นิทาน ๙ เรื่อง จากสำนวนในอิศรญาณภาษิต

นิทาน ๙ เรื่อง
จากสำนวนในอิศรญาณภาษิต

นิทาน ๙ เรื่อง
จากสำนวนในอิศรญาณภาษิต

ก

คำนำ

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ท๒๓๑๐๑
ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นผลงานของนักเรียนที่เกิดจากกิจกรรมการเรียนรู้
ในเรื่อง อิศรญาณภาษิต ซึ่งมีเนื้อหาเป็นนิทานที่ร้อยเรียงขึ้นจาก
สำนวนสุภาษิตที่สอดคล้องกับคำประพันธ์เรื่อง อิศรญาณภาษิต
โดยนักเรียนเป็นผู้แต่งนิทานด้วยตนเอง


หากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้มีข้อผิดพลาดประการใด
คณะผู้จัดทำขออภัยมา ณ ที่นี้

ข

สารบัญ

คำนำ หน้า ก

สารบัญ หน้า ข

นิทานเรื่องที่ ๑ เส้นทางการเป็นนักบอล

ทีมชาติของแชมป์ หน้า ๑

นิทานเรื่องที่ ๒ เด็กชายกับเด็กช่าง หน้า ๒

นิทานเรื่องที่ ๓ บีบี้กับแก๊งนักเลงของเขา หน้า ๓

นิทานเรื่องที่ ๔ เส้นทางชีวิตลำพูและโกโก้ หน้า ๔

นิทานเรื่องที่ ๕ ชีวประวัติของเกาลัด หน้า ๕

นิทานเรื่องที่ ๖ ป้าแช่มขี้จุ๊ หน้า ๖

นิทานเรื่องที่ ๗ หญิงสาวกับพรวิเศษ หน้า ๗

นิทานเรื่องที่ ๘ การมัวเมาในคำพูดที่สวยหรู หน้า ๘

นิทานเรื่องที่ ๙ สองสามีภรรยา หน้า ๙

คณะผู้จัดทำ หน้า ๑๐

๑

เส้นทางการเป็นนักบอล
ทีมชาติของเเชมป์

เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด

มีเด็กคนหนึ่งชื่อว่าแชมป์ เเชมป์เป็นคนที่ชอบเตะฟุตบอลมากเเละมี
ความฝันอยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ วันหนึ่งเขาก็ได้เตะบอลกับเพื่อน ๆ
เหมือนปกติของทุกวัน เเต่วันนี้ไม่เหมือนวันอื่นเพราะวันนี้มีผู้ฝึกมืออาชีพ
มาดู พอเเชมป์รู้เเชมป์ก็ได้เล่นเเบบสุดกำลัง พอเตะเสร็จผู้ฝึกเห็นว่า
เเชมป์เล่นเก่งเลยชวนเเชมป์มาฝึกซ้อมด้วย เเต่พอมาซ้อมเเชมป์กลับ
เล่นไม่ดีไม่เข้ากับทีมเเละเเชมป์ก็ยังเป็นคนที่อารมณ์ร้อนอีกด้วย ผู้ฝึกขอ
ให้เเชมป์มาคุยเป็นการส่วนตัวเเละค่อย ๆ นำสิ่งที่ตนเองเคยทำตอนแข่ง
มาสอนเเชมป์ไม่ว่าจะเป็นทักษะหรือระบบการเล่นเเละการควบคุมอารมณ์
ให้เเชมป์ไปทำตาม เเชมป์ก็เชื่อฟังเเละนำสิ่งที่ผู้ฝึกสอนมาปรับใช้ในการ
เล่นฟุตบอล เมื่อเเชมป์ทำตามที่ผู้ฝึกบอกนั้นเขาก็ควบคุมอารมณ์ของตัว
เองได้เเละเล่นได้ดีขึ้น จนได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมเเละในเวลาต่อมาเขาก็ได้
เข้าร่วมกับสโมสรที่ใหญ่ขึ้นเเละได้ติดทีมฟุตบอลทีมชาติในที่สุด

ข้อคิด ควรรับฟังความเห็นของผู้อื่นและนำมาปรับปรุง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเห็นของผู้มีประสบการณ์

เด็กชายณัฐวุฒิ สว่างดี

๒

เด็กชายกับเด็กช่าง

คิดก่อนพูดแต่อย่าพูดก่อนคิด

มีเด็กชายคนหนึ่งกำลังเดินกลับบ้านหลังเลิกเรียน ระหว่างทาง
กลับบ้านเขาเห็นเด็กช่างกลุ่มหนึ่งยืนกินลูกชิ้นอยู่ เด็กชายสังเกต
เห็นไม้แหลมจิ้มทะลุถุง เลยตะโกนบอกเด็กช่างกลุ่มนั้นไปว่าระวัง
โดนตีนนะ (น้ำจิ้มหยด) กลุ่มเด็กช่างโกรธมากและรีบวิ่งเข้ามา
กระทืบเด็กชาย เด็กชายรู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล เขาคิดกับตัวเอง
ว่าควรคิดก่อนพูดและใช้คำพูดที่ดีกว่านี้ เพื่อจะได้ไม่เกิดการเข้าใจ
ผิดและเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก

ข้อคิด

ก่อนจะพูดอะไรเราควรคิดและไตร่ตรองก่อนทุกครั้ง เพราะหาก
พูดไม่คิดหรือคิดน้อย คำพูดนั้นอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิด หรือ
เกิดการทะเลาะวิวาทได้

เด็กชายธนโชติ กลิ่นสุวรรณ์

๓

สำนวนสุภาษิตเรื่อง
ปลาหมอตายเพราะปาก

มีนักเลงนายหนึ่งชื่อบีบี้ บีบี้เป็นคนชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว
คนในระเเวกนั้นจึงไม่มีใครอยากยุ่งกับเขาสักเท่าไร เลยปล่อย
ผ่านเเละไม่สนใจ อยู่มาวันหนึ่งมีนักเลงต่างถิ่นได้เข้ามาระรานใน
ถิ่นของบีบี้ บีบี้จึงได้ต่อว่าเเละไล่ให้กลับถิ่นตัวเองไป นักเลงคน
นั้นจึงต้องยอมกลับถิ่นตัวเองเพราะไม่อยากมีเรื่อง วันต่อมา
นักเลงคนนั้นได้กลับมาอีกครั้งพร้อมอาวุธเเละพรรคพวก บีบี้
เห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนี เเต่เพราะความเหนื่อยล้าทำให้เขาวิ่งหนี
ไม่ทันถูกนักเลงต่างถิ่นรุมทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส บีบี้จึงได้
สัญญากับตัวเอง"ต่อไปนี้จะไม่พู ดพล่อยๆทำให้ตัวเองบาดเจ็บ
อีก"

การพู ดพล่อยๆนำความเดือนร้อนมาสู่ตนเอง

นายศุภวิชญ์ รอดสวัสดิ์

เส้นทางชีวิตลำพูและโกโก้ ๔

เด็กชายสุรภาพ สังเทียบ

สำนวนสุภาษิตเรื่อง ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว

น้องลำพูเป็นเด็กดีจิตใจงดงาม หวังดีต่อผู้อื่น
วันหนึ่งน้องลำพูเจอกระเป๋าสตางค์ตกอยู่บนพื้นข้างร้านอาหารป้าแจ่ม
น้องลำพูเก็บมาแล้วพบว่ามีของมีมูลค่ามาก จึงรีบติดต่อคุณตำรวจ
เพื่อหาเจ้าของโดยเร็ว เจ้าของกระเป๋าสตางค์ขอบคุณน้องลำพูมาก
พร้อมให้ค่าขนมน้องลำพูเล็กน้อย ๆ ๕,๐๐๐ บาท
น้องลำพูได้รับการชื่นชมจากผู้คนบนโลกโซเชียล
และได้รับการสนับสนุนประสบความสำเร็จในการเป็นศิลปิน
ตามความฝันของลำพู
ขณะที่น้องโกโก้เป็นเด็กเกเร มักพูดจาหยาบคายและมีเรื่องตบตี
แย่งโรตีหน้าปากซอย ผู้คนต่างรู้เรื่องของของโกโก้
วันหนึ่งโกโก้เดินตามความฝันที่จะเป็นไอดอล
แต่ทุกคนต่างไม่พอใจนิสัยของโกโก้แม้จะมีความสามารถมาก
ไม่มีใครสนับสนุนโกโก้ ผู้จัดการพูดกับโกโก้ว่า
"ทุกคนไม่สนับสนุนคนไม่ดีหรอกนะโกโก้"
และโกโก้ก็ไม่ได้เป็นไอดอลในที่สุด

ข้อคิด: ทำความดีจะได้สิ่งที่ดีตอบแทน
ทำความชั่วก็จะได้สิ่งที่ไม่ดีตอบแทนเช่นกัน

ชีวประวัติของเกาลัด ๕

Diary
of

เกาลัด

สำนวนสุภาษิตเรื่อง คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ

เกาลัดเป็นเด็กที่ฉลาดมาก ไม่ว่าจะวิชาไหนเกาลัดก็สามารถเข้าใจได้
ในเวลาสั้น ๆ เกาลัดส่งงานตรงเวลาและเป็นที่รักของครูหลาย ๆ ท่าน
แต่กลับถูกเพื่อนในห้องไม่ชอบหน้า เพราะเกาลัดเป็นเด็กเรียนเก่งและ
ขยันมาก คุณครูจึงชอบนำเกาลัดไปเปรียบเทียบกับเพื่อนคนอื่น ๆ อีกทั้ง
เกาลัดเองยังชอบอวดเบ่งกับเพื่อน ๆ เพราะคิดว่าตัวเองเก่งและเป็นที่รัก
ของครู จนเพื่อน ๆ ไม่ชอบและไม่ยุ่งกับเกาลัด เกาลัดรู้สึกเสียใจมาก จน
กระทั่งจบการศึกษาเกาลัดยังคงรู้สึกเสียใจและจบไปด้วยความทรงจำเกี่ยว
กับเพื่อนที่ไม่ดีนัก

ข้อคิด

อย่ามั่นใจและอวดเบ่งใส่ผู้อื่น เพราะอาจทำให้มี
คนชังมากกว่าคนรัก

นางสาวเกศรา อดิศักดิ์สกุล

๖

ป้าแช่มขี้จุ๊

สำนวนสุภาษิต เรื่อง ฟัวหูไว้หู

ป้าแช่มเป็นแม่ค้าขายน้ำอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ เรียกได้ว่าเป็นร้านที่
โด่งดังและลูกค้าเยอะที่สุดเนื่องจากมีอยู่ร้านเดียว ทุกคนชอบน้ำที่ป้าแช่ม
ชงมากจนมีคนลองทำตามแต่ก็ไม่ได้รสชาติเหมือนที่ป้าแช่มชง

อยู่มาวันหนึ่งมีคนย้ายเข้ามาในหมู่บ้านชื่อว่า ป้าเช็ง เธอก็ได้เข้ามา
ขายน้ำเหมือนกัน ลูกค้าของป้าแช่มก็ทยอยไปกินน้ำร้านป้าเช็งจนลูกค้า
ร้านป้าแช่มเริ่มหดหายแต่ลูกค้าบางส่วนบอกว่ารสชาติเหมือนน้ำจากร้าน
ป้าแช่ม จึงต่างคิดกันว่าป้าเช็งลอกสูตรน้ำมาจากป้าแช่มและได้นินทา
ป้าเช็งต่าง ๆ นา ๆ

ป้าเช็งและป้าแช่มที่ได้ยินคนคุยกันก็แอบไปคุยกันสองคนเงียบๆโดย
หารู้ไม่ว่ามีคนแอบเห็นและได้ยินทั้งสอง สรุปได้ว่าป้าแช่มเคยไปหมู่บ้าน
ที่ป้าเช็งเคยอยู่และได้ลองชิมน้ำสูตรของป้าเช็งจึงติดใจและกลับมาลอง
ชงขายที่หมู่บ้านของตนเอง เมื่อทุกคนรู้ความจริงจึงพากันไปขอโทษ
ป้าเช็งที่ฟังความอยู่ฝ่ายเดียวทำให้ป้าเช็งเกิดความเสียหายส่วนป้าแช่ม
กลับเป็นฝ่ายถูกนินทาจนต้องทำการค้าขายอย่างอื่นแทน

ข้อคิด

ควรฟังความสองข้างก่อนตัดสินใจ
ไม่หลงเชื่อคำพูดของคนอื่นง่ายๆ

เด็กหญิงจิรัชญา ผ่องแผ้ว

๗

หญิงสาวกับพรวิเศษ

สุภาษิต ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

มีหญิงสาวคนหนึ่งเธอเกิดมาพร้อมพรวิเศษที่นางฟ้าแม่ทูลหัวได้ให้ไว้
คือทุกอย่างที่เธอปรารถนาจะเป็นจริง โดยเธอจะสามารถขอพรได้วันละหนึ่ง
ข้อ และพรวิเศษจะสิ้นสุดลงเมื่อเธออายุสิบแปดปีบริบูรณ์ ตั้งแต่เด็กยันโต
เธอเป็นคนที่โดดเด่นเรื่องการเรียนมาก เธอมักจะได้คะแนนสูงสุดของสาย
ชั้นอยู่เสมอ แต่คะแนนที่เธอได้มาเกิดจากพรที่เธอขอ ไม่ได้มาจากความ
พยายามของเธอ นางฟ้าแม่ทูลหัวที่ทนกับการกระทำของหญิงสาวไม่ไหว
จึงเข้าฝันเพื่อเตือนเกี่ยวกับการกระทำของเธอ แต่หญิงสาวก็ไม่สนใจ
ท่านจึงคิดจะดัดนิสัยเธอ เข้าฝันเธออีกครั้งและบอกกับเธอว่าหากยังไม่
ปรับปรุงตัว พรวิเศษจะหายไปพร้อมกับวันเกิดอายุสิบเจ็ดปีของเธอ หญิงสาว
ไม่เชื่อและยังคงทำตัวเหมือนเดิม เมื่อผ่านพ้นวันเกิดอายุสิบเจ็ดปีของเธอไป
พอดีกับการสอบปลายภาค เธอนั้นพบว่าตนสอบไม่ได้ ปิดเทอมอันแสนสนุก
ของเธอกลายเป็นจะต้องเรียนพิเศษเพิ่มและอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อสอบ
แก้ให้ผ่าน

ข้อคิด

ควรพยายามด้วยตัวเอง ไม่หวังพึ่งกับสิ่งใด
เหมือนหญิงสาวที่เอาแต่หวังพึ่งกับพรวิเศษ

เด็กหญิงณัฐญาดา อาจสุรินทร์

การมัวเมาในคำพูดที่สวยหรู ๘

สำนวนสุภาษิตเรื่อง

หวานลิ้นกินตาย

นายไข่เค็มเป็นลูกของมหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียง ทุก ๆ วันจะมีคนมาดูแลรับ
ใช้เขาอยู่รอบกาย มีพ่อแม่ที่คอยตามใจเขา และมีเพื่อน ๆ อีกหลายคนที่
ต้องการพยายามจะเข้าหาเขาอยู่เสมอ และมาพูดชมเขาว่าเขาน่ะเก่งเลิศเลอ
ที่สุด และพากันสรรเสริญเขา จนทำให้เขารู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีใครเก่งและมีชีวิตที่
ดีไปมากกว่าเขาอีกแล้ว และหลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เริ่มที่จะโดดเรียนมากขึ้น
และผลการเรียนของเขาจึงตกต่ำลงเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังเลือกที่จะบอกกับ
ตัวเองอยู่เสมอว่าเขาไม่จำเป็นต้องเรียนเขาก็เก่งได้ด้วยตัวเขาเองอยู่แล้ว

จนกระทั่งเวลาที่เขาต้องได้รับกิจการต่อจากครอบครัวก็มาถึง ด้วยความที่
ยังหลงละเลิงอยู่นึกว่าตัวเองนั้นยังเก่งที่สุดอยู่ จึงทำตามสิ่งที่ตัวเองคิดทันที
โดยไม่ไตร่ตรองผลดีผลเสียใด ๆ เลย หลังจากนั้นไม่นานกิจการต่าง ๆ ก็ค่อย
ๆ ล่มจม คนที่คอยพูดยอเขาที่ผ่านมาก็ค่อย ๆ หายไป จนสุดท้ายเขาก็เพิ่งจะ
รู้ตัวว่าเขามัวแต่หลงละเลิงกับคำพูดหวานๆ จนลืมไปเลยว่าตนนั้นยังไม่ได้
พยายามอะไรเลย จะเก่งไปซะทุกอย่างได้อย่างไร และเพิ่งมานึกเสียใจทีหลังใน
วันที่ไม่เหลืออะไรแล้ว

ข้อคิด : อย่าหมกหมุ่นหรือเหลิงกับคำพูดหวานๆ ของคนบางคนมาก
จนเกินไป เพราะทุกอย่างอาจส่งผลเสียต่อเราในอนาคต
เหมือนดั่งนายไข่เค็มก็ได้

เด็กหญิงปูริดา สุวรรณฤทธิ์เดช

๙

สองสามีภรรยา

ผัวหาบเมียคอน
สามีภรรยาคู่หนึ่งแต่งงานกันมาหลายปี ฝ่ายสามีนั้นทำงานอย่างหนักเพื่อที่
จะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวแต่ฝ่ายภรรยามีนิสัยเกียจคร้าน เธอมักอ้างว่ากำลัง
รองานที่เธอสมัครไปในบริษัทหนึ่งอยู่ สามีแนะนำให้เธอหางานใหม่เพราะรอ
มาหลายเดือนแล้ว ด้วยความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันจึงทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันอยู่บ่อย
ครั้ง วันแล้ววันเล่าฝ่ายสามีเริ่มจะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมเกียจคร้านของเธอ
จึงได้ปรึกษาทนายเรื่องการหย่าร้าง เมื่อภรรยารู้ก็ตกใจมากและเริ่มคิดได้
เธอเศร้าอยู่หลายวันเธอจึงเลือกที่จะไปขอโทษสามีแล้วหางานใหม่ เมื่อภรรยา
ได้งานใหม่เธอก็ตั้งใจทำงานอย่างหนัก เพื่อให้รายจ่ายในครอบครัวไม่หนักไป
ที่ฝ่ายสามี หลังจากนั้นทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

ข้อคิด

เป็นสามีภรรยากัน ควรช่วยกันทำงาน ช่วยเหลือกัน ไม่ให้ภาระงาน
รายจ่ายครอบครัวไปตกอยู่ที่คนใดคนหนึ่ง

เด็กหญิงพรทิพา ตาติ๊ดแสง

๑๐

คณะผู้จัดทำ

เด็กชาย ณัฐวุฒิ สว่างดี เลขที่ ๘
เด็กชาย ธนโชติ กลิ่นสุวรรณ์ เลขที่ ๑๐
นาย ศุภวิชญ์ รอดสวัสดิ์ เลขที่ ๑๘
เด็กชาย สุรภาพ สังเทียบ เลขที่ ๑๙
นางสาว เกศรา อดิศักดิ์สกุล เลขที่ ๒๑
เด็กหญิง จิรัชญา ผ่องแผ้ว เลขที่ ๒๓
เด็กหญิง ณัฐญาดา อาจสุรินทร์ เลขที่ ๒๗
เด็กหญิง ปูริดา สุวรรณฤทธิ์เดช เลขที่ ๓๑
เด็กหญิง พรทิพา ตาติ๊ดแสง เลขที่ ๓๒

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓.๓
วิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๓๑๐๑
ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕

โรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม