The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Part-of-speech-คืออะไร-สรุป-parts-of-speech-อย่างละเอียดเข้าใจง่ายสุด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อาซียะ รอนี, 2020-02-18 09:55:17

Part-of-speech-คืออะไร-สรุป-parts-of-speech-อย่างละเอียดเข้าใจง่ายสุด

Part-of-speech-คืออะไร-สรุป-parts-of-speech-อย่างละเอียดเข้าใจง่ายสุด

Part of speech คืออะไร สรุป parts of speech อย่างละเอียดเข้าใจง่ายสุด

Part of speech คอื อะไร มีกี่ประเภท และมหี นา้ ทท่ี าอะไรในหลกั แกรมมา่ : สรุป part of speech ใหเ้ หน็ ภาพกอ่ นคร่าวๆนะ
ครับว่า มนั คือส่วนของคาพูด หมายความว่าประโยคในภาษาองั กฤษท่ีเราส่ือออกไปน้นั จะประกอบไปดว้ ยชนิดของคา
หรือประเภทของคาตา่ งๆนนั่ เอง

♥ เนื้อหา Part of Speech

• Part of speech คืออะไร
• Part of speech หน้าท่ีคอื อะไร
• Part of speech มีกีชนดิ หรือก่ีประเภท
• Part of speech ท่ตี ้องเรียนรู้พลาดไม่ได้

♦ Part of Speech คืออะไร

• Part อา่ นวา่ พ๊าท แปลวา่ ส่วน, ชิน้ ส่วน
• of ออฟ แปลวา่ ของ
• Speech คอื คาพดู

ตามหลกั แกรมม่าแลว้ Part of Speech ภาษาองั กฤษ แปลวา่ “ส่วนของคาพูด” แต่ความหมายจริงๆของมนั คือ ประเภทของ
คาหรือชนิดของคานะครับ กอ่ นจะสรุปวา่ Part of speech คืออะไร ลองมาอ่านประโยค part of speech ง่ายๆเหล่าน้ีกอ่ นนะ
ครบั

→ My name is Tom. ช่ือของผมคือทอม (นาม)

→ I am American. ผมคอื คนอเมริกนั (สรรพนาม)

→ I’m tall and slim. ผมตวั สูงและเพรียว(คณุ ศพั ท์)

→ I can play tennis. ผมเล่นเทนนิสเป็น (กริยา)

→ And I can run fast. และผมสามารถว่งิ ไดเ้ ร็ว (กริยาวเิ ศษณ์

→ I love Thailand and Thai people. ผมรกั ประเทศไทยและคนไทย(สนั ธาน)→ It’s hot in April. มนั รอ้ นในเดอื น
เมษายน (บุรพบท)

→ Well!! I must go now. Bye. ออ้ ผมตอ้ งไปเดี๋ยวน้ี (อุทาน)เห็นตวั แดงๆหนาๆไหมครับ นน่ั คือคาชนิดต่างๆครับผม
ดงั น้นั สรุปไดว้ า่ part of speech คอื คาประเภทต่างๆ ซ่ึงมีดว้ ยกนั 8 ชนิด

◊ Part of Speech เขียนอย่างไรให้ถูก
เน่ืองจากการเรียนหลกั แกรมม่า ทกุ คนจะตอ้ งรู้จกั คาว่า part of speech เป็นด่านแรก แต่หลายคนยงั เขียนไมค่ ่อยถูกกนั บา้ ง
กเ็ ขยี นว่า path of speech แปลวา่ “หนทางของคาพูด” บา้ งกเ็ ขยี นว่า past of speech แปลวา่ “อดตี ของคาพูด” บา้ งกเ็ ขียน part
of speed แปลวา่ “ส่วนของความเร็ว” บางคนหนกั กวา่ เขียนว่า past of speed แปลว่า “อดตี ของความเร็ว”

ส่วนคาวา่ parts of speech เม่ือเราจะสื่อความหมายวา่ มนั มีถึง 8 อนั นะ นน่ั คือ The eight parts of speech คอื คาพูดท้งั 8
ชนิด

♦ Part of speech หน้าทคี่ อื อะไร
เน่ืองจากเรารู้ความหมายแลว้ วา่ part of speech คอื คาท้งั 8 ชนิด ดงั น้นั หนา้ ทข่ี องมนั หลกั ๆก็คือการรวมตวั กนั เป็นวลี หรือ
ประโยคเพื่อใชใ้ นการสื่อสารดงั ตวั อยา่ งเน้ือหาดา้ นบน ซ่ึงคาแตะ่ ละประเภทก็มีหน้าท่ี Functions แตกตา่ งกนั กนั ออกไป
เชน่ noun ทาหน้าทเ่ี ป็นประธานและกรรมของประโยค verb ทาหนา้ ทบี่ ่งบอกการกระทาของประธาน preposition ทา
หน้าที่เชื่อมคา เป็นตน้

การจะเรียนรู้เรื่อง part of speech อยา่ งละเอยี ด ไม่ใช่เร่ืองทจ่ี ะเรียนวนั เดยี วให้เขา้ ใจไดท้ ้งั หมด เพราะมที ้งั เรื่องหลกั ๆ และ
รายละเอียดหยมุ หยิมมากมาย ดงั น้นั คอ่ ยๆเรียนรู้ทาความเขา้ ใจไปทลี ะอย่างนะครับ

♦ Part of speech มกี ชี นิดหรือกปี่ ระเภท
อยา่ งท่ีเกริ่นนาไปแลว้ วา่ part of speech มีอยู่ดว้ ยกนั ท้งั หมด 8 ชนิด ไดแ้ ก่

1. Noun (คานาม) คือคาทใ่ี ชแ้ ทนคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ (รวมถงึ ชื่อของคน สตั ว์ ส่ิงของ สถานท)่ี

• คน เชน่ boy girl man student doctor king father/ John Sam Ted Tom
• สตั ว์ เชน่ dog cat bird tiger / Simba Kitty
• ส่ิงของ เชน่ TV radio fan car soap / Sony Samsung Lux
• สถานที่ เช่น market bank city country / London Thailand England

2. Pronoun (สรรพนาม) คือ คาที่ใชแ้ ทนคานามดา้ นบน เชน่ I me/ you/ he him/ she her/it/ this /that

3. Adjective (คณุ ศพั ท์) คอื คาที่ใชบ้ อกลกั ษณะของคานาม เชน่ tall short small big

4. Verb (กริยา) คือคาท่ีใชแ้ สดงการกระทา เช่น go come run walk

5. Adverb (กริยาวเิ ศษณ์) คือคาท่ใี ชอ้ ธิบายการกระทาว่าทาอยา่ งไร ทไ่ี หน เมอื่ ไหร่ เช่น fast slowly here there today
yesterday

6. Conjunction (คาสันธาน) คอื คาท่ใี ชเ้ ช่ือมคา วลี หรือประโยค เช่น and but or so

7. Preposition (คาบุรพบท) คอื คาที่ใชแ้ สดงความสมั พนั ธ์ของคา เช่น in on at by from

8. Interjection (คาอุทาน) คอื คาท่ีใชแ้ สดงอารมณต์ น่ื เตน้ ดีใจ เสียใจ เช่น wow eh um

Nouns คานาม ภาษาอังกฤษ ประเภทต่างๆ วธิ ีการใช้ นับได้ นบั ไม่ได้ เอกพจน์ พหูพจน์
คานาม คือคาท่ใี ชเ้ รียกสิ่งตา่ งๆ เชน่ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ หรือบางคร้งั อาจรวมไปถึงสิ่งทไ่ี มม่ ีตวั ตนและจบั ตอ้ งไมไ่ ด้
เช่น ความเช่ือ ความรัก ความกลวั เป็นตน้ โดยคานามแบง่ ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ คานามนบั ได้ และคานามนบั
ไม่ได้ เรามาเรียนรายละเอียดกนั เลยครับ จะไดใ้ ชภ้ าษาองั กฤษไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง และดดู คี รับ
คานามในภาษาองั กฤษ

1) Countable Noun
หมายถึง นามนบั ได้ คอื นามทีส่ ามารถแยกนบั ไดว้ ่ามีกีค่ น กต่ี วั กสี่ ิ่ง เป็นจานวน หน่ึง สอง สาม … … แบง่ ตามจานวนได้ 2
ชนิดคือ
1.1) Singular (เอกพจน)์ คอื นามท่มี ีอนั เดียว ชิ้นเดยี ว
1.2) Plural (พหูพจน์) คือนามที่มีมากกว่าหน่ึงข้นึ ไป
ตวั อย่าง
Singular : boy bird book pencil
Plural : boys birds books pencils
การเปลี่ยนคานามเอกพจนเ์ ป็นพหูพจน์
ปกติเราสามารถทาให้คานามเอกพจนเ์ ป็นพหูพจน์ไดโ้ ดยการเติม s ทท่ี า้ ยคา แต่มคี านามจานวนหน่ึงที่มขี อ้ ยกเวน้ และมกี ฎ
ดงั ต่อไปน้ี

กฎข้อที่ 1

เติม es ทา้ ยคานามทลี่ งทา้ ยดว้ ย s, ss, sh, ch, x
เชน่ bus เปลี่ยนเป็น buses แปลว่า รถประจาทาง
glass เปลี่ยนเป็น glasses แปลวา่ แกว้
brush เปลี่ยนเป็น brushes แปลวา่ แปรง
bench เปลย่ี นเป็น benches แปลวา่ มา้ นง่ั
match เปล่ียนเป็น matches แปลวา่ ไมข้ ดี ไฟ
box เปล่ยี นเป็น boxes แปลว่า กลอ่ ง
fox เปล่ียนเป็น foxes แปลว่า สุนขั จง้ิ จอก

กฎข้อท่ี 2

เติม es ทา้ ยคานามทีล่ งทา้ ยดว้ ย o และหนา้ o เป็นพยญั ชนะ
เช่น hero เปลี่ยนเป็น heroes แปลว่า วีรบรุ ุษ
mango เปล่ียนเป็น mangoes แปลวา่ มะม่วง
buffalo เปลีย่ นเป็น buffaloes แปลวา่ ควาย
tomato เปล่ยี นเป็น tomatoes แปลวา่ มะเขือเทศ
* ถา้ หากวา่ หนา้ o เป็นสระ ให้เตมิ s
radio เปลี่ยนเป็น radios แปลวา่ วทิ ยุ
bamboo เปลี่ยนเป็น bamboos แปลว่า ไมไ้ ผ่
* เติม s สาหรบั คาต่อไปน้ี
photo เปลยี่ นเป็น photos แปลว่า รูปภาพ
piano เปลยี่ นเป็น pianos แปลวา่ เปี ยโน
dynamo เปลยี่ นเป็น dynamos แปลวา่ ไดนาโม
kilo เปล่ียนเป็น kilos แปลว่า กิโล

กฎข้อที่ 3

คานามทล่ี งทา้ ยดว้ ย y และหน้า y เป็นพยญั ชนะ ให้เปลย่ี น y เป็น i แลว้ เตมิ es
เช่น fly เปลย่ี นเป็น flies แปลว่า แมลงวนั
city เปล่ียนเป็น cities แปลวา่ เมือง
army เปลี่ยนเป็น armies แปลวา่ กองทพั บก
duty เปลย่ี นเป็น duties แปลว่า หนา้ ที่
lady เปลย่ี นเป็น ladies แปลวา่ สุภาพสตรี
* ถา้ หากว่าหนา้ y เป็นสระ ใหเ้ ตมิ s
day เปล่ยี นเป็น days แปลว่า วนั
boy เปล่ียนเป็น boys แปลว่า เด็กผชู้ าย

toy เปลี่ยนเป็น toys แปลว่า ของเลน่
key เปลีย่ นเป็น keys แปลวา่ กญุ แจ

กฎข้อที่ 4

นามท่ลี งทา้ ยดว้ ย f หรือ fe ใหเ้ ปลย่ี น f หรือ fe เป็น v แลว้ เตมิ es
เชน่ thief เปลี่ยนเป็น thieves แปลว่า ขโมย
leaf เปลยี่ นเป็น leaves แปลวา่ ใบไม้
knife เปล่ยี นเป็น knives แปลวา่ มีด
wife เปล่ยี นเป็น wives แปลวา่ ภรรยา
* เติม s สาหรับคาต่อไปน้ี
chief เปลยี่ นเป็น chief s แปลวา่ หวั หนา้
turf เปล่ียนเป็น turfs แปลวา่ สนามหญา้
roof เปล่ียนเป็น roofs แปลวา่ หลงั คา
cliff เปลย่ี นเป็น cliffs แปลวา่ หนา้ ผา
safe เปลย่ี นเป็น safes แปลวา่ ตเู้ ซฟ
fife เปลีย่ นเป็น fifes แปลวา่ ขล่ยุ

กฎข้อที่ 5

นามที่ทาใหเ้ ป็นพหูพจน์ โดยการเปล่ียนแปลงสระภายใน
เช่น man เปลี่ยนเป็น men แปลว่า ผชู้ าย
woman เปล่ียนเป็น women แปลวา่ ผหู้ ญิง
foot เปลย่ี นเป็น feet แปลว่า เทา้
tooth เปล่ียนเป็น teeth แปลวา่ ฟัน
goose เปลย่ี นเป็น geese แปลว่า ห่าน
louse เปล่ียนเป็น lice แปลว่า เหา, หมดั
mouse เปลย่ี นเป็น mice แปลว่า หนู

กฎข้อที่ 6

นามท่ีทาใหเ้ ป็นพหูพจน์ โดยการเติม en หรือ ren
เช่น ox แปลว่า ววั ตวั ผู้ เปล่ียนเป็น oxen
child แปลวา่ เด็ก เปล่ยี นเป็น children

กฎข้อที่ 7

คานามทีม่ ีรูปเหมือนกนั ท้งั เอกพจน์ และพหูพจน์
เชน่ fish พหูพจนค์ อื fish แปลว่า ปลา
sheep พหูพจน์คือ sheep แปลวา่ แกะ
deer พหูพจน์คือ deer แปลวา่ กวาง
salmon พหูพจน์คอื salmon แปลว่า ปลาแซลมอน

กฎข้อที่ 8

คานามท่ีมรี ูปเป็นเอกพจน์ แตม่ คี วามหมายเป็นพหูพจน์
เชน่ cattle แปลวา่ ววั ควาย, ปศสุ ตั ว์
poultry แปลว่า สตั วป์ ี กที่เล้ียงไวเ้ อาเน้ือหรือไข่ (เป็ดไก่)
people แปลวา่ ประชาชน

กฎข้อที่ 9

คานามทมี่ ีรูปเป็นพหูพจน์เสมอ ไม่มรี ูปเอกพจน์
เช่น shorts แปลวา่ กางเกงขาส้ัน
trousers แปลวา่ กางเกงขายาว
tongs แปลวา่ คมี หนีบ, เหลก็ หนีบ, ปากคบี
pants แปลวา่ กางเกงขายาว, กางเกงใน
scissors แปลว่า กรรไกร

กฎข้อที่ 10

คานามทีม่ รี ูปเป็นพหูพจน์ แต่มีความหมายเป็นเอกพจน์
เช่น politics แปลวา่ การเมือง
news แปลวา่ ข่าว

ความรู้เพ่มิ เติม

กฎข้อที่ 11

คานามผสม ทาให้เป็นพหูพจน์ท่คี านามหลกั หรือ ทาท้งั 2 สว่ น
เชน่ father-in-law เปลี่ยนเป็น fathers-in-law
lord-justice เปลีย่ นเป็น lords-justices

2) Uncountable Noun

หมายถงึ นามนบั ไมไ่ ด้ คือนามที่ไม่สามารถแยกนบั ไดว้ ่ามีกคี่ น ก่ตี ัว ก่สี ิ่ง หรือไมน่ ิยมนบั ดงั น้ี

2.1) เป็นผง, เป็นของเหลว, เป็นเมด็ หรือเป็นเส้นเล็กๆ เชน่
sand = ทราย | rice = ขา้ ว
hair = ผม | flour = แป้ง
sugar = น้าตาล | ink = หมึก

2.2) คงสภาพเดิม แมว้ า่ จะถกู ตดั หรือแบง่ เช่น
meat = เน้ือ | coffee = กาแฟ
bread = ขนมปัง | soap = สบู่

Verb คอื อะไร Verb มอี ะไรบา้ ง และหลกั การใช้ Verb มอี ะไรบา้ ง: สรุปคร่าวๆ Verb แปลวา่ คากริยา แบ่งแยกออกเป็น
หลายชนิดหลายประเภท แลว้ แต่ตาราว่าจะแบง่ โดยใชห้ ลกั เกณฑใ์ ด ส่วนหลกั การใชน้ ้นั ประเดน็ ท่สี าคญั จะอยู่ท่ี Tense ท้งั
12 ครับ

หวั ข้อในการเรียนรู้ Verb (คากริยา)

• Verb คืออะไร
• Verb มีอะไรบ้าง
• หลักการใช้ Verb ใช้ยังไง
• ตวั อย่าง Verb ทใี่ ช้บ่อย

♦ Verb คอื อะไร

Verb is a word or phrase that describes an action, condition, or experience

Verb อ่านวา่ เวบิ คือ คาหรือกลุ่มคาที่บรรยาย การกระทา สถานะ หรือประสบการณ์

ลา่ วคือ เป็นคาทบ่ี อกให้รู้ว่าประธานของประโยค ทาอะไร หรือมีสถานะเป็นอย่างไรนนั่ เอง เช่น

A man eats a mango. ผชู้ าย กนิ มะมว่ ง – คาวา่ eat บอกการกระทา

The sun is hot. พระอาทิตย์ (คอื ) ร้อน – คาว่า is บอกสถานะของพระอาทิตยว์ ่าเป็นอย่างไร แตค่ าวา่ is am are บางทีจะไม่
แปลกนั

I feel cold. ฉนั รู้สึก หนาว – คาวา่ feel บอกประสบการณข์ องตวั ฉันใหร้ ูว้ า่ ฉันรู้สึกอยา่ งไร

♦ Verb มอี ะไรบา้ ง มกี ปี่ ระเภท
การแบ่งประเภทของ Verb ข้ึนอยู่กบั วา่ จะแบ่งกนั อย่างไรนะครับ ไม่กาหนดหลกั เกณฑ์ตายตวั แน่นอน

1. สกรรมกริยา (Transitive Verb) และ อกรรมกริยา (Intransitive Verb)
– สกรรมกริยา (Transitive Verb) คอื กริยาท่ตี อ้ งมากรรมมารบั มิฉะน้นั จะไม่สามารถส่ือความหมายไดส้ มบรู ณ์ คากริยา
ชนิดน้ี ไดแ้ ก่ love, like, eat, hit, clean, buy, cut, do, have, make, meet เป็นตน้ ถา้ ไมม่ ีกรรมมารบั จะไม่สามารถสื่อความกนั
ไดเ้ ป็นท่เี ขา้ ใจกนั เชน่

I love. ผมรกั …. อา้ วแลว้ รักอะไรล่ะ ..ดงั น้นั จึงตอ้ งมีกรรมมารองรับ

We eat. พวกเรากนิ …. อา้ วแลว้ กินอะไรล่ะ ..ดงั น้นั จึงตอ้ งมกี รรมมารองรบั

ตวั อยา่ งเช่น

• I love you.
ผมรักคุณ (คุณเป็นกรรมของประโยค)

• You like a cat.
คุณชอบแมว (แมวเป็นกรรมของประโยค)

• We eat rice.
พวกเรากินขา้ ว (ขา้ วเป็ นกรรมของประโยค)

• They buy a car.
พวกเขาซ้ือรถยนต์ (รถยนต์เป็นกรรมของประโยค)

– อกรรมกริยา (Transitive Verb) คอื กริยาทไี่ ม่ตอ้ งมากรรมมารบั กส็ ามารถส่ือความหมายไดส้ มบูรณ์ คากริยาชนิดน้ี
ไดแ้ ก่ sit, stand, swim, walk, sleep, fly, run, sing, dance เป็นตน้

• I sit.
ผมนงั่

• You stand.
คณุ ยนื

• We walk.
พวกเราเดิน

• They sleep.
พวกเขานอนหลบั

จะเหน็ ไดว้ ่าแค่มปี ระธาน กบั กริยา กส็ ามารถสื่อความไดแ้ ลว้ วา่ ใครทาอะไร

2. กริยาแท้ (Main Verb) และ กริยาช่วย (Helping Verb)
– กริยาแท้ (Main Verb) หรือกริยาหลักของประโยค ถา้ ในประโยคน้นั ๆมคี ากริยาตวั เดยี ว จะไมใ่ ชป่ ัญหาใดๆ เพราะ
คากริยาทป่ี รากฎ มนั ก็คือกริยาหลกั ของประโยคน้นั เอง เชน่

• I walk to school.
ฉนั เดนิ ไปโรงเรียน ( walk เป็นกริยาแท)้

• You are a doctor.
คณุ เป็นหมอ (are เป็นกริยาแท)้

• They sing beautifully.
พวกเขาร้องเพลงอย่างไพเราะ (sing เป็นกริยาแท)้

• They eat rice.
พวกเขากินขา้ ว (eat เป็นกริยาแท)้

กริยาช่วย (Helping Verb) บา้ งกเ็ รียกวา่ auxiliary verb หมายถงึ คากริยาทเ่ี ป็นตวั เสริมเขา้ ไปร่วมกบั กริยาแท้ ใหถ้ กู ตอ้ ง
ตามโครงสรา้ งของประโยค โดยที่ไม่มคี วามหมายใดๆ

เรียนรู้เพิ่มเติม ⇒ กริยาช่วย 24 ตวั ⇐

• I am walking to school.
ฉันกาลงั เดินไปโรงเรียน ( am เป็นกริยาช่วย ส่วน walk เติม ing เป็นกริยาแท)้

• You are a doctor.
คุณเป็นหมอ (are เป็นกริยาแท)้

• They are singing beautifully.
พวกเขากาลงั รอ้ งเพลงอย่างไพเราะ (are เป็นกริยาชว่ ย ส่วน sing เติม ing เป็นกริยาแท)้

• They have eaten rice.
พวกเขากินขา้ วแลว้ (have เป็นกริยาช่วย ส่วน eaten เป็นกริยาแท)้

ปล. คาวา่ is am are และ have has ถา้ ปรากฎลาพงั ในประโยคจะเป็นกริยาแท้ แตถ่ า้ ไปเสริมเขา้ กบั กริยาตวั อ่นื จะเป็นกริยา
ช่วย เชน่

I am a doctor. ผมเป็นหมอ (am เป็นกริยาแท)้

I am singing. ผมกาลงั ร้องเพลง (am เป็นกริยาช่วย)

I have a dog. ผมมีหมาหน่ึงตวั (have เป็นกริยาแท)้

I have eaten rice. ผมกินขา้ วแลว้ (have เป็นกริยาช่วย)

2. กริยาปกติ (Regular Verb) และ กริยาอปกติ (Iregular Verb)
เรียนรู้ตารางคากริยาท่ีใช้บ่อย ⇒ กริยา 3 ช่อง ⇐

กริยาปกติ (Regular Verb) คอื คากริยาทเ่ี ตมิ ed ตอ่ ทา้ ย ในช่อง 2 และ 3 ซ่ึงเป็นการง่ายสาหรบั ผเู้ รียน ถา้ จะผนั กริยา เพราะ
แค่เตมิ ed ตอ่ ทา้ ยแค่น้นั เอง เช่น

1 answer answered answered ตอบ (คาถาม) รบั
(โทรศพั ท)

2 arrive arrived arrived มาถึง ไปถึง

3 attend อะเทน็ ด attended อะเทน็ เดด็ attended (เขา้ ร่วม) ประชมุ

4 beg เบก begged เบกด begged ขอ

5 call คอล called คอลด called เรียก โทรหา

6 change เชนจึ changed เชนจดึ changed เปลยี่ น
ทาความสะอาด
7 clean คลีน cleaned คลนี ด cleaned

กริยาอปกติ (Regular Verb) จะเรียกมนั วา่ กริยาผิดปกตกิ ็ไดน้ ะ เพราะกริยากลมุ่ น้ี จะแปลงร่างตวั เอง ในช่อง 2 และ 3 ซ่ึง
ทาใหผ้ ูเ้ รียนตอ้ งจดจาให้ไดว้ า่ มนั แปลงร่างไปยงั ไง และบางคาก็คงรูปเดมิ ไวซ้ ะอย่างน้นั เช่น

1 was, were been เป็ น อยู่ คอื
be = is, am, are became (บเิ ค๊ม) become กลายเป็ น
began (บิแก๊น) begun (บิกนั๊ ) เริ่มตน้
2 cut cut ตดั
become (บิคม๊ั ) did ดิด done ดนั ทา
went เวน็ ท gone กอน ไป
3 begin (บิกิน๊ )
4 cut คทั
5 do ดู
6 go โก

♦ หลักการใช้ Verb ใช้ยงั ไง
หลกั การใช้ verb จะวา่ ไปแลว้ มนั กค็ อื Verb Tense หรือ Tense 12 นน่ั แหละครบั คากริยาคาเดียวเดียวกนั สามารถสื่อความ
ไดว้ า่ เหตกุ ารณน์ ้ีเกิดข้ึนในอดตี ปัจจุบนั หรืออนาคต

I eat. ฉันกนิ

I am eating. ฉนั กาลังกนิ

I have eaten. ฉนั กนิ เสร็จแล้ว

I ate. ฉนั กินมาแล้ว

I will eat. ฉันจะกิน

Pronoun คือสรรพนามท้งั 9 ไง มอี ะไรบา้ ง และใชย้ งั ไง มาดหู ลกั การใชก้ นั เลยดีกวา่ …

pronoun คือคาสรรพนาม เป็นคาท่ีเราใชเ้ รียกแทนคานาม อนั ไดแ้ ก่ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ นน่ั แหล่ะ มอี ะไรบา้ ง และใช้
ตา่ งจากภาษาไทยไหม ขอสรุปส้นั ตรงน้ีว่าคาสรรพนามในภาษาองั กฤษบางชนิดก็ใชต้ ่างกบั ของไทยเรา ซ่ึงมอี ะไรบา้ งท่ี
คลา้ ยกนั และแตกตา่ งกนั มาเรียนรูพ้ รอ้ มกนั ไปเลยครบั

Pronoun คอื อะไร
Pronoun ก็คือ คาสรรพนาม ดงั ทเ่ี กริ่นบอกไปแลว้ ในเบ้อื งตน้

สรรพนามมหี น้าท่ีอะไร
คาสรรพนาม มีหนา้ ทใ่ี ชแ้ ทนคานาม เพื่อเป็นการเล่ยี งการใชค้ านามเดิมๆซ้าอกี เชน่

• ฉันมีแมวหน่ึงตวั แมวมสี ีขาว แมวชอบนอนบนโซฟา แมวชอบเลน่ กบั ฉนั
จากประโยคดา้ นบา้ น คานามก็คือ แมว เราจะเห็นไดว้ ่า ถา้ ใชแ้ มว อยา่ งเดยี วประโยคมนั กจ็ ะดไู ม่ดีสักเทา่ ไหร่ ดงั น้นั เราจึง
เปล่ียนใหม่เป็ น

• ฉนั มแี มวหน่ึงตวั มนั มีสีขาว มนั ชอบนอนบนโซฟา มนั ชอบเลน่ กันฉัน
พอเราเอาสรรพนามไปแทนคานาม จะเห็นไดว้ า่ มนั ดดู ีข้นึ มาทนั ทีเลย

สรุปไดว้ า่ คาสรรพนามคือคาทใ่ี ชแ้ ทนคานาม เพ่อื เล่ียงการใชค้ านามซ้าไปซ้ามานนั่ เอง

Pronoun มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
กอ่ นอนื่ มาดูตารางน้ีกอ่ นเลยครับ เป็นตารางคาสรรพนามพืน้ ฐานทเ่ี ราท่องกนั

สรรพนามประธาน สรรพนามกรรม คณุ ศพั ท์เจา้ ของ สรรพนามเจา้ ของ สรรพนามสะทอ้ น
I me my mine myself
You you your yours yourself

We us our ours ourselves

They them their theirs themselves

He him his his himself

She her her hers herself

It it its its itself

จากตารางดา้ นบน เขาทาข้นึ มาเพอ่ื ให้สะดวกในการท่องจากนั ซ่ึงชอ่ งที่ 3 ไมใ่ ชส่ รรพนามนะครบั เป็นคาคุณศพั ทแ์ สดง
ความเป็นเจา้ ของ

Adverb คอื อะไร (กริยาวิเศษณ์: adv) อธิบายหลกั การใช้ Adverb ละเอยี ดแจ่มแจง้ สุดๆ

Adverb คอื อะไร มกี ี่ประเภท มีอะไรบา้ ง ใชค่ าวเิ ศษณ์หรือเปลา่ : Adverb (adv) ในหลกั ภาษาองั กฤษคือ คาทีข่ ยายคากริยา
และคาคุณศพั ท์ ซ่ึงคลา้ ยๆกบั คาวเิ ศษณ์ในภาษาไทย แต่ภาษาไทยจะแยกย่อยไดเ้ ยอะแยะ แต่ในภาษาองั กฤษน้นั คาวเิ ศษณ์
จะเป็น กริยาวิเศษณ์ เท่าน้นั

Adverb คืออะไร (adv) ทาหน้าท่ีอะไร

Adverb คอื คากริยาวเิ ศษณ์ มีหน้าท่ี

1.ขยายคากริยา

บอกใหร้ ูว้ า่ ทาท่ีไหน ทาเมื่อไหร่ ทาอย่างไร ทาบ่อยแค่ไหน เชน่

• He came here yesterday. เขา มา ท่นี ่ี เมื่อวานน้ี
here เป็น adverb บอกใหร้ ู้วา่ มา ท่ไี หน
yesterday เป็น adverb บอกใหร้ ู้วา่ มา เม่ือไหร่

• He walks slowly. เขา เดิน อยา่ งชา้ ๆ
slowly เป็น adverb บอกให้รู้วา่ เดิน อย่างไร

• He always walk to school. เขา เดนิ ไปโรงเรียน เสมอ
always เป็น adverb บอกให้รู้ว่า เดนิ บ่อยแค่ไหน

2.ขยายคาคุณศพั ท์ และขยายกริยาวเิ ศษณเ์ อง

บอกให้รู้ว่าอยใู่ น ระดับไหน หรือเน้นยา้ ว่าแค่ไหน เชน่

• The fire is very hot. ไฟ ร้อน มาก
hot เแปลว่า ร้อน เป็นคาคณุ ศพั ท์ขยาย fire ส่วน very เป็น Adverb ขยายคาวา่ hot บอกใหร้ ู้ว่า ร้อนแคไ่ หน

• I like it very much. ผม ชอบ มนั มาก มาก
much เแปลว่า มาก เป็นคากริยาวเิ ศษณ์ สว่ น very ก็เป็น Adverb ขยายคาว่า much บอกใหร้ ู้วา่ มากแค่ไหน

Adverb มีก่ปี ระเภท อะไรบ้าง

Adverb สามารถแบง่ ออกได้ 5 ประเภท ดงั น้ี

1. Time Adverb

กริยาวเิ ศษณ์บอกเวลา ใชบ้ อกการกระทาวา่ “เกิดขึน้ เมื่อไหร หรือ เกิดขึน้ หรือยงั ” คากริยาวิเศษณ์อยู่ในกลุ่ ุ มน้ีไดแ้ ก่
yesterday(เม่ือวาน), today (วนั น้)ี , tomorrow (พรุ่งน้ี), already (แลว้ ), lately (ไมน่ านมาน้ี), finally (ทา้ ยทสี ุด), still (ยงั คง),
early (แตเ่ ชา้ ), late (สาย), now (ตอนน้ี), then (ตอนน้นั ), soon (ในเร็วๆน้ี), recently (ไมน่ านมาน้ี), yet (ยงั ), before (กอ่ น),
after (หลงั ) so far (จนบดั น้ี) ,during (ในช่วง) ,lately (ไมน่ านมาน้ี), just (เพิ่งจะ), etc..

• I saw him yesterday. ฉันเหน็ เขาเม่ือวาน
เกดิ ข้นึ เมื่อไหร่ ตอบ เมือ่ วาน

• I will go shopping tomorrow. ฉัน จะ ไป ชอปปิ้ ง พรุ่งนี้
เกิดข้ึนเมอ่ื ไหร่ ตอบ พรุ่งน้ี

• I’ve already done my home work. ฉนั ทา การบา้ น ของฉัน แล้ว
เกดิ ข้ึนหรือยงั ตอบ เกิดแลว้

• I haven’t done my homework yet. ฉนั ยงั ไม่ไดท้ า การบา้ น ของฉนั
เกดิ ข้นึ หรือยงั ตอบ ยงั

2. Place Adverb

กริยาวิเศษณบ์ อกสถานที่ ใชบ้ อกการกระทาวา่ “เกิดขึน้ ที่ไหน” คากริยาวเิ ศษณ์อยู่ในกลุ่ ุ มน้ีไดแ้ ก่ here (ทีน่ ่ี), there (ที่
นน่ั ), nere (ใกล)้ , far (ไกล), away (ห่าง), back (กลบั ), behind (ขา้ งหลงั ), nowhere (ไม่มีท่ใี ด), everywhere (ทุกท่)ี , above
(เหนือ), below(ใต)้ , into (ไปใน), in (ใน), out (นอก), inside (ขา้ งใน), outside (ขา้ งนอก), etc..

• Please come here. กรุณา มา ทนี่ ี่
ทีไ่ หน ตอบ ทนี่ ่ี

• Please go there. กรุณา ไป ทีน่ ่นั
ที่ไหน ตอบ ทน่ี ่ี

• Please come inside. กรุณา มา ข้างใน
ที่ไหน ตอบ ขา้ งไน

• Please go outside. กรุณา ไป ข้างนอก
ที่ไหน ตอบ ขา้ งนอก

• Mr. Thomas is out.
คุณ โทมสั ไปขา้ งนอก

• Don’t leave children behind.
อยา่ ท้งิ เดก็ ๆ ไวข้ า้ งหลงั

3. Manner Adverb

กริยาวิเศษณ์บอกอาการ ใชบ้ อกการกระทาวา่ “เกดิ ขึน้ อย่างไร” คากริยาวิเศษณ์อยใู่ นกลุุ่ มน้ีไดแ้ ก่ fast (อยา่ งเร็ว),
quickly (อยา่ งเร็ว), beautifully (อยา่ งสวยงาม, อยา่ งไพเราะ), carefully (อย่างระมดั ระวงั ), well (อยา่ งดี), neatly (อย่าง
ประณีต), slowly (อยา่ งชา้ ), sadly (อยา่ งเศร้า), calmly (อย่างสุขุม), politely (อยา่ งสุภาพ), kindly (อย่างมเี มตตา), lazily
(อยา่ งข้เี กยี จ), badly (อยา่ งแย่), loudly (อยา่ งดงั ), quietly (อยา่ งเงยี บๆ) etc..

• He runs very fast. เขา วงิ่ อย่างเร็ว มาก
อยา่ งไร ตอบ อยา่ งเร็ว

• She sings beautifully. หลอ่ น ร้องเพลง อย่างไพเราะ
อย่างไร ตอบ อย่างไพเราะ

• We speak louldly. พวกเรา พูด อย่างดัง
อย่างไร ตอบ อย่างดงั

• They cry quietly. พวกเขา รอ้ งให้ อย่างเงียบๆ
อย่างไร ตอบ อยา่ งเงียบ

4. Frequency Adverb
กริยาวิเศษณบ์ อกความถีห่ ่าง ใชบ้ อกการกระทาวา่ “เกดิ ขึน้ บ่อยแค่ไหน” คากริยาวิเศษณอ์ ย่ใู นกลุ่ ุ มน้ีไดแ้ ก่ always
(เสมอ), usually (โดยปกต)ิ , often (บอ่ ยๆ), normally (เป็นปกต)ิ , occasionally (เป็นบางโอกาส), sometimes บางคร้งั ),
seldom (ไม่คอ่ ยจะ), rarely (มกั จะไม)่ , never (ไมเ่ คย), daily (ทกุ วนั ), weekly (ทกุ เดือน), monthly (ทุกเดอื น), yearly (ทกุ
ปี ), etc..

• He always runs in the morning. เขา ว่ิง ตอนเชา้ เสมอ
บอ่ ยแคไ่ หน ตอบ เสมอ

• She never sings at home. หล่อน ไม่เคย ร้องเพลง ท่บี า้ นเลย
บอ่ ยแคไ่ หน ตอบ ไม่เคย

• The bill is paid monthly. บิล ถูกจา่ ย ทกุ เดอื น
บอ่ ยแค่ไหน ตอบ ทกุ เดอื น

• I sometimes read grammar books. บางคร้ัง ผม อ่าน หนงั สือ ไวยากรณ์
บ่อยแค่ไหน ตอบ บางคร้ัง

5. Degree Adverb and Focusing Adverb
กริยาวิเศษณ์บอกระดบั และบอกการเนน้ ย้า ใชบ้ อกการกระทาว่า “แค่ไหน หรือ ระดบั ไหน ” คากริยาวิเศษณ์อยใู่ นกลุ่ ุ มน้ี
จะขยายคาคณุ ศพั ท์ และขยายตวั มนั เอง ไดแ้ ก่ pretty (ค่อนขา้ งมาก), a bit (ค่อนขา้ ง), a lot (มาก), extremely (อยา่ งมาก),
quite (คอ่ นขา้ ง), too (มากไป), terribly (จริงๆ), slightly (ค่อนขา้ ง), very (มาก) etc..

almost, quite, nearly, too, enough, just, hardly, simply, so

• It’s pretty hot today. อากาศ ค่อนข้าง ร้อน วนั น้ี
แคไ่ หน ตอบ คอ่ นขา้ ง

• She speaks a lot at school. หลอ่ น พูด มาก ที่ โรงเรียน
แคไ่ หน ตอบ มาก

• It’s extremely dangerous to live with snakes. มนั อนั ตราย อย่างมาก ทจ่ี ะ อาศยั อยู่ กบั งู
แค่ไหน ตอบ อย่างมาก

• English is very easy. ภาษาองั กฤษ ง่าย มาก
แค่ไหน ตอบ มาก

Adjective คอื อะไร (adj) รวมคาคุณศพั ท์ภาษาองั กฤษทใ่ี ชบ้ ่อยมี 120 คา พรอ้ มคาอา่ นคาแปล

• คาคณุ ศพั ท์ adjective คืออะไร : คาคุณศัพท์ภาษาองั กฤษมหี น้าทีข่ ยายหรืออธบิ ายลักษณะของคานาม คล้าย
กับภาษาไทย เช่น big dog หมาตวั ใหญ่ คาว่า big คือคาคุณศัพท์ ไว้อธิบายลักษณะของ dog ให้รู้ว่า dog ตัว
ใหญ่

หวั ข้อในการเรียนรู้คา adjective (adj)

• Adjective คืออะไร
• หลักการใช้ Adjective
• ระดับของ Adjective
• Adjective ที่ใช้บ่อย

♦ Adjective คืออะไร

คาคุณศพั ท์ หรือ adjective อา่ นว่า “แอ็ดเจ็คทิฝ” ตวั ยอ่ คอื adj เป็นคาชนิดหน่ึงใน Part of speech ท้งั 8 ชนิด

♦ หลักการใช้ adjective

◊ Adjective Function (หน้าที่ของคาคุณศพั ท์)

อย่างทเ่ี กร่ินไปแลว้ ว่าคาคณุ ศพั ทภ์ าษาองั กฤษ หรือภาษาไทยก็ดี จะทาหน้าท่ีขยายคานาม คือ คน สัตว์ ส่ิงของ สถานท่ี เพ่อื
บอกใหร้ ูว่ามีลกั ษณะเป็นเชน่ ไร เชน่ สูง ตา่ ดา ขาว เป็นตน้ ซ่ึงเป็นการอธิบายขยายความเพ่มิ เตมิ เพอ่ื นให้เห็นภาพทชี่ ดั เจน
ข้ึนนน่ั เอง เช่น

• The boy is small. เดก็ ผชู้ าย ตวั เล็ก
• A cat is black and white. แมว มสี ีดาและขาว
• The big car is expensive. รถยนต์ คนั ใหญ่ ราคาแพง
• The flower smells good. ดอกไม้ กล่นิ หอม
• The school is beautiful. โรงเรียน สวย

จากตวั อย่างดา้ นบน เราจะเหน็ ไดว้ า่ คาคณุ ศพั ทท์ าหน้าท่ีขยายคานามใหช้ ดั เจนย่งิ ข้ึน เชน่ รู้ว่าเด็กผชู้ ายตวั เล็กนะ แมวมี
สีสันแบบน้ีนะ รถยนต์คนั ใหญห่ รือเลก็ และโรงเรียนสวยหรือข้ีเหร่ เป็นตน้

◊ Adjective Position (ตาแหน่งของคาคุณศัพท์)

ทนี ้ีเราจะมาพดู ถงึ ตาแหน่งของคา adjective กนั บา้ ง ตาแหน่งของ adjective จะวางอยู่ 3 ตาแหน่งหลกั ๆดงั น้ี

1. หนา้ คานาม
2. หลงั Verb to be
3. หลงั Linking verb

» Adjective วางหน้าคานาม

คาคุณศพั ทว์ างหน้าคานามทีม่ นั ขยาย เชน่

• The black dog is running. หมา สีดา กาลงั วง่ิ
• The small boy is playing football. เด็กชาย ตวั เล็ก กาลงั เลน่ ฟตุ บอล
• The beautiful girl is in the room. สาว สวย อยู่ ใน ห้อง
• I can’t see the green bird. ฉนั ไมส่ ามารถ มองเห็น นก สีเขียว
• She likes the pink dress. หลอ่ น ชอบ ชุด สีชมพู

» Adjective ตามหลงั Verb to be

คาคณุ ศพั ท์วางไวห้ ลงั verb to be (be, is, am, are, was, were, been) เช่น

• It will be good for you. มนั จ ะดี สาหรบั คุณ
• I am smart. ผมฉลาด
• The girl is lovely. เดก็ หญงิ น่ารกั
• We are strong. พวกเรา แขง็ แรง
• She was happy yesterday. เม่ือวาน หลอ่ น มีความสุข
• They were lucky. พวกเขา โชคดี
• Jan has been sad since her cat died. เจน เศร้า ต้งั แต่ แมว ของหล่อน ตาย

» Adjective ตามหลัง Linking verb

คาคณุ ศพั ท์วางไวห้ ลงั Linking verb (กริยาเช่ือม) เชน่

• You look good today. วนั น้ี คณุ ดู ดี
• That sounds nice. นนั่ ฟังดู ดีจงั
• The flower smells good. ดอกไม้ มีกลิ่น หอม
• My dream came true. ฝัน ของฉัน กลายเป็น จริง

• I feel sorry for that boy. ฉัน รูส้ ึก สงสาร เด็ก คนน้นั

♦ ระดบั ของ Adjective
Adjective แบง่ ออกเป็น 3 ระดบั หรือ 3 ข้นั ดว้ ยกนั คอื

คณุ ศพั ท์ข้นั ปกติ หรือข้นั เทา่ กนั (A positive adjective)
ข้นั ปกติ คอื การใชค้ าคุณศพั ท์บรรยายส่ิงใดส่ิงหน่ึงโดยไม่เปรียบเทียบกบั ใครท่ไี หน เชน่

• A cat is big. แมวตวั หน่ึง ใหญ่
• A man is tall. ชายคนหน่ึง ตวั สูง

หรือถา้ เปรียบเทยี บสองสิ่งเท่ากนั จะเรียกว่า ข้นั เท่ากนั เช่น

• A cat is as big as a dog. แมว ใหญ่ เท่ากบั หมา
• A man is as tall as a woman. ผชู้ าย สูง เทา่ กบั ผหู้ ญงิ

◊ คุณศพั ท์ข้นั กว่า (Comparative Adjective)
ข้นั กวา่ คือ การเปรียบเทียบส่ิงสองสิ่ง วา่ ส่ิงไหน สูง ตา่ ส้นั ยาว เลก็ ใหญ่…..กว่ากนั เช่น

• A cat is bigger than a mouse. แมว ใหญ่กว่า หนู
• A man is taller than a woman. ผชู้ าย สูงกว่า ผหู้ ญิง

◊ คาคุณศพั ทข์ ้นั ท่ีสุด (Superlative adjective)

ข้นั ทสี่ ุด หรือสูงสุด คือ การเปรียบเทยี บต้งั แต่สามขนึ้ ไป แลว้ ปรากฏวา่ มสี ่ิงหน่ึงที่ สูง ต่า ส้นั ยาว เลก็ ใหญ่….กวา่ เพอื่ น
เลย เชน่

• A cat is the biggest animal in this room. แมวเป็นสัตวท์ ่ีใหญ่ที่สุดในห้องน้ี (ออกจากห้องน้ีแลว้ คงไม่ใช)่
• Somchai is the tallest man in class. สมชายตัวสูงทีส่ ุดให้ห้อง (เฉพาะหอ้ งน้ีนะครบั )

คาคณุ ศัพท์ท่ใี ช้บ่อย 120 คา พร้อมคาอ่าน คาแปล

1 absent แอบ๊ เซินท ขาด (เรียน, งาน)

2 afraid อะเฟรด กลวั
3 back แบ๊ค หลงั
4 bad แบด เลว
5 beautiful บิว๊ ทิฟลุ สวย
6 better เบท็ เทอะ ดกี วา่
7 big บิก ใหญ่
8 black แบล็ค ดา
9 boring บอ๊ ริง น่าเบอ่ื
10 bright ไบร๊ท สว่าง, ฉลาด
11 broad กวา้ ง
12 broken บรอด แตก
13 cloudy โบร๊เคิน มีเมฆมาก
14 cold คลา๊ วดิ หนาว
15 cool โคลด เยน็
16 crazy คลู บา้ คลงั่
17 curly เคร๊สิ หยิก
18 daily เค๊อลิ รายวนั
19 dangerous เด๊ลิ อนั ตราย
เด๊นจะเริส

20 dark ดาค มดื
21 deep ดพี ลึก
22 difficult ดฟ๊ิ ฟิ เคลิ ท ยาก
23 dirty เดอ๊ ทิ สกปรก
24 dry ดราย แห้ง
25 easy อส๊ี ิ ง่าย
26 empty เอม็ ทิ ว่างเปล่า
27 excellent เอ็กซะเลินท ยอดเย่ยี ม
28 excited อิกไซเ๊ ท็ด ตนื่ เตน้
29 expensive อกิ ซเป็นซิฝ แพง
30 famous เฟ็ เมิส มีชื่อเสียง
31 fast ฟาสท เร็ว
32 fat แฟ็ ท อว้ น
33 fault ฟ๊ อลท เทจ็
34 final ไฟ๊ เนิล สุดทา้ ย
35 fine ไฟน ดี
36 first เฟิ สท ลาดบั แรก
37 free ฟรี อิสระ, เปลา่

38 fresh เฟร็ช สดชื่น
39 friendly เฟร็นลิ เป็นมติ ร
40 full ฟลุ เต็ม
41 funny ฟ๊ันนิ ตลก
42 gentle เจ็นเทลิ ออ่ นโยน
43 glad แกลด ดใี จ
44 good กุด ดี
45 gray เกร สีเทา
46 great เกรท เย่ยี ม
47 greedy กร๊ีดิ ตะกละ
48 green กรีน เขียว
49 half ฮาฟ คร่ึง
50 handsome แฮน๊ เซิม หลอ่
51 happy แฮพ๊ พิ มีความสุข
52 hard ฮาด แข็ง, ยาก
53 heavy เฮฝ็ ฝิ หนกั
54 healthy เฮล็ ธิ มีสุขภาพดี
55 high ไฮ สูง

56 hot ฮอ็ ท ร้อน
57 hungry ฮง๊ั กริ หิว
58 kind ไคด ใจดี
59 large ลาจ กวา้ ง
60 last ลาสท สุดทา้ ย, ..ทแี ลว้
61 late เลท สาย
62 lazy เล๊สิ ข้ีเกยี จ
63 left เลฟ็ ท ซ้าย
64 light ไลท สวา่ ง
65 little ล๊ทิ เทิล เลก็
66 long ลอง ยาว
67 loose ลสู หลวม
68 loud ลาด เสียงดงั
69 low โล ต่า
70 lucky ลคั คิ โชคดี
71 many เม็นนิ มาก
72 narrow แนโ๊ ร แคบ
73 new นิว ใหม่

74 nice ไนซ ดี
75 noisy นอ๊ ยสิ มีเสียงดงั
76 old โอลด แก่
77 perfect เพอ๊ เฟ็คท สมบูรณ์แบบ
78 poor พอ จน
79 pretty พริททิ สวย
80 quick ควกิ เร็ว
81 quiet ไควเ๊ ยทิ เงียบ
82 rainy เร๊นนิ มฝี นตกชุก
83 red เรด แดง
84 rich ริช รวย
85 right ไรท ถูก,ขวา
86 round ราวด กลม
87 sad แซด เศรา้
88 safe เซฟ ปลอดภยั
89 short ชอท ส้ัน
90 slow สโล ชา้
91 small สมอล เล็ก

92 snowy สโนว๊ ิ มีหิมะตก
93 sorry ซ้อริ เสียใจ
94 sour เซ๊าเวอะ เปร้ียว
95 straight สเตรท ตรง
96 strange สเตรนจ แปลก
97 strong สตรอง แขง็ แรง
98 sunny ซั๊นนิ มีแดดออก
99 sweet สวีท หวาน
100 tall ทอล สูง
101 thick ธิค หนา
102 thin ธิน บาง, ผอม
103 tight ไทท แน่น
104 tiny ไท๊นิ เลก็
105 tired ไท๊เยดิ เหน่ือย
106 tough ทฟั เหนียว
107 true ทรู จริง
108 ugly อก๊ั ลิ น่าเกลียด
109 warm วอม อุ่น

110 weak วีค ออ่ นแอ
111 well เวล็ ดี
112 wet เวท็ เปี ยก
113 white ไวท ขาว
114 wide ไวด กวา้ ง
115 windy ว๊ินดิ มลี มพดั
116 wise ไวส ฉลาด
117 wrong รอง ผดิ
118 yellow เยล็ โล เหลือง
119 young ยงั เป็ นเดก็
120 your ยวั ของคุณ

คาเชื่อม ภาษาองั กฤษ (conjunctions) อธิบายการใชค้ าเช่ือมประโยคง่ายๆ
คาเชื่อม ภาษาองั กฤษ มนั ก็คล้ายกบั คาเช่ือมของไทยนน่ั แหละ เป็ นคาเชื่อมประโยคต่างๆเข้าด้วยกัน เพื่อให้ประโยคดู
สลบั ซับซ้อนมากขนึ้ ชื่อเรียกของมันกค็ อื conjunction แปลว่า “คาสันธาน” หรือ Linking Words (คาเชื่อม)

conjunction คืออะไร นามาใช้ยังไง

ลองดูประโยคท่ไี มม่ คี าเช่ือนะครับ ว่าหนา้ ตาจะออกมาเป็นอยา่ งไรถา้ ไม่มีคาเช่ือมประโยคเขา้ ดว้ ยกนั

• ผมชอบแมว
• ผมชอบหมา
• ผมไม่ชอบลงิ

ประโยคทไ่ี ดม้ นั เป็นอย่างทเี่ ห็นนะครับ เหมอื นเด็กอนุบาลศูนยเ์ ขยี นเรียงความเลย ทีน้ีลองเอาคาเชื่อมมาใชเ้ ช่ือมประโยค
เขา้ ดว้ ยกนั ดนู ะครับ

• ผมชอบแมวและหมา แต่ผมไม่ชอบลิง

เป็นอย่างไรบา้ งครบั จะเหน็ ว่าคาเช่ือมจะชว่ ยใหป้ ระโยคเดย่ี ว รวมตวั กนั ไดเ้ ป็นประโยคยาวๆ และดูดึข้ึนมาทนั ที

◊ คาเชื่อมประโยคมีอะไรบ้าง

conjunction สามารถแบง่ ได้ 3 ประเภทดว้ ยกนั คอื

1. Coordinating conjunctions
2. Subordinating Conjunctions
3. Correlative Conjunctions

♦ หลกั การใช้ Coordinating conjunctions

คาเชื่อมชนิดน้ี จะเป็นการเช่ือมประโยคทม่ี นี ้าหนักเท่ากนั เขา้ ดว้ ยกนั คาเช่ือมมีอยู่ดว้ ยกนั ดงั น้ีคือ FAN BOYS = for,
and, nor, but, or, yet, so

ตวั อย่างประโยค

For – แปลวา่ เพราะวา่
They chat on Facebook or Line, for it’s easy. พวกเขาแชททางเฟสบ๊คุ หรือไม่กไ็ ลน์ เพราะวา่ มนั ง่าย

And – แปลว่า และ เชื่อมประโยคไปในแนวเดยี วกนั
They chat on Facebook, and they chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบ๊คุ และพวกเขาแชททางไลน์

Nor – แปลวา่ ไมท่ ้งั สอง
They chat on Facebook, nor they chat on Line. พวกเขาไม่แชทท้ังทางเฟสบุ๊ค ไมแ่ ชทท้งั ทางไลน์

คาบุพบท ภาษาองั กฤษ (Prepositions) พร้อมคาแปลและตวั อย่างประโยค
คาบพุ บท ภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทยมหี ลกั การใชเ้ หมือนกนั นะครับ คือ ใชเ้ ช่ือมคาต่อคา จะเป็นคาชนิดไหนกไ็ ดใ้ น parts
of speech เพ่ือบอกความสมั พนั ธ์ของคา เอาเป็นวา่ วนั น้ีเราจะมาเรียนรูค้ าบุพบททใ่ี ชก้ นั บ่อยๆพร้อมตวั อย่างประโยคนะ
ครับ

คาบพุ บท ภาษาองั กฤษที่ใช้บ่อย

คาบุพบท หรือ บรุ พบท คือคาชนิดหน่ึงในไวยากรณ์ ทาหนา้ ทเ่ี ช่ือมคาต่อคา มกั จะอยูห่ น้านาม สรรพนาม หรือกริยา ก็ได้
เพือ่ บอกสถานท่ี เวลา ทิศทาง เป็นตน้ คาทร่ี ูจ้ กั และคนุ้ กนั ดี คือ in on at (ใน บน ท่ี)

คาบุพบทต่อไปน้ีเป็นคาทใ่ี ชก้ นั บ่อยๆ จะวา่ เป็นคาพื้นฐานทตี่ อ้ งเรียนรู้และจดจาใหไ้ ดก้ ไ้ มผ่ ิดนะ

• About—อ่านวา่ เออะเบา๊ แปลวา่ เกย่ี วกบั , รอบๆ หรือ ทว่ั
This book is about love. หนงั สือเล่มน้ีเกีย่ วกบั ความรัก
The dog is running about the room. หมากาลงั วิ่งทว่ั หอ้ ง

• Above—อา่ นว่า เออะเบ๊ฝิ แปลวา่ เหนือ, เกนิ
There’s a spider above the bed. มีแมงมุมตวั หน่ึงอยูเ่ หนือเตียง
This toy is for children above 10. ของเลน่ ชิน้ น้ีสาหรบั เดก็ อายุเกนิ 10 ปี

• Across—ขา้ ม, ตรงกนั ขา้ ม
The boy is walking across the street. เดก็ ชายคนหน่ึงกาลงั เดนิ ขา้ มถนน
My house is across the road. บา้ นของฉันอยู่ฝั่งตรงกนั ขา้ มถนน

• After—หลงั , หลงั จาก
Do you believe in life after death? คุณช่ือในเรื่องของชีวิตหลงั ความตายหรือเปลา่
She eats breakfast after she takes a bath. หลอ่ นกินอาหารเชา้ หลงั จากหลอ่ นอาบน้า

• Against—ต่อตา้ น, คดั คา้ น, ตา้ น, พงิ
Most people voted against the new dam. คนสว่ นมากโหวตคดั คา้ นเขอ่ื นแห่งใหม่
We’re cycling against the wind. พวกเรากาลงั ปั่นจกั รยานตา้ นลม
He’s leaning agianst the wall. เขากาลงั ลงั เอนพงิ กาแพง

• Along—ไปตาม
They’re walking along the beach. พวกเขากาลงั เดินไปตามชายหาด

• Amid(st)—ในท่ามกลาง
We are camping in the forest amd the tall trees. พวกเราต้งั แคมป์ ในป่ าท่ามกลางตน้ ไมส้ ูง

• Among— ในทา่ มกลาง
The little kids are standing among the crowd. เดก็ ตวั เลก็ กาลงั ยืนอยใู่ นท่ามกลางฝูงชน

• Around—รอบๆ
The earth goes around the sun. โลกไป(หมุน)รอบดวงอาทิตย์
The kids are sitting around the teacher. เด็กนงั่ ลอ้ มรอบครู

• At— ท,ี่ เวลา, มาท,่ี ไปท,ี่ ในเร่ือง
She’s at home. หลอ่ นอยู่ทีบ่ า้ น
I get up at six o’clock. ฉันตื่นนอนเวลา 6 นาฬิกา
She’s looking at me. หล่อนกาลงั มองมาทฉี่ ัน
Sam is pointing at the lion. แซมกาลงั ช้ีไปท่สี ิงโต
We’re not good at sports. พวกเราไมเ่ ก่งในเร่ืองกฬี า

• Before— ก่อน
Please come back before noon. กรุณากลบั มาก่อนเท่ียง

• Behind— ขา้ งหลงั
The little boy is standing behind his dad. เดก็ ชายตวั น้อยกาลงั ยนื อยู่หลงั พ่อของเขา

• Below—ขา้ งใต,้ ตา่ กว่า
Your name is below mine. ชื่อของคุณอย่ใู ตช้ ื่อของฉนั
Your score is below average. คะแนนของคุณต่ากวา่ ค่าเฉล่ยี

• Beneath—ใต้
The cat is sleeping beneath the chair. แมวกาลงั นอนหลบั อยู่ใตเ้ กา้ อ้ี

• Beside— ขา้ งๆ
Come and stand beside me! มายนื ขา้ งๆฉัน

• Besides— นอกเหนือ, นอกจาก
Can you sing other songs besides Chang Chang Chang? คุณร้องเพลงอื่นเป็นไหมนอกจากชา้ งๆๆ

• Between— ระหว่าง
Sam sits between Jand and me. แซมนงั่ ระหวา่ เจนและฉัน

• Beyond— เกิน, เหนือ, เลย
Not every dog lives beyond 20 years. ไม่ใช่หมาทุกตวั มีชีวิตอยไู่ ดเ้ กนิ 20 ปี
My house is beyond the bridge. บา้ นของฉันอยเู่ ลยสะพานไป

• During— ในช่วง
Some students play in the playground during the recess. นกั เรียนบางคนเลน่ ในสนามเด็กเลน่ ในชว่ งเวลาพกั

• Except— ยกเวน้
Dad works everyday exept Sundays. พ่อทางานทกุ วนั ยกเวน้ วนั อาทิตย์

• For— สาหรบั , เพ่ือ
My love is for you only. รกั ฉันเพื่อคณุ เทา่ น้นั

• In— ใน
Mom is in the kitchen. แม่อยใู่ นห้องครวั

• Into— ไปใน
The cat ran into the room. แมววิ่งเขา้ ไปในหอ้ ง

• Of— ของ, แห่ง
It’s on the back of the book. มนั อย่ดู า้ นหลงั ของหนงั สือ
Thailand is the land of smile. ประเทศไทยคอื ดนิ แดนแห่งรอยยม้ิ

• On— บน
Your book is on the table. หนงั สือของคุณอย่บู นโตะ๊

• Over— เหนือ
The birds are flying over the house. นกกาลงั บินอยู่เหนือบา้ น

• Past— ผ่าน
They are waking past the shop. พวกเขากาลงั เดนิ ผา่ นร้านไป

• Through— ผา่ น, ตลอด,
The sun is shining through the window. ดวงอาทิตยก์ าลงั ส่องแสงผ่านมาทางหนา้ ตา่ ง

• To— ไปสู่
She walks to school every day. หล่อนเดนิ โรงเรียนทกุ วนั

• Under— ใต้
The cat is under the chair. แมวอยใู่ ตเ้ กา้ อ้ี

• Underneath— ใต้
They found a snake underneath the bed. พวกเขาพบงตู วั หน่ึงใตเ้ ตียง

• Until— จนถงึ , จนกระทงั่
I will wait for you until noo. ฉนั จะคอยคุณจนถึงเท่ียง

• With— กบั
I live with my parents. ฉนั อาศยั อยกู่ บั พ่อแม่

• Without— ไม่มี, ปราศจาก
I never go out wihout my an umbrella. ฉนั ไมเ่ คยออกไปขอ้ งนอกโดยไม่มีร่ม

interjection คืออะไร อธิบายสรุปหน้าที่ของ interjection งา่ ยๆ

• interjections คอื คาทใี่ ชแ้ สดงความรู้สึกและอารมณใ์ หช้ ดั เจนข้นึ เช่นยนิ ดี ดใี จ เสียใจ ผดิ หวงั โกรธ เกลยี ด
ขยะแขยง และปกตมิ กั จะตามหลงั ดว้ ย เครื่องหมาย exclamation mark (!) แตบ่ างทีจะเป็นเครื่องหมาย , แลว้
ปิ ดทา้ ยประโยคดว้ ยจุด (period) หรือ เคร่ืองหมายคาถาม (question mark) ก็ได้

สรุปหลักการใช้ interjections

อย่างท่ีเกร่ินสรุปการใช้ interjections ไปแลว้ นะครบั ว่าเป็นคาที่ไวใ้ ชแ้ สดงความรู้สึกและอารมณ์ตา่ งๆ ใหช้ ัดเจนย่ึงข้ึน
เดีย๋ วเรามาดกู นั นะครบั ว่ามคี าวา่ อะไรกนั บา้ งทเ่ี ราน่าจะพบเห็นไดบ้ ่อยๆ

Ah อา, โอ้ (แปลกใจ โล่งใจ)

• Ahem อะเฮมิ อะแฮม่ (โปรดฟังทางน้ี)
• Alas อะแล๊ซ – โถ, โอ้ (สงสาร เวทนา)
• Aha อะฮา้ (เขา้ ใจ, ป้ิ งไอเดยี )
• Bingo บ๊งิ โก เย้ ไชโย (ดใี จ)
• Boo บู – แฮ่ แบร่ (ขใู่ หต้ กใจ)
• Duh เดอ – ปัดโถ่ (โง่เงา่ สิ้นดี)
• Eh เอ – ว่าม้ยั วา่ ไงนะ (ถามความเหน็ ใหพ้ ูดซ้า)
• Eww อิว – ย้ี (รงั เกยี จ)
• Gee จี – โห (แปลกใจ)
• Gosh กอช – พระช่วย (แปลกใจ ตกใจ)
• Ha ฮา – ฮา้ (แสดงความพอใจ)
• Help เฮล็ พ – ช่วยดว้ ย (ขอความช่วยเหลือ)
• Hmm เฮิม – อมื (คิดกอ่ น)
• Hurray! ฮะเร๊ – ไชโย (ดใี จ)
• Oh โอ – โอ้ (โกรธ ยินดี ผดิ หวงั ป๊ิ งไอเดีย)
• Ouch เอ๊าช โอย๊ (เจ็บปวด)

ทีม่ า https://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/interjection/




Click to View FlipBook Version