Leaf Rag’ ซง่ึ ไดร้ ับการอธบิ ายว่าเปน็ แบบ
ฉบับของเพลงคลาสสกิ โดยได้รับอทิ ธิพลจากนกั แต่งเพลงอย่างต่อเน่ืองเป็นเวลาอย่างน้อย 12 ปหี ลงั จากการ
เผยแพรอ่ อกมาเปน็ คร้ังแรก ซ่งึ มีการคาดการณว์ า่ ความสาเร็จของ Joplin น้นั ไดร้ ับอิทธิพลมาจากอาจารย์
สอนดนตรีชาวเยอรมนั นาม Julius Weiss ที่ได้รบั การฝึกฝนมาในแนวทางคลาสสิก
โดย Joplin ต้งั ใจจะแต่งเพลงของเขาใหเ้ หมือนกับทเ่ี ขาเขยี นไว้ ตามแบบฉบบั ของตวั เอง ในฐานะดนตรี
‘Classic’ ออกมาทางในดนตรที ่มี ีรปู แบบขนาดเล็กเพือ่ ยกระดับเสียงแรก็ ไทมใ์ ห้อยู่เหนือตน้ กาเนิด ซ่งึ เขาได้
ผลิตงานท่นี กั ประวัติศาสตร์ Opera ได้ออกมาอธบิ ายว่า ‘…ดนตรขี อง Joplin มีความไพเราะวา่ ผลงานอื่นๆ ท่ี
ออกมาในยุคของเขา…’
Bruce Gaston | บรูซ แกสตัน
บรูซ แกสตัน (อังกฤษ: Bruce Gaston; เกดิ 11 มนี าคม
พ.ศ. 2490) เปน็ นักดนตรชี าวอเมริกัน ทมี่ าใชช้ ีวิตอยู่ใน
ประเทศไทยตั้งแต่อายุ 22 ปี เปน็ หนึง่ ในผกู้ ่อตัง้ วงดนตรี
ฟองน้าร่วมกบั ครบู ุญยงค์ เกตุคง ตงั้ แต่ พ.ศ. 2522 โดย
นาเสนอดนตรไี ทยเดิม มาผสมผสานกับดนตรแี บบ
ตะวนั ตก โดยยดึ เอาแก่นความคดิ ดนตรขี องทัง้ สองฟาก
มาผสมผสานโดยกลวธิ ีต่าง ๆ
14
ด้านชีวิตสว่ นตัว บรู๊ซ แกสตนั สมรสกับ ผศ.สารภี แกสตนั อาจารย์ประจาคณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์
มหาวิทยาลยั มีลกู ชาย 1 คน คือ เท็ดด้ี ธรี ดล ธีโอดอร์ แกสตนั ซึ่งเป็นมอื กีตาร์วงฟลวั ร์
นอกจากน้ี บรูซ แกสตัน เคยเป็นโปรดวิ เซอรใ์ หก้ ับนักร้องสาว ทรงหรรษา วาศนรุ่งเรือง ในอัลบั้ม “พารา
เซตตามอน” สไตลเ์ พลง Soul R&B สังกดั Stone Entertainment ปี พ.ศ. 2540 อีกทั้งยังเคยได้รับการยก
ยอ่ งจากสานักงานศลิ ปวัฒนธรรมรว่ มสมัย กระทรวงวัฒนธรรม รบั รางวลั ศิลปาธรกิตตคิ ุณ สาขาคตี ศลิ ป์
ประจาปี พ.ศ. 2552
บรูซ จบการศกึ ษาดา้ นทฤษฎดี นตรี การประพนั ธ์เพลงและปรชั ญา และมคี วามสามารถในการเลน่ เครื่อง
ดนตรตี ะวันตกหลากหลายชนดิ หลงั จากเข้ามาอาศยั ในประเทศไทย ได้ฝกึ ฝนการเล่นเครื่องดนตรีไทยกบั ครู
บุญยงค์ เกตุคงและร่วมกันตั้งวงดนตรีฟองน้าในเวลาตอ่ มา
นอกจากน้ี บรูซ ยังเคยเปน็ โปรดิวเซอร์ ใหก้ ับนกั ร้อง
สาวคนหน่งึ ทช่ี อ่ื ทรงหรรษา วาศนรงุ่ เรือง ในอัลบม้ั พาราเซ
ตามอล สังกดั Stone Entertainment ในชว่ งปี 1997 ในแนว
เพลง Soul R&B
บรซู สมรสกบั ผศ. สารภี แกสตนั อาจารยป์ ระจาคณะ
อักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย มีบุตรชายคอื ธรี ดล ธี
โอดอร์ แกสตัน (เทด็ ดี้) มอื กีตาร์วงฟลวั ร์
บรูซ ได้รับการยกย่องจากสานักงานศลิ ปวฒั นธรรมร่วมสมยั กระทรวงวฒั นธรรม รับรางวัลศลิ ปาธร
กติ ตคิ ุณ สาขาคตี ศลิ ป์ ประจาปี พ.ศ. 2552 โดยเปน็ ชาวตา่ งชาติเพียงคนเดียวทไี่ ดร้ บั รางวัลนี้
ลกู ศษิ ย์ทส่ี าคญั ของบรูซ อาทิเชน่ ณรงฤทธิ์ ธรรมบตุ ร ไกวลั กลุ วฒั โนทัย อานันท์ นาคคง จริ ะเดช เส
ตะพนั ธุ บุญรัตน์ ศิริรัตนพันธ วาณชิ โปตะวณชิ ดารหิ ์ บรรณวิทยกจิ
15
บรรณานุกรม
“ มนตรี ตราโมท ”/ / / /[ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก :
https://sirindhornmusiclibrary.li.mahidol.ac.th/hall_of_fame/thai-musicians139/
.สืบค้นเม่ือ 2 ธนั วาคม 2564
“ มนตรี ตราโมท ”/ / / /[ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0
%B8%A3%E0%B8%B5 .สบื คน้ เม่อื 2 ธนั วาคม 2564
“ หลวงประดิษฐไพเราะ(ศร ศิลปะบรรเลง) ”/ / / /[ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก :
https://sirindhornmusiclibrary.li.mahidol.ac.th/hall_of_fame/thai-musicians90/
.สบื ค้นเมือ่ 2 ธนั วาคม 2564
“ จอรจ์ ฟรเิ ดอริก แฮนเดล ”/ / / /[ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก :
https://sites.google.com/site/mrjisclassroom/prawati-sangkhit-kwi-laea-phl-
Ngan/george-frideric-handel .สบื ค้นเมอื่ 2 ธนั วาคม 2564
“ โวลฟ์ กงั อะมาเดอุส โมสารท์ ”/ / / /[ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก :
https://marinaiso.wordpress.com/2014/01/05/ .สบื คน้ เมอ่ื 2 ธนั วาคม 2564
“ โวลฟ์ กงั อะมาเดอสุ โมสารท์ ”/ / / /[ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก :
https://blogazine.pub/blogs/atthasit-muangin/post/5192 .สบื คน้ เมื่อ 2 ธันวาคม 2564
“ สก็อต จอปลนิ ”/ / / /[ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก :
https://www.cityarchrivercompetition.org/scott-joplin- .สืบค้นเม่ือ 2 ธันวาคม 2564
“ บรซู แกสตนั ”/ / / /[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%8
B .สืบค้นเม่อื 2 ธนั วาคม 2564
“ บรูซ แกสตัน ”/ / / /[ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก :
https://www.thairath.co.th/entertain/news/2221290 .สบื คน้ เมอื่ 2 ธนั วาคม 2564