The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มที่ 2 เรื่อง การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by power-man, 2021-07-25 13:12:54

เล่มที่ 2 เรื่อง การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์

เล่มที่ 2 เรื่อง การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์



คานา

ชดุ กิจกรรมวชิ าวิทยาศาสตร์ หนว่ ยการเรยี นรู้ หนว่ ยของสิง่ มีชีวิตและการดารงชีวติ
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 โดยใชก้ ารสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es ได้จดั ทาขึน้ เพื่อใชเ้ ปน็ สื่อประกอบการ
เรียนการสอน เรอ่ื ง เซลลข์ องส่ิงมีชวี ติ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ซึ่งมีเนื้อหาและวธิ กี ารสอนที่เป็น
ระบบ โดยเรยี นรจู้ ากง่ายไปหายาก และเน้นใหน้ ักเรยี นไดส้ บื ค้นข้อมูลด้วยตนเอง รวมท้ังการจัด
กระบวนการจัดการเรียนการสอนท่ีใหน้ กั เรียนได้ปฏิบัตจิ ริง จากกิจกรรมการทดลองท่มี ีอยใู่ นชดุ กจิ กรรม
เพือ่ ให้นกั เรยี นเกิดประสบการณโ์ ดยตรง และเกิดเจตคติท่ีดตี อ่ การเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ซ่ึงชดุ กิจกรรมที่
สรา้ งข้ึนมที ั้งหมด 7 เล่ม ประกอบดว้ ย

ชดุ ท่ี 1 เรอ่ื ง เซลล์ของส่ิงมชี วี ิต
ชุดท่ี 2 เร่ือง การลาเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์
ชดุ ที่ 3 เร่อื ง การลาเลยี งน้าและอาหารของพืช
ชุดที่ 4 เรื่อง กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช
ชุดที่ 5 เรื่อง การสืบพนั ธ์ุของพืช
ชดุ ท่ี 6 เรอ่ื ง การตอบสนองของพชื ต่อสิ่งเรา้
ชุดท่ี 7 เรื่อง ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยชี ีวภาพทเี่ ก่ียวกับพืช
สาหรบั ชุดกจิ กรรมเลม่ นี้เป็นชุดที่ 2 เร่ือง การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ผู้จัดทาหวังเปน็ อย่างย่งิ
ว่า ชุดกิจกรรมท่ีสร้างขึน้ นี้จะเป็นประโยชน์ตอ่ ครู นกั เรยี น และการจัดการเรียนการสอนวชิ าวิทยาศาสตร์
เร่อื ง การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์

รอมีบ๊ะ มิง
ผู้เรียบเรียง

ข หนา้

สารบญั ก

เร่ือง ค

คานา จ
สารบัญ ฉ
คาชี้แจงในการใช้ชดุ กิจกรรม 1
คาแนะนาการใชช้ ดุ กจิ กรรมสาหรบั ครู 3
คาแนะนาการใช้ชดุ กิจกรรมสาหรบั นกั เรียน 6
ข้ันตอนการใชช้ ุดกิจกรรม 25
แบบทดสอบกอ่ นเรียน 27
สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ 28
ชดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ ชดุ ที่ 2 35
แบบทดสอบหลงั เรยี น 36
บรรณานุกรม 37
ภาคผนวก
กระดาษคาตอบ
แบบบนั ทึกคะแนนรายบคุ คล
ประวตั ผิ ู้เรียบเรยี ง



คาชี้แจงในการใชช้ ุดกิจกรรม

1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ หน่วยของสงิ่ มีชวี ติ และการดารงชวี ิต
สาหรบั นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 โดยใช้การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es มที ั้งหมด 7 ชดุ ดงั นี้

ชดุ ที่ 1 เรือ่ ง เซลล์ของสงิ่ มชี วี ิต
ชุดท่ี 2 เรื่อง การลาเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์
ชดุ ท่ี 3 เร่ือง การลาเลียงน้าและอาหารของพืช
ชุดที่ 4 เร่อื ง กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช
ชดุ ที่ 5 เรือ่ ง การสืบพันธุข์ องพืช
ชดุ ที่ 6 เรอื่ ง การตอบสนองของพชื ต่อส่งิ เรา้
ชุดท่ี 7 เร่ือง ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยีชีวภาพท่ีเกย่ี วกบั พืช
2. ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ หนว่ ยของสิง่ มีชีวติ และการดารงชีวิต
สาหรบั นักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 โดยใช้การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es ชดุ ท่ี 2 เรื่อง การลาเลยี ง
สารเขา้ และออกจากเซลล์ มจี ุดประสงค์การเรียนรแู้ ละเนื้อหาทส่ี อดคล้องกับสาระ และมาตรฐานกลุ่ม
สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ สาระท่ี 1 สิง่ มีชีวติ กบั กระบวนการดารงชวี ิต ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1
3. ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้ หนว่ ยของสงิ่ มีชวี ิตและการดารงชวี ติ
สาหรบั นักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 โดยใชก้ ารสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es ชุดท่ี 2 เรื่อง การลาเลยี ง
สารเขา้ และออกจากเซลล์ ในแตล่ ะชุดกิจกรรมจะเสร็จสมบูรณ์ในตวั เอง นักเรยี น สามารถใชใ้ นการศึกษา
หาความรูเ้ พิ่มเตมิ ได้
4. นักเรียนสามารถประเมินตนเองได้โดยการตรวจกระดาษคาตอบจากเฉลย
5. ควรทาการศึกษาคาแนะนาในการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ กอ่ นใชท้ ุกชดุ กิจกรรม



คาแนะนาในการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรสู้ าหรับครู

การจดั การเรียนรูโ้ ดยใชช้ ุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ หนว่ ยของสิง่ มชี วี ติ และ
การดารงชีวติ สาหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 โดยใช้การสอนแบบ สบื เสาะหาความรู้ 5E ชดุ ที่ 2
เรื่อง การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ครูควรมีการเตรยี มความพร้อมและ ปฏบิ ตั ิตามคาแนะนา
ดังต่อไปน้ี

1. ครคู วรเตรียม วสั ดุ อปุ กรณ์ ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ดงั นี้
1.1 ครเู ตรียมชุดกิจกรรมให้ครบตามจานวนนกั เรียน
1.2 เตรียม วสั ดุ อุปกรณ์ ตา่ ง ๆ ตามทีร่ ะบุไวใ้ นชดุ กิจกรรม
1.3 แบ่งนกั เรียนออกเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน

2. กอ่ นจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ครูควรช้แี จงใหน้ กั เรยี นเข้าใจบทบาทของตนเองในระหว่าง
การดาเนินกิจกรรม

3. ครใู ห้คาแนะนา เปน็ ผ้ชู ่วยเหลอื สง่ เสรมิ และสนบั สนุน และเปน็ ผ้อู านวยความสะดวก
ในการดาเนินกิจกรรม

4. ศึกษาและทาความเข้าใจการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ เร่ืองการสบื พันธข์ุ องพชื กลมุ่ สาระ
การเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 (ประกอบการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรู้
หน่วยของสงิ่ มชี ีวติ และการดารงชีวติ สาหรบั นกั เรียน ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การสอนแบบสบื
เสาะหาความรู้ 5Es ชดุ ท่ี 2 เร่อื ง การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ การจัดการเรยี นรู้ สือ่ การเรียนรู้
วธิ ีการวัดและประเมินผลใหช้ ัดเจน สาหรบั เกณฑ์ การผา่ นตัวชีว้ ดั ในแต่ละแผนการจดั การเรยี นรไู้ ม่ตา่
กว่ารอ้ ยละ 80



คาแนะนาในการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรียนรสู้ าหรับนักเรยี น

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ หน่วยของสง่ิ มีชีวิตและการดารงชีวิต สาหรับนกั เรียน
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 โดยใช้การสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es ชดุ ท่ี 2 เรือ่ ง การลาเลยี งสารเขา้ และ
ออกจากเซลล์ ทน่ี ักเรยี นจะได้ศกึ ษาต่อไปน้ี เปน็ กจิ กรรมการเรียนรู้ เพือ่ สง่ เสรมิ ให้นกั เรียนได้สืบเสาะหา
ความรู้และสามารถสรา้ งองค์ความรดู้ ว้ ยตนเอง โดยเนน้ การใชค้ าถาม และทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ใหน้ กั เรยี นไดค้ ิดและลงมือปฏิบตั ิตามขน้ั ตอนทีก่ าหนดไวใ้ น ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามลาดับ
ดงั นี้

1. นักเรยี นศึกษาจดุ ประสงค์การเรยี นรู้และขอบขา่ ยเน้อื หาสาระของชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้
2. การเรียนด้วยชุดกจิ กรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ จะต้องปฏิบตั ติ ามข้นั ตอนท่ีกาหนดให้ อยา่ ง
เคร่งครัดและมีความซ่ือสตั ย์ต่อตนเอง
3. นักเรียนศึกษาวธิ กี ารใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ ถ้านกั เรียนคนใดสงสัยหรอื มีปญั หาที่ไม่เขา้ ใจ
สามารถขอคาแนะนาจากครูผู้สอนได้ตลอดเวลา
4. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนเพอ่ื วดั ความรูพ้ ้นื ฐาน จานวน 10 ขอ้ และตรวจคาตอบ
แบบทดสอบก่อนเรยี น
5. นกั เรียนศึกษาและลงมอื ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม นกั เรียนสามารถตรวจกระดาษคาตอบไดจ้ ากเฉลย
ในภาคผนวกของกจิ กรรมและตอ้ งมีความซ่ือสตั ยใ์ นการทากิจกรรม
6. เมื่อศึกษาครบทุกกิจกรรมนักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น จานวน 10 ขอ้ เพ่ือวัดความรู้
ความเข้าใจอกี คร้ังและตรวจคาตอบแบบทดสอบหลงั เรยี น เพ่อื เปรยี บเทียบความก้าวหน้าทางการเรียน
7. เวลาทใี่ ชใ้ นการศกึ ษาชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ จานวน 3 ช่วั โมง



ข้ันตอนการใชช้ ดุ กิจกรรม
คาแนะนาในการใช้ชุดกจิ กรรม
แบบทดสอบยอ่ ยก่อนเรยี น

ลงมือปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ไม่ผา่ นเกณฑ์
แบบทดสอบยอ่ ยหลงั เรียน ประเมินผล
ศึกษาชุดกจิ กรรมชุดตอ่ ไป ผ่านเกณฑ์

1

แบบทดสอบก่อนเรยี น

ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ชดุ ที่ 2 การลาเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์

คาชแี้ จง 1. แบบทดสอบเป็นแบบปรนัย เลือกตอบ 4 ตวั เลือก จานวน 10 ข้อ
2. ให้นักเรียนเลือกคาตอบทถ่ี ูกต้องทส่ี ดุ เพียงคาตอบเดยี ว ทาเคร่อื งหมายกากบาท (X)
ลงในกระดาษคาตอบ

1. การออสโมซีส ตา่ งจากการแพร่อยา่ งไร
ก. ออสโมซีสเป็นการเคลอื่ นทขี่ องนา้ ผ่านเย่อื บางๆ
ข. การแพร่เกิดจากสารเคล่อื นท่จี ากโมเลกลุ มากไปสูท่ ่มี ีโมเลกุลน้อย
ค. การแพร่ไม่ต้องผ่านเยอ่ื บางๆ ก็ได้ แต่การออสโมซีสต้องผ่านเย่อื บางๆ
ง. ถกู ทุกข้อ

2. ข้อใด ไม่ใช่ หลกั การแพร่
ก. การละลายของสี
ข. การไดก้ ล่นิ น้าหอม
ค. ลูกเหม็นไล่แมลงสาบ
ง. การไหลของน้าไปตามท่อ

3. การใส่ปยุ๋ เคมีคร้ังละมากๆ ในกระถางตน้ ไม้ จะเกิดผลเสียอย่างไร
ก. ต้นไม้ได้อาหารเลย้ี งลาต้นเตม็ ที่
ข. ตน้ ไม้เจริญงอกงามอย่างรวดเร็ว
ค. เปน็ การให้แร่ธาตุแก่พชื อย่างถกู วธิ ี
ง. ต้นไม้จะเหี่ยวเน่ืองจากขาดนา้ มาเลยี้ ง

4. คาวา่ ออสโมซสี ถา้ จะอธบิ ายจะใช้ข้อใดจงึ จะถูกต้อง
ก. เป็นการเคลือ่ นท่ีของนา้ ผ่านเย่ือบางไปยงั บริเวณนา้ มากกว่า
ข. เปน็ การเคลือ่ นที่ของน้าจากบรเิ วณนา้ มากไปยังบรเิ วณนา้ นอ้ ย
ค. เป็นการเคล่อื นท่ีของสารละลายเข้มข้นไปสูส่ ารละลายเจือจาง
ง. เปน็ การเคล่อื นท่ีของน้าจากสารละลายเจือจางผา่ นเย่อื บางไปสูส่ ารละลายเข้มข้น

5. การแพร่จะเกิดได้ดีและเร็วต้องอาศยั ปจั จัยใด
ก. อนุภาคของสารต้องมีขนาดใหญ่
ข. ตัวกลางมีความหนาแน่น
ค. อุณหภมู ิของสารตา่
ง. ความแตกต่างของความหนาแน่นของอนุภาคสาร

2

6. ถ้านามนั เทศสดชน้ิ เล็กๆ ชิ้นหนง่ึ ใส่ลงไปในนา้ ฝนสักคร่ึงชั่วโมง ชน้ิ มันเทศมีการเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
ก. แตก
ข. เหย่ี วยน่
ค. พองเตง่ ขึ้น
ง. อ่อนนมุ่ ขึน้

7. ข้อใดเป็นลักษณะของการเกิดออสโมซสิ
ก. ธาตอุ าหารในดินถูกลาเลยี งเข้าสรู่ าก
ข. อาหารทพี่ ืชสรา้ งขึ้นจากเซลล์ในใบถกู ลาเลียงเข้าไปในลาต้น
ค. การทนี่ า้ ในแก้วค่อยๆกลายเปน็ สีมว่ งเมอ่ื หย่อนเกล็ดดา่ งทับทมิ ลงไปในแก้ว
ง. ถุงเซลโลเฟนท่ีบรรจนุ า้ กลัน่ มปี รมิ าตรเลก็ ลง เมื่อหย่อนลงในแก้วที่บรรจุสารละลายซโู ครสเข้มขน้

8. น้าถกู ลาเลยี งข้นึ สลู่ าต้นในเนือ้ เยือ่ ลาเลียงน้าได้อยา่ งไร
ก. การลาเลียงแบบใช้พลังงานโดยเซลล์
ข. การแพรใ่ นเน้ือเย่ือลาเลยี ง
ค. แรงดันออสโมซสิ ในใบ
ง. ใบดึงนา้ ขน้ึ ไป

9. นักชวี วทิ ยานาเซลล์พชื ไปแชใ่ นนา้ เกลือ 10 % เซลล์จะเปล่ียนแปลงอย่างไร
ก. เซลลเ์ ตง่ เพราะเกลือเคลือ่ นที่เข้าสู่เซลล์
ข. เซลล์เหยี่ วเพราะเกลือเคล่ือนที่ออกจากเซลล์
ค. เซลลเ์ ต่งเพราะน้าเคลอ่ื นทเ่ี ข้าส่เู ซลล์
ง. เซลลเ์ ห่ียวเพราะนา้ เคลอ่ื นทอ่ี อกจากเซลล์

10. นักเรียนคนหนงึ่ ต่อยไข่ไก่ 2 ฟองใสถ่ ว้ ย ตดี ้วยชอ้ นสอ้ มใหไ้ ข่ขาวไข่แดงปนกันเป็นเนอื้ เดยี ว เติม
นา้ เกลือ 2 ชอ้ นโต๊ะ บรรจใุ นถุงเซลโลเฟนผูกปากถงุ ให้แน่น นาไปแชใ่ นนา้ กลนั่ ต้ังทิง้ ไว้ 1 ช่ัวโมง ทา่ นคดิ
วา่ สารใดสามารถผ่านเซลโลเฟนออกมาได้

ก. ส่วนทีเ่ ป็นไขข่ าว
ข. ส่วนทเ่ี ปน็ ไขแ่ ดง
ค. เกลือ
ง. ไขแ่ ละเกลือออกมาไม่ได้ แต่น้าจะซึมเข้าไปในถงุ ไดเ้ ร่ือยๆ

3

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้

สาระที่ 1 : สง่ิ มีชวี ิตกบั กระบวนการดารงชีวิต
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจหนว่ ยพนื้ ฐานของสง่ิ มชี วี ิต ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าที่

ของระบบตา่ ง ๆ ของสง่ิ มีชวี ติ ทที่ างานสัมพันธก์ นั มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่อื สารสงิ่ ทเ่ี รียนรู้
และนาความรู้ไปใชใ้ นการดารงชีวิตของตนเองและดแู ลส่งิ มีชีวติ

สาระท่ี 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจติ วิทยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้

การแกป้ ัญหา ร้วู ่าปรากฏการณท์ างธรรมชาติท่เี กิดข้นึ ส่วนใหญม่ รี ูปแบบที่แนน่ อน สามารถอธบิ ายและ
ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมลู และเคร่ืองมือที่มีอยใู่ นชว่ งเวลาน้ัน ๆ เขา้ ใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม
และสง่ิ แวดลอ้ มมคี วามเกยี่ วข้องสัมพนั ธก์ นั

ตวั ชว้ี ัด

มฐ.ว 1.1-4 ทดลองและอธิบายกระบวนการสารผ่านเซลลโ์ ดยการแพรแ่ ละออสโมซิส
มฐ.ว 8.1 ม.1-3/1 ตง้ั คาถามที่กาหนดประเดน็ หรอื ตัวแปรที่สาคัญในการสารวจตรวจสอบ หรือ
ศึกษาคน้ คว้าเร่ืองที่สนใจได้อย่างครอบคลมุ และเชอ่ื ถือได้
มฐ.ว 8.1 ม.1-3/2 สร้างสมมติฐานท่ีสามารถตรวจสอบไดแ้ ละวางแผนการสารวจตรวจสอบ
หลายๆ วธิ ี
มฐ.ว 8.1 ม.1-3/3 เลอื กเทคนิควิธกี ารสารวจตรวจสอบทั้งเชิงปริมาณและเชิงคณุ ภาพที่ได้ผล
เท่ยี งตรงและปลอดภยั โดยใชว้ ัสดแุ ละเครื่องมอื ทเี่ หมาะสม
มฐ.ว 8.1 ม.1-3/4 รวบรวมขอ้ มูล จดั กระทาข้อมูลเชงิ ปริมาณและคุณภาพ

4

มฐ.ว 8.1 ม.1-3/5 วิเคราะหแ์ ละประเมินความสอดคล้องของประจักษพ์ ยานกับข้อสรุป ทง้ั ที่
สนับสนนุ หรือขัดแยง้ กบั สมมติฐาน และความผิดปกติของข้อมลู จากการสารวจตรวจสอบ

มฐ.ว 8.1 ม.1-3/6 สรา้ งแบบจาลอง หรอื รปู แบบ ที่อธบิ ายผลหรอื แสดงผลของการสารวจ
ตรวจสอบ

มฐ.ว 8.1 ม.1-3/7 สร้างคาถามทีน่ าไปสู่การสารวจตรวจสอบ ในเร่ืองทเี่ กยี่ วข้อง และนา
ความรู้ทไ่ี ด้ไปใชใ้ นสถานการณ์ใหมห่ รอื อธบิ ายเกย่ี วกับแนวคิด กระบวนการและผลของโครงงานหรือ
ช้นิ งานใหผ้ ู้อ่ืนเข้าใจ

มฐ.ว 8.1 ม.1-3/8 บนั ทึกและอธิบายผลการสงั เกต การสารวจ ตรวจสอบ ค้นคว้าเพมิ่ เติมจาก
แหล่งความรตู้ ่างๆ ให้ไดข้ ้อมูลทีเ่ ช่ือถอื ได้ และยอมรับการ เปล่ียนแปลงความรู้ท่ีคน้ พบเม่ือมีข้อมลู และ
ประจกั ษ์พยานใหมเ่ พ่ิมขึน้ หรือโตแ้ ย้งจากเดมิ

มฐ.ว 8.1 ม.1-3/9 จัดแสดงผลงาน เขียนรายงาน และ/หรืออธบิ ายเกยี่ วกับแนวคิด
กระบวนการ และผลของโครงงานหรอื ชิน้ งานใหผ้ ู้อ่นื เขา้ ใจ

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. ด้านความรู้ (K)
1.1 อธิบายและยกตวั อย่างการแพรแ่ ละออสโมซสิ ทพ่ี บในชวี ิตประจาวนั

2. ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
2.1 นกั เรยี นสามารถทดลองและอธบิ ายกระบวนการแพร่ได้

2.2 ทดลอง สงั เกตผลการทดลอง บนั ทกึ ผล และรายงานผลการทดลอง เรื่องการลาเลยี งสารเขา้ และออก
จากเซลล์ได้

3. ดา้ นคุณลกั ษณะ (A)
3.1 นักเรียนมวี นิ ยั
3.2 นกั เรียนมีความสนใจใฝเ่ รียนรู้
3.3 นักเรียนมีความมุง่ มนั่ ในการทางาน

5

สาระสาคัญ

การแพร่ (Diffusion) คือ การกระจายอนุภาคของสารจากท่ีซึ่งมีความเข้มขน้ ของอนภุ าคสารมาก
ไปสู่ท่ีซง่ึ มีความเข้มขน้ ของอนุภาคสารนอ้ ย จนกว่าอนุภาคของสารทั้งสองบริเวณมคี วามเข้มข้นเท่ากัน
การแพร่ของอนุภาคสารไมม่ ีทิศทางที่แนน่ อน

ออสโมซสิ (Osmosis) คอื กระบวนการแพรข่ องนา้ จากทีซ่ ่ึงมอี นภุ าคของน้ามากกว่าไปสูท่ ่ีซ่งึ มี
อนภุ าคนา้ น้อยกวา่ โดยผา่ นเย่อื เลือกผ่าน (semipermeable membrane) เช่น เย่ือหมุ้ เซลล์ กระดาษ
เซลโลเฟน กระเพาะปัสสาวะสัตว์และเยือ่ ช้ันในของเปลือกไข่

เพื่อนๆ พรอ้ มท่ีจะศกึ ษาใบความรู้
กันยังคะ

6
ใบความรู้ที่ 1

การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์

พรอ้ มที่จะศึกษาใบความรู้ท่ี
1 กันแล้วใชไ่ หมคะ่ ไป
เรยี นร้กู นั เลยคะเพือ่ นๆ

การแพร่

การแพร่ (Diffusion) คือ การกระจายอนุภาคของสารจากที่ซ่ึงมีความเข้มข้นของอนุภาค
สารมาก ไปสู่ที่ซึ่งมีความเข้มข้นของอนุภาคสารน้อย จนกว่าอนุภาคของสารทั้งสองบริเวณมีความ
เขม้ ข้นเทา่ กนั การแพร่ของอนภุ าคสารไมม่ ีทศิ ทางทแ่ี น่นอน

ภาพที่ 1 แสดงตวั อย่างการแพร่
ทม่ี า : http://www.vcharkarn.com/lesson/1043

7

การแพร่ มี 2 แบบ

1. การแพร่แบบธรรมดา (Simple diffusion) เป็นการแพร่ที่ไม่อาศัยตัวพา หรือตัวช่วยขนส่ง
(carrier) ใดๆเลย เช่น การแพร่ของผงด่างทับทิมในน้าจนท้าให้น้ามีสีม่วงแดงจนท่ัวภาชนะ การได้กลิ่น
ผงแปง้ หรือ การไดก้ ลน่ิ น้าหอม

ภาพที่ 2 การแพร่แบบธรรมดา
ที่มา : http://www.krurattana.net/student/st-file/
2. การแพร่แบบฟาซิลิเทต (Facilitated diffusion) เป็นการแพร่ของสารผ่านโปรตีนตัวพา
(Carrier) ที่ฝังอยู่บริเวณเย่ือหุ้มเซลล์โดยตรง โปรตีนตัวพา (carrier) จะท้าหน้าที่คล้ายประตูเพื่อรับ
โมเลกุลของสารเข้าและออกจากเซลล์ การแพร่แบบนี้มีอัตราการแพร่เร็วกว่าการแพร่แบบธรรมดามาก
ตัวอย่างเช่น การล้าเลียงสารที่เซลล์ตับและ เซลล์บุผิวลา้ ไส้เลก็ การแพร่แบบนี้เกิดในเซลล์ของสิง่ มชี ีวิต
เท่าน้ัน

ภาพท่ี 3 การแพรข่ องนา้ หอม
ท่มี า : https://www.wongnai.com/articles/how-to-choose-perfect-perfume

8

ปัจจยั ทม่ี ผี ลตอ่ การแพร่

1.สถานะของสาร โดยแกส็ มีพลงั งานจลนส์ งู สดุ จงึ มอี ตั ราการแพร่สงู สดุ
2.สถานะของตัวกลางที่สารจะแพร่ผ่าน โดยตัวกลางที่เป็นแก็สจะมีแรงต้านน้อยท่ีสุดจึงท้าให้มี
อตั ราการแพร่สูงทสี่ ดุ
3.ขนาดอนุภาคของสาร โดยอนภุ าคยิ่งเลก็ ยง่ิ มอี ตั ราการแพร่สงู
4.ระยะทางทีส่ ารจะแพร่ในหนึ่งหนว่ ยเวลา
5.อุณหภมู ิ โดยจะมผี ลต่อการเพม่ิ พลงั งานจลน์ให้กับสารท้าใหม้ ีอตั ราการแพร่เพ่ิมสงู ข้ึน
6.ความดัน เม่ือความดันเพิ่มสูงขึ้นจะเพ่ิมความหนาแน่นให้กับสาร ส่งผลใหม้ อี ัตราการแพรเ่ พิ่ม
สูงขน้ึ

มาทาคาถามท้ายใบความร้กู ันเถอะค่ะ

9

คาถามทา้ ยใบความรู้ท่ี 1
การแพร่

คาชแ้ี จง : ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปนีใ้ ห้ถูกตอ้ ง

1. ความหมายของการแพรค่ ืออะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. การแพร่มีกี่แบบ อะไรบา้ ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. การแพร่ของดา่ งทบั ทิม เป็นการแพร่แบบใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

10

4. ในชวี ิตประจาวนั นกั เรยี นเคยพบการแพรข่ องสารอืน่ ๆ หรือไม่ อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5. ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการแพร่
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เพ่อื นๆ ทาแบบทดสอบกนั ได้หรือเปลา่ ค่ะ
เหน็ ไหมวา่ ไมย่ ากเลย

11
ใบความรู้ท่ี 2

การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์

การออสโมซสิ

ออสโมซิส (Osmosis) คือ กระบวนการแพร่ของน้าจากท่ีซ่ึงมีอนุภาคของน้ามากกว่าไปสทู่ ี่
ซ่ึงมีอนุภาคน้าน้อยกว่า โดยผ่านเย่ือเลือกผ่าน (semipermeable membrane) เช่น เย่ือหุ้มเซลล์
กระดาษเซลโลเฟน กระเพาะปสั สาวะสัตว์และเยือ่ ชั้นในของเปลือกไข่

ภาพที่ 4 การออสโมซสิ
ทมี่ า : https://www.wongnai.com/articles/how-to-choose-perfect-perfume

12

การออสโมซสิ มีแรงดันทเ่ี กี่ยวขอ้ ง 2 ชนดิ

1. แรงดันออสโมติก (Osmotic pressure) คือแรงดันที่เกิดขึ้นเพื่อต้านการเคล่ือนท่ีของตัว
ท้าละลายที่ผ่านเย่ือบางๆ เช่นเย่ือหุ้มเซลล์ (แรงดันออสโมติกก็คือแรงที่ใช้ต้านการเคล่ือนท่ีของน้า
ไมใ่ หน้ ้าเคลือ่ นทจี่ ากบรเิ วณทมี่ นี ้ามากไปยังบริเวณที่มนี ้าน้อย ดงั นัน้ หากมีแรงต้านการเคลื่อนท่ีของ
น้าไม่มาก น้าจะเคล่ือนท่ีผ่านเย่ือบางๆได้มาก (แรงต้านไม่มาก = แรงดันออสโมติกต้่า) โดยน้ามี
แรงดันออสโมตกิ ตา่้ สุด)

2. แรงดันเต่ง (turgor pressure) คือแรงดันที่เกิดข้ึนภายในเซลล์ เกิดข้ึนเน่ืองมาจากน้า
ออสโมซิสเข้าไปภายในเซลล์แลว้ ดันให้เซลล์แตง่ หรือบวมขึ้นมา เม่ือน้าเข้าไปภายในเซลล์มากเกินไป
ในกรณีที่เป็นเซลล์สัตว์อาจเกิดการแตกได้ แต่หากเป็นเซลล์พืชมักจะไม่มีการแตกของเซลลเ์ นื่องจาก
มีผนงั เซลลค์ งรูปรา่ งไว้

ปจั จยั ทีม่ ผี ลต่อการออสโมซสิ

1. ความแตกต่างของความเข้มขน้ ของโมเลกุลของสารในท่ี 2 แห่ง
2. ขนาดของโมเลกลุ ของสาร
3. สมบัตขิ องเยื่อกนั้ ท่จี ะยอมหรอื ไมย่ อมใหโ้ มเลกุลของสารผา่ นได้

13

คาถามท้ายใบความรูท้ ่ี 2

การออสโมซีส

คาช้ีแจง : ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปนใ้ี หถ้ ูกตอ้ ง

1. ความหมายของการออสโมซสิ คืออะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. อธิบายความหมายของคา้ ว่า แรงดันเต่ง (turgor pressure)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3.ปัจจยั ใดบา้ งทมี่ ีผลต่อการออสโมซิส
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

14

4.การออสโมซสิ มแี รงดนั ที่เกี่ยวขอ้ ง กี่ชนิด อะไรบ้าง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5.ใหย้ กตวั อยา่ งการออสโมซีสในชวี ติ ประจา้ วนั วา่ มอี ะไรอีกบ้าง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เพือ่ นๆ ทาแบบทดสอบกนั ได้หรือเปล่าค่ะ
เหน็ ไหมวา่ ไมย่ ากเลย

15

การทดลองท่ี 1
การแพร่ (Diffusion)

เพอื่ นๆคะ มาศึกษาจดุ ประสงค์ เตรยี มอุปกรณ์ และวธิ ที ดลองตาม
ใบกิจกรรมท่ี 1 เรอื่ งการแพร่พร้อมๆ กนั ภายในกลุ่มนะค่ะ

จุดประสงคก์ ารทดลอง
เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นสามารถทดลองและอธิบายกระบวนการแพร่

วัสดอุ ุปกรณแ์ ละสารเคมี

ลา้ ดบั ท่ี รายการ จ้านวน/กลมุ่
1. บกี เกอร์ขนาด 100 cm3 1 ใบ
2. ช้อนตักสาร 1 อัน
3. น้า 30 cm3
4. ด่างทับทิม (โพแทสเซยี มเปอร์แมงกาเนต)
3 – 4 เกลด็

วิธกี ารทดลอง
1. ใสน่ า้ กล่ันลงในบีกเกอร์ ปริมาตร 30 cm3

16

2. ใส่เกลด็ ดา่ งทับทิม 3-4 เกล็ด ลงในน้ากลัน่ สงั เกตและบันทกึ ผลลงในสมดุ

ตารางบันทึกผลการทดลอง การเปล่ยี นแปลงสีของน้า หลังใสเ่ กล็ดดา่ งทับทิม

เวลา (นาท)ี
เรมิ่ ทดลอง

1
2
3
4
5

บันทึกผลการทดลองในตารางบันทึกผล
เรียบร้อยแล้วเด็กๆ ไปตอบคาถามท้ายกิจกรรม

กนั เลยค่ะ

17

คาถามทา้ ยการทดลองที่ 1
การแพร่

คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนใ้ี ห้ถกู ตอ้ ง

1. เกลด็ ดา่ งทับทมิ มีลกั ษณะและสีเปน็ อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. เมือ่ ใส่เกล็ดดา่ งทบั ทมิ ลงในนา้ สขี องนา้ มกี ารเปลี่ยนแปลงอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. เม่ือเวลาผ่านไป 3 นาที น้าในบกี เกอร์ มีการเปล่ียนแปลงอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

4. เม่อื เวลาผ่านไป 5 นาที น้าในบีกเกอร์ มกี ารเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5. นักเรยี นเคยพบการกระจายของสารอนื่ บา้ งหรือไม่ อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

6. สรปุ ผลการทดลองนไ้ี ด้อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

18

การทดลองที่ 2
การออสโมซิส

จุดประสงค์การทดลอง
1. อธบิ ายกระบวนการออสโมซิส
2. สรุปความสา้ คัญของกระบวนการออสโมซิสต่อการล้าเลยี งน้าในพชื

วัสดุอุปกรณแ์ ละสารเคมี

ลาดบั ท่ี รายการ จานวน/กลมุ่
1 อนั
1. กรวยแก้ว 1 ใบ
1 ชุด
2. บกี เกอร์ขนาด 500 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร 1 แผน่
1 เส้น
3. ขาตัง้ พร้อมท่ีจบั หลอดทดลอง
100 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร
4. กระดาษเซลโลเฟน 300 ลกู บาศก์เซนติเมตร

5. หนงั ยางรดั หรอื เชอื กส้าหรับผูก

6. สารละลายนา้ ตาล (นา้ เชอื่ ม)

7. น้ากลัน่

ไปดวู ธิ กี ารทดลอง
กนั ตอ่ เลยค่ะ เดก็ ๆ

19

วิธีการทดลอง

1. ใชก้ ระดาษเซลโลเฟนปดิ ปากกรวยแกว้ รดั ให้แนน่
2. ใสน่ ้าเชื่อมลงในกรวยแก้วใหส้ งู พอประมาณ
3.แช่กรวยแกว้ ลงในบีกเกอร์ขนาด 500 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร ท่มี นี า้ กลั่นปรมิ าตร 300 ลกู บาศก์
เซนตเิ มตร โดยใหก้ รวยแก้วอยตู่ ้า่ กวา่ ระดับนา้ ในบกี เกอร์ ยดึ กรวยแกว้ ด้วยที่จับหลอดทดลอง
ตดิ กับขาต้ัง
4.สังเกตการณ์เปลยี่ นแปลงทุกนาทเี ปน็ เวลา 5 นาที บนั ทึกผลการทดลอง

ตารางบันทึกผลการทดลอง

เวลา (นาที) การเปล่ียนแปลงความสงู ของสารละลายนา้ ตาลในกรวยแกว้
1
2
3
4
5

บนั ทกึ ผลการทดลองในตารางบันทกึ ผล
เรยี บร้อยแล้วเพ่อื นๆ ไปตอบคาถามทา้ ย

กจิ กรรมกนั เลยค่ะ

20

คาถามท้ายการทดลองที่ 2
การออสโมซิส

คาช้ีแจง : ให้นกั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนีใ้ หถ้ กู ต้อง

1. สารในกรวยแกว้ และในบกี เกอรค์ ืออะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. โมเลกลุ ของนา้ ในบกี เกอร์กบั ในกรวยแก้วต่างกนั อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. การเปลีย่ นแปลงของระดบั ของเหลวในกรวยแกว้ เป็นอยา่ งไร เพราะเหตใุ ด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

4. สรปุ ผลการทดลองน้ีได้อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5. ยกตวั อย่างการแพร่กระจายของโมเลกุลของน้าที่พบในชีวิตประจา้ วนั
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

21

แบบทดสอบหลงั เรียน

การลาเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์

คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นเลอื กค้าตอบข้อที่ถูกท่สี ุดและทา้ เครอ่ื งหมาย  ลงในกระดาษค้าตอบ

1. การกระจายของอนุภาคของสารใดๆ จากบริเวณท่มี ีความหนาแน่นของอนภุ าคของสารน้ันมากไปสทู่ ี่
ซึง่ มคี วามหนาแนน่ ของอนุภาคของสารนัน้ นอ้ ย เรยี กปรากฎการณน์ ้ีว่าอะไร

ก. การแพร่
ข. การซมึ ผา่ น
ค. การออสโมซสิ
ง. ทกุ ขอ้ กล่าวถกู ต้อง

2. การกระจายอนภุ าคของสารใดๆ จากบริเวณท่ีมอี นภุ าคของสารนัน้ มากผ่านเย่ือเลือกผา่ นทเ่ี รียกวา่
เซมิเพอมเิ อเบิลเมมเบรน ไปยงั บรเิ วณท่ีมีอนภุ าคของสารนัน้ น้อยเรียกว่าอะไร

ก. การแพร่
ข. การซมึ ผา่ น
ค. การออสโมซิส
ง. ทกุ ข้อกลา่ วถูกต้อง

3. ข้อใดเก่ียวข้องกบั กระบวนการแพร่
ก. การลา้ เลยี งอาหารจากใบไปเล้ียงเซลล์ต่างๆ
ข. การล้าเลียงน้าและเกลอื แรไ่ ปสู่ใบ
ค. การหุบของใบไมยราบ
ง. ถูกทุกข้อ

4. เมื่อน้าเซลลพ์ ืชใส่ลงในสารละลายที่เข้มข้นน้อยกวา่ เซลลพ์ ืช เซลลพ์ ืชจะมกี ารเปลี่ยนแปลงอยา่ งไร
ก. เซลลพ์ ชื จะเต่ง
ข. เซลลพ์ ชื จะเห่ียว
ค. เซลลพ์ ชื จะแตก
ง. เซลลจ์ ะไม่เปลีย่ นแปลง

22

5. เมื่อนา้ เซลลส์ ัตว์ใสล่ งไปในสารละลายทเ่ี ข้มข้นน้อยกว่าความเข้มขน้ ภายในเซลล์ เซลล์สตั ว์จะมีการ
เปลีย่ นแปลงอย่างไร

ก. เซลลจ์ ะเตง่
ข. เซลล์จะเหย่ี ว
ค. เซลล์แตก
ง. เซลล์จะไม่เปลยี่ นแปลงกระบวนการแพรแ่ ละการออสโมซสิ

6. เมอ่ื ใสป่ ุย๋ ลงในดินรอบๆโคนพืชมากเกินไป พืชจะตายเพราะเหตุใด
ก. นา้ แพรเ่ ขา้ ไปในเซลล์มากเกินไป ท้าใหเ้ ซลลเ์ ตง่ จนแตก
ข. น้าแพร่ออกจากเซลล์มากเกินไป ทา้ ให้เซลลเ์ หยี่ ว
ค. ปุ๋ยแพรเ่ ขา้ ไปในเซลล์มากเกินไป ท้าใหเ้ ซลลแ์ ตก
ง. ปยุ๋ และน้าแพร่เขา้ ไปในเซลล์มากเกนิ ไป จนเซลล์แตก

7. การแพรข่ องสารเกิดขึ้นได้เพราะสาเหตุในข้อใด
ก. ความแตกตา่ งของความหนาแน่นของสารน้นั ในท่ี 2 แห่ง
ข. ความแตกตา่ งของปรมิ าตรของสารนัน้ ในท่ี 2 แห่ง
ค. ความแตกต่างของอุณหภมู ขิ องสารนั้นในที่ 2 แหง่
ง. ความแตกต่างของความเป็นกรดของสารนน้ั ในที่ 2 แห่ง

8. น้าและแร่ธาตุจากดนิ ถกู ล าเลียงเขา้ สู่ราโดยวิธกี ารในข้อใด
ก. การแพร่
ข. การออสโมซสิ
ค. การแทรกซึม
ง. การออสโมซิสและการแพร่

9. ถา้ แช่เม็ดเลอื ดแดงในสารละลายไอโซโทนิกเซลลเ์ ม็ดแดงจะเปลีย่ นแปลงอยา่ งไร
ก. เซลล์เมด็ แดงจะแตก
ข. เซลลเ์ มด็ แดงไมเ่ ปลี่ยนแปลง
ค. เซลลเ์ ม็ดแดงจะเหีย่ ว
ง. เซลล์เมด็ แดงจะเหย่ี วแลว้ กลบั มาเต่ง

10. ขอ้ ใดไมถ่ ูกต้องเกี่ยวกบั การแพร่
ก. ความแตกตา่ งระหว่างความเข้มข้นของอนภุ าคสารในทส่ี องแห่ง
ข. ขนาดของอนุภาคสาร ถ้าอนุภาคโตจะแพรช่ า้
ค. อุณหภมู ิ ถา้ อุณหภูมิต่างการแพร่จะเกดิ เรว็
ง. ความดนั เพิ่มขึ้นการแพรจ่ ะเกดิ เร็วขึน้

23

บรรณานุกรม

กอบนวล จติ ตนิ ันทน์. (ม.ป.ป). คู่มอื เตรยี มสอบวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ม.1. กรงุ เทพฯ :
บรษิ ัทภมู บิ ัณฑิต จ้ากดั .

นภาภรณ์ ธญั ญา. (ม.ป.ป). เสรมิ ทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ ม.1. กรุงเทพฯ :
หจก. พ.ี เอน็ . เค. การพิมพ์.

บัญชา แสนทว.ี (2546). หนังสือเรียนสาระการเรียนรูพ้ ื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษา
ปที ่ี 1 เล่ม 1. กรงุ เทพฯ : ส้านักพมิ พ์วัฒนาพานิช.

บญั ชา แสนทวแี ละคณะ. (ม.ป.ป). วิทยาศาสตร์ ม.1. กรงุ เทพฯ : ส้านักพิมพ์วัฒนาพานิช.
บุญรอด สวัสดิ์พานชิ และวราพร ย่สี นุ่ เทส. (ม.ป.ป). สรุปเข้มวิทยาศาสตร์ ม. 1. กรุงเทพฯ : บริษทั บอ

สสก์ ารพิมพ์ จ้ากดั .
ประดบั นาคแกว้ และดาวัลย์ เสรมิ บญุ สุข. (ม.ป.ป). หนังสอื เรียนวิชาวิทยาศาสตร์

ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1. กรงุ เทพฯ : สา้ นักพิมพแ์ มค็ .
ประดับ นาคแก้ว วัชวลั ย์ ครฑุ ไชยนั ต์ และดาลัลย์ เสริมบุญสขุ . (ม.ป.ป). หนังสอื มาตรฐานแม็ค

สาระการเรยี นรพู้ ื้นฐานวิทยาศาสตร์ ชว่ งชั้นที่ 3 เล่มท่ี 3 ชน้ั มัธยมศกึ ษา ปีท่ี 1.
กรงุ เทพฯ : สา้ นักพิมพแ์ มค็ .
ฝา่ ยวิชาการส้านักพิมพภ์ ูมิบัณฑติ . (ม.ป.ป). คู่มือ – เตรยี มสอบวิทยาศาสตร์ ม.1. กรงุ เทพฯ : บริษัท
ภูมิบัณฑติ การพิมพ์ จ้ากัด.
พมิ พันธ์ เดชะคุปต์และคณะ. (2550). วิทยาศาสตร์ ม. 1. กรุงเทพฯ : พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.).
------. (ม.ป.ป). หนังสอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1. กรุงเทพฯ : พัฒนา
คุณภาพวิชาการ (พว.).

24

ภาคผนวก

การลาเลยี งสารเข้า
และออกจากเซลล์

25
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
การลาเลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์

คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเลอื กคา้ ตอบข้อท่ีถูกท่ีสดุ และทา้ เครอ่ื งหมาย  ลงในกระดาษค้าตอบ

1. ง. 2. ง.
10. ง.

9. ช. 3. ง.

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ชุดท่ี 2 การลาเลียงสารเขา้ และ

ออกจากเซลล์

8. ค. 4. ง.

7. ง. 5. ง.
6. ค.

25

เฉลยคาถามท้ายใบความรู้ที่ 1
การแพร่

คาชแ้ี จง : ให้นักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนใ้ี ห้ถกู ตอ้ ง

1. ความหมายของการแพร่คืออะไร
การแพร่ คือ การกระจายอนุภาคของสารจากที่ซึ่งมคี วามเขม้ ขน้ ของอนุภาคสารมาก ไปสู่ท่ซี ึ่งมี

ความเข้มข้นของอนภุ าคสารน้อย

2. การแพร่มีก่ีแบบ อะไรบา้ ง
การแพร่ มี 2 แบบ
1. การแพร่แบบธรรมดา (Simple diffusion)
2. การแพร่แบบฟาซลิ เิ ทต (Facilitated diffusion)

3. การแพร่ของด่างทับทิม เป็นการแพร่แบบใด
การแพร่แบบธรรมดา

4. ในชีวิตประจ้าวนั นกั เรียนเคยพบการแพร่ของสารอ่นื ๆ หรือไม่ อย่างไร
พบการแพรข่ องกลนิ่ อาหารซ่ึงกา้ ลังปรุงอยู่ เช่น กลิน่ ปลาเค็มทอด ซงึ แพรไ่ ปในอากาศไดไ้ กล

26

5. ปจั จัยใดบา้ งท่มี ีผลต่อการแพร่
1. สถานะของสาร โดยแกส็ มีพลังงานจลน์สงู สุดจึงมีอัตราการแพรส่ งู สุด
2. สถานะของตัวกลางท่ีสารจะแพร่ผ่าน โดยตัวกลางที่เป็นแก็สจะมีแรงต้านน้อยที่สุดจึงท้าให้มี

อตั ราการแพร่สูงทสี่ ุด
3. ขนาดอนภุ าคของสาร โดยอนุภาคย่งิ เลก็ ยิง่ มอี ตั ราการแพร่สูง
4. ระยะทางท่ีสารจะแพร่ในหนง่ึ หนว่ ยเวลา
5. อณุ หภูมิ โดยจะมีผลต่อการเพ่มิ พลังงานจลนใ์ ห้กับสารทา้ ใหม้ ีอัตราการแพร่เพิม่ สงู ข้ึน
6. ความดนั เมอื่ ความดันเพิ่มสูงขึ้นจะเพ่ิมความหนาแน่นใหก้ ับสาร ส่งผลใหม้ อี ัตราการแพร่เพิ่ม

สงู ข้ึน
7. ความแตกตา่ งของความเข้มข้นสารระหว่าง 2 บรเิ วณ

เพอ่ื นๆ ทาแบบทดสอบกนั ได้หรอื เปลา่ ค่ะ
เห็นไหมว่าไมย่ ากเลย

27

เฉลยคาถามท้ายใบความรู้ที่ 2

การออสโมซิส

คาช้แี จง : ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ใี หถ้ กู ต้อง

1. ความหมายของการออสโมซิสคืออะไร
คือ กระบวนการแพรข่ องนา้ จากทซ่ี ึ่งมีอนุภาคของน้ามากกว่าไปสู่ทีซ่ งึ่ มีอนภุ าคนา้ น้อยกว่า โดย

ผ่านเย่ือเลอื กผ่าน (semipermeable membrane) เชน่ เย่ือหุม้ เซลล์ กระดาษเซลโลเฟน กระเพาะ
ปัสสาวะสตั ว์และเยอ่ื ชัน้ ในของเปลือกไข่

2. อธิบายความหมายของคา้ ว่า แรงดันเต่ง
คือแรงดนั ทเ่ี กิดขนึ้ ภายในเซลล์ เกิดข้ึนเนือ่ งมาจากน้าออสโมซิสเขา้ ไปภายในเซลล์แล้วดนั ใหเ้ ซลล์

แต่งหรือบวมขึน้ มา เมื่อน้าเข้าไปภายในเซลลม์ ากเกินไปในกรณที เ่ี ปน็ เซลลส์ ตั วอ์ าจเกดิ การแตกได้ แต่หาก
เปน็ เซลลพ์ ชื มักจะไม่มีการแตกของเซลล์เนือ่ งจากมผี นังเซลล์คงรูปรา่ งไว้

3. ปัจจยั ใดบา้ งทมี่ ีผลตอ่ การออสโมซสิ
1. ความแตกต่างของความเข้มขน้ ของโมเลกลุ ของสารในท่ี 2 แหง่
2. ขนาดของโมเลกลุ ของสาร
3. สมบตั ิของเย่ือกน้ั ท่ีจะยอมหรือไม่ยอมให้โมเลกุลของสารผา่ นได้

28

4. การออสโมซิส มีแรงดันท่เี ก่ยี วข้อง ก่ีชนดิ อะไรบ้าง
มี 2 ชนิด คอื
1. แรงดันออสโมติก (Osmotic pressure)
2. แรงดนั เตง่ (turgor pressure)

5. ใหย้ กตวั อย่างการออสโมซีสในชีวิตประจา้ วันว่ามอี ะไรอีกบา้ ง
1.การพรมนา้ ให้ผักสดอยู่เสมอ
2.การดดู ซึมนา้ ของพืช

เพื่อนๆ ทาแบบทดสอบกนั ไดห้ รอื เปลา่ ค่ะ
เหน็ ไหมวา่ ไมย่ ากเลย

29

เฉลยการทดลองที่ 1
การแพร่

จดุ ประสงค์การทดลอง
เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนสามารถทดลองและอธิบายกระบวนการแพร่

วัสดุอุปกรณแ์ ละสารเคมี

ล้าดับท่ี รายการ จ้านวน/กลมุ่
1. บกี เกอรข์ นาด 100 cm3 1 ใบ
2. ชอ้ นตกั สาร 1 อัน
3. น้า 30 cm3
4. ดา่ งทบั ทิม (โพแทสเซยี มเปอร์แมงกาเนต)
3 – 4 เกล็ด

วิธีการทดลอง
1. ใส่นา้ กลน่ั ลงในบกี เกอร์ ปริมาตร 30 cm3

30

2. ใส่เกล็ดดา่ งทับทิม 3-4 เกล็ด ลงในน้ากลน่ั สังเกตและบันทึกผลลงในสมุด

3. สังเกตสีของน้ากล่นั หลงั จากใสเ่ กลด็ ด่างทบั ทิมแล้วทุกนาที เป็นเวลา 5 นาที
และบนั ทึกผลลงใน ตาราง

ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง การเปลี่ยนแปลงสขี องนา้ หลงั ใสเ่ กล็ดด่างทับทิม
มีสีมว่ งท่กี ้นบีกเกอร์
เวลา (นาที) น้าเปลี่ยนสีเปน็ สมี ่วง
เริม่ ทดลอง น้าเปลย่ี นสีเปน็ สมี ว่ งเขม้ ขึ้น กระจายทั่วบีกเกอร์
นา้ เปล่ียนสีเปน็ สีม่วงเขม้ ข้ึน กระจายทว่ั บีกเกอร์
1 น้าเปล่ียนสเี ป็นสมี ่วงเข้มข้นึ กระจายท่ัวบีกเกอร์
2 นา้ เปลี่ยนสเี ป็นสีมว่ งเข้มขนึ้ กระจายทว่ั บีกเกอร์
3
4
5

31

เฉลยคาถามทา้ ยการทดลองที่ 1
การแพร่

คาชี้แจง : ให้นักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนใ้ี หถ้ ูกตอ้ ง

1. เกล็ดด่างทบั ทิมมีลกั ษณะและสเี ป็นอย่างไร
เปน็ ของแขง็ เกลด็ สมี ว่ ง

2. เมอ่ื ใส่เกล็ดด่างทบั ทิมลงในน้า สีของน้ามกี ารเปลี่ยนแปลงอยา่ งไร
สขี องน้าเปลยี่ นจากใสไม่มีสีเปน็ สีมว่ งอ่อน จนถงึ เป็นสีม่วงเขม้

3. เมอ่ื เวลาผ่านไป 3 นาที นา้ ในบกี เกอร์ มีการเปล่ยี นแปลงอยา่ งไร
มีการเปล่ียนแปลง โดยน้ากลายเป็นสีมว่ ง

4. เมือ่ เวลาผา่ นไป 5 นาที น้าในบกี เกอร์ มีการเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
มกี ารเปลยี่ นแปลง โดยน้ามสี ีมว่ งทเ่ี ข้มข้ึน

5. นกั เรียนเคยพบการกระจายของสารอ่นื บา้ งหรือไม่ อยา่ งไร
เคยพบ เชน่ การชงกาแฟ การไดก้ ล่นิ หอมของดอกไม้

6. สรปุ ผลการทดลองน้ไี ด้อยา่ งไร
การกระจายของอนุภาคดา่ งทับทมิ จะกระจายจากที่ท่ีมีความเข้มข้นของอนุภาคสารมากไปสทู่ ม่ี ี

ความเข้มขน้ ของอนุภาคสารน้อย จนกระทั่งอนภุ าคของสารบรเิ วณท้งั สองมีความเขม้ ขน้ เท่ากัน

32

เฉลยการทดลองที่ 2
การออสโมซสิ

จุดประสงค์การทดลอง

1. อธบิ ายกระบวนการออสโมซิส
2. สรุปความส้าคัญของกระบวนการออสโมซสิ ต่อการล้าเลยี งนา้ ในพชื

วัสดุอุปกรณแ์ ละสารเคมี รายการ จานวน/กลุม่
ลาดบั ท่ี 1 อนั
1 ใบ
1. กรวยแก้ว

2. บีกเกอรข์ นาด 500 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร

3. ขาต้งั พร้อมท่จี บั หลอดทดลอง 1 ชุด
4. กระดาษเซลโลเฟน 1 แผ่น
5. หนังยางรดั หรอื เชือกสา้ หรับผูก 1 เส้น

6. สารละลายน้าตาล (น้าเชอื่ ม) 100 ลกู บาศก์เซนติเมตร
7. น้ากลนั่ 300 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร

ไปดูวิธีการทดลอง
กนั ตอ่ เลยค่ะ เด็ก ๆ

33

วธิ ีการทดลอง

1. ใชก้ ระดาษเซลโลเฟนปดิ ปากกรวยแกว้ รดั ให้แน่น
2. ใสน่ า้ เชือ่ มลงในกรวยแก้วให้สงู พอประมาณ
3.แชก่ รวยแก้วลงในบกี เกอร์ขนาด 500 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร ท่ีมนี ้ากล่ันปริมาตร 300 ลกู บาศก์
เซนติเมตร โดยใหก้ รวยแก้วอยตู่ า้่ กวา่ ระดับนา้ ในบีกเกอร์ ยดึ กรวยแกว้ ด้วยทจี่ ับหลอดทดลอง
ตดิ กับขาต้ัง
4.สังเกตการณ์เปล่ียนแปลงทุกนาทเี ป็นเวลา 5 นาที บนั ทึกผลการทดลอง

ตารางบนั ทึกผลการทดลอง

เวลา (นาท)ี การเปลีย่ นแปลงความสูงของสารละลายน้าตาลในกรวยแกว้
1
2 ตามผลการทดลองท่ีได้จริง โดยระดบั ของเหลวในกรวยแกว้ สูงข้นึ เมอื่ เวลาผ่านไป
3 เพม่ิ ข้ึน
4
5

บนั ทึกผลการทดลองในตารางบนั ทึกผล
เรียบรอ้ ยแล้วเพื่อนๆ ไปตอบคาถามท้าย

กิจกรรมกนั เลยค่ะ

34

คาถามทา้ ยการทดลองท่ี 2
การออสโมซสิ

คาชี้แจง : ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ใี หถ้ ูกตอ้ ง

1. สารในกรวยแก้วและในบีกเกอร์คอื อะไร
สารในกรวยแก้วคือนา้ เชอ่ื ม และสารในใบบีกเกอรค์ อื นา้

2. โมเลกุลของน้าในบกี เกอร์กบั ในกรวยแกว้ ตา่ งกันอยา่ งไร
โมเลกุลของน้าในบกี เกอร์มมี ากกว่าโมเลกลุ ของน้าในกรวยแกว้

3. การเปลี่ยนแปลงของระดบั ของเหลวในกรวยแกว้ เป็นอยา่ งไร เพราะเหตุใด
ระดับของเหลวในกรวยแก้วจะสูงข้ีนเมื่อเวลาผ่านไป เพราะอนุภาคของน้าในบีกเกอร์จะเคลื่อนท่ี

เข้าสูก่ รวยแก้วผา่ นกระดาษเซลโลเฟน

4. สรปุ ผลการทดลองนี้ได้อยา่ งไร
โมเลกลุ ของน้าจะเคลอ่ื นท่จี ากบรเิ วณท่มี ีโมเลกุลของน้ามากไปส่บู ริเวณท่มี โี มเลกลุ ของนา้ น้อย

5. ยกตวั อยา่ งการแพรก่ ระจายของโมเลกลุ ของน้าที่พบในชวี ิตประจา้ วนั
การระเหยของน้าจากการเปดิ ปดิ ของปากใบ

35

กระดำษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน

กอ่ นเรยี น ง หลงั เรยี น ง
ขอ้ ก ข ค ข้อ ก ข ค
1 1
2 2
3 3
4 4
5 5
6 6
7 7
8 8
9 9
10 10

คะแนนเตม็ ทำได้ คะแนนเตม็ ทำได้

10 คะแนน ………………. 10 คะแนน ……………….

36

แบบบนั ทึกคะแนนรำยบคุ คล

แบบทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนทไ่ี ด้ แบบทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด้
กอ่ นเรียน 10 ก่อนเรยี น 10

แบบฝึกทักษะที่ คะแนนเตม็ คะแนนทไี่ ด้ ผ่ำนเกณฑ์ 80% ข้ึนไป
1
2
3
4

พรอ้ มท้งั ประเมินกำรผ่ำนเกณฑ์ 80%
ด้วยนะคะ โดยทำเครื่องหมำย / ลงใน

ชอ่ งทีก่ ำหนดให้

นักเรยี นบนั ทึกคะแนนกำร
ทำแบบทดสอบ

และแบบฝึกทกั ษะลงใน
ชอ่ ง “คะแนนทไ่ี ด้”

37

ประวตั ผิ เู้ รยี บเรยี ง

ชื่อ – สกลุ นางรอมบี ๊ะ มิง

วัน/เดอื น/ปเี กิด 19 กรกฎาคม 2520

ที่อยู่ปัจจบุ ัน 13 หมู่ 3 ตาบลมายอ อาเภอมายอ จังหวดั ปัตตานี 94140

ทีท่ ำงำนปจั จบุ ัน โรงเรียนบา้ นตะบงิ ตีงี ตาบลลุโบะยไิ ร อาเภอมายอ จงั หวัดปตั ตานี

สงั กดั กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ปัตตานี

กรมสง่ เสริมการปกครองท้องถน่ิ กระทรวงมหาดไทย

ตำแหนง่ ปจั จบุ นั ครูวิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ

ประวตั กิ ำรศกึ ษำ

พทุ ธศกั ราช 2541 สาเร็จการศกึ ษาระดับประกาศนียบตั รมธั ยมศึกษาตอนปลาย

โรงเรียนศิรริ าษฏรส์ ามัคคี ตาบลถนน อาเภอมายอ จังหวดั ปัตตานี

พุทธศักราช 2545 สาเรจ็ การศกึ ษาระดับครศุ าสตรบัณฑิต (ค.บ.) สาขาการศึกษา

วิชาเอกวทิ ยาศาสตรท์ วั่ ไป สถาบนั ราชภัฏยะลา อาเภอเมือง จังหวัดยะลา

พทุ ธศกั ราช 2560 สาเรจ็ การศึกษาระดับศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการศึกษา

วชิ าเอกการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลยั ปทมุ ธานี

ประวตั กิ ำรทำงำน

พทุ ธศักราช 2550 – ปจั จุบัน โรงเรยี นบ้านตะบงิ ตงี ี ตาบลลโุ บะยิไร อาเภอมายอ จงั หวัดปตั ตานี




Click to View FlipBook Version