ม า ต ร า ส ว น
ป ร ะ ม า ณ ค า
(Rating Scales)
จัดทําโดย: นางสาวกัญญาวีร เวชกิจ, นายธิติพัทธ ขันธเนตร
. และนางสาวอทิมา พลเสน
จิตวิทยาการแนะแนวและการใหคาํ ปรึกษาสาํ หรับครู
สารบญั
ประวัติการใชมาตราสวนประมาณคา 1
2 ความหมายของมาตราสวนประมาณคา
ขอแตกตางระหวางระเบียนพฤติการณ 3
กับมาตราสวนประมาณคา
4 วัตถุประสงคของการใช
มาตราสวนประมาณคา
ลักษณะของมาตราสวนประมาณคา 5
สารบัญ (ตอ)
แบบของมาตราสวนประมาณคา 6
7 หลักสําคัญในการสรางมาตราสวน
ประมาณคา
ชนิดของมาตราสวนประมาณคา 8
9 ขอควรระวังในการทํา
มาตราสวนประมาณคา
ประโยชนของมาตราสวนประมาณคา 10
สารบญั (ตอ)
ขอจํากัดของมาตราสวนประมาณคา 11
12 การนาํ ไปใชในการปรับปรุงแกไขเด็ก
สรุปมาตราสวนประมาณคา 13
01
ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
(Rating Scales)
เปนเครอื งมือและกลวิธีทีนิยมใช้ในการศึกษารายกรณี
อีกชนิดหนึง เพราะช่วยให้ข้อมูลทีสามารถเก็บรวบรวมได้
ด้วยการประเมินพฤติกรรมและเหตุการณ์ในลักษณะต่าง ๆ
ทีค่อนข้างมีประสิทธิภาพ มีการใช้มาตราส่วนประมาณค่าใน
โรงเรยี นเพือช่วยส่งเสรมิ การสังเกตให้ดีขึน
02
ป ร ะ วั ติ ข อ ง ม า ต ร า ส ว น
ป ร ะ ม า ณ ค า
มาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scales) นับวา่ เปน
เครอื งมอื และกลวธิ ที ีนิยมใชใ้ นการศึกษารายกรณีอีกชนิดหนึง
เพราะชว่ ยใหข้ อ้ มูลทีสามารถเก็บรวบรวมไดด้ ว้ ยการประเมนิ
พฤติกรรมและเหตกุ ารณ์ในลกั ษณะต่าง ๆ ทีค่อนขา้ งมี
ประสทิ ธภิ าพ ถือวา่ เปนเครอื งมอื ทีนํามาใชเ้ ปนครงั แรกในชว่ ง
ก่อนป ค.ศ. 1800 โดย British Navy เพอื บรรยายสภาวะ
ของอากาศ ต่อมาไดม้ กี ารนํามาตราสว่ นประมาณค่ามาใชก้ ัน
อยา่ งกวา้ งขวางในสหรฐั อเมรกิ าระหวา่ งสงครามโลกครงั ที 1
ในการประมาณค่าการทํางานของขา้ ราชการในกองทัพ และได้
ใชก้ ันเรอื ยมาจนถึงปจจุบนั มาตราสว่ นประมาณค่าเขา้ มามี
บทบาทอยา่ งมากในวงการการศึกษา โดยมกี ารประเมนิ ค่า
สมรรถภาพขององค์กรและขอ้ เท็จจรงิ เกียวกับคณุ ลกั ษณะ
ของเดก็ ต่าง ๆ กัน เพอื นํามาใชใ้ นการศึกษา และชว่ ยเหลอื เดก็
ใหไ้ ดม้ ากยงิ ขนึ จะเหน็ วา่ มาตราสว่ นประมาณค่าเปนเรอื งทีน่า
สนใจและใหป้ ระโยชน์ในการประเมนิ ค่า เพอื ใหส้ ามารถนําเครอื ง
มอื และกลวธิ ชี นิดมาใช้ เปนอีกทางเลอื กหนึงในการเก็บ
รวบรวมขอ้ มูลของรายกรณีทีถกู ศึกษา
03
ความหมายของ
ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
จากนักวิชาการหลายท่าน เช่น ปรชี า วิหคโต, Ruth
Strang สรุปได้ว่า มาตราส่วนประมาณค่าเปนการบันทึกผล
การสังเกตแบบย่อ คือ เมือครูหรอื ผู้แนะแนวได้สังเกตเด็ก ๆ
หลายครงั และในสถานการณ์ต่าง ๆ กัน แล้วครูก็สรุปผลการ
สังเกตของตนโดยการตีค่า ลักษณะพฤติกรรม หรอื
บุคลิกลักษณะของนักเรยี นว่ามีคุณภาพเปนอย่างไร สูงหรอื
ตํา ดีหรอื ไม่ดี แล้วบันทึกลงในมาตราส่วนประมาณค่า
ดังนัน มาตราส่วนประมาณค่าจึงเปนเครอื งมือวัดคุณภาพ
ของบุคคลโดยทางอ้อม
04
ข อ แ ต ก ต า ง ร ะ ห ว า ง ร ะ เ บี ย น พ ฤ ติ ก า ร ณ
กั บ ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
ร ะ เ บี ย น พ ฤ ติ ก า ร ณ
เปนระเบยี นทีผสู้ งั เกตใชบ้ นั ทึกเหตกุ ารณ์ทีเกิดขนึ จรงิ ในขณะทํา
การสงั เกตเพอื แสดงใหเ้ หน็ ถึงพฤติกรรมบางอยา่ งของผถู้ กู
สงั เกต ซงึ ผสู้ งั เกตไดพ้ จิ ารณาแล้วเหน็ วา่ เปนเรอื งสาํ คัญ
และมคี ณุ ค่า
ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
เปนการบันทึกการสังเกตโดยการประเมินผลของผู้สังเกต
คือ มีการตัดสินว่านักเรยี นแต่ละคนทีครูทําการสังเกต
มีคุณลักษณะทีครูต้องการจะสังเกตมากน้อยเพียงไร
ดังนัน มาตราส่วนประมาณค่าจะมีคุณค่ามากน้อยเพียงไรขึนอยู่
กับคุณลักษณะทีจะประเมินค่าว่ามีความสาํ คัญมากน้อยเพียงไร
และการวินิจฉัยของครูมีความแม่นยาํ เทียงตรงหรอื ไม่
05
วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค ข อ ง ก า ร ใ ช
ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
วตั ถปุ ระสงค์ของการใชม้ าตราสว่ นประมาณค่า พอสรปุ ไดด้ งั นี :
1.เพอื ศึกษาคณุ ลกั ษณะของรายกรณีทีถกู ศึกษาในดา้ นต่าง ๆ วา่ มคี วาม
เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม หรอื มลี กั ษณะเดน่ ลกั ษณะดอ้ ยในดา้ นใดบา้ ง
2.เพอื ประเมนิ บุคลกิ ภาพโดยรวมของรายกรณีทีถกู ศึกษา
3.เพอื ชว่ ยใหร้ ู้ เหน็ และเขา้ ใจในบุคลกิ ภาพโดยรวมของรายกรณีทีถกู ต้อง
4.เพอื นําผลทีไดจ้ ากการประมาณค่าของรายกรณีทีศึกษามาสรปุ
โดยเทียบเคียงกับบุคคลต่าง ๆซงึ จะชว่ ยใหไ้ ดข้ อ้ มูลทีมคี วามเทียงตรง
และเชอื ถือไดม้ ากขนึ
ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
เปนรายการเกียวกับคุณลักษณะของบุคคลในด้านต่าง ๆ ซึงเปน
นามธรรม คุณลักษณะแต่ละแบบจะมีระดับคุณภาพกํากับไว้ด้วย เพือให้ผู้ที
ศึกษาได้สังเกตเห็นและประมาณค่าคุณลักษณะต่าง ๆ นันว่ามีคุณภาพอยู่
ในระดับใด และระดับคุณภาพของคุณลักษณะต่าง ๆ ทีจะประมาณค่านันจะ
ต้องมีอย่างน้อย 3 ระดับ และอย่างมากไม่ควรมีเกิน 11 ระดับ อย่างไร
ก็ตามพบว่ามีผู้ทีนิยมใช้กันมาก คือ มาตราส่วนประมาณค่าทีมี 5 ระดับ
06
องคประกอบท่ีสาํ คัญ
ข อ ง ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
1. คุณลักษณะกําหนดบุคลิกภาพ อันไดแก ลักษณะนิสัย
บุคลิกลักษณะ อุปนิสัย และคุณสมบัติ ตาง ๆ อันเปนผล
ทางพฤติกรรมของบุคคลไดอยางชัดเจน โดยเฉพาะ
ลักษณะนิสัยที่เห็นในภาพกวางหรือพฤติกรรมยอย ๆ
ดา้ นสงั คม เชน่ การเขา้ สงั คม การเปนผนู้ าํ ผตู้ าม
ดา้ นอารมณ์ เชน่ การแสดงออก ความประหมา่
2. คุณลักษณะกาํ หนดระดับมากนอยของมาตราสวน
ประมาณคา ในการกาํ หนดระดับมากนอยของลักษณะนิสัย
บุคลิกลักษณะ อุปนิสัย และคุณสมบัติตาง ๆ อันเปนผล
ท า ง พ ฤ ติ ก ร ร ม ท่ี ต อ ง ก า ร สั ง เ ก ต
ตัวอย่าง ความประหม่า
ประหม่าง่าย
มักประหม่า
ประหม่าเปนบางครงั
ค่อนข้างควบคุมจิตใจได้
ควบคุมจิตใจได้ดี
07
แ บ บ ข อ ง ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
1. มาตราส่วนประมาณค่าแบบให้คะแนน (Scoring Type)
สาํ หรบั มาตราสว่ นประมาณค่าแบบนีจะแจกแจงระดบั คณุ ภาพของคณุ ลกั ษณะต่าง ๆ ออกมาเปน
ตัวเลข แลว้ ใหผ้ ปู้ ระมาณค่าทําการประเมนิ คณุ ภาพ คณุ ลกั ษณะของบุคคลทีตนทําการประมาณค่า
วา่ อยูใ่ นระดบั ใด และในมาตราสว่ นประมาณค่านันจะต้องมคี ําอธบิ ายความหมายของคะแนนหรอื
ตัวเลขแต่ละตัวดว้ ย เชน่
1 หมายถึง ควรได้รบั การปรบั ปรุงแก้ไขอย่างยิง
2 หมายถึง ควรได้รบั การปรบั ปรุงแก้ไข
3 หมายถึง อยู่ในเกณฑ์พอใช้
4 หมายถึง อยู่ในเกณฑ์ดี
5 หมายถึง อยู่ในเกณฑ์ดีมาก
ตัวอย่างลักษณะของมาตราส่วนประมาณค่าแบบให้คะแนน
น้อย 1 ความเอาใจใส่
2 3 4 5 มาก
2. มาตราส่วนประมาณค่าแบบพรรณนา (Descriptive Type)
มาตราสว่ นประมาณค่าแบบนีจะแจกแจงคณุ ภาพของคณุ ลกั ษณะทีต้องการประมาณค่าดว้ ยวธิ กี าร
พรรณนาหรอื การใหค้ ําอธบิ าย เมอื ผู้ประมาณค่าพจิ ารณาเหน็ แลว้ วา่ รายกรณีทีถกู ศึกษามคี ณุ ภาพ
ตรงกับขอ้ ความใด จงึ ทําใหเ้ ครอื งหมายลงหน้าขอ้ ความนัน ดงั ตัวอยา่ ง
-ความเชือมันในตนเอง
( ) ไม่เคยเชือมันในตัวเองเลย
( ) เชือมันในตนเองบางเรือง
( ) ลังเลใจ ไม่แน่ใจ
( ) แสดงออกอย่างมันใจ
( ) เชือมันในตนเองสูงมาก
08
3. มาตราส่วนประมาณค่าแบบกราฟ (Graphic Type)
มาตราสว่ นประมาณค่าแบบนีจะแจกแจงคณุ ภาพของคณุ ลกั ษณะทีต้องการประมาณค่าดว้ ยเสน้ ตรง
โดยมคี ําอธบิ ายระดบั คณุ ภาพไวใ้ ต้เสน้ ตรง เมอื ผ้ปู ระมาณค่าพจิ ารณาแลว้ วา่ ลกั ษณะทีประมาณค่า
ของรายกรณีทีถกู ศึกษามคี ณุ ภาพตรงกับระดบั ของขอ้ ความใด ก็ใหท้ ําเครอื งหมายบนเสน้ ตรงที
แสดงคณุ ภาพของคณุ ลกั ษณะทีจะประมาณค่า ดงั เชน่
การแสดงตัว
ชอบเก็บตัว บางครังเก็บตัว ชอบแสดงตัว
ค่อนข้างเก็บตัว บางครังแสดงออก
แสดงตัวบางครัง
ความตังใจ
ใจลอย ตังใจบ้าง ตังใจเรียนดี
ค่อนข้างใจลอย ใจลอยบ้าง
ค่อนข้าง
ตังใจเรียนดี
09
หลักสาํ คัญในการสราง
ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
สาํ หรบั หลักสาํ คัญ ๆ ในการสรา้ งมาตราสว่ นประมาณค่าทีควรยดึ ถือ
มดี งั ต่อไปนี :
1. การกําหนดนิยามของลักษณะ หรอื การให้คําจาํ กัดความคุณลักษณะต่าง ๆ
ทีต้องการจะประมาณค่าให้ชัดเจน เพือช่วยให้เข้าใจคุณลักษณะนัน ๆ ตรงกัน
และมีหลักเกณฑ์ในการประมาณค่าอย่างชัดเจน ในส่วนของหลักเกณฑ์นี
ควรคํานึงถึง 2 ประการ คือ
1.1 การกําหนดนิยามหรอื ให้นิยามคุณลักษณะต่าง ๆ ทีต้องการจะ
ประมาณค่า ผู้ประมาณค่าจะต้องทําการสาํ รวจรายการคุณลักษณะต่าง ๆ
ดังกล่าวว่ามีด้านใดบ้าง
1.2 การกําหนดคําจาํ กัดความ หรอื ให้คําจาํ กัดความคุณลักษณะต่าง ๆ
ทีต้องการจะประมาณค่า
ควรเปดโอกาสให้ผู้ทีมีส่วนเกียวข้องในการประมาณค่าคุณลักษณะต่าง ๆ
ของบุคคลนัน ๆ ได้มาอภิปรายรว่ มกัน
2. การกําหนดระดับค่าคุณลักษณะ หรอื คุณลักษณะต่าง ๆ ทีจะประมาณค่า
ทุกระดับ ซึงมีคําอธิบายไว้ให้เข้าใจอย่างชัดเจนทุกข้อ โดยเรยี งลาํ ดับจากตํา
ไปหาสูง จากง่ายไปหายาก
3. การกําหนดคุณลักษณะพฤติกรรมทีจะประมาณค่า ต้องเปนสิงทีสังเกต
เห็นได้ เพราะการประมาณค่าคุณลักษณะ แต่ละอย่างนันต้องอาศัยการสังเกต
จึงจะดาํ เนินการประมาณค่าได้ถูกต้องตามทีเห็นในขณะนัน
10
ช นิ ด ข อ ง ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า ท่ี ใ ช ใ น ก า ร ศึ ก ษ า เ พื่ อ เ ก็ บ ร ว บ ร ว ม ข อ มู ล จํา แ น ก
ออกเปน 2 ชนิด ไดแก :
1. มาตราสว่ นประมาณค่าชนิดทีผู้ประมาณค่าเปนผู้ทําการประมาณค่าดว้ ย
ตนเอง โดยทีผู้ประมาณค่าจะต้องมคี วามใกลช้ ดิ และรูจ้ กั รายกรณีทีถกู
ประมาณค่าเปนอยา่ งดี และสามารถเหน็ คณุ ลกั ษณะต่าง ๆ ของเขาไดแ้ ลว้
สามารถประมาณค่าทีเกิดจากผลของการสงั เกตดว้ ยตนเองของผู้ประมาณค่า
2. มาตราส่วนประมาณค่าชนิดทีรายกรณีทีถูกศึกษาเปนผู้ประมาณค่าของ
ตนเอง ซึงทําให้เกิดประโยชน์เปนอย่างมากต่อตัวรายกรณีทีถูกศึกษาเอง
เพราะการทีเขาได้มีโอกาสประมาณค่าตัวเองนันย่อมเปนการช่วยให้เกิด
การสาํ รวจตนเองโดยละเอียดถีถ้วนก่อน แล้วจึงตีค่าคุณภาพของตนเอง
ออกมาในมาตราส่วนประมาณค่า เมือพบข้อบกพรอ่ งก็จะสามารถปรบั ปรุง
พัฒนา และแก้ไขได้ทันที ซึงการปรบั ปรุงแก้ไขทีเกิดจากตนเองนันนับว่า
เปนการแก้ไขทีดีทีสุด
11
ข อ ค ว ร ร ะ วั ง ใ น ก า ร ทาํ
ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
หลักสาํ คัญในการสรา้ งมาตราสว่ นประมาณค่า พอสรปุ ไดด้ งั นี :
1. ความผิดพลาดทีเกิดจากความลําเอียงส่วนตัวของผู้ประมาณค่า
2. ความผิดพลาทีเกิดจากการประมาณค่าของบุคคลใน ทุกลักษณะที
เปนไปในทางเดียวกัน เหมือนกัน หรอื เกือบเหมือนกัน
3. ความผิดพลาดทีเกิดจากการเข้าใจผิดในคุณลักษณะทีจะวินิจฉัย
4. ความผิดพลาดอันเกิดจากการประมาณค่าเข้าสู่เกณฑ์กลาง
ป ร ะ โ ย ช น ข อ ง ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
มาตราสว่ นประมาณค่าจดั เปนเครอื งมอื และกลวธิ ที ีมปี ระโยชนใ์ นการใชศ้ ึกษาและ
รวบรวมขอ้ มูลมากมายหลายประการ พอสรปุ ไดด้ งั ต่อไปนี :
1. ช่วยให้การสังเกตของผู้ทําการศึกษา เช่น ครู ผู้แนะแนว หรอื ผู้ให้คําปรกึ ษา
เปนไปอย่างมีหลักเกณฑ์
2. ช่วยให้ทราบคุณภาพด้านต่าง ๆ ของรายกรณีทีถูกศึกษาว่ามีคุณภาพสูง
หรอื ตํา หรอื มากน้อยเพียงใด
3. ช่วยให้รูจ้ ักและเข้าใจในบุคลิกภาพของรายกรณีทีถูกศึกษาได้ถูกต้องและ
ชัดเจนมากยิงขึน
4. ช่วยให้บุคคลอืน ๆ เกิดความเข้าใจและรูเ้ รอื งเกียวกับบุคลิกภาพของราย
กรณีทีถูกศึกษาได้ด้วยการพิจารณาจากผลของการประมาณค่า
5. ช่วยเพิมเติมข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลเกียวกับคุณลักษณะต่าง ๆ ของราย
กรณีทีถูกศึกษาทีได้มาก่อนด้วยวิธีอืน
12
ขอจาํ กัดของ
ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
ข้อจาํ กัดของมาตราส่วนประมาณค่า พอสรุปได้ดังนี :
1. นักการศึกษาหลายท่านเห็นว่าเครอื งมือและกลวิธีชนิดนีมีความ
ลาํ เอียงค่อนข้างง่ายจะทําให้เกิดความไม่ยุติธรรมต่อเด็กอันก่อให้เกิด
โทษได้
2. นักการศึกษาหลายท่านมีความเห็นว่าเครอื งมือและกลวิธีชนิดนีขาด
ความเชือถือได้ และยังขาดความละเอียดแม่นยาํ ในการวัดประเมินผล
3. ผู้บรหิ ารโรงเรยี นจาํ เปนจะต้องจัดการอบรมชีแจงให้คณะครูทัง
โรงเรยี นยอมรบั เครอื งมือนีเสียก่อน จึงจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที
4. ความจาํ เปนทีจะต้องจัดให้มีการอบรมครูประจาํ การ เพือสอนครูเหล่า
นันให้มีความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ก า ร นํา ไ ป ใ ช ใ น ก า ร ป รั บ ป รุ ง แ ก ไ ข เ ด็ ก
คุณลักษณะในแต่ละด้านทีถือว่าเจริญถึงขีดทีต้องการ :
คุณลักษณะในแต่ละด้านทีถือว่าเจรญิ ถึงขีดทีต้องการ คือ คุณภาพทีดี
ในระดับช่องที 4 แต่หากเด็กมีคุณภาพเลือนไปถึงช่องที 5 ถือว่ามีระดับคุณภาพ
รุนแรงเกินความพอดี ควรแก้ไขให้ลงอยู่ในระดับช่องที 4 หรอื ถ้าหากคุณภาพมี
คุณภาพอยู่ในระดับ 1-2 ถือว่าต้องปรบั ปรุงให้ดีขึนจนถึงระดับ 3 และ 4 ในทีสุด
หากครูมีความคิดเห็นและมีข้อเสนอแนะใด ๆ และมีการปรบั ปรุงแก้ไขใด
ก็ควรมีการบันทึกลงไว้ด้วย
13
ส รุ ป ม า ต ร า ส ว น ป ร ะ ม า ณ ค า
มาตราส่วนประมาณค่า เปนเครอื งมือทีใช้วัดคุณลักษณะด้าน
ต่าง ๆ ของบุคคลทีเปนนามธรรม ซึงไม่สามารถวัดได้ด้วยวิธีการอืน ๆ
เปนการประเมินผลการสังเกต หลังจากทีครูได้มีการพินิจพิจารณา
ไตรต่ รองอย่างดีแล้ว เพือให้การประมาณค่าสามารถเชือถือได้ และมี
ความเทียงตรง จาํ เปนอย่างยิงทีจะต้องใช้ผู้ประมาณค่าหลาย ๆ คน
อีกทังผู้ประมาณค่าแต่ละคนจะต้องมีความเข้าใจตรงกันเกียวกับ
คุณลักษณะทีจะปรากฏค่า รวมทังเข้าใจคุณภาพของแต่ละระดับหรอื
แต่ละมาตราอย่างชัดเจน และจะต้องปราศจากอคติในการประมาณค่า
เพราะไม่เช่นนันแล้วการประมาณค่าก็จะเกิดความผิดพลาดอย่างใหญ่
หลวง และได้รบั ประโยชน์น้อยมาก ไม่คุ้มกับเวลาทีเสียไป
สมาชิกกลมุ
นางสาวกัญญาวีร เวชกิจ
นายธิติพัทธ ขันธเนตร
นางสาวอทิมา พลเสน
ข อ บ คุ ณ ค่ ะ
THANK YOU :)