ส 30233 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ https://www.ครูนายสังคมศึกษา.com
CONTENT Part 1.1 ความรู้เบื้องต้นในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ Part 1.2 ผู้มีบทบาทระหว่างประเทศ Part 1.3 ผลประโยชน์ระหว่างประเทศ Part 1.4 เครื่องมือในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ Part 1.5 วิวัฒนาการของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ Part 1.6 ความเป็นจริงในการเมืองระหว่างประเทศ
Part 1.1 ความรู้เบื้องต้นในความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ
พัฒนาการของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เกิดจากการติดต่อสื่อสารของมนุษย์ (อริสโตเติ้ลกล่าวไว้ว่า “มนุษย์เป็นสัตว์สังคม” - มีการรวมกลุ่ม ติดต่อสื่อสาร ด ารงชีวิตโดยสร้างกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมความประพฤติสมาชิก การติดต่อไม่ได้จ ากัดแค่เฉพาะกลุ่ม แต่มีการติดต่อนอกกลุ่ม/เผ่าด้วย - เช่น การแต่งงานระหว่างเผ่า การแลกเปลี่ยนสินค้า การท าสงคราม สังคมมีการพัฒนาจากหมู่บ้านเป็นชุมชนเมือง > เมือง > รัฐ เริ่มมีอาณาเขตแน่นอน - ความสัมพันธ์จากเดิมเป็นระหว่างเผ่าในยุคโบราณ ได้พัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ นั้นคือ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (International Relations)
พัฒนาการของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (ต่อ) พอมีโลกาภิวัฒน์เข้ามาละ ? ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐเป็นอย่างไร ? - เกิดการติดต่อสื่อสารระหว่างตัวแสดงต่าง ๆ ในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีรัฐใดสามารถด าเนินกิจกรรมภายในประเทศ ในสภาวะสุญญากาศได้ (ง่าย ๆ คือ อยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ละ)
ความหมายของ International Relations (นักวิชาการ) (1) ชาร์ล ดับเบิ้ลยู เคคลี จูเนียร์ และเกกอรี เอ เรยมอนด์ ปฎิสัมพันธ์ระหว่างรัฐซึ่งปราศจากการควบคุมพฤติกรรมของรัฐเหล่านั้นโดยองค์กรอื่น (2) ไมเคิล จี รอสคิน และ นิโคลาส โอ เบอร์รี่ ปฎิสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบระหว่างสมาชิกในสังคมต่าง ๆ โดยอาจเป็นสมาชิกที่รัฐสนับสนุน และรัฐไม่สนับสนุน ก็ได้ ปฎิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐ (3) เค เจ โฮลสติ (K. J. Holsti) (4) Wikipedia บอกว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นสาขาหนึ่งของรัฐศาสตร์และให้ค าจ ากัดความไว้ว่า IR คือ “การศึกษาที่เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ และปฎิสัมพันธ์ระหว่างรัฐภายใต้ระบบโลก รวมทั้งบทบาทของ รัฐ องค์การระหว่างประเทศที่เป็นของรัฐ (IGOs) องค์การที่ไม่ใช่รัฐบาล (NGOs) และบรรษัทข้ามชาติ (MNCs)” (Micheal G. Roskin & Nicholas O. Berry) (Charles W. Kegley Jr. & Gregory A. Raymond)
ความหมายของ International Relations (นักวิชาการ) (ต่อ) (5) คาร์ล ดับเบิลยู ดอยช์(Karl W. Deutsch) นักรัฐศาสตร์คนส าคัญ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คือ การศึกษาที่เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ ประกอบด้วยพฤติกรรม และการ กระท าทั้งหลายของรัฐที่มีต่อกันโดยปราศจากการควบคุมที่เพียงพอ แปลคือ การศึกษาที่เกี่ยวกับพฤติกรรมและการกระท าของรัฐที่มีต่อกัน โดย ปราศจากเครื่องมือควบคุมอย่างเพียงพอ • รัฐ VS รัฐ(บาล) -> ตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ (บุคคล,กลุ่มบุคคลและองค์การระหว่าง ประเทศ) • .........................................................................................................................................................................
ความหมายของ International Relations (นักวิชาการ) (ต่อ) จากนิยามทั้งหลาย อาจจะมีการรวมกลุ่มแบบอื่นนอกจากการเมือง เช่น เศรษฐกิจ สังคม การทหาร และวัฒนธรรม ในรูปแบบที่เป็นทางการ หรือ ไม่เป็นทางการ ก็ได้ นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดความสัมพันธ์ส าคัญ 2 แบบ • ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน (Cooperation) เช่น ค้าขาย พันธมิตรทางทหาร ....................................................................................................................................................................... • ความสัมพันธ์ทางลบ หรือ ความขัดแย้ง (Conflict) ........................................................................................................................................................................ ร่วมมื + - สงคราม /ดินแ , การจัดกันขของผลประโย - ~ทรัพยาก 7 การศ
ความหมายของ International Relations (นักวิชาการ) (ต่อ) อะไร เป็น หรือ ไม่เป็น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ?????????? ก าหนด ใช้เส้นพรมแดน/อาณาเขตของรัฐ เป็นตัวก าหนดความหมาย โดยหากมีการแลกเปลี่ยน หรือ ปฎิสัมพันธ์ เกิดขึ้นข้ามพรมแดนของรัฐ ให้ถือว่า ........................................................... • ไทยค้าขายกับมาเลเซีย ....................................................................................................................................................................... • คนไทยขายสินค้ากันภายในประเทศ ........................................................................................................................................................................
ความหมายอย่างง่าย และโดยสรุป ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง รัฐ กับ รัฐ) หมายถึง การแลกเปลี่ยน (Exchange) และ ปฏิสัมพันธ์ (Inreraction) ที่เกิดขึ้นข้ามแขตพรมแดนของ รัฐ ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยรัฐหรือตัวแสดงอื่น ที่ไม่ใช่รัฐ ซึ่งส่งผลถึง ความร่วมมือหรือความขัดแย้งระหว่างประเทศในโลก ในมิติทางการเมือง เศรษฐกิจ การทูต การทหาร สังคม วัฒนธรรม ซึ่งส่งผลถึงความร่วมมือหรือความขัดแย้งระหว่าง ประเทศต่าง ๆ ในโลก
• ปฏิสัมพันธ์ (Interaction) = การที่สองฝ่ายขึ้นไปมีความสัมพันธ์กัน คือ ฝ่าย หนึ่งกระท า(action) แล้วอีกฝ่ายหนึ่งกระท าตอบ(reaction) ไม่ว่าจะเป็นทาง ดีหรือไม่ดี รัฐA รัฐB การกระท า Action การโต้กลับ/กระท าตอบ Reaction ปฏิสัมพันธ์ Interaction
อะไรคือวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ??????? เรียนท าไม และเรียนอะไร เป็นสาขาหนึ่งของรัฐศาสตร์ ศึกษาปฎิสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นข้ามพรมแดนรัฐ เป็นสหวิทยาการ ครอบคลุมวิชาต่าง ๆ ได้แก่ รัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และจิตวิทยา เป็นต้น ขอบเขตระดับระหว่างประเทศ เช่น การเมืองระหว่างประทศ กฎหมายระหว่างประเทศ และ เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ
อะไรคือวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ??????? เรียนท าไม และเรียนอะไร เนื้อหาที่ส าคัญ ๆ ประกอบด้วย 1. ปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลกระทบต่อ IR -> ปัจจัยภายใน – นอกประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อการจัดท าและด าเนิน นโยบายต่างประเทศ --- ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของอ านาจและผลประโยชน์ของชาติ 2. กิจกรรมที่เป็นกระบวนการ เช่น การศึกษาพฤติกรรม ขั้นตอนในการก าหนดและด าเนินนโยบายต่างประเทศ ของรัฐบาล หรือ ผู้มีบทบาทในการก าหนดนโยบายโดยเน้นหนักไปที่ระบบความเชื่อการรับรู้ และบุคลิกภาพ 3. ผลลัพธ์ของปฎิสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น เกิดจากนโยบายต่างประเทศของรัฐต่าง ๆ อัน อันจะน าไปสู่ความ ร่วมมือ และ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ตลอดจนผลกระทบต่อประชาชน รัฐภูมิภาค และประชาคมโลกโดยรวม
ลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (1) ความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ ความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการ EX. การก่อการร้าย การแทรกซึม บ่อนท าลาย จารกรรมข้อมูล การลักลอบค้าสินค้าผิดกฎหมาย VS เกิดจากการกระท าของรัฐ/ตัวแทนที่ชอบธรรมของรัฐ EX. การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต การประชุมสุดยอด การเจราจา ท าสนธิสัญญาระหว่างรัฐ เกิดจากการกระท าของตัวแสดงที่มิใช่รัฐเอกชน หรือ การกระท าที่มิได้ท าในนามของรัฐ
ลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (2) ความสัมพันธ์แบบร่วมมือ ความสัมพันธ์แบบขัดแย้ง EX. สงคราม การก่อการร้าย การแทรกแซงบ่อน ท าลาย การขยายจักรวรรดินิยม VS เกิดจากความร่วมมือ EX. การเป็นพันธมิตร การให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การกระชับความสัมพันธ์ทางการทูต เกิดจากความขัดแย้ง อุุย เข เนื + = พยายามมีอําน "ทร 5 ลกอาณาน
ลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (3) ความสัมพันธ์แบบเข้มข้นรุนแรง ความสัมพันธ์แบบห่างเหิน EX. การส่งนักการทูตไปประจ าการอีกประเทศ หนึ่งแบบพอเป็นพิธี การค้าค้าแลกเปลี่ยนเพียง เล็กน้อย หรือ โฆษณาโจมตีกันเพียงชั่วคราว VS ปรากฏให้เห็นในลักษณะร่วมมือ (อาจถึงขั้นเข้มข้น) EX. การเป็นพันธมิตรแนบแน่น ปรากฏให้เห็นในลักษณะขัดแย้ง (ถึงขั้นรุนแรงได้) EX. การลอบสังหารผู้น ารัฐบาลของอีกรัฐ การก่อ วินาศกรรมสถานทูต การตัดความสัมพันธ์ทางการทูต ปรากฏให้เห็นในลักษณะห่างเหิน
ขอบเขตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ ในรูปแบบอนุสัญญา กฎบัตร ข้อตกลง เพื่อให้แต่ละฝ่ายยึดถือปฏิบัติ เช่น ข้อตกลงเรื่อง การค้าและพิกัดอัตราภาษีศุลกากร สิทธิมนุษยชน การค้นคว้า ทางด้านอวกาศ ความสัมพันธ์ทางกฎหมาย เช่น การซื้อขายสินค้า การให้ทุนกู้ยืม การธนาคาร อเมริกาซื้อน้ ามันจากฝั่งอาหรับ ฝั่งอาหรับซื้อเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กับอเมริกา ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ เป็นกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม การท่องเที่ยว เช่น การเผยแพร่วัฒนธรรม ไปยังประเทศต่างๆ ความส าคัญทางสังคม เช่น การด าเนินการทางการทูต การทหารการแสวงหาพันธมิตร การใช้ ก าลังบีบบังคับ บางครั้ง ไม่เป็นกิจกรรมทางการเมืองโดยตรงแต่มี วัตถุประสงค์ดังกล่าว เช่น ทีมนักกีฬาปิงปองระหว่างอเมริกากับจีน เพื่อลดความตึงเครียด และความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ทางด้านการเมือง มีการร่วมมือค้นคว้าทดลองและวิจัยร่วมกันระหว่างประเทศ รวมทั้งให้รางวัลระหว่างประเทศ และจัดประชุมสัมมนา ด้านความสัมพันธ์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
Ex.3 ด้านสังคม : การทูตปิงปอง (Ping pong Diplomacy)
รักษาผลประโยชน์ การด ารงอยู่ของรัฐ เพื่อ
ความส าคัญ ของ International Relations ศึกษาเพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับปรากฎการณ์ระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ • ระดับปัจเจกชน • เข้าใจสภาพแวดล้อมระหว่าง ปท. น าเอาความรู้มาอธิบาย วิเคราะห์ และท านาย ปรากฎการณ์อย่างเป็นระบบ • ผู้ศึกษามีวิสัยทัศน์กว้างไกล เข้าใจสาเหตุและผลกระทบของ IR ในหลากหลายมิติ • เช่น กรณี 911 ................................................................................................................................................ • เช่น เราคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะซบเซา ........................................................................................ • เราอาจจะตัดสินใจ ........................................................................................................................................
ความส าคัญ ของ International Relations ศึกษาเพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับปรากฎการณ์ระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ • ระดับรัฐ • ช่วยให้รัฐบาล ผู้น า หริอผู้ที่ท าหน้าที่ก าหนดนโยบายรัฐ เข้าใจถึงสมรรถนะและศักยภาพ ของรัฐ โดยอาศัยการวิเคราะห์และการประเมินสถานการณ์ระหว่างประเทศ แล้ววางแผน และก าหนดยุทธศาสตร์ของประเทศให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์โลก • กรณีเป็นความขัดแย้ง เช่น สงคราม การปิดล้อม การศึกษาจะท าให้ประเมินจุดแข็ง จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม รวมถึงข้อมูลที่ต้องวิเคราะห์เพื่อก าหนดยุทธศาสตร์เพื่อเอาชนะ ศัตรู • เช่น การท าสงคราม 6 วัน ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่ม ปท.อาหรับ (แย่งปาเลสไตน์)
ความส าคัญ ของ International Relations ศึกษาเพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับปรากฎการณ์ระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ • ระดับสากล • เกิดสันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศ • ตระหนักถึงปัญหาต่าง ๆ ในประชาคมโลก อันน าไปสู่การเสนอมาตรการ-แนวทางแก้ไข อย่างเป็นระบบ • เช่น ศึกษาความยากจนและเหลื่อมล้ าของ ปท.ยากจน ท าให้เกิดความเข้าใจ และรัฐต่าง ๆ จะให้ความช่วยเหลือ
วิธีศึกษา International Relations 1. แนวนโยบาย -> ศึกษาถึงนโยบายร่วมกันของรัฐต่าง ๆ • ข้อเสีย มองข้ามต้นก าเนิดพฤติกรรมของรัฐ และสภาพความเป็นจริงของ IR • เลยไม่เป็นที่นิยม 2. แนวประวัติศาสตร์ -> แนวจารีตประเพณี -> เก่าแก่สุด • ศึกษาสภาพความเป็นจริง เพื่อให้ได้ความรู้ จากหลักฐานทาง ปวศ. • เมื่อได้ความรู้แล้ว ต้องมีการจัดเรียงเหตุการณ์ที่ได้เกิดในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 3. แนวภูมิรัฐศาสตร์ -> สภาพแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อการกระท าของรัฐ • ศึกษา เช่น ที่ตั้ง พื้นี่ ขนาดของ ปท. • ศึกษาว่าสภาพแวดล้อมดังกล่าวมีผลต่อพฤติกรรม หรือการกระท าของรัฐอย่างไร สามารถส่งผลต่อ ฐานะมหาอ านาจ การก าหนดนโยบาย ตปท. อย่างไร
วิธีศึกษา International Relations (ต่อ) 4. แนวอ านาจ -> เชื่อว่าอ านาจเป็นปัจจัยส าคัญ • การเมืองระหว่าง ปท. คือ การดิ้นรนให้ได้มาซึ่งอ านาจ และอ านาจรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ผลประโยชน์แห่งชาติ (ประโยชน์ชาติตนส าคัญสุด) (วิถีทางและเป้าหมาย) • เค เจ โฮลสติ กล่าวไว้ว่า “รัฐทุกรัฐต่างดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งอ านาจ เนื่องจากอ านาจของ รัฐ หมายถึง ความสามารถของรัฐในการควบคุมพฤติกรรมของรัฐอื่น 5. แนวดุลแห่งอ านาจ • มุ่งศึกษาพฤติกรรมของรัฐมหาอ านาจในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ • มีความเชื่อว่ารัฐมหาอ านาจต่างพยายามรักษา / เปลี่ยนแปลงสภาพเดิมเพื่อสร้างกลุ่ม (Bloc) ถ่วงดุลอ านาจ • รัฐเล็ก ๆ อาจจับมือกันเพื่อสร้างอ านาจให้ทัดเทียมกับมหาอ านาจ
วิธีศึกษา International Relations (ต่อ) 6. แนวจิตวิทยาและวัฒนธรรม • ให้ความสนใจมนุษย์ในฐานะผู้ก่อให้เกิดพฤติกรรมระหว่างประเทศ โดยศึกษาลักษณะทาง จิตวิทยาของบุคคล เช่น แรงจูงใจ อารมณ์ บุคลิกภาพ ที่ส่งผลให้เกิดปฎิสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศ 7. แนวพฤติกรรม • เป็นแนวใหม่สุด ใช้เทคนิคทางสังคมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เข้าศึกษา • พยายามสรุปตามความเป็นจริง ด้วยทฤษฎี รวมทั้งมีการท านายสิ่งที่จะเกิดในอนาคต 8. แนวระบบ • พึ่งน ามาใช้ได้ไม่นาน -> ระบบ คือ หน่วยหนึ่งที่ประกอบด้วยหน่วยย่อย ๆ และภายใน หน่อยย่อย ๆ ก็มีหน่วยย่อย ๆ อีก • คสพ. ลักษณะนี้ ถ้ามีหน่วยหนึ่งเปลี่ยน หน่วยที่เหลือจะได้รับผลกระทบ
สาขาของ International Relations 1. International Politics การเมืองระหว่างประเทศ • การเมืองระหว่างชาติ , การเมืองโลก เป็นการศึกษา IR ผ่านปรากฎการณ์การเมือง • มีหลักก าหนดไว้ว่า “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร” 2. International Law กฎหมายระหว่างประเทศ • (1) IR LAW แผนกคดีเมือง = ศึกษาระเบียบกฎเกณฑ์ระหว่างรัฐ เช่น เอกสิทธิ์และความ คุ้มครองทางการทูต กฎบัตรสหประชาชาติ กม.ทะเล สนธิสัญญาและข้อตกลง • (2) IR LAW แผนกคดีบุคคล = ศึกษาระเบียบเกี่ยวกับ คสพ. ระหว่างเอกชนที่เกิดขึ้นข้าม พรมแดนรัฐ เช่น กม.การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ กม.ทรัพย์สินทางปัญญา กม. การโอนสัญชาติ • (3) IR LAW แผนกคดีอาญา = เกี่ยวกับการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เช่น ข้อตกลงการส่งผู้ร้าย ข้ามแดนระหว่างประเทศ กม.โทษอาชญากรสงคราม
สาขาของ International Relations (ต่อ) 3. International Organization องค์การระหว่างประเทศ • ศึกษาปฎิสัมพันธ์ของตัวแสดงที่มิใช่รัฐ (Non State Actor) • เช่น บรรษัทข้ามชาติ (MNCs) , องค์กรข้ามชาติ (Transnational O.) 4. International Economics เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ • รวมไปถึง บริหารธุรกิจระหว่างประเทศ (IB) และ เศรษฐศาสตร์การเมืองระหว่าง ประเทศ (IPE) 5. Diplomatic History ประวัติศาสตร์การทูต • ศึกษาประวัติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน 6. Area or Regional Studies ภูมิภาคศึกษา • ศึกษามิติทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ได้รับความนิยมจากชาติมหาอ านาจมาก เพราะเป็นตัวช่วยท าให้เกิดการน าความรู้มาใช้งาน
Part 1.1