The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปลากัดไทยพื้นบ้าน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sarawut7244, 2022-03-20 04:10:57

ปลากัดไทยพื้นบ้าน

ปลากัดไทยพื้นบ้าน

รายงาน
เรื่อง ปลากดั ไทยพืน้ บา้ น

จัดทำโดย
นายสราวธุ พรมจารย์ รหสั 63041151311
หมู่เรยี น 15 สาขาวิชา รัฐประศาสนศาสตร์

เสนอ
อาจารยส์ ุวรรณี พนั ธโ์ุ อภาส

รายงานน้ีเปน็ ส่วนหนึ่งของวิชาการรู้สารสนเทศ GE20004
ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี



คำนำ

รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งในรายวชิ าการรู้สารสนเทศ GE20004 มีวัตถุประสงค์เพื่อเรียนรู้
การค้นคว้าและการนำเสนอสารสนเทศดว้ ยตนเองในรูปแบบรายงาน ผู้จัดทำเลอื กศึกษาเรื่องปลากดั
ไทยพื้นบ้าน เพื่อศึกษาพันธุ์ปลากัด การเลี้ยงการดูแล การเพาะพันธุ์ เพราะในตลาดปลาสวยงาม
ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมจึงจัดทำรายงานเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจศึกษา หรือผู้ที่
กำลงั หาข้อมูลเกีย่ วกบั เร่ืองปลากดั ไทยพื้นบ้าน

ผู้จัดทำได้นำเสนอเน้ือหา ดังนี้ พันธ์ุปลากัด ลักษณะของปลากัด การเพาะพันธุ์ปลากัด และ
โรคของปลากัดและวิธีการรักษา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้ปโยชน์จากรายงานนี้ เพื่อนำไป
ปรับปรุงใช้ในการเพาะเล้ียงปลากัดให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น และสามารถนำไปประกอบอาชีพได้
ในอนาคต

สราวุธ พรมจารย์
5 มีนาคม 2565

สารบัญ ข

เร่อื ง หนา้

คำนำ ก
สารบัญ ข
บทที่ 1 ปลากดั พ้ืนบา้ นของไทย 1
1
ประวตั คิ วามเป็นมาของปลากัดไทย 2
พันธุปลากัด 10
การจำแนกเพศปลากดั
12
บทที่ 2 ลกั ษณะของปลากดั 12
ลักษณะที่ดีของปลากดั 13
ลกั ษณะที่ไม่ดขี องปลากัด 14
ลักษณะสีของปลากดั
18
บทท่ี 3 การเพาะพนั ธ์ุปลากดั 18
การแพรพ่ นั ธขุ์ องปลากดั 19
การเพาะพันธปุ์ ลากัด 20
การอนุบาลลกู ปลากัด 24
การเล้ียงปลากัด
25
บทท่ี 4 โรคของปลากัดและวิธีการรกั ษา 25
โรคของปลากัด และวิธกี ารรักษา

บรรณานุกรม

บทท่ี 1
ปลากดั พนื้ บา้ นของไทย

ประวัติความเป็นมาของปลากดั ไทย

ปลากัดไทยพื้นบ้าน ในธรรมชาติชอบอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนิ่ง เช่น หนอง บึง หรือชายทุ่งนา
โดยมักพบตามชายฝั่งที่ต้ืนๆ และมีพรรณไม้น้ำมากเป็นปลาท่ีจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ
พวก Labyrinth Fish ได้แก่ พวกปลากระดี่ทั้งหลาย ซึ่งเป็นกลุ่มปลาที่มีอวัยวะช่วยหายใจทำให้ปลา
อาศัยอยู่ในท่ีมีออกซเิ จนตำ่ ไดจ้ ึงทำให้สามารถเลี้ยงปลากัดในขวดต่างๆทม่ี ปี ากขวดแคบ ๆ ได้ ปลากดั
จัดว่าเป็นปลาที่กินเนื้อเป็นอาหารโดยจะชอบกินแมลงและตัวอ่อนของแมลงต่างๆ (ประภาส โฉลก
พนั ธ์รัตน์, ม.ป.ป.)

ปลากัดพันธ์ุด้ังเดมิ ในธรรมชาติ มีสีน้ำตาลขุ่นหรือสีเทาแก้มเขียว ครีบและหางสั้น ปลา เพศ
ผู้มีครีบและหางยาวกว่าปลาเพศเมียเล็กน้อย จากการเพาะพันธ์ุและการคัดพันธุ์ติดต่อกันมานานทำ
ให้ได้ปลากัดที่มีสีสวยงามหลายสีอีกทั้งลักษณะครีบก็แผ่กวา้ งใหญ่สวยงามกวาพันธุ์ ดั้งเดิมมาก และ
จากสาเหตุนี้ทำให้มีการจําแนกพันธ์ุปลากัดออกไปได้เป็นหลายชนิด เช่น ปลากัด หม้อ ปลากัดทุ่ง
ปลากัดจนี ปลากดั เขมร เป็นต้น การแพรกระจายของปลากัดพบทว่ั ไปทุกภาคของ ประเทศไทยอาศัย
อยู่ในอ่างเก็บนำ้ ทะเลสาบ หนอง บงึ แอ่งน้ำ ลำคลอง ฯลฯ

ปลากดั Betta splendens Regan เป็นปลาพืน้ เมืองของไทยท่ีนิยมเพาะเลี้ยงเป็นเวลาหลาย
รอ้ ยปมาแลว ทั้งนี้เพ่อื ไวดูเล่นและเพือ่ กีฬากัดปลาและเป็นทีร่ ูจักกันดีในต่างประเทศมานาน เชนกันป
จจบุ ันประเทศไทยมีการเพาะเลีย้ งปลากัดกันอย่างแพรหลาย เน่ืองจากเป็นปลาที่เล้ยี ง และเพาะพันธ์ุ
ได้ง่ายปหนึ่งๆประเทศไทยได้ส่งปลากัดไปขายต่างประเทศคิดเป็นมูลคาไม่น้อย กวา 20 ลานบาท
(สำนักงานประมงจงั หวัดสระแกว้ , 2565)

2

พนั ธ์ุปลากดั

ปลากัดหม้อ
เป็นปลาที่ได้รับความนิยมเล่น นิยมเลี้ยงไว้กัดกันมาแต่โบราณกาล มีรูปร่างและลําตัวท่ี
ใหญก่ วาปลากดทงุ่ และลูกผสม มปี ากใหญ่ ตวั ใหญ่ สเี ขมเป็นปลากัดทไ่ี ด้รับการยอมรบั ว่าเปนปลาที่มี
น้ำอดน้ำทนมากและยังกัดได้เกงทนทรหดได้ดีกว่าปลากดั ชนิดอ่ืนๆ ดงั น้นั ปลากัดหม้อจงเป็นปลากัด
ที่มีผู้เลี้ยงกันมากกว่าปลากัดทุง และปลาลูกผสมเพราะความที่ปลากัดหม้อเป็นปลากัดที่มีเลือดของ
นักสู้เกิน 100 และยังมีประวัติการเป็นนักสู้เป็นที่ประจักแก่นักเล่นปลามาแตส่ มัยโบราณมาจนทกุ วัน
นปี้ ลากดั หมอ้ ทมี่ อยู่ในมอื นักเลน่ นกั เล้ียงปลากดั เวลาน้ีมีอยู่ 5 สีด้วยกนั คือ
1. สนี ้ำเงิน
2. สแี ดง
3. สปี ระดู่
4. สเี ขียวคราม
5. สีเทาหรอื สีเหลก็
รูปร่างลักษณะหม้อที่มีชื่อเสียงดีและมีประวัติการกัดเก่งพิสูจน์กันมาแล้วว่าเป็นปลากัดที่ดี
เลิศปากคม และกัดทน มี3 รปู ลักษณะ คอื
1. ปลากัดหม้อรูปปลาช่อนสังเกตได้จากลักษณะปลาที่มีหนา้ ส้นั ลำตวั หนา ชว่ งหวั ยาว และ
โคนหางใหญ่ซง่ึ ได้แสดงถงึ ความเป็นปลาทม่ี ีพละกําลังมากกดั ได้รนุ แรง และมีประวตั กิ ารกัดชนะ เป็น
อนั ดบั หน่ึง
2. ปลากัดหม้อรูปปลากราย สังเกตได้จากลักษณะของปลาทีมีหน้าหงอนข้ึนลําตัวสั้นและ
แบนเปน็ ปลาทว่ี ่ายหรือ เคลื่อนไหวได้คล่องแคล้วและกัดได้ไวซึ่งนบั ได้ว่าเป็นปลากดั ท่ีมีประวัติการกัด
ไดเ้ สมอเหมอื นกนั
3. ปลากัดหม้อรูปปลาหมอสังเกตได้จากลักษณะของตัวปลาที่มีรูปร่างคล้ายๆ กับปลากราย
แต่มีหน้ากลมและลําตัวสั้นเป็นปลาที่เล่าขานกันว่าเป็นปลาที่ทรหด อดทน และกัดได้ไวถือได้ว่าเป็น
ปลาท่ีมีประวัติการกัดดีมากตัวหนึ่ง นอกจากจะดูที่รูปร่างและสีสันของปลากัดที่ดีเลิศแล้วและยัง
จะตอ้ งดลู ักษณะของปลาตรงตามตาํ ราแลวกจะตองมสี ตี รงตามตําราอีก และไมม่ ีเกลด็ สีแดงแซม หรือ

3

ถ้าเป็นปลาออกสีแดงเข้มออกดำก็จะต้องไม่มีเกล็ดเขียวแซมเช่นกันปลาที่มีสีสันและรูปร่างตรงตาม
ตําราเช่นนี้จัดว่าเป็นปลาที่มีลักษณะดีเยี่ยมปลากัดหม้อไม่เหมือนปลากัดลูกทุ่ง เพราะไม่อาจจะไป
ช้อนเอาจากริมคลอง หนองบึงหรือแอ่งตีนควายไม่ได้เพราะปลากดหม้อไม่ได้มาจากการเพาะพันธ์ุ
และคดั เลอื กพันธุ์ท่ีดีมาหลายช่วั อายุคนซ่ึงได้แสดงถึงภูมิปัญญาคนไทยโบราณจนได้ปลากัดที่มีรูปร่าง
แข็งแรงลำตัวหนาและยังว่ายน้ำได้ปราดเปรียวและมีสีสันสวยงามตลอดระยะเวลาของการคัดพันธ์ุได้
วางเป้าหมายไว้เพอ่ื ท่ีจะให้ได้ปลาเพื่อการต่อสู้โดยเฉพาะ เพราะฉะน้นั การหาปลากดหมอ้ มาเลี้ยงและ
ผสมพันธ์ุขึ้นเองโดยจะต้องหาปลากัดทั้งตัวผู้และตัวเมียที่มีความทรหดปากคมกัดเก่ง และยังต้อง
เลือกปลากดั หม้อพันธ์ุแท้จรงิ ๆ เพราะถ้าตัวหนึ่งเป็นปลากัดหม้อแตอ่ ีกตวั หนงึ่ เป็นพนั ธ์ุ อื่น ลกู ท่ไี ด้มา
จะเปน็ ปลากัดลูกผสมไป จะเสยี ท้งั ราคา และศกั ดศ์ิ รจี จบุ ันไดแบง่ สขี องปลากัดหม้อไว้ 3 ประเภท คือ

1. สีเดยี ว (Solid Colour)
2. สองสี (Bi Colour)
3. หลากสี (Multi Colour)
แต่โบราณกาลนั้นปลากัดหม้อถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อกัดในชุมชน และต่อมาได้พัฒนาเป็นการ
เพาะพันธ์ุในเชิงพาณิชย์โดยแบ่งปลากัดหม้อออกเป็น 2 ประเภท คือ ปลาเก่ง และปลาโหลปลาเก่ง
คือปลาท่ีเพาะพันธุ์ขึ้นเพื่อการพนันโดยตรงจะตองเป็นปลาที่กัดได้ไว คม กัดถูกเป้าหมายสำคัญและ
ทนทาน ปลาโหล คือ ปลาที่เพาะเชิงปริมาณไม่เน้นความสามารถในการกัดแต่เพ่ือเป็นนงานอดิเรก
เป็นหลักหรือเรียกว่าเลี้ยงเอาไว้ดูเล่นเพลินๆ เทานั้นปจจุบันได้มีการเพาะพันธ์ุปลาหม้อเพิ่มอีก
รูปแบบหนึ่งออกมาก็คือเพาะเพื่อให้ได้สีที่ต้องการ เช่น สีเดียว หรือสีแปลกๆ ซึ่งกําลังเป็นที่นิยม
เพม่ิ ขึ้นอยา่ งรวดเร็วมาก

4

ภาพที่ 1 ปลากัดหม้อ
(ทม่ี า: https://www.facebook.com/ปลากัดหม้อไทย)

ปลากดั ลูกผสม
ลูกสงั กะสี หรอื ลกู ตะกวั่ เป็นช่อื ปลาทเ่ี กิดจากการผสมพนั ธ์ุระหว่างปลากัดทุ่งกับปลาหม้อ
ผสมข้ามพันธุ์ซึ่งอาจจะใช้พ่อปลากัดทุ่งกับแม่ปลากัดหม้อ หรือ พ่อเป็นปลากัดหม้อกับแม่ปลากัดทุ่ง
เมอ่ื ไดล้ ูกผสมออกมานักเล้ียงปลากดั ก็จะเรียกกันว่าลกู สังกะสี หรือ ลูกตะกั่ว หรอื อาจจะมีบางรายใช้
พ่อปลากัดทุ่งหรือพ่อปลากัดหม้อกับแม่ลูกผสมเมื่อได้ลูกก็จะเรียกว่าลูกสังกะสีหรอื อาจจะมีบางทีใ่ ช้
พ่อเป็นลูกผสมกับพ่อปลากัดทุ่งหรือพ่อปลากัดหม้อเมื่อได้ลูกออกมาก็เรียกว่าเป็นลูกผสมเหมือนกัน
เทา่ กบั ว่าเมื่อใช้พ่อแม่ปลากัดต่างเหล่ากันมาผสมได้ลูกเมอ่ื ไรกจ็ ะเรียกว่าลกู สังกะสี หรอื ลูกตะกวั่ ซ่ึง
ก็จะไดป้ ลากดั ใหม่ลูกผสมที่ลำตัวมหี ลายสีและเป็นปลากัดท่ีมีความทน ทรหดและกดั ได้คมและว่องไว
มากทเี ดยี วและเม่ือนําไปกดั กับปลากดั ทุ่งหรือปลากดั ป่าชัยชนะมักจะตกเป็นของลูกผสมเสียเป็นส่วน
ใหญ่ว่ากันว่าปลากัดลูกผสมมีประวัติการกัดเก่งกว่าปลาอนในบรรดาพวกปลากัดลูกสังกะสีด้วยกัน
มักจะเป็นปลากัดลูกผสมรูปปลาช่อนซึ่งสามารถสังเกตได้ตรงที่มีครีบยาว กระโดงยาว และหางใหญ่
ซ่ึงนับได้ว่าเป็นปลากัดที่เก่งและมีรูปร่างงดงามมากแต่อย่างไรก็ดีแม้ว่าปลากัดลูกผสมจะกัดได้เก่ง
และรูปร่างสวยงามดีมากก็จริงแต่นักเลงปลากัดก็นิยมเล้ียงและเพาะพันธ์ุกันน้อยกว่าปลากัดหม้อซึ่ง
ตามตํานานกล่าวไว้ว่าอาจจะเป็นเพราะปลากดั ลูกผสมมีน้ำอดน้ำทนในการต่อสู้น้อยกว่าปลากัดหม้อ
และเปน็ ท่ีรู้กันในวงการปลากัดว่าถ้าเอาปลากัดลูกผสมไปกัดกับปลากัดหม้อแลวปลากดั ลูกผสมมกจะ
เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อย่างไรก็ตามก็มีบางคร้ังเหมือนกันที่นักเลงปลากัดบางคนที่มีปลากัดลูกผสมตัวเก่ง

5

ไปกัดกับปลากัดหม้อสามารถเอาชัยชนะได้บ้างซึ่งนานๆจะเป็นชัยชนะของปลากดั ลกู ผสม และการท่ี
ปลากัดลูกสังกะสีสามารถเอาชนะปลากัดลูกหม้อได้ก็อาจะมาจากสาเหตุที่ปลากัดหม้อตัวนั้นมีอายุ
อ่อนวัยกว่าปลากัดลูกผสม หรือมีขนาดลําตัวเล็กกวาหรือปลากัดหม้อเจ็บป่วยไม่สมบูรณ หรือ มี
สาเหตุอื่นๆ อีกหลายประการอันเป็นต้นเหตุใหปลากัดหม้อต้องพ่ายแพ้ตามสภาพคามไม้สมบูรณ์ของ
รา่ งกาย

ภาพท่ี 2 ปลากดั ลูกผสม
(ที่มา: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/biodiversity1.html)

ปลากัดจีน
ปลากัดจนี เป็นปลากัดพื้นเมืองในไทยเราน่เี องเกดขึ้นได้เนื่องจากการที่ผู้นําปลากัดที่มีรูปร่าง
สวยงามสีสันสดสวยมาเลี้ยงเพื่อความสวยงามเลี้ยงเพื่อดูเล่นโดยคัดพันธุที่มีครีบยาวสีสวย และปจจุ
บันไดมีการพฒั นาใหหางปลากัดตวั ผู้สามารถแผ่ออกได้ถึง 180 องศา หรอื ครงึ่ วงกลมและยังได้พัฒนา
ก้านหาง จากสองแฉกธรรมดาใหมีจานวน 5 แฉก หรือมากกวานั้นเพื่อเป็นตัวช่วยแผ่ความกว้างของ
หางมากขึ้น และยังได้พัฒนาลักษณะของหางใหมีสองแฉกแยกจากกัน เรียกวาหางคู (Double tail)
และยงั มีอกี ชนดิ หน่ึงเป็นหางทม่ี ลี ักษณะบานออกเหมอื นปากอ่าว (Delta tail)
ปจั จบุ นั เมอื งไทยได้สามารถผลิตปลากัดท่ีมีสีสัน เช่น สีเขยี ว สมี ว่ งแดง น้ำเงิน ฯลฯ หรอื ผสม
ระหว่างสีดงั กลา่ ครีบตา่ งๆยกเว้นครีบอกยื่นยาวออกเป็นพวงโดยเฉพาะครบี ท่ีหางใหมคี วามยาวพอๆ
กับความยาวของลำตัวและหัวรวมกันแต่อยางไรก็ดีปลากัดที่ตะวันตกได้นําไปจากเมืองไทยได้มีการ
พัฒนาการในด้านรูปร่างและสีสันกันมานานแล้วจนได้ปลากัดที่มีสีเพิ่มมากขึ้น และมีความสวยงาม
มากขึ้นโดยอาศัยเทคโนโลยีเข้าช่วยด้วยเชนในญี่ปุนได้ทำนานแล้วในการบีบสีของปลาให้ได้ตาม

6

ความตองการด้วยการใชเทคนิคการบีบสีของปลากัดแต่ก็ได้ใชระยะเวลานานพอสมควรซึ่งกวาจะได้
ปลาสที ตี่ ้องการกกต็ ้องใช้เวลา 4-5รุ่นขน้ึ ไป และยังมีการใช้เทคนิคการฉีดยนี ส์สีของปลาที่ตองการเข้า
ไปในปลากัดตัวเมียซึ่งเทคนิคนี้ต้องใช้ความชำานาญและใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยซึ่งใน
ต่างประเทศ เชน่ ญี่ปุ่นทำได้แล้วแต่เมืองไทยของเรายังไม่มีการใช้วิธนี ้ีเพราะตองลงทุนสูงแต่ผลผลิตที่
ไดม้ ีความแน่นอนและรวดเร็วซ่ึงคาดกันว่าในอนาคตอันใกล้เมืองไทยคงมีการนําเทคนิคดังกล่าวเข้ามา
ใช้หรอื ไมก่ ็จะต้องใช้เทคนิคในการปรับปรงุ สายพันธุ์ปลากัดดว้ ยวธิ อี ่นื ๆมาใช้

สีของปลากดั จนี ในปัจจุบนั ไดแ้ ยกไว้เป็น 3 ประเภท คือ
1.สีเดยี ว (Solid color)
2. สองสี (Bi-color)
3. หลากสี (Multi Color)
สีเดียว หมายถึงปลากัดท่ีมีครีบและลำตัวเป็นสีเดียวกันทั้งหมดโดยไม่มีสีอื่นปะปนอยู่เลย
ยกเว้นปลากัดสีเก่ียวเขม่าดำปากจรดครีบหูเสนของครีบและขอบ เกล็ด ของปลาจะเป็นสีใดก็ได้ส่วน
ตะเกียบท้องอนุโลมให้มีสีอื่นได้แต่ปลากัดสีเผือกทั้งตัวครีบทองจะมีสีอื่นไม่ได้ครีบหู อนุโลมให้เป็น
ครบี เงากระจกได้
สองสีหมายถึงปลาที่มีตัวและครีบสีต่างกันโดยลําตัวและครีบมสีเดียวที่แตกต่างกันรวมถึง
ปลาที่มีลําตัวเผือกและสีเดียวด้วยยกเว้นเขม่าจากปากจรดโคน ครีบหูและเส้นของครีบของปลาจะ
เป็นสีใดก็ได้ตะเกยี บ (ครีบท้อง ) อนโุ ลมให้มสี ีอนื่ ๆ ไดค้ รบี หู อนุโลมให้เป็นครีบกระจกได้
หลากสีหมายถึงปลาท่ีมีสีขึ้นไปในส่วนของลําตัวและหรือมีสองสีขึ้นไปในส่วนของครีบที่เป็น
กระจกถือเป็นส่วนหน่ึงสียกเว้นเขม่าดำจากปากจรดโคน ครีบหูและเส้นครีบปลาจะเป็นสีใดก็ได้
ตะเกียบอนุโลมให้มีสีอ่ืนได้ครีบของหูอนุโลมให้เป็นครีบกระจกท้ังสองครีบได้แต่อย่างไรก็ดีบางตํารา
แบง่ สอี อกเปน็ ถึง 6 รปู แบบคอื
1. สเี ดยี ว (Solid Colored Betta) เป็นสีเดยี วท้งั ครบี และตัว
2. สีผสม (Bi-Colored Betta) ส่วนใหญ่จะมสี องสผี สมกนั
3. สผี สมเขมร (Cambodia Colored Betta)
4. ลายผีเสือ้ (Buterfly Colored Betta)

7

5. ลายผีเสอื้ เขมร (Cambodain Butterfly Colored Betta)
6. ลายหนิ อ่อน (Meable Colored Betta)
ปัจจุบันการเพาะพันธุ์ปลากัดจีนมุ่งเป้าหมายเน้นเพื่อการส่งออกเป็นหลักเพราะชาว
ต่างประเทศชื่นชอบความสวยงามของหางท่ีแผ่กว้างได้สวยงาม ตามตํานานกล่าวว่าปลากัดจีนน้ัน
บรรพบุรุษของเราได้พัฒนาขึ้นมาเป็นเวลายาวนานกว่าร้อยปมาแล้วเพราะต่างชาติได้พูดถึงปลากัด
หางยาวเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณร้อยปีก่อน แสดงว่าในประเทศไทยเราได้พัฒนาปลากัดจีนมานาน
กว่าน้ันปลาจีนในปจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยมีรูปร่างสีสันทีสวยงามมากขึ้น มีครีบหลัง
ครบี หาง ก้นคอ่ นขา้ งยาว และพร้อมกนั ก็มกี ารพัฒนาสายพันธุ์ด้วยการนาํ สายพนั ธ์ุผสมกันเองและนํา
สายพันธุ์จากตา่ งประเทศเข้ามาผสมจนได้สาย ปลากัดทส่ี วยงามทเ่ี ห็นกนั อยใู่ นทกุ วันนี้

ภาพท่ี 3 ปลากดั จีน
(ที่มา: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/biodiversity1.html)

ปลากัดเขมร
รูปร่างลักษณะสีสันสวยงามเช่นเดียวกันกับปลากัดจีนแต่จะมีลักษณะท่ีแตกต่างไปจากปลา
กัดจีนตรงที่ปลายครีบจะมีสีขาวเห็นได้ชัดซึ่งเมื่อปลากัดจีนได้รับความนิยมมากขึ้นในต่างประเทศจึง
ทำใหปลากัดเขมรซ่ึงคล้ายๆกับปลากัดจีนจึงได้รับความนิยมมากขึ้นในต่างประเทศดีซึง่ เป็นผลพลอย
ได้จากากรที่ปากัดจีนมีตลาดตางประเทศดีขึ้นจึงจูงให้ปลากัดเขมร ซึ่งมีความ สวยงามคล้ายปลากัด
จนี พลอยฟา้ พลอยฝนไดส้ ่งออกไปด้วยทุกวนั นก้ี ารเพาะเล้ียงปลากดั มิมุ่งกนั แต่เพยี งการเพาะปลาเพ่ือ
การพนันเหมือนแต่ก่อน แต่ได้มีการหันมาเพาะเลี้ยงเอาไว้ดูเล่นสวยงามเพลิดเพลินตาด้วยและ
เพาะเลย้ี งไว้เพ่ือเป็นสินค้าส่งออกต่างประเทศกันมาก ข้นึ ซึง่ คาดกันว่าปลากัดไทยสามารถสงขายต่าง

8

ประเทศนำรายได้ดีเขาประเทศเป็นอันดับต้นๆของปลาสวยงาม ไทยทั้งหมดและปลากัดเขมรซึ่งได้
เพาะเลี้ยงในประเทศก็เป็นสวนหนึ่งของปลากัดจีนที่สงออกเพราะวานอกจากจะเป็นปลาที่สวยงาม
ครีบยาวพลิ้วสวยงามแล้วยังมีคณุ สมบัติพิเศษติดตัวอยู่ตลอดเวลาในเชิงการต่อสู้ได้สร้างความต่ืนเต้น
ให้แก่ผู้เลี้ยงได้อย่างดดี ้วยการซื้อขายปลากัดเขมรยังไม่ดีเท่ากับการซื้อขายปลากัดจนี เนื่องจากยังไม่
เป็นที่รูจักกันนักหรือยังไม่ได้รับความนิยมเท่ากับปลากัดจีน จึงทำใหราคาปลากดเขมรต่ำกว่าราคา
ปลากัดจีนมากพอสมควร แต่อย่างไรกด็ กี ารที่รปู ร่างลักษณะปลากัดเขมรคล้ายกบั ปลากัดจีน จงึ ทำให้
มกี ารยอมแมวขายขึน้ ในบางแหงใหกับคนท่ีตาไม่ถงึ ไม่ทราบความแตกต่างระหว่าง ปลากัดจีนกับปลา
กัดเขมรไปในราคาเทากับ ปลากัดจีน เพราะฉะนั้นเพื่อปองกันมิใหถูกแหกตาอีกก็ขอให้ดูปลากัดท่ีมี
ความสวยงามเหมือนกับปลากัดจนี แต่มีปลายครีบสีขาวชดั เจนก็แสดงว่าเป็นปลากัดเขมร ราคายอม
จะตองตำ่ กว่าราคาปลากัดจนี ซึ่งได้รับความนยิ มกันมากในต่างประเทศ

ภาพที่ 4 ปลากัดเขมร
(ที่มา:http://www.lovebettafish.com/)

ปลากัดทงุ่ (Wild Betta)
แต่เดิมจะเรียกกันว่าปลากัดลูกทุ่งแต่ระยะหลังได้ตัดคําว่าลูกออกเหลือแต่ปลากัดทุ่งซึ่งบาง
แห่งก็เรียกปลากัดป่าเป็นปลากัดท่ีมีลำตัวค่อนข้างบอบบาง มีสีน้ำตาลขุ่นหรือแถบเขียวมี ปาก
ค่อนข้างแหลม มีฟนซี่เล็กแหลมคม ปลาชนิดนี้บรรดานักเลงปลากัดหรือมืออาชีพเล่นปลากดั ซึ่งเป็น
ชาวชนบทเป็นส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงไว้เพื่อกัดแข่งขันกันเนื่องจากปลากัดทุ่งจะกัดไม่ทนเหมือนปลากัด
หม้อ และลูกผสมหรือเรียกกนั ว่าลูกสังกะสีก็ตามแต่ก็มกี ารเล้ียงปลากัดป่าไว้น้อยเหมือนกนั เพื่อเอาไว้

9

กดั กบั บปลากัดปา่ ด้วยกัน เมือ่ ตัวเกง่ กดั ชนะตัวอน่ื ๆกเ็ ก็บเอาไว้เลี้ยงเพาะพนั ธุ์เอาลูกไว้กดั ต่อไปแต่ถ้า
ตัวไหนกดั แพ้ก็ไม่เกบ็ เอาไว้ทำพนั ธ์ุต่อไปอีกแลวหันไปหาปลาตวั ใหม่มาเลย้ี งแทนซึ่งสามารถได้ไม่ยาก
การจะหาปลากัดทุ่งตัวใหม่มาทดแทนตัวเก่านั้นไม่ยากเย็นเท่าไรนักถ้าอยู่ในช่วงที่มีฝนตกในทองนา
ของชาวชนบท ซ่ึงมนี ้ำขงั อยู่ตามบึง คลอง หนอง บ่อทว่ั ไป และในช่วงฤดูฝนปลากดั จะก่อหวอดเกาะ
ตามพนั ธุ์ไมน้ ำ้ ตามแหล่งน้ำตา่ งๆ ทีไ่ ม่คอยจะลกึ นัก ซ่งึ มกั จะเป็นบรเิ วณรมิ บึงรมิ หนองหรือแอ่งน้ำที่มี
น้ำต้ืนๆ ซึ่งจะมองเห็นหวอดที่ปลากัดพ่นน้ำลายขึ้นมาเป็นฟองรวมกันเป็นฟองใหญ่กว่าตัวปลากัด
ประมาณ 2 เทาของความยาวของลําตวั ปลาและลอยข้ึนมาเหนือผิวน้ำจนเห็นได้ชัดและความ เหนียว
ของฟองที่รวมกันจะอยู่ได้นานมากแม้จะถูกน้ำฝนตกลงมามากแต่หวอดปลากัดจะไม่ละลาย ดังนั้น
เมื่อเราเดินไปตามริม บ่อหรือริมหนองริมคลองบึง เมื่อเห็นหวอดปลากัดอยู่ตรงไหนก็จงมองให้ดีจะ
เหน็ ว่ามีตัวปลา กัดว่ายวนเวยี นอยู่ใต้หวอดของมันเพ่ือใช้เป็นสถานท่ีดึงดูดใหตวั เมียไปหาเพื่อจะผสม
พันธุ์กัน จึงเปน็ การงา่ ยมากท่ีจะจับปลาตวั นนั้ โดยใช้สวงิ หรือเครื่องมืออ่ืนๆ ช้อนจับปลาข้ึนมาไว้เล้ียง
ต่อไป แต่ถ้าเป็นนักเลี้ยงมืออาชีพตามชนบทท่ีมีความชํานาญในการจับปลาก็จะใช้มือเปล่าจับปลา
ขึ้นนมาได้อย่างง่ายดายแลวใส่ภาชนะที่มีไว้นำกลับบ้าน หรือสถานที่เลี้ยงปลาต่อไปด้วยภูมิปัญญา
ของคนโบราณได้แสดงออกถึงการคัดเลือกปลากัดทุ่งที่กัดเก่งไว้เป็นพ่อแม่พันธ์ุเพื่อจะได้ปลากัดรุ่น
ใหม่ท่ีกัดได้เก่งและชนะซึ่งตาม คํากล่าวขานเล่าต่อกันมาว่าตามตำนานนั้นระบุว่าปลากัดลูกทุ่งที่มี
ประวัตกิ ารกัดเก่งมากมีอยู่ 2 รูปลกั ษณะด้วยกัน คือ

1. ปลากดั ทุ่ง มลี ักษณะของลําตัวปลาท่ีกลมยาว ครีบใหญ่ กระโดงใหญ่ ปลายหางรูปใบโพธิ์
ซึ่งเปน็ ที่ยอมรบั กนั ว่าเป็นปลาทปี่ ระวัติการกดั เป็นเลิศในบรรดาปลากัดทุ่งดว้ ยกัน

2. ปลากัดทุ่ง มีลักษณะรูปร่างเหมือนกัน แต่มีความแตกตางกันที่ปลายหางกลม ปลากัดทุ่ง
ชนดิ นี้กดั ได้รุ่นแรงมาก และมีประวัตกิ ารกดั เก่งพอใช้ได้เหมือนกนั เนือ่ งจากปลากัดทุ่งกัดได้ไม่ค่อยจะ
ทนนักนักเล่นปลากัดจึงไม่ค่อยจะนิยมเพาะพันธุระหว่างปลากัดทุ่งด้วยกันนัก แต่จะเอาไปผสมกับ
ปลากัดพันธุอื่นๆ ได้ลูกผสมในช่ือที่เรียกกันวา ลูกสังกะสี ซึ่งนักเล่นปลากัดเกาแกมักจะพูดกันวาลูก
ปลาสังกะสีนั้นเป็นปลากัดที่กัดได้คลองแคลวและมีความอดทนเป็นที่สองรองจากปลากัดหม้อหรือ
บางตวั อาจจะดกี ว่าปลากัดหม้อด้วยซ้ำไป

10

ภาพที่ 5 ปลากดั ลูกท่งุ
(ที่มา: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/biodiversity1.html)

การจำแนกเพศปลากัด

ปลากัดเพศผูแ้ ละเพศเมียมลี ักษณะภายนอกที่แสดงความแตกต่างกนั ซึ่งพอจะสังเกตได้หลาย
ประการ คอื

- สีของลำตัวปลาเพศผู้จะมีสีของลำตัวและครีบเข้มและสดกว่าปลาเพศเมียอย่างชัดเจน
เม่อื ปลามีอายตุ ง้ั แต่ 2 เดือนหรอื มีขนาดตง้ั แต่ 3 เซนตเิ มตรขึ้นไป

- ขนาดของตัว ปลาท่ีเลี้ยงในครอกเดียวกันปลาเพศผู้จะเจรญิ เติบโตเร็วกวา่ ปลาเพศเมยี
- ความยาวครีบ ปลาเพศผู้จะมีครีบหลัง ครีบหาง และครีบก้นยาวกว่าของปลาเพศเมีย

มาก ยกเวน้ ปลากดั หมอ้ จะยาวต่างกนั ไมม่ ากนัก
- เม็ดไข่นำ ปลาเพศเมียจะมีเม็ดหรือจุดขาวๆอยู่ 1 จุ ใกล้ๆกับช่องเปิดของช่อง

เพศ ลักษณะคลา้ ยกับไขข่ องปลากัดเองเรียกจุดนี้วา่ ไขน่ ำสว่ นปลาเพศผ้ไู ม่มี

11

ภาพที่ 6 แสดงความแตกตา่ งระหว่างเพศผู้(ซา้ ย)และเพศเมีย(ขวา)
(ท่มี า: https://home.kku.ac.th/pracha/Betta.htm#5)

บทที่ 2

ลกั ษณะของปลากดั

ลักษณะทีด่ ีของปลากัด

การดลู ักษณะปลากัดจะดเู ป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คอื สรี ูปทรงครีบและลาํ ตัวและกรยิ าอาการปลา
ท่ีสมบูรณ์มีลักษณะที่ดีจะตองมีอาการกระฉับกระเฉงมีสีสันสวยงามมีความสมดุลระหว่างขนาดและ
ลักษณะของครีบและลําตวั และมคี รบี ทไ่ี ดล้ กั ษณะสวยงาม ปลากัดมคี รบี เดี่ยว สามครีบ คอื ครีบหลัง
ครีบหาง และครีบก้น และมีครีบคู่สองคู่คือครีบท้องหรือทวนหรือตะเกียบ และครีบอกซึ่งอยู่ติด
บรเิ วณเหงือก

ครีบหาง เป็นครีบที่มีรูปแบบหลากหลายมากที่สุด รูปแบบโดยทั่วไปสำหรับปลาหางเดียว
อาจเป็นหางกลม หางครึ่งวงกลม หางรูปสามเหลี่ยม หางกลมปลายแหลม หางย้วย และหางรูปใบ
โพธิ์หางทุกแบบควรมีการกระจาย ของก้านครีบเท่ากัน ระหว่างส่วนบนและส่วนล่างของเส้นที่ลาก
ผ่านแนวขนานลําตัว หางควรแผ่เต็มสมบูรณ์ได้สัดส่วน ในกรณีของปลาหางคู่ลักษณะหางอาจเป็น
ลักษณะที่เชื่อมต่อกันจนปลายหางเกือบเป็นเส้นตรงหรือเว้าเล็กน้อยหรือเว้ามากเป็นรูปหัวใจ หรือ
หางแยกที่ซ้อนทับเกยกันหรือหางที่แยกจากกันเต็มที่โดยไม่ซ้อนทับ หรือเป็นหางที่เว้าลึกในระดับ
ต่างๆ แตย่ งั ไมแ่ ยกกนั เดด็ ขาด

ครีบกน ลักษณะครีบที่ดีควรจะมีขอบครีบส่วนหน้าและส่วนหลังขนานกันและค่อยๆโค้งไป
ทางด้านหลังขอบด้านหน้าและขอบด้านหลังจะต้องไม่เรียวแหลมเข้าหากัน ลักษณะที่ดีจะต้องแผ่
กว้างทำมุม และซอ้ นทับดเู ป็นเนอ้ื เดยี วกันกับครบี หางแต่ไม่เชอื่ มต่อกบั ครบี หาง

ครบี ทอ้ ง ลกั ษณะควรเหมือนใบมดี ทม่ี ดี า้ นคมอยู่ดา้ นหลังขอบด้านหน้าโค้งเข้าเล็กน้อยปลาย
แหลมครีบทั้งคู่ควรมีความยาวและขนาด เท่ากัน และไม่ไขว้กัน ครีบจะต้องไม่ส้ันหรือกว้างเกินไป
และไมย่ าวหรือแคบเกนิ ไป

ครบี อก ควรเป็นครีบทีส่ มบูรณกว้างและยาว

13

ภาพที่ 7 ปลากัดลักษณะทดี่ ีของปลากัด
(ทม่ี า: https://home.kku.ac.th/pracha/Betta.htm#1)

ลักษณะทไ่ี ม่ดีของปลากดั

ลักษณะที่ไม่ดีของปลากัดลำตัวบางยาวถือเป็นปลาที่ไม่แข็งแรง ปากเล็ก ปากบาง หัวสั้น
หวั งอนลงล่างเครอ่ื งมากท่เี รยี กว่า เคอื งแจ เคอื งเพชรหรอื หางเพชรไม้เท้าแพร คือ เป็นสีท่แี พรวพราว
เกนิ ไปแตถ่ ้าเป็นปลากดั พนั ธุ์หม้อหรือพนั ธุหางไมห่ ่างแก้มแทน่ หมายถึงเกล็ดที่แก้มเป็นแผ่นใหญ่และ
มสี ีแพรวพราว สวนมากมกั เป็นสีเขียว กระโดวสีแดง หรือที่เรียกวา โดงแดง สำหรบั ปลาลูกทุ่ง ลูกป่า
ถือเป็นลกั ษณะทีไ่ ม่ดีคอื เป็นปลาใจน้อยดังคำหา้ มทว่ี ่า ววั ลั่นดา ปลาโดงแดง อย่าแทงมาก แต่ถ้าเป็น
ปลาพนั ธุลูกหมอ้ หรือพันธุพนั ทางก็ไม่หา้ ม ตาโปนหรือตาถลนแววตาเหมือนตาแมวหรอื ตางสู ิง เคร่ือง
หนาหรือท่ีเรียกว่าเคร่ืองทึบเป็นปลาที่เคลื่อนไหวช้า ไม่ว่องไว ปราดเปรียว โคนหางหรือแป้นเลก็ มัก
เป็นปลาที่ไม่ค่อยมีกำลังสันหลังขาวที่เรียกว่า หลังเขียว เป็นปลาใจน้อยไม้เท้าสีขาวมากมักเป็นปลา
ไมเ้ ท้าออ่ นเป็นปลาท่ีไม่แข็งแรง และไม่มี นำ้ อดน้ำทน หางดอก คือ หางทีม่ จี ุดประทว่ั ไปในแพนหางสี
ของปลากัดลูกป่าดำเหมือนฐาน เรียกว่า ดำเกล็ดหายหรือดำเกล็ดจม เขียวอมดำ เรียกว่า เขียวดำ
เขียวคราม คือ เขียวอมน้ำเงนิ เขียวใหญ่ คือ สีเขียวแก่ทัง้ ตัวเขียวลูกหวาย คือ สีเขียวอมแดงเขียวผกั
ตบหรอื สีเขียวอ่อน คอื มีสเี ขยี วเหมือนสีใบผกั ตบ บางแห่งเรยี กว่า เขียวทึบฟองเป็นปลากดั ลูกทุ่งหรือ
ลกู ป่าชนิดเลวทสี่ ดุ คือมักไม่ชนะคู่ต่อสู้เลยกว็ ่าได้แดงปูนแห้ง หรอื เรยี กว่า สีมวนเช่ียนแดงอมดำ หรือ
ที่เรียกว่า สีลูกขรบ (ตะขบ) หมายถึง สีที่คล้ายกับสีผลตะขบสุกแดงก่ำ เป็นสีแดงแก่แต่มีเกล็ดสีเขียว
เล็กน้อยคล้ายผลระกำสุกแดงหมอตาย สีคล้ายกับสีปลาหมอตายเป็นสีแดงจางๆ ซีดๆ ขาวเป็นสีขาว
ใสจนเหน็ กระดูก เรยี กว่า ขาวเหน็ กา้ ง เป็นสขี องปลากัดทห่ี ายากทส่ี ุด

14

ลักษณะสขี องปลากดั

โดยสรุปสีของปลากัดที่เป็นมาตรฐานจะมีรูปแบบพื้นฐาน 5 รูปแบบ คือ สีเดี่ยว สองสี ลาย
ผีเสื้อ ลายหินออน และหลากสี

ปลากดั สีเดี่ยว
เป็นปลากัดที่มีสีเดียวทั้งลำตัวและครีบ และเป็นสีโทนเด่ียวกันท้ังหมดปลากัดสีเดียวแบ่ง
ออกเปน็ 2 กลมุ่ ใหญ่ๆ คอื ปลากัดสีเดี่ยวสีเข้ม และปลากดั สเี ด่ียวสอี ่อน และอาจ แบง่ เปน็ กลุ่มย่อยๆ
ลงไปได้อีกตามรายละเอียดของสีปลากัดสีเดียวที่สมบูรณจะตองไม่มีสีอื่นใดปะปนในสวนของลําตัว
และครบี เลยยกเว้นทด่ี วงตา และเหงอื ก

ภาพที่ 8 ปลากดั สเี ด่ียว (สเี ข้ม) ปลากัดสเี ดีย่ ว(สีออ่ น)
(ทีม่ า: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/character1.html)

ปลากัดสองสี
ลักษณะที่สำคัญของปลากัดสองสีคือลําตัวจะต้องมีสีเดียวและครีบทั้งหมดจะต้องมีสีเดียว
เช่นกันแตส่ ขี องครบี จะต้องตา่ งกบั สีของลําตวั ปลากัดสองสีอาจแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. ปลากัดสองสีชนิดลำตัวสีเข้มปลากัดสองสีชนิดน้ีจะมีลาํ ตัวสีเขมสีใดสีหน่ึง เช่น แดง ดำ

น้ำเงิน เขียวและครีบต้องเป็นสีเดียวที่เป็นสีอืน่ ที่ไม่เหมอื นสีของลำตัวโดยอาจเป็นสีเข้ม
อื่นๆ หรือเป็นสีออนก็ได้ลักษณะที่สำคัญของปลากดั สองสีลําตัวสีเขมท่ีดีคือมีสีลําตัวและ
สคี รบี ตดั กันชดั เจน และสีของลําตัวและสขี องครีบแยกกันตรงบริเวณท่ีครบี ต่อกับลำตวั
2. ปลากัดสองสีชนดิ ลำตัวสีอ่อนเป็นปลากดั ทีม่ ีลำตัวสีออนสีใดสีหนึ่งและมีครีบอีกสีหน่งึ ท่ี
แตกต่างจากสีของลําตัวอาจเป็นสอี ่อนหรือเข้มก็ไดล้ กั ษณะทส่ี ำคัญของปลากัดสองสี

15

3. ลำตัวสีอ่อนที่ดีคือสีลําตัวและสีครีบต้องตัดกันชัดเจนครีบที่มีสีเขมจะดีกว่าครีบสีอ่อนสี
ของลาํ ตัวและสีของครีบแยกกันตรงบรเิ วณส่วนต่อระหว่างครบี และลำตวั

ภาพท่ี 9 ปลากดั ครบี ยาวหางค่สู องสี ปลากัดครบี ส้ันหางคู่สองสี
(ที่มา: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/character1.html)

ปลากัดลายผีเสื้อ
ปลากัดลายผีเสื้อเป็นปลากัดทมี่ สี ีเป็นลวดลายรปู แบบเฉพาะทบี่ รเิ วณครบี โดยครีบจะมีสี
เป็นแถบๆ ขนานกับเส้นวงรอบลําตัวการพจิ ารณาลักษณะทีด่ ีของปลากดั ลายผีเสื้อจะพิจารณาทกี่ าร
ตดั กนั ของแถบสแี ละความคมของขอบสเี ป็นหลกั ไม่ใช่ดูทส่ี ีของลําตัวและครบี เหมือนทั่วๆไปปลากัดท่ี
มีสขี องครบี ซ่ึงแถบสีดา้ นในเป็นสีเหลืองและแถบด้านนอกเป็นสีเหลืองอ่อนจงึ ไม่จดั อยู่ในประเภทลาย
ผีเสอ้ื แนวของแถบสบี นครีบควรลากเป็นรปู ไขร่ อบตวั ปลาปลากัดลายผเี สื้อสามารถแบ่งออกได้เป็น 2
กลมุ่ ใหญๆ่ คือ
- ลายผเี สือ้ 2 แถบสคี รีบจะประกอบด้วยแถบสีที่ตัดกันชัดเจน 2 แถบ ลักษณะท่ดี ีแถบสีท้งั
สองควรจะมีความกว้างเทา่ กัน เป็นคนละคร่งึ ของความกว้างของครีบ
- ลายผเี สือ้ หลายแถบสีหมายถงึ ปลากดั ลายผีเส้ือทสี่ ขี องครีบมีตั้งแต่ 3 แถบข้ึนไปลกั ษณะที่
ดีความกว้างของแถบสีแตล่ ะแถบควรจะเทากับความกว้างของครบี หารด้วยจำนวนแถบสสี ขี องลําตวั
และสขี องครีบแถบแรกทอ่ี ยู่ชิดลำตวั อาจเป็นสีเดียว สองสลี ายหนิ อ่อนหรือหลากสีก็ได้

16

ภาพท่ี 10 ปลากัดครบี ยาวลายผเี สือ้
(ทม่ี า: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/character1.html)
ปลากัดลายหินอ่อน
ปลากัดลายหินอ่อนเปน็ ปลากัดในชุดของปลาท่ีมีสเี ปน็ ลวดลายรูปแบบเฉพาะ บริเวณครีบไม่
มีแถบสี ลำตวั จะมสี ีอื่นแต้มเป็นจดุ หรอื ลายกระจดั กระจายอยู่ท่วั ไปมองดูคลา้ ยลวดลายหนิ อ่อน ปลา
กัดลายหนิ อ่อนแบ่งออกเป็นชนิดหลักๆ 2 ชนิด คือ ปลากัดลายหินออ่ นธรรมดาซ่ึงไม่มีสีแดง เขียว น้ำ
เงนิ และเทาปน และปลากดั ลายหนิ ออ่ นสซี งึ่ มีสีแดง เขยี ว นำ้ เงิน และเทาปนอยู่

ภาพที่ 11 ปลากัดครีบยาวสองหางลายหนิ อ่อน ปลากดั ครีบสน้ั ลายหนิ ออ่ น
(ทม่ี า: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/character1.html)

17

ปลากดั หลายสี
เปน็ กลมุ่ ของปลากดั ที่มีสตี ้งั แต่ 2 สี ข้นึ ไปที่ไมจ่ ัดอยู่ในประเภทลวดลายทมี่ ีรปู แบบเฉพาะ
เช่น ลายผีเสอ้ื หรือลายหินอ่อน ลักษณะที่ดีคือลวดลายตอ้ งเดน่ และสีแตล่ ะสตี ้องตัดกันอยา่ งชดั เจน

ภาพท่ี 12 ปลากัดครบี ยาวสองหางหลากสี ปลากดั หางมงกุฏครีบยาวหลากสี
(ทมี่ า: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/character1.html)

บทที่ 3

การเพาะพนั ธุ์ปลากัด

การแพร่พันธุข์ องปลากัด

ในธรรมชาติปลากัดเป็นปลาที่วางไข่ได้เกือบตลอดปี โดยปลาจะจับคู่วางไข่ตามน้ำนิ่ง ปลา
เพศผู้จะทำหนา้ ทีส่ ร้างรงั ด้วยการก่อหวอดท่ีบริเวณผิวน้ำและจะติดอยู่ใต้ใบพันธุไ์ ม้น้ำชายฝ่ังหวอดนี้
ทำจากลมและน้ำลายจากตัวปลาโดยการที่ปลาเพศผู้จะโผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำแล้วใช้ปากฮุบเ อาอากาศที่
ผิวน้ำเข้าปากผสมกับน้ำลายแล้วพ่นออกมาเป็นฟองอากาศเล็กๆลอยติดกันเป็นกลุ่มทรงกลม
เส้นผ่าศนู ย์กลางประมาณ 5 เซนตเิ มตร จากนั้นจะกางครบี วา่ ยวนเวียนอยใู่ กลๆ้ หวอด เปน็ เชงิ ชวนให้
ปลาเพศเมียที่มีไข่แก่เข้ามาที่หวอด การผสมพันธุ์วางไข่จะเกิดขึ้นในช่วงเช้า เวลาประมาณ 7.00 -
8.00 น. โดยทั้งปลาเพศผู้และเพศเมียจะเข้าไปอยู่ใต้รัง จากนั้นปลาเพศผู้จะงอตัวรัดบริเวณท้องของ
ปลาเพศเมีย ลักษณะนี้เรียกว่า การรัด ปลาเพศเมียจะปล่อยไข่ออกมาครั้งละ 7 - 20 ฟองใน
ขณะเดียวกนั ปลาเพศผจู้ ะปลอ่ ยนำ้ เช้ือเข้าผสมกบั ไข่ ในชว่ งนีท้ ั้งปลาเพศผูแ้ ละเพศเมยี จะค่อยๆจมลง
สู่ก้นบ่อ จากนั้นปลาเพศผู้จะค่อยๆคลายการรัดตัว แล้วรีบว่ายน้ำไปหาไข่ที่กำลังจมลงสู่พื้น ใช้ปาก
อมไข่นำไปพ่นติดไว้ทีห่ วอด ปลาเพศเมียก็จะช่วยเกบ็ ไข่ไปไว้ทีห่ วอดด้วย เมื่อตรวจดูวา่ เก็บไข่ไปไว้ที่
หวอดหมดแลว้ จากน้ันปลาก็จะทำการรัดตัวกนั ใหมท่ ำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆจนแม่ปลาไขห่ มดท้องซ่ึงจะใช้
เวลาประมาณ 2 ช่วั โมง เมื่อวางไข่หมดแลว้ ปลาเพศผู้จะไล่กดั ขับไล่ปลาเพศเมียไม่ให้มาใกล้รังอีกเลย
เพราะเมื่อปลาเพศเมียวางไข่หมดแล้วมักจะกินไข่ของตัวเองจะมีเฉพาะปลาเพศผู้เท่านั้นที่คอยดูแล
รักษาไข่คอยไล่ไม่ให้ปลาตัวอื่นเข้าใกล้รังและจะคอยเปลี่ยนลมในหวอดอยู่เสมอไข่ของปลากัดจัดว่า
เป็นไข่ประเภทไข่ลอยถึงแม้ตอนปล่อยจากแม่ปลาใหม่ๆไข่จะจมน้ำแต่เมื่อถูกนำไปไว้ในหวอดจะ
พัฒนาเกิดหยดน้ำมันและลอยนำ้ ได้ดีลักษณะไข่เป็นเมด็ กลมสีขาวใช้เวลาในการฟักตัวประมาณ 30 -
40 ชั่วโมง ปลาเพศเมียที่มีขนาดความยาวประมาณ 4 - 6 ซม. จะมีไข่ประมาณ 300-700 ฟอง เม่ือ
วางไข่ไปแล้วจะสามารถวางไขค่ รงั้ ต่อไปภายในเวลาประมาณ 20 - 30 วัน

19

การเพาะพันธุ์ปลากดั

การเพาะพนั ธ์ปุ ลากดั ดำเนินไดต้ ามขน้ั ตอนต่อไปนี้

การเตรยี มพอ่ แม่พนั ธ์ุ

ปลากัดจะสมบูรณ์เพศเมอ่ื อายุ 4 - 6 เดือน สามารถนำไปใช้เป็นพ่อแม่พันธ์ไุ ด้การเลือกปลา
เพศผู้ควรเลือกปลาที่คึกคะนองคือเมื่อนำปลาดังกล่าวไปใกล้กับปลาเพศผู้ตัวอื่นก็จะแสดงอาการ
ก้าวร้าวทันที่โดยจะกางกระพุ้งแก้มและกางครบี รี่เข้าหาปลาตัวอื่นทันทีพรอ้ มที่จะกัดหรืออาจสังเกต
จากการสร้างหวอดก็ได้เพราะปลาเพศผู้ที่สมบูรณ์เพศและพร้อมจะผสมพันธุ์มักจะสร้างหวอดใน
ภาชนะทเ่ี ล้ยี งเสมอสำหรบั ปลาเพศเมยี ควรเลือกปลาท่ีมีท้องแก่คือมีไข่แก่เต็มทโี่ ดยสังเกตได้จากส่วน
ท้องของปลาซึ่งจะขยายตัวพองออกอย่างชัดเจนและเมื่อลองให้อดอาหารเป็นเวลา 1 วัน ส่วนท้องก็
ยังคงขยายอยู่เช่นเดิมนำแม่ปลาที่เลือกได้ไปใส่ขวดแล้วนำไปวางเทียบกับปลาเพศผู้เมื่อปลาเพศผู้
แสดงอาการเกี้ยวพาราสีปลาเพศเมียท่ีท้องแก่จะเกิดลายสขี าวแกมเหลืองพาดจากส่วนหลงั ลงไปทาง
ส่วนท้องจำนวน 4-6 แถบ ในเรื่องสีสันของปลานั้นสามารถเลือกได้ตามความชอบของผู้ดำเนินการ
เพราะปลาสตี า่ งกันสามารถผสมกนั ได้

การเทยี บพ่อแมพ่ ันธ์ุ

เมื่อเลือกได้ปลาเพศผู้และเพศเมียที่สมบูรณ์มีลักษณะและสีสันตามต้องการแล้ว นำปลาใส่
ขวดแก้วใสขวดละตัวแยกเพศกันไว้ก่อนแล้วนำมาตั้งเทียบกันไว้โดยการวางขวดใส่ปลาให้ชิดกันและ
ไม่ต้อมีกระดาษปิดคั่นต้องการปลอ่ ยให้ปลามองเห็นกันลกั ษณะเช่นนี้เรียกว่า การเทียบ ควรเทียบไว้
นานประมาณ 4 - 7 วัน เพอื่ ให้ปลาเกิดความเคยชินซงึ่ กันและกนั เมื่อปลอ่ ยลงบอ่ เพาะแม่ปลาจะไม่
ถูกพ่อปลาทำรา้ ยมากนัก ในขณะเดียวกนั แมป่ ลากจ็ ะมไี ขแ่ กเ่ ต็มที่

การเตรียมบ่อเพาะพันธุ์

บ่อหรือภาชนะที่จะใช้เป็นบ่อเพาะปลากัดควรมีขนาดเล็กส่วนมากนิยมใช้ภาชนะต่างๆไม่มี
บ่อถาวร เช่น อ่างดินเผากะละมังถังหรือตุ่มน้ำขนาดเล็กเพราะสะดวกกว่าการเพาะในบ่อภาชนะ
ดังกล่าวมักมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30-40 เซนติเมตรใส่น้ำสะอาดลงในภาชนะที่เตรียมไว้ให้มี
ระดับสูงประมาณ 10 - 15 เซนติเมตร จากนั้นใส่พันธุ์ไม้น้ำที่มีใบหรือลำต้นอยู่ผิวน้ำ เช่น
จอก ผกั ตบชวา ผักบุ้ง หรือผกั กระเฉดลงไปบา้ งเล็กน้อยเพอื่ ใหป้ ลาสรา้ งหวอดได้ง่าย

20

การปลอ่ ยปลาลงบอ่ เพาะ

เมื่อเทียบปลาไว้เรียบร้อยแล้วจึงปล่อยปลาทั้งคู่ลงบ่อเพาะที่เตรียมไว้ ต้องพยายามอย่าให้
ปลาตื่นตกใจมากนักจากนั้นหาแผ่นวัสดุ เช่น กระดาษแข็ง หรือแผ่นกระเบื้อง ปิดบนภาชนะที่ใช้
เพาะ โดยปิดไว้ประมาณ 2 ใน 3 ของพื้นที่ปากภาชนะเพราะปลากัดมักชอบวางไข่ในบริเวณที่มืด
เนื่องจากต้องการความเงียบสงบวสั ดุทีน่ ำมาปิดจะสามารถชว่ ยบังแสงและกันลมไม่ให้หวอดของปลา
แตกเทคนิคที่สำคัญคือการปล่อยพ่อแม่ปลาควรปล่อยในตอนเย็นเวลาประมาณ 17.00 -
18.00 น. เพราะโดยปกติแล้วเมื่อปล่อยพ่อแม่ปลารวมกันปลาเพศผู้จะเกี้ยวพาราสีปลาเพศเมียโดย
ว่ายน้ำต้อนหน้าต้อนหลังอยู่ประมาณ 5 นาทีจากนั้นจะไล่กัดปลาเพศเมียจนปลาเพศเมียจะต้องหนี
ไปแอบซุกอยู่ตามพันธุ์ไม้น้ำ แล้วปลาเพศผู้จะเริ่มหาที่ก่อหวอด เมื่อก่อหวอดไปพักหนึ่งก็จะไปไล่กัด
ปลาเพศเมียอีก ดังนั้นหากปล่อยปลาทั้งคู่ตั้งแต่เช้าปลาเพศเมียก็จะถูกกัดค่อนข้างบอบช้ำ แต่ถ้า
ปล่อยใกล้ค่ำเมือ่ ปลาเพศผู้หาจุดสร้างรังได้ก็จะค่ำพอดี ปลาเพศผู้จะไม่ไปรบกวนปลาเพศเมียอีก แต่
จะสร้างรังไปจนเรยี บร้อย รงุ่ เช้าก็พรอ้ มจะผสมพันธุไ์ ด้

การตรวจสอบการวางไข่ของปลา

ตามปกติแล้วถ้าปลามีการวางไข่ก็มักจะวางไข่เสร็จก่อนเวลาประมาณ 10.00 น. ดังนั้นเม่ือ
ปล่อยปลาลงบ่อเพาะแล้วเช้าวันต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. จึงค่อยๆลองแง้มฝาปิดดูถ้าพบว่ามีไข่
เม็ดเล็กๆสีขาวอยู่ที่หวอด และมีพ่อปลาคอยเฝ้าอยู่ส่วนแม่ปลาหนีไปซุกอยู่ด้านตรงข้ามกับหวอด
แสดงว่าปลาวางไข่เรียบร้อยแล้วค่อยๆช้อนแม่ปลาออกไปเลี้ยงต่อไปปลาเพศผู้จะคอยดูแลรักษาไข่
โดยหมั่นเปลี่ยนฟองอากาศในหวอดและตกแต่งหวอดให้คงรูปอยู่เสมอนอกจากนั้นยังคอยเก็บกินไข่
เสยี ดว้ ย

การอนุบาลลูกปลากดั

ลูกปลาจะฟกั ออกจากไขห่ มดทุกฟองในวันท่ีสองหลังจากวางไข่พอ่ ปลาจะคอยดูแลลูกที่ว่าย
น้ำแลว้ จมไปก้นบอ่ โดยจะไปอมลกู กลบั มาไวท้ ี่หวอดเชน่ เดิมรอจนตอนเยน็ ของวันถัดไปจึงช้อนเอาพ่อ
ปลาออกลูกปลาจะตกใจกระจายตัวออกจากหวอดส่วนใหญ่ลงไปก้นบ่อแต่เมื่อรอสักครู่ก็จะพุ่งตัว
ขึ้นมาเกาะอยู่ตามพันธุ์ไม้น้ำหรือผนงั บ่อใกล้ผิวนำ้ ในวนั ต่อมาถุงอาหารของลูกปลาจะหมดไปลูกปลา
จะเริ่มวา่ ยน้ำเพือ่ หากินอาหาร

การอนุบาลลูกปลากัดจะเริ่มจากที่ลูกปลาเริ่มหากินอาหารซึ่งการอนุบาลลูกปลากัดนี้จัดว่า
เป็นงานทคี่ ่อนข้างยากเน่ืองจากปลากัดเปน็ ปลากินเน้ือตามท่ีกล่าวมาแล้วลูกปลาจึงต้องการอาหารที่

21

มชี วี ติ แต่ปญั หาจะอย่ทู ี่วา่ ลูกปลากดั เป็นลกู ปลาทีม่ ขี นาดค่อนข้างเล็กปากจะไม่ใหญ่พอที่จะจับกินอาร์
ทเี มยี หรือไรแดงไดอ้ าหารที่เหมาะสมจะใช้ใหล้ ูกปลากินในช่วงน้คี ือไข่แดงโดยใชไ้ ข่ไกห่ รือไขเ่ ป็ดมาต้ม
ให้สุกแล้วแกะเอาเฉพาะไข่แดงไปเลี้ยงปลาเนื่องจากลูกปลากัดจะต้องการจับกินอาหารมีชีวิตยังไม่
สามารถกัดแทะอาหารได้ดังนั้นต้องนำเอาไข่แดงที่จะใช้ เช่น ลูกปลากัด 1 ครอกจะใช้ไข่แดงขนาด
เท่าเมด็ ถว่ั ดำต่อการให้ 1 ครง้ั ใสไ่ ขแ่ ดงลงในกระชอนผ้าแล้ววางกระชอนลงบนขนั หรือแก้วที่ใส่น้ำไว้
พอประมาณแล้วใช้นิ้วขยีไ้ ข่ในกระชอนไข่แดงก็จะละลายหรือกระจายตัวเป็นเม็ดเล็กๆผ่านผ้าออกไป
ในน้ำจากนั้นจึงใชช้ ้อนตักแลว้ ค่อยๆรินลงบ่อปลาเพ่ือให้อาหารมีการกระจายตวั ท่ัวบ่อซ่ึงจากการท่ีได้
ขยี้ไข่แดงผ่านผ้าจะทำให้ไขแ่ ดงแตกตัวออกเป็นเม็ดขนาดเล็กมากและมีน้ำหนักคอ่ นข้างเบาดังนัน้ จะ
มีการกระจายตวั ไดด้ ีและจะค่อยๆจมตัวลงทำให้ลกู ปลานึกว่าเป็นไรน้ำกจ็ ะฮุบกนิ ไขแ่ ดงได้

สำหรับภาชนะที่ใช้ในการอนุบาลในช่วงแรกก็ควรยังเป็นภาชนะที่ใช้เพาะปลาเพราะยัง
ตอ้ งการภาชนะขนาดเล็กอยเู่ นื่องจากการใช้ไข่แดงเปน็ อาหารน้ันลกู ปลาจะกินไข่แดงไมห่ มดเพราะไข่
แดงส่วนใหญ่จะค่อยๆจมตัวตกตะกอนที่ก้นภาชนะและลูกปลาจะไม่ลงไปเก็บกินอีกเลยไข่แดงที่
ตกตะกอนนี้ในวันต่อไปจะบูดเน่าเป็นเมือกอยู่รอบก้นภาชนะ จึงจำเป็นต้องล้างบ่ออนุบาลหรือ
ภาชนะทใี่ ชอ้ นุบาลทุกเช้าซง่ึ กระทำไดไ้ มย่ าก คอื ใช้กระชอนวางลงในบอ่ อนบุ าลแล้วใชข้ นั ค่อยๆวิดน้ำ
ออกจากในกระชอนจะสามารถลดน้ำลงได้โดยลูกปลาไม่ติดออกมาและเศษไข่ก็จะไม่ฟุ้งกระจาย
เพราะเป็นเมือกเกาะติดกับภาชนะลดน้ำลงประมาณครึ่งภาชนะแล้วจึงยกภาชนะคอ่ ยๆรนิ ท้ังนำ้ และ
ลูกปลาลงภาชนะใหม่แล้วเติมน้ำจะเท่ากับเป็นการล้างบ่ออนุบาลและเติมน้ำใหม่ให้ลูกปลาทำเช่นนี้
ประมาณ 3 - 5 วัน ลูกปลาจะมีขนาดโตขึ้นจะเปลี่ยนบ่ออนุบาลให้มีขนาดให้มีขนาดใหญ่ขึ้นอาจใช้
กะละมังพลาสติกขนาดใหญ่หรืออ่างซีเมนต์และควรอนุบาลต่อโดยใช้อาร์ทีเมียหรือไรแดงซึ่งลูกปลา
จะจับกินได้แล้ว เลย้ี งด้วยอาร์ทเี มียหรือไรแดงประมาณ 15 - 20 วนั พรอ้ มทั้งถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ
ลูกปลาจะโตได้ขนาดประมาณ 1.0 - 1.5 เซนติเมตร ก็จะเปลี่ยนลงบ่อบ่ออนุบาลให้มีขนาดใหญ่ข้ึน
ใหม้ ีความจมุ ากกว่า 100 ลติ ร แลว้ เร่ิมฝึกให้ลูกปลากนิ อาหารสมทบโดยจะใช้ไขต่ ุ๋นคือนำไข่เป็ดหรือ
ไข่ไก่มาตีให้ไข่ขาวและไข่แดงเข้ากันดีใส่เกลือและใส่น้ำพอประมาณเพื่อให้ไข่นุ่มจากนั้นนำไปนึ่งพอ
สุกไม่ควรนึ่งนานนักเพราะต้องการให้ไข่มีความนุ่มนำไปใส่ให้ปลากินโดยใช้นิ้วขยี้ไข่ให้แตกกระจาย
ออกพอควร และเรม่ิ ใหม้ ้ือเช้าแทนการให้ไรปลาจะเรม่ิ ตอดกินไดเ้ องเล้ียงดว้ ยไข่ตุ๋นประมาณ 10 วันก็
เปลี่ยนมาเป็นอาหารเม็ดโดยช่วงแรกควรใช้อาหารปลาสวยงามชนิดเม็ดเล็กพิเศษซึ่งค่อนข้างมีราคา
แพงแต่ปลาจะกินได้ดีจะใช้เพียง 3 - 5 วัน แล้วเปลี่ยนเป็นอาหารเม็ดเลี้ยงปลาดุกเล็กลูกปลาก็จะ

22

สามารถตอดกินและเจริญเติบโตดีใช้เวลาอนุบาลลูกปลาประมาณ 50 วัน ลูกปลาจะมีขนาด
ประมาณ 3 เซนติเมตร ซงึ่ พอจะสามารถแยกเพศได้

ภาพท่ี 13 แสดงลักษณะลูกปลากดั ที่เร่ิมฟักตวั จะลอยตวั อยู่ใกลผ้ ิวนำ้ โดยมีปลาเพศผู้คอย
ดแู ล

(ท่ีมา: https://home.kku.ac.th/pracha/Betta.htm#5)

ภาพท่ี 14 แสดงลักษณะบ่ออนบุ าลลกู ปลากัดในบ่อซเิ มน
(ท่มี า: https://home.kku.ac.th/pracha/Betta.htm#5)

23

ภาพที่ 15 การขยี้ไข่ตุ๋นผา่ นผ้าไนล่อนเพื่อใชเ้ ป็นอาหารเล้ียงลูกปลาแทนอาหารมีชวี ิตขย้ีผา่ น
ครง้ั แรกแล้วเทกลบั ลงบนไนล่อน ขยี้ผา่ นอีกครง้ั จะทำใหไ้ ด้ไข่ต๋นุ เป็นเม็ดเลก็ ๆ
(ทม่ี า: https://home.kku.ac.th/pracha/Betta.htm#5)

ภาพท่ี 16 เมื่อลกู ปลาเคยชนิ กับการกินไข่ตุน๋ แล้ว กใ็ หเ้ ปน็ ก้อนปลาจะค่อยๆเข้ามารมุ ล้อม
แทะกินไข่ตนุ๋

(ทม่ี า: https://home.kku.ac.th/pracha/Betta.htm#5)

24

การเล้ียงปลากัด
บ่อเล้ยี งปลากดั ถา้ เป็นบ่อดนิ ควรมขี นาด 10 - 30 ตารางเมตร ถ้าเป็นบ่อซเี มนต์ควรมี

ขนาด 2 - 6 ตารางเมตร มีความลกึ ประมาณ 50 - 60 เซนตเิ มตร คัดแยกลกู ปลาจากบ่ออนุบาลโดย
คัดเอาเฉพาะปลาเพศผมู้ าเลี้ยงเน่อื งจากปลาเพศผู้เป็นที่ต้องการของตลาดมากกวา่ และราคาสูงกวา่
ปลาเพศเมยี มากปล่อยเลี้ยงในอตั รา 150 - 200 ตัว ตอ่ เนื้อที่ 1 ตารางเมตรสำหรับบ่อดินและ
อตั รา 100 - 150 ตวั ต่อเนือ้ ท่ี 1 ตารางเมตรสำหรบั บ่อซีเมนตแ์ ลว้ เลย้ี งด้วยอาหารเม็ดลอยน้ำ
นอกจากนนั้ ควรใส่พรรณไมน้ ้ำพวกสาหรา่ ยและสันตะวาเพ่ือปอ้ งกันการทำอนั ตรายจากปลาดว้ ย
กนั เองใช้เวลาเลี้ยงอกี ประมาณ 50 -60 วัน ปลาจะมีขนาดประมาณ 5 เซนติเมตร สามารถคัดแยก
ใส่ขวดเพ่ือรอจำหนา่ ยต่อไป

บทที่ 4
โรคของปลากดั และวธิ กี ารรกั ษา

โรคของปลากดั และวธิ ีการรกั ษา

การเลี้ยงปลากดั เอาไวด้ เู ล่นหรือเพื่อเป็นธุรกิจยอ่ มมักประสบปัญหาเกีย่ วกับการเกิดโรคของ
ปลา เช่น เดียวกันตามปกติแล้วปลากัดเป็นปลาที่อดทนและสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี
หากเลีย้ งได้อย่างถูกวธิ ีแล้วมักไม่ค่อยเป็นโรค โรคที่พบในปลากัดมกั ไม่ค่อยมีอาการรนุ แรงถงึ ขนาดทำ
ให้ปลาตายได้ ดังนั้นหากว่าผู้เลี้ยงทราบถึงสาเหตุและอาการของโรคที่เกิดขึ้นก็สามารถหาวิธีปอ้ งกัน
และรกั ษาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งการรักษาปลากดั ท่ีเป็นโรคจะแบ่งออกเปน็ 2 ข้นั ตอน คอื

1. การแยกปลากัดที่ป่วยออกจากกัน ถ้าพบว่าปลากัดตัวหนึ่ง หรือมากกว่าหนึ่งมีอาการ
ป่วย ใหท้ ำการคดั แยกปลาป่วยออกมาใส่ภาชนะใหม่ เพ่อื รอการรักษาต่อไป ส่วนวัสดุอุปกรณ์ท่ีใช้คัด
แยกปลาที่ปว่ ย ควรทำความสะอาด หรือฆ่าเช้อื ทกุ ครง้ั หลงั ใชง้ าน รวมท้งั ทำความสะอาดอวยั วะต่างๆ
ของผูเ้ ล้ียง เพ่อื ปอ้ งกนั การแพรก่ ระจายของโรคไปยงั บ่ออน่ื ๆ

ภาพท่ี 18 ปลาท่เี ล้ียงรวมกันถ้าเป็นโรคต้องคดั ออกทนั ที ปลาทปี่ ่วยเปน็ โรค
(ที่มา: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/disease.html)

26

2. การพิจารณาโรคและการรักษา หลังจากคัดแยกปลากัดที่ป่วยออกมาแล้ว ให้พิจารณา
อาการของปลา โดยดูจากลักษณะภายนอกว่ามีลักษณะอย่างไรสาเหตุของโรคมาจากอะไรและจะทำ
การรักษาวิธีไหนตลอดจนจะป้องกันโรคได้อย่างไร เมื่อพิจารณาแล้วก็ดำเนินการวางแผนการรักษา
ตอ่ ไป

โรคท่มี ักพบได้บ่อยในปลากัดมอี ยู่หลายโรคด้วยกัน แต่ละโรคมักมสี าเหตทุ ่แี ตกต่างกนั ไป บางโรค
อาจเกิดจากเช้อื แบคทเี รยี บางโรคอาจเกิดจากเช้อื รา และบางโรคอาจเกิดจากปรสติ ภายนอก ดงั น้นั
เราควรมาร้จู ักโรคท่สี ำคญั ๆเหลา่ น้ี คอื

1. โรคไฟลามทงุ่ เป็นโรคท่ตี ิดต่อกนั ไดเ้ รว็ ทสี่ ดุ ใชร้ ะยะเวลาเพยี ง 2 -3 วนั ก็จะติดต่อกัน
หมด
- ลกั ษณะอาการ เป็นแผลบรเิ วณโคนครีบหางครีบหแู ละครีบทอ้ ง ขอบแผลจะมลี ักษณะเป็นรอยช้ำ
แดง และเปน็ เสน้ ปุยสขี าวเกล็ดของปลาจะพองปลาทเี่ ป็นโรคจะลอยตัวอยูบ่ รเิ วณผิวน้ำ
- การป้องกันรักษา ให้รบี ชอ้ นปลาที่เปน็ แผลออกทนั ทีส่วนปลาทเี่ หลืออยู่้ใช้ตน้ หญ้าไทรทต่ี ากแดด
หมาดๆนำมาใสใ่ นบอ่ เลี้ยงให้มปี รมิ าณมากพอทจ่ี ะทำให้นำ้ มีสีเข้ม และเปน็ ฝา้ เลก็ น้อย แชป่ ลากดั ไว้
ประมาณ 5 – 7 วันคล้ายกับการหมกั ปลากดั เม่ือแผลของปลากัดหายแลว้ ใหย้ า้ ยปลากัดไปเลยี้ งในตู้
หรอื อ่างใหม่ท่ีใสห่ ญา้ ไทรเลก็ นอ้ ยพอให้เกิดเป็นสีชาปลากัดท่ีเล้ยี งจะค่อยๆแข็งแรงและหายเปน็ ปกต

ภาพที่ 19 โรคไฟลามทงุ่ โรคไฟลามทุ่งทำให้ปลาตวั ด่างครีบกรอ่ น
(ทมี่ า: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/disease.html)

27

2. โรคปากดำ เปน็ โรคทร่ี ักษาไม่หาย ปลากดั ท่เี ปน็ โรคปากดำจะนำไปกัดไม่ได้ ท้ังนเ้ี พราะ
ปลากดั ใช้ปากในการต่อสูถ้ ้าปากของปลากดั เจ็บก็ไมส่ ามารถตอ่ สู้กับศัตรไู ด้
- ลกั ษณะอาการ ปลากัดทเ่ี ป็นโรคปากดำ ขอบปากดา้ นบนจะมขี อบหนามากผดิ ปกติ และจะมสี ดี ำ
เพ่มิ ข้ึนมาเร่ือย ๆ
- การปอ้ งกนั รักษา แม้วา่ โรคปากดำเป็นโรคที่ไมร่ า้ ยแรง แต่โรคนี้ยงั ไม่มีทางรักษา ดงั นั้นเม่อื พบวา่
ปลากัดที่เล้ยี งเป็นโรคปากดำให้ตกั ท้งิ อย่าเสยี ดาย เพราะมิฉะน้นั จะทำให้ปลากดั ตวั อนื่ ติดโรคนไี้ ป
ดว้ ย

3. โรคปากเปือ่ ย จัดเป็นโรคทรี่ า้ ยแรงชนดิ หนง่ึ ของปลากัด โรคนรี้ กั ษาไม่หาย ดงั นนั้ ถ้า
พบว่าปลากดั เป็นโรคปากเป่ือยตอ้ งแยกออกทันที
- ลกั ษณะอาการ เร่มิ จากขอบปากเป็นแผลสีขาวและลักษณะเปน็ ขยุ เสน้ เลก็ ๆ ปลากดั ท่เี ปน็ โรค
ปากเปอื่ ยจะไม่ค่อยวา่ ยนำ้ และมกั ลอยตัวอยบู่ รเิ วณผวิ นำ้ เฉยๆ
- การป้องกันรักษา เน่ืองจากโรคนี้ไม่มที างรักษา ถ้าพบวา่ ปลากัดเปน็ โรคชนดิ นค้ี วรรบี แยกออกทันที

ภาพที่ 20 โรคปากเป่ือย ปากเป่ือย/ปากดำ
(ทม่ี า: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/disease.html)

4. โรคท้องมาน เปน็ โรคที่อาจทำให้ผเู้ พาะเล้ียงปลาเข้าใจผดิ คดิ วา่ ปลาตงั้ ท้องเพราะสว่ น
ท้องของปลากัด
จะพองออก โรคท้องมานอาจเกิดจากการท่ปี ลากดั ตดิ เชือ้ ภายในชอ่ งท้องและมีอาการอกั เสบ
- ลกั ษณะอาการ ปลากัดมีลักษณะท้องโตเน่อื งจากการติดเช้อื ภายในช่องท้องจนทำให้ท้องมีขนาดโต
ผิดปกติ

28

- การปอ้ งกันรักษา ผู้เล้ียงบางรายใชว้ ิธีเอาดเี กลอื 1 ช้อนชา ผสมกบั น้ำ 1.5 ลิตร จากนั้นจงึ จบั ปลา
กัดลงแช่
1-2 วนั อาการจะทเุ ลาลง

ภาพที่ 21 โรคท้องมาน
(ทมี่ า: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/disease.html)

5. โรคปลาตัวสัน่ ปลาท่เี ปน็ โรคจะมีอาการสัน่ สาเหตุเกิดจากน้ำท่ใี ชเ้ ลยี้ งสกปรกมแี บคทีเรีย
ปะปนอยู่มากหรือเกิดจากอุณหภมู ขิ องนำ้ เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว
- ลกั ษณะอาการ ปลาทีเ่ ป็นโรคนี้จะมีอาการตวั สัน่ และวา่ ยน้ำผดิ ปกติ
- การป้องกนั รักษา ใหเ้ ปลยี่ นนำ้ ท่ีใชเ้ ล้ียงปลาโดยทอ่ี ุณหภูมนิ ำ้ ท่ีเปลย่ี นใหมต่ ้องไมแ่ ตกตา่ งจากน้ำที่
อยใู่ นตู้เลย้ี งเดิมมากเกนิ ไป แลว้ เติมเกลือลงในน้ำท่ใี ชเ้ ลยี้ งปลาอัตราส่วน 2 ช้อนชาตอ่ น้ำ 5 ลติ ร
เพอ่ื ใหเ้ กลอื ไปฆ่าเช้อื แบคทีเรียเล็กๆท่อี ยู่ในน้ำให้ลดจำนวนลง

6. โรคที่เกดิ จากเชอ้ื รา โดยปกตแิ ลว้ เชอื้ ราไม่ใชส่ าเหตทุ แี่ ทจ้ รงิ ของโรคสาเหตุของโรค
เนือ่ งจากปลาได้รับความบอบชำ้
- ลักษณะอาการ เหน็ ปยุ ขาวคล้ายสำลีในบริเวณทเ่ี ปน็ โรค ปลามอี าการซมึ ไมว่ ่ายนำ้ หยุดกินอาหาร
ปลากดั สีซดี
- การปอ้ งกันรักษา ใช้มาลาไคท์กรีนเข้มข้น 0.1-0.25 ส่วนในล้านส่วน รว่ มกับฟอรม์ าลนี 25 ส่วนใน
ลา้ นส่วน
แช่ปลานาน 3 วนั

29

ภาพที่ 22 โรคท่ีเกดิ จากเช้ือรา มีอาการท้องบวม
(ทม่ี า: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/disease.html)
7. โรคหางและครบี เปื่อย เปน็ โรคท่ีพบอยเู่ สมอสาเหตุเกดิ จากนำ้ ทใี่ ช้เล้ยี งสกปรกมีตะกอน
หรือเศษอาหารเหลือและทับถมอยู่ทก่ี น้ บ่อทำให้เปน็ แหล่งสะสมของเชื้อโรค
- ลักษณะอาการ ปลาจะเร่ิมเปอื่ ยบริเวณครีบต่างๆก่อนแล้วค่อยๆลกุ ลามเขา้ ไปจนถงึ ตวั ปลาโรคนเ้ี กิด
จากเชื้อแบคทเี รยี ดังน้ันถ้าปลาเป็นโรคน้ีแล้วจะทำใหค้ รีบต่างๆ ของปลาเสยี หายไมส่ วยงาม
- การปอ้ งกนั รักษา ใชย้ าปฏิชีวนะในการรกั ษาในอัตราส่วน 1-2 กรัมตอ่ น้ำ 1,000 ลิตร แชป่ ลานาน
ประมาณ 2-3 วนั ยาปฏิชีวนะทีใ่ ช้ ได้แก่ ออกซเี ตตรา้ ไซคลิน ไนโตรฟรู าโซน เปน็ ตน้

ภาพท่ี 23 หางและครบี เป่ือย หาง และครบี เปื่อย
(ทมี่ า: https://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting-fish/disease.html)

บรรณานุกรม

บ้านและสวน. (2564). ปลากดั จอ้ งตากันแล้วทอ้ งจริงหรือ. สบื ค้นเม่อื 5 มีนาคม 2565, จาก
https://www.baanlaesuan.com/218700/pets/lifestyle-pets/siamese-fighting-
fish.

ปลากดั ไทย. [ม.ป.ป.]. สืบคน้ เมื่อ 5 มีนาคม 2565, จาก
tps://il.mahidol.ac.th/e-media/siam-fighting- fish/character1.html.

ประภาส โฉลกพนั ธร์ ัตน์. [ม.ป.ป.]. การเพาะเล้ยี งปลากดั . สืบค้นเมื่อ 5 มีนาคม 2565, จาก
https://home.kku.ac.th/pracha/Betta.htm#6.

ประวตั ิปลากดั ไทย. [ม.ป.ป.]. สบื คน้ เมื่อ 5 มีนาคม 2565, จาก
https://www.taiwod.com/.

ปลากดั ไทยมัจฉานกั สผู้ ลู้ ำ้ คา่ สง่างาม. [ม.ป.ป.]. สืบคน้ เมอื่ 5 มีนาคม 2565, จาก
https://ngthai.com/animals/33006/thai-betta-fish/.

ปลากดั สวยงาม. [ม.ป.ป.]. สบื คน้ เมือ่ 5 มีนาคม 2565, จาก https://plakadsiam.com/.
พุ่มสุวรรณ. (2544). ปลาพืน้ บ้านของไทย. พมิ พค์ รง้ั ท่ี 3. กรงุ เทพฯ: นานมีบุ๊ค. (196).
วรญั ญา วรรณราช. (2563). การประมงอิเลก็ ทรอนกิ ส.์ วารสารปลากดั , 63(7), 1-8.
สำนกั งานประมงจังหวัดสระแกว้ . (2565). ปลากดั สตั วน์ ้ำประจำชาติ. สืบค้นเมือ่ 9 มีนาคม

2565, จาก https://www4.fisheries.go.th/dof/news_local/17/129541.
สิทธศิ กั ดิ์ นนั ทเทิม. (2556). มหศั จรรย์ปลากดั ไทย. [ม.ป.ท.]: [ม.ป.พ.].
สถาบนั วจิ ยั สตั ว์นำ้ และพันธไ์ุ มน้ ้ำ และคณะ. (2559). มาตรฐานปลากัดสวยงาม. นนทบรุ ี:

วนิดาการพิมพ์.


Click to View FlipBook Version