The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานวิจัยpaครูเกษณี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by muanfan, 2022-09-01 22:13:34

รายงานวิจัยpaครูเกษณี

รายงานวิจัยpaครูเกษณี

การพฒั นาการจัดการเรียนรู้
เร่ือง การแก้โจทย์การคูณพหุนาม โดยใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้

แบบ Active Learning ของนกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2

นางเกษณี ลาภภากร
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชานาญการพเิ ศษ

โรงเรยี นสตรรี าชนิ ทู ศิ อาเภอเมือง จงั หวดั อดุ รธานี
สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษาอุดรธานี

ประเดน็ ทา้ ทายเรื่อง การพัฒนาการจัดการเรยี นรู้ การแก้โจทย์การคูณพหุนาม

โดยใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ แบบ Active Learning
ของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2

1.สภาพปญั หาการจัดการเรยี นรู้และคณุ ภาพการเรยี นรขู้ องผูเ้ รยี น

คณติ ศาสตร์มบี ทบาทสาคัญย่ิงในการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 เน่ืองจากคณติ ศาสตร์ช่วยให้
มนษุ ย์มคี วามคิดรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ คดิ อย่างมเี หตผุ ล เป็นระบบ มแี บบแผน สามารถวเิ คราะหป์ ญั หาหรือ
สถานการณ์ได้อย่างรอบคอบถถี่ ว้ น ชว่ ยใหค้ าดการณ์ วางแผน ตดั สินใจ แกป้ ัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
และสามารถนาไปใช้ในชวี ติ จรงิ ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ รวมถงึ คณิตศาสตร์ยังเป็นเคร่ืองมอื ในการศึกษาด้าน
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีและศาสตรอ์ ่ืนๆ อนั เปน็ รากฐานในการพฒั นาทรัพยากรบุคคลของชาตใิ ห้มีคณุ ภาพ
(กระทรวงศึกษาธกิ าร,2560:1)

นอกจากความสาคัญของคณิตศาสตร์ทกี่ ลา่ วมาข้างตน้ แลว้ ทักษะกระบวนการทาง
คณติ ศาสตร์ถอื ว่าเป็นส่วนสาคญั ในการเรียนคณติ ศาสตร์ ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรเ์ ป็น
ความสามารถหรือความชานาญในการปฏิบัติงาน โดยสามารถปฏิบตั ิได้ดี มีคณุ ภาพ มคี วามถกู ต้อง แม่นยา
รวดเรว็ แม้ว่านักเรียนจะมีความรู้ ความเขา้ ใจในเนื้อหาสาระเป็นอยา่ งดี แต่มีนักเรียนจานวนไมน่ อ้ ยที่ไม่
สามารถนาความรู้คณิตศาสตรท์ ี่มีอยู่ไปประยุกต์ในชวี ติ ประจาวนั หรอื ในการศึกษาต่อได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
การเรยี นคณิตศาสตรน์ อกจากเรยี นเพ่ือให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจแล้ว จะต้องเรียนให้เกิดทกั ษะและ
กระบวนการดว้ ยจึงจะเกดิ ประโยชน์ ซงึ่ ทักษะทสี่ าคัญมีดงั นี้ การแกป้ ัญหาด้วยวิธที ่หี ลากหลาย การให้เหตผุ ล
การส่ือสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตรแ์ ละการนาเสนอ การเชอื่ มโยงความรู้ตา่ ง ๆ ทางคณติ ศาสตร์
และการเช่ือมโยงคณติ ศาสตร์กับศาสตร์อนื่ ๆ และความคดิ สร้างสรรค์ (พงศธร มหาวิจิตร,2550: 47-55) ซง่ึ
ทกั ษะและกระบวนการแกป้ ัญหามคี วามสาคัญยงิ่ ในการเรียนคณิตศาสตร์จะเห็นได้จากคะแนนจากการสอบ
ภาคเรยี นท1่ี /2565 ปีการศึกษา 2565 รายวิชาคณิตศาสตร์พน้ื ฐาน นักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2/4
โรงเรยี นสตรีราชินูทศิ มีคะแนนเฉลี่ยรวม 9.87 คะแนน จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน โดยเป็นขอ้ สอบปรนัย
15 ข้อ อัตนยั เติมคาตอบจานวน 5 ข้อ จะเห็นวา่ คะแนนเฉลี่ยรวมของนกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2/4
น้อยกวา่ เกณฑ์ร้อยละ 70 ตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนดไว้

จากเหตุผลดังกลา่ วทาใหผ้ ศู้ ึกษามีความสนใจท่ีจะศึกษาหาวิธีแกไ้ ขการจัดการเรยี นร้เู พ่ือให้
ผเู้ รยี นไดเ้ ขา้ ใจเนื้อหาอย่างแทจ้ ริงและสามารถทาคะแนนได้ตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนดไว้ ผู้ศกึ ษาจึง
สนใจผลติ แผนการจัดการเรียนรแู้ บบ Active learning เพ่อื ชว่ ยให้ผูเ้ รยี นสามารถเช่ือมโยงความรู้ หรอื สร้าง
ความรใู้ ห้เกดิ ขนึ้ ในตนเอง ด้วยการลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ ผา่ นส่อื หรือกิจกรรมการเรยี นรู้ที่มคี รูผู้สอนเป็นผู้ แนะนา
กระตุ้น หรืออานวยความสะดวก ให้ผ้เู รียนเกดิ การเรียนรู้ขึ้น

2. ผลลพั ธก์ ารพัฒนาท่คี าดหวัง

2.1 เชิงปรมิ าณ
2.1.1 นกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2/4 โรงเรยี นสตรรี าชนิ ทู ิศ จานวน 45 คน

ได้รบั การพัฒนาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นโดยใช้แผนการจัดการเรยี นรู้แบบ Active Learning เพอ่ื พฒั นาการ
เรียน เรือ่ ง การแก้โจทย์การคูณพหนุ าม โดยมีคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 70
ของคะแนนเต็ม คดิ เป็นรอ้ ยละ 70 ของจานวนนักเรยี นทั้งหมด

2.1.2 นกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2/4 โรงเรียนสตรีราชนิ ทู ศิ จานวน 45 คน มีความ
พงึ พอใจต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้แบบ Active เร่อื ง การแก้โจทยก์ ารคูณ
พหนุ าม มีคา่ เฉล่ียอยู่ในระดบั มากขึ้นไป

2.2 เชงิ คุณภาพ
2.2.1 นักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2/4 โรงเรียนสตรรี าชินทู ิศ จานวน 45 คนมีผลสัมฤทธิ์
เรื่อง การแก้โจทย์การคณู พหนุ าม
2.2.2 มแี ผนการจดั การเรียนร้แู บบ Active Learning เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิ
เร่ือง การแกโ้ จทยก์ ารคูณพหุนาม

3. วธิ ีการดาเนนิ การให้บรรลุผล

3.1 วเิ คราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง
พุทธศักราช 2561) และหลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นสตรีราชนิ ูทิศ ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช 2563
ในเรื่องมาตรฐานการเรียนรแู้ ละผลการเรียนรู้ เรือ่ ง การหาค่าความจริงของประพจน์กรณโี จทยเ์ ป็นสญั ลักษณ์

3.2 จดั ทาโครงร่างเน้ือหาของแผนการจดั การเรียนรู้แบบ Active learning เร่ือง การแก้
โจทยก์ ารคูณพหุนาม โดยแบ่งเนอื้ หาออกเปน็ ส่วน ๆ พร้อมมใี บความรูแ้ ละใบงาน

3.3 นาแผนการจดั การเรยี นรู้แบบ Active learning เรอ่ื ง การแกโ้ จทยก์ ารคณู พหุนาม และ
แบบสอบถามความพงึ พอใจ ไปให้ผ้เู ชี่ยวชาญจานวน 3 ท่านและครูในกล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ช่วยกนั
ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ในเน้ือหา ภาษา การเฉลยของใบความรูแ้ ละใบงาน พร้อมท้ังข้อเสนอแนะและ
ปรบั ปรงุ แก้ไข

3.4 ครผู สู้ อนนาแผนการจดั การเรยี นรู้แบบ Active learning เรอ่ื ง การแก้โจทย์การคูณ
พหนุ าม ข้อสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ มาปรบั ปรงุ แกไ้ ขตามคาแนะนา
ของผู้เชย่ี วชาญ คณะครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์

3.5 นาแผนการจัดการเรยี นรู้แบบ Active learning เรอ่ื ง การแก้โจทย์การคูณพหุนาม
ไปทดลองใชก้ ับนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาท่ี 2/4 ทเ่ี คยเรียนเน้ือหา เรือ่ ง การแก้โจทย์การคูณพหนุ าม และให้
นักเรียนเสนอแนะแสดงขอ้ คดิ เหน็ เพอ่ื ปรับปรงุ แก้ไข หรอื นักเรยี นมีความสบั สนในข้อใดให้ดาเนนิ การปรับ
ภาษาให้เข้าใจงา่ ยขน้ึ

3.6 นาแผนการจัดการเรียนรู้แบบ Active learning เร่อื ง การแก้โจทย์การคูณพหนุ าม
ลักษณ์ ไปจดั กิจกรรมการเรียนรกู้ บั นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาท่ี 2/4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 โดยปรบั
กิจกรรมใหเ้ หมาะสมกบั บรบิ ท

3.7 ให้นกั เรียนทาแบบสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน เรอื่ ง การแกโ้ จทย์การคูณพหุนาม
3.8 ใหน้ กั เรยี นทาแบบสอบถามความพงึ พอใจทมี่ ีต่อการจัดการเรยี นรู้โดยใช้แผนการจดั
การเรียนรู้แบบ Active Learning เร่ือง การแกโ้ จทย์การคูณพหนุ าม
3.9 บนั ทึกผลการเรียนรู้ของนักเรยี น ทีเ่ กิดจากการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หากมนี ักเรยี นที่
ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ในเรือ่ งใด ให้ใช้กจิ กรรมเพือ่ นชว่ ยเพ่อื น และการสอนซ่อมเสริมเพื่อแก้ไขปัญหาการ
เรยี นรูใ้ ห้กับนกั เรียน และทาการทดสอบใหม่จนนกั เรยี นมีผลการเรยี นร้ผู า่ นเกณฑ์ท่ีกาหนด
3.10 เผยแพร่แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบ Active Learning เรือ่ ง การแกโ้ จทยก์ ารคณู
พหนุ าม ของนักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2/4 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ทางเว็บไซตโ์ รงเรยี นสตรีราชินู
ทิศและเครอื ขา่ ยกลุ่มเพจทางการศกึ ษาและแลกเปล่ยี นเรียนร้กู ล่มุ PLC

4. ผลลพั ธก์ ารพัฒนา

4.1 เชงิ ปริมาณ
4.1.1 นักเรยี นมผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น เร่ือง การแกโ้ จทย์การคูณพหุนาม มีคะแนน

เฉลย่ี รอ้ ยละ 73.52 และ มจี านวนนกั เรียนร้อยละ 80.61 ของจานวนนกั เรยี นทงั้ หมดมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ตง้ั แต่ร้อยละ 70 ขน้ึ ไป

4.1.2 นักเรียนมีความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการสอนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้
แบบ Active Learning เรื่อง การแกโ้ จทย์การคูณพหุนาม ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2/4 มีค่าเฉลย่ี อยู่
ในระดับมาก

4.2 เชงิ คณุ ภาพ
4.2.1 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2/4 โรงเรียนสตรรี าชนิ ูทิศ จานวน 45 คน
มผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงขน้ึ
4.2.2 มแี ผนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เร่อื ง การแกโ้ จทย์การคูณพหุนาม
เพอ่ื พฒั นาผลสัมฤทธิ์สาหรับนักเรียน ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2

ลงชอ่ื ...................................................................

(นางเกษณี ลาภภากร )
ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ

ผู้รายงานผลการพัฒนาผูเ้ รียน

คะแนนแบบทดสอบหลงั เรยี น
เรือ่ ง การแก้โจทย์การคณู พหนุ าม ของนกั เรยี นมธั ยมศึกษาปีที่ 2/4

เลขที่ ได้ คะแนน ผลการประเมิน
17 ร้อยละ ผา่ น ไมผ่ า่ น
29 70 
39 80 
49 90 
5 10 90 
6 10 100 
7 10 100 
88 100 
98 80 
10 7 80 
11 7 70 
12 8 70 
13 9 80 
14 10 90 
15 10 100 
16 9 100 
17 9 90 
18 8 90 
80 

คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน
เรอื่ ง การแก้โจทยก์ ารคณู พหนุ าม ของนักเรยี นมัธยมศึกษาปที ่ี 2/4

เลขท่ี ได้ คะแนน ผลการประเมิน
19 8 ร้อยละ ผา่ น ไมผ่ า่ น
20 7 80 
21 10 70 
22 8 100 
23 8 80 
24 7 80 
25 7 70 
26 8 70 
27 9 80 
28 10 90 
29 10 100 
30 9 100 
31 9 90 
32 8 90 
33 8 80 
34 7 80 
35 8 70 
80 

คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน
เรอ่ื ง การแก้โจทย์การคณู พหุนาม ของนกั เรียนมธั ยมศึกษาปที ่ี 2/4

เลขที่ ได้ คะแนน ผลการประเมนิ
ร้อยละ ผ่าน ไมผ่ า่ น

36 7 70 

37 7 70 

38 8 80 

39 9 90 

40 10 100 

41 8 80

42 8 80

43 8 80

44 8 80

45 8 80

หมายเหตุ นักเรยี นได้คะแนนร้อยละ 70 ผา่ นเกณฑ์

ลงชือ่ ............................................ผปู้ ระเมนิ
(นางเกษณี ลาภภากร)

ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ

แบบกรอกคะแนนใบงานที่ 6
เร่อื ง การแก้โจทย์การคูณพหนุ าม ของนักเรียนมธั ยมศึกษาปที ่ี 2/4

เลขที่ ได้ คะแนน ผลการประเมิน
17 ร้อยละ ผา่ น ไมผ่ า่ น
27 70 
38 70 
48 80 
59 80 
68 90 
77 80 
87 70 
98 70 
10 8 80 
11 9 80 
12 9 90 
13 10 90 
14 10 100 
15 8 100 
16 9 80 
17 10 90 
18 8 100 
80 

แบบกรอกคะแนนใบงานท่ี 6
เรือ่ ง การแก้โจทยก์ ารคูณพหุนาม ของนักเรียนมธั ยมศึกษาปีที่ 2/4

เลขท่ี ได้ คะแนน ผลการประเมิน
19 8 ร้อยละ ผา่ น ไมผ่ า่ น
20 7 80 
21 10 70 
22 8 100 
23 8 80 
24 7 80 
25 7 70 
26 8 70 
27 9 80 
28 10 90 
29 10 100 
30 9 100 
31 9 90 
32 8 90 
33 8 80 
34 7 80 
35 8 70 
80 

แบบกรอกคะแนนใบงานที่ 6
เรือ่ ง การแกโ้ จทย์การคูณพหุนาม ของนกั เรียนมัธยมศึกษาปีท่ี 2/4

เลขท่ี ได้ คะแนน ผลการประเมิน
รอ้ ยละ ผ่าน ไม่ผา่ น

36 7 70 

37 7 70 

38 8 80 

39 9 90 

40 10 100 

41 8 80

42 8 80

43 8 80

44 8 80

45 8 80

หมายเหตุ นกั เรียนได้คะแนนร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์

ลงชื่อ............................................ผ้ปู ระเมิน
(นางเกษณี ลาภภากร)

ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ

ภาคผนวก

-แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบ Active Learning
-ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล
-รปู ภาพการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

รหสั วชิ า ค22101 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 37 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 พหุนาม รายวชิ า คณิตศาสตร์ ปี การศึกษา 2565
เร่ือง การคูณพหุนาม(1) เวลา 1 ชวั่ โมง
ภาคเรียนท่ี 1

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
สาระที่ 1 จานวนและพีชคณิต
มาตรฐาน ค 1.2 เขา้ ใจและวเิ คราะห์แบบรูป ความสัมพนั ธ์ ฟังกช์ นั ลาดบั และอนุกรม และนาไปใช้

ตัวชี้วดั
ค 1.2 ม.2/1 เขา้ ใจหลกั การการดาเนินการของพหุนาม และใชพ้ หุนามในการแกป้ ัญหาคณิตศาสตร์

2. จุดประสงค์การเรียนรู้
2.1 ดา้ นความรู้ (K)
การหาผลคูณของพหุนามได้
2.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
ใชภ้ าษา สัญลกั ษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร ส่ือความหมาย และการนาเสนอไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

ชดั เจน
2.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
มีความมุมานะในการทา ความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์

3. สาระสาคัญ
การคูณเอกนามกบั เอกนามทาไดโ้ ดยใช้สมบตั ิของเลขยกกาลงั มาช่วยในการหาผลคูณ การคูณเอก

นามกบั พหุนามและการคูณพหุนามกบั พหุนามสามารถใช้สมบตั ิการแจกแจงและใชห้ ลกั การคูณมาช่วยในการ
หาผลคูณ

4. สาระการเรียนรู้
การคูณพหุนาม

5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
 5.1 ความสามารถในการส่ือสาร
 5.2 ความสามารถในการคิด
 5.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
 5.4 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
 5.5 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. จุดเน้นสู่การพฒั นาผ้เู รียน
ความสามารถและทกั ษะของผ้เู รียนศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L) (เฉพาะที่เกิดในแผนการจดั การเรียนรู้น้ี)

 R1-Reading(อา่ นออก)  R2-(W)Riting(เขียนได)้  R3-(A)Rithmetics(คิดเลขเป็น)

 C-1 Critical thinking and problem solving คือ มีทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ การคิดอยา่ งมี
วจิ ารณญาณและสามารถแกไ้ ขปัญหาได้

 C-2 Creativity and innovation คือ การคิดอยา่ งสร้างสรรคแ์ ละคิดเชิงนวตั กรรม
 C-3 Cross-cultural understanding คือ ความเขา้ ใจในความแตกต่างของวฒั นธรรมและ
กระบวนการคิดขา้ มวฒั นธรรม
 C-4 Collaboration teamwork and leadership คือ ความร่วมมือ การทางานเป็ นทีม และภาวะ
ความเป็นผนู้ า
 C-5 Communication information and media literacy คือ มีทกั ษะในการสื่อสารและการรู้เท่า
ทนั ส่ือ
C-6 Computing and IT literacy คือ มีทกั ษะการใชค้ อมพวิ เตอร์และรู้เทา่ ทนั เทคโนโลยี
 C-7 Career and learning skills คือ มีทกั ษะอาชีพและการเรียนรู้
 C-8 Compassion คือ มีความเมตตากรุณา มีคุณธรรม และมีระเบียบวนิ ยั
 L-1 Learning (ทกั ษะการเรียนรู้)  L-2 Leadership (ทกั ษะความเป็นผนู้ า)
7. การบูรณาการตามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะท่ีเกิดในแผนการจดั การเรียนรู้น้ี)
 บรู ณาการหลกั สูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล (World class Standard School)

 IS 1 การศึกษาคน้ ควา้ สร้างองคค์ วามรู้ (Research and Knowledge Formation)
 IS 2 การส่ือสารและการนาเสนอ (Communication and Presentation)
 IS 3 การนาความรู้ไปใชบ้ ริการสงั คม (Social Service Activity)
 บรู ณาการกบั หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
 บูรณาการกบั ประชาคมอาเซียน
 บรู ณาการกบั คา่ นิยม 12 ประการ
 มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์
 ซื่อสตั ย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพือ่ ส่วนรวม
 กตญั ญูต่อพ่อแม่ ผปู้ กครอง ครูบาอาจารย์
 ใฝ่ หาความรู้ หมน่ั ศึกษาเล่าเรียนท้งั ทางตรงและทางออ้ ม
 รักษาวฒั นธรรมประเพณีไทยอนั ดีงาม
 มีศีลธรรม รักษาความสตั ย์ หวงั ดีต่อผอู้ ื่น เผอ่ื แผแ่ ละแบง่ ปัน
 เขา้ ใจ เรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุขท่ีถูกตอ้ ง
 มีระเบียบวนิ ยั เคารพกฎหมาย ผนู้ อ้ ยรู้จกั การเคารพผใู้ หญ่

 มีสติรู้ตวั รู้คิด รู้ทา รู้ปฏิบตั ิตามพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
 รู้จกั ดารงตนอยโู่ ดยใชห้ ลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดารัสของ

พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รู้จกั อดออมไวใ้ ชเ้ ม่ือยามจาเป็น มีไวพ้ อกิน พอใช้ ถา้ เหลือ
ก็แจกจ่ายจาหน่ายและพร้อมที่จะขยายกิจการเม่ือมีความพร้อม เมื่อมีภมู ิคุม้ กนั ท่ีดี
 มีความแขง็ แรงท้งั ร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพต้ ่ออานาจฝ่ ายต่าหรือกิเลส มีความ

ละลายเกรงกลวั ต่อบาปตามหลกั ของศาสนา
 คานึงถึงประโยชนข์ องส่วนรวมและของชาติมากกวา่ ผลประโยชน์ของตนเอง
 บรู ณาการโรงเรียนวถิ ีพทุ ธ
 บรู ณาการขา้ มกลุ่มสาระการเรียนรู้(ระบุ)…………………….
 อ่ืน ๆ (ระบุ).............................................

8. ชิ้นงานหรือภาระงาน
1) แบบฝึกทกั ษะ 6

9. กจิ กรรมการเรียนรู้
ใบงานท่ี 6,7
ข้นั นา
ครูทบทวนสมบตั ิของเลขยกกาลงั ใหก้ บั นกั เรียนโดยใชก้ ารถาม-ตอบ
ข้นั สอน
1.ครูแนะนานกั เรียนวา่ การคูณเอกนามกบั เอกนามทาไดโ้ ดยนาสัมประสิทธ์ิของเอกนามแตล่ ะพจน์

มา
คูณกนั และนาตวั แปรของเอกนามแต่ละพจน์มาคูณกนั ซ่ึงจะใชส้ มบตั ิของเลขยกกาลงั มาช่วยในการหาผล

คูณ
2.ครูใหน้ กั เรียนหาคาตอบพร้อมบอกสมบตั ิของเลขยกกาลงั โดยเขียนโจทยบ์ นกระดานและแสดง

วธิ ีทา
ดงั น้ี
(1) (2x)(3x2) = (2)(3)x1+2 = 6x3
(2) (–4x5)(6x2) = (–4)(6)x5+2 = –24x7
(3) (–3xy)(–2xy2) = (–3)(–2)x1+1y1+2 = 6x2y3
(4) (18x4)(–4x3) = (18)(–4)x4+3 = –72x7

3) ครูอธิบายวา่ การหาผลคูณระหวา่ งเอกนามกบั พหุนามน้นั จะใชส้ มบตั ิการแจกแจง คือ

a(b + c) = ab + ac

จากน้นั ครูนาเสนอตวั อยา่ งการคูณเอกนามกบั พหุนาม แลว้ ใหน้ กั เรียนสังเกตวธิ ีการหาคาตอบของ
ตวั อยา่ งต่อไปน้ี

ตัวอย่าง (1) (3a)(a + b) = (3a)(a) + (3a)(b)

= 3a2 + 3ab

(2) (–4x)(x2 – x) = (–4x)(x2) – (–4x)(x)

= –4x3 – (–4x2)

= –4x3 + 4x2

(3) (–7m)(m + n) = (–7m)(m) + (–7m)(n)

= –7m2 – 7mn

(4) (8x)(x2 – 2x + 1) = (8x)(x2) – (8x)(2x) + (8x)(1)

= 8x3 – 16x2 + 8x

4) ครูให้นกั เรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสมทาใบงานที่ 6,7 พิจารณาการหาผลคูณพร้อมท้งั
นาเสนอ นักเรียนกลุ่มอื่นช่วยกนั ตรวจสอบคาตอบถา้ กลุ่มใดไม่เหมือนเพ่ือนให้นาเสนอเพิ่มเติมครูช่วย
ตรวจสอบความถูกตอ้ งอีกคร้ัง

ข้นั สรุป
1) ครูใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั ที่ 5,6,7 เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจเป็นการบา้ น
2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เกี่ยวกบั การคูณพหุนาม

10. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร์ ม.2 เล่ม 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลกั สูตร

แกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2560 จดั ทาโดย สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยกี ระทรวงศึกษาธิการ (สสวท.)

แหล่งเรียนรู้
1) หอ้ งสมุดโรงเรยี นสตรรี าชินูทศิ
2) ห้องสมดุ กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์

11. การวัดและประเมนิ ผล

สิ่งที่ต้องประเมนิ วิธกี ารประเมิน เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
ถกู ต้องร้อยละ
1) ดา้ นความรู้ (K) - สังเกตจากการตอบ - คาถามในชน้ั เรยี น 70 ข้ึนไป

อธิบายการหาผลคูณของพหุนาม คาถามในช้นั เรียน และการนาเสนอ ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี
ข้ึนไป
ได้ - ตรวจสมดุ บันทึก ตวั อย่าง
ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี
- ตรวจแบบฝึกหดั ท่ี - สมดุ บนั ทึก ขึ้นไป

5 - แบบฝึกหัดที่ 5

- แบบประเมนิ การ

เรียนร้ดู า้ นความรู้

2) ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) - สงั เกตจากการตอบ - คาถามในชั้นเรียน

ใชภ้ าษา สัญลักษณ์ทาง คาถามในชน้ั เรยี น และการนาเสนอ

คณิตศาสตร์ในการส่ือสาร สื่อ - ตรวจสมดุ บันทึก ตวั อยา่ ง

ความหมาย และการนาเสนอไดอ้ ยา่ ง - ตรวจแบบฝกึ หัดท่ี - สมุดบันทึก

ถกู ต้องชดั เจน 5,ใบงาน - แบบฝึกหดั ท่ี 5

- แบบประเมินการ

เรยี นรู้ด้านทกั ษะ/

กระบวนการ

3) ดา้ นคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ (A) สังเกตพฤติกรรมการ ประเมนิ พฤติกรรม

มีความมุมานะในการทา ความเข้าใจ เรียนรู้จากการรว่ ม การเรียนร้ดู ้าน

ปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ กจิ กรรมการเรียนรู้ คุณลักษณะทพ่ี ึง

ประสงค์

12. ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะจากหวั หน้าสถานศกึ ษา
12.1 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์
1. ไดท้ าการตรวจแผนการจดั การเรียนรแู้ ล้ว เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่
 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรงุ
2. การจดั กจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี
 นาไปใชไ้ ด้จริง
 ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ

......................................................................................................... .....................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงช่อื ...............................................
( นายสเุ ทพ ตะไก่แก้ว )

หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์

12.2 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของรองผูอ้ านวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
1. ไดท้ าการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้แลว้ เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่
 ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง
2. การจดั กจิ กรรมได้นาเอากระบวนการเรียนรู้
 เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ น้นผูเ้ รยี นเป็นสาคญั ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป
3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
 นาไปใช้ไดจ้ รงิ
 ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ

............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงช่อื ...............................................
( นายสุรเชษฐ์ ภาคา )

ตาแหนง่ รองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ

12.3 ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของหวั หน้าสถานศกึ ษา
1. ได้ทาการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้แลว้ เป็นแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่

 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้

 เน้นผ้เู รยี นเป็นสาคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยงั ไม่เน้นผ้เู รยี นเป็นสาคญั ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่
 นาไปใชไ้ ด้จรงิ
 ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้

4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ...............................................
( นางธิดาวรรณ นาคเสน )

ผู้อานวยการโรงเรียนสตรรี าชินทู ศิ

13. บันทึกผลหลังการสอน
13.1 สรุปผลการเรียนการสอน
1. นักเรยี นจานวน 45 คน
ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 45 คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ 100
ไมผ่ า่ นจุดประสงค์ - คน คิดเป็นร้อยละ -

2. นกั เรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K)
นกั เรียนสามารถ
- อธบิ ายลาดับข้ันตอนการการคณู พหนุ ามได้
- อธิบายและแก้โจทยก์ ารคูณพหุนามได้อยา่ งถูกต้อง
- ตั้งโจทย์เองและสามารถคณู พหุนามได้ถูกต้อง

3. นักเรยี นมคี วามรูเ้ กดิ ทักษะ (P)
นกั เรียนทุกคนมที ักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการแก้ปัญหา การใหเ้ หตผุ ล

การส่อื สารและสื่อความหมายผ่านตามเกณฑท์ ี่ครกู าหนด
4. นักเรียนมเี จตคติ/คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นักเรยี นทกุ คนมเี จตคติและคุณลกั ษณะอันพึงประสงคไ์ ดแ้ ก่ มวี ินยั ใฝ่เรียนรู้และมงุ่ ม่นั

ในการทางานผา่ นเกณฑ์ท่ีครูกาหนด

13.2 ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข
-

13.3 ข้อเสนอแนะ
ควรสร้างเกมเกย่ี วกับเนื้อหาการคณู พหุนาม เพื่อกระตุ้นให้นักเรยี นมีความสนใจเนื้อหาใน

เร่อื งน้ีมากยง่ิ ขึ้น

ลงชอ่ื ........................................................
( นางเกษณี ลาภภากร )

ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ

แบบบันทึกผลการประเมนิ ตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ และด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 37 เรอื่ ง การคณู พหนุ าม (1)

คาชี้แจง บนั ทกึ คะแนนและผลการประเมินที่ไดล้ งในช่องระดับคะแนนพฤติกรรมท่ีนักเรยี นปฏบิ ตั ิ

เลขที่ ด้านความรู้ (K) ดา้ นทกั ษะ/ ดา้ นคณุ ลักษณะ คะแนนรวม
กระบวนการ (P) อันพงึ ประสงค์

(A)

2 ผล 2 ผล 2 ผล

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

คะแนนรวม

คะแนนเฉล่ยี

จานวนนักเรยี นที่ผ่าน

รอ้ ยละของนักเรยี นท่ีผ่าน

ลงชือ่ ....................................................ผู้ประเมนิ
(นางเกษณี ลาภภากร)

วันท่ี.........................................................
เกณฑก์ ารประเมนิ

ผา่ น หมายถงึ นักเรยี นทาคะแนนเฉลีย่ ได้ร้อยละ 75 ข้ึนไป

ไม่ผ่าน หมายถึง นักเรียนทาคะแนนเฉลี่ยไดต้ ่ากวา่ ร้อยละ 75

คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนด้านความรู้
2
1 ความสามารถในการแก้ปัญหาทปี่ รากฏใหเ้ หน็
0 อธิบายการหาผลคูณของพหนุ ามได้อย่างเข้าใจ และชดั เจน
อธิบายการหาผลคูณของพหนุ ามได้เพยี งบางส่วน
ไม่มีร่องรอยการอธบิ ายการหาผลคณู ของพหุนามได้

เกณฑ์การให้คะแนนด้านทักษะ/กระบวนการ

การสื่อสาร การสื่อความหมาย และการนาเสนอ หมายถึง การใช้รูปแบบของการสื่อสาร การสื่อ

ความหมาย และการนาเสนอ รวมท้งั บนั ทึกผลงานในทุกขน้ั ตอนอย่างสมเหตุสมผล

คะแนน ระดบั คุณภาพ ความสามารถในการส่ือสารทปี่ รากฏให้เหน็

2 ดี ใชร้ ปู แบบของการส่ือสาร การสอ่ื ความหมาย และการนาเสนอดว้ ยวธิ กี าร

เหมาะสมชดั เจน รวมทั้งบนั ทึกผลงานในทกุ ข้นั ตอนอย่างสมเหตุสมผล

1 พอใช้ ใช้รปู แบบของการสื่อสาร การส่อื ความหมาย และการนาเสนอด้วยวธิ ีการท่ี

เหมาะสมไดเ้ พยี งบางสว่ น และบนั ทกึ ผลงานทกุ ข้ันตอนอย่างสมเหตสุ มผล

0 ปรับปรุง ไมน่ าเสนอ และไมม่ ีการบนั ทึกผลงาน

เกณฑ์การให้คะแนนดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

คะแนน ระดับคณุ ภาพ ความมุมานะในการทาความเขา้ ใจทปี่ รากฏให้เห็น
2
ดี มีความมุมานะในการทา ความเข้าใจปญั หาและแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์
1
ด้วยความตั้งใจ
0
พอใช้ มีความมุมานะในการทา ความเขา้ ใจปัญหาและแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์

ดว้ ยความตัง้ ใจเพยี งบางสว่ น

ปรับปรงุ ไม่แสดงความมุมานะในการทา ความเข้าใจปัญหาและแก้ปัญหาทาง

คณิตศาสตร์

ใบงาน











แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรูข้ องนักเรยี น ด้านทกั ษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์

คาช้แี จง ให้กรอกคะแนนในชอ่ งคะแนนตามระดับคุณภาพของพฤติกรรมตามความเป็นจริงมากท่สี ุด

โดยพิจารณาจากเกณฑด์ งั น้ี

เกณฑ์การพจิ ารณา สรปุ ผลการประเมนิ

เลขที่ การแกป้ ัญหา การให้เหตผุ ล การส่ือสาร ส่ือความหมาย รวม ผ่าน ไม่ผ่าน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 เฉลยี่

13 3 3 3

23 3 3 3

33 2 2 2

43 2 2 2

53 3 3 3

63 3 3 3

73 2 2 2

83 2 2 2

93 3 3 3

10 3 3 3 3

11 3 3 3 3

12 3 2 2 2

13 3 3 3 3

14 3 3 3 3

15 3 2 2 2

16 3 3 3 3

17 3 3 3 3

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรขู้ องนักเรยี น ด้านทกั ษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์

คาชี้แจง ใหก้ รอกคะแนนในช่องคะแนนตามระดบั คณุ ภาพของพฤติกรรมตามความเป็นจรงิ มากทส่ี ดุ

โดยพิจารณาจากเกณฑ์ดงั นี้

เกณฑ์การพิจารณา สรปุ ผลการประเมิน

เลขท่ี การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อสาร สอ่ื ความหมาย รวม ผ่าน ไมผ่ ่าน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 เฉลยี่

18 3 3 3 3

19 3 2 2 2

20 3 3 3 3

21 3 3 3 3

22 3 2 2 2

23 3 2 2 2

24 3 3 3 3

25 3 3 3 3

26 3 3 3 3

27 3 2 2 2

28 3 2 2 2

29 3 3 3 3

30 3 2 2 2

31 3 2 2 2

32 3 3 3 3

33 3 3 3 3

34 3 3 3 3

แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ของนักเรยี น ดา้ นทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์

คาช้แี จง ใหก้ รอกคะแนนในช่องคะแนนตามระดับคณุ ภาพของพฤติกรรมตามความเป็นจรงิ มากที่สุด

โดยพิจารณาจากเกณฑ์ดังนี้

เกณฑ์การพจิ ารณา สรปุ ผลการประเมิน

เลขท่ี การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การสอื่ สาร สอ่ื ความหมาย รวม ผา่ น ไมผ่ ่าน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 เฉล่ีย

35 3 3 3 3

36 3 2 2 2

37 3 3 3 3

38 3 3 3 3

39 3 2 2 2

40 3 3 3 3

41 3 3 3 3

42 3 3 3 3

43 3 2 2 2

44 3 3 3 3

45 3 3 3 3

หมายเหตุ นกั เรียนได้คะแนนเฉล่ียต้ังแต่ 2 คะแนนขนึ้ ไปถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
สรปุ ผลการสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั 1 จานวน - คน

ระดับ 2 จานวน 15 คน
ระดบั 3 จานวน 30 คน

ลงช่อื ............................................ผูป้ ระเมิน
(นางเกษณี ลาภภากร)

ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ

เกณฑ์ประเมนิ แบบสังเกตพฤติกรรมดา้ นทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์

รายการประเมิน ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การพจิ ารณา

1.การแก้ปัญหา 3(ดี) ใช้วิธกี ารดาเนนิ การแก้ปญั หาไดส้ าเร็จอยา่ งมีประสิทธภิ าพและ
อธบิ ายข้ันตอนของวธิ กี ารดงั กล่าวได้อย่างชัดเจน

2(พอใช)้ มวี ธิ กี ารดาเนินการแก้ปญั หาได้สาเรจ็ แตไ่ มส่ ามารถอธบิ าย
ขนั้ ตอนของวิธกี ารดังกลา่ วได้

1(ควรปรบั ปรุง) มีหลกั ฐานหรือรอ่ งรอยการดาเนินการแก้ปัญหาบางสว่ นแต่ก็
แก้ปญั หาไมส่ าเร็จ

2.การใหเ้ หตุผล 3(ด)ี มีการอ้างอิงถกู ตอ้ งและเสนอแนวคดิ ประกอบการตัดสินใจอย่าง
สมเหตุสมผล

2(พอใช)้ มีการอ้างอิงท่ถี ูกต้องบางสว่ นและเสนอแนวคดิ ประกอบการ
ตดั สนิ ใจ แต่อาจไม่สมเหตุสมผลในบางกรณี

1(ควรปรบั ปรุง) มกี ารเสนอแนวคดิ ที่ไม่สมเหตุสมผลในการตัดสินใจและไมร่ ะบุการ
อา้ งอิง

3.การสอ่ื สาร 3(ด)ี ใชภ้ าษาและสญั ลกั ษณท์ างคณติ ศาสตรใ์ นการสือ่ สาร ส่อื
สื่อความหมาย 2(พอใช)้ ความหมายได้อยา่ งถูกต้องเข้าใจชดั เจน
ทางคณิตศาสตร์
และนาเสนอ ใช้ภาษาและสญั ลกั ษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสอ่ื สาร สื่อ
ความหมายไดอ้ ย่างถกู บางสว่ นสามารทาความเขา้ ใจได้

1(ควรปรับปรุง) ใชภ้ าษาและสญั ลักษณท์ างคณติ ศาสตร์ในการสอ่ื สาร ส่ือ
ความหมายอย่างง่าย ๆไม่ได้ ไม่สามารถทาความเขา้ ใจได้

แบบสังเกตพฤติกรรมด้านคุณลกั ษณะ

คาช้ีแจง ใหก้ รอกคะแนนในชอ่ งคะแนนตามระดับคณุ ภาพของพฤติกรรมตามความเป็นจริงมากทสี่ ดุ

โดยพิจารณาจากเกณฑด์ ังนี้

เกณฑ์การพจิ ารณา สรุปผลการประเมิน

เลขที่ มวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งม่นั ในการทางาน รวม ผา่ น ไมผ่ ่าน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 เฉล่ีย

13 3 3 3

23 3 3 3

33 2 3 3

43 2 3 3

53 3 3 3

63 3 3 3

73 2 2 2

83 2 2 2

93 3 3 3

10 3 3 3 3

11 3 3 3 3

12 3 2 3 3

13 3 3 3 3

14 3 3 3 3

15 3 2 2 2

16 3 3 3 3

17 3 3 3 3

แบบสังเกตพฤติกรรมดา้ นคณุ ลกั ษณะ

คาชีแ้ จง ใหก้ รอกคะแนนในช่องคะแนนตามระดับคณุ ภาพของพฤติกรรมตามความเป็นจรงิ มากทสี่ ุด

โดยพจิ ารณาจากเกณฑด์ ังนี้

เกณฑ์การพิจารณา สรปุ ผลการประเมนิ

เลขท่ี มีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมัน่ ในการทางาน รวม ผา่ น ไมผ่ ่าน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 เฉลีย่

18 3 3 3 3

19 3 2 2 2

20 3 3 3 3

21 3 3 3 3

22 3 2 2 2

23 3 2 3 3

24 3 3 3 3

25 3 3 3 3

26 3 3 3 3

27 3 2 2 2

28 3 2 2 2

29 3 3 3 3

30 3 2 2 2

31 3 2 2 2

32 3 3 3 3

33 3 3 3 3

34 3 3 3 3

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคุณลักษณะ

คาช้ีแจง ให้กรอกคะแนนในช่องคะแนนตามระดบั คุณภาพของพฤตกิ รรมตามความเป็นจริงมากท่ีสดุ

โดยพจิ ารณาจากเกณฑด์ ังน้ี

เกณฑ์การพิจารณา สรุปผลการประเมิน

เลขที่ มีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมน่ั ในการทางาน รวม ผ่าน ไม่ผ่าน

3 2 1 3 2 1 3 2 1 เฉล่ยี

35 3 3 3 3

36 3 2 2 2

37 3 3 3 3

38 3 3 3 3

39 3 2 3 3

40 3 3 3 3

41 3 3 3 3

42 3 3 3 3

43 3 2 3 3

44 3 3 3 3

45 3 3 3 3

หมายเหตุ นักเรยี นได้คะแนนเฉล่ียต้ังแต่ 2 คะแนนขึ้นไปถอื วา่ ผ่านเกณฑ์
เกณฑ์การใหร้ ะดับคะแนน ระดับ 1 ระดบั การปฏบิ ตั ิหรือผลสาเรจ็ นอ้ ย

ระดับ 2 ระดบั การปฏบิ ัตหิ รอื ผลสาเรจ็ ปานกลาง
ระดบั 3 ระดบั การปฏบิ ตั ิหรือผลสาเรจ็ มาก

สรปุ ผลการสงั เกตพฤติกรรม ระดับ 1 จานวน - คน
ระดบั 2 จานวน 10 คน
ระดบั 3 จานวน 35 คน

ลงชือ่ ............................................ผปู้ ระเมิน
(นางเกษณี ลาภภากร)

ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ

เกณฑป์ ระเมนิ แบบสังเกตพฤตกิ รรมด้านคณุ ลกั ษณะ

รายการประเมนิ ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา

1. มีวินัย 3 สมุด ช้ินงาน สะอาดเรียบร้อยและปฏิบัติตนอยู่ในข้อตกลงทก่ี าหนดให้
(ดี) รว่ มกันทกุ ครงั้

2 สมุด ช้นิ งาน สว่ นใหญ่สะอาดเรียบร้อยและปฏบิ ัตติ นอยใู่ นข้อตกลงท่ี
(พอใช)้ กาหนดให้ร่วมกนั เปน็ ส่วนใหญ่

1 สมุด ชน้ิ งาน ไมค่ ่อยเรียบรอ้ ยและปฏิบัติตนอยู่ในข้อตกลงที่กาหนดให้
(ควรปรับปรงุ ) รว่ มกนั บางคร้งั ต้องอาศัยการแนะนา

2.ใฝ่เรียนรู้ 3(ด)ี มีการอ้างอิงที่ถูกต้องและเสนอแนวคดิ ประกอบการตัดสนิ ใจอยา่ ง
สมเหตุสมผล

2 มีการอ้างอิงท่ถี ูกต้องบางส่วนและเสนอแนวคิดประกอบการตัดสินใจ แต่
(พอใช)้ อาจไมส่ มเหตสุ มผลในบางกรณี สรปุ ผลไม่ค่อยถกู ต้อง

1 มีการเสนอแนวคดิ ท่ีไมส่ มเหตุสมผลในการตดั สนิ ใจและไม่อ้างอิง สรปุ ผลไม่
(ควรปรับปรงุ ) ถกู ต้อง

3.มุ่งม่ัน 3 ส่งงานก่อนหรือตรงตามกาหนดเวลานัดหมาย รบั ผิดชอบในงานท่ไี ด้รบั
ในการทางาน (ด)ี มอบหมายและปฏิบตั ิเองจนเป็นนสิ ยั และชักชวนใหผ้ ู้อืน่ ปฏิบตั ิ

2 สง่ งานช้ากว่ากาหนด แต่ได้มีการติดต่อชี้แจงโดยมีเหตุผลรบั ฟงั ได้
(พอใช)้ รบั ผดิ ชอบในงานท่ีได้รับมอบหมายและปฏบิ ตั เิ องจนเปน็ นิสัย

1 สง่ งานชา้ กว่ากาหนด ปฏบิ ตั ิงานโดยต้องอาศัยการชีแ้ นะคาแนะนาและการ
(ควรปรบั ปรงุ ) ตกั เตือน

แบบสอบถามความพึงพอใจในการจดั กจิ กรรมการสอน
แผนการจัดการเรยี นรู้ เร่อื ง เรือ่ ง การพฒั นาการจดั การเรยี นรู้ การแกโ้ จทย์การคูณพหุนาม
โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ แบบ Active Learning ของนักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2

แบบสอบถามนี้สรา้ งขนึ้ เพ่ือนาขอ้ บกพร่องมาปรบั ปรุงพัฒนาการจดั กจิ กรรมการสอน
ท่ี รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพของแผนการจัดการเรยี นรู้

5432 1
1 จดุ ประสงค์การเรยี นรูม้ ีความสอดคล้องกับเนื้อหา
2 สาระการเรยี นรู้มีความสอดคล้องกับ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ในหลกั สูตร
3 เน้ือหามีความยากง่ายพอเหมาะ และมีความเหมาะสมกบั เวลา
4 เน้อื หาน่าสนใจ และเปน็ ประโยชนต์ อ่ นกั เรียน
5 กจิ กรรมการสอนเปน็ ไปตามข้ันตอน และเรา้ ความสนใจของ

นักเรยี น
6 ส่อื การเรยี นการสอนสอดคลอ้ งกับเนอ้ื หา และมีคณุ ภาพ
7 สอื่ การเรียนการสอนสอ่ื ความหมายได้ชดั เจน น่าสนใจ

และเหมาะกบั นักเรยี น
8 การวัดและประเมินผลสอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้
9 แบบทดสอบวดั ไดค้ รอบคลุมเนอื้ หา
10 ระยะเวลาในการจดั กิจกรรมการสอนเหมาะสมกบั เน้ือหา

ข้อเสนอแนะ................................................................................................................... ......................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………...........
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………...........
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………...........
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………...........

แสดงคา่ เฉลี่ย สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ระดับความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการสอน
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เรอ่ื ง การพัฒนาการจัดการเรยี นรู้ การแกโ้ จทยก์ ารคณู พหุนาม
โดยใช้แผนการจดั การเรียนรู้ แบบ Active Learning ของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 2

แบบสอบถามนส้ี ร้างข้นึ เพ่ือนาขอ้ บกพร่องมาปรับปรุงพัฒนาการจดั กจิ กรรมการสอน

ที่ รายการประเมิน ความพงึ พอใจ

( X ) (S.D.) ระดบั ความพึงพอใจ

1 จดุ ประสงค์การเรียนรมู้ คี วามสอดคลอ้ งกับเนื้อหา 3.00 0.000 มาก

2 สาระการเรยี นรมู้ ีความสอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2.94 0.279 มาก
ในหลกั สูตร

3 เน้ือหามีความยากง่ายพอเหมาะ และมีความเหมาะสมกับเวลา 2.81 0.384 มาก

4 เนื้อหานา่ สนใจ และเป็นประโยชน์ตอ่ นักเรยี น 2.94 0.279 มาก

5 กจิ กรรมการสอนเป็นไปตามขั้นตอน และเร้า ความสนใจของ 2.97 0.186 มาก
นักเรยี น

6 สอ่ื การเรยี นการสอนสอดคลอ้ งกับเนอื้ หา และมีคุณภาพ 2.91 0.293 มาก

7 สอ่ื การเรียนการสอนสอ่ื ความหมายไดช้ ัดเจน น่าสนใจ 2.94 0.279 มาก
และเหมาะกบั นักเรียน

8 การวดั และประเมินผลสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 3.00 0.000 มาก

9 แบบทดสอบวัดได้ครอบคลมุ เน้อื หา 2.97 0.186 มาก

10 ระยะเวลาในการจดั กจิ กรรมการสอนเหมาะสมกบั เน้ือหา 2.94 0.279 มาก

รวม 2.94 2.165 มาก

จากตารางแสดงวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามมีความพงึ พอใจที่มตี ่อการจัดกิจกรรมการสอน แผนการ
จดั การเรยี นรู้ เร่อื ง การหาคา่ ความจริงของประพจน์กรณีโจทย์เป็นสัญลกั ษณ์โดยใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้
แบบ Active Learning ด้วยการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ของนกั เรยี นระดบั มัธยมศึกษาปีที่ 2/4 จานวน 45 คน
โดยภาพรวมอยู่ในระดบั มาก ( x= 2.94) เมอื่ พิจารณารายข้อพบวา่ อยใู่ นระดบั มาก ข้อทมี่ คี า่ เฉล่ยี มากทีส่ ดุ คือ

จุดประสงค์การเรียนรูม้ คี วามสอดคล้องกบั เนื้อหาและการวัดและประเมนิ ผลสอดคล้องกับจดุ ประสงค์การ
เรยี นรู้ ( x= 3.00) รองลงมาคอื กจิ กรรมการสอนเป็นไปตามขั้นตอน และเรา้ ความสนใจของนักเรยี นและ
แบบทดสอบวดั ได้ครอบคลมุ เนื้อหา ( x= 2.97 ) และข้อที่มีคา่ เฉลย่ี น้อยท่ีสุดคือ เนื้อหามีความยากงา่ ย
พอเหมาะ และมีความเหมาะสมกบั เวลา ( x= 2.81)
ข้อเสนอแนะ ครูควรผลติ เกมเพ่ือใช้ในการจดั กจิ กรรมการสอนประกอบแผนการจดั การเรียนรู้

เรือ่ ง การพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ การแก้โจทย์การคูณพหุนาม โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้

แบบ Active Learning ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2

ภาพกิจกรรม




Click to View FlipBook Version