The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มที่ 6 เรื่อง การตอบสนองของพืชต่อสิ่งเร้า

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by power-man, 2021-07-25 13:13:03

เล่มที่ 6 เรื่อง การตอบสนองของพืชต่อสิ่งเร้า

เล่มที่ 6 เรื่อง การตอบสนองของพืชต่อสิ่งเร้า



คานา

ชุดกจิ กรรมวิชาวิทยาศาสตร์ หนว่ ยการเรียนรู้ หน่วยของสิ่งมชี วี ติ และการดารงชวี ิต
ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โดยใช้การสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es ไดจ้ ัดทาขึน้ เพ่ือใช้เปน็ ส่ือประกอบการ
เรยี นการสอน เร่ือง เซลลข์ องสง่ิ มชี วี ิต กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ซึง่ มีเนื้อหาและวธิ กี ารสอนทีเ่ ปน็
ระบบ โดยเรยี นร้จู ากงา่ ยไปหายาก และเนน้ ให้นกั เรยี นไดส้ บื ค้นข้อมลู ด้วยตนเอง รวมทงั้ การจดั
กระบวนการจัดการเรยี นการสอนท่ีใหน้ กั เรยี นได้ปฏบิ ตั จิ ริง จากกิจกรรมการทดลองทีม่ ีอยู่ในชุดกจิ กรรม
เพอื่ ให้นักเรียนเกิดประสบการณ์โดยตรง และเกิดเจตคติที่ดีตอ่ การเรียนวิชาวทิ ยาศาสตร์ ซงึ่ ชดุ กจิ กรรมที่
สร้างขึ้นมีทัง้ หมด 7 เลม่ ประกอบด้วย

ชุดที่ 1 เรือ่ ง เซลล์ของสง่ิ มชี วี ิต
ชุดที่ 2 เรื่อง การลาเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์
ชุดท่ี 3 เรือ่ ง การลาเลยี งนา้ และอาหารของพืช
ชดุ ท่ี 4 เรื่อง กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื
ชดุ ที่ 5 เรอ่ื ง การสบื พนั ธข์ุ องพชื
ชุดท่ี 6 เรื่อง การตอบสนองของพชื ตอ่ ส่ิงเร้า
ชดุ ท่ี 7 เร่อื ง ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยีชีวภาพท่ีเก่ยี วกบั พชื
สาหรับชุดกจิ กรรมเล่มนีเ้ ป็นชุดท่ี 2 เร่อื ง การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ผูจ้ ัดทาหวังเป็นอย่างย่งิ
วา่ ชดุ กจิ กรรมที่สรา้ งขึน้ นจี้ ะเป็นประโยชนต์ ่อครู นกั เรยี น และการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์
เร่ือง การตอบสนองของพชื ต่อส่งิ เร้า

รอมบี ะ๊ มงิ
ผ้เู รียบเรยี ง

ข หนา้

สารบญั ก

เร่ือง ค

คานา จ
สารบัญ ฉ
คาชี้แจงในการใช้ชดุ กิจกรรม 1
คาแนะนาการใชช้ ดุ กจิ กรรมสาหรบั ครู 3
คาแนะนาการใช้ชดุ กิจกรรมสาหรบั นกั เรียน 6
ข้ันตอนการใชช้ ุดกิจกรรม 16
แบบทดสอบกอ่ นเรียน 18
สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ 19
ชดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ ชดุ ที่ 6 24
แบบทดสอบหลงั เรยี น 25
บรรณานุกรม 26
ภาคผนวก
กระดาษคาตอบ
แบบบนั ทึกคะแนนรายบคุ คล
ประวตั ผิ ู้เรียบเรยี ง



คาช้ีแจงในการใช้ชุดกิจกรรม

1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ หน่วยของสงิ่ มีชีวิตและการดารงชวี ิต
สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 โดยใชก้ ารสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es มที ง้ั หมด 7 ชุด ดังนี้

ชดุ ที่ 1 เรอ่ื ง เซลลข์ องส่ิงมชี วี ิต
ชดุ ที่ 2 เร่ือง การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์
ชุดท่ี 3 เร่ือง การลาเลียงน้าและอาหารของพชื
ชุดท่ี 4 เรือ่ ง กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช
ชดุ ท่ี 5 เรื่อง การสืบพันธขุ์ องพืช
ชุดที่ 6 เรื่อง การตอบสนองของพชื ต่อสิง่ เรา้
ชุดที่ 7 เร่ือง ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยชี ีวภาพที่เกีย่ วกับพืช
2. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ หน่วยของสิง่ มีชีวติ และการดารงชีวิต
สาหรับนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใชก้ ารสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es ชดุ ท่ี 6 เรือ่ ง
การตอบสนองของพชื ต่อสิ่งเร้า มีจดุ ประสงค์การเรยี นรแู้ ละเน้อื หาทส่ี อดคล้องกับสาระ และมาตรฐาน
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ สาระท่ี 1 สง่ิ มีชวี ติ กบั กระบวนการดารงชวี ิต ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1
3. ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้ หน่วยของสงิ่ มีชวี ติ และการดารงชวี ิต
สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 โดยใชก้ ารสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es ชุดที่ 6 เร่อื ง
การตอบสนองของพชื ต่อสง่ิ เร้า ในแต่ละชุดกจิ กรรมจะเสร็จสมบูรณใ์ นตวั เอง นักเรยี น สามารถใช้ใน
การศึกษาหาความรเู้ พ่ิมเติมได้
4. นกั เรียนสามารถประเมนิ ตนเองได้โดยการตรวจกระดาษคาตอบจากเฉลย
5. ควรทาการศึกษาคาแนะนาในการใช้ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ก่อนใช้ทุกชดุ กจิ กรรม



คาแนะนาในการใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรสู้ าหรบั ครู

การจดั การเรียนรู้โดยใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ หนว่ ยของส่งิ มชี วี ิตและ
การดารงชีวติ สาหรบั นักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 โดยใช้การสอนแบบ สบื เสาะหาความรู้ 5E ชุดท่ี 6
เรอื่ ง การตอบสนองของพืชต่อสิ่งเรา้ ครูควรมีการเตรยี มความพรอ้ มและ ปฏบิ ัตติ ามคาแนะนาดงั ต่อไปน้ี

1. ครคู วรเตรียม วสั ดุ อปุ กรณ์ ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ดังน้ี
1.1 ครูเตรยี มชุดกิจกรรมใหค้ รบตามจานวนนักเรยี น
1.2 เตรียม วสั ดุ อุปกรณ์ ต่าง ๆ ตามทีร่ ะบุไว้ในชดุ กิจกรรม
1.3 แบ่งนักเรียนออกเปน็ กลุ่ม กลุม่ ละ 5 คน

2. ก่อนจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ครคู วรชี้แจงใหน้ ักเรยี นเข้าใจบทบาทของตนเองในระหวา่ ง
การดาเนนิ กิจกรรม

3. ครใู หค้ าแนะนา เป็นผชู้ ่วยเหลือ สง่ เสริม และสนบั สนนุ และเป็นผอู้ านวยความสะดวก
ในการดาเนินกจิ กรรม

4. ศกึ ษาและทาความเขา้ ใจการใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการสืบพันธข์ุ องพืช กล่มุ สาระ
การเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 (ประกอบการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้
หนว่ ยของสิ่งมีชีวิตและการดารงชีวติ สาหรบั นักเรียน ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 โดยใชก้ ารสอนแบบสบื
เสาะหาความรู้ 5Es ชุดที่ 6 เรอื่ ง การตอบสนองของพืชต่อส่งิ เรา้ การจัดการเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้ วธิ ีการ
วดั และประเมนิ ผลให้ชดั เจน สาหรบั เกณฑ์ การผ่านตัวช้ีวัด ในแตล่ ะแผนการจดั การเรียนรไู้ ม่ต่ากวา่
ร้อยละ 80



คาแนะนาในการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรียนรูส้ าหรับนักเรยี น

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ หน่วยของสิ่งมีชวี ิตและการดารงชวี ิต สาหรับนกั เรยี น
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 โดยใชก้ ารสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es ชดุ ท่ี 6 เรอ่ื ง การตอบสนองของพชื ตอ่ สง่ิ
เรา้ ท่นี กั เรยี นจะได้ศึกษาต่อไปนี้ เปน็ กจิ กรรมการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมให้นักเรยี นไดส้ ืบเสาะหาความรู้และ
สามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยเนน้ การใช้คาถาม และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้
นกั เรียนได้คิดและลงมอื ปฏิบัติตามข้ันตอนท่ีกาหนดไว้ใน ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามลาดบั ดังนี้

1. นักเรียนศกึ ษาจดุ ประสงค์การเรียนรแู้ ละขอบขา่ ยเนื้อหาสาระของชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
2. การเรียนดว้ ยชดุ กิจกรรมการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ จะต้องปฏิบัตติ ามขัน้ ตอนท่ีกาหนดให้ อย่าง
เคร่งครัดและมีความซื่อสตั ย์ต่อตนเอง
3. นกั เรยี นศกึ ษาวธิ กี ารใช้ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ถา้ นักเรยี นคนใดสงสัยหรอื มีปญั หาท่ีไม่เขา้ ใจ
สามารถขอคาแนะนาจากครูผู้สอนไดต้ ลอดเวลา
4. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี นเพอื่ วดั ความร้พู ้นื ฐาน จานวน 10 ข้อ และตรวจคาตอบ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
5. นกั เรยี นศกึ ษาและลงมือปฏบิ ัตกิ ิจกรรม นักเรยี นสามารถตรวจกระดาษคาตอบไดจ้ ากเฉลย
ในภาคผนวกของกิจกรรมและต้องมีความซ่ือสัตย์ในการทากิจกรรม
6. เม่อื ศึกษาครบทกุ กจิ กรรมนักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น จานวน 10 ข้อ เพื่อวัดความรู้
ความเข้าใจอีกคร้งั และตรวจคาตอบแบบทดสอบหลังเรยี น เพือ่ เปรยี บเทียบความก้าวหน้าทางการเรยี น
7. เวลาทใ่ี ช้ในการศึกษาชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ จานวน 3 ช่วั โมง



ขั้นตอนการใชช้ ดุ กิจกรรม
คาแนะนาในการใช้ชุดกจิ กรรม
แบบทดสอบยอ่ ยก่อนเรยี น

ลงมือปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ไม่ผา่ นเกณฑ์
แบบทดสอบยอ่ ยหลงั เรียน ประเมินผล
ศึกษาชุดกจิ กรรมชุดตอ่ ไป ผ่านเกณฑ์

1

แบบทดสอบก่อนเรยี น

ชดุ กจิ กรรมวิทยาศาสตร์ ชุดท่ี 6 การตอบสนองของพืชต่อสง่ิ เร้า

คาช้ีแจง 1. แบบทดสอบเปน็ แบบปรนัย เลอื กตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ

2. ให้นักเรียนเลือกคาตอบทีถ่ ูกต้องทสี่ ุดเพียงคาตอบเดยี ว ทาเครือ่ งหมายกากบาท (X)

ลงในกระดาษคาตอบ

1. ผีเสอ้ื ที่มีสีน้าตาลคลา้ ยเปลือกไมแ้ ห้งเปน็ การปรับตวั เพอ่ื อะไร

ก. หาอาหาร ข. หลบซอ่ นตวั

ค. หาคู่เพอื่ ผสมพันธ์ ง. ทาให้ร่างกายแข็งแร.

2. ขอ้ ใดเปน็ การปรบั ตัวเพ่ือพรางตาศตั รู ข. ผีเสอื้ มีงวงดูดนา้ หวาน
ก. กบจาศีลในหนา้ แลง้ ง. ผักบ้งุ มีปลอ้ งภายในมีอากาศ
ค. ตกั๊ แตนกงิ่ ไมเ้ กาะเปลอื กไม้

3. กล้วยไมม้ รี ากแตใ่ นธรรมชาติกล้วยไมม้ ักเกาะคบไมส้ งู ๆ เปน็ การปรับตัวเพื่ออะไร
ก. รบั นา้ ฝน ข. รบั แสงสวา่ ง ค. หลบแสงแดด ง. ป้องกนั ลมพัด

4. ภายในถา้ ท่ีมืดจะพบสง่ิ มีชวี ิตจาพวกใด

ก. มอส ข. เฟิรน์ ค. เหด็ รา ง. ตะไคร่

5. สนามหญา้ หน้าโรงเรยี นมีตน้ หกู วาง โคนตน้ ไม่มหี ญ้าข้ึนเลย เนอ่ื งจากสาเหตุใด

ก. ขาดนา้ ข. แสงสว่างไม่พอ

ค. อณุ หภูมิไม่เหมาะสม ง. ความช้นื ในอากาศไมเ่ หมาะสม

6. สัตวใ์ นรูปปรบั ตวั เขา้ กบั สง่ิ แวดลอ้ มเพ่ืออะไร

ก. หาอาหาร ข. พรางตาศตั รู
ค. จับคูผ่ สมพนั ธ์ุ ง. จาศลี ในฤดหู นาว

2

7. มะพรา้ วมีผลลอยน้าได้ นีเ่ ปน็ การปรบั ตวั กบั สิง่ แวดล้อมเพอื่ อะไร

ก. กันนา้ ทว่ ม ข. ขยายพนั ธุ์

ค. เพม่ิ อายผุ ลไม้ ง. ป้องกันแมลงรบกวน

8. ผกั ตบชวา ใบมลี ักษณะพองเปน็ กระเปาะในกระเปาะนี้มอี ะไร และเพื่ออะไร

ก. น้า ใหใ้ บสดชนื่ ข. อากาศ ทนุ่ พยงุ ตวั

ค. นา้ หวาน เก็บอาหาร ง. ผล เพ่อื การแพร่พนั ธ์ุ

9. ต้นตายใบเป็น เป็นต้นไม้ทข่ี ยายพนั ธ์ุโดยใชใ้ บ ใบจะงอกเปน็ ตน้ ใหม่ไดท้ รี่ มิ ขอบใบ นี่เปน็ การปรบั ตวั

เนอ่ื งจากอะไร

ก. ต้นไม้ชนิดน้ีมเี ซลล์พิเศษ ข. ต้นไม้ชนดิ นใ้ี ชใ้ บดักแมลง

ค. ต้นไมช้ นิดนไี้ ม่มเี มลด็ ทาพันธุ์ ง. ต้นไม้ชนดิ นีใ้ ชใ้ บสร้างอาหาร

10. ปัจจัยสาคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชได้แก่อะไรบ้าง
ก. นา้ ข. ดนิ ค. แรธ่ าตุ แสง ง. ถูกทกุ ข้อ

วัดความร้พู นื้ ฐานก่อนเรียนเรียบรอ้ ยแลว้ เพ่ือนๆไปเรยี นร้ดู ว้ ย
ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ ชุดท่ี 6 การตอบสนองของพืชตอ่ สง่ิ เรา้

พร้อมๆ กันเลยคะ่

3

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้

สาระที่ 1 : สง่ิ มชี ีวิตกับกระบวนการดารงชวี ติ
มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจหนว่ ยพนื้ ฐานของส่งิ มีชีวิต ความสัมพันธข์ องโครงสรา้ ง และหน้าที่

ของระบบตา่ ง ๆ ของสง่ิ มีชวี ติ ท่ที างานสัมพนั ธ์กัน มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ สอื่ สารส่งิ ทเ่ี รียนรู้
และนาความรู้ไปใช้ในการดารงชวี ิตของตนเองและดูแลสิง่ มีชวี ติ

สาระท่ี 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจติ วิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้

การแกป้ ัญหา รวู้ า่ ปรากฏการณท์ างธรรมชาตทิ ่เี กดิ ข้นึ ส่วนใหญม่ ีรูปแบบที่แนน่ อน สามารถอธิบายและ
ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเคร่ืองมือที่มีอยู่ในช่วงเวลาน้ัน ๆ เขา้ ใจว่าวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม
และสง่ิ แวดลอ้ มมคี วามเกย่ี วข้องสมั พันธก์ นั

ตวั ชว้ี ัด

มฐ.ว 1.1-4 ทดลองและอธบิ ายกระบวนการสารผ่านเซลล์โดยการแพรแ่ ละออสโมซิส
มฐ.ว 8.1 ม.1-3/1 ตงั้ คาถามที่กาหนดประเด็นหรือตวั แปรทส่ี าคัญในการสารวจตรวจสอบ หรอื
ศึกษาคน้ คว้าเร่ืองทีส่ นใจได้อย่างครอบคลมุ และเช่อื ถือได้
มฐ.ว 8.1 ม.1-3/2 สร้างสมมตฐิ านทส่ี ามารถตรวจสอบไดแ้ ละวางแผนการสารวจตรวจสอบ
หลายๆ วธิ ี
มฐ.ว 8.1 ม.1-3/3 เลอื กเทคนิควธิ ีการสารวจตรวจสอบท้งั เชิงปรมิ าณและเชงิ คุณภาพที่ไดผ้ ล
เท่ยี งตรงและปลอดภยั โดยใชว้ สั ดุและเครอื่ งมือทเี่ หมาะสม
มฐ.ว 8.1 ม.1-3/4 รวบรวมขอ้ มลู จดั กระทาข้อมลู เชิงปริมาณและคุณภาพ

4

มฐ.ว 8.1 ม.1-3/5 วิเคราะหแ์ ละประเมินความสอดคล้องของประจักษ์พยานกบั ข้อสรุป ทัง้ ที่
สนับสนนุ หรอื ขัดแยง้ กบั สมมตฐิ าน และความผดิ ปกตขิ องข้อมลู จากการสารวจตรวจสอบ

มฐ.ว 8.1 ม.1-3/6 สรา้ งแบบจาลอง หรอื รูปแบบ ท่ีอธบิ ายผลหรอื แสดงผลของการสารวจ
ตรวจสอบ

มฐ.ว 8.1 ม.1-3/7 สร้างคาถามท่ีนาไปสู่การสารวจตรวจสอบ ในเรื่องทเี่ ก่ยี วข้อง และนา
ความร้ทู ไ่ี ด้ไปใชใ้ นสถานการณ์ใหมห่ รืออธบิ ายเก่ียวกบั แนวคิด กระบวนการและผลของโครงงานหรอื
ชนิ้ งานใหผ้ ู้อนื่ เขา้ ใจ

มฐ.ว 8.1 ม.1-3/8 บันทึกและอธบิ ายผลการสังเกต การสารวจ ตรวจสอบ ค้นคว้าเพ่ิมเติมจาก
แหลง่ ความรู้ตา่ งๆ ให้ได้ข้อมูลทีเ่ ชื่อถอื ได้ และยอมรับการ เปลีย่ นแปลงความรู้ที่ค้นพบเมือ่ มีขอ้ มูลและ
ประจักษ์พยานใหม่เพิ่มข้นึ หรือโต้แย้งจากเดิม

มฐ.ว 8.1 ม.1-3/9 จัดแสดงผลงาน เขยี นรายงาน และ/หรืออธิบายเก่ียวกับแนวคิด
กระบวนการ และผลของโครงงานหรอื ช้นิ งานใหผ้ อู้ น่ื เข้าใจ

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. ด้านความรู้ (K)
1.1 อธิบายการปรับตวั ของส่งิ มชี วี ิต
1.2 อธิบายการตอบสนองของพืชต่อสง่ิ เร้าบางชนิด
1.3 ยกตวั อยา่ งพชื ทต่ี อบสนองต่อสิ่งเรา้ บางชนดิ

2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
1.1 นกั เรียนสามารถทดลองแยกลักษณะการตอบสนองของพืชได้

3. ด้านคุณลักษณะ (A)
3.1 นักเรยี นมีวินยั
3.2 นกั เรยี นมคี วามสนใจใฝ่เรียนรู้
3.3 นกั เรียนมคี วามมงุ่ มั่นในการทางาน

5

สาระสาคัญ

สิ่งมชี วี ิตในระบบนเิ วศหนง่ึ สามารถ ปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มทีเ่ ปล่ียนแปลงได้
การปรบั ตัวของสง่ิ มชี วี ิต หมายถงึ สภาพทีส่ ัตว์ พชื ปรบั ท้ังรปู ร่าง พฤติกรรม และสรรี ะภายในรา่ งกาย
หรอื อย่างใดอย่างหน่งึ ให้เข้ากับส่ิงแวดล้อมเพ่ือสามารถดารงชวี ิตอย่างเป็นปกติ

การปรบั ตัวของสงิ่ มีชวี ติ มี 2 ประเภท คือ การปรบั ตวั ชั่วคราวและการปรับตัวถาวร
การตอบสนองต่อสง่ิ เร้า (Irritability) เป็นสมบัติทส่ี าคญั อย่างหน่ึงของสิ่งมชี วี ติ ท่มี ีผลต่อการ
ดารงชีวิต ทาใหไ้ ดร้ ับอาหารหรือหลกี เล่ยี งจากสงิ่ ท่เี ปน็ อนั ตรายได้ เมอ่ื พืชถกู กระตุ้นด้วยสงิ่ เร้าต่างๆ เชน่
แสงสวา่ ง อุณหภูมิ นา้ การสัมผัส แรงโน้มถ่วงของโลก เป็นต้น จะทาใหส้ ว่ นตา่ งๆ ของพชื มีการ
ตอบสนองสงิ่ เร้าเหล่านี้ในลกั ษณะท่แี ตกตา่ งกนั

เพอ่ื นๆ พร้อมที่จะศกึ ษาใบความรู้
กันยงั คะ

6

ใบความรทู้ ี่ 1

การตอบสนองของพืชตอ่ สิ่งเร้า

ส่งิ มชี ีวติ ในระบบนิเวศหนึง่ สามารถ ปรับตัวเขา้ กบั สภาพแวดล้อมที่เปล่ียนแปลงได้
การปรบั ตัวของสิ่งมชี วี ติ หมายถึง สภาพท่ีสตั ว์ พืช ปรบั ทงั้ รปู รา่ ง พฤติกรรม และสรีระภายในร่างกาย
หรอื อย่างไดอย่างหนงึ่ ใหเ้ ข้ากับสง่ิ แวดลอ้ มเพ่อื สามารถดารงชวี ิตอย่างเป็นปกติสขุ

การปรับตวั ของสง่ิ มีชีวิตมี 2 ประเภท

1. การปรับตัวชั่วคราว เป็นการปรับตัวในเวลาสั้นๆ และเปล่ียนกลับไปกลับมาได้ ซ่ึงสามารถ
สังเกตเห็นได้งา่ ย ตวั อย่างเชน่

พืช สตั ว์
1. พชื เบนเข้าหาแสง 1. จ้งิ จกปรับตัวเขา้ กบั ผนังบา้ นหรือผนงั ตกึ
2. พชื มลี าตน้ สูงชะลูดเพื่อให้ได้แสง และอากาศเตม็ ที่ 2. กบ เขียด เกบ็ ตวั นิง่ เวลาขาดแคลนอาหาร
3. พชื มลี ักษณะเปน็ พุ่มเมื่ออยู่กลางแจง้

ภาพที่ 1 การเบนเข้าแสงของพชื ภาพที่ 2 จงิ้ จกปรับตัวเข้ากับผนังบา้ น
ที่มา : https://board.postjung.com/684754.html ที่มา : http://www.kanzuksa.com/

radio.asp?data=166

7

2. การปรับตัวถาวร เปน็ การปรับตัวท่ีมีการเปลี่ยนแปลงภายใน ท่ีสามารถถา่ ยทอดลักษณะที่
เปลี่ยนแปลง อาจเปน็ ลักษณะรูปรา่ ง โครงสร้างภายในไปยงั ร่นุ ลูกรนุ่ หลานได้ ใช้เวลานานและมองไมเ่ ห็น
เหมอื นกับการปรับตวั ช่ัวคราว ตัวอย่างเชน่

พชื สตั ว์

1. กระบองเพชรเปล่ียน เป็น หน ามเพ่ือลดกา ร 1. ตกั๊ แตน ปรบั ตวั และสีเหมือนใบไม้ และกิง่ ไม้

ระเหยของนา้ 2. ตวั ออ่ นของแมลงปรบั สกี ลมกลืนกบั ก่ิงไม้ ใบไม้

2. ผกั ตบชวามลี าต้นพองเพ่ือเปน็ ทนุ่ 3. งูเขยี ว กิ้งก่า ปรับสีกลมกลนื กับสภาพแวดลอ้ ม

3. ผกั กะเฉดมนี วมสขี าวหมุ้ ลาตน้ เพื่อใหล้ อยนา้ ได้ 4. สัตวป์ ีกมีปากชนดิ ต่างๆ เหมาะกบั การกนิ อาหาร

4. พชื ในท่ีแห้งแล้งบางชนิด มีรากยาวหยั่งลงดิน เช่น เหยยี่ วปากแหลมคม เปด็ ปากแบน

เพอื่ ดูดน้า 5.สัตว์เล้ียงลูกด้วยน ม มีขน หรือหนังหนา เพ่ือ

5. สาหรา่ ยหางกระรอกมีใบเรียวเล็ก ลาต้นเรียว ปอ้ งกนั ความร้อนออกจากรา่ งกาย

ยาว เพอื่ ลดแรงต้านทานของกระแสน้า 6. สัตวเ์ ลื้อยคลานมเี กล็ดเพอื่ ป้องกนั การระเหยของ

นา้ เมือ่ อยใู่ นทีแ่ หง้ แล้ง

ภาพท่ี 3 กระบองเพชรเปล่ยี นเปน็ หนาม
ท่ีมา : http://prwscactus.blogspot.com/

ภาพท่ี 4 ผักตบชวามลี าตน้ พองเพ่อื เปน็ ทนุ่
ที่มา : http://ewt.prd.go.th/ewt/region1/ewt_news.php?nid=48428&filename=index_region1

8

คาถามท้ายใบความรทู้ ่ี 1

คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ใหถ้ ูกต้อง

1. การปรบั ตัวของส่ิงมีชวี ิต มกี ่ีประเภท อะไรบา้ ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………… …………… ………… …………… ………… ………… …………… ………… ……
2. จงยกตวั อยา่ งการปรบั ตวั ชวั่ คราวของสตั ว์ มา 1 ชนดิ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………… …………… ………… …………… ………… ………… …………… ………… ……
3. การเบนเขา้ หาแสงของพืช เป็นการปรบั ตัวแบบใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. จงยกตวั อย่างการปรบั ตัวแบบถาวรของพชื มา 1 ชนดิ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. ต๊กั แตน ปรบั ตัวและสเี หมอื นใบไม้ และกิ่งไม้ เป็นการปรบั ตัวแบบใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

9

ใบความรู้ท่ี 2

การตอบสนองของพืชต่อส่ิงเรา้

การตอบสนองตอ่ ส่งิ เร้า (Irritability) เป็นสมบัตทิ ีส่ าคัญอย่างหนง่ึ ของส่ิงมีชวี ิตทม่ี ผี ลต่อการ
ดารงชวี ติ ทาให้ไดร้ บั อาหารหรอื หลกี เลยี่ งจากสงิ่ ท่ีเป็นอันตรายได้

เม่อื พืชถูกกระตนุ้ ดว้ ยสง่ิ เร้าตา่ งๆ เชน่ แสงสวา่ ง อณุ หภูมิ น้า การสมั ผัส แรงโน้มถ่วงของโลก
เป็นตน้ จะทาใหส้ ว่ นตา่ งๆของพชื มกี ารตอบสนองสิ่งเร้าเหลา่ น้ใี นลกั ษณะท่แี ตกตา่ งกนั การตอบสนองของ
พืชสงั เกตจากการทีพ่ ืชมกี ารเคลอื่ นไหว ซ่งึ แบง่ ออกได้ 2 ประเภท คอื 1. การตอบสนองต่อสิง่ เร้า
เน่อื งจากการเจรญิ เตบิ โต 2. การตอบสนองตอ่ สิง่ เรา้ เน่อื งจากการเปล่ียนแปลงปริมาณน้าภายในเซลล์

1. การตอบสนองตอ่ สง่ิ เรา้ เน่ืองจากการเจริญเตบิ โต

- การตอบสนองตอ่ สิ่งเร้าภายนอก (paratonic movement หรอื stimulus movement)
- การตอบสนองที่เกิดจากส่งิ เรา้ ภายใน (autonomic movement)

1. การตอบสนองของพืชที่มีความสัมพนั ธ์กบั ทิศทางของสง่ิ เรา้ โดยสว่ นของพืชจะโคง้ เขา้ หา
ส่งิ เรา้ หรือหนีจากสงิ่ เรา้ ทมี่ ากระตนุ้ ได้แก่

1.1 แสงเปน็ สิง่ เร้า ทาให้ปลายยอดของพชื เจริญเอนเข้าหาแสง สว่ นปลายรากของพืชจะ
เจริญในทศิ ทางหนแี สง การที่ปลายยอดของพชื โค้งเขา้ หาแสง เน่ืองจากแสงทาให้สารเคมชี นดิ หน่งึ หรอื
ฮอร์โมนพืชชนิดหนึง่ ในเนอื้ เยอ่ื กระจายไปดา้ นตรงกันข้ามกบั แสง มีผลทาใหเ้ ซลลด์ า้ นทต่ี รงข้ามกบั แสงยดื
ตวั ได้มากกว่าอีกด้านหน่งึ ลาต้นจึงเอนเขา้ หาแสง การทป่ี ลายรากของพืชเจรญิ ในทศิ ทางหนีแสง เนื่องจาก
ปลายรากตอ้ งการสารเคมีนอ้ ยกวา่ ปลายยอด ดงั นัน้ ดา้ นทอ่ี ย่ตู รงข้ามกับแสงจะมีสารเคมมี ากกวา่ ดา้ นที่
ได้รับแสง จงึ ถูกยับยัง้ การเจริญ ทาใหเ้ ซลล์ดา้ นท่ไี ด้รบั แสงยดื ตัวมากกว่าปลายรากจงึ โค้งหนีแสง

10

ภาพท่ี 5 การโค้งเขา้ หาแสงของส่วนปลายยอด
ท่มี า : http://www.kasetkawna.com/article/187/
1.2 แรงโนม้ ถว่ งของโลกเป็นสิ่งเรา้ ทาใหป้ ลายรากเจริญในทิศทางเขา้ หาแรงโน้มถว่ งของ
โลก สว่ นปลายยอดเจรญิ ในทศิ ทางหนีแรงโนม้ ถ่วงของโลก

ภาพท่ี 6 การโคง้ เข้าหาแสงของส่วนปลายราก
ทมี่ า : http://wanpen58.blogspot.com/2010/06/blog-post_11.html
1.3 สารเคมีเป็นสิง่ เร้า เชน่ การท่ีหลอดละอองเรณูเจริญเข้าออวลุ เน่ืองจากภายในออวลุ มี
สารละลายน้าตาลเปน็ ส่งิ เรา้

ภาพท่ี 7 หลอดละอองเรณเู จริญเขา้ ออวุล
ทมี่ า : https://rungnapa5655.wordpress.com/

11

1.4 นา้ หรอื ความชื้นเป็นสิง่ เร้า เชน่ การที่รากของพชื เจรญิ ในทิศทางเข้าหาน้าหรอื

ความช้ืน

ภาพท่ี 8 รากของพชื เจริญในทศิ ทางเขา้ หาน้า
ท่มี า : http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31385/043986

1.5 การสัมผสั เป็นส่ิงเรา้ เช่นการเจริญของมอื เกาะของตาลงึ ฟกั ทอง องุ่น ถ่ัว หรอื พชื
ตระกลู แตง โดยเมื่อสัมผัสกับหลกั หรอื ตน้ ไมอ้ ืน่ จะเจริญพันกบั หลักหรือตน้ ไม้ท่ีสมั ผัส

ภาพท่ี 9 การเจริญของมือเกาะของตาลึง
ท่มี า : http://plantsresponse.exteen.com/

12

2. การตอบสนองของพชื ทีไ่ ม่สัมพนั ธ์กับทิศทางของส่งิ เรา้ การตอบสนองแบบนเี้ กี่ยวกับการ
หุบและการบานของดอกไม้ ซง่ึ เกดิ จากการเจริญของกลุ่มเซลล์ดา้ นในและด้านนอกของกลีบดอกไม่
เท่ากนั โดยผลจากสิ่งเรา้ ต่อไปนี้

2.1 เมือ่ มแี สงเป็นสิง่ เร้า เชน่ ดอกบวั จะบานในเวลากลางวนั และหบุ ในเวลากลางคืน ดอก
กระบองเพชรจะบานในเวลากลางคืน และหุบในเวลากลางวนั

2.2 เม่อื มีอุณหภูมเิ ป็นสง่ิ เร้า เชน่ ดอกบวั สวรรคแ์ ละดอกทวิ ลปิ จะบานเม่อื อุณหภูมสิ งู
และจะหุบเมอ่ื อุณหภมู ติ า่ ลง

2. การตอบสนองต่อสิ่งเรา้ เน่ืองจากการเปลี่ยนแปลงปริมาณนา้ ภายในเซลล์

1. การหบุ ของใบจากการสะเทือน (contract movement)
การหบุ ใบของต้นไมยราบตรงบรเิ วณโคนกา้ นใบและโคนก้านใบยอ่ ยจะมกี ลุ่มเซลล์ชนิดหนง่ึ

(เซลลพ์ าเรงคิมา) เรียกว่า พัลไวนสั (pulvinus) ซึง่ เป็นเซลล์ทมี่ ีขนาดใหญแ่ ละผนงั เซลล์บาง มคี วามไวสงู
ตอ่ สิ่งเรา้ ทม่ี ากระต้นุ เช่น การสัมผสั เม่ือส่งิ เรา้ มาสมั ผัสหรอื กระตุ้นจะมผี ลทาใหแ้ รงดันเต่งของกล่มุ เซลล์
ดงั กล่าวเปล่ยี นแปลงอย่างรวดเร็วคือเซลลจ์ ะสูญเสียนา้ ใหก้ ับเซลลข์ า้ งเคียงทาใหใ้ บหุบลงทันทหี ลังจากน้นั
สกั ครู่น้าจะซมึ ผา่ นกลับเขา้ สเู่ ซลล์พลั ไวนัสอกี แรงดนั เตง่ ในเซลล์เพ่ิมข้นึ ทาใหแ้ รงดนั เต่งและใบกางออก

ภาพที่ 10 การหบุ ใบของตน้ ไมยราบ
ทีม่ า : https://sites.google.com/site/sinjai654/bth-thi-4-kar-txb-snxng-khxng-phuch

13

การหบุ ของใบพชื พวกทีม่ ีการเปลีย่ นแปลงรปู ร่างไปเพื่อจับแมลงไดแ้ ก่ ใบของต้น
หม้อข้าวหมอ้ แกงลิง ต้นสาหรา่ ยข้าวเหนยี ว ตน้ กาบหอยแครง ตน้ หยาดนา้ คา้ ง เปน็ ต้น พืชพวกน้ีถือได้วา่
เปน็ พชื กินแมลงจะมีการเปลยี่ นแปลงรปู รา่ งของใบเพือ่ ทาหน้าท่ีจบั แมลง ภายในใบจะมกี ลุม่ เซลล์หรือขน

เล็กๆ (hair) ทไ่ี วต่อส่ิงเร้าอยทู่ างด้านในของใบเม่ือแมลงบินมาถูกหรอื มาสัมผัสจะเกิดการสญู เสีย
นา้ ใบจะเคลือ่ นไหวหบุ ทันทีแล้วจึงปลอ่ ยเอนไซม์ออกมาย่อยโปรตนี ของแมลงให้เปน็ กรดอะมิโนจากนั้นจงึ
ดดู ซึมท่ผี วิ ดา้ นในนั่นเอง

ภาพท่ี 11 การหบุ ของตน้ กาบหอยแครง
ทมี่ า : https://sites.google.com/site/sinjai654/bth-thi-4-kar-txb-snxng-khxng-phuch

2. การหุบใบตอนพลบคา่ ของพืชตระกูลถวั่ (sleep movement)
เป็นการตอบสนองต่อการเปลย่ี นแปลงความเขม้ ของแสงของพืชตระกูลถ่ัว เช่น ใบกา้ มปู ใบ

มะขาม ใบไมยราบ ใบถว่ั ใบแค ใบกระถนิ ใบผักกระเฉด เปน็ ต้น โดยทีใ่ บจะหบุ กา้ นใบจะห้อยและลลู่ งใน
ตอนพลบค่า เนื่องจากแสงสวา่ งลดลง ซึง่ ชาวบา้ นเรยี กวา่ “ตน้ ไม้นอน” แตพ่ อรุ่งเช้าใบกจ็ ะกางตามเดมิ
การตอบ สนองเช่นนี้เกดิ จากการเปล่ยี นแปลง แรงดันเตง่ ของกลมุ่ เซลลพ์ ลั ไวนสั ท่ีโคนกา้ นใบโดยกลุ่ม
เซลล์พัลไวนสั น้เี ปน็ กลุม่ เซลลข์ นาดใหญ่และผนังเซลล์บาง มคี วามไวสูงต่อส่ิงเรา้ ทีม่ ากระตนุ้ เม่อื ไมม่ ีแสง
สว่างหรือแสงสวา่ งลดลงมีผลทาให้เซลลด์ ้านหน่งึ สูญเสยี นา้ ให้กับช่องวา่ งระหวา่ งเซลลท์ ี่อยู่เคยี งขา้ งทาให้
แรงดันเต่งลดลงใบจึงหุบลง ก้านใบจะห้อยและลู่ลง พอรุง่ เชา้ มีแสงสวา่ งน้าจะเคลอ่ื นกลบั มาทาใหแ้ รงดนั
เต่งเพ่มิ ข้นึ และเซลล์เต่งดนั ให้ทีล่ ู่นั้นกางออก

เป็นไงบ้างค่ะ เด็กๆ
ไมย่ ากเลยใชไ้ มคะ

14

3. การเปดิ ปิดของปากใบ (guard cell movement)
การเปดิ -ปดิ ของปากใบข้นึ อยู่กับความเตง่ ของเซลล์คุม (guard cell) ในตอนกลางวันเซลล์คุมมี

กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงเกิดขนึ้ ทาให้ภายในเซลลค์ ุมมีระดับนา้ ตาลสงู ขนึ้ น้าจากเซลลข์ า้ งเคียงจะ
ซมึ ผา่ นเขา้ เซลล์คมุ ทาใหเ้ ซลล์คมุ มแี รงดันเต่งเพ่ิมข้นึ ดันใหผ้ นังเซลล์คุมทแี่ นบชดิ ติดกันใหเ้ ผยออกจงึ ทาให้
ปากใบเปดิ แตเ่ มอื่ ระดบั นา้ ตาลลดลงเนื่องจากไมม่ ีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงนา้ กจ็ ะซึมออกจากเซลล์
คุมทาใหแ้ รงดนั เต่งในเซลลค์ ุมลดลงเซลล์จะเห่ยี วและปากใบก็จะปิด

การตอบสนองต่อสิง่ เร้าของพชื ด้วยการเคลื่อนไหวแบบต่างๆที่เกิดข้นึ จะมผี ลต่อประสิทธภิ าพใน
การดารงชวี ติ ของพชื สรปุ ไดด้ งั นี้

1. การหนั ยอดเข้าหาแสงสว่าง ชว่ ยใหพ้ ชื สังเคราะห์อาหารได้อยา่ งทวั่ ถงึ
2. การหนั รากเข้าสศู่ นู ยก์ ลางของโลก ชว่ ยให้รากอยูใ่ นดินซง่ึ เป็นแหล่งทพี่ ืชไดร้ ับนา้ และแรธ่ าตุ
3. การเจริญเขา้ หาสารเคมีของละอองเรณู ชว่ ยในการผสมพันธุ์ การขยายกลบี ชว่ ยในการกระจายหรือ
รับละอองเกสร
4. การเคลอ่ื นไหวแบบ nutation , spiral movement และ twining movement ชว่ ยให้พชื เกาะพัน
กบั สิง่ อืน่ ๆสามารถชูกงิ่ หรอื ยอด เพ่ือรับแสงแดด หรอื ชูดอกและผลเพอื่ การสบื พันธ์ุหรอื กระจายพนั ธุ์
5. การหุบของต้นกาบหอยแครงช่วยในการจับแมลงหรอื อาหาร การหุบของไมยราบชว่ ยในการหลบ
หลีกศัตรู

เพื่อนๆเรยี นร้เู รื่องการตอบสนองตอ่ ส่ิงเรา้ ของพืชดว้ ย
การเคลอื่ นไหวแบบตา่ งๆเรียบร้อยแล้ว
เพ่อื นๆ ไปตอบคาถามทา้ ยกจิ กรรมกันเลย

15

คาถามทา้ ยใบความรทู้ ่ี 2

คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนใ้ี ห้ถูกต้อง

1. Irritability หมายถงึ อะไร
……………………………………………………….………………………………………….……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. การท่หี ลอดละอองเรณเู จริญเข้าออวลุ เปน็ การตอบสนองตอ่ ส่งิ เร้าแบบใด
……………………………………………………….………………………………………….……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

3. การหบุ ของใบพืชพวกทมี่ ีการเปลยี่ นแปลงรูปรา่ งไปเพอื่ จับแมลงได้แก่พชื ชนดิ ใดบา้ ง
……………………………………………………….………………………………………….……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

4. การที่ชาวบ้านเรียกวา่ “ตน้ ไมน้ อน” นัน้ มีความหมายว่าอย่างไร
……………………………………………………….………………………………………….……………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

5. การตอบสนองต่อสง่ิ เรา้ ของพชื ด้วยการเคล่ือนไหวแบบตา่ งๆที่เกิดขนึ้ จะมีผลตอ่ ประสทิ ธภิ าพในการ
ดารงชีวิตของพชื อยา่ งไรบา้ ง
……………………………………………………….………………………………………….…………………………………………………

……………………………………………………………… …………… ………… …………… ………… ………… …………… …………
……………………………………………………….………………………………………….…………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

16

แบบทดสอบหลังเรียน

การตอบสนองของพชื ต่อส่งิ เรา้

คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนเลอื กคาตอบข้อทถ่ี ูกทส่ี ุดและทาเครือ่ งหมาย  ลงในกระดาษคาตอบ

1. ผเี สื้อทีม่ สี ีน้าตาลคลา้ ยเปลือกไม้แหง้ เปน็ การปรับตัวเพ่ืออะไร

ก. หาอาหาร ข. หลบซ่อนตวั

ค. หาคเู่ พือ่ ผสมพนั ธ์ ง. ทาใหร้ า่ งกายแขง็ แรง

2. ขอ้ ใดเปน็ การปรบั ตวั เพ่อื พรางตาศตั รู ข. ผเี ส้อื มงี วงดดู น้าหวาน
ก. กบจาศลี ในหนา้ แลง้ ง. ผักบุ้งมปี ลอ้ งภายในมอี ากาศ
ค. ตั๊กแตนก่งิ ไม้เกาะเปลอื กไม้

3. กล้วยไมม้ ีรากแต่ในธรรมชาติกลว้ ยไมม้ ักเกาะคบไม้สงู ๆ เป็นการปรบั ตวั เพื่ออะไร

ก. รบั นา้ ฝน ข. รับแสงสว่าง ค. หลบแสงแดด ง. ป้องกันลมพัด

4. ภายในถา้ ท่ีมดื จะพบสิ่งมีชีวิตจาพวกใด

ก. มอส ข. เฟริ น์ ค. เห็ดรา ง. ตะไคร่

5. สนามหญ้าหนา้ โรงเรยี นมตี ้นหกู วาง โคนต้นไม่มีหญา้ ขึน้ เลย เนื่องจากสาเหตุใด

ก. ขาดน้า ข. แสงสว่างไมพ่ อ

ค. อุณหภูมิไมเ่ หมาะสม ง. ความช้ืนในอากาศไมเ่ หมาะสม

6. สตั ว์ในรูปปรบั ตัวเข้ากบั สง่ิ แวดลอ้ มเพอื่ อะไร
ก. หาอาหาร
ข. พรางตาศตั รู
ค. จบั ค่ผู สมพนั ธ์ุ
ง. จาศีลในฤดหู นาว

17

7. มะพร้าวมผี ลลอยนา้ ได้ นี่เปน็ การปรับตวั กบั สิ่งแวดลอ้ มเพอื่ อะไร

ก. กันนา้ ท่วม ข. ขยายพันธ์ุ

ค. เพิ่มอายผุ ลไม้ ง. ป้องกันแมลงรบกวน

8. ผกั ตบชวา ใบมีลักษณะพองเปน็ กระเปาะในกระเปาะนี้มีอะไร และเพอ่ื อะไร

ก. นา้ ใหใ้ บสดชน่ื ข. อากาศ ทนุ่ พยุงตัว

ค. นา้ หวาน เก็บอาหาร ง. ผล เพื่อการแพร่พันธุ์

9. ตน้ ตายใบเป็น เป็นต้นไมท้ ขี่ ยายพันธ์โุ ดยใช้ใบ ใบจะงอกเป็นต้นใหมไ่ ด้ที่ริมขอบใบ นี่เปน็ การปรบั ตัว

เนอื่ งจากอะไร

ก. ต้นไมช้ นดิ นม้ี ีเซลล์พเิ ศษ ข. ตน้ ไมช้ นิดน้ีใชใ้ บดกั แมลง

ค. ตน้ ไมช้ นิดนี้ไม่มีเมล็ดทาพนั ธุ์ ง. ต้นไมช้ นดิ นใี้ ชใ้ บสร้างอาหาร

10. ปัจจยั สาคัญต่อการเจรญิ เตบิ โตของพชื ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง ง. ถูกทกุ ขอ้
ก. นา้ ข. ดนิ ค. แร่ธาตุ แสง

เป็นไงบ้างคะ เด็กๆ
ไม่ยากเลยใชไ้ มคะ

18

บรรณานกุ รม

กอบนวล จิตตนิ ันทน์. (ม.ป.ป). ค่มู ือเตรยี มสอบวชิ าวิทยาศาสตร์ ม.1. กรงุ เทพฯ :
บรษิ ทั ภูมิบณั ฑิต จากัด.

นภาภรณ์ ธญั ญา. (ม.ป.ป). เสรมิ ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ ม.1. กรงุ เทพฯ :
หจก. พ.ี เอ็น. เค. การพิมพ์.

บญั ชา แสนทว.ี (2546). หนงั สอื เรยี นสาระการเรียนรู้พนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษา
ปที ี่ 1 เล่ม 1. กรงุ เทพฯ : สานักพิมพ์วัฒนาพานิช.

บัญชา แสนทวีและคณะ. (ม.ป.ป). วทิ ยาศาสตร์ ม.1. กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพว์ ัฒนาพานิช.
บญุ รอด สวัสดพิ์ านิชและวราพร ยสี่ นุ่ เทส. (ม.ป.ป). สรุปเขม้ วทิ ยาศาสตร์ ม. 1. กรงุ เทพฯ : บริษทั บอ

สส์การพมิ พ์ จากดั .
ประดับ นาคแก้ว และดาวลั ย์ เสริมบญุ สขุ . (ม.ป.ป). หนังสือเรยี นวชิ าวิทยาศาสตร์

ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1. กรุงเทพฯ : สานักพมิ พแ์ ม็ค.
ประดบั นาคแกว้ วชั วัลย์ ครฑุ ไชยนั ต์ และดาลัลย์ เสรมิ บุญสขุ . (ม.ป.ป). หนังสือมาตรฐานแม็ค สาระ

การเรยี นรู้พน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ช่วงชน้ั ท่ี 3 เล่มท่ี 3 ชัน้ มัธยมศกึ ษา ปที ่ี 1. กรุงเทพฯ :
สานกั พมิ พ์แม็ค.
ฝ่ายวชิ าการสานกั พิมพ์ภูมบิ ัณฑิต. (ม.ป.ป). คู่มอื – เตรยี มสอบวิทยาศาสตร์ ม.1. กรุงเทพฯ : บริษัทภูมิ
บณั ฑติ การพมิ พ์ จากัด.
พมิ พนั ธ์ เดชะคปุ ตแ์ ละคณะ. (2550). วิทยาศาสตร์ ม. 1. กรุงเทพฯ : พฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.).
------. (ม.ป.ป). หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1. กรงุ เทพฯ : พฒั นา
คุณภาพวิชาการ (พว.).

19

ภาคผนวก

การตอบสนองของพชื ต่อส่ิงเรา้

20
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
การตอบสนองของพชื ต่อส่ิงเรา้

คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบขอ้ ที่ถกู ที่สุดและทาเครื่องหมาย  ลงในกระดาษคาตอบ

1. ก.

10. ง. 2. ค.

9. ค. เฉลยแบบทดสอบกอ่ น 3. ข.
ชดุ ที่
เรยี น

6 การตอบสนองของ
พชื ตอ่ สงิ่ เรา้
8. ข. 4. ค.

7. ข. 5. ข.

6. ข.

21

เฉลยคาถามทา้ ยใบความรู้ท่ี 1

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนใี้ ห้ถูกต้อง

1. การปรบั ตวั ของสง่ิ มชี ีวติ มกี ีป่ ระเภท อะไรบ้าง
มี 2 ประเภท คือ 1.การปรบั ตัวชัว่ คราว 2.การปรับตัวถาวร

2. จงยกตวั อย่างการปรับตวั ช่ัวคราวของสัตว์ มา 1 ชนิด
จง้ิ จกปรับตวั เขา้ กบั ผนงั บ้านหรอื ผนงั ตึก

3. การเบนเขา้ หาแสงของพชื เป็นการปรับตวั แบบใด
การปรบั ตวั ชวั่ คราว

4. จงยกตวั อยา่ งการปรับตวั แบบถาวรของพชื มา 1 ชนิด
กระบองเพชรเปลยี่ นเปน็ หนามเพ่ือลดการระเหยของน้า

5. ต๊กั แตน ปรับตัวและสเี หมือนใบไม้ และก่งิ ไม้ เปน็ การปรับตัวแบบใด
การปรับตวั แบบถาวร

22

เฉลยคาถามทา้ ยใบความร้ทู ่ี 2

คาชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปนีใ้ ห้ถูกต้อง

1. Irritability หมายถงึ อะไร
การตอบสนองตอ่ สง่ิ เรา้

2. การทห่ี ลอดละอองเรณูเจริญเขา้ ออวลุ เปน็ การตอบสนองตอ่ สง่ิ เร้าแบบใด
สารเคมเี ป็นส่ิงเร้า

3. การหุบของใบพชื พวกที่มกี ารเปลีย่ นแปลงรูปรา่ งไปเพ่ือจับแมลงไดแ้ ก่พืชชนดิ ใดบ้าง
ใบของตน้ หม้อข้าวหมอ้ แกงลงิ ต้นสาหร่ายข้าวเหนยี ว ต้นกาบหอยแครง ต้นหยาดน้าคา้ ง

4. การท่ีชาวบ้านเรยี กวา่ “ตน้ ไม้นอน” น้ัน มีความหมายวา่ อย่างไร
ก้านใบจะหอ้ ยและลูล่ งในตอนพลบคา่ เน่อื งจากแสงสวา่ งลดลง แตพ่ อรงุ่ เชา้ ใบกจ็ ะกางตามเดิม

23

5. การตอบสนองตอ่ ส่งิ เรา้ ของพืชดว้ ยการเคลอ่ื นไหวแบบต่างๆทเี่ กิดขึน้ จะมีผลตอ่ ประสิทธิภาพในการ
ดารงชวี ิตของพืชอยา่ งไรบา้ ง

1. การหันยอดเขา้ หาแสงสว่าง ช่วยใหพ้ ชื สงั เคราะหอ์ าหารได้อยา่ งท่วั ถงึ
2. การหนั รากเข้าสู่ศนู ย์กลางของโลก ช่วยให้รากอยใู่ นดนิ ซึ่งเปน็ แหล่งทพี่ ืชไดร้ ับน้าและแร่ธาตุ
3. การเจริญเขา้ หาสารเคมขี องละอองเรณู ชว่ ยในการผสมพันธ์ุ การขยายกลีบช่วยในการกระจาย
หรือรบั ละอองเกสร
4. การเคลอื่ นไหวแบบ nutation , spiral movement และ twining movement ชว่ ยให้พชื เกาะ
พันกบั ส่งิ อื่นๆสามารถชกู ่ิงหรือยอด เพอ่ื รบั แสงแดด หรอื ชูดอกและผลเพื่อการสืบพนั ธุ์หรอื กระจายพนั ธุ์
5. การหบุ ของต้นกาบหอยแครงช่วยในการจับแมลงหรืออาหาร การหบุ ของไมยราบชว่ ยในการหลบ
หลีกศัตรู

24

กระดำษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน

กอ่ นเรยี น ง หลงั เรยี น ง
ขอ้ ก ข ค ข้อ ก ข ค
1 1
2 2
3 3
4 4
5 5
6 6
7 7
8 8
9 9
10 10

คะแนนเตม็ ทำได้ คะแนนเตม็ ทำได้

10 คะแนน ………………. 10 คะแนน ……………….

25

แบบบนั ทกึ คะแนนรำยบคุ คล

แบบทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนทไ่ี ด้ แบบทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด้
กอ่ นเรียน 10 ก่อนเรยี น 10

แบบฝึกทักษะที่ คะแนนเตม็ คะแนนทไี่ ด้ ผ่ำนเกณฑ์ 80% ข้ึนไป
1
2
3
4

พรอ้ มท้งั ประเมินกำรผ่ำนเกณฑ์ 80%
ด้วยนะคะ โดยทำเครื่องหมำย / ลงใน

ชอ่ งทีก่ ำหนดให้

นักเรยี นบนั ทึกคะแนนกำร
ทำแบบทดสอบ

และแบบฝึกทกั ษะลงใน
ชอ่ ง “คะแนนทไ่ี ด้”

26

ประวัตผิ เู้ รยี บเรยี ง

ชอื่ – สกลุ นางรอมีบ๊ะ มิง

วนั /เดอื น/ปเี กิด 19 กรกฎาคม 2520

ที่อยู่ปัจจุบนั 13 หมู่ 3 ตาบลมายอ อาเภอมายอ จงั หวดั ปัตตานี 94140

ทีท่ ำงำนปัจจุบัน โรงเรียนบา้ นตะบิงตีงี ตาบลลุโบะยิไร อาเภอมายอ จงั หวัดปตั ตานี

สังกดั กองการศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ปัตตานี

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถนิ่ กระทรวงมหาดไทย

ตำแหนง่ ปจั จุบัน ครูวทิ ยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ

ประวัตกิ ำรศกึ ษำ

พุทธศกั ราช 2541 สาเรจ็ การศกึ ษาระดบั ประกาศนียบตั รมธั ยมศึกษาตอนปลาย

โรงเรยี นศริ ิราษฏรส์ ามคั คี ตาบลถนน อาเภอมายอ จังหวดั ปัตตานี

พุทธศักราช 2545 สาเรจ็ การศกึ ษาระดบั ครศุ าสตรบัณฑิต (ค.บ.) สาขาการศึกษา

วิชาเอกวิทยาศาสตรท์ ั่วไป สถาบนั ราชภัฏยะลา อาเภอเมือง จังหวัดยะลา

พุทธศกั ราช 2560 สาเร็จการศกึ ษาระดบั ศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการศึกษา

วิชาเอกการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลยั ปทมุ ธานี

ประวตั กิ ำรทำงำน

พทุ ธศกั ราช 2550 – ปัจจบุ นั โรงเรียนบา้ นตะบิงตีงี ตาบลลโุ บะยิไร อาเภอมายอ จงั หวัดปตั ตานี




Click to View FlipBook Version