The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สรุป-Tense-ภาษาอังกฤษทั้ง-12-Tenses

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อาซียะ รอนี, 2020-02-18 09:56:27

สรุป-Tense-ภาษาอังกฤษทั้ง-12-Tenses

สรุป-Tense-ภาษาอังกฤษทั้ง-12-Tenses

สรุป Tense ภาษาอังกฤษท้งั 12 Tenses

รวมโครงสรา้ ง วิธีใช้ ตวั อยา่ งประโยค ของ Tense ท้งั 12 Tenses มาไวใ้ นท่เี ดียว!
SIMPLE TENSES

Past Simple
โครงสร้าง: S. + V.2
ตวั อย่างประโยค:
• I ate pizza yesterday. — ฉนั ทานพซิ ซ่าเมอื่ วานนี้
ใช้ใน: เหตุการณ์ทผี่ า่ นมาแลว้ ในอดีตและจบไปแลว้
ดูตรงไหน: ดตู วั บอกเวลาที่เป็นในอดตี (yesterday, last _) และกริยา
เร่ิมกนั ทง่ี ่ายๆ ตวั น้ีก่อนเลย เป็นตวั ที่บอกเหตกุ ารณใ์ นอดตี แบบงา่ ยๆ ไมม่ อี ะไรมาก เป็นเหตกุ ารณ์ทจี่ บไปแลว้ ใหส้ ังเกตุท่ี
ตวั บอกเวลาวา่ เป็นเวลาในอดตี หรือเปลา่

Present Simple
โครงสร้าง: S. + V.1(s/es)
ตวั อย่างประโยค:
• I eat pizza regularly. _- ฉนั ทานพิซซ่าเป็นประจา _
• Bangkok is in Thailand. — กรุงเทพฯ อยูใ่ นประเทศไทย
• Math class begins today at 9 AM. — คาบเรียนวชิ าคณิตเริ่มวนั น้ีในเวลา 9 โมงเชา้
ใช้ใน: เหตุการณ์ทเ่ี กิดข้ึนเป็นประจา, ส่ิงทีเ่ ป็นความจริง, เหตกุ ารณท์ จ่ี ะเกิดข้นึ ในอนาคตอนั ใกลท้ ก่ี าหนดไวแ้ ลว้
ดูตรงไหน: ดกู ริยาเป็นหลกั และดูคาบอกเวลา/ความถี่
ตวั น้ีจะเจอบ่อยในชีวติ ประจาวนั ใหร้ ะวงั ในการใชข้ องเหตกุ ารณท์ จี่ ะเกิดข้นึ ในอนาคตทีจ่ ะถึงน้ี

Future Simple
โครงสร้าง: S. + will + V.1
ตวั อย่างประโยค:
• I will eat pizza tomorrow. — ฉนั จะทานพซิ ซ่าในวนั พรุ่งนี้
• หรือจะแทน will ดว้ ย is/am/are + going to ก็ได้ มีความหมายเหมอื นกนั

I am going to eat pizza tomorrow. — ฉนั จะทานพิซซ่าในวนั พรุ่งนี้

ใช้ใน: เหตุการณ์ทจ่ี ะเกดิ ข้นึ ในอนาคต ระบุเวลา
ดูตรงไหน: ดู will / going to และดูคาบอกเวลาในอนาคต

CONTINUOUS TENSES

Past Continuous
โครงสร้าง: S. + was/were + V.ing
ตวั อย่างประโยค:
• I was eating pizza when you arrived. — ฉันกาลงั ทานพซิ ซา่ ในขณะท่ีคณุ มา
ใช้ใน: เหตกุ ารณท์ ีเ่ กิดข้นึ ในอดตี และถกู แทรกโดยอีกเหตุการณ์หน่ึง
ดตู รงไหน: ดู was/were และ V.ing เป็นหลกั และดปู ระโยคท่ีบอกเวลาว่ามนั เกิดในอดตี

Present Continuous
โครงสร้าง: S. + is/am/are + V.ing
ตวั อย่างประโยค:
• I am eating pizza right now. — ฉนั กาลงั ทานพซิ ซ่าในตอนนี้
ใช้ใน: เหตกุ ารณ์ท่กี าลงั เกิดข้ึน ในขณะทกี่ าลงั พดู อยู่
ดูตรงไหน: ดคู วามหมายของตวั บอกเวลา และดู V.ing

Future Continuous
โครงสร้าง: S. + will + be + V.ing
ตัวอย่างประโยค:
• I will be eating pizza at 8 PM. — ฉนั จะกาลงั ทานพซิ ซ่าตอน 2 ท่มุ
• I will be watching T.V. when you arrive. — ฉันจะดทู ีวอี ยู่ตอนทคี่ ุณมา
ใช้ใน: เหตุการณ์ในอนาคตทจี่ ะเกดิ ข้ึนในเวลาทรี่ ะบุไว,้ เหตุการณใ์ นอนาคตทถี่ ูกแทรกโดยอีกเหตกุ ารณห์ น่ึง
ดตู รงไหน: ดตู วั บอกเวลาทเี่ ป็นอนาคต และดูโครงสรา้ งของประโยค

PERFECT TENSES

Past Perfect
โครงสร้าง: S. + had + V.3
ตัวอย่างประโยค:
• I had already eaten pizza when you arrived. — ฉันทานพิซซ่าหมดไปแลว้ ตอนคุณมา
• I had never been to London before last January. — ฉันไม่เคยไปลอนดอนเลยก่อนเดอื นมกราคมท่ีผ่านมา
ใช้ใน: เหตุการณท์ เี่ กดิ ข้ึนในอดีตท่จี บไปแลว้ ก่อนจะเกิดเหตุการณท์ ีส่ อง
ดูตรงไหน: ดโู ครงสรา้ งของประโยค แลว้ เอามาลองแปลเป็นภาษาไทยดู สงั เกตหุ าคาว่า “already”, “never”, “ever”

Present Perfect
โครงสร้าง: S. + has/have + V.3
ตัวอย่างประโยค:
• I have already eaten pizza. — ฉนั ทานพิซซ่าหมดไปแล้ว (และตอนน้ีกาลงั นง่ั จอ้ งกลอ่ งพซิ ซ่าเปลา่ ๆ อย)ู่
• I have been to London. — ฉนั เคยไปลอนดอน (เคยเกิดข้นึ ในอดตี ตอนน้ีอย่ไู ทย)

• He has learned how to drive. — เขา้ เรียนรูว้ ิธีการขบั รถ (ตอนน้ีขบั เป็นแลว้ )
• He has not arrived yet. — เขายงั มาไมถ่ ึง (ตอนน้ีนงั่ รออย)ู่
ใช้ใน: เหตกุ ารณ์ทเี่ กดิ ข้นึ ในอดตี ท่ไี มเ่ จาะจงเวลา ทเี่ กิดข้นึ ก่อนปัจจบุ นั , การเลา่ ประสบการณ,์ ความสาเร็จ, เหตุการณท์ ย่ี งั
ไม่เกิดข้นึ แต่คาดไวว้ า่ จะเกดิ ข้นึ
ดตู รงไหน: จะไม่มคี าบอกเวลาอย่างเจาะจงเด็ดขาด และดโู ครงสร้างประกอบ

Future Perfect
โครงสร้าง: S. + will + have + V.3
ตวั อย่างประโยค:
• I will have _already eaten pizza by the time you arrive. — ฉนั จะทานพซิ ซ่าหมดตอนเวลาทคี่ ุณมา (ตอนน้ีไมไ่ ด้

กนิ )
• หรือจะแทน will ดว้ ย is/am/are + going to กไ็ ด้ มคี วามหมายเหมอื นกนั

I am going to have been here for 3 days by the time he come back. — ฉนั จะอยทู่ ีน่ ้ีเป็นเวลา 3 วนั ในตอนทค่ี ุณ
กลับมา (ตอนน้ีอย่ทู ่นี ่ี)
ใช้ใน: เหตกุ ารณใ์ นอนาคตท่จี ะเกิดข้ึนก่อนอกี เหตกุ ารณห์ น่ึง โดยเหตกุ ารณ์แรกตอ้ งเสร็จก่อนเหตกุ ารณ์สอง, เหตุการณท์ ่ี
กาลงั เกดิ ข้นึ อยู่และจะเสร็จในอนาคตกอ่ นเหตุการณท์ ่สี องจะเกิด
ดูตรงไหน: จะไม่มคี าบอกเวลาอยา่ งเจาะจงเดด็ ขาด และดูโครงสร้างประกอบ

PERFECT CONTINUOUS TENSES

Past Perfect Continuous
(ภาพคลา้ ย Past Perfect แตว่ ิธีใชต้ า่ งกนั )
โครงสร้าง: S. + had + been + V.ing
ตัวอย่างประโยค:
• I had been eating pizza for 2 hours when you arrived. — ฉนั ทานพิซซ่ามา 2 ชว่ั โมงตอนทคี่ ุณมา
• He failed the test because he had not been paying attention in class. — เขาเคยสอบตกเพราะเขาไม่ต้งั ใจเรียนในคาบ

เรียน
ใช้ใน: เหตกุ ารณ์ในอดีตที่เกดิ ข้นึ เป็นช่วงเวลาหน่ึงก่อนจะเกิดอีกเหตุการณห์ น่ึง, สาเหตขุ องเหตุการณ์หน่ึงทเ่ี กิดข้นึ ในอดีต
ดตู รงไหน: ดตู วั บอกช่วงเวลา (for _, since ____) หรือ ดูคาท่ีบ่งบอกสาเหตุ (เชน่ because), ดูโครงสร้าง

Present Perfect Continuous
(ภาพคลา้ ย Present Perfect แตว่ ิธีใชต้ า่ งกนั )

โครงสร้าง: S. + has/have + been + V.ing
ตัวอย่างประโยค:
• I have been eating pizza for 2 hours. — ฉันทานพซิ ซา่ มา 2 ชว่ั โมงแลว้
ใช้ใน: เหตุการณใ์ นอดตี ท่ีเกดิ ข้นึ เป็นช่วงเวลาหน่ึงจนมาถึงปัจจบุ นั และตอนน้อี าจจะเสร็จหรือยงั ไม่เสร็จกไ็ ด้
ดูตรงไหน: ดตู วั บอกชว่ งเวลา (for _, since ____) และดโู ครงสรา้ ง

Future Perfect Continuous
(ภาพคลา้ ย Future Perfect แตว่ ธิ ีใชต้ า่ งกนั )
โครงสร้าง: S. + will + have + been + V.ing
ตัวอย่างประโยค:
• I will have been eating pizza for 2 hours when you arrive. — ฉนั จะทานพซิ ซ่าเป็นเวลา 2 ชว่ั โมงตอนคุณมาถึง
ใช้ใน: เหตุการณท์ ่เี กิดข้ึน (ไดท้ ้งั อดีตและอนาคต) กอ่ นอีกเหตกุ ารณ์หน่ึงท่ีจะเกดิ ในอนาคต และเมอื่ เกิดเหตกุ ารณท์ ีส่ อง
เหตกุ ารณท์ ี่หน่ึงอาจจบหรือยงั ไมจ่ บก็ได้
ดตู รงไหน: ดูตวั บอกช่วงเวลา (for _, since ____) และดูโครงสรา้ ง, สงั เกตคุ าบอกช่วงเวลาท่ีบ่งบอกถงึ อนาคต
ที่มา https://pix7.me/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%9B-tense-
%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%
E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87-12-tenses-73a09ed0b980
Grammar: 5 Tense ภาษาองั กฤษท่ีคุณจาเป็ นต้องรู้

หากพดู ถึง Grammar (แกรมม่า) หรือไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ กถ็ ือเป็นพนื้ ฐานสาคญั ในการเรียนภาษาองั กฤษ ทจ่ี ะนาไปสู่
การสื่อสารภาษาองั กฤษไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ท้งั ในเร่ืองของการฟัง พูด อา่ น เขียน โดยเฉพาะการเขยี น Essay ให้เป็ นมือ
อาชีพ ดงั น้นั ไวยากรณภ์ าษาองั กฤษจึงเป็นสิ่งจาเป็นสาหรบั ผเู้ รียนท่จี ะตอ้ งมีความเขา้ ใจในหลกั การ และกฎเกณฑ์ของ
ภาษาองั กฤษอย่างถกู ตอ้ ง เพ่อื จะไดต้ คี วาม และเขา้ ใจความหมายของประโยคภาษาองั กฤษต่างๆไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ซ่ึงวนั น้ีเรา
จะขอนาเสนอไวยากรณ์ในเรื่องของ Tense ต่างๆท่ีคุณควรจาเป็นตอ้ งรู้คะ่

Present Simple Tense

เร่ิมตน้ ดว้ ย Tense ท่งี ่ายๆไมซ่ ับซ้อนอย่าง Present Simple Tense โดย Tense น้ีจะใชพ้ ูดถึงเหตกุ ารณท์ ่เี กิดข้ึนในปัจจุบนั
หรือความสามารถเฉพาะตวั ของบุคคลใดบุคคลหน่ึง ประโยคอุทาน เรื่องทวั่ ๆไปทเ่ี กดิ ข้ึนจริงขณะพดู การกระทาซ้าจนเป็น
นิสยั และใชก้ บั คากริยาวิเศษณ์ (Adverb) ท่ีแสดงเวลาหรือเหตุการณใ์ นอนาคต หรือกาหนดเวลาที่แน่นอนแลว้ นอกจากน้ี
ยงั สามารถมคี าวเิ ศษณเ์ หล่าน้ีอยดู่ ว้ ย เช่น sometimes, often, never, always เป็นตน้

โดยมีโครงสร้างคือ : S (Subject) + V.1 (Verb ช่อง1) + O (Object)

หากคานาม (noun) หรือประธาน (subject) เป็นเอกพจน์ กริยาช่อง1 (verb1) จะตอ้ งเติม s หรือ es
เช่น She eats bread in the morning.

หากคานาม (noun) หรือประธาน (subject) เป็นพหูพจนโ์ ดยรวมถงึ I และ You ดว้ ย กริยาช่อง1 (verb1) จะไม่ตอ้ งเติม s
หรือ es
เช่น They/ I/ You go to school.

ประโยคคาถาม

ใช้ verb to do/does นาหนา้ ประโยค
ถา้ ตอ้ งการทาเป็นคาถามที่ตอบ “Yes”, “No” ใหน้ า Verb to be (is, am, are) ข้ึนตน้ นาหน้าประโยค
เช่น Are you hungry? Yes, I’m so hungry.

ประโยคปฏเิ สธ

ใช้ verb to do/does + not นาหนา้ คากริยา
เช่น They don’t go to school today หรือ She doesn’t want to talk to anyone now.
Verb to be (is, am, are) สามารถใชไ้ ดก้ บั Present Tense ได้ เมอ่ื ตอ้ งการจะเปล่ยี นประโยคบอกเล่าเป็นประโยคปฏิเสธ โดย
ให้เติม not หลงั verb to be ไดเ้ ลย
เช่น He is not a bad guy. หรือ We are not his sisters.

Present Continuous Tense
Present Continuous Tense เป็น Tense ที่ใชพ้ ูดถึงเหตุการณ์ท่ีกาลงั เกิดข้ึนจริงอยูใ่ นขณะน้นั หรือเหตกุ ารณไ์ ดเ้ กดิ ข้ึนก่อน
ขณะพูดและยงั เกิดข้ึนต่ออกี เล็กนอ้ ยขณะท่ีพดู จบไป นอกจากน้ียงั ใชก้ บั การกระทาที่เกิดข้นึ จนเป็นนิสยั และส่วนมาก
มกั จะมคี าท่ใี ชบ้ อกเวลา เชน่ now, today, at this moment เป็นตน้

โดยมโี ครงสร้างคอื : S (Subject) + Verb to be (is, am, are,) + V.1(เติม ing)
เช่น I am eating an apple now. หรือ We are watching TV.

ประโยคคาถาม
ใหเ้ ติม verb to be ไวห้ น้าประธาน (subject)
เช่น Are you going to work today?

ประโยคปฏิเสธ
ใหเ้ ติม not ไวห้ ลงั verb to be และตามดว้ ย V.1+ing
เช่น She is not riding a bike. หรือ They are not cutting trees.

Past Simple Tense
Past Simple Tense เป็น Tense ทจ่ี ะใชส้ าหรับพดู ถึงเหตุการณท์ ่ีเกิดข้ึนในอดตี และจบลงไปแลว้ ซ่ึงปัจจบุ นั ก็ไมไ่ ดท้ าแลว้
รวมถึงยงั ใชก้ ับเหตุการณ์ท่ีทาจนเป็นนิสยั ในอดตี ซ่ึงมกั จะมคี าว่า often, always อยใู่ นประโยค และมคี าบ่งบอกเวลา เช่น
yesterday, at the time, last night, last week, in 2016 เป็นตน้

โดยมีโครงสร้างคอื : S (Subject) + V.2 (Verb ช่อง2) + O (Object)
เช่น They danced last night. หรือ He bought a computer last Sunday.

ประโยคคาถาม (ในรูปแบบบอกเล่า)
ใช้ Verb to do (did) ข้นึ ตน้ ประโยค และเป็นกริยาแทใ้ นประโยคให้เป็นชอ่ งที่ 1
เช่น Did you go to supermarket yesterday? Yes, I did / No, I didn’t.
หรือ Did two cats die last year? Yes, they did / No, they didn’t.

ประโยคคาถาม (ในรูปแบบปฏิเสธ)
ใช้ Verb to do (did) + ประธาน + not + กริยาช่อง1
เช่น Did you not buy a computer last Sunday?

หรือ ใช้ Didn’t + ประธาน + กริยาช่อง1
เชน่ Didn’t It rain heavily last rainy season?

ประโยคปฏิเสธ
ให้ใช้ did not หรือ didn’t วางไวห้ น้ากริยาแทช้ อ่ งท่ี1
เช่น You didn’t cook dinner for me last week. หรือ The train didn’t arrive at 8 o’clock this morning.

Future Simple Tense

Future Simple Tense เป็น Tense ท่ีใชก้ บั เหตกุ ารณท์ ี่เกดิ ข้ึนในอนาคต ยงั ไมไ่ ดก้ ระทาหรือเกดิ ข้นึ ในขณะที่พดู แตเ่ ป็นการ
คาดการณ์ว่าจะเกดิ ข้นึ ในอนาคต โดยมกั จะมีคาวิเศษณบ์ อกเลา่ อยดู่ ว้ ย เชน่ tomorrow, next year, next week เป็นตน้

โดยมโี ครงสร้างคือ : S (Subject) + will, shall + V.1 (Verb ช่อง1) + O (Object)
เช่น We will go to Japan next year.
หรือการใช้ be going to จะใชก้ บั เหตุการณ์ทตี่ ้งั ใจจะทาและกาลงั จะเกิดข้ึนในไม่ชา้ น้ี
S (Subject) + be going to + V.1 (Verb ช่อง1) + O (Object)
เช่น I am going to Japan next week.

ประโยคคาถาม
ให้ใช้ will, shall หรือ be going to ข้นึ นาหนา้ ประโยค
เช่น Will I go to school tomorrow? หรือ Will she not buy a bike next month?
หรือ Is he going to see movie tonight?

ประโยคปฏเิ สธ
ให้เตมิ not หลงั will, shall หรือ be going to ไดเ้ ลย
เช่น We will not go to cinema next week. หรือ I am not going to see movie tonight.

Future Perfect Continuous Tense

Future Perfect Continuous Tense เป็น Tense ที่ใชบ้ อกเหตกุ ารณห์ รือการกระทาท่ีไดก้ ระทาตอ่ เน่ืองกนั มาต้งั แตอ่ ดตี และ
ยงั ดาเนินตอ่ เน่ืองไปถงึ ปัจจุบนั และในอนาคต

โดยมโี ครงสร้างคอื : S (Subject) + will, shall + have + been + V.1 (เตมิ ing) + O (Object)
แบบมเี หตกุ ารณเ์ ดยี ว เช่น I will have been eating breakfast for 30 minutes at 8 o’clock tomorrow.
แบบมสี องเหตุการณ์ (ซ่ึงเหตกุ ารณ์ที่ไดด้ าเนินมาแลว้ ระยะหน่ึงใช้ Future Perfect Continuous อกี เหตุการณห์ น่ึงใช้
Present Simple) เช่น I will have been waiting for two hours when the plane arrives.

ประโยคคาถาม
ให้ใช้ will ข้นึ ตน้ ประโยค ตามดว้ ยประธาน และตาม have been V.1 (เตมิ ing)
เช่น Will you have been waiting for me for two hours when I arrive?
หรือ How long will you have been waiting for me when I arrive?

อยา่ งไรกต็ ามการเรียนรู้ในเร่ืองของ Grammar หรือไวยากรณ์ภาษาองั กฤษไมไ่ ดเ้ ป็นเร่ืองท่ียากเกินความสามารถของคณุ
เพยี งแตต่ อ้ งทาความเขา้ ใจในรูปประโยค และทีส่ าคญั หมน่ั ใชใ้ หเ้ ป็ นประจา โดยที่ไมต่ อ้ งกลวั ว่าคณุ จะพูดผิดหรือถกู เพราะ
หากคณุ ใชม้ นั เป็นประจากจ็ ะทาใหค้ ุณเกดิ ความเคยชินนน่ั เองคะ่

ที่มา http://www.si-englishbkk.com/study-guide/five-basic-english-tenses/

เทคนิคการใช้ Tense ท้งั 12 แบบอย่างไร ใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย ถูกตามหลกั การใชเ้ ป๊ ะ

เชื่อเลยวา่ เพอ่ื นๆ หลายคนจะตอ้ งคิดว่าการเรียนภาษาองั กฤษเป็นสิ่งทีย่ าก โดยเฉพาะการเรียนเร่ือง Tense ซ่ึงมีท้งั หมด 12
แบบดว้ ยกนั แตเ่ พอ่ื นๆ รูไ้ หมว่าถา้ เราสามารถจาเรื่อง Tense ไดก้ ส็ บายไปคร่ึงทางแลว้ เพราะมนั เป็นสิ่งที่เราตอ้ งนามาใช้
ในชีวิตประจาวนั การเรียน การทางาน และการสอบตา่ งๆ ดงั น้นั ในบทความน้ี แคมปัส-สตาร์ ก็มี Tense ท้งั 12 แบบมาให้
เพื่อนๆ ไดเ้ รียนรูก้ นั ถา้ พรอ้ มแลว้ ก็ไปลุยกนั เลย

เรียนรู้ 12 Tense ที่สาคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ
1. Present Simple Tense (ปัจจบุ นั )

โครงสร้างประโยค

ประธาน + กริยาชอ่ งท่ี 1
ถา้ ประธานเป็นบรุ ุษที่ 3 เอกพจน์ + กริยาชอ่ งท่ี 1 เติม s หรือ es

ตวั อย่างการใช้

I go… / You go… / He goes… / They go…

She sings a song. แปลวา่ หล่อนรอ้ งเพลง
He plays football. แปลว่า เขาเล่นฟุตบอล
She is not here. หรือ She isn’t here. แปลวา่ หล่อนไม่อยูท่ ี่นี่
We are not drivers. หรือ We aren’t drivers. แปลวา่ พวกเราไม่ใชค่ นขบั รถ

สาหรับ ประโยคปฏเิ สธและคาถามเราจะใช้ Verb to do มาช่วย เช่น

You do not like apple. หรือ You don’t like apple.
She does not eat meat. หรือ She doesn’t eat meat.
Do you like it?
Does he like it?

หลักการเติม s ท่ีคากริยา

เติม s หลงั คากริยาน้นั ๆ เชน่ He eats. She sings. A tiger runs.

ถา้ กริยาลงทา้ ยดว้ ย s, sh, ch, x, o, z, ss ให้เตมิ es เช่น

He teaches English.
She goes away.
She brushes her teeth.

ถา้ กริยาลงทา้ ยดว้ ย y และหนา้ y เป็นพยญั ชนะ ใหเ้ ปล่ียน y เป็น i แลว้ เตมิ es เชน่

He tries to study.
She studies English.

** หมายเหตุ ถา้ หน้า y เป็นสระ ไม่ตอ้ งเปล่ียน y เป็น i ให้เติม s ไดเ้ ลย เช่น

play – plays = เล่น
pay – pay = จา่ ย
destroy – destroys = ทาลาย

หลักการใช้ Present Simple Tense สรุปได้ดงั น้ี

1.1 แสดงลกั ษณะความจริงอย่เู สมอ ไม่ว่าเหตกุ ารณจ์ ะผ่านไปเทา่ ใดกต็ าม เช่น

The earth moves around the sun. แปลว่า โลกหมนุ รอบดวงอาทติ ย์
The sun rises in the east and sets in the west. แปลวา่ ดวงอาทติ ยข์ ้ึนทางทิศตะวนั ออกและตกทางทศิ ตะวนั ตก
The earth is round. แปลวา่ โลกกลม
Water freezes at 0 C. แปลวา่ น้ามีจดุ เยือกแข็งท่ี 0 องศาเซลเซียส

1.2 การกระทาท่ีเกิดขนึ้ เสมอๆ เกดิ ขึน้ จนเป็ นนสิ ัย มักจะมี adverb of frequency ประกอบในประโยค เช่น every day,
usually, sometimes, frequently, always, naturally, generally, rarely, seldom, never etc. เป็นตน้ ตวั อยา่ งการใชม้ ีดงั น้ี

She gets up at six o’clock. แปลวา่ หล่อนตื่นนอน 6 โมงเชา้ (ต่ืนเวลาน้ีจนเป็นนสิ ัย)
He runs every morning. แปลวา่ เขาว่งิ ทุกๆ เชา้
John often drinks beer. แปลวา่ จอห์นมกั จะดมื่ เบยี ร์
She never sits in front of the church. แปลวา่ หล่อนไมเ่ คยนง่ั ขา้ งหนา้ ของโบสถเ์ ลย

1.3 แสดงเหตุการณ์หรือกิจกรรมต่างๆ ท่ีรู้ลว่ งหนา้ วา่ จะเกดิ ข้ึนในอนาคตอนั ใกลน้ ้ี เชน่

I go to Chiangmai in the afternoon. แปลว่า ฉนั จะไปเชียงใหมใ่ นตอนบ่าย
He starts to study in five minutes. แปลวา่ เขาจะเร่ิมเรียนภายใน 5 นาที
The concert begins at 1.30. แปลวา่ คอนเสิร์ตเร่ิมเวลา 1.30 นาฬิกา

1.4 ใช้กับสุภาษติ คาพังเพย เช่น

New brooms sweep clean. แปลวา่ ไมก้ วาดใหม่ยอ่ มกวาดสะอาดกวา่
Money makes friend. แปลวา่ เงนิ ทองอาจทาให้ท่านมีเพ่ือนฝงู มาก
Health is wealth. แปลวา่ ความไม่มีโรค เป็นลาภอนั ประเสริฐ

––––––––––––––––––––

2. Present Continuous Tense (ปัจจุบันกาลังจะทา)

โครงสร้างประโยค

I + am + กริยาชอ่ งท่ี 1 เตมิ ing
ประธานเอกพจน์ + is + กริยาช่องที่ 1 เตมิ ing
ประธานพหูพจน์ + are + กริยาชอ่ งที่ 1 เติม ing

ตัวอย่างการใช้

She is running.
Is he playing football now?
I am not sleeping.
They are walking.

หลกั การเติม ing

คากริยาท่ลี งทา้ นดว้ ย e ใหต้ ดั e ทิง้ เสียกอ่ นแลว้ เติม ing เชน่

bite > biting
come > coming
arise > arising
write > writing
take > taking

กริยาที่ลงทา้ ยดว้ ย ee ใหเ้ ติม ing เลย เชน่

free > freeing
see > seeing
flee > fleeing
agree > agreeing

กริยาทล่ี งทา้ ยดว้ ย ie ให้เปลย่ี น ie เป็น y แลว้ เตมิ ing เช่น

lie > lying
die > dying
tie > tying

กริยาพยางคเ์ ดยี ว มีสระตวั เดยี วและมีตวั สะกดเป็นพยญั ชนะตวั เดยี ว ใหเ้ พิ่มตวั สะกดอกี 1 ตวั กอ่ น แลว้ เติม ing เชน่

run > running
sit > sitting
hit > hitting
get > getting
dig > digging
rob > robbing

กริยาหลายพยางคล์ งทา้ ยดว้ ยพยญั ชนะ 1 ตวั หน้าพยญั ชนะ มสี ระหน่ึงตวั ใหเ้ พิม่ พยญั ชนะเขา้ ไปอีก 1 ตวั แลว้ เตมิ ing เช่น

forget > forgetting
admit > admitting

กริยามี 2 พยางค์ ซ่ึงออกเสียงหนกั ท่พี ยางคห์ ลงั มสี ระตวั เดยี ว ตวั สะกดตวั เดยี ว ให้เพ่มิ ตวั สะกดเขา้ มาอีกหน่ึงตวั กอ่ น แลว้
เติม ing เชน่

offer > offerring
refer > referring
occur > occurring
begin > beginning

คาตอ่ ไปน้ี ใชไ้ ด้ 2 แบบ คอื trevel, quarrel เชน่

travel > traveling (แบบอเมริกนั )
travel > travelling (แบบองั กฤษ)
quarrel > quarreling (แบบอเมริกนั )
quarrel > quarrelling (แบบองั กฤษ)

กริยาตวั อืน่ ๆ เติม ing ไดเ้ ลย เชน่

hear > hearing
burn > burning
bend > bending
read > reading

หลกั การใช้ Present Continuous Tense สรุปได้ดงั นี้

2.1 แสดงการกระทาทก่ี าลงั ดาเนนิ อยู่ในขณะพดู และคาดว่าจะส้ินสุดลงในไม่ช้า มกั มคี าเหล่าน้ี คือ now, at the present
time, at this moment etc. ตวั อย่างการใช้

She is eating.
Tom is running now.
We are walking.

2.2 แสดงการกระทาเริ่มก่อนพดู เป็นเวลานาน ขณะทพ่ี ูดน้เี หตุการณ์อาจไม่ได้ กาลังเกดิ ขึน้ จริงๆ มกั มีคาว่า this week, this
month etc. ตวั อย่างการใช้

I am working with my teacher this summer. แปลวา่ ฉันกาลงั ทางานกบั ครูของฉันในฤดูร้อนน้ี (ขณะทีพ่ ูดอาจทา หรือไมท่ า
อาการน้ีกไ็ ด)้

Tom is working for an examination. แปลวา่ ทอม กาลงั ดหู นงั สือสาหรับการสอบในคร้งั น้ี (ขณะพดู อาจจะไม่ไดด้ หู นงั สือ
กไ็ ด)้

2.3 ใช้แทนอนาคตกาลังจะมาถงึ ในไม่ช้า หรืออนาคตอนั ใกล้ มกั มี adverb of time (tomorrow, next week, next month etc.)
ตวั อยา่ งการใช้

I am asking him tomorrow (= I will ask him tomorrow.) แปลวา่ ฉนั จะถามเขาพรุ่งน้ี

He is leaving on Sunday (= He’ll leave on Sunday.) แปลวา่ เขาจะออกเดนิ ทางในวนั อาทิตย์

2.4 กริยาที่ไม่นิยมใช้รูป Present Continuous Tense มีดงั ต่อไปน้ี

กริยาแสดงความรูส้ ึกทางประสาทท้งั 5 ดา้ น

see = เหน็ /notice = สงั เกต
smell = ดมกลน่ิ
taste = ชิม

hear = ไดย้ นิ
recognize = จาได้

กริยาท่ีแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ เชน่

love = รัก
like = ชอบ
dislike = ไมช่ อบ
adore = รักยงิ่ บชู า
forgive = อภยั
wish = ปรารถนา
ตอ้ งการ care = เอาใจใส่
desire = ปรารถนา
hate = เกลยี ด
want = ตอ้ งการ
refuse = ปฏิเสธ

กริยาแสดงความคิด เชน่

think = คิด
know = รู้
realize = ตระหนกั
recollect = จาได้
suppose = คิด
recall = นึกได้
expect = คาดหวงั
suppose = คิด
understand = เขา้ ใจ
mean = ต้งั ใจ, หมายความ
believe = เช่ือ
forget = ลมื
trust = เชื่อ
remember = จาได้

กริยาอืน่ ๆ เชน่

seem = ดรู าวกบั วา่
hold = บรรจุ

belong = เป็นของ
own = เป็นเจา้ ของ
contain = บรรจุ
possess = เป็นเจา้ ของ
consist = ประกอบดว้ ย

3. Present Perfect Tense (ปัจจบุ ันสมบรู ณ์)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + has,have + Past Participle

ตวั อย่างการใช้

We have eaten American foods.
She has not(hasn’t) eaten Thai foods.
Has he smoked cigarettes?

หลักการใช้ Present Perfect Tense สรุปได้ดงั น้ี

3.1 แสดงถึงการกระทาทเ่ี กิดขึน้ ในอดีต แล้วเหตกุ ารณ์ยงั คงดาเนนิ ต่อมาจนถงึ ปัจจุบนั (ตอนพดู ) และมแี นวโน้มวา่ จะ
ดาเนินต่อไปในอนาคต มกั จะมีคาว่า since, for ตวั อยา่ งการใช้

Dr.Helen has lived in Bangkok since 1958. แปลวา่ ดร.เฮเลน อยู่ที่กรุงเทพต้งั แต่ ค.ศ.1958
I have studied in America for four years. แปลวา่ ฉันเคยเรียนทอ่ี เมริกามาเป็นเวลา 4 ปี

3.2 แสดงการกระทาซึ่งเกิดขึน้ ในอดีต และพงึ่ เสร็จสมบูรณ์ไปไม่นาน มกั มี adverb เช่น just, yet etc. ประกอบดว้ ย ตวั อยา่ ง
การใช้

I have just passed my friend’s house. แปลว่า ฉนั พ่งึ ผา่ นบา้ นเพอื่ นของฉันมา
They have already finished housework. แปลวา่ พวกเขาทางานบา้ นเสร็จแลว้

3.3 แสดงเหตกุ ารณ์ที่เกิดข้ึนในอดีต แต่ผลของการกระทาน้นั ยังคงมาถึงปจั จบุ ันขณะทพี่ ดู ตวั อย่างการใช้

I have read this book before. แปลว่า ฉันเคยอา่ นหนงั สือเล่มน้ีแลว้
He has opened the door. แปลว่าเขาไดเ้ ปิ ดประตูแลว้ (ผลของการกระทายงั อยคู่ ือประตูเปิ ด)

3.4 เหตกุ ารณ์ทเี่ คยทาซ้าๆ กันหลายหนแล้วในอดตี อาจจะทาต่อไปในอนาคต แตไ่ มร่ ู้วา่ เกดิ ข้นึ เมอื่ ใด ไมส่ ามารถบอกเวลา
การเกดิ ข้ึนได้ มกั มี adverb of time เช่น many times, several times ในประโยคดว้ ย ตวั อยา่ งการใช้

I have been to America many times. แปลว่า ฉันไดไ้ ปอเมริกาหลายคร้ังแลว้
She has read this book three times. แปลว่า หลอ่ นเคยอา่ นหนงั สือเล่มน้ี 3 คร้งั แลว้
He has eaten Thai food several times. แปลวา่ เขาเคยกินอาหารไทยหลายคร้ังแลว้

––––––––––––––––––––

4. Present Perfect Continuous Tense (ปัจจบุ นั สมบรู ณ์กาลงั กระทา)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + has, have + been + กริยาเติม ing

ตัวอย่างการใช้

I have been thinking. แปลว่า ฉนั กาลงั คดิ
They have been talking. แปลว่า พวกเขากาลงั พูดกนั
She has been living here for 2 weeks. แปลวา่ หล่อนอาศยั อยทู่ นี่ ่ีมา 2 สัปดาห์แลว้
He has been studying hard all year. แปลวา่ เขาเรียนหนงั สือหนกั มาตลอดปี

หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense สรุปได้ดงั น้ี

4.1 ใช้แสดงการกระทาทีเ่ กดิ ขนึ้ ในอดีต และดาเนินมาโดยไมข่ าดตอน เชน่

John has been living in America since 1984. แปลว่า จอห์นไดม้ าอยู่อเมริกาต้งั แตป่ ี 1984

** หมายเหตุ Present Perfect Continuous Tense น้ี ใช้เหมือน Present Perfect ต่างกัน ตรงทวี่ า่ Present Perfect
Continuous Tense ใชเ้ พื่อตอ้ งการเน้นย้าว่าการกระทาตดิ ต่อกนั มาตลอด และกริยา ที่ใชม้ กั เป็นกริยาที่มีลกั ษณะต่อเน่ืองได้
ปัจจบุ นั ไมใ่ คร่นิยมใช้มากนกั

––––––––––––––––––––

5. Past Simple Tense (อดตี ธรรมดา)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + กริยาช่อง 2

ตัวอย่างการใช้งาน

She went home. แปลวา่ เธอกลบั บา้ น
I came here last night. แปลวา่ ฉันมาทน่ี ี่เมอื่ คืน

หลกั การใช้ Past Simple Tense สรุปได้ดงั นี้

5.1 ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึน้ ในอดตี และจบสิ้นลงไปแล้วในอดีตเช่นกัน มกั มีคาวา่ once, ago, last night, last week, last year
etc. ตวั อยา่ งการใช้

I got sick yesterday. แปลวา่ ฉันป่วยเม่อื วานน้ี
I lived in Phuket 3 years ago. แปลวา่ ฉันอย่ทู ีภ่ ูเก็ตเม่ือ 3 ปี ท่แี ลว้
She went to the university last week. แปลว่า หล่อนไปมหาวทิ ยาลยั เมือ่ สัปดาหท์ ่ีแลว้

5.2 แสดงเหตกุ ารณ์ทเี่ ป็ นนิสัย ท่ที าประจาในอดตี (ปัจจุบันไม่ได้กระทาแล้ว) มกั มี adverb ความถีอ่ ย่ดู ว้ ย เชน่ always,
every, frequently etc. ตวั อยา่ งการใช้

Chris walked every morning. แปลวา่ คริสเดนิ ทุกๆ เชา้ (เป็นนสิ ยั ในอดีต ปัจจบุ นั ไมไ่ ดก้ ระทาแลว้ )
He always woke up late last year. แปลวา่ เขาตืน่ นอนสายเสมอๆเมอ่ื ปี ท่ีแลว้
When I was young. I listened to the radio every night. แปลวา่ เมือ่ ฉนั เป็นเด็ก ฉันฟังวิทยุทกุ คนื

5.3 แสดงถึงการกระทาท้งั สองอย่างทเี่ กิดในเวลาเดียวกัน มกั มคี าวา่ as, while อยูด่ ว้ ย ตวั อยา่ งการใช้

While she sang, I danced. แปลวา่ ขณะทหี่ ล่องร้องเพลง ฉันเตน้ รา
As she cooked, her son played football. แปลวา่ ขณะท่หี ลอ่ นทาอาหาร ลกู ชายของเธอกเ็ ลน่ ฟุตบอล

––––––––––––––––––––

6. Past Continuous Tense (อดีตกาลงั กระทา)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + was, were + กริยาเตมิ ing

ตวั อย่างการใช้

I was drinking a glass of water. แปลวา่ ฉันกาลงั ด่มื น้า 1 แกว้
They were playing football in the field. แปลวา่ เขากาลงั เลน่ ฟตุ บอลอย่ใู นสนาม

หลกั การใช้ Past Continuous Tense สรุปได้ดังน้ี

6.1 ใช้เมื่อเกิดเหตกุ ารณ์ 2 อย่าง เกิดขึน้ ในอดีต เหตุการณ์อย่างหนึ่งเกดิ ขึน้ และดาเนินอยู่ก่อนแล้ว เราจะใช้ Past Continuous
และมเี หตกุ ารณท์ ่ี 2 เกดิ ข้นึ จะใช้ Past Simple ตวั อย่างการใช้

While I was cooking, the telephone rang. แปลวา่ ขณะฉนั ทาอาหารโทรศพั ทก์ ็ดงั ข้ึน
We are walking along the street, it began to rain. แปลวา่ พวกเรากาลงั เดินไปตามถนนฝนกเ็ ร่ิมตก

6.2 เหตกุ ารณ์ที่เกดิ ขึน้ ต่อเนื่องในอดีต ตวั อย่างการใช้

He was sleeping in the class. แปลวา่ ฉันกาลงั หลบั ในหอ้ งเรียน
He was running in the morning แปลวา่ เขากาลงั วง่ิ ในตอนเชา้

6.3 แสดงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ เกิดขึน้ พร้อมๆ กัน ในเวลาเดียวกัน มกั มคี าวา่ while ในประโยค ตวั อยา่ งการใช้

While I was watching T.V, my brother was reading a book. แปลว่า ขณะที่ฉนั ดทู ีวี นอ้ งชายของฉนั อ่านหนงั สือ
She was sleeping while he was talking with his friends. แปลวา่ หล่อนกาลงั นอนหลบั ขณะที่เขากาลงั พูดคยุ กบั เพ่ือนของ
หล่อน

––––––––––––––––––––

7. Past Perfect Tense (อดตี สมบูรณ์)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + had + Past Participle (กริยาชอ่ ง 3)

ตัวอย่างการใช้

She had slept. แปลวา่ หล่อนไดน้ อนหลบั แลว้
He had not worked. แปลวา่ เขาไม่ไดท้ างาน
I had eaten foods before you came. แปลวา่ ฉนั ไดร้ ับประทานอาหารก่อนทีค่ ุณจะมา

หลักการใช้ Past Perfect Tense สรุปได้ดงั นี้

7.1 แสดงเหตกุ ารณ์ 2 อย่าง ท่เี กิดขนึ้ ไม่พร้อมกนั ในอดีต เหตุการณ์หน่ึงเกดิ ข้นึ กอ่ น เราจะใช้ Past Perfect Tense อกี
เหตุการณห์ น่ึงเกดิ ทหี ลงั เราจะใช้ Past Simple Tense ตวั อย่างการใช้

When I had finished my housework, I played T.V games. แปลวา่ เมื่อฉันทางานบา้ นเสร็จฉนั กเ็ ล่น TV เกม (ทางานบา้ น
เสร็จกอ่ นแลว้ จึงเล่น)

7.2 ใช้เปล่ียน Past Simple หรือ Present Perfect ให้เป็ น Indirect Speech ตวั อยา่ งการใช้

Direct Speech : “I have stayed in America for 2 years.” แปลว่า หล่อนพดู ว่า “ฉนั เคยอย่อู เมริการมา 2 ปี แลว้ ”
Indirect Speech : She said that she had stayed in America for 2 years. แปลว่า หล่อนพดู วา่ หลอ่ นเคยอยู่อเมริกามา 2 ปี แลว้
Direct Speech : He said “I worked in Bangkok many years.” แปลวา่ เขาพดู วา่ ”ฉันเคยทางานในกรุงเทพหลายปี ”
Indirect Speech : He said that he had worked in Bangkok many years. แปลว่า เขาพูดว่าเขาเคยทางานในกรุงเทพหลายปี

8. Past Perfect Continuous Tense (อดีตสมบรู ณ์กาลงั กระทา)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + had been + กริยาเตมิ ing + กรรมหรือส่วนขยาย

ตัวอย่างการใช้

I had been sleeping. แปลวา่ ฉนั กาลงั นอนหลบั
She had been waiting for two hours. แปลวา่ หล่อนคอย 2 ช.ม. แลว้
He had not (hadn’t) been walking before you came. แปลวา่ เขาไมไ่ ดก้ าลงั เดนิ ก่อนคณุ มา

หลกั การใช้ Past Perfect Continuous Tense สรุปได้ดงั น้ี

8.1 ใช้คล้ายๆ กับ Past Perfect เราใช้กต็ ่อเมื่อเกิดมเี หตุการณ์ 2 อย่าง เกดิ ขึน้ ในอดตี เพอื่ เน้นวา่ เหตุการณท์ เ่ี กดิ ข้นึ อย่างไม่
ขาดตอน เราใช้ Past Perfect Continuous Tense แลว้ เกดิ เหตุการณ์หน่ึงข้นึ เราจะใช้ Past Simple Tense ตวั อยา่ งการใช้

She had been living in America before she moved to Bangkok. แปลว่า หล่อนอยอู่ เมริการก่อนทีย่ า้ นมาอยู่ทีก่ รุงเทพ
I had been waiting two hour before He arrived. แปลว่า ฉนั คอยเป็นเวลา 2 ชว่ั โมงก่อนท่ีเขามาถึง
She had been reading for several hours when I saw her. แปลวา่ หล่อนกาลงั อ่านหนงั สือหลายชว่ั โมง เมื่อฉันเหน็ หลอ่ น

––––––––––––––––––––

9. Future Simple Tense (อนาคต)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + will, shall(I,We), be going to + กริยาเตมิ ing

ตวั อย่างการใช้

I will go to see you tomorrow. แปลวา่ ฉันจะไปพบคณุ พรุ่งน้ี
I shall go. แปลวา่ ฉนั จะไป
Mary will run. แปลวา่ แมรี่จะวิง่

หลักการใช้ Future Simple Tense สรุปได้ดงั นี้

9.1 ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทาในอนาคต มกั มี adverb of time อยดู่ ว้ ย เช่น to night, tomorrow, next week, next
month etc. ตวั อย่างการใช้

I will see the movie tomorrow. แปลว่า ฉันจะไปดูหนงั พรุ่งน้ี
She is going to see the doctor next week. แปลว่า หล่อนจะไปหาหมอสปั ดาหห์ นา้
The plane will arrive at the airport in a few minutes.แปลวา่ เคร่ืองบินจะมาถงึ ท่าอากาศยานในอกี 2-3 นาที

การใช้ be going to แทน will, shall

ใช้ be going to + กริยาชอ่ ง 1 เพ่อื แสดงถงึ ความต้งั ใจทไ่ี ดค้ ิดไวล้ ่วงหน้าแลว้ หรือเชื่อว่าเป็นจริง โดยไมส่ งสัย ตวั อยา่ งการ
ใช้

I am studying hard: I am going to try for scholarship. แปลวา่ ฉนั กาลงั เรียนหนงั สืออยา่ งหนกั ฉันพยายามเพอื่ สอบชิง
ทุนการศกึ ษา
She is going to write to her parents. แปลว่า หลอ่ นต้งั ใจวา่ จะเขียนจดหมายถงึ พ่อแม่ของเธอ
She has bought flour : She is going to make cake. แปลวา่ หลอ่ นซ้อื แป้งมาและจะทาเคก้

ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 เพ่อื แสดงการคาดคะเน ตวั อยา่ งการใช้

I think it is going to rain. แปลวา่ ฉนั คิดวา่ ฝนจะตก (อย่างแน่นอน)

––––––––––––––––––––

10. Future Continuous Tense (อนาคตกาลงั กระทา)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + will, shall(I,We) + be + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย

ตวั อย่างการใช้

I shall be running. แปลวา่ ฉนั กาลงั วงิ่
I will be working tomorrow. แปลวา่ ฉันกาลงั จะทางานพรุ่งน้ี
We shall be drinking. แปลวา่ เรากาลงั จะดื่ม

หลักการใช้ Future Continuous Tense สรุปได้ดงั นี้

10.1 แสดงเหตุการ์หรือการกระทาทจ่ี ะเกดิ ขึน้ ในอนาคต ซ่ึงเหตกุ ารณ์น้นั กาลงั ดาเนินอยู่ ตวั อย่างการใช้

-At ten o’clock tomorrow morning. I will be waiting my friend. แปลว่า เวลา 10 โมงเชา้ พรุ่งน้ี ฉนั จะกาลงั รอเพอ่ื น
-I will be cooking at 5 o’clock tomorrow evening. แปลว่า ฉนั จะทาอาหารตอน 5 โมงเยน็ พรุ่งน้ี
-He will be sleeping at 4 o’clock tomorrow morning. แปลว่า เขากาลงั หลบั ตอน 4 โมงเชา้ พรุ่งน้ี

10.2 ใช้กบั เหตกุ ารณ์ 2 อย่างทเี่ กดิ ขึน้ เหตกุ ารณ์ที่เกิดก่อนใช้ Future Continuous Tense ส่วนเหตกุ ารณห์ ลงั ใช้ Present
Simple Tense ตวั อย่างการใช้

-They will be playing football when you arrive at their house. แปลว่า เขาจะกาลงั เล่นฟตุ บอลอยู่ เมอ่ื คณุ มาถึงบา้ นของเขา
(เลน่ ก่อนท่ีคณุ จะถึงบา้ น)

-When he calls to you, she will be going to the market.แปลว่า เมอ่ื เขาโทรมาหาคณ หล่อนกาลงั จะไปตลาด

––––––––––––––––––––

11. Future Perfect Tense (อนาคตสมบูรณ์)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + will, shall + have + กริยาช่อง 3

ตัวอย่างการใช้

I shall have eaten. แปลว่า ฉนั จะกินอยู่แลว้
Sri will have gone. แปลวา่ ศรีจะไปอยู่แลว้
He will have finished his work. แปลวา่ เขาจะเสรจ็ งานของเขาอยแู่ ลว้

หลกั การใช้ Future Perfect Tense สรุปได้ดังนี้

11.1 ใช้เม่ือคดิ ว่า เวลาใดเวลาหน่ึงในอนาคต เหตกุ ารณ์หรือการกระทาจะสิ้นสุดลง มกั มีคาเหลา่ น้ี เชน่ by that time, by
then, by tomorrow, by next year, by next week, by at ten o’clock in two hours etc. ตวั อยา่ งการใช้

I will have slept in three hours. แปลวา่ ฉนั จะนอนเสร็จภายใน 3 ชว่ั โมง
They will have finished the new road by next week. แปลว่า พวกเขาจะทาถนนใหม่เสร็จในสปั ดาหห์ นา้

11.2 ใช้กบั เหตุการณ์ 2 เหตกุ ารณ์ที่เกิดขึน้ ไม่พร้อมกัน คาดว่าเม่ือถึงเวลาน้นั เหตกุ ารณ์หนึงจะเสร็จสมบรู ณ์
เราจะใช้ Future Perfect Tense กบั เหตกุ ารณ์น้ีและจะเกิดเหตุการณท์ ่ี 2 ตามมา เราจะใช้ Present Simple Tense กบั ประโยค
น้ี ตวั อย่างการใช้

By the time you arrive, I will have finished homework. แปลวา่ เม่ือเวลาท่ีคุณมาฉันกท็ าการบา้ นเสร็จพอดี
She will have eaten foods before you came. แปลวา่ หล่อนรบั ประทานอาหารเสร็จก่อนทค่ี ุณจะมา
The movie will have started before we reach the theater. แปลว่า ภาพยนตร์เริ่มฉายกอ่ นที่พวกเราจะมาถึงโรงภาพยนตร์

––––––––––––––––––––

12. Future Perfect Continuous Tense (อนาคตสมบรู ณ์กาลงั กระทา)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + will, shall (I,We) + have + been + กริยาเตมิ ing + กรรมหรือส่วนขยาย

ตวั อย่างการใช้

I shall have been working. แปลวา่ เราคงจะทางาน (ติดตอ่ กนั )
He will have been running. แปลวา่ เขาคงจะวิง่ (ตดิ ตอ่ กนั )

หลกั การใช้ Future Perfect Continuous Tense สรุปได้ดงั น้ี

12.1 สาหรับ Tense นี้ เน้นให้เห็นถงึ การต่อเนื่องของการกระทาว่าถึงเวลาน้นั ในอนาคต การกระทาน้นั ยงั คงดาเนินอยู่ และ
จะดาเนินตอ่ ไปอกี (ยงั ไมห่ ยดุ ) ตวั อยา่ งการใช้

-By ten o’clock I shall have been working without a rest. แปลว่า ถึงเวลา 10 นาฬกิ า ฉนั ไดท้ างาน (ตดิ ต่อกนั มา) โดยไมพ่ กั
-When you arrive, she will have waiting for three hours. แปลวา่ เม่ือคุณมาถงึ หล่อนคงจะไดร้ อคุณ (โดยไมห่ ยุดรอ) เป็น
เวลา 3 ชวั่ โมง

https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/81071.html


Click to View FlipBook Version