บุคคล
ที่มีบทบาท
ในการสร้างสรรค์
ภูมิปัญญา
สารบัญ หน้า
หัวข้อ ๑-๒
เกริ่นนำ หัวข้อบุคคลสำคัญที่มี
บทบาทการส่งเสริมสร้างสรรค์
ภูมิปัญญาและบุคคลของอุบลที่ได้เป็น
ศิลปินแห่งชาติ
บุคคลสำคัญของอุบล ๓
ที่ได้เป็นศิลปินแห่งชาติ ๔
๕
•นายคำหมา แสงงาม ๖
•นายทองมาก จันทะลือ ๗
•นายเฉลิม นาคีรักษ์ ๘
•นายเคน ดาเหลา ๙
•นางฉวีวรรณ ดำเนิน ๑๐
•นางบุญเพ็ง ไฝผิวชัย ๑๑
•นายคำพูน บุญทวี ๑๒
•นายฉลาด ส่งเสริม
•นางนิตยา รากแก่น ๑๓
•นายพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา
๑๔
บุคคลสำคัญที่มี ๑๖
บทบาทในการส่งเสริม ๑๘
สร้างสรรค์ภูมิปัญญา ๑๙
๒๐
•พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
•สมเด็จพระสุริโยทัย
•พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
•สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์โรปการ
•ออกญาโกษาธิบดี
ผลงานของบุคคลสำคัญที่มี
บาทบาท
ในการส่งเสริมสร้างสรรค์
ภูมิปัญญาไทย
บุคคลที่ส่งเสริมการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและ
ภูมิปัญญาไทยที่มีผลต่อสังคมไทยในปัจจุบัน
ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ทรงภูมิปัญญาที่ได้รับการ
ยกย่องเชิดชูหลายท่าน เช่น ศิลปินแห่งชาติ ผู้มีผลงานดี
เด่นทางวัฒนธรรม หรือชาวบ้านผู้สืบทอดและสร้างสรรค์
ภูมิปัญญาท้องถิ่น นอกจากนี้พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ได้มี
ส่วนสำคัญในการส่งเสริมการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและ
ภูมิปัญญาไทยที่มีผลต่อสังคมไทยปัจจุบันด้วยเช่นกัน
๑
บุคคลสำคัญของอุบลที่
ได้เป็นศิลปินแห่งชาติ
ศิลปินแห่งชาติ ของประเทศไทย หมายถึงศิลปินผู้มีความ
สามารถ มีผลงานสร้างสรรค์และพัฒนาเป็นที่ยอมรับของ
วงการ และมีผลงานเป็นประโยชน์ต่อสังคม ศิลปินแห่ง
ชาติ นับเป็นทรัพยากรบุคคลสำคัญทางด้านศิลปะ ที่ได้
สืบสานงานศิลปะของชาติจากอดีตถึงปัจจุบันและดำรง
สืบไปในอนาคต
๒
๑. นายคำหมา แสงงาม
ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ปั้ นแกะสลัก) ปี ๒๕๓๙
นายคำหมา แสงงาม หรือ “ครูคำหมา” หรือ “จารย์ครูคำหมา”
ประวัติความเป็นมา : เป็นชาวบ้านชีทวน อำเภอเขื่องใน ได้รับการยกย่องให้เป็น
ปรมาจารย์ทางช่างศิลป์ผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมเป็นที่ยอมรับของชาวอีสาน จนกระทั่งมี
ผู้ให้สมญานามว่า “ช่างเทวดา” และ “ช่างเนรมิต”
ผลงาน : เป็นช่างคนเดียวของภาคอีสานที่มีความสามารถในการทำนกหัสดีลิงค์ได้
อย่างสวยงาม และด้วยความโดดเด่นในฝีมือการก่อสร้างและการบูรณะถาวรวัตถุ
ประเภทโบสถ์วิหาร ศาลาการเปรียญ หอระฆัง ฯลฯ อันเป็นสิ่งปลูกสร้างทางพุทธ
ศาสนา ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ครูคำหมา จนเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง อาทิ
การบูรณะ องค์พระธาตุพนม การบูรณะวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ออกแบบและ
ก่อสร้างซุ้มประตูวัด กำแพงแก้ว โบสถ์ เมรุเผาศพชั่วคราว มากมายหลายสิบแห่ง
ในด้านงานแกะสลัก ท่านถือเป็นผู้บุกเบิกการแกะเทียนพรรษาที่ถือเป็นรูปแบบ
ใหม่ในยุคนั้น มักจะรับรางวัลชนะเลิศการประกวดเทียนพรรษาจังหวัดอุบลฯ และ
ใกล้เคียงเป็นประจำทุกปี จนถือเป็นต้นแบบให้แก่ช่างฝีมือในยุคนั้นเป็นต้นมา
รางวัลและเกียรติคุณ : พ.ศ.๒๕๒๘ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม
ได้มอบปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาศิลปะ แก่ท่านและได้รับ
การเชิดชูให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ปั้ นแกะสลัก) ประจำปี ๒๕๒๙
นายคำหมา แสงงาม ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ ขณะอายุ
๙๙ ปี ๓
๒. นายทองมาก จันทะลือ
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี ๒๕๒๙
ประวัติความเป็นมา : หากจะกล่าวถึงศิลปินหมอลำระดับปรมาจารย์ ที่มีชื่อเสียง
โด่งดังทั่วภาคอีสาน ถึงขั้นที่เรียกว่า “แตกลำ” อันเป็นคำที่ใช้ในวงการหมอลำ ซึ่ง
หมายถึงผู้มีความสามารถในการลำกลอน สามารถลำได้สดๆ โดยไม่ติดขัด
ผลงาน : ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติที่เป็นหมอลำคนแรก
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๙ ท่านผู้นั้นก็คือ หมอลำทองมาก จันทะลือ
แม้ว่านายทองมาก จันทะลือ จะไม่ได้เป็นคนอุบลโดยกำเนิด แต่ก็มาสร้าง
ครอบครัวและทำงานที่จังหวัดอุบลราชธานี
นอกจากลำกลอนแล้วท่านยังมีความสามารถในการทำเครื่องดนตรีพื้นเมือง ได้แก่
โหวด อีกทั้งยังมีความสามารถในการเป่าแคน เป่าใบไม้ และด้วยความแตกฉานใน
กลอนลำ ท่านจึงเป็นหมอลำที่เก่งหาตัวจับยาก โดยมีเอกลักษณ์สำคัญคือการ
สร้างความสนุกสนานจากท่าทางลีลา ยักคิ้วหลิ่วตา ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจคนดู
รางวัลและเกียรติคุณ : ได้รับการยกย่องเป็นหมอลำชั้นหนึ่งในภาคอีสาน และได้
สร้างลูกศิษย์ไว้สืบสานหมอลำอีกด้วย พ.ศ.2528 ได้รับรางวัลศิลปินพื้นบ้านดีเด่น
และได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง
(หมอลำ) ประจำปี ๒๕๒๙
หมอลำทองมาก จันทะลือ ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ ด้วยโรค
ชรา ขณะอายุ ๘๗ ปี ๔
๓. นายเฉลิม นาคีรักษ์
ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี ๒๕๓๑
ประวัติความเป็นมา : นายเฉลิม นาคีรักษ์ เกิดที่อำเภอตระการพืชผล จังหวัด
อุบลราชธานี ได้รับการยอมรับนับถือในวงการศิลปะและศิลปศึกษาโดยทั่วไป มีผล
งานดีเด่นทั้งในแบบศิลปะสมัยใหม่และศิลปะแบบประเพณีประยุกต์ ผลงานส่วน
ใหญ่เกี่ยวกับชีวิตและประเพณีไทย ปี มีผลงานแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ
ผลงาน : รางวัลในการประกวดศิลปกรรมหลายครั้งและหลายแห่ง
นายเฉลิม นาคีรักษ์ เป็นอาจารย์สอนวิชาศิลปะที่ วิทยาลัยเพาะช่าง เป็นเวลา ๓๗
ปี ได้รับราชการโดยตลอดมา จนได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยเพาะช่าง
และเป็นคณบดีคณะศิลปกรรมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วิทยาเขตเพาะ
ช่าง
รางวัลและเกียรติคุณ : งานศิลปะของนายเฉลิม นาคีรักษ์ โดยหลักนั้นคืองาน
จิตรกรรม ซึ่งมีทั้งแนวสากลสมัยใหม่ และแนวประเพณีประยุกต์ ส่วนเทคนิคที่ใช้มี
ทั้งสีน้ำมัน สีน้ำ สีฝุ่น และสีพลาสติก ส่วนเนื้อหาและเรื่องราวที่เขียนนั้นมีหลาก
หลาย ตั้งแต่ภาพหุ่นนิ่ง ภาพทิวทัศน์ ภาพบุคคล และภาพเกี่ยวกับประเพณีและ
วัฒนธรรมไทย ซึ่งผลงานเหล่านี้ล้วนเป็นผลงานที่ดีเด่นเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป ผล
งานสำคัญที่ได้สร้างสรรค์ไว้ได้แก่พระบรมสาทิศลักษณ์ของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระมหากษัตริย์
และเจ้านายในราชวงศ์จักรีอีกหลายพระองค์ ซึ่งประดิษฐานไว้ในสถานที่สำคัญ
ต่างๆ หลายแห่ง นายเฉลิม นาคีรักษ์ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น ศิลปินแห่ง
ชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี ๒๕๓๑ ๕
๔. นายเคน ดาเหลา
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี ๒๕๓๔
ประวัติความเป็นมา : หมอลำเคน ดาเหลา มีชื่อจริงว่า นายฮุด ดาเหลา เกิดที่
อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี มีความสนใจในการแสดงพื้นบ้านอีสาน
คือ หมอลำ ตั้งแต่เด็กๆ จึงได้เริ่มหัดเล่นหมอลำ ลิเกพื้นบ้าน และหนังประโมทัย
ด้วยตัวเอง โดยอาศัยการได้สัมผัสจดจำ
ผลงาน : ลีลาการแสดงและท่องกลอนที่จดจำมาจากหมอลำคง ดาเหลา ซึ่งเป็นพี่
ชาย และเป็นหมอลำที่กำลังมีชื่อเสียงในละแวกบ้านของตน ต่อมาหมอลำคง ดา
เหลา ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน หมอลำเคน ดาเหลา จึงถูกจับให้แสดงแทนพี่
ชาย ขณะนั้นอายุได้ ๑๖ ปี ด้วยความสามารถที่มีอยู่ในตัว ประกอบกับเป็นผู้ที่มี
ความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มีปฏิภาณและลีลาการลำที่โดดเด่น จึงสามารถแสดง
หมอลำกลอนได้เป็นอย่างดี
รางวัลและเกียรติคุณ : หมอลำเคน ดาเหลา เป็นหมอลำที่มีผลงานในการแต่ง
กลอนที่ดีพร้อม ทั้งในด้านเนื้อหาสาระ และสัมผัสตามรูปแบบการประพันธ์ โดย
อาศัยประสบการณ์ในการลำและกลอนลำของครูที่ใช้ลำมาเป็นแบบอย่าง
พ.ศ.๒๕๓๑ ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี ๒๕๓๑ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ของ
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๔ ได้รับคัดเลือกให้เป็น
“ศิลปินแห่งชาติ” ประจำปี ๒๕๓๔ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ)
หมอลำเคน ดาเหลา ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ อายุ ๘๕ ปี
๖
๕. นางฉวีวรรณ ดำเนิน
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี ๒๕๓๖
ประวัติความเป็นมา : นางฉวีวรรณ (ดำเนิน) พันธุ เป็นชาวอำเภอหัวตะพาน
จ.อำนาจเจริญ (เดิมขึ้นอยู่กับจังหวัดอุบลราชธานี)
ผลงาน : บุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชินีหมอลำ ที่มีความสามารถโดดเด่นมี
ไหวพริบปฏิภาณด้านหมอลำที่เฉียบแหลมยิ่งคนหนึ่ง
รางวัลและเกียติคุณ : โดยได้รับการฝึกฝนเรื่องหมอลำจากบิดา ญาติ และหมอลำ
ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอดีตหลายท่าน ซึ่งความจัดเจนเรื่องหมอลำที่ฝึกฝนมาตั้งแต่
อายุยังน้อยทำให้เป็นหมอลำที่มีความสามารถสูงทั้งด้านการแต่งกลอนลำการคิด
ท่วงทำนองหมอลำกลอน เขียนกลอนลำ ประดิษฐ์ท่าลำและบทร้องชุดแม่อีสาน
๘๔ ท่า ประกอบกับเป็นบุคคลที่มีน้ำเสียงไพเราะ มีพลัง ทำให้ได้รับการยกย่องว่า
เป็นเพชรน้ำหนึ่งของแดนอีสาน และได้รับการกล่าวขานด้วยความชื่นชมจาก
ประชาชนว่าเป็นราชินีหมอลำนางฉวีวรรณ พันธุ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ประจำปี ๒๕๓๖ นับเป็นศิลปินผู้
หญิงหมอลำคนแรกของประเทศไทยที่เป็นชาวอุบล
๗
๖. นางบุญเพ็ง ไฝผิวชัย
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี ๒๕๔๐
ประวัติความเป็นมา : นางบุญเพ็ง ไฝผิวชัย เกิดที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัด
อุบลราชธานี ฝึกฝนหมอลำตั้งแต่เยาว์วัย
ผลงาน : รับงานแสดงได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นหมอลำที่มีความสามารถ มีคารม
คมคายเป็นเลิศ มีไหวพริบปฏิภาณสามารถตอบโต้กับหมอลำฝ่ายชายได้อย่าง
เฉลียวฉลาด เป็นหมอลำคารมกล้า กลอนลำมีสาระเชิงปรัชญาให้ข้อคิดและคติ
สอนใจ เป็นหมอลำหญิงคนเดียวที่ได้บันทึกแผ่นเสียงมากกว่าหมอลำหญิงในยุค
เดียวกัน
รางวัลและเกียติคุณ : นอกจากมีอาชีพแสดงหมอลำแล้ว ท่านยังได้ช่วยเหลืองาน
ด้านต่างๆ ของสังคม โดยเฉพาะการร่วมมือเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่เป็น
ประโยชน์ อาทิ การป้องกันโรคเอดส์ การรณรงค์โครงการอีสานไม่กินปลาดิบ ร่วม
อนุรักษ์เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย ฯลฯ และได้ถ่ายทอดวิชาหมอลำให้กับลูกศิษย์
เป็นจำนวนมาก จากผลงานการแสดงและผลงานในฐานะผู้ทรงวิทยาคุณด้านการ
แสดงพื้นบ้าน จึงได้รับยกย่องให้เป็น ราชินีหมอลำกลอน ผู้สืบทอดมรดก
วัฒนธรรมอีสานที่ควรค่าแก่การยกย่อง
นางบุญเพ็ง ไฝผิวชัย ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะ
การแสดง (หมอลำ) ประจำปี ๒๕๔๐
หมอลำบุญเพ็ง ไฝผิวชัย ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๑ อายุ ๗๖ ปี
๘
๗. นายคำพูน บุญทวี
ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (วรรณศิลป์) ปี ๒๕๔๔
ประวัติความเเป็นมา : คำพูน บุญทวี เกิดที่บ้านทรายมูล ตำบลทรายมูล
จังหวัดยโสธร (ขณะนั้นยังขึ้นอยู่กับจังหวัดอุบลราชธานี) เริ่มทำงานหลาย
อย่างในจังหวัดภาคอีสาน เป็นหัวหน้าคณะรำวง และขายยาเร่ ต่อมาเดินทาง
เข้ากรุงเทพฯ เป็นกรรมกรรับจ้างรายวันที่ท่าเรือคลองเตย เป็นคนเลี้ยงม้าแข่ง
เป็นสารถีสามล้อ จนกระทั่งสอบเป็นครูได้บรรจุที่ภาคใต้ สอนหนังสืออยู่ ๑๑
ปี จึงเปลี่ยนไปเป็นผู้คุมเรือนจำ ลาออกจากงานราชการเมื่ออายุได้ ๔๐ เศษๆ
เขา
ผลงาน : เริ่มเขียนหนังสือครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๓ เมื่อครั้งยังเป็นผู้คุม เรื่อง
สั้นเรื่องแรกที่เขาเขียน คือ "ความรักในเหวลึก" ต่อมาเขียนนวนิยายเรื่องแรก
คือ มนุษย์ ๑๐๐ คุก
รางวัลและเกียรคุณ : หนังสือที่ได้รับรางวัล ได้แก่ "ลูกอีสาน" ได้รับรางวัลดี
เด่น ประเภทนวนิยาย จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ประจำปี
พ.ศ. ๒๕๑๙ และได้รับรางวัล ซีไรท์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ และนวนิยายเรื่อง "นาย
ฮ้อยทมิฬ" ได้รับรางวัลชมเชย ประเภทนวนิยายจากคณะกรรมการพัฒนา
หนังสือแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๐
คำพูน บุญทวี ได้รับการยกย่อง เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี
๒๕๔๔ ถึงแก่กรรมวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖ อายุ ๗๔ ปี ๙
๘. นายฉลาด ส่งเสริม
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี ๒๕๔๘
ประวัติความเป็นมา : นายฉลาด ส่งเสริม หรือ ป.ฉลาดน้อย เกิดที่บ้านหนองบ่อ
อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ในวัยเด็ก ป.ฉลาดน้อย เติบโตขึ้นมาในสภาพ
แวดล้อมที่เป็นท้องถิ่นอีสาน จึงมีความผูกพันกับสภาพสังคมของชาวอีสานผูกพัน
กับธรรมชาติรอบตัว และผูกพันกับการร้องหมอลำซึ่งมีการร้องทั่วไปในสมัยนั้น
สิ่งเหล่านี้จึงมีอิทธิพลต่อกลอนหมอลำของ ป.ฉลาดน้อยมาโดยตลอด
ป.ฉลาดน้อย เป็นหมอลำระดับตำนานคนหนึ่งของประเทศไทย
ผลงาน : เอกลักษณ์อันโดดเด่นคือเสียงที่ก้องกังวานที่ยากจะมีใครเลียนแบบ และ
มีปฏิภาณไหวพริบในการลำเรื่องต่อกลอน ซึ่งสามารถใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติได้
อย่างชาญฉลาด และผสมผสานสภาพแวดล้อมธรรมชาติรอบตัวในกลอนลำได้
อย่างลงตัว อีกทั้งยังสามารถสร้างกลอนลำ “ทำนองเมืองอุบล” ของตนเองขึ้นมา
ได้
รางวัลและเกียรติคุณ : ป.ฉลาดน้อย ส่งเสริม ได้รับโล่เชิดชูเกียรติคุณ เป็นศิลปินดี
เด่นของจังหวัดอุบลราชธานี สาขา ศิลปะการแสดง ประจำปี ๒๕๔๔ และได้รับ
การยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ)
ประจำปี ๒๕๔๘
๑๐
๙. นางนิตยา รากแก่น
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ปี ๒๕๕๖
ประวัติความเป็นมา : นางนิตยา รากแก่น ใช้ชื่อในการแสดงว่า บานเย็น รากแก่น
เกิดที่บ้านกุดกลอย ตำบลโนนสวาง อำเภอตระการพืชผล (ปัจจุบันคืออำเภอ
กุดข้าวปุ้น) จังหวัดอุบลราชธานี
ผลงาน : บานเย็นออกแสดงหมอลำครั้งแรกเมื่ออายุ ๑๔ ปี ด้วยน้ำเสียงมหาเสน่ห์
รูปร่างหน้าตาสะสวย มีลีลาในการลำและร่ายรำที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ทองคำ เพ็งดี
พระเอกและเจ้าของคณะหมอลำรังสิมันต์ หมอลำหมู่ชื่อดังในขณะนั้น ได้ชวนมา
เป็นนางเอกของคณะ ต่อมา บานเย็นแยกตัวมาเป็นหัวหน้าวงดนตรีลูกทุ่งหมอลำ
คณะบานเย็น รากแก่น เมื่ออายุเพียง ๑๘ ปี โดยมีงานแสดงตามจังหวัดต่างๆ
และต่างประเทศอยู่หลายครั้ง เช่น ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย อีกทั้งยังได้แสดงเพื่อ
สาธารณกุศลอีกมากมาย ทำให้มีชื่อเสียงในระดับประเทศและระดับโลก เนื่องจาก
หมอลำบานเย็นได้ประยุกต์การแต่งตัวและการโชว์อย่างอลังการ จึงได้รับการ
ยกย่องให้เป็น "ราชินีลูกทุ่งหมอลำประยุกต์" คนหนึ่งของเมืองไทยนอกจากนี้
บานเย็นยังเป็นอาจารย์พิเศษสาขาวิชานาฏศิลป์ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ
อุบลราชธานี และเจ้าของโรงเรียนสอนศิลปะการแสดงอีสานบานเย็น
รางวัลและเกียติคุณ : ได้รับรางวัลพระพิฆเนศทองคำพระราชทาน ปี ๒๕๔๒ และ
ได้รับรางวัลศิลปินดีเด่นจังหวัดอุบลราชธานี จากสำนักงานคณะกรรมการ
วัฒนธรรมแห่งชาติ ปี ๒๕๔๓
ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้น
บ้าน-หมอลำ) ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๖ ๑๑
๑๐. นายพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยลูกทุ่ง) ปี ๒๕๕๗
ประวัติความเป็นมา : นายพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา เกิดที่บ้านดอนใหญ่ ตำบลนาคำ
อำเภอโขงเจียม (ปัจจุบันเป็นอำเภอศรีเมืองใหม่) จังหวัดอุบลราชธานี เริ่มต้นทำงาน
ที่โรงเรียนอุบลวิทยากร แต่ด้วยความรักที่จะทำงานเพลงและภาพยนตร์ จึงได้ศึกษา
เรียนรู้นอกระบบตามความสนใจใฝ่ฝันมาตลอด และหันมาทำงานในวงการบันเทิง
อย่างจริงจัง
ผลงาน : ของนายพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ที่สร้างชื่อมากคือ งานภาพยนตร์ งานแต่ง
เพลง ผลงานเด่นทางภาพยนตร์ อาทิ เพลงมนต์รักน้ำพอง ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ มนต์
รักแม่น้ำมูล ลูกทุ่งเพลงสวรรค์ ฯลฯ ส่วนผลงานเพลงนั้น ได้แต่งเพลงออกเผยแพร่สู่
สาธารณชนประมาณ ๗๐๐ เพลง มีทั้งเพลงประเภทความรักของหนุ่มสาวลูกทุ่ง
ประเภทศิลปวัฒนธรรมอีสาน เพลงเพื่อชีวิตสะท้อนภาพอีสาน เพลงสะท้อนภาพ
สังคมไทย เพลงประกอบละครภาพยนตร์ เพลงธรรมะ เพลงสถาบันต่างๆ และเพลง
ลูกทุ่งยุดใหม่ ผลงานที่สังคมรู้จัก เช่น ดาวบ้านนา สาละวันรำวง สาวคนโก้ ชุมแพ
อีสานบ้านเฮา เป็นต้น
รางวัลและเกียติคุณ : นายพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ได้รับการยกย่องเป็น“ครูภูมิปัญญา
ไทย” รุ่นที่ ๔ จากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ปี
พ.ศ.๒๕๔๘ การสร้างสรรค์ผลงาน ผลงานการประพันธ์เพลงที่ได้รับความนิยมระดับ
ชาติ หลายเพลง เพลงเหล่านี้ได้สร้างนักร้องโด่งดังระดับประเทศ เช่น ไพรวัลย์ ลูก
เพชร, ศรคีรี ศรีประจวบ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ สนธิ สมมาตย์, ไวพจน์ เพชรสุพรรณ
เป็นต้น นายพงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ
สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยลูกทุ่ง) ประจำปี๒๕๕๗ ๑๒
บุคคลสำคัญที่มีบทบาทใน
การส่งเสริมสร้างสรรค์
ภูมิปัญญา
บุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการส่งเสริมสร้างสรรค์
ภูมิปัญญา ล้วนแล้วดั่งเป็นบุคคลที่ให้ความสำคัญและ
สนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย โดยคิดค้นแนวทาง
ในการส่งเสริมและอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบต่อไป
๑๓
๑. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
•ประวัติความเป็นมา
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักร สุโขทัย หรือราชวงศ์
พระร่วง มีพระนามเดิมว่า พ่อขุนบาง กลางหาว แห่งเมืองบางยาง
พระองค์ทรงร่วมกับพระสหาย พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด ช่วยกัน
รวบรวมคนไทยยึดเมือง สุโขทัยจากขอมสบาดโขลญลำพัง ซึ่งเข้าครอบ
ครองเมือง สุโขทัยอยู่ขณะนั้นจนเป็นผลสำเร็จ และตั้งเมืองสุโขทัยเป็น
ราชธานี
•พระราชกรณียกิจสำคัญ
-ด้านความมั่นคง
ด้านความมั่นคง เมื่อพ่อขุนศรีนาวนำถุมสินพระชนมขอมสะบาดโขลญลำ
พงได้เข้ายึดเมืองสุโขทัยเอาไว้ได้ พ่อขุน
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์บางกลางหาวและพ่อขุนผา
เมืองจึงได้ร่วมกันรวบรวมผู้คนขับไล่ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยขอมสะ
บาดโขลญลำพงออกจากเมืองสุโขทัยได้สำเร็จ
๑๔
เป็นผลมาจากความเสื่อมอำนาจของอาณาจักรขอมและความสามัคคีของหมู่ผู้นำ
ชุมชนชาวไทย โดยพ่อขุนผาเมืองยึดเมืองสุโขทัยไว้ ส่วนพ่อขุนบางกลางหาวเข้า
ยึดเมืองศรีสัขนาลัยต่อมาพ่อขุนผาเมืองได้สถาปนาพ่อขุนบางกลางหาวให้ขึ้นเป็น
กษัตริย์ครองเมืองสุโขทัยแล้วถวายพระนามว่า "พ่อขุนศรีอินทราทิตย์" นับ
เป็นการสถาปนาราชวงศ์พระร่วง และกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี
เมื่อ พ.ศ. ๑๗๙๒ นอกจากนี้ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ยังได้ยกทัพไปปราบขุนสามชน
เจ้าเมืองฉอด (ปัจจุบันเป็นเมืองร้างอยู่ที่ด่านแม่สอด จังหวัดตาก) ซึ่งยกกำลัง
เข้ามายึดเมืองตาก และสุโขทัยเป็นฝ่ายชนะทำให้ไม่มีข้าศึกเข้ามารุกรานสุโขทัย
อาณาจักรสุโขทัยที่เริ่มต้นภายหลังการสถาปนาจึงดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงตั้งแต่
นั้นมาบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองจึงได้ร่วมกันรวบรวมผู้คนขับไล่ปฐม
กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยขอมสะบาดโขลญลำพงออกจากเมืองสุโขทัยได้สำเร็จเป็น
ผลมาจากความเสื่อมอำนาจของอาณาจักรขอมและความสามัคคีของหมู่ผู้นำ
ชุมชนชาวไทย โดยพ่อขุนผาเมืองยึดเมืองสุโขทัยไว้ ส่วนพ่อขุนบางกลางหาวเข้า
ยึดเมืองศรีสัขนาลัยต่อมาพ่อขุนผาเมืองได้สถาปนาพ่อขุนบางกลางหาวให้ขึ้นเป็น
กษัตริย์ครองเมืองสุโขทัย แล้วถวายพระนามว่า "พ่อขุนศรีอินทราทิตย์" นับ
เป็นการสถาปนาราชวงศ์พระร่วง และกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีเมื่อพ.ศ. ๑๗๙๒
นอกจากนี้ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ยังได้ยกทัพไปปราบขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด
(ปัจจุบันเป็นเมืองร้างอยู่ที่ด่านแม่สอด จังหวัดตาก)ซึ่งยกกำลังเข้ามายึดเมือง
ตาก และสุโขทัยเป็นฝ่ายชนะทำให้ไม่มีข้าศึกเข้ามารุกรานสุโขทัย อาณาจักร
สุโขทัยที่เริ่มต้นภายหลังการสถาปนาจึงดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงตั้งแต่นั้นมา
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ประกอบพระราชกรณียกิจที่สำคัญ คือ เมื่อครั้งยังเป็น
พ่อขุนบางกลางหาวได้รวมกำลังพลกับพ่อขุนผาเมืองต่อสู้ขับไล่พวกขอมและทรง
สถาปนา กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ผลงานของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์มีความสำคัญ
เพราะได้สร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับสุโขทัยจนพัฒนาเป็นอาณาจักรที่มีความ
เจริญรุ่งเรืองสืบต่อมา
๑๕
๒. สมเด็จพระสุริโยทัย
•พระราชประวัติ
พระประวัติสมเด็จพระสุริโยทัยทรงเป็นพระอัครมเหสีของสมเด็จพระมหาจักร
พรรดิ พระหากษัตริย์อยุธยาในลำดับที่ ๑๕ ทรงมีพระราชโอรสและพระราช
ธิดา รวม ๕ พระองค์ ได้แก่ พระราเมศวร พระบรมดิลก พระสวัสดิราช (ต่อมา
ได้รับการสถาปนพระกรณียกิจ
•พระราชกรณียกิจสำคัญ
ด้านความมั่นคง ใน พ.ศ. ๒๐๙๑ พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้แห่งกรุงหงสาวดีทรงยก
ทัพใหญ่เข้ามาโจมตีกรุงศรีอยุธยาสมเด็จ
พระมหาจักรพรรดิจึงเสด็จยกกองทัพหลวงด้วยพระคชาธารออกไปเพื่อหวังจะ
ลองกำลังของข้าศึก สมเด็จพระสุริโยทัย
ครมเหสีก็ทรงแต่งพระองค์เป็นชายอย่างพระมหาอุปราชทรงพระคชาธารตาม
เสด็จไปด้วย พร้อมทั้งพระราเมศวรและพระมหินทราธิราชาเป็นพระวิสุทธิ
กษัตรี) พระมหินทราธิราช และพระเทพกษัตรีย์
๑๖
พระราชโอรสทั้งสองพระองค์กองทัพของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้เกิด
ปะทะกันกับกองทัพของพระเจ้าแปรซึ่งเป็นทัพหน้าของพระเจ้าหงสาวดีจน
เกิดการขนข้างแบบยุทธหัตถี ข้างทรงของสมเด็จพรมหาจักรพรรดิเสียที
หนีข้าศึกขณะที่ข้างของพระเจ้าแปรตามมาติด ๆ สมเด็จพระสุริโยทัยทรง
เกรงว่าพระราชสวามีจะทรงเป็นอันตรายจึงไสช้างทรงเข้าขวางข้างข้าศึก
เอาไว้ พระเจ้าแปรจึงฟันสมเด็จพระสุริโยทัยด้วยพระแสงของ้าว ถูก
พระองค์ขาดสะพายแล่งสิ้นพระชนม์บนคอช้าง พระราเมศวรและพระมหิ
นทราธิราชก็ช่วยกันเอาพระศพของพระมารดากลับมาได้ภายหลังสงคราม
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงได้ทรงทำพระเมรุพระราชทานเพลิงพระศพ
และให้สร้างพระเจดีย์ขึ้นตรงพระเมรุเพื่อรำลึกถึงพระวีรกรรมของสมเด็จ
พระสุริโยทัย
๑๗
๓. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
•พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ทรงเป็นพระมหา
กษัตริย์ไทยลำดับที่ ๘ แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี
เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติขณะทรงมีพระชนมายุ ๙ พรรษา จึงต้องมี
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
•พระราชกรณียกิจสำคัญ ๑๘
พระองค์ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่สำคัญหลายครั้ง เช่น เสด็จ
พระราชดำเนินไปพระราชทานธงประจำกองลูกเสือและทอด
พระเนตรการแข่และวิขาลูกเสือ นอกจากนี้ยังได้พระราชทานทุน
ทรัพย์แก่โรงพยาบาล และสถานศึกษาต่างๆ อีกด้วย จากนั้น
พระองค์ได้เสด็จกลับไปศึกษาต่อที่เมืองโลชาน ประเทศสวิตเซอร์
แลนด์การเสด็จนิวัดพระนครครั้งที่ ๒ พระองค์ทรงเจริญ
พระชนมพรรษาครบ ๒๐ พรรษาบริบูรณ์ ทรงปฏิบัติพระราช
กรณียกิจที่สำคัญ เช่น ทรงตรวจพลสวนสนามของกองทัพ
พันธมิตรพร้อมกับลอร์ด หลุยส์ เมานต์แบตเทน เป็นความสำคัญ
ยิ่งต่อเกียรติภูมิของไทยเนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นว่า
ประเทศไทยยังคงมีอำนาจอธิปไตยโดยสมบูรณ์ มิได้ตกอยู่ใต้
อำนาจของชาติอื่น
๔. สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์โรปการ
•พระราชประวัติ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการทรงเป็น
พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และเจ้าจอมมารดาเปี่ ยม (ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นสมพระปียมาวดี
ศรีพัชรินทรมาตา ในรัชกาล่ที่ ๖) สมเด็จฯกรมพระยาเทวะวงศ์วโร
ปการประสูติเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๑ เมื่อยังทรงพระเยาว์ได้ทรงศึกษา
ภาษาไทยภาษาบาลี และภาษาอังกฤษ ในพระราชสำนัก เมื่อสำเร็จ
การศึกษาทรงได้มาช่วยบริหารราชการแผ่นดิน
•พระกรณียกิจสำคัญ
ด้านการต่างประเทศ ของสมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการใน
ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีว่าการกระทรวงการต่าง
ประเทศนั้น ไทยกำลังประสบปัญหาการแพร่อิทธิพลเข้ามาของชาติ
มหาอำนาจรัฐบาลจึงต้องใช้วิธีการเจรจาผ่อนสั้นผ่อนยาวกับ
มหาอำนาจตะวันตกโดยเฉพาะกับประเทศฝรั่งเศส จนกระทั่งเกิด
เหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ แต่ประเทศไทยก็รอดพันจากการเป็นฮาณา
นิคมของฝรั่งเศสมาได้ด้วยการอาศัยนโยบายทางการทูต
๑๙
๕. ออกญาโกษาธิบดี
•พระราชประวัติ
ออกญาโกษาธิบดี (ปาน) เดิมชื่อ "ปาน" ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์
มหาราช เมื่ออายุ ๒0 ปี ได้เข้ารับราชการกับพี่ขาย หลังจากนั้นอีก ๑๕
ปีต่อมา ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) และได้เป็น
หัวหน้าคณะทูตเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ.
๒๒๒๙
•พระราชกรณียกิจสำคัญ
ด้านการต่างประเทศ ออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) ได้นำโกษาป่าน
ราชทูตแห่งกรุงศรีอยุธยาคณะทูตของไทยเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔
กษัตริย์ฝรั่งเศสในท้องพระโรงของพระราขวังแวร์ซาย โดยได้ทำหน้าที่
เป็นผู้แทนของราชสำนักอยุธยาได้ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณี
ของการเข้าเฝ้าของชาวฝรั่งเศส จนถึงกับได้รับคำยกย่องจากชาว
ฝรั่งเศสว่าราขทูตไทยผู้นี้มีกิริยาท่ทางและวาจาที่งดงามมากการเดิน
ทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักฝรั่งเศสของออกพระวิสุทธสุนทร
(ปาน) ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นับเป็นผลดีต่อการป้องกันการคุกคามของฮอลันดาขณะที่พำนักอยู่ใน
ฝรั่งเศสออกพระวิสุทธสุนทร ออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) ได้รับโปรด
เกล้าฯ แต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาพระคลังหรือเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)
มีหน้าที่ควบคุมราชการเกี่ยวกับด้านการต่างประเทศ ๒๐
รายชื่อสมาชิกในกลุ่ม
๑. นายวสุพล บุญจำเนียร เลขที่ ๓
๒. นายณัฐชัย บัวสอน เลขที่ ๔
๓. นายปิยะพงษ์ ทันสุข เลขที่ ๑๑
๔. นายฑีฆายุ สายสินธุ์ เลขที่ ๑๙
๕. นายกฤตนัย ตุลิพา เลขที่ ๒๐
๖. นางสาวธัญธิตา ศิริภัทรชัย เลขที่ ๒๘
๗. นางสาวจิรัชยา คำภา เลขที่ ๓๖
๘. นางสาววริศรา บุญสุข เลขที่ ๔๐