The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นางสาวธิดารัตน์ หิรัญวิริยะกุล
รหัสนักศึกษา ๖๑๑๑๐๓๑๓๐๒๐๔
นางสาวมานิตา รอบแคว้น
รหัสนักศึกษา ๖๑๑๑๐๓๑๓๐๒๑๙
คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Thidarat Hiranwiriyakul, 2020-12-01 06:30:27

แบบวัดเชิงสถานการณ์ (Situation form)

นางสาวธิดารัตน์ หิรัญวิริยะกุล
รหัสนักศึกษา ๖๑๑๑๐๓๑๓๐๒๐๔
นางสาวมานิตา รอบแคว้น
รหัสนักศึกษา ๖๑๑๑๐๓๑๓๐๒๑๙
คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์

1

แบบวัดเชิงสถานการณ์ (Situation form)

เสนอ
อาจารย์พรพมิ ล อ่อนศรี

จดั ทำโดย ๖๑๑๑๐๓๑๓๐๒๐๔
๖๑๑๑๐๓๑๓๐๒๑๙
นางสาวธิดารัตน์ หิรญั วริ ยิ ะกุล
นางสาวมานิตา รอบแคว้น

รายงานฉบบั นีเ้ ป็นส่วนหนงึ่ ของรายวชิ า การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
รหสั วิชา EDRE1๐๑

หลกั สตู รครุศาสตร์บัณฑติ คณะครุศาสตร์ สาขาวชิ าวิทยาศาสตร์ท่ัวไป
ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบรู ณ์



คำนำ

รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ (รหัสวิชา EDRE1๐๑)
ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับความหมายของแบบวัดเชิงสถานการณ์ หลักและวิธีการสร้างแบบวัดเชิงสถานการณ์
การเขียนคำถาม ข้อดีและขอ้ จำกดั ของแบบวดั เชิงสถานการณ์ ตวั อย่างแบบวัดเชงิ สถานการณ์ และการนำ
แบบวดั เชิงสถานการณไ์ ปใช้ ซึ่งจดั ทำข้ึนเพ่อื ใหน้ ักศึกษาและผทู้ ่สี นใจได้ศึกษาหาความร้เู พมิ่ เตมิ เขา้ ใจเนอื้ หา
และสามารถนำความรู้ท่ีได้รบั ไปใช้ประโยชน์ได้ ท้งั น้ีผูจ้ ัดทำหวงั เปน็ อย่างยิ่งวา่ รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์
ตอ่ ผทู้ มี่ าศึกษาเป็นอย่างดี

ขอขอบคุณอาจารย์พรพิมล อ่อนศรี ที่ให้คำแนะนำ และแนวทางในการทำรายงานฉบับนี้สำเร็จ
ลุล่วงไปดว้ ยดี หากรายงานฉบบั น้ีผิดพลาดประการใดตอ้ งขออภัยมา ณ ทน่ี ดี้ ว้ ย

นางสาวธดิ ารัตน์ หิรญั วริ ิยะกลุ
นางสาวมานิตา รอบแควน้

๑ ธนั วาคม ๒๕๖๓

สารบัญ ข

เรื่อง หน้า
คำนำ ก
สารบญั ข
ความหมายแบบวดั เชงิ สถานการณ์ ๑

หลักการและวธิ กี ารสรา้ งแบบวัดเชงิ สถานการณ์ ๒
การเขยี นคำถาม
การนำไปใช้ ๓
ขอ้ ดีและขอ้ จำกัดของแบบวัดเชิงสถานการณ์ ๓
ตวั อย่างแบบวดั เชงิ สถานการณ์ ๕
ตวั อยา่ งท่ี ๑ ๗
ตัวอยา่ งที่ ๒ ๘
ตวั อย่างที่ ๓ ๙
สรปุ
เอกสารอ้างองิ



แบบวดั เชิงสถานการณ์

การสร้างแบบวัดเชิงสถานการณเ์ ป็นการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้น เพื่อให้บุคคลได้แสดงความรู้สึกวา่
ตนเองจะกระทำหรือมีความเห็นอย่างไรต่อสถานการณ์ที่กำหนดขึ้น โดยมีหลักและวิธีสร้างแบบวัดเชิง
สถานการณด์ ังต่อไปนี้
1. ความหมาย

เป็นแบบทดสอบการสร้างหรือจำลองสถานการณ์เรื่องราวต่างๆ เพื่อให้บุคคลแสดงความรู้สึก
ว่าตนเองจะกระทำ หรอื มคี วามคิดเหน็ อย่างไรต่อสถานการณ์ท่ีกำหนด โดยการเขียนตอบ หรอื เลือกคำตอบ
จากตวั เลอื กทกี่ ำหนดให้
2. หลกั การและวิธกี ารสร้างแบบวดั เชงิ สถานการณ์

1. กำหนดเนอื้ หาและพฤติกรรมหรือคณุ ลักษณะทีต่ อ้ งการจะวดั ใหช้ ัดเจน
2. เลือกขอ้ ความหรือสถานการณ์ที่มีความยากพอเหมาะกับระดับช้นั ของผู้เรยี นและสถานการณ์ท่ีใช้
ถามจะตอ้ งไม่ลำเอยี งตอ่ เด็กกลุม่ ใดกลุม่ หน่ึงโดยเฉพาะ
3. พยายามเขียนคำถามเพื่อถามตามใจความในเนื้อหาหรือสถานการณ์นั้นตามพฤติกรรมหรือ
คณุ ลักษณะท่ตี อ้ งการจะวดั ในการเขยี นสถานการณ์ควรคำนงึ ดงั ต่อไปน้ี

1) สถานการณ์ที่สร้างขึ้นควรเลือกสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึน้ ได้จริง ๆ กับบุคคล
หรอื กลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีจะวัด

2) ปัญหาในสถานการณ์ท่สี รา้ งขึน้ หรือกำหนดข้นึ ควรมีความเข้มหรือความรุนแรงในระดับกลาง ๆ
ไม่สร้างความเครียดให้กับผู้ตอบจนเกินไป เพราะหากสร้างปัญหาที่มีความเข้มเกินไปอาจจะทำให้ผู้ตอบ
ไขว้เขวได้ เช่น เขียนสถานการณ์วา่ แม่ปว่ ยหนกั และต้องการผา่ ตัดในอกี 2 วันหากหาเงนิ มาไม่ไดจ้ ะตอ้ งตาย
ตนเองไมม่ ีเงิน หากมีคนมาเสนอให้ไปขายบริการทางเพศจะไดเ้ งนิ มาจำนวนมากพอท่จี ะใช้เป็นค่ารักษาของแม่
จดั วา่ เป็นสถานการณ์ทเ่ี ข้มและรนุ แรงมากเกินไป อาจจะทำให้ผตู้ อบสบั สนไขวเ้ ขวความจริงไมต่ อ้ งการจะขาย
บริการทางเพศ เพราะเป็นนักเรียนและต้องการประกอบอาชีพท่ีดีมีเกยี รติ แต่เพื่อต้องการตอบแทนบุญคุณ
ของแม่ผ้ใู หก้ ำเนิดและต้องการเปน็ คนกตัญญตู ่อบพุ การี อาจจะมเี หตุผลท่ที ำใหเ้ กดิ ความไขว้เขวในความคดิ ได้

4. สาระสำคัญที่กำหนดให้ในสถานการณ์จะต้องเพียงพอที่จะให้ผู้ตอบตัดสินใจเลือกทางปฏิบัติใน
แนวทางที่เหมาะสม

5. สร้างแบบทดสอบเชิงสถานการณ์โดยใช้ภาพวาด ซึ่งมีลักษณะเป็นภาพวาดให้เลือกตอบ คำถาม
ที่ตั้งเป็นสถานการณ์ขึน้ มากระตุ้นใหค้ ิดเลือกตอบจากภาพที่เป็นตัวเลือก จำนวน ๒ ภาพ หรือ ๓ ภาพ ตาม
ระดับอายขุ องเดก็
3. การเขียนคำถาม

1. การเขยี นคำถามไม่ควรถามตรง ๆ แตค่ วรถามให้เก่ียวพันอา้ งองิ เรอื่ งราวหรอื สถานการณ์ท่ีกำหนด
ไว้ และไม่ควรถามนอกเรื่องที่ไม่ไดใ้ ช้ข้อความในสถานการณ์น้ันมาช่วยตอบ หรือไมค่ วรถามในกรณีท่ีถ้าไม่มี
สถานการณก์ ส็ ามารถตอบคำถามน้ันได้

2. ในการเลอื กสถานการณ์เพื่อนำมาต้งั คำถาม ควรจะเลือกเฉพาะเนอ้ื หาหรือความร้ทู ่ีเปน็ ตัวแทนท่ีมี
ความสำคัญ ๆ ต่อวิชานั้นมาถาม ไม่ควรนำเรื่องปลีกย่อยหรือรายละเอียดย่อยของรายวิชามาตั้งเป็น
สถานการณ์ และไมค่ วรตงั้ คำถามด้วยการหลอกลอ่ เพือ่ ให้ผตู้ อบตกหลุมพรางด้วยเร่ืองไรส้ าระ



3. คำถามที่ใชอ้ าจมี 2 ลกั ษณะ คือ
1) ถามให้ประเมินสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อตัดสินว่าควรหรือไม่ ควรดีหรือไม่ดี ทำหรือไม่ทำ

ถกู ต้องหรอื ไม่ถกู ต้อง ใช้ไดห้ รือใชไ้ ม่ได้ และรวมถงึ ในกรณีทีไ่ มส่ ามารถตัดสนิ ใจได้ด้วย
2) ถามให้ระบุแนวทางที่ตนเองจะปฏิบัติ ถ้าหากตนเองเป็นบุคคลในสถานการณ์นั้นหรือเป็น

ผู้เกย่ี วขอ้ งกับเหตกุ ารณใ์ นสถานการณน์ ้ันจะปฏบิ ตั อิ ย่างไร
4. เมื่อเขียนสถานการณ์และข้อคำถามเสร็จแล้วให้ทบทวนว่าสถานการณ์นั้น มีความเหมาะสมกับ

สถานการณ์ในปจั จบุ นั หรอื ไม่ สาระทก่ี ำหนดไว้เพยี งพอทีจ่ ะตดั สินใจได้หรอื ไม่
5. นำแบบวดั ไปทดลองใชแ้ ละปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง

4. การนำไปใช้
การใช้แบบทดสอบเชงิ สถานการณ์โดยการสร้างสถานการณน์ ี้ มักจะใช้วดั และประเมินความรู้สึกนกึ

คิดของเด็ก วา่ มีความเข้าใจเกย่ี วกบั ความรสู้ ึกนึกคดิ การกระทำ หรอื พฤติกรรม การตดั สนิ ใจของตน และผอู้ ื่น
การให้เด็กรู้จักตอบและตัดสินใจเลือกจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันน้ัน
จะเปน็ แนวทางให้ครูพอจะประเมินไดว้ า่ เดก็ มคี วามเขา้ ใจและมีความรู้สึกต่อสิ่งท่ีได้พบเห็นอย่างไร และรู้จัก
หาวธิ ีการท่จี ะช่วยตนเอง การปรับตัวให้อย่รู ว่ มกบั ผู้อ่ืนได้หรือไม่

การทดสอบปากเปล่าโดยการสร้างสถานการณ์นี้ไม่ค่อยนิยมใช้ เนื่องจากมีข้อจำกัดเกี่ยวกับ
แบบทดสอบ (ดารณี ดิษยเดช,2535, หน้า ๑๖๐-๑๖๑) คือข้อจำกัดเรือ่ งเวลา เนื่องจากการทดสอบต้องใช้
เวลาให้เดก็ ทำแบบทดสอบซ่ึงเด็กจะมีชว่ งความสนใจส้นั มาก ซึ่งอาจจะใหเ้ ด็กเกิดการเบ่อื หน่าย และข้อจำกัด
เรื่องความพรอ้ มของเดก็ ที่จะทำการสอบ ถ้าเดก็ มีทศิ ทางทยี่ ังไมอ่ ยากสอบ หรืออยใู่ นภาวะทอี่ ารมณ์ไม่ปกติ ก็
ยังไม่สามารถทำการทดสอบได้
5. ขอ้ ดีและข้อจำกดั ของแบบวดั เชงิ สถานการณ์

5.1 ข้อดีของแบบวัดเชิงสถานการณ์
1. แบบวัดเชิงสถานการณ์ เป็นแบบวัดที่แสดงถึงฝีมอื หรือความสามารถของผู้สร้าง แบบวัดในด้าน

ความสามารถนำความรู้ทีเ่ รยี นมาผนวกกบั เง่อื นไขในสถานการณท์ ่กี ำหนดให้ได้ดเี พียงใด
2. สามารถวัดความรู้ขัน้ สูงทัง้ ดา้ นสมรรถภาพสมองและด้านจิตพสิ ยั
3. เรา้ ใจผตู้ อบให้ติดตามเพราะไดอ้ า่ นเรอื่ งราวและได้คดิ มากกวา่ ข้อสอบประเภทอื่นๆ
4. สร้างความยุติธรรมให้แก่ผู้เข้าสอบทุกคนเพราะได้อ่านสถานการณ์เดียวกันทั้งหมด ไม่มีใคร

ไดเ้ ปรียบเสยี เปรยี บ เพราะใช้ตำราตา่ งกนั หรือการสอนทม่ี ีความแตกตา่ งกนั เป็นต้น
5.2 ข้อจำกัดของแบบวดั เชิงสถานการณ์
1. การเขียนคำชี้แจงของแบบวัดเชิงสถานการณ์ ต้องพึงระวังเป็นพิเศษ ต้องชี้แจงให้ผู้สอบใช้

สถานการณท์ ก่ี ำหนดให้เปน็ หลักถงึ จะผดิ แปลกจากความเป็นจรงิ ก็ตอ้ งตอบตามนั้น
2. สร้างค่อนข้างยากผู้เขียนข้อสอบจะต้องเลือกสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบันและไม่เข้มจนเกินไปและ

จะตอ้ งลว้ งลึกเฉพาะในสถานการณ์ที่กำหนดใหเ้ ทา่ นน้ั
3. กำหนดเกณฑใ์ นการให้คะแนนค่อนขา้ งทำไดย้ าก



6. ตวั อยา่ งแบบวดั เชิงสถานการณ์

ตัวอย่างที่ 1
ตัวอย่างจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้ใู นแผนการสอนช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 3
หนว่ ยที่ 1 สิง่ ทม่ี ชี ีวิตหนว่ ยยอ่ ยที่ 2 พืช

1. บอกปัจจัยสำคัญในการดำรงชวี ติ ของพชื ได้ (ป. 02 ข้อ 1)
2. บอกปัญหาของพืชเมือ่ ขาตปัจจยั ในการดำรงชีวติ ตามสถานการณ์ที่กำหนดไว้ (ป. 02 ขอ้ 1)
3. ระบสุ าเหตุของปัญหาน้ันได้ (ป. 02 ขอ้ 1)
4. ลำดับความสำคัญของสาเหตขุ องปัญหาท่ีต้องมกี ารแก้ไขได้ (ป. 02 ขอ้ 1)
5. เสนอแนวทางในการแก้ปัญหานน้ั ได้ (ป. 02 ข้อ 2)
6. เลือกแนวทางในการแกป้ ญั หาได้เหมาะสมกบั ความสามารถของตน (ป. 02 ขอ้ 3)
7. ทำหนดวิธีและสง่ิ ท่ตี อ้ งใช้ในการแก้ปญั หาได้ (ป. 02 ข้อ 3)
8. ลงมือปฏบิ ตั กิ ารแก้ปัญหาและสรุปผลการแกป้ ัญหาได้ (ป. 02 ข้อ 4)
9. ระบขุ อ้ บกพร่องหรอื จุดท่คี วรพฒั นาให้ดขี ึ้นได้ (ป. 02 ขอ้ 5)
10. ลงมอื ปรบั ปรงุ หรือพัฒนาและสรุปผลการปรบั ปรุงหรอื พัฒนาได้ (ป. 02 ขอ้ 5)

คำชีแ้ จง อ่านขอ้ ความตอ่ ไปนี้แลว้ ตอบคำถามขอ้ 1-4

นักเรียนคนหนงึ่ ปลกู ตน้ กุหลาบไว้ในกระถางใสป่ ุ๋ยบำรุงอย่างดแี ล้วนำกระถางไปตงั้ ไว้ในห้องเรยี นเวลา
ผ่านไป 6 เดือนแล้วต้นกุหลาบนั้นยังไม่ออกดอกเลยเขาจึงนำกระถางกุหลาบไปวางไว้ริมสนามปรากฏว่า 1
เดือนตอ่ มาตน้ กุหลาบโตขน้ึ กวา่ เดิมและออกดอกอยา่ งสวยงามเป็นครง้ั แรก

1. ข้อใดเปน็ ปญั หาสำคัญทเี่ กดิ ขึน้ ในสถานการณ์น้ี (จ. 2)
ก. ทำไมเขาจึงใสป่ ุ๋ยให้ต้นกุหลาบในกระถางท่ปี ลูกในหอ้ งเรยี น
ข. มอี ะไรเกิดข้ึนกบั ต้นกุหลาบเม่อื ปลกู อยู่ในหอ้ งเรียน
ค. ทำไมต้นกหุ ลาบจงึ แขง็ แรงเมอ่ื ปลกู อยู่รมิ สนาม
X ทำไมตน้ กหุ ลาบโตขน้ึ และออกดอกได้

2. ปญั หาในข้อ 1 นา่ จะเกิดจากสาเหตใุ ด (จ. 3)
ก. ตน้ กหุ ลาบขาดแร่ธาตุ
ข. อายุของตน้ กหุ ลาบมากขึน้
X ต้นกุหลาบได้รบั แสงเพ่ิมขน้ึ
ง. ป๋ยุ ทีเ่ ขาใสใ่ หต้ น้ กหุ ลาบเปน็ ปุ๋ยปลอม



3. วิธีการใดไม่ใชแ่ นวทางทจี่ ะตรวจสอบสาเหตขุ องปญั หาท่ีเกิดขึ้น (จ. 5)
ก. รดนำ้ พรวนดินต้นกุหลาบ
ข. ใส่ปุ๋ยและกำจดั ศัตรพู ืช
ค. หากหุ ลาบพนั ธดุ์ ีมาปลูก
X ปลกู กหุ ลาบในทโ่ี ล่งแจ้ง

4. วิธีการใดจะชว่ ยตรวจสอบสาเหตขุ องปัญหาไดด้ ที สี่ ุด (จ. 6)
ก. นำปุ๋ยทใี่ ส่ไปตรวจสอบวา่ ปลอมหรือไม่
ข. นำต้นกหุ ลาบไปไวใ้ นหอ้ งเรยี นอีกครงั้ เพอ่ื ดูการออกดอก
ค. นำกุหลาบต้นใหม่มาปลูกเพอื่ ศกึ ษาว่าจะออกดอกเมอื่ อายุเทา่ ใด
X นำกหุ ลาบตน้ ใหมป่ ลูกในบริเวณทมี่ กี ารกนั้ แสงแดดกบั ไม่มกี ารกันแสงแดด

5. ขอ้ ใดเปน็ ผลทีไ่ ด้จากการตรวจสอบสาเหตขุ องปญั หาในข้อที่ 4 (จ. 7)
X ทำให้ทราบว่าการเจริญเติบโตและการออกดอกของตน้ กุหลาบข้นึ อยูก่ บั การได้รบั แสงหรือไม่
ข. ทำให้ทราบวา่ สถานที่ปลกู ต้นกุหลาบมีผลตอ่ การออกดอกหรอื ไม่
ค. ทำให้ทราบวา่ ปยุ๋ ที่ใส่ให้ต้นกุหลาบนั้นเป็นปยุ๋ ปลอมหรอื ไม่
ง. ทำให้ทราบวา่ ตน้ กุหลาบจะออกดอกเมอื่ อายุเท่าใด

6. การตรวจสอบสาเหตขุ องปญั หาตามวธิ กี ารทเ่ี ลือกในข้อ 4 ตอ้ งกำหนดสง่ิ ใดใหต้ า่ งกนั (จ. 7)
ก. ใช้ตน้ กหุ ลาบทมี่ อี ายตุ ่างกัน
ข. ใหไ้ ดร้ บั แสงกับไมไ่ ดร้ ับแสง
ค. รดน้ำในปรมิ าณท่ีแตกตา่ งกนั
X ใส่ป๋ยุ ต่างชนดิ กัน



ตัวอยา่ งท่ี 2
ตัวอยา่ งจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ในแผนการสอนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6
หนว่ ยท่ี 2 ส่ิงทีอ่ ย่รู อบตัวเราหน่วยยอ่ ยท่ี 2 สิง่ แวดล้อมทางธรรมชาติ เร่อื ง สงิ่ แวดลอ้ มในชมุ ชน

1. ระบปุ ัญหาของสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนและชุมชนทสี่ มควรได้รับการแก้ไข (ป. 02 ขอ้ 1)
2. บอกสาเหตสุ ำคญั ของปญั หาสิ่งแวดลอ้ มได้ (ป. 02 ข้อ 1)
3. บอกผลทต่ี ามมาไดถ้ ้าปญั หาน้นั ไมไ่ ด้รับการแก้ไข (ป. 02 ข้อ 1)
4. เสนอแนวทางแกป้ ัญหาสง่ิ แวดล้อมได้ (ป. 02 ข้อ 2)
5. ระบุทางเลือกในการแกป้ ัญหาสิง่ แวดลอ้ มได้เหมาะสม (ป. 02 ข้อ 3)
6. กำหนดขน้ั ตอนวิธกี ารและผู้สมควรมสี ว่ นรว่ มปฏบิ ตั ไิ ด้ (ป. 02 ขอ้ 3)
7. ปฏบิ ัติการจดั และพฒั นาสิ่งแวดลอ้ มอยู่เสมอ (ป. 02 ข้อ 4)
8. ระบขุ อ้ ดีขอ้ บกพรอ่ งของการปฏิบตั ไิ ด้ (ป. 02 ข้อ 5)
9. ระบุวิธกี ารปรบั ปรงุ แก้ไขขอ้ บกพร่องหรือพฒั นาให้ไดผ้ ลดียิ่งขึน้ ได้ (ป. 02 ขอ้ 5)
10. สรุปคณุ ค่าของผลการปฏบิ ตั ทิ ่ีประสบผลสำเร็จได้ (ป. 02 ขอ้ 5)

คำชีแ้ จง ให้อ่านสถานการณแ์ ล้วตอบคำถามขอ้ 1-5

แดงมีสวนอยูร่ ิมฝ่ังนำ้ ทุก ๆ ปีแต่งพบว่ามสี วนของเขามีพ้ืนท่นี อ้ ยลงทุกปีซงึ่ ตรงกนั ข้ามกับคำที่มีสวน
อยฝู่ ่ังตรงขา้ มกับแตงทุกปีตพบว่าสวนของเขามีพนื้ ท่มี ากข้ึน

1. ขอ้ ใดคอื ปัญหาของสถานการณน์ ี้
x ท่สี วนอยรู่ ิมนำ้
ข. พ้นื ท่ีสวนเพ่ิมขึน้
ค. พน้ื ท่สี วนลดลง
ง. นำ้ ทว่ มสวน

2. สาเหตุของปัญหาในสถานการณ์นี้คือขอ้ ใด
X นำ้ กดั เซาะดิน
ข. ที่สวนอย่ใู กล้นำ้ เกินไป
ค. น้ำในแม่น้ำมีปรมิ าณมากเกินไป
ง. ปา่ ไม้ถูกทำลายมากเกนิ ไป



3. ขอ้ ใดไม่ใช่แนวทางแกป้ ัญหาของสถานการณ์น้ี
ก. ปลกู หญ้าคลมุ ดิน
x ขนดินจากทีอ่ ืน่ มาถมรมิ ฝ่งั
ค. ปลกู ตน้ ไม้รมิ ฝงั่
ง. ปลูกปา่ ทดแทนตน้ ไมท้ ่ถี ูกทำลาย

4. วิธแี ก้ปญั หาสถานการณน์ ีท้ ดี่ ีทส่ี ดุ คือวิธใี ด
ก. ปลกู หญา้ คลมุ ดนิ ริมฝงั่
X ปลูกตน้ ไม้รมิ ตลง่ิ
ค. ขนหินมาถมตลงิ
ง. สรา้ งเขื่อนปล่อยน้ำใหม้ ีปริมาณนอ้ ยลง

5. จากวิธีการแกป้ ัญหาในขอ้ 4 ผลผลทไี่ ดจ้ ะเปน็ อย่างไร
ก. ป่าไม้เพม่ิ มากขนึ้
ข. ทำให้นำ้ ไมท่ ว่ มสวน
X พน้ื ที่สวนจะไมล่ ดลง
ง. นำ้ จะกัดเซาะตล่ิงน้จี ึงน้อยลง

สถานการณท์ ี่ยกมาแลว้ นี้จะเห็นว่าไมเ่ หมาะท่ีจะให้นักเรียนลงมือปฏิบัติเพื่อแกป้ ัญหา เพราะยากแก่
การปฏบิ ตั ิและใช้เวลานาน สถานการณ์น้ีจึงเหมาะสำหรับนำมาใช้เพ่ือให้นักเรียนได้คิดแก้ปัญหาเท่านั้น อาจ
ใชใ้ นกรณที ค่ี รตู ้องการวัดความรู้ความสามารถดา้ นการคิดแก้ปญั หาตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ใน ป. 02 ข้อที่
1 เป็นขอ้ ทดสอบหลงั เรียนสอบปลายภาคหรอื ปลายปี



ตัวอยา่ งที่ 3
สถาการณ์ ข้อมลู แสดงลกั ษณะอากาศ ลักษณะฝน และการกระจายของฝน เป็นดังนี้

ลักษณะอากาศ อณุ หภมู ิ (c˚)
ค่อนข้างเย็น 16 - 17.9
๑๘.๐ - ๒๒.๙
เย็น ๓๕.๐ - ๓๙.๙
ร้อน
ร้อนจดั ≥๔๐

ลกั ษณะฝน ปรมิ าณน้ำฝน (มม.)
เล็กนอ้ ย ๐.๑ – ๑๐.๐๐
ปานกลาง ๑๐.๑ - ๓๕.๐
หนัก ๓๕.๑ - ๙๐.๐
หนักมาก ≥๙๐

การกระจาย พื้นท่ที ฝี่ นตก (%)
ของฝน
๒๐ - ๔๐
กระจายเปน็
แหง่ ๆ ๔๑ - ๖๐
กระจาย ๖๑ - ๘๐

เกือบท่ัวไป ≥๘๐
ทั่วไป

คำถาม จากข้อมลู ถา้ กรมอุตนุ ิยมวทิ ยารายงานวา่ “วันนภี้ าคใต้มอี ากาศร้อน และมีฝนตกหนกั เกือบทวั่ ไป”
จะแปลผลการรายงานสภาพอากาศอย่างไร

ตวั เลอื ก ก. อณุ หภมู ิ ๓๕.๐ - ๓๙.๙ ˚C ปริมาณนำ้ ฝน ๓๕.๑ - ๙๐.๐ มม. และฝนตก ๖๑ – ๘๐% ของพื้นท่ี

ข. อณุ หภมู ิ ๑๘.๐ - ๒๒.๙ ˚C ปริมาณน้ำฝนมากกว่า ๙๐.๐ มม. และฝนตก ๖๑ – ๘๐% ของพ้ืนที่

ค. อุณหภูมิ ๓๕.๐ - ๓๙.๙ ˚C ปรมิ าณนำ้ ฝนน้อยกวา่ ๐.๑ มม. และฝนตก ๔๑ – ๖๐% ของพน้ื ท่ี

ง. อณุ หภูมิ ๑๖.๐ - ๑๗.๙ ˚C ปริมาณน้ำฝน ๓๕.๑ - ๙๐.๐ มม. และฝนตกนอ้ ยกว่า๔๐% ของพน้ื ท่ี

คำตอบท่ถี ูกต้อง คือ ข้อ ก. อุณหภูมิ ๓๕.๐ - ๓๙.๙ ˚C ปริมาณน้ำฝน ๓๕.๑ - ๙๐.๐ มม. และฝนตก

๖๑ – ๘๐% ของพน้ื ที่



สรุป
เครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดและทฤษฎีของบลูม เป็นการจัดการเรียนรู้ในปัจจุบัน

ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ไม่สามารถที่จะใช้เครื่องมือชนิดใดชนิดเดียวในการประเมินผู้เรียน เนื่องจากการ
ประเมินตามสภาพจริงต้องการวัดประเมนิ การเรยี นรู้หลาย ๆ เรื่องไปด้วยกนั จากสถานการณ์หรือสภาพจริง
โดยมีแบบวัดเชิงสถานการณ์ ซึ่งเป็นการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้น เพื่อให้บุคคลได้แสดงความรู้สึกว่าตนเอง
จะกระทำหรือมีความเห็นอย่างไรต่อสถานการณ์ที่กำหนดขึ้น ดังนั้นผู้สอนจำเป็นต้องเรียนรู้ลักษณะต่าง ๆ
ของเครื่องมือที่ใช้วัดพฤติกรรมในแต่ละด้านแล้วนำมาใช้ร่วมกัน เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดและประเมิน
ท่หี ลากหลาย ท่ีมีความถูกตอ้ งและเหมาะสมมากยิ่งขน้ึ ตอ่ ไป



เอกสารอา้ งอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. ๒๕๕๘. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. พิมพ์ครั้งที่ ๒.
กรุงเทพ : ซเี อด็ .

การวัดความสนใจ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : MR413-7pdf. (วันท่ี
สบื ค้นข้อมลู : ๑ ธันวาคม ๒๕๖๓).

การวัดประเมินผลดา้ นจติ พสิ ัย. [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก : https://kruamm.files.wordpress.com/.
(วนั ที่สบื ค้นขอ้ มลู : ๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓).

ดารณี ดิษยเดช. 2535. จิตวิทยาพัฒนาการและการสังเกตเด็กปฐมวัย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://devpsychildob.blogspot.com/. (วันท่สี บื คน้ ขอ้ มลู : ๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓).

สำนกั งานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแหง่ ชาติ กระทรวงศึกษาธิการ. 2๕๓๓. การวดั ผลและประเมินผล

ในชน้ั เรยี น. (ม.ป.ท.).

สมนกึ ภทั ทยิ ธนี. ๒๕๕๖. การวดั ผลการศกึ ษา. พมิ พ์คร้ังท่ี ๙. กาฬสนิ ธ์ุ : โรงพมิ พ์ประสานการพิมพ์.


Click to View FlipBook Version