การจดั ทำบัญชีของร้านซปุ ตาร์ปาเต้ โดยประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรม Microsoft Excel
Making account for a superstar pate restaurant by applying Microsoft Excel
Program
นางสาวกนกวรรณ กันทะคำ
นางสาวธัญชนิต ไชยวงศ์
โครงงานเล่มนเ้ี ป็นสว่ นของการศึกษาตามหลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชพี ช้นั สูง
ประเภทวชิ าบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการบัญชี
วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาเชียงใหม่
ปกี ารศกึ ษา 2564
การจัดทำบัญชีของร้านซปุ ตารป์ าเต้ โดยประยุกต์ใช้โปรแกรม Microsoft Excel
Making account for a superstar pate restaurant by applying Microsoft Excel
Program
นางสาวกนกวรรณ กันทะคำ
นางสาวธัญชนติ ไชยวงศ์
ครูทีป่ รึกษาโครงงาน / ครูประจำวชิ าโครงงาน
นางภทั รานิษฐ์ พัชรศิ วโรจน์
โครงงานเล่มนีเ้ ปน็ ส่วนของการศึกษาตามหลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี ช้นั สงู
ประเภทวิชาบรหิ ารธรุ กจิ สาขาวิชาการบญั ชี
วิทยาลยั อาชวี ศึกษาเชียงใหม่
ปีการศึกษา 2564
ก
ใบรบั รอง
วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาเชยี งใหม่
เรอื่ ง การจัดทำบญั ชีของรา้ นซปุ ตาร์ปาเตโ้ ดยประยุกต์ใชโ้ ปรแกรม Microsoft excel
จดั ทาโดย
นางสาวกนกวรรณ กนั ทะคา รหสั 63302010101
นางสาวธัญชนติ ไชยวงศ์ รหสั 6332010108
ไดร้ บั การรบั รองใหน้ บั เป็นสว่ นหนงึ่ ของการศกึ ษาตามหลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี สาขาวิชาการบญั ชี
ประเภทวชิ าบรหิ ารธรุ กจิ
....................................หวั หนา้ แผนกวชิ า ................................................รองผอู้ านวยการฝ่ายวชิ าการ
(นางจนั ทรา เทพาคา) (นางจนั ทมิ า สตั ยาภรณ)์
วนั ท่.ี ........เดือน..................พ.ศ.............. วนั ท.่ี ........เดือน..................พ.ศ............
คณะกรรมการสอบโครงงาน
................................................................ประธานกรรมการ
(นางจนั ทรา เทพาคา)
.................................................................กรรมการ
(นางสาวอริชาภสั ร์ อินต๊ะจกั ร)
.................................................................กรรมการและเลขานกุ าร
(นางภทั รานิษฐ์ พชั รศิ วโรจน)์
ข
กติ ตกิ รรมประกาศ
โครงงานเร่อื งการจดั ทำบัญชคี รวั เรือนของร้านซปุ ตาร์ปาเต้ โดยประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรม Microsoft Excel
มีวตั ถุประสงค์เพื่อศกึ ษาและวางแผนการทําบัญชีรายรับ-รายจ่ายของร้านซุปตารป์ าเตโ้ ดยประยกุ ต์ใช้
โปรแกรม Microsoft excel และเพ่อื ลดข้ันตอนในการทำบัญชีและประหยัดเวลาในการปฏิบตั งิ านและ
ตรวจสอบความถูกต้องได้อยา่ งรวดเร็ว ผจู้ ัดทำโครงงานขอขอบคณุ ผู้ให้ความอนเุ คราะหใ์ นด้านตา่ งๆ
ดังต่อไปนี้
ขอขอบพระคณุ อาจารยภ์ ทั รานิษฐ์ พชั รศิ วโรจน์ ครูท่ปี รกึ ษาโครงงาน สำหรบั การให้คำปรึกษาเกีย่ วกบั
โครงงานเรอื่ งการจัดทำบญั ชีครวั เรือนของรา้ นซุปตาร์ปาเต้ โดยประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมMicrosoft Excel
สำหรบั การให้คำแนะนำในการจัดทำโครงงาน รวมท้ังแก้ไขข้อผิดพลาดในส่วนต่างๆ ช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน
และกรณุ าตรวจสอบเอกสารเปน็ อย่างดจี นเป็นรปู เล่มสมบรู ณ์
ผู้ศกึ ษาขอขอบคุณ บิดา มารดา ท่ีให้ความรกั และความเอาใจใส่เป็นอย่างดี เป็นกำลังใจทำให้การศึกษา
ครั้งนเ้ี สรจ็ สมบูรณ์ด้วยดี คุณคา่ และประโยชนจ์ ากโครงงานการจดั ทำบญั ชคี รวั เรอื นของรา้ นซุปตารป์ าเต้ โดย
ประยกุ ต์ใช้โปรแกรม Microsoft Excel ผู้ศกึ ษาขอขอบคณุ คุณปารดิ า สิทธพิ ร ผูเ้ ป็นเจ้าของร้าน ตลอดจน
บูรพาจารย์และผู้มีพระคณุ ในการอบรมสงั่ สอน ประสิทธ์ปิ ระสานวชิ า ซึ่งผู้ศึกษาจะไดน้ ำไปพฒั นาการทำงาน
ให้ดยี ง่ิ ข้ึนเพ่อื ประโยชนต์ ่อตนเอง สังคม และประเทศชาติตอ่ ไป
กนกวรรณ กนั ทะคำ
ธญั ชนิต ไชยวงศ์
ค
ช่ือ นางสาวกนกวรรณ กนั ทะคำ นางสาวธัญชนติ ไชยวงศ์
ชอ่ื โครงงาน โครงงานเรอื่ งการจดั ทำบัญชีครัวเรอื นของรา้ นซุปตาร์ปาเต้ โดย
ประยุกต์ใช้ โปรแกรมMicrosoft Excel
สาขาวชิ า การบญั ชี
ประเภทวิชา บริหารธุรกิจ
อาจารยป์ ระจำวชิ าโครงงาน อาจารย์ภัทรานษิ ฐ์ หม่นื เรอื คำ
อาจารยท์ ีป่ รกึ ษาวิชาโครงงาน อาจารย์ภัทรานษิ ฐ์ หม่ืนเรอื คำ
ปีการศกึ ษา 2564
บทคัดยอ่
โครงงานเรอ่ื งการจัดทาํ บญั ชีครวั เรือนของรา้ นซุปตารป์ าเต้โดยประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมMicrosoft Exceมี
วตั ถุประสงค์เพื่อศกึ ษาและวางแผนการทำบญั ชีรายรบั -รายจ่ายของร้านซปุ ตาร์ปาเต้โดยประยุกต์ใชโ้ ปรแกรม
Microsoft excel และเพอื่ ลดขน้ั ตอนในการทาํ บัญชีและประหยดั เวลาในการ ปฏบิ ัตงิ านและตรวจสอบความ
ถูกตอ้ งไดอ้ ย่างรวดเรว็ ในระยะเวลา 2 เดอื น ต้ังแตว่ นั ที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ถึง 31 มกราคม 2565
ผลการดำเนินงานโครงงานเปน็ ดงั นคี้ ือการลงรายการสมุดรับเงนิ จา่ ยเงนิ ตงั้ แต่วนั ท่ี 30 ธันวาคม 2564
ถงึ 31 มกราคม 2565 รายรับในเดอื น พฤศจกิ ายน รวมทงั้ สิ้น 55,065 บาท ค่าใช้จ่ายรวมทง้ั สน้ิ 32,530 บาท
กำไร(ขาดทุน) ทงั้ สน้ิ 22,571 บาท รายรบั เดือนมกราคม รวมทงั้ สน้ิ 58,250 บาท ค่าใช้จา่ ยทง้ั ส้ิน 34,325 บาท
และกำไร(ขาดทนุ ) ทั้งสนิ้ 23,925 บาท
สารบญั ง
เรือ่ ง หน้า
ใบรับรอง ก
กติ ติกรรมประกาศ ข
บทคดั ยอ่ ค
สารบัญ ง
สารบัญภาพ ฉ
บทท่ี 1 บทนำ
1
1.1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของโครงงาน 2
1.2 วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน 2
1.3 ขอบเขตของโครงงาน 3
1.4 ประโยชนท์ ีค่ าดวา่ จะไดร้ ับ
บทท่ี 2 แนวคิดทฤษฎแี ละงานวจิ ัยที่เก่ยี วข้อง 4
2.1 ความรูเ้ ก่ียวกบั โครงงาน 5
2.2 ความรเู้ กย่ี วกบั ปาเต้ (เบอรเ์ กอร์เวียดนาม) 10
2.3 ทฤษฎที ี่เกยี่ วขอ้ ง 26
2.4 งานวิจัยท่ีเกย่ี วข้อง
บทท่ี 3 วธิ ีดำเนินการศกึ ษา 29
3.1 รูปแบบของโครงงาน 29
3.2 ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 29
3.3 ขั้นตอนการดำเนนิ การ 32
3.4 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 33
3.5 การวเิ คราะห์และสรุปผล
บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงาน 35
4.1 ผลการดำเนินงานโคงงาน 43
4.2 อภิปรายผลการดำเนินงาน
บทที่ 5 สรปุ ผลการดำเนินงานโครงงานและข้อเสนอแนะ 44
5.1 สรปุ ผลการดำเนนิ งานโครงงาน 46
5.2 ข้อเสนอแนะ 47
บรรณานกุ รม
จ
สารบญั (ต่อ) หน้า
เร่อื ง
ภาคผนวก 48
54
ภาคผนวก ก เคา้ โครงรา่ งโครงงาน 63
ภาคผนวก ข แบบสอบถาม 68
ภาคผนวก ค แบบเสนออนมุ ตั ิโครงงาน 71
ภาคผนวก ง คณะกรรมการอนุมตั โิ ครงงานและคณะกรรมการประเมนิ โครงงาน 82
ภาคผนวก จ แบบสอบถามประเมนิ ความพงึ พอใจในการเยย่ี มชมการนำเสนอโครงงาน 84
ภาคผนวก ฉ นำเสนอโครงาน 87
ประวตั ิผูจ้ ัดทำ
QR CODE รปู เลม่
ฉ
สารบญั ภาพ
ภาพที่ หน้า
ภาพที่ 2.1 ปาเต้ 10
ภาพที่ 2.2 ปาเต้ 10
ภาพท่ี 2.3 แผนผงั การทำงานของระบบบัญชี 19
ภาพที่ 2.4 worksheet ผังบญั ชีและกระดาษทำการ 21
ภาพท่ี 2.5 การเรยี กใชง้ านโปรแกรม Microsoft Excel 24
ภาพที่ 2.6 ช่ือส่วนประกอบโปรแกรม Microsoft Excel 25
ภาพที่ 2.7 ชือ่ ส่วนประกอบตา่ งๆของ work sheet 26
ภาพที่ 4.1 สมุดรบั เงิน-จ่ายเงินเดือนธันวาคม 2564 35
ภาพที่ 4.2 สมุดรบั เงิน-จา่ ยเงนิ เดอื นมกราคม 2565 36
ภาพที่ 4.3 แผนภูมิแสดงการจำแนกเพศของผู้ตอบแบบสอบถาม 37
ภาพที่ 4.4 แผนภูมแิ สดงการจำแนกอายุของผตู้ อบแบบสอบถาม 38
ภาพท่ี 4.5 แผนภูมิแสดงการจำแนกระดับการศกึ ษาของผู้ตอบแบบสอบถาม 39
ภาพท่ี 4.6 แผนภูมิแสดงผลประเมินความพึ่งพอใจเกี่ยวกบั ดา้ นการเงินของกจิ การ 40
ภาพที่ 4.7 แผนภมู แิ สดงผลประเมนิ ความพึง่ พอใจเกีย่ วกบั ด้านการลูกค้าของกจิ การ 41
ภาพท่ี 4.8 แผนภูมแิ สดงผลประเมนิ ความพึง่ พอใจเกยี่ วกับดา้ นความสามารถพิสูจนย์ ืนยนั ไดข้ องกจิ การ 42
ภาพท่ี 4.9 แผนภูมแิ สดงผลประเมนิ ความพ่ึงพอใจเกี่ยวกับด้านความสามารถเขา้ ใจได้ 43
1
บทท่ี 1
บทนำ
1.1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของโครงงาน
ในปัจจบุ นั สภาวะทางสังคมเต็มไปด้วยกระแสวตั ถุนยิ มและความฟมุ่ เฟือย ฟุ้งเฟ้อ จนทำใหค้ นไทยเดนิ
หลงทางผดิ ไปตามกระแสนยิ มกลายเป็นปัญหาโดยเฉพาะปญั หาหนสี้ ินท่ไี ม่มวี ันจบส้ิน แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามคนไทย
ยงั มที างออกซ่งึ การทดี่ ำรงชวี ติ อยรู่ อดภายใต้สงั คมในปจั จบุ นั แนวทางหนงึ่ ทป่ี ระชาชนไทยควรยึดถอื คอื การ
พ่ึงตนเองรจู้ กั ความพอประมาณและไม่ประมาทตามแนว ปรชั ญา “เศรษฐกิจพอเพยี ง” ของพระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อย่หู ัวท่ีทรงมองเห็นถึงความสำคญั การ เป็นอย่ขู องประชากร เดนิ ตามหลกั สายกลาง และเตือนสติ
ประชากรไมใ่ ห้ประมาทโดยเฉพาะการใช้ จา่ ยเงนิ อนั เป็นปจั จัยสำคญั ในการดำเนนิ ชวี ิต
จากการศึกษาในสาขาวชิ าชีพการบญั ชี ไดศ้ กึ ษาคน้ คว้าการเรียนร้เู กย่ี วกบั การทำบัญชโี ดยประยกุ ตใ์ ช้
โปรแกรมMicrosoft excel และได้จดั ให้มีการสอนวชิ าโครงการ จึงไดจ้ ดั ทำโครงการเรอ่ื งการทำบัญชี “รา้ น
ซุปตารป์ าเต้” โดยประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมMicrosoft excel ข้นึ มาซ่งึ เปน็ การเรยี นรูห้ รือเป็นฝกึ การทำบัญชี
สำหรบั คนท่ีมีตอ้ งการทำบัญชี และมีเงินเกบ็ ออมไว้ใช้ในอนาคตหรือใชใ้ นยามฉกุ เฉนิ อีกทงั้ ยงั สามารถนำไปใช้
อธบิ ายการทำบญั ชีหรอื แนะนำให้กบั พอ่ ค้า แม่คา้ หรือบุคคลทมี่ ีธุรกจิ สว่ นตวั ที่กิจการไมใ่ หญม่ าก ใหไ้ ดท้ ราบ
ถึงการใชจ้ ่ายในกจิ การ รายรับ – รายจ่าย โดยใชโ้ ปรแกรมMicrosoft excel วา่ ในแตล่ ะวันใชค้ า่ ใช้จา่ ยกบั
อะไรไปบ้าง แตล่ ะวนั ใชง้ บประมาณจำนวนเทา่ ไหร่ และในแต่ละวนั มเี งินคงเหลือหรอื เงินท่จี ะเอาไวเ้ กบ็ ออม
เป็นจำนวนเท่าไหร่ แต่เราก็ควรคำนงึ การใชช้ วี ติ ความเป็นอยู่ โดยรจู้ กั ความ พอประมาณ ยึดหลกั การ
พึง่ ตนเอง พอเพียงและไม่ประมาทกบั การใช้เงินกบั คา่ ใชจ้ า่ ยต่างๆ การทำบัญชี คือ การจดบนั ทกึ ข้อมูล
เกีย่ วกบั เง่ือนไข ปจั จยั ในการดำรงชวี ติ ของตวั เองและภายในครอบครวั ชุมชน รวมถึงประเทศ ข้อมูลท่ีได้จาก
การบนั ทึกจะเป็นตัวบง่ ชอี้ ดีต ปัจจุบัน และอนาคตของชวี ติ ตัวเองและเปน็ ประโยชน์ตอ่ การวางแผนชีวติ และ
กิจกรรมต่างๆในชวี ิต ในครอบครวั เนือ่ งด้วยการทำบญั ชีในยุคเรม่ิ แรกเปน็ งานทม่ี คี วามยุ่งยากซับซอ้ น
ค่อนข้างมาก เนอื่ งจากแต่เดิมเปน็ การจัดทำดว้ ยระบบมอื ซ่งึ มกี ระบวนการทำบญั ชที ี่คอ่ นขา้ งซำ้ ซอ้ น โดย
เรมิ่ ต้นจากการเก็บรวบรวมเอกสารตา่ งๆ เพ่อื ใช้ประกอบการลงบญั ชนี ำเอกสารมาวิเคราะหแ์ ละบันทกึ
รายการในสมุดรายวัน ผา่ นรายการจากสมุดรายวันไปยงั บัญชีแยกประเภทเก็บยอดจากบญั ชแี ยกประเภทเพอ่ื
จัดทำงบทดลองและการออกรายงานทางการเงนิ ท้ังงบกำไรขาดทนุ และงบดุล รวมถึงการวเิ คราะหง์ บการเงนิ
ซ่งึ ในข้ันตอนดงั กล่าวท้งั หมดใชเ้ วลาในการจัดทำ
2
ค่อนขา้ งนาน ทำให้การทำงานทางดา้ นบัญชีเปน็ งานทย่ี งุ่ ยากและนา่ เบอื่ แต่ในปัจจุบนั การทำงาน
ด้านบญั ชีไม่ไดเ้ ปน็ เร่อื งที่ยุ่งยากและน่าเบ่อื
เหมอื นเดิมอีกตอ่ ไป เน่อื งจากในปจั จุบันมีการนำคอมพิวเตอรเ์ ขา้ มาชว่ ยในการทำงานมากขึ้น
ซึง่ มคี วามหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเปน็ การใชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รูปในการทำบัญชีซึ่งมบี รษิ ัทที่ผลิต
โปรแกรมสำเร็จรูปหลายขนาดขึน้ อยกู่ ับความตอ้ งการใช้งานของผูบ้ รโิ ภค นอกจากน้ัน ยงั มีการนำ
โปรแกรมสเปรดชตี มาช่วยในการจดั ทำบญั ชีโดยผู้ใชจ้ ะพัฒนาโปรแกรมสเปรดชีตให้เป็นไปตามความ
ตอ้ งการใชง้ านของตนเอง แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามพนักงานบัญชียงั คงต้องมคี วามร้พู นื้ ฐานในงานดา้ นบัญชี
บา้ ง เพื่อใหก้ ารทำงานเปน็ ไปไดโ้ ดยสะดวกมากย่งิ ขนึ้
จากสาเหตุทก่ี ล่าวมาแล้วข้างตน้ นักศกึ ษามีความสนใจ ศกึ ษาต้นทนุ ขาย คา่ ใช้จ่ายปละรายได้
ของธรุ กิจ โดยทำการเกบ็ ขอ้ มูล ศึกษาขอ้ มลู ผลลัพธ์ทีไ่ ดจ้ ากการศึกษาสามารถนำไปใช้ประโยชนใ์ น
การศกึ ษาหรอื นำไปวางแผนการจัดการบญั ชคี รวั ในการประกอบธรุ กจิ ต่างๆในอนาคต
1.2 วัตถปุ ระสงค์ของโครงงาน
1.2..1 เพือ่ ศึกษาและวางแผนการทาํ บัญชีรายรับ-รายจา่ ยของรา้ นซปุ ตาร์ปาเต้โดยประยกุ ต์ใช้
โปรแกรม Microsoft excel
1.2.2 เพอ่ื ลดข้นั ตอนในการทำบญั ชแี ละประหยัดเวลาในการปฏิบตั งิ านและตรวจสอบความ
ถกู ต้องได้อยา่ งรวดเร็ว
1.3 ขอบเขตของโครงงาน
1.3.1 เป้าหมายเชิงคุณภาพ
1.3.1.1 ศกึ ษาการทำบัญชขี องรา้ นซปุ ตาร์ปาเต้ โดยประยุกตใ์ ช้โปรแกรม
Microsoft excel ได้อย่างถูกต้อง
1.3.2 เป้าหมายเชงิ ปรมิ าณ
1.3.2.1 จัดทำบญั ชีของรา้ นซปุ ตาร์ปาเต้โดยประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมMicrosoft excel
เปน็ เวลา 2 เดอื น ต้งั แต่วันที่ 12 พฤศจกิ ายน 2564 ถงึ 31 มกราคม 2565
1.3.2.2 จัดทำรายงานบัญชรี ายรับ-รายจ่าย จำนวน 1 เลม่
1.3.3 ระยะเวลาและสถานทีด่ ำเนนิ งาน
1.3.3.1 ระยะเวลาดำเนินงานระหว่างวนั ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ถึงวันที่
31 มกราคม พ.ศ. 2565
1.3.3.2 สถานทดี่ ำเนนิ งานณ บา้ นแสนตอ ตำบลนำ้ แพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
50200
3
1.4 ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะได้รับ
1.4.1 ได้ทราบขอ้ มูลเกี่ยวกับบัญชีของร้านซุปตารป์ าเต้โดยประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรม
Microsoft excel
1.4.2 ทำใหท้ ราบฐานะการเงนิ ของกจิ การ ณ วนั ใดวันหนึ่งว่า กิจการในสินทรพั ย์ หนส้ี นิ และ
ทนุ ซึง่ เปน็ สว่ นของเจ้าของกิจการเป็นจำนวนเท่าใด
1.4.3 ทำใหเ้ จ้าของกิจการสามารถควบคมุ รักษาสนิ ทรัพย์ของกิจการได้
4
บทที่2
แนวคิดทฤษฎแี ละงานวจิ ยั ทีเ่ ก่ยี วข้อง
ในการศึกษาเรอื่ ง โครงงานจัดทำบญั ชขี องรา้ นซุปตารป์ าเตโ้ ดยประยกุ ต์ใช้โปรแกรม
Microsoft excel ผดู้ ำเนินงานไดร้ วบรวมแนวคดิ ทฤษฎแี ละหลกั การต่างๆ จากเอกสารและงานวจิ ยั
ทเ่ี กีย่ วข้องกับหลักคิด หลกั ทฤษฎีและงานวจิ ัยท่ีเกี่ยวข้องดงั น้ี
2.1 ความรู้เก่ยี วกบั โครงงาน
2.2 ประวัตขิ องปาเต้ (เบอรเ์ กอร์เวยี ดนาม)
2.3 ทฤษฎีท่เี กย่ี วข้อง
2.4 งานวิจยั ที่เก่ียวข้อง
2.1 ความรู้เกย่ี วกบั โครงงาน
2.1.1 ความรู้เกย่ี วกับธรุ กิจเจ้าของคนเดียว
(1) ความหมายของธรุ กจิ เจา้ ของคนเดียว
กจิ การท่มี ีบุคคลคนเดียวเปน็ เจ้าของเเละลงทนุ เพียงคนเดยี วควบคมุ ดำเนินงาน
ทงั้ หมดเพียงคนเดียวมีอำนาจในการตดั สินใจ เเค่คนเดยี ว หรือเม่ือกิจการประสบความสำเรจ็ จะได้
กำไรเพยี งคนเดยี ว ถ้าขาดทนุ ก็รับผิดชอบเพยี งคนเดยี วได้รบั ความนิยมทั่วประเทศมกี ารเดนิ งานไม่
ซับซ้อน กิจการขนาดเล็กพอสมควร เชน่ พอ่ คา้ เเม่ค้า
(2) ลกั ษณะของธุรกจิ ของธรุ กิจเจา้ ของคนเดยี ว
1 มเี จา้ ของกจิ การเเคค่ นเดียว
2 มีเงนิ ลงทนุ น้อย
3 รับผิดชอบหนีส้ นิ ทัง้ ส้นิ
4 ควบคุมดำเนินงานโดยเจา้ ของเพียงคนเดียว
5 ถ้าได้กำไรหรือขาดทุนจะไดร้ บั เพียงคนเดยี ว
(3) ขอ้ ดีของกิจการเจ้าของคนเดยี ว
1 จัดตัง้ ใช้เงนิ ทนุ นอ้ ย
2 เลกิ กิจการได้งา่ ย
3 มขี ้อบงั คับกฎหมายนอ้ ย
4 มอี ิสระในการตัดสนิ ใจดำเนินงาน รวดเร็วเเละคลอ่ งตัว
5 ไดร้ ับกำไรทัง้ หมดเพียงคนเดยี ว
5
(4) ขอ้ เสียของกิจการเจา้ ของคนเดียว
1 ถ้าขาดทุนจะเเบกรบั หนีส้ ินไม่ไหว
2 ขยายกิจยากเพราะมเี งนิ ทนุ น้อย
3 มคี วามสามารถในการบริหารมจี ำกดั
4 ตัดสินใจคนเดยี วอาจมีความผดิ พลาด
5 ระยะเวลาในการดำเนินงานส้นั
(5) ผลประโยชนท์ างดา้ นภาษี
ข้อดีของกจิ การเจา้ ของคนเดยี วในดา้ นภาษี คอื มีข้อจำกดั ทางกฎหมายน้อยจึงไม่
ตอ้ งแสดงงบการเงินต่อกรมสรรพากรทุกสิ้นงวดบญั ชเี พือ่ เสยี ภาษี แต่ใช้วธิ ีแบบเหมาจ่ายเสียภาษีใน
รูปแบบบุคคลธรรมดา (ภงด. 90 และภงด. 94) โดยคดิ เป็นรายไดร้ วมของเจา้ ของกจิ การจงึ ลดภาระ
ในการทำบญั ชแี ละค่าใช้จา่ ยรบั รองงบการเงินสำหรับผู้สอบบญั ชี แต่กจิ การเจ้าของคนเดียวจะมอี ายุ
การดำเนนิ กจิ การที่ จำกัด หากเจ้าของกจิ การตายหรอื ไร้ความสามารถในการดำเนนิ ธุรกิจธุรกจิ ก็จะ
สิ้นสุดลง
2.2 ความรเู้ ก่ยี วกบั ปาเต้ (เบอร์เกอรเ์ วียดนาม)
2.2.1 ความรูเ้ กีย่ วกบั ประวตั ิปาเต้ (เบอร์เกอรเ์ วยี ดนาม)
(1) ความหมายของปาเต้ (เบอรเ์ กอรเ์ วยี ดนาม)
อาหารจานด่วนของชาวเวยี ดนามท่ไี ด้รับอิทธพิ ลมาจากประเทศฝรั่งเศสเม่ือครั้ง
สมัยสงครามโลกทีม่ เี อกลกั ษณท์ ขี่ นมปงั ทรงยาวแบบกรอบนอกนมุ่ ในสไตล์ฝรง่ั เศสทน่ี ่ามาประยุกต์
ดดั แปลงคลา้ ยกบั โดยการนำขนมปังมาผ่ากลางใส่เนือ้ สัตว์, พริก, ผกั แช่อิ่ม, แตงกวา, ผักชแี ลว้ ราด
ดว้ ยนำ้ มายองเนสและซอยพรกิ ใหค้ วามอร่อยทีล่ งตัวแบบอาหารเวยี ดนาม
(2) ร่องรอยอารยธรรมของปาเต้
รอ่ งรอยอารยธรรมจากยุคอาณานิยมทีย่ ังปรากฏอยใู่ นกลุ่มประเทศอาเซยี น
วัฒนธรรมจากตา่ งแดนได้ฝังรากลงท่ีเห็นเดน่ ชดั คือ ภาษา สถาปัตยกรรม และอาหาร ประเทศใน
อาณานิคมของฝร่งั เศสบริเวณล่มุ แมน่ ้ำโขงตา่ งก็รับเอาวฒั นธรรมอาหารมาไม่มากกน็ ้อย หลายอย่าง
ยงั คงสืบทอดกลมกลนื อยู่ในชวี ิตประจำวนั อย่างไม่ขัดเขนิ
ประเทศในแถบลุ่มแมน่ ้ำโขงกินขา้ วเป็นอาหารหลักเพราะอยใู่ นภูมภิ าคท่ีพ้นื ท่ี
ส่วนใหญเ่ ป็นท่ลี มุ่ ทัง้ ภมู ิประเทศ ภูมอิ ากาศ ดนิ และนำ้ ล้วนเอื้ออำนวยใหป้ ลกู ข้าวไดด้ ี ขา้ วจึงเป็น
พืชพื้นถิน่ ของเอเชยี มาแต่โบราณกาล ในขณะที่ขา้ วสาลเี ป็นพชื พื้นถน่ิ ของตะวนั ออกกลาง และ
ข้าวโพดเปน็ พชื พน้ื ถนิ่ ของทวปี อเมรกิ า“วฒั นธรรมเหลา่ นตี้ ง้ั อยู่บนอาหารชุดหนง่ึ แตอ่ าหารที่สำคัญ
6
ท่ีสดุ คอื ธัญพืช ข้าวสาลี และขา้ วบาร์เลย์ในตะวนั ออกใกล้ ข้าวเจ้าและข้าวฟ่างในเอเชยี รวมถึง
ขา้ วโพดในอเมริกา”
ขนมปงั ซงึ่ ทำมาจากแป้งสาลเี ป็นของต่างถิ่นท่เี ขา้ มาในภายหลงั ขา้ วสาลอี าจจะ
เดินทางมาจากอินเดยี เข้าสู่เอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ ร่วมกับการเดนิ ทางของพันธุพ์ ชื จากตา่ งแดนสู่
เอเชียตะวันออกเฉยี งใตท้ ีม่ าพร้อมกบั การเดินเรอื เพอื่ แสวงหาโลกใหม่ของชาวโปรตุเกสและสเปน ใน
สมัยก่อนข้าวสาลีถอื เป็นของฟุ่มเฟอื ยมแี ต่ชนชัน้ สูงเท่านนั้ ที่จะไดก้ ิน ดังบันทกึ ในจดหมายเหตุลาลู
แบรท์ เ่ี ขียนขึน้ ในรัชสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช “...แต่จะเปน็ ด้วยตอ้ งเอาใจใสม่ าก หรือ
ส้นิ เปลอื งคา่ ใช้จ่ายหรือว่าขา้ ว (สาร) นนั้ มีมากพอสำหรับราษฎรสามญั จะใช้บรโิ ภคกันอย่างเหลือเฟือ
แลว้ อยา่ งใดอย่างหนึ่ง ในประเทศสยามนน้ั จงึ ยงั มแี ตพ่ ระเจา้ แผ่นดนิ พระองค์เดียวเทา่ น้ันทีม่ ไี ร่ขาว
สาลีอยู่ และลางทีก็อาจเปน็ เพราะทรงเหน็ วา่ เปน็ ของแปลกมากกวา่ จะทรงนยิ มในรสชาตขิ องมนั ก็
เปน็ ได้ ชาวสยามเรียกขา้ วชนดิ นีว้ า่ ข้าวโพดสาลี (Kaou possali) และคำว่า ข้าว (Du riz) หมายถึง
ขา้ วเจา้ อย่างเดยี ว...ชาวฝรง่ั เศสทอ่ี ยู่ในประเทศสยาม สั่งแป้งสาลีมาจากเมืองสรุ ตั ทง้ั ๆ ท่ีใกล้ ๆ กรงุ
สยาม (ศรีอยุธยา) ก็มีโรงสีลมสำหรบั บดขา้ วสาลีอยแู่ ห่งหน่ึง และทีใ่ กลเ้ มอื งละโวก้ ม็ ีอีกแหง่ หน่ึง...
อนึง่ ขนมปังสดท่ีพระเจา้ กรงุ สยามโปรดพระราชทานแกพ่ วกเรานั้นแหง้ ผากเกินไป
กระท่งั ว่าข้าวสวยทห่ี ุงดว้ ยนำ้ บริสทุ ธิ์นั้นมาตรวา่ จะจดื ชดื เพียงไร ขา้ พเจา้ ก็ยังเห็นวา่ นา่ บรโิ ภค
มากกวา่ เปน็ กอง...”ในบันทกึ การเดนิ ทางของโจวต้ากวน หนึ่งในคณะราชทตู จนี ที่เดนิ ทางไปเจรญิ
สมั พนั ธไมตรีกบั อาณาจักรขอมท่นี ครธม เมอื่ พ.ศ. ๑๘๓๙ กเ็ ป็นหลกั ฐานอีกช้นิ หนึง่ ท่กี ลา่ วถงึ สนิ ค้า
จากเมืองจนี ท่ีชาวเขมรตอ้ งการวา่ “ส่ิงท่เี ขาอยากไดม้ ากทีส่ ุดก็คอื ถัว่ กบั แปง้ สาลีแตก่ ็เอาออกไปจาก
เมืองจนี ไมไ่ ด้” ในหวั ข้อเกลือ น้ำส้ม น้ำซีอิว้ แป้งหม่ี กล่าวว่า “เขาไมร่ ้จู ักทำนำ้ ซอี ้ิวเช่นเดียวกนั
เพราะไม่มแี ป้งสาลแี ละถว่ั ”
ขนมปงั มีความสำคญั กับชาวฝร่งั เศสในฐานะอาหารหลักที่ขาดไมไ่ ด้ แม้แต่นโปเลยี น
โบนาปารต์ ยังเคยกล่าวไวว้ ่า “ชะตากรรมของยโุ รปและการคิดคำนวณไกลกว่านน้ั ลว้ นขึน้ อยู่กับ
ปญั หาเร่อื งอาหาร ถา้ เพยี งข้าพเจ้ามขี นมปงั การโจมตรี ัสเซยี ก็จะกลายเปน็ การละเลน่ แบบเด็ก ๆ”
ขนมปงั ฝร่ังเศสแท่งยาวเหมือนไม้กระบองทีม่ ชี อ่ื วา่ “บาแก็ต” (Baguette) จึงเป็นอาหารต่างแดน
ทมี่ าพร้อมกับการล่าอาณานคิ ม “อูนอิ อง อินโดชินัวส”์ (Union Indochinoise) หรืออนิ โดจนี ของ
ฝรัง่ เศส (L’Indochine Française) ประกอบดว้ ย ตังเกีย๋ อนั นมั โคชนิ ไชนา (เวยี ดนาม) กัมพชู า
และลาว ในเวยี ดนามเรยี กขนมปงั ชนดิ นี้ว่า “บั๊นเตย” (Bánh tây) ซง่ึ มีความหมายกวา้ ง ๆ วา่ ขนมปงั
เทศ ตอ่ มาจงึ เรียกว่า “บัน๊ หม”่ี (Bánh mì) บง่ บอกวา่ ขนมปังชนดิ น้ที ำมาจากแป้งหม่ีซึง่ หมายถึงแป้ง
สาลีน่นั เอง แม้ว่าเราจะรจู้ ักบาแก็ตในฐานะขนมปังฝร่งั เศสแตเ่ ช่ือกันวา่ ต้นกำเนดิ ของมนั เกิดขึ้นใน
ราวคริสตศ์ ตวรรษที่ ๑๙ ทป่ี ระเทศออสเตรยี บาแกต็ ปรากฏชอื่ ในราว ค.ศ. ๑๙๒๐ ซึ่งเดิมทขี นมปงั
7
ของชาวฝร่ังเศสทำเปน็ กอ้ นกลมเรียกวา่ “บุล” (Boule) รา้ นขายขนมปังจงึ เรียกว่า “บุลองเชอริ”
(Boulangerie) ต่อมารฐั บาลไดอ้ อกกฎหมายหา้ มคนงานเรมิ่ ทำงานก่อนตสี ่ี จงึ ตอ้ งปรบั รูปทรงของ
ขนมปงั ใหส้ กุ งา่ ยข้ึนเพ่ืออบขายให้ทนั ม้ือเชา้ จากขนมปงั ก้อนอว้ นกลมจึงกลายมาเปน็ ขนมปงั แทง่
ผอมยาว บาแก็ตเข้ามาในอนิ โดจนี พร้อมกับชาวฝรง่ั เศส เพอ่ื เปน็ เสบยี งกรังใหก้ ับทหารทป่ี ฏิบัตหิ น้าท่ี
ในดนิ แดนอาณานิคม ขนมปังแท่งยาวผิวแขง็ กรอบ เนื้อนุ่มเหนียวมีโพรงอากาศ ทำได้ไม่ยากดว้ ย
สว่ นผสมท่ีมีเพียงแป้งสาลี ยีสต์ เกลอื และน้ำ ไดเ้ ขา้ มาเปน็ สว่ นหนึง่ ของชวี ิตของผคู้ นในดนิ แดนลุม่
แมน่ ำ้ โขง ด้วยการนำมาป้งิ จม้ิ กินกับแกงและซปุ ชนดิ ต่าง ๆ เช่นเดียวกบั ท่ีชาวยุโรปกินขนมปงั กบั สตู
ปง้ิ ทาเนยหรอื จม้ิ กับนมขน้ หวาน และทีไ่ ด้รบั ความนยิ มมากทีส่ ดุ คอื การนำมาสอดไส้ดว้ ยเคร่ืองเครา
ต่าง ๆ ชาวเวยี ดเรียกว่า “บ๊ันหม่ี แซนดว์ ิช” (Bánh mì sandwich) จากบาแกต็ แท่งผอมยาว ชาว
เวยี ดก็ทำใหม้ นั ส้ันลงและอว้ นขึน้ ภายในมีโพรงอากาศมากขึ้นเพ่ือให้ใส่ไส้ไดม้ ากและสะดวกขน้ึ ขนม
ปังแบบน้ีคลา้ ยกับขนมปังฝรัง่ เศสท่เี รยี กวา่ “เปอตตี ์ แปง” (Petit pain) และ “เดอมี บาแก็ต”
(Demi – Baguette) ไสข้ องแซนด์วิชมีหลากหลายทั้งหมยู า่ ง หมแู ดง หมยู อ แฮมฝรัง่ เศส หนงั หมู
เนื้อย่าง ไกย่ ่าง หมูหยอง แมแ้ ต่ปลากระปอ๋ งยห่ี อ้ ของไทยกเ็ ปน็ ไสบ้ น๊ั หม่ยี อดนยิ ม ใสผ่ ักดองท่ีทำมา
จากหัวไชเท้าและแครอตห่ันเป็นเส้น ๆ แล้วนำไปดองกบั น้ำส้มสายชู น้ำตาล และเกลอื ให้มีสามรส
อทิ ธิพลของฝรง่ั เศสในอาหารชนิดนีย้ งั รวมถงึ ส่วนผสมอยา่ งปาเต (Pâté) ซง่ึ เปน็ ตับ
บดปรุงรสของฝร่งั เศส จมั บง (Jambon) คอื แฮมฝรั่งเศส และชสี กอ้ นสามเหลี่ยมตราววั หวั เราะ (La
vache qui rit) ทน่ี ิยมนำมาทาขนมปงั เน่อื งจากเป็นชีสแบบนม่ิ และยงั นำมากินเลน่ เป็นขนม นยิ มกนั
ในอดตี ประเทศอนิ โดจนี ของฝรั่งเศสมาจนถึงทุกวันนี้
ขณะท่ีในลาว “คนลาวเรียกขนมปังแบบตะวันตก (bread) วา่ “เข้าจ”่ี เหมือนกัน”
ซง่ึ พอ้ งกบั อาหารลาว –อสี านอีกชนิดหนงึ่ ที่ทำมาจากขา้ วเหนยี วชุบไข่ป้ิง ไส้ของ “ข้าวจี่ ปาเต้” ของ
ชาวลาวก็คล้ายกบั บั๊นหมข่ี องเวยี ดนามจะแตกต่างไปบา้ งในรายละเอียดของแต่ละร้านวา่ จะใส่เคร่ือง
มากนอ้ ย ขา้ วจีข่ องนครหลวงพระบางมเี อกลักษณแ์ ตกตา่ งจากท่ีอนื่ ๆ เพราะทาดว้ ยแจ่วบองท่คี ล้าย
กับนำ้ พริกเผา แลว้ ใสแ่ ตงกวา ไขเ่ จยี วซอยเป็นเส้น หมยู อเสน้ ราดดว้ ยซอสมะเขือเทศ
สว่ นชาวกมั พูชาเรียกว่า “นมปงั ปาเต้” ซงึ่ การทีม่ คี ำวา่ ปาเต้นัน้ ไมไ่ ดห้ มายความ
ว่าแซนดว์ ิชน้ันจะทาด้วยตับบดเสมอไป เพราะบางร้านก็ไมไ่ ด้ทา แต่ทาเนยเป็นหลกั แล้วใส่ไสห้ มูสบั
ผัดปรงุ รสมาเรียบรอ้ ย หรือเราอาจอนุมานเอาวา่ หมสู ับผัดน้ีหมายถงึ ปาเต้ ซึ่งในตำราอาหารฝร่งั เศส
ดั้งเดิมนนั้ ปาเตไมไ่ ด้หมายถึงตับบด แต่หมายถึงเนือ้ บดผสมไขมันสัตว์ ปรุงรสแตง่ กลนิ่ ด้วยเคร่ืองเทศ
ไวน์ หรือเหลา้ ส่วนปาเต้ทผี่ สมตบั ด้วยเป็นเพยี งสูตรหน่งึ ของปาเตเ้ ทา่ นน้ั
8
สำหรับประเทศไทยแมว้ ่าเราไม่ได้เป็นสว่ นหนึง่ ของอนิ โดจีนฝรง่ั เศส แต่วฒั นธรรม
หาได้ขีดก้ันได้ด้วยเสน้ พรมแดน ชาวอสี านในจังหวดั แถบริมแม่น้ำโขงจึงรบั เอาขนมปงั ชนิดนี้มา
เช่นกัน ข้าวจีท่ ่ใี นบางพืน้ ท่เี รียกว่า “แปง้ จ”ี่ จะแตกต่างกนั ไปมที ั้งแบบขนมปังชิน้ ใหญเ่ ช่นเดยี วกบั
ลาว และข้าวจ่ีขนาดเลก็ ทีน่ ิยมกินพรอ้ มไขก่ ระทะโดยนำขนมปังไปปิง้ ผ่าออกทาเนยใสไ่ ส้หมยู อและ
กุนเชียง เพยี งเทา่ นน้ี บั วา่ เรียบง่ายที่สุดในบรรดาแซนดว์ ชิ ทั้งปวง ขนมปังของไทยไม่ไดม้ ีผวิ แขง็ กรอบ
แต่ผิวจะเหนยี วนุม่ เช่นเดียวกบั เนือ้ ขนมปัง
ขนมปังฝรั่งเศสไดร้ ับความนิยมเพยี งใดคงเห็นได้จากร้านคา้ ต่าง ๆ ในเขตชุมชนท่ีจะ
มเี ข่งหรือแผงขายขนมปงั วางเรียงรายกนั มากมายทั้งในสาธารณรัฐสังคมนยิ มเวยี ดนาม ราชอาณาจักร
กัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แซนดว์ ิชขนมปังฝร่งั เศสนอกจากจะแพรห่ ลาย
ในอดตี ประเทศอนิ โดจีนของฝรง่ั เศสแล้ว ยงั ได้เดินทางไปทั่วโลกตามการลภ้ี ัยอพยพโยกยา้ ยถิน่ จาก
อินโดจนี ไปยงั ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปและอเมรกิ า จึงกล่าวได้ว่าขนมปงั แซนดว์ ชิ แบบนไี้ ดแ้ พร่หลาย
เปน็ ทร่ี ู้จักไปท่ัวโลก
ปาเต้ (ฝรั่งเศส: pâté) เปน็ อาหารยุโรปประเภทหน่งึ ในภาษาฝรง่ั เศสหมายถึงเนอ้ื
บดผสมไขมนั ปาเตโดยท่ัวไปมลี ักษณะเป็นซอสสำหรับทา ทำจากเนอื้ บดละเอียดหรอื ส่วนผสมของ
เน้อื และตบั บดหยาบ ๆ และมักผสมไขมัน ผัก สมุนไพร เคร่ืองเทศ หรอื ไวน์ เปน็ ตน้
ในประเทศฝร่งั เศสและประเทศเบลเยยี ม ปาเตอาจใช้เป็นไสพ้ ายหรอื ขนมปงั แถว
เรียก "ปาเตอ็องครุต" (ฝร่ังเศส: pâté en croûte) หรือใช้อบดว้ ยแตร์รีนหรือแมพ่ ิมพ์แบบอ่นื เรียก
"ปาเตอ็องแตรีน" (ฝรง่ั เศส: pâté en terrine) ปาเตประเภททม่ี ีชือ่ เสียงที่สดุ คือ "ปาเตเดอฟวั กรา"
(ฝรัง่ เศส: pâté de foie gras) ทำจากตับของห่านที่ขนุ จนอว้ น คำว่า "ฟวั กราอ็องตเี ย" (ฝรงั่ เศส: foie
gras entier) หมายถงึ ตบั ห่านธรรมดาที่ได้รบั การปรุงสกุ และหั่นเป็นแผ่น ไมใ่ ชป่ าเต สว่ นในประเทศ
เนเธอรแ์ ลนด์ ประเทศเยอรมนี ประเทศฟนิ แลนด์ ประเทศฮังการี ประเทศสวเี ดน และประเทศ
ออสเตรีย ปาเตท่ีทำจากตับบางชนิดจะมีลักษณะออ่ นยวบ โดยมากเปน็ ไสก้ รอกท่ีใชท้ านได้ ภาษา
ดตั ช์เรียก "leverworst" ภาษาเยอรมันเรยี ก "leberwurst" ส่วนในสหรัฐอเมรกิ าเรียก "ลีเวอรว์ ูสต"์
(liverwurst) หรือ "โบรนชวีเจอร์" (braunschweiger) ลเี วอรว์ สู ต์บางชนดิ หั่นได้ ซ่ึงในสหรฐั อเมรกิ า
นิยมใช้รบั ประทานคกู่ บั แซนด์วชิ
9
รปู ที่ 2.1 ปาเต้
ท่ีมา : เพจเบอร์เกอร์เวยี ดนาม ปาเต้, 2564 : Facebook
(3) วธิ กี ารทำปาเต้
1. เริม่ จากปิ้งขนมปงั ใหร้ อ้ น
2. เอามีดผา่ แลว้ ทาด้วยเนย มายองเนส ตับบด และชีส อยา่ งใดอย่างหนึ่งหรอื หลาย ๆ
อยา่ งหรือไมท่ าเลย
3. สอดไส้ดว้ ยแตงกวา หมูยา่ งหรอื อนื่ ๆ ตามแต่จะเลือก
4. ใสม่ ะละกอดอง แครอตดอง พริกชีฟ้ ้า หวั หอมใหญ่ซอยบาง ๆ ต้นหอม และผักชี
เหยาะด้วยซอสถั่วเหลืองและซอสพริกศรรี าชา
5. นำหอ่ มาในกระดาษเอาหนงั ยางรดั
รปู ท่ี 2.2 ปาเต้
ทม่ี า : เพจเบอรเ์ กอรเ์ วียดนาม ปาเต้, 2564 : Facebook
10
2.3 ทฤษฎที ี่เกยี่ วขอ้ ง
2.3.1 ทฤษฎีการบัญชี
(1) หลักการบัญชีเบื้องตน้
การบัญชี (Accounting) เป็นศิลปะของการจดบันทกึ รายการหรอื เหตกุ ารณ์ ที่
เก่ียวกบั การเงินไวใ้ นรปู เงนิ ตรา การจัดหมวดหม่หู รือจำแนกประเภทของรายการเหล่านน้ั การสรุปผล
รวมทั้งการตีความหมายของผลเหล่าน้ัน สมาคมนักบญั ชแี ละผู้สอบบัญชรี บั อนุญาตแห่งประเทศไทย
ได้ใหค้ ำจำกัดความของ “การบญั ช”ี ดังน้ี การบัญชี หมายถึง ศลิ ปะการเก็บรวบรวม บนั ทกึ จำแนก
และทำสรุปข้อมลู อันเกี่ยวกับเหตกุ ารณท์ างเศรษฐกจิ ในรูปตวั เงนิ ผลงานขน้ั สดุ ท้ายของการบัญชี คือ
การใหข้ ้อมูลทางการเงนิ ซงึ่ เปน็ ประโยชนต์ อ่ บุคคลหลายฝ่าย และผู้สนใจในกิจกรรมของกิจการ จาก
คำจำกัดความท่กี ลา่ วมาข้างตน้ พอสรปุ ได้ว่า “การบัญช”ี เปน็ การจดบันทึกรายการค้าต่างๆ ที่
เกดิ ขึน้ เกีย่ วกับการรบั เงนิ และการจ่ายเงนิ หรือสิ่งของทม่ี ีมูลคา่ เปน็ ตวั เงินไวใ้ นสมุดบัญชีอย่าง
สม่ำเสมอ โดยจัดแยกประเภทเปน็ ระเบียบถูกตอ้ งตามหลกั การและสามารถแสดงผลการดำเนินงาน
พรอ้ มท้ังฐานะการเงินของกจิ การในระยะเวลาใดระยะเวลาหนึง่ ได้ เพื่อใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การ
ตดั สนิ ใจเชิงเศรษฐกิจสว่ นคำว่า การจดั ทำบญั ชี (Bookkeeping)สมาคมนกั บญั ชแี ละผสู้ อบบญั ชรี บั
อนญุ าตแหง่ ประเทศไทย (ส.บช.) ไดใ้ ห้คำจำกดั ความวา่ หมายถึง “การจดบันทกึ ทางการบัญชี ซ่ึง
ประกอบด้วยการเกบ็ รวบรวมข้อมูลและเอกสาร บันทกึ รายการในสมุดบญั ชขี ัน้ ตน้ จำแนกและจัด
หมวดหมรู่ ายการในสมดุ บญั ชีข้ันปลาย ลักษณะงานการจดั ทำบญั ชีจะซ้ำซากและเปน็ งานเสมยี น
ผปู้ ฏบิ ัตงิ านหนา้ ท่ีนเ้ี รียกวา่ ผู้จดั ทำบัญชี(Bookkeeper) ซึ่งแตกตา่ งกับนกั บัญชี (Accountant) คือ
ผูท้ ีท่ ำหนา้ ท่เี กย่ี วกบั การบญั ชี การบันทึกบัญชี การจัดทำงบการเงิน การวางแผนระบบบญั ชีให้กจิ การ
ควบคมุ การบันทึกบญั ชีทง้ั หมดกำหนดนโยบายทางการบญั ชี สามารถประกอบอาชพี ผู้สอบบญั ชีให้
คำปรึกษาทางภาษีอากรของกจิ การต่างๆ ตามมาตรฐานการบัญชีท่ีรบั รองโดยทวั่ ไป เปน็ ต้น
11
(2) บญั ชีเจ้าหน้ี
หน้สี ิน (Liabilities) หมายถึง ภาระผูกพนั ในปัจจุบนั ของกจิ การ ซึง่ เกิดจาก
เหตุการณ์ในอดีต และกิจการจะตอ้ งจ่ายช าระภาระผูกพันในอนาคต ซ่งึ อาจจะจ่ายในรูปของเงนิ สด
สนิ ทรัพย์ หรือบริการ
• ความหมายของเจ้าหน้ี
เจ้าหนี้ หมายถงึ สิทธเิ รยี กรอ้ งของบคุ คลหนึง่ ทม่ี ตี อ่ กิจการ ให้จา่ ย
ชำระหนี้
• ประเภทเจา้ หน้ี
เจา้ หนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- เจ้าหนก้ี ารค้า (Trade Accounts Payable) หมายถงึ เจา้ หน้ที ี่
เกิดจากการซือ้ สนิ ค้าเป็นเงนิ เชอ่ื หรือซือ้ วัสดุท่ีใช้ในการผลติ สินคา้ เป็นเงินเชื่อ
- เจ้าหน้อี ื่น (Others Accounts Payable) หมายถึง เจา้ หนท้ี ่ีเกิด
จากการซอ้ื สนิ ทรัพยอ์ ื่นทไ่ี ม่ใชส่ นิ คา้ เปน็ เงินเชอื่ หรอื การกูย้ ืมเงิน
(3) บัญชตี ้นทุน
บญั ชีตน้ ทนุ ทำหน้าที่เกี่ยวกบั การจดั เกบ็ สะสมรวบรวม จำแนกและวเิ คราะห์ขอ้ มูล
ดา้ นตน้ ทนุ ท้ังทเี่ กดิ ขึ้นในอดตี ตลอดไปจนถึงการประมาณการหรือพยากรณ์ตน้ ทุนทค่ี าดว่าจะเกิดขึน้
ในอนาคต
• ความหมายของต้นทุน
ต้นทุน หมายถงึ มูลค่าของทรัพยากรท่ีสามารถวัดเปน็ จำนวนเงินได้
ซึ่งกจิ การสูญเสียหรอื เสียสละไป เพ่อื แลกกับการไดร้ ับสง่ิ ใดส่ิงหน่งึ กลับมา ในท่นี ี้อาจหมายถึง สนิ ค้า
หรอื บริการตา่ งๆ ซง่ึ เปน็ ประโยชน์ตอ่ กจิ การ
• ประเภทของต้นทนุ
ตน้ ทนุ มีมากมายหลากหลายชนิด แต่ละชนดิ ให้ความหมายทีแ่ ตกต่าง
กัน ตามแตว่ ตั ถปุ ระสงคก์ ารนำไปใช้ความเข้าใจแนวคิดและการจดั แบง่ ประเภทต้นทนุ จะช่วยให้
กิจการ
สามารถนำข้อมูลดงั กลา่ วไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์มากยิง่ ขน้ึ การจัดแบ่งประเภทต้นทุนตามแต่ลลักษณะ
และวตั ถปุ ระสงคก์ ารนำไปใชส้ ามารถสรปุ ได้ดงั นี้
• จำแนกตามหนา้ ที่ทางการผลิต และสว่ นประกอบของผลิตภัณฑ์
ต้นทุนการผลิต (Manufacturing cost) หมายถึง ตน้ ทนุ ทเี่ กีย่ วขอ้ ง
โดยตรงกับการผลิตสินคา้ ซึ่งประกอบไปด้วย
12
1. วัตถุดิบ (Materials) หมายถึง วัตถุหรือส่วนประกอบที่กจิ การนำมาใช้ใน
การแปรสภาพให้เป็นสินคา้ สำเรจ็ รปู เพอื่ สร้างมูลคา่ เพิ่ม ดังน้นั วตั ถุดิบจงึ สามารถแบ่งออกได้เป็น
2ลกั ษณะ คือ
-วัตถุดบิ ทางตรง (Direct material) ซง่ึ หมายถงึ วัตถดุ บิ หลัก หรอื
วัตถดุ ิบซงึ่ เป็นสว่ นประกอบสำคัญในการผลิตสินค้า และสามารถคิดคำนวณเขา้ เปน็ มูลคา่ ของสนิ ค้า
โดยตรง ได้โดยงา่ ย
-วตั ถุดบิ ทางอ้อม (Indirect material) หมายถงึ วัตถุดิบซึ่งเปน็ เพียง
ส่วนประกอบเล็กๆ น้อยๆ หรือเปน็ ส่วนประกอบหลกั แต่คดิ คำนวณมลู ค่าเข้าเป็นต้นทนุ ของสินค้าได้
ยาก ในทางบญั ชี ถอื เป็นค่าใชจ้ า่ ยการผลิต
2. ค่าแรงงาน (Labor) หมายถงึ คา่ จ้างหรอื ผลตอบแทนทีจ่ ่ายใหแ้ ก่ลูกจ้าง
หรือคนงานทีท่ ำหนา้ ทเ่ี กย่ี วข้องกบั การผลิตสินค้า โดยปกตแิ ลว้ ค่าแรงงานจะแบง่ ออกเปน็ 2 ลกั ษณะ
ไดแ้ ก่
- ค่าแรงงานทางตรง (Direct labor) หมายถึง ค่าแรงตา่ งๆ ท่ีจ่าย
ให้แก่คนงานหรอื ลูกจา้ งท่ที ำหน้าที่เกี่ยวกับการผลติ สินค้าโดยตรง รวมไปถึงคา่ แรงนน้ั จะตอ้ งสามารถ
คิดคำนวณเข้าเป็นมูลค่าของสินคา้ ได้โดยง่ายอีกด้วย
- ค่าแรงงานทางอ้อม (Indirect labor) หมายถึง เงนิ เดือนหรอื ค่าแรง
ซ่งึ จ่ายใหก้ บั คนงานหรือลกู จา้ งซ่งึ ไม่ไดเ้ ก่ียวข้องโดยตรงกบั การผลิตสนิ ค้าหรือเก่ยี วขอ้ งโดยตรง แต่
คดิ คำนวณมูลคา่ เข้าเปน็ ตน้ ทนุ ของสนิ คา้ ไดย้ าก ถือเป็นค่าใช้จา่ ยการผลติ
3. ค่าใช้จ่ายการผลิต (Manufacturing overhead) หมายถึง ค่าใช้จา่ ยต่างๆ
ทเี่ กิดข้ึนในการผลิตสนิ ค้า นอกจากวัตถดุ ิบทางตรงและค่าแรงทางตรง
- ต้นทนุ ท่ีไมเ่ กี่ยวกับการผลติ (Non - manufacturing cost) หรอื
อาจเรยี กวา่ ตน้ ทุนแผนกบรกิ าร (cost of service department) หรือต้นทุนทางการบรหิ าร
หมายถงึ ตน้ ทนุ ต่างๆ ที่เกิดขนึ้ ในแผนกสนบั สนุนการผลิต คอื แผนกทีไ่ มไ่ ด้ทำหน้าท่ีในการผลติ
โดยตรง แต่มีหนา้ ทีส่ นบั สนนุ ให้การผลิตเปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ เช่น แผนกบคุ คล แผนก
คอมพิวเตอรแ์ ผนกทำความสะอาด เป็นตน้
• จำแนกตามความสำคัญและลักษณะของต้นทุนการผลติ
การจำแนกตามลกั ษณะนม้ี ีความคล้ายคลงึ กับประเภทแรก แต่มี
วตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ใชใ้ นการวางแผนและควบคุมมากกว่า เพอ่ื การคำนวณ โดยสามารถจำแนกออกได้
เป็น 2 ประเภทดังนี้
13
- ต้นทนุ ขั้นต้น (Prime cost) หมายถงึ ตน้ ทุนรวมระหว่างวตั ถุดบิ
และคา่ แรงทาง ตรงโดยปกติ ต้นทุนข้นั ต้นจะมคี วามสัมพันธโ์ ดยตรงกบั การผลิต รวมทั้งเปน็ ตน้ ทนุ ที่มี
จำนวนมากเมอ่ื เทียบกับต้นทุนการผลติ ทง้ั หมด แตอ่ ยา่ งไรก็ตามในยคุ ปจั จบุ ันธุรกจิ บางแหง่ มี
การใช้เคร่อื งจักรมากขึ้น ทำใหต้ น้ ทนุ ค่าแรงทางตรงลดลง ในลกั ษณะเชน่ น้ี ตน้ ทนุ ขั้นตน้ จะมี
ลกั ษณะลดลงเมอื่ เทียบกับตน้ ทนุ แปรสภาพ
- ต้นทนุ แปลงสภาพ (Conversion cost) หมายถึง ต้นทนุ ทีเ่ กยี่ วข้อง
กบั การแปลงสภาพหรอื เปลี่ยนรูปแบบจากวัตถดุ ิบทางตรงให้กลายสภาพเปน็ สินค้าสำเรจ็ รปู ต้นทุน
แปรสภาพจะประกอบดว้ ยคา่ แรงงานทางตรง และคา่ ใช้จ่ายการผลิตจากที่กล่าวแล้ว เม่ือกจิ การมี
การลงทุนในเครอ่ื งจักรมากขน้ึ คา่ เสอื่ มราคา ค่าซ่อมบำรุง ซ่ึงถอื ว่าเปน็ ค่าใชจ้ ่ายการผลิต กจ็ ะมี
จำนวนมากตามไปดว้ ย ดังนน้ั อาจกลา่ วไดว้ ่าในธรุ กิจที่มกี ารใชเ้ ทคโนโลยีสูงหรอื ลงทนุ สูงในสว่ น
ของอปุ กรณ์ เครือ่ งมือ เคร่อื งจักรท่ีใช้ในการผลิต ความสำคัญในสว่ นของตน้ ทุนแปรสภาพกจ็ ะ
มากขึน้ ตามไปด้วย
• จำแนกตามความสัมพนั ธก์ ับระดบั กจิ กรรม
การจำแนกตามความสมั พนั ธก์ บั ระดบั กิจกรรมน้ี บางครัง้ เรยี กว่า การ
จำแนกตามพฤตกิ รรม (Behavior) ซึง่ ม่ลี ักษณะสำคัญ คอื เป็นการวิเคราะห์จำนวนของตน้ ทนุ ที่
เปลี่ยนแปลงไปตามปรมิ าณการผลิต โดยสามารถจำแนกได้ 3ชนิด คือ
- ต้นทนุ ผนั แปร (Variable cost) หมายถึง ต้นทุน ซงึ่ มียอดรวม
เปลี่ยนแปลงไปตามสัดส่วนของปรมิ าณการผลิตหรือระดบั กจิ กรรมทีเ่ กดิ ข้นึ ในขณะทต่ี ้นทนุ ต่อหน่วย
จะคงทเี่ ท่ากนั ทุกๆ หน่วย เชน่ ค่าเชอ้ื เพลงิ คา่ แรงงาน ยง่ิ ผลติ มาก ตน้ ทุนก็จะมากตามไปดว้ ย
- ต้นทนุ คงที่ (Fixed cost) หมายถงึ ตน้ ทนุ ซึง่ มยี อดรวมคงท่ี ไม่
เปลีย่ นแปลงไปตามปรมิ าณการผลิต หรือระดับกจิ กรรม แตย่ อดต่อหนว่ ยของตน้ ทนุ ชนิดนี้ จะ
เปล่ียนไปในทิศทางตรงกันข้ามกับปรมิ าณผลิต คือ ยง่ิ ผลติ มาก ตน้ ทุนคงท่ตี ่อหน่วยก็ยง่ิ ลดลง เชน่
คา่ เช่า ยิ่งปรมิ าณการผลิตสนิ คา้ มาก คา่ เช่าตอ่ หน่วย ก็ยง่ิ ลดลง เปน็ ต้น
- ต้นทนุ ผสม (Mixed cost) หมายถึง ตน้ ทุนท่จี ะมตี ้นทนุ ส่วนหนง่ึ
คงทอ่ี ย่ใู นทกุ ระดับกจิ กรรม และมีตน้ ทนุ อกี สว่ นหนงึ่ แปรไปตามระดับกจิ กรรม เช่น คา่ โทรศพั ท์ ซ่ึง
มีค่าคงทีต่ อ่ เดอื น 100 บาท และสว่ นของผันแปร 3 บาท/คร้ังของการโทร เปน็ ต้น
• จำแนกตามความสมั พันธก์ ับหน่วยตน้ ทุน
การจำแนกตามความสัมพนั ธก์ ับหนว่ ยต้นทนุ เป็นการจำแนกโดย
พิจารณาตามความสามารถในการระบทุ ่ีมาของตน้ ทุนได้วา่ เปน็ ต้นทุนของงาน แผนก ผลิตภัณฑ์ หรือ
หน้าทใ่ี ดโดยสามารถจำแนกได้
เป็น 2 ประเภท
14
- ตน้ ทนุ ทางตรง (Direct cost) หมายถงึ ต้นทุนทส่ี ามารถระบุไดว้ า่ เป็น
ตน้ ทุนของหนว่ ยงาน ของงาน ผลิตภัณฑ์ หรอื แผนกใด เช่น ค่าเสอื่ มราคาของเคร่ืองจักรแผนก
ประกอบกเ็ ปน็ ตน้ ทุนทางตรงของแผนกประกอบ หรอื เงินเดอื นผคู้ วบคมุ การผลติ สนิ ค้า ก กเ็ ป็น
ต้นทนุ ทางตรงของสนิ ค้า ก เปน็ ต้น
- ตน้ ทนุ ทางออ้ ม (Indirect cost) หมายถึง ตน้ ทุนรว่ ม (common
cost) ทเี่ กดิ ขน้ึ โดยไมส่ ามารถระบุไดว้ ่าเกดิ จากหน่วยต้นทุนใด ดงั นั้น กิจการจงึ ต้องใชเ้ ทคนคิ ในการ
ปนั สว่ น (allocation techniques) ตน้ ทนุ ดังกลา่ ว ไปยงั แผนกทเี่ กี่ยวขอ้ ง ยกตัวอยา่ งเชน่ เงนิ เดือน
ของผู้จดั การโรงงาน แมบ่ ้านทำความสะอาด หรือยามรักษาความปลอดภยั ของโรงงาน ซ่ึงใช้ในการ
ผลิตสินคา้ มากกว่า 2 ชนิด จงึ ไม่สามารถระบไุ ด้วา่ เงินเดือนดังกล่าวเป็นของสนิ คา้ ใด เทา่ ไหร่ตอ้ งใช้
การปนั สว่ น (แบง่ ) ใหก้ ับสินค้าแต่ละชนดิ
• จำแนกตามงวดเวลาทกี่ อ่ ประโยชน์
เป็นการจำแนกโดยพิจารณาตามหลกั การจับคู่รายไดแ้ ละค่าใช้จ่าย
หมายถงึ ตน้ ทุนบางชนดิ จะถกู รบั รู้ เปน็ สนิ ทรพั ย์ เพราะยังไมก่ อ่ ประโยชน์ใหก้ ับกิจการ แต่เม่ือกอ่
ประโยชนแ์ ลว้ (เกดิ รายได้) จะถูกตดั ไปเปน็ คา่ ใช้จ่าย การจำแนกตน้ ทนุ ในลกั ษณะนี้ มวี ตั ถปุ ระสงค์
เพื่อการจดั ทางบกำไรการเงนิ ของกิจการ สามารถจำแนกได้ 2 ประเภท คอื
- ตน้ ทนุ ผลิตภัณฑ์ (Product cost) ตน้ ทนุ ซ่ึงกิจการจ่ายไปแต่ไมเ่ กิด
ประโยชน์ในทนั ที และจะถกู สะสมเกบ็ รวบรวมไวใ้ นตวั สินคา้ ซงึ่ ตอ้ งบนั ทึกไว้เปน็ สนิ ทรพั ย์ของกิจการ
จนกวา่ สินคา้ นนั้ ๆ จะถกู ขายออกไปตัวอยา่ งเช่น วตั ถุดิบ คา่ แรงคนงาน คา่ ใช้จ่ายต่างๆ ที่จา่ ย
เพ่อื การผลิตสินค้า เป็นตน้
- ต้นทนุ งวดเวลา (Period cost) ตน้ ทุนซึง่ กจิ การจา่ ยไป และเกดิ
ประโยชน์ในงวดบัญชนี นั้ ๆ ทันที ดงั นั้นต้นทุนประเภทน้ี จงึ ถกู รบั รเู้ ป็นคา่ ใช้จ่ายของงวดนั้นๆ ไปโดย
สว่ นมากหมายถึง คา่ ใชจ้ ่ายในการขายและบริหาร เชน่ เงินเดือนพนักงานฝ่ายบุคคล เป็นต้น
• จำแนกตามความสัมพันธก์ ับเวลา
- ต้นทุนในอดีต (Historical cost) หมายถึง ราคาทุน หรือมูลคา่ ท่ี
กิจการจ่ายไปจรงิ ตามหลักฐานที่ปรากฏ แต่ตน้ ทุนนีผ้ บู้ รหิ ารมกั ไม่นำมาพิจารณาประกอบการ
ตดั สินใจมากนัก เพราะถอื เปน็ การจา่ ยเงนิ ไปในอดีต มูลค่าของเงินแตกตา่ งจากปัจจบุ นั อาจ
เนื่องมาจากภาวะเงนิ เฟ้อ อัตราดอกเบ้ยี หรือความเจริญทางเศรษฐกิจ เป็นตน้
- ต้นทนุ ทดแทน (Replacement cost) หมายถงึ ราคาหรอื มูลค่าตลาด
ในปจั จุบนั ของสินทรพั ย์ชนิดน้นั ๆ
- ต้นทุนในอนาคต (Future cost) หมายถึง ตน้ ทนุ หรือค่าใชจ้ ่ายท่ีคาด
วา่ จะเกิดขึน้ ในอนาคตจากการตัดสนิ ใจเรอื่ งใดเรอื่ งหนึ่งของผ้บู ริหาร ซึ่งอาจไดจ้ ากการประมาณ
15
การณ์กล่าวคอื ต้นทนุ ในอนาคตนีจ้ ะเกิด หรอื ไม่เกิดขึน้ อยู่ท่กี ารตดั สินใจของผบู้ ริหาร และใน
ขณะเดยี วกันผู้บรหิ ารก็ตอ้ งพิจารณาจากต้นทุนน้เี ช่นกัน ว่าควรจะตดั สินใจอยา่ งไรให้เกดิ ตน้ ทุน
ต่างท่สี ุด ดงั น้นั กิจการจงึ ควรระมัดระวงั และพิจารณาอยา่ งรอบคอบในการประมาณต้นทนุ ประเภทน้ี
เชน่ บริษทั ข ก าลงั พิจารณาเปล่ียนเคร่ืองจักร และมีผู้มาเสนอขายหลายราย ตลอดจนมีบริษทั อ่นื ๆ
ยื่นขอ้ เสนอใหเ้ ช่าเคร่ืองจักรดงั กลา่ วดว้ ย ดังนนั้ ฝ่ายบญั ชีตอ้ งทำการประมาณการณ์ ตน้ ทุนใน
อนาคตว่า ถา้ ซอื้ จากผ้ขู ายรายท่ี 1 2 หรือ 3 ต้นทุนในอนาคตจะเป็นเท่าใด (ซ่งึ อาจหมายถึง
ค่าบำรงุ รกั ษา คา่ เสื่อมราคา คา่ นา้ มันเชือ้ เพลิง เป็นต้น) หรอื ควรจะเชา่ เครื่องจกั รดี
• จำแนกตามความรบั ผดิ ชอบ
- ต้นทุนที่ควบคมุ ได้ (Controllable cost) หมายถงึ ต้นทุน หรือ
ค่าใช้จ่ายที่สามารถระบุหรือกำหนดไดว้ า่ หนว่ ยงานใด หรอื บุคคลใดบคุ คลหนง่ึ เปน็ ผู้รบั ผิดชอบ
โดยตรงตอ่ ต้นทุนน้นั ๆ มีอำนาจส่งั การ สามารถควบคุม ให้ตน้ ทนุ นน้ั ๆ เพม่ิ ขึน้ หรือลดลงได้
- ตน้ ทุนท่คี วบคมุ ไม่ได้ (Uncontrollable cost) หมายถึง ตน้ ทนุ หรอื
คา่ ใช้จา่ ยทไ่ี ม่ไดภ้ ายใต้อำนาจหน้าที่ ท่ีหน่วยงานหรือผบู้ รหิ ารในระดบั น้นั ๆ จะควบคมุ ไว้ได้คอื ไม่
สามารถจัดการ ก าหนด หรือสง่ั การใหต้ ้นทนุ นั้นๆ เพมิ่ ขึน้ หรอื ลดลงได้
• จำแนกตามการวิเคราะหป์ ญั หาเพ่อื ตัดสนิ ใจ
- ตน้ ทนุ จม (Sunk cost) หมายถึง ตน้ ทุนทีเ่ กิดขน้ึ จากการตดั สินใจใน
อดีต ไมม่ ีผลกระทบต่อการตดั สินใจในปัจจุบัน ถือเปน็ ต้นทนุ ที่ไมส่ ามารถหลีกเลีย่ งได้ ไม่สามารถทำ
การเปลี่ยนแปลงได้ไมว่ ่าจะมีการตัดสนิ ใจอย่างไรก็ตาม เชน่ คา่ เชา่ จากสัญญาเช่าระยะยาว ค่าเสื่อม
ราคาสนิ ทรพั ย์ เปน็ ตน้
- ต้นทนุ ท่หี ลกี เลยี่ งได้ (Avoidable cost) หมายถงึ ต้นทุนท่ีสามารถ
ประหยดั ไดจ้ ากการตัดสนิ ใจเลือกทางเลอื กใดทางเลอื กหนึ่ง เปน็ ส่วนหนึง่ ของต้นทุนในอนาคต ดงั นนั้
จงึ มบี ทบาทมากตอ่ การตดั สินใจของผู้บรหิ าร
- ต้นทุนค่าเสยี โอกาส (Opportunity cost) หมายถงึ ผลประโยชนห์ รือ
ผลตอบแทนทก่ี ิจการตอ้ งสูญเสยี ไป เพราะไม่เลอื กทางเลอื กนัน้ เช่น นาย ก. ต้องเสียโอกาสในการ
ได้รับคา่ เชา่ เดอื นละ 5,000 บาท เพราะนาย ก. เลอื กท่จี ะน ารา้ นนั้นไปประกอบกิจการรา้ นอาหาร
แทนการใหเ้ ช่า เป็นตน้
- ต้นทุนสว่ นตา่ ง (Differential cost) หมายถงึ ตน้ ทนุ ทีเ่ กิดจากการ
เปลยี่ นแปลง(อาจเพม่ิ ข้นึ หรอื ลดลง) ไปจากการตัดสินใจเลอื กกระท าอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ โดยปกติ
มักจะเกดิ ขนั้ เม่ือมีการเปลี่ยนแปลงวธิ ีปฏบิ ัติแบบเดิม มาเปน็ การปฏบิ ัตแิ บบใหม่
16
- ต้นทุนสว่ นเพิ่มต่อหนว่ ย (Marginal cost) หมายถึง ตน้ ทนุ ทจี่ ะ
เพม่ิ ข้นึ เมื่อการผลติ เพิ่มข้นึ หน่ึงหนว่ ย ซงึ่ เปน็ ตน้ ทนุ ท่เี ปน็ แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ซง่ึ มสี ว่ น
ชว่ ยในการตดั สนิ ใจของผบู้ ริหารได้เป็นอยา่ งดี (4) บัญชลี ูกหน้ี
ลูกหนี้เปน็ สทิ ธเิ รยี กร้องจากบุคคลอน่ื ในภาระทจ่ี ะให้ชำระหนี้ด้วยเงนิ สดหรอื สนิ
ทรพั ยอ์ ย่างอ่นื โดยคาดว่าจะได้รับช าระเตม็ จำนวนแต่เมื่อถึงกำหนดชำระอาจมหี นีส้ ูญเกิดขึน้ และ
บางคร้ังอาจมเี หตุการณ์ต่างๆเกิดข้นึ ดังน้ันการบันทึกบัญชีเกี่ยวกบั ลูกหน้จี งึ ต้องปฏิบัตแิ ตกตา่ ง
กันไปแต่ละกรณกี ารบนั ทกึ บัญชจี งึ มกี ารกำหนดมลู ค่าของลูกหนท้ี ี่จะบันทึก จะตอ้ งพิจารณาถึง
สว่ นลดทีอ่ าจเกดิ ขึ้น และสามารถนำลกู หนี ไ้ ปหาผลประโยชน์ได้ เชน่ นำไปเป็นหลักค้ำประกนั
เงนิ กหู้ รอื นำไปขายแสดงรายการในงบการเงนิ จะตอ้ งนำจำนวนทก่ี นั ไวส้ ำหรบั ลกู ค้าทีค่ าดว่าจะ
เรียกเก็บหรือเรยี กวา่ บัญชคี า่ เผอ่ื หนีส้ งสยั จะสญู เพือ่ ปรับมูลคา่ ลูกหน้ี
• ความหมายของลกู หนี้
ลกู หนี้ (Receivable) หมายถึง สิทธเิ รยี กรอ้ งอยา่ งหนง่ึ ของเจา้ หนี ้ใน
การที่จะใหช้ ำระหนดี้ ว้ ยเงินสดหรอื ทรัพย์สนิ อย่างอนื่ โดยคาดหมายวา่ จะไดร้ บั ชำระเต็มจำนวนเมือ่
ถงึ กำหนดชำระลกู หน้ีจัดเปน็ สนิ ทรพั ยอ์ ยา่ งหนงึ่ ของกจิ การและควรแสดงในงบการเงนิ ดว้ ยมูลคา่ สทุ ธิ
ท่คี าดวา่ จะได้รับน่นั ก็คือจำนวนที่คาดหมายวา่ จะเก็บได้
• ประเภทของลูกหน้ี
ลูกหน้ีแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื
- ลกู หนกี้ ารคา้ (Trade Receivable) หมายถึง ลกู หนีท้ เ่ี กดิ จาก
การดำเนินการค้าตามปกตขิ องธุรกจิ และจะมีชือ่ บัญชีแตกต่างกนั ได้ตามประเภทของธรุ กจิ เชน่ ธรุ กจิ
ธนาคารพาณิชย์ หมายถึงบญั ชีระหวา่ งธนาคารทม่ี ดี อกเบ้ยี เงนิ ใหส้ นิ เชื่อ และดอกเบยี้ คา้ งรับ กจิ การ
ประกนั ภยั หมายถงึ บัญชีเบีย้ ประกันภัยคา้ งรบั เงนิ คา้ งรับเก่ยี วกบั การประกันต่อ และเงินใหก้ ยู้ ืม
- ลกู หนอี้ ่นื ๆ(Other Receivable) หมายถึง ลูกหนที้ ไ่ี มไ่ ดเ้ กิด
จากการดำเนินการค้าตามปกตขิ องธรุ กจิ เช่น ลกู หนีแ้ ละเงนิ ใหก้ ูย้ ืมแกก่ รรมการและลูกจ้าง เงนิ ให้ยมื
แกบ่ รษิ ทั ในเครือและบรษิ ัทรว่ ม รายได้อน่ื เป็นต้น
17
2.3.2 ความรู้เกย่ี วกับระบบบญั ชี
ระบบบัญชี (Account System) หมายถงึ ระบบการจำแนกประเภทของขอ้ มูลจากบญั ชี
สมุดบัญชี เอกสารการพมิ พว์ ิธีการดำเนินงานตลอดจนการควบคุมทางการบัญชี การนำเครือ่ งมือและ
อุปกรณ์ต่างๆ เขา้ มาใช้ในการจัดทำรวบรวมขอ้ มลู ทีเ่ ก่ยี วข้องกบั การดำเนินงานของกิจการให้สามารถ
นำเสนอข้อมลู ทางบญั ชใี หส้ ำเรจ็ สมบรู ณ์ไม่วา่ จะเปน็ เร่อื งทเ่ี กี่ยวกบั สินทรพั ย์ หน้สี นิ รายได้ ค่าใช้จ่าย
และการประเมนิ ผลในการดำเนินงานอย่างถกู ตอ้ งและเป็นระบบแบบแผนท่ีดี นอกจากน้รี ะบบบญั ชี
ยังช่วยใหม้ กี ารจดั ทำรายงานเพือ่ เสนอต่อผบู้ รหิ าร ส่วนราชการทเ่ี กยี่ วข้องและบคุ คลภายนอกอกี ด้วย
(1) ส่วนประกอบของระบบบญั ชี
- เอกสารทางการบัญชี คือ แบบฟอร์ม, สมุดบนั ทึกรายการขัน้ ต้น, สมุดบัญชแี ยก
ประเภท, ทะเบียนตา่ ง และรายงานหรืองบการเงนิ ตา่ งๆ
- วธิ ีการตา่ งๆ ในการด าเนินงาน การปฏิบัตงิ านเกี่ยวกับการใช้แบบฟอรม์
การบันทกึ ข้อมูล ตลอดจนการจัดทำรายงานต่างๆ ซึง่ ตอ้ งมขี น้ั ตอน และวธิ ีการท่ีชดั เจน สามารถ
ปฏิบัติไดถ้ กู ตอ้ งและรวดเรว็
- เครอ่ื งมือ และอุปกรณ์ในการลงบัญชเี ปน็ เครื่องท่นุ แรงในการปฏิบตั ิงานบญั ชี
ใหร้ วดเรว็ และถกู ต้อง เช่น คอมพวิ เตอร์ พมิ พด์ ดี เครือ่ งคำนวณ เครื่องถา่ ยเอกสาร
- บุคลากรท่ปี ฏบิ ตั ิงานในระบบบัญชี พนักงานท่ีท าหนา้ ท่ปี ฏิบัติงานตามระบบ
บัญชที ี่มคี ุณสมบัติเหมาะสมในการท างานมีความรู้ความสามารถ
(2) การทำงานของระบบบัญชี
การทำงานของระบบบัญชมี กี ารเชือ่ มโยงจากระบบผลิตสินค้า ระบบสัง่ ซือ้ และ
ระบบส่งมอบสินค้า ซ่ึงมีการเกบ็ ขอ้ มลู ในฐานขอ้ มูลเดยี วกนั และสามารถดงึ ข้อมูลจากทกุ ระบบ
มาจัดทำเป็นงบการเงนิ ดังรปู ท่ี 2.3 แผนผงั การทำงานของระบบบญั ชี
18
รปู ท่ี 2.3 แผนผงั การทำงานของระบบบัญชี
ท่ีมา : http://www.nbaccounting.com, 2558 : Google
2.3.3 ความร้เู ก่ยี วกับโปรแกรม Microsoft excel
(1) ความรูพ้ ืน้ ฐานเกีย่ วกับโปรแกรม Microsoft Excel
โปรแกรม Microsoft Excel เปน็ โปรแกรมในกลมุ่ ของ Microsoft Office และยังมีโปรแกรม
อนื่ ๆ ท่ีคนุ้ เคยกัน ได้แก่Microsoft Word ซ่งึ เหมาะกับการจัดทำเอกสารMicrosoftPowerPoint ซ่ึง
เหมาะกับการนำเสนองานโดยโปรแกรม MicrosoftExcel เป็นโปรแกรมประเภทสเปรดชีต
(Spreadsheet) ทม่ี ีความสามารถในการนำข้อมูลมาคำนวณ ไมว่ ่าจะเปน็ การคำนวณตามสูตร
คณิตศาสตรพ์ ้นื ฐานหรือสตู รทางการเงนิ ท่มี ีความซบั ซอ้ นมากขึ้น เนอื่ งจากโปรแกรม Microsoft
Excel มฟี ังก์ชันต่างๆ ใหเ้ ลือกใชม้ ากมาย และเป็นโปรแกรมประเภทสเปรดชตี ที่มลี ักษณะเป็นตาราง
2 มิติคอื มีแถวแนวตงั้ เรยี กวา่ “คอลมั น”์ (Column) และบรรทัดแนวนอนเรยี กว่า “แถว”(Row)
จุดตดั ระหวา่ งคอลมั นแ์ ละแถว เรียกวา่ “เซลล์” (Cell) โดยแต่ละเซลล์สามารถคีย์ขอ้ มูลไดห้ ลายชนิด
ได้แก่ ตวั อกั ษร ตวั เลข สตู ร และขอ้ มูลประเภทวันท่ีและเวลา โดยจากโครงสรา้ ง Worksheet ของ
Microsoft Excel ทป่ี ระกอบด้วยเซลล์จำนวนมาก ทำให้สามารถนำมาประยุกตใ์ ช้สำหรบั การออก
เอกสารต่างๆ ของระบบบัญชไี ด้อีกมากมาย เชน่ ใบขอซ้ือ ใบสั่งซ้อื ใบเสร็จรบั เงนิ ทะเบยี นคมุ
ทรพั ยส์ นิ และเอกสารอ่นื ๆ หรอื ใช้วธิ ีพมิ พ์ หรอื จัดทำด้วยระบบคอมพิวเตอร์ การพิมพด์ ้วยเคร่ือง
พมิ พ์ดีด การพิมพด์ ้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปสเปรดชีต (Spreadsheet) เชน่ LOTUS หรือ
EXCEL หรือโปรแกรมสำเรจ็ รูปที่มีลักษณะทำนองเดียวกนั ขอ้ กำหนดข้างตน้ ทำใหก้ ารทำบญั ชดี ้วย
โปรแกรมสเปรดชีตไดร้ ับความนิยมมากขึน้ และเป็นท่ยี อมรบั กนั อย่างแพรห่ ลาย ธรุ กิจ
19
จำนวนมากหนั มาใช้โปรแกรมสเปรดชตี ในการจัดทำบัญชีเพราะไมต่ ้องสิน้ เปลอื งงบประมาณในการ
จัดหาโปรแกรมสำเร็จรปู ทมี่ ีราคาสูงมาใช้งาน นอกจากนัน้ การใชโ้ ปรแกรมสเปรดชีตในการทำบัญชียงั
สามารถตอบสนองความตอ้ งการของผู้บริหารกจิ การไดอ้ ยา่ งถูกต้องตรงความตอ้ งการอกี ดว้ ย และ
ขอ้ ดีอกี ประการหนง่ึ ของการใช้โปรแกรมสเปรดชีตในการทำบญั ชีคือ กจิ การสามารถนำผลลัพธ์ทไ่ี ด้
จากโปรแกรมมาใช้ในการวิเคราะห์ตอ่ ได้อกี
(2) ข้ันตอนการทำบัญชีดว้ ยโปรแกรม Microsoft Excel
โปรแกรมสเปรดชีตเปน็ โปรแกรมที่เหมาะกับการทำงานเกยี่ วกับตาราง การ
คำนวณ อีกทั้งยงั สามารถเชอื่ มโยงขอ้ มูลระหวา่ ง Cell หรือระหวา่ ง Worksheet ไดซ้ งึ่ เหมาะกบั การ
นำมาประยุกตใ์ ชก้ ับงานบัญชีเนอื่ งจากการทำงานดา้ นบญั ชจี ะตอ้ งมกี ารเชือ่ มโยงขอ้ มูลระหวา่ งกัน
และกนั เชน่ การเชอื่ มโยงข้อมลู ระหว่างสมุดรายวนั และบญั ชีแยกประเภทเปน็ ต้นดังนั้นนักบญั ชีท่มี ี
ความร้คู วามสามารถเก่ยี วกับการใชง้ านโปรแกรมสเปรดชีตจงึ ประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมสเปรดชีตกับงาน
บัญชหี ลากหลายด้าน ไมว่ า่ จะเป็นการจดั ทำงบประมาณ การวิเคราะห์งบการเงนิ หรือการจดั ทำบัญชี
โดยทว่ั ไป ซ่งึ ประกอบด้วยการบันทกึ รายการในสมดุ รายวนั การจดั ทำบัญชแี ยกประเภท การจดั ทำงบ
ทดลอง และการจัดทำงบการเงินและงบกระแสเงินสด
นอกจากน้นั ตามประกาศอธิบดกี รมสรรพากร เก่ยี วกบั ภาษีมลู ค่าเพม่ิ (ฉบับท่ี 89)
เรอ่ื ง กำหนดแบบหลักเกณฑ์วธิ กี ารและเงือ่ นไขเกยี่ วกบั การจดั ทำรายงาน การลงรายการในรายงาน
การเก็บใบกำกบั ภาษีและเอกสารหลกั ฐานอืน่ ที่ใช้ประกอบการลงรายงานภาษซี อ้ื ตามมาตรา 87
และมาตร 87/3 วรรคสอง แห่งประมวลรษั ฎากร โดยข้อกำหนดข้อ 10 ความตอนหนงึ่ วา่
“การลงรายการในรายงานภาษขี ายรายงานภาษซี อื้ ให้เขยี นด้วยหมึก”
(3) ขัน้ ตอนการทำบญั ชีด้วยโปรแกรม Microsoft Excel
การใช้โปรแกรมสเปรดชีตในการจดั ทำบัญชมี ีข้ันตอนการทำงานท่ีคล้ายคลงึ กับการ
จัดทำบัญชีด้วยระบบเดมิ โดยจะมกี ารเก็บขอ้ มลู ของรายการผ่านบญั ชที ง้ั หมดไวใ้ นแฟม้ ข้อมลู รายการ
ผา่ นบญั ชีไม่มกี ารแยกขอ้ มลู ออกเป็นแฟม้ ยอ่ ย ๆ เหมอื นกบั การทำบัญชดี ว้ ยระบบเดมิ ท่ีแยกเปน็ สมุด
รายวนั แต่ละเล่ม อยา่ งไรก็ตาม หากกิจการตอ้ งการดูข้อมลู โดยแยกตามสมุดรายวนั กส็ ามารถเรียกดู
ไดจ้ ากแฟม้ ข้อมลู รายการผ่านบัญชโี ดยใช้คำส่งั ของการจดั เรียงข้อมลู ตามรหสั ของสมุดรายวันขน้ั ตน้ ท่ี
ต้องการได้
20
(4) ข้ันตอนในการทำงานเร่ิมตน้ จากกจิ การต้องกำหนดวา่ ต้องการแยกสมุดบนั ทึก
รายการขนั้ ตน้ ออกเป็นกเี่ ลม่ ซง่ึ สว่ นใหญจ่ ะแบ่งเปน็ 5 เลม่ ไดแ้ ก่ สมดุ รายวนั ขาย สมุดรายวนั ซ้ือ
สมุดเงนิ สดรับสมุดเงินสดจา่ ย และสมุดรายวันทั่วไปนอกจากนน้ั ต้องมีการกำหนดผงั บัญชสี ำหรบั การ
บันทกึ รายการกอ่ น เพราะวา่ การจัดทำบญั ชีด้วยโปรแกรมสเปรดชตี จะเปน็ การทำบัญชีท่ปี ระยกุ ต์
จากการทำบัญชีดว้ ยระบบมอื ดังน้นั จะพยายามลดขัน้ ตอนของการคยี ์ข้อมูลดว้ ยตนเองเพื่อลดความ
ผิดพลาดท่อี าจจะเกดิ ขึน้ ไดซ้ ่ึงถ้าหากมกี ารกำหนดผงั บัญชไี วเ้ บือ้ งต้นแล้ว เมือ่ ตอ้ งการบนั ทกึ รายการ
คา้ กจ็ ะใช้การดึงข้อมูลจากผังบัญชีมาบนั ทึกแทนการคยี ข์ ้อมลู เอง เมื่อทำการกำหนดประเภทสมุด
รายวนั และผงั บญั ชแี ล้วกส็ ามารถบนั ทกึ รายการค้าได้ทันทีและสามารถเรียกดูรายงานต่างๆ ได้ไม่วา่
จะเปน็ การเรียกดูรายงานขอ้ มูล ซง่ึ สามารถเรียกดูได้หลายรูปแบบ เชน่ การเรียงตามวันท่ี เรียงตาม
ประเภทสมุดเรยี งตามเลขที่บัญชีเป็นต้น และนอกจากรายงานข้อมลู แล้ว ยงั สามารถเรยี กดูรายงาน
ทางการเงนิ ได้ด้วย เช่น งบดุล งบกำไรขาดทุน เป็นตน้
(5) ข้นั ตอนการทำบัญชีโดยใชโ้ ปรแกรมสเปรดชีตมีดงั น้ี
- การกำหนด Worksheet ผงั บัญชแี ละกระดาษทำการ เป็น Worksheet สำหรบั
การสรา้ งผงั บญั ชีและเป็นกระดาษทำการดว้ ย โดยขอ้ มลู ใน Worksheet นี้ประกอบดว้ ย2 ส่วนหลักๆ
คอื สว่ นของผงั บัญชไี วใ้ ช้สำหรับการนำช่อื บญั ชีไปใชใ้ นการบันทกึ รายการคา้ และสว่ นของกระดาษ
ทำการ ซ่ึงเปน็ การดงึ ขอ้ มลู สรปุ จาก Worksheet อ่นื เพือ่ นำมาจดั ทำงบกำไรขาดทนุ และงบดลุ ของ
กจิ การตอ่ ไปโดยใน Worksheet นี้ประกอบดว้ ยข้อมูลดังนี้
รูปที่ 2.4 Worksheet ผงั บัญชีและกระดาษทำการ
ท่มี า: ประยุกต์จากเอกสารประกอบการสอนหลกั สตู รการจัดวางระบบบัญชีและการใช้โปรแกรม
Excel : อ.พัฒนพงศ์ สวุ รรณชาต
21
O รหสั บัญชีสำหรับการกำหนดรหัสบัญชขี องแต่ละช่ือบัญชนี อกจากนั้นยังใช้สำหรบั การอ้างองิ เซลล์
สำหรบั การบนั ทึกรายการค้าอกี ด้วย
O หมวดบัญชี สำหรับการระบุหมวดบญั ชีซงึ่ โดยปกตจิ ะมี5 หมวด ไดแ้ ก่
หมวด 1 สนิ ทรพั ย์
หมวด 2 หนสี้ นิ
หมวด 3 ทุน
หมวด 4 รายได้
หมวด 5 คา่ ใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม หากกิจการมกี ารแบง่ หมวดบัญชเี ป็นมากกว่า 5 หมวด กส็ ามารถกำหนดเพิม่ เติมได้โดย
การกำหนดหมวดบญั ชนี ้ี จะใช้สำหรับการอา้ งอิงคา่ ในการดึงขอ้ มลู ไปใช้สำหรบั การจดั ทำงบการเงนิ
ด้วย
• ชือ่ บัญชี สำหรับระบุชื่อบัญชีของแต่ละรหัสบญั ชีซงึ่ ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั เลขท่ีบัญชแี ละหมวด
บัญชีดว้ ย
• งบทดลองยกมา สำหรับการระบุยอดงบทดลองยกมา(ในกรณีกิจการมียอดยกมา
จากงวดบัญชีก่อน) การคีย์ขอ้ มลู ในคอลมั นน์ ี้ คือ หากยอดยกมาเป็นเดบิตใหม้ ีคา่ เปน็ บวก และถ้า
ยอดยกมาเป็นเครดิตให้มีค่าเปน็ ลบ เน่อื งจากเปน็ การกำหนดค่าในคอลัมน์เดยี วกัน โดยยอดรวมของ
งบทดลองจะเทา่ กับศูนย์
• งบทดลองประจำงวด สำหรบั การดึงขอ้ มูลจากWorksheet งบทดลองประจำงวด
โดยข้อมลู ในช่องนี้จะนำมาเพ่ือใช้ประโยชน์ในการคำนวณหายอดรวมงบทดลองต่อไป และยอดรวม
ของงบทดลองจะเทา่ กับศูนย์
• รวมงบทดลอง เป็นการนำยอดงบทดลองยกมา บวกกับงบทดลองประจำงวด โดย
ขอ้ มลู ทีไ่ ดจ้ ะนำไปใช้สำหรับการจัดทำงบการเงนิ ต่อไป และยอดรวมของงบทดลองจะเทา่ กบั ศนู ย์
• งบกำไรขาดทนุ เปน็ การนำข้อมลู จากช อ่ งรวมงบทดลองมาเพอื่ ใช้แสดงผลการ
ดำเนนิ งานประจำงวดบญั ชขี องกิจการ ถ้ายอดเป็นบวกแสดงว่าผลการดำเนนิ งานเป็นขาดทุนสุทธิ
แตถ่ า้ ยอดรวมเป็นลบแสดงว่าผลการดำเนินงานเปน็ กำไรสุทธิโดยข้อมูลในคอลัมนน์ ี้จะดงึ ข้อมูลจาก
คอลัมนร์ วมงบทดลอง เฉพาะหมวดบัญชี4 และหมวดบญั ชี5 เท่านั้น
• งบดุล เป็นการนำขอ้ มลู จากชอ่ งรวมงบทดลองมาเพอื่ ใชแ้ สดงฐานะการเงนิ ของ
กิจการ และยอดรวมทแี่ สดงไวค้ อื ผลการดำเนนิ งาน (กำไร/ขาดทนุ สุทธ)ิ ทยี่ กยอดมาจากคอลัมนง์ บ
กำไรขาดทนุ โดยข้อมูลในคอลมั น์น้ีจะดงึ ขอ้ มูลจากคอลัมน์รวมงบทดลอง เฉพาะหมวดบัญชี1 หมวด
บญั ช2ี และหมวดบญั ชี3เท่าน้ัน
22
- การกำหนด Worksheet รายการผา่ นบัญชี เป็นWorksheet สำหรับการบันทึก
รายการคา้ ทเ่ี กดิ ขนึ้ แต่ละวนั ในสมุดรายวนั ทุกเลม่ วิธกี ารบนั ทึกรายการใน Worksheet นี้จะเหมอื น
กับการบนั ทึกรายการค้าในสมุดรายวนั ด้วยระบบมอื ทค่ี ุน้ เคยกันอยูแ่ ลว้ โดยจะมกี ารบันทึกบัญชตี าม
หลกั การบัญชคี ู่ โดยยอดเงินดา้ นเดบิตและเครดิตจะตอ้ งเท่ากนั แต่จะแตกต่างจากการบันทกึ รายการ
ด้วยระบบเดมิ คือ การบันทึกรายการด้วยโปรแกรม Microsoft Excel จะสามารถเชอ่ื มโยงขอ้ มูล
ระหวา่ ง Worksheet ผังบัญชีไดโ้ ดยประกอบดว้ ยข้อมูลดงั นี้
(6) ความหมายของโปรแกรม Microsoft excel
ไมโครซอฟท์ เอกซเ์ ซล (Microsoft Excel) เปน็ โปรแกรมประเภทตารางการ
คำนวณ (สเปรดชีต) พฒั นาโดยบรษิ ทั ไมโครซอฟท์ และเป็นโปรแกรมหน่ึงในชุดไมโครซอฟท์ ออฟฟศิ
สำหรับจัดการและคำนวณขอ้ มูลในรปู แบบตาราง อกี ทง้ั สามารถจัดทำกราฟ แผนภูมเิ พอ่ื แสดงผล
ขอ้ มูลได้
ไมโครซอฟท์ เอกซ์เซล เปน็ โปรแกรมทไี่ ด้รับความนิยมในดา้ นการการคำนวณ
ทางคณิตศาสตร์โดยใชฟ้ ังกช์ นั พน้ื ฐาน บวก ลบ คูณ หาร ยกกำลัง รวมถงึ ฟงั กช์ ันทางคณติ ศาสตร์
ระดับสงู เชน่ Modulo, ตรีโกณมิติ (Sin Cos Tan) ฟงั ก์ชนั ทางสถติ ิ เชน่ ค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน
ฟังกช์ นั ทางการเงิน เช่น การคดิ ค่าเส่ือมราคา, การคำนวณคา่ ปัจจบุ นั ฟังก์ชนั ในการตดั ตอ่ คำ เชน่
Concatenate ฟังกช์ นั ในการค้นหาขอ้ มลู เชน่ Lookup, vlookup และ hlookup สำหรับส่วนท่ีถอื
วา่ เป็นส่งิ ท่เี ยี่ยมยอดของ ไมโครซอฟท์ เอกซ์เซล คอื การใช้งานในรูปแบบของฐานขอ้ มลู ซงึ่ สามารถ
จดั การฐานขอ้ มูลทีม่ ีขนาดไมใ่ หญม่ าก คอื มีประมาณไม่เกิน 65,000 ตาราง ไมว่ ่าจะเปน็ ตัวกรอง,
การเรียงลำดบั ข้อมูล (Sort) , คำนวณยอดรวม (Subtotal) และตารางไพวอต (Pivot Table) เป็น
คำสั่งสำหรบั สรปุ ขอ้ มูลให้อยู่ในรปู แบบท่ีดูไดง้ า่ ย สามารถหมนุ เปล่ียนตามต้องการ นอกจากนีย้ งั
สามารถทำกราฟในแบบต่างๆ เชน่ เสน้ ตรง วงกลม กราฟรูปแทง่ กราฟแท่งเทยี นทใี่ ชก้ ับการ
วเิ คราะหห์ ุน้ กท็ ำได้ กราฟพ้นื ที่ สามารถทำกราฟตา่ งๆให้อยใู่ นรูปแบบ 2 มติ ิ หรอื 3 มิติได้ด้วย
รวมถงึ ทำกราฟ 2 ชนิดในรูปเดยี วกันไดด้ ้วย
(7) การใชง้ านเบ้อื งต้นของโปรแกรม Microsoft Excel
โปรแกรม Microsoft Excel หรือเรยี กว่า Excel เป็นโปรแกรมประเภท สเปรด
ชตี (Spread Sheet)เหมาะสำหรับการจัดการเกย่ี วกบั การค านวณ หาผลลัพธ์ การสร้างกราฟ
แผนภมู ิ ซึง่ Excel ยังสามารถปอ้ นขอ้ ความ แทรกรปู ภาพ และสัญลกั ษณพ์ เิ ศษต่างๆของตวั เลข และ
การจดั การเก่ยี วกบั ตารางข้อมูลได้ Excel มฟี งั กช์ นั ในการคำนวณให้ผูใ้ ช้สามารถเลือกใช้มากมาย จึง
ทำให้สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์คำนวณค่าตัวเลขตา่ งๆได้สะดวก ดังน้นั จึงไมต่ ้องสงสัยท่ีหนึง่ ใน
โปรแกรมประยุกต์ในท้องตลาดจะตอ้ งมีการนำ Excel ไปใช้กบั
23
งานหลายๆ สาขาอาชพี เชน่ นักบญั ชี นักวทิ ยาศาสตร์ วศิ วกร นักสถิติ นกั วางแผน และครู อาจารย์
เปน็ ตน้ โดยลักษณะท่ัวไปแล้ว Excel เป็นโปรแกรมที่อยู่ในชุดของ Microsoft Officeเชน่ เดียวกบั
โปรแกรม Microsoft PowerPoint และ Microsoft Word ที่นกั ศกึ ษาไดเ้ รยี นรไู้ ปแลว้ ส่วนใหญ่จะมี
รูปแบบหนา้ จอเมนคู ำสั่ง เมนูบารท์ มี่ ีการส่งั การเหมอื นกัน เชน่ การปรับเปลีย่ นขนาดตวั อักษร การ
ปรับเปลี่ยนสีตัวอกั ษร การทำตัวอกั ษรให้เปน็ ตัวหนา ตวั เอียง การสร้างตารางขอ้ มลู เปน็ ต้น ท้งั นี้จะ
มขี อ้ แตกตา่ งกนั ในรายละเอยี ดเฉพาะทีเ่ ปน็ จุดเด่นของโปรแกรมนน้ั ๆ ซงึ่ ในเอกสารน้ีจะไดม้ าเรียนรู้
กนั ในส่วนการใชง้ านโปรแกรม Microsoft Excel
7.1 การเขา้ ส่กู ารใช้งานโปรแกรม Microsoft Excel
1 นำเมาส์คลกิ เมนู start ->programs-> Microsoft Excel ดังรูป
รปู ที 2.5 การเรยี กใช้งานโปรแกรม Microsoft Excel
ท่มี า https://sci.dru.ac.th/dlr/files2/Microsoft%20Excel.pdf
24
7.2 ส่วนประกอบต่างๆ ของ Excel เม่ือเปดิ โปรแกรมขนึ้ มา
เม่ือเปดิ โปรแกรม Excel แล้วหน้าจอทไ่ี ด้จะมสี ่วนต่างๆท่ีควรร้จู ักซึง่ จะทำ ให้
ผู้ใช้สามารถทีจ่ ะใช้งานExcel ได้ตามความต้องการ ส่วนประกอบตา่ งๆ มีดงั นี้
รปุ ท่ี 2.6 ช่ือสว่ นประกอบโปรแกรม Microsoft Excel
ที่มา https://sci.dru.ac.th/dlr/files2/Microsoft%20Excel.pdf
แตล่ ะส่วนประกอบ มีรายละเอียดดงั นี้
• แถบชอื่ เรื่อง (Title Bar) เปน็ สว่ นแสดงว่าเราใชโ้ ปรแกรม Excel เปดิ แฟ้มชื่ออะไรอยู่
• ป่มุ ควบคุมโปรแกรม (Control Button) ใช้ควบคุมขนาดหน้าตา่ งโปรแกรม เช่น ยอ่ ขยาย
และปิด
• แถบเมนู (Menu bar) เปน็ การนำเอาคำส่ังท่ีใชบ้ ่อยๆมาสรา้ งเปน็ ปมุ่ เพอื่ ให้สะดวกตอ่ การ
เรยี กใชงาน
• แถบเครอื่ งมอื (Toolbar) เปน็ การนำเอาคำสั่งทีใ่ ชบ้ อ่ ยๆ มาสร้างเปน็ ปมุ่ เพอื่ ให้สะดวกตอ่
การเรียกใช้งาน
• แถบสูตร (Formula bar) เปน็ แถบทใ่ี ช้สำหรบั ให้ก าหนดสูตรคำนวณขอ้ มูล
• ชีต หรอื เวิร์กชีต (Sheet or Work Sheet) เป็นพ้ืนท่ีทีจ่ ะทำงาน ซ่งึ จะมองเห็นเป็นลกั ษณะ
ตาราง โดยแต่ละชอ่ งตารางจะเรียกวา่ “เซลล์ (Cell)”
25
• แถบสถานะ (Status Bar) ใช้แสดงสภาวะตา่ งๆ ของโปรแกรม เชน่ การกดปุ่มพเิ ศษ และ
การพมิ พ์งานออกทางพรินเตอร์ เป็นต้น แถบเล่อื น (Scroll Bar) ใช้เลอื่ นไปยังพืน้ ที่ของเซลลท์ ี่
ตอ้ งการท่ไี มส่ ามารถแสดงให้เหน็ ท้ังหมดในหน้าจอได้
• ช่ือเซลล์ (Name Box) เป็นช่องทแี่ สดงถงึ การระบตุ ำแหนง่ ของเซลลโ์ ดยจะแสดงตำแหนง่
ของเซลลเ์ ชน่ ชื่อเซลล์ปรากฏชื่อ E3 ซึง่ ชื่อเซลลจ์ ะได้มาจากการนำช่ือหัวคอลัมน์ (Column Name)
มาต่อดว้ ย ชื่อแถว(Row Name) โดยจะตอ้ งมกี ารอา่ นบงั คบั ตามลำดับ เหมอื นกบั การอ่านจดุ พกิ ัดบน
แผนท่ี ดงั น้ัน E3 หมายถึงเซลล์ E3 ท่เี กดิ จากคอลัมน์ E ตดั กับแถวที่ 3
• ชื่อแถว (Row Name) เป็นส่งิ ท่ีใช้ในการกำหนดการอ้างองิ ตำแหน่งข้อมลู ในแนวนอน
• ชอ่ื คอลมั น์ (Column Name) เปน็ สิง่ ที่ใช้ในการกำหนดการอ้างอิงตำแหน่งขอ้ มูลในแนวตง้ั
7.3 สว่ นประกอบตา่ งๆ ของ Work Sheet
Work Sheet เป็นพื้นที่ท างานท่ีเปรยี บเสมือนเปน็ กระดาษทส่ี ามารถป้อน
ขอ้ มลู ทีต่ ้องการลงไปได้ แต่Work Sheet ของโปรแกรม Excel จะมีความสามารถเหนือกวา่ กระดาษ
ทีส่ ามารถปอ้ นขอ้ มูลเทา่ นั้น เพราะสามารถที่จะแกไ้ ขข้อมลู ได้ง่ายและคำนวณได้ใน Work Sheet
ด้วย สว่ นประกอบตา่ งๆ ของ Work Sheet ที่ควรรู้จักมดี งั น้ี
รูปท่ี 2.7 ช่อื สว่ นประกอบต่างๆของ Work Sheet
ท่ีมา https://sci.dru.ac.th/dlr/files2/Microsoft%20Excel.pdf
26
แต่ละส่วนประกอบ มีรายละเอยี ดดงั นี้
• เซลล์ (Cell) เปน็ ช่องสำหรบั ใส่ขอ้ มูลภายในหน่ึงเซลล์จะมีขอ้ มูลได้เพยี งแค่ตัวเดยี ว โดย
ขอ้ มูลจะเป็นตัวเลขตวั อกั ษร ข้อความ หรือสตู รต่างๆ
• ตำแหน่งกรอกข้อมลู (Active Cell) ตำแหน่งกรอกข้อมูลจะเปน็ เซลล์ท่ีมีกรอบเข้มกว่าเซลล์
อ่ืนเปน็ พเิ ศษเซลล์นีเ้ ป็นเซลลท์ ี่ผ้ใู ช้สนใจจะแกไ้ ข หากผ้ใู ช้พิมพ์ข้อมูลลงไป เซลล์นจี้ ะถูกแกไ้ ขทนั ที
คอลัมน์ (Column) คอื ชอ่ งขอ้ มูลทเ่ี รยี งอยทู่ างแนวตงั้ ใน Excel จะมที ้งั หมด 256 คอลมั น์
• หัวคอลัมน์ (Column Heading) คือชอ่ื แทนชอ่ งข้อมูลที่อยู่ในแนวตั้ง ใน Excel จะใช้
ตวั อักษรภาษาองั กฤษเปน็ ชื่อคอลมั น์ เรมิ่ ตัง้ แต่ A, B, C-Z แล้วต่อดว้ ย AA, AB ไปจนถึง IV
• แถว (row) คอื ช่องขอ้ มูลทเี่ รยี งอยู่ทางแนวนอน ใน Excel จะมีแถวท้งั หมด 65,536 แถว
• หัวแถว (row Heading) คือ ชอ่ื ของช่องทีอ่ ย่ใู นแนวนอนเดยี วกนั ใน Excel ใช้ตวั เลขแทน
ชื่อของแถว เริม่ ไปต้ังแต่ 1 ไปจนถงึ 65,536
• ป้ายช่อื ของเวิรก์ ชีต (Sheet Tab) ใช้แสดงชอ่ื ของเวริ ก์ ชตี ทผี่ ู้ใช้ใชง้ านอยใู่ นขณะนี้
2.4 งานวิจยั ทีเกี่ยวขอ้ ง
ชนดิ าภา กลั ป์ยานี (2555:บทคัดยอ่ ) งานวจิ ยั ในชนั้ เรยี น เรื่องการจดกั ารเรียนโดยใช้สื่อ
PowerPointและใบงานในรายวิชา วิชาโปรแกรมสำเรจ็ รูปเพื่องานบัญชรี หัส 3201-2011 ระดับชน้ั
ปวส. 1 สาขางานการบัญชภี าคเรียนท่ี2 ปี การศึกษา 2555 การวิเคราะหผ์ ู้เรียนว่ามีความร้คู วาม
เขา้ ใจเกี่ยวกับโปรแกรมสำเร็จรปู ที่ใช้จดั ทำบัญชบี ันทกึ ข้อมูลทางบัญชเี กีย่ วกบั ระบบบญั ชแี ยก
ประเภทระบบคลังสินค้า ระบบขาย ระบบลูกหนีร้ ะบบซอ้ื ระบบเจ้าหนีร้ ายงานข้อมลู ทางการเงนิ
โดยใชสือ่ PowerPointและใบงาน ในรายวชิ าโปรแกรมสำเรจ็ รปู เพอื่ งานบัญชีรหัส 3201-2011 รับ
ชั้น ปวส.1สาขางานการบญั ชวี ทิ ยาลยับริหารธรุ กจิ และการทอ่ งเที่ยวนครราชสีมา ภาคการศึกษา
2/2555 จากการเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยยงไั มม่ ีการใช้สือ่ PowerPointและใบงาน โดยใช้แบบทดสอบ
ก่อนเรยี น และแบบทดสอบหลังเรียนวชิ าโปรแกรมสำเรจ็ รปู เพ่อื งานบญั ชมี วี ัตถปุ ระสงคเ์ พื่อวเิ คราะห์
ความรู้ความเขา้ใจของผู้เรยี นในการวิเคราะหร์ ายการคา้เบอ้ื งต้น ความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั การวิจัย
สอ่ื การเรยี นมัลตมิ เี ดยี เพื่อนำผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลเหล่านม้ี าใช้เปน็ แนวทางในการออกแบบการเรียน
การสอน ให้มคี วามรู้สำหรบั การวิเคราะห์ผู้เรยี นคร้งั นจ้ี ะนำเสนอผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลผู้เรียน ดงั นี้
การวเิ คราะหผ์ ู้เรียนวา่ มีความรู้ความเขา้ใจเกี่ยวกบั การบันทกึ ขอ้ มลู ทางบัญชีโดยใช้โปรแกรม
สำเรจ็ รูปทางบัญชโี ดยใช้ส่อื PowerPoint และใบงาน ในรายวชิ าโปรแกรมสำเรจ็ รูปเพ่อื งานบัญชี
รหัส 3201-2011 ภาคเรียนที่ 2/2555 วทิ ยาลยั บรหิ ารธุรกิจและการทอ่ งเท่ียวนครราชสมี า สรปุ
ผลการวิจัยดังนีผ้ ลสมั ฤทธิ์ของการใชส้ ื่อ ส่อื PowerPoint และใบงาน งานในรายวชิ าโปรแกรม
สำเรจ็ รูปเพอื่ งานบัญชรี หสั 3201-2011 การใชแ้ บบทดสอบ ก่อนเรยี นผลปรากฏวา่ นักศกึ ษาสว่ น
27
ใหญไ่ ดผ้ ลคะแนนในระดบั พอใชค้ า่ เฉลี่ยคะแนนเท่ากับ 41.67 คะแนนการใชแ้ บบทดสอบหลงั เรยี น
และการใชส้ อื่ PowerPoint และใบงาน ในรายวิชาโปรแกรมสำเร็จรูปเพ่ืองานบญั ชรี หสั 3201-2011
ผลปรากฏว่า นักศึกษามีคะแนนเฉลีย่ เพิ่มขนึ้ จากเดมิ คิดเป็นรอ้ ยละ 54.00 แสดงว่าการใช้ส่อื
PowerPointและใบงาน ในรายวชิ าโปรแกรมสำเรจ็ รปู เพอ่ื งานบญั ชรี หัส 3201-2011 มผี ลทำให้
นกั ศกึ ษามผี ลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรียนอย่ใู นระดบั คอื ไดค้ ะแนนเฉลย่ี 64.17 คะแนน
มิสสมจิตร ลขิ ิตธรรม (2555:บทคัดยอ่ ) การพัฒนาการเรยี นการสอนโดยใช้ส่ือการสอน
Power point วชิ าสงั คมศกึ ษา ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่1โรงเรยี นอสั สมั ชัญ “ผลการวจิ ัยครไู ด้ทำการวิจัย
ในระยะเวลา 1 ปี การศกึ ษา โดยใชส้ ือ่ การสอนวิชาสงั คมศึกษา สร้างจากโปรแกรมPower Point ครู
สังเกตนักเรียน เห็นว่า นักเรยี นมีความตั้งใจและสนใจเรยี นมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าเป็นส่อื Power
Point ทีม่ ีตัวการต์ ูน เคล่ือนไหวไดเ้ ด็กจะใหค้ วามสนใจเปน็ พเิ ศษ โดยภาพรวมนักเรยี นห้อง ป.1/5 จึง
มีผลการเรยี นดีขน้ึ เป็นลำดับส่อื การสอนจากโปรแกรม Power point ทำให้ผู้เรียนมีความสนใจเรียน
และมผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงข้นึ และผสอู้ นจะสามารถเผยแพร่ส่อื ดังกลา่ วไปให้เพ่ือนครูทส่ี นใจใช้
ต่อไปได้”
อภริ ดี สงั ขพ์ นั ธุ์ (2556:บทคัดย่อ) งานวจิ ัยในชน้ั เรียนเรือ่ งการศึกษาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น
ของนกั เรยี น ระดบั ชัน้ ปวช.ปี ที่ 2 โดยใชส้ ือ่ การสอน Power Point วัตถุประสงค์ของการศึกษาครง้ั นี้
เพอื่ การศกึ ษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ ากฎหมายพาณิชย์โดย ใช้ส่อื Power Point ของนกั เรียน
ระดับช้ัน ปวช.ปีที่ 2 (แผนกวชิ าธรุ กจิ การค้าปลีก) วิทยาลยั เทคโนโลยีปัญญาภวิ ฒั น์ จำนวน 30 คน
เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจยั คือ สื่อPower Point แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงเั รยี นคะแนนท่ีไดจ้ าก
การทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรยี นเรียนมาหาค่าเฉลีย่ (x) -สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) และ
ทดสอบความแตกต่างของคะแนนเฉล่ยี ระหวา่ งกอ่ นเรยี นกบั หลงั เรยี นดว้ ยการทดสอบค่าที (t-test)
ผลการวิจัยพบว่าสรปุ ผลความคิดเห็นเกยี่ วกับส่ือการสอน Power Point รายวิชากฎหมายพาณิชย์ผล
การศึกษาพบวา่ ผ้ตู อบแบบสอบถามเป็นเพศชาย จำนวน 14 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 46.67 เปน็ เพศหญิง
จำนวน 16 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 53.33 เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ดงั น้คี วามคดิ เหน็ เรอื่ งตวั อกั ษร
และสีท่ใี ช้สื่อความหมายเขา้ ใจง่ายเฉล่ียอยู่ระดับที่ 4.40 หมายถงึ ความพึงพอใจอยู่นระดับมาก
รองลงมาความคิดเห็นเรื่อง เน้อื หาสอดคล้องกบั วัตถุประสงค์ของรายวิชา เฉล่ียอยรู่ ะดับ ท่ี 4.26
หมายถงึ มคี วามพอพอใจอยู่ในระดับมาก รองมา เรอ่ื งเข้าใจเน้ือหาบทเรียนชดั เจนเฉล่ียอยู่ที่ 4.16
หมายถงึ ความพึงพอใจอยูในระดบั มากรองมา เรอื่ ง เนอ้ื หานา่ สนใจและมีความสมั พนั ธ์ต่อเน่ืองกัน
เฉลยี่ อย่รู ะดับ ท่ี 4.13 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจอยู่นระดบั มากและอันดบั สดุ ท้ายความคิดเหน็ เรอื่ ง
สไลด์ในการนำเสนอมีความเหมาะสม เฉลยี่ อย่รู ะดับที่ 4.03 ระดบั ความพงึ พอใจของผู้เรียนดา้ น
ประสิทธิภาพ บทเรยี นผ่านสอ่ื Power Point รายวชิ ากฎหมายพาณิชย์ เฉลี่ยอยรู่ ะดบั ท่ี 4.21 ทง้ั นี้
28
สามารถสรปุ ความพึงพอใจของผูเ้ รยี นดา้ นประสทิ ธิภาพบทเรยี นผา่ นสอ่ื Power Point รายวิชา
กฎหมายพาณิชย์มีค่าเฉลย่ี เท่ากับ 4.21 หมายถงึ ความพงพึ อใจอยใู่ นระดับมาก
29
บทที่ 3
วธิ ดี ำเนนิ การศึกษา
การดำเนนิ โครงงานจัดทำบัญชขี องรา้ นซุปตาร์ปาเตโ้ ดยประยุกตใ์ ช้โปรแกรม Microsoft
Excel ณ ร้านซุปตารป์ าเต้ 142 ม.6 บ้านแสนตอ ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชยี งใหม่ ระหว่างวนั ที่ 30
พฤศจิกายน 2564 ถงึ 31 มกราคม 2565 ผู้ดำเนินโครงงานไดร้ วบรวมเอกสาร ทฤษฎีและงานวจิ ัยที่
เก่ียวข้องมีหัวขอ้ ต่อไปนี้
3.1 รูปแบบของโครงงาน
3.2 ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง
3.3 ขัน้ ตอนการดำเนินงาน
3.4 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
3.1 รปู แบบของโครงงาน
โครงงานจดั ทำบัญชขี องรา้ นซุปตาร์ปาเต้โดยประยุกต์ใชโ้ ปรแกรม Microsoft Excel โดยมี
รูปแบบโครงงานเป็นโครงการจัดทำธุรกจิ / บริการ ซ่ึงเปน็ ธุรกจิ ประเภทเจ้าของคนเดยี ว โดยมีสนิ ค้า
ซ้อื มาขายไป และมีการเก็บรวบรวมข้อมูลรายรบั - รายจา่ ย เพื่อจดั ทำบัญชีโดยใชโ้ ปรแกรม
Microsoft Excel
3.2 ประชากรและกลุม่ ตวั อยา่ ง
3.2.1 ประชากรในคร้ังนเ้ี ป็นผู้ประกอบการรา้ นซปุ ตารป์ าเต้ ณ บา้ นแสนตอ ต.นำ้ แพร่ อ.หาง
ดง จ.เชียงใหม่
3.2.2 กลุม่ ตวั อยา่ ง กลุ่มตวั อยา่ งครง้ั น้ีคอื รา้ นซุปตาร์ปาเต้ โดยมีคณุ ปาริดา สิทธิพร
เปน็ เจ้าของกจิ การ
3.3 ขน้ั ตอนการดำเนนิ การ
3.3.1 ข้นั เตรียมการ
1 ทำการเลอื กโครงงาน โดยใช้ตารางการวิเคราะหข์ ้อมลู เพื่อตัดสนิ ใจเลือกโครงงานการ
วเิ คราะห์ข้อมูลเพื่อตดั สนิ ใจเลือกโครงงานวชิ าชพี
30
ตารางแสดงวเิ คราะหข์ ้อมลู เพือ่ ตัดสนิ ใจเลอื กโครงงานวชิ าชีพ
รายการวิเคระหข์ ้อมูล โครงงาน 1 โครงงาน 2 โครงงาน 3 หมายเหตุ
1. ดา้ นผจู้ ัดทำโครงงาน
- ความถนดั และความสนใจ 344
- ความรู้และประสบการณ์ 343
- ความพรอ้ มด้านการเงิน 344
- ความพร้อมในการจัดเตรยี มวสั ดุ 3 4 4
อปุ กรณ์
- ความพรอ้ มด้านเวลา/แรงงาน 3 4 4
2. ดา้ นสงั คมและส่งิ แวดลอ้ ม
- เปน็ ประโยชนต์ ่อตนเองครอบครวั 4 4 4
และทอ้ งถิ่น
- สามารถจัดหาวัสดุ อุปกรณไ์ ด้ 4 4 4
ภายในทอ้ งถ่ิน
-มแี หล่งความรู้ ข้อมูลตา่ งๆภายใน 4 4 4
ทอ้ งถิน่
- มสี ถานทปี่ ฏบิ ัตงิ านที่เหมาะสม 4 3 4
- มผี ู้เชี่ยวชาญให้ความรู้และให้ 4 3 4
คำปรกึ ษา
3. ด้านความรู้และความสามารถของ
ผเู้ รียน
- มคี วามรเู้ ก่ียวกบั การปฏิบัติงาน 3 4 3
โครงงาน
- มีความรู้ทางวชิ าชีพท่ีเกย่ี วขอ้ งกับ 4 4 4
การปฏบิ ตั งิ าน
- วางแผนขัน้ ตอนการปฏิบัติท่ี 444
สามารถปฏิบัตไิ ด้
- นำความรู้ทักษะท่ีไดร้ บั จากการ 4 4 4
ปฏิบตั โิ ครงงานไปเป็นข้อมลู สำหรบั การ
ปฏิบตั งิ าน
31
ตารางท่ี 3.1 วิเคราะหข์ ้อมูลเพือ่ ตดั สินใจเลือกโครงงานวิชาชพี
หมายเหตุ ให้ผู้เรียนพิจารณาข้อมูลต่างๆและให้คะแนนเพื่อการตดั สนิ ใจเลือกโครงงานนี้
1) การใหค้ ะแนน กำหนด 4 ระดับ ดังน้ี
4 = มีความพร้อมและความเหมาะสมมากที่สุด
3 = มีความพร้อมและความเหมาะสมมาก
2 = มีความพรอ้ มและความเหมาะสมปานกลาง
1= มคี วามพร้อมและความเหมาะสมนอ้ ย
2) ช่ือโครงงานที่ 1 การจดั ทำบญั ชรี ายรับ - รายจ่ายของบุคคลในครอบครัว
ช่อื โครงงานที่ 2 การจดั ทำบัญชีของรา้ นซุปตารป์ าเต้โดยประยุกต์ใช้โปรแกรม
Microsoft Excel
ชอื่ โครงงานที่ 3 สเปรยแ์ อลกอฮอล์ล้างมอื กล่ินนำ้ หอม
3) ให้คะแนนแต่ละโครงงานครบทุกข้อ แล้วรวมคะแนนทง้ั หมดในแตล่ ะโครงงาน สรปุ
โครงงานท่ีได้คะแนนสูงสุดคือ 54 คะแนน ได้แก่ โครงงานที่ 2 การจัดทำบญั ชขี องร้านซปุ ตารป์ าเต้
โดยประยกุ ต์ใช้โปรแกรม Microsoft Excel
2. การเขียนโครงร่างโครงงานเพ่อื เสนอขออนมุ ัตโิ ครงงาน โดยมหี วั ข้อดังตอ่ ไปน้ี
1. ชือ่ โครงงาน
2. ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงาน
3. อาจารยท์ ป่ี รกึ ษาโครงงาน
4. ความเป็นมาและความสำคัญของโครงงาน
5. วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงงาน
6. ขอบเขตของโครงงาน
7. ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะได้รบั
8. นยิ ามศัพท์
9. วิธีการดำเนินโครงงาน
10. แผนการดำเนนิ โครงงาน
11. งบประมาณและทรพั ยากร
12. การตดิ ตามประเมนิ ผล
13. เอกสารอ้างอิง
3. ปฏทิ ินการปฏิบัติงาน
ผู้จัดทำโครงงานไดว้ างแผนและจัดทำปฏิทินการปฏบิ ตั งิ านดังต่อน้ี
32
ลำดับขน้ั การดำเนนิ งาน ระยะเวลาดำเนนิ งาน
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18
1. การวางแผน (P)
2. ขั้นตอนดำเนินงาน (D)
3. ขน้ั ตอนการตรวจสอบ
(C)
4. ขน้ั ตอนประเมิน
ติดตามผล(A)
ตารางท่ี 3.2 ปฏิทินการปฏบิ ัติงาน
4. ศึกษาเอกสาร ทฤษฎที เี่ กี่ยวขอ้ ง และงานวจิ ยั ทเี่ กี่ยวข้องโดยมหี ัวข้อต่อไปนี้
1. ความรู้เก่ยี วกบั โครงงาน
2. ประวตั ขิ องปาเต้ (เบอรเ์ กอร์เวียดนาม)
3. ทฤษฎีที่เก่ียวขอ้ ง
4. งานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง
3.3.2 ขัน้ ดำเนินการ ปฏิบตั ิงานโดยใช้กระบวนการวงจรคุณภาพ (PDCA)
1. ตดิ ตอ่ ประสานงาน ทีป่ รกึ ษาโครงการ ไดแ้ ก่ คุณ ปาริดา สิทธิพร เจา้ ของธุรกิจ ณ บา้ น
แสนตอ ต.นำ้ แพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่
2. สรา้ งเคร่อื งมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยใช้ตารางเกบ็ ข้อมูลรายรับ – รายจา่ ย
3. ปฏบิ ตั ิตามแผนธุรกจิ และปฏบิ ัติงานเป็นรายบคุ คลตามแบบบันทึกการปฏบิ ตั งิ านวชิ า
โครงงาน
3.4 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
การเก็บรวบรวมขอ้ มลู รายรบั - รายจา่ ย ของเดอื นธนั วาคม 2564 ถึง มกราคม 2565
33
3.5 การวิเคราะหแ์ ละสรปุ ผล
3.5.1 คณะผู้จัดทำโครงการวเิ คราะห์ข้อมลู โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถติ ิเพื่อ คำนวณหา
คา่ สถิติตา่ งๆ ได้แก่ ร้อยละ คา่ เฉล่ยี ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ดงั น้ี
ส่วนที่ 1 สถานภาพของผู้กรอกแบบประเมินความพึงพอใจ
สว่ นท่ี 2 แบบประเมนิ โครงงานจดั ทำบญั ชขี องรา้ นซปุ ตารป์ าเต้โดยประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรม
Microsoft excel
สว่ นที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ
ความหมาย นอ้ ยท่ีสุด
1.50-2.49 ความหมาย น้อย
2.50-3.49 ความหมาย ปานกลาง
3.50-4.49 ความหมาย มาก
4.50-5.00 ความหมาย มากท่ีสดุ
สถิตทิ ่ีใช้ในการวิเคราะหข์ ้อมูล
1. การหาค่ารอ้ ยละสำหรบั จำนวนผ้ทู ำแบบสอบถาม โดยใช้สตู รร้อยละ = (A×100)/y
A = จํานวนนักเรียนนกั ศกึ ษาท่ที ำแบบสอบถาม
Y = จำนวนนกั เรยี นท้งั หมดทีท่ ำแบบสอบถาม
2. การหาค่าเฉลย่ี เลขคณิต โดยใช้สูตร N = Σx/y
N = คา่ เฉล่ยี ระดับความพงึ พอใจ
∑x= ผลรวมของระดบั ความพงึ พอใจ
Y = จำนวนนกั เรียนทั้งหมดท่ีทำแบบสอบถาม
3.5.2 การวิเคราะห์และสรุปผลของงบกำไรขาดทุน โดยใหท้ ราบถงึ รายได้ และค่าใช้จ่าย
34
บทท่ี4
ผลการดำเนนิ โครงงาน
การดำเนนิ งานโครงการจดั ทำบัญชขี องร้านซุปตารป์ าเต้โดยประยกุ ต์ใช้โปรแกรม Microsoft
excel มวี ัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อศึกษาและวางแผนการทำบัญชรี ายรับ-รายจ่ายของร้านซุปตาร์ปาเต้โดย
ประยุกตใ์ ช้โปรแกรม Microsoft excel 2. เพอ่ื ลดขนั้ ตอนในการทำบญั ชีและประหยดั เวลาในการ
ปฏบิ ัตงิ านและตรวจสอบความถกู ตอ้ งไดอ้ ย่างรวดเรว็ ระยะเวลาในการดำเนนิ งานระหวา่ งวนั ท่ี 12
พฤศจกิ ายน พ.ศ.2564 ถึง 31 มกราคม พ.ศ.2565 สถานที่ดำเนินงาน ณ บา้ นแสนตอ ตำบลนำ้ แพร่
อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ 50230 จากการวเิ คราะหข์ อ้ มูลผ้ดู ำเนินโครงงานมีผลการดำเนนิ
โครงงานดังตอ่ ไปนี้
4.1 ผลการดำเนนิ งานโครงงาน
4.2 อภิปรายผลการดำเนินงาน
35
4.1 ผลการดำเนนิ งานโครงงาน
4.1.1 จัดทำบัญชโี ดยประยกุ ต์ใช้โปรแกรม Microsoft excel
1. สมุดรบั เงิน-จา่ ยเงนิ เดือน ธนั วาคม 2564
รูปท่ี 4.1 สมุดรับเงิน-จ่ายเงินเดือน ธันวาคม 2564
36
2. สมุดรับเงนิ -จ่ายเงนิ เดือน มกราคม 2565
รปู ที่ 4.2 สมุดรบั เงิน-จ่ายเงินเดือน มกราคม 2565
37
4.1.2 ผลการวเิ คราะห์ประสิทธภิ าพการศึกษากระบวนการการจัดทำบญั ชขี องรา้ นซุปตาร์
ปาเตโ้ ดยประยุกต์ใช้โปรแกรม Microsoft excel
ตอนท่ี 1 สถานภาพของผ้กู รอกแบบประเมินความพงึ พอใจ
1. เพศ
แผนภมู ิแสดงการจำแนกเพศของผตู้ อบแบบสอบถาม
ภาพท่ี 4.3 แผนภูมิแสดงการจำแนกเพศของผู้ตอบแบบสอบถาม
เพศ จำนวนผ้ตู อบแบบสอบถาม
จำนวน (คน) รอ้ ยละ
ชาย 6 35.30
หญิง 11 64.70
รวม 17 100
ตารางท่ี 4.1 การจำแนกเพศของผ้ตู อบแบบสอบถาม
จากตารางที่ 4.1 พบว่าการจำแนกเพศของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 17 คน เป็นผู้หญงิ
จำนวน 11 คนคิดเป็นร้อยละ 64.70 เปน็ ผูช้ ายจำนวน 6 คนคิดเปน็ รอ้ ยละ 35.30
38
2. อายุ
แผนภูมแิ สดงการจำแนกอายขุ องผู้ตอบแบบสอบถาม
ภาพที่ 4.4 แผนภมู ิแสดงการจำแนกอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม
อายุ จำนวนผตู้ อบแบบสอบถาม
ตำ่ กว่า 20 ปี จำนวน (คน) รอ้ ยละ
20-30 ปี
31-40 ปี 5 29.50
41 ปีขึ้นไป
รวม 12 70.50
00
00
17 100
ตารางที่ 4.2 การจำแนกอายขุ องผ้ตู อบแบบสอบถาม
จากตารางที่ 4.2 พบว่าการจำแนกอายุของผ้ตู อบแบบสอบถามจำนวน 17 คน มีช่วงอายุ 20-
30 ปขี ึน้ ไปจำนวน 12 คนคดิ เป็นร้อยละ 70.50 ชว่ งอายตุ ่ำกว่า 20 ปี จำนวน 5 คนคิดเปน็ ร้อยละ
29.50
39
3. ระดบั การศึกษา
แผนภมู แิ สดงการจำแนกเพศของผตู้ อบแบบสอบถาม
ภาพที่ 4.5 แผนภมู ิแสดงการจำแนกระดบั การศกึ ษาของผ้ตู อบแบบสอบถาม
ระดบั การศกึ ษา จำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม
ต่ำกว่าม.6 / ปวช. จำนวน (คน) รอ้ ยละ
ปวส. / ป.ตรี
สูงกว่า ป.ตรี 00
จบการศึกษาแล้ว 17 100
รวม
00
00
17 100
ตารางที่ 4.3 การจำแนกระดบั การศึกษาของผูต้ อบแบบสอบถาม
จากตารางที่ 4.3 พบว่าการจำแนกระดบั การศกึ ษาของผตู้ อบแบบสอบถามจำนวน 17 คนมี
ระดับการศกึ ษาช้ันปวส. / ป.ตรี จำนวน 17 คนคิดเปน็ รอ้ ยละ 100
40
ตอนที่ 2 ระดบั ความคดิ เห็นเก่ียวกบั กิจการ
1. ประเมินความพึ่งพอใจเก่ยี วกับด้านการเงนิ ของกิจการ
ภาพท่ี 4.6 แผนภมู แิ สดงผลประเมนิ ความพ่ึงพอใจเกีย่ วกบั ดา้ นการเงนิ ของกจิ การ
ภาพที่ 4.6 แผนภมู แิ สดงผลประเมินความพ่ึงพอใจเกยี่ วกบั ดา้ นการเงนิ ของกจิ การ
ประเดน็ พิจารณา ̅ S.D. การแปลความ
กจิ การมผี ลกำไรเพ่ิมข้นึ อย่างตอ่ เน่ือง 4.10 0.96 มาก
กจิ การมยี อดขายเพ่ิมข้นึ อยา่ งต่อเน่ือง 4.00 0.94 มาก
กิจการมกี ารเจรญิ เติบโตทางการตลาด 4.00 1.02 มาก
กิจการมีผลการดำเนนิ การทีด่ ี 4.30 0.97 มาก
ตารางท่ี 4.4 ตารางประเมนิ ความพ่งึ พอใจเกย่ี วกบั ดา้ นการเงนิ ของกิจการ
จากตารางท่ี 4.4 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามมคี วามพงึ พอใจต่อกจิ การมีผลกำไรเพมิ่ ขึน้ อย่าง
ต่อเน่อื ง อยใู่ นระดับมาก ( ̅ = 4.1 ) โดยเรียงลำดับจากจำนวนมากไปหาจำนวนนอ้ ยได้แก่ กจิ การมี
ผลการดำเนินการทดี่ ี ( ̅ = 4.30 ) กิจการมผี ลกำไรเพิ่มข้ึนอยา่ งตอ่ เนื่อง ( ̅ = 4.10 ) กจิ การมี
ยอดขายเพมิ่ ขึ้นอย่างตอ่ เนอื่ ง ( ̅= 4.00 ) กิจการมีการเจรญิ เตบิ โตทางการตลาด ( ̅= 4.00 )
41
2. กจิ การปรับปรุงสินค้าใหม้ ีคุณภาพเพอื่ สนองความตอ้ งการของลูกคา้
ภาพท่ี 4.7 แผนภมู แิ สดงผลประเมนิ ความพ่ึงพอใจเกยี่ วกบั ด้านการลกู ค้าของกจิ การ
ประเด็นพิจารณา ̅ S.D. การแปล
ความ
กจิ การเอาใจใสต่ ่อคาํ ติชมของลกู ค้าและนําคาํ ติชมดังกลา่ วมาปรบั ปรุง 4.22 0.65 มาก
กจิ การปรับปรุงวธิ ีการในการแสวงหาลูกค้ารายใหมแ่ ละเอาใจลกู คา้ 4.50 0.64 มาก
เกา่ ทส่ี ุด
กิจการปรับปรุงออกแบบสินคา้ เพื่อสร้างความแตกตา่ งกบั ผ้คู า้ อื่น 4.00 0.70 มาก
กิจการใหบ้ รกิ ารที่ดีในระหวา่ งการขายและหลงั การขาย 4.10 0.62 มาก
กจิ การปรบั ปรงุ สินค้าให้มีคณุ ภาพเพือ่ สนองความต้องการของลกู คา้ 4.50 0.56 มาก
ทสี่ ดุ
ตารางที่ 4.5 กิจการปรับปรุงสินค้าใหม้ ีคุณภาพเพ่ือสนองความต้องการของลูกคา้
จากตารางที่ 4.5 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามมคี วามพึงพอใจต่อกิจการปรบั ปรงุ สนิ คา้ ใหม้ ี
คณุ ภาพเพ่อื สนองความต้องการของลูกคา้ อยู่ในระดับมาก ( ̅= 4.22 ) โดยเรยี งลำดับจากจำนวน
มากไปหาจำนวนนอ้ ยไดแ้ ก่ กิจการปรบั ปรงุ วธิ กี ารในการแสวงหาลกู ค้ารายใหม่และเอาใจลูกค้าเก่า
( ̅ = 4.50 ) กิจการปรับปรงุ สนิ คา้ ให้มีคุณภาพเพ่ือสนองความตอ้ งการของลกู ค้า ( ̅ = 4.50 )
กิจการเอาใจใส่ตอ่ คําติชมของลูกค้าและนําคาํ ตชิ มดังกลา่ วมาปรบั ปรุง ( ̅ = 4.22 ) กิจการ
ใหบ้ ริการท่ีดรี ะหวา่ งการขายและหลงั การขาย ( ̅= 4.10 ) กิจการปรับปรุงออกแบบสินค้าเพอ่ื สร้าง
ความแตกตา่ งกับผูค้ า้ อื่น ( ̅ = 4.00 )
42
3. ประเมนิ ความพึงพอใจเกย่ี วกบั ด้านความสามารถพิสูจนย์ นื ยันได้
ภาพที่ 4.8 แผนภมู แิ สดงผลประเมนิ ความพึ่งพอใจเก่ียวกับดา้ นความสามารถพิสูจน์ยนื ยันไดข้ อง
กิจการ
ประเดน็ พจิ ารณา ̅ S.D. การแปลความ
ข้อมูลทางการบัญชสี ามารถตรวจสอบการยืนยนั ยอดและ 4.40 0.50 มาก
การคาํ นวณได้
ข้อมลู ทางการบัญชีสามารถตรวจสอบความถกู ตอ้ งและ 4.20 0.43 มาก
แหล่งทม่ี าได้
ตารางที่ 4.6 ประเมนิ ความพงึ พอใจเกี่ยวกบั ดา้ นความสามารถพิสูจนย์ นื ยนั ได้
จากตารางท่ี 4.6 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามมคี วามพงึ พอใจตอ่ ประเมนิ ความพึงพอใจเก่ยี วกบั
ดา้ นความสามารถพสิ จู น์ยืนยนั ได้ อยู่ในระดบั มาก ( ̅= 4.40 ) โดยเรยี งลำดับจากจำนวนมากไปหา
จำนวนนอ้ ยได้แก่ ขอ้ มลู ทางการบญั ชสี ามารถตรวจสอบการยืนยันยอดและการคํานวณได้ ( ̅ =
4.40 ) ขอ้ มูลทางการบัญชีสามารถตรวจสอบความถูกตอ้ งและแหลง่ ที่มาได้ ( ̅= 4.20 )